• Kirin 9030: สัญลักษณ์ความก้าวหน้าท่ามกลางข้อจำกัด

    Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 80 และ Mate X7 ที่ใช้ชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro จุดเด่นคือการใช้ DUV lithography แทน EUV ที่ถูกสหรัฐฯ แบนไม่ให้ส่งออกไปจีน ทำให้ SMIC ต้องพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อบีบประสิทธิภาพออกจากกระบวนการ 7nm เดิม โดย Kirin 9030 ใช้ 8-core ARMv8 CPU ส่วนรุ่น Pro ใช้ 9-core ARMv8 CPU พร้อม GPU Maleoon 935.

    กระบวนการ N+3 และ DTCO
    TechInsights วิเคราะห์ว่า Kirin 9030 ใช้กระบวนการ N+3 ซึ่งเป็นการขยายจาก N+2 (7nm รุ่นที่สอง) แต่ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC หรือ Samsung จุดสำคัญคือการใช้ multi-patterning ร่วมกับ DTCO เพื่อแก้ปัญหา edge placement error (EPE) และเพิ่มความแม่นยำในการสร้างวงจร แม้จะไม่ได้ปรับปรุงมากในส่วน FEOL (Front-End-of-Line) แต่เน้นไปที่ BEOL (Back-End-of-Line) เพื่อสร้าง interconnect ที่ซับซ้อนมากขึ้น.

    ความเสี่ยงและข้อจำกัด
    แม้จะเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่การใช้ DUV multi-patterning มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องใช้หลายขั้นตอนที่ต้องจัดเรียงอย่างแม่นยำ หากเกิด misalignment เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมาก อีกทั้งการพึ่งพา BEOL scaling มากเกินไปอาจไม่สามารถดันประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ EUV lithography.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเปิดตัว Kirin 9030 แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถแข่งขันในตลาดชิปสมาร์ทโฟนระดับสูง แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี EUV จากตะวันตก นี่เป็นการยืนยันว่าการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมและการใช้เทคนิค DTCO สามารถชดเชยข้อจำกัดด้านเครื่องมือได้บางส่วน และอาจเป็นแนวทางที่จีนใช้ต่อไปในการพัฒนา semiconductors.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติ Kirin 9030/Pro
    Kirin 9030: 8-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU
    Kirin 9030 Pro: 9-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU

    กระบวนการผลิต
    ใช้ SMIC N+3 process (DUV multi-patterning)
    อยู่ระหว่าง 7nm และ 5nm
    ใช้ DTCO เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่ม yield

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    BEOL scaling มีความเสี่ยงสูงต่อ yield
    Misalignment ใน multi-patterning อาจทำให้ defect เพิ่มขึ้น
    ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC/Samsung

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Huawei แสดงศักยภาพแม้ถูกแบน EUV
    จีนยังคงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับสูง
    แนวทาง DTCO อาจเป็นกลยุทธ์หลักในอนาคต

    ข้อควรระวัง
    Yield อาจต่ำหาก multi-patterning ไม่แม่นยำ
    ประสิทธิภาพยังไม่เทียบเท่าเทคโนโลยี EUV
    การพึ่งพา BEOL scaling อาจถึงจุดอิ่มตัวเร็ว

    https://wccftech.com/huaweis-kirin-9030-chip-is-testing-the-limits-of-duv-based-multi-patterning-lithography/
    🖥️ Kirin 9030: สัญลักษณ์ความก้าวหน้าท่ามกลางข้อจำกัด Huawei เปิดตัวสมาร์ทโฟน Mate 80 และ Mate X7 ที่ใช้ชิป Kirin 9030 และ Kirin 9030 Pro จุดเด่นคือการใช้ DUV lithography แทน EUV ที่ถูกสหรัฐฯ แบนไม่ให้ส่งออกไปจีน ทำให้ SMIC ต้องพัฒนาเทคนิคใหม่เพื่อบีบประสิทธิภาพออกจากกระบวนการ 7nm เดิม โดย Kirin 9030 ใช้ 8-core ARMv8 CPU ส่วนรุ่น Pro ใช้ 9-core ARMv8 CPU พร้อม GPU Maleoon 935. ⚡ กระบวนการ N+3 และ DTCO TechInsights วิเคราะห์ว่า Kirin 9030 ใช้กระบวนการ N+3 ซึ่งเป็นการขยายจาก N+2 (7nm รุ่นที่สอง) แต่ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC หรือ Samsung จุดสำคัญคือการใช้ multi-patterning ร่วมกับ DTCO เพื่อแก้ปัญหา edge placement error (EPE) และเพิ่มความแม่นยำในการสร้างวงจร แม้จะไม่ได้ปรับปรุงมากในส่วน FEOL (Front-End-of-Line) แต่เน้นไปที่ BEOL (Back-End-of-Line) เพื่อสร้าง interconnect ที่ซับซ้อนมากขึ้น. 🔒 ความเสี่ยงและข้อจำกัด แม้จะเป็นความก้าวหน้าที่น่าทึ่ง แต่การใช้ DUV multi-patterning มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากต้องใช้หลายขั้นตอนที่ต้องจัดเรียงอย่างแม่นยำ หากเกิด misalignment เพียงเล็กน้อยอาจทำให้ yield ลดลงอย่างมาก อีกทั้งการพึ่งพา BEOL scaling มากเกินไปอาจไม่สามารถดันประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ EUV lithography. 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเปิดตัว Kirin 9030 แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงสามารถแข่งขันในตลาดชิปสมาร์ทโฟนระดับสูง แม้จะถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยี EUV จากตะวันตก นี่เป็นการยืนยันว่าการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมและการใช้เทคนิค DTCO สามารถชดเชยข้อจำกัดด้านเครื่องมือได้บางส่วน และอาจเป็นแนวทางที่จีนใช้ต่อไปในการพัฒนา semiconductors. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติ Kirin 9030/Pro ➡️ Kirin 9030: 8-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU ➡️ Kirin 9030 Pro: 9-core ARMv8 CPU, Maleoon 935 GPU ✅ กระบวนการผลิต ➡️ ใช้ SMIC N+3 process (DUV multi-patterning) ➡️ อยู่ระหว่าง 7nm และ 5nm ➡️ ใช้ DTCO เพื่อลดข้อผิดพลาดและเพิ่ม yield ✅ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ➡️ BEOL scaling มีความเสี่ยงสูงต่อ yield ➡️ Misalignment ใน multi-patterning อาจทำให้ defect เพิ่มขึ้น ➡️ ยังไม่เทียบเท่า 5nm ของ TSMC/Samsung ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Huawei แสดงศักยภาพแม้ถูกแบน EUV ➡️ จีนยังคงแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนระดับสูง ➡️ แนวทาง DTCO อาจเป็นกลยุทธ์หลักในอนาคต ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Yield อาจต่ำหาก multi-patterning ไม่แม่นยำ ⛔ ประสิทธิภาพยังไม่เทียบเท่าเทคโนโลยี EUV ⛔ การพึ่งพา BEOL scaling อาจถึงจุดอิ่มตัวเร็ว https://wccftech.com/huaweis-kirin-9030-chip-is-testing-the-limits-of-duv-based-multi-patterning-lithography/
    WCCFTECH.COM
    Kirin 9030: How Huawei's New Chip Defies US Sanctions with DUV Tech
    Huawei's latest mobile-focused chip, the Kirin 9030, forms a pristine platform for China's SMIC to showcase its technological prowess.
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส

    ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล.

    จีนหนุนตลาด HDD
    นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี.

    ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ
    ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล.

    ความท้าทายด้านการผลิต
    แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส
    HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025
    แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง

    ปัจจัยจากจีน
    นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต
    ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น

    ปัจจัยจากสหรัฐฯ
    ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง
    HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์

    ข้อจำกัดการผลิต
    ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า
    DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD

    ข้อควรระวัง
    ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง
    การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    💾 HDD ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ตลาดฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์ (HDD) กำลังกลับมาเป็นประเด็นร้อนอีกครั้ง หลังจากราคาสัญญาเพิ่มขึ้นกว่า 4% ในไตรมาส 4 ปี 2025 ซึ่งถือเป็นการปรับขึ้นแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาสติดต่อกัน ปัจจัยสำคัญมาจาก ความต้องการในจีน ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และ การขยายตัวของศูนย์ข้อมูล AI ในสหรัฐฯ ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลมหาศาล. 🇨🇳 จีนหนุนตลาด HDD นโยบายจัดซื้อคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลจีนที่เน้นใช้ CPU และระบบปฏิบัติการที่ผลิตในประเทศ ทำให้การผลิต PC ภายในประเทศพุ่งสูงขึ้น และส่งผลให้ความต้องการ HDD เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด เหตุผลสำคัญคือความกังวลเรื่อง การเก็บข้อมูลระยะยาวใน SSD ที่อาจเสื่อมสภาพจาก NAND flash memory เมื่อเก็บไว้นาน ทำให้ HDD ถูกมองว่าเชื่อถือได้มากกว่าในบางกรณี. 🇺🇸 ศูนย์ข้อมูล AI ดันความต้องการ ในสหรัฐฯ ศูนย์ข้อมูลที่รองรับงาน AI และ Machine Learning ยังคงพึ่งพา HDD ขนาดใหญ่สำหรับการเก็บข้อมูลจำนวนมหาศาล แม้ SSD จะมีความเร็วสูงกว่า แต่ HDD ยังคงได้เปรียบในด้าน ต้นทุนต่อกิกะไบต์ และความเหมาะสมในการเก็บข้อมูลแบบ cold/warm storage ส่งผลให้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ยังคงสั่งซื้อ HDD ในปริมาณมหาศาล. ⚠️ ความท้าทายด้านการผลิต แม้ผู้ผลิต HDD จะเดินเครื่องเต็มกำลัง แต่ก็ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้ทัน เนื่องจากการผลิต HDD ต้องใช้ชิ้นส่วนเฉพาะทาง เช่น หัวอ่าน/เขียน และแผ่นบันทึกข้อมูล ที่ไม่สามารถเพิ่มกำลังผลิตได้รวดเร็วเหมือน NAND flash การขาดแคลน DRAM ที่ใช้เป็น cache memory ก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่งแรงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส ➡️ HDD contract prices เพิ่มขึ้น 4% ใน Q4 2025 ➡️ แนวโน้มราคายังมีแรงกดดันต่อเนื่อง ✅ ปัจจัยจากจีน ➡️ นโยบายจัดซื้อ PC ในประเทศหนุนการผลิต ➡️ ความกังวลเรื่อง SSD เก็บข้อมูลระยะยาว ทำให้ HDD ถูกเลือกมากขึ้น ✅ ปัจจัยจากสหรัฐฯ ➡️ ศูนย์ข้อมูล AI ต้องการ HDD ความจุสูง ➡️ HDD ยังคงได้เปรียบด้านต้นทุนต่อกิกะไบต์ ✅ ข้อจำกัดการผลิต ➡️ ชิ้นส่วนเฉพาะทางทำให้การเพิ่มกำลังผลิตทำได้ช้า ➡️ DRAM ขาดแคลนเพิ่มต้นทุนการผลิต HDD ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคามีแนวโน้มสูงต่อเนื่องหากความต้องการยังพุ่ง ⛔ การขาดแคลน DRAM และชิ้นส่วนสำคัญอาจทำให้ซัพพลายไม่ทัน ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากราคาที่สูงขึ้น แม้ HDD เคยเป็นตัวเลือกประหยัด https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/hdd-prices-spike-as-ai-infrastructure-and-chinas-pc-push-collide-hard-drives-record-biggest-price-increase-in-eight-quarters-suppliers-warn-pressure-will-continue
    0 Comments 0 Shares 4 Views 0 Reviews
  • ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท

    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง

    ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม”
    การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ
    Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ
    TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ

    ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด

    สรุปสาระสำคัญ
    ตลาดมืด SIM การ์ด
    ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์
    ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย

    ราคาการยืนยันบัญชีปลอม
    WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์
    Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์
    Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์
    TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์
    Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์

    ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง
    ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม
    ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms)
    บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    📱 ตลาดมืด SIM การ์ดกับการสร้างบอท งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เผยว่า มีตลาดมืดขนาดใหญ่สำหรับ SIM การ์ดทั้งจริงและเสมือน ที่ถูกใช้เพื่อสร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ Amazon บริการเหล่านี้ทำให้กองทัพบอทสามารถปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่ายขึ้น และถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มยอดไลก์ ผู้ติดตาม และการแชร์ให้ดูเหมือนมีความนิยมจริง 💸 ราคาของการซื้อ “ความนิยมปลอม” การวิจัยพบว่าราคาในการยืนยันบัญชีปลอมแตกต่างกันตามแพลตฟอร์มและประเทศต้นทางของ SIM เช่น 💠 WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์สหรัฐต่อการยืนยัน 💠 Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Facebook และ Shopify ถูกกว่ามาก เพียง 0.08 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 TikTok และ LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์สหรัฐ 💠 Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์สหรัฐ ราคายังขึ้นลงตามเหตุการณ์ทางการเมือง เช่น ก่อนการเลือกตั้งระดับชาติ ราคายืนยันบัญชีบน WhatsApp และ Telegram จะพุ่งขึ้นกว่า 12–15% เพราะมีการใช้บอทเพื่อสร้างกระแสและโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ⚠️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง กองทัพบอทเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้แค่เพื่อการตลาด แต่ยังถูกนำไปใช้ใน แคมเปญทางการเมืองและการสร้างกระแสสังคม โดยการโพสต์เนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์ เช่น “rage bait” เพื่อดึงดูดการโต้เถียงและเพิ่มการมีส่วนร่วมปลอมๆ สิ่งนี้ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าใจผิดว่าประเด็นดังกล่าวได้รับความนิยมจริง ทั้งที่เป็นการจัดฉากโดยกลุ่มที่มีผลประโยชน์ 🛡️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา นักวิจัยเสนอให้มีการควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ซึ่งสามารถเก็บ SIM ได้หลายร้อยใบในเครื่องเดียวเพื่อสร้างบัญชีปลอมจำนวนมหาศาล รวมถึงการบังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM ที่ใช้ในการยืนยันบัญชี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและลดการใช้บอทในทางที่ผิด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ตลาดมืด SIM การ์ด ➡️ ใช้สร้างและยืนยันบัญชีปลอมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ➡️ ทำให้กองทัพบอทปลอมตัวเป็นมนุษย์ได้ง่าย ✅ ราคาการยืนยันบัญชีปลอม ➡️ WhatsApp เฉลี่ย 1.02 ดอลลาร์ ➡️ Telegram เฉลี่ย 0.89 ดอลลาร์ ➡️ Facebook/Shopify เพียง 0.08 ดอลลาร์ ➡️ TikTok/LinkedIn ประมาณ 0.11 ดอลลาร์ ➡️ Amazon เฉลี่ย 0.12 ดอลลาร์ ‼️ ผลกระทบต่อสังคมและการเมือง ⛔ ใช้บอทสร้างกระแสปลอม เพิ่มยอดไลก์และผู้ติดตาม ⛔ ใช้กระตุ้นอารมณ์และโน้มน้าวผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ‼️ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ⛔ ควบคุมการซื้อ SIM จำนวนมาก (SIM farms) ⛔ บังคับให้แพลตฟอร์มเปิดเผยประเทศต้นทางของ SIM https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/how-much-does-an-army-of-bots-cost-how-likes-and-clout-are-bought
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How much does an army of bots cost? How likes and clout are bought
    Research has shown how SIM cards from the grey market are powering bot armies that fill social media with fake likes and comments to manipulate users and deliberately steer trends. A dollar gets you a dozen fake and 'verified' Facebook accounts posting on your behalf.
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • FCA เริ่มต้นกระบวนการปรับกฎคริปโต

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 หน่วยงานกำกับดูแลการเงินอังกฤษ (Financial Conduct Authority – FCA) ได้เปิดการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ กฎเกณฑ์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต หลังจากรัฐบาลประกาศว่าจะเริ่มบังคับใช้การกำกับดูแลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2027 การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของอังกฤษในการจัดระเบียบตลาดคริปโตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเลือกแนวทางใกล้เคียงกับสหรัฐฯ มากกว่าสหภาพยุโรป

    เนื้อหาของข้อเสนอ
    ข้อเสนอของ FCA ครอบคลุมหลายด้าน เช่น
    กฎการ ลิสต์สินทรัพย์คริปโต บนแพลตฟอร์ม
    มาตรการป้องกัน การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในและการปั่นราคา
    มาตรฐานสำหรับ แพลตฟอร์มซื้อขายและโบรกเกอร์
    กฎเกณฑ์ด้าน ความเสี่ยงของการ Staking และการให้กู้ยืมคริปโต
    ข้อกำหนดด้าน การเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้บริษัทคริปโตมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่ชัดเจน

    เป้าหมายและท่าทีของ FCA
    David Geale ผู้อำนวยการฝ่ายการชำระเงินและการเงินดิจิทัลของ FCA ระบุว่าเป้าหมายคือการสร้างระบบที่ ปกป้องผู้บริโภค สนับสนุนนวัตกรรม และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2026 และตั้งเป้าจะสรุปกฎเกณฑ์ภายในสิ้นปีหน้า

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต
    การออกกฎครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่า ยุคของการปล่อยเสรีคริปโตในอังกฤษกำลังจะสิ้นสุดลง นักลงทุนและบริษัทคริปโตต้องเตรียมปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและการล่มสลายของแพลตฟอร์ม แต่ก็อาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานและทำให้ผู้เล่นรายเล็กเข้าถึงตลาดได้ยากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การปรึกษาหารือของ FCA
    เปิดรับความคิดเห็นต่อกฎคริปโตใหม่ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2025 – 12 ก.พ. 2026
    ตั้งเป้าสรุปกฎภายในสิ้นปี 2026

    เนื้อหาของข้อเสนอ
    ครอบคลุมการลิสต์สินทรัพย์, การซื้อขาย, มาตรฐานแพลตฟอร์ม, การ Staking และการให้กู้ยืม
    เพิ่มมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคและการเงินของบริษัทคริปโต

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    นักลงทุนและบริษัทต้องปรับตัวเข้ากับกฎใหม่
    อาจเพิ่มต้นทุนและทำให้ผู้เล่นรายเล็กแข่งขันยากขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/british-regulator-kicks-off-consultation-on-new-crypto-rules
    🇬🇧 FCA เริ่มต้นกระบวนการปรับกฎคริปโต เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 หน่วยงานกำกับดูแลการเงินอังกฤษ (Financial Conduct Authority – FCA) ได้เปิดการปรึกษาหารืออย่างกว้างขวางเกี่ยวกับ กฎเกณฑ์ใหม่สำหรับอุตสาหกรรมคริปโต หลังจากรัฐบาลประกาศว่าจะเริ่มบังคับใช้การกำกับดูแลตั้งแต่เดือนตุลาคม 2027 การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของอังกฤษในการจัดระเบียบตลาดคริปโตให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล โดยเลือกแนวทางใกล้เคียงกับสหรัฐฯ มากกว่าสหภาพยุโรป 📊 เนื้อหาของข้อเสนอ ข้อเสนอของ FCA ครอบคลุมหลายด้าน เช่น 💠 กฎการ ลิสต์สินทรัพย์คริปโต บนแพลตฟอร์ม 💠 มาตรการป้องกัน การซื้อขายโดยใช้ข้อมูลภายในและการปั่นราคา 💠 มาตรฐานสำหรับ แพลตฟอร์มซื้อขายและโบรกเกอร์ 💠 กฎเกณฑ์ด้าน ความเสี่ยงของการ Staking และการให้กู้ยืมคริปโต 💠 ข้อกำหนดด้าน การเงินและการคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้บริษัทคริปโตมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงที่ชัดเจน ⚖️ เป้าหมายและท่าทีของ FCA David Geale ผู้อำนวยการฝ่ายการชำระเงินและการเงินดิจิทัลของ FCA ระบุว่าเป้าหมายคือการสร้างระบบที่ ปกป้องผู้บริโภค สนับสนุนนวัตกรรม และสร้างความเชื่อมั่นในตลาดคริปโต โดยเปิดรับฟังความคิดเห็นจากสาธารณะจนถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2026 และตั้งเป้าจะสรุปกฎเกณฑ์ภายในสิ้นปีหน้า 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต การออกกฎครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณว่า ยุคของการปล่อยเสรีคริปโตในอังกฤษกำลังจะสิ้นสุดลง นักลงทุนและบริษัทคริปโตต้องเตรียมปรับตัวให้เข้ากับข้อกำหนดใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงจากการฉ้อโกงและการล่มสลายของแพลตฟอร์ม แต่ก็อาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานและทำให้ผู้เล่นรายเล็กเข้าถึงตลาดได้ยากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปรึกษาหารือของ FCA ➡️ เปิดรับความคิดเห็นต่อกฎคริปโตใหม่ตั้งแต่ 16 ธ.ค. 2025 – 12 ก.พ. 2026 ➡️ ตั้งเป้าสรุปกฎภายในสิ้นปี 2026 ✅ เนื้อหาของข้อเสนอ ➡️ ครอบคลุมการลิสต์สินทรัพย์, การซื้อขาย, มาตรฐานแพลตฟอร์ม, การ Staking และการให้กู้ยืม ➡️ เพิ่มมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคและการเงินของบริษัทคริปโต ‼️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ⛔ นักลงทุนและบริษัทต้องปรับตัวเข้ากับกฎใหม่ ⛔ อาจเพิ่มต้นทุนและทำให้ผู้เล่นรายเล็กแข่งขันยากขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/british-regulator-kicks-off-consultation-on-new-crypto-rules
    WWW.THESTAR.COM.MY
    British regulator kicks off consultation on new crypto rules
    LONDON, Dec 16 (Reuters) - British regulator the Financial Conduct Authority (FCA) launched a wide-ranging consultation on a range of proposed rules for the crypto industry on Tuesday, a day after the government said the industry would be regulated from October 2027.
    0 Comments 0 Shares 2 Views 0 Reviews
  • AI แทนแรงงาน: คำถามใหม่ด้านเศรษฐกิจและสังคม

    บทความจาก El País ตั้งคำถามสำคัญว่า หาก AI เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม ควรมีการเก็บภาษีจาก AI หรือไม่ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่รัฐสูญเสียไปจากการลดลงของแรงงานมนุษย์ และเพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการสังคมที่ต้องรองรับผู้ที่ตกงานจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

    มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง
    นักเศรษฐศาสตร์บางคนเสนอว่า การเก็บภาษีจาก AI หรือบริษัทที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น อาจช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรมทางสังคม แนวคิดนี้คล้ายกับการเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ที่เคยถูกเสนอโดย Bill Gates เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้เทคโนโลยีทำลายฐานภาษีของรัฐ ขณะเดียวกัน นักการเมืองบางฝ่ายกังวลว่าการเก็บภาษีเช่นนี้อาจ ชะลอการลงทุนและนวัตกรรม

    ความท้าทายในการบังคับใช้
    แม้แนวคิดดูสมเหตุสมผล แต่การบังคับใช้จริงกลับซับซ้อน เพราะต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และจะวัดการแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างไร ตัวอย่างเช่น หากบริษัทใช้ AI เพียงบางส่วนในกระบวนการผลิต จะต้องเสียภาษีเท่าใด? อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่บริษัทจะหาทางเลี่ยงภาษีผ่านการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน

    ผลกระทบต่ออนาคตแรงงานและสังคม
    บทความชี้ว่า การถกเถียงเรื่องภาษี AI ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความยุติธรรมทางสังคม หากไม่มีมาตรการรองรับ การแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วย AI อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิดการเก็บภาษี AI
    เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่หายไปจากแรงงานมนุษย์
    สนับสนุนระบบสวัสดิการสังคม

    ข้อเสนอจากนักเศรษฐศาสตร์
    คล้ายกับแนวคิดเก็บภาษีหุ่นยนต์ที่ Bill Gates เคยเสนอ
    ช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรม

    ความท้าทายในการบังคับใช้
    ต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และวัดผลแทนแรงงานอย่างไร
    เสี่ยงต่อการเลี่ยงภาษีจากบริษัท

    ผลกระทบต่อสังคม
    หากไม่มีมาตรการรองรับ อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำ
    ระบบสวัสดิการอาจถูกกดดันหนักขึ้นในอนาคต

    https://english.elpais.com/technology/2025-11-30/if-ai-replaces-workers-should-it-also-pay-taxes.html
    🤖 AI แทนแรงงาน: คำถามใหม่ด้านเศรษฐกิจและสังคม บทความจาก El País ตั้งคำถามสำคัญว่า หาก AI เข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ในหลายอุตสาหกรรม ควรมีการเก็บภาษีจาก AI หรือไม่ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่รัฐสูญเสียไปจากการลดลงของแรงงานมนุษย์ และเพื่อสนับสนุนระบบสวัสดิการสังคมที่ต้องรองรับผู้ที่ตกงานจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี 💼 มุมมองจากนักเศรษฐศาสตร์และนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์บางคนเสนอว่า การเก็บภาษีจาก AI หรือบริษัทที่ใช้ AI อย่างเข้มข้น อาจช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรมทางสังคม แนวคิดนี้คล้ายกับการเก็บภาษีจากหุ่นยนต์ที่เคยถูกเสนอโดย Bill Gates เพื่อป้องกันไม่ให้การใช้เทคโนโลยีทำลายฐานภาษีของรัฐ ขณะเดียวกัน นักการเมืองบางฝ่ายกังวลว่าการเก็บภาษีเช่นนี้อาจ ชะลอการลงทุนและนวัตกรรม ⚖️ ความท้าทายในการบังคับใช้ แม้แนวคิดดูสมเหตุสมผล แต่การบังคับใช้จริงกลับซับซ้อน เพราะต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และจะวัดการแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างไร ตัวอย่างเช่น หากบริษัทใช้ AI เพียงบางส่วนในกระบวนการผลิต จะต้องเสียภาษีเท่าใด? อีกทั้งยังมีความเสี่ยงที่บริษัทจะหาทางเลี่ยงภาษีผ่านการจัดโครงสร้างธุรกิจที่ซับซ้อน 🌍 ผลกระทบต่ออนาคตแรงงานและสังคม บทความชี้ว่า การถกเถียงเรื่องภาษี AI ไม่ใช่แค่เรื่องเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องความยุติธรรมทางสังคม หากไม่มีมาตรการรองรับ การแทนที่แรงงานมนุษย์ด้วย AI อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อระบบสวัสดิการของรัฐในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิดการเก็บภาษี AI ➡️ เพื่อชดเชยรายได้ภาษีที่หายไปจากแรงงานมนุษย์ ➡️ สนับสนุนระบบสวัสดิการสังคม ✅ ข้อเสนอจากนักเศรษฐศาสตร์ ➡️ คล้ายกับแนวคิดเก็บภาษีหุ่นยนต์ที่ Bill Gates เคยเสนอ ➡️ ช่วยสร้างสมดุลระหว่างนวัตกรรมและความเป็นธรรม ‼️ ความท้าทายในการบังคับใช้ ⛔ ต้องนิยามว่า “AI” คืออะไร และวัดผลแทนแรงงานอย่างไร ⛔ เสี่ยงต่อการเลี่ยงภาษีจากบริษัท ‼️ ผลกระทบต่อสังคม ⛔ หากไม่มีมาตรการรองรับ อาจเพิ่มความเหลื่อมล้ำ ⛔ ระบบสวัสดิการอาจถูกกดดันหนักขึ้นในอนาคต https://english.elpais.com/technology/2025-11-30/if-ai-replaces-workers-should-it-also-pay-taxes.html
    ENGLISH.ELPAIS.COM
    If AI replaces workers, should it also pay taxes?
    The technological race among industry giants and the wave of layoffs they have announced has revived the debate about the advisability of taxing automation
    0 Comments 0 Shares 3 Views 0 Reviews
  • วิกฤติสุขภาพในภาคเกษตรสหรัฐฯ

    มีรายงานว่าเกษตรกรหลายพันคนในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับโรคพาร์กินสัน และพวกเขาเชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากการสัมผัสกับ สารกำจัดวัชพืช Paraquat ซึ่งถูกใช้แพร่หลายในไร่นามานานหลายสิบปี แม้จะมีการควบคุมการใช้งาน แต่สารนี้ยังคงถูกนำมาใช้ในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดวัชพืชที่ดื้อยา

    ความเชื่อมโยงระหว่าง Paraquat และโรคพาร์กินสัน
    งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า Paraquat อาจมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมของระบบประสาท โดยเฉพาะการทำลายเซลล์สมองที่ผลิต โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การเสื่อมของเซลล์เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของโรคพาร์กินสัน แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ แต่หลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการฟ้องร้องและการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สารนี้

    การฟ้องร้องและผลกระทบทางกฎหมาย
    เกษตรกรจำนวนมากได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้ผลิตสารเคมี โดยอ้างว่า Paraquat เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาป่วยพาร์กินสัน คดีเหล่านี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตร หากศาลตัดสินว่ามีความเชื่อมโยงจริง บริษัทเคมีอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายมหาศาล และอาจถูกบังคับให้ยุติการผลิตหรือจำกัดการใช้สารนี้อย่างเข้มงวด

    ทางเลือกและมาตรการป้องกัน
    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เกษตรกรหันมาใช้วิธีการจัดการวัชพืชที่ปลอดภัยกว่า เช่น การใช้สารชีวภาพหรือการจัดการเชิงกลแทนสารเคมี นอกจากนี้ยังควรมีการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีการใช้สารกำจัดวัชพืช เพื่อเฝ้าระวังอาการของโรคพาร์กินสันตั้งแต่ระยะเริ่มต้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบปัญหาสุขภาพในเกษตรกรสหรัฐฯ
    หลายพันคนป่วยพาร์กินสัน เชื่อว่าเกิดจากการสัมผัส Paraquat

    หลักฐานทางวิทยาศาสตร์
    Paraquat อาจทำลายเซลล์สมองที่ผลิตโดพามีน
    มีงานวิจัยที่ชี้ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน

    การฟ้องร้องทางกฎหมาย
    เกษตรกรยื่นฟ้องบริษัทผู้ผลิตสารเคมี
    อาจนำไปสู่การจำกัดหรือยุติการใช้ Paraquat

    คำเตือนด้านสุขภาพและความปลอดภัย
    การใช้ Paraquat อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคพาร์กินสัน
    เกษตรกรควรตรวจสุขภาพประจำปีและหันไปใช้วิธีจัดการวัชพืชที่ปลอดภัยกว่า

    https://www.mlive.com/news/2025/12/thousands-of-us-farmers-have-parkinsons-they-blame-a-deadly-pesticide.html
    🌾 วิกฤติสุขภาพในภาคเกษตรสหรัฐฯ มีรายงานว่าเกษตรกรหลายพันคนในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับโรคพาร์กินสัน และพวกเขาเชื่อว่าสาเหตุหลักมาจากการสัมผัสกับ สารกำจัดวัชพืช Paraquat ซึ่งถูกใช้แพร่หลายในไร่นามานานหลายสิบปี แม้จะมีการควบคุมการใช้งาน แต่สารนี้ยังคงถูกนำมาใช้ในหลายพื้นที่ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการกำจัดวัชพืชที่ดื้อยา 🧪 ความเชื่อมโยงระหว่าง Paraquat และโรคพาร์กินสัน งานวิจัยหลายชิ้นชี้ว่า Paraquat อาจมีความสัมพันธ์กับการเสื่อมของระบบประสาท โดยเฉพาะการทำลายเซลล์สมองที่ผลิต โดพามีน (Dopamine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหว การเสื่อมของเซลล์เหล่านี้เป็นสาเหตุหลักของโรคพาร์กินสัน แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ แต่หลักฐานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการฟ้องร้องและการเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สารนี้ ⚖️ การฟ้องร้องและผลกระทบทางกฎหมาย เกษตรกรจำนวนมากได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้ผลิตสารเคมี โดยอ้างว่า Paraquat เป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาป่วยพาร์กินสัน คดีเหล่านี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมการเกษตร หากศาลตัดสินว่ามีความเชื่อมโยงจริง บริษัทเคมีอาจต้องรับผิดชอบค่าเสียหายมหาศาล และอาจถูกบังคับให้ยุติการผลิตหรือจำกัดการใช้สารนี้อย่างเข้มงวด 🛡️ ทางเลือกและมาตรการป้องกัน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เกษตรกรหันมาใช้วิธีการจัดการวัชพืชที่ปลอดภัยกว่า เช่น การใช้สารชีวภาพหรือการจัดการเชิงกลแทนสารเคมี นอกจากนี้ยังควรมีการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับผู้ที่ทำงานในพื้นที่ที่มีการใช้สารกำจัดวัชพืช เพื่อเฝ้าระวังอาการของโรคพาร์กินสันตั้งแต่ระยะเริ่มต้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบปัญหาสุขภาพในเกษตรกรสหรัฐฯ ➡️ หลายพันคนป่วยพาร์กินสัน เชื่อว่าเกิดจากการสัมผัส Paraquat ✅ หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ➡️ Paraquat อาจทำลายเซลล์สมองที่ผลิตโดพามีน ➡️ มีงานวิจัยที่ชี้ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน ✅ การฟ้องร้องทางกฎหมาย ➡️ เกษตรกรยื่นฟ้องบริษัทผู้ผลิตสารเคมี ➡️ อาจนำไปสู่การจำกัดหรือยุติการใช้ Paraquat ‼️ คำเตือนด้านสุขภาพและความปลอดภัย ⛔ การใช้ Paraquat อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคพาร์กินสัน ⛔ เกษตรกรควรตรวจสุขภาพประจำปีและหันไปใช้วิธีจัดการวัชพืชที่ปลอดภัยกว่า https://www.mlive.com/news/2025/12/thousands-of-us-farmers-have-parkinsons-they-blame-a-deadly-pesticide.html
    WWW.MLIVE.COM
    Thousands of U.S. farmers have Parkinson’s. They blame a deadly pesticide.
    Paraquat is banned in more than 70 countries, but still legal in the United States. Now, a growing number of U.S. farmers are blaming the toxic pesticide for their Parkinson's disease in a large lawsuit.
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • อีกแล้ว! ทรัมป์โวใกล้กว่าครั้งไหนๆ ได้ข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน หลังสหรัฐฯ เสนอคำรับประกันความมั่นคงระดับใกล้เคียงนาโตให้เคียฟ
    .
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพยูเครนเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังหารือยาวกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำนาโต และชาติยุโรปหลัก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี
    .
    ทรัมป์ยอมรับว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียแล้ว และแสดงความเชื่อมั่นว่ามอสโกจะตอบรับแนวทางดังกล่าว พร้อมระบุว่าเวลานี้ “ใกล้กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา”
    .
    อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ายูเครนอาจต้องแลกคำรับประกันความมั่นคง ด้วยการยอมเสียพื้นที่บางส่วนในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวและยังไม่มีข้อสรุป
    .
    แม้การเจรจาจะถูกมองว่าเป็นไปในทิศทางบวก แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่ายังมีอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องดินแดนและการรับประกันความมั่นคงในระยะยาว
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120787
    .
    #News1live #News1 #ทรัมป์ #ยูเครน #รัสเซีย #สงครามยูเครน #การเมืองโลก
    อีกแล้ว! ทรัมป์โวใกล้กว่าครั้งไหนๆ ได้ข้อตกลงยุติสงครามรัสเซีย–ยูเครน หลังสหรัฐฯ เสนอคำรับประกันความมั่นคงระดับใกล้เคียงนาโตให้เคียฟ . ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพยูเครนเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา หลังหารือยาวกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำนาโต และชาติยุโรปหลัก ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมนี . ทรัมป์ยอมรับว่าได้พูดคุยกับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซียแล้ว และแสดงความเชื่อมั่นว่ามอสโกจะตอบรับแนวทางดังกล่าว พร้อมระบุว่าเวลานี้ “ใกล้กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา” . อย่างไรก็ตาม ผู้นำสหรัฐฯ บ่งชี้ว่ายูเครนอาจต้องแลกคำรับประกันความมั่นคง ด้วยการยอมเสียพื้นที่บางส่วนในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวและยังไม่มีข้อสรุป . แม้การเจรจาจะถูกมองว่าเป็นไปในทิศทางบวก แต่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยอมรับว่ายังมีอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะเรื่องดินแดนและการรับประกันความมั่นคงในระยะยาว . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000120787 . #News1live #News1 #ทรัมป์ #ยูเครน #รัสเซีย #สงครามยูเครน #การเมืองโลก
    0 Comments 0 Shares 16 Views 0 Reviews
  • สื่อมะกันได้ทีจุดไฟ! เชื่อจีนใช้ความขัดแย้งไทย–กัมพูชาเป็นสนามทดสอบอาวุธ หลังทหารไทยยึดจรวดและขีปนาวุธสมัยใหม่สัญชาติจีนได้กลางสมรภูมิ
    .
    นิตยสาร The Week สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เปิดโอกาสให้จีนประเมินประสิทธิภาพอาวุธของตนเอง ในการต่อกรกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่กองทัพไทยใช้งานอยู่
    .
    รายงานระบุว่า กัมพูชาพึ่งพายุทโธปกรณ์จากจีนเป็นหลัก ทั้งระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ปืนใหญ่ และจรวดพิสัยไกล ซึ่งถูกนำมาใช้สกัดกั้นกองทัพไทยที่มีศักยภาพเหนือกว่า
    .
    ขณะเดียวกัน ไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 พร้อมระเบิดนำวิถีของสหรัฐฯ โจมตีทำลายฐานยิงและคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นข้อมูลจริงในสนามรบให้จีนสามารถวิเคราะห์ขีดความสามารถของอาวุธตนเอง
    .
    The Week ยังชี้ว่า การที่ไทยสามารถยึดขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี GAM-102LR รุ่น 5 ของจีนได้ เป็นอีกหลักฐานที่ทำให้สมรภูมิไทย–กัมพูชาถูกจับตามองในฐานะ “สนามทดลองอาวุธโดยพฤตินัย”
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120797
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #จีน #อาวุธจีน #สนามรบเอเชีย #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    สื่อมะกันได้ทีจุดไฟ! เชื่อจีนใช้ความขัดแย้งไทย–กัมพูชาเป็นสนามทดสอบอาวุธ หลังทหารไทยยึดจรวดและขีปนาวุธสมัยใหม่สัญชาติจีนได้กลางสมรภูมิ . นิตยสาร The Week สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา เปิดโอกาสให้จีนประเมินประสิทธิภาพอาวุธของตนเอง ในการต่อกรกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ที่กองทัพไทยใช้งานอยู่ . รายงานระบุว่า กัมพูชาพึ่งพายุทโธปกรณ์จากจีนเป็นหลัก ทั้งระบบยิงจรวดหลายลำกล้อง PHL-03 ปืนใหญ่ และจรวดพิสัยไกล ซึ่งถูกนำมาใช้สกัดกั้นกองทัพไทยที่มีศักยภาพเหนือกว่า . ขณะเดียวกัน ไทยใช้เครื่องบินขับไล่ F-16 พร้อมระเบิดนำวิถีของสหรัฐฯ โจมตีทำลายฐานยิงและคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งกลายเป็นข้อมูลจริงในสนามรบให้จีนสามารถวิเคราะห์ขีดความสามารถของอาวุธตนเอง . The Week ยังชี้ว่า การที่ไทยสามารถยึดขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี GAM-102LR รุ่น 5 ของจีนได้ เป็นอีกหลักฐานที่ทำให้สมรภูมิไทย–กัมพูชาถูกจับตามองในฐานะ “สนามทดลองอาวุธโดยพฤตินัย” . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120797 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #จีน #อาวุธจีน #สนามรบเอเชีย #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ยังปากกล้า! รมต.เขมรออกมาดูแคลนกองทัพไทย อ้างหากไม่มีเครื่องบินรบ กองทัพไทยไม่ใช่คู่ต่อกรของทหารกัมพูชา
    .
    เขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีการปฏิบัติการของไทย พร้อมยกย่องความกล้าหาญของทหารกัมพูชา และอ้างว่ากองทัพไทยจะยอมจำนน หากไม่ได้ใช้เครื่องบินขับไล่สนับสนุน
    .
    รมต.เขมรยังกล่าวหาว่า ไทยขาดประสบการณ์การทำสงคราม และจะเกิดความแตกแยกภายใน พร้อมปลุกระดมให้ทหารกัมพูชาเดินหน้าสู้ต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนที่ยังตึงเครียด
    .
    ขณะเดียวกัน สื่อกัมพูชาบางสำนักยังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน กล่าวหาไทยใช้อาวุธหนักโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120788
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ข่าวต่างประเทศ #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    ยังปากกล้า! รมต.เขมรออกมาดูแคลนกองทัพไทย อ้างหากไม่มีเครื่องบินรบ กองทัพไทยไม่ใช่คู่ต่อกรของทหารกัมพูชา . เขียว รามี รัฐมนตรีอาวุโสและประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กโจมตีการปฏิบัติการของไทย พร้อมยกย่องความกล้าหาญของทหารกัมพูชา และอ้างว่ากองทัพไทยจะยอมจำนน หากไม่ได้ใช้เครื่องบินขับไล่สนับสนุน . รมต.เขมรยังกล่าวหาว่า ไทยขาดประสบการณ์การทำสงคราม และจะเกิดความแตกแยกภายใน พร้อมปลุกระดมให้ทหารกัมพูชาเดินหน้าสู้ต่อไป ท่ามกลางสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนที่ยังตึงเครียด . ขณะเดียวกัน สื่อกัมพูชาบางสำนักยังเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน กล่าวหาไทยใช้อาวุธหนักโจมตีพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งฝ่ายไทยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และยึดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000120788 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ข่าวต่างประเทศ #สงครามข้อมูลข่าวสาร
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • ปฏิบัติการซินดูร์ จีนใช้โอกาสทดสอบอาวุธกับขีปนาวุธและเครื่องบินรบที่สร้างโดยรัสเซียและฝรั่งเศส คลังแสงของปากีสถานเต็มไปด้วยยุทโธปกรณ์ของปักกิ่ง และมันถูกใช้ทดสอบกับเครื่องบินรบราฟาลของอินเดียและระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 เช่นเดียวกับอื่นๆ ในความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาก็เช่นกัน มันมอบโอกาสให้จีนวิเคราะห์ว่าจรวดและขีปนาวุธของพวกเขา มีประสิทธิภาพแค่ไหนในการต่อกรกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ตามรายงานของนิตยสารเดอะวีค สื่อมวลชนที่มีสำนักงานในนิวยอร์ก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120797

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ปฏิบัติการซินดูร์ จีนใช้โอกาสทดสอบอาวุธกับขีปนาวุธและเครื่องบินรบที่สร้างโดยรัสเซียและฝรั่งเศส คลังแสงของปากีสถานเต็มไปด้วยยุทโธปกรณ์ของปักกิ่ง และมันถูกใช้ทดสอบกับเครื่องบินรบราฟาลของอินเดียและระบบป้องกันขีปนาวุธ S-400 เช่นเดียวกับอื่นๆ ในความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาก็เช่นกัน มันมอบโอกาสให้จีนวิเคราะห์ว่าจรวดและขีปนาวุธของพวกเขา มีประสิทธิภาพแค่ไหนในการต่อกรกับยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ ตามรายงานของนิตยสารเดอะวีค สื่อมวลชนที่มีสำนักงานในนิวยอร์ก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000120797 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • สะพานเกอร์นีย์ ปีนัง เข้าสู่เกาะเทียมอันดามัน

    อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายโจว คอน เยียว (Chow Kon Yeow) มุขมนตรีรัฐปีนัง เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานเกอร์นีย์ (Gurney Bridge) เชื่อมระหว่างเกาะปีนัง บริเวณวงเวียนเกอร์นีย์ ไดร์ฟ (Gurney Drive) กับอันดามันไอส์แลนด์ (Andaman Island) โครงการอสังหาริมทรัพย์บนเกาะเทียมที่ผ่านการถมทะเล ของบริษัทอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทัล (E&O) เป็นสะพานขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 1.2 กิโลเมตร พร้อมทางเดินเท้ากว้าง 4 เมตร มูลค่าโครงการ 350 ล้านริงกิต (2,700 ล้านบาท)

    นอกจากเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คริมชายฝั่งของอ่าวเกอร์นีย์แล้ว ยังช่วยย่นเวลาเดินทางเข้าโครงการฯ จากเดิมต้องเข้าจากถนนใหญ่ (ถนนตันจง โตคง) บริเวณห้างโลตัส ตันจงปีนัง ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางไปออกย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟ บริเวณศูนย์การค้าเกอร์นีย์พลาซ่าได้ทันที ซึ่งนายก๊ก ตั๊ก เชียง (Kok Tuck Cheong) กรรมการผู้จัดการของ E&O ตั้งใจว่าจะสร้างเมืองที่เข้าถึงได้ภายใน 15 นาที เชื่อมต่อถึงกัน และมุ่งเน้นอนาคต นับจากนี้จะพัฒนาโครงการบนเกาะ ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระยะต่อไป ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาล

    นายก๊กยังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) ระบุว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2533 ที่รัฐบาลมอบสิทธิ์สัมปทานในการถมทะเลทั้งหมด 960 เอเคอร์ โดยพื้นที่แรก สเตรตส์คีย์ (Straits Quay) แล้วเสร็จมาหลายปี ตามมาด้วยเฟส 2A เปิดตัวห้องชุดไปแล้ว 3,700 ยูนิต กำลังขายแก่ผู้สนใจ รวมถึงที่ดินเปล่าที่หันหน้าไปทางสเตรตส์คีย์ด้วย ส่วนเฟส 2B ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ รวมทั้งหมด 506 เอเคอร์ พื้นที่ถมทะเลบางส่วนจะถูกส่งมอบให้แก่รัฐตามข้อตกลงการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีถนนด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมซิตี้ออฟดรีม (COD) ที่มีแผนจะสร้างสะพานไปยังถนนเกอร์นีย์ในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวปีนังอีกส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดการจราจรติดขัด ซึ่งมุขมนตรีรัฐปีนังยืนยันว่า กำลังให้ความสำคัญกับการจัดการจราจรอย่างมีความรับผิดชอบ ย้ำว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับเกาะอันดามัน บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ถึงกระนั้น เนื่องจากย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟเป็นย่านศูนย์การค้า ทั้งเกอร์นีย์พลาซา เกอร์นีย์พารากอนมอลล์ แหล่งรวมสตรีทฟู้ด (Gurney Drive Hawker Center) และคอนโดมิเนียมจำนวนมาก รถติดทุกวันไม่เว้นวันหยุด ชาวปีนังจึงยังคงกังวลถึงปัญหาการจราจร จากโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 6 หมื่นล้านริงกิต (462,000 ล้านบาท) กันต่อไป

    #Newskit
    สะพานเกอร์นีย์ ปีนัง เข้าสู่เกาะเทียมอันดามัน อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายโจว คอน เยียว (Chow Kon Yeow) มุขมนตรีรัฐปีนัง เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานเกอร์นีย์ (Gurney Bridge) เชื่อมระหว่างเกาะปีนัง บริเวณวงเวียนเกอร์นีย์ ไดร์ฟ (Gurney Drive) กับอันดามันไอส์แลนด์ (Andaman Island) โครงการอสังหาริมทรัพย์บนเกาะเทียมที่ผ่านการถมทะเล ของบริษัทอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทัล (E&O) เป็นสะพานขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 1.2 กิโลเมตร พร้อมทางเดินเท้ากว้าง 4 เมตร มูลค่าโครงการ 350 ล้านริงกิต (2,700 ล้านบาท) นอกจากเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คริมชายฝั่งของอ่าวเกอร์นีย์แล้ว ยังช่วยย่นเวลาเดินทางเข้าโครงการฯ จากเดิมต้องเข้าจากถนนใหญ่ (ถนนตันจง โตคง) บริเวณห้างโลตัส ตันจงปีนัง ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางไปออกย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟ บริเวณศูนย์การค้าเกอร์นีย์พลาซ่าได้ทันที ซึ่งนายก๊ก ตั๊ก เชียง (Kok Tuck Cheong) กรรมการผู้จัดการของ E&O ตั้งใจว่าจะสร้างเมืองที่เข้าถึงได้ภายใน 15 นาที เชื่อมต่อถึงกัน และมุ่งเน้นอนาคต นับจากนี้จะพัฒนาโครงการบนเกาะ ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระยะต่อไป ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาล นายก๊กยังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) ระบุว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2533 ที่รัฐบาลมอบสิทธิ์สัมปทานในการถมทะเลทั้งหมด 960 เอเคอร์ โดยพื้นที่แรก สเตรตส์คีย์ (Straits Quay) แล้วเสร็จมาหลายปี ตามมาด้วยเฟส 2A เปิดตัวห้องชุดไปแล้ว 3,700 ยูนิต กำลังขายแก่ผู้สนใจ รวมถึงที่ดินเปล่าที่หันหน้าไปทางสเตรตส์คีย์ด้วย ส่วนเฟส 2B ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ รวมทั้งหมด 506 เอเคอร์ พื้นที่ถมทะเลบางส่วนจะถูกส่งมอบให้แก่รัฐตามข้อตกลงการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีถนนด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมซิตี้ออฟดรีม (COD) ที่มีแผนจะสร้างสะพานไปยังถนนเกอร์นีย์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวปีนังอีกส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดการจราจรติดขัด ซึ่งมุขมนตรีรัฐปีนังยืนยันว่า กำลังให้ความสำคัญกับการจัดการจราจรอย่างมีความรับผิดชอบ ย้ำว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับเกาะอันดามัน บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ถึงกระนั้น เนื่องจากย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟเป็นย่านศูนย์การค้า ทั้งเกอร์นีย์พลาซา เกอร์นีย์พารากอนมอลล์ แหล่งรวมสตรีทฟู้ด (Gurney Drive Hawker Center) และคอนโดมิเนียมจำนวนมาก รถติดทุกวันไม่เว้นวันหยุด ชาวปีนังจึงยังคงกังวลถึงปัญหาการจราจร จากโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 6 หมื่นล้านริงกิต (462,000 ล้านบาท) กันต่อไป #Newskit
    1 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้
    สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566
    .
    #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    “สมชัย ศรีสุทธิยากร” อดีต กกต. ออกมาโต้ความเห็นของ “บวรศักดิ์ อุวรรโณ” กรณีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญควบคู่กับการเลือกตั้ง สส. โดยชี้ชัดว่าทำไม่ได้ในทางกฎหมาย เนื่องจากกรอบเวลาตาม พ.ร.บ.ประชามติ ไม่สอดคล้องกับวันเลือกตั้งที่กำหนดไว้ สมชัยระบุว่า หาก ครม.มีมติจัดทำประชามติ ต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 60 วัน ซึ่งวันเร็วที่สุดจะเลยวันเลือกตั้งไปแล้ว พร้อมเตือนแรงว่า หากฝืนดำเนินการ อาจถูกฟ้องจนทำให้ประชามติเป็นโมฆะ และเสี่ยงสูญเสียงบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120566 . #News1live #News1 #การเมือง #ประชามติ #แก้รัฐธรรมนูญ #เลือกตั้ง #สมชัยศรีสุทธิยากร #บวรศักดิ์อุวรรโณ
    0 Comments 0 Shares 67 Views 0 Reviews
  • “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า
    อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม
    นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582
    .
    #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” นำคณะลงพื้นที่หาดใหญ่ เยี่ยมประชาชน โรงเรียน และภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยหนัก ชี้สถานการณ์ “สุญญากาศทางการเมือง” อาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นฟู หากการตัดสินใจล่าช้า อดีตนายกฯ เสนอให้รัฐบาลและ กกต. เร่งกระบวนการเพิ่มกำลังซื้อ โดยเฉพาะแนวคิด “คนละครึ่งพลัส” เพื่อช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจภาคใต้ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการเร่งฟื้นฟูโรงเรียน ดูแลสภาพจิตใจเด็ก และสนับสนุนอุปกรณ์การเรียนที่เสียหายจากน้ำท่วม นอกจากนี้ ยังเสนอให้ตั้งคณะกรรมการอิสระด้านวิชาการ ถอดบทเรียนรับมือน้ำท่วมในอนาคต ไม่ใช่เพื่อเอาผิดใคร แต่เพื่อปรับปรุงโครงสร้างเมือง ระบบเตือนภัย และการบูรณาการทำงาน ลดความเสียหายในระยะยาว . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120582 . #News1live #News1 #อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ #หาดใหญ่ #ฟื้นฟูเศรษฐกิจ #น้ำท่วมภาคใต้ #คนละครึ่ง #สุญญากาศการเมือง
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • นายกรัฐมนตรี เรียกหารือด่วน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังพบประเด็นอ่อนไหวหลายด้าน ทั้งการแทรกซึมของสายลับและทหารรับจ้างกัมพูชา รวมถึงการตรวจยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีสัญชาติจีน รุ่น GAM-102 LR ในพื้นที่แนวปะทะ
    .
    นายกฯ ย้ำทุกหน่วยต้องเฝ้าระวังพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งติดตามการสกัดกั้นยุทธปัจจัยทางทะเล และยืนยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างในกัมพูชาทุกรูปแบบ หากจำเป็นถึงขั้นเช่าเหมาลำเครื่องบินก็พร้อมดำเนินการทันที เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
    .
    ส่วนกระแสวิจารณ์กรณีการเปิดตัวผู้สมัคร สส.ในช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติม
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120461
    .
    #News1live #News1 #นายกรัฐมนตรี #สมช #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #สายลับเขมร #ขีปนาวุธ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    นายกรัฐมนตรี เรียกหารือด่วน เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา หลังพบประเด็นอ่อนไหวหลายด้าน ทั้งการแทรกซึมของสายลับและทหารรับจ้างกัมพูชา รวมถึงการตรวจยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถีสัญชาติจีน รุ่น GAM-102 LR ในพื้นที่แนวปะทะ . นายกฯ ย้ำทุกหน่วยต้องเฝ้าระวังพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมสั่งติดตามการสกัดกั้นยุทธปัจจัยทางทะเล และยืนยันรัฐบาลพร้อมช่วยเหลือคนไทยที่ติดค้างในกัมพูชาทุกรูปแบบ หากจำเป็นถึงขั้นเช่าเหมาลำเครื่องบินก็พร้อมดำเนินการทันที เพื่อความปลอดภัยของประชาชน . ส่วนกระแสวิจารณ์กรณีการเปิดตัวผู้สมัคร สส.ในช่วงสถานการณ์ชายแดนตึงเครียด นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความเห็นเพิ่มเติม . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000120461 . #News1live #News1 #นายกรัฐมนตรี #สมช #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #สายลับเขมร #ขีปนาวุธ #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • "หนึ่งหญิงสองชาย" ไวรัลสะใภ้มาเลเซีย

    กลายเป็นที่ฮือฮาแก่ชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ekin Derahim (เอคิน เดราฮิม) ออกมาโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ระบุว่า น้องสะใภ้ของตน ซึ่งมาจากรัฐตรังกานู แต่งงานกับพี่ชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน และอยู่กินฉันสามีภรรยามา 3 ปีแล้ว แต่กลับพบว่าน้องสะใภ้ไปอยู่กับชายอื่น ที่แต่งงานด้วยกันที่จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน โดยสลับไปอยู่บ้านชายอื่นที่บ้านเช่าในรัฐยะโฮร์ตอนกลางวัน เมื่อพี่ชายออกไปทำงาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพี่ชายเวลากลางคืน ซึ่งห่างกัน 19 กิโลเมตร

    เธอกล่าวว่า แม้จะถูกจับได้ น้องสะใภ้ก็ยังคงหลอกลวงและเล่นเกมกับครอบครัวตน อีกทั้งยังไปแจ้งความเท็จใส่ร้าย กล่าวหาว่าไปรบกวน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างหนัก ส่วนพี่ชายกลับเชื่อคำพูดของน้องสะใภ้ เพราะคอยอ้อนวอนและโทรศัพท์หาพี่ชายอยู่ตลอด ถามว่าทำไมตลอดระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน น้องสะใภ้ถึงโกหกพี่ชายและครอบครัวโดยไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก? ขอความกรุณาช่วยอธิษฐานให้พี่ชายกลับคืนสู่ครอบครัวด้วย ตอนนี้น้องสะใภ้ยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากบ้านพี่ชาย และผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากสำนักงานศาสนาเลย

    โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์จากบรรดาชาวเน็ตมาเลเซียและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวนี้ เนื่องจากตามบทบัญญัติทางศาสนาอิสลามของมาเลเซีย แม้จะสามารถมีคู่สมรสได้มากกว่า 1 คน แต่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสคนแรก แต่ที่ผ่านมา คนที่มีความสัมพันธ์ซ้อนกันโดยคู่สมรสคนแรกไม่ยินยอม หรือไปมีคนรักใหม่โดยไม่อยากทำเรื่องหย่าให้ยุ่งยาก มักจะใช้วิธีข้ามพรมแดนไปประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบพิธีนิกะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตแต่งงาน หรือหย่าร้างที่ไม่ได้รับการรับรองในมาเลเซีย

    กรมกิจการศาสนาอิสลามของรัฐกลันตัน ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่า ได้สอบปากคำหญิงรายดังกล่าวแล้ว ที่สำนักงานศาสนาเขตตันห์เมอราห์ เพื่อประกอบการสอบสวน ด้านกรมกิจการศาสนาแห่งรัฐตรังกานู กำลังอยู่ในระหว่างเรียกสองสามีภรรยามาชี้แจง ส่วนชาวเน็ตมาเลเซียวิจารณ์ว่าการแต่งงานลักษณะเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นบาปต่อศาสนา

    อนึ่ง ตามกฎหมายครอบครัวอิสลามของมาเลเซีย หญิงชาวมุสลิมที่แต่งงานกับชายอื่นในขณะที่ยังมีสถานะสมรสตามกฎหมาย อาจต้องรับโทษทางอาญา ส่วนชายชาวมุสลิมต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากศาลชารีอะห์ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหลายพันริงกิต จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

    #Newskit
    "หนึ่งหญิงสองชาย" ไวรัลสะใภ้มาเลเซีย กลายเป็นที่ฮือฮาแก่ชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ekin Derahim (เอคิน เดราฮิม) ออกมาโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ระบุว่า น้องสะใภ้ของตน ซึ่งมาจากรัฐตรังกานู แต่งงานกับพี่ชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน และอยู่กินฉันสามีภรรยามา 3 ปีแล้ว แต่กลับพบว่าน้องสะใภ้ไปอยู่กับชายอื่น ที่แต่งงานด้วยกันที่จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน โดยสลับไปอยู่บ้านชายอื่นที่บ้านเช่าในรัฐยะโฮร์ตอนกลางวัน เมื่อพี่ชายออกไปทำงาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพี่ชายเวลากลางคืน ซึ่งห่างกัน 19 กิโลเมตร เธอกล่าวว่า แม้จะถูกจับได้ น้องสะใภ้ก็ยังคงหลอกลวงและเล่นเกมกับครอบครัวตน อีกทั้งยังไปแจ้งความเท็จใส่ร้าย กล่าวหาว่าไปรบกวน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างหนัก ส่วนพี่ชายกลับเชื่อคำพูดของน้องสะใภ้ เพราะคอยอ้อนวอนและโทรศัพท์หาพี่ชายอยู่ตลอด ถามว่าทำไมตลอดระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน น้องสะใภ้ถึงโกหกพี่ชายและครอบครัวโดยไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก? ขอความกรุณาช่วยอธิษฐานให้พี่ชายกลับคืนสู่ครอบครัวด้วย ตอนนี้น้องสะใภ้ยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากบ้านพี่ชาย และผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากสำนักงานศาสนาเลย โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์จากบรรดาชาวเน็ตมาเลเซียและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวนี้ เนื่องจากตามบทบัญญัติทางศาสนาอิสลามของมาเลเซีย แม้จะสามารถมีคู่สมรสได้มากกว่า 1 คน แต่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสคนแรก แต่ที่ผ่านมา คนที่มีความสัมพันธ์ซ้อนกันโดยคู่สมรสคนแรกไม่ยินยอม หรือไปมีคนรักใหม่โดยไม่อยากทำเรื่องหย่าให้ยุ่งยาก มักจะใช้วิธีข้ามพรมแดนไปประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบพิธีนิกะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตแต่งงาน หรือหย่าร้างที่ไม่ได้รับการรับรองในมาเลเซีย กรมกิจการศาสนาอิสลามของรัฐกลันตัน ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่า ได้สอบปากคำหญิงรายดังกล่าวแล้ว ที่สำนักงานศาสนาเขตตันห์เมอราห์ เพื่อประกอบการสอบสวน ด้านกรมกิจการศาสนาแห่งรัฐตรังกานู กำลังอยู่ในระหว่างเรียกสองสามีภรรยามาชี้แจง ส่วนชาวเน็ตมาเลเซียวิจารณ์ว่าการแต่งงานลักษณะเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นบาปต่อศาสนา อนึ่ง ตามกฎหมายครอบครัวอิสลามของมาเลเซีย หญิงชาวมุสลิมที่แต่งงานกับชายอื่นในขณะที่ยังมีสถานะสมรสตามกฎหมาย อาจต้องรับโทษทางอาญา ส่วนชายชาวมุสลิมต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากศาลชารีอะห์ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหลายพันริงกิต จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ #Newskit
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ปราสาทตาควาย อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอทวงคืน

    หลังจากที่ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทตาควาย ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามข้อตกลงหยุดยิงที่นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลจากทหารกัมพูชายึดตัวปราสาท แลมีทหารไทยหลายนายต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตบนพื้นที่แห่งนี้ ผ่านไปกว่า 4 เดือน ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง 15 ธ.ค. ทหารไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจากบริเวณพื้นที่ตัวปราสาทตาควาย และเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว นับเป็นข่าวดีแก่คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกคน

    ที่ผ่านมาการทวงคืนปราสาทตาควายของกองทัพไทยเป็นไปได้ยาก เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณตีนเนิน 350 ซึ่งเป็นจุดสูงข่ม และมีทหารกัมพูชาคอยวางกำลังอยู่บนนั้น รวมทั้งการยิงสนับสนุนจากกัมพูชา ทั้งการใช้จรวด BM-21 และอาวุธอื่นๆ คอยระดมยิงใส่ทหารไทยไม่มีหยุด อีกทั้งทหารกัมพูชายังตั้งบังเกอร์มากมาย และวางทุ่นระเบิด คอยกันไม่ให้ทหารไทยแทรกซึมเข้าไป ทำให้ในช่วงที่มีข้อตกลงหยุดยิง ทหารไทยทำได้แค่วางกำลัง ห่างจากตัวปราสาทเพียง 30 เมตร ขณะที่ทหารกัมพูชากลับใช้ปราสาทตาควายเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารอยู่ด้านใน พร้อมกับติดตั้งทุ่นระเบิดโดยรอบตัวปราสาท

    อย่างไรก็ตาม ผลของการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ทำให้ตัวปราสาทได้รับความเสียหาย แม้กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาจะประท้วง แต่กองทัพบกไทยยืนยันว่า แม้อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 จะห้ามโจมตีโบราณสถาน แต่ฝ่ายกัมพูชานำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี เข้าข่ายเป็นพื้นที่ "สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว" ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคาม ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกติกาสากล เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ

    ส่วนความกังวลเกี่ยวกับตัวปราสาทที่ได้รับความเสียหาย นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แสดงจุดยืนว่า แม้ไม่ควรมีโบราณสถานแห่งใดในโลก ได้รับความเสียหายจากสงคราม แต่เมื่อกัมพูชาละเลยกติกา เป็นธรรมดาที่ทางฝ่ายไทยต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร เป็นไปตามความจำเป็น ซึ่งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ แต่กรมศิลปากรยืนยันว่า สามารถบูรณะปราสาทตาควายหรือปราสาทใดๆ ที่เป็นของไทยได้อย่างแน่นอน และก่อนหน้านี้ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินสด๊กก๊อกธม ที่มีความสลับซับซ้อน มีลวดลายอันวิจิตรมากกว่าปราสาทตาควาย ก็สามารถซ่อมกลับมาได้

    #Newskit
    ปราสาทตาควาย อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอทวงคืน หลังจากที่ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทตาควาย ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามข้อตกลงหยุดยิงที่นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลจากทหารกัมพูชายึดตัวปราสาท แลมีทหารไทยหลายนายต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตบนพื้นที่แห่งนี้ ผ่านไปกว่า 4 เดือน ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง 15 ธ.ค. ทหารไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจากบริเวณพื้นที่ตัวปราสาทตาควาย และเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว นับเป็นข่าวดีแก่คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกคน ที่ผ่านมาการทวงคืนปราสาทตาควายของกองทัพไทยเป็นไปได้ยาก เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณตีนเนิน 350 ซึ่งเป็นจุดสูงข่ม และมีทหารกัมพูชาคอยวางกำลังอยู่บนนั้น รวมทั้งการยิงสนับสนุนจากกัมพูชา ทั้งการใช้จรวด BM-21 และอาวุธอื่นๆ คอยระดมยิงใส่ทหารไทยไม่มีหยุด อีกทั้งทหารกัมพูชายังตั้งบังเกอร์มากมาย และวางทุ่นระเบิด คอยกันไม่ให้ทหารไทยแทรกซึมเข้าไป ทำให้ในช่วงที่มีข้อตกลงหยุดยิง ทหารไทยทำได้แค่วางกำลