• รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อ ห้ามไม่ให้ผู้บริโภคใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต และจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตถูกนำเข้าสู่การกำกับดูแลเป็นครั้งแรก

    กระทรวงการคลังของอังกฤษประกาศว่า จะบังคับใช้กฎระเบียบกับตลาดคริปโต โดยให้ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต อยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่

    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FCA) ระบุว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตในสหราชอาณาจักรใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2022 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุม

    ✅ การห้ามใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต
    - รัฐบาลต้องการ ลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้บริโภค
    - FCA พบว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024

    ✅ การกำกับดูแลตลาดคริปโต
    - กระทรวงการคลังจะบังคับใช้กฎระเบียบกับ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต
    - ต้องการ กำจัดผู้เล่นที่ไม่โปร่งใส และสนับสนุน นวัตกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    ✅ ข้อจำกัดเกี่ยวกับสินเชื่อคริปโต
    - FCA กำลังพิจารณา การตรวจสอบเครดิตของผู้ลงทุน และ ทดสอบความรู้เกี่ยวกับการลงทุน
    - การให้สินเชื่อคริปโตอาจมี ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการสูญเสียความเป็นเจ้าของสินทรัพย์

    ✅ ข้อยกเว้นสำหรับ Stablecoins
    - ผู้บริโภคยังสามารถใช้สินเชื่อซื้อ Stablecoins ที่ออกโดยบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/britain-to-bar-consumers-from-borrowing-to-buy-crypto-under-new-regime
    รัฐบาลสหราชอาณาจักรเตรียมออกกฎหมายใหม่เพื่อ ห้ามไม่ให้ผู้บริโภคใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต และจำกัดการเข้าถึงผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคริปโต โดยมีเป้าหมายเพื่อ เพิ่มการคุ้มครองผู้บริโภค ในขณะที่อุตสาหกรรมคริปโตถูกนำเข้าสู่การกำกับดูแลเป็นครั้งแรก กระทรวงการคลังของอังกฤษประกาศว่า จะบังคับใช้กฎระเบียบกับตลาดคริปโต โดยให้ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต อยู่ภายใต้กฎหมายที่มีอยู่ หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงิน (FCA) ระบุว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตในสหราชอาณาจักรใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 6% ในปี 2022 ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการควบคุม ✅ การห้ามใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโต - รัฐบาลต้องการ ลดความเสี่ยงทางการเงินของผู้บริโภค - FCA พบว่า 14% ของนักลงทุนคริปโตใช้บัตรเครดิตซื้อคริปโตในปี 2024 ✅ การกำกับดูแลตลาดคริปโต - กระทรวงการคลังจะบังคับใช้กฎระเบียบกับ แพลตฟอร์มซื้อขาย, ผู้ให้บริการ และผู้ออกเหรียญคริปโต - ต้องการ กำจัดผู้เล่นที่ไม่โปร่งใส และสนับสนุน นวัตกรรมที่ถูกต้องตามกฎหมาย ✅ ข้อจำกัดเกี่ยวกับสินเชื่อคริปโต - FCA กำลังพิจารณา การตรวจสอบเครดิตของผู้ลงทุน และ ทดสอบความรู้เกี่ยวกับการลงทุน - การให้สินเชื่อคริปโตอาจมี ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องและการสูญเสียความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ ✅ ข้อยกเว้นสำหรับ Stablecoins - ผู้บริโภคยังสามารถใช้สินเชื่อซื้อ Stablecoins ที่ออกโดยบริษัทที่ได้รับการกำกับดูแลจาก FCA https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/britain-to-bar-consumers-from-borrowing-to-buy-crypto-under-new-regime
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Britain to bar consumers from borrowing to buy crypto under new regime
    LONDON (Reuters) -Britain is to restrict consumers' use of credit cards to buy crypto and their access to crypto lending products, the regulator said on Friday, a move aimed at improving protection as cryptoassets are regulated for the first time.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

    WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่"

    รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

    อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป

    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่

    ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla
    - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ"
    - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X

    ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla
    - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025
    - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน

    ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk
    - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE
    - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป

    ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla
    - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่
    - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า

    https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง" WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่" รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025 - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk accuses WSJ of lying about Tesla looking for a new CEO
    A recent report claimed that the Tesla board was seeking to replace its CEO. Now, Tesla's chair and Elon Musk have called this report false.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน

    ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่
    - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์
    - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน

    ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก
    - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram
    - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections

    ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie
    - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่
    - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กร
    - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้
    - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร

    https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    บทความนี้กล่าวถึงการค้นพบเทคนิคการโจมตีทางไซเบอร์แบบใหม่ที่เรียกว่า Data Splicing Attacks ซึ่งสามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือป้องกันการสูญเสียข้อมูล (DLP) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการโจมตีนี้ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสหรือแปลงข้อมูลในเบราว์เซอร์ ก่อนที่จะนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน การโจมตีนี้ยังใช้ช่องทางการสื่อสารทางเลือก เช่น gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัยอย่าง WhatsApp และ Telegram เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections นักวิจัยยังได้พัฒนาเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ชื่อว่า Angry Magpie เพื่อช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ในระบบของตน ✅ เทคนิคการโจมตีใหม่ - ใช้วิธีการแบ่งข้อมูลเป็นชิ้นเล็กๆ และเข้ารหัสในเบราว์เซอร์ - ข้อมูลถูกประกอบใหม่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ได้รับการป้องกัน ✅ ช่องทางการสื่อสารทางเลือก - ใช้ gRPC, WebRTC หรือแพลตฟอร์มส่งข้อความที่ปลอดภัย เช่น WhatsApp และ Telegram - หลีกเลี่ยงการตรวจสอบ SSL-based inspections ✅ การพัฒนาเครื่องมือ Angry Magpie - เครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่วยประเมินความเสี่ยงและช่องโหว่ - ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบระบบในสถานการณ์ที่สมจริง ✅ ผลกระทบต่อองค์กร - การโจมตีนี้สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือ DLP และ EPP ได้ - เพิ่มความเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลในองค์กร https://www.techradar.com/pro/thousands-of-businesses-at-risk-worldwide-as-new-data-exfiltration-technique-uncovered-heres-what-you-need-to-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Enterprise browser could become the next battleground for hackers looking to exfiltrate data
    Browser vulnerabilities render DLP tools ineffective as new data exfiltration attacks emerge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • Offensive Security ซึ่งเป็นผู้ดูแล Kali Linux ได้แจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับปัญหาการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการสูญเสียคีย์ลงนาม (signing key) ของ repository ซอฟต์แวร์ Kali Linux ระบบ Linux ใช้คีย์เหล่านี้เพื่อยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของแพ็กเกจก่อนการติดตั้ง หากไม่มีคีย์ที่ถูกต้อง ระบบจะไม่สามารถอัปเดตได้

    ทีมงาน Kali ได้แก้ไขปัญหาโดยการสร้างคีย์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดและติดตั้งคีย์ใหม่ด้วยตนเองผ่านคำสั่งใน terminal เช่น wget หรือ curl นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยอิมเมจ Kali เวอร์ชันใหม่ที่รวมคีย์ใหม่ไว้แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งระบบใหม่ได้ทันที

    ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้น
    - การสูญเสีย signing key ของ repository ซอฟต์แวร์ Kali Linux
    - ระบบไม่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้หากไม่มีคีย์ที่ถูกต้อง

    ✅ การแก้ไขปัญหา
    - ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งคีย์ใหม่ผ่านคำสั่ง wget หรือ curl
    - Kali ปล่อยอิมเมจเวอร์ชันใหม่ที่รวมคีย์ใหม่ไว้แล้ว

    ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม
    - ตรวจสอบ checksum ของไฟล์คีย์ที่ดาวน์โหลดเพื่อความปลอดภัย
    - ใช้เวอร์ชันใหม่ของ Kali (2025.1c หรือใหม่กว่า) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    ✅ ความสำคัญของการแก้ไข
    - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์และรับแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด

    https://www.neowin.net/news/kali-issues-warning-to-users-about-update-failures-due-to-lost-repository-signing-key/
    Offensive Security ซึ่งเป็นผู้ดูแล Kali Linux ได้แจ้งเตือนผู้ใช้งานเกี่ยวกับปัญหาการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากการสูญเสียคีย์ลงนาม (signing key) ของ repository ซอฟต์แวร์ Kali Linux ระบบ Linux ใช้คีย์เหล่านี้เพื่อยืนยันความถูกต้องและความสมบูรณ์ของแพ็กเกจก่อนการติดตั้ง หากไม่มีคีย์ที่ถูกต้อง ระบบจะไม่สามารถอัปเดตได้ ทีมงาน Kali ได้แก้ไขปัญหาโดยการสร้างคีย์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดและติดตั้งคีย์ใหม่ด้วยตนเองผ่านคำสั่งใน terminal เช่น wget หรือ curl นอกจากนี้ ยังมีการปล่อยอิมเมจ Kali เวอร์ชันใหม่ที่รวมคีย์ใหม่ไว้แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถติดตั้งระบบใหม่ได้ทันที ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้น - การสูญเสีย signing key ของ repository ซอฟต์แวร์ Kali Linux - ระบบไม่สามารถอัปเดตซอฟต์แวร์ได้หากไม่มีคีย์ที่ถูกต้อง ✅ การแก้ไขปัญหา - ผู้ใช้งานสามารถดาวน์โหลดและติดตั้งคีย์ใหม่ผ่านคำสั่ง wget หรือ curl - Kali ปล่อยอิมเมจเวอร์ชันใหม่ที่รวมคีย์ใหม่ไว้แล้ว ✅ คำแนะนำเพิ่มเติม - ตรวจสอบ checksum ของไฟล์คีย์ที่ดาวน์โหลดเพื่อความปลอดภัย - ใช้เวอร์ชันใหม่ของ Kali (2025.1c หรือใหม่กว่า) เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ✅ ความสำคัญของการแก้ไข - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถอัปเดตซอฟต์แวร์และรับแพตช์ความปลอดภัยล่าสุด https://www.neowin.net/news/kali-issues-warning-to-users-about-update-failures-due-to-lost-repository-signing-key/
    WWW.NEOWIN.NET
    Kali issues warning to users about update failures due to lost repository signing key
    Kali Linux's maintainer, OffSec, has lost the repository signing key. This means updates will fail until you manually install the new key.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก

    Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน

    Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ

    สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ

    ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค
    - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ
    - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง

    ✅ การจัดสรรเงินทุน
    - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025
    - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน

    ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE)
    - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ
    - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์

    ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp!
    - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025

    https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    Google ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพื่อเสริมสร้างการป้องกันการหลอกลวงออนไลน์ โดยในปี 2024 ผู้เสียหายจากการหลอกลวงในภูมิภาคนี้สูญเสียเงินรวมกว่า 688 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นสองในสามของการสูญเสียทั่วโลก Google ได้จัดงาน Online Safety Dialogue ในไต้หวัน โดยร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อพัฒนาการแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มการหลอกลวง การประสานงานระหว่างประเทศ การพัฒนาเครื่องมือตรวจจับขั้นสูง และการลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง นอกจากนี้ Google.org ยังได้จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์ สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกในปี 2025 โดยก่อนหน้านี้ได้มอบเงินทุน 2 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในไต้หวัน Google ยังได้ขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) ซึ่งเปิดตัวในปี 2024 เพื่อแบ่งปันสัญญาณและการแจ้งเตือนเกี่ยวกับการหลอกลวงแบบเรียลไทม์ โดยมีพันธมิตร 20 รายที่ร่วมแบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ สุดท้าย Google เตรียมเปิดตัวเกม ShieldUp! ในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 ซึ่งเป็นเกมที่ช่วยให้ผู้เล่นเรียนรู้วิธีป้องกันการหลอกลวงผ่านการจำลองสถานการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟ ✅ ความร่วมมือกับพันธมิตรในภูมิภาค - Google ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลของไต้หวันเพื่อแบ่งปันข้อมูลและพัฒนาเครื่องมือตรวจจับ - การลงทุนในแคมเปญการศึกษาเพื่อป้องกันการหลอกลวง ✅ การจัดสรรเงินทุน - Google.org จัดสรรเงินทุน 5 ล้านดอลลาร์สำหรับโครงการป้องกันการหลอกลวงในปี 2025 - เงินทุนก่อนหน้านี้รวมถึง 2 ล้านดอลลาร์ในสิงคโปร์ และ 1 ล้านดอลลาร์ในไต้หวัน ✅ การขยายแพลตฟอร์ม Global Signals Exchange (GSE) - แพลตฟอร์ม GSE มีพันธมิตร 20 รายที่แบ่งปันสัญญาณกว่า 180 ล้านรายการ - การขยายแพลตฟอร์มช่วยเพิ่มการแบ่งปันข้อมูลแบบเรียลไทม์ ✅ การเปิดตัวเกม ShieldUp! - เกม ShieldUp! จะเปิดตัวในออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และไทยในปี 2025 https://www.neowin.net/news/google-bolsters-its-anti-scam-efforts-across-asia-pacific/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google bolsters its anti-scam efforts across Asia-Pacific
    In 2024, customers across Asia-Pacific lost 688 billion USD to scams. At Taiwan's Online Safety Dialogue, Google unveiled new partnerships, grants, and real-time tools to fight back.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • Commvault ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญใน Command Center ซึ่งเป็นคอนโซลการจัดการแบบเว็บสำหรับการปกป้องข้อมูลและการสำรองข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CV-2025-34028 และสามารถถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตบนระบบที่ติดตั้งบน Linux และ Windows โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน

    ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ Server-Side Request Forgery (SSRF) ซึ่งสามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) โดยใช้ไฟล์ ZIP ที่มีโค้ด JSP ที่เป็นอันตราย การโจมตีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อระบบที่มีการจัดการข้อมูลสำคัญ

    Commvault ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในเวอร์ชัน 11.38.20 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตระบบทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรแยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก

    ✅ ช่องโหว่ใน Command Center
    - ช่องโหว่ SSRF สามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE)
    - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน

    ✅ ผลกระทบต่อระบบ
    - ระบบที่ใช้ Command Center อาจถูกโจมตีและนำไปสู่การสูญเสียข้อมูล
    - การโจมตีสามารถส่งผลต่อการสำรองข้อมูลและการกู้คืนระบบ

    ✅ การตอบสนองของ Commvault
    - ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 11.38.20 เพื่อแก้ไขช่องโหว่
    - แนะนำให้แยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก

    ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    - ผู้ใช้งานควรอัปเดตระบบทันทีและตรวจสอบว่าระบบถูกโจมตีหรือไม่
    - ควรตั้งค่าการจำกัดการเข้าถึงผ่านไฟร์วอลล์

    https://www.csoonline.com/article/3970946/critical-commvault-ssrf-could-allow-attackers-to-execute-code-remotely.html
    Commvault ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่สำคัญใน Command Center ซึ่งเป็นคอนโซลการจัดการแบบเว็บสำหรับการปกป้องข้อมูลและการสำรองข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CV-2025-34028 และสามารถถูกใช้โดยผู้โจมตีเพื่อรันโค้ดโดยไม่ได้รับอนุญาตบนระบบที่ติดตั้งบน Linux และ Windows โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ Server-Side Request Forgery (SSRF) ซึ่งสามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) โดยใช้ไฟล์ ZIP ที่มีโค้ด JSP ที่เป็นอันตราย การโจมตีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ทำให้มีความเสี่ยงสูงต่อระบบที่มีการจัดการข้อมูลสำคัญ Commvault ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้ในเวอร์ชัน 11.38.20 และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตระบบทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ ควรแยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก ✅ ช่องโหว่ใน Command Center - ช่องโหว่ SSRF สามารถถูกยกระดับให้เป็นการรันโค้ดระยะไกล (RCE) - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนการยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อระบบ - ระบบที่ใช้ Command Center อาจถูกโจมตีและนำไปสู่การสูญเสียข้อมูล - การโจมตีสามารถส่งผลต่อการสำรองข้อมูลและการกู้คืนระบบ ✅ การตอบสนองของ Commvault - ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 11.38.20 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ - แนะนำให้แยก Command Center ออกจากการเข้าถึงเครือข่ายภายนอก ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ - ผู้ใช้งานควรอัปเดตระบบทันทีและตรวจสอบว่าระบบถูกโจมตีหรือไม่ - ควรตั้งค่าการจำกัดการเข้าถึงผ่านไฟร์วอลล์ https://www.csoonline.com/article/3970946/critical-commvault-ssrf-could-allow-attackers-to-execute-code-remotely.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Commvault warns of critical Command Center flaw
    The flaw, tracked as CV-2025-34028, could allow remote attackers to execute arbitrary code without authentication on affected Linux as well as Windows installations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินเล็กตำรวจตกทะเล ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม อ.หัวหิน เคารพร่างผู้ใต้บังคับบัญชา 5 ราย กำชับดูแลครอบครัวผู้สูญเสียจัดพิธีสมเกียรติ เผย นักบินระดับครูการบิน สดุดีผู้เสียชีวิต ลักษณะการเกิดเหตุเครื่องบินเอียงขวา หากตกฝั่งขวาจะเป็นบ้านเรือนประชาชน แต่เครื่องบินบังคับให้เอียงซ้าย มั่นใจว่านักบินพยายามนำเครื่องลงทะเล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่รุนแรง จึงทำให้เกิดการสูญเสีย เตรียมตั้งทีมสอบสวนหาสาเหตุ

    -สเปกเครื่องบินเอนกประสงค์
    -คุมโลหะหนักกระดาษอาหาร
    -ยังค้นหาแม้อากาศร้อนจัด
    -ลงทุน 7 พันล้าน ไม่คุ้มค่า
    พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่เกิดเหตุเครื่องบินเล็กตำรวจตกทะเล ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม อ.หัวหิน เคารพร่างผู้ใต้บังคับบัญชา 5 ราย กำชับดูแลครอบครัวผู้สูญเสียจัดพิธีสมเกียรติ เผย นักบินระดับครูการบิน สดุดีผู้เสียชีวิต ลักษณะการเกิดเหตุเครื่องบินเอียงขวา หากตกฝั่งขวาจะเป็นบ้านเรือนประชาชน แต่เครื่องบินบังคับให้เอียงซ้าย มั่นใจว่านักบินพยายามนำเครื่องลงทะเล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุที่รุนแรง จึงทำให้เกิดการสูญเสีย เตรียมตั้งทีมสอบสวนหาสาเหตุ -สเปกเครื่องบินเอนกประสงค์ -คุมโลหะหนักกระดาษอาหาร -ยังค้นหาแม้อากาศร้อนจัด -ลงทุน 7 พันล้าน ไม่คุ้มค่า
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วยครับ

    เครื่องบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม
    อ.หัวหิน จว.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิตทั้ง 6 นาย
    วันนี้ (25 เมษายน 2568) เวลาประมาณ 08.00 น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เกิดเหตุเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกระหว่างการปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกกระโดดร่ม ณ พื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเครื่องบินจำนวน
    6 นาย คือ
    1. พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน เสียชีวิต
    2.พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร นักบิน เสียชีวิต
    3.ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน ได้รับบาดเจ็บ นำส่งรพ.หัวหิน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา
    4.ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข วิศวกร เสียชีวิต
    5.จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา ช่างเครื่อง เสียชีวิต
    6.ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ช่างเครื่อง เสียชีวิต
    โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยจะมีการเก็บข้อมูลจากซากเครื่องบิน กล่องบันทึกการบิน (Black Box) และพยานแวดล้อมทางเทคนิค พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอากาศยานเข้าตรวจสอบร่วมกันอย่างละเอียด
    ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิด และจัดพิธีอย่างสมเกียรติ พร้อมกำชับให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละจากเหตุการณ์ครั้งนี้

    *********************************************
    สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวสาร
    ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตด้วยครับ เครื่องบินตำรวจตก ขณะปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน ฝึกกระโดดร่ม อ.หัวหิน จว.ประจวบคีรีขันธ์ เสียชีวิตทั้ง 6 นาย วันนี้ (25 เมษายน 2568) เวลาประมาณ 08.00 น. พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เกิดเหตุเครื่องบินของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตกระหว่างการปฏิบัติภารกิจทดสอบการบิน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการฝึกกระโดดร่ม ณ พื้นที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในเครื่องบินจำนวน 6 นาย คือ 1. พ.ต.อ.ประธาน เขียวขำ นักบิน เสียชีวิต 2.พ.ต.ท.ปานเทพ มณิวชิรางกูร นักบิน เสียชีวิต 3.ร.ต.อ.จตุรงค์ วัฒนไพรสาณฑ์ นักบิน ได้รับบาดเจ็บ นำส่งรพ.หัวหิน เสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา 4.ร.ต.ท.ธนวรรษ เมฆประเสริฐสุข วิศวกร เสียชีวิต 5.จ.ส.ต.ประวัติ พลหงษ์สา ช่างเครื่อง เสียชีวิต 6.ส.ต.ต.จิราวัฒน์ มากสาขา ช่างเครื่อง เสียชีวิต โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุ โดยจะมีการเก็บข้อมูลจากซากเครื่องบิน กล่องบันทึกการบิน (Black Box) และพยานแวดล้อมทางเทคนิค พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านอากาศยานเข้าตรวจสอบร่วมกันอย่างละเอียด ทั้งนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิตอย่างใกล้ชิด และจัดพิธีอย่างสมเกียรติ พร้อมกำชับให้เร่งสืบสวนหาข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำในอนาคต สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการสูญเสียเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เสียสละจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ********************************************* สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอบคุณที่กรุณาเผยแพร่ข่าวสาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • ASUS ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์เสียหายได้ โดยช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-54085 และได้รับการจัดอันดับความรุนแรงสูงสุดที่ 10/10 ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ MegaRAC Baseboard Management Controller (BMC) ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล แม้ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ปิดอยู่

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Eclypsium ระบุว่าช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้ในการโจมตีด้วยมัลแวร์ แรนซัมแวร์ และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำลายฮาร์ดแวร์ เช่น การทำให้เมนบอร์ดเสียหายหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์อย่างไม่สิ้นสุด

    ASUS ได้ออกแพตช์สำหรับเมนบอร์ด 4 รุ่น และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง

    ✅ ช่องโหว่ใน MegaRAC BMC
    - ช่องโหว่นี้อนุญาตให้ผู้โจมตีข้ามการยืนยันตัวตนผ่าน Redfish Host Interface
    - อาจนำไปสู่การสูญเสียความลับ ความสมบูรณ์ และความพร้อมใช้งานของระบบ

    ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    - การควบคุมเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล
    - การติดตั้งมัลแวร์หรือแรนซัมแวร์
    - การทำลายฮาร์ดแวร์ เช่น เมนบอร์ด

    ✅ การตอบสนองของ ASUS
    - ออกแพตช์สำหรับเมนบอร์ด 4 รุ่น ได้แก่ PRO WS W790E-SAGE SE, PRO WS W680M-ACE SE, PRO WS WRX90E-SAGE SE, และ Pro WS WRX80E-SAGE SE WIFI
    - แนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที

    ✅ การตอบสนองของผู้ผลิตรายอื่น
    - HPE ได้ออกอัปเดตความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ MegaRAC BMC

    https://www.techradar.com/pro/security/asus-patches-security-flaw-which-could-have-bricked-servers
    ASUS ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจทำให้เซิร์ฟเวอร์เสียหายได้ โดยช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-54085 และได้รับการจัดอันดับความรุนแรงสูงสุดที่ 10/10 ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับ MegaRAC Baseboard Management Controller (BMC) ซึ่งเป็นเฟิร์มแวร์ที่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล แม้ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ปิดอยู่ นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Eclypsium ระบุว่าช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้ในการโจมตีด้วยมัลแวร์ แรนซัมแวร์ และการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การทำลายฮาร์ดแวร์ เช่น การทำให้เมนบอร์ดเสียหายหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์อย่างไม่สิ้นสุด ASUS ได้ออกแพตช์สำหรับเมนบอร์ด 4 รุ่น และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเพื่อป้องกันความเสี่ยง ✅ ช่องโหว่ใน MegaRAC BMC - ช่องโหว่นี้อนุญาตให้ผู้โจมตีข้ามการยืนยันตัวตนผ่าน Redfish Host Interface - อาจนำไปสู่การสูญเสียความลับ ความสมบูรณ์ และความพร้อมใช้งานของระบบ ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น - การควบคุมเซิร์ฟเวอร์จากระยะไกล - การติดตั้งมัลแวร์หรือแรนซัมแวร์ - การทำลายฮาร์ดแวร์ เช่น เมนบอร์ด ✅ การตอบสนองของ ASUS - ออกแพตช์สำหรับเมนบอร์ด 4 รุ่น ได้แก่ PRO WS W790E-SAGE SE, PRO WS W680M-ACE SE, PRO WS WRX90E-SAGE SE, และ Pro WS WRX80E-SAGE SE WIFI - แนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที ✅ การตอบสนองของผู้ผลิตรายอื่น - HPE ได้ออกอัปเดตความปลอดภัยสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ MegaRAC BMC https://www.techradar.com/pro/security/asus-patches-security-flaw-which-could-have-bricked-servers
    WWW.TECHRADAR.COM
    Asus patches security flaw which could have bricked servers
    Flaw spotted in MegaRAC Baseboard Management Controller
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ประกาศเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้ third-party cookies ในเบราว์เซอร์ Chrome ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลอย่างมาก โดยเดิมที Google มีแผนที่จะยกเลิกการใช้ third-party cookies เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่หลังจากได้รับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น UK's Competition and Markets Authority (CMA) Google ตัดสินใจที่จะคงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในรูปแบบเดิมไว้

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในโครงการ Privacy Sandbox เช่น Topics API และเครื่องมือวัดผลโฆษณา แต่พบว่ามีข้อจำกัดในด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์และความซับซ้อนทางเทคนิค นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาและความเป็นธรรมในตลาด

    https://www.techspot.com/news/107649-google-abandons-plans-phase-out-third-party-cookies.html
    Google ได้ประกาศเปลี่ยนแผนเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้ third-party cookies ในเบราว์เซอร์ Chrome ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโฆษณาดิจิทัลอย่างมาก โดยเดิมที Google มีแผนที่จะยกเลิกการใช้ third-party cookies เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่หลังจากได้รับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมและการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น UK's Competition and Markets Authority (CMA) Google ตัดสินใจที่จะคงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวในรูปแบบเดิมไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Google ได้พยายามพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ในโครงการ Privacy Sandbox เช่น Topics API และเครื่องมือวัดผลโฆษณา แต่พบว่ามีข้อจำกัดในด้านความสามารถในการประมวลผลแบบเรียลไทม์และความซับซ้อนทางเทคนิค นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการสูญเสียรายได้ของผู้เผยแพร่โฆษณาและความเป็นธรรมในตลาด https://www.techspot.com/news/107649-google-abandons-plans-phase-out-third-party-cookies.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google Chrome abandons plans to phase out third-party cookies
    The announcement, delivered by Anthony Chavez, VPt of Privacy Sandbox at Google, confirmed that Chrome users will continue to manage their third-party cookie preferences through existing privacy...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่เรียกว่า Direct-to-Chip Liquid Cooling เพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานและน้ำในศูนย์ข้อมูล AI โดยระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 25 เท่า และลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบระเหยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการออกแบบและค่าใช้จ่ายที่สูง

    ✅ ระบบระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip Liquid Cooling
    - ใช้แผ่นเย็น (cold plates) ที่ติดตั้งบน GPU, CPU และส่วนประกอบที่สร้างความร้อน
    - ระบบนี้เป็นแบบวงจรปิด (closed-loop) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย

    ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล AI
    - ระบบนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องทำความเย็นแบบกลไก (mechanical chillers)
    - รองรับการใช้น้ำอุ่นในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน

    ✅ การออกแบบที่รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
    - ใช้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนแบบของเหลวต่อของเหลว (liquid-to-liquid heat exchangers)
    - รองรับการจัดการความร้อนสูงถึง 2 เมกะวัตต์

    ✅ ความร่วมมือกับ Schneider Electric
    - Nvidia ได้พัฒนาการออกแบบร่วมกับ Schneider Electric เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการติดตั้ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-aims-to-solve-ais-water-consumption-problems-with-direct-to-chip-cooling-claims-300x-improvement-with-closed-loop-systems
    Nvidia ได้เปิดตัวระบบระบายความร้อนแบบใหม่ที่เรียกว่า Direct-to-Chip Liquid Cooling เพื่อแก้ปัญหาการใช้พลังงานและน้ำในศูนย์ข้อมูล AI โดยระบบนี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 25 เท่า และลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า เมื่อเทียบกับระบบระบายความร้อนแบบระเหยทั่วไป อย่างไรก็ตาม ระบบนี้ยังมีข้อจำกัดด้านการออกแบบและค่าใช้จ่ายที่สูง ✅ ระบบระบายความร้อนแบบ Direct-to-Chip Liquid Cooling - ใช้แผ่นเย็น (cold plates) ที่ติดตั้งบน GPU, CPU และส่วนประกอบที่สร้างความร้อน - ระบบนี้เป็นแบบวงจรปิด (closed-loop) ซึ่งช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการระเหย ✅ ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นในศูนย์ข้อมูล AI - ระบบนี้ช่วยลดความจำเป็นในการใช้เครื่องทำความเย็นแบบกลไก (mechanical chillers) - รองรับการใช้น้ำอุ่นในการระบายความร้อน ซึ่งช่วยประหยัดพลังงาน ✅ การออกแบบที่รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ - ใช้ตัวแลกเปลี่ยนความร้อนแบบของเหลวต่อของเหลว (liquid-to-liquid heat exchangers) - รองรับการจัดการความร้อนสูงถึง 2 เมกะวัตต์ ✅ ความร่วมมือกับ Schneider Electric - Nvidia ได้พัฒนาการออกแบบร่วมกับ Schneider Electric เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการติดตั้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-aims-to-solve-ais-water-consumption-problems-with-direct-to-chip-cooling-claims-300x-improvement-with-closed-loop-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เปรียบเทียบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสองรุ่นยอดนิยม ได้แก่ Tesla 4680 cylindrical cell และ BYD Blade prismatic cell โดยการวิเคราะห์ครอบคลุมถึงการออกแบบ วัสดุ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละรุ่น รวมถึงแนวทางในการพัฒนาแบตเตอรี่ในอนาคต

    ✅ Tesla 4680 ใช้เคมี NMC811 และมีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า
    - ความหนาแน่นพลังงานแบบ gravimetric: 241.01 Wh/kg
    - ความหนาแน่นพลังงานแบบ volumetric: 643.3 Wh/l

    ✅ BYD Blade ใช้เคมี Lithium Iron Phosphate (LFP)
    - ความหนาแน่นพลังงานแบบ gravimetric: 160 Wh/kg
    - ความหนาแน่นพลังงานแบบ volumetric: 355 Wh/l

    ✅ การออกแบบและการผลิตที่แตกต่างกัน
    - Tesla ใช้การออกแบบแบบ cylindrical พร้อม tabless electrode configuration
    - BYD ใช้การออกแบบแบบ prismatic พร้อม dual welding (laser และ ultrasonic)

    ✅ ข้อดีและข้อเสียของแต่ละรุ่น
    - Tesla มีความหนาแน่นพลังงานสูง แต่ผลิตความร้อนมากกว่า BYD ถึง 23 เท่า
    - BYD มี thermal profile ที่ดีกว่าและลดการสูญเสียพลังงาน

    ✅ การใช้งานที่เหมาะสม
    - Tesla เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูง
    - BYD เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพในระยะยาว

    https://www.neowin.net/news/complete-teardown-shows-what-exactly-makes-byd-batteries-better-or-worse-than-tesla/
    บทความนี้เปรียบเทียบแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสองรุ่นยอดนิยม ได้แก่ Tesla 4680 cylindrical cell และ BYD Blade prismatic cell โดยการวิเคราะห์ครอบคลุมถึงการออกแบบ วัสดุ และประสิทธิภาพของแบตเตอรี่ ซึ่งช่วยให้เห็นถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละรุ่น รวมถึงแนวทางในการพัฒนาแบตเตอรี่ในอนาคต ✅ Tesla 4680 ใช้เคมี NMC811 และมีความหนาแน่นพลังงานสูงกว่า - ความหนาแน่นพลังงานแบบ gravimetric: 241.01 Wh/kg - ความหนาแน่นพลังงานแบบ volumetric: 643.3 Wh/l ✅ BYD Blade ใช้เคมี Lithium Iron Phosphate (LFP) - ความหนาแน่นพลังงานแบบ gravimetric: 160 Wh/kg - ความหนาแน่นพลังงานแบบ volumetric: 355 Wh/l ✅ การออกแบบและการผลิตที่แตกต่างกัน - Tesla ใช้การออกแบบแบบ cylindrical พร้อม tabless electrode configuration - BYD ใช้การออกแบบแบบ prismatic พร้อม dual welding (laser และ ultrasonic) ✅ ข้อดีและข้อเสียของแต่ละรุ่น - Tesla มีความหนาแน่นพลังงานสูง แต่ผลิตความร้อนมากกว่า BYD ถึง 23 เท่า - BYD มี thermal profile ที่ดีกว่าและลดการสูญเสียพลังงาน ✅ การใช้งานที่เหมาะสม - Tesla เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการพลังงานสูง - BYD เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเสถียรและประสิทธิภาพในระยะยาว https://www.neowin.net/news/complete-teardown-shows-what-exactly-makes-byd-batteries-better-or-worse-than-tesla/
    WWW.NEOWIN.NET
    Complete teardown shows what exactly makes BYD batteries better or worse than Tesla
    Recently, a thorough and complete teardown of Tesla and BYD batteries was performed, and it shows the strengths and weaknesses of each.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปมร้อนข่าวลึก : แดนใต้ลุกเป็นไฟ ฆ่าเณร ยิงไทยพุทธ ย้ำรัฐไทยไร้น้ำยาสู้โจร
    .
    คนไทยต้องโศกสลดกับการสูญเสียจากความรุนแรงในเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่ภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อโจรใต้สวมวิญญาณอำมหิตดักยิงพระภิกษุและสามเณร ซึ่งนั่งรถไปบิณฑบาต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037937

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ปมร้อนข่าวลึก : แดนใต้ลุกเป็นไฟ ฆ่าเณร ยิงไทยพุทธ ย้ำรัฐไทยไร้น้ำยาสู้โจร . คนไทยต้องโศกสลดกับการสูญเสียจากความรุนแรงในเหตุการณ์ความไม่สงบพื้นที่ภาคใต้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อโจรใต้สวมวิญญาณอำมหิตดักยิงพระภิกษุและสามเณร ซึ่งนั่งรถไปบิณฑบาต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000037937 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    7
    2 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรสำคัญ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงสองคน ได้แก่ Bob Lord และ Lauren Zabierek ประกาศลาออกในวันเดียวกัน การลาออกเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CISA กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรบุคคลและการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ Bob Lord และ Lauren Zabierek ประกาศลาออกในวันเดียวกัน
    - Bob Lord เคยดำรงตำแหน่ง Senior Technical Advisor และมีประสบการณ์ใน Yahoo และ Democratic National Committee
    - Lauren Zabierek เคยดำรงตำแหน่ง Senior Advisor และมีประสบการณ์ใน Recorded Future และ National Geospatial-Intelligence Agency

    ✅ CISA เผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรสำคัญ
    - การลาออกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่เรียกว่า “brain drain”
    - มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลทรัมป์อาจลดจำนวนพนักงานของ CISA ลงถึง 1,300 คน

    ✅ CISA ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาความปลอดภัยไซเบอร์
    - Bridget Bean ผู้อำนวยการบริหารของ CISA ยืนยันว่าหน่วยงานยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ

    ✅ การพัฒนา Secure by Design
    - CISA เรียกร้องให้บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ

    https://www.techradar.com/pro/security/cisa-loses-two-more-cyber-pros-in-resignations
    CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ของสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรสำคัญ โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงสองคน ได้แก่ Bob Lord และ Lauren Zabierek ประกาศลาออกในวันเดียวกัน การลาออกเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CISA กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านทรัพยากรบุคคลและการปรับโครงสร้างองค์กร ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ Bob Lord และ Lauren Zabierek ประกาศลาออกในวันเดียวกัน - Bob Lord เคยดำรงตำแหน่ง Senior Technical Advisor และมีประสบการณ์ใน Yahoo และ Democratic National Committee - Lauren Zabierek เคยดำรงตำแหน่ง Senior Advisor และมีประสบการณ์ใน Recorded Future และ National Geospatial-Intelligence Agency ✅ CISA เผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรสำคัญ - การลาออกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่เรียกว่า “brain drain” - มีการคาดการณ์ว่ารัฐบาลทรัมป์อาจลดจำนวนพนักงานของ CISA ลงถึง 1,300 คน ✅ CISA ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาความปลอดภัยไซเบอร์ - Bridget Bean ผู้อำนวยการบริหารของ CISA ยืนยันว่าหน่วยงานยังคงมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ ✅ การพัฒนา Secure by Design - CISA เรียกร้องให้บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่การออกแบบ https://www.techradar.com/pro/security/cisa-loses-two-more-cyber-pros-in-resignations
    WWW.TECHRADAR.COM
    CISA loses two more cyber pros in resignations
    Is there a brain drain taking place at CISA?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • Scythe บริษัทผู้ผลิต CPU cooler กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงินในยุโรป โดยศาลเยอรมันได้แต่งตั้งผู้ดูแลชั่วคราวเพื่อจัดการทรัพย์สินและตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท Scythe EU GmbH ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการล้มละลายชั่วคราว การแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่เสนอสินค้าราคาถูกและการเพิ่มขึ้นของ CPU cooler แบบงบประมาณต่ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Scythe

    ✅ Scythe EU GmbH กำลังเผชิญกับกระบวนการล้มละลายชั่วคราว
    - ศาลเยอรมันได้แต่งตั้งผู้ดูแลชั่วคราวเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2025
    - กระบวนการนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินและจัดการการดำเนินงานของบริษัท

    ✅ การแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่เสนอสินค้าราคาถูก
    - CPU cooler แบบงบประมาณต่ำจากจีนมีราคาถูกกว่าและได้รับความนิยมในตลาด
    - สินค้าจากจีนมักเลียนแบบการออกแบบและชื่อรุ่นของแบรนด์ชั้นนำ

    ✅ ผลกระทบต่อการจัดจำหน่าย CPU cooler ของ Scythe
    - สินค้าของ Scythe ขาดตลาดในยุโรปเนื่องจากปัญหาทางการเงิน

    ✅ Scythe เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในยุโรปผ่าน Scythe EU GmbH
    - บริษัทมีสำนักงานใน Oststeinbek ประเทศเยอรมนี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/scythe-faces-uncertain-future-in-europe-as-insolvency-proceedings-begin
    Scythe บริษัทผู้ผลิต CPU cooler กำลังเผชิญกับความท้าทายทางการเงินในยุโรป โดยศาลเยอรมันได้แต่งตั้งผู้ดูแลชั่วคราวเพื่อจัดการทรัพย์สินและตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัท Scythe EU GmbH ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการล้มละลายชั่วคราว การแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่เสนอสินค้าราคาถูกและการเพิ่มขึ้นของ CPU cooler แบบงบประมาณต่ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของ Scythe ✅ Scythe EU GmbH กำลังเผชิญกับกระบวนการล้มละลายชั่วคราว - ศาลเยอรมันได้แต่งตั้งผู้ดูแลชั่วคราวเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2025 - กระบวนการนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องกันการสูญเสียทรัพย์สินและจัดการการดำเนินงานของบริษัท ✅ การแข่งขันจากผู้ผลิตจีนที่เสนอสินค้าราคาถูก - CPU cooler แบบงบประมาณต่ำจากจีนมีราคาถูกกว่าและได้รับความนิยมในตลาด - สินค้าจากจีนมักเลียนแบบการออกแบบและชื่อรุ่นของแบรนด์ชั้นนำ ✅ ผลกระทบต่อการจัดจำหน่าย CPU cooler ของ Scythe - สินค้าของ Scythe ขาดตลาดในยุโรปเนื่องจากปัญหาทางการเงิน ✅ Scythe เป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ดำเนินธุรกิจในยุโรปผ่าน Scythe EU GmbH - บริษัทมีสำนักงานใน Oststeinbek ประเทศเยอรมนี https://www.tomshardware.com/pc-components/scythe-faces-uncertain-future-in-europe-as-insolvency-proceedings-begin
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Scythe faces uncertain future in Europe as insolvency proceedings begin
    The German court appointed a provisional insolvency administrator as financial pressures continue to mount.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี

    “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ”

    คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556)

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ

    #Newskit
    พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ” คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน

    ✅ โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90%
    - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium
    - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ

    ✅ Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ
    - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ
    - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล

    ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95%
    - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก

    ✅ โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์
    - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล

    https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    Western Digital และ Microsoft ได้ร่วมมือกันเปิดตัวโครงการ Advanced Recycling and Rare Earth Material Capture Program ซึ่งเป็นโครงการรีไซเคิลฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) ขนาดใหญ่ โดยมีเป้าหมายเพื่อกู้คืนแร่หายากจากขยะอิเล็กทรอนิกส์ โครงการนี้ช่วยลดการสูญเสียวัสดุสำคัญที่มักถูกทำลายเมื่อ HDD จากศูนย์ข้อมูลหมดอายุการใช้งาน ✅ โครงการนี้สามารถกู้คืนแร่หายากได้ถึง 90% - ใช้เทคโนโลยีรีไซเคิลแบบ acid-free dissolution ซึ่งช่วยสกัดแร่หายาก เช่น dysprosium, neodymium และ praseodymium - ลดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและช่วยรักษาคุณภาพของวัสดุ ✅ Microsoft เป็นผู้จัดหา HDD ที่หมดอายุการใช้งานจากศูนย์ข้อมูลในสหรัฐฯ - HDD ที่หมดอายุจะถูกส่งไปยัง PedalPoint Recycling เพื่อแยกวัสดุ - แม่เหล็กและเหล็กที่สกัดได้จะถูกส่งไปยัง Critical Materials Recycling เพื่อรีไซเคิล ✅ โครงการนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 95% - เมื่อเทียบกับการทำเหมืองแร่แบบดั้งเดิม การรีไซเคิลช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญ - ลดการพึ่งพาการนำเข้าแร่หายากจากจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของโลก ✅ โครงการนำร่องสามารถรีไซเคิล HDD ได้กว่า 47,000 ปอนด์ - รวมถึง SSD และอุปกรณ์ติดตั้ง HDD ที่ถูกนำออกจากศูนย์ข้อมูล https://www.techspot.com/news/107615-western-digital-microsoft-launch-hdd-recycling-program-recover.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Western Digital and Microsoft launch HDD recycling program to recover rare earths from e-waste
    Although solid-state drives have become the standard for personal computers, mechanical hard drives remain the backbone of data centers worldwide. When these drives are retired, they are...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว

  • Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4)
    *****************
    เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ
    เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน
    กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ
    ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย
    มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น
    พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น
    *****************
    USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ
    สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู
    ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้
    1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563
    2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566
    3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563
    4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571
    5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold

    *****************
    รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน
    การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ
    ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง
    การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น
    *****************
    EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม
    ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน
    และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA
    *****************
    ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน
    พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน
    สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย
    เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้
    *****************
    อ้างอิง :
    • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia
    • World Gold Council https://www.gold.org/
    • EarthRights International
    Airstrikes สงคราม ทองคำ และคนลุ่มน้ำโขง (ตอนที่ 4) ***************** เสียงเครื่องบินกระหึ่มสัญชาติรัสเซีย และจีน ทั้งรุ่น MiG-29 -Yak-130 - K-8, F-7 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-35 Mi-17 เทคออฟขึ้นน่านฟ้าเมียนมา สร้างความหวาดวิตกกับพลเรือนในพื้นที่เสี่ยง ความถี่มิได้เป็นปกป้องอธิปไตยเหนือน่านฟ้า บางครั้งก็ถลำรุกน่านฟ้าของไทย และถูกต้อนกลับ เสียงอากาศยานของเมียนมาทำให้ประชาชน พลเรือนระส่ำระสาย บาดเจ็บล้มตายกัน ในพื้นที่พลเรือนและกลุ่มต่อต้าน ปี 2023-24 กระทรวงกลาโหมใช้งบประมาณเพื่อภารกิจ Aistrike กว่า 2.7 พันล้านดอลลาร์ อาวุธ ส่วนใหญ่มาจากรัสเซียและจีน กองทัพเผด็จการเมียนมาได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศประมาณ 30 ครั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยงนี และรัฐกะฉิ่นในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา โดยทิ้งระเบิดเกือบ 100 ลูก ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 20 ราย ตามข้อมูลที่ Shan Herald Agency for News (SHAN) ได้รับ ระหว่างปลายปีที่ผ่าน ถึงวันที่ 30 มกราคม 2025 การโจมตีทางอากาศเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือนเป็นหลัก สร้างความเสียหายและการสูญเสียอย่างหนัก โดยเฉพาะเขตเมืองนองคิโอ รัฐฉาน ซึ่งระเบิดตกใส่ร้านน้ำชา ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 ราย มีการประเมินว่านับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว โดยบันทึกการโจมตีทางอากาศทั้งหมด 1,767 ครั้ง ซึ่งน่าตกใจว่าร้อยละ 47 ของการโจมตีเหล่านี้มุ่งเป้าไปที่พื้นที่พลเรือน ทำให้วิกฤตด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ขัดแย้งรุนแรงขึ้น พื้นที่ ที่เป็นเป้าหมายคือพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เหมืองแร่ และแร่ธาตุสูง โดยเฉพาะใน รัฐฉาน (Shan State), รัฐกะเหรี่ยงนี-คะยา (Karenni/Kayah State), รัฐกะฉิ่น (Kachin State), รัฐระแหง (Rakhine State) และพื้นที่อื่นๆ เช่น ภูมิภาคสกาย (Sagaing Region) เป็นต้น ***************** USGS (United States Geological Survey) ได้ ประมาณการไว้ว่า ยังคงเหลือทองคำอยู่ใต้ดินที่ยังไม่ได้ผลิตออกมาอีกประมาณ 50,000 ตัน คาดกันว่าปริมาณทองคำที่ขุดขึ้นมา และมีการใช้ประโยชน์กันแล้วกว่า 190,000 ตัน และโดยเฉลี่ยในปัจจุบันมีการผลิตออกจากเหมืองประมาณปีละ 2,500 ถึง 3,000 ตัน มีการทำเหมืองทองคำทั่วโลกอยู่ใน 82 ประเทศ สแกนใต้ดินแอฟริกาใต้ มีทรัพยากรแร่ทองคำมากที่สุดในโลก และเป็นผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดของโลก จนถึงปัจจุบันราว 31,000 ตัน รองลงมา คือ รัสเซีย ประมาณ 7,000 ตัน และ จีนเป็นอันดับ 3 ที่ผลิตประมาณ 6,328 ตัน ตามมาด้วยสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย อินโดนีเซีย แคนาดา และ เปรู ทว่าในปี 2564 จีนขึ้นแป้นครองแชมป์ประเทศที่ผลิตทองคำจากเหมืองทองคำในประเทศมากที่สุด คิดเป็น 11% ของการผลิต ทั่วโลก ซึ่งจากฐานข้อมูล Global Data’s mines and projects ที่ได้ติดตามการพัฒนาและปฏิบัติการของเหมืองแร่ และโครงการทั่วโลก โดยเก็บข้อมูลจากบริษัทยักษ์ใหญ่กว่า 4,000 บริษัท ได้สรุป 5 อันดับ เหมืองทองคำในจีนที่ผลิตทองคำได้มากที่สุดในปี 2563 ดังนี้ 1.Shaxi Copper Mine เป็นเหมืองใต้ดินในมณฑลอานฮุย (Anhui) ของกลุ่มบริษัท Togling Nonferrous Metal Group ซึ่งผลิตทองคำได้ประมาณ 730,000 ounces of gold ในปี 2563 2.Jiaojia Gold Mine ของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง (Shandong) ผลิตทองคำได้ประมาณ 230,000 ounces of gold ในปี 2563 และกำลังจะปิดตัวลงในปี 2566 3.Dayingezhuang Gold Mine เป็นเหมืองทองคำในมณฑลซานตงเช่นกัน อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Zhaojin Mining Industry และผลิตทองคำประมาณ 228,000 ounces of gold ในปี 2563 4.Sanshandao Gold Mine เป็นเหมืองใต้ดินของกลุ่มบริษัท Shandong Gold Group ในมณฑลซานตง ผลิตทองคำได้ ประมาณ 218,000 ounces of gold ในปี 2563 และจะผลิตตามแผนงานไปจนถึงปี 2571 5.Zaozigou Gold Mine เป็นเหมืองทองคำของบริษัท Zhaojin Mining Industy ในมณฑลกานซู (Gansu) ผลิตทองคำได้ ประมาณ 207,000 ounces of gold ***************** รายงานจาก มูลนิธิสิทธิมนุษยชนไทใหญ่ และ สหภาพนักศึกษาไทใหญ่ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำขยายวงกว้างทำให้เกิดดินโคลนถล่มท่วมชุมชนทางตะวันออกท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ระบุว่าบริษัทเหมืองแร่ได้เข้ามาในพื้นที่เมื่อปี 2550 ที่บริเวณต้นน้ำแม่น้ำคำ ตอนใต้ของบ้านนาโฮหลงในตำบลเมืองเลน ในปัจจุบันเหมืองทองคำแบบเปิดได้ขยายตัวไปกว่า 10 กิโลเมตรตลอดทั่วเทือกเขาดอยค้า ตามริมฝั่งน้ำด้านตะวันตกของแม่น้ำโขง การปล่อยน้ำจาจากการทำเหมืองแร่ทองแร่ทองคำที่ขาดการควบคุม รวมทั้งน้ำที่ไหลมาจากากอำบน้ำที่เจือด้วยสารไชยาไนด์ทำให้ลำน้ำน้ำอุดตัน และมักทำให้เกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงที่ริมฝั่งน้ำในช่วงฤดูฝน การขยายตัวของเหมืองทองคำในเมืองเลน ยังทำให้เกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และในปัจจุบัน มีบริษัท 12 แห่งที่เชื่อมโยงกับนายทหารพม่าระดับสูงได้รับประทานบัตรอายุ 11 ปี เพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำ ในบรรดาประทานบัตร มีการให้ประทานบัตร 13 ฉบับแก่ (8 บริษัท) เมื่อกลางปี 2563 และอีก 7 ฉบับให้แก่ (5 บริษัท) ในปี 2564 ภายหลังการทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ประทานบัตรแต่ละฉบับครอบคลุมพื้นที่ 50 ไร่บริษัทส่วนใหญ่ที่ได้รับประทานบัตรจด ทะเบียนในจังหวัดท่าขี้เหล็ก ยกเว้นเพียงเมย์ฟลาวเวอร์ไมนิ่ง เอนเตอร์ไพรส์(Maylower Mining Enterprises) ที่จัดตั้งขึ้นโดยนายจ่อวิน ซึ่งเป็นพันธมิตรกับกองทัพพม่า และตั้งอยู่ที่เมืองย่างกุ้ง การขุดทองที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในรัฐกะฉิ่น ประเทศเมียนมา ซึ่งเกิดขึ้นโดยขาดการควบคุมและก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น ***************** EarthRights.org รายงานว่า นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2021 การขุดทองในรัฐกะฉิ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ควบคุมโดยกองทัพกะฉิ่น (Kachin Independence Army: KIA) และกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ เช่น กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) การขุดทองนี้ส่วนใหญ่เป็นการขุดแบบไม่มีการควบคุม (unregulated) และใช้สารเคมี เช่น ปรอทและไซยาไนด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดมลพิษในแม่น้ำและแหล่งน้ำ เช่น แม่น้ำอิรวดี (Irrawaddy River) และแม่น้ำชินดวิน (Chindwin River) ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของชุมชนท้องถิ่น ซึ่งเกิดจากการใช้สารเคมีในการสกัดทองทำให้ดินและน้ำปนเปื้อน ส่งผลกระทบต่อการเกษตรและสุขภาพของประชาชน นอกจากนั้นคือการตัดไม้ทำลายป่าเพื่อขุดทองทำให้เกิดการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและเพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ดินถล่ม ผลกระทบต่อชุมชน ชาวบ้านในพื้นที่ เช่น ในเมืองตานาย (Tanai) และเมืองชิปวี (Chipwi) เผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกินและแหล่งน้ำสะอาดการขุดทองดึงดูดแรงงานจากพื้นที่อื่น ทำให้เกิดความตึงเครียดในชุมชนและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคเด็กและเยาวชนในพื้นที่ถูกดึงเข้าสู่อุตสาหกรรมการขุดทอง ซึ่งมักเกี่ยวข้องกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัยและการละเมิดสิทธิมนุษยชน และพื้นที่นี้ เหมืองทองในเมืองตานายถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพเมียนมาในเดือนมกราคม 2025 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย การโจมตีนี้ถูกมองว่าเป็นความพยายามของกองทัพในการขัดขวางแหล่งรายได้ของ KIA ***************** ดร.สืบสกุล กิจนุกร นักวิชาการในพื้นที่เชียงราย พื้นที่ประสบภัยพิบัติทางแม่น้ำ จากประเทศเพื่อนบ้านที่ทำเหมืองทองคำ และแร่ธาตุเผยแพรข้อเสนอในเฟสบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาสารโลหะหนักปนเปื้อนในน้ำกกและสายซึ่งเป็นปัญหามลพิษข้ามพรมแดนแล้ว เป็นสถานการณ์ความซับซ้อนของปัญหามลพิษข้ามแดนที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาจากรัฐส่วนกลางที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ได้คล้ายกับปัญหาฝุ่นควันข้ามแดน พร้อมกับอ้างอิงงานศึกษาว่าบทบาทของอาเซียนในการแก้ไขปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำระหว่างประเทศดังเช่นแม่น้ำโขง Ding (2019) ที่วิพากษ์แนวคิด traditional state-centric governance เกี่ยวกับปัญหาสารโลหะหนักที่เกิดขึ้นในกลุ่มประเทศแม่น้ำโขงตอนล่าง อันประกอบด้วย ไทย ลาว เวียนดนาม และกัมพูชา การแก้ไขภายใต้อาเซียนและ MRC (Mekong River Commission มีข้อจำกัดในแง่ที่ 1) รายงานมิได้ครอบคลุมรายละเอียดของปัญหามลพิษ 2) รายงานมิได้สนับสนุนการสื่อสารกันระหว่างองคกรที่แตกต่างกัน เช่น สถาบันการวิจัย 3) ขาดกลไกเชิงกฎหมายระดับภูมิภาคและการบังคับใช้กฎหมายในควบคุมมลพิษในน้ำข้ามพรมแดน 4) รายงานไม่ได้รับความสนใจจากสาธารณชน สรุปคือกลกลไกระหว่างประเทศแบบที่ สทนช.เสนอให้ MRC ทำ น่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในบริบทอาเซียนได้ เมื่อพิจารณาความซับซ้อนของปัญหาในต้นน้ำกกและสาย จำเป็นต้องแกะปมตั้งแต่ บริษัทจีน กองกำลังติดอาวุธ ชาติพันธ์ และประเทศจีน ชุมชนในตลอดลำน้ำกกและสาย สถาบันการศึกษา ภาคธุรกิจ ปละภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย เสียงคำรามของเครื่องบินพร้อมลูกระเบิดภารกิจ Airstrikes ก่อสงครามแย่งชิงขุมทรัพย์ทองคำสีเลือด และคนลุ่มน้ำโขงกำลังเผชิญภัยวิกฤติจากสารพิษ ที่เจือปนในแม่น้ำ รวมถึงการสลายความเป็นมนุษย์ในดินแดนขุมเมืองแห่งลุ่มแม่น้ำแห่งชีวิตสายนี้ ***************** อ้างอิง : • สำนักข่าว Shan Herald Agency for News, Burma News International, Human Rights Watch, The Irrawaddy Radio Free Asia Al Jazeera, Amnesty International, Justice For Myanmar, และ Wikipedia • World Gold Council https://www.gold.org/ • EarthRights International
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • HighPoint Technologies ได้เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters ที่ใช้ MCIO (Mini Cool Edge IO) และ SlimSAS (Serial Attached SCSI) connectors เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อของ GPU และ NVMe SSD ในระบบที่มีข้อจำกัดด้าน PCIe lanes

    ✅ HighPoint เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อ
    - อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้สามารถ แบ่ง PCIe x16 slot ออกเป็นหลายช่องทางความเร็วสูง
    - รองรับ MCIO x4 และ SlimSAS x4 channels ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe SSDs และ GPUs ได้หลายตัว

    ✅ Rocket 1628A และ Rocket 1528D เป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสูง
    - Rocket 1628A รองรับ PCIe Gen 5 x16 และเหมาะสำหรับ AI workloads และระบบที่ใช้ GPU หนัก
    - Rocket 1528D รองรับ PCIe Gen 4 x16 และเหมาะสำหรับ ระบบที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Gen 5

    ✅ MCIO connectors เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ PCIe มีความหนาแน่นสูงขึ้น
    - ออกแบบมาเพื่อ รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและระบบเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง
    - ลดการสูญเสียสัญญาณและเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อ

    ✅ HighPoint เคยเปิดตัว SSD7540 RAID card ที่รองรับ NVMe SSDs ถึง 8 ตัว
    - อุปกรณ์นี้สามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 56 GB/s
    - Rocket 1628A และ 1528D สืบทอดแนวคิดนี้โดยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ

    ✅ การเปิดตัวและแนวโน้มของตลาด
    - HighPoint จะวางจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ผ่าน ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัท
    - เมื่อ PCIe Gen 5 motherboard และ processors เริ่มแพร่หลาย อุปกรณ์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-pcie-adapters-turn-your-x16-slot-into-a-clown-car-of-gpu-and-ssd-connectivity
    HighPoint Technologies ได้เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters ที่ใช้ MCIO (Mini Cool Edge IO) และ SlimSAS (Serial Attached SCSI) connectors เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อของ GPU และ NVMe SSD ในระบบที่มีข้อจำกัดด้าน PCIe lanes ✅ HighPoint เปิดตัว PCIe Gen 5 และ Gen 4 x16 adapters เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อ - อุปกรณ์เหล่านี้ช่วยให้สามารถ แบ่ง PCIe x16 slot ออกเป็นหลายช่องทางความเร็วสูง - รองรับ MCIO x4 และ SlimSAS x4 channels ซึ่งช่วยให้สามารถเชื่อมต่อ NVMe SSDs และ GPUs ได้หลายตัว ✅ Rocket 1628A และ Rocket 1528D เป็นรุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานระดับสูง - Rocket 1628A รองรับ PCIe Gen 5 x16 และเหมาะสำหรับ AI workloads และระบบที่ใช้ GPU หนัก - Rocket 1528D รองรับ PCIe Gen 4 x16 และเหมาะสำหรับ ระบบที่ยังไม่ได้อัปเกรดเป็น Gen 5 ✅ MCIO connectors เป็นมาตรฐานใหม่ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ PCIe มีความหนาแน่นสูงขึ้น - ออกแบบมาเพื่อ รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูลและระบบเดสก์ท็อปประสิทธิภาพสูง - ลดการสูญเสียสัญญาณและเพิ่มความเสถียรในการเชื่อมต่อ ✅ HighPoint เคยเปิดตัว SSD7540 RAID card ที่รองรับ NVMe SSDs ถึง 8 ตัว - อุปกรณ์นี้สามารถ ส่งข้อมูลได้เร็วถึง 56 GB/s - Rocket 1628A และ 1528D สืบทอดแนวคิดนี้โดยเพิ่มความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อ ✅ การเปิดตัวและแนวโน้มของตลาด - HighPoint จะวางจำหน่ายอุปกรณ์เหล่านี้ผ่าน ช่องทางจัดจำหน่ายของบริษัท - เมื่อ PCIe Gen 5 motherboard และ processors เริ่มแพร่หลาย อุปกรณ์เหล่านี้จะมีบทบาทสำคัญมากขึ้น https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-pcie-adapters-turn-your-x16-slot-into-a-clown-car-of-gpu-and-ssd-connectivity
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    New PCIe adapters turn your x16 slot into a clown car of GPU and SSD connectivity
    High-bandwidth connectivity for enterprise and enthusiast platforms alike
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 227 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทดสอบความทนทานของ SSD ที่ไม่ได้เสียบไฟเป็นเวลานาน พบว่ามี การสูญเสียข้อมูลและประสิทธิภาพลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักวิจัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลสำคัญบน SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานอาจเสี่ยงต่อการสูญหาย

    ✅ SSD ที่ไม่ได้เสียบไฟเป็นเวลานานอาจสูญเสียข้อมูล
    - การทดสอบพบว่า SSD ที่ถูกใช้งานหนักมีไฟล์เสียหายและประสิทธิภาพลดลง
    - SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเลยยังคงมีข้อมูลครบถ้วน แต่มี ข้อผิดพลาดที่ต้องใช้ระบบแก้ไขข้อมูลอัตโนมัติ (ECC) มากขึ้น

    ✅ SSD ที่ถูกใช้งานหนักมีอัตราการสูญเสียข้อมูลสูงกว่า
    - SSD ที่ผ่านการเขียนข้อมูล 280 เทราไบต์ มีไฟล์เสียหายและใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลนานขึ้นถึง 4 เท่า
    - พบว่ามี เซกเตอร์เสียหายและประสิทธิภาพลดลงอย่างชัดเจน

    ✅ การทดสอบใช้ SSD รุ่น Leven JS-600 ขนาด 128GB
    - SSD เหล่านี้มีอายุการใช้งานที่ระบุไว้ที่ 60 เทราไบต์ของข้อมูลที่เขียน
    - การทดสอบใช้ 100GB ของข้อมูลแบบสุ่ม และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหลังจากปล่อย SSD ไว้โดยไม่เสียบไฟ

    ✅ ข้อสรุปจากการทดสอบ
    - SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเลยยังคงมีข้อมูลครบถ้วน แต่มี ข้อผิดพลาดที่ต้องใช้ ECC แก้ไขมากขึ้น
    - SSD ที่ถูกใช้งานหนักมี ไฟล์เสียหายและประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/unpowered-ssd-endurance-investigation-finds-severe-data-loss-and-performance-issues-reminds-us-of-the-importance-of-refreshing-backups
    การทดสอบความทนทานของ SSD ที่ไม่ได้เสียบไฟเป็นเวลานาน พบว่ามี การสูญเสียข้อมูลและประสิทธิภาพลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยนักวิจัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลสำคัญบน SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นเวลานานอาจเสี่ยงต่อการสูญหาย ✅ SSD ที่ไม่ได้เสียบไฟเป็นเวลานานอาจสูญเสียข้อมูล - การทดสอบพบว่า SSD ที่ถูกใช้งานหนักมีไฟล์เสียหายและประสิทธิภาพลดลง - SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเลยยังคงมีข้อมูลครบถ้วน แต่มี ข้อผิดพลาดที่ต้องใช้ระบบแก้ไขข้อมูลอัตโนมัติ (ECC) มากขึ้น ✅ SSD ที่ถูกใช้งานหนักมีอัตราการสูญเสียข้อมูลสูงกว่า - SSD ที่ผ่านการเขียนข้อมูล 280 เทราไบต์ มีไฟล์เสียหายและใช้เวลาตรวจสอบข้อมูลนานขึ้นถึง 4 เท่า - พบว่ามี เซกเตอร์เสียหายและประสิทธิภาพลดลงอย่างชัดเจน ✅ การทดสอบใช้ SSD รุ่น Leven JS-600 ขนาด 128GB - SSD เหล่านี้มีอายุการใช้งานที่ระบุไว้ที่ 60 เทราไบต์ของข้อมูลที่เขียน - การทดสอบใช้ 100GB ของข้อมูลแบบสุ่ม และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลหลังจากปล่อย SSD ไว้โดยไม่เสียบไฟ ✅ ข้อสรุปจากการทดสอบ - SSD ที่ไม่ได้ใช้งานเลยยังคงมีข้อมูลครบถ้วน แต่มี ข้อผิดพลาดที่ต้องใช้ ECC แก้ไขมากขึ้น - SSD ที่ถูกใช้งานหนักมี ไฟล์เสียหายและประสิทธิภาพลดลงอย่างมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/unpowered-ssd-endurance-investigation-finds-severe-data-loss-and-performance-issues-reminds-us-of-the-importance-of-refreshing-backups
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Unpowered SSD endurance investigation finds severe data loss and performance issues
    YouTuber SSD tests reveals problems all round on two-year-old TLC drives.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม

    💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️

    📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗

    🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี

    "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥

    คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท?

    🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨

    เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน

    ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น

    ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ

    ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์

    ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง

    ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า

    🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค…

    🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์

    🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น

    แต่คำเตือนเหล่านั้น...
    ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน
    ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร
    ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต

    “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น

    🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️

    เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨

    🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง

    🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก

    🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ!

    💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔

    ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️

    🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ...

    “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2

    บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢

    ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต

    🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว

    🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍

    🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม

    🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม

    🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง!

    🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้

    1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️
    2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆
    3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️
    4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶
    5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦
    6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻
    4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต
    8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗
    9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶
    10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️
    11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส
    12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥
    13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌
    14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง
    15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄
    16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎
    17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂
    18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ
    19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️
    20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌
    21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ
    22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง
    23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด
    24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง
    25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦

    📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457

    SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น

    ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ

    📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️

    🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม”

    ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568

    📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn

    🌊 113 ปี “เรือไททานิค” ล่ม! 🚢 โศกนาฏกรรมกลางมหาสมุทรจาก “ความประมาท” ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ ปิดตำนาน "เรือที่ไม่มีวันจม 💡 ย้อนรอยโศกนาฏกรรม "RMS Titanic" ความทรงจำล่มกลางมหาสมุทร จาก "เรือที่ไม่มีวันจม" สู่บทเรียนครั้งใหญ่ของโลก ✍️ 📌 เรือไททานิคที่ถูกขนานนามว่า “เรือที่ไม่มีวันจม” ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางมหาสมุทร ที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตกว่า 1,500 ศพ จะพาย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในคืนนั้น พร้อมไขทุกข้อเท็จจริง ที่ถูกซ่อนไว้ ทั้งเรื่องความประมาท การจัดการผิดพลาด และผลกระทบต่อโลกใบนี้จนถึงทุกวันนี้ 🔗 🧭 จากความยิ่งใหญ่ สู่ความอับปางกลางมหาสมุทร ในโลกนี้มีเรื่องเล่ามากมาย เกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ "มนุษย์" สร้างขึ้นด้วยความมั่นใจสุดขีดว่า "ไม่มีทางพัง" และในบรรดาเรื่องราวเหล่านั้น "ไททานิค" คือหนึ่งในตำนาน ที่ยังคงตราตรึงใจผู้คนทั่วโลก แม้ผ่านมาแล้ว 113 ปี "เรือที่ไม่มีวันจม" กลายเป็น ซากใต้น้ำลึกกว่า 3,800 เมตร ภายในเวลาไม่ถึง 3 ชั่วโมง หลังจากชนเข้ากับภูเขาน้ำแข็ง กลางมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ 💥 คำถามที่ยังคงหลอกหลอนประวัติศาสตร์คือ... เรือใหญ่ขนาดนี้จมได้ยังไง? เป็นเพราะโชคร้าย หรือเป็นเพราะความประมาท? 🚢 "ไททานิค" สุดยอดเรือเดินสมุทรที่โลกเคยรู้จัก จุดเริ่มต้นของความทะเยอทะยาน "อาร์เอ็มเอส ไททานิค" (RMS Titanic ) สร้างโดยบริษัท Harland and Wolff ในเมืองเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์เหนือ และเป็นเรือของสายการเดินเรือ White Star Line เปิดตัวในปี 1912 ด้วยความตั้งใจให้เป็นเรือเดินสมุทรที่ "หรูหราและปลอดภัยที่สุดในโลก" ✨ เรือมีความยาวถึง 882.5 ฟุต หรือประมาณ 269 เมตร น้ำหนักมากกว่า 46,000 ตัน และสามารถรองรับผู้โดยสาร และลูกเรือได้ถึง 3,547 คน ✅ เครื่องยนต์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น สูงกว่า 4 ชั้น ✅ ระบบผนังกันน้ำในห้องใต้ท้องเรือ ✅ ระบบขับเคลื่อนด้วยกังหัน และใบจักรขนาดยักษ์ ✅ ห้องโดยสารเฟิร์สต์คลาส หรูหราระดับพระราชวัง ✅ มีห้องอ่านหนังสือ, ห้องยิม, ร้านตัดผม, ห้องอาบน้ำตุรกี และลิฟต์ไฟฟ้า 🛳️ แต่สิ่งที่ผู้คนจดจำ ไม่ใช่ความอลังการ แต่คือ "จุดจบ" ของไททานิค… 🧊 ชนกับภูเขาน้ำแข็ง จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ 🚨 คำเตือนที่ถูกมองข้าม ตลอดวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2455 ไททานิคได้รับ 6 คำเตือน เรื่องภูเขาน้ำแข็งลอยทะเล จากเรือลำอื่น แต่คำเตือนเหล่านั้น... ❌ บางข้อความไม่ได้ถูกส่งถึงกัปตัน ❌ บางข้อความถูกพนักงานวิทยุละเลย เพราะมัวส่งข้อความส่วนตัวของผู้โดยสาร ❌ ความเร็วของเรือยังคงอยู่ที่ 22 นอต หรือ 41 กม./ชม. ใกล้ความเร็วสูงสุดที่ 24 นอต “แล่นไปข้างหน้า และไว้ใจคนเฝ้าระวัง” แนวคิดของการเดินเรือในยุคนั้น 🕰️ 23.40 น. คืนวันอาทิตย์ เวลาแห่งหายนะ เมื่อพนักงานเฝ้าระวังเห็นภูเขาน้ำแข็ง ก็สายเกินไปแล้ว... ต้นเรือสั่ง "หักหลบขวาเต็มที่ และถอยเครื่อง" แต่กลไกเรือ และขนาดของไททานิค ทำให้ไม่ทัน ⛔️ เรือไถลเฉี่ยวภูเขาน้ำแข็งทางกราบขวา ก่อให้เกิดรอยรั่วใน 5 ห้องใต้ท้องเรือ ทั้งที่ไททานิครองรับน้ำได้เพียง 4 ห้องเท่านั้น! 😨 🧱 ความผิดพลาดในการออกแบบ และการตัดสินใจ 📉 ผนังกันน้ำที่ "ไม่กันจริง" แม้มีห้องผนังกั้นน้ำ 16 ห้อง แต่ผนังสูงไม่พอ เมื่อห้องแรกเต็ม น้ำก็ไหลล้นไปห้องต่อไป… 📌 คล้ายกับน้ำในถาดน้ำแข็งเมื่อเอียง ค่อย ๆ ล้นทีละช่อง 🪓 เหล็กและหมุดตอกตัวเรือ การวิจัยพบว่า เหล็กที่ใช้ในบางจุดเปราะแตกง่าย หมุดบางตัวไม่ได้มาตรฐาน แผ่นเหล็กในบริเวณหัวเรือ หลุดออกเมื่อชน ทำให้น้ำทะลัก 🆘 เรือชูชีพไม่พอ การอพยพที่โกลาหล 🚤 เรือลำใหญ่แต่เรือชูชีพมีแค่ 20 ลำ ไททานิคออกแบบให้ติดตั้งเรือชูชีพได้ถึง 68 ลำ แต่เพื่อความ “สวยงาม” ของดาดฟ้า ผู้บริหารสั่งให้ติดแค่ 20 ลำ รองรับคนได้เพียง 1,178 คน จาก 2,224 คน ทั้งที่ต้นทุนเรือชูชีพ แค่เศษเสี้ยวของมูลค่าทั้งเรือ! 💔 การอพยพที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ บางลำปล่อยทั้งที่ยังไม่เต็มคน ผู้โดยสารชั้นสามเข้าไม่ถึงจุดรวมพล เจ้าหน้าที่ไม่มีการฝึกซ้อมมาก่อน ผู้หญิงและเด็กบางคน ไม่ได้รับแจ้งว่าควรขึ้นเรือชูชีพ และ... หลายคน “ปฏิเสธ” ที่จะลงเรือ เพราะไม่เชื่อว่าเรือจะจมจริง 😔 ❄️ น้ำเย็น = ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🌡️ อุณหภูมิน้ำทะเลในคืนนั้นคือ -2°C ภายในไม่กี่นาทีหลังจากตกน้ำ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ Hypothermia กล้ามเนื้อหยุดทำงาน หัวใจเต้นช้าลง หมดสติและเสียชีวิตภายใน 15-20 นาที เสียงกรีดร้องของผู้คนค่อย ๆ เบาลง… จนกระทั่ง เงียบสงัด 🕯️ 🧑‍✈️ เสียงจากผู้รอดชีวิต เรื่องเล่าจากคืนที่โลกเปลี่ยนไป แม้จะมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,500 คน แต่ยังมีผู้รอดชีวิตราว 700 คน ที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ หลายคนได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมา พร้อมเล่าประสบการณ์ตรงสุดสะเทือนใจ... “การตกลงไปในน้ำเย็น มันเหมือนถูกมีดนับพันเล่มแทงเข้าใส่” : "ชาร์ล ไลท์โทลเลอร์" (Charles Lightoller) ผู้ช่วยต้นเรือคนที่ 2 บางคนรอดเพราะโชคช่วย บางคนรอดเพราะสัญชาตญาณ แต่...คนส่วนใหญ่รอดเพราะอยู่ในชั้นหนึ่ง ซึ่งเข้าถึงเรือชูชีพได้ก่อน 😢 ⚖️ ความเหลื่อมล้ำที่ฆ่าคน เด็กและผู้หญิงชั้นหนึ่ง รอดมากกว่า 90% เด็กชั้นสาม เสียชีวิตมากกว่า 66% ผู้ชายชั้นสอง เสียชีวิตถึง 92% ลูกเรือเกือบ 80% เสียชีวิต 🚸 มีแม้กระทั่งแม่ชาวไอริชที่เล่านิทานให้ลูกฟัง ก่อนจะจมน้ำไปพร้อมกันทั้งครอบครัว 🎬 Titanic (2540) จากเรือที่จม สู่หนังที่ตราตรึง แม้โศกนาฏกรรมจะผ่านไปกว่าศตวรรษ แต่ชื่อ "Titanic" กลับดังขึ้นอีกครั้งในปี 2540 จากภาพยนตร์โดย "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) ที่ทำให้โลกทั้งใบสะเทือนใจ 😭🌍 🎥 หนังทำรายได้ทะลุ 1.8 พันล้านเหรียญ คว้า 11 รางวัลออสการ์ รวมทั้ง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม เพลงประกอบ "My Heart Will Go On" กลายเป็นตำนาน ผู้ชมจดจำฉาก “I'm the king of the world!” และ “You jump, I jump” อย่างไม่มีวันลืม 🤔 ความจริงกับสิ่งแต่งเติม เรือไททานิคล่มเวลา 02.20 น. ของเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 ตัวละครแจ็ค ดอว์สัน ไม่มีอยู่จริง มีคู่สามีภรรยานอนกอดกันในห้อง โรสเป็นการรวมคาแรกเตอร์จากหลายบุคคล พ่อครัว Charles Joughin รอดจากการจมน้ำ ฉากโรแมนติกบนกระดานไม้ ถูกสร้างเพิ่ม 🤯 จริง ๆ แล้วภาพวาดโรส "สวมแต่สร้อย" นั้น "เจมส์ คาเมรอน" เป็นคนวาดเอง! 🕵️‍♂️ 25 เกร็ดลับเบื้องหลังหนัง Titanic ที่อาจไม่เคยรู้ 1. ภาพวาดโรส เป็นฝีมือของเจมส์ คาเมรอน ✍️ 2. ฉากที่โรสถ่มน้ำลายใส่คาล...เคต วินสเล็ต ด้นสดเอง 😆 3. น้ำที่ใช้ถ่ายฉากท้ายเรื่อง เย็นจนทำให้นักแสดงป่วย Hypothermia ❄️ 4. พรมในหนัง ทอจากโรงงานเดียวกับพรมเรือจริง 🧶 5. ฉากบันไดหลักถ่ายได้เพียงครั้งเดียว 💦 6. ฉากเด็กเล่นลูกข่าง อ้างอิงจากภาพถ่ายจริง 👦🏻 4. แจ็คพูดว่า "น้ำเย็นเหมือนโดนแทงด้วยมีดพันเล่ม" มาจากคำบอกเล่าจริงของผู้รอดชีวิต 8. รถเรโนลต์ในหนังคือรถจริงที่อยู่บนไททานิค 🚗 9. หมาของโรสพันธุ์พอเมอเรเนียน — รอดจริงในเหตุการณ์ 🐶 10. มีดพับของฟาบริซิโอใช้ตัดเชือกเรือชูชีพจริง 🗡️ 11. มาดอนนา เคยเกือบได้เล่นเป็นโรส 12. พ่อครัวที่เมาเหล้ารอดชีวิตเพราะ “แอลกอฮอล์” 🔥 13. ดวงดาวบนฟ้าผิด คาเมรอนจึงแก้ไขในเวอร์ชัน 3D 🌌 14. กล้อง Close-Up มือที่วาดโรส คือมือของคาเมรอนเอง 15. กลับซ้ายเป็นขวาในฉากเรือออกจากท่า 🔄 16. โรสขี่ม้าที่ซานตาโมนิกา ตามสัญญาของแจ็ค 🐎 17. มีการใช้คาเวียร์ของจริงในการถ่ายฉากดินเนอร์ 🥂 18. เสื้อโค้ตของเคต วินสเล็ตเคยติดประตูเกือบจมน้ำ 19. ซากเรือจริงในหนัง คาเมรอนดำน้ำไปถ่ายเอง 🛥️ 20. แจ็คพูดถึงทะเลสาบที่ยังไม่สร้างตอนปี 2455 ❌ 21. ปล่องไฟที่ 4 ของเรือ ไม่มีควันเพราะไม่ต่อกับเตาไฟ 22. เรือพับได้ในหนังมีจริง และถูกใช้จริง 23. ชุดที่โรสใส่ขณะหนีไฟไหม้ ทำซ้ำกว่า 30 ชุด 24. ทรายใต้กระดานไม้ฉากสุดท้าย เป็นทรายจริง 25. แฟนหนังจำนวนมากไปเยี่ยม “หลุมศพ J. Dawson” จริง 🪦 📜 มรดกจากโศกนาฏกรรม บทเรียนราคาแพง 🚢 SOLAS กฎแห่งท้องทะเล หลังโศกนาฏกรรมไททานิค โลกทั้งใบตื่นรู้ว่า "ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ" และได้นำไปสู่การจัดตั้ง อนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยความปลอดภัยแห่งชีวิตในทะเล (SOLAS) ปี 2457 SOLAS กำหนดให้เรือทุกลำต้องมีเรือชูชีพเพียงพอ ระบบวิทยุต้องเปิดตลอด 24 ชั่วโมง มีการซ้อมหนีภัยจริงจัง ปรับปรุงการออกแบบเรือให้รัดกุมยิ่งขึ้น ✨ 113 ปี แห่งการเตือนใจ เรือไททานิคคือเครื่องเตือนใจของโลก ว่า “ความมั่นใจมากเกินไป” นั้นอันตราย “ความประมาท” สามารถพรากชีวิตผู้คนได้เกินพัน ภายในไม่กี่ชั่วโมง แม้จะใช้เทคโนโลยีล้ำหน้า แต่หากไร้การวางแผน และความระมัดระวัง ก็อาจนำสู่หายนะ ไททานิคจม แต่บทเรียน… ยังคงลอยอยู่เหนือผิวน้ำเสมอ 📌 เรื่องราวของไททานิค ไม่ใช่เพียงตำนานเรือใหญ่ล่ม แต่คือสัญลักษณ์ของ “ความมั่นใจเกินขีดจำกัด” ของมนุษย์ ที่นำมาซึ่งโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ความประมาท ความละเลย และระบบที่ไม่พร้อม คือสาเหตุหลักของการสูญเสียชีวิตนับพัน ในเช้าตรู่วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2455 และยังคงเตือนใจมนุษย์ในทุกยุคว่า “ไม่มีสิ่งใดในโลกที่ไม่มีวันจม” 🌊🕯️ 🔚 เมื่อ “ไม่มีวันจม” กลายเป็น “จมจริง” 🚢 จุดจบของเรือที่เคยถูกยกย่องว่า “ไม่มีวันจม” ...แต่คือจุดเริ่มต้นของกฎหมายความปลอดภัยทางทะเล ที่ช่วยชีวิตผู้คนนับล้านในศตวรรษต่อมา 🌍 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 151322 เม.ย. 2568 📲 #ไททานิค #Titanic #เรือไททานิคล่ม #เรื่องจริงไททานิค #แจ็คโรส #โศกนาฏกรรมไททานิค #TitanicFacts #ไททานิค113ปี #หนังTitanic #MyHeartWillGoOn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (14 เม.ย.) ว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่ามาตรการรีดภาษีคู่ค้าและนโยบายอื่นๆ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกัดเซาะความเชื่อถือศรัทธาที่ชาติพันธมิตรมีต่ออเมริกา และนักลงทุนบางส่วนเริ่มเทขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ

    เยลเลน ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทำให้โลก “ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในสินทรัพย์ของสิ่งซึ่งเคยเป็นรากฐานของระบบการเงินโลก ซึ่งก็คือกระทรวงการคลังสหรัฐฯ”

    “ดิฉันไม่ได้มองว่า เรากำลังเห็นความผิดปกติในแง่ของการสูญเสียสภาพคล่องในตลาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่สัญญาณที่เตือนว่าทั่วโลกกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความปลอดภัยของสินทรัพย์อันเป็นรากฐาน คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า”

    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลงในวันจันทร์ (14) หลังจากที่รัฐบาล ทรัมป์ ประกาศระงับการรีดภาษีสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากจีนอย่างน้อยก็ชั่วคราว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีลดลง 8 จุดตั้งแต่วันศุกร์ (11) ลงมาอยู่ที่ 4.41% แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลข 3.99% ณ วันที่ 4 เม.ย.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035641

    #MGROnline #เจเน็ตเยลเลน
    เจเน็ต เยลเลน อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (14 เม.ย.) ว่ารู้สึกกังวลอย่างยิ่งว่ามาตรการรีดภาษีคู่ค้าและนโยบายอื่นๆ ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังกัดเซาะความเชื่อถือศรัทธาที่ชาติพันธมิตรมีต่ออเมริกา และนักลงทุนบางส่วนเริ่มเทขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ • เยลเลน ให้สัมภาษณ์กับ CNBC ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ เพราะทำให้โลก “ตั้งคำถามถึงความปลอดภัยในสินทรัพย์ของสิ่งซึ่งเคยเป็นรากฐานของระบบการเงินโลก ซึ่งก็คือกระทรวงการคลังสหรัฐฯ” • “ดิฉันไม่ได้มองว่า เรากำลังเห็นความผิดปกติในแง่ของการสูญเสียสภาพคล่องในตลาดไปอย่างสิ้นเชิง แต่สัญญาณที่เตือนว่าทั่วโลกกำลังสูญเสียความเชื่อมั่นในนโยบายเศรษฐกิจสหรัฐฯ และความปลอดภัยของสินทรัพย์อันเป็นรากฐาน คือสิ่งที่น่ากังวลมากกว่า” • อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวลดลงในวันจันทร์ (14) หลังจากที่รัฐบาล ทรัมป์ ประกาศระงับการรีดภาษีสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้าจากจีนอย่างน้อยก็ชั่วคราว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ 10 ปีลดลง 8 จุดตั้งแต่วันศุกร์ (11) ลงมาอยู่ที่ 4.41% แต่ก็ยังสูงกว่าตัวเลข 3.99% ณ วันที่ 4 เม.ย. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000035641 • #MGROnline #เจเน็ตเยลเลน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป

    ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่
    - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน
    - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด

    ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย
    - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030
    - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก

    ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ
    - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
    - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา
    - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ

    ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
    - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา
    - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ

    ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน
    - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล
    - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้

    ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก
    - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ
    - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์

    https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    รัฐบาลเยอรมนีกำลังวางแผนจัดตั้ง "ซูเปอร์กระทรวงไฮเทค" เพื่อส่งเสริมการวิจัยและเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ นักวิจัยจากสหรัฐฯ ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายงบประมาณของรัฐบาลทรัมป์เข้ามาทำงานในยุโรป ✅ การจัดตั้งกระทรวงไฮเทคใหม่ - กระทรวงใหม่นี้จะดูแลด้าน ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ควอนตัมคอมพิวติ้ง, เทคโนโลยีชีวภาพ, การพัฒนาชิป และพลังงานฟิวชัน - มีแผนแยกงานวิจัยออกจากกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อให้การบริหารจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น - เป้าหมายสำคัญคือการสร้าง เครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของพลังงานสะอาด ✅ การเพิ่มงบประมาณสนับสนุนการวิจัย - รัฐบาลเยอรมนีให้คำมั่นว่าจะเพิ่มงบประมาณสนับสนุนองค์กรวิจัย ปีละ 3% จนถึงปี 2030 - นโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้เยอรมนีเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก ✅ โครงการ "1000 Minds" ดึงดูดนักวิจัยจากสหรัฐฯ - เยอรมนีเตรียมเปิดโครงการ "1000 Minds" เพื่อดึงดูดนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจากทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ - นักวิจัยในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับ การตัดงบประมาณครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ในหลายสาขา - มีรายงานว่าบางหน่วยงาน เช่น NOAA (National Oceanic and Atmospheric Administration) ต้องลดงบประมาณจนถึงขั้นให้ นักวิจัยทำงานด้านอื่น เช่น ทำความสะอาดห้องน้ำ ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่อสหรัฐฯ และการแข่งขันด้านเทคโนโลยี - การดึงนักวิจัยจากสหรัฐฯ อาจทำให้เกิด การสูญเสียบุคลากรสำคัญ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของอเมริกา - อาจส่งผลต่อการแข่งขันด้าน AI และเทคโนโลยีขั้นสูง ระหว่างยุโรปและสหรัฐฯ ℹ️ ความท้าทายในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน - แม้จะมีเป้าหมายสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชันที่ใช้งานได้จริง แต่เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง และต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล - การพัฒนาอาจใช้เวลาหลายสิบปี ก่อนที่จะสามารถนำมาใช้ในระดับอุตสาหกรรมได้ ℹ️ แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมวิจัยโลก - หากเยอรมนีประสบความสำเร็จ อาจทำให้ยุโรปกลายเป็น ศูนย์กลางวิจัยระดับโลก แทนที่สหรัฐฯ - ประเทศอื่นๆ อาจต้องปรับนโยบายเพื่อแข่งขันกับเยอรมนีในการดึงดูดนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ https://www.techspot.com/news/107547-germany-new-government-planning-super-high-tech-ministry.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New German "super-ministry" hopes to lure US researchers with cutting-edge science agenda
    Germany's three largest political parties have agreed to form a new government, uniting the center-right Christian Democrats and Christian Social Union with the center-left Social Democrats. While...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • ล่าสุดเซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับ CBS News โดยเขาออกมาปฏิเสธที่จะเจรจากับรัสเซีย โดยใช้เหตุผลว่า "รัสเซียไม่น่าไว้วางใจ"

    “เราไม่สามารถเชื่อใจรัสเซียได้ ประเด็นคือเราไม่เคยเชื่อใจการเจรจากับรัสเซียเลย” เซเลนสกีกล่าว

    คำพูดดูถูกรัสเซียยังไม่รุนแรงเท่ากับ เขายังกล่าวพาดพิงไปถึงสหรัฐและทรัมป์ ว่าเขาผิดหวังท่าทีสหรัฐอย่าวมาก

    เซเลนสกีกล่าวว่า “เป็นความผิดพลาดที่อเมริกาพยายามวางตัวเป็นกลาง” มันทำให้ดูเหมือนรัสเซียมีอิทธิพลเหนือ และยังกล่าวเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ไปยูเครน เพื่อได้เห็นกับตาในสิ่งที่รัสเซียทำ

    นอกจากเซเลนสกีจะยืนกรานที่จะดำเนินสงครามต่อไปแล้วนั้น เขายังพยายามกล่าวโน้มน้าวผู้คนว่าหากไม่ "หยุดปูติน" สงครามนี้อาจทวีความรุนแรงเป็นสงครามโลก

    เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ ยูเครนจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ รวมถึงการสูญเสียดินแดนด้วย “ผมคิดว่าเราจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่หากไม่มีสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือดินแดน”


    หลังจากการสัมภาษณ์ได้ออกอากาศทางรายการ 60 Minutes ทรัมป์วิจารณ์รายการดังกล่าวโดยไม่เอ่ยชื่อเซเลนสกีโดยตรง แต่เรียกเรื่องราวดังกล่าวว่า "ไม่เป็นความจริงและหมิ่นประมาท" และเรียก CBS ว่าเป็น "ข่าวปลอม" ซึ่งควรจะถูกยึดใบอนุญาตซะ
    ล่าสุดเซเลนสกีให้สัมภาษณ์กับ CBS News โดยเขาออกมาปฏิเสธที่จะเจรจากับรัสเซีย โดยใช้เหตุผลว่า "รัสเซียไม่น่าไว้วางใจ" “เราไม่สามารถเชื่อใจรัสเซียได้ ประเด็นคือเราไม่เคยเชื่อใจการเจรจากับรัสเซียเลย” เซเลนสกีกล่าว คำพูดดูถูกรัสเซียยังไม่รุนแรงเท่ากับ เขายังกล่าวพาดพิงไปถึงสหรัฐและทรัมป์ ว่าเขาผิดหวังท่าทีสหรัฐอย่าวมาก เซเลนสกีกล่าวว่า “เป็นความผิดพลาดที่อเมริกาพยายามวางตัวเป็นกลาง” มันทำให้ดูเหมือนรัสเซียมีอิทธิพลเหนือ และยังกล่าวเชิญประธานาธิบดีทรัมป์ไปยูเครน เพื่อได้เห็นกับตาในสิ่งที่รัสเซียทำ นอกจากเซเลนสกีจะยืนกรานที่จะดำเนินสงครามต่อไปแล้วนั้น เขายังพยายามกล่าวโน้มน้าวผู้คนว่าหากไม่ "หยุดปูติน" สงครามนี้อาจทวีความรุนแรงเป็นสงครามโลก เซเลนสกียังกล่าวอีกว่า หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐ ยูเครนจะประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่ รวมถึงการสูญเสียดินแดนด้วย “ผมคิดว่าเราจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่หากไม่มีสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือดินแดน” หลังจากการสัมภาษณ์ได้ออกอากาศทางรายการ 60 Minutes ทรัมป์วิจารณ์รายการดังกล่าวโดยไม่เอ่ยชื่อเซเลนสกีโดยตรง แต่เรียกเรื่องราวดังกล่าวว่า "ไม่เป็นความจริงและหมิ่นประมาท" และเรียก CBS ว่าเป็น "ข่าวปลอม" ซึ่งควรจะถูกยึดใบอนุญาตซะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts