• 🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ

    1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ )

    ส่วนผสม
    - เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    - พริกไทย 1/2 ช้อนชา
    - น้ำมัน ปาล์ม

    วิธีทำ
    1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย
    3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที
    4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที
    ----------------------------------------------

    2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan)

    ส่วนผสม

    - เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    - พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด)
    - น้ำมัน สำหรับทอด
    - กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด)

    วิธีทำ
    1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ
    3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที)
    4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที
    ------------------------------------------

    เคล็ดลับ

    - แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า
    - ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้
    - ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ 1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ ) ส่วนผสม - เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - เกลือ 1 ช้อนชา - พริกไทย 1/2 ช้อนชา - น้ำมัน ปาล์ม วิธีทำ 1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย 3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที 4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที ---------------------------------------------- 2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan) ส่วนผสม - เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - เกลือ 1 ช้อนชา - พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด) - น้ำมัน สำหรับทอด - กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด) วิธีทำ 1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ 3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที) 4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที ------------------------------------------ เคล็ดลับ - แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า - ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้ - ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ

    1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ )

    ส่วนผสม
    - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - #เกลือ 1 ช้อนชา
    - #พริกไทย 1/2 ช้อนชา
    - #น้ำมัน ปาล์ม

    วิธีทำ
    1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย
    3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที
    4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที
    ----------------------------------------------

    2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan)

    ส่วนผสม

    - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - #เกลือ 1 ช้อนชา
    - #พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด)
    - #น้ำมัน สำหรับทอด
    - #กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด)

    วิธีทำ
    1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ
    3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที)
    4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที
    ------------------------------------------

    เคล็ดลับ

    - #แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า
    - #ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้
    - #ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ 1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ ) ส่วนผสม - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - #เกลือ 1 ช้อนชา - #พริกไทย 1/2 ช้อนชา - #น้ำมัน ปาล์ม วิธีทำ 1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย 3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที 4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที ---------------------------------------------- 2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan) ส่วนผสม - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - #เกลือ 1 ช้อนชา - #พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด) - #น้ำมัน สำหรับทอด - #กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด) วิธีทำ 1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ 3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที) 4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที ------------------------------------------ เคล็ดลับ - #แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า - #ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้ - #ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ

    1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ )

    ส่วนผสม
    - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - #เกลือ 1 ช้อนชา
    - #พริกไทย 1/2 ช้อนชา
    - #น้ำมัน ปาล์ม

    วิธีทำ
    1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย
    3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที
    4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที
    ----------------------------------------------

    2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan)

    ส่วนผสม

    - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม
    - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
    - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย
    - #เกลือ 1 ช้อนชา
    - #พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด)
    - #น้ำมัน สำหรับทอด
    - #กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด)

    วิธีทำ
    1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง
    2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ
    3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที)
    4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที
    ------------------------------------------

    เคล็ดลับ

    - #แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า
    - #ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้
    - #ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    🍄 สูตรเห็ดนางฟ้าทอดกรอบ 1. เห็ดนางฟ้าทอด ( สูตร เจ ) ส่วนผสม - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - #เกลือ 1 ช้อนชา - #พริกไทย 1/2 ช้อนชา - #น้ำมัน ปาล์ม วิธีทำ 1. เตรียมเห็ดล้างให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกเห็ดผสมแป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ พริกไทย 3. ตั้งน้ำมันที่ 160-180 องศาเซลเซียส ทอดประมาณ 5-7 นาที 4. ตักขึ้นมาวางซับ/ สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟได้ ทันที ---------------------------------------------- 2. สูตรเห็ดนางฟ้าทอดรสเผ็ด (Vegan) ส่วนผสม - #เห็ดนางฟ้า 500 กรัม - #แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย - #แป้งมันสำปะหลัง 1/2 ถ้วย - #เกลือ 1 ช้อนชา - #พริกแห้ง 5-8 เม็ด (ปั่นละเอียด) - #น้ำมัน สำหรับทอด - #กระเทียม 3-4 กลีบ (ปั่นละเอียด) วิธีทำ 1. ล้างเห็ดนางฟ้าให้สะอาดและซับให้แห้ง 2. คลุกพริกแห้ง แป้งทอดกรอบ แป้งมันสำปะหลัง เกลือ 3. ทอดในน้ำมัน ที่ 160-180 องศาเซลเซียส ใส่กระเทียมลงไปทอดจนหอม จากนั้นใส่เห็ดนางฟ้าที่คลุกแล้วลงไปทอดจนกรอบ (ประมาณ 5-7 นาที) 4. ตักขึ้นมาสลัดน้ำมัน เสิร์ฟทันที ------------------------------------------ เคล็ดลับ - #แป้งมัน ช่วยเพิ่มความกรอบให้เห็ดนางฟ้า - #ใช้เลเซอร์ตรวจสอบอุณหภูมิของน้ำมัน เพื่อป้องกันการไหม้ - #ใช้พริกสดหรือพริกแห้ง ตามชอบเพื่อปรับรสชาติให้เข้มข้นขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาสต้า-พริกเสฉวน (มังสวิรัติ)

    เมนูฟิวชั่น บน เส้นทางสายไหม แซ่บ..อร่อยมาก ทำได้ง่ายๆ

    ส่วนประกอบ
    #เส้นพาสต้าอิตาเลี่ยน 8 ออนซ์ ยี่ห้อ Barilla หรือ De Cecco #น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ #คึนฉ่าย 2 ต้น (สับละเอียด) #เห็ดกระดุมขาว 9 ออนซ์ (สับละเอียด) #ผักโขม 1 กำมือ #ต้นหอม (สับละเอียด) #น้ำมันพริกเสฉวน 1 ช้อนโต๊ะ #กระเทียม กลีบเล็ก 2 กลีบ (สับ) #ขิง 1 ช้อนโต๊ะ (สับละเอียด) #น้ำส้มสายชูข้าว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำมันพริก 2 ช้อนโต๊ะ #ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ #เนยถั่ว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำตาลมะพร้าว 2 1/2 ช้อนชา #เกลือ Himalayan Rock Salt สีชมพู 1 หยิบมือ

    วิธีทำ
    พาสต้า ยี่ห้อนี้ทำด้วยส่วนผสม Non GMOs อุดมด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบี ดัชนีน้ำตาลต่ำทำให้อิ่มนานขึ้น
    ลวกในน้ำเดือด 8-9 นาที สะเด็ดน้ำ น๊อคด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำอีกครั้งแล้วพักไว้จะได้เส้นลักษณะ Al Dente

    ผัด เห็ด และ คึนฉ่าย ในกระทะบนไฟกลาง ประมาณ 8-10 นาที จนเห็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ปรุงรส แล้วพักไว้

    นำส่วนผสมซ๊อส ลงปั่นและผสมจนเนียน จะได้ซ๊อสพริกเสฉวนลงในเส้นแล้วคลุกเคล้าจนเส้นพาสต้า เคลือบซ๊อสอย่างสม่ำเสมอ ปรุงรส

    ใส่เห็ดรวม ผักโขม และต้นหอมลงในเส้นพาสต้า คลุกให้เข้ากัน พร้อมเสริฟ
    พาสต้า-พริกเสฉวน (มังสวิรัติ) เมนูฟิวชั่น บน เส้นทางสายไหม แซ่บ..อร่อยมาก ทำได้ง่ายๆ ส่วนประกอบ #เส้นพาสต้าอิตาเลี่ยน 8 ออนซ์ ยี่ห้อ Barilla หรือ De Cecco #น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น 1 ช้อนโต๊ะ #คึนฉ่าย 2 ต้น (สับละเอียด) #เห็ดกระดุมขาว 9 ออนซ์ (สับละเอียด) #ผักโขม 1 กำมือ #ต้นหอม (สับละเอียด) #น้ำมันพริกเสฉวน 1 ช้อนโต๊ะ #กระเทียม กลีบเล็ก 2 กลีบ (สับ) #ขิง 1 ช้อนโต๊ะ (สับละเอียด) #น้ำส้มสายชูข้าว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำมันพริก 2 ช้อนโต๊ะ #ซีอิ๊วขาว 3 ช้อนโต๊ะ #เนยถั่ว 3 ช้อนโต๊ะ #น้ำตาลมะพร้าว 2 1/2 ช้อนชา #เกลือ Himalayan Rock Salt สีชมพู 1 หยิบมือ วิธีทำ พาสต้า ยี่ห้อนี้ทำด้วยส่วนผสม Non GMOs อุดมด้วยธาตุเหล็กและวิตามินบี ดัชนีน้ำตาลต่ำทำให้อิ่มนานขึ้น ลวกในน้ำเดือด 8-9 นาที สะเด็ดน้ำ น๊อคด้วยน้ำเย็น สะเด็ดน้ำอีกครั้งแล้วพักไว้จะได้เส้นลักษณะ Al Dente ผัด เห็ด และ คึนฉ่าย ในกระทะบนไฟกลาง ประมาณ 8-10 นาที จนเห็ดเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง ปรุงรส แล้วพักไว้ นำส่วนผสมซ๊อส ลงปั่นและผสมจนเนียน จะได้ซ๊อสพริกเสฉวนลงในเส้นแล้วคลุกเคล้าจนเส้นพาสต้า เคลือบซ๊อสอย่างสม่ำเสมอ ปรุงรส ใส่เห็ดรวม ผักโขม และต้นหอมลงในเส้นพาสต้า คลุกให้เข้ากัน พร้อมเสริฟ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์

    2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์

    ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย

    ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ”

    คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

    อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน

    ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง

    ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson

    #Thaitimes
    Boris Johnson อดีตนายกฯอังกฤษ ละเมิดกฏสำนักพระราชวัง เขียนหนังสือเกี่ยวกับควีนเอลิซาเบธที่ 2เปิดเผยอาการประชวรโรคมะเร็งกระดูกก่อนเสด็จสวรรคต สำนักพระราชวังอังกฤษชี้ไม่ควรทำอย่างยิ่งเพราะ “ผิด” กฎราชวงศ์ 2 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวต่างประเทศระบุว่า หนังสือบันทึกความทรงจำ Boris Johnson Unleashed ของอดีตนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสันของอังกฤษที่จะออกวางจำหน่ายวันที่ 10 ตุลาคมนี้ กำลังเผชิญกระแสสังคมอย่างมาก กรณีที่เขาออกมาเปิดเผยข้อความในหนังสือบันทึกความทรงจำของเขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และช่วงเวลาสุดท้ายของพระองค์ที่เมืองบัลมอรัล ในสกอตแลนด์ว่าทรงประชวรด้วย “โรคมะเร็งกระดูก” ก่อนสวรรคต ซึ่งหลังจากสำนักพระราชวังของอังกฤษทราบเรื่องดังกล่าวก็ได้ออกมาตำหนิว่าเขาไม่ควรเปิดเผยพระอาการประชวรของพระองค์พร้อมทั้งชี้ว่านี่คือการละเมิดกฎพระราชวงศ์ ส่วนหนึ่งในหนังสือของจอห์นสันระบุว่า “พระองค์ดูซีดและหลังค่อมขึ้น และมีรอยฝกช้ำดำเขียวที่บริเวณข้อมือ ซึ่งน่าจะเกิดจากการให้น้ำเกลือหรือฉีดยา แต่พระองค์ดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดเลย ในระหว่างสนทนาพระองค์พระองค์ยังคงยิ้มกว้างอย่างสดใส รอยยิ้มของพระองค์ทำให้สดชื่นเป็นอย่างมาก” นอกจากนี้จอห์นสันได้ระบุว่าการที่เขาได้เฝ้าทูลละอองพระบาทของนายกรัฐมนตรีประจำสัปดาห์กับพระราชินีถือเป็น “สิทธิพิเศษ” และ “กำลังใจ” ให้กับตัวเขาเองด้วย ไม่เพียงเท่านี้แต่จอห์นสันยังเขียนถึงอาการประชวรของควีนเอลิซาเบธที่ 2 เอาไว้ว่า “ผมทราบมานานกว่าหนึ่งปีแล้วว่าพระองค์ทรงประชวรด้วยโรคมะเร็งกระดูก และแพทย์ก็เป็นห่วงว่าอาการของพระองค์จะทรุดลงได้ทุกเมื่อ” คำบอกเล่าของจอห์นสันนี้ นับว่าขัดกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ ที่สำนักพระราชวังแถลงว่า สาเหตุเกิดจาก “วัยชรา” และการเปิดเผยของจอหืนสันกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้งเพราะตั้งแต่ที่ควีนเอลิซาเบธที่ 2 สิ้นพระชนม์ในเดือนกันยายน ปี 2022 สำนักพระราชวงศ์บักกิงแฮมก็ไม่เคยเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ อย่างไรก็ตาม จอห์นสันไม่ใช่ผู้นำอังกฤษคนแรกที่ที่เขียนบันทึกรำลึกถึงเรื่องราวในสมัยที่ดำรงตำแหน่งนายกฯที่เข้าเฝ้าพระราชินีอลิซาเบธที่ 2 อดีตนายกรัฐมนตรี โทนี่ แบลร์, กอร์ดอน บราวน์, และ เดวิด คาเมรอน ต่างก็เคยเขียนหนังสือบันทึกเหตุการณ์การถวายงานกับควีนเอลิซาเบธที่2 เช่นกัน แต่เป็นการกล่าวถึงแบบโดยภาพรวม ไม่ได้มีการลงรายละเอียดที่ชัดเจนแบบเดียวกับจอห์นสัน ทั้งนี้ ตามธรรมเนียมปฏิบัติของราชวงศ์อังกฤษจะไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดทางการแพทย์ของสมาชิกราชวงศ์ต่อสาธารณชน จนกระทั่งในกรณีของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 และ เจ้าหญิงแคทเธอรีนแห่งเวลส์ ที่ทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮมเลือกที่จะเปิดเผยอาการประชวรและข้อมูลการรักษาตัวของพระองค์ซึ่งเป็นไปตามพระประสงค์ของทั้ง 2 พระองค์ที่ต้องการแบ่งปันประสบการณ์ส่วนพระองค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็ง ภาพ : จากเฟซบุ๊กBoris Johnson #Thaitimes
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทริป Peru (Lima, Barranco, นาเกลือ, Ollantaytambo, Machu Picchu, Rainbow mountain) ภาพสวยๆจากคุณหมอสุริยะ ขอบคุณค่ะ #ท่องโลกกว้างตามประสา
    ทริป Peru (Lima, Barranco, นาเกลือ, Ollantaytambo, Machu Picchu, Rainbow mountain) ภาพสวยๆจากคุณหมอสุริยะ ขอบคุณค่ะ #ท่องโลกกว้างตามประสา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.9 ตอน "KILL THEM(FCUK JEWS BASTARD) ALL" ล่อกันเมามันส์ เปิดฉากแลกกันแบบลืมหายใจ เสี้ยนอยากตาย จัดให้! เฮซบอเลาะห์ถล่มใส่ฐานบัญชาการ "อีมดสัด" แตกกระจุย กลางกรุงเทลอาวีฟ ช็อคแดร๊ก! สื่อตี 40000 เข้าช่วยเลบานอน ของจริงมาเป็นแสนไอ้สัส มาจากไหนไม่รู้? เลบานอนช่วงโปรไฟไหม้ คึกคักสัด อย่างกะปลากระดี่ได้น้ำ ดาหน้ายกพลเตรียมขึ้นบก เอาส้นตรีนไปขยี้หน้าทหารยิวเหี้ยนอนตายเกลื่อน ตอนเหนือแค่ป่าช้า! หลังจีนประกาศอุ้มเลบานอนเต็มเหนี่ยว ของก็ถึงมือทันที อะไรน่ะเหรอ? "โดรน AI" MADE IN CHINA เยเมนกลัวเหงาจัด ไอ้สัส! ทะเลแดงเงียบกริบ เหี้ยมันหายหัวไปไหนหมดฟ่ะ? ขอร่วมแจมเลบานอน ส่งมือดี เพชรฆาตรัตติกาล เข้าไปช่วยซ้อมเป้า อีเหี้ยมะกันเห็นลวกเพ่ยิวขี้แตก หวังจะเข้าไปช่วย โดนลูกยาวขู่ มรึงเข้าคือตายโหง! ตอนนี้ โลกอาหรับ มุสลิม ลงแขกอียิวแล้ว ปิดช่องทางหลบหนี เปิดให้แลกซึ่งหน้าอย่างเดียว แบบนี้ อียิวก็ตายโหงตายห่าชัวร์ จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้ได้ล่ะ? สื่อหลอกควาย ควายก็โง่บัดซบ แค่ใช้สติ ไม่ต้องเสพข่าว ยังรู้ ว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบยังไง? โลกน่ะมรึง! มรึงสู้กับทั้งโลกไหวเหรอ ดีออก? คำว่า "ลงแขก" ไม่ใช่เอาแค่มรึงแพ้ หรือตาย งานนี้ ใบสั่งมุสลิมทั้งโลก "เอาให้สูญพันธุ์ยิว" ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ทั้งหลาย เชิญกลับขุมนรกตามพ่อเหี้ยลูซิเฟอร์มรึงไปซ่ะน่ะ! ถล่มฐานลับอีมดสัดได้ มรึงไม่ต้องไปหาข่าวกรองที่ไหนอีกแล้ว แบบว่ารั่วสุดขีด เกลือเป็นหนอนทั้งนั้น! ไม่ทันไร รัสเซียเพิ่งจะออกอาวุธใหม่อีกดอก เหี้ยจะอยู่ต่อไหวเหรอ? แผนปูตินหลายชั้น ก่อนเปิดยูเครน ล่อยูเครนจนคลังอาวุธเก่าสมัยโซเวียตหมดเกลี้ยง ทำให้อี NATO ต้องส่งทหารนาโต้เข้ามาประจำการ เหตุเพราะทหารยูเครน มันใช้อาวุธตะวันตกไม่เป็นน่ะสิ เมื่ออาวุธมาพร้อมกับคนใช้เป็น คำตอบคือ ตายโหงทั้งอาวุธและคนใช้ เมื่อตายไปเยอะ ก็ยิ่งแค้นจัด ส่งเพิ่มเข้ามา ส่งเติมเข้ามา ก็ถูกกับดักที่มารีโอโพสตายห่าในถ้ำใต้ดินเป็นพันตัว ลูกยาวลงหัวทุกวัน ทหารพิการทั้งกองทัพ ทั้งหมดมันคือภาพที่รัสเซียวางไว้ก่อนแล้ว นี่ไง อัจฉริยะตัวจริง! อาร์คติคระอุเดือด รัสเซียขยายฐานพื้นที่ในอาร์คติค ขยันสำรวจอลาสก้าเพิ่ม จนบินรบเหี้ยต้องตามประกบบินสำรวจรัสเซียเช้าเย็น หากวัดกันจริง ระยะห่างระหว่างสหรัฐ และรัสเซียในขั้วโลกเหนือห่างกันแค่ 4 กิโลเมตรเอง ไม่แปลก หากเหี้ยจะแตกแผ่นดิน ไม่ต้องถามว่า อลาสก้าจะยังอยู่มุย? รัสเซียปักป้ายจองคืนไว้นานแล้ว แค่จะจ่าย หรือของฟรี เท่านั้นเอง! ฐานทัพอาร์คติคของรัสเซียขยายใหญ่เพิ่มขึ้นเยอะ ผู้คนเข้าอาร์คติคมากขึ้นจากการขยายฐานนั่นเอง ส่งผลให้ความมั่นคง แข็งแกร่งของรัสเซีย ในอาร์คติคเด่นชัดยิ่งขึ้น ฐานทัพเหี้ย ในนาม NATO ทางขั้วโลกเหนือ ไม่สามารถต่อกรกับรัสเซียได้เลย เพราะแค่เรือตัดน้ำแข็งยังไม่มี ไม่พังก็ซ่อม เพราะไม่ได้ใช้นานแล้ว แต่รัสเซียผลิตเพิ่ม ใช้เยอะ ใช้ทุกวัน ภาพมันฟ้อง "อาร์คติค" เป็นของใครเบ็ดเสร็จ ไม่แปลกที่จีนเข้ามาร่วมด้วย ขอมีเอี่ยว เพราะมันคือแหล่งแก็สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก ดังนั้น ตามรัสเซีย โลกจะไม่มีวันหมดพลังงานใช้เด็ดขาด มีเยอะ มีเกินกว่าที่มรึงจะคาดคิด สั้นๆ "กว้างใหญ่ไพศาลมโหฬารบานตะบือ" ข้ามวิกแป๊บ : ไอ้สัส! ดีใจแค่วันเดียว 25 กำลังจะไล่แจก ชาวบ้านอดอยากปากแห้ง เอาหมด ฝ่ายกฎหมายยิ้มแก้มปริ มรึงหาเรื่องไร้แผ่นดินอยู่ ไม่ทันไร ข้อกฎหมายออกมาจ่อหัวเพี๊ยบ เหี้ยมันรู้ อีนายกปลอมก็รู้ ไม่ทำแบบนี้ แล้วจะทำลายแผ่นดินไทยได้อย่างไร? กูบอกแล้วชิมิ? นโยบายไม่มีดอก รับงานอีเยรูซาเล็มมาเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานบ้านพ่อกู ดอก 10000 คุกยังไม่พอ ยังซ้ำดาบสองด้วยขึ้นค่าแรง 400 คนไทยไม่ได้ พม่า ลาว ขะแมร์เอาไปแดร๊กหมด นี่ไง ปชต.โคตรพ่องที่พวกมรึงใฝ่ฝัน เมื่อมรึงไม่แคร์ชาติและแผ่นดิน กูก็ไม่ต้องไว้หน้าไอ้พวกเสนียดเกาะกินแผ่นดินเช่นกัน ทำไปเหอะ ทุกอย่าง เอาอีก เอาให้เหี้ยกว่านี้ เอาให้สุดโต่ง ขายชาติ แบ่งขายกันไปเลย แล้วมรึงรอดูวันที่ศาลไคฟงลงดาบน่ะมรึง หายหมดเกลี้ยง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ นี่คือเกมส์ "เค้าเล่นกันไว้แบบนี้" ปล่อยทหารเค้าเดินหมากของเค้าไป มรึงอย่าอิน อย่าเครียดกันมาก ไม่มีดอกน่ะ ทำเหี้ยได้ดี ทำชั่วได้ดี มันมีแต่ในการ์ตูนหลอกควายเท่านั้น โลกความจริง ทุกอย่างย่อมต้องชดใช้! ตอนนี้ มรึงควรจะเชียร์ แจกให้ครบ จบทุกขบวนความ ใครรับ ก็เตรียมถูกฟ้องเรียกเงินคืน ไม่มีจ่าย ก็ต้องชดใช้คืน ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง เงินแจกฟรี มันมีแต่เฉพาะชาติที่เป็นง่อยเท่านั้น ไม่ทำมาหาแดร๊ก แบมือขอท่าเดียว! มรึงดูอีเมสซี่แลนด์ก็พอ ป่านนี้ ยังเป็นหนี้หัวบานกับ IMF ต้องทะยอยขายทรัพย์สินแผ่นดินเรื่อยไป งานนี้ พูดจริง คุกจริง ตายจริง เผ่นจริง ราบคาบ เบ็ดเสร็จ สงครามเค้าไม่ได้ดูกันที่วันแรก เค้าดูกันตอนจบ ถึงค่อยนับศพทหาร? ไม่ว่ามรึงจะเล่นแร่แปรวิญญาน ตอแหล แถไปเรื่อยยังไง สุดท้าย จบที่คุกเท่านั้น ปัญหาจะตามมาทันที ใครไม่ได้เงิน ใครได้ไม่ครบ ใครยังไม่ได้รับสิทธิ์ งานนี้ โดมิโน่ แอฟเฟคมาเต็ม ไม่อยากจะเดาว่าเละเทะแค่ไหน? ไปหมดเกลี้ยงทั้งอีแดง อีส้มเน่า แล้วยังจะเหลือใครอีกล่ะ? ก็เปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่ พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันใหม่ไงล่ะ ทุกอย่างมันเดินมาทรงนี้หมดแล้ว! รอดูดาบอาจารย์ฮันโซ ที่เสธ.แดงถือเอาไว้ให้ดีดี จะบั่นหัวไอ้เนรคุณขายชาติได้กี่ตัว? งานนี้ อาจไม่จบที่ศาล แต่ไปสุสานแทนซะก่อน?

    ปล.ดูภาพใหญ่เข้าไว้ โลกอาหรับ มุสลิม ลงแขกอียิวแล้ว รัสเซียลงแขกอี NATO แล้ว เหลือจีน โสมแดง กำลังจะลงแขกใครเอ่ย? เดาดูจิ? ด้านจีนคือทำลายรากฐานความมั่นคงด้านการเงินยิวเหี้ย จัดการกระทืบดอลล่าร์ตายคาตรีน จนเงินหยวนขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 ตอนนี้ นั่นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะต้องทำให้มันกลายเป็น 0 จนโลกลืมไปว่า อดีตเคยมีดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก ที่มาว่าทำไม จีนรุกหนักอุตสาหกรรมหนัก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV แหล่งแร่ พลังงาน ตลาดย่อยออนไลน์ โลจิสติค อาหาร ตลาดหุ้น ด้านการเงิน การธนาคาร แหล่งเงินทุน จีนไล่ทุบเส้นเลือดเหี้ยรายวัน นั่นคือแผนที่ขั้วใหม่เค้าวางเอาไว้ จีนเล่นบทบุ๋น รัสเซียเล่นบทบู๊ อิหร่านแฮปปี้ ได้ขย่มอียิวสัดนรกตายคาตรีนอย่างเอร็ดอร่อย โสมแดงรอเล่นบท "พระเอก" ปักธงโสมแดงบนยอดทำเนียบขาว ขยี้ปชต.หลอกแดร๊กโลกให้สิ้นซาก ช่วงนี้ จะเป็นช่วงเวลาโชว์ของหนัก อาวุธลับกันแล้ว สิ่งที่เหี้ยหนักใจที่สุดกำลังจะมา ไอ้ที่มรึงโดนมาตลอด 2 ปีกว่าเนี่ย นั่นแค่ออเดิร์ฟ ไอ้สัส! จีนยิงโชว์แล้ว ขีปนาวุธข้ามทวีป ส่งสัญญานตรงถึงวอชิงตัน อย่าห้าวเป้ง! กระจอกก็หลบไป ไอ้น้อง! อยู่ดีดี เรือเติมน้ำมันพัง เรือบรรทุกเครื่องบินจอดสนิท ถามจริงเหอะ! พิการซะขนาดนี้ ยังจะเสี้ยนตายโหงต่ออีกมุย? จะทำให้เหนื่อยไปทำไม? ไอ้อีอเมริกันควายในแผ่นดิน มันมีปัญญาจะทำอะไรมรึงได้ สร้างสตอรี่มาซะขนาดนี้ ประกาศไปเลย อเมริกาจะยกแผ่นดินให้อิสราเอลมาอยู่แทน ปรับชาวอเมริกันเป็นประชาชนชั้น 2 คือจบทันที ยิวได้แผ่นดินใหม่ มรึงไม่ต้องตายห่าสูญพันธุ์ โลกไม่ต้องการมรึง ต่างคนต่างอยู่ ที่ทำไปทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพื่ออียิวตอแหลสลัดหมาเหรอ? ยิ่งนานวัน มรึงยิ่งจะเสียหมามากขึ้นเรื่อยๆ หมดสภาพ สุดท้ายถูกหั่น แตกยับ ตอนโซเวียตแตก ทุกอย่างยังอยู่ครบ แค่ใช้ชื่อใหม่ และปูตินตามมาเก็บกลับคืนแผ่นดินแม่ได้หมด ต่างจากอเมริกา ที่จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล ไม่เหลือเรื่องราวให้เล่าขานอีกต่อไป นอกจากเรื่องเหยียบดวงจันทร์ตอแหลนั่นแหละ โลกจะล้อมรึงไปอีก 1000 ปี เกมส์เพิ่งจะเริ่ม จับตาดูโลกให้ดีดี อะไรมันมักจะไปไวมาไวเสมอ ยามสิ้นกลียุค ถูกปูพรมหายเรียบวุธ! กระแสโลกมันเดินมาทางเดียวหมดแล้ว ใครดี ใครเหี้ย รู้แจ้งจางปางหมดเกลี้ยง?

    หมี CNN(ยุคคาวบอยกำลังจะสิ้นสุด เข้าสู่ยุคปัญญา ไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องขู่ บีบปากท้องก็ตายห่าแล้ว นุ๊กไร้น้ำยา ขู่หมายังไม่ได้ จะเปิดเกมส์ใหญ่ แต่ปัญญาไม่มี ถังแตก หมดตูด จะเอาเหี้ยอะไรแดร๊ก อย่าว่าจะเปิดศึกเลย อเมริกาคือหมา(รับใช้) อังกฤษคือหมา(รับใช้) ส่วนอิสราเอลคือเหี้ย(ตัวบงการใหญ่) ส่วนอีเรปทีเรี่ยนคือเหี้ยกว่า(ตัวสั่งตัวบงการอีกที) สุดท้ายแสงพาลงทัวร์ขุมนรกกันหมด มาทางไหน ก็เชิญกลับไปทางนั้น ไฟนรกเหมาะกับมรึง วันพิพากษาใกล้เข้ามาแล้ว WWIII แค่ชื่อเรียก นรกบนดินผุดขึ้นมา
    26 กย. 67
    12.35 น.

