• สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด
    .
    หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์
    .
    ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง
    .
    ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย
    .
    แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง
    .
    มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น
    .
    ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
    .
    ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย
    .
    ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด
    .
    อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้
    .
    เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป
    .
    การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น
    .
    นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา
    .
    มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ
    .
    ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระหว่างอเมริกากับหุ้นส่วนเศรษฐกิจและคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด 3 ชาติยิ่งบานปลายขยายตัว หลังจากทรัมป์ยืนยันว่ามาตรการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรที่เงื้อง่าอยู่ เริ่มมีผลบังคับใช้กับแคนาดา เม็กซิโก และจีนแน่นอนส่งผลให้ปักกิ่งและออตตาวาประกาศตอบโต้แบบทันควัน ขณะที่เม็กซิโกก็ระบุเอาคืนแน่นอน แต่ยังไม่ได้ให้รายละเอียด . หลังเวลาเที่ยงคืนของวันจันทร์ (3 มี.ค.) ตามเวลาภาคตะวันออกของสหรัฐฯ (ซึ่งช้ากว่าเวลาเมืองไทย 12 ชั่วโมง) สินค้าแคนาดาและเม็กซิโกที่นำเข้าไปยังอเมริกา ซึ่งมีมูลค่ารวมกันสูงกว่า 918,000 ล้านดอลลาร์จะถูกเรียกเก็บภาษีศุลกากรสูงขึ้น 25% รวด เวลาเดียวกันประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนสูงขึ้นอีก 10% จากที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 10% เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ . ด้านนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด แถลงว่า แคนาดาจะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 25% จากสินค้าอเมริกันมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 21 วัน ขณะที่ประธานาธิบดี เกลาเดีย เชย์นเบาม์ ระบุว่าความเคลื่อนไหวช่นนี้ของสหรัฐฯไม่มีความชอบธรรม และประกาศจะตอบโต้กลับด้วยมาตรการภาษีของตัวเอง . ผู้นำหญิงของเม็กซิโกบอกว่า เธอจะประกาศรายการสินค้านำเข้าจากอเมริกาที่จะตกเป็นเป้าถูกขึ้นภาษีตอบโต้ในวันอาทิตย์ (9) นี้ ณ งานพิธีซึ่งกำหนดจัดขึ้นที่จัตุรัสใจกลางเมืองหลวงเม็กซิโกซิตี ท่าทีเช่นนี้ทำให้มองกันว่าการเลื่อนช้าออกไปเช่นนี้บ่งชี้ว่าเม็กซิโกยังคงมีความหวังที่จะเจรจาต่อรองกันก่อนเพื่อไม่ให้สงครามการค้าบานปลาย . แรกทีเดียวนั้น มาตรการภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ทว่า ทรัมป์ตกลงขยายเวลาออกไป 30 วันเพื่อเจรจาเพิ่มเติมกับสองประเทศคู่ค้าใหญ่ที่สุดของอเมริกา สำหรับเหตุผลในการขึ้นภาษีคือ เพื่อให้สองประเทศเพื่อนบ้านนี้จัดการปัญหาการลักลอบขนยาเสพติด โดยเฉพาะ เฟนทานิล และปัญหาการลักลอบเข้าเมืองผ่านดินแดนของประเทศทั้งสองเข้ามายังสหรัฐฯ . ขณะที่ทั้งสองชาติต่างยืนยันว่า มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหา ทว่า ทรัมป์กลับบอกเพิ่มเติมว่า จะลดภาษีศุลกากรต่อเมื่อการขาดดุลการค้าของอเมริกาต่อเม็กซิโกและแคนาดาสิ้นสุดลง ถึงแม้เรื่องหลังนี้ย่อมเป็นกระบวนการที่ไม่สามารถแก้ไขได้ตามกรอบเวลาทางการเมือง . มีผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่า มาตรการที่สหรัฐฯขึ้นภาษีศุลกากรกับแคนาดาและเม็กซิโก น่าจะส่งผลสะท้อนกลับกระทบถึงเศรษฐกิจอเมริกันอย่างแรงๆ และดังนั้นจึงอาจบังคับใช้ได้เพียงช่วงสั้นๆ และสิ่งที่ทรัมป์อาจเลือกกระทำต่อไป อาจเป็นการหันไปรีดภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป และอินเดีย รวมทั้งพวก ชิปคอมพิวเตอร์ ยานยนต์ และยาเวชภัณฑ์นำเข้าเพิ่มมากขึ้น . ในส่วนของจีนนั้น ปักกิ่งประณามการบังคับใช้มาตรการ “ตามอำเภอใจฝ่ายเดียว” เช่นนี้ของอเมริกา และประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่ม 15% จากสินค้าเกษตรและอาหารของอเมริกามูลค่า 21,000 ล้านดอลลาร์ มีผลตั้งแต่สัปดาห์หน้า รวมทั้งเพิ่มบริษัทอเมริกันอีก 25 แห่งในบัญชีรายชื่อบริษัทที่ถูกจำกัดการส่งออกและการลงทุนภายใต้เหตุผลด้านความมั่นคงแห่งชาติ . ทั้งนี้ จีนเป็นตลาดใหญ่ที่สุดที่รองรับสินค้าเกษตรของอเมริกา โดยปีที่แล้ว แม้จีนนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ลดลงเป็นปีที่สอง แต่ก็ยังคงมีมูลค่าถึง 29,250 ล้านดอลลาร์ เท่าที่ผ่านมาภาคเศรษฐกิจนี้มักถูกใช้เป็นกระสอบทรายในยามที่สถานการณ์การค้าระหว่าง 2 ประเทศตึงเครียด โดยเฉพาะในเมื่อพวกรัฐที่เศรษฐกิจพึ่งพาการเกษตรอย่างมาก ยังเป็นพวกรัฐฐานเสียงของทรัมป์และรีพับลิกันอีกด้วย . ในวันอังคาร (3) กระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาแถลงว่า จีนจะไม่ยอมจำนนต่อการรังแกหรือข่มขู่ และสำทับว่า การพยายามกดดันจีนเป็นการคำนวณผิดพลาด . อย่างไรก็ดี พวกนักวิเคราะห์เชื่อว่า ปักกิ่งยังหวังว่าจะสามารถเปิดการเจรจาสงบศึกกับคณะบริหารของทรัมป์ จึงกำหนดภาษีตอบโต้ในอัตราต่ำกว่า 20% เพื่อให้คณะผู้เจรจาของตนสามารถต่อรองและบรรลุข้อตกลงได้สำเร็จ ทว่าเมื่อการตอบโต้กันไปมาชักบานปลายออกไป มันก็อาจลดโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายจะประนีประนอมกันได้ . เวลาเดียวกัน สำนักข่าวเอพีเสนอรายงานข่าวที่ระบุว่า ผู้นำสหรัฐฯ กำลังทำให้เศรษฐกิจของทั่วโลกผันผวนและไร้ความแน่นอน เนื่องจากไม่มีใครคาดเดาได้ว่า ทรัมป์จะทำอะไรต่อไป . การเรียกเก็บภาษีศุลกากรสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกแบบเหวี่ยงแหยังมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น ยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง และเสี่ยงทำให้ค่าครองชีพของประชาชนเพิ่มขึ้น . นักเศรษฐศาสตร์ตั้งข้อสังเกตว่า มาตรการภาษีของทรัมป์อาจทำให้ราคาผู้บริโภคในสหรัฐฯพุ่งขึ้น และเพิ่มความกดดันต่อการเติบโตและการจ้างงานในอเมริกา . มูลนิธิแท็กซ์ ฟาวน์เดชัน ของสหรัฐฯประเมินว่า มาตรการภาษีต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีนจะทำให้อัตราเติบโตของอเมริกาหายไป 0.1% ทั้งนี้ ยังไม่คำนวณผลกระทบจากมาตรการตอบโต้ของทั้งสามชาติ . ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เตือนว่า ถ้าทรัมป์ยังเดินตามแผนรีดภาษีต่อไป อัตราภาษีศุลกากรของอเมริกาอาจเพิ่มขึ้นถึงระดับสูงสุดนับจากปี 1936 ภายในต้นปีหน้า โดยที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตของสหรัฐฯจะต้องเป็นผู้รับภาระหนักจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีศุลกากร ซึ่งอาจส่งผลตามมาทำให้ดีมานด์ลดลง และภาคธุรกิจต้องปลดพนักงานเพื่อควบคุมต้นทุน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021232 .............. Sondhi X
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐสั่งอังกฤษไม่ให้ส่งต่อข้อมูลข่าวกรองทางการทหารของสหรัฐฯไปให้ยูเครน

    — DailyMail
    สหรัฐสั่งอังกฤษไม่ให้ส่งต่อข้อมูลข่าวกรองทางการทหารของสหรัฐฯไปให้ยูเครน — DailyMail
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากทรัมป์ ประกาศยุติความช่วยเหลือทุกทางต่อยูเครน

    วันนี้เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" ว่าพร้อมแล้วสำหรับการเจรจาเพื่อยุติสงคราม และยังบอกอีกว่า พร้อมจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐฯ "เมื่อใดก็ได้ และในรูปแบบใดก็ได้ที่สหรัฐสะดวก"

    ซึ่งไม่แน่ใจว่า นี่จะถือเป็นคำขอโทษตามที่ทรัมป์เรียกร้องให้เซเลนสกีออกมากล่าวอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณะหรือไม่!!

    นอกจากนี้ เขายังยื่นข้อเสนอว่า พร้อมที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเพื่อยุติสงคราม โดยที่ขั้นแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษ และการหยุดโจมตีทางอากศ โดยหยุดการใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล ในการโจมตีด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และต่อไปจะหยุดการโจมตีทสงทะเลทันที ซึ่งทางรัสเซียจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย
    .

    👉แถลงการณ์ฉบับเต็มของเซเลนสกี:

    ผมขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของยูเครนในความพยายามสร้างสันติภาพอีกครั้ง

    ไม่มีใครต้องการสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น ยูเครนพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนให้เข้ามาใกล้ที่สุด ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากกว่าชาวยูเครน ทีมงานของผมรวมทั้งตัวผม พร้อมที่จะทำงานภายใต้การนำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อให้ได้สันติภาพที่ยั่งยืน

    เราพร้อมที่จะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อยุติสงคราม ซึ่งขั้นตอนแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษและยุติการโจมตีทางอาหศ โดยห้ามใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล เพื่อโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และจะยุติการต่อสู้ในทะเลทันที หากรัสเซียจะทำเช่นเดียวกัน จากนั้นเราต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วผ่านขั้นตอนต่อไปทั้งหมดและทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อตกลงข้อตกลงสุดท้ายที่แข็งแกร่ง

    เราให้ความสำคัญอย่างที่สุดต่ออเมริกาซึ่งได้ทำสิ่งที่ช่วยให้ยูเครนรักษาอำนาจอธิปไตยและเอกราชของตนไว้ได้ เราซาบซึ้งในสิ่งนี้

    การประชุมของเราในกรุงวอชิงตันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องการให้ความร่วมมือและการสื่อสารในอนาคตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

    เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุและความมั่นคง ยูเครนพร้อมที่จะลงนามเมื่อใดก็ได้และในรูปแบบที่สะดวก เราเห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงที่มากขึ้นและการค้ำประกันด้านความมั่นคงที่มั่นคง และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับอย่างมีประสิทธิผล
    หลังจากทรัมป์ ประกาศยุติความช่วยเหลือทุกทางต่อยูเครน วันนี้เซเลนสกีโพสต์ข้อความบน "X" ว่าพร้อมแล้วสำหรับการเจรจาเพื่อยุติสงคราม และยังบอกอีกว่า พร้อมจะลงนามข้อตกลงแร่ธาตุของสหรัฐฯ "เมื่อใดก็ได้ และในรูปแบบใดก็ได้ที่สหรัฐสะดวก" ซึ่งไม่แน่ใจว่า นี่จะถือเป็นคำขอโทษตามที่ทรัมป์เรียกร้องให้เซเลนสกีออกมากล่าวอย่างเป็นทางการต่อหน้าสาธารณะหรือไม่!! นอกจากนี้ เขายังยื่นข้อเสนอว่า พร้อมที่จะทำข้อตกลงหยุดยิงให้เร็วที่สุดเพื่อยุติสงคราม โดยที่ขั้นแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษ และการหยุดโจมตีทางอากศ โดยหยุดการใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล ในการโจมตีด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และต่อไปจะหยุดการโจมตีทสงทะเลทันที ซึ่งทางรัสเซียจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกันด้วย . 👉แถลงการณ์ฉบับเต็มของเซเลนสกี: ผมขอเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของยูเครนในความพยายามสร้างสันติภาพอีกครั้ง ไม่มีใครต้องการสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้น ยูเครนพร้อมที่จะเข้าร่วมโต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุดเพื่อนำสันติภาพที่ยั่งยืนให้เข้ามาใกล้ที่สุด ไม่มีใครต้องการสันติภาพมากกว่าชาวยูเครน ทีมงานของผมรวมทั้งตัวผม พร้อมที่จะทำงานภายใต้การนำที่เข้มแข็งของประธานาธิบดีทรัมป์เพื่อให้ได้สันติภาพที่ยั่งยืน เราพร้อมที่จะทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อยุติสงคราม ซึ่งขั้นตอนแรกอาจเป็นการปล่อยนักโทษและยุติการโจมตีทางอาหศ โดยห้ามใช้ขีปนาวุธ โดรนพิสัยไกล เพื่อโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานพลเรือนอื่นๆ และจะยุติการต่อสู้ในทะเลทันที หากรัสเซียจะทำเช่นเดียวกัน จากนั้นเราต้องการดำเนินการอย่างรวดเร็วผ่านขั้นตอนต่อไปทั้งหมดและทำงานร่วมกับสหรัฐฯ เพื่อตกลงข้อตกลงสุดท้ายที่แข็งแกร่ง เราให้ความสำคัญอย่างที่สุดต่ออเมริกาซึ่งได้ทำสิ่งที่ช่วยให้ยูเครนรักษาอำนาจอธิปไตยและเอกราชของตนไว้ได้ เราซาบซึ้งในสิ่งนี้ การประชุมของเราในกรุงวอชิงตันที่ทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ เป็นเรื่องน่าเสียดายที่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้น เราต้องการให้ความร่วมมือและการสื่อสารในอนาคตเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ เกี่ยวกับข้อตกลงด้านแร่ธาตุและความมั่นคง ยูเครนพร้อมที่จะลงนามเมื่อใดก็ได้และในรูปแบบที่สะดวก เราเห็นว่าข้อตกลงนี้เป็นก้าวสำคัญสู่ความมั่นคงที่มากขึ้นและการค้ำประกันด้านความมั่นคงที่มั่นคง และฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะมีผลใช้บังคับอย่างมีประสิทธิผล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยต่อกับสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี

    ภาพที่สิบเอ็ดที่จะคุยกันวันนี้คือภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (马后练衣 / หม่าฮองเฮาสวมผ้า) เป็นภาพที่ถูกพระราชทานไปที่ตำหนักจิ่งหยางกง ซึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงภายหลังจากการซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่โดยองค์คังซีแล้ว ถูกใช้เป็นที่เก็บงานศิลปะ ไม่เคยเป็นที่ประทับของพระสนมหรือมเหสี

    หม่าฮองเฮาที่กล่าวถึงนี้คือ ฮองเฮาหมิงเต๋อ พระมเหสีในองค์หมิงตี้ (ค.ศ. 26-75) แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก บิดาของพระนางคือแม่ทัพหม่าหยวน หนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ พระราชบิดาขององค์หมิงตี้

    ไม่ปรากฏนามเดิมของหม่าฮองเฮาในบันทึกประวัติศาสตร์ มีเพียงกล่าวถึงว่า นางเสียบิดาและพี่ชายไปเมื่อยังเยาว์วัยในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ มารดาตรอมใจจนป่วยหนัก นางดูแลเรือนตระกูลหม่าแทนแม่ตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้)

    พ่อของหม่าฮองเฮาถูกใส่ร้ายป้ายสีหลังจากเสียชีวิตกลางสนามรบ ตระกูลของนางตกต่ำ แต่สุดท้ายพี่ชายของนาง (ลูกของน้าชายของนาง) อาศัยผลงานความดีความชอบและความสัมพันธ์ด้านฝ่ายในของตระกูลหม่าที่มีมาหลายชั่วอายุคน ขอให้กวงอู่ตี้รับหนึ่งในลูกสาวสามคนของแม่ทัพหม่าหยวนเข้าวัง สุดท้ายเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับเลือกเข้าไปรับใช้ในพระตำหนักขององค์ชายรัชทายาทโดยไม่ได้มีการแต่งตั้งยศศักดิ์อะไร นางปรนนิบัติหลิวจวงอีกทั้งฮองเฮาและเหล่าพระภรรยาอย่างใกล้ชิดจนได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างดี

    เมื่อองค์หลิวจวงขึ้นครองราชย์ นางได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน นางไม่มีบุตร แต่เพราะเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนมีการศึกษาดี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น นางจึงได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูลูกชายจากภรรยาอื่นของฮั่นหมิงตี้คือเด็กชายหลิวต๋า (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นจางตี้) จวบจนสามปีให้หลังจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาภายใต้การเสนอชื่อของไทเฮา

    เป็นที่กล่าวขานว่านางมีความรู้ความรอบคอบ หลายครั้งที่ฮั่นหมิงตี้ให้นางช่วยดูและให้ความเห็นต่อฎีกา นางก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชมและโปรดปรานของฮั่นหมิงตี้ ต่อมาในรัชสมัยของฮั่นจางตี้ นางยังคงช่วยให้คำปรึกษาที่ดีต่อฮั่นจางตี้ในเรื่องการบริหารบ้านเมือง

    นางขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฮองเฮาที่วางตัวได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และไม่เคยใช้อิทธิพลเกื้อหนุนตระกูลหม่า มีตัวอย่างว่า นางได้เสนอให้ลบชื่อพี่ชายของตนออกจากบันทึกคุณงามความดีของข้าราชสำนักเดิมตอนสมัยผัดเปลี่ยนรัชสมัยมาเป็นฮั่นจางตี้ อีกทั้งคัดค้านไม่ให้คนในตระกูลหม่ารับอิสริยยศ โดยให้เหตุผลต่อฮั่นจางตี้ว่า ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังมองว่าเหล่าขุนนางสูงศักดิ์ที่ล้อมรอบฮั่นจางตี้ล้วนเป็นคนที่เกี่ยวดองกันในวังหลัง นางเตือนสติฮั่นจางตี้ว่า การให้อิสริยยศกับคนต่างสกุลต้องทำด้วยความรอบคอบ ผลงานของเหล่าข้าราชสำนักล้วนเป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ไม่ควรนำมาเป็นเหตุผลให้มีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น

    เพราะนาง คนในตระกูลหม่าปฏิเสธที่จะรับยศโหว แม้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ปฏิเสธไม่รับพื้นที่การปกครอง และสุดท้ายก็ลาออกจากตำแหน่งในที่สุด

    หม่าฮองเฮาริเริ่มให้มีการจัดทำบันทึกที่เรียกว่า ‘ฉี่จวีจู้’ (起居注) ซึ่งจริงๆ ก็คือไดอารี่บันทึกกิจวัตรประจำวันของฮ่องเต้ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบหนึ่งของวิธีบันทึกประวัติศาสตร์ในวัง และเป็นเอกสารสำคัญให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา นางจึงถูกยกย่องให้เป็นนักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน

    นอกจากนี้นางยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนประหยัด ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นเขียนไว้ว่า เสื้อผ้าของนางล้วนตัดเย็บจากผ้าเนื้อหยาบต้มจนนิ่ม กระโปรงไม่เย็บแถบชาย เป็นการแต่งกายที่ไม่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา เมื่อสนมนางในถาม นางให้เหตุผลว่าผ้าเนื้อหยาบที่หาได้ง่ายกว่าผ้าไหมและย้อมสีได้ดีกว่า ว่ากันว่า นางคือฮองเฮาคนแรกที่แต่งกายอย่างนี้ และนี่คือเรื่องราวหลังภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (หมายเหตุ ‘เลี่ยนอี’ คือการทำเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อหยาบ)

    ภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึง มัธยัสถ์ และป้ายอักษรที่ถูกพระราชทานไปคู่กันเขียนว่า ‘โหรวเจียซู่จิ้ง’ (柔嘉肃静) แปลได้ประมาณว่า อ่อนโยนอ่อนหวาน สุขุมเงียบสงบ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/43223996
    https://www.sohu.com/a/279050528_100018792
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/明德皇后/29800
    https://www.gugong.net/wenhua/40018.html
    http://www.qulishi.com/renwu/mingdemahuanghou/
    https://www.163.com/dy/article/G087N9E10541M2R8.html
    https://k.sina.cn/article_6482315882_182604a6a00100loe0.html

