• บทความกฎหมาย EP.15

    ในทุกสังคม การอยู่ร่วมกันย่อมมีขอบเขตและกติกา กติกาที่แข็งแกร่งที่สุดคือ "ข้อห้าม" ซึ่งมิใช่เพียงคำแนะนำ แต่เป็นประกาศิตทางกฎหมายที่ระบุอย่างชัดเจนว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม หากผู้ใดฝ่าฝืนเส้นแบ่งนี้ ย่อมต้องเผชิญกับผลลัพธ์ตามมา นั่นคือความรับผิดที่อาจนำไปสู่การลงโทษ การรับรู้และเคารพข้อห้ามจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามกฎ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรม ข้อห้ามนั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของส่วนรวมและตัวเราเอง แม้บางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นการจำกัด แต่แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันที่ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปได้โดยไม่เกิดความวุ่นวาย

    ในชีวิตประจำวัน เราอาจเห็นข้อห้ามในรูปแบบของป้ายสัญลักษณ์ หรือกฎระเบียบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ตั้งแต่การห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ การห้ามขับรถฝ่าไฟแดง ไปจนถึงข้อห้ามที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ทุกข้อห้ามล้วนมีความมุ่งหมายเดียวกันคือการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและศีลธรรมอันดีงามของสังคม การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของข้อห้ามจะช่วยให้เราปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและมีสติ การตระหนักว่าการกระทำของเรามีผลกระทบต่อผู้อื่นและต่อสังคมโดยรวมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง กฎหมายมิได้สร้างข้อห้ามขึ้นมาเพื่อรังแกใคร แต่เพื่อกำหนดบรรทัดฐานขั้นต่ำที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจและปลอดภัย

    ดังนั้น เมื่อเราเห็นป้ายเตือนหรือได้ยินถึงข้อห้ามใดๆ ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าเบื้องหลังข้อความเหล่านั้นคือหลักการแห่งความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม การเลือกที่จะไม่ฝ่าฝืนข้อห้ามคือการเลือกที่จะเป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า การเคารพกฎหมายและข้อห้ามมิได้ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพ แต่กลับช่วยปกป้องอิสรภาพที่แท้จริงของเราไว้จากการกระทำที่ขาดความยั้งคิด เมื่อทุกคนตระหนักและปฏิบัติตาม สังคมย่อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    บทความกฎหมาย EP.15 ในทุกสังคม การอยู่ร่วมกันย่อมมีขอบเขตและกติกา กติกาที่แข็งแกร่งที่สุดคือ "ข้อห้าม" ซึ่งมิใช่เพียงคำแนะนำ แต่เป็นประกาศิตทางกฎหมายที่ระบุอย่างชัดเจนว่าการกระทำใดเป็นสิ่งต้องห้าม หากผู้ใดฝ่าฝืนเส้นแบ่งนี้ ย่อมต้องเผชิญกับผลลัพธ์ตามมา นั่นคือความรับผิดที่อาจนำไปสู่การลงโทษ การรับรู้และเคารพข้อห้ามจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการทำตามกฎ แต่เป็นพื้นฐานสำคัญของการสร้างความสงบเรียบร้อยและความยุติธรรม ข้อห้ามนั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องสิทธิ เสรีภาพ และความปลอดภัยของส่วนรวมและตัวเราเอง แม้บางครั้งอาจรู้สึกว่าเป็นการจำกัด แต่แท้จริงแล้วมันคือเกราะป้องกันที่ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปได้โดยไม่เกิดความวุ่นวาย ในชีวิตประจำวัน เราอาจเห็นข้อห้ามในรูปแบบของป้ายสัญลักษณ์ หรือกฎระเบียบต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ทั่วไป ตั้งแต่การห้ามทิ้งขยะในที่สาธารณะ การห้ามขับรถฝ่าไฟแดง ไปจนถึงข้อห้ามที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมร้ายแรง ทุกข้อห้ามล้วนมีความมุ่งหมายเดียวกันคือการธำรงไว้ซึ่งระเบียบและศีลธรรมอันดีงามของสังคม การทำความเข้าใจในเจตนารมณ์ของข้อห้ามจะช่วยให้เราปฏิบัติตนได้อย่างถูกต้องและมีสติ การตระหนักว่าการกระทำของเรามีผลกระทบต่อผู้อื่นและต่อสังคมโดยรวมเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง กฎหมายมิได้สร้างข้อห้ามขึ้นมาเพื่อรังแกใคร แต่เพื่อกำหนดบรรทัดฐานขั้นต่ำที่ทุกคนต้องยอมรับร่วมกัน เพื่อให้พื้นที่แห่งการอยู่ร่วมกันนี้เป็นพื้นที่ที่ทุกคนสามารถไว้วางใจและปลอดภัย ดังนั้น เมื่อเราเห็นป้ายเตือนหรือได้ยินถึงข้อห้ามใดๆ ขอให้พึงระลึกไว้เสมอว่าเบื้องหลังข้อความเหล่านั้นคือหลักการแห่งความรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม การเลือกที่จะไม่ฝ่าฝืนข้อห้ามคือการเลือกที่จะเป็นพลเมืองที่สร้างสรรค์และมีคุณค่า การเคารพกฎหมายและข้อห้ามมิได้ทำให้เราสูญเสียอิสรภาพ แต่กลับช่วยปกป้องอิสรภาพที่แท้จริงของเราไว้จากการกระทำที่ขาดความยั้งคิด เมื่อทุกคนตระหนักและปฏิบัติตาม สังคมย่อมขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยความสงบสุขและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.9

    เอกสารสิทธิ์ในมุมมองของกฎหมายอาญาไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งและสำคัญยิ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญากำหนดไว้ เอกสารประเภทนี้หมายถึงหลักฐานที่เป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือขอบเขตของสิทธิที่มีอยู่ การโอนถ่ายสิทธิจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง การสงวนรักษาสิทธิเพื่อป้องกันการสูญหาย หรือแม้แต่การระงับสิ้นสุดซึ่งสิทธินั้นๆ หากมองผิวเผินอาจเป็นเพียงเอกสารทั่วไป แต่ในทางกฎหมายอาญา เอกสารที่ถูกระบุว่าเป็นเอกสารสิทธิ์จะมีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะการปลอมแปลงหรือการกระทำใดๆ อันมิชอบต่อเอกสารเหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานะและผลประโยชน์ทางกฎหมายของผู้คน ทำให้เอกสารสิทธิ์กลายเป็นหัวใจสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางนิติสัมพันธ์ในสังคม

    เนื้อหาสำคัญของเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายอาญาจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของการเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันทางกฎหมาย การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การแก้ไข การย้ายมือ การรักษาไว้ หรือการยกเลิก ล้วนต้องอาศัยเอกสารเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมและเจตนาของคู่กรณี ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดที่ดิน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือสัญญาต่างๆ หรือแม้แต่ใบสำคัญรับรองที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลและทรัพย์สิน การที่กฎหมายอาญาให้ความสำคัญและกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ เช่น ความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือการใช้เอกสารปลอม ก็เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของระบบเอกสารที่เป็นรากฐานของธุรกรรมและนิติการทั้งปวง การทำลายความน่าเชื่อถือของเอกสารสิทธิ์เท่ากับการทำลายความสงบเรียบร้อยและยุติธรรมในสังคม ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจความหมายและขอบเขตของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่นักกฎหมายเท่านั้น

    กล่าวโดยสรุป เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายอาญาคือเครื่องมือทางกฎหมายที่มีอำนาจในการกำหนด ทบทวน และยุติความสัมพันธ์ทางสิทธิระหว่างบุคคล การให้ความสำคัญกับหลักฐานที่ใช้ในการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธินั้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกฎหมายในการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาหรือการสูญเสียสิทธิ การกระทำใดๆ ที่มุ่งบิดเบือนหรือทำให้เอกสารสิทธิ์บกพร่อง จึงถือเป็นการบ่อนทำลายความยุติธรรมและระบบกฎหมายอย่างร้ายแรง การรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องและแท้จริงของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นหลักประกันสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนในประเทศนั่นเอง
    บทความกฎหมาย EP.9 เอกสารสิทธิ์ในมุมมองของกฎหมายอาญาไม่ใช่แค่กระดาษ แต่มีความหมายที่ลึกซึ้งและสำคัญยิ่งตามที่ประมวลกฎหมายอาญากำหนดไว้ เอกสารประเภทนี้หมายถึงหลักฐานที่เป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดสิทธิขึ้นใหม่ การปรับเปลี่ยนเนื้อหาหรือขอบเขตของสิทธิที่มีอยู่ การโอนถ่ายสิทธิจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่ง การสงวนรักษาสิทธิเพื่อป้องกันการสูญหาย หรือแม้แต่การระงับสิ้นสุดซึ่งสิทธินั้นๆ หากมองผิวเผินอาจเป็นเพียงเอกสารทั่วไป แต่ในทางกฎหมายอาญา เอกสารที่ถูกระบุว่าเป็นเอกสารสิทธิ์จะมีความศักดิ์สิทธิ์และได้รับการคุ้มครองเป็นพิเศษ เพราะการปลอมแปลงหรือการกระทำใดๆ อันมิชอบต่อเอกสารเหล่านี้ ย่อมส่งผลกระทบโดยตรงต่อสถานะและผลประโยชน์ทางกฎหมายของผู้คน ทำให้เอกสารสิทธิ์กลายเป็นหัวใจสำคัญในการธำรงไว้ซึ่งความเชื่อมั่นและความมั่นคงทางนิติสัมพันธ์ในสังคม เนื้อหาสำคัญของเอกสารสิทธิ์ตามกฎหมายอาญาจึงเน้นย้ำถึงบทบาทของการเป็นพยานหลักฐานที่ผูกพันทางกฎหมาย การกระทำที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสิทธิไม่ว่าจะเป็นการสร้าง การแก้ไข การย้ายมือ การรักษาไว้ หรือการยกเลิก ล้วนต้องอาศัยเอกสารเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมและเจตนาของคู่กรณี ตัวอย่างที่พบได้บ่อย เช่น สัญญาซื้อขายที่ดิน โฉนดที่ดิน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือสัญญาต่างๆ หรือแม้แต่ใบสำคัญรับรองที่เกี่ยวข้องกับสถานะบุคคลและทรัพย์สิน การที่กฎหมายอาญาให้ความสำคัญและกำหนดบทลงโทษที่รุนแรงต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับเอกสารสิทธิ์ เช่น ความผิดฐานปลอมเอกสาร หรือการใช้เอกสารปลอม ก็เพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของระบบเอกสารที่เป็นรากฐานของธุรกรรมและนิติการทั้งปวง การทำลายความน่าเชื่อถือของเอกสารสิทธิ์เท่ากับการทำลายความสงบเรียบร้อยและยุติธรรมในสังคม ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจความหมายและขอบเขตของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ใช่เพียงแค่นักกฎหมายเท่านั้น กล่าวโดยสรุป เอกสารสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายอาญาคือเครื่องมือทางกฎหมายที่มีอำนาจในการกำหนด ทบทวน และยุติความสัมพันธ์ทางสิทธิระหว่างบุคคล การให้ความสำคัญกับหลักฐานที่ใช้ในการ ก่อ เปลี่ยนแปลง โอน สงวน หรือระงับซึ่งสิทธินั้น สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของกฎหมายในการสร้างความโปร่งใสและตรวจสอบได้ในทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการได้มาหรือการสูญเสียสิทธิ การกระทำใดๆ ที่มุ่งบิดเบือนหรือทำให้เอกสารสิทธิ์บกพร่อง จึงถือเป็นการบ่อนทำลายความยุติธรรมและระบบกฎหมายอย่างร้ายแรง การรักษาไว้ซึ่งความถูกต้องและแท้จริงของเอกสารสิทธิ์จึงเป็นหลักประกันสำคัญในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประชาชนในประเทศนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • Python Software Foundation ถอนตัวจากทุน NSF มูลค่า $1.5 ล้าน หลังเงื่อนไขขัดต่อค่านิยมด้าน DEI

    Python Software Foundation (PSF) ประกาศถอนตัวจากการรับทุนสนับสนุนมูลค่า $1.5 ล้านจาก National Science Foundation (NSF) ของสหรัฐฯ แม้จะผ่านการคัดเลือกแล้วก็ตาม เนื่องจากเงื่อนไขของทุนขัดแย้งกับพันธกิจด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ขององค์กร

    PSF ได้ยื่นขอทุนจากโครงการ “Safety, Security, and Privacy of Open Source Ecosystems” ของ NSF เพื่อพัฒนาเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ใน PyPI โดยใช้การวิเคราะห์ความสามารถของแพ็กเกจและฐานข้อมูลมัลแวร์ที่รู้จัก เพื่อเปลี่ยนจากการตรวจสอบแบบ “หลังเกิดเหตุ” เป็น “ก่อนเกิดเหตุ”

    หลังจากผ่านการคัดเลือก PSF กลับพบว่าเงื่อนไขของทุนระบุว่าองค์กรต้องไม่ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ “ส่งเสริมหรือสนับสนุนอุดมการณ์ด้าน DEI ที่ขัดต่อกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลกลาง” และหากละเมิด NSF สามารถเรียกคืนเงินทุนที่จ่ายไปแล้วได้

    PSF เห็นว่าเงื่อนไขนี้ไม่เพียงจำกัดเฉพาะโครงการที่ได้รับทุน แต่ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร ซึ่งขัดแย้งกับพันธกิจที่เน้นการสนับสนุนชุมชน Python ที่หลากหลายและทั่วโลก

    แม้จะเสียดายโอกาสและผลกระทบทางการเงิน (ทุนนี้คิดเป็น 30% ของงบประมาณประจำปีของ PSF) แต่คณะกรรมการของ PSF ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ถอนตัวจากทุนดังกล่าว เพื่อรักษาค่านิยมขององค์กร

    วัตถุประสงค์ของโครงการทุน
    พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์ใน PyPI
    เปลี่ยนจากการตรวจสอบแบบ reactive เป็น proactive
    ขยายผลไปยังระบบ open source อื่น เช่น NPM และ Crates.io

    เงื่อนไขของทุน NSF ที่เป็นปัญหา
    ห้ามดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริม DEI ที่ขัดต่อกฎหมายของรัฐบาลกลาง
    ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร ไม่ใช่แค่โครงการที่ได้รับทุน
    NSF สามารถเรียกคืนเงินทุนที่จ่ายไปแล้ว หากพบการละเมิด

    การตัดสินใจของ PSF
    ถอนตัวจากทุนแม้จะผ่านการคัดเลือกแล้ว
    คณะกรรมการลงมติเป็นเอกฉันท์
    ยืนยันว่าค่านิยมด้าน DEI สำคัญกว่าผลประโยชน์ทางการเงิน

    ผลกระทบต่อองค์กร
    สูญเสียทุนมูลค่า $1.5 ล้าน ซึ่งคิดเป็น 30% ของงบประมาณ
    ต้องการการสนับสนุนจากสมาชิกและผู้บริจาคมากขึ้น
    เปิดรับสมาชิก สนับสนุน และสปอนเซอร์เพื่อรักษาภารกิจ

    คำเตือนสำหรับองค์กรที่ขอรับทุน
    ควรอ่านเงื่อนไขของทุนอย่างละเอียดก่อนเซ็นสัญญา
    ต้องพิจารณาว่าเงื่อนไขขัดกับค่านิยมองค์กรหรือไม่
    การรับทุนอาจมีผลต่อกิจกรรมอื่น ๆ ขององค์กรโดยไม่รู้ตัว

    https://pyfound.blogspot.com/2025/10/NSF-funding-statement.html
    🐍 Python Software Foundation ถอนตัวจากทุน NSF มูลค่า $1.5 ล้าน หลังเงื่อนไขขัดต่อค่านิยมด้าน DEI Python Software Foundation (PSF) ประกาศถอนตัวจากการรับทุนสนับสนุนมูลค่า $1.5 ล้านจาก National Science Foundation (NSF) ของสหรัฐฯ แม้จะผ่านการคัดเลือกแล้วก็ตาม เนื่องจากเงื่อนไขของทุนขัดแย้งกับพันธกิจด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม (DEI) ขององค์กร PSF ได้ยื่นขอทุนจากโครงการ “Safety, Security, and Privacy of Open Source Ecosystems” ของ NSF เพื่อพัฒนาเครื่องมือป้องกันมัลแวร์ใน PyPI โดยใช้การวิเคราะห์ความสามารถของแพ็กเกจและฐานข้อมูลมัลแวร์ที่รู้จัก เพื่อเปลี่ยนจากการตรวจสอบแบบ “หลังเกิดเหตุ” เป็น “ก่อนเกิดเหตุ” หลังจากผ่านการคัดเลือก PSF กลับพบว่าเงื่อนไขของทุนระบุว่าองค์กรต้องไม่ดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่ “ส่งเสริมหรือสนับสนุนอุดมการณ์ด้าน DEI ที่ขัดต่อกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติของรัฐบาลกลาง” และหากละเมิด NSF สามารถเรียกคืนเงินทุนที่จ่ายไปแล้วได้ PSF เห็นว่าเงื่อนไขนี้ไม่เพียงจำกัดเฉพาะโครงการที่ได้รับทุน แต่ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร ซึ่งขัดแย้งกับพันธกิจที่เน้นการสนับสนุนชุมชน Python ที่หลากหลายและทั่วโลก แม้จะเสียดายโอกาสและผลกระทบทางการเงิน (ทุนนี้คิดเป็น 30% ของงบประมาณประจำปีของ PSF) แต่คณะกรรมการของ PSF ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้ถอนตัวจากทุนดังกล่าว เพื่อรักษาค่านิยมขององค์กร ✅ วัตถุประสงค์ของโครงการทุน ➡️ พัฒนาเครื่องมือวิเคราะห์มัลแวร์ใน PyPI ➡️ เปลี่ยนจากการตรวจสอบแบบ reactive เป็น proactive ➡️ ขยายผลไปยังระบบ open source อื่น เช่น NPM และ Crates.io ✅ เงื่อนไขของทุน NSF ที่เป็นปัญหา ➡️ ห้ามดำเนินกิจกรรมที่ส่งเสริม DEI ที่ขัดต่อกฎหมายของรัฐบาลกลาง ➡️ ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมดขององค์กร ไม่ใช่แค่โครงการที่ได้รับทุน ➡️ NSF สามารถเรียกคืนเงินทุนที่จ่ายไปแล้ว หากพบการละเมิด ✅ การตัดสินใจของ PSF ➡️ ถอนตัวจากทุนแม้จะผ่านการคัดเลือกแล้ว ➡️ คณะกรรมการลงมติเป็นเอกฉันท์ ➡️ ยืนยันว่าค่านิยมด้าน DEI สำคัญกว่าผลประโยชน์ทางการเงิน ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ สูญเสียทุนมูลค่า $1.5 ล้าน ซึ่งคิดเป็น 30% ของงบประมาณ ➡️ ต้องการการสนับสนุนจากสมาชิกและผู้บริจาคมากขึ้น ➡️ เปิดรับสมาชิก สนับสนุน และสปอนเซอร์เพื่อรักษาภารกิจ ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กรที่ขอรับทุน ⛔ ควรอ่านเงื่อนไขของทุนอย่างละเอียดก่อนเซ็นสัญญา ⛔ ต้องพิจารณาว่าเงื่อนไขขัดกับค่านิยมองค์กรหรือไม่ ⛔ การรับทุนอาจมีผลต่อกิจกรรมอื่น ๆ ขององค์กรโดยไม่รู้ตัว https://pyfound.blogspot.com/2025/10/NSF-funding-statement.html
    PYFOUND.BLOGSPOT.COM
    The PSF has withdrawn a $1.5 million proposal to US government grant program
    In January 2025, the PSF submitted a proposal to the US government National Science Foundation under the Safety, Security, and Privacy of Op...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อมวลชนกัมพูชาตีข่าว ภาคธุรกิจของไทยกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล เตือนว่าการปิดชายแดนกับกัมพูชาในปัจจุบัน อาจก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปี 2025

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102697

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สื่อมวลชนกัมพูชาตีข่าว ภาคธุรกิจของไทยกำลังร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล เตือนว่าการปิดชายแดนกับกัมพูชาในปัจจุบัน อาจก่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจ 100,000 ล้านบาท ในช่วงสิ้นปี 2025 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102697 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ.ปานเทพแถลงด่วน เหตุอนุทินลักไก่เจรจาเขมร-ทรัมป์ สิ่งที่เราต้องสูญเสียคือ!? (27/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อปานเทพ #อนุทิน #กัมพูชา #ทรัมป์ #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    อ.ปานเทพแถลงด่วน เหตุอนุทินลักไก่เจรจาเขมร-ทรัมป์ สิ่งที่เราต้องสูญเสียคือ!? (27/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อปานเทพ #อนุทิน #กัมพูชา #ทรัมป์ #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 27-10-68
    .
    เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาทูกับทีมงานแล้ว คุณสนธิจะมาเล่าให้ฟังถึงหลายเรื่องทั้งกรณีการสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทยกับการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , การลงนามในปฏิญญาสันติภาพไทย-เขมร ระหว่างนายฮุน มาเน็ตกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผ่านการกดดันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเบื้องหลังของการลงนามครั้งนี้มีอะไรบ้าง และจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนสูญเสียอะไรอีกบ้าง
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=7n8910LhBIU
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ปฎิญญาไทยเขมร #ทรัมป์ #อนุทิน #ไทยเขมร
    สนธิเล่าเรื่อง 27-10-68 . เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมรับประทานอาหารเช้าเป็นข้าวผัดน้ำพริกปลาทูกับทีมงานแล้ว คุณสนธิจะมาเล่าให้ฟังถึงหลายเรื่องทั้งกรณีการสูญเสียครั้งใหญ่ของปวงชนชาวไทยกับการสวรรคตของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , การลงนามในปฏิญญาสันติภาพไทย-เขมร ระหว่างนายฮุน มาเน็ตกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล ผ่านการกดดันของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ว่าเบื้องหลังของการลงนามครั้งนี้มีอะไรบ้าง และจะทำให้ประเทศชาติและประชาชนสูญเสียอะไรอีกบ้าง . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=7n8910LhBIU . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk #ปฎิญญาไทยเขมร #ทรัมป์ #อนุทิน #ไทยเขมร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนไทยที่ต้องสูญเสีย ไม่มีค่าสำหรับพวกคุณเลยรึ? (26/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชา #รัฐบาลไทย #ความมั่นคง #ชีวิตคนไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    ชีวิตคนไทยที่ต้องสูญเสีย ไม่มีค่าสำหรับพวกคุณเลยรึ? (26/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชา #รัฐบาลไทย #ความมั่นคง #ชีวิตคนไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2568 เวลา 21.21 น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ หลังทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจของพสกนิกรชาวไทย เปรียบดังสูญเสียแม่ของแผ่นดิน ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจตลอดพระชนม์ชีพ เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้พสกนิกรชาวไทยอยู่ดีกินดี บ้านเมืองสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีตลอดมา

    เมื่อเวลา 16.26 น. วันที่ 26 ต.ค. 2568 ขบวนรถเชิญพระบรมศพ ออกจากอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยา พระบรมมหาราชวัง โดยมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศ แต่งกายไว้ทุกข์สีดำ เดินทางมาร่วมส่งเสด็จตลอดทางเป็นจำนวนมาก สำนักพระราชวัง อนุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ส.ค. 2475 เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ ทั้งการเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทย มีพระราชดำริในการออกแบบเครื่องแต่งกายชุดไทยประจำชาติที่เรียกว่า "ชุดไทยพระราชนิยม" การส่งเสริมศิลปาชีพ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ พร้อมกับอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน เช่น การปั้น การทอ และการจักสาน ให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งการอนุรักษ์โขน ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย

    ขณะเดียวกัน ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจด้านการส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะโครงการป่ารักน้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริฯ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการบุกรุกป่า นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างห้องสมุดอเนกประสงค์ "ศาลารวมใจ" การจัดหน่วยแพทย์พระราชทาน การรับคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ การรับนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ การก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครผู้บาดเจ็บหรือพิการ และการรับกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นต้น

    ด้วยพระราชินีคู่บุญบารมีในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนนานัปการ จึงเป็นที่รักยิ่งแก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์

    #Newskit
    พระผู้เสด็จสู่สวรรคาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2568 เวลา 21.21 น. ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ด้วยพระอาการสงบ หลังทรงพระประชวรจากภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต สิริพระชนมพรรษาปีที่ 93 นำมาซึ่งความโศกเศร้าเสียใจของพสกนิกรชาวไทย เปรียบดังสูญเสียแม่ของแผ่นดิน ด้วยทรงประกอบพระราชกรณียกิจตลอดพระชนม์ชีพ เคียงคู่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ให้พสกนิกรชาวไทยอยู่ดีกินดี บ้านเมืองสงบร่มเย็นด้วยพระบารมีตลอดมา เมื่อเวลา 16.26 น. วันที่ 26 ต.ค. 2568 ขบวนรถเชิญพระบรมศพ ออกจากอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยา พระบรมมหาราชวัง โดยมีพสกนิกรทุกหมู่เหล่าจากทั่วสารทิศ แต่งกายไว้ทุกข์สีดำ เดินทางมาร่วมส่งเสด็จตลอดทางเป็นจำนวนมาก สำนักพระราชวัง อนุญาตให้ประชาชนเข้าถวายสักการะพระบรมศพ เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ส.ค. 2475 เป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของพลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจน้อยใหญ่ ทั้งการเชิดชูศิลปวัฒนธรรมไทย มีพระราชดำริในการออกแบบเครื่องแต่งกายชุดไทยประจำชาติที่เรียกว่า "ชุดไทยพระราชนิยม" การส่งเสริมศิลปาชีพ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต อาชีพ และความเป็นอยู่ พร้อมกับอนุรักษ์และส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน เช่น การปั้น การทอ และการจักสาน ให้เป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งการอนุรักษ์โขน ศิลปะการแสดงชั้นสูงของไทย ขณะเดียวกัน ทรงปฏิบัติพระราชกรณีกิจด้านการส่งเสริมอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะโครงการป่ารักน้ำ โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริฯ เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนและการบุกรุกป่า นอกจากนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างห้องสมุดอเนกประสงค์ "ศาลารวมใจ" การจัดหน่วยแพทย์พระราชทาน การรับคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ การรับนักเรียนในพระบรมราชานุเคราะห์ การก่อตั้งมูลนิธิสายใจไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้การสงเคราะห์แก่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และอาสาสมัครผู้บาดเจ็บหรือพิการ และการรับกิจการลูกเสือชาวบ้านไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ เป็นต้น ด้วยพระราชินีคู่บุญบารมีในหลวง รัชกาลที่ ๙ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจเพื่อประชาชนนานัปการ จึงเป็นที่รักยิ่งแก่พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่า ต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์ #Newskit
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน

    บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน

    ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้

    แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ
    เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น
    บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing
    เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D
    เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง

    ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา
    รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์
    Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก

    ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง
    มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
    เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง
    หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน
    การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด
    การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    🇺🇸 รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้ ✅ แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น ➡️ บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing ➡️ เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D ➡️ เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง ✅ ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา ➡️ รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก ✅ ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ➡️ ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ➡️ เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง ⛔ หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน ⛔ การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด ⛔ การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence”

    Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab

    การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์

    แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง”

    พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ

    การปรับโครงสร้างของ Meta
    ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure
    สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence
    นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่
    พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้

    การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์
    Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI
    ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI
    หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง
    เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์

    ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR
    FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA
    ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี
    งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab
    Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น

    ข้อควรระวังและคำเตือน
    การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม
    การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน
    การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน
    การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ
    หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI

    https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    🧠 “Meta ปรับโครงสร้าง AI ครั้งใหญ่ – ปลด 600 ตำแหน่ง FAIR พร้อมเร่งสร้างทีม Superintelligence” Meta กำลังปรับทิศทางการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ โดยประกาศปลดพนักงานกว่า 600 คน จากแผนก Fundamental AI Research (FAIR) และฝ่ายผลิตภัณฑ์ AI กับโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะดูเหมือนถอยหลัง แต่จริง ๆ แล้ว Meta กำลัง “เร่งเครื่อง” ไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่า นั่นคือการสร้าง ทีม Superintelligence ภายใต้ชื่อ TBD Lab การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก Meta ลงทุนกว่า 14.3 พันล้านดอลลาร์ ในบริษัท Scale AI และดึงตัว CEO Alexandr Wang เข้ามาเป็นหัวหน้าทีม AI ของบริษัท โดยเขาได้ประกาศว่าจะนำไอเดียจาก FAIR ไปต่อยอดในโมเดลขนาดใหญ่ของ TBD Lab การปลดพนักงานครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การลดต้นทุน แต่เป็นการปรับโฟกัสใหม่ให้แต่ละคนมี “ภาระงานที่ชัดเจนและมีผลกระทบมากขึ้น” ตามคำกล่าวของ Wang ซึ่งสะท้อนแนวคิดแบบ startup ที่เน้นความคล่องตัวและผลลัพธ์ แม้ FAIR เคยเป็นหัวใจของงานวิจัย AI ระดับโลก เช่นการพัฒนา PyTorch และโมเดลภาษา LLaMA แต่ในยุคที่ AI เชิงผลิตภัณฑ์และโมเดลขนาดใหญ่กลายเป็นจุดแข่งหลักของบริษัทเทคโนโลยี Meta จึงเลือกเดินหน้าสร้างทีมใหม่ที่เน้นการ “รวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริง” พนักงานที่ได้รับผลกระทบสามารถสมัครตำแหน่งอื่นภายในบริษัทได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้อาจเป็นสัญญาณว่า Meta กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI ที่เน้น “ผลลัพธ์เชิงธุรกิจ” มากกว่าการทดลองเชิงวิชาการ ✅ การปรับโครงสร้างของ Meta ➡️ ปลดพนักงานกว่า 600 คนจาก FAIR และฝ่าย AI Infrastructure ➡️ สร้างทีมใหม่ชื่อ TBD Lab เพื่อพัฒนา Superintelligence ➡️ นำไอเดียจาก FAIR ไปใช้ในโมเดลขนาดใหญ่ ➡️ พนักงานที่ถูกปลดสามารถสมัครตำแหน่งอื่นในบริษัทได้ ✅ การลงทุนและการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ➡️ Meta ลงทุน $14.3 พันล้านใน Scale AI ➡️ ดึง Alexandr Wang เป็นหัวหน้าทีม AI ➡️ หยุดการจ้างงานชั่วคราวก่อนประกาศปรับโครงสร้าง ➡️ เน้นการรวมงานวิจัยเข้ากับการใช้งานจริงในผลิตภัณฑ์ ✅ ความเปลี่ยนแปลงในบทบาทของ FAIR ➡️ FAIR เคยเป็นผู้นำด้านงานวิจัย เช่น PyTorch และ LLaMA ➡️ ผู้นำ FAIR Joelle Pineau ลาออกเมื่อต้นปี ➡️ งานวิจัยจาก FAIR จะถูกนำไป scale ใน TBD Lab ➡️ Meta เน้นให้แต่ละคนมีภาระงานที่มีผลกระทบมากขึ้น ‼️ ข้อควรระวังและคำเตือน ⛔ การลดขนาดทีมวิจัยอาจทำให้ Meta สูญเสียความได้เปรียบด้านนวัตกรรม ⛔ การเน้นผลลัพธ์เชิงธุรกิจอาจลดความหลากหลายของงานวิจัยพื้นฐาน ⛔ การเปลี่ยนแปลงรวดเร็วอาจกระทบขวัญกำลังใจของทีมงาน ⛔ การรวมงานวิจัยเข้ากับผลิตภัณฑ์ต้องใช้การจัดการที่รอบคอบ ⛔ หาก TBD Lab ล้มเหลว อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Meta ในวงการ AI https://www.theverge.com/news/804253/meta-ai-research-layoffs-fair-superintelligence
    WWW.THEVERGE.COM
    Meta is axing 600 roles across its AI division
    But Meta is still hiring for its team tasked with achieving superintelligence, according to a report from Axios.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาล และกระทรวงต่างประเทศ ใจคุณทำด้วยอะไร ปล่อยให้ความเสียหาย การสูญเสีย สูญเปล่า ยังดันทุรังจัด JBC

    https://www.youtube.com/live/5cai-_oJlyo?si=FnHY69QXDxiIIXBx
    รัฐบาล และกระทรวงต่างประเทศ ใจคุณทำด้วยอะไร ปล่อยให้ความเสียหาย การสูญเสีย สูญเปล่า ยังดันทุรังจัด JBC https://www.youtube.com/live/5cai-_oJlyo?si=FnHY69QXDxiIIXBx
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

    เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง

    หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ

    จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม

    โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน

    แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ

    ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย
    ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง

    ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล
    อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน

    ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี
    เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง

    ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน

    ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
    ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม

    มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน

    https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    🌊 “ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย — ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล” — เมื่อธรรมชาติกลายเป็นแหล่งพลังงานที่เชื่อถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองฟุกุโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดตัวโรงไฟฟ้าออสโมติก (osmotic power plant) แห่งแรกในเอเชีย ซึ่งเป็นโรงงานขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล — ไม่ใช่แค่การทดลอง แต่เป็นระบบที่ใช้งานจริง โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เพียงพอสำหรับบ้านญี่ปุ่นประมาณ 220 หลัง หลักการทำงานของระบบนี้คือการใช้ “ออสโมซิส” ซึ่งเป็นกระบวนการธรรมชาติที่น้ำจืดจะซึมผ่านเยื่อบางไปยังฝั่งน้ำเค็มเพื่อปรับสมดุลความเข้มข้นของเกลือ ความดันที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่นี้จะถูกนำไปหมุนกังหันเพื่อผลิตไฟฟ้า — คล้ายกับการใช้พลังงานน้ำ แต่ไม่ต้องพึ่งพาสภาพอากาศ จุดเด่นของระบบนี้คือความต่อเนื่อง: แม่น้ำไม่หยุดไหลลงทะเล ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่ต้องรอแดดหรือลม โรงงานยังใช้ “น้ำเกลือเข้มข้น” ที่เหลือจากโรงกรองน้ำทะเล (desalination plant) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบ — กลายเป็นวงจรพลังงานแบบหมุนเวียนที่ทั้งผลิตน้ำดื่มและไฟฟ้าไปพร้อมกัน แม้จะยังมีข้อจำกัดด้านประสิทธิภาพ เช่น การสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทานและการใช้พลังงานในการสูบน้ำ แต่เทคโนโลยีกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เช่น การใช้เยื่อกรองที่ดีขึ้นและปั๊มที่ใช้พลังงานต่ำ ✅ ญี่ปุ่นเปิดโรงไฟฟ้าออสโมติกแห่งแรกในเอเชีย ➡️ ตั้งอยู่ที่เมืองฟุกุโอกะ ใช้งานจริง ไม่ใช่แค่การทดลอง ✅ ใช้พลังงานจากการพบกันของน้ำจืดและน้ำทะเล ➡️ อาศัยหลักการออสโมซิสเพื่อสร้างแรงดัน ✅ ผลิตไฟฟ้าได้ประมาณ 880,000 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ➡️ เพียงพอสำหรับบ้านประมาณ 220 หลัง ✅ ใช้น้ำเกลือเข้มข้นจากโรงกรองน้ำทะเลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ สร้างระบบพลังงานแบบหมุนเวียน ✅ ระบบสามารถทำงานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน ➡️ ไม่ต้องพึ่งพาแดดหรือลม ✅ มีการพัฒนาเยื่อกรองและปั๊มพลังงานต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ลดการสูญเสียพลังงานจากแรงเสียดทาน https://www.slashgear.com/1997354/japan-fukuoka-osmotic-power-plant-uses-seawater-tech-explained/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Japan's Newest Power Plant Turns Seawater Into Electricity – Here's How It Works - SlashGear
    Fukuoaka's osmotic power plant is supplied by local desalination facilities and uses a natural process to generate modest amounts of power.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย

    ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น

    นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ

    จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์

    United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด
    เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส

    กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย
    มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน

    กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม
    บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต

    เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี
    ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ

    ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร
    กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก

    นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย
    ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ

    ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่
    เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที

    https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    ✈️ “United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับ 36,000 ฟุต — อาจเป็นเศษดาวเทียมหรืออุกกาบาต” — เมื่อการบินพาณิชย์เผชิญเหตุการณ์ที่อาจไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025 เครื่องบิน United Airlines รุ่น 737 MAX ที่บินจากเดนเวอร์ไปลอสแอนเจลิส ถูกวัตถุตกใส่กลางอากาศที่ระดับความสูง 36,000 ฟุตเหนือรัฐโคโลราโด ส่งผลให้กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ภาพถ่ายที่มีลายน้ำซึ่งเผยแพร่หลังเหตุการณ์แสดงให้เห็นรอยร้าวบนกระจกและแขนของนักบินที่มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย กัปตันของเที่ยวบินระบุว่าวัตถุดังกล่าวอาจเป็น “space debris” หรือเศษซากจากดาวเทียมหรือจรวด แต่บางรายงานก็เสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เครื่องบินสามารถเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่เมืองซอลต์เลกซิตีได้อย่างปลอดภัย โดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ และไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร เนื่องจากกระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอกเท่านั้น นักบินลดระดับลงมาเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อบรรเทาความต่างแรงดัน และผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่เพื่อเดินทางต่อ จนถึงขณะนี้ FAA และสายการบินยังไม่ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินมองว่าเหตุการณ์นี้ “หายากมาก” และอาจเป็นครั้งแรกที่เกิดขึ้นกับเที่ยวบินพาณิชย์ ✅ United 737 MAX ถูกวัตถุตกใส่ที่ระดับ 36,000 ฟุตเหนือโคโลราโด ➡️ เกิดขึ้นหลังออกจากเดนเวอร์มุ่งหน้าลอสแอนเจลิส ✅ กระจกหน้าห้องนักบินและโครงสร้างบางส่วนได้รับความเสียหาย ➡️ มีภาพแสดงรอยร้าวและแขนนักบินที่มีรอยขีดข่วน ✅ กัปตันระบุว่าอาจเป็น “space debris” หรือเศษดาวเทียม ➡️ บางรายงานเสนอว่าอาจเป็นอุกกาบาต ✅ เครื่องบินเบี่ยงเส้นทางไปลงจอดที่ซอลต์เลกซิตี ➡️ ไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ✅ ไม่มีการสูญเสียแรงดันในห้องโดยสาร ➡️ กระจกที่เสียหายเป็นเพียงชั้นนอก ✅ นักบินลดระดับลงเหลือ 26,000 ฟุตเพื่อความปลอดภัย ➡️ ลดแรงดันบนกระจกที่เหลือ ✅ ผู้โดยสารประมาณ 130 คนถูกเปลี่ยนไปขึ้นเครื่องลำใหม่ ➡️ เดินทางต่อเพื่อจบเที่ยวบิน 90 นาที https://avbrief.com/united-max-hit-by-falling-object-at-36000-feet/
    AVBRIEF.COM
    United MAX Hit by Falling Object at 36,000 Feet - AvBrief.com
    Object may have been a piece of a weather balloon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่

    ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ

    บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา

    บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์

    ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง

    Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก
    มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์

    ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ
    ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง

    ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption
    ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร

    จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง
    ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย

    สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ
    ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว

    ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์
    ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ

    ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA
    มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด

    ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ
    มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว

    องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี
    ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์

    หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ
    ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ

    พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ
    เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ

    การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล
    และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร

    https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    🛡️ “Managed IT Services เสริมเกราะไซเบอร์องค์กร — จากการเฝ้าระวังถึงการฟื้นตัวหลังภัยคุกคาม” — เมื่อการจ้างผู้เชี่ยวชาญดูแลระบบ IT กลายเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือภัยไซเบอร์ยุคใหม่ ในยุคที่ธุรกิจพึ่งพาเทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีด้วย ransomware, การหลอกลวงผ่าน phishing หรือการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ หลายองค์กรพบว่าการรับมือด้วยทีมภายในเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ บทความจาก SecurityOnline.info ชี้ให้เห็นว่า “Managed IT Services” หรือบริการดูแลระบบ IT แบบครบวงจรจากภายนอก คือคำตอบที่ช่วยให้องค์กรเปลี่ยนจากการรับมือแบบ “ตามเหตุการณ์” ไปสู่การป้องกันเชิงรุก โดยมีผู้เชี่ยวชาญคอยเฝ้าระวัง ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามตลอดเวลา บริการเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่การติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall และ endpoint protection, การอัปเดตแพตช์อย่างสม่ำเสมอ, การสำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบ ไปจนถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ที่สำคัญ Managed IT ยังช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามกฎหมายและมาตรฐานด้านความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA และ PCI-DSS ได้ง่ายขึ้น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมายและชื่อเสียง ✅ Managed IT Services ช่วยเปลี่ยนการรับมือภัยไซเบอร์จากเชิงรับเป็นเชิงรุก ➡️ มีการเฝ้าระวังและตรวจจับภัยคุกคามแบบเรียลไทม์ ✅ ใช้เครื่องมืออัตโนมัติและ AI วิเคราะห์พฤติกรรมผิดปกติ ➡️ ลดช่องว่างระหว่างการตรวจพบและการตอบสนอง ✅ ติดตั้งระบบป้องกันหลายชั้น เช่น firewall, IDS, encryption ➡️ ปรับแต่งตามความต้องการเฉพาะของแต่ละองค์กร ✅ จัดการอัปเดตและแพตช์ระบบอย่างต่อเนื่อง ➡️ ลดช่องโหว่จากซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย ✅ สำรองข้อมูลและวางแผนกู้คืนระบบจากภัยพิบัติ ➡️ ใช้คลาวด์และระบบอัตโนมัติเพื่อฟื้นตัวเร็ว ✅ ฝึกอบรมพนักงานให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดความเสี่ยงจาก human error เช่น phishing หรือรหัสผ่านอ่อนแอ ✅ ช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัย เช่น GDPR, HIPAA ➡️ มีการตรวจสอบและจัดทำเอกสารตามข้อกำหนด ✅ ลด downtime และเพิ่มความต่อเนื่องทางธุรกิจ ➡️ มีแผนสำรองและระบบเฝ้าระวังที่ตอบสนองเร็ว ‼️ องค์กรที่ไม่มีการอัปเดตระบบอย่างสม่ำเสมอเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ⛔ ช่องโหว่จากซอฟต์แวร์เก่าเป็นเป้าหมายหลักของแฮกเกอร์ ‼️ หากไม่มีแผนกู้คืนระบบ อาจสูญเสียข้อมูลสำคัญเมื่อเกิดภัยพิบัติ ⛔ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ ‼️ พนักงานที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมอาจเป็นช่องทางให้ภัยไซเบอร์เข้าถึงระบบ ⛔ เช่น คลิกลิงก์หลอกลวงหรือใช้รหัสผ่านซ้ำ ‼️ การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัยข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับมหาศาล ⛔ และสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงองค์กร https://securityonline.info/how-managed-it-services-strengthen-cybersecurity/
    SECURITYONLINE.INFO
    How Managed IT Services Strengthen Cybersecurity?
    In today’s digital age, businesses depend heavily on technology to operate efficiently, but that reliance also introduces new
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อำลา Yang Chen-Ning: นักฟิสิกส์ผู้เปลี่ยนโลกและสร้างสะพานวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ"

    Yang Chen-Ning นักฟิสิกส์ระดับโลกและผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนแรกของจีน เสียชีวิตอย่างสงบในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยวัย 103 ปี เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในวงการฟิสิกส์ระดับโลกและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของจีน

    Yang ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Tsung-Dao Lee ในปี 1957 จากทฤษฎี “Parity Non-Conservation” ซึ่งพลิกโฉมความเข้าใจเกี่ยวกับแรงพื้นฐานในธรรมชาติ เขายังเป็นผู้ร่วมพัฒนา “Yang-Mills Theory” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของ Standard Model ในฟิสิกส์อนุภาค

    ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการเดินทางทางวิชาการที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ไปจนถึงเป็นศาสตราจารย์ที่ Princeton และ SUNY Stony Brook ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University ในจีน ซึ่งเขาอุทิศตนเพื่อพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์และสร้างโอกาสให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่

    Yang ไม่เพียงเป็นนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงโลกวิทยาศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผ่านการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลจีนในโครงการวิทยาศาสตร์ระดับชาติ

    ประวัติชีวิตและการศึกษา
    เกิดที่ Hefei, Anhui ในปี 1922
    เรียนที่ National Southwestern Associated University และ Tsinghua University
    ได้รับปริญญาเอกจาก University of Chicago ในปี 1948

    เส้นทางอาชีพในต่างประเทศ
    เป็นสมาชิกถาวรของ Institute for Advanced Study ที่ Princeton
    ดำรงตำแหน่ง Albert Einstein Professor ที่ SUNY Stony Brook จนถึงปี 1999
    เป็น visiting professor ที่ Chinese University of Hong Kong ตั้งแต่ปี 1986

    ผลงานทางวิทยาศาสตร์
    ร่วมกับ Tsung-Dao Lee เสนอทฤษฎี Parity Non-Conservation ใน weak interaction
    พัฒนา Yang-Mills Theory ซึ่งเป็นรากฐานของ Standard Model
    ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20

    บทบาทในจีน
    กลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University และเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Institute for Advanced Study
    เสนอแนวทางการฟื้นฟูงานวิจัยพื้นฐานให้รัฐบาลจีน
    สนับสนุนทุนการศึกษาให้นักวิจัยจีนไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ
    มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ระดับชาติ

    ความสูญเสียของวงการวิทยาศาสตร์
    การจากไปของ Yang ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในระดับโลกและระดับชาติ
    ทิ้งไว้เพียงผลงานและแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่