    https://linevoom.line.me/post/1172732901793834377
    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    26-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.9 ตอน "KILL THEM(FCUK JEWS BASTARD) ALL" ล่อกันเมามันส์ เปิดฉากแลกกันแบบลืมหายใจ เสี้ยนอยากตาย จัดให้! เฮซบอเลาะห์ถล่มใส่ฐานบัญชาการ "อีมดสัด" แตกกระจุย กลางกรุงเทลอาวีฟ ช็อคแดร๊ก! สื่อตี 40000 เข้าช่วยเลบานอน ของจริงมาเป็นแสนไอ้สัส มาจากไหนไม่รู้? เลบานอนช่วงโปรไฟไหม้ คึกคักสัด อย่างกะปลากระดี่ได้น้ำ ดาหน้ายกพลเตรียมขึ้นบก เอาส้นตรีนไปขยี้หน้าทหารยิวเหี้ยนอนตายเกลื่อน ตอนเหนือแค่ป่าช้า! หลังจีนประกาศอุ้มเลบานอนเต็มเหนี่ยว ของก็ถึงมือทันที อะไรน่ะเหรอ? "โดรน AI" MADE IN CHINA เยเมนกลัวเหงาจัด ไอ้สัส! ทะเลแดงเงียบกริบ เหี้ยมันหายหัวไปไหนหมดฟ่ะ? ขอร่วมแจมเลบานอน ส่งมือดี เพชรฆาตรัตติกาล เข้าไปช่วยซ้อมเป้า อีเหี้ยมะกันเห็นลวกเพ่ยิวขี้แตก หวังจะเข้าไปช่วย โดนลูกยาวขู่ มรึงเข้าคือตายโหง! ตอนนี้ โลกอาหรับ มุสลิม ลงแขกอียิวแล้ว ปิดช่องทางหลบหนี เปิดให้แลกซึ่งหน้าอย่างเดียว แบบนี้ อียิวก็ตายโหงตายห่าชัวร์ จะเอาเหี้ยอะไรไปสู้ได้ล่ะ? สื่อหลอกควาย ควายก็โง่บัดซบ แค่ใช้สติ ไม่ต้องเสพข่าว ยังรู้ ว่าใครได้เปรียบ เสียเปรียบยังไง? โลกน่ะมรึง! มรึงสู้กับทั้งโลกไหวเหรอ ดีออก? คำว่า "ลงแขก" ไม่ใช่เอาแค่มรึงแพ้ หรือตาย งานนี้ ใบสั่งมุสลิมทั้งโลก "เอาให้สูญพันธุ์ยิว" ยิวเหี้ยไซออนนิสต์ทั้งหลาย เชิญกลับขุมนรกตามพ่อเหี้ยลูซิเฟอร์มรึงไปซ่ะน่ะ! ถล่มฐานลับอีมดสัดได้ มรึงไม่ต้องไปหาข่าวกรองที่ไหนอีกแล้ว แบบว่ารั่วสุดขีด เกลือเป็นหนอนทั้งนั้น! ไม่ทันไร รัสเซียเพิ่งจะออกอาวุธใหม่อีกดอก เหี้ยจะอยู่ต่อไหวเหรอ? แผนปูตินหลายชั้น ก่อนเปิดยูเครน ล่อยูเครนจนคลังอาวุธเก่าสมัยโซเวียตหมดเกลี้ยง ทำให้อี NATO ต้องส่งทหารนาโต้เข้ามาประจำการ เหตุเพราะทหารยูเครน มันใช้อาวุธตะวันตกไม่เป็นน่ะสิ เมื่ออาวุธมาพร้อมกับคนใช้เป็น คำตอบคือ ตายโหงทั้งอาวุธและคนใช้ เมื่อตายไปเยอะ ก็ยิ่งแค้นจัด ส่งเพิ่มเข้ามา ส่งเติมเข้ามา ก็ถูกกับดักที่มารีโอโพสตายห่าในถ้ำใต้ดินเป็นพันตัว ลูกยาวลงหัวทุกวัน ทหารพิการทั้งกองทัพ ทั้งหมดมันคือภาพที่รัสเซียวางไว้ก่อนแล้ว นี่ไง อัจฉริยะตัวจริง! อาร์คติคระอุเดือด รัสเซียขยายฐานพื้นที่ในอาร์คติค ขยันสำรวจอลาสก้าเพิ่ม จนบินรบเหี้ยต้องตามประกบบินสำรวจรัสเซียเช้าเย็น หากวัดกันจริง ระยะห่างระหว่างสหรัฐ และรัสเซียในขั้วโลกเหนือห่างกันแค่ 4 กิโลเมตรเอง ไม่แปลก หากเหี้ยจะแตกแผ่นดิน ไม่ต้องถามว่า อลาสก้าจะยังอยู่มุย? รัสเซียปักป้ายจองคืนไว้นานแล้ว แค่จะจ่าย หรือของฟรี เท่านั้นเอง! ฐานทัพอาร์คติคของรัสเซียขยายใหญ่เพิ่มขึ้นเยอะ ผู้คนเข้าอาร์คติคมากขึ้นจากการขยายฐานนั่นเอง ส่งผลให้ความมั่นคง แข็งแกร่งของรัสเซีย ในอาร์คติคเด่นชัดยิ่งขึ้น ฐานทัพเหี้ย ในนาม NATO ทางขั้วโลกเหนือ ไม่สามารถต่อกรกับรัสเซียได้เลย เพราะแค่เรือตัดน้ำแข็งยังไม่มี ไม่พังก็ซ่อม เพราะไม่ได้ใช้นานแล้ว แต่รัสเซียผลิตเพิ่ม ใช้เยอะ ใช้ทุกวัน ภาพมันฟ้อง "อาร์คติค" เป็นของใครเบ็ดเสร็จ ไม่แปลกที่จีนเข้ามาร่วมด้วย ขอมีเอี่ยว เพราะมันคือแหล่งแก็สธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดใน 3 โลก ดังนั้น ตามรัสเซีย โลกจะไม่มีวันหมดพลังงานใช้เด็ดขาด มีเยอะ มีเกินกว่าที่มรึงจะคาดคิด สั้นๆ "กว้างใหญ่ไพศาลมโหฬารบานตะบือ" ข้ามวิกแป๊บ : ไอ้สัส! ดีใจแค่วันเดียว 25 กำลังจะไล่แจก ชาวบ้านอดอยากปากแห้ง เอาหมด ฝ่ายกฎหมายยิ้มแก้มปริ มรึงหาเรื่องไร้แผ่นดินอยู่ ไม่ทันไร ข้อกฎหมายออกมาจ่อหัวเพี๊ยบ เหี้ยมันรู้ อีนายกปลอมก็รู้ ไม่ทำแบบนี้ แล้วจะทำลายแผ่นดินไทยได้อย่างไร? กูบอกแล้วชิมิ? นโยบายไม่มีดอก รับงานอีเยรูซาเล็มมาเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานบ้านพ่อกู ดอก 10000 คุกยังไม่พอ ยังซ้ำดาบสองด้วยขึ้นค่าแรง 400 คนไทยไม่ได้ พม่า ลาว ขะแมร์เอาไปแดร๊กหมด นี่ไง ปชต.โคตรพ่องที่พวกมรึงใฝ่ฝัน เมื่อมรึงไม่แคร์ชาติและแผ่นดิน กูก็ไม่ต้องไว้หน้าไอ้พวกเสนียดเกาะกินแผ่นดินเช่นกัน ทำไปเหอะ ทุกอย่าง เอาอีก เอาให้เหี้ยกว่านี้ เอาให้สุดโต่ง ขายชาติ แบ่งขายกันไปเลย แล้วมรึงรอดูวันที่ศาลไคฟงลงดาบน่ะมรึง หายหมดเกลี้ยง ใครจะโง่อยู่รอโดนเชือดกันล่ะ นี่คือเกมส์ "เค้าเล่นกันไว้แบบนี้" ปล่อยทหารเค้าเดินหมากของเค้าไป มรึงอย่าอิน อย่าเครียดกันมาก ไม่มีดอกน่ะ ทำเหี้ยได้ดี ทำชั่วได้ดี มันมีแต่ในการ์ตูนหลอกควายเท่านั้น โลกความจริง ทุกอย่างย่อมต้องชดใช้! ตอนนี้ มรึงควรจะเชียร์ แจกให้ครบ จบทุกขบวนความ ใครรับ ก็เตรียมถูกฟ้องเรียกเงินคืน ไม่มีจ่าย ก็ต้องชดใช้คืน ไม่ว่าทางใดก็ทางนึง เงินแจกฟรี มันมีแต่เฉพาะชาติที่เป็นง่อยเท่านั้น ไม่ทำมาหาแดร๊ก แบมือขอท่าเดียว! มรึงดูอีเมสซี่แลนด์ก็พอ ป่านนี้ ยังเป็นหนี้หัวบานกับ IMF ต้องทะยอยขายทรัพย์สินแผ่นดินเรื่อยไป งานนี้ พูดจริง คุกจริง ตายจริง เผ่นจริง ราบคาบ เบ็ดเสร็จ สงครามเค้าไม่ได้ดูกันที่วันแรก เค้าดูกันตอนจบ ถึงค่อยนับศพทหาร? ไม่ว่ามรึงจะเล่นแร่แปรวิญญาน ตอแหล แถไปเรื่อยยังไง สุดท้าย จบที่คุกเท่านั้น ปัญหาจะตามมาทันที ใครไม่ได้เงิน ใครได้ไม่ครบ ใครยังไม่ได้รับสิทธิ์ งานนี้ โดมิโน่ แอฟเฟคมาเต็ม ไม่อยากจะเดาว่าเละเทะแค่ไหน? ไปหมดเกลี้ยงทั้งอีแดง อีส้มเน่า แล้วยังจะเหลือใครอีกล่ะ? ก็เปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่ พลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกันใหม่ไงล่ะ ทุกอย่างมันเดินมาทรงนี้หมดแล้ว! รอดูดาบอาจารย์ฮันโซ ที่เสธ.แดงถือเอาไว้ให้ดีดี จะบั่นหัวไอ้เนรคุณขายชาติได้กี่ตัว? งานนี้ อาจไม่จบที่ศาล แต่ไปสุสานแทนซะก่อน? ปล.ดูภาพใหญ่เข้าไว้ โลกอาหรับ มุสลิม ลงแขกอียิวแล้ว รัสเซียลงแขกอี NATO แล้ว เหลือจีน โสมแดง กำลังจะลงแขกใครเอ่ย? เดาดูจิ? ด้านจีนคือทำลายรากฐานความมั่นคงด้านการเงินยิวเหี้ย จัดการกระทืบดอลล่าร์ตายคาตรีน จนเงินหยวนขึ้นมาแซงเป็นอันดับ 1 ตอนนี้ นั่นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะต้องทำให้มันกลายเป็น 0 จนโลกลืมไปว่า อดีตเคยมีดอลลาร์เป็นสกุลเงินหลักของโลก ที่มาว่าทำไม จีนรุกหนักอุตสาหกรรมหนัก ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ EV แหล่งแร่ พลังงาน ตลาดย่อยออนไลน์ โลจิสติค อาหาร ตลาดหุ้น ด้านการเงิน การธนาคาร แหล่งเงินทุน จีนไล่ทุบเส้นเลือดเหี้ยรายวัน นั่นคือแผนที่ขั้วใหม่เค้าวางเอาไว้ จีนเล่นบทบุ๋น รัสเซียเล่นบทบู๊ อิหร่านแฮปปี้ ได้ขย่มอียิวสัดนรกตายคาตรีนอย่างเอร็ดอร่อย โสมแดงรอเล่นบท "พระเอก" ปักธงโสมแดงบนยอดทำเนียบขาว ขยี้ปชต.หลอกแดร๊กโลกให้สิ้นซาก ช่วงนี้ จะเป็นช่วงเวลาโชว์ของหนัก อาวุธลับกันแล้ว สิ่งที่เหี้ยหนักใจที่สุดกำลังจะมา ไอ้ที่มรึงโดนมาตลอด 2 ปีกว่าเนี่ย นั่นแค่ออเดิร์ฟ ไอ้สัส! จีนยิงโชว์แล้ว ขีปนาวุธข้ามทวีป ส่งสัญญานตรงถึงวอชิงตัน อย่าห้าวเป้ง! กระจอกก็หลบไป ไอ้น้อง! อยู่ดีดี เรือเติมน้ำมันพัง เรือบรรทุกเครื่องบินจอดสนิท ถามจริงเหอะ! พิการซะขนาดนี้ ยังจะเสี้ยนตายโหงต่ออีกมุย? จะทำให้เหนื่อยไปทำไม? ไอ้อีอเมริกันควายในแผ่นดิน มันมีปัญญาจะทำอะไรมรึงได้ สร้างสตอรี่มาซะขนาดนี้ ประกาศไปเลย อเมริกาจะยกแผ่นดินให้อิสราเอลมาอยู่แทน ปรับชาวอเมริกันเป็นประชาชนชั้น 2 คือจบทันที ยิวได้แผ่นดินใหม่ มรึงไม่ต้องตายห่าสูญพันธุ์ โลกไม่ต้องการมรึง ต่างคนต่างอยู่ ที่ทำไปทั้งหมด ก็ไม่ใช่เพื่ออียิวตอแหลสลัดหมาเหรอ? ยิ่งนานวัน มรึงยิ่งจะเสียหมามากขึ้นเรื่อยๆ หมดสภาพ สุดท้ายถูกหั่น แตกยับ ตอนโซเวียตแตก ทุกอย่างยังอยู่ครบ แค่ใช้ชื่อใหม่ และปูตินตามมาเก็บกลับคืนแผ่นดินแม่ได้หมด ต่างจากอเมริกา ที่จะสูญพันธุ์ไปตลอดกาล ไม่เหลือเรื่องราวให้เล่าขานอีกต่อไป นอกจากเรื่องเหยียบดวงจันทร์ตอแหลนั่นแหละ โลกจะล้อมรึงไปอีก 1000 ปี เกมส์เพิ่งจะเริ่ม จับตาดูโลกให้ดีดี อะไรมันมักจะไปไวมาไวเสมอ ยามสิ้นกลียุค ถูกปูพรมหายเรียบวุธ! กระแสโลกมันเดินมาทางเดียวหมดแล้ว ใครดี ใครเหี้ย รู้แจ้งจางปางหมดเกลี้ยง? หมี CNN(ยุคคาวบอยกำลังจะสิ้นสุด เข้าสู่ยุคปัญญา ไม่ต้องฆ่า ไม่ต้องขู่ บีบปากท้องก็ตายห่าแล้ว นุ๊กไร้น้ำยา ขู่หมายังไม่ได้ จะเปิดเกมส์ใหญ่ แต่ปัญญาไม่มี ถังแตก หมดตูด จะเอาเหี้ยอะไรแดร๊ก อย่าว่าจะเปิดศึกเลย อเมริกาคือหมา(รับใช้) อังกฤษคือหมา(รับใช้) ส่วนอิสราเอลคือเหี้ย(ตัวบงการใหญ่) ส่วนอีเรปทีเรี่ยนคือเหี้ยกว่า(ตัวสั่งตัวบงการอีกที) สุดท้ายแสงพาลงทัวร์ขุมนรกกันหมด มาทางไหน ก็เชิญกลับไปทางนั้น ไฟนรกเหมาะกับมรึง วันพิพากษาใกล้เข้ามาแล้ว WWIII แค่ชื่อเรียก นรกบนดินผุดขึ้นมา 26 กย. 67 12.35 น. https://linevoom.line.me/post/1172732901793834377 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • #กินเจ
    #มังสวิรัติ
    #ต้มมะระผักกาดดอง
    #thaitimes
    #สูตรจีน


    ขอเชิญชวนทุกคน วันพระละเว้นเนื้อสัตว์สักหนึ่งวันต่อสัปดาห์กันครับ

    ต้มมะระผักกาดดองสูตรจีนโบราณจากคุณมุ่ย ญาติธรรมในซอยแบ่งปันมาให้ข้าพเจ้า หน้าตาใช่เลยและรสชาติก็ใช่ คนทำบอกว่าต้องเอามะระไปถูเกลือก่อนแล้วไปทอดเล็กน้อยก่อนเอามาต้มกับผักกาดดอง ใส่มะเขือเทศ เห็ดหอม ชามนี้มีสามรส

    เปรี้ยวอมหวานปนเค็ม ต้องกินพร้อมข้าวจะพอดี ถ้ากินเพียวๆจะเข้มเกินไป
    #กินเจ #มังสวิรัติ #ต้มมะระผักกาดดอง #thaitimes #สูตรจีน ขอเชิญชวนทุกคน วันพระละเว้นเนื้อสัตว์สักหนึ่งวันต่อสัปดาห์กันครับ ต้มมะระผักกาดดองสูตรจีนโบราณจากคุณมุ่ย ญาติธรรมในซอยแบ่งปันมาให้ข้าพเจ้า หน้าตาใช่เลยและรสชาติก็ใช่ คนทำบอกว่าต้องเอามะระไปถูเกลือก่อนแล้วไปทอดเล็กน้อยก่อนเอามาต้มกับผักกาดดอง ใส่มะเขือเทศ เห็ดหอม ชามนี้มีสามรส เปรี้ยวอมหวานปนเค็ม ต้องกินพร้อมข้าวจะพอดี ถ้ากินเพียวๆจะเข้มเกินไป
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Cuve’e Tiwanon : เดอะ คิวเว่ ติวานนท์, นนทบุรี

    คอนโด The Cuvee Tiwanon ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า MRT ติดสถานีแยกติวานนท์ เนื้อที่ 31.27 ตร.ม. ขาย 3.86 ลบ.

    ** ราคา 3,860,000 บาท

    รายละเอียดห้อง
    ➤ Home automation
    ➤ Digital mirror
    ➤ เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว
    ➤ 1 Bedroom
    ➤ 1 Bathroom
    ➤ เนื้อที่ : 31.27 ตร.ม
    ➤ ห้องนอน : 1 ห้อง
    ➤ ห้องน้ำ : 1 ห้อง

    สิ่งอำนวยความสะดวก
    ➤ Lobby
    ➤ Mailbox
    ➤ สระว่ายน้ำระบบเกลือ
    ➤ ฟิตเนส
    ➤ ซาวน่า
    ➤ ห้องอเนกประสงค์
    ➤ Lounge
    ➤ สวนเล่นระดับ-สวนหย่อม
    ➤ รปภ. 24 ชม. + CCTV

    สถานที่ใกล้เคียง
    ➤ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
    ➤ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์
    ➤ เทสโก้ โลตัส
    ➤ บิ๊กซี
    ➤ รพ.นนทเวช
    ➤ รพ.เกษมราษฎร์
    ➤ กระทรวงสาธารณสุข
    ➤ ม.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ

    ขนส่งสาธารณะ
    ➤ รถไฟฟ้า MRT แยกติวานนท์
    ➤ ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี
    ➤ ถนนงามวงศ์วาน
    ➤ถนนวงศ์สว่าง
    ➤ ทางด่วนขั้นที่ 2

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    The Cuve’e Tiwanon : เดอะ คิวเว่ ติวานนท์, นนทบุรี คอนโด The Cuvee Tiwanon ติดถนนใหญ่ ติดรถไฟฟ้า MRT ติดสถานีแยกติวานนท์ เนื้อที่ 31.27 ตร.ม. ขาย 3.86 ลบ. ** ราคา 3,860,000 บาท รายละเอียดห้อง ➤ Home automation ➤ Digital mirror ➤ เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว ➤ 1 Bedroom ➤ 1 Bathroom ➤ เนื้อที่ : 31.27 ตร.ม ➤ ห้องนอน : 1 ห้อง ➤ ห้องน้ำ : 1 ห้อง สิ่งอำนวยความสะดวก ➤ Lobby ➤ Mailbox ➤ สระว่ายน้ำระบบเกลือ ➤ ฟิตเนส ➤ ซาวน่า ➤ ห้องอเนกประสงค์ ➤ Lounge ➤ สวนเล่นระดับ-สวนหย่อม ➤ รปภ. 24 ชม. + CCTV สถานที่ใกล้เคียง ➤ เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน ➤ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ ➤ เทสโก้ โลตัส ➤ บิ๊กซี ➤ รพ.นนทเวช ➤ รพ.เกษมราษฎร์ ➤ กระทรวงสาธารณสุข ➤ ม.พระจอมเกล้าพระนครเหนือ ขนส่งสาธารณะ ➤ รถไฟฟ้า MRT แยกติวานนท์ ➤ ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี ➤ ถนนงามวงศ์วาน ➤ถนนวงศ์สว่าง ➤ ทางด่วนขั้นที่ 2 ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • Flexi Taopoon-Interchange : เฟล็กซี่ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์

    ✧ รายละเอียด ✧

    ⋆ เฟล็กซี่ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียง 4 นาที และใกล้ทางด่วนศรีรัช เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
    ⋆ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำมากมาย
    ⋆โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ต ใจกลางเมือง เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สถานี ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ห้องพักกว้างขวาง โปร่งสบาย พร้อมครัวปิดที่แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นสัดส่วน ให้คุณได้ใช้เวลาทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน ห้องพักมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ให้คุณหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที
    ⋆ ห้องนอนทุกห้องติดระเบียงหรือช่องแสง ให้คุณได้นอนชมวิวภายนอกไปด้วยได้ เพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ให้คุณใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งทำงานหรือ Walk-in Closet ก็สามารถทำได้ตามใจปรารถนา

    ⟢ สิ่งอำนวยความสะดวก ⟢
    ⋆ Clubhouse
    ⋆ Fitness
    ⋆ Swimming Pool ระบบเกลือ
    ⋆ Co-Working Space
    ⋆ EV Charger
    ⋆ Solar Cell
    ⋆ ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
    ⋆ สวนส่วนกลาง
    ⋆ ที่จอดรถ 253 คัน แบบรวมจอดซ้อนคัน
    ⋆ Shuttle Service บริการรับ-ส่ง MRT
    ⋆ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access ระบบ Bluetooth ระยะไกล

    ⊹ สถานที่ใกล้เคียง ⊹

    ห้างสรรพสินค้า & ตลาด
    ⋆ ตลาดศรีเขมา ~ 1.1 k.
    ⋆ ตลาดเตาปูน ~ 2.2 km.
    ⋆ Tesco Lotus บางซื่อ ~ 3.1 km.
    ⋆ Makro สามเสน ~ 3.5 km.
    ⋆ BigC วงศ์สว่าง ~ 4.2 km.
    ⋆ The Mall งามวงศ์วาน ~ 8.1 km.
    ⋆ Central ลาดพร้าว ~ 9.9 km.

    ศูนย์การแพทย์
    ⋆โรงพยาบาลบางโพ ~ 1.3 km.

    สถานศึกษา
    ⋆โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 950 m.
    ⋆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 3 km.
    ⋆โรงเรียนราชินีบน ~ 3.3 km.

    สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ
    ⋆ รัฐสภาใหม่ ~ 2.4 km.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Flexi Taopoon-Interchange : เฟล็กซี่ เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์ ✧ รายละเอียด ✧ ⋆ เฟล็กซี่ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ ใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียง 4 นาที และใกล้ทางด่วนศรีรัช เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ ⋆ ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง สถานศึกษา และสถานพยาบาลชั้นนำมากมาย ⋆โดดเด่นด้วยสไตล์โมเดิร์นรีสอร์ต ใจกลางเมือง เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 3 สถานี ให้คุณเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ห้องพักกว้างขวาง โปร่งสบาย พร้อมครัวปิดที่แบ่งสัดส่วนอย่างเป็นสัดส่วน ให้คุณได้ใช้เวลาทำอาหารอย่างเพลิดเพลิน ห้องพักมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบชุด ให้คุณหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้ทันที ⋆ ห้องนอนทุกห้องติดระเบียงหรือช่องแสง ให้คุณได้นอนชมวิวภายนอกไปด้วยได้ เพิ่มพื้นที่อเนกประสงค์ให้คุณใช้งานได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งทำงานหรือ Walk-in Closet ก็สามารถทำได้ตามใจปรารถนา ⟢ สิ่งอำนวยความสะดวก ⟢ ⋆ Clubhouse ⋆ Fitness ⋆ Swimming Pool ระบบเกลือ ⋆ Co-Working Space ⋆ EV Charger ⋆ Solar Cell ⋆ ลิฟต์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร ⋆ สวนส่วนกลาง ⋆ ที่จอดรถ 253 คัน แบบรวมจอดซ้อนคัน ⋆ Shuttle Service บริการรับ-ส่ง MRT ⋆ ระบบรักษาความปลอดภัยในโครงการ CCTV / Key Card Access ระบบ Bluetooth ระยะไกล ⊹ สถานที่ใกล้เคียง ⊹ ห้างสรรพสินค้า & ตลาด ⋆ ตลาดศรีเขมา ~ 1.1 k. ⋆ ตลาดเตาปูน ~ 2.2 km. ⋆ Tesco Lotus บางซื่อ ~ 3.1 km. ⋆ Makro สามเสน ~ 3.5 km. ⋆ BigC วงศ์สว่าง ~ 4.2 km. ⋆ The Mall งามวงศ์วาน ~ 8.1 km. ⋆ Central ลาดพร้าว ~ 9.9 km. ศูนย์การแพทย์ ⋆โรงพยาบาลบางโพ ~ 1.3 km. สถานศึกษา ⋆โรงเรียนโยธินบูรณะ ~ 950 m. ⋆ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ~ 3 km. ⋆โรงเรียนราชินีบน ~ 3.3 km. สถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นๆ ⋆ รัฐสภาใหม่ ~ 2.4 km. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 338 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตักบาตร >>> วันที่ 1,624
    วันศุกร์: ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ (13 September 2024)

    ใส่บาตรภิกษุ/สามเณร 25 รูป เป็นเงิน 300 บาท
    ตลาดบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ

    สิ่งของ Set A ชุดละ 12 บาท จำนวน 10 ชุด
    1. ถั่วปากอ้า อบเกลือ โก๋แก๋ 20g. (3 บาท)
    2. แครกเกอร์ มอลคิสท์ รสดั้งเดิม 14g. (2 บาท)
    3. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท)
    4. คุกกี้ ราดช็อกโกแลต ครีมโอ 13g. (2 บาท)
    5. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท)
    6. ลูกอม เมนทอส ซาวร์มิกซ์ 2.7g. 4 เม็ด (1 บาท)

    สิ่งของ Set B ชุดละ 12 บาท จำนวน 15 ชุด
    1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ หมูสับ 60g. (6 บาท)
    2. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท)
    3. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท)
    4. ลูกอม เมนทอส รสโคล่า 2.7g. 8 เม็ด (2 บาท)
    #ทำบุญตักบาตรโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๒ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ตักบาตร >>> วันที่ 1,624 วันศุกร์: ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ (13 September 2024) ใส่บาตรภิกษุ/สามเณร 25 รูป เป็นเงิน 300 บาท ตลาดบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ สิ่งของ Set A ชุดละ 12 บาท จำนวน 10 ชุด 1. ถั่วปากอ้า อบเกลือ โก๋แก๋ 20g. (3 บาท) 2. แครกเกอร์ มอลคิสท์ รสดั้งเดิม 14g. (2 บาท) 3. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท) 4. คุกกี้ ราดช็อกโกแลต ครีมโอ 13g. (2 บาท) 5. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท) 6. ลูกอม เมนทอส ซาวร์มิกซ์ 2.7g. 4 เม็ด (1 บาท) สิ่งของ Set B ชุดละ 12 บาท จำนวน 15 ชุด 1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ หมูสับ 60g. (6 บาท) 2. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท) 3. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท) 4. ลูกอม เมนทอส รสโคล่า 2.7g. 8 เม็ด (2 บาท) #ทำบุญตักบาตรโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๒ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตักบาตร >>> วันที่ 1,624
    วันศุกร์: ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ (13 September 2024)

    ใส่บาตรภิกษุ/สามเณร 25 รูป เป็นเงิน 300 บาท
    ตลาดบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ

    สิ่งของ Set A ชุดละ 12 บาท จำนวน 10 ชุด
    1. ถั่วปากอ้า อบเกลือ โก๋แก๋ 20g. (3 บาท)
    2. แครกเกอร์ มอลคิสท์ รสดั้งเดิม 14g. (2 บาท)
    3. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท)
    4. คุกกี้ ราดช็อกโกแลต ครีมโอ 13g. (2 บาท)
    5. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท)
    6. ลูกอม เมนทอส ซาวร์มิกซ์ 2.7g. 4 เม็ด (1 บาท)

    สิ่งของ Set B ชุดละ 12 บาท จำนวน 15 ชุด
    1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ หมูสับ 60g. (6 บาท)
    2. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท)
    3. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท)
    4. ลูกอม เมนทอส รสโคล่า 2.7g. 8 เม็ด (2 บาท)
    #ทำบุญตักบาตรโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๒ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ตักบาตร >>> วันที่ 1,624 วันศุกร์: ขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๗ (13 September 2024) ใส่บาตรภิกษุ/สามเณร 25 รูป เป็นเงิน 300 บาท ตลาดบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ สิ่งของ Set A ชุดละ 12 บาท จำนวน 10 ชุด 1. ถั่วปากอ้า อบเกลือ โก๋แก๋ 20g. (3 บาท) 2. แครกเกอร์ มอลคิสท์ รสดั้งเดิม 14g. (2 บาท) 3. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท) 4. คุกกี้ ราดช็อกโกแลต ครีมโอ 13g. (2 บาท) 5. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท) 6. ลูกอม เมนทอส ซาวร์มิกซ์ 2.7g. 4 เม็ด (1 บาท) สิ่งของ Set B ชุดละ 12 บาท จำนวน 15 ชุด 1. บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยำยำ หมูสับ 60g. (6 บาท) 2. เลเยอร์เค้ก เฟอร์เชย์ รสใบเตย 15g. (2 บาท) 3. กาแฟ 3in1 Indocafe Espresso 15g. (2 บาท) 4. ลูกอม เมนทอส รสโคล่า 2.7g. 8 เม็ด (2 บาท) #ทำบุญตักบาตรโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๒ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย
    เหมือนจะธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดา
    ซาบะนึ่งเกลือ ดูว่าง่าย แต่รสชาติไม่ธรรมดานะจ๊ะ
    เหมือนจะง่าย แต่ไม่ง่าย เหมือนจะธรรมดา แต่ก็ไม่ธรรมดา ซาบะนึ่งเกลือ ดูว่าง่าย แต่รสชาติไม่ธรรมดานะจ๊ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
    ตอนที่เราจะตาย มันคงคล้ายนี้หรือหนักกว่าอีกมาก แค่ที่เจอเมื่อวานรู้เลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เรายังครองสติไม่ได้แน่ อาการปวดหัวรุนแรงอย่างไม่เคยเป็นในชีวิต อาเจียนตลอดทางไปห้อง ER อาการอย่างกับเมารถคลื่นไส้แบบทวีคูณ เอาน้ำแข็งประคบที่ศรีษะไว้ตลอด กลัวมากๆ ว่าถ้าเป็นเส้นเลือดสมองแตก ตายไปก่อนพ่อก่อนแม่ แล้วใครจะดูแลท่าน ตอนที่นอนอยู่ในเตียงปฐมพยาบาลห้องฉุกเฉิน อาการทุเลาแล้ว อาเจียนไปตั้ง 12 ครั้ง ปวดหัวเริ่มสงบลง ถูกแทงสายน้ำเกลือเข้าหลังมือ ไม่เจ็บเท่าไร แต่ที่มันคาอยู่อย่างนั้น แล้วนอนอยู่ในเตียงแคบๆ มันอึดอัดรำคาญขยับทางไหนไม่ได้ คิดถึงว่าถ้านอนอยู่ในโลงศพก็คงแบบนี้ ได้แต่มองหยดน้ำเกลือไหลวูบๆ ทำอะไรไม่ได้มากกว่านั้น ยังปวดหัวอยู่บ้าง นอนราบลงตอนแรกก็พอสบาย ไม่คลื่นไส้มากแล้ว แต่นานไปก็ไม่ค่อยสบายนัก กระสับกระส่าย ผะอืดผะอม เพราะก็ไม่รู้ตัวเองเป็นอะไร คุณหมอพยาบาล ไม่ได้บอกอะไรเพิ่ม ให้แค่รอดูอาการ เวลานั้นปกติถ้าอยู่บ้านจะต้องเป็นคนเตรียมอาหารให้น้องหมาทั้งสามตัว ก่อนออกมาเทอาหารเม็ดไว้ให้หน่อยเดียว คงจะไม่พออิ่มแน่ ดูอาการตัวเองที่คิดกังวล คิดห่วงหมา คิดห่วงคน พยายามพุทโธ แล้วร่างกายก็ส่งสัญญาณอยากขับถ่ายขึ้นมาอีก อาการที่ประดังเข้ามานี่คือเราไม่ได้เตรียมพร้อมเลย ถ้าความตายมาถึงเราจะรับมือกับความพะวักพะวนอย่างนี้ได้ยังไง นี่แค่ทุกขเวทนาระดับกลาง บวกความกังวล ความคิดที่ไม่นิ่ง มันอยากจะลุกออกจากเตียงไปเดี๋ยวนั้นแต่ก็ทำไม่ได้ เวลาประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแต่มันช่างยาวนาน ยกมือเร่งขอบอกคุณหมอพยาบาลว่า รู้สึกดีขึ้นแล้วไปได้รึยังคะ ทำท่าสดชื่นเพื่อให้ออกไปได้เร็วๆ แต่ก็ยังต้องรอ พอรับยากลับบ้าน ระหว่างทางก็อาเจียนออกมาอีก แต่ตอนนั้นรู้แล้วว่าหมดแล้ว กลับถึงบ้านอาบน้ำก็เข้าพัก หลับสนิทไปเลย เช้าวันนี้ตื่นมาไม่เหลือร่องรอยความทุรนทุรายแล้ว ยังวิงเวียนเล็กน้อย แต่กำลังวังชาดีทำงานได้ ไม่มีไข้ ไม่เจ็บปวดอะไร คิดว่าโชคดีมากแล้ว ที่วันนี้ยังมีชีวิตรอด และมีเครื่องเตือนใจให้เรารำลึกถึงความตาย ที่อาจมาถึงในวันใดวันหนึ่งที่เราจะไม่ได้มีการเตรียมการใดได้ทันเลย ถ้าเรายังประมาทอยู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดร้านเด็ดที่ซีฟู้ดสดแบบไม่มีอะไรกั้น กับ "บ้านปูเป็น 2 เพชรบุรี" ยกทะเลขึ้นมาบนโต๊ะ บรรยากาศร้านสุดชิลท่ามกลางวิวทุ่งนาเกลือ เหมาะกับการมากับแก๊งเพื่อนและครอบครัว เมนูเด็ดของที่นี่คือ "ปูนึ่ง" เนื้อสด หวาน แกะมาให้พร้อมกิน จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บยิ่งฟินแบบสุด ๆ หรือจะลอง "ทะเลเผา" ซีฟู้ดรวมมิตรจัดเต็มมาในตะกร้าจานยักษ์ มีทั้งหอย ปู กุ้ง ปลาหมึก มาหลายคนต้องจัด และห้ามพลาด "กั้งกระดานทอดกระเทียม” ที่เนื้อแน่น กระเทียมกรุบกรอบ หอมไปทั้งโต๊ะ ใครได้กินก็อยากกลับมาซ้ำ!.

    พิกัด : บ้านปูเป็น2 เพชรบุรีสาขาแหลมผักเบี้ย

    #ชวนกิน #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    เปิดร้านเด็ดที่ซีฟู้ดสดแบบไม่มีอะไรกั้น กับ "บ้านปูเป็น 2 เพชรบุรี" ยกทะเลขึ้นมาบนโต๊ะ บรรยากาศร้านสุดชิลท่ามกลางวิวทุ่งนาเกลือ เหมาะกับการมากับแก๊งเพื่อนและครอบครัว เมนูเด็ดของที่นี่คือ "ปูนึ่ง" เนื้อสด หวาน แกะมาให้พร้อมกิน จิ้มน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บยิ่งฟินแบบสุด ๆ หรือจะลอง "ทะเลเผา" ซีฟู้ดรวมมิตรจัดเต็มมาในตะกร้าจานยักษ์ มีทั้งหอย ปู กุ้ง ปลาหมึก มาหลายคนต้องจัด และห้ามพลาด "กั้งกระดานทอดกระเทียม” ที่เนื้อแน่น กระเทียมกรุบกรอบ หอมไปทั้งโต๊ะ ใครได้กินก็อยากกลับมาซ้ำ!. พิกัด : บ้านปูเป็น2 เพชรบุรีสาขาแหลมผักเบี้ย #ชวนกิน #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานฉลองครบรอบ 11 ปี ตลาดโรงเกลือ-โบ๊เบ๊ จังหวัดสระบุรี วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2568
    งานฉลองครบรอบ 11 ปี ตลาดโรงเกลือ-โบ๊เบ๊ จังหวัดสระบุรี วันที่ 24 - 26 มกราคม พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    Yay
    44
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1857 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ระหว่างวันที่ 13 - 22 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานตลาดโรงเกลือท้ายเกาะ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ระหว่างวันที่ 13 - 22 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กระจกวิเศษบอกข้าเถิด
    ผู้ใดงามเลิศในปฐพี"

    "ความสวยของพระองค์นั้นเลื่องลือ
    แต่ ช้าก่อน-!
    ข้าเห็นสาวงามนางหนึ่ง
    เศษผ้ามิอาจเร้นความงามวิเศษ
    อนิจจา นางนี้งามกว่าราชินี"

    "อนิจจานางนั้น จงเอ่ยนาม"

    "ปากแดงดุจดังกลีบกุหลาบ
    เกศาดำดั่งมะเกลือ
    ฉวีงามดังหิมะขาว..."

    ....

    ดูกันเอาละกัน...

    😂😂😂😂😂😂

    #SnowWhite #AndSevenDwarf
    #EvilQueen #GalGadot
    "กระจกวิเศษบอกข้าเถิด ผู้ใดงามเลิศในปฐพี" "ความสวยของพระองค์นั้นเลื่องลือ แต่ ช้าก่อน-! ข้าเห็นสาวงามนางหนึ่ง เศษผ้ามิอาจเร้นความงามวิเศษ อนิจจา นางนี้งามกว่าราชินี" "อนิจจานางนั้น จงเอ่ยนาม" "ปากแดงดุจดังกลีบกุหลาบ เกศาดำดั่งมะเกลือ ฉวีงามดังหิมะขาว..." .... ดูกันเอาละกัน... 😂😂😂😂😂😂 #SnowWhite #AndSevenDwarf #EvilQueen #GalGadot
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🏴‍☠️🏴‍☠️
    ไฟเซอร์ จงใจโกหกว่า ยาฉีดmRNA (modified RNA) ยี่ห้อโคเมอร์เนตีของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้

    เป็นที่รู้กันทั่วไปในขณะนี้ว่า ยาฉีดยีนไวรัส ที่เอามาเรียกกันว่า mRNA vaccine ของไฟเซอร์นั้น ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้
    💥แต่คงจำกันได้ดีถึงช่วงที่มีการ “บังคับ” ให้ฉีดยาฉีดยีนไวรัสนี้ ด้วยข้ออ้างว่า
    “เพื่อปกป้องคุณปู่คุณย่า”
    “เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่”
    “เพื่อปกป้องคนอื่นในองค์กร”
    “ในโรงเรียนมีการบังคับให้ครูฉีด 100% มิเช่นนั้นไม่อนุญาตให้เปิดสอน”
    “ในโรงพยาบาลมีการบังคับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ให้ฉีดมิเช่นนั้นจะไม่สามารถมาทำงานได้
    ซ้ำร้ายยังบังคับให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ต้องรับยาฉีดพิษนี้”
    ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่บนข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันการติดเชื้อ

    ⁉️คำถามคือ แล้วไฟเซอร์ได้ทำการทดสอบใดๆว่า ยาฉีดของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ไหม?
    คำตอบสั้นๆชัดเจน จากปากของผู้แทนบริษัทไฟเซอร์เองที่ตอบในสภายุโรปคือ
    “ไม่ได้ทำ”
    ไปฟังชัดๆได้เองในคลิปนี้ https://rumble.com/v1nhpkq-eu-parliament-member-rob-roos-asked-a-pfizer-representative-at-a-hearing-if.html

    แต่คำตอบนี้คงไม่ทำให้หลายคนหายสงสัยว่าทำไม ผู้แทนของไฟเซอร์จึงตอบเช่นนั้น
    ไม่ยากครับไปอ่านงานวิจัยที่ไฟเซอร์ ยื่นเพื่อขออนุญาตฉุกเฉินกับ FDA และอ.ย.ของไทยกัน งานวิจัยนี้อยู่บนฐานข้อมูลงานวิจัย ClinicalTrials.gov ในงานวิจัยเลขที่ NCT04816643
    https://clinicaltrials.gov/study/NCT04816643?tab=results

    และตีพิมพิ์งานวิจัยในวารสารทางวิชาการชื่อ New England Journal of Medicine ฉบับวันที่ ๖ มกราคม ค.ศ.๒๐๒๒ เรื่อง https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298

    Evaluation of the BNT162b2 Covid-19 Vaccine in Children 5 to 11 Years of Age
    (หลายท่านอาจจะแย้งว่าอันนี้เป็นงานวิจัยในเด็กเท่านั้น ใช่ครับแต่ยิ่งสำคัญเพราะว่ามีการบังคับฉีดเด็กเพื่ออ้างว่าปกป้องคนแก่ แต่ที่สำคัญคือ คำโกหกที่บริษัทยาใช้นั้น เป็นคำเดียวกันทั้งในการวิจัยในเด็กและผู้ใหญ่ เลยเอามาชี้ให้เห็นกันชัดๆแค่ในกรณีของเด็ก)

    พวกนักวิชาการสะเพร่า ที่อ่านงานวิจัยแบบหยาบๆ ก็จะบอกว่างานวิจัยนี้เข้าสรุปว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพตั้ง 90.7% ไง “Covid-19 with onset 7 days or more after the second dose was reported in three recipients of the BNT162b2 vaccine and in 16 placebo recipients (vaccine efficacy, 90.7%; 95% CI, 67.7 to 98.3).”

    ครับใช่เขาเขียนอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่เขียนไม่ได้แปลว่ากันติดเชื้อ หรือ กันแพร่เชื้อครับ แต่กันโควิด
    หลายคนคง งง ว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน
    ต่างกันมากเลยครับและจะเข้าใจต้องตามไปอ่านในคำจำกัดความที่เขาเขียนไว้ในเอกสารแนบ “supplement” โดยเฉพาะในเอกสารที่ชื่อว่า “protocol”

    หรือแปลไทยง่ายๆว่า วิธีทำวิจัย ในนั้นเขาจะระบุว่า “Covid” ที่พูดถึงในงานวิจัยนี้หมายความว่าอย่างไร ให้ไปดูที่ หน้า 93หัวข้อ 8.13

    https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298

    “COVID-19 and MIS-C Surveillance
    (All participants)
    ในนั้นเขาจะบอกว่า จะนับเป็นเคส “Covid” เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นว่าเด็กมีอาการอย่างใดในลิสต์ (อาทิ ไข้ น้ำมูก ไอฯลฯ) และสงสัยว่า ป่วยจึงค่อยแจ้งผู้วิจัยเพื่อทำการการตรวจหาเชื้อว่า เพื่อจะยืนยันว่าติดเชื้อไหม
    💢“ดังนั้นเด็กที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการจะไม่ถูกตรวจ” หรือ ต่อให้มีอาการแต่ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่สงสัย ก็ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น กรณีที่มีอาการหลังได้รับยาฉีด ให้เหมาว่า เป็นผลข้างเคียงของยาฉีด
    ทั้งๆที่จริงแล้วเด็กอาจจะติดเชื้อก็ได้ แต่ให้ “ผู้ทำวิจัย”เป็นคนตันสินใจว่า ควรจะตรวจหาเชื้อหรือไม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงควรจะตรวจหาเชื้อในทุกรายเลย ซึ่งแปลว่า จำนวนผู้ป่วยที่รายงานในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่า กลุ่มยาหลอกจะได้น้ำเกลือซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องอาการไข้ หรือ อาการอื่นๆที่คล้ายโควิดอยู่แล้ว และผู้วิจัยอาจจะตัดสินใจตรวจหาเชื้อหรือไม่ก็ได้ ฟังมาเท่านี้ก็แย่แล้วแต่จริงๆ ยังไม่หมดแค่นั้น
    💢ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าบริษัทยา ตั้งใจจะทดสอบว่า ยาฉีด mRNA ของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้จริง ก็สามารถออกแบบการวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพในเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยาก โดยการ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้ยาหลอก (placebo หรือน้ำเกลือ) กับกลุ่มที่ได้ยาจริง (ยาฉีดmRNA) แล้วก็ติดตามตรวจหาเชื้อในกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มทุกราย ทุกสัปดาห์ ทำสักสองสามเดือนก็จะเห็นแล้วว่า อัตราการติดเชื้อในกลุ่มไหนสูงกว่ากัน เป็นการทำวิจัยที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำได้จริง เพราะแม้แต่พวกเราเองในช่วงการระบาดยังถูกบังคับให้ตรวจหาเชื้อกันเป็นประจำ
    ดังนั้นถ้าบริษัทยาจะทำย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่บริษัทไฟเซอร์ ตั้งใจที่จะไม่ทดสอบ และตั้งใจที่จะโกหกว่า ยาฉีดยีนไวรัสของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายว่าทำไมเมื่อถูกถามในสภายุโรป ผู้แทนบริษัทไฟเซอร์จึงตอบว่า ไม่ได้ทดสอบว่ายาฉีดของตนกันติดเชื้อได้ไหม เพราะสมาชิกสภายุโรปที่ตั้งคำถามนี้ ถามชัดว่า ถ้าทำการทดสอบขอให้แสดงผลการทดสอบให้ดูด้วย เมื่อไม่มีผลที่จะแสดงจึงจำใจต้องบอกตามตรงว่า ไม่ได้ทำ
    ทำไมบริษัทยาจึงไม่ทำ?
    คำตอบ คือเพราะรู้ว่าถ้าทำ ผลระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอกกับได้ยาของตนจะไม่แตกต่างกัน เพราะรู้อยู่แต่แรกว่ายาฉีด mRNA ของตนนั้นมันกันติดเชื้อ กันแพร่เชื้อไม่ได้
    🎈เพราะเป็นการกระตุ้น ภูมิคุ้มกันชนิด IgG ที่อยู่ในกระแสเลือด จำช่วงที่เห่อไปตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันแล้วเอามาอวดว่าของใครสูงกว่ากันได้ไหม ที่ตรวจนั้นเป็น IgG ในเลือดที่จะทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว แต่เชื้อไวรัสโควิดไม่ได้กระโดดจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือดเลย แต่จะเข้าทางเยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินอาหาร แปลว่ากว่าที่เชื้อจะเข้าไปในกระแสเลือดให้ IgG ได้ทำงาน เชื้อต้องเข้าไปในเซลล์บุผนังทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร คนๆนั้นย่อมติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารแลัวกว่าIgG จะทำงานก็สายไปแล้ว
    🌟จริงๆถ้าตั้งใจจะทำวัคซีนให้กันติดเชื้อจริงๆ ต้องกระตุ้น IgA ที่อยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร วัคซีนที่จะทำอย่างนั้นต้องเป็นชนิดพ่นเข้าจมูก ไม่ใช่ฉีดเข้ากล้ามอย่างที่มาหลอกกัน
    🚩เรื่องภูมิคุ้มกัน IgG IgA นี้เป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาภูมิคุ้มกันวิทยาที่สอนกันในโรงเรียนแพทย์ การที่แพทย์ที่อวดว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งมาหลอกประชาชนว่าระดับ IgG สูงๆจะกันติดเชื้อได้นั้นแปลว่า เขาเหล่านั้นมีความรู้น้อยมากหรือไม่ก็ตั้งใจโกหกเพื่อเชียร์ยา ไม่ต่างกับเซลล์แมน

    ⚠️อ่านถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจว่า บริษัทยา ตั้งใจหลอก ให้ข้อมูลเท็จในสัญญา ให้ข้อมูลเท็จตอนขออนุญาตยา ที่น่าเศร้า คือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่โง่มาก ก็แกล้งโง่ ตั้งใจโกหกเพื่อช่วยขายยาให้บริษัทยา ซึ่งอาจเป็นการทำเพราะความสเน่ห์หารักใคร่ชอบพอกับบริษัท หรือว่าผลประโยชน์อื่นใดก็ไม่มีใครทราบได้
    สรุปสั้นได้แค่ว่าๆ บริษัทยาตั้งใจโกหก ผู้เชี่ยวชาญโง่โดนหลอกหรือไม่ก็ร่วมมือกับบริษัทยาโกหก ประชาชน
    https://www.facebook.com/share/p/64G4XUujFmDDyoPe/?mibextid=A7sQZp
    🔥🏴‍☠️🏴‍☠️ ไฟเซอร์ จงใจโกหกว่า ยาฉีดmRNA (modified RNA) ยี่ห้อโคเมอร์เนตีของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ เป็นที่รู้กันทั่วไปในขณะนี้ว่า ยาฉีดยีนไวรัส ที่เอามาเรียกกันว่า mRNA vaccine ของไฟเซอร์นั้น ไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อได้ 💥แต่คงจำกันได้ดีถึงช่วงที่มีการ “บังคับ” ให้ฉีดยาฉีดยีนไวรัสนี้ ด้วยข้ออ้างว่า “เพื่อปกป้องคุณปู่คุณย่า” “เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่” “เพื่อปกป้องคนอื่นในองค์กร” “ในโรงเรียนมีการบังคับให้ครูฉีด 100% มิเช่นนั้นไม่อนุญาตให้เปิดสอน” “ในโรงพยาบาลมีการบังคับแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ให้ฉีดมิเช่นนั้นจะไม่สามารถมาทำงานได้ ซ้ำร้ายยังบังคับให้ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา ต้องรับยาฉีดพิษนี้” ทั้งหมดนั้นล้วนอยู่บนข้ออ้างว่า เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ ป้องกันการติดเชื้อ ⁉️คำถามคือ แล้วไฟเซอร์ได้ทำการทดสอบใดๆว่า ยาฉีดของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ไหม? คำตอบสั้นๆชัดเจน จากปากของผู้แทนบริษัทไฟเซอร์เองที่ตอบในสภายุโรปคือ “ไม่ได้ทำ” ไปฟังชัดๆได้เองในคลิปนี้ https://rumble.com/v1nhpkq-eu-parliament-member-rob-roos-asked-a-pfizer-representative-at-a-hearing-if.html แต่คำตอบนี้คงไม่ทำให้หลายคนหายสงสัยว่าทำไม ผู้แทนของไฟเซอร์จึงตอบเช่นนั้น ไม่ยากครับไปอ่านงานวิจัยที่ไฟเซอร์ ยื่นเพื่อขออนุญาตฉุกเฉินกับ FDA และอ.ย.ของไทยกัน งานวิจัยนี้อยู่บนฐานข้อมูลงานวิจัย ClinicalTrials.gov ในงานวิจัยเลขที่ NCT04816643 https://clinicaltrials.gov/study/NCT04816643?tab=results และตีพิมพิ์งานวิจัยในวารสารทางวิชาการชื่อ New England Journal of Medicine ฉบับวันที่ ๖ มกราคม ค.ศ.๒๐๒๒ เรื่อง https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298 Evaluation of the BNT162b2 Covid-19 Vaccine in Children 5 to 11 Years of Age (หลายท่านอาจจะแย้งว่าอันนี้เป็นงานวิจัยในเด็กเท่านั้น ใช่ครับแต่ยิ่งสำคัญเพราะว่ามีการบังคับฉีดเด็กเพื่ออ้างว่าปกป้องคนแก่ แต่ที่สำคัญคือ คำโกหกที่บริษัทยาใช้นั้น เป็นคำเดียวกันทั้งในการวิจัยในเด็กและผู้ใหญ่ เลยเอามาชี้ให้เห็นกันชัดๆแค่ในกรณีของเด็ก) พวกนักวิชาการสะเพร่า ที่อ่านงานวิจัยแบบหยาบๆ ก็จะบอกว่างานวิจัยนี้เข้าสรุปว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพตั้ง 90.7% ไง “Covid-19 with onset 7 days or more after the second dose was reported in three recipients of the BNT162b2 vaccine and in 16 placebo recipients (vaccine efficacy, 90.7%; 95% CI, 67.7 to 98.3).” ครับใช่เขาเขียนอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่เขียนไม่ได้แปลว่ากันติดเชื้อ หรือ กันแพร่เชื้อครับ แต่กันโควิด หลายคนคง งง ว่าแล้วมันต่างกันตรงไหน ต่างกันมากเลยครับและจะเข้าใจต้องตามไปอ่านในคำจำกัดความที่เขาเขียนไว้ในเอกสารแนบ “supplement” โดยเฉพาะในเอกสารที่ชื่อว่า “protocol” หรือแปลไทยง่ายๆว่า วิธีทำวิจัย ในนั้นเขาจะระบุว่า “Covid” ที่พูดถึงในงานวิจัยนี้หมายความว่าอย่างไร ให้ไปดูที่ หน้า 93หัวข้อ 8.13 https://www.nejm.org/doi/10.1056/NEJMoa2116298 “COVID-19 and MIS-C Surveillance (All participants) ในนั้นเขาจะบอกว่า จะนับเป็นเคส “Covid” เมื่อพ่อแม่ผู้ปกครอง เห็นว่าเด็กมีอาการอย่างใดในลิสต์ (อาทิ ไข้ น้ำมูก ไอฯลฯ) และสงสัยว่า ป่วยจึงค่อยแจ้งผู้วิจัยเพื่อทำการการตรวจหาเชื้อว่า เพื่อจะยืนยันว่าติดเชื้อไหม 💢“ดังนั้นเด็กที่ติดเชื้อโดยไม่มีอาการจะไม่ถูกตรวจ” หรือ ต่อให้มีอาการแต่ พ่อแม่ผู้ปกครองไม่สงสัย ก็ไม่ได้ตรวจหาเชื้อ ที่แย่ไปกว่านั้น กรณีที่มีอาการหลังได้รับยาฉีด ให้เหมาว่า เป็นผลข้างเคียงของยาฉีด ทั้งๆที่จริงแล้วเด็กอาจจะติดเชื้อก็ได้ แต่ให้ “ผู้ทำวิจัย”เป็นคนตันสินใจว่า ควรจะตรวจหาเชื้อหรือไม่ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงควรจะตรวจหาเชื้อในทุกรายเลย ซึ่งแปลว่า จำนวนผู้ป่วยที่รายงานในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนน่าจะต่ำกว่าความเป็นจริง เพราะว่า กลุ่มยาหลอกจะได้น้ำเกลือซึ่งไม่มีปัญหาเรื่องอาการไข้ หรือ อาการอื่นๆที่คล้ายโควิดอยู่แล้ว และผู้วิจัยอาจจะตัดสินใจตรวจหาเชื้อหรือไม่ก็ได้ ฟังมาเท่านี้ก็แย่แล้วแต่จริงๆ ยังไม่หมดแค่นั้น 💢ประเด็นสำคัญ คือ ถ้าบริษัทยา ตั้งใจจะทดสอบว่า ยาฉีด mRNA ของตนสามารถป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้จริง ก็สามารถออกแบบการวิจัยที่พิสูจน์ประสิทธิภาพในเรื่องดังกล่าวได้ไม่ยาก โดยการ แบ่งกลุ่มตัวอย่างเป็นสองกลุ่ม กลุ่มที่ได้ยาหลอก (placebo หรือน้ำเกลือ) กับกลุ่มที่ได้ยาจริง (ยาฉีดmRNA) แล้วก็ติดตามตรวจหาเชื้อในกลุ่มตัวอย่างทั้งสองกลุ่มทุกราย ทุกสัปดาห์ ทำสักสองสามเดือนก็จะเห็นแล้วว่า อัตราการติดเชื้อในกลุ่มไหนสูงกว่ากัน เป็นการทำวิจัยที่ตรงไปตรงมา ง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ทำได้จริง เพราะแม้แต่พวกเราเองในช่วงการระบาดยังถูกบังคับให้ตรวจหาเชื้อกันเป็นประจำ ดังนั้นถ้าบริษัทยาจะทำย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ แต่บริษัทไฟเซอร์ ตั้งใจที่จะไม่ทดสอบ และตั้งใจที่จะโกหกว่า ยาฉีดยีนไวรัสของตนป้องกันการติดเชื้อ ป้องกันการแพร่เชื้อได้ ซึ่งเป็นคำอธิบายว่าทำไมเมื่อถูกถามในสภายุโรป ผู้แทนบริษัทไฟเซอร์จึงตอบว่า ไม่ได้ทดสอบว่ายาฉีดของตนกันติดเชื้อได้ไหม เพราะสมาชิกสภายุโรปที่ตั้งคำถามนี้ ถามชัดว่า ถ้าทำการทดสอบขอให้แสดงผลการทดสอบให้ดูด้วย เมื่อไม่มีผลที่จะแสดงจึงจำใจต้องบอกตามตรงว่า ไม่ได้ทำ ทำไมบริษัทยาจึงไม่ทำ? คำตอบ คือเพราะรู้ว่าถ้าทำ ผลระหว่างกลุ่มที่ได้ยาหลอกกับได้ยาของตนจะไม่แตกต่างกัน เพราะรู้อยู่แต่แรกว่ายาฉีด mRNA ของตนนั้นมันกันติดเชื้อ กันแพร่เชื้อไม่ได้ 🎈เพราะเป็นการกระตุ้น ภูมิคุ้มกันชนิด IgG ที่อยู่ในกระแสเลือด จำช่วงที่เห่อไปตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกันแล้วเอามาอวดว่าของใครสูงกว่ากันได้ไหม ที่ตรวจนั้นเป็น IgG ในเลือดที่จะทำงานเมื่อเชื้อไวรัสเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว แต่เชื้อไวรัสโควิดไม่ได้กระโดดจากอากาศเข้าสู่กระแสเลือดเลย แต่จะเข้าทางเยื่อบุทางเดินหายใจ เยื่อบุทางเดินอาหาร แปลว่ากว่าที่เชื้อจะเข้าไปในกระแสเลือดให้ IgG ได้ทำงาน เชื้อต้องเข้าไปในเซลล์บุผนังทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร คนๆนั้นย่อมติดเชื้อในทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหารแลัวกว่าIgG จะทำงานก็สายไปแล้ว 🌟จริงๆถ้าตั้งใจจะทำวัคซีนให้กันติดเชื้อจริงๆ ต้องกระตุ้น IgA ที่อยู่บนเยื่อบุทางเดินหายใจ หรือทางเดินอาหาร วัคซีนที่จะทำอย่างนั้นต้องเป็นชนิดพ่นเข้าจมูก ไม่ใช่ฉีดเข้ากล้ามอย่างที่มาหลอกกัน 🚩เรื่องภูมิคุ้มกัน IgG IgA นี้เป็นเรื่องพื้นฐานของวิชาภูมิคุ้มกันวิทยาที่สอนกันในโรงเรียนแพทย์ การที่แพทย์ที่อวดว่าตนเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่รู้เรื่องนี้จึงเป็นไปได้ยาก ยิ่งมาหลอกประชาชนว่าระดับ IgG สูงๆจะกันติดเชื้อได้นั้นแปลว่า เขาเหล่านั้นมีความรู้น้อยมากหรือไม่ก็ตั้งใจโกหกเพื่อเชียร์ยา ไม่ต่างกับเซลล์แมน ⚠️อ่านถึงตรงนี้น่าจะพอเข้าใจว่า บริษัทยา ตั้งใจหลอก ให้ข้อมูลเท็จในสัญญา ให้ข้อมูลเท็จตอนขออนุญาตยา ที่น่าเศร้า คือ ผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญไม่โง่มาก ก็แกล้งโง่ ตั้งใจโกหกเพื่อช่วยขายยาให้บริษัทยา ซึ่งอาจเป็นการทำเพราะความสเน่ห์หารักใคร่ชอบพอกับบริษัท หรือว่าผลประโยชน์อื่นใดก็ไม่มีใครทราบได้ สรุปสั้นได้แค่ว่าๆ บริษัทยาตั้งใจโกหก ผู้เชี่ยวชาญโง่โดนหลอกหรือไม่ก็ร่วมมือกับบริษัทยาโกหก ประชาชน https://www.facebook.com/share/p/64G4XUujFmDDyoPe/?mibextid=A7sQZp
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 723 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุที่แพะภูเขาจำเป็นต้องปีนป่ายไปตามเขาสูงชันด้วยท่าทางอันหวาดเสียว นั่นเป็นเพราะ พวกมันจำเป็นต้องกินเกลือและแร่ธาตุตามหิน ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นในการดำรงชีวิต

    แม้ว่าหากพลาดพลั้งจนตกลงมาตายก็จำเป็นต้องเสี่ยงเพื่อให้ตัวมันมีชีวิตอยู่รอด !!!
    เหตุที่แพะภูเขาจำเป็นต้องปีนป่ายไปตามเขาสูงชันด้วยท่าทางอันหวาดเสียว นั่นเป็นเพราะ พวกมันจำเป็นต้องกินเกลือและแร่ธาตุตามหิน ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นในการดำรงชีวิต แม้ว่าหากพลาดพลั้งจนตกลงมาตายก็จำเป็นต้องเสี่ยงเพื่อให้ตัวมันมีชีวิตอยู่รอด !!!
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอคางดำย่างเกลือ หรือจะสู้ปลากะพงขาวทอดน้ำปลา ฮ่าๆๆๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หมอคางดำย่างเกลือ หรือจะสู้ปลากะพงขาวทอดน้ำปลา ฮ่าๆๆๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลิเบอร์แมนประท้วงการที่เอลกลับมาจ่ายไฟฟ้าให้โรงไฟฟ้าน้ำในกาซาอีกครั้ง
    เอลได้กลับมาจ่ายไฟฟ้าให้โรงงานกำจัดเกลือในกาซาอีกครั้ง ซึ่งทำให้บรรดานักการเมืองเอลบางส่วนแสดงปฏิกิริยาโกรธเคือง
    อวิกดอร์ ลิเบอร์แมน หัวหน้าพรรค Yisrael Beiteinu ก็เป็นหนึ่งในนั้น
    เขากล่าวว่าเอลยังคงส่งไฟฟ้า น้ำ เชื้อเพลิง และสินค้าให้กับกาซา
    "ซึ่งขัดต่อสามัญสำนึก" แม้ว่าผู้ถูกกักขังยังคงถูกคุมขังอยู่ที่นั่นก็ตาม
    “ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติการละเว้นเหล่านี้และถอนตัวออกจากกาซาโดยสมบูรณ์”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ถึงเวลาแล้ว
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    ลิเบอร์แมนประท้วงการที่เอลกลับมาจ่ายไฟฟ้าให้โรงไฟฟ้าน้ำในกาซาอีกครั้ง เอลได้กลับมาจ่ายไฟฟ้าให้โรงงานกำจัดเกลือในกาซาอีกครั้ง ซึ่งทำให้บรรดานักการเมืองเอลบางส่วนแสดงปฏิกิริยาโกรธเคือง อวิกดอร์ ลิเบอร์แมน หัวหน้าพรรค Yisrael Beiteinu ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขากล่าวว่าเอลยังคงส่งไฟฟ้า น้ำ เชื้อเพลิง และสินค้าให้กับกาซา "ซึ่งขัดต่อสามัญสำนึก" แม้ว่าผู้ถูกกักขังยังคงถูกคุมขังอยู่ที่นั่นก็ตาม “ถึงเวลาแล้วที่จะต้องยุติการละเว้นเหล่านี้และถอนตัวออกจากกาซาโดยสมบูรณ์” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ถึงเวลาแล้ว #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว