• ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา

    นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม

    สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก

    อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต

    กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2)
    อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART
    ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32

    กลไกที่ค้นพบ
    ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV
    ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32

    ความหมายต่อการแพทย์
    เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก
    ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่

    ข้อควรระวัง
    การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน
    ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป
    ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV

    https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    🌟 ผู้ป่วยรายที่ 7 เข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ยาวนาน จุดประกายความหวังใหม่ในการรักษา นักวิจัยรายงานกรณีผู้ป่วยชายชาวเยอรมันที่ได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เพื่อรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว และเข้าสู่ภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 ปีโดยไม่ต้องใช้ยาต้านไวรัส (ART) นับเป็นผู้ป่วยรายที่ 7 ของโลกที่สามารถควบคุมเชื้อ HIV ได้ในระยะยาวหลังการรักษาด้วยวิธีนี้ กรณีนี้ถูกเรียกว่า Berlin Patient 2 (B2) และสร้างความตื่นเต้นในวงการแพทย์ เพราะผู้บริจาคสเต็มเซลล์มีเพียงหนึ่งชุดของยีนกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยรายก่อน ๆ ที่ได้รับสองชุดเต็ม สิ่งที่น่าสนใจคือแม้จะมีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 แต่ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สร้างขึ้นหลังการปลูกถ่ายสามารถกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลนี้ชี้ให้เห็นว่า “การทุเลา” อาจเกิดขึ้นได้แม้ไม่ต้องพึ่งพาผู้บริจาคที่มีการกลายพันธุ์หายากแบบสองชุดเต็ม ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่แนวทางการรักษาที่กว้างขึ้นและไม่จำกัดเฉพาะผู้บริจาคที่หายากมาก อย่างไรก็ตาม การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เป็นกระบวนการที่รุนแรงและมีความเสี่ยงสูง ทั้งต่อสุขภาพระยะยาวและอัตราการเสียชีวิต จึงไม่สามารถใช้เป็นวิธีรักษามาตรฐานสำหรับผู้ติดเชื้อ HIV ทั่วไปได้ แต่ความสำเร็จนี้ช่วยให้แพทย์และนักวิจัยเข้าใจกลไกใหม่ ๆ เช่น graft-versus-reservoir response ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนายาและวิธีการรักษาที่ปลอดภัยกว่าในอนาคต กรณี B2 และผู้ป่วยจากเจนีวาที่เข้าสู่ภาวะทุเลาโดยไม่มีการกลายพันธุ์ CCR5 Δ32 เลย ยิ่งตอกย้ำว่าการกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV อาจทำได้หลายวิธี ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาการกลายพันธุ์หายากเพียงอย่างเดียว งานวิจัยนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่อาจนำไปสู่การรักษา HIV แบบหายขาดในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กรณีผู้ป่วยรายที่ 7 (Berlin Patient 2) ➡️ อยู่ในภาวะทุเลา HIV ต่อเนื่องกว่า 6 ปีโดยไม่ใช้ ART ➡️ ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาคที่มีเพียงหนึ่งชุดของยีน CCR5 Δ32 ✅ กลไกที่ค้นพบ ➡️ ระบบภูมิคุ้มกันใหม่ช่วยกำจัดแหล่งซ่อนเชื้อ HIV ➡️ ชี้ว่าการทุเลาไม่จำเป็นต้องใช้ผู้บริจาคที่มีสองชุดของ CCR5 Δ32 ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการรักษา HIV โดยไม่จำกัดผู้บริจาคหายาก ➡️ ช่วยให้เข้าใจกลไก graft-versus-reservoir response ที่อาจนำไปสู่การพัฒนายาใหม่ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์มีความเสี่ยงสูงและไม่เหมาะเป็นการรักษามาตรฐาน ⛔ ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาวิธีที่ปลอดภัยและใช้ได้กับผู้ติดเชื้อทั่วไป ⛔ ผู้ป่วยบางรายที่ได้รับสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค CCR5 ปกติยังมีการกลับมาของเชื้อ HIV https://www.sciencealert.com/7th-hiv-remission-raises-hope-of-long-lasting-treatment-for-more-people
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    7th HIV Remission Raises Hope of Long-Lasting Treatment For More People
    A German man remains in remission from HIV an incredible six years after he received a stem cell transplant to treat an aggressive form of leukemia.
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • เที่ยวโซล เกาหลี ซอรัคซาน อิสระ 1 วัน เริ่ม 8,999
    เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69

    🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน
    ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์
    พักโรงแรม

    ชิงช้าสวรรค์
    ซอรัคซาน
    ห้องสมุดสตาร์ฟิล
    เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    เที่ยวโซล เกาหลี ซอรัคซาน อิสระ 1 วัน 🇰🇷 เริ่ม 8,999 🔥🔥 🗓️ เดินทาง มี.ค. / พ.ค. 69 😍 🗓 จำนวนวัน 5 วัน 3 คืน ✈ BX แอร์ปูซาน / LJ จินแอร์ / 7Cเจจูแอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 ชิงช้าสวรรค์ 📍 ซอรัคซาน 📍 ห้องสมุดสตาร์ฟิล 📍 เที่ยวกรุงโซลแบบอิสระด้วยตัวเอง รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เกาหลี #ทัวร์โซล #korea #seoul #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 7 Views 0 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷

    #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar

    กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน”
    เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง
    https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people

    สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday
    บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office

    นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ
    นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories

    OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5
    OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed

    Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ
    Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os

    Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด
    มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw

    AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น
    AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร
    https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human

    AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น
    การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues

    James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI
    ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it

    IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที
    Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง
    https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues

    UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค
    ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด
    https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season

    ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์
    มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้
    https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe

    กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ
    รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites

    Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่
    ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025

    Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่
    Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
    https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ
    Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar 🧑‍🤝‍🧑 กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน” เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people 🪑 สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office 🔐 นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories 📱 OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5 OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed 💻 Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os ⌚ Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw 🧠🤖 AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human ☁️🔗 AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues 🎬😨 James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it ⚠️🔐 IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง 🔗 https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues 🛍️📱 UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season 🛡️📅 ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์ มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe 🔞⚖️ กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites 📧🚨 Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่ ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025 🛒🇰🇷 Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่ Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know 📱📖 Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷
    #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline

    Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต
    Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์
    https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch

    nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout

    มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้
    มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต
    https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection

    ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1
    https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion

    APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้
    https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts

    Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า
    นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน
    https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud

    ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA
    ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี
    https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity

    OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT
    แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล
    https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses

    BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง
    BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
    https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G
    พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง
    https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems

    Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้
    https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth

    ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC
    มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability

    OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง
    OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔐📌 #รวมข่าวIT #20251202 #securityonline 🛡️ Android เจอช่องโหว่ร้ายแรง ต้องรีบอัปเดต Google ออก Android Security Bulletin เดือนธันวาคม 2025 ที่ทำให้หลายคนต้องรีบอัปเดตเครื่องทันที เพราะมีการยืนยันว่ามีการโจมตีจริงในโลกออนไลน์แล้ว โดยมีช่องโหว่สำคัญใน Android Framework ที่อาจทำให้เครื่องถูกสั่งให้หยุดทำงานจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษใด ๆ นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลหรือยกระดับสิทธิ์ในเครื่องได้ โดยเฉพาะ CVE-2025-48631 ที่ถูกจัดว่าเป็น Critical DoS flaw ซึ่งสามารถทำให้เครื่องค้างหรือใช้งานไม่ได้ทันที รวมถึงยังมีปัญหาใน Kernel อย่าง PKVM และ IOMMU ที่ถ้าโดนเจาะก็อาจทะลุผ่านระบบป้องกันข้อมูลสำคัญได้ ผู้ใช้ Android จึงถูกแนะนำให้ตรวจสอบว่าเครื่องได้รับแพตช์ระดับ 2025-12-05 แล้ว เพื่อความปลอดภัยทั้งจากซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ 🔗 https://securityonline.info/android-emergency-critical-dos-flaw-and-2-exploited-zero-days-in-framework-require-immediate-patch ⚠️ nopCommerce มีช่องโหว่ยึดระบบแอดมินได้ แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง nopCommerce ถูกพบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-11699 ที่อันตรายมาก เพราะผู้โจมตีสามารถใช้ session cookie ที่หมดอายุแล้วกลับมาใช้งานอีกครั้งเพื่อเข้าสู่ระบบในสิทธิ์แอดมินได้ เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมระบบหลังบ้านได้เต็มที่ แม้ผู้ใช้จะออกจากระบบไปแล้วก็ตาม ช่องโหว่นี้ทำให้ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงหรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ดูแลระบบจึงควรรีบอัปเดตแพตช์และตรวจสอบการจัดการ session อย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/nopcommerce-flaw-cve-2025-11699-allows-admin-takeover-by-reusing-session-cookies-after-logout 🕵️‍♂️ มัลแวร์รุ่นใหม่ Arkanix หลบการเข้ารหัส Chrome ได้ มีการค้นพบมัลแวร์สายขโมยข้อมูลรุ่นใหม่ชื่อ Arkanix ที่พัฒนาให้ฉลาดขึ้นกว่าเดิม โดยมันสามารถเลี่ยงการป้องกันของ Chrome ที่ใช้ App-Bound Encryption ได้ ด้วยเทคนิคการฉีดโค้ดเข้าไปใน process ของ C++ ทำให้สามารถดึงข้อมูลที่ควรถูกเข้ารหัสออกมาได้อย่างง่ายดาย จุดนี้ถือว่าอันตรายมากเพราะ Chrome เป็นเบราว์เซอร์ที่มีผู้ใช้มหาศาล และการหลบเลี่ยงระบบเข้ารหัสได้หมายถึงข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ session อาจถูกขโมยไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่ามัลแวร์นี้เป็น “next-gen stealer” ที่อาจถูกใช้ในแคมเปญโจมตีครั้งใหญ่ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/next-gen-stealer-arkanix-bypasses-chrome-app-bound-encryption-using-c-process-injection 🖥️ ช่องโหว่ Apache Struts ทำเซิร์ฟเวอร์ล่มด้วยไฟล์ชั่วคราว เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่จาก Apache Software Foundation เกี่ยวกับช่องโหว่ที่ชื่อว่า CVE-2025-64775 ซึ่งเกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์ชั่วคราวที่ผิดพลาดในกระบวนการอัปโหลดไฟล์ของ Struts framework เมื่อผู้โจมตีส่งคำขอแบบ multipart จำนวนมาก ไฟล์ชั่วคราวที่ควรถูกลบกลับถูกทิ้งไว้ ทำให้พื้นที่ดิสก์เต็มไปเรื่อย ๆ จนระบบไม่สามารถทำงานต่อได้ กลายเป็นการโจมตีแบบ Denial of Service ถึงแม้จะไม่ใช่การรันโค้ดจากระยะไกล แต่ก็สามารถทำให้บริการสำคัญหยุดชะงักได้ง่ายมาก ทางออกคือผู้ใช้ต้องรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่ถูกแก้ไขแล้วคือ Struts 6.8.0 และ 7.1.1 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-64775-apache-struts-file-leak-vulnerability-threatens-disk-exhaustion 🐧 APT36 หันเป้าโจมตี Linux ด้วยทางลัดเงียบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียง APT36 หรือ Transparent Tribe ซึ่งเคยโจมตีระบบ Windows มานาน ตอนนี้ได้พัฒนาเครื่องมือใหม่เพื่อเจาะระบบ Linux โดยเฉพาะ BOSS Linux ที่ใช้ในหน่วยงานรัฐบาลอินเดีย พวกเขาส่งอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ .desktop ปลอมให้ดูเหมือนเอกสารจริง แต่เมื่อเปิดขึ้นมา มัลแวร์จะถูกติดตั้งอย่างเงียบ ๆ พร้อมสร้างความคงอยู่ในระบบโดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ root จุดเด่นคือเป็น Remote Administration Tool ที่ทำงานได้ทั้ง Windows และ Linux สามารถสั่งรันคำสั่ง ดูดข้อมูล และจับภาพหน้าจอได้ การขยายเป้าหมายไปยัง Linux ถือเป็นการยกระดับครั้งสำคัญของกลุ่มนี้ 🔗 https://securityonline.info/the-boss-breach-apt36-pivots-to-linux-espionage-with-silent-shortcuts 📱 Albiriox มัลแวร์ Android แบบบริการเช่า นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ Albiriox ที่ถูกพัฒนาเป็น Malware-as-a-Service โดยกลุ่มผู้พูดภาษารัสเซีย เปิดให้เช่าใช้เดือนละราว 650–720 ดอลลาร์ จุดแข็งคือสามารถทำ On-Device Fraud ได้ หมายถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงจากเครื่องของเหยื่อเองเพื่อหลบเลี่ยงระบบตรวจสอบของธนาคาร ฟีเจอร์เด่นคือ AcVNC ที่สามารถควบคุมหน้าจอแม้แอปธนาคารจะพยายามบล็อกการบันทึกหน้าจอ แคมเปญแรกเริ่มโจมตีผู้ใช้ในออสเตรียผ่านแอป Penny Market ปลอม แต่จริง ๆ แล้วมีรายชื่อเป้าหมายกว่า 400 แอปธนาคารและคริปโตทั่วโลก ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามบนมือถืออย่างชัดเจน 🔗 https://securityonline.info/albiriox-the-russian-maas-android-trojan-redefining-mobile-fraud ⚙️ ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA ในโลกเซมิคอนดักเตอร์ตอนนี้ Apple และ NVIDIA กำลังแย่งชิงกำลังการผลิตขั้นสูงของ TSMC โดยเฉพาะกระบวนการ A16 และ A14 ที่ถือเป็นระดับ angstrom-class ซึ่งมีความสำคัญต่อการผลิตชิปประสิทธิภาพสูง ทั้งสองบริษัทต่างต้องการพื้นที่ผลิตที่จำกัดนี้เพื่อรองรับความต้องการด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกัน Apple ยังมองหาทางเลือกใหม่โดยอาจร่วมมือกับ Intel ในกระบวนการ 18AP สำหรับชิประดับเริ่มต้น เพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มอำนาจต่อรองกับ TSMC การแข่งขันนี้สะท้อนให้เห็นว่าชิปขั้นสูงได้กลายเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดระหว่างยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity 💰 OpenAI เริ่มทดลองโฆษณาใน ChatGPT แม้ ChatGPT จะมีผู้ใช้มหาศาล แต่ OpenAI ก็ยังขาดทุนหนัก โดยคาดว่าจะสะสมการขาดทุนถึง 115 พันล้านดอลลาร์ก่อนจะเริ่มมีกำไร นักพัฒนาพบโค้ดที่เกี่ยวข้องกับโฆษณาในแอป ChatGPT บน Android ซึ่งบ่งชี้ว่าบริษัทกำลังทดลองโมเดลรายได้ใหม่ผ่านการแสดงโฆษณาในคำตอบ โดยเฉพาะโฆษณาแบบค้นหา (Search Ads) ที่ฝังลิงก์สปอนเซอร์ในผลลัพธ์ หากเปิดใช้งานจริงจะเป็นแหล่งรายได้มหาศาลเสริมจากค่าสมาชิกและ API การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ OpenAI ที่จะหาทางออกจากภาระขาดทุนมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/chatgpt-ads-spotted-monetization-push-underway-to-offset-115-billion-in-openai-losses 🛡️ BreachLock ครองแชมป์ PTaaS ต่อเนื่อง BreachLock ได้รับการจัดอันดับจากรายงาน GigaOm Radar ปี 2025 ให้เป็นผู้นำด้านบริการ Penetration Testing as a Service (PTaaS) ต่อเนื่องเป็นปีที่สาม จุดเด่นของบริษัทคือการผสมผสานการทดสอบเจาะระบบแบบอัตโนมัติและการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ลูกค้าได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็วและแม่นยำ พร้อมทั้งสามารถปรับขนาดการทดสอบให้เหมาะสมกับองค์กรทุกระดับ การได้รับการยอมรับซ้ำ ๆ แสดงถึงความแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือในตลาดที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 🔗 https://securityonline.info/breachlock-named-a-leader-in-2025-gigaom-radar-report-for-penetration-testing-as-a-service-ptaas-for-third-consecutive-year 📶 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Snapdragon และโมเด็ม 5G พบช่องโหว่ใหม่ CVE-2025-47372 ที่กระทบ Snapdragon 8 Gen 3 และโมเด็ม 5G โดยปัญหานี้เกิดขึ้นในกระบวนการบูต ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับสูงตั้งแต่เริ่มต้นระบบ ผลกระทบคืออุปกรณ์อาจถูกควบคุมหรือทำงานผิดพลาดตั้งแต่เปิดเครื่อง ถือเป็นภัยร้ายแรงเพราะเกี่ยวข้องกับชิปที่ใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งในสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์เครือข่าย การแก้ไขคือผู้ผลิตต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่ออุดช่องโหว่ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง 🔗 https://securityonline.info/boot-process-compromised-critical-flaw-cve-2025-47372-hits-snapdragon-8-gen-3-5g-modems 🤝 Kevin Lancaster เข้าร่วมบอร์ด usecure Kevin Lancaster ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาช่องทางธุรกิจ ได้เข้าร่วมบอร์ดของบริษัท usecure เพื่อช่วยเร่งการเติบโตในตลาดอเมริกาเหนือ Lancaster มีประสบการณ์ยาวนานในการสร้างเครือข่ายพันธมิตรและการขยายธุรกิจด้านความปลอดภัยไซเบอร์ การเข้ามาของเขาถือเป็นการเสริมกำลังสำคัญให้ usecure สามารถขยายฐานลูกค้าและเพิ่มความแข็งแกร่งในการแข่งขันในภูมิภาคนี้ 🔗 https://securityonline.info/kevin-lancaster-joins-the-usecure-board-to-accelerate-north-american-channel-growth 🪟 ช่องโหว่ Windows EoP พร้อม PoC มีการเผยแพร่โค้ดทดสอบการโจมตี (PoC) สำหรับช่องโหว่ CVE-2025-60718 ที่เกี่ยวข้องกับ Windows Administrator Protection ซึ่งเป็นช่องโหว่ Elevation of Privilege ทำให้ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์ในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่าอันตรายเพราะสามารถใช้เป็นขั้นตอนหนึ่งในการเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้ การที่ PoC ถูกปล่อยออกมาแล้วทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ผู้ใช้และผู้ดูแลระบบควรเร่งอัปเดตแพตช์ทันที 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-cve-2025-60718-windows-administrator-protection-elevation-of-privilege-vulnerability 🔐 OpenVPN อุดช่องโหว่ร้ายแรง OpenVPN ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่สำคัญสองรายการ ได้แก่ Heap Over-Read ที่มีคะแนน CVSS 9.1 และช่องโหว่ HMAC Bypass ซึ่งสามารถทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ได้ ช่องโหว่เหล่านี้หากถูกนำไปใช้จะทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่ปลอดภัยและอาจถูกโจมตีจนระบบล่ม การอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้ใช้งานทุกคนเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/critical-openvpn-flaws-fix-heap-over-read-cvss-9-1-and-hmac-bypass-allow-dos-attacks
    0 Comments 0 Shares 21 Views 0 Reviews
  • Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM

    สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต

    รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว

    ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028

    ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM
    เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว”
    หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง
    สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว

    ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น
    ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ
    ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

    คำเตือนและความท้าทาย
    ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028
    ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง
    การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก

    https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    🏭 Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028 ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM ➡️ เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว” ➡️ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง ➡️ สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ✅ ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น ➡️ ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ ➡️ ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028 ⛔ ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง ⛔ การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    WCCFTECH.COM
    Two of the Biggest DRAM Suppliers Are Skeptical About Increasing Production as They Eye "Long-Term" Profitability
    Samsung and SK hynix are stating that their strategy towards the ongoing 'memory boom' will focus on profitability.
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ในการสร้างเกม

    Dan Houser ผู้ร่วมก่อตั้ง Rockstar Games และผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างซีรีส์ดังอย่าง Grand Theft Auto และ Red Dead Redemption ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการสร้างเกม โดยเขามองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่คือ “คนที่พยายามผลักดันให้ AI ถูกใช้ในทุกสถานการณ์” ซึ่งเขาเรียกว่า “ไม่ใช่คนที่มีความเป็นมนุษย์หรือความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด”

    Houser อธิบายว่า AI มีข้อจำกัดที่ชัดเจน โดยเฉพาะการพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตจะเต็มไปด้วยข้อมูลที่สร้างโดย AI เอง ทำให้คุณภาพของข้อมูลลดลง เขาเปรียบเทียบว่า “เหมือนตอนที่เราให้อาหารวัวด้วยวัวเองแล้วเกิดโรค BSE (mad cow disease)” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพไปเรื่อย ๆ

    แม้ Houser จะยอมรับว่า AI สามารถช่วยให้บางคนสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายขึ้น แต่เขาเชื่อว่าผลงานจำนวนมากจะออกมา “คล้ายกันหมด” และ AI จะเก่งในงานที่ “ราคาถูกและพอใช้ได้” แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” แบบที่มนุษย์ทำได้ เขายังเสริมว่า คนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI
    มองว่าคนที่ผลักดันไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือความเป็นมนุษย์มากที่สุด
    เชื่อว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้

    ข้อจำกัดของ AI ที่ Houser ชี้ให้เห็น
    พึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่อาจเสื่อมคุณภาพเมื่อ AI สร้างข้อมูลเอง
    เปรียบเทียบกับโรค mad cow disease ที่เกิดจากการวนซ้ำในระบบ

    มุมมองต่อผลกระทบในวงการเกม
    AI จะสร้างผลงานที่คล้ายกันไปหมด
    เก่งในงานที่ราคาถูกและพอใช้ แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” ได้

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การใช้ AI ในทุกด้านอาจลดความหลากหลายและคุณภาพของงานสร้างสรรค์
    ความเสี่ยงที่ข้อมูลจะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพ
    อาจทำให้ผู้สร้างเกมที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ พึ่งพา AI มากเกินไป

    https://wccftech.com/dan-houser-calls-people-pushing-genai-not-the-most-humane-or-creative-people/
    🎮 Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ในการสร้างเกม Dan Houser ผู้ร่วมก่อตั้ง Rockstar Games และผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างซีรีส์ดังอย่าง Grand Theft Auto และ Red Dead Redemption ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการสร้างเกม โดยเขามองว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยี แต่คือ “คนที่พยายามผลักดันให้ AI ถูกใช้ในทุกสถานการณ์” ซึ่งเขาเรียกว่า “ไม่ใช่คนที่มีความเป็นมนุษย์หรือความคิดสร้างสรรค์มากที่สุด” Houser อธิบายว่า AI มีข้อจำกัดที่ชัดเจน โดยเฉพาะการพึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งในอนาคตจะเต็มไปด้วยข้อมูลที่สร้างโดย AI เอง ทำให้คุณภาพของข้อมูลลดลง เขาเปรียบเทียบว่า “เหมือนตอนที่เราให้อาหารวัวด้วยวัวเองแล้วเกิดโรค BSE (mad cow disease)” ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI จะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพไปเรื่อย ๆ แม้ Houser จะยอมรับว่า AI สามารถช่วยให้บางคนสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายขึ้น แต่เขาเชื่อว่าผลงานจำนวนมากจะออกมา “คล้ายกันหมด” และ AI จะเก่งในงานที่ “ราคาถูกและพอใช้ได้” แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” แบบที่มนุษย์ทำได้ เขายังเสริมว่า คนที่มีพรสวรรค์จริง ๆ จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เพราะความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ AI ไม่สามารถแทนที่ได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Dan Houser วิจารณ์การผลักดัน Generative AI ➡️ มองว่าคนที่ผลักดันไม่ใช่คนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือความเป็นมนุษย์มากที่สุด ➡️ เชื่อว่า AI ไม่สามารถแทนที่ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ได้ ✅ ข้อจำกัดของ AI ที่ Houser ชี้ให้เห็น ➡️ พึ่งพาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตที่อาจเสื่อมคุณภาพเมื่อ AI สร้างข้อมูลเอง ➡️ เปรียบเทียบกับโรค mad cow disease ที่เกิดจากการวนซ้ำในระบบ ✅ มุมมองต่อผลกระทบในวงการเกม ➡️ AI จะสร้างผลงานที่คล้ายกันไปหมด ➡️ เก่งในงานที่ราคาถูกและพอใช้ แต่ไม่สามารถสร้าง “เวทมนตร์” ได้ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การใช้ AI ในทุกด้านอาจลดความหลากหลายและคุณภาพของงานสร้างสรรค์ ⛔ ความเสี่ยงที่ข้อมูลจะวนซ้ำและเสื่อมคุณภาพ ⛔ อาจทำให้ผู้สร้างเกมที่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์จริง ๆ พึ่งพา AI มากเกินไป https://wccftech.com/dan-houser-calls-people-pushing-genai-not-the-most-humane-or-creative-people/
    WCCFTECH.COM
    Rockstar Co-Founder Dan Houser Calls Those Pushing for GenAI Use In Everything "Not the Most Humane or Creative People"
    Rockstar co-founder and lead creative Dan Houser calls those pushing GenAI "not the most humane or creative people."
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันพุธที่ 3 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันพุธที่ 3 เดือนธันวาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600

    MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600

    สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่

    สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน

    การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood
    ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร
    คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์

    สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย
    Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores
    ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า

    ผลต่อ Dimensity 9600
    ปรับปรุง power gating และ voltage scaling
    clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด
    การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น
    การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน

    https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    ⚙️ MediaTek ร่วมพัฒนา Google TPU v7 เพื่อยกระดับ Dimensity 9600 MediaTek ได้เข้าร่วมในโครงการพัฒนา Google TPU v7 Ironwood ซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ NVIDIA Blackwell GPUs โดย MediaTek มีบทบาทสำคัญในการออกแบบ I/O modules ของ TPU รุ่นนี้ เพื่อให้การสื่อสารระหว่างโปรเซสเซอร์และอุปกรณ์รอบข้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การมีส่วนร่วมครั้งนี้ไม่เพียงสร้างรายได้มหาศาลให้กับ MediaTek แต่ยังเปิดโอกาสให้บริษัทนำประสบการณ์ไปปรับใช้กับชิปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อย่าง Dimensity 9600 สถาปัตยกรรมของ TPU v7 ใช้ dual-chiplet design ที่ประกอบด้วย TensorCore, Vector Processing Unit (VPU), Matrix Multiply Unit (MXU) และ SparseCores พร้อมหน่วยความจำ HBM ขนาด 96GB เชื่อมต่อกันด้วย die-to-die interconnect ที่เร็วกว่าเดิมถึง 6 เท่า และสามารถขยายเป็นระบบ superpod ที่มีมากกว่า 9,000 ชิปเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ สำหรับ Dimensity 9600 แม้จะเป็น Application Processor (AP) ที่แตกต่างจาก ASIC อย่าง TPU แต่ MediaTek สามารถนำแนวคิดจากการทำงานร่วมกับ Google มาปรับใช้ เช่น กลยุทธ์ power gating ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น, การปรับปรุง voltage scaling และ การจัดการ clock-gating เพื่อยืดอายุแบตเตอรี่และลดการใช้พลังงาน ซึ่งถือเป็นการยกระดับชิปมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่เน้น AI และประสิทธิภาพพลังงาน การร่วมมือครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ ที่บริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเริ่มมีบทบาทในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้ MediaTek ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI chips ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ MediaTek มีบทบาทใน Google TPU v7 Ironwood ➡️ ออกแบบ I/O modules เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร ➡️ คาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 4 พันล้านดอลลาร์ ✅ สถาปัตยกรรม TPU v7 ที่ล้ำสมัย ➡️ Dual-chiplet design พร้อม TensorCore, VPU, MXU และ SparseCores ➡️ ใช้ HBM 96GB และ interconnect ที่เร็วกว่าเดิม 6 เท่า ✅ ผลต่อ Dimensity 9600 ➡️ ปรับปรุง power gating และ voltage scaling ➡️ clock-gating ที่ดีขึ้นเพื่อยืดอายุแบตเตอรี่ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ASIC และ AP มีโครงสร้างต่างกัน ทำให้ไม่สามารถนำประสบการณ์มาใช้ได้ทั้งหมด ⛔ การแข่งขันกับ NVIDIA และ Qualcomm ในตลาด AI chips ยังเข้มข้น ⛔ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่อาจเพิ่มต้นทุนการผลิตและความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน https://wccftech.com/mediateks-work-on-the-google-tpu-v7-to-boost-dimensity-9600s-efficiency/
    WCCFTECH.COM
    MediaTek Dimensity 9600: Google's TPU v7 Partnership Unlocks Next-Gen Efficiency
    MediaTek won't be able to use all of its TPU v7 Ironwood experience on the Dimensity 9600, but can still use the know-how to make a difference.
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • Non-Binary RAM Kits ทางเลือกใหม่ฝ่าวิกฤติราคา DDR5

    ตลาดหน่วยความจำ DDR5 กำลังเผชิญวิกฤติราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดมีการค้นพบว่า Non-Binary RAM Kits เช่นขนาด 48GB หรือ 96GB อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้ความจุสูงกว่าในราคาที่ถูกกว่าชุด 32GB หรือ 64GB แบบดั้งเดิม

    รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่าในช่วงเทศกาลลดราคาล่าสุด มีการเปลี่ยนแปลงจากชุด RAM ขนาดมาตรฐานไปสู่ชุด non-binary ที่ให้ความจุแปลกใหม่ เช่น 48GB และ 96GB โดยบางรุ่นสามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีกว่าชุด 32GB แม้จะมีความเร็วที่ต่ำกว่าเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance RGB 48GB DDR5-5200 CL38 มีราคาถูกกว่าชุด 32GB DDR5-6000 แม้ความเร็วจะต่ำกว่า แต่ให้ความจุที่มากกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกจาก Team Group T-Create Expert 48GB DDR5-6400 CL32 ที่ให้ latency ต่ำกว่าและความเร็วสูงกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกับชุด 32GB ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า non-binary kits อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในตลาดที่ราคากำลังพุ่งสูง

    นักวิเคราะห์ชี้ว่า non-binary kits ใช้ 24Gb dies ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุน DRAM น้อยกว่า 16Gb dies ที่ใช้ใน binary kits ทำให้ราคายังไม่พุ่งแรงเท่ากับชุดมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดและอาจต้องอัปเดต BIOS เพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Non-Binary RAM Kits เป็นทางเลือกใหม่
    ขนาด 48GB และ 96GB ให้ความจุสูงกว่าชุดมาตรฐาน
    ราคาบางรุ่นถูกกว่าชุด 32GB หรือ 64GB

    ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
    Corsair Vengeance RGB 48GB DDR5-5200 CL38 ราคาถูกกว่าชุด 32GB DDR5-6000
    Team Group T-Create Expert 48GB DDR5-6400 CL32 latency ต่ำและราคาคุ้มค่า

    ข้อได้เปรียบเชิงเทคนิค
    ใช้ 24Gb dies ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุน DRAM น้อยกว่า
    สามารถช่วยลดต้นทุนต่อ GB ในช่วงราคาพุ่งสูง

    ข้อควรระวังในการใช้งาน
    อาจต้องอัปเดต BIOS เพื่อรองรับ non-binary kits
    ความเร็วบางรุ่นต่ำกว่าชุด binary มาตรฐาน
    ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดต้องตรวจสอบก่อนซื้อ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/non-binary-ram-kits-might-be-the-secret-to-skirt-surging-ddr5-prices-get-48gb-of-memory-for-less-than-32gb
    💻 Non-Binary RAM Kits ทางเลือกใหม่ฝ่าวิกฤติราคา DDR5 ตลาดหน่วยความจำ DDR5 กำลังเผชิญวิกฤติราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ล่าสุดมีการค้นพบว่า Non-Binary RAM Kits เช่นขนาด 48GB หรือ 96GB อาจเป็นทางออกที่ช่วยให้ผู้บริโภคได้ความจุสูงกว่าในราคาที่ถูกกว่าชุด 32GB หรือ 64GB แบบดั้งเดิม รายงานจาก Tom’s Hardware ระบุว่าในช่วงเทศกาลลดราคาล่าสุด มีการเปลี่ยนแปลงจากชุด RAM ขนาดมาตรฐานไปสู่ชุด non-binary ที่ให้ความจุแปลกใหม่ เช่น 48GB และ 96GB โดยบางรุ่นสามารถแข่งขันด้านราคาได้ดีกว่าชุด 32GB แม้จะมีความเร็วที่ต่ำกว่าเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น Corsair Vengeance RGB 48GB DDR5-5200 CL38 มีราคาถูกกว่าชุด 32GB DDR5-6000 แม้ความเร็วจะต่ำกว่า แต่ให้ความจุที่มากกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ยังมีตัวเลือกจาก Team Group T-Create Expert 48GB DDR5-6400 CL32 ที่ให้ latency ต่ำกว่าและความเร็วสูงกว่าในราคาที่ใกล้เคียงกับชุด 32GB ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า non-binary kits อาจเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าในตลาดที่ราคากำลังพุ่งสูง นักวิเคราะห์ชี้ว่า non-binary kits ใช้ 24Gb dies ซึ่งได้รับผลกระทบจากต้นทุน DRAM น้อยกว่า 16Gb dies ที่ใช้ใน binary kits ทำให้ราคายังไม่พุ่งแรงเท่ากับชุดมาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดและอาจต้องอัปเดต BIOS เพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Non-Binary RAM Kits เป็นทางเลือกใหม่ ➡️ ขนาด 48GB และ 96GB ให้ความจุสูงกว่าชุดมาตรฐาน ➡️ ราคาบางรุ่นถูกกว่าชุด 32GB หรือ 64GB ✅ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ➡️ Corsair Vengeance RGB 48GB DDR5-5200 CL38 ราคาถูกกว่าชุด 32GB DDR5-6000 ➡️ Team Group T-Create Expert 48GB DDR5-6400 CL32 latency ต่ำและราคาคุ้มค่า ✅ ข้อได้เปรียบเชิงเทคนิค ➡️ ใช้ 24Gb dies ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุน DRAM น้อยกว่า ➡️ สามารถช่วยลดต้นทุนต่อ GB ในช่วงราคาพุ่งสูง ‼️ ข้อควรระวังในการใช้งาน ⛔ อาจต้องอัปเดต BIOS เพื่อรองรับ non-binary kits ⛔ ความเร็วบางรุ่นต่ำกว่าชุด binary มาตรฐาน ⛔ ความเข้ากันได้กับเมนบอร์ดต้องตรวจสอบก่อนซื้อ https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/non-binary-ram-kits-might-be-the-secret-to-skirt-surging-ddr5-prices-get-48gb-of-memory-for-less-than-32gb
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96%

    Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล

    ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์

    นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต

    แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung
    ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET)
    ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม
    ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์
    รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์

    การทดสอบและผลลัพธ์
    ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND
    ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์
    ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม
    พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    🔋 Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96% Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์ นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung ➡️ ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) ➡️ ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์ ➡️ รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ ✅ การทดสอบและผลลัพธ์ ➡️ ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ➡️ ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม ⛔ พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Samsung touts 96% lower-power NAND design — researchers investigate design based on ferroelectric transistors
    Researchers demonstrate FeFET-based 3D NAND cells with near-zero pass voltage and up to five bits per cell.
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม

    ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก

    ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี

    ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น

    ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ
    DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว
    DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์

    สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI
    Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า
    DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5
    Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง
    การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028
    ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    💾 วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ ➡️ DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ➡️ DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์ ✅ สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI ➡️ Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า ➡️ DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5 ➡️ Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง ⛔ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028 ⛔ ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • 🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่

    ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface

    สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว

    ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก

    นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs
    รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator
    ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ

    ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น
    ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์
    สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale

    โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน
    Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols
    PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector

    การใช้งานที่หลากหลาย
    เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch
    สามารถใช้เป็น memory extender ได้

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง
    หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators
    การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่ ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs ➡️ รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator ➡️ ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ✅ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์ ➡️ สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale ✅ โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน ➡️ Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols ➡️ PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch ➡️ สามารถใช้เป็น memory extender ได้ ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง ⛔ หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators ⛔ การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลออสเตรเลียประกาศ National AI Plan เพื่อเร่งการลงทุนและการใช้ AI

    รัฐบาลกลางออสเตรเลียเผยแพร่ National AI Plan โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ขั้นสูง สร้างทักษะด้าน AI ให้แรงงาน และรักษาความปลอดภัยสาธารณะเมื่อ AI ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แนวทางนี้จะอาศัยกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะออกกฎหมายใหม่ที่เข้มงวด

    การกำกับดูแลและความปลอดภัย
    รัฐบาลระบุว่า หน่วยงานและผู้กำกับดูแลในแต่ละภาคส่วนจะยังคงมีหน้าที่จัดการความเสี่ยงจาก AI โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น กฎหมายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ขณะเดียวกันจะจัดตั้ง AI Safety Institute ในปี 2026 เพื่อช่วยตรวจสอบและตอบสนองต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดจาก AI

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    แม้แผนนี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเสี่ยง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางราย เช่น Associate Professor Niusha Shafiabady จาก Australian Catholic University เตือนว่าแผนดังกล่าวยังมี “ช่องว่างสำคัญ” เช่น ความรับผิดชอบ ความยั่งยืน และการกำกับดูแลเชิงประชาธิปไตย หากไม่แก้ไข ออสเตรเลียอาจสร้างเศรษฐกิจ AI ที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่เป็นธรรม

    ความหมายต่ออนาคต
    การเลือกใช้กฎหมายที่มีอยู่สะท้อนถึงแนวทางที่แตกต่างจากยุโรปซึ่งออกกฎหมาย AI Act โดยตรง หากออสเตรเลียสามารถสร้างสมดุลได้สำเร็จ อาจกลายเป็นโมเดลที่ประเทศอื่นนำไปปรับใช้ แต่หากละเลยประเด็นความรับผิดชอบและความโปร่งใส ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เนื้อหาหลักของ National AI Plan
    ดึงดูดการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ขั้นสูง
    สร้างทักษะด้าน AI ให้แรงงาน
    ใช้กฎหมายที่มีอยู่แทนการออกกฎใหม่

    การกำกับดูแลและความปลอดภัย
    หน่วยงานกำกับดูแลยังคงรับผิดชอบความเสี่ยง AI
    ตั้ง AI Safety Institute ในปี 2026

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    เตือนว่ามีช่องว่างด้านความรับผิดชอบและความยั่งยืน
    เสี่ยงต่อการสร้างเศรษฐกิจ AI ที่ไม่เป็นธรรม

    ความหมายต่ออนาคต
    แนวทางต่างจากยุโรปที่ใช้ AI Act
    อาจเป็นโมเดลให้ประเทศอื่นปรับใช้

    คำเตือนที่ควรระวัง
    หากไม่แก้ไขช่องว่าง อาจกระทบความเชื่อมั่นประชาชน
    การพึ่งกฎหมายเดิมอาจไม่ทันต่อความเสี่ยงใหม่จาก AI
    ความไม่ชัดเจนด้านความรับผิดชอบอาจทำให้เกิดปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/02/australia-rolls-out-ai-roadmap-steps-back-from-tougher-rules
    🏙️ รัฐบาลออสเตรเลียประกาศ National AI Plan เพื่อเร่งการลงทุนและการใช้ AI รัฐบาลกลางออสเตรเลียเผยแพร่ National AI Plan โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ขั้นสูง สร้างทักษะด้าน AI ให้แรงงาน และรักษาความปลอดภัยสาธารณะเมื่อ AI ถูกนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แนวทางนี้จะอาศัยกฎหมายและกรอบการกำกับดูแลที่มีอยู่แล้ว แทนที่จะออกกฎหมายใหม่ที่เข้มงวด 🛡️ การกำกับดูแลและความปลอดภัย รัฐบาลระบุว่า หน่วยงานและผู้กำกับดูแลในแต่ละภาคส่วนจะยังคงมีหน้าที่จัดการความเสี่ยงจาก AI โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ เช่น กฎหมายความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย ขณะเดียวกันจะจัดตั้ง AI Safety Institute ในปี 2026 เพื่อช่วยตรวจสอบและตอบสนองต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดจาก AI 🎓 ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ แม้แผนนี้ถูกมองว่าเป็นการสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเสี่ยง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางราย เช่น Associate Professor Niusha Shafiabady จาก Australian Catholic University เตือนว่าแผนดังกล่าวยังมี “ช่องว่างสำคัญ” เช่น ความรับผิดชอบ ความยั่งยืน และการกำกับดูแลเชิงประชาธิปไตย หากไม่แก้ไข ออสเตรเลียอาจสร้างเศรษฐกิจ AI ที่มีประสิทธิภาพแต่ไม่เป็นธรรม 🔮 ความหมายต่ออนาคต การเลือกใช้กฎหมายที่มีอยู่สะท้อนถึงแนวทางที่แตกต่างจากยุโรปซึ่งออกกฎหมาย AI Act โดยตรง หากออสเตรเลียสามารถสร้างสมดุลได้สำเร็จ อาจกลายเป็นโมเดลที่ประเทศอื่นนำไปปรับใช้ แต่หากละเลยประเด็นความรับผิดชอบและความโปร่งใส ก็อาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เนื้อหาหลักของ National AI Plan ➡️ ดึงดูดการลงทุนในดาต้าเซ็นเตอร์ขั้นสูง ➡️ สร้างทักษะด้าน AI ให้แรงงาน ➡️ ใช้กฎหมายที่มีอยู่แทนการออกกฎใหม่ ✅ การกำกับดูแลและความปลอดภัย ➡️ หน่วยงานกำกับดูแลยังคงรับผิดชอบความเสี่ยง AI ➡️ ตั้ง AI Safety Institute ในปี 2026 ✅ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เตือนว่ามีช่องว่างด้านความรับผิดชอบและความยั่งยืน ➡️ เสี่ยงต่อการสร้างเศรษฐกิจ AI ที่ไม่เป็นธรรม ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ แนวทางต่างจากยุโรปที่ใช้ AI Act ➡️ อาจเป็นโมเดลให้ประเทศอื่นปรับใช้ ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ หากไม่แก้ไขช่องว่าง อาจกระทบความเชื่อมั่นประชาชน ⛔ การพึ่งกฎหมายเดิมอาจไม่ทันต่อความเสี่ยงใหม่จาก AI ⛔ ความไม่ชัดเจนด้านความรับผิดชอบอาจทำให้เกิดปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/02/australia-rolls-out-ai-roadmap-steps-back-from-tougher-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Australia rolls out AI roadmap, steps back from tougher rules
    SYDNEY, Dec 2 (Reuters) - Australia on Tuesday unveiled a roadmap to ramp up the adoption of artificial intelligence across its economy but said it would rely on existing laws to manage emerging risks, stepping back from earlier plans for tougher rules on high-risk scenarios.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • Apple ประกาศแต่งตั้ง Amar Subramanya เป็นรองประธานฝ่าย AI คนใหม่

    Apple ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ผู้ตาม” ในการแข่งขันด้าน AI ได้ตัดสินใจเปลี่ยนผู้นำ โดยแต่งตั้ง Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่ง VP of AI แทน John Giannandrea ที่จะเกษียณในปีหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ในการเร่งพัฒนา AI หลังจากถูกวิจารณ์ว่าล่าช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Google

    ประวัติของ Amar Subramanya
    ก่อนเข้าร่วม Apple เขาเคยทำงานที่ Microsoft ในตำแหน่ง Corporate VP of AI และใช้เวลากว่า 16 ปีที่ Google โดยมีบทบาทสำคัญในฐานะหัวหน้าวิศวกรรมของ Gemini Assistant ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งทั้งด้านวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการนำ Apple เข้าสู่ยุคใหม่ของ AI

    Siri และความท้าทาย
    Apple เคยประกาศว่า การปรับปรุง Siri ด้วย AI จะล่าช้าไปจนถึงปี 2026 ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าบริษัทกำลังเผชิญความท้าทายในการบูรณาการ AI เข้ากับผลิตภัณฑ์หลัก การแต่งตั้ง Subramanya จึงถูกมองว่าเป็นการแก้เกมเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้ใช้และนักลงทุน

    ความหมายต่ออนาคต Apple
    การเปลี่ยนผู้นำครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเร่งพัฒนา AI ภายใน Apple หาก Subramanya สามารถผลักดัน Foundation Models และ ML research ได้สำเร็จ Apple อาจกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI ที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือด

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเปลี่ยนแปลงในทีม AI
    Amar Subramanya ขึ้นแทน John Giannandrea
    ดูแล Foundation Models และ ML research

    ประวัติของ Subramanya
    อดีต Corporate VP of AI ที่ Microsoft
    16 ปีที่ Google เป็นหัวหน้าวิศวกรรม Gemini Assistant

    ความท้าทายของ Apple
    Siri ปรับปรุงด้วย AI ล่าช้าถึงปี 2026
    ถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด AI

    ความหมายต่ออนาคต
    อาจฟื้นความเชื่อมั่นผู้ใช้และนักลงทุน
    เพิ่มโอกาสให้ Apple กลับมาเป็นผู้นำด้าน AI

    คำเตือนที่ควรระวัง
    หากการพัฒนา Foundation Models ไม่สำเร็จ Apple อาจเสียโอกาสในตลาด
    ความล่าช้าในการปรับปรุง Siri อาจกระทบภาพลักษณ์แบรนด์
    การแข่งขันจาก Samsung และ Google ยังคงกดดันอย่างหนัก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/02/apple-names-amar-subramanya-new-vp-of-ai-replacing-john-giannandrea
    🍎 Apple ประกาศแต่งตั้ง Amar Subramanya เป็นรองประธานฝ่าย AI คนใหม่ Apple ซึ่งถูกมองว่าเป็น “ผู้ตาม” ในการแข่งขันด้าน AI ได้ตัดสินใจเปลี่ยนผู้นำ โดยแต่งตั้ง Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่ง VP of AI แทน John Giannandrea ที่จะเกษียณในปีหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ในการเร่งพัฒนา AI หลังจากถูกวิจารณ์ว่าล่าช้ากว่าคู่แข่งอย่าง Samsung และ Google 👨‍💼 ประวัติของ Amar Subramanya ก่อนเข้าร่วม Apple เขาเคยทำงานที่ Microsoft ในตำแหน่ง Corporate VP of AI และใช้เวลากว่า 16 ปีที่ Google โดยมีบทบาทสำคัญในฐานะหัวหน้าวิศวกรรมของ Gemini Assistant ประสบการณ์ที่ลึกซึ้งทั้งด้านวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AI ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในการนำ Apple เข้าสู่ยุคใหม่ของ AI 🗣️ Siri และความท้าทาย Apple เคยประกาศว่า การปรับปรุง Siri ด้วย AI จะล่าช้าไปจนถึงปี 2026 ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าบริษัทกำลังเผชิญความท้าทายในการบูรณาการ AI เข้ากับผลิตภัณฑ์หลัก การแต่งตั้ง Subramanya จึงถูกมองว่าเป็นการแก้เกมเพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของผู้ใช้และนักลงทุน 🔮 ความหมายต่ออนาคต Apple การเปลี่ยนผู้นำครั้งนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเร่งพัฒนา AI ภายใน Apple หาก Subramanya สามารถผลักดัน Foundation Models และ ML research ได้สำเร็จ Apple อาจกลับมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI ที่กำลังแข่งขันอย่างดุเดือด 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเปลี่ยนแปลงในทีม AI ➡️ Amar Subramanya ขึ้นแทน John Giannandrea ➡️ ดูแล Foundation Models และ ML research ✅ ประวัติของ Subramanya ➡️ อดีต Corporate VP of AI ที่ Microsoft ➡️ 16 ปีที่ Google เป็นหัวหน้าวิศวกรรม Gemini Assistant ✅ ความท้าทายของ Apple ➡️ Siri ปรับปรุงด้วย AI ล่าช้าถึงปี 2026 ➡️ ถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด AI ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ อาจฟื้นความเชื่อมั่นผู้ใช้และนักลงทุน ➡️ เพิ่มโอกาสให้ Apple กลับมาเป็นผู้นำด้าน AI ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ หากการพัฒนา Foundation Models ไม่สำเร็จ Apple อาจเสียโอกาสในตลาด ⛔ ความล่าช้าในการปรับปรุง Siri อาจกระทบภาพลักษณ์แบรนด์ ⛔ การแข่งขันจาก Samsung และ Google ยังคงกดดันอย่างหนัก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/02/apple-names-amar-subramanya-new-vp-of-ai-replacing-john-giannandrea
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple names Amar Subramanya new VP of AI, replacing John Giannandrea
    Dec 1 (Reuters) - Apple on Monday named veteran researcher Amar Subramanya as its vice president of AI, replacing John Giannandrea.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • Meesho บริษัทอีคอมเมิร์ซจากอินเดียใช้ AI ทำกำไรเพิ่ม

    Meesho บริษัทอีคอมเมิร์ซจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank กำลังใช้ AI และขยายธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มฐานผู้ใช้และมุ่งสู่ความสามารถในการทำกำไร พร้อมเตรียมเข้าตลาดหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์

    Meesho กับกลยุทธ์ใหม่
    Meesho วางแผนลงทุนใน AI แบบแชทและเสียง เพื่อช่วยผู้ใช้หน้าใหม่ โดยเฉพาะในเมืองเล็กและพื้นที่ชนบทที่เพิ่งเริ่มเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต การใช้ AI จะทำให้การซื้อขายง่ายขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค

    การขยายด้านโลจิสติกส์
    บริษัทเตรียมขยายแพลตฟอร์ม Valmo ซึ่งเป็นตัวกลางด้านโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดต้นทุนการจัดส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า กลยุทธ์นี้คล้ายกับโมเดลของ Amazon และ Flipkart ที่ใช้การลงทุนด้านโลจิสติกส์เพื่อเสริมกำไร

    การเข้าสู่บริการทางการเงิน
    Meesho ยังวางแผนเพิ่มบริการ Buy-Now-Pay-Later (BNPL) และสินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ขาย เพื่อสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและ grocery

    ผลประกอบการและ IPO
    ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2026 รายได้ของ Meesho เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ขณะที่ขาดทุนลดลงกว่า 70% บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดยตั้งเป้ามูลค่าสูงสุดถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ Meesho กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Amazon และ Flipkart ในตลาดที่คาดว่าจะโตถึง 190 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030

    สรุปเป็นหัวข้อ
    กลยุทธ์ด้าน AI
    ลงทุนในแชทและเสียงเพื่อช่วยผู้ใช้หน้าใหม่
    เน้นตลาดชนบทและเมืองเล็ก

    การขยายโลจิสติกส์
    พัฒนาแพลตฟอร์ม Valmo เพื่อลดต้นทุนจัดส่ง
    ใช้โมเดลคล้าย Amazon และ Flipkart

    บริการทางการเงิน
    เพิ่ม BNPL และสินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ขาย
    สร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความสามารถแข่งขัน

    ผลประกอบการและ IPO
    รายได้เพิ่มขึ้น 29.4% ในครึ่งปีแรก
    ขาดทุนลดลง 72.1%

    ตั้งเป้า IPO มูลค่าสูงสุด 5.6 พันล้านดอลลาร์

    คำเตือนที่ควรระวัง
    การแข่งขันรุนแรงจาก Amazon และ Flipkart
    ความเสี่ยงจากการขยายเข้าสู่ grocery ซึ่งเป็นตลาดแข่งขันสูง
    ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจอาจกระทบความสำเร็จของ IPO

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/indian-e-commerce-firm-meesho-leans-on-ai-new-business-lines-to-drive-growth
    🛍️ Meesho บริษัทอีคอมเมิร์ซจากอินเดียใช้ AI ทำกำไรเพิ่ม Meesho บริษัทอีคอมเมิร์ซจากอินเดียที่ได้รับการสนับสนุนจาก SoftBank กำลังใช้ AI และขยายธุรกิจใหม่เพื่อเพิ่มฐานผู้ใช้และมุ่งสู่ความสามารถในการทำกำไร พร้อมเตรียมเข้าตลาดหุ้นด้วยมูลค่าสูงสุดถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์ 🛒 Meesho กับกลยุทธ์ใหม่ Meesho วางแผนลงทุนใน AI แบบแชทและเสียง เพื่อช่วยผู้ใช้หน้าใหม่ โดยเฉพาะในเมืองเล็กและพื้นที่ชนบทที่เพิ่งเริ่มเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต การใช้ AI จะทำให้การซื้อขายง่ายขึ้นและสร้างประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อผู้บริโภค 🚚 การขยายด้านโลจิสติกส์ บริษัทเตรียมขยายแพลตฟอร์ม Valmo ซึ่งเป็นตัวกลางด้านโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดต้นทุนการจัดส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการกระจายสินค้า กลยุทธ์นี้คล้ายกับโมเดลของ Amazon และ Flipkart ที่ใช้การลงทุนด้านโลจิสติกส์เพื่อเสริมกำไร 💳 การเข้าสู่บริการทางการเงิน Meesho ยังวางแผนเพิ่มบริการ Buy-Now-Pay-Later (BNPL) และสินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ขาย เพื่อสร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและ grocery 📈 ผลประกอบการและ IPO ในครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2026 รายได้ของ Meesho เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ขณะที่ขาดทุนลดลงกว่า 70% บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดหลักทรัพย์อินเดีย โดยตั้งเป้ามูลค่าสูงสุดถึง 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะทำให้ Meesho กลายเป็นคู่แข่งสำคัญของ Amazon และ Flipkart ในตลาดที่คาดว่าจะโตถึง 190 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ กลยุทธ์ด้าน AI ➡️ ลงทุนในแชทและเสียงเพื่อช่วยผู้ใช้หน้าใหม่ ➡️ เน้นตลาดชนบทและเมืองเล็ก ✅ การขยายโลจิสติกส์ ➡️ พัฒนาแพลตฟอร์ม Valmo เพื่อลดต้นทุนจัดส่ง ➡️ ใช้โมเดลคล้าย Amazon และ Flipkart ✅ บริการทางการเงิน ➡️ เพิ่ม BNPL และสินเชื่อระยะสั้นสำหรับผู้ขาย ➡️ สร้างรายได้ใหม่และเพิ่มความสามารถแข่งขัน ✅ ผลประกอบการและ IPO ➡️ รายได้เพิ่มขึ้น 29.4% ในครึ่งปีแรก ➡️ ขาดทุนลดลง 72.1% ➡️ ตั้งเป้า IPO มูลค่าสูงสุด 5.6 พันล้านดอลลาร์ ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ การแข่งขันรุนแรงจาก Amazon และ Flipkart ⛔ ความเสี่ยงจากการขยายเข้าสู่ grocery ซึ่งเป็นตลาดแข่งขันสูง ⛔ ความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจอาจกระทบความสำเร็จของ IPO https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/indian-e-commerce-firm-meesho-leans-on-ai-new-business-lines-to-drive-growth
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Indian e-commerce firm Meesho leans on AI, new business lines to drive growth
    BENGALURU, Dec 1 (Reuters) - SoftBank-backed Indian e-commerce firm Meesho is doubling down on artificial intelligence and new business lines to expand its user base and move towards profitability, founder and CEO Vidit Aatrey told Reuters in an interview.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังเร่งพัฒนา “รถบินได้” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นฐาน

    จีนกำลังเร่งพัฒนา “รถบินได้” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นฐาน แม้ทั่วโลกยังมีอุปสรรคด้านเทคนิคและกฎระเบียบ แต่จีนเริ่มทดลองสายการผลิตและโชว์โมเดลใหม่ ๆ ที่ใกล้เคียงการใช้งานจริง

    จีนมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้านแบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบควบคุมพลังงาน ความเชี่ยวชาญนี้ถูกนำมาต่อยอดสู่การสร้าง “รถบินได้” หรือ air mobility vehicles ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทำให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น

    การผลิตและทดสอบจริง
    รายงานจากกวางโจวเผยว่าโรงงานจีนเริ่มทดลองสายการผลิตรถบินได้ โดยมีโมเดลสองที่นั่งที่ใช้ใบพัดไฟฟ้าเป็นต้นแบบ นักข่าวได้เห็นการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เช่น การทดสอบใบพัดและระบบควบคุมการบิน ซึ่งสะท้อนว่าจีนไม่ได้เพียงแค่พัฒนาในห้องทดลอง แต่กำลังเดินหน้าสู่การผลิตจริง

    อุปสรรคระดับโลก
    แม้ความก้าวหน้าจะน่าตื่นเต้น แต่ทั่วโลกยังมีปัญหาสำคัญ เช่น กฎระเบียบการบินที่เข้มงวด ความปลอดภัยของผู้โดยสาร และโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่รองรับการบินในเมืองใหญ่ หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น วางแผนเปิดตัว “air taxi” ในปี 2027 แต่ยังต้องผ่านการทดสอบและอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล

    ความหมายต่ออนาคตการเดินทาง
    หากจีนสามารถผลักดันการผลิตและใช้งานจริงได้ รถบินไฟฟ้าอาจกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางในเมืองใหญ่ ลดการจราจรบนถนน และเปิดโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมการบินพลเรือน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและการยอมรับจากสังคม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความได้เปรียบของจีน
    เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า
    ใช้เทคโนโลยี EV มาต่อยอดสู่รถบินได้

    การผลิตและทดสอบ
    โรงงานในกวางโจวเริ่มทดลองสายการผลิต
    ตรวจสอบคุณภาพใบพัดและระบบควบคุมการบิน

    อุปสรรคระดับโลก
    กฎระเบียบการบินเข้มงวด
    โครงสร้างพื้นฐานยังไม่รองรับ air taxi

    ความหมายต่ออนาคต
    ลดการจราจรในเมืองใหญ่
    เปิดโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมการบินพลเรือน

    คำเตือนที่ควรระวัง
    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร
    การยอมรับจากสังคมและหน่วยงานกำกับยังไม่แน่นอน
    หากโครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อม อาจทำให้โครงการล่าช้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/electric-vehicle-prowess-helps-china039s-flying-car-sector-take-off
    🚙 จีนกำลังเร่งพัฒนา “รถบินได้” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นฐาน จีนกำลังเร่งพัฒนา “รถบินได้” โดยใช้ความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ไฟฟ้าเป็นฐาน แม้ทั่วโลกยังมีอุปสรรคด้านเทคนิคและกฎระเบียบ แต่จีนเริ่มทดลองสายการผลิตและโชว์โมเดลใหม่ ๆ ที่ใกล้เคียงการใช้งานจริง จีนมีความได้เปรียบจากการเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้านแบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบควบคุมพลังงาน ความเชี่ยวชาญนี้ถูกนำมาต่อยอดสู่การสร้าง “รถบินได้” หรือ air mobility vehicles ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ทำให้สามารถลดต้นทุนและเพิ่มความปลอดภัยได้มากขึ้น ✈️ การผลิตและทดสอบจริง รายงานจากกวางโจวเผยว่าโรงงานจีนเริ่มทดลองสายการผลิตรถบินได้ โดยมีโมเดลสองที่นั่งที่ใช้ใบพัดไฟฟ้าเป็นต้นแบบ นักข่าวได้เห็นการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวด เช่น การทดสอบใบพัดและระบบควบคุมการบิน ซึ่งสะท้อนว่าจีนไม่ได้เพียงแค่พัฒนาในห้องทดลอง แต่กำลังเดินหน้าสู่การผลิตจริง 🌍 อุปสรรคระดับโลก แม้ความก้าวหน้าจะน่าตื่นเต้น แต่ทั่วโลกยังมีปัญหาสำคัญ เช่น กฎระเบียบการบินที่เข้มงวด ความปลอดภัยของผู้โดยสาร และโครงสร้างพื้นฐานที่ยังไม่รองรับการบินในเมืองใหญ่ หลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น วางแผนเปิดตัว “air taxi” ในปี 2027 แต่ยังต้องผ่านการทดสอบและอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล 🔮 ความหมายต่ออนาคตการเดินทาง หากจีนสามารถผลักดันการผลิตและใช้งานจริงได้ รถบินไฟฟ้าอาจกลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางในเมืองใหญ่ ลดการจราจรบนถนน และเปิดโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมการบินพลเรือน อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและการยอมรับจากสังคม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความได้เปรียบของจีน ➡️ เชี่ยวชาญด้านแบตเตอรี่และระบบไฟฟ้า ➡️ ใช้เทคโนโลยี EV มาต่อยอดสู่รถบินได้ ✅ การผลิตและทดสอบ ➡️ โรงงานในกวางโจวเริ่มทดลองสายการผลิต ➡️ ตรวจสอบคุณภาพใบพัดและระบบควบคุมการบิน ✅ อุปสรรคระดับโลก ➡️ กฎระเบียบการบินเข้มงวด ➡️ โครงสร้างพื้นฐานยังไม่รองรับ air taxi ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ ลดการจราจรในเมืองใหญ่ ➡️ เปิดโอกาสใหม่ในอุตสาหกรรมการบินพลเรือน ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของผู้โดยสาร ⛔ การยอมรับจากสังคมและหน่วยงานกำกับยังไม่แน่นอน ⛔ หากโครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อม อาจทำให้โครงการล่าช้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/01/electric-vehicle-prowess-helps-china039s-flying-car-sector-take-off
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Electric vehicle prowess helps China's flying car sector take off
    Globally, technical and regulatory challenges have prevented the much-hyped flying car sector from getting off the ground.
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • โครงการเว็บเบราว์เซอร์ Dillo ประกาศย้ายออกจาก GitHub

    โครงการเว็บเบราว์เซอร์ Dillo ประกาศย้ายออกจาก GitHub ไปสู่การโฮสต์เอง พร้อมสร้างระบบ mirror หลายแห่ง เพื่อแก้ปัญหาความไม่เหมาะสมของ GitHub และลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูล

    เหตุผลในการย้ายออกจาก GitHub
    Rodrigo Arias Mallo ผู้ดูแลโครงการ Dillo อธิบายว่า GitHub แม้จะเคยมีประโยชน์ แต่ปัจจุบันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น
    ไม่รองรับการใช้งานโดยตรงกับ Dillo เนื่องจากต้องใช้ JavaScript ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเปิด issue หรือดูโค้ดได้
    เป็นจุดล้มเหลวเพียงจุดเดียว (single point of failure) หากบัญชีถูกแบนหรือระบบมีปัญหา ข้อมูลทั้งหมดอาจสูญหาย
    ทรัพยากรสิ้นเปลืองและช้า รวมถึงบังคับให้ทำงานแบบ “push model” ที่ไม่เหมาะกับการทำงานออฟไลน์
    ปัญหาสังคมและการจัดการผู้ใช้ ที่ทำให้เกิด burnout ในทีมพัฒนา
    การเน้น AI และ LLMs ที่ทำให้เว็บเต็มไปด้วยการป้องกันด้วย JavaScript walls ซึ่งกันผู้ใช้ Dillo ออกไป

    การโฮสต์เองและเครื่องมือใหม่
    เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Dillo ได้ย้ายไปยังโดเมนใหม่ dillo-browser.org และตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ VPS ขนาดเล็ก โดยใช้เครื่องมือที่เบาและไม่ต้องพึ่ง JavaScript เช่น:
    cgit สำหรับแสดงโค้ดและ repository อย่างเบาและเข้าถึงได้จาก Dillo
    Buggy เครื่องมือ bug tracker ที่เขียนด้วย C ใช้ Markdown และสร้าง HTML แบบ static เพื่อความปลอดภัยและทำงานออฟไลน์ได้
    ระบบ mirror บน Codeberg และ Sourcehut เพื่อกระจายข้อมูล ลดความเสี่ยงจากการสูญเสีย

    ความมั่นคงและการตรวจสอบ
    เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์และ repository ถูกเซ็นด้วย OpenPGP signature ทำให้สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้แม้สูญเสีย DNS หรือย้ายเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลทั้งหมดถูกเก็บใน git และ replicated หลายแห่ง จึงลดความเสี่ยงจากการสูญหายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโดเมนเก่า dillo.org

    ผลกระทบและอนาคต
    การย้ายครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามรักษาอิสระและความยั่งยืนของโครงการโอเพนซอร์สเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มใหญ่ Rodrigo เชื่อว่าด้วยค่าใช้จ่ายต่ำและการสนับสนุนจากผู้ใช้ Dillo จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงในอีกหลายปีข้างหน้า

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุผลในการย้ายออกจาก GitHub
    ไม่รองรับ Dillo เพราะบังคับใช้ JavaScript
    เสี่ยงต่อการสูญหายจากการควบคุมโดยบริษัทเดียว
    ทำงานช้าและไม่เหมาะกับการใช้งานออฟไลน์
    ปัญหาการจัดการผู้ใช้และ burnout
    แนวโน้มเน้น AI ทำให้ผู้ใช้ Dillo ถูกกันออก

    การโฮสต์เองและเครื่องมือใหม่
    ใช้โดเมน dillo-browser.org และ VPS ขนาดเล็ก
    ใช้ cgit ที่เบาและไม่ต้องพึ่ง JS
    สร้าง bug tracker “Buggy” ที่ใช้ Markdown และ HTML static
    ตั้ง mirror บน Codeberg และ Sourcehut

    ความมั่นคงและการตรวจสอบ
    ใช้ OpenPGP signature เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ
    ข้อมูล replicated หลายแห่ง ลดความเสี่ยงสูญหาย

    ผลกระทบและอนาคต
    ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มใหญ่
    ค่าใช้จ่ายต่ำและยั่งยืนด้วยการสนับสนุนจากผู้ใช้

    คำเตือนที่ควรระวัง
    DNS ของ dillo-browser.org ยังเป็นจุดเสี่ยง หากสูญเสียจะกระทบการเข้าถึง
    การพึ่งพา mirror ต้องอัปเดตสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน
    การโฮสต์เองอาจมีภาระด้านการดูแลระบบและความปลอดภัย

    https://dillo-browser.org/news/migration-from-github/
    🌐 โครงการเว็บเบราว์เซอร์ Dillo ประกาศย้ายออกจาก GitHub โครงการเว็บเบราว์เซอร์ Dillo ประกาศย้ายออกจาก GitHub ไปสู่การโฮสต์เอง พร้อมสร้างระบบ mirror หลายแห่ง เพื่อแก้ปัญหาความไม่เหมาะสมของ GitHub และลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูล 🌐 เหตุผลในการย้ายออกจาก GitHub Rodrigo Arias Mallo ผู้ดูแลโครงการ Dillo อธิบายว่า GitHub แม้จะเคยมีประโยชน์ แต่ปัจจุบันมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น 💠 ไม่รองรับการใช้งานโดยตรงกับ Dillo เนื่องจากต้องใช้ JavaScript ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถเปิด issue หรือดูโค้ดได้ 💠 เป็นจุดล้มเหลวเพียงจุดเดียว (single point of failure) หากบัญชีถูกแบนหรือระบบมีปัญหา ข้อมูลทั้งหมดอาจสูญหาย 💠 ทรัพยากรสิ้นเปลืองและช้า รวมถึงบังคับให้ทำงานแบบ “push model” ที่ไม่เหมาะกับการทำงานออฟไลน์ 💠 ปัญหาสังคมและการจัดการผู้ใช้ ที่ทำให้เกิด burnout ในทีมพัฒนา 💠 การเน้น AI และ LLMs ที่ทำให้เว็บเต็มไปด้วยการป้องกันด้วย JavaScript walls ซึ่งกันผู้ใช้ Dillo ออกไป 🛠️ การโฮสต์เองและเครื่องมือใหม่ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Dillo ได้ย้ายไปยังโดเมนใหม่ dillo-browser.org และตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ VPS ขนาดเล็ก โดยใช้เครื่องมือที่เบาและไม่ต้องพึ่ง JavaScript เช่น: 💠 cgit สำหรับแสดงโค้ดและ repository อย่างเบาและเข้าถึงได้จาก Dillo 💠 Buggy เครื่องมือ bug tracker ที่เขียนด้วย C ใช้ Markdown และสร้าง HTML แบบ static เพื่อความปลอดภัยและทำงานออฟไลน์ได้ 💠 ระบบ mirror บน Codeberg และ Sourcehut เพื่อกระจายข้อมูล ลดความเสี่ยงจากการสูญเสีย 🔐 ความมั่นคงและการตรวจสอบ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ เว็บไซต์และ repository ถูกเซ็นด้วย OpenPGP signature ทำให้สามารถยืนยันความเป็นเจ้าของได้แม้สูญเสีย DNS หรือย้ายเซิร์ฟเวอร์ ข้อมูลทั้งหมดถูกเก็บใน git และ replicated หลายแห่ง จึงลดความเสี่ยงจากการสูญหายเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับโดเมนเก่า dillo.org 🌱 ผลกระทบและอนาคต การย้ายครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามรักษาอิสระและความยั่งยืนของโครงการโอเพนซอร์สเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มใหญ่ Rodrigo เชื่อว่าด้วยค่าใช้จ่ายต่ำและการสนับสนุนจากผู้ใช้ Dillo จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างมั่นคงในอีกหลายปีข้างหน้า 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุผลในการย้ายออกจาก GitHub ➡️ ไม่รองรับ Dillo เพราะบังคับใช้ JavaScript ➡️ เสี่ยงต่อการสูญหายจากการควบคุมโดยบริษัทเดียว ➡️ ทำงานช้าและไม่เหมาะกับการใช้งานออฟไลน์ ➡️ ปัญหาการจัดการผู้ใช้และ burnout ➡️ แนวโน้มเน้น AI ทำให้ผู้ใช้ Dillo ถูกกันออก ✅ การโฮสต์เองและเครื่องมือใหม่ ➡️ ใช้โดเมน dillo-browser.org และ VPS ขนาดเล็ก ➡️ ใช้ cgit ที่เบาและไม่ต้องพึ่ง JS ➡️ สร้าง bug tracker “Buggy” ที่ใช้ Markdown และ HTML static ➡️ ตั้ง mirror บน Codeberg และ Sourcehut ✅ ความมั่นคงและการตรวจสอบ ➡️ ใช้ OpenPGP signature เพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ➡️ ข้อมูล replicated หลายแห่ง ลดความเสี่ยงสูญหาย ✅ ผลกระทบและอนาคต ➡️ ลดการพึ่งพาแพลตฟอร์มใหญ่ ➡️ ค่าใช้จ่ายต่ำและยั่งยืนด้วยการสนับสนุนจากผู้ใช้ ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ DNS ของ dillo-browser.org ยังเป็นจุดเสี่ยง หากสูญเสียจะกระทบการเข้าถึง ⛔ การพึ่งพา mirror ต้องอัปเดตสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ข้อมูลไม่ตรงกัน ⛔ การโฮสต์เองอาจมีภาระด้านการดูแลระบบและความปลอดภัย https://dillo-browser.org/news/migration-from-github/
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • เทคนิคการเขียน CLAUDE.md ที่ดีสำหรับ AI Coding Agent

    บทความนี้เจาะลึกการเขียนไฟล์ CLAUDE.md (หรือ AGENTS.md) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับ AI coding agents อย่าง Claude Code, Cursor, และ Zed โดยเน้นย้ำว่า LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา จึงต้องอาศัยไฟล์นี้เป็นตัวกลางในการ "onboard" AI เข้าสู่ codebase ของเรา ซึ่งไฟล์นี้จะถูกใส่เข้าไปใน ทุกๆ conversation ทำให้มันเป็นจุดที่มี leverage สูงที่สุดในการทำงานกับ AI

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Claude มักจะ เพิกเฉยต่อเนื้อหาใน CLAUDE.md หากมันตัดสินใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ทีม Anthropic ได้ออกแบบให้ระบบทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็นออกไป ดังนั้นยิ่งใส่คำสั่งที่ไม่ได้ใช้บ่อยมากเท่าไหร่ โอกาสที่ Claude จะเพิกเฉยก็ยิ่งสูงขึ้น ผู้เขียนแนะนำให้ใช้หลัก "Less is More" โดยควรมีคำสั่งที่ universally applicable เท่านั้น

    การวิจัยพบว่า LLMs สามารถทำตามคำสั่งได้อย่างน่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง และ Claude Code เองก็มีคำสั่งในระบบอยู่แล้วประมาณ 50 คำสั่ง ดังนั้นไฟล์ CLAUDE.md ควรสั้นกระชับ (แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด หรือดีกว่านั้นคือน้อยกว่า 60 บรรทัด) และใช้เทคนิค Progressive Disclosure โดยแยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก แล้วให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น

    สุดท้าย ผู้เขียนเตือนว่าไม่ควรใช้ LLM ทำหน้าที่ของ linter หรือ formatter เพราะช้าและแพงกว่ามาก ควรใช้เครื่องมือ deterministic แทน และไม่ควรใช้คำสั่ง /init หรือ auto-generate ไฟล์ CLAUDE.md เพราะไฟล์นี้สำคัญมากและควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    หลักการพื้นฐานของ LLMs และ CLAUDE.md
    LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่เรียนรู้ตลอดเวลา รู้เฉพาะสิ่งที่ใส่เข้าไปเท่านั้น
    CLAUDE.md ถูกใส่เข้าไปในทุก conversation จึงเป็นจุดที่มี leverage สูงสุด
    ควรใช้ไฟล์นี้เพื่อ onboard Claude เข้าสู่ codebase

    พฤติกรรมของ Claude กับ CLAUDE.md
    Claude มักเพิกเฉยเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน
    ยิ่งมีคำสั่งที่ไม่ universal มาก โอกาสถูกเพิกเฉยยิ่งสูง
    Anthropic ออกแบบให้ทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็น

    หลัก "Less is More"
    LLMs ทำตามคำสั่งได้น่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง
    Claude Code มีคำสั่งในระบบอยู่แล้ว ~50 คำสั่ง
    ควรใส่เฉพาะคำสั่งที่ใช้บ่อยและ universally applicable

    ความยาวและความเกี่ยวข้องของไฟล์
    แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด ยิ่งสั้นยิ่งดี
    HumanLayer ใช้ไฟล์ไม่เกิน 60 บรรทัด
    Context window ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผลลัพธ์ดีกว่า

    Progressive Disclosure
    แยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก
    ตั้งชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เช่น docs/testing-guidelines.md
    ให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น แทนการใส่ทุกอย่างใน CLAUDE.md
    ใช้ file:line references แทนการ copy code เพื่อหลีกเลี่ยง outdated information

    อย่าใช้ LLM ทำงาน Linter
    LLMs ช้าและแพงกว่า traditional linters มาก
    Code style guidelines จะกินพื้นที่ context window และลดประสิทธิภาพ
    LLMs เป็น in-context learners จะเรียนรู้ pattern จากโค้ดที่มีอยู่เองได้
    ควรใช้ deterministic tools อย่าง Biome หรือ linters ที่ auto-fix ได้

    อย่าใช้ /init หรือ auto-generate
    CLAUDE.md มี impact ต่อทุก phase ของ workflow
    ควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ
    บรรทัดที่แย่ใน CLAUDE.md จะส่งผลกระทบวงกว้างกว่าโค้ดทั่วไป

    https://www.humanlayer.dev/blog/writing-a-good-claude-md
    📝 เทคนิคการเขียน CLAUDE.md ที่ดีสำหรับ AI Coding Agent บทความนี้เจาะลึกการเขียนไฟล์ CLAUDE.md (หรือ AGENTS.md) ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการทำงานกับ AI coding agents อย่าง Claude Code, Cursor, และ Zed โดยเน้นย้ำว่า LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่ได้เรียนรู้ตลอดเวลา จึงต้องอาศัยไฟล์นี้เป็นตัวกลางในการ "onboard" AI เข้าสู่ codebase ของเรา ซึ่งไฟล์นี้จะถูกใส่เข้าไปใน ทุกๆ conversation ทำให้มันเป็นจุดที่มี leverage สูงที่สุดในการทำงานกับ AI สิ่งที่น่าสนใจคือ Claude มักจะ เพิกเฉยต่อเนื้อหาใน CLAUDE.md หากมันตัดสินใจว่าไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ทีม Anthropic ได้ออกแบบให้ระบบทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็นออกไป ดังนั้นยิ่งใส่คำสั่งที่ไม่ได้ใช้บ่อยมากเท่าไหร่ โอกาสที่ Claude จะเพิกเฉยก็ยิ่งสูงขึ้น ผู้เขียนแนะนำให้ใช้หลัก "Less is More" โดยควรมีคำสั่งที่ universally applicable เท่านั้น การวิจัยพบว่า LLMs สามารถทำตามคำสั่งได้อย่างน่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง และ Claude Code เองก็มีคำสั่งในระบบอยู่แล้วประมาณ 50 คำสั่ง ดังนั้นไฟล์ CLAUDE.md ควรสั้นกระชับ (แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด หรือดีกว่านั้นคือน้อยกว่า 60 บรรทัด) และใช้เทคนิค Progressive Disclosure โดยแยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก แล้วให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น สุดท้าย ผู้เขียนเตือนว่าไม่ควรใช้ LLM ทำหน้าที่ของ linter หรือ formatter เพราะช้าและแพงกว่ามาก ควรใช้เครื่องมือ deterministic แทน และไม่ควรใช้คำสั่ง /init หรือ auto-generate ไฟล์ CLAUDE.md เพราะไฟล์นี้สำคัญมากและควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ หลักการพื้นฐานของ LLMs และ CLAUDE.md ➡️ LLMs เป็น stateless functions ที่ไม่เรียนรู้ตลอดเวลา รู้เฉพาะสิ่งที่ใส่เข้าไปเท่านั้น ➡️ CLAUDE.md ถูกใส่เข้าไปในทุก conversation จึงเป็นจุดที่มี leverage สูงสุด ➡️ ควรใช้ไฟล์นี้เพื่อ onboard Claude เข้าสู่ codebase ✅ พฤติกรรมของ Claude กับ CLAUDE.md ➡️ Claude มักเพิกเฉยเนื้อหาที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานปัจจุบัน ➡️ ยิ่งมีคำสั่งที่ไม่ universal มาก โอกาสถูกเพิกเฉยยิ่งสูง ➡️ Anthropic ออกแบบให้ทำงานแบบนี้เพื่อกรองคำสั่งที่ไม่จำเป็น ✅ หลัก "Less is More" ➡️ LLMs ทำตามคำสั่งได้น่าเชื่อถือประมาณ 100-150 คำสั่ง ➡️ Claude Code มีคำสั่งในระบบอยู่แล้ว ~50 คำสั่ง ➡️ ควรใส่เฉพาะคำสั่งที่ใช้บ่อยและ universally applicable ✅ ความยาวและความเกี่ยวข้องของไฟล์ ➡️ แนะนำไม่เกิน 300 บรรทัด ยิ่งสั้นยิ่งดี ➡️ HumanLayer ใช้ไฟล์ไม่เกิน 60 บรรทัด ➡️ Context window ที่เต็มไปด้วยข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ผลลัพธ์ดีกว่า ✅ Progressive Disclosure ➡️ แยกคำสั่งเฉพาะทางไปไว้ในไฟล์ markdown แยก ➡️ ตั้งชื่อไฟล์ให้สื่อความหมาย เช่น docs/testing-guidelines.md ➡️ ให้ Claude อ่านเมื่อจำเป็นเท่านั้น แทนการใส่ทุกอย่างใน CLAUDE.md ➡️ ใช้ file:line references แทนการ copy code เพื่อหลีกเลี่ยง outdated information ‼️ อย่าใช้ LLM ทำงาน Linter ⛔ LLMs ช้าและแพงกว่า traditional linters มาก ⛔ Code style guidelines จะกินพื้นที่ context window และลดประสิทธิภาพ ⛔ LLMs เป็น in-context learners จะเรียนรู้ pattern จากโค้ดที่มีอยู่เองได้ ⛔ ควรใช้ deterministic tools อย่าง Biome หรือ linters ที่ auto-fix ได้ ‼️ อย่าใช้ /init หรือ auto-generate ⛔ CLAUDE.md มี impact ต่อทุก phase ของ workflow ⛔ ควรใช้เวลาคิดทุกบรรทัดอย่างรอบคอบ ⛔ บรรทัดที่แย่ใน CLAUDE.md จะส่งผลกระทบวงกว้างกว่าโค้ดทั่วไป https://www.humanlayer.dev/blog/writing-a-good-claude-md
    WWW.HUMANLAYER.DEV
    Writing a good CLAUDE.md
    `CLAUDE.md` is a high-leverage configuration point for Claude Code. Learning how to write a good `CLAUDE.md` (or `AGENTS.md`) is a key skill for agent-enabled software engineering.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • จดหมายรักถึง FreeBSD

    บทความ A Love Letter to FreeBSD เป็นจดหมายเปิดใจจากผู้ใช้ใหม่ที่หลงรักความมั่นคงและความเรียบง่ายของ FreeBSD พร้อมสะท้อนความหวังให้ระบบนี้กลายเป็น “mainframe แบบโอเพนซอร์ส” ที่ยืนหยัดท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง

    เสน่ห์ของ FreeBSD
    ผู้เขียนเล่าว่าการใช้ FreeBSD ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปสู่ยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเรียบง่าย ไม่เต็มไปด้วย “noise” หรือการตลาดที่เกินจริง FreeBSD ถูกมองว่าเป็นระบบที่ coherent และ deliberate ไม่ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจ แต่ทำงานได้อย่างมั่นคงยาวนานเหมือนเครื่อง mainframe ที่เงียบสงบในห้องเซิร์ฟเวอร์

    การออกแบบเพื่อความทนทาน
    จุดเด่นของ FreeBSD คือการออกแบบฐานระบบที่มั่นคง เช่น boot environments ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับได้หากเกิดปัญหา ผู้เขียนเปรียบเทียบกับ Solaris ในยุคทอง และเสนอว่า uptime ระดับพันวันควรเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพียง “โชว์ผลงาน” การอัปเดตควรทำได้โดยไม่ต้องกลัวระบบล่ม และการรีบูตควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ

    ความท้าทายบนเดสก์ท็อป
    แม้ FreeBSD จะเริ่มขยายสู่การใช้งานเดสก์ท็อป แต่ผู้เขียนตั้งคำถามว่าจะรักษาความมั่นคงของเซิร์ฟเวอร์ไปพร้อมกับความเร็วของเดสก์ท็อปได้อย่างไร เขาเสนอให้ใช้การแยกระหว่าง CURRENT และ RELEASE เพื่อให้ทั้งสองโลกเดินไปตามจังหวะของตัวเอง โดยไม่ต้องแบกรับข้อจำกัดซึ่งกันและกัน

    วัฒนธรรมและอนาคต
    ผู้เขียนย้ำว่าความแตกต่างของ FreeBSD ไม่ใช่การตามกระแส แต่คือการสร้างความเชื่อมั่น เขาหวังให้ FreeBSD รักษาวัฒนธรรมที่สงบและเน้นวิศวกรรมที่มีคุณภาพ ไม่เต็มไปด้วยการถกเถียงไร้สาระเหมือนบางชุมชนโอเพนซอร์ส พร้อมเรียกร้องให้ FreeBSD ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อให้เป็นระบบที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดแข็งของ FreeBSD
    ระบบมั่นคง ไม่ต้องพึ่งการตลาด
    ทำงานได้ยาวนานเหมือน mainframe

    การออกแบบเพื่อ uptime
    boot environments ช่วยย้อนกลับได้
    uptime ระดับพันวันควรเป็นมาตรฐาน

    ความท้าทายเดสก์ท็อป
    การแยก CURRENT และ RELEASE เพื่อรักษาสมดุล
    pkgbase ต้องมีเสถียรภาพเทียบเท่าฐานระบบ

    วัฒนธรรมและอนาคต
    รักษาชุมชนที่สงบและเน้นคุณภาพ
    ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อความยั่งยืน

    คำเตือนที่ควรระวัง
    หากไม่รักษาเสถียรภาพแพ็กเกจ อาจทำให้ผู้ใช้ธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่น
    การขยายสู่เดสก์ท็อปอาจทำให้สูญเสียจุดแข็งด้านเซิร์ฟเวอร์
    หากไม่ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ อาจถูกลดความสำคัญในตลาด

    https://www.tara.sh/posts/2025/2025-11-25_freebsd_letter/
    👿 จดหมายรักถึง FreeBSD บทความ A Love Letter to FreeBSD เป็นจดหมายเปิดใจจากผู้ใช้ใหม่ที่หลงรักความมั่นคงและความเรียบง่ายของ FreeBSD พร้อมสะท้อนความหวังให้ระบบนี้กลายเป็น “mainframe แบบโอเพนซอร์ส” ที่ยืนหยัดท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง 💻 เสน่ห์ของ FreeBSD ผู้เขียนเล่าว่าการใช้ FreeBSD ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปสู่ยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเรียบง่าย ไม่เต็มไปด้วย “noise” หรือการตลาดที่เกินจริง FreeBSD ถูกมองว่าเป็นระบบที่ coherent และ deliberate ไม่ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจ แต่ทำงานได้อย่างมั่นคงยาวนานเหมือนเครื่อง mainframe ที่เงียบสงบในห้องเซิร์ฟเวอร์ 🏗️ การออกแบบเพื่อความทนทาน จุดเด่นของ FreeBSD คือการออกแบบฐานระบบที่มั่นคง เช่น boot environments ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับได้หากเกิดปัญหา ผู้เขียนเปรียบเทียบกับ Solaris ในยุคทอง และเสนอว่า uptime ระดับพันวันควรเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพียง “โชว์ผลงาน” การอัปเดตควรทำได้โดยไม่ต้องกลัวระบบล่ม และการรีบูตควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ 🖥️ ความท้าทายบนเดสก์ท็อป แม้ FreeBSD จะเริ่มขยายสู่การใช้งานเดสก์ท็อป แต่ผู้เขียนตั้งคำถามว่าจะรักษาความมั่นคงของเซิร์ฟเวอร์ไปพร้อมกับความเร็วของเดสก์ท็อปได้อย่างไร เขาเสนอให้ใช้การแยกระหว่าง CURRENT และ RELEASE เพื่อให้ทั้งสองโลกเดินไปตามจังหวะของตัวเอง โดยไม่ต้องแบกรับข้อจำกัดซึ่งกันและกัน 🌐 วัฒนธรรมและอนาคต ผู้เขียนย้ำว่าความแตกต่างของ FreeBSD ไม่ใช่การตามกระแส แต่คือการสร้างความเชื่อมั่น เขาหวังให้ FreeBSD รักษาวัฒนธรรมที่สงบและเน้นวิศวกรรมที่มีคุณภาพ ไม่เต็มไปด้วยการถกเถียงไร้สาระเหมือนบางชุมชนโอเพนซอร์ส พร้อมเรียกร้องให้ FreeBSD ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อให้เป็นระบบที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดแข็งของ FreeBSD ➡️ ระบบมั่นคง ไม่ต้องพึ่งการตลาด ➡️ ทำงานได้ยาวนานเหมือน mainframe ✅ การออกแบบเพื่อ uptime ➡️ boot environments ช่วยย้อนกลับได้ ➡️ uptime ระดับพันวันควรเป็นมาตรฐาน ✅ ความท้าทายเดสก์ท็อป ➡️ การแยก CURRENT และ RELEASE เพื่อรักษาสมดุล ➡️ pkgbase ต้องมีเสถียรภาพเทียบเท่าฐานระบบ ✅ วัฒนธรรมและอนาคต ➡️ รักษาชุมชนที่สงบและเน้นคุณภาพ ➡️ ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อความยั่งยืน ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ หากไม่รักษาเสถียรภาพแพ็กเกจ อาจทำให้ผู้ใช้ธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่น ⛔ การขยายสู่เดสก์ท็อปอาจทำให้สูญเสียจุดแข็งด้านเซิร์ฟเวอร์ ⛔ หากไม่ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ อาจถูกลดความสำคัญในตลาด https://www.tara.sh/posts/2025/2025-11-25_freebsd_letter/
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • Slop Evader: เครื่องมือเลี่ยง “AI Slop”

    Slop Evader คือส่วนขยายสำหรับ Chrome และ Firefox ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ถูกสร้างโดย AI บนอินเทอร์เน็ต หลังจากการเปิดตัว ChatGPT และโมเดลภาษาอื่น ๆ โลกออนไลน์เต็มไปด้วยข้อความ ภาพ และวิดีโอที่ผลิตโดย AI เครื่องมือนี้ใช้ Google Search API เพื่อจำกัดผลลัพธ์ให้เฉพาะเนื้อหาที่เผยแพร่ก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นงานที่สร้างโดยมนุษย์จริง ๆ

    ปัญหามลพิษข้อมูลดิจิทัล
    การแพร่หลายของ AI ทำให้เกิดสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า “AI Slop” หรือการปนเปื้อนของข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ เนื้อหาที่ผลิตโดย AI อาจซ้ำซ้อน ขาดความถูกต้อง หรือถูกใช้เพื่อสร้างข่าวปลอมและการตลาดที่ไม่โปร่งใส Slop Evader จึงเป็นการตอบสนองต่อความกังวลนี้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า

    ศิลปินเบื้องหลังโครงการ
    Tega Brain ศิลปินชาวออสเตรเลียที่ทำงานในนิวยอร์ก เป็นผู้สร้าง Slop Evader เธอมีชื่อเสียงจากการสำรวจ “การเมืองของการคำนวณ” ในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลงานของเธอมักตั้งคำถามต่อบทบาทของเทคโนโลยีในสังคม และ Slop Evader ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนความพยายามในการรักษาความเป็นมนุษย์ในโลกดิจิทัล

    ความหมายต่ออนาคตการค้นหา
    แม้ Slop Evader จะเป็นเพียงเครื่องมือเล็ก ๆ แต่ก็สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพข้อมูลในยุค AI หากแนวโน้มการสร้างเนื้อหาโดย AI ยังคงเติบโต ผู้ใช้และนักพัฒนาอาจต้องหาวิธีใหม่ ๆ ในการกรองและตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าความรู้ที่เผยแพร่ยังคงมีคุณค่าและความน่าเชื่อถือ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Slop Evader คืออะไร
    ส่วนขยายสำหรับ Chrome และ Firefox
    กรองผลลัพธ์ให้เฉพาะเนื้อหาก่อน 30 พฤศจิกายน 2022

    ปัญหาที่เครื่องมือนี้แก้ไข
    การแพร่กระจายของ “AI Slop” หรือข้อมูลที่ผลิตโดย AI
    ลดความเสี่ยงจากข่าวปลอมและเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง

    ผู้สร้างและแรงบันดาลใจ
    Tega Brain ศิลปินชาวออสเตรเลียในนิวยอร์ก
    สำรวจการเมืองของการคำนวณและผลกระทบต่อสังคม

    ความหมายต่ออนาคต
    สะท้อนความกังวลเรื่องคุณภาพข้อมูลในยุค AI
    อาจนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือกรองข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น

    คำเตือนที่ควรระวัง
    การใช้ Slop Evader อาจทำให้พลาดข้อมูลใหม่ที่มีคุณค่าแต่ถูกสร้างหลังปี 2022
    การพึ่งพาเครื่องมือเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องใช้วิจารณญาณร่วมด้วย


    https://tegabrain.com/Slop-Evader
    🛡️ Slop Evader: เครื่องมือเลี่ยง “AI Slop” Slop Evader คือส่วนขยายสำหรับ Chrome และ Firefox ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้หลีกเลี่ยงเนื้อหาที่ถูกสร้างโดย AI บนอินเทอร์เน็ต หลังจากการเปิดตัว ChatGPT และโมเดลภาษาอื่น ๆ โลกออนไลน์เต็มไปด้วยข้อความ ภาพ และวิดีโอที่ผลิตโดย AI เครื่องมือนี้ใช้ Google Search API เพื่อจำกัดผลลัพธ์ให้เฉพาะเนื้อหาที่เผยแพร่ก่อนวันที่ 30 พฤศจิกายน 2022 เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นงานที่สร้างโดยมนุษย์จริง ๆ 🌐 ปัญหามลพิษข้อมูลดิจิทัล การแพร่หลายของ AI ทำให้เกิดสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า “AI Slop” หรือการปนเปื้อนของข้อมูลที่ไม่ผ่านการตรวจสอบคุณภาพ เนื้อหาที่ผลิตโดย AI อาจซ้ำซ้อน ขาดความถูกต้อง หรือถูกใช้เพื่อสร้างข่าวปลอมและการตลาดที่ไม่โปร่งใส Slop Evader จึงเป็นการตอบสนองต่อความกังวลนี้ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือมากกว่า 🎨 ศิลปินเบื้องหลังโครงการ Tega Brain ศิลปินชาวออสเตรเลียที่ทำงานในนิวยอร์ก เป็นผู้สร้าง Slop Evader เธอมีชื่อเสียงจากการสำรวจ “การเมืองของการคำนวณ” ในยุคที่โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลงานของเธอมักตั้งคำถามต่อบทบาทของเทคโนโลยีในสังคม และ Slop Evader ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนความพยายามในการรักษาความเป็นมนุษย์ในโลกดิจิทัล 🔮 ความหมายต่ออนาคตการค้นหา แม้ Slop Evader จะเป็นเพียงเครื่องมือเล็ก ๆ แต่ก็สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพข้อมูลในยุค AI หากแนวโน้มการสร้างเนื้อหาโดย AI ยังคงเติบโต ผู้ใช้และนักพัฒนาอาจต้องหาวิธีใหม่ ๆ ในการกรองและตรวจสอบข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าความรู้ที่เผยแพร่ยังคงมีคุณค่าและความน่าเชื่อถือ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Slop Evader คืออะไร ➡️ ส่วนขยายสำหรับ Chrome และ Firefox ➡️ กรองผลลัพธ์ให้เฉพาะเนื้อหาก่อน 30 พฤศจิกายน 2022 ✅ ปัญหาที่เครื่องมือนี้แก้ไข ➡️ การแพร่กระจายของ “AI Slop” หรือข้อมูลที่ผลิตโดย AI ➡️ ลดความเสี่ยงจากข่าวปลอมและเนื้อหาที่ไม่ถูกต้อง ✅ ผู้สร้างและแรงบันดาลใจ ➡️ Tega Brain ศิลปินชาวออสเตรเลียในนิวยอร์ก ➡️ สำรวจการเมืองของการคำนวณและผลกระทบต่อสังคม ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ สะท้อนความกังวลเรื่องคุณภาพข้อมูลในยุค AI ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือกรองข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ การใช้ Slop Evader อาจทำให้พลาดข้อมูลใหม่ที่มีคุณค่าแต่ถูกสร้างหลังปี 2022 ⛔ การพึ่งพาเครื่องมือเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องใช้วิจารณญาณร่วมด้วย https://tegabrain.com/Slop-Evader
    TEGABRAIN.COM
    Slop Evader — Tega Brain
    A browser extension for avoiding AI slop. Download it for Chrome or Firefox. This is a search tool that will only return content created before ChatGPT's...
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • ปีที่หนักหน่วงของธุรกิจสร้างสรรค์

    Andy Bell ผู้ก่อตั้ง Set Studio และ Piccalilli เล่าถึงปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้การหาลูกค้าใหม่ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสตูดิโอเลือกที่จะไม่ทำงานด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้จะเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด เขาย้ำว่าการรักษาชื่อเสียงและจริยธรรมสำคัญกว่าการตามกระแส

    เศรษฐกิจโลกในปี 2025
    รายงานจาก World Economic Forum และ ACCA ชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งการเพิ่มขึ้นของภาษีการค้า ความเสี่ยงจากสงคราม และการเร่งตัวของ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานและการผลิต หลายประเทศ เช่น อินเดีย กลับสามารถเติบโตสวนกระแสด้วยการบริโภคภายในและการผลิตที่แข็งแกร่ง แต่โดยรวมแล้วธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและความไม่แน่นอน

    AI กับวงการครีเอทีฟ
    ในขณะที่บางสตูดิโอเลือกปฏิเสธ AI หลายแห่งกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริม เช่น การสร้างไอเดียเบื้องต้น การออกแบบภาพตัวอย่าง หรือการช่วยกำหนดทิศทางงานศิลป์ ข้อมูลล่าสุดเผยว่า 78% ของเอเจนซี่ครีเอทีฟทั่วโลกใช้ AI ในบางขั้นตอนแล้ว แม้จะทำให้ราคางานบางประเภทถูกลง แต่ก็เพิ่มปริมาณงานและรายได้โดยรวม อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการแทนที่แรงงานและความเสื่อมของคุณค่ามนุษย์ยังคงเป็นประเด็นใหญ่

    ทางรอดและความหวัง
    Andy เสนอให้ผู้สนับสนุนช่วยซื้อคอร์สออนไลน์ แชร์ผลงาน หรือจ้างสตูดิโอเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป เขาเชื่อว่าการสร้างงานที่มีคุณภาพจริงและไม่เอาเปรียบผู้ใช้คือหนทางที่จะทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ อยู่รอดในยุคที่ AI และเศรษฐกิจโลกกำลังเขย่าโครงสร้างเดิม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ความท้าทายของ Set Studio และ Piccalilli
    เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนสูง
    ปฏิเสธงานการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อรักษาจริยธรรม

    แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2025
    ภาษีการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง
    อินเดียเติบโตสวนกระแสด้วยการผลิตและการบริโภค

    ผลกระทบของ AI ต่อวงการครีเอทีฟ
    78% ของเอเจนซี่ใช้ AI ในบางขั้นตอน
    ราคางานลดลงแต่ปริมาณงานเพิ่มขึ้น

    ทางรอดของธุรกิจเล็ก
    การขายคอร์สออนไลน์และการสนับสนุนจากชุมชน
    การสร้างงานคุณภาพที่ไม่เอาเปรียบผู้ใช้

    คำเตือนจากแนวโน้มโลก
    ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป อาจนำไปสู่การตกงาน
    ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสงครามอาจกระทบเศรษฐกิจหนักขึ้น
    การแข่งขันด้านราคาอาจบีบให้ธุรกิจเล็กอยู่รอดยากขึ้น

    https://bell.bz/its-been-a-very-hard-year/
    📰 ปีที่หนักหน่วงของธุรกิจสร้างสรรค์ Andy Bell ผู้ก่อตั้ง Set Studio และ Piccalilli เล่าถึงปี 2025 ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งเศรษฐกิจชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่มั่นคงทางการเมือง ทำให้การหาลูกค้าใหม่ยากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสตูดิโอเลือกที่จะไม่ทำงานด้านการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI แม้จะเป็นสิ่งที่ตลาดต้องการมากที่สุด เขาย้ำว่าการรักษาชื่อเสียงและจริยธรรมสำคัญกว่าการตามกระแส 🌍 เศรษฐกิจโลกในปี 2025 รายงานจาก World Economic Forum และ ACCA ชี้ว่าโลกกำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนสำคัญ ทั้งการเพิ่มขึ้นของภาษีการค้า ความเสี่ยงจากสงคราม และการเร่งตัวของ AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานและการผลิต หลายประเทศ เช่น อินเดีย กลับสามารถเติบโตสวนกระแสด้วยการบริโภคภายในและการผลิตที่แข็งแกร่ง แต่โดยรวมแล้วธุรกิจขนาดเล็กทั่วโลกยังคงเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนและความไม่แน่นอน 🎨 AI กับวงการครีเอทีฟ ในขณะที่บางสตูดิโอเลือกปฏิเสธ AI หลายแห่งกลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือเสริม เช่น การสร้างไอเดียเบื้องต้น การออกแบบภาพตัวอย่าง หรือการช่วยกำหนดทิศทางงานศิลป์ ข้อมูลล่าสุดเผยว่า 78% ของเอเจนซี่ครีเอทีฟทั่วโลกใช้ AI ในบางขั้นตอนแล้ว แม้จะทำให้ราคางานบางประเภทถูกลง แต่ก็เพิ่มปริมาณงานและรายได้โดยรวม อย่างไรก็ตาม ความกังวลเรื่องการแทนที่แรงงานและความเสื่อมของคุณค่ามนุษย์ยังคงเป็นประเด็นใหญ่ 💡 ทางรอดและความหวัง Andy เสนอให้ผู้สนับสนุนช่วยซื้อคอร์สออนไลน์ แชร์ผลงาน หรือจ้างสตูดิโอเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไป เขาเชื่อว่าการสร้างงานที่มีคุณภาพจริงและไม่เอาเปรียบผู้ใช้คือหนทางที่จะทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ อยู่รอดในยุคที่ AI และเศรษฐกิจโลกกำลังเขย่าโครงสร้างเดิม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ความท้าทายของ Set Studio และ Piccalilli ➡️ เศรษฐกิจชะลอตัวและต้นทุนสูง ➡️ ปฏิเสธงานการตลาดที่เกี่ยวข้องกับ AI เพื่อรักษาจริยธรรม ✅ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกปี 2025 ➡️ ภาษีการค้าและความไม่แน่นอนทางการเมือง ➡️ อินเดียเติบโตสวนกระแสด้วยการผลิตและการบริโภค ✅ ผลกระทบของ AI ต่อวงการครีเอทีฟ ➡️ 78% ของเอเจนซี่ใช้ AI ในบางขั้นตอน ➡️ ราคางานลดลงแต่ปริมาณงานเพิ่มขึ้น ✅ ทางรอดของธุรกิจเล็ก ➡️ การขายคอร์สออนไลน์และการสนับสนุนจากชุมชน ➡️ การสร้างงานคุณภาพที่ไม่เอาเปรียบผู้ใช้ ‼️ คำเตือนจากแนวโน้มโลก ⛔ ความเสี่ยงจากการพึ่งพา AI มากเกินไป อาจนำไปสู่การตกงาน ⛔ ความไม่แน่นอนทางการเมืองและสงครามอาจกระทบเศรษฐกิจหนักขึ้น ⛔ การแข่งขันด้านราคาอาจบีบให้ธุรกิจเล็กอยู่รอดยากขึ้น https://bell.bz/its-been-a-very-hard-year/
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • ข่าวใหญ่: ตำรวจสากลยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer พร้อมเงินบิตคอยน์กว่า 28 ล้านดอลลาร์

    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศได้เข้ายึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ซึ่งเป็นบริการผสมบิตคอยน์ที่ถูกใช้เพื่อฟอกเงินและปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรม โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ยังสามารถยึดเงินบิตคอยน์ได้มากกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในการปราบปรามบริการฟอกเงินดิจิทัล

    Cryptomixer ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์เพื่อซ่อนที่มาของเงินที่ได้จากการโจมตี ransomware, การฉ้อโกง และการค้ามนุษย์ดิจิทัล การบริการลักษณะนี้ทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยาก และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลก

    การยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ไม่เพียงแต่ทำให้บริการนี้หยุดชะงัก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ให้บริการที่คล้ายกันว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด การปฏิบัติการครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลและอาชญากรรมทางไซเบอร์

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปิดบริการหนึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีย้ายไปใช้บริการอื่นที่ยังคงเปิดอยู่ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลจึงเป็นเกมแมวจับหนูที่ต้องอาศัยการพัฒนาเครื่องมือและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปฏิบัติการของตำรวจสากล
    ยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer
    ยึดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 28 ล้านดอลลาร์

    บทบาทของ Cryptomixer
    ใช้ฟอกเงินจาก ransomware และการฉ้อโกง
    ปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรมดิจิทัล

    ผลกระทบจากการยึด
    ทำให้บริการหยุดชะงักและส่งสัญญาณเตือนผู้ให้บริการอื่น
    แสดงถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ผู้โจมตีอาจย้ายไปใช้บริการฟอกเงินดิจิทัลอื่นที่ยังเปิดอยู่
    การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลต้องอาศัยความร่วมมือและการพัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/cryptomixer-domains-infrastructure-bitcoin-seized/
    💰 ข่าวใหญ่: ตำรวจสากลยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer พร้อมเงินบิตคอยน์กว่า 28 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศได้เข้ายึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ซึ่งเป็นบริการผสมบิตคอยน์ที่ถูกใช้เพื่อฟอกเงินและปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรม โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ยังสามารถยึดเงินบิตคอยน์ได้มากกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในการปราบปรามบริการฟอกเงินดิจิทัล Cryptomixer ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์เพื่อซ่อนที่มาของเงินที่ได้จากการโจมตี ransomware, การฉ้อโกง และการค้ามนุษย์ดิจิทัล การบริการลักษณะนี้ทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยาก และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลก การยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ไม่เพียงแต่ทำให้บริการนี้หยุดชะงัก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ให้บริการที่คล้ายกันว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด การปฏิบัติการครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลและอาชญากรรมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปิดบริการหนึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีย้ายไปใช้บริการอื่นที่ยังคงเปิดอยู่ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลจึงเป็นเกมแมวจับหนูที่ต้องอาศัยการพัฒนาเครื่องมือและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปฏิบัติการของตำรวจสากล ➡️ ยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ➡️ ยึดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 28 ล้านดอลลาร์ ✅ บทบาทของ Cryptomixer ➡️ ใช้ฟอกเงินจาก ransomware และการฉ้อโกง ➡️ ปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรมดิจิทัล ✅ ผลกระทบจากการยึด ➡️ ทำให้บริการหยุดชะงักและส่งสัญญาณเตือนผู้ให้บริการอื่น ➡️ แสดงถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ผู้โจมตีอาจย้ายไปใช้บริการฟอกเงินดิจิทัลอื่นที่ยังเปิดอยู่ ⛔ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลต้องอาศัยความร่วมมือและการพัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/cryptomixer-domains-infrastructure-bitcoin-seized/
    HACKREAD.COM
    Police Seize Cryptomixer Domains, Infrastructure and 28M Dollars in Bitcoin
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน

    ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้

    การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง

    นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี

    กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดคดี
    Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน
    ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม

    พฤติกรรมการโจมตี
    สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน
    ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว

    การสืบสวนและจับกุม
    เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน
    พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น
    ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    ✈️ แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้ การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดคดี ➡️ Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน ➡️ ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ✅ พฤติกรรมการโจมตี ➡️ สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน ➡️ ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว ✅ การสืบสวนและจับกุม ➡️ เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน ➡️ พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น ⛔ ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    HACKREAD.COM
    Evil Twin Wi‑Fi Hacker Jailed for Stealing Data Mid‑Flight
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • Ubuntu Touch OTA-1.1 มอบ VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22

    UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดต Ubuntu Touch OTA-1.1 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 24.04 LTS และ OTA-11 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 20.04 LTS โดยมีการปรับปรุงสำคัญทั้งด้านฟีเจอร์และความปลอดภัย ไฮไลต์หลักคือการเพิ่ม VoLTE (Voice over LTE) ให้กับ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ซึ่งช่วยให้การโทรศัพท์มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและรองรับเครือข่าย 4G อย่างเต็มรูปแบบ

    นอกจาก VoLTE แล้ว OTA-1.1 ยังปรับปรุง เวลาเริ่มต้นระบบหลังการอัปเกรด, การจัดการ Wi-Fi และ VPN ที่ถูกลบแล้วจะไม่กลับมาอีกหลังรีบูต, รวมถึงการปรับปรุง Wi-Fi hotspot บนอุปกรณ์บางรุ่น อีกทั้งยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น การ crash ของแอป Messaging เมื่อเปิดไฟล์แนบวิดีโอ/เสียง, ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down, และการไม่แสดง notification badges บน launcher สำหรับ Phone และ Messaging apps

    ด้านความปลอดภัย OTA-1.1 และ OTA-11 ได้แก้ไขช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ จึงแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ OTA-11 ยังเพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขปัญหาเสียงไม่หยุดเล่นเมื่อถอดหูฟัง Bluetooth ออก

    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ UBports ในการทำให้ Ubuntu Touch เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น พร้อมรองรับอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สสำหรับมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่ถูกครองโดย Android และ iOS

    สรุปสาระสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน OTA-1.1
    เพิ่ม VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22
    ปรับปรุงเวลาเริ่มต้นระบบหลังอัปเกรด
    แก้ไขการจัดการ Wi-Fi/VPN และ Wi-Fi hotspot

    การแก้ไขบั๊ก
    แก้ crash ของ Messaging app เมื่อเปิดไฟล์แนบ
    แก้ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down
    แก้ notification badges ไม่แสดงใน launcher

    การปรับปรุงด้านความปลอดภัย
    แก้ช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework
    OTA-11 เพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขเสียง Bluetooth

    ข้อควรระวัง
    การ rollout OTA อาจใช้เวลาหลายวัน ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับอัปเดตพร้อมกัน
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าและสำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-1-1-rolls-out-with-volte-support-for-fairphone-4-volla-phone-22
    📱 Ubuntu Touch OTA-1.1 มอบ VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดต Ubuntu Touch OTA-1.1 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 24.04 LTS และ OTA-11 สำหรับผู้ใช้บนฐาน Ubuntu 20.04 LTS โดยมีการปรับปรุงสำคัญทั้งด้านฟีเจอร์และความปลอดภัย ไฮไลต์หลักคือการเพิ่ม VoLTE (Voice over LTE) ให้กับ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ซึ่งช่วยให้การโทรศัพท์มีคุณภาพเสียงที่ดีขึ้นและรองรับเครือข่าย 4G อย่างเต็มรูปแบบ นอกจาก VoLTE แล้ว OTA-1.1 ยังปรับปรุง เวลาเริ่มต้นระบบหลังการอัปเกรด, การจัดการ Wi-Fi และ VPN ที่ถูกลบแล้วจะไม่กลับมาอีกหลังรีบูต, รวมถึงการปรับปรุง Wi-Fi hotspot บนอุปกรณ์บางรุ่น อีกทั้งยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น การ crash ของแอป Messaging เมื่อเปิดไฟล์แนบวิดีโอ/เสียง, ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down, และการไม่แสดง notification badges บน launcher สำหรับ Phone และ Messaging apps ด้านความปลอดภัย OTA-1.1 และ OTA-11 ได้แก้ไขช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ที่อาจถูกใช้โจมตีระบบ จึงแนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ OTA-11 ยังเพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขปัญหาเสียงไม่หยุดเล่นเมื่อถอดหูฟัง Bluetooth ออก การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ UBports ในการทำให้ Ubuntu Touch เป็นระบบปฏิบัติการมือถือที่มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น พร้อมรองรับอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการผลักดันระบบปฏิบัติการโอเพนซอร์สสำหรับมือถือให้แข่งขันได้ในตลาดที่ถูกครองโดย Android และ iOS 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน OTA-1.1 ➡️ เพิ่ม VoLTE ให้ Fairphone 4 และ Volla Phone 22 ➡️ ปรับปรุงเวลาเริ่มต้นระบบหลังอัปเกรด ➡️ แก้ไขการจัดการ Wi-Fi/VPN และ Wi-Fi hotspot ✅ การแก้ไขบั๊ก ➡️ แก้ crash ของ Messaging app เมื่อเปิดไฟล์แนบ ➡️ แก้ปัญหาปฏิทินผิดพลาดในเมนู pull-down ➡️ แก้ notification badges ไม่แสดงใน launcher ✅ การปรับปรุงด้านความปลอดภัย ➡️ แก้ช่องโหว่ใน GStreamer multimedia framework ➡️ OTA-11 เพิ่มการรองรับ USB-C headset และแก้ไขเสียง Bluetooth ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การ rollout OTA อาจใช้เวลาหลายวัน ไม่ใช่ทุกคนจะได้รับอัปเดตพร้อมกัน ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าและสำรองข้อมูลก่อนอัปเดตเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา https://9to5linux.com/ubuntu-touch-ota-1-1-rolls-out-with-volte-support-for-fairphone-4-volla-phone-22
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch OTA-1.1 Rolls Out with VoLTE Support for Fairphone 4, Volla Phone 22 - 9to5Linux
    Ubuntu Touch OTA 1.1 update is now rolling out with VoLTE support for Fairphone 4 and Volla Phone 22 devices.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify

    โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint

    การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น

    นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปสาระสำคัญ
    การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout
    ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration

    การแก้ไขและปรับปรุงระบบ
    แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak
    ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize
    SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools

    การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม
    รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink
    เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง

    https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    🎶 GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout ➡️ ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration ✅ การแก้ไขและปรับปรุงระบบ ➡️ แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak ➡️ ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ➡️ Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize ➡️ SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools ✅ การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม ➡️ รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink ➡️ เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่ ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    9TO5LINUX.COM
    GStreamer 1.26.9 Improves Support for DeckLink Capture Cards, Spotify Integration - 9to5Linux
    GStreamer 1.26.9 open-source multimedia framework is now available for download with various improvements and bug fixes. Here’s what’s new!
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
More Results