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #หม่าโฮ่ว #ฮั่นหมิงตี้ #หมิงเต๋อหวงโฮ่ว #กงซวิ่นถู
    วันนี้มาคุยต่อกับสิบสองภาพวาดกงซวิ่นถู (宫训图) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ฮ่องเต้เฉียนหลงได้ทรงพระราชทานให้บรรดาพระภรรยาแห่งสิบสองตำหนัก โดยเป็นภาพที่เล่าเรื่องราวของพระภรรยาในประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ซึ่งคุณงามความดี ภาพที่สิบเอ็ดที่จะคุยกันวันนี้คือภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (马后练衣 / หม่าฮองเฮาสวมผ้า) เป็นภาพที่ถูกพระราชทานไปที่ตำหนักจิ่งหยางกง ซึ่งในสมัยราชวงศ์ชิงภายหลังจากการซ่อมแซมปรับปรุงสถานที่โดยองค์คังซีแล้ว ถูกใช้เป็นที่เก็บงานศิลปะ ไม่เคยเป็นที่ประทับของพระสนมหรือมเหสี หม่าฮองเฮาที่กล่าวถึงนี้คือ ฮองเฮาหมิงเต๋อ พระมเหสีในองค์หมิงตี้ (ค.ศ. 26-75) แห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันออก บิดาของพระนางคือแม่ทัพหม่าหยวน หนึ่งในเรี่ยวแรงสำคัญในการก่อตั้งราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ พระราชบิดาขององค์หมิงตี้ ไม่ปรากฏนามเดิมของหม่าฮองเฮาในบันทึกประวัติศาสตร์ มีเพียงกล่าวถึงว่า นางเสียบิดาและพี่ชายไปเมื่อยังเยาว์วัยในรัชสมัยของกวงอู่ตี้ มารดาตรอมใจจนป่วยหนัก นางดูแลเรือนตระกูลหม่าแทนแม่ตั้งแต่อายุได้เพียงสิบขวบ (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์ในบทความนี้) พ่อของหม่าฮองเฮาถูกใส่ร้ายป้ายสีหลังจากเสียชีวิตกลางสนามรบ ตระกูลของนางตกต่ำ แต่สุดท้ายพี่ชายของนาง (ลูกของน้าชายของนาง) อาศัยผลงานความดีความชอบและความสัมพันธ์ด้านฝ่ายในของตระกูลหม่าที่มีมาหลายชั่วอายุคน ขอให้กวงอู่ตี้รับหนึ่งในลูกสาวสามคนของแม่ทัพหม่าหยวนเข้าวัง สุดท้ายเป็นลูกสาวคนเล็กที่ได้รับเลือกเข้าไปรับใช้ในพระตำหนักขององค์ชายรัชทายาทโดยไม่ได้มีการแต่งตั้งยศศักดิ์อะไร นางปรนนิบัติหลิวจวงอีกทั้งฮองเฮาและเหล่าพระภรรยาอย่างใกล้ชิดจนได้รับความเอ็นดูเป็นอย่างดี เมื่อองค์หลิวจวงขึ้นครองราชย์ นางได้รับการแต่งตั้งเป็นกุ้ยเหริน นางไม่มีบุตร แต่เพราะเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนมีการศึกษาดี ไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น นางจึงได้รับมอบหมายให้เลี้ยงดูลูกชายจากภรรยาอื่นของฮั่นหมิงตี้คือเด็กชายหลิวต๋า (ต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮั่นจางตี้) จวบจนสามปีให้หลังจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นฮองเฮาภายใต้การเสนอชื่อของไทเฮา เป็นที่กล่าวขานว่านางมีความรู้ความรอบคอบ หลายครั้งที่ฮั่นหมิงตี้ให้นางช่วยดูและให้ความเห็นต่อฎีกา นางก็ได้ให้ข้อเสนอแนะที่ดี จึงเป็นที่ชื่นชมและโปรดปรานของฮั่นหมิงตี้ ต่อมาในรัชสมัยของฮั่นจางตี้ นางยังคงช่วยให้คำปรึกษาที่ดีต่อฮั่นจางตี้ในเรื่องการบริหารบ้านเมือง นางขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในฮองเฮาที่วางตัวได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์จีน และไม่เคยใช้อิทธิพลเกื้อหนุนตระกูลหม่า มีตัวอย่างว่า นางได้เสนอให้ลบชื่อพี่ชายของตนออกจากบันทึกคุณงามความดีของข้าราชสำนักเดิมตอนสมัยผัดเปลี่ยนรัชสมัยมาเป็นฮั่นจางตี้ อีกทั้งคัดค้านไม่ให้คนในตระกูลหม่ารับอิสริยยศ โดยให้เหตุผลต่อฮั่นจางตี้ว่า ไม่ต้องการให้ชนรุ่นหลังมองว่าเหล่าขุนนางสูงศักดิ์ที่ล้อมรอบฮั่นจางตี้ล้วนเป็นคนที่เกี่ยวดองกันในวังหลัง นางเตือนสติฮั่นจางตี้ว่า การให้อิสริยยศกับคนต่างสกุลต้องทำด้วยความรอบคอบ ผลงานของเหล่าข้าราชสำนักล้วนเป็นหน้าที่ที่พึงปฏิบัติ ไม่ควรนำมาเป็นเหตุผลให้มีอภิสิทธิ์เหนือผู้อื่น เพราะนาง คนในตระกูลหม่าปฏิเสธที่จะรับยศโหว แม้ที่ได้รับการแต่งตั้งก็ปฏิเสธไม่รับพื้นที่การปกครอง และสุดท้ายก็ลาออกจากตำแหน่งในที่สุด หม่าฮองเฮาริเริ่มให้มีการจัดทำบันทึกที่เรียกว่า ‘ฉี่จวีจู้’ (起居注) ซึ่งจริงๆ ก็คือไดอารี่บันทึกกิจวัตรประจำวันของฮ่องเต้ ซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบหนึ่งของวิธีบันทึกประวัติศาสตร์ในวัง และเป็นเอกสารสำคัญให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษา นางจึงถูกยกย่องให้เป็นนักประวัติศาสตร์หญิงคนแรกของจีน นอกจากนี้นางยังขึ้นชื่อว่าเป็นคนประหยัด ในบันทึกประวัติศาสตร์ราชวงศ์ฮั่นเขียนไว้ว่า เสื้อผ้าของนางล้วนตัดเย็บจากผ้าเนื้อหยาบต้มจนนิ่ม กระโปรงไม่เย็บแถบชาย เป็นการแต่งกายที่ไม่แตกต่างจากชาวบ้านธรรมดา เมื่อสนมนางในถาม นางให้เหตุผลว่าผ้าเนื้อหยาบที่หาได้ง่ายกว่าผ้าไหมและย้อมสีได้ดีกว่า ว่ากันว่า นางคือฮองเฮาคนแรกที่แต่งกายอย่างนี้ และนี่คือเรื่องราวหลังภาพ ‘หม่าโฮ่วเลี่ยนอี’ (หมายเหตุ ‘เลี่ยนอี’ คือการทำเสื้อผ้าจากผ้าเนื้อหยาบ) ภาพนี้ถูกตีความว่าหมายถึง มัธยัสถ์ และป้ายอักษรที่ถูกพระราชทานไปคู่กันเขียนว่า ‘โหรวเจียซู่จิ้ง’ (柔嘉肃静) แปลได้ประมาณว่า อ่อนโยนอ่อนหวาน สุขุมเงียบสงบ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://zhuanlan.zhihu.com/p/43223996 https://www.sohu.com/a/279050528_100018792 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/明德皇后/29800 https://www.gugong.net/wenhua/40018.html http://www.qulishi.com/renwu/mingdemahuanghou/ https://www.163.com/dy/article/G087N9E10541M2R8.html https://k.sina.cn/article_6482315882_182604a6a00100loe0.html #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #หม่าโฮ่ว #ฮั่นหมิงตี้ #หมิงเต๋อหวงโฮ่ว #กงซวิ่นถู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ใจส่งผลต่อกายอย่างไร?


    ---

    🔍 1️⃣ ใจร้อน - ทำให้กายร้อน

    🔥 เมื่อใจมีโทสะ ขุ่นเคือง หรือหงุดหงิด → ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยา
    ⚠️ ความดันเลือดสูงขึ้น
    ⚠️ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง
    ⚠️ รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว

    ✅ วิธีแก้: "หายใจลึกๆ ผ่อนคลาย" เพื่อให้ใจเย็น กายจะคลายตัว


    ---

    🔍 2️⃣ ใจเคร่ง - ทำให้กายเกร็ง

    😣 เมื่อใจเครียด กดดัน ตึงเครียด → ร่างกายตอบสนอง
    ⚠️ ไหล่แข็ง ตึงคอ บ่า ไหล่
    ⚠️ ปวดหัวจากความเครียด
    ⚠️ ระบบย่อยอาหารแปรปรวน

    ✅ วิธีแก้: "ปรับใจให้สบาย" ฝึกยิ้ม หายใจลึกๆ ปล่อยวาง


    ---

    🔍 3️⃣ ใจโอดครวญ - ทำให้กายป่วน

    😢 เมื่อใจจมอยู่กับความทุกข์ → กายตอบสนองเป็นความกระสับกระส่าย
    ⚠️ อาการเหนื่อยง่าย หมดแรง
    ⚠️ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย
    ⚠️ ปวดเมื่อยเรื้อรังจากความวิตกกังวล

    ✅ วิธีแก้: "ฝึกยอมรับตามจริง" ปล่อยความคิดลบ ฝึกคิดบวก


    ---

    🔍 4️⃣ ใจโง่ทึบ - ทำให้กายแน่นทึบ

    😶 เมื่อใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส → กายพลอยหนักอึ้ง
    ⚠️ อ่อนเพลียเรื้อรัง
    ⚠️ ไม่มีเรี่ยวแรง ขาดพลังงาน
    ⚠️ ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง

    ✅ วิธีแก้: "เจริญสติ" สังเกตความคิด เรียนรู้ความเป็นไปของจิต


    ---

    🎯 วิธีใช้ "ใจ" ฟื้นฟู "กาย"

    ✅ 1️⃣ ใจเย็น - บรรเทาความร้อนทางกาย

    🌿 ใจสงบ กายจะเย็น
    🌿 ลดความดันโลหิต
    🌿 ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

    ➡️ วิธีฝึก: นั่งสมาธิ ฟังเสียงลมหายใจ


    ---

    ✅ 2️⃣ ใจสบาย - ลดความเกร็งทางกาย

    💆‍♂️ ใจไม่ตึง กายจะผ่อนคลาย
    💆‍♂️ ลดอาการปวดไหล่ ปวดหลัง
    💆‍♂️ ช่วยให้หลับสบายขึ้น

    ➡️ วิธีฝึก: ทำโยคะเบาๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ


    ---

    ✅ 3️⃣ ใจยอมรับ - ลดอาการกระสับกระส่าย

    🌊 ใจไม่ดิ้นรน กายจะสงบ
    🌊 ลดอาการนอนไม่หลับ
    🌊 ปรับสมดุลของร่างกาย

    ➡️ วิธีฝึก: ฝึกสติ รับรู้ความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน


    ---

    ✅ 4️⃣ ใจตื่นรู้ - ช่วยให้กายโปร่งเบา

    ☀️ ใจสว่าง กายจะเบาสบาย
    ☀️ เพิ่มพลังงานชีวิต
    ☀️ ลดความเครียดสะสม

    ➡️ วิธีฝึก: มองโลกตามจริง ฝึกเจริญเมตตา


    ---

    📌 สรุป:

    ✅ ใจที่สงบ เย็น และตื่นรู้ = กายก็จะเป็นสุข
    ❌ ใจที่ฟุ้งซ่าน เคร่งเครียด และโอดครวญ = กายก็ทุกข์ตาม

    🔥 "การฝึกสติ คือ วิธีรักษากายผ่านจิตที่ดีที่สุด!" 🔥

    📌 ใจส่งผลต่อกายอย่างไร? --- 🔍 1️⃣ ใจร้อน - ทำให้กายร้อน 🔥 เมื่อใจมีโทสะ ขุ่นเคือง หรือหงุดหงิด → ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยา ⚠️ ความดันเลือดสูงขึ้น ⚠️ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง ⚠️ รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ✅ วิธีแก้: "หายใจลึกๆ ผ่อนคลาย" เพื่อให้ใจเย็น กายจะคลายตัว --- 🔍 2️⃣ ใจเคร่ง - ทำให้กายเกร็ง 😣 เมื่อใจเครียด กดดัน ตึงเครียด → ร่างกายตอบสนอง ⚠️ ไหล่แข็ง ตึงคอ บ่า ไหล่ ⚠️ ปวดหัวจากความเครียด ⚠️ ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ✅ วิธีแก้: "ปรับใจให้สบาย" ฝึกยิ้ม หายใจลึกๆ ปล่อยวาง --- 🔍 3️⃣ ใจโอดครวญ - ทำให้กายป่วน 😢 เมื่อใจจมอยู่กับความทุกข์ → กายตอบสนองเป็นความกระสับกระส่าย ⚠️ อาการเหนื่อยง่าย หมดแรง ⚠️ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ⚠️ ปวดเมื่อยเรื้อรังจากความวิตกกังวล ✅ วิธีแก้: "ฝึกยอมรับตามจริง" ปล่อยความคิดลบ ฝึกคิดบวก --- 🔍 4️⃣ ใจโง่ทึบ - ทำให้กายแน่นทึบ 😶 เมื่อใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส → กายพลอยหนักอึ้ง ⚠️ อ่อนเพลียเรื้อรัง ⚠️ ไม่มีเรี่ยวแรง ขาดพลังงาน ⚠️ ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ✅ วิธีแก้: "เจริญสติ" สังเกตความคิด เรียนรู้ความเป็นไปของจิต --- 🎯 วิธีใช้ "ใจ" ฟื้นฟู "กาย" ✅ 1️⃣ ใจเย็น - บรรเทาความร้อนทางกาย 🌿 ใจสงบ กายจะเย็น 🌿 ลดความดันโลหิต 🌿 ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ➡️ วิธีฝึก: นั่งสมาธิ ฟังเสียงลมหายใจ --- ✅ 2️⃣ ใจสบาย - ลดความเกร็งทางกาย 💆‍♂️ ใจไม่ตึง กายจะผ่อนคลาย 💆‍♂️ ลดอาการปวดไหล่ ปวดหลัง 💆‍♂️ ช่วยให้หลับสบายขึ้น ➡️ วิธีฝึก: ทำโยคะเบาๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ --- ✅ 3️⃣ ใจยอมรับ - ลดอาการกระสับกระส่าย 🌊 ใจไม่ดิ้นรน กายจะสงบ 🌊 ลดอาการนอนไม่หลับ 🌊 ปรับสมดุลของร่างกาย ➡️ วิธีฝึก: ฝึกสติ รับรู้ความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน --- ✅ 4️⃣ ใจตื่นรู้ - ช่วยให้กายโปร่งเบา ☀️ ใจสว่าง กายจะเบาสบาย ☀️ เพิ่มพลังงานชีวิต ☀️ ลดความเครียดสะสม ➡️ วิธีฝึก: มองโลกตามจริง ฝึกเจริญเมตตา --- 📌 สรุป: ✅ ใจที่สงบ เย็น และตื่นรู้ = กายก็จะเป็นสุข ❌ ใจที่ฟุ้งซ่าน เคร่งเครียด และโอดครวญ = กายก็ทุกข์ตาม 🔥 "การฝึกสติ คือ วิธีรักษากายผ่านจิตที่ดีที่สุด!" 🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพฤหัสบดีที่ 6 เดือนมีนาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย
    .
    .
    .
    .
    .
    เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์
    .
    นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์
    .
    CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์
    .
    ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่
    .
    เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า
    .
    “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)”
    .
    และเสริมว่า
    .
    “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง”
    .
    เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน
    .
    แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    รายงานพิเศษจากเพจAround the World เมื่อ5 มีนาคมระบุว่าบีบสำเร็จ! “CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์” ของเจ้าสัว “ลีกาชิง” ยอมตัดใจขายทิ้งหุ้น 90% คุมคลองปานามาและในอีก 23 ประเทศทั่วโลกให้บ.อเมริกัน BlackRock มีสิทธิ์สะเทือน "แหลมฉบัง" ของไทย . . . . . เอเอฟพี/รอยเตอร์/MGRออนไลน์ – ภายใต้แรงบีบจากทรัมป์ บริษัท CK ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ของเจ้าสัวฮ่องกง ลีกาชิง วันอังคาร(4 มี.ค) แถลงยอมขายทิ้งหุ้น 90% คุมท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศทั่วโลกที่อาจรวมถึงท่าเรือแหลมฉบังของไทยไปให้บริษัทกิจการค้าร่วมอเมริกันของ BlackRock ตามข้อตกลงมหาศาลมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร(4 มี.ค)ว่า บริษัทบริหารท่าเรือข้ามชาติชื่อดังของฮ่องกง CK Hutchison Holdings แถลงว่า ทางบริษัทยอมตกลงที่จะขายทิ้งหุ้น 90% ที่ถือในบริษัทการท่าปานามา (Panama Ports Company) และท่าเรืออื่นๆเป็นจำนวนมากที่ไม่ได้อยู่ในจีนไปให้กับบริษัทบริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังสหรัฐฯ BlackRock เป็นมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์ . บลูมเบิร์กชี้ว่า การขายทิ้งที่ท่าเรือปานามาของเจ้าสัวลีกาชิงครั้งนี้เป็นเสมือนการหยิบยื่นชัยชนะให้กับประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ . ขณะที่ CNBC ของสหรัฐฯรายงานว่า ข้อตกลงจะเห็นกิจการค้าร่วมอเมริกันภายใต้การนำของบริษัท BlackRock และรวมบริษัท Global Infrastructure Partners และบริษัท Terminal Investment จะเข้าควบคุม 80% ของผลประโยชน์ในท่าเรือปานามา 2 ท่าของ CK ฮัตชิสันคิดเป็นมูลค่า 14.21 พันล้านดอลลาร์ . นอกจากนี้กิจการค้าร่วมอเมริกันจะเข้าควบคุมท่าเรืออื่น 43 ท่าประกอบด้วยท่าเทียบเรือ 199 ท่าในทั้งหมด 23 ประเทศทั่วโลกโดยทั้งหมดตามข้อตกลงที่ 19 พันล้านดอลลาร์ . CNBC ชี้ว่า ข้อตกลงการขายทิ้งการบริหารท่าเรือปานามาและท่าเรืออื่นๆใน 23 ประเทศของ CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆต่อผลประโยชน์ของฮัตชิสัน พอร์ท โฮลดิ้งส์ ทรัสต์ (Hutchison Port Holdings Trust) ที่ควบคุมท่าเรือต่างๆในฮ่องกงและเมืองเซินเจิ้นในทางใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่หรือ ท่าเรืออื่นๆภายในจีน อ้างอิงจากแถลงการณ์บริษัท CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ . ทั้งนี้พบว่า CK ฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ เป็นผู้บริหารท่าเรือในภาคตะวันออกของประเทศไทย อ้างอิงจากเว็บไซต์ทางการของบริษัทพบว่ามีชื่อเป็นผู้บริหารเทอร์มินอล A2 ของท่าเรือแหลมบังในไทยมาตั้งแต่ปี 2006 ภายใต้ชื่อบริษัท Hutchison Ports Thailand แต่อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การควบคุมพอร์ทท่าเรือแหลมฉบังนี้รวมอยู่ในข้อตกลง 19 พันล้านดอลลาร์ที่ทำไว้กับ BlackRock ของสหรัฐฯหรือไม่ . เว็บไซต์ของ Hutchison Ports Thailand กล่าวว่า . “ฮัทชิสัน พอร์ท ประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2006 เพื่อควบรวมการบริหารจัดการท่าเทียบเรือภายใต้การปฏิบัติการของบริษัท Hutchison Ports ในท่าเรือแหลมฉบังเข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยบริษัท Thai Laemchabang Terminal (TLT) และบริษัท Hutchison Laemchabang Terminal (HLT)” . และเสริมว่า . “โดยท่าเทียบเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดของเราที่ท่าเรือแหลมฉบัง ตั้งอยู่บนทำเลที่เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญของประเทศไทย อาทิ เขตอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และจังหวัดระยอง ซึ่งถือเป็นที่ตั้งของบริษัทและโรงงานผู้ผลิตสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยหลายแห่ง” . เอเอฟพีรายงานต่อว่า CKฮัตชิสัน โฮลดิ้งส์ ได้บริหารท่า Balboa และท่า Cristobal ที่มหาสมุทรแปซิฟิกและที่ท้ายสุดของมหาสมุทรแอตแลนติกทของคลองเชื่อมมหาสมุทรทั้ง 2 เข้าด้วยกัน . แต่ทว่านับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่มกราคมที่ผ่านมา เขาได้ออกมาอ้างว่าจีนเข้าควบคุมคลองปานามาเส้นเลือดหลักของการขนส่งทางทะเลของโลกที่สำคัญ . เอเอฟพีชี้ว่า ทรัมป์ถึงขั้นปฎิเสธที่จะไม่ทิ้งช่องทางการใช้กำลังทหารเพื่อเข้ารุกรานปานามาเพื่อให้สหรัฐฯกลับมาควบคุมคลองปานามาที่สหรัฐฯเป็นผู้ขุดได้อีกครั้งหลังเคยส่งมอบกลับคืนให้กับเจ้าของประเทศในสมัยอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จิมมี คาร์เตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี

    แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน

    นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79%

    อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย

    สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี

    อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย

    #Newskit
    ลุ้นเปิดสถานีขนส่งใหม่ TBG ก่อนเทศกาลอีดิลฟิตรี แม้สถานีขนส่งผู้โดยสารแบบบูรณาการกอมบัค (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Gombak หรือ TBG) เมืองกอมบัค รัฐสลังงอร์ ประเทศมาเลเซีย จะเลื่อนให้บริการจากเดิมวันที่ 16 ก.พ. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด แต่ก็มีความคืบหน้าจากการตรวจสอบความพร้อมในการให้บริการ ของนายแอนโทเนีย โลค รมว.คมนาคมมาเลเซียและคณะ เมื่อวันที่ 4 มี.ค. โดยคาดว่าจะเริ่มทดลองให้บริการในวันที่ 15 มี.ค. ในเส้นทางชายฝั่งทะเลตะวันออก ปลายทางรัฐปะหัง รัฐตรังกานู และรัฐกลันตัน นายแอนโทเนีย กล่าวว่า หากสถานีขนส่งกอมบัคสามารถเปิดเต็มรูปแบบภายในสิ้นเดือน มี.ค. จะช่วยลดปัญหาการจราจรที่สถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS (ภาษามาเลย์ Terminal Bersepadu Selatan) ในช่วงเทศกาลอีดิลฟิตรีได้ ซึ่งกระทรวงคมนาคม และกรมโยธาธิการมาเลเซีย จะตรวจสอบครั้งสุดท้ายภายในปลายสัปดาห์หน้า นอกจากรถบัสด่วนแล้ว ยังเชื่อมต่อกับรถบัสระหว่างเมือง และรถไฟฟ้ารางเบา (LRT) กอมบัค รวมทั้งโครงการรถไฟ ECRL ที่คืบหน้าแล้ว 79% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วที่สถานีขนส่งกอมบัคยังไม่เปิดให้บริการ ผู้โดยสารยังคงซื้อตั๋วได้สถานีขนส่ง TBS เช่นเดิม โดยการเปิดให้บริการนอกจากจะมีร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหารและเครื่องดื่ม และฮอลล์เอนกประสงค์แล้ว ยังมีแพลตฟอร์มเฉพาะเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการอีกด้วย สำหรับสถานีขนส่งกอมบัค (TBG) ตั้งอยู่ที่ถนนวงแหวนรอบกลางสายที่ 2 (MRR2) กรุงกัวลาลัมเปอร์ ใกล้กับด่านเก็บค่าผ่านทางกอมบัค และสถานีรถไฟฟ้ากอมบัค ปลายทางของรถไฟฟ้า LRT สายเกลานา จายา (Kelana Jaya Line) ซึ่งสามารถเดินทางได้จากสถานีกลาง KL Sentral และสถานี KLCC เป็นอาคารสูง 7 ชั้น พร้อมด้วยพื้นที่เชิงพาณิชย์รวม 1.1 ล้านตารางฟุต 350 ร้านค้า โดยรัฐบาลให้สัมปทานกับเอกชนในการก่อสร้าง ภายใต้โครงการริเริ่มทางการเงินของภาคเอกชน (PFI) ซึ่งบริษัทซีลัน (Zelan) เจ้าของธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมาเลเซีย ระยะเวลา 25 ปี อนึ่ง กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีสถานีขนส่งแบบบูรณาการ TBS เป็นสถานีขนส่งหลัก เปิดให้บริการเมื่อปี 2554 และมีสถานีขนส่งย่อย เช่น สถานีขนส่งปูดูเซ็นทรัล (Pudu Sentral) ซึ่งเป็นอดีตสถานีขนส่งหลักก่อนย้ายไป TBS ใกล้กันจะมีสถานีขนส่งโกตารายา (Kota Raya) อีกด้านหนึ่งยังมีสถานีขนส่งเปอเกลิลิง (Pekeliling) ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าตี้ตี้วังซา (Titiwangsa) หรือจะเป็นสถานีขนส่งเฮนเทียนดูตาร์ (Hentian Duta) ไปยังปลายทางรัฐตอนเหนือ เช่น ปีนัง เคดะห์ เปรัค ปะลิส และที่สถานี KL Sentral ยังมีรถทัวร์ให้บริการอีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส

    "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ

    ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน"

    ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล

    วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป

    ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน

    #Newskit
    หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน" ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน #Newskit
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นี่คือข้อมูลสำคัญ:ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาและเม็กซิโกกำลังสั่นคลอนสถานการณ์- ความหวาดกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้ลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงการเปลี่ยนไปใช้สินทรัพย์ที่ลดความเสี่ยงกำลังเพิ่มแรงกดดันให้ลดลงโดยสรุป เมื่อความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ตกต่ำลง สะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดโดยรวม
    ราคาน้ำมันดิบลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ไม่เคยเห็นนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 นี่คือข้อมูลสำคัญ:ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับแคนาดาและเม็กซิโกกำลังสั่นคลอนสถานการณ์- ความหวาดกลัวภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลให้ผู้ลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงการเปลี่ยนไปใช้สินทรัพย์ที่ลดความเสี่ยงกำลังเพิ่มแรงกดดันให้ลดลงโดยสรุป เมื่อความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันก็ตกต่ำลง สะท้อนถึงความวิตกกังวลของตลาดโดยรวม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • VTT Technical Research Centre of Finland ร่วมกับ IQM Quantum Computers ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบใหม่ที่มีขนาด 50-qubit เป็นครั้งแรกในยุโรป โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับนักวิจัยและบริษัทต่างๆ ผ่านบริการ VTT QX quantum computing service การเปิดตัวครั้งนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฟินแลนด์ในฐานะประเทศที่สามารถพัฒนาและลงทุนในเทคโนโลยีควอนตัมได้อย่างยิ่งใหญ่

    ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 รัฐบาลฟินแลนด์ได้ประกาศแผนการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50-qubit ด้วยงบประมาณทั้งหมด 20.7 ล้านยูโร และในวันนี้คอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว เพื่อให้บริษัทและนักวิจัยสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันควอนตัมคอมพิวติ้งในด้านต่างๆ อย่างการจำลองและโมเดลลิ่งวัสดุ การแก้ปัญหาการปรับปรุงประสิทธิภาพ และปัญญาประดิษฐ์

    รองประธานบริหารของ VTT, Erja Turunen, กล่าวว่าการพัฒนาและสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50-qubit แสดงให้เห็นว่าฟินแลนด์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนี้ คอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้จะช่วยให้พัฒนาการแอปพลิเคชันและอัลกอริทึมใหม่ๆ สำหรับการจำลองและโมเดลลิ่งวัสดุ ปัญหาการปรับปรุงประสิทธิภาพ และปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างมาก

    การพัฒนาโครงการนี้แบ่งออกเป็นสามช่วง เริ่มจากการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 5-qubit ในปี 2021 และต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ได้มีการเชื่อมต่อกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ LUMI ของ CSC สำหรับการใช้งานของนักวิจัยชาวฟินแลนด์ และยังเปิดใช้งานให้กับผู้ใช้งานทางธุรกิจอีกด้วย คอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 20-qubit ได้รับการพัฒนาในปี 2023 และในขั้นตอนสุดท้ายได้ถูกยกระดับเป็น 50 qubits ทำให้สามารถทำการคำนวณที่ไม่สามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์คลาสสิก

    การเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50 qubits เป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีนี้ โดยทำให้สามารถลดเสียงรบกวนของคอมพิวเตอร์และเพิ่มจำนวน qubits ที่ใช้ในการคำนวณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/333563/vtt-and-iqm-launch-first-50-qubit-quantum-computer-developed-in-europe
    VTT Technical Research Centre of Finland ร่วมกับ IQM Quantum Computers ได้เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบใหม่ที่มีขนาด 50-qubit เป็นครั้งแรกในยุโรป โดยคอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้จะเปิดให้ใช้งานสำหรับนักวิจัยและบริษัทต่างๆ ผ่านบริการ VTT QX quantum computing service การเปิดตัวครั้งนี้ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับฟินแลนด์ในฐานะประเทศที่สามารถพัฒนาและลงทุนในเทคโนโลยีควอนตัมได้อย่างยิ่งใหญ่ ย้อนกลับไปในเดือนพฤศจิกายนปี 2020 รัฐบาลฟินแลนด์ได้ประกาศแผนการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50-qubit ด้วยงบประมาณทั้งหมด 20.7 ล้านยูโร และในวันนี้คอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว เพื่อให้บริษัทและนักวิจัยสามารถพัฒนาแอปพลิเคชันควอนตัมคอมพิวติ้งในด้านต่างๆ อย่างการจำลองและโมเดลลิ่งวัสดุ การแก้ปัญหาการปรับปรุงประสิทธิภาพ และปัญญาประดิษฐ์ รองประธานบริหารของ VTT, Erja Turunen, กล่าวว่าการพัฒนาและสร้างคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50-qubit แสดงให้เห็นว่าฟินแลนด์เป็นผู้นำระดับโลกในด้านนี้ คอมพิวเตอร์ควอนตัมตัวใหม่นี้จะช่วยให้พัฒนาการแอปพลิเคชันและอัลกอริทึมใหม่ๆ สำหรับการจำลองและโมเดลลิ่งวัสดุ ปัญหาการปรับปรุงประสิทธิภาพ และปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างมาก การพัฒนาโครงการนี้แบ่งออกเป็นสามช่วง เริ่มจากการพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 5-qubit ในปี 2021 และต่อมาในฤดูใบไม้ผลิปี 2022 ได้มีการเชื่อมต่อกับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ LUMI ของ CSC สำหรับการใช้งานของนักวิจัยชาวฟินแลนด์ และยังเปิดใช้งานให้กับผู้ใช้งานทางธุรกิจอีกด้วย คอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 20-qubit ได้รับการพัฒนาในปี 2023 และในขั้นตอนสุดท้ายได้ถูกยกระดับเป็น 50 qubits ทำให้สามารถทำการคำนวณที่ไม่สามารถทำได้ด้วยคอมพิวเตอร์คลาสสิก การเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 50 qubits เป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีนี้ โดยทำให้สามารถลดเสียงรบกวนของคอมพิวเตอร์และเพิ่มจำนวน qubits ที่ใช้ในการคำนวณอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.techpowerup.com/333563/vtt-and-iqm-launch-first-50-qubit-quantum-computer-developed-in-europe
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    VTT and IQM Launch First 50-Qubit Quantum Computer Developed in Europe
    VTT Technical Research Centre of Finland and IQM Quantum Computers, one of the global leaders in superconducting quantum computers, have completed and launched Europe's first 50-qubit superconducting quantum computer, now open to researchers and companies through the VTT QX quantum computing service...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป

    ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น

    ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง

    ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD)

    ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD) ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุงไม่รู้ว่ายังมีใครใช้ VMware กันอยู่ไหมนะ

    Broadcom ได้ทำการอัปเดตระบบเพื่อแก้ไขช่องโหว่สามจุดที่ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดย Microsoft Threat Intelligence Center โดยช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของ VMware เช่น VMware ESXi, vSphere, Workstation, Fusion, Cloud Foundation และ Telco Cloud Platform

    ช่องโหว่ทั้ง 3 ที่ถูกระบุว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรงและมีการโจมตีแล้ว ได้แก่:
    - CVE-2025-22224: เป็นช่องโหว่ VCMI heap overflow ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบใน VM สามารถรันโค้ดในกระบวนการ VMX บนโฮสต์ได้
    - CVE-2025-22225: เป็นช่องโหว่ที่อนุญาตให้กระบวนการ VMX ทำการเขียนข้อมูลเข้าสู่เคอร์เนลแบบไม่มีการยืนยันตัวตน ทำให้เกิดการหนีออกจากแซนด์บ็อกซ์ (sandbox escape)
    - CVE-2025-22226: เป็นช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล (HGFS information-disclosure flaw) ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถดึงข้อมูลหน่วยความจำจากกระบวนการ VMX ได้

    ช่องโหว่เหล่านี้ถูกโจมตีในสภาพแวดล้อมจริง ๆ แล้ว Broadcom ได้รับข้อมูลการโจมตีที่เกิดขึ้นจริงและออกมาประกาศเตือนลูกค้าให้ทำการอัปเดตระบบโดยเร็ว

    สำหรับผู้ที่ใช้งาน VMware ในองค์กร ควรตรวจสอบและอัปเดตระบบให้เป็นรุ่นล่าสุดเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตี ทั้งนี้ VMware เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์และแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เนื่องจากใช้งานในองค์กรใหญ่ ๆ ในการเก็บและส่งข้อมูลสำคัญ

    Broadcom ได้เตือนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่ามีการโจมตีช่องโหว่ของ VMware vCenter Server ที่ถูกแพตช์ในเดือนกันยายน ช่องโหว่นี้อนุญาตให้ทำการยกระดับสิทธิ์ไปถึง root (CVE-2024-38813) และการรันโค้ดจากระยะไกล (CVE-2024-38812) นอกจากนี้ในเดือนมกราคม 2024 Broadcom ยังได้เปิดเผยว่ามีการโจมตีช่องโหว่ของ vCenter Server ที่สำคัญ (CVE-2023-34048) ตั้งแต่ปลายปี 2021 ที่ใช้ในการติดตั้ง backdoor ใน ESXi hosts

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/broadcom-fixes-three-vmware-zero-days-exploited-in-attacks/
    ลุงไม่รู้ว่ายังมีใครใช้ VMware กันอยู่ไหมนะ Broadcom ได้ทำการอัปเดตระบบเพื่อแก้ไขช่องโหว่สามจุดที่ถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกค้นพบและรายงานโดย Microsoft Threat Intelligence Center โดยช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ของ VMware เช่น VMware ESXi, vSphere, Workstation, Fusion, Cloud Foundation และ Telco Cloud Platform ช่องโหว่ทั้ง 3 ที่ถูกระบุว่าเป็นช่องโหว่ร้ายแรงและมีการโจมตีแล้ว ได้แก่: - CVE-2025-22224: เป็นช่องโหว่ VCMI heap overflow ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบใน VM สามารถรันโค้ดในกระบวนการ VMX บนโฮสต์ได้ - CVE-2025-22225: เป็นช่องโหว่ที่อนุญาตให้กระบวนการ VMX ทำการเขียนข้อมูลเข้าสู่เคอร์เนลแบบไม่มีการยืนยันตัวตน ทำให้เกิดการหนีออกจากแซนด์บ็อกซ์ (sandbox escape) - CVE-2025-22226: เป็นช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการเปิดเผยข้อมูล (HGFS information-disclosure flaw) ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ผู้ดูแลระบบสามารถดึงข้อมูลหน่วยความจำจากกระบวนการ VMX ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกโจมตีในสภาพแวดล้อมจริง ๆ แล้ว Broadcom ได้รับข้อมูลการโจมตีที่เกิดขึ้นจริงและออกมาประกาศเตือนลูกค้าให้ทำการอัปเดตระบบโดยเร็ว สำหรับผู้ที่ใช้งาน VMware ในองค์กร ควรตรวจสอบและอัปเดตระบบให้เป็นรุ่นล่าสุดเพื่อลดความเสี่ยงจากการโจมตี ทั้งนี้ VMware เป็นหนึ่งในเป้าหมายหลักของกลุ่มแรนซัมแวร์และแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เนื่องจากใช้งานในองค์กรใหญ่ ๆ ในการเก็บและส่งข้อมูลสำคัญ Broadcom ได้เตือนเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาว่ามีการโจมตีช่องโหว่ของ VMware vCenter Server ที่ถูกแพตช์ในเดือนกันยายน ช่องโหว่นี้อนุญาตให้ทำการยกระดับสิทธิ์ไปถึง root (CVE-2024-38813) และการรันโค้ดจากระยะไกล (CVE-2024-38812) นอกจากนี้ในเดือนมกราคม 2024 Broadcom ยังได้เปิดเผยว่ามีการโจมตีช่องโหว่ของ vCenter Server ที่สำคัญ (CVE-2023-34048) ตั้งแต่ปลายปี 2021 ที่ใช้ในการติดตั้ง backdoor ใน ESXi hosts https://www.bleepingcomputer.com/news/security/broadcom-fixes-three-vmware-zero-days-exploited-in-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Broadcom fixes three VMware zero-days exploited in attacks
    Broadcom warned customers today about three VMware zero-days, tagged as exploited in attacks and reported by the Microsoft Threat Intelligence Center.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้เตือนหน่วยงานรัฐบาลให้เสริมความปลอดภัยของระบบจากการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในระบบของ Cisco และ Windows ซึ่งถูกระบุว่าเป็นช่องโหว่ที่ถูกโจมตีอย่างแข็งขัน

    ช่องโหว่แรก (CVE-2023-20118) ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งใด ๆ บนอุปกรณ์ VPN เราเตอร์รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320, และ RV325 ของ Cisco ได้ แม้ว่าผู้โจมตีต้องการข้อมูลการเข้าถึงระดับผู้ดูแลระบบที่ถูกต้อง แต่ก็สามารถเชื่อมโยงกับการเลี่ยงการยืนยันตัวตน (CVE-2023-20025) ที่ให้สิทธิ์ root ได้เช่นกัน ช่องโหว่นี้ถูกระบุและประกาศในเดือนมกราคม 2023 และมีการเผยแพร่โค้ดการโจมตีให้เห็นในที่สาธารณะ

    ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2018-8639) เป็นช่องโหว่ใน Win32k ที่ทำให้ผู้โจมตีในระบบสามารถรันโค้ดในโหมดเคอร์เนลได้ ซึ่งการโจมตีสำเร็จจะทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนข้อมูลหรือสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ที่มีสิทธิ์เต็มบนอุปกรณ์ Windows ที่มีช่องโหว่นี้

    CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ทั้งสองนี้ในรายการช่องโหว่ที่ถูกโจมตี และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาล (FCEB) ต้องเสริมความปลอดภัยในเครือข่ายภายในสามสัปดาห์หรือภายในวันที่ 23 มีนาคม

    สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้ง Microsoft และ Cisco ยังไม่ได้ปรับปรุงประกาศความปลอดภัยหลังจาก CISA ระบุว่าช่องโหว่นี้ถูกโจมตี นอกจากนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา CISA ยังได้ประกาศว่าช่องโหว่ใน Microsoft Outlook (CVE-2024-21413) ถูกโจมตีและกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตระบบภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-tags-windows-and-cisco-vulnerabilities-as-actively-exploited/
    หน่วยงานด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ของสหรัฐฯ (CISA) ได้เตือนหน่วยงานรัฐบาลให้เสริมความปลอดภัยของระบบจากการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในระบบของ Cisco และ Windows ซึ่งถูกระบุว่าเป็นช่องโหว่ที่ถูกโจมตีอย่างแข็งขัน ช่องโหว่แรก (CVE-2023-20118) ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งใด ๆ บนอุปกรณ์ VPN เราเตอร์รุ่น RV016, RV042, RV042G, RV082, RV320, และ RV325 ของ Cisco ได้ แม้ว่าผู้โจมตีต้องการข้อมูลการเข้าถึงระดับผู้ดูแลระบบที่ถูกต้อง แต่ก็สามารถเชื่อมโยงกับการเลี่ยงการยืนยันตัวตน (CVE-2023-20025) ที่ให้สิทธิ์ root ได้เช่นกัน ช่องโหว่นี้ถูกระบุและประกาศในเดือนมกราคม 2023 และมีการเผยแพร่โค้ดการโจมตีให้เห็นในที่สาธารณะ ช่องโหว่ที่สอง (CVE-2018-8639) เป็นช่องโหว่ใน Win32k ที่ทำให้ผู้โจมตีในระบบสามารถรันโค้ดในโหมดเคอร์เนลได้ ซึ่งการโจมตีสำเร็จจะทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนข้อมูลหรือสร้างบัญชีผู้ใช้ใหม่ที่มีสิทธิ์เต็มบนอุปกรณ์ Windows ที่มีช่องโหว่นี้ CISA ได้เพิ่มช่องโหว่ทั้งสองนี้ในรายการช่องโหว่ที่ถูกโจมตี และกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาล (FCEB) ต้องเสริมความปลอดภัยในเครือข่ายภายในสามสัปดาห์หรือภายในวันที่ 23 มีนาคม สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้ง Microsoft และ Cisco ยังไม่ได้ปรับปรุงประกาศความปลอดภัยหลังจาก CISA ระบุว่าช่องโหว่นี้ถูกโจมตี นอกจากนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา CISA ยังได้ประกาศว่าช่องโหว่ใน Microsoft Outlook (CVE-2024-21413) ถูกโจมตีและกำหนดให้หน่วยงานรัฐบาลต้องอัปเดตระบบภายในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/cisa-tags-windows-and-cisco-vulnerabilities-as-actively-exploited/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    CISA tags Windows, Cisco vulnerabilities as actively exploited
    CISA has warned US federal agencies to secure their systems against attacks exploiting vulnerabilities in Cisco and Windows systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • Eutelsat กำลังเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในยูเครน ข่าวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หุ้นของ Eutelsat พุ่งสูงขึ้นกว่า 3 เท่าภายในสองวัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า OneWeb ดาวเทียมจะเข้ามาแทนที่ Starlink ของ Elon Musk ในยูเครน

    หุ้นของกลุ่มดาวเทียมฝรั่งเศส-อังกฤษนี้เพิ่มมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านยูโรในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่มีความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดียูเครน Volodymyr Zelenskiy และประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของ Starlink ในยูเครน ผู้นำจากเศรษฐกิจหลักในยุโรปเห็นพ้องที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกัน และคณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอแผนการป้องกันมูลค่า 800 พันล้านยูโร

    โฆษกของ Eutelsat ได้กล่าวกับ Reuters ว่า "เรากำลังแลกเปลี่ยนกับสหภาพยุโรปว่าเราจะสามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพของยูเครนได้อย่างไร" บริษัทนี้ยังมีความสามารถดาวเทียม Geostationary (GEO) ที่สามารถใช้ในบางแอปพลิเคชันในยูเครนได้เช่นกัน Eutelsat ยังได้เสริมความสำคัญในการเพิ่มความมั่นคงด้านดาวเทียมให้ยุโรป และการให้บริการอินเทอร์เน็ตในยูเครน

    Eutelsat ดำเนินการดาวเทียม GEO จำนวน 35 ดวง และได้ขยายเครือข่ายดาวเทียม Low Earth Orbit (LEO) ถึง 600 ดวงหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ OneWeb จากสหราชอาณาจักรในปี 2023 ดาวเทียม LEO ของ OneWeb นี้เหมือนกับที่ใช้งานโดย SpaceX's Starlink ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุม 125 ประเทศ Eutelsat กล่าวว่าให้บริการที่คล้ายคลึงกับ Starlink ในแง่ของการครอบคลุมและความหน่วง

    การเจรจาและการพัฒนานี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของ Eutelsat ในการเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันของยุโรป และความสามารถของ Eutelsat ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพในภูมิภาคที่ต้องการ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/eutelsat-shares-more-than-triple-in-value-as-investors-bet-on-oneweb-satellites
    Eutelsat กำลังเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อเพิ่มการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมในยูเครน ข่าวนี้เกิดขึ้นในช่วงที่หุ้นของ Eutelsat พุ่งสูงขึ้นกว่า 3 เท่าภายในสองวัน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า OneWeb ดาวเทียมจะเข้ามาแทนที่ Starlink ของ Elon Musk ในยูเครน หุ้นของกลุ่มดาวเทียมฝรั่งเศส-อังกฤษนี้เพิ่มมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านยูโรในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่มีความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดียูเครน Volodymyr Zelenskiy และประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับอนาคตของ Starlink ในยูเครน ผู้นำจากเศรษฐกิจหลักในยุโรปเห็นพ้องที่จะเพิ่มการใช้จ่ายด้านการป้องกัน และคณะกรรมาธิการยุโรปได้เสนอแผนการป้องกันมูลค่า 800 พันล้านยูโร โฆษกของ Eutelsat ได้กล่าวกับ Reuters ว่า "เรากำลังแลกเปลี่ยนกับสหภาพยุโรปว่าเราจะสามารถมีส่วนร่วมในการเพิ่มประสิทธิภาพของยูเครนได้อย่างไร" บริษัทนี้ยังมีความสามารถดาวเทียม Geostationary (GEO) ที่สามารถใช้ในบางแอปพลิเคชันในยูเครนได้เช่นกัน Eutelsat ยังได้เสริมความสำคัญในการเพิ่มความมั่นคงด้านดาวเทียมให้ยุโรป และการให้บริการอินเทอร์เน็ตในยูเครน Eutelsat ดำเนินการดาวเทียม GEO จำนวน 35 ดวง และได้ขยายเครือข่ายดาวเทียม Low Earth Orbit (LEO) ถึง 600 ดวงหลังจากการเข้าซื้อกิจการของ OneWeb จากสหราชอาณาจักรในปี 2023 ดาวเทียม LEO ของ OneWeb นี้เหมือนกับที่ใช้งานโดย SpaceX's Starlink ซึ่งให้บริการอินเทอร์เน็ตครอบคลุม 125 ประเทศ Eutelsat กล่าวว่าให้บริการที่คล้ายคลึงกับ Starlink ในแง่ของการครอบคลุมและความหน่วง การเจรจาและการพัฒนานี้เน้นให้เห็นถึงความสำคัญของ Eutelsat ในการเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันของยุโรป และความสามารถของ Eutelsat ในการให้บริการอินเทอร์เน็ตที่มีคุณภาพในภูมิภาคที่ต้องการ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/eutelsat-shares-more-than-triple-in-value-as-investors-bet-on-oneweb-satellites
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Eutelsat in talks with EU to ramp up satellite internet to Ukraine, as shares soar
    (Reuters) -Eutelsat is in talks with the European Union to supply additional internet access to Ukraine, it said on Tuesday, amid a two-day surge in its shares on the prospect that OneWeb satellites could replace Elon Musk's Starlink there.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มผู้นำด้านโทรคมนาคมในยุโรปไม่พอใจกับระบบราชการของสหภาพยุโรป โดยกล่าวว่าการจัดการที่ยุ่งยากเกินไปทำให้การรวมตัวของบริษัทต่าง ๆ เป็นไปได้ยาก ซึ่งส่งผลให้ยุโรปล้าหลังเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ และเอเชีย

    Tim Höttges ซีอีโอของ Deutsche Telekom AG กล่าวในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนาว่า “ยุโรปต้องการอะไรสักอย่างเช่น DOGE” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุโรปถูกจำกัดด้วยกำไรที่ต่ำและการแข่งขันที่สูง

    ในงานดังกล่าว ซีอีโอของ Vodafone, Orange SA และ Telefonica SA ก็แสดงความเห็นด้วยกับ Höttges โดยบอกว่ายุโรปยังตามหลังในการพัฒนา 5G และมีความจำเป็นต้องมีการรวมตัวของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน

    รายงานจากอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป Mario Draghi แนะนำว่าสหภาพยุโรปควรสนับสนุนการรวมตัวของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม Teresa Ribera หัวหน้าฝ่ายการควบคุมการผูกขาดของสหภาพยุโรปยังไม่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การรวมตัวให้เกิดขึ้นได้

    Höttges กล่าวว่าควรเลียนแบบสิ่งที่สหรัฐฯ ทำ โดยยกตัวอย่างจีนที่มีเพียงสามผู้ประกอบการและอินเดียที่ลดจำนวนผู้ประกอบการลงเหลือสามราย และการดำเนินการนี้ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ดี

    ในการประชุมนี้ยังมีผู้นำบริษัทต่าง ๆ เช่น Telefonica, Emirates Telecommunications Group, Telenor และ Bharti Airtel แสดงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่ง Sunil Bharti Mittal ประธาน Bharti Airtel กล่าวว่าผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/europe-needs-a-doge-telecom-ceos-fume-at-eu-bureaucracy
    กลุ่มผู้นำด้านโทรคมนาคมในยุโรปไม่พอใจกับระบบราชการของสหภาพยุโรป โดยกล่าวว่าการจัดการที่ยุ่งยากเกินไปทำให้การรวมตัวของบริษัทต่าง ๆ เป็นไปได้ยาก ซึ่งส่งผลให้ยุโรปล้าหลังเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในสหรัฐฯ และเอเชีย Tim Höttges ซีอีโอของ Deutsche Telekom AG กล่าวในงาน Mobile World Congress ที่บาร์เซโลนาว่า “ยุโรปต้องการอะไรสักอย่างเช่น DOGE” ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งขึ้นโดยรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดี Donald Trump เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เขายังกล่าวเพิ่มเติมว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในยุโรปถูกจำกัดด้วยกำไรที่ต่ำและการแข่งขันที่สูง ในงานดังกล่าว ซีอีโอของ Vodafone, Orange SA และ Telefonica SA ก็แสดงความเห็นด้วยกับ Höttges โดยบอกว่ายุโรปยังตามหลังในการพัฒนา 5G และมีความจำเป็นต้องมีการรวมตัวของบริษัทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการแข่งขัน รายงานจากอดีตประธานธนาคารกลางยุโรป Mario Draghi แนะนำว่าสหภาพยุโรปควรสนับสนุนการรวมตัวของบริษัทในอุตสาหกรรมนี้เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดอื่น ๆ ได้ อย่างไรก็ตาม Teresa Ribera หัวหน้าฝ่ายการควบคุมการผูกขาดของสหภาพยุโรปยังไม่สามารถผลักดันการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์การรวมตัวให้เกิดขึ้นได้ Höttges กล่าวว่าควรเลียนแบบสิ่งที่สหรัฐฯ ทำ โดยยกตัวอย่างจีนที่มีเพียงสามผู้ประกอบการและอินเดียที่ลดจำนวนผู้ประกอบการลงเหลือสามราย และการดำเนินการนี้ช่วยให้พวกเขาเติบโตได้ดี ในการประชุมนี้ยังมีผู้นำบริษัทต่าง ๆ เช่น Telefonica, Emirates Telecommunications Group, Telenor และ Bharti Airtel แสดงความไม่พอใจว่าพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เพียงพอจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ซึ่ง Sunil Bharti Mittal ประธาน Bharti Airtel กล่าวว่าผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 4% ซึ่งถือว่าน้อยมาก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/europe-needs-a-doge-telecom-ceos-fume-at-eu-bureaucracy
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Europe needs a DOGE': Telecom CEOs fume at EU bureaucracy
    European telecommunications executives gathered at the continent's biggest trade show railed against over-regulation, blaming Brussels for preventing consolidation in the industry that's fallen behind peers in the US and Asia.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาหน้าใหม่จำนวนมากเริ่มพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาของพวกเขาลดลง ซึ่งสร้างความกังวลในวงการเทคโนโลยี

    จากการรายงานของ Futurism.comโดย Namanyay Goel นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เขาได้กล่าวว่านักพัฒนาหน้าใหม่ที่เขาได้พูดคุยด้วยนั้นขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโค้ดที่พวกเขาเขียน “นักพัฒนารุ่นใหม่นี้ใช้ Copilot, Claude หรือ GPT ตลอดเวลา พวกเขาส่งโค้ดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าถามว่าทำไมโค้ดถึงทำงานแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบอื่น พวกเขาเงียบกริบ” Goel กล่าว

    Goel ยังเสริมอีกว่าความรู้พื้นฐานที่เคยได้จากการต่อสู้กับปัญหาได้หายไป โดยเขากังวลว่าเมื่อมีปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไปอาจไม่สามารถเข้าใจและแก้ไขได้

    ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเขียนโค้ดเท่านั้น ในขณะที่ AI มีความสามารถมากขึ้น บริษัทเล็ก ๆ อาจถูกล่อลวงให้นำ AI มาใช้เติมช่องว่างทักษะในทีมงาน แทนที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์

    Goel สรุปประเด็นนี้ไว้ในประโยคเดียวว่า “เราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เรายอมเสียไปเพื่อความสะดวกสบาย” นี่เป็นการเตือนให้ผู้ประกอบการและผู้จัดการคำนึงถึงคุณค่าของผู้เชี่ยวชาญในทีม และมั่นใจว่านักพัฒนารุ่นใหม่เข้าใจทฤษฎีพื้นฐานของงานที่ทำอยู่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/a-new-ai-worry-many-young-coders-no-longer-know-how-their-code-really-works
    นักพัฒนาหน้าใหม่จำนวนมากเริ่มพึ่งพา AI ในการเขียนโค้ดมากขึ้น ซึ่งทำให้ความสามารถในการเข้าใจและแก้ไขปัญหาของพวกเขาลดลง ซึ่งสร้างความกังวลในวงการเทคโนโลยี จากการรายงานของ Futurism.comโดย Namanyay Goel นักพัฒนาที่มีประสบการณ์ เขาได้กล่าวว่านักพัฒนาหน้าใหม่ที่เขาได้พูดคุยด้วยนั้นขาดความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับโค้ดที่พวกเขาเขียน “นักพัฒนารุ่นใหม่นี้ใช้ Copilot, Claude หรือ GPT ตลอดเวลา พวกเขาส่งโค้ดได้เร็วขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าถามว่าทำไมโค้ดถึงทำงานแบบนี้แทนที่จะเป็นแบบอื่น พวกเขาเงียบกริบ” Goel กล่าว Goel ยังเสริมอีกว่าความรู้พื้นฐานที่เคยได้จากการต่อสู้กับปัญหาได้หายไป โดยเขากังวลว่าเมื่อมีปัญหาที่ซับซ้อน นักพัฒนาที่พึ่งพา AI มากเกินไปอาจไม่สามารถเข้าใจและแก้ไขได้ ปัญหานี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะการเขียนโค้ดเท่านั้น ในขณะที่ AI มีความสามารถมากขึ้น บริษัทเล็ก ๆ อาจถูกล่อลวงให้นำ AI มาใช้เติมช่องว่างทักษะในทีมงาน แทนที่จะจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ Goel สรุปประเด็นนี้ไว้ในประโยคเดียวว่า “เราต้องซื่อสัตย์กับสิ่งที่เรายอมเสียไปเพื่อความสะดวกสบาย” นี่เป็นการเตือนให้ผู้ประกอบการและผู้จัดการคำนึงถึงคุณค่าของผู้เชี่ยวชาญในทีม และมั่นใจว่านักพัฒนารุ่นใหม่เข้าใจทฤษฎีพื้นฐานของงานที่ทำอยู่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/04/a-new-ai-worry-many-young-coders-no-longer-know-how-their-code-really-works
    WWW.THESTAR.COM.MY
    A new AI worry: Many young coders no longer know how their code really works
    Research recently showed that using AI may impact workers' long term critical thinking powers. Another alarm bell raises worries that overreliance on AI to help write code will also have a long-term on the workplace.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมเบื้องหลังเว็บเบราว์เซอร์ Opera ได้ประกาศเปิดตัว AI ใหม่ที่เรียกว่า Browser Operator ซึ่งสามารถทำงานในการท่องเว็บสำหรับผู้ใช้ได้ การท่องเว็บแบบเอเจนต์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเป็นวิวัฒนาการถัดไปของเว็บเบราว์เซอร์

    Browser Operator ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้ ด้วยการให้ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการทำในภาษาธรรมชาติ แล้วเบราว์เซอร์จะดำเนินการให้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ Browser Operator ซื้อรองเท้าวิ่งสีชมพูจาก Nike ขนาด 8.5 ให้ หลังจากนั้น Browser Operator จะดำเนินการตามคำขอนี้ และผู้ใช้สามารถดูได้ตลอดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการนี้ ทำให้ผู้ใช้ยังคงควบคุมได้ทั้งหมด

    Opera กำลังเปลี่ยนแปลงเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นระบบนิเวศที่เน้นผู้ใช้ โดยใช้โซลูชันที่ทำงานภายในเครื่องเพื่อทำงานในขณะที่ยังคงปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Browser Operator ทำงานภายในเบราว์เซอร์และใช้ DOM Tree และข้อมูลการจัดวางของเบราว์เซอร์เพื่อให้ได้บริบท ทำให้การทำงานเร็วขึ้นเพราะไม่ต้อง "ดู" และเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอจากพิกเซลหรือการนำทางด้วยเมาส์ Browser Operator สามารถเข้าถึงหน้าเว็บทั้งหน้าได้พร้อมกันโดยไม่ต้องเลื่อน ซึ่งลดเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานลง

    Browser Operator อยู่ในสถานะพรีวิวฟีเจอร์และคาดว่าจะพร้อมใช้งานในอนาคตในโปรแกรม Opera Feature Drop โดย Opera มีแผนจะเปิดให้ใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้

    https://www.zdnet.com/article/opera-unveils-impressive-preview-of-ai-agentic-browsing-see-it-in-action/
    ทีมเบื้องหลังเว็บเบราว์เซอร์ Opera ได้ประกาศเปิดตัว AI ใหม่ที่เรียกว่า Browser Operator ซึ่งสามารถทำงานในการท่องเว็บสำหรับผู้ใช้ได้ การท่องเว็บแบบเอเจนต์นี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเป็นวิวัฒนาการถัดไปของเว็บเบราว์เซอร์ Browser Operator ถูกออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของผู้ใช้ ด้วยการให้ผู้ใช้สามารถอธิบายสิ่งที่ต้องการทำในภาษาธรรมชาติ แล้วเบราว์เซอร์จะดำเนินการให้ ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถขอให้ Browser Operator ซื้อรองเท้าวิ่งสีชมพูจาก Nike ขนาด 8.5 ให้ หลังจากนั้น Browser Operator จะดำเนินการตามคำขอนี้ และผู้ใช้สามารถดูได้ตลอดว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการนี้ ทำให้ผู้ใช้ยังคงควบคุมได้ทั้งหมด Opera กำลังเปลี่ยนแปลงเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นระบบนิเวศที่เน้นผู้ใช้ โดยใช้โซลูชันที่ทำงานภายในเครื่องเพื่อทำงานในขณะที่ยังคงปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ Browser Operator ทำงานภายในเบราว์เซอร์และใช้ DOM Tree และข้อมูลการจัดวางของเบราว์เซอร์เพื่อให้ได้บริบท ทำให้การทำงานเร็วขึ้นเพราะไม่ต้อง "ดู" และเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอจากพิกเซลหรือการนำทางด้วยเมาส์ Browser Operator สามารถเข้าถึงหน้าเว็บทั้งหน้าได้พร้อมกันโดยไม่ต้องเลื่อน ซึ่งลดเวลาที่ต้องใช้ในการทำงานลง Browser Operator อยู่ในสถานะพรีวิวฟีเจอร์และคาดว่าจะพร้อมใช้งานในอนาคตในโปรแกรม Opera Feature Drop โดย Opera มีแผนจะเปิดให้ใช้งานในอนาคตอันใกล้นี้ https://www.zdnet.com/article/opera-unveils-impressive-preview-of-ai-agentic-browsing-see-it-in-action/
    WWW.ZDNET.COM
    Opera unveils impressive preview of AI agentic browsing - see it in action
    If you've been waiting for a better conjunction of web browser and AI, the wait is almost over, thanks to Opera.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปูตินยอมตกลงเป็นตัวกลางในการเจรจากับอิหร่าน หลังจากทรัมป์ร้องขอ
    -บลูมเบิร์กรายงาน

    - ทรัมป์โทรศัพท์ไปถามปูตินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจึงได้มีการหารือเรื่องนี้ในการประชุมระหว่างลาฟรอฟและรูบิโอที่ริยาด

    - ทรัมป์ต้องการเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาและกองกำลังติดอาวุธตัวแทนของอิหร่านในตะวันออกกลาง

    - เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่า "รัสเซียเชื่อว่าสหรัฐฯ และอิหร่านควรแก้ไขปัญหาทั้งหมดผ่านการเจรจา" และมอสโก "พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้"

    - กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านกล่าวว่า "เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นไปได้ที่หลายฝ่ายจะแสดงความปรารถนาดีและความพร้อมที่จะช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และแน่นอนว่าประเทศต่างๆ จะเสนอความช่วยเหลือหากจำเป็น"
    ปูตินยอมตกลงเป็นตัวกลางในการเจรจากับอิหร่าน หลังจากทรัมป์ร้องขอ -บลูมเบิร์กรายงาน - ทรัมป์โทรศัพท์ไปถามปูตินเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจึงได้มีการหารือเรื่องนี้ในการประชุมระหว่างลาฟรอฟและรูบิโอที่ริยาด - ทรัมป์ต้องการเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขาและกองกำลังติดอาวุธตัวแทนของอิหร่านในตะวันออกกลาง - เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวว่า "รัสเซียเชื่อว่าสหรัฐฯ และอิหร่านควรแก้ไขปัญหาทั้งหมดผ่านการเจรจา" และมอสโก "พร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้" - กระทรวงการต่างประเทศของอิหร่านกล่าวว่า "เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของปัญหาเหล่านี้ จึงเป็นไปได้ที่หลายฝ่ายจะแสดงความปรารถนาดีและความพร้อมที่จะช่วยเหลือในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และแน่นอนว่าประเทศต่างๆ จะเสนอความช่วยเหลือหากจำเป็น"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพบัตรประชาชนในมือถือท่าน โปรดระวังนะครับ! 📲
    มุกใหม่มิจฉาชีพ สวมบัตรประชาชน เปิดซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม ขอรหัส otp ล้วงเงินบัตรเครดิต
    .
    ขณะนี้มีมิจฉาชีพปลอมแปลงบัตรประชาชนของผู้เสียหาย โดยตัดต่อใบหน้าของมิจฉาชีพไปใส่แทนภาพถ่ายบัตรประชาชนของผู้เสียหาย แล้วนำไปขอออกซิมการ์ดใหม่แต่ใช้เบอร์เดิม
    .
    เมื่อมิจฉาชีพเข้าใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้แล้ว มิจฉาชีพก็จะเข้าสู่ระบบของบัตรเครดิตผู้เสียหาย เพื่อขอรหัส OTP ในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ก่อนจะนำไปบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปใช้จ่าย สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก
    .
    ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอเตือนภัย ให้ระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ให้กับหน่วยงานหรือบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่ขอข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพครับ
    .
    ที่มา ตำรวจสอบสวนกลาง CIB
    ภาพบัตรประชาชนในมือถือท่าน โปรดระวังนะครับ! 📲 มุกใหม่มิจฉาชีพ สวมบัตรประชาชน เปิดซิมการ์ดใหม่เบอร์เดิม ขอรหัส otp ล้วงเงินบัตรเครดิต . ขณะนี้มีมิจฉาชีพปลอมแปลงบัตรประชาชนของผู้เสียหาย โดยตัดต่อใบหน้าของมิจฉาชีพไปใส่แทนภาพถ่ายบัตรประชาชนของผู้เสียหาย แล้วนำไปขอออกซิมการ์ดใหม่แต่ใช้เบอร์เดิม . เมื่อมิจฉาชีพเข้าใช้งานหมายเลขโทรศัพท์ของผู้เสียหายได้แล้ว มิจฉาชีพก็จะเข้าสู่ระบบของบัตรเครดิตผู้เสียหาย เพื่อขอรหัส OTP ในการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต ก่อนจะนำไปบัตรเครดิตของผู้เสียหายไปใช้จ่าย สร้างความเสียหายเป็นอย่างมาก . ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) จึงขอเตือนภัย ให้ระมัดระวังในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคล เช่น บัตรประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ให้กับหน่วยงานหรือบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของหน่วยงานที่ขอข้อมูลส่วนบุคคลทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยและไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพครับ . ที่มา ตำรวจสอบสวนกลาง CIB
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คมนาคม”สั่ง ขบ.-ทล.สำรวจจุดเสี่ยงถนนลงเขาลาดชัด จัดโซนนิ่งห้ามรถ 2 ชั้นแบบเช่าเหมาผ่าน "แม่ฮ่องสอน น่าน และทล. 304" พร้อมปรับปรุงป้ายเตือน เพิ่มคนขับ 2 คน ระยะทาง 400 กม. เพิ่มระบบเตือนล่วงหน้าใน GPS ขบ.เผยคุมกำเนิดรถ 2 ชั้นห้ามจดทะเบียนตั้งแต่ปี 60

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021146

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “คมนาคม”สั่ง ขบ.-ทล.สำรวจจุดเสี่ยงถนนลงเขาลาดชัด จัดโซนนิ่งห้ามรถ 2 ชั้นแบบเช่าเหมาผ่าน "แม่ฮ่องสอน น่าน และทล. 304" พร้อมปรับปรุงป้ายเตือน เพิ่มคนขับ 2 คน ระยะทาง 400 กม. เพิ่มระบบเตือนล่วงหน้าใน GPS ขบ.เผยคุมกำเนิดรถ 2 ชั้นห้ามจดทะเบียนตั้งแต่ปี 60 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021146 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพและรัฐบาลทหารของพม่า จะพบหารือกันในเครมลินวันนี้ (4) หลังจากนั้นพวกเขาจะลงนามในเอกสารและออกแถลงต่อสื่อ เครมลินระบุ

    พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อายุ 68 ปี ที่เดินทางไปต่างประเทศไม่บ่อยนัก ได้รับการต้อนรับจากเซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงเช้าวันอังคาร ก่อนร่วมการประชุมที่วางแผนไว้กับปูตินและกระทรวงกลาโหม ตามการรายงานของสื่อรัสเซีย

    “เราพัฒนาความสัมพันธ์กับพม่าอย่างแข็งขันมาก นี่คือหุ้นส่วนที่มีความสำคัญมากของเราในเอเชียตะวันออก” เปซคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000021131

    #MGROnline #รัสเซีย #มินอ่องหล่าย #ผู้นำกองทัพ #รัฐบาลทหาร #พม่า
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำกองทัพและรัฐบาลทหารของพม่า จะพบหารือกันในเครมลินวันนี้ (4) หลังจากนั้นพวกเขาจะลงนามในเอกสารและออกแถลงต่อสื่อ เครมลินระบุ • พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย อายุ 68 ปี ที่เดินทางไปต่างประเทศไม่บ่อยนัก ได้รับการต้อนรับจากเซอร์เก ชอยกู เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ในช่วงเช้าวันอังคาร ก่อนร่วมการประชุมที่วางแผนไว้กับปูตินและกระทรวงกลาโหม ตามการรายงานของสื่อรัสเซีย • “เราพัฒนาความสัมพันธ์กับพม่าอย่างแข็งขันมาก นี่คือหุ้นส่วนที่มีความสำคัญมากของเราในเอเชียตะวันออก” เปซคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000021131 • #MGROnline #รัสเซีย #มินอ่องหล่าย #ผู้นำกองทัพ #รัฐบาลทหาร #พม่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • แก๊งวัยรุ่นไทยใหญ่สุดเหิม ยกพวกรุมกระทบหนุ่มไทยวัย 18 ปีกับเพื่อนพร้อมชักมีดแทงดับคาตลาดสดกลางเมืองเชียงใหม่ เหตุไม่พอใจที่มองหน้า ขณะที่ตำรวจโชว์ฝีมือติดตามรวบตัวผู้ก่อเหตุได้ทันควัน 6 คน จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 2 คนทราบตัวแล้วและน่าจะจับกุมตัวได้ในเร็วๆนี้ เบื้องต้นตั้งข้อหาเจตนาฆ่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021098

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แก๊งวัยรุ่นไทยใหญ่สุดเหิม ยกพวกรุมกระทบหนุ่มไทยวัย 18 ปีกับเพื่อนพร้อมชักมีดแทงดับคาตลาดสดกลางเมืองเชียงใหม่ เหตุไม่พอใจที่มองหน้า ขณะที่ตำรวจโชว์ฝีมือติดตามรวบตัวผู้ก่อเหตุได้ทันควัน 6 คน จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งเป็นเยาวชนทั้งหมด ส่วนที่เหลืออีก 2 คนทราบตัวแล้วและน่าจะจับกุมตัวได้ในเร็วๆนี้ เบื้องต้นตั้งข้อหาเจตนาฆ่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000021098 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts