• พาณิชย์ดันราคาข้าวโพด! "จตุพร" ยันมติ นบขพ. กำหนดราคาซื้อ-ขาย พร้อมอัดมาตรการ 4 โครงการมูลค่า 244 ล้านบาทเข้า ครม. หนุนเกษตรกร
    https://www.thai-tai.tv/news/21080/
    .
    #จตุพรบุรุษพัฒน์ #ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ #ราคาข้าวโพด #กระทรวงพาณิชย์ #นบขพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไทด้วย

    พาณิชย์ดันราคาข้าวโพด! "จตุพร" ยันมติ นบขพ. กำหนดราคาซื้อ-ขาย พร้อมอัดมาตรการ 4 โครงการมูลค่า 244 ล้านบาทเข้า ครม. หนุนเกษตรกร https://www.thai-tai.tv/news/21080/ . #จตุพรบุรุษพัฒน์ #ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ #ราคาข้าวโพด #กระทรวงพาณิชย์ #นบขพ #ข่าวเศรษฐกิจ #ไทยไทด้วย
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • “สุชาติ” แจงสภาฯ เร่งยกระดับรายได้เกษตรกร–คุมเข้มอีคอมเมิร์ซ ย้ำแก้ปัญหาปากท้องควบคู่ปกป้องผู้บริโภค
    https://www.thai-tai.tv/news/21057/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อีคอมเมิร์ซ #สินค้าเกษตร #เศรษฐกิจไทย #นโยบายรัฐบาล #ไทยไทด้วย

    “สุชาติ” แจงสภาฯ เร่งยกระดับรายได้เกษตรกร–คุมเข้มอีคอมเมิร์ซ ย้ำแก้ปัญหาปากท้องควบคู่ปกป้องผู้บริโภค https://www.thai-tai.tv/news/21057/ . #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #อีคอมเมิร์ซ #สินค้าเกษตร #เศรษฐกิจไทย #นโยบายรัฐบาล #ไทยไทด้วย
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ดาวเทียม Metop-SG: ยุคใหม่ของการพยากรณ์อากาศเพื่อชีวิต

    ในช่วง 15 ปีข้างหน้า ยุโรปจะส่งดาวเทียม Metop Second Generation ขึ้นสู่วงโคจรต่ำของโลกจำนวน 6 ดวง เพื่อยกระดับการพยากรณ์อากาศให้แม่นยำขึ้น และเตือนภัยล่วงหน้าได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สุดขั้ว เช่น พายุรุนแรง คลื่นความร้อน และไฟป่า

    ดาวเทียมดวงแรก Metop-SG A1 ถูกปล่อยจากเฟรนช์เกียนาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2025 และจะเริ่มเก็บข้อมูลในปีหน้า โดยมีภารกิจร่วมกับ Copernicus Sentinel-5 เพื่อวัดคุณภาพอากาศและติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

    ดาวเทียมจะโคจรรอบโลกทุก 100 นาทีที่ระดับความสูงประมาณ 800 กม. ครอบคลุมภาพทั่วโลกวันละหลายรอบ พร้อมเครื่องมือวัดอุณหภูมิ ปริมาณฝน เมฆ ลม และมลพิษ ซึ่งจะส่งข้อมูลกลับไปยังสถานีภาคพื้น เช่น จานรับสัญญาณใหม่ที่ Met Office ในอังกฤษ

    ข้อมูลจากดาวเทียมเหล่านี้จะช่วยให้พยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ถึง 10 วัน และตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของพายุหรือภัยพิบัติได้เร็วขึ้น ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง

    รายละเอียดโครงการ Metop Second Generation
    ดาวเทียม Metop-SG จำนวน 6 ดวงจะถูกส่งขึ้นใน 15 ปีข้างหน้า
    ดาวเทียมดวงแรก Metop-SG A1 ถูกปล่อยเมื่อ 13 ส.ค. 2025 จากเฟรนช์เกียนา
    โคจรที่ระดับ 800 กม. รอบโลกทุก 100 นาที ครอบคลุมภาพทั่วโลก
    ใช้เครื่องมือวัดอุณหภูมิ ฝน เมฆ ลม มลพิษ และคุณภาพอากาศ
    ข้อมูลจะส่งกลับไปยังสถานีภาคพื้น เช่น Met Office ในอังกฤษ
    ช่วยพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ถึง 10 วัน และตรวจจับภัยพิบัติได้เร็วขึ้น
    เป็นความร่วมมือระหว่าง EUMetSat, ESA, EU, NOAA และองค์กรอวกาศยุโรป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Sentinel-5 บนดาวเทียมจะวัดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษในอากาศ
    ดาวเทียมแบบคู่ (A-type และ B-type) ใช้เครื่องมือที่เสริมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำ
    ข้อมูลจากดาวเทียมช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูก และช่วยนักบินนำทาง
    ระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Joint Polar System ร่วมกับ NOAA สหรัฐฯ
    การพยากรณ์ที่แม่นยำช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและชีวิต
    คาดว่าโครงการนี้จะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 20 เท่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/17/satellite-project-could-save-lives-give-extreme-weather-warnings
    🌪️ ดาวเทียม Metop-SG: ยุคใหม่ของการพยากรณ์อากาศเพื่อชีวิต ในช่วง 15 ปีข้างหน้า ยุโรปจะส่งดาวเทียม Metop Second Generation ขึ้นสู่วงโคจรต่ำของโลกจำนวน 6 ดวง เพื่อยกระดับการพยากรณ์อากาศให้แม่นยำขึ้น และเตือนภัยล่วงหน้าได้เร็วขึ้น โดยเฉพาะเหตุการณ์สุดขั้ว เช่น พายุรุนแรง คลื่นความร้อน และไฟป่า ดาวเทียมดวงแรก Metop-SG A1 ถูกปล่อยจากเฟรนช์เกียนาเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2025 และจะเริ่มเก็บข้อมูลในปีหน้า โดยมีภารกิจร่วมกับ Copernicus Sentinel-5 เพื่อวัดคุณภาพอากาศและติดตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดาวเทียมจะโคจรรอบโลกทุก 100 นาทีที่ระดับความสูงประมาณ 800 กม. ครอบคลุมภาพทั่วโลกวันละหลายรอบ พร้อมเครื่องมือวัดอุณหภูมิ ปริมาณฝน เมฆ ลม และมลพิษ ซึ่งจะส่งข้อมูลกลับไปยังสถานีภาคพื้น เช่น จานรับสัญญาณใหม่ที่ Met Office ในอังกฤษ ข้อมูลจากดาวเทียมเหล่านี้จะช่วยให้พยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ถึง 10 วัน และตรวจจับสัญญาณเริ่มต้นของพายุหรือภัยพิบัติได้เร็วขึ้น ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ✅ รายละเอียดโครงการ Metop Second Generation ➡️ ดาวเทียม Metop-SG จำนวน 6 ดวงจะถูกส่งขึ้นใน 15 ปีข้างหน้า ➡️ ดาวเทียมดวงแรก Metop-SG A1 ถูกปล่อยเมื่อ 13 ส.ค. 2025 จากเฟรนช์เกียนา ➡️ โคจรที่ระดับ 800 กม. รอบโลกทุก 100 นาที ครอบคลุมภาพทั่วโลก ➡️ ใช้เครื่องมือวัดอุณหภูมิ ฝน เมฆ ลม มลพิษ และคุณภาพอากาศ ➡️ ข้อมูลจะส่งกลับไปยังสถานีภาคพื้น เช่น Met Office ในอังกฤษ ➡️ ช่วยพยากรณ์อากาศล่วงหน้าได้ถึง 10 วัน และตรวจจับภัยพิบัติได้เร็วขึ้น ➡️ เป็นความร่วมมือระหว่าง EUMetSat, ESA, EU, NOAA และองค์กรอวกาศยุโรป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Sentinel-5 บนดาวเทียมจะวัดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษในอากาศ ➡️ ดาวเทียมแบบคู่ (A-type และ B-type) ใช้เครื่องมือที่เสริมกันเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ➡️ ข้อมูลจากดาวเทียมช่วยเกษตรกรวางแผนการเพาะปลูก และช่วยนักบินนำทาง ➡️ ระบบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Joint Polar System ร่วมกับ NOAA สหรัฐฯ ➡️ การพยากรณ์ที่แม่นยำช่วยลดความเสียหายทางเศรษฐกิจและชีวิต ➡️ คาดว่าโครงการนี้จะให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจมากกว่า 20 เท่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/17/satellite-project-could-save-lives-give-extreme-weather-warnings
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Satellite project could save lives, give extreme weather warnings
    A series of satellites are set to be launched into space over the next 15 years to help "save lives" and give early warning of increasingly extreme weather, British experts have said.
    0 Comments 0 Shares 138 Views 0 Reviews
  • เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา

    เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน

    ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว

    อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว

    สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • สส.ละเมิด112 คุก 2 ปี ยังเสนอตัดงบโครงการเศรษฐกิจพอเพียง โดยอ้างเสียงจากชาวโซเชียลมาตัดสินว่าล้มเหลว โครงการถูกออกแบบมาอย่างสำเร็จรูปเกษตรกรจะเปลี่ยนรูปแบบตามความต้องการเองไม่ได้ อ้าวอีเวรนี่ เค้าออกแบบมาเพื่อให้เกษตรกรปรับตัวด้วยไง ถ้าไม่ปรับตัวจะอยู่รอดพอเพียงอย่างไร
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สส.ละเมิด112 คุก 2 ปี ยังเสนอตัดงบโครงการเศรษฐกิจพอเพียง โดยอ้างเสียงจากชาวโซเชียลมาตัดสินว่าล้มเหลว โครงการถูกออกแบบมาอย่างสำเร็จรูปเกษตรกรจะเปลี่ยนรูปแบบตามความต้องการเองไม่ได้ อ้าวอีเวรนี่ เค้าออกแบบมาเพื่อให้เกษตรกรปรับตัวด้วยไง ถ้าไม่ปรับตัวจะอยู่รอดพอเพียงอย่างไร #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • จันทบุรีเผชิญวิกฤตแรงงานหนักจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดน ทำให้จังหวัดจันทบุรีขาดแคลนแรงงานกว่า 30,000 อัตราสำหรับเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไย เร่งประกาศเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกู้วิกฤตนี้ รายได้ดี 700-1,300 บาทต่อวัน แถมมีที่พักฟรี! นี่คือโอกาสทองสำหรับคนอยากมีรายได้ พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรไทย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076107

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    จันทบุรีเผชิญวิกฤตแรงงานหนักจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดน ทำให้จังหวัดจันทบุรีขาดแคลนแรงงานกว่า 30,000 อัตราสำหรับเก็บเกี่ยวผลผลิตลำไย เร่งประกาศเชิญชวนคนไทยทั่วประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการกู้วิกฤตนี้ รายได้ดี 700-1,300 บาทต่อวัน แถมมีที่พักฟรี! นี่คือโอกาสทองสำหรับคนอยากมีรายได้ พร้อมช่วยเหลือเกษตรกรไทย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000076107 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 521 Views 0 Reviews
  • “ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว”! “สุชาติ” เปิดงานธงเขียวราคาประหยัด...ลดภาระต้นทุนเกษตรกร...พร้อมเร่งผลักดัน “ไทยช่วยไทย”
    https://www.thai-tai.tv/news/20821/
    .
    #ธงเขียว #ลดค่าครองชีพ #เกษตรกร #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #ราคาปุ๋ย #ไทยไท
    “ปุ๋ยถูก ยาดี ต้องที่ธงเขียว”! “สุชาติ” เปิดงานธงเขียวราคาประหยัด...ลดภาระต้นทุนเกษตรกร...พร้อมเร่งผลักดัน “ไทยช่วยไทย” https://www.thai-tai.tv/news/20821/ . #ธงเขียว #ลดค่าครองชีพ #เกษตรกร #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #ราคาปุ๋ย #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลลุยช่วยเกษตรกร! "สุชาติ" เปิด 8 มาตรการ...เร่งดันส่งออก-เพิ่มจุดขาย-จัดกิจกรรมบริโภค...แก้ปัญหาราคาลำไย
    https://www.thai-tai.tv/news/20811/
    .
    #ราคาลำไยตกต่ำ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #เกษตรกร #แก้ปัญหาราคาลำไย #ไทยไท
    รัฐบาลลุยช่วยเกษตรกร! "สุชาติ" เปิด 8 มาตรการ...เร่งดันส่งออก-เพิ่มจุดขาย-จัดกิจกรรมบริโภค...แก้ปัญหาราคาลำไย https://www.thai-tai.tv/news/20811/ . #ราคาลำไยตกต่ำ #สุชาติชมกลิ่น #กระทรวงพาณิชย์ #เกษตรกร #แก้ปัญหาราคาลำไย #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • "พปชร." แถลงการณ์! หวั่น "ภาษีทรัมป์ 19%" ทำเกษตรกรไทย "เข่าอ่อน"...จี้รัฐบาลแจงมาตรการเยียวยา!
    https://www.thai-tai.tv/news/20804/
    .
    #ภาษีทรัมป์ #พรรคพลังประชารัฐ #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #เกษตรกร #เศรษฐกิจไทย #การเมือง #ไทยไท
    "พปชร." แถลงการณ์! หวั่น "ภาษีทรัมป์ 19%" ทำเกษตรกรไทย "เข่าอ่อน"...จี้รัฐบาลแจงมาตรการเยียวยา! https://www.thai-tai.tv/news/20804/ . #ภาษีทรัมป์ #พรรคพลังประชารัฐ #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #เกษตรกร #เศรษฐกิจไทย #การเมือง #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน

    อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์"

    อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ

    แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell)

    ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส

    ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย

    #Newskit
    กรณีพิพาทอัมบาลัต อันวาร์เอาตัวเองให้รอดก่อน อาเซียนการละครของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เพื่อนรักของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย ผู้อื้อฉาวจากคดีทุจริต แสดงบทบาทไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างสมบทบาท แต่อีกด้านหนึ่ง กลับมีท่าทีแข็งกร้าวต่อกรณีพิพาทแหล่งพลังงานอัมบาลัต (Ambalat) ในเขตน่านน้ำสุลาเวสี ระหว่างรัฐซาบาห์ กับจังหวัดกาลิมันตันอุตาราของอินโดนีเซีย ว่า "จะปกป้องทุกตารางนิ้วของซาบาห์" อันวาร์กล่าวปราศรัยภายในงานเปิดตัววันเกษตรกรแห่งชาติ ที่เมืองโคตาคินาบาลู เมื่อวันที่ 3 ส.ค. ว่า สิทธิของรัฐซาบาห์จะได้รับการคุ้มครองในการเจรจา พร้อมปฏิเสธข้อกล่าวหาเพิกเฉยต่ออำนาจอธิปไตยของรัฐเหนือภูมิภาค ที่อุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมันในทะเลสุลาเวสี และกล่าวว่า ข้อตกลงใดๆ จะต้องเกี่ยวข้องกับทั้งรัฐบาลของรัฐซาบาห์และสภานิติบัญญัติของรัฐ ยืนยันว่าอินโดนีเซียเป็นพันธมิตร ซึ่งจะเจรจากันอย่างเหมาะสมโดยไม่ยอมแพ้ เกิดขึ้นในการประชุม ไม่ใช่แค่การพูดคุยลับๆ แหล่งพลังงานอัมบาลัต ตั้งอยู่ในทะเลสุลาเวสี ห่างจากเมืองตารากันไปทางตะวันออก 80 กิโลเมตร มีความลึกของน้ำทะเล 2,000 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4,735 ตารางกิโลเมตร ทั้งสองประเทศต่างอ้างสิทธิ์มานาน เนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซ ความขัดแย้งเริ่มตั้งแต่ต้นปี 2543 ทั้งสองประเทศออกสัมปทานสำรวจพลังงานทับซ้อนกัน คือ อินโดนีเซียให้สัมปทานกับบริษัทอีเอ็นไอ (ENI) และยูโนแคล (Unocal) ส่วนประเทศมาเลเซีย มีปิโตรนาส (Petronas) ออกสัมปทานให้กับเชลล์ (Shell) ก่อนหน้านี้ นายบาห์ลิล ลาฮาดาเลีย รมว.พลังงานและทรัพยากรแร่ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียและมาเลเซียยังคงสำรวจความเป็นไปได้ในการพัฒนาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติอัมบาลัตร่วมกัน แต่ยังไม่มีข้อสรุปเพราะอยู่ระหว่างการพิจารณา ประเด็นหนึ่งที่หารือกันคือ ทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันบริหารจัดการพื้นที่เขตอัมบาลัตตะวันออกเพื่อประโยชน์ร่วมกันได้อย่างไร หากบรรลุข้อตกลงก็จะมีความร่วมมือผ่านบริษัทน้ำมัน อย่างเปอร์ตามีนาและปิโตรนาส ล่าสุด นายโมฮัมหมัด ฮาซัน รมว.ต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ว่า มาเลเซียและอินโดนีเซียยังคงศึกษาความเป็นไปได้ของข้อตกลงการพัฒนาร่วม (JDA) เพื่อแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในทะเลสุลาเวสี แต้ยังอยู่ระหว่างการหารือเบื้องต้น ซึ่งรัฐบาลกลางยังคงทำงานอย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาบาห์ในการเจรจาที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนทางทะเลระหว่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย #Newskit
    Love
    1
    0 Comments 1 Shares 410 Views 0 Reviews
  • “สุชาติ” Kick Off ธงเขียว by DIT ขายปุ๋ยถูก ยาดี ลดสูงสุด 60% ส่งตรงถึงมือเกษตรกรทั่วไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/20776/
    .
    #สุชาติชมกลิ่น #ธงเขียว #ลดต้นทุนเกษตรกร #กระทรวงพาณิชย์ #ปุ๋ยราคาถูก #ไทยไท
    “สุชาติ” Kick Off ธงเขียว by DIT ขายปุ๋ยถูก ยาดี ลดสูงสุด 60% ส่งตรงถึงมือเกษตรกรทั่วไทย https://www.thai-tai.tv/news/20776/ . #สุชาติชมกลิ่น #ธงเขียว #ลดต้นทุนเกษตรกร #กระทรวงพาณิชย์ #ปุ๋ยราคาถูก #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • กัมพูชา-สหรัฐฯ ความท้าทายของไทย : [NEWS UPDATE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ป้องกันข่าวปลอม สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลตั้งงบประมาณสนับสนุนผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน


    เดินหน้าหารือหยุดยิง

    ไทม์ไลน์รัฐสภาโต้กัมพูชา

    ไฟเขียวซื้อกริพเพน

    กองทัพต้องอยู่ใต้รัฐพลเรือน
    กัมพูชา-สหรัฐฯ ความท้าทายของไทย : [NEWS UPDATE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ ป้องกันข่าวปลอม สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลตั้งงบประมาณสนับสนุนผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน เดินหน้าหารือหยุดยิง ไทม์ไลน์รัฐสภาโต้กัมพูชา ไฟเขียวซื้อกริพเพน กองทัพต้องอยู่ใต้รัฐพลเรือน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 502 Views 0 0 Reviews
  • เยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุชายแดน 8-10 ล้าน : [THE MESSAGE]
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ขณะนี้การปะทะสิ้นสุด เข้าสู่การเจรจาผ่านการประชุม GBC ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ วิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายต่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง
    เยียวยาผู้เสียชีวิต เหตุชายแดน 8-10 ล้าน : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงวาระสำคัญของรัฐบาล "ก้าวผ่านสองวิกฤต เดินหน้าไปด้วยกัน" ระบุ ไทยก้าวผ่านสถานการณ์สำคัญ 2 ประการ ที่ท้าทายส่งผลต่อความมั่นคงและเศรษฐกิจ เราเผชิญความรุนแรงชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 รัฐบาลอดทนต่อการยั่วยุ แต่เมื่อสูญเสียประชาชน ด้วยปฏิบัติการที่ไร้มนุษยธรรม รัฐบาลต้องตอบโต้ ขณะนี้การปะทะสิ้นสุด เข้าสู่การเจรจาผ่านการประชุม GBC ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติเงินเยียวยาให้ครอบครัวทหารและข้าราชการที่เสียชีวิต รายละ 10 ล้านบาท และครอบครัวประชาชนที่เสียชีวิต รายละ 8 ล้านบาท ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ วิเคราะห์ข่าวในสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อป้องกันข่าวปลอม ที่มุ่งหมายต่อความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน สถานการณ์สำคัญอีกประการคือ ภาษีการค้าจากสหรัฐฯ ของไทยอยู่ที่ร้อยละ 19 ทุกประเทศต้องปรับตัว รัฐบาลจึงตั้งงบประมาณสนับสนุนการปรับตัวของผู้ประกอบการไทย สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรกร เพื่อให้ทุกคนรับมือการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกันได้อย่างมั่นคง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 0 Reviews
  • CAAT เชิญชวนเกษตรกรขึ้นทะเบียนโดรน...ย้ำฟรี! เพื่อยกระดับมาตรฐาน-เปิดทางบินอย่างยั่งยืน
    https://www.thai-tai.tv/news/20753/
    .
    #CAAT #โดรนเกษตร #ขึ้นทะเบียนโดรน #UASPortal #ความปลอดภัยทางการบิน #ไทยไท
    CAAT เชิญชวนเกษตรกรขึ้นทะเบียนโดรน...ย้ำฟรี! เพื่อยกระดับมาตรฐาน-เปิดทางบินอย่างยั่งยืน https://www.thai-tai.tv/news/20753/ . #CAAT #โดรนเกษตร #ขึ้นทะเบียนโดรน #UASPortal #ความปลอดภัยทางการบิน #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 163 Views 0 Reviews
  • ตอน 7
    ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!)
    อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง
    รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่
    แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ
    แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ !
    ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ
    โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย
    สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ
    นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ
    สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย
    ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย
    หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง
    คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น
    ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ
    อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม
    มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ
    หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้
    ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา
    ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ
    และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู
    ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.!
    สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป
    เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้
    เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ
    หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด
    ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ
    ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน
    แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน!
    เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว
    ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง!
    นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย
    ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 7 ไม่ช้าไม่นาน สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ก็ถูกก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2502 (ค.ศ.1959) สภาพัฒน์ฯ ควรบันทึกไว้ด้วยว่า เลขาธิการสภาพัฒน์ฯ คนแรก ชื่อนายพจน์ สารสิน (พจน์ อีกแล้ว!) อย่างที่เล่าไว้ตอนแรกๆ แผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 1 ได้ถูกทำขึ้นโดยใช้วิธีแปลรายงานของธนาคารโลก (World Bank) ทั้งฉบับเป็นภาษาไทย ฝ่ายไทยไม่ต้องออกแรงเปลืองหัวสมองเท่าเม็ดถั่ว แค่แปลแล้วนำก็มาใช้เป็นแผนแม่ บทของแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ก็เท่านั้นเอง รายการที่ไทยแลนด์ต้องพัฒนาเป็นการด่วน คือระบบสาธารณูปโภค ด้านไฟฟ้า น้ำประปา ปรับปรุงระบบขน ส่ง สร้างถนน สร้างท่าเรือ สร้างเขื่อน อ่างเก็บน้ำ และสร้างสนามบิน! ฟังดูดี๊ดีนะครับ แต่ลองสังเกตอีกที  สิ่งที่พี่เบิ้มเขาให้เราทำน่ะ มันอะไรกันแน่ แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาปรับปรุงระบบต่างๆ มาก่อสร้างตามรายการ และระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน มันเกินกว่างบประมาณไปหลายจี๋นะ เดี๋ยวก็จะกลายเป็นคนเคยรวยเร็วไปหน่อยมั้ย คุณป๋ารำพึงดังๆ แน่นอน พีเบิ้มหูไว ก็ติดเครื่องดักฟังไว้ทั่วราชอาณาจักรไทย ได้ยินดังนั้นก็บอกว่า สมันน้อยไม่ต้องห่วง เดี๋ยวไอจัดให้ ! ไอหาเงินกู้ดอกถูกไว้ให้ยูแล้ว ของธนาคารโลก ไงล่ะ สำรวจเอง เขียนเอง ให้กู้เอง ไม่รู้สึกแปลกกันบ้างเหรอไง ว่าแล้วชาวเราก็กระโดดลงหม้อตุ๋นด้วยความขอบคุณ โปรดรับทราบว่า ไทยสร้างสนามบินตามแผนพัฒนาฯ ด้วยเงินกู้ทั้งหมด 7 แห่ง คือ อู่ตะเภา ตาคลี อุบล อุดร โคราช น้ำพอง และนครพนม พัฒนาประเทศไทยจริงๆ ชาวบ้านยังขี่สองล้อ สามล้อกันอยู่เลย คุณพ่อให้สร้างสนามบิน เฮ้อ เกินจะบรรยาย มันจะให้กู ขี้สามล้อ วิ่งเล่นในสนามบินหรือไงนะเนี่ย สาธารณูปโภคที่สร้างก็อยู่ในจังหวัดที่สร้างสนามบินหรือใกล้เคียง นั่นแหละเช่น ถนนสายอู่ตะเภา โคราช สายพิษณุโลกขอนแก่น ถนนพวกนี้ตามรายงานของ ซีไอเอ เขาเรียกว่า ถนนยุทธศาสตร์! พัฒนาประเทศไทยจริงๆ นอกจากนี้ยังสร้าง สถานีเรดาร์ที่อุดร อุบล ศรีราชา ฯลฯ สถานีเรดาร์ใหญ่ที่สุดอยู่ที่อุดร ชื่อสถานีรามสูร มีอุปกรณ์ตรวจสอบครบเครื่อง บริเวณกว้างขวางขนาดมีสนามกอล์ฟ 9 หลุม สระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคฯลฯ มีพนักงานชาวอเมริกัน 1,000 คนและลูกจ้างชาวไทยอีก1,400 คน รวมพนักงานทั้งหมด 2,400 คน มันจะเอาไว้ดักฟังสัญญาณดาวอังคารหรือไงวุ้ย ที่สำคัญ สถานีนี้ไม่อนุญาตให้คนไทยทั่วไปเข้าในบริเวณ แล้วมันอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ได้ไงเนี่ย หลังสงครามเวียตนามเลิก อเมริกาถอนทัพออกจากประเทศไทย แต่ลืมถอนสถานีรามสูรกลับไปด้วย ยังฝากไว้ในสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เอาไว้ดักฟังหนุ่มสาวไทยจีบกันหรือไงไม่รู้ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องที่เรากระซิบกันน่ะ พี่เขารู้หมดน่ะ เรื่องนี้ ผมเล่าแล้วก็เสี่ยงกับการกลายเป็นมนุษย์ล่องหนอย่างยิ่ง คิดออก มองเห็นหรือยัง อเมริกามหามิตรมอบของขวัญแบบไหนให้ไทยแลนด์ ประเภทล้วงกระเป๋าเรา เอาไปซื้อของของขวัญให้เราน่ะ หลงดีใจจนเนื้อเต้น ที่นี้เข้าใจหรือยัง ไอ้แผนพัฒนาเศรษฐกิจ น่ะ มันวางไว้ก่อนแล้ว มันเตรียมการพัฒนาบ้านเรา เพื่อใช้บ้านเราเป็นฐานไปรบกับคอมมี่ที่เวียตนาม จะเอารถบรรทุกทหารหัวทองวิ่งมาบนท้องนาได้ไง บางแห่งถนนยังไม่มี มีแต่ทางเกวียน สนุกจริงๆ อย่าลืมถนนมิตรภาพ ที่อเมริกาสร้างให้ไทย ที่คนไทยภูมิใจหนักหนาด้วยล่ะ  วันเปิดถนนทำพิธีใหญ่โต ไปยืนตบมือกันเปาะแปะ เอารถไปทดลองวิ่งกันเป็นแถว แหม! มันเรียบดีนะ เอาถ้วยกาแฟวางหน้ารถไม่หกเลยจ๊ะ เฮ้ย! ไม่ทันคิดว่าถนนนี้เป็นเส้นทางหลักที่พี่เบิ้มเขาจะใช้ในการลำเลียงพลและอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ไปรบกะเวียตนาม มันคล้ายๆ บ้านเรายังกินข้าวด้วยมือเปิบอยู่ แต่วันดีคืนร้าย ดันมีคนให้ของขวัญ เราก็ดีใจเปิดกล่องของขวัญออกมา อ้าวตาย กลายเป็น มีดกับส้อม เขาบอกว่า…เอาไว้ใช้เวลาไอมาทานข้าวบ้านยูไง ของขวัญแบบนั่นน่ะ เข้าใจไหมครับ หลังจากเตรียมการเรื่องแผนพัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อให้ไทยแลนด์แดนสวรรค์มีถนน มีน้ำไหล ไฟสว่าง ทางดี (แต่ยังไม่มีงานทำ 555) สนามบินก็สร้างแล้ว ตำรวจสารพัดนึกก็มีแล้ว เหลืออะไรล่ะที่เรายังไม่ได้ให้ไทยแลนด์ทำกองทัพไงจ้ะ ไทยแลนด์ต้องมีกองทัพอันเกรียงไกร เอาไว้ป้องกันประเทศ เอาไว้กันไม่ให้พวกคอมมี่ มันขยายตัวแหลมหัวเข้ามาแถวนี้ ตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึง พ.ศ.2515 ตลอดเวลาที่อเมริกา นำทัพสู้ในสงครามเวียตนาม ไทยมีส่วนสำคัญ ในการรบเคียงขาเคียงบ่าเคียงไหล่กับอเมริกา รวมไปถึงการรบในลาวและกัมพูชา ตลอดเวลาดังกล่าว มีทหารอเมริกันอยู่ในประเทศไทย น้อยสุด 50,000 นาย และมากสุดถึง 200,000 นาย มีเครื่องบินขึ้นลงทั้งหมดไม่น้อยกว่า 70, 000 เที่ยว บินไปปฏิบัติการรบทั้งที่ เวียตนาม ลาวและกัมพูชา ที่น่าสนใจ การที่อเมริกาเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นฐานทัพ โจมตีเวียตนามและเพื่อนบ้าน อเมริกาไม่เคยทำข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมกับไทย มันเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายอเมริกาก็ไม่ต้องการมีข้อผูกมัด แค่มาใช้บ้านเขาเฉยๆ เอง มาเมื่อไหร่ ไปเมื่อไหร่ ไม่มีข้อผูกพัน… ฝ่ายเจ้าของบ้านคือรัฐบาลก็ O.K งุบๆ งิบๆ อย่างนี้ดีกว่า …ไม่มีใครรู้เงินช่วยเหลือเข้ามาเท่าไหร่ ส่วนไหนของวัด ส่วนไหนของกรรมการ อู้ฟู้กันเป็นแถวๆ และที่เหลือเชื่อไปกว่านั้น พี่เบิ้มอ้างว่า ปฏิบัติการที่ใช้ไทยเป็นฐานทัพน่ะ เป็นปฏิบัติการลับเสีย 99% เพราะฉะนั้นเกือบทุกครั้งที่เครื่องบินรบของพี่เขาจะบินขึ้นจากฐานทัพ (ที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย) พี่เขาไม่ต้องขออนุญาตไทย …ไทยแลนด์ยูไม่ต้องยุ่ง… เดี๋ยวความลับรั่วไหลเหมือนท่อน้ำประปาบ้านยู ทหารไทยก็ใจกว้าง ตกลงงั้นไอมอบอำนาจให้ยูอนุมัติบินได้เลยนะ ทูตอเมริกันประจำไทย ขณะนั้น นายมาร์ติน (Martin) จึงเป็นคนอนุมัติ กดปุ่ม O.K.! สิทธิสภาพนอกอาณาเขตยุคสงครามเวียตนาม ประชาชนคนไทยรู้ไหมเป็นเมืองขึ้นเขาไปแล้ว! แล้วจะไม่บอกว่า ทหารไทยนี่เป็นยอดดวงใจของพี่เบิ้มอเมริกาได้ยังไง ยังไม่จบเรื่องยอดดวงใจนี้ มีหลายภาค ค่อยๆ อ่านไป เห็นชัดหรือยังครับ ลองเรียบเรียงดูการสำรวจของธนาคารโลก (World Bank) แผนพัฒนาเศรษฐกิจ การตั้งสภาพัฒน์ การพัฒนาประเทศ การให้ความช่วยเหลือโดย CIA แก่กรมตำรวจ การให้ความช่วยเหลือแก่กอง ทัพไทย การควบ คุมจัดตั้งการเลือกตั้ง การควบคุมการเมืองไทยทั้งทางตรงทางอ้อม มันโยงกันไหมและทำเพื่ออะไร ผลประ โยชน์ของใคร อาจมีผู้เห็นแย้งว่า ไทยก็ได้ประโยชน์ ป้องกันไม่ให้ระบอบคอม มิวนิสต์เข้ายึดครองประเทศไทย แต่ถามว่า แล้วเรามีวิธีป้องกันด้วยวิธีอื่นหรือไม่ ที่ไม่ต้องเปลี่ยนประ เทศกลับหัวกลับหางหกคะเมนตีลังกาเช่นนี้ เมื่ออเมริกาถอนฐานทัพออกไปจากไทยเมื่อปี พ.ศ.2517 (ค.ศ.1974) ประเทศไทยมีสภาพเป็นอย่างไร ผู้ที่เกิดไม่ทันสมัยนั้น ลองไปหาประวัติศาสตร์อ่านกันดูหน่อย รีบๆ ทำความรู้จักไว้ เพราะเหตุการณ์เช่น สงครามเวียตนาม ฐานทัพ และวัฒนธรรมอเมริกัน การควบคุมชีวิตของคนไทยโดยการเมืองและกองทัพของอเมริกา อาจกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ถ้ากลับมาอีก ไทยเรายังจะมีประเทศเหลือหรือเปล่า ไม่แน่ใจ หยิบกระดาษมา 1 แผ่น ด้านซ้ายเขียนต่อต้านระบอบคอมมิวนิสต์ ด้านขวาเขียนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเข้าทุนนิยมเสรี เปลี่ยนประเทศทำเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรม ดูทีละด้าน ก็ไม่รู้ว่าเรื่องเดียวกัน แต่ลองเอามาร้อยเรียงกัน เหมือนต่อจิกซอว์ เราน่าจะเห็นว่า นี่มันคือการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่แนบเนียน ชนิดถ้าไม่ทำ CSI ก็จับผู้ร้ายไม่ได้เด็ดขาด ชาวไทยที่รักทั้งหลาย จงอย่างดูอะไรที่ละด้าน ที่ละชิ้น …หัดมองภาพรวม หัดต่อภาพให้เป็น แล้วจะได้เห็นภาพใหญ่ พวกสื่อเขาไม่ทำให้เราหรอกครับ เขาเสนอทีละภาพ ทีละเหตุการณ์ จิกซอว์ที่ละตัว เราก็เห็นก็ตามเท่าที่เขาเสนอให้ดู แล้วยิ่งถ้ามันเสนอแบบฟอกย้อมล่ะ จะรู้ได้ยังไง ว่าที่สีฟ้าๆ น่ะ มันน้ำหรือท้องฟ้า สีเขียว ๆ น่ะมันดอลลาร์ หรือใบตองที่แน่สีทองๆ อย่านึกว่าเป็นทอง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้นะ ภายใต้ Pax Americana หรือการขยายระบบทุนนิยมของอเมริกา ไทยแลนด์แดนเนรมิต ต้องแต่งตัวใหม่ ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคง เพื่อให้ทุนนิยมอุตสาหกรรมเข้ามาในบ้านเราได้เต็มที่ พี่เบิ้มจึงทั้งบีบทั้งบี้ ถึงขนาดขู่ว่า ถ้าไม่เป็นเด็กดีจะตัดงบช่วยเหลือ พวก good boy เลย ต้องออกพรบ.ให้พี่เบิ้มเต็มพิกัดในพ.ศ.2505 เช่น พรบ.ส่งเสริมการลงทุนเพื่อกิจการอุตสาหกรรม เป็นการจูงใจให้นักลง ทุน ต ด (แปลว่าต่างด้าว) เต็มที่ พรบ.งบประมาณ และตั้งสนง.งบประมาณ ไทยแลนด์ ยูจะได้ไม่เอาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายรุ่ยร่าย เงินของไอนะ พรบ.ธนาคารพาณิชย์ จะได้เข้ามาตรฐาน ต ด (ต่างด้าว) เปิดทางให้ ต ด มาลงทุน แล้วดูตอนนี้ซิ ลงทุนกันไปถึงไหน ธนาคารชื่อไทยน่ะ ทุนไทยเหลือแค่ไหน เป็นของฝรั่งตาน้ำข้าวหัวทอง ตาตี่หัวดำ อย่างสิงคโปร์ขี้ข้าฝรั่งเข้าไปเท่าไหร่ ถ้าอยากรู้ตัวเลขจริงๆ ทำใจแข็งไปขอดูรายงานของ ธปท.เลยครับ รู้แล้วอย่าเป็นลมก็แล้วกัน! เรื่องนี้ ถ้าเล่าขบวนการสมคบอันชั่วร้ายของขบวนการทุนนิยมเสรีแล้ว ท่านผู้อ่านอาจอยากเปลี่ยนใจไปใช้เงินพดด้วง! นอกจากนี้พี้เบิ้มยังแนะนำ (บังคับ!) ให้สมันน้อยยกเลิกรัฐวิสาหกิจ 150 แห่ง ที่ตั้งมาตั้งกะสมัยคณะราษฎร (อันนี้มันส์พะยะค่ะ เล่นเอาพวกปล้นเจ้า หน้าจ๋อยไปเลย) เพราะว่าการเป็นรัฐวิสาหกิจ หมายความว่า รัฐเป็นผู้ดำเนินกิจการเอง ควบคุมเอง ทุนต่างด้าว ทุนนิยมเสรีจะเข้ามาค้าแล้วรวยได้อย่างไร มันก็เหมือนเล่นไพ่กับเจ้ามือ มันจะไปได้กินเจ้ามืออย่างไร ดังนั้นพี่เบิ้มเลยบังคับให้มีทั้งการตัด การตอนรัฐวิสาหกิจให้หดและหายไปในที่สุด …ไอ้ทฤษฏีตอนไม่ให้โตน่ะ แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ก็ยังใช้เล่นต่อ เนื่องมาถึงทุกวันนี้ เห็นฤทธิ์ทุนนิยมเสรีหรือยัง มันมาทั้งได้ในรูปทุนนิยมต่างด้าว และทุนนิยมเผด็จการไทย ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็มีแต่จนแห้งตายซาก ทั้งขึ้น ทั้งล่อง คนเล่านิทาน
    3 Comments 0 Shares 410 Views 0 Reviews
  • ตอน 2

    จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์



    อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ

    แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร

    อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา

    ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว

    กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย

    (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ)

    ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้

    รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย

    สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม…

    คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก

    สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน

    ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง

    ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม

    นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย

    ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว!

    พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง

    นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ

    หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ

    สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง

    อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ

    พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ!

    แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง

    ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ

    Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ)

    Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม

    คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน

    ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว

    ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ

    การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว

    นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี

    ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้

    นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว

    แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง

    คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น!

    ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย

    ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น

    ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง


    คนเล่านิทาน
    ตอน 2 จิ๊กโก๋ปากซอย สร้างวินมอ’ไซค์ อเมริกาเป็นนักวางแผนตัวพ่อ อเมริกามีแผนสำหรับทุกประเทศเป้าหมาย ทุกขั้นตอน เขียนแผนอย่างละเอียด มีรายงานทุกเรื่องที่เห็นว่าสำคัญ ….เก็บเรื่องระบบทุนนิยมไว้ก่อน เด็กมันยังละอ่อนนัก เดี๋ยวมันตกใจ วิ่งหนีรอดตาข่าย จะกินอาหารอร่อยต้องใจเย็นๆ แผนหมายเลข 1 สำหรับการเคี้ยวไทยของอเมริกา ตาม Pax Americana เน้นเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคงนำหน้า ดังนั้น ต้องเปลี่ยนประเทศไทยจากที่เป็นประเทศเกษตรกรรม เป็นประเทศอุตสาหกรรมให้ได้ก่อน เรื่องความมั่นคงอย่าเพิ่งถาม เดี๋ยวจะเห็นว่ามาอย่างไร อเมริกา เป็นนักวางแผนที่มีจิตวิทยาสูง คนเราน่ะนะ จะให้ทำอะไร มันต้องให้สบายกระเป๋าก่อน มีเงินแล้วมันถึงจะพูดกันรู้เรื่อง แหม! มันเดินตามกันเปี๊ยบเลย ใครนะ ที่ใช้เงินเข้าล่อ แบบคุณพ่ออเมริกา ปี พ.ศ.2501 อเมริกาจึงส่งผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก เป็นของขวัญให้รัฐบาลสฤษดิ์ มาเป็นทีมใหญ่ ไทยแลนด์ดีใจเหมือนได้แก้ว กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนกันมาทำการสำรวจประเทศไทยอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูทั้งบนดินใต้ดินใต้น้ำในทะเล ทุกซอก ทุกหลุม ประมาณว่าแทบจะถลกผ้านุ่งคุณยายดูยังงั้นเชียว สำรวจอยู่ 1 ปีจึงเสร็จ เสร็จแล้วก็ทำรายงานสำรวจชุดใหญ่ ส่งให้คุณพ่ออเมริกา ชุดเล็กก็เสนอให้คุณป๋าผ้าขะม้าไทย (แสดงว่ามันดูกันละเอียดจริง ไม่เหมือนข้าราชการบ้านเราไปดูงานบ้านเขาเลยนะ ไป 15 วัน ช้อปปิ้งเสีย 10 วัน เข้าบ่อนอีก 5 วัน อ้าว แล้วดูงานตอนไหน ก็ตอนขึ้นเครื่องกลับ หลับฝันเอาไง บ้านเรามันถึงเจริญ) ผลสำรวจสรุปว่า เพื่อทดแทนการนำเข้า ที่ทำให้ไทยแลนด์ขาดดุลการค้า ฝรั่งบอกว่า ไทยควรเปลี่ยนจากประเทศกสิกรรม ทำการเกษตร มาเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทำการผลิตสินค้าส่งออก เขียนตามโผที่ล็อกไว้เลย กองสลากเรายังล็อกโผไม่ได้เท่านี้ รายงานสำรวจดังกล่าว เป็นไปตามใบสั่งคุณพ่ออเมริกา ที่ต้องการให้ประเทศด้อยพัฒนาทั้งหลาย (ตอนนั้นเราก็เป็นประเทศด้อยนะ ไม่ต้องค้อน ตอนนี้ก็ยังด้อยอยู่อีกหลายเรื่อง) เปิดทางให้ทุนอเมริกัน เข้าไปลงทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรม นอกจากอเมริกา จะได้ประโยชน์ในการขยายการลงทุนแล้ว อเมริกาจะได้ขายเครื่อง จักร และสารพัดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในขบวนการผลิต เช่น พลังงานไฟฟ้า น้ำมัน เขื่อน อุปกรณ์เทคนิค อุปกรณ์การขนส่ง ฯลฯ ให้ไทยอีกด้วย สิ่งที่ไทยได้ขายคือ วัตถุดิบบางอย่างที่มีในประเทศและแรงงาน แค่นั้นเอง ….อืมมม คุ้มแสนคุ้ม… คุณป๋าไทยเมื่อได้รับรายงานสำรวจฯ ก็เนื้อเต้นไปหมด เห็นโอกาสทองทำเงินอยู่ข้างหน้า… งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข …คุณป๋าไทยรีบออกคำสั่ง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่ง ชาติทันที ในปี พ.ศ.2504 และนั่นคือกำเนิดสภาพัฒน์ฯ ที่เรารู้จัก สภาพัฒน์ฯ ทำหน้าที่วางแผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ.2504 ถึงปัจจุบัน ตามแนวทางที่ฝรั่ง (หลอก) ให้ไทยเดิน ควรรู้ด้วยว่า แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ฉบับที่ 1 ใช้รายงานธนาคารโลก ฉบับใบสั่งทั้งฉบับนั่นแหละ แปลเป็นไทย ทำเป็นแผนแม่บท ง่ายดีจัง ไม่ต้องเสียเวลา ไทยมีส่วนร่วมเพียงในฐานะผู้รับบัญชา ขอรับกระผม นอกจากนี้แผนพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึง 6 เดินตามแนวทางรายงานธนาคารโลกทั้งสิ้น ปัจจุบันเป็นฉบับที่ 12 ซึ่งก็ไม่มีแนวทางพัฒนาประเทศ ที่ชัดเจนเหมาะสมกับสภาพ และสภาวะของประเทศ แถม เละเทะเหมือนกินจับฉ่าย ควรรู้อีกด้วยว่าในรายงานของธนาคารโลก ไม่เน้นถึงการพัฒนาการปลูกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 1 ของไทย ตรงกันข้ามดันมีข้อเสนอให้เก็บพรีเมี่ยมข้าว! พอจะเห็นกันบ้างหรือยังว่า สิ่งที่เรียกว่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯของขวัญจากคุณพ่ออเมริกา แท้จริงแล้ว เป็นบัวหิมะพันปีเพิ่มพลัง หรือ ยาละลายกระดูกสลายพลัง นักล่าอาณานิคมรุ่นใหม่นี่เยี่ยมจริงๆ หลังจากนั้น การพัฒนาประเทศไทยก็เดินตามแนวที่คุณพ่ออเมริกากำหนด หรือกำกับ ผ่านหน่วยงานธนาคารโลก (World Bank), IMF, IFC, ADB ฯลฯ ที่เราขยันกู้เขามาตลอด เริ่มเข้าใจหรือยังครับ ทำไมเขาถึงต้องตั้งธนาคารโลก, IMF ฯลฯ สัญญาเงินกู้ทุกฉบับของ World Bank, IMF , IFC จะมีข้อกำหนดบังคับผู้กู้ ตามที่คุณพ่ออเมริกาต้อง การ ให้โลกเดินไปในทิศทางที่คุณพ่อและพวกต้องการคือ ทุนนิยมเสรี นั่นเอง อเมริกาสามารถควบคุมธนาคารโลก, IMF, IFC ได้ในกำมือ เพราะอเมริกาจ่ายเงินสนับสนุนสูงที่สุดมากกว่าประเทศอื่นๆ พูดให้ชัดธนาคารโลก, IMF, IFC ก็เด็กในกระเป๋าอเมริกานั่นแหละ! แต่การพัฒนาประเทศ จะเดินตามใบสั่งของคุณพ่ออเมริกาไม่ได้ ถ้าไม่มีข้าราชการที่จูงง่าย พร้อมเป็นขี้ข้า ไม่ว่าจะเป็นขี้ข้าฝรั่ง หรือนักการเมืองไทย เห็นๆ กันอยู่ตั้งกะสมัย 50 ปีก่อน จนถึงเดี๋ยวนี้ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง ข้าราชการที่มีความสามารถ แต่พร้อมที่จะถูกฝรั่งหลอกใช้ (เอ๊ะ หรือเต็มใจ!)ที่เรียกกันว่า technocrat (technocrat ต้นแบบก็อย่างนายเกษม จาติกวนิช นายอานันท์ ปันยารชุน นายอำนวย วีรวรรณ นั่นแหละ) ก็เป็นผู้รับแผนคุณพ่อฝรั่งมาดำเนินการ Technocrat เหล่านี้มาจากไหนล่ะ? อ้า! เดี๋ยวต้องหาที่มาแบบ CSI (Crime Scene Investigation สำหรับผู้ไม่ได้ดูหนัง ดูแต่ละคร ก็นึกถึงคุณหมอพรทิพย์หัวฟูคนเก่งของเราแล้วกัน ประเภทสืบจากศพอะไรทำนองนั้นแหละครับ) Technocrat เหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากอังกฤษและอเมริกา มีความคุ้นเคยกับระบบการศึกษา ตำรับตำรา วิชาการ ความคิด ที่ฝรั่งแป๊ะติดใส่หัวเอาไว้ตั้งแต่สมัยไปเรียนหนังสือ ท่านเหล่านั้นก็มีวิชาความรู้เพิ่มพูน ฝรั่งสอนอะไรก็จด ฝรั่งพูดอะไรก็จำ ทำตัวเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร (ฮา) กลับมาก็ฟิตเปรี๊ยะ เครื่องถ่ายอัดสำเนาไว้เต็ม คิดว่าบ้านเมืองเราจะเจริญได้ ต้องดูจากที่ฝรั่งเขาพัฒนาบ้านเมืองเขา ไม่เคยใช้สมองของตัวคิดบ้างว่า บ้านเขากับบ้านเราน่ะ มันต่างกันขนาดไหน ดูภูมิประเทศ อากาศ ทรัพยากร ความถนัด ประเพณี ฯลฯ โอ้ยสารพัด มันเหมือนกันตรงไหน ข้างหนึ่งหัวดำตัวเหลือง อีกข้างหนึ่งหัวทองตัวขาวเผือด ข้างหนึ่งหนาวหิมะตก ข้างหนึ่งเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวฝนตกน้ำท่วม ยังคิดก็อบปี้ตะบี้ตะบันท่าเดียว เพราะถูกทำให้เชื่อว่า ฝรั่งนั้นฉลาดกว่าเรา สิ่งที่เขาคิด ดีกว่าที่เราคิด มันฝังหัว ตั้งกะไปเรียน prep school หรือ public school กับฝรั่งมาแล้ว ดังนั้น เมื่อฝรั่งบอกเดินหน้าเป็นประเทศอุตสาหกรรม ทุกท่านก็ลุย! เฮ้อ! เศร้าใจ การพัฒนาเศรษฐกิจประเทศไทย เมื่อกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด มันก็ผิดไปเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่แก้ไข คนอะไรเดินใส่เสื้อติดกระดุมเขย่งมาเกือบ 60 ปี ยังไม่รู้ตัว นิคมอุตสาหกรรม จึงผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แล้วดอกเห็ดพวกนี้ไม่รู้เป็นอะไร ก็ชอบขึ้นอยู่ตามที่ลุ่ม ซึ่งเป็นทางเดินของน้ำ ดูนิคมบางชัน นิคมแถวอยุธยา บางปะอิน เป็นตัวอย่างแล้วกัน ยิ่งนานวันดอกเห็ดก็แผ่ขยายบานกินเมืองเข้าไปลึกขวางทางไหลหลากของน้ำ ซึ่งมาประจำปี ดังนั้น ปัญหาน้ำท่วมก็ยังจะมีอยู่ต่อไป ต้องใช้เรือดำน้ำกี่ลำ หญ้าแพรกเท่าไหร่ก็เอาไม่อยู่ ถ้ายังดันทุรังเดินใส่เสื้อกระดุมเขย่งกันอยู่อย่างนี้ นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องท่าเรือแหลมฉบัง ผาแดง แทนทาลัม นิคมอุตสาหกรรมระยอง โรงไฟฟ้าบ้านกรูด การวางท่อแก๊ส ฯลฯ ที่ไม่เข้ากับสภาพภูมิประเทศ และความเป็นอยู่ของท้องถิ่นนะ แค่นี้ก็น่าจะพอเห็นภาพกันแล้ว แหล่งอุตสาหกรรมใหญ่ทั้งหลาย สร้างรายได้ให้กับผู้ถือหุ้นอย่างมหาศาล คนท้องถิ่นได้แต่ค่าแรงวันละไม่กี่บาท แล้วใครเป็นผู้ถือหุ้น… ก็คนต่างชาติส่วนใหญ่ บวกกับคนไทยขายชาติที่ถือหุ้นแทนฝรั่งไง คนท้องถิ่นไม่เคยได้เป็นผู้ถือหุ้น! ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ทำกิน และที่สำคัญ สุขอนามัยของชาวบ้าน ไม่เคยเป็นปัจจัยที่ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุนต่างชาติ ให้ความสนใจหรือห่วงใย ผู้ให้กู้ หรือนักลงทุน ให้ความสนใจแต่ ผลผลิต และผลกำไรของพวกเขาเท่านั้น ส่วนนักการเมืองไทย ก็นึกแต่ค่าหัวคิว ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ ที่จะได้รับ รับแล้วเอาไปซุกไว้ที่ไหนดีหนอ หลังบ้าน ใต้เตียง ในตู้เสื้อผ้า หรือซุกไว้กับคนรถ คนใช้ ฯลฯ แล้วประเทศได้อะไร ประชาชนได้อะไร …เคยมีนักการเมืองหน้าไหนดูแลเราจริงๆ จังๆ บ้าง คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 399 Views 0 Reviews
  • พาณิชย์จัดหนัก! "สุชาติ" เปิดงาน "มหกรรมธงฟ้า" ชลบุรี ลดสูงสุด 60% พร้อมช่วยเกษตรกรชายแดน-เหนือ
    https://www.thai-tai.tv/news/20596/
    .
    #มหกรรมธงฟ้าชลบุรี #สุชาติชมกลิ่น #ลดค่าครองชีพ #ช่วยเหลือเกษตรกร #ไทยทำไทยใช้ไทยช่วยไทย #กรมการค้าภายใน #สินค้าธงฟ้า #ชลบุรี #ภัยพิบัติ #ไทยไท

    พาณิชย์จัดหนัก! "สุชาติ" เปิดงาน "มหกรรมธงฟ้า" ชลบุรี ลดสูงสุด 60% พร้อมช่วยเกษตรกรชายแดน-เหนือ https://www.thai-tai.tv/news/20596/ . #มหกรรมธงฟ้าชลบุรี #สุชาติชมกลิ่น #ลดค่าครองชีพ #ช่วยเหลือเกษตรกร #ไทยทำไทยใช้ไทยช่วยไทย #กรมการค้าภายใน #สินค้าธงฟ้า #ชลบุรี #ภัยพิบัติ #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 229 Views 0 Reviews
  • "สุชาติ" บุกเหนือ! ปักธง 8 มาตรการเร่งดูดซับลำไย 1.5 แสนตัน สู้ราคาตกต่ำ-เตรียมลดต้นทุนเกษตรกร
    https://www.thai-tai.tv/news/20428/
    .
    #ลำไย #ราคาลำไย #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #เกษตรกร #ลำไยภาคเหนือ #ลดต้นทุน #ธงเขียว #ส่งออกลำไย #ThaiFruitsFestival2025

    "สุชาติ" บุกเหนือ! ปักธง 8 มาตรการเร่งดูดซับลำไย 1.5 แสนตัน สู้ราคาตกต่ำ-เตรียมลดต้นทุนเกษตรกร https://www.thai-tai.tv/news/20428/ . #ลำไย #ราคาลำไย #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #เกษตรกร #ลำไยภาคเหนือ #ลดต้นทุน #ธงเขียว #ส่งออกลำไย #ThaiFruitsFestival2025
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • เฮลั่น! 'สุชาติ' โชว์ผลงานดันราคามังคุดใต้พุ่งเกิน 100 บาท/กก. ใน 16 วัน สั่งลุยช่วยเกษตรกรยันจบฤดู
    https://www.thai-tai.tv/news/20417/
    .
    #ราคามังคุด #มังคุดใต้ #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #เกษตรกร #ผลไม้ไทย #ThailandFruitFestival2025 #ช่วยเหลือเกษตรกร

    เฮลั่น! 'สุชาติ' โชว์ผลงานดันราคามังคุดใต้พุ่งเกิน 100 บาท/กก. ใน 16 วัน สั่งลุยช่วยเกษตรกรยันจบฤดู https://www.thai-tai.tv/news/20417/ . #ราคามังคุด #มังคุดใต้ #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #เกษตรกร #ผลไม้ไทย #ThailandFruitFestival2025 #ช่วยเหลือเกษตรกร
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า.

    https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    ..พูดจริงๆนะ.,ประชาชนควรมีธนาคารกลางของประชาชนแยกออกต่างหากให้ชัดเชนไปจากแบงค์ชาติปัจจุบันนี้,ให้แบงค์ชาติไปทำหน้าที่เต็มที่กับแบงค์เอกชนมหาชนของนายทุนผู้ถือหุ้นต่างๆ,ส่วนธนาคารกลางภาคประชาชนถึงเวลาบริหารจัดการสภาพคล่องของประชาชนคนไทยเอง เป็นกองทุนภาคประชาชนภายใต้การกำกับตัวเองของธนาคารกลางของภาคประชาชนจริงๆ,เช่น เงินงบประมาณลงอัดไปในกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศก็ดึงมาบริหารจัดการเองแทนธกส.ทางตรง,สามารถตั้งธนาคารกองทุนหมู่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้จริงจังเต็มที่ในการบริหารจัดการสภาคคล่องเงินทุนสัมมาอาชีพช่วยประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางตรงติดบ้านใกล้บ้านจริงได้คือมีสำนักประจำทุกๆ80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศจริงนั้นเอง,ธนาคารกลางภาคประชาชนสามารถเปิดรับฝากออมตังได้จริงถอนตังได้จริงประจำหมู่บ้านนั้นๆทันที,สามารถให้เงินทุนสัมมาอาชีพแบบยืมไร้ดอกเบี้ยได้,และฝากไม่มีดอกเบี้ยด้วยเช่นกันนั้นเอง,เป็นสถานีรักษาตังแทนเก็บไว้ในบ้านนั้นเอง,เรียลไทม์อะเลิทป๊อบอัพหากมีการถอนเงินโอนเงินจากบัญชีหรือมีการเคลื่อนไหวตังนั้นเอง,ซึ่งเราจะผูกขาดยึดคลื่นความถี่หนึ่งไว้เป็นสาธารณะประโยชน์เพื่อเราประชาชนไว้มิให้ กสทช.ผูกขาดมอบคลื่นนั้นให้เอกชนไปทำแดก,เราจะมาใช้ประโยชน์ด้านอีกมุก,ป้องกันปัญหาจากผู้ไม่ประสงค์ดีดูดตังเราไปอีกชั้นหนึ่งหากมี,ใครต้องการตังมายืมที่กองทุนเรานี้ทันทีที่เกืดจากการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพเป็นระบบ,เชื่อมโครงการช่วยเหลือรัฐ,เช่นตังช่วยเหลือเกษตรกรปล่อยกู้ ปกติผ่านธกส. รัฐโอนงบประมาณหลวงให้ธกส.จัดการทั้งหมด ก็โอนมาที่เรากองทุนเราแทน ธนาคารกลางของประชาชนแทนเช่น200,000ล้านบาทหรือหลายกว่าล้านล้านบาทที่ช่วยอุ้มธนาคารเอกชนต่างๆสมัยยุคปี40นั้น โอนมาช่วยประชาชนคนเกษตร ประชาชนรับไป ตอนเอามาคืนก็หมุนเวียนตังนั้นฟรีๆช่วยประชาชนคนอื่นๆต่อไปได้ ทั้งเราสามารถหาตลาด จัดโปรส่งเสริมการขายออกไป การผลิตต้นทางให้ปลอดสารพิษต้นทุนต่ำได้ อาจติดต่อคนนำเข้าสายการเกษตรเองในนามภาคประชาชน อาจภาษีนำเข้า0%,ประชาชนคนชาวบ้านจะลดค่าปุ๋ยค่าอุปกรณ์ล้ำทุ่นแรงทางการเกษตรหรือนวัตกรรมล้ำๆจากต่างชาติมาไทยได้ไม่แพงนั้นเอง,ตัดตอนพ่อค้าคนกลางก็ว่าเพื่อผลักดันให้คนไทยเรายืนได้จริงพึ่งพาตนเองรอดจริงในทุกๆคนไทยเราจริงมิใช่แหกตาปลอมๆเหมือนในอดีตที่ผ่านๆมา,เมื่อประชาชนมีรายได้,แบบปลูกพืชสมุนไพรสกัดแปรรูปประยุกต์ผสมผสานในสินค้าทั่วไทยทั่วโลกขายสาระพัดตรึมก็ว่า อาทิอดีตกัญชาเสรีกำลังโปร ทั้งปลูกค้าขายในชาวบ้านทั้งส่งให้โรงพยาบาลรัฐเราสกัดฟรีๆทำยารักษาโรคครอบจักรวาล เม็ดที่ประยุกต์ค้าขายในสินค้าต่างๆด้วย จริงๆทั่วโลกอาจกว่า100ล้านล้านบาทเข้าประเทศไทยได้สบายมา เช่นชานมไข่มุกผสมสารสกัดกัญชาเสรี จะเพิ่มยอดคำสั่งซื้อขนาดไหน บำรุงร่างกายทางธรรมชาติ ยอดขายชานมไข่มุกทั่วโลกกว่าหมื่นล้านเหรียญต่อปี,ใยกัญชงกัญชาสามารถใช้ทำโครงสร้างรถยนต์ได้อีก ชุดเกราะกันกระสุนก็ด้วย,เครื่องบินก็ใช่อัดแน่นแข็งแกร่งและเบาอีกด้วย,สมมุติตังมากมายในมือประชาชนเราไว้ใจก็มาฝากตังที่กองทุนหมู่บ้านใครมันทั่วประเทศ ตังทั้งหมดอาจกว่า10ล้านล้านบาทส่วนของภาคครัวเรือนประชาชนที่เก็บออมจริงก็ว่า,จะมีดาต้าจริงในธนาคารกลางของประชาชนเราจริงอีกด้วย,เปรียบเทียบตังสะพัดต่อปีแบบอดีตกว่า 50-60ล้านล้านบาทในปีที่ผ่านๆมาในอดีตเก่าอาจหลายๆปีมาแล้วก่อนยุคเศรษฐกิจจะพังมาถึงไทยปัจจุบันนี้ก็ตาม,ทำสถิติสูงสุด จะสามารถรับรู้แยกชัดเจนว่าเป็นตังของภาคฝ่ายอุตสาหกรรมที่มีธนาคารเอกชนปล่อยกู้กำกับดูแลโดยแบงค์ชาติอีกทีสร้างสภาพสะพัดนั้นด้วยมั้ยในชนชั้นกลางชนชั้นสูงผู้ดีมีตังปกติมั้ยหรือภาคประชาชนชาวบ้านธรรมดาแบบเราๆคือธนาคารภาคประชาชนรวบรวมข้อมูลนี้เอง,เก็บสำรวจค้นคว้าพบเจอเองก็ว่าด้วย,จากนั้นเราสามารถบริหารจัดการตังนี้ในระบบหมุนสภาพคล่องจริงแก่ไทบ้านเราจริงๆได้,คล่องขึ้นแน่นอน ใครต้องการตังตรงไหนเบิกทันที เวลานั้นเช่นแต่ละวันฝากถอนแค่1ล้านล้านบาททั่วประเทศ, ตังในระบบเย็นคือ9ล้านล้านบาท ทดลองปล่อยยืมให้ชาวบ้านคนละ10,000บาทค้าขายทำสัมมาอาชีพเล็กๆน้อยๆและปล่อยยืมระหว่างรอเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกพืชผักระยะสั้นๆหรือหาบเร่แผงลอยรถเข็ญขายในบ้านในตลาดชุมชนตลาดนัดตลาดค่ำตลาดคลองถมชุมชนตนอีก10,000บาทรวมอาจ20,000บาท หมู่บ้านละ100คน,มี80,000หมู่บ้านทั่วประเทศชุมชนคือ160,000,000,000บาทหรือ160,000ล้านบาทเอง,ตังยังเหลือ8.84ล้านล้านบาทโน้นในธนาคารภาคประชาชนเรา,จากนั้นเราสามารถสร้างแพลตฟอร์มตลาดเสรีออนไลน์เองได้แบบซ็อปปี้ ลาซาด้า อะไรนั้นขึ้นเอง เรามีโลจิสต์ขนส่งเราเองศูนย์รวบรวมสินค้าเข้าและออกคือกองทุนร้านหมู่บ้านเรานั้นเอง เป็นไปรษณีย์ขนส่งในตัว รับสินค้าประชาชนช่วยค้าขายได้,อาจมีโดรนขนส่งประจำสำนักงานหมู่บ้านนั้นๆคนละ2-3ตัว ส่งถึงมือคนรับซื้อในหมู่บ้านตนเอง เข้าป่าเข้าเขาขึ้นดอยขึ้นภูลำบาก,ส่งผ่านโดรนตั้งพิกัดgpsประกอบคลื่นมือถือดาวเทียมรวมก็ได้อีก,สั่งผลิตดาวเทียมเน็ตแบบstarlinkก็ได้ตัวละไม่เกิน3,000ล้านบาทเอง,ภาคเหนือเรา4ดวง อีสาน4ดวง กลาง4ดวง ตะวันออก2ดวง ตะวันตก2ดวง ใต้4ดวง ชัดเจนคลื่นส่งแน่นอนรวม20ดวงคูณ3,000ล้านคือ60,000ล้านบาทเอง บวกระบบควบคุมดูแลทั้งหมดทั้งประเทศไม่เกิน100,000ล้านบาทต่อปีภายในประเทศไทยเรา,และเชื่อมstarlinkหรือดาวเทียมนานาชาติทั่วโลกอีก สะดวกในการค้าขายของประชาชนคนไทยเราอีกไม่เกิน1แสนล้านบาทต่อปี,ซึ่งแพลตฟอร์มเราจะรองรับชาวโลกสากลมาร่วมค้าขายเสรีแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้คือเราสร้างฮับตลาดอีคอมเมิร์ซโลกประจำประเทศไทยนั้นเอง,รองรับสกุลเงินbricsในอนาคตด้วย,รายได้ในตลาดอีคอมเมิร์ซทั่วโลกคือ30-40ล้านล้านเหรียญต่อปี,ไทยเราอาจสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่เฉพาะภายในแพลตฟอร์มไทยเราเองอาจกว่าสะพัดถึง100ล้านล้านเหรียญก็ได้ คือGtG GtB BtB Btc CtC แพลตฟอร์มเราตอบสนองความสะดวกสบายให้ได้หมดก็ว่า,คือตังในบัญชีเงินฝากของประชาชนไทยเราจะเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นนั้นเอง,และนั้นคือเงินในธนาคารกลางภาคประชาชนเราที่ฝากเอาไว้ก็เพิ่มขึ้นมหาศาลด้วย,เรายิ่งสามารถช่วยเหลือชาวบ้านคนไทยเราประชาชนไทบ้านเราที่ขาดโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนแบบธนาึราเอกชนเอกชนเจ้าสัวไทย,เรายิ่งปล่อยยืมให้ชาวบ้านเราเองมากขึ้นเพิ่มขึ้นได้เรื่อยๆแบบไม่คิดกำไรดอกเบี้ยใดๆเลยนั้นเอง.,ตลอดขุดคลองคอดกระในอนาคต สร้างแลนด์บริดจ์ในภาคใต้ใดๆก็ตาม ,พื้นที่บริหารจัดการทั้งหมด เราประชาชนทั้งลงทุนสร้างเอง ขุดเองจ้างเองเป็นเจ้าของเองร่วมกันในนามภาคประชาชนไทยเราก็ว่า100%,พื้นที่บริหารแลนด์บริดจ์เิย พื้นที่บริหารคลองคอดกระเอย เราภาคประชาชนร่วมกันเป็นเจ้าของตัวจริงและบริหารจัดการตัวจริงร่วมกันนั้น อย่างเป็นรูปธรรม เช่น จัดตั้งกองทุนคาบมหาสมุทรประจำประเทศไทยขึ้น แจกหุ้นสามัญฟรีๆแก่คนไทยคนละ10,000หุ้นทันทีแม้พึงเกิดก็รับอัตโนมัติที่เป็นคนไทยเรา เป็นเจ้าของจริงจับต้องได้ มีหลักฐานพิสูจน์ได้,ไม่ใช่อ้างว่าทำในนามรัฐบาลแล้วรัฐบาลก็ยกสิทธิบริหารจัดการทั้งหมดและเงินทองก็ว่าผ่องถ่ายไปให้เอกชนไทยและเอกชนต่างชาติทำกินหาแดกเองจนร่ำรวยมั่งคั่งแบบบ่อน้ำมันไทยเรา,จึงต้องตัดตอนยุติการทำหน้าที่ไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชนไม่สุจริตต่อชาติไทยตนทันที,จากนั้นออกหุ้นเพิ่มทุนเพิ่มทันทีให้ประชาชนคนไทยสามารถซื้อสิทธิความเป็นเจ้าของเพิ่มได้อีกคนละไม่เกิน10,000หุ้นๆละ0.01บาท.,ความเป็นเจ้าของนี้ไม่สามารถซื้อขายต่อได้ทุกๆกรณีจะเป็นหุ้นสามัญหรือหุ้นเพิ่มทุนก็ตาม,และจะตายสูญทันทีไปพร้อมกับคนไทยนั้นๆไม่สามารถมอบเป็นมรดกสืบต่อได้,เพราะทุกๆคนไทยมีสถานะการได้มาเมื่อเกิดทันทีอยู่แล้วทุกๆคนและสิทธิซื้อเพิ่มก็เสมอกันหมดตลอดชีพ,ห้ามนำเข้าตลาดหุ้นทุกๆกรณีด้วย,อธิปไตยนี้จะเป็นของคนไทยเราจริงทันที100%,ทุนการก่อสร้างแลนด์บริดจ์ประมาณการคือ1ล้านล้านบาท, ขุดคลองคอดกระคือ2ล้านล้านบาท ถ้า2เลนก็4ล้านล้านบาท,เงินกองทุนเราเติบโตต่อเนื่องหรือขั้นต่ำมีในมือกว่า8ล้านล้านบาทก็ว่า สามารถโยกตังมาลงทุนได้,และเหลือพ้นบริหารจัดการทั้งหมดต่อไปในอนาคตด้วย,ไม่รวมเงินมากมายที่ไหลเข้าสะสมออมในธนาคารเราต่อเนื่องทุกวินาทีด้วยตลิดปีอาจกว่า100ล้านล้านบาทในแพลตฟอร์มตลาดอีคอมเมิร์ซของไทยเราเอง,เมื่อขุดคลองคอดกระเสร็จ สร้างแลนด์บริดจ์เสร็จ เราประเทศไทยจะเป็นฮับสากลของโลกสาระพัดฮับทันที อาทิ ฮับการรักษาทางเทคโนโลยีและสมุนไพรของโลก ฮับโรงพยาบาลโลกนั่นเอง,ฮับการขนส่งทางเรือและทางบกของโลก,ฮับต่อเรือขนาดใหญ่ของโลก,ฮับยานยนต์ภายในโลกและยานยนต์อวกาศโลก, สรุปสาระพัดฮับก็ว่า เม็ดเงินโคตรมหาศาลในพื้นที่บริเวณบริหารจัเการนี้ขั่นต่ำในอนาคต1,000ล้านล้านบาทต่อปีที่เข้าสู่ประเทศไทยเรา เฉลี่ยประชาชนคนไทยเราจะได้ประโยชน์จริงจากการถือหุ้นสามัญหุ้นเพิ่มทุน20,000หุ้นนั้นแน่นอน,เข้าบัญชีคนไทยทุกๆคนต่อปีขั้นต่ำ10ล้านบาทต่อปีนั้นเอง.อนาคตเราอาจจะมีประชากร100ล้านคน,หรือวัคซีนออกฤทธิ์อาจเหลือแค่10ล้านคนก็ว่าอีก,รอด10%ก็ว่า,สรุปรายได้เราเข้ามาสารพัดทางนั้นเอง,เราคนไทยจะไม่ผีบ้าดิ้นรนบ้าคลั่งแบบๆในอดีตๆที่ผ่านๆมานั้นเอง,จะมีเวลาพัฒนาตนเองสู่ประเทศผู้นำแห่งจิตวิญญาณของโลกในอนาคตก็ด้วย,บันเทิงกันเลยแน่ล่ะ ทุกๆคนไทยจะได้ท่องเที่ยวผ่านจิตท่องอาณาจักรจักรวาลน้อยใหญ่เสรีเป็นอันมาก แล้วนำพาโลกเราสู่แสงสว่างแห่งธรรมจักรวาลของจริงนั้นเอง.,ประเทศไทยเราจึงธรรมดาที่ไหน?.,555มโนก็ว่า. https://youtube.com/shorts/-p9TQjRaM-o?si=Jyhv-HoJ5HiR0r_i
    0 Comments 0 Shares 572 Views 0 Reviews
  • ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!!
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!! . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 0 Reviews
  • ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ

    สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ

    ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr
    -----------

    โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล

    จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100%

    จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

    ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง

    ได้รับการขึ้นทะเบียน GI :
    ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา

    ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ

    ------------------------------------------------------

    วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย

    โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้

    ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️

    ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน

    เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน
    หรือ จนสินค้าหมด

    --------------------------

    ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี

    คิดราคาตามน้ำหนัก

    1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท

    2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท

    3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท

    ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท
    ------------------------------
    ตัวอย่างการคำนวณ :

    ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท)

    ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท)

    ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท)

    -------------------------------

    วิธีสั่งซื้อ:
    1. ทักอินบ๊อกเพจ
    2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก
    3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี
    4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด
    5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น

    ก่อนแกะทุเรียน
    ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน

    หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง

    รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ

    โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด

    ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา )

    --------------------------------------------
    --------------------------------------------

    ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู

    ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่

    ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด

    เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง

    ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน

    โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง.

    ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา
    https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    ขายทุเรียนป่าละอู ส่งตรงถึงท่านจากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่นะครับ ช่วยเกษตรกรระบายผลผลิตปลายฤดูกาลครับ สำหรับ fans สนธิทอร์ค, news1, และเครือ ผจก ให้ระบุใน in box ว่ามาจาก Thai town จะลดให้อีก10% จากราคารวมตามเงื่อนไขโปรโมชั่นครับ ต้องขออภัยทางไทยทาวน์ ขอวางลิงค์ facebook ไว้เป็นข้อมูลติดต่อเพิ่มเติมครับ https://www.facebook.com/share/p/185sW6wkYB/?mibextid=wwXIfr ----------- 📢โค้งสุดท้ายก่อนหมดฤดูกาล 📢 ☀️☀️☀️☀️☀️จำหน่ายทุเรียนป่าละอูแท้ 100% จากสหกรณ์การเกษตรห้วยสัตว์ใหญ่ จำกัด โครงการตามพระราชประสงค์ ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทุเรียนป่าละอูเป็นทุเรียนคุณภาพสูง และ มีการพัฒนามาอย่างยาวนานโดยทรงคุณค่าในความเฉพาะตัวและรักษาเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นความภูมิใจของชุมชนและคนไทยทั้งปวง 🌟ได้รับการขึ้นทะเบียน GI : ได้รับหนังสืออนุญาตให้ใช้ตราสัญลักษณ์สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทยในฐานะเป็นผู้ผลิต "ทุเรียนป่าละอู" ทะเบียนเลขที่ สช 57100062 จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา ทุเรียนป่าละอูแท้มีให้รับประทาน ปีละครั้งเดียว ช่วงเดือน มิถุนายนไปจนสิ้นเดือนกรกฎาคม เป็นการนำทุเรียนหมอนทองและชะนีมาปลูกพัฒนาในพื้นที่ป่าจนได้ลักษณะพิเศษของเนื้อและพันธ์ุที่บ่มเพาะโดยดินฟ้าอากาศและน้ำจากป่าเขาธรรมชาติ ------------------------------------------------------ 📣📣📣 วันนี้ บริษัท เนียร์นอร์ท จำกัด เป็นผู้จัดจำหน่าย (รายใหม่) และได้เริ่มดำเนินแผนในการส่งออก รวมทั้งเตรียมจำหน่ายในช่องทางที่หลากหลาย โดยได้ร่วมมือกับสหกรณ์ห้วยสัตว์ใหญ่ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรจากสงครามราคาทุเรียน และ โปรโมทสินค้าในท้ายฤดูกาลนี้ ⭐️จึงจัดจำหน่ายราคาเดียวกับสหกรณ์ ⭐️ ทุเรียนจะถูกตัดสดจากสวนของสมาชิกในสหกรณ์ และส่งโดยตรงถึงท่าน เริ่มจัดส่งตั้งแต่ 14 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน หรือ จนสินค้าหมด -------------------------- ⚡️ราคาจำหน่าย : ทุเรียน กิโลกรัมละ 269 บาท ส่งฟรี คิดราคาตามน้ำหนัก 1 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 1.5-2.5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 269 บาท 2 ผล น้ำหนักเฉลี่ย 3-5 กิโลกรัม จำหน่าย กิโลกรัมละ 259 บาท 3 ผล ขึ้นไป น้ำหนักเฉลี่ย 6-9 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 249 บาท ซื้อ 10 กก.ขึ้นไป จำหน่ายกิโลกรัมละ 239 บาท ------------------------------ ตัวอย่างการคำนวณ : ซื้อ 3 กก. → 259 × 3 = 777 บาท (จากปกติ 807 บาท) ซื้อ 5 กก. → 259 × 5 = 1,295 บาท (จากปกติ 1,345 บาท) ซื้อ 10 กก. → 239 × 10 = 2,390 บาท (จากปกติ 2,690 บาท) ------------------------------- ✅วิธีสั่งซื้อ: 1. ทักอินบ๊อกเพจ 2. แจ้งจำนวนลูกที่ต้องการ / หรือ แจ้งเป็นกิโลกรัม จะจัดส่งโดยเฉลี่ยน้ำหนัก 3. ทีมงานจะสรุปยอด และ แจ้งบัญชี 4. ลูกค้าส่งสลิปโอน จะทำการตัดยอด 5. ทางสหกรณ์จะดำเนินการส่งให้ลูกค้าโดยตรงในวันรุ่งขึ้น ⚠️ ก่อนแกะทุเรียน ทางสหกรณ์จะมีคำแนะนำวันที่ในการแกะที่เหมาะสม โปรดสังเกตคำแนะนำตามฉลากที่ขั้วทุเรียน หากพบปัญหาให้ถ่ายรูปพร้อมฉลาก และแจ้งตามช่องทางที่ระบุที่ฉลากบนขั้วทุเรียนเพื่อดำเนินการจัดส่ง ✅ รับเคลม โดยเป็นไปตามเงื่อนไขคำแนะนำวันที่ รวมถึงความชำรุดบกพร่องในการขนส่ง ยกเว้นกรณีลูกค้าแกะก่อนสุกโดยไม่ปฏิบัติตามข้อแนะนำ ⚠️โปรดอ่านเงื่อนไขการรับเคลมโดยละเอียด ( ภาพแกะเนื้อเป็นภาพตัวอย่างเนื้อ เพื่อการโฆษณา ) -------------------------------------------- -------------------------------------------- ✨ประวัติการพัฒนาสายพันธุ์ทุเรียนป่าละอู✨ ทุเรียนป่าละอูมีความเกี่ยวข้องกับโครงการตามพระราชประสงค์ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ได้พระราชทานต้นกล้าทุเรียนพันธุ์หมอนทองให้แก่ตำรวจตระเวนชายแดนนำไปปลูกในพื้นที่ ทุเรียนป่าละอู เริ่มมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ป่าละอู ประมาณปีพ.ศ. 2527 ผู้ที่นำเข้ามาคนแรก คือนายพยุง พรายใย โดยนำพันธ์เม็ดใน ก้านยาว จากจังหวัดนนทบุรี และพันธุ์หมอนทอง จากระยอง มาทดลองปลูกจำนวน 100 ต้น ได้ผลผลิตที่ดีและแตกต่างจากต้นพันธุ์ที่นำมาจากทั้งสองจังหวัด เนื่องจากความสัมพันธ์กับพื้นที่เพาะปลูกที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ มีพื้นที่เป็นเทือกเขาสลับที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำปราณบุรีไหลผ่าน สภาพพื้นดินอุดมสมบูรณ์มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี มีความชื้นสัมพันธ์สูง อุณหภูมิต่ำในเวลากลางคืน ช่วงหน้าฝนจะมีน้ำไหลบ่าลงจากยอดเขานำเอาแร่ธาตุอาหารมาเติมให้กับพื้นที่เกษตร สภาพดินเป็นดินปนทราย น้ำไม่ขังนาน เหมาะแก่การปลูกทุเรียน ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ทุเรียนป่าละอูมีความเป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ทุเรียนลูกใหญ่กว่าที่อื่น เฉลี่ยน้ำหนักอยู่ที่ 1.5-5 กิโลกรัมต่อลูก ผลมีลักษณะเป็นวงรี ด้านใต้ผลจะแหลม ปลายหนามคม เห็นร่องพูชัดเจน โดยสีของเปลือกจะเป็นสีเขียวปนน้ำตาล ในส่วนของลักษณะเนื้อทุเรียน คือ มีรสหวาน เนื้อหนาเนียนละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้งมีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่รุนแรง และมีรสชาติดี เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือคนไทยที่ไม่ชอบทุเรียนที่กลิ่นแรง. ที่มาข้อมูล : กรมทรัพย์สินทางปัญญา https://www.ipthailand.go.th/images/781/s_57100062_1.pdf
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ##
    ..
    ..
    ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ...
    .
    เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก...
    .
    ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน...
    .
    อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ...
    .
    ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่...
    .
    ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ
    .
    สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย...
    .
    แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ
    ....
    ....
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ....
    ....
    สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!!
    .
    ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!!
    .
    กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ## .. .. ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ... . เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก... . ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน... . อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ... . ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่... . ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ . สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย... . แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ .... .... ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา .... .... สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!! . ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!! . กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • ..บ้าไปแล้ว 200,000ล้านนะ ไม่น้อยเลย,อุ้มเจ้าสัวกินเปล่าอะไรขนาดนั้น,อุ้มต่างชาติมาเปิดโรงงานในไทยอีก,ชาวนาขาวเกษตรกรยังไม่เยอะขนาดนี้เลย,2แสนล้านนี้ดูว่าเข้าบัญชีใครบ้างคงจะรู้ไม่ยาก,อนาถจริงๆกับการชดเชยพวกเจ้าสัวนี้,เวลาฟันกำไรจนร่ำรวยติดอันดับต้นๆของประเทศไทย มันเคยชดเชยเยียวยาผลกำไรกลับคลังหลวงของประเทศมั้ย,นี้คือกลไกปกครองที่ผีบ้ามา,กิจการเจ้าสัวจะตายห่าไม่ได้อุ้มด้วยตังภาษีประเทศเสมอและอ้างเอาประชาชนว่าเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้สาระพัด.
    ..https://youtu.be/-WkkVE31_zA?si=6wcvCae_wkwRi8r3
    ..บ้าไปแล้ว 200,000ล้านนะ ไม่น้อยเลย,อุ้มเจ้าสัวกินเปล่าอะไรขนาดนั้น,อุ้มต่างชาติมาเปิดโรงงานในไทยอีก,ชาวนาขาวเกษตรกรยังไม่เยอะขนาดนี้เลย,2แสนล้านนี้ดูว่าเข้าบัญชีใครบ้างคงจะรู้ไม่ยาก,อนาถจริงๆกับการชดเชยพวกเจ้าสัวนี้,เวลาฟันกำไรจนร่ำรวยติดอันดับต้นๆของประเทศไทย มันเคยชดเชยเยียวยาผลกำไรกลับคลังหลวงของประเทศมั้ย,นี้คือกลไกปกครองที่ผีบ้ามา,กิจการเจ้าสัวจะตายห่าไม่ได้อุ้มด้วยตังภาษีประเทศเสมอและอ้างเอาประชาชนว่าเดือดร้อนอย่างนั้นอย่างนี้สาระพัด. ..https://youtu.be/-WkkVE31_zA?si=6wcvCae_wkwRi8r3
    0 Comments 0 Shares 176 Views 0 Reviews
  • "สุชาติ" ชูโมเดล "ธงเขียว" ลดภาระเกษตรกรแก้ปัญหาราคาเกษตรตกต่ำ เน้นลดต้นทุน-หาตลาด สร้างกลยุทธ์ครบวงจร
    https://www.thai-tai.tv/news/20251/
    .
    #รัฐบาลช่วยเกษตรกร #โครงการธงเขียว #ลดต้นทุนการผลิต #ควบคุมราคาอาหาร #กระทรวงพาณิชย์ #เกษตรไทย #เศรษฐกิจไทย #ค่าครองชีพ #ข่าวเกษตร
    "สุชาติ" ชูโมเดล "ธงเขียว" ลดภาระเกษตรกรแก้ปัญหาราคาเกษตรตกต่ำ เน้นลดต้นทุน-หาตลาด สร้างกลยุทธ์ครบวงจร https://www.thai-tai.tv/news/20251/ . #รัฐบาลช่วยเกษตรกร #โครงการธงเขียว #ลดต้นทุนการผลิต #ควบคุมราคาอาหาร #กระทรวงพาณิชย์ #เกษตรไทย #เศรษฐกิจไทย #ค่าครองชีพ #ข่าวเกษตร
    0 Comments 0 Shares 246 Views 0 Reviews
More Results