    มรดกทางวิชาการ
    ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 20 แห่งทั่วโลก
    เป็นสมาชิกต่างชาติของสถาบันวิทยาศาสตร์มากกว่า 10 แห่ง
    ผลงานของเขายังคงเป็นรากฐานของฟิสิกส์ยุคใหม่

    https://www.chinadaily.com.cn/a/202510/18/WS68f3170ea310f735438b5bf2.html
    🪦 "อำลา Yang Chen-Ning: นักฟิสิกส์ผู้เปลี่ยนโลกและสร้างสะพานวิทยาศาสตร์ระหว่างประเทศ" Yang Chen-Ning นักฟิสิกส์ระดับโลกและผู้ได้รับรางวัลโนเบลคนแรกของจีน เสียชีวิตอย่างสงบในกรุงปักกิ่งเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยวัย 103 ปี เขาเป็นบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในวงการฟิสิกส์ระดับโลกและการพัฒนาวิทยาศาสตร์ของจีน Yang ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ร่วมกับ Tsung-Dao Lee ในปี 1957 จากทฤษฎี “Parity Non-Conservation” ซึ่งพลิกโฉมความเข้าใจเกี่ยวกับแรงพื้นฐานในธรรมชาติ เขายังเป็นผู้ร่วมพัฒนา “Yang-Mills Theory” ซึ่งกลายเป็นรากฐานสำคัญของ Standard Model ในฟิสิกส์อนุภาค ชีวิตของเขาเต็มไปด้วยการเดินทางทางวิชาการที่ยิ่งใหญ่ ตั้งแต่เรียนที่มหาวิทยาลัยชิคาโก ไปจนถึงเป็นศาสตราจารย์ที่ Princeton และ SUNY Stony Brook ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University ในจีน ซึ่งเขาอุทิศตนเพื่อพัฒนาการศึกษาวิทยาศาสตร์และสร้างโอกาสให้กับนักวิจัยรุ่นใหม่ Yang ไม่เพียงเป็นนักฟิสิกส์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นผู้เชื่อมโยงโลกวิทยาศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ผ่านการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและการให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลจีนในโครงการวิทยาศาสตร์ระดับชาติ ✅ ประวัติชีวิตและการศึกษา ➡️ เกิดที่ Hefei, Anhui ในปี 1922 ➡️ เรียนที่ National Southwestern Associated University และ Tsinghua University ➡️ ได้รับปริญญาเอกจาก University of Chicago ในปี 1948 ✅ เส้นทางอาชีพในต่างประเทศ ➡️ เป็นสมาชิกถาวรของ Institute for Advanced Study ที่ Princeton ➡️ ดำรงตำแหน่ง Albert Einstein Professor ที่ SUNY Stony Brook จนถึงปี 1999 ➡️ เป็น visiting professor ที่ Chinese University of Hong Kong ตั้งแต่ปี 1986 ✅ ผลงานทางวิทยาศาสตร์ ➡️ ร่วมกับ Tsung-Dao Lee เสนอทฤษฎี Parity Non-Conservation ใน weak interaction ➡️ พัฒนา Yang-Mills Theory ซึ่งเป็นรากฐานของ Standard Model ➡️ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักฟิสิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศตวรรษที่ 20 ✅ บทบาทในจีน ➡️ กลับมารับตำแหน่งที่ Tsinghua University และเป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Institute for Advanced Study ➡️ เสนอแนวทางการฟื้นฟูงานวิจัยพื้นฐานให้รัฐบาลจีน ➡️ สนับสนุนทุนการศึกษาให้นักวิจัยจีนไปศึกษาต่อในสหรัฐฯ ➡️ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนานโยบายวิทยาศาสตร์ระดับชาติ ‼️ ความสูญเสียของวงการวิทยาศาสตร์ ⛔ การจากไปของ Yang ถือเป็นการสูญเสียบุคคลสำคัญที่มีบทบาททั้งในระดับโลกและระดับชาติ ⛔ ทิ้งไว้เพียงผลงานและแรงบันดาลใจให้กับนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่ ✅ มรดกทางวิชาการ ➡️ ได้รับปริญญากิตติมศักดิ์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 20 แห่งทั่วโลก ➡️ เป็นสมาชิกต่างชาติของสถาบันวิทยาศาสตร์มากกว่า 10 แห่ง ➡️ ผลงานของเขายังคงเป็นรากฐานของฟิสิกส์ยุคใหม่ https://www.chinadaily.com.cn/a/202510/18/WS68f3170ea310f735438b5bf2.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • “NVIDIA สูญตลาดจีน 100% — Jensen Huang เผย ‘จาก 95% เหลือ 0%’”

    Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA กล่าวในงาน Citadel Securities Future Of Global Markets 2025 ว่าบริษัทของเขา “ไม่มีส่วนแบ่งตลาดในจีนอีกต่อไป” โดยระบุว่า NVIDIA เคยครองตลาด AI ของจีนถึง 95% แต่ตอนนี้เหลือ 0% และ “ในทุกการคาดการณ์ของเรา เราตั้งค่าจีนเป็นศูนย์”

    เหตุผลหลักคือจีนกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเองภายในประเทศ โดยไม่พึ่งพา NVIDIA อีกต่อไป ซึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ไม่อนุญาตให้ขายชิป AI ระดับสูงให้กับจีน โดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่าง Blackwell B100 หรือ B200

    แม้ NVIDIA จะพยายามเสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper หรือ Blackwell B40 แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีจีนได้ โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่าง Huawei และ Cambricon กำลังเร่งพัฒนา AI chip ของตัวเองอย่างจริงจัง

    Jensen ยอมรับว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นในจีน ก็ถือเป็นโบนัส” และมองว่าการกลับเข้าสู่ตลาดจีนจะเป็นเรื่องยากมากในอนาคต เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

    Jensen Huang ระบุว่า NVIDIA สูญเสียตลาดจีนทั้งหมด
    จาก 95% เหลือ 0% ในการคาดการณ์ของบริษัท

    เหตุผลหลักคือจีนหันไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเอง
    เช่น Huawei และ Cambricon ที่มี roadmap ชิป AI ของตัวเอง

    สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีน
    เช่น Blackwell B100/B200 ไม่สามารถขายให้ได้

    NVIDIA เสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper และ B40
    แต่ยังไม่ตอบโจทย์การแข่งขันในจีน

    การกลับเข้าสู่ตลาดจีนต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ
    และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรง

    https://wccftech.com/our-market-share-dropped-from-95-to-0-in-china-says-nvidia-ceo/
    🇨🇳 “NVIDIA สูญตลาดจีน 100% — Jensen Huang เผย ‘จาก 95% เหลือ 0%’” Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA กล่าวในงาน Citadel Securities Future Of Global Markets 2025 ว่าบริษัทของเขา “ไม่มีส่วนแบ่งตลาดในจีนอีกต่อไป” โดยระบุว่า NVIDIA เคยครองตลาด AI ของจีนถึง 95% แต่ตอนนี้เหลือ 0% และ “ในทุกการคาดการณ์ของเรา เราตั้งค่าจีนเป็นศูนย์” เหตุผลหลักคือจีนกำลังเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเองภายในประเทศ โดยไม่พึ่งพา NVIDIA อีกต่อไป ซึ่งเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ไม่อนุญาตให้ขายชิป AI ระดับสูงให้กับจีน โดยเฉพาะรุ่นใหม่อย่าง Blackwell B100 หรือ B200 แม้ NVIDIA จะพยายามเสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper หรือ Blackwell B40 แต่ก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทเทคโนโลยีจีนได้ โดยเฉพาะเมื่อคู่แข่งอย่าง Huawei และ Cambricon กำลังเร่งพัฒนา AI chip ของตัวเองอย่างจริงจัง Jensen ยอมรับว่า “หากมีอะไรเกิดขึ้นในจีน ก็ถือเป็นโบนัส” และมองว่าการกลับเข้าสู่ตลาดจีนจะเป็นเรื่องยากมากในอนาคต เพราะต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ✅ Jensen Huang ระบุว่า NVIDIA สูญเสียตลาดจีนทั้งหมด ➡️ จาก 95% เหลือ 0% ในการคาดการณ์ของบริษัท ✅ เหตุผลหลักคือจีนหันไปใช้เทคโนโลยี AI ที่พัฒนาเอง ➡️ เช่น Huawei และ Cambricon ที่มี roadmap ชิป AI ของตัวเอง ✅ สหรัฐฯ จำกัดการส่งออกชิป AI ระดับสูงไปยังจีน ➡️ เช่น Blackwell B100/B200 ไม่สามารถขายให้ได้ ✅ NVIDIA เสนอชิปรุ่นลดสเปก เช่น Hopper และ B40 ➡️ แต่ยังไม่ตอบโจทย์การแข่งขันในจีน ✅ การกลับเข้าสู่ตลาดจีนต้องผ่านการอนุมัติจากทั้งสองประเทศ ➡️ และเผชิญกับการแข่งขันภายในที่รุนแรง https://wccftech.com/our-market-share-dropped-from-95-to-0-in-china-says-nvidia-ceo/
    WCCFTECH.COM
    “Our Market Share Dropped From 95% to 0%,” Says NVIDIA CEO Jensen Huang in a ‘Temporary Goodbye’ to China’s AI Market
    NVIDIA's CEO has once again commented on the firm's 'desperate' position in China, claiming that its market share has now plunged to 0%.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประเทศไทยเราบัดสบจริงๆ ว่าแล้วรัฐบาลอนุทินมีปัญหาจริงๆ,มีปัญหาตั้งแต่อุ๊งอิ๊งออกไปแล้ว จากนั้นก็สืบทอดปัญหาต่ออีก เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาแทนกันแค่นั้นเอง,นายกฯอนุทินก็กอดmou43,44ปกติไม่ต่างจากนายกฯอุ๊งอิ๊งเลย,ทีมรัฐบาลทั้งคณะนี้ล่ะ เห็นต้องตรงกัน ถ่วงเวลาด้วยการโยนให้ประชาชนคนไทยร่วมกันลงมติยกเลิกเอาเองแต่เวลามันพากันทำ มันเสือกไม่ให้คนไทยไปรับรู้ข้อความภายในว่าเขียนอะไร ตีความหมายอย่างไร ไทยได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เป็นคุณหรือเป็นโทษ รัฐบาลนายกฯชวนในอดีตโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยที่รับผิดชอบทางตรงเต็มๆกลับไม่ให้ประชาชนรับรู้มาร่วมลงประชาวิจารณ์แสดงความคิดเห็นเสรีอะไรตามระบบประชาธิปไตยอันสำคัญจริงต่อการสูญเสียดินแดนของประเทศ รัฐบาลในอดีตทั้งหมดต้องรับผิดชอบและต้องถูกลงโทษทั้งหมดโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศทุกๆสมัยจนถึงปัจจุบัน ,เสียดินแดนชัดเจนที่1:150,000ไปจากการใช้1:200,000ซึ่งปกติเราใช้1:50,000 ทั้งไม่มีจริงในบันทึกmou43,44ให้เป็นประโยชน์จริงต่อไทยในการใช้1:50,000เสือกกระทรวงการต่างประเทศไปคัดกรองผีบ้าแบบใดไม่บรรจุเป็น1:50,000ในสัญญาด้วย ,ไปทำห่าแบบใด เขียนในสัญญาตำตาแบบใดไม่ระบุให้เป็นคุณแก่แผ่นดินไทยตนที่1:50,000ชัดเจนในสัญญา ด้วยเหตุนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องโทษประหารชีวิตทั้งหมดข้อหาขายชาติทรยศด้วยต่อดินแดนอธิปไตยไทยตนเองเจตนาทำสัญญาให้สูญเสียแผ่นดินพื้นที่ประเทศไทยชัดเจน ตลอดอดีตนายกฯที่มีส่วนร่วมทั้งหมดต้องโทษประหารทุกๆคน รวมถึงคณะครม.ที่ลงมติกำหนดmou43,44นี้ด้วย,ตนและคณะพากันทำพากันสร้างให้ไทยสูญเสียดินแดนแผ่นดินพื้นที่ไทยชัดเจน,ไม่มีเจตนาปกป้องดินแดนไทยตนชัดเจนผ่านข้อสังเกตุและพิสูจน์ชัดในตัวเนื้อหาของmou43,44นี้,จนถึงปัจจุบันยังมีหน้าพากันกระทำความผิดทั้งคณะรัฐบาลเหมือนเดิมปกติ,พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ตลอดพรรคการเมืองใดที่สนับสนุนให้รัฐบาลนี้มีสถานะเป็นผู้นำปัจจุบันต้องร่วมรับผิดชอบร่วมกันด้วยในฐานะตัวสร้างรัฐบาลตัวสร้างนายกฯที่นำไปสู่การกอดmou43,44เต็มที่ถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้ในปัจจุบันนี้,คณะรวมพลังแผ่นดินฯ ทีมยามเฝ้าแผ่นดิน คณะคปท.สมควรยื่นฟ้องดำเนินคดีทุกๆคน ทุกๆองค์กร หน่วยงานรวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงทบวงกรมข้าราชการกระทรวงทบวงกรมทั้งหมดทันทีที่นั่งในตำแหน่งอำนาจหน้าที่ระดับใดๆก็ตามตั้งแต่บนลงล่างต้องโทษประหารทั้งหมดให้เป็นเยี่ยงอย่างที่นิ่งเฉยทั้งองค์กรหน่วยงานตน ไม่ร่วมออกมาปกป้องแผ่นดินตน ประเทศตน จะอ้างเป็นข้าราชการค้ำหัวไม่ได้ ,เจ้านายทำผิดทำชั่วต้องจับเจ้านายตนลงโทษ เจ้านายผีบ้าต้องถีบออก นี้เจ้านายขายแผ่นดินเสือกก้มหน้าก้มตาทำงานกับเจ้านายชั่วเลวนี้ด้วยสมควรตายทั้งหมดร่วมกัน กระทรวงการต่างประเทศต้องตายก่อน ขายชาติชัดเจน รู้ชัดเจนในไส้ในทั้งหมด ไม่ใส่1:50,000เข้าไปในสัญญาmou43,44เลยมันก็ชัดเจนในเจตนาชั่วเลวแล้วต้องโดนทั้งหมด.,ทั้งแสดงวาทะกรรมออกมาปกป้องmou43,44ผ่านสื่อมากมายเป็นสาธารณะด้วย เสมือนปกป้องช่วยเหลือศัตรูเช่นเขมรมาบุกรุกรานคุกคามยึดแผ่นดินไทยที่ดินไทยให้สำเร็จชัดเจนในอธิปไตยดินแดนไทยตนนี้,ทั้งหมดต้องถูกประหารชีวิตจริงๆ.


    https://youtube.com/watch?v=DkqIK19PeXY&si=iNVGsoslAM_0KXI4
    ประเทศไทยเราบัดสบจริงๆ ว่าแล้วรัฐบาลอนุทินมีปัญหาจริงๆ,มีปัญหาตั้งแต่อุ๊งอิ๊งออกไปแล้ว จากนั้นก็สืบทอดปัญหาต่ออีก เปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาแทนกันแค่นั้นเอง,นายกฯอนุทินก็กอดmou43,44ปกติไม่ต่างจากนายกฯอุ๊งอิ๊งเลย,ทีมรัฐบาลทั้งคณะนี้ล่ะ เห็นต้องตรงกัน ถ่วงเวลาด้วยการโยนให้ประชาชนคนไทยร่วมกันลงมติยกเลิกเอาเองแต่เวลามันพากันทำ มันเสือกไม่ให้คนไทยไปรับรู้ข้อความภายในว่าเขียนอะไร ตีความหมายอย่างไร ไทยได้เปรียบหรือเสียเปรียบ เป็นคุณหรือเป็นโทษ รัฐบาลนายกฯชวนในอดีตโดยกระทรวงการต่างประเทศไทยที่รับผิดชอบทางตรงเต็มๆกลับไม่ให้ประชาชนรับรู้มาร่วมลงประชาวิจารณ์แสดงความคิดเห็นเสรีอะไรตามระบบประชาธิปไตยอันสำคัญจริงต่อการสูญเสียดินแดนของประเทศ รัฐบาลในอดีตทั้งหมดต้องรับผิดชอบและต้องถูกลงโทษทั้งหมดโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศทุกๆสมัยจนถึงปัจจุบัน ,เสียดินแดนชัดเจนที่1:150,000ไปจากการใช้1:200,000ซึ่งปกติเราใช้1:50,000 ทั้งไม่มีจริงในบันทึกmou43,44ให้เป็นประโยชน์จริงต่อไทยในการใช้1:50,000เสือกกระทรวงการต่างประเทศไปคัดกรองผีบ้าแบบใดไม่บรรจุเป็น1:50,000ในสัญญาด้วย ,ไปทำห่าแบบใด เขียนในสัญญาตำตาแบบใดไม่ระบุให้เป็นคุณแก่แผ่นดินไทยตนที่1:50,000ชัดเจนในสัญญา ด้วยเหตุนี้กระทรวงการต่างประเทศต้องโทษประหารชีวิตทั้งหมดข้อหาขายชาติทรยศด้วยต่อดินแดนอธิปไตยไทยตนเองเจตนาทำสัญญาให้สูญเสียแผ่นดินพื้นที่ประเทศไทยชัดเจน ตลอดอดีตนายกฯที่มีส่วนร่วมทั้งหมดต้องโทษประหารทุกๆคน รวมถึงคณะครม.ที่ลงมติกำหนดmou43,44นี้ด้วย,ตนและคณะพากันทำพากันสร้างให้ไทยสูญเสียดินแดนแผ่นดินพื้นที่ไทยชัดเจน,ไม่มีเจตนาปกป้องดินแดนไทยตนชัดเจนผ่านข้อสังเกตุและพิสูจน์ชัดในตัวเนื้อหาของmou43,44นี้,จนถึงปัจจุบันยังมีหน้าพากันกระทำความผิดทั้งคณะรัฐบาลเหมือนเดิมปกติ,พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ตลอดพรรคการเมืองใดที่สนับสนุนให้รัฐบาลนี้มีสถานะเป็นผู้นำปัจจุบันต้องร่วมรับผิดชอบร่วมกันด้วยในฐานะตัวสร้างรัฐบาลตัวสร้างนายกฯที่นำไปสู่การกอดmou43,44เต็มที่ถึงเวลานี้เดี๋ยวนี้ในปัจจุบันนี้,คณะรวมพลังแผ่นดินฯ ทีมยามเฝ้าแผ่นดิน คณะคปท.สมควรยื่นฟ้องดำเนินคดีทุกๆคน ทุกๆองค์กร หน่วยงานรวมถึงเจ้าหน้าที่กระทรวงทบวงกรมข้าราชการกระทรวงทบวงกรมทั้งหมดทันทีที่นั่งในตำแหน่งอำนาจหน้าที่ระดับใดๆก็ตามตั้งแต่บนลงล่างต้องโทษประหารทั้งหมดให้เป็นเยี่ยงอย่างที่นิ่งเฉยทั้งองค์กรหน่วยงานตน ไม่ร่วมออกมาปกป้องแผ่นดินตน ประเทศตน จะอ้างเป็นข้าราชการค้ำหัวไม่ได้ ,เจ้านายทำผิดทำชั่วต้องจับเจ้านายตนลงโทษ เจ้านายผีบ้าต้องถีบออก นี้เจ้านายขายแผ่นดินเสือกก้มหน้าก้มตาทำงานกับเจ้านายชั่วเลวนี้ด้วยสมควรตายทั้งหมดร่วมกัน กระทรวงการต่างประเทศต้องตายก่อน ขายชาติชัดเจน รู้ชัดเจนในไส้ในทั้งหมด ไม่ใส่1:50,000เข้าไปในสัญญาmou43,44เลยมันก็ชัดเจนในเจตนาชั่วเลวแล้วต้องโดนทั้งหมด.,ทั้งแสดงวาทะกรรมออกมาปกป้องmou43,44ผ่านสื่อมากมายเป็นสาธารณะด้วย เสมือนปกป้องช่วยเหลือศัตรูเช่นเขมรมาบุกรุกรานคุกคามยึดแผ่นดินไทยที่ดินไทยให้สำเร็จชัดเจนในอธิปไตยดินแดนไทยตนนี้,ทั้งหมดต้องถูกประหารชีวิตจริงๆ. https://youtube.com/watch?v=DkqIK19PeXY&si=iNVGsoslAM_0KXI4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Micron เตรียมถอนตัวจากตลาดหน่วยความจำศูนย์ข้อมูลในจีน” — เมื่อแรงกดดันจากการแบนในปี 2023 ยังไม่คลี่คลาย

    Micron ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังเตรียมถอนตัวจากตลาดหน่วยความจำสำหรับศูนย์ข้อมูลในจีน หลังจากไม่สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของการแบนในปี 2023 ที่รัฐบาลจีนประกาศห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ของ Micron ในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่สำคัญ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง

    ตามรายงานจาก Reuters ที่อ้างแหล่งข่าวภายใน Micron บริษัทมีแผนจะหยุดส่งออกผลิตภัณฑ์ DRAM และหน่วยความจำระดับเซิร์ฟเวอร์ไปยังศูนย์ข้อมูลในจีนโดยตรง แต่จะยังคงให้บริการในกลุ่มสมาร์ตโฟนและยานยนต์ รวมถึงลูกค้าจีนที่มีศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ เช่น Lenovo

    การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงผลกระทบระยะยาวจากการแบนของ Cyberspace Administration of China ซึ่งทำให้ Micron สูญเสียโอกาสในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และเปิดช่องให้ผู้ผลิตในประเทศจีนและเกาหลีใต้เข้ามาแทนที่

    แม้ Samsung และ SK Hynix จะมีโอกาสขยายตลาดในจีน แต่ก็ยังเผชิญกับข้อจำกัดจากนโยบายส่งออกของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ Micron ขณะที่ผู้ผลิตในประเทศจีนอย่าง YMTC และ CXMT ก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทดแทน แม้ยังตามหลังในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพ

    Micron เตรียมหยุดส่งออก DRAM และหน่วยความจำเซิร์ฟเวอร์ไปยังศูนย์ข้อมูลในจีน
    ยังคงให้บริการในกลุ่มสมาร์ตโฟนและยานยนต์
    ยังคงให้บริการลูกค้าจีนที่มีศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ

    การแบนในปี 2023 จาก Cyberspace Administration of China เป็นจุดเริ่มต้น
    อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ

    การแบนทำให้ Micron สูญเสียโอกาสในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ
    ผู้ผลิตในจีนและเกาหลีใต้เข้ามาแทนที่

    Samsung และ SK Hynix อาจได้ประโยชน์จากช่องว่างของ Micron
    แต่ยังเผชิญข้อจำกัดจากนโยบายส่งออกของสหรัฐฯ

    ผู้ผลิตจีนอย่าง YMTC และ CXMT เร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำ
    ยังตามหลังในด้านประสิทธิภาพและ yield

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/reports-suggest-micron-is-preparing-to-exit-chinas-data-center-memory-market
    🇨🇳 “Micron เตรียมถอนตัวจากตลาดหน่วยความจำศูนย์ข้อมูลในจีน” — เมื่อแรงกดดันจากการแบนในปี 2023 ยังไม่คลี่คลาย Micron ผู้ผลิตหน่วยความจำรายใหญ่ของสหรัฐฯ กำลังเตรียมถอนตัวจากตลาดหน่วยความจำสำหรับศูนย์ข้อมูลในจีน หลังจากไม่สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของการแบนในปี 2023 ที่รัฐบาลจีนประกาศห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ของ Micron ในโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่สำคัญ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง ตามรายงานจาก Reuters ที่อ้างแหล่งข่าวภายใน Micron บริษัทมีแผนจะหยุดส่งออกผลิตภัณฑ์ DRAM และหน่วยความจำระดับเซิร์ฟเวอร์ไปยังศูนย์ข้อมูลในจีนโดยตรง แต่จะยังคงให้บริการในกลุ่มสมาร์ตโฟนและยานยนต์ รวมถึงลูกค้าจีนที่มีศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ เช่น Lenovo การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงผลกระทบระยะยาวจากการแบนของ Cyberspace Administration of China ซึ่งทำให้ Micron สูญเสียโอกาสในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ และเปิดช่องให้ผู้ผลิตในประเทศจีนและเกาหลีใต้เข้ามาแทนที่ แม้ Samsung และ SK Hynix จะมีโอกาสขยายตลาดในจีน แต่ก็ยังเผชิญกับข้อจำกัดจากนโยบายส่งออกของสหรัฐฯ เช่นเดียวกับ Micron ขณะที่ผู้ผลิตในประเทศจีนอย่าง YMTC และ CXMT ก็เร่งพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อทดแทน แม้ยังตามหลังในด้านประสิทธิภาพและคุณภาพ ✅ Micron เตรียมหยุดส่งออก DRAM และหน่วยความจำเซิร์ฟเวอร์ไปยังศูนย์ข้อมูลในจีน ➡️ ยังคงให้บริการในกลุ่มสมาร์ตโฟนและยานยนต์ ➡️ ยังคงให้บริการลูกค้าจีนที่มีศูนย์ข้อมูลในต่างประเทศ ✅ การแบนในปี 2023 จาก Cyberspace Administration of China เป็นจุดเริ่มต้น ➡️ อ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ ✅ การแบนทำให้ Micron สูญเสียโอกาสในโครงการศูนย์ข้อมูลที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ➡️ ผู้ผลิตในจีนและเกาหลีใต้เข้ามาแทนที่ ✅ Samsung และ SK Hynix อาจได้ประโยชน์จากช่องว่างของ Micron ➡️ แต่ยังเผชิญข้อจำกัดจากนโยบายส่งออกของสหรัฐฯ ✅ ผู้ผลิตจีนอย่าง YMTC และ CXMT เร่งพัฒนาเทคโนโลยีหน่วยความจำ ➡️ ยังตามหลังในด้านประสิทธิภาพและ yield https://www.tomshardware.com/pc-components/ram/reports-suggest-micron-is-preparing-to-exit-chinas-data-center-memory-market
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • แชร์เรื่องด่วน กันให้มากที่สุด กระทรวงต่างประเทศ ได้เชิญกัมพูชา ประชุม JBC เท่ากับ ทหาร ประชาชน ทรัพย์สินหลวง และของชาวบ้าน สูญเสีย ไป เพราะเท่ากับไทย ไม่ว่ากระไรกัมพูชา และบ้านหนองจาน จะเสียไป เสาธงชาติ จะถูกถอนออก

    https://www.youtube.com/live/x0s_JUU7Vi8?si=AzETIHRixRyZISNO
    แชร์เรื่องด่วน กันให้มากที่สุด กระทรวงต่างประเทศ ได้เชิญกัมพูชา ประชุม JBC เท่ากับ ทหาร ประชาชน ทรัพย์สินหลวง และของชาวบ้าน สูญเสีย ไป เพราะเท่ากับไทย ไม่ว่ากระไรกัมพูชา และบ้านหนองจาน จะเสียไป เสาธงชาติ จะถูกถอนออก https://www.youtube.com/live/x0s_JUU7Vi8?si=AzETIHRixRyZISNO
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Frore LiquidJet: แผ่นระบายความร้อนยุคใหม่เพื่อ AI GPU พลังสูง” — รับมือความร้อนระดับ 4,400W ด้วยเทคโนโลยีไมโครเจ็ต 3D

    Frore Systems เปิดตัว LiquidJet แผ่นระบายความร้อนแบบ coldplate รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU สำหรับงาน AI ที่มีอัตราการใช้พลังงานสูงมาก เช่น Nvidia Blackwell Ultra และ Feynman ที่มี TDP สูงสุดถึง 4,400W

    LiquidJet ใช้โครงสร้างไมโครเจ็ตแบบ 3D short-loop jet-channel ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานที่จุดร้อน (hotspot) ได้ถึง 600 W/cm² และลดการสูญเสียแรงดันถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ coldplate แบบเดิม ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิและประสิทธิภาพของ GPU ได้แม้ในสภาวะโหลดเต็ม

    เทคโนโลยีนี้ใช้กระบวนการผลิตแบบเดียวกับเซมิคอนดักเตอร์ เช่น การกัดและเชื่อมแผ่นโลหะระดับไมครอน เพื่อให้สามารถปรับโครงสร้างของเจ็ตให้เหมาะกับแผนที่ความร้อนของแต่ละชิปได้อย่างแม่นยำ

    LiquidJet ยังสามารถปรับใช้กับ GPU รุ่นถัดไป เช่น Rubin (1,800W), Rubin Ultra (3,600W) และ Feynman (4,400W) โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบระบายความร้อนทั้งหมด

    นอกจากการลดอุณหภูมิแล้ว ระบบนี้ยังช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน รวมถึงลดการใช้พลังงานของปั๊มน้ำ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของศูนย์ข้อมูล

    ข้อมูลในข่าว
    Frore เปิดตัว LiquidJet coldplate สำหรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 4,400W
    ใช้โครงสร้าง 3D short-loop jet-channel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน
    รองรับ hotspot power density สูงถึง 600 W/cm²
    ลดแรงดันตกจาก 0.94 psi เหลือ 0.24 psi
    ใช้กระบวนการผลิตแบบเซมิคอนดักเตอร์ เช่น การกัดและเชื่อมแผ่นโลหะ
    ปรับโครงสร้างเจ็ตให้เหมาะกับ hotspot map ของแต่ละชิป
    รองรับ GPU รุ่นถัดไป เช่น Rubin, Rubin Ultra และ Feynman
    ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน
    ลดการใช้พลังงานของปั๊มน้ำ เพิ่ม PUE และลด TCO
    พร้อมใช้งานกับระบบ Blackwell Ultra และสามารถติดตั้งแบบ drop-in

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    GPU ยุคใหม่มีอัตราการใช้พลังงานสูงมาก อาจเกินขีดจำกัดของระบบระบายความร้อนเดิม
    การผลิต coldplate แบบ 3D ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและต้นทุนสูง
    การปรับโครงสร้างเจ็ตให้เหมาะกับแต่ละชิปต้องใช้ข้อมูลความร้อนที่แม่นยำ
    หากไม่ใช้ระบบระบายความร้อนที่เหมาะสม อาจทำให้ GPU ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ
    การเปลี่ยนมาใช้ LiquidJet อาจต้องปรับระบบปั๊มน้ำและการติดตั้งใหม่
    ความร้อนที่สูงขึ้นในศูนย์ข้อมูลอาจส่งผลต่ออุปกรณ์อื่นและโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/frores-new-liquidjet-coldplates-are-equipped-to-handle-the-spiralling-power-demands-of-future-ai-gpus-built-to-handle-up-to-4-4kw-tdps-solution-could-be-deployed-in-power-hungry-feynman-data-centers
    💧 “Frore LiquidJet: แผ่นระบายความร้อนยุคใหม่เพื่อ AI GPU พลังสูง” — รับมือความร้อนระดับ 4,400W ด้วยเทคโนโลยีไมโครเจ็ต 3D Frore Systems เปิดตัว LiquidJet แผ่นระบายความร้อนแบบ coldplate รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ GPU สำหรับงาน AI ที่มีอัตราการใช้พลังงานสูงมาก เช่น Nvidia Blackwell Ultra และ Feynman ที่มี TDP สูงสุดถึง 4,400W LiquidJet ใช้โครงสร้างไมโครเจ็ตแบบ 3D short-loop jet-channel ซึ่งช่วยเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานที่จุดร้อน (hotspot) ได้ถึง 600 W/cm² และลดการสูญเสียแรงดันถึง 4 เท่าเมื่อเทียบกับ coldplate แบบเดิม ทำให้สามารถรักษาอุณหภูมิและประสิทธิภาพของ GPU ได้แม้ในสภาวะโหลดเต็ม เทคโนโลยีนี้ใช้กระบวนการผลิตแบบเดียวกับเซมิคอนดักเตอร์ เช่น การกัดและเชื่อมแผ่นโลหะระดับไมครอน เพื่อให้สามารถปรับโครงสร้างของเจ็ตให้เหมาะกับแผนที่ความร้อนของแต่ละชิปได้อย่างแม่นยำ LiquidJet ยังสามารถปรับใช้กับ GPU รุ่นถัดไป เช่น Rubin (1,800W), Rubin Ultra (3,600W) และ Feynman (4,400W) โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบระบายความร้อนทั้งหมด นอกจากการลดอุณหภูมิแล้ว ระบบนี้ยังช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน รวมถึงลดการใช้พลังงานของปั๊มน้ำ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวมของศูนย์ข้อมูล ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Frore เปิดตัว LiquidJet coldplate สำหรับ GPU ที่ใช้พลังงานสูงถึง 4,400W ➡️ ใช้โครงสร้าง 3D short-loop jet-channel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน ➡️ รองรับ hotspot power density สูงถึง 600 W/cm² ➡️ ลดแรงดันตกจาก 0.94 psi เหลือ 0.24 psi ➡️ ใช้กระบวนการผลิตแบบเซมิคอนดักเตอร์ เช่น การกัดและเชื่อมแผ่นโลหะ ➡️ ปรับโครงสร้างเจ็ตให้เหมาะกับ hotspot map ของแต่ละชิป ➡️ รองรับ GPU รุ่นถัดไป เช่น Rubin, Rubin Ultra และ Feynman ➡️ ช่วยให้ GPU ทำงานที่ความถี่สูงขึ้นโดยไม่เพิ่มพลังงาน ➡️ ลดการใช้พลังงานของปั๊มน้ำ เพิ่ม PUE และลด TCO ➡️ พร้อมใช้งานกับระบบ Blackwell Ultra และสามารถติดตั้งแบบ drop-in ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ GPU ยุคใหม่มีอัตราการใช้พลังงานสูงมาก อาจเกินขีดจำกัดของระบบระบายความร้อนเดิม ⛔ การผลิต coldplate แบบ 3D ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและต้นทุนสูง ⛔ การปรับโครงสร้างเจ็ตให้เหมาะกับแต่ละชิปต้องใช้ข้อมูลความร้อนที่แม่นยำ ⛔ หากไม่ใช้ระบบระบายความร้อนที่เหมาะสม อาจทำให้ GPU ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ การเปลี่ยนมาใช้ LiquidJet อาจต้องปรับระบบปั๊มน้ำและการติดตั้งใหม่ ⛔ ความร้อนที่สูงขึ้นในศูนย์ข้อมูลอาจส่งผลต่ออุปกรณ์อื่นและโครงสร้างพื้นฐาน https://www.tomshardware.com/pc-components/liquid-cooling/frores-new-liquidjet-coldplates-are-equipped-to-handle-the-spiralling-power-demands-of-future-ai-gpus-built-to-handle-up-to-4-4kw-tdps-solution-could-be-deployed-in-power-hungry-feynman-data-centers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 211 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Agents: อัจฉริยะที่น่าทึ่ง หรือภัยเงียบที่ควบคุมไม่ได้?” — เมื่อผู้ช่วยดิจิทัลกลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนมนุษย์

    บทความจาก The Star เปิดเผยว่า ปี 2026 กำลังจะกลายเป็น “ปีแห่ง AI Agents” — ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถวางแผนหลายขั้นตอน เข้าถึงบริการดิจิทัล และตัดสินใจแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ ต่างจากแชตบอทหรือผู้ช่วยเสียงทั่วไปที่แค่ตอบคำถามหรือทำตามคำสั่ง

    ผู้พัฒนาเช่น Amazon, Microsoft, Google และ OpenAI ต่างเร่งสร้าง AI Agents ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่าง เช่น สั่งซื้อของออนไลน์ จัดการงาน HR และ IT หรือแม้แต่โทรหาลูกค้าเพื่อเปลี่ยนสินค้าให้โดยไม่ต้องมีมนุษย์เกี่ยวข้อง

    Marc Benioff จาก Salesforce เรียกสิ่งนี้ว่า “โมเดลแรงงานใหม่” และคาดว่าจะมีการสร้าง AI Agents กว่า 1 พันล้านตัวภายในปี 2026 ขณะที่ Jensen Huang จาก NVIDIA เชื่อว่าแผนก HR จะรวมเข้ากับ IT เพราะ AI จะจัดการทุกอย่างได้เอง

    แต่เสียงเตือนจากนักวิจัยด้านจริยธรรม AI ก็เริ่มดังขึ้น Meredith Whittaker จาก Signal เตือนว่า AI Agents ต้องการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างมหาศาล เช่น ปฏิทิน บัตรเครดิต และบัญชีอีเมล โดยไม่ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ซึ่งเป็นช่องโหว่ใหญ่ด้านความเป็นส่วนตัว

    Yoshua Bengio และ Margaret Mitchell นักวิจัย AI ชื่อดัง เตือนว่า หากปล่อยให้ AI Agents ทำงานโดยไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่การสูญเสียอำนาจของมนุษย์อย่างถาวร และเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีใช้ระบบเหล่านี้โจมตีหรือสอดแนม

    ตัวอย่าง AI Agents ที่มีอยู่แล้ว:
    Google: “Project Mariner” ใช้ Gemini 2.0 ทำงานในเบราว์เซอร์แทนมนุษย์
    Salesforce: โทรหาลูกค้าอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนสินค้า
    DeepL: ใช้ในระบบจัดการบทความ
    Microsoft: “Factory Operations Agent” สำหรับปรับปรุงกระบวนการในโรงงาน
    Amazon: พัฒนา Alexa ให้รู้จักนิสัยและตารางชีวิตของผู้ใช้
    Parloa: AI โทรหาลูกค้าเพื่อเสนออัปเกรดเที่ยวบิน

    ข้อมูลในข่าว
    AI Agents สามารถวางแผนหลายขั้นตอนและตัดสินใจแทนผู้ใช้ได้
    ต่างจากแชตบอททั่วไปที่ทำงานแบบตอบโต้
    Amazon, Microsoft, Google, OpenAI และ Salesforce กำลังพัฒนา AI Agents
    Salesforce คาดว่าจะมี AI Agents กว่า 1 พันล้านตัวภายในปี 2026
    AI Agents สามารถจัดการงาน HR, IT และบริการลูกค้าได้
    Google ใช้ Gemini 2.0 ใน “Project Mariner” เพื่อทำงานในเบราว์เซอร์
    DeepL มี AI Agent ที่ทำงานในระบบจัดการบทความ
    Microsoft มี “Factory Operations Agent” สำหรับโรงงาน
    Amazon พัฒนา Alexa ให้รู้จักนิสัยและตารางชีวิตของผู้ใช้
    Parloa มี AI ที่โทรหาลูกค้าเพื่อเสนออัปเกรดเที่ยวบิน

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    AI Agents ต้องการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวจำนวนมาก
    อาจเข้าถึงบัตรเครดิต ปฏิทิน และอีเมลโดยไม่ขออนุญาตทุกครั้ง
    เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือสอดแนมจากผู้ไม่หวังดี
    หากไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่การสูญเสียอำนาจของมนุษย์
    การใช้ AI Agents โดยไม่เข้าใจความเสี่ยง อาจสร้างผลกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ
    นักวิจัยเตือนว่า AI Agents อาจกลายเป็นภัยระดับ “catastrophic” หากปล่อยให้เติบโตโดยไม่มีกรอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/16/incredibly-dangerous-or-incredibly-useful-the-rise-of-ai-agents
    🤖 “AI Agents: อัจฉริยะที่น่าทึ่ง หรือภัยเงียบที่ควบคุมไม่ได้?” — เมื่อผู้ช่วยดิจิทัลกลายเป็นผู้ตัดสินใจแทนมนุษย์ บทความจาก The Star เปิดเผยว่า ปี 2026 กำลังจะกลายเป็น “ปีแห่ง AI Agents” — ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถวางแผนหลายขั้นตอน เข้าถึงบริการดิจิทัล และตัดสินใจแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ ต่างจากแชตบอทหรือผู้ช่วยเสียงทั่วไปที่แค่ตอบคำถามหรือทำตามคำสั่ง ผู้พัฒนาเช่น Amazon, Microsoft, Google และ OpenAI ต่างเร่งสร้าง AI Agents ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้เกือบทุกอย่าง เช่น สั่งซื้อของออนไลน์ จัดการงาน HR และ IT หรือแม้แต่โทรหาลูกค้าเพื่อเปลี่ยนสินค้าให้โดยไม่ต้องมีมนุษย์เกี่ยวข้อง Marc Benioff จาก Salesforce เรียกสิ่งนี้ว่า “โมเดลแรงงานใหม่” และคาดว่าจะมีการสร้าง AI Agents กว่า 1 พันล้านตัวภายในปี 2026 ขณะที่ Jensen Huang จาก NVIDIA เชื่อว่าแผนก HR จะรวมเข้ากับ IT เพราะ AI จะจัดการทุกอย่างได้เอง แต่เสียงเตือนจากนักวิจัยด้านจริยธรรม AI ก็เริ่มดังขึ้น Meredith Whittaker จาก Signal เตือนว่า AI Agents ต้องการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างมหาศาล เช่น ปฏิทิน บัตรเครดิต และบัญชีอีเมล โดยไม่ต้องขออนุญาตทุกครั้ง ซึ่งเป็นช่องโหว่ใหญ่ด้านความเป็นส่วนตัว Yoshua Bengio และ Margaret Mitchell นักวิจัย AI ชื่อดัง เตือนว่า หากปล่อยให้ AI Agents ทำงานโดยไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่การสูญเสียอำนาจของมนุษย์อย่างถาวร และเปิดช่องให้ผู้ไม่หวังดีใช้ระบบเหล่านี้โจมตีหรือสอดแนม ตัวอย่าง AI Agents ที่มีอยู่แล้ว: ⭐ Google: “Project Mariner” ใช้ Gemini 2.0 ทำงานในเบราว์เซอร์แทนมนุษย์ ⭐ Salesforce: โทรหาลูกค้าอัตโนมัติเพื่อเปลี่ยนสินค้า ⭐ DeepL: ใช้ในระบบจัดการบทความ ⭐ Microsoft: “Factory Operations Agent” สำหรับปรับปรุงกระบวนการในโรงงาน ⭐ Amazon: พัฒนา Alexa ให้รู้จักนิสัยและตารางชีวิตของผู้ใช้ ⭐ Parloa: AI โทรหาลูกค้าเพื่อเสนออัปเกรดเที่ยวบิน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ AI Agents สามารถวางแผนหลายขั้นตอนและตัดสินใจแทนผู้ใช้ได้ ➡️ ต่างจากแชตบอททั่วไปที่ทำงานแบบตอบโต้ ➡️ Amazon, Microsoft, Google, OpenAI และ Salesforce กำลังพัฒนา AI Agents ➡️ Salesforce คาดว่าจะมี AI Agents กว่า 1 พันล้านตัวภายในปี 2026 ➡️ AI Agents สามารถจัดการงาน HR, IT และบริการลูกค้าได้ ➡️ Google ใช้ Gemini 2.0 ใน “Project Mariner” เพื่อทำงานในเบราว์เซอร์ ➡️ DeepL มี AI Agent ที่ทำงานในระบบจัดการบทความ ➡️ Microsoft มี “Factory Operations Agent” สำหรับโรงงาน ➡️ Amazon พัฒนา Alexa ให้รู้จักนิสัยและตารางชีวิตของผู้ใช้ ➡️ Parloa มี AI ที่โทรหาลูกค้าเพื่อเสนออัปเกรดเที่ยวบิน ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ AI Agents ต้องการสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวจำนวนมาก ⛔ อาจเข้าถึงบัตรเครดิต ปฏิทิน และอีเมลโดยไม่ขออนุญาตทุกครั้ง ⛔ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือสอดแนมจากผู้ไม่หวังดี ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจนำไปสู่การสูญเสียอำนาจของมนุษย์ ⛔ การใช้ AI Agents โดยไม่เข้าใจความเสี่ยง อาจสร้างผลกระทบต่อความปลอดภัยสาธารณะ ⛔ นักวิจัยเตือนว่า AI Agents อาจกลายเป็นภัยระดับ “catastrophic” หากปล่อยให้เติบโตโดยไม่มีกรอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/16/incredibly-dangerous-or-incredibly-useful-the-rise-of-ai-agents
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Incredibly dangerous or incredibly useful? The rise of AI agents
    Developers say they can do nearly any task a human can at a computer. Critics say they are incredibly dangerous.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์

    Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต

    การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค

    ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30%

    ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม

    การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล

    ข้อมูลในข่าว
    Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์
    ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต
    ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว
    ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ
    ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30%
    การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์
    การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น

    คำเตือนจากข้อมูลข่าว
    การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ
    หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์
    ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า
    การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    ⚡ “Nvidia จับมือ ABB” — เปิดตัวระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ระดับกิกะวัตต์ Nvidia ประกาศความร่วมมือกับ ABB บริษัทอุตสาหกรรมระดับโลกจากสวีเดน-สวิตเซอร์แลนด์ เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของศูนย์ข้อมูล AI ขนาดใหญ่ในอนาคต การใช้ระบบไฟฟ้า 800V DC ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนวัสดุ และรองรับการจ่ายไฟในระดับสูงได้มากขึ้น โดย Nvidia ตั้งเป้าสร้างศูนย์ข้อมูลระดับกิกะวัตต์ ซึ่งต้องใช้แร็คเซิร์ฟเวอร์จำนวนมากที่กินไฟระดับเมกะวัตต์ต่อแร็ค ABB ระบุว่าได้พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC สำหรับศูนย์ข้อมูล AI รุ่นใหม่แล้ว และยกตัวอย่างจากระบบไฟฟ้าในเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ซึ่งช่วยลดการใช้พลังงานได้ถึง 20–40% และลดค่าบำรุงรักษา 30% ระบบใหม่นี้จะเปลี่ยนจากการใช้ไฟฟ้า AC ที่ต้องแปลงหลายขั้นตอน มาเป็นการจ่ายไฟ DC โดยตรงจากห้องจ่ายไฟไปยังแร็คเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดขนาดอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระบบเดิม การเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแรงดันสูงแบบ DC ยังช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การออกแบบศูนย์ข้อมูลมีความยืดหยุ่นและประหยัดมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ศูนย์ข้อมูล AI ต้องรองรับการประมวลผลมหาศาล ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ ABB พัฒนาโครงสร้างไฟฟ้า 800V DC สำหรับแร็คเซิร์ฟเวอร์ขนาด 1 เมกะวัตต์ ➡️ ระบบใหม่นี้จะใช้ในศูนย์ข้อมูล AI ขนาดกิกะวัตต์ในอนาคต ➡️ ABB พัฒนาอุปกรณ์รองรับระบบ 800V DC แล้ว ➡️ ระบบ DC ช่วยลดการสูญเสียพลังงานและลดต้นทุนวัสดุ ➡️ ตัวอย่างจากเรือเดินสมุทรที่ใช้ 1,000V DC ลดพลังงาน 20–40% และค่าบำรุงรักษา 30% ➡️ การจ่ายไฟ DC โดยตรงช่วยลดขั้นตอนการแปลงไฟฟ้าและขนาดอุปกรณ์ ➡️ การใช้แรงดันสูงช่วยลดขนาดสายไฟและอุปกรณ์ ทำให้ศูนย์ข้อมูลออกแบบได้ง่ายขึ้น ‼️ คำเตือนจากข้อมูลข่าว ⛔ การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบไฟฟ้า DC ต้องใช้การออกแบบใหม่และอุปกรณ์เฉพาะ ⛔ หากไม่มีการป้องกันกระแสไฟฟ้าอย่างเหมาะสม อาจเกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์ ⛔ ศูนย์ข้อมูลที่ยังใช้ระบบเดิมอาจเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและประสิทธิภาพต่ำกว่า ⛔ การเปลี่ยนระบบไฟฟ้าในระดับเมกะวัตต์ต้องผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-800-vdc-power-rollout-for-1-megawatt-server-racks-to-be-supported-by-abb-company-says-collaboration-will-create-new-power-solutions-for-future-gigawatt-scale-data-centers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ"
    .
    มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา
    .
    นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์
    .
    สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต
    .
    เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
    .
    กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน
    .
    “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว
    .
    มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม
    .
    ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ
    .
    ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน
    .
    ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน
    .
    เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ
    .
    นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว
    .
    เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
    .
    เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน
    .
    ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ
    .
    มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย
    .
    การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว
    .
    จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน
    .
    แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ" . มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา . นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ . สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต . เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ . กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน . “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว . มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม . ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ . ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน . ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน . เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ . นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว . เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง . เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก . เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน . ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ . มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย . การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว . จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน . แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บุ๋ม ปนัดดา” ฉะ “อังคณา” ควรเป็นปากเสียงให้คนไทย อยากให้ลงพื้นที่ด้วยกันจะได้เห็นความจริงว่าประเทศไทยเราสูญเสียและเสียหายไปมากแค่ไหน จำนวนประชากร ที่ไม่ใช่ทหาร ของเราเสียชีวิตมากกว่าของเขา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098203

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “บุ๋ม ปนัดดา” ฉะ “อังคณา” ควรเป็นปากเสียงให้คนไทย อยากให้ลงพื้นที่ด้วยกันจะได้เห็นความจริงว่าประเทศไทยเราสูญเสียและเสียหายไปมากแค่ไหน จำนวนประชากร ที่ไม่ใช่ทหาร ของเราเสียชีวิตมากกว่าของเขา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098203 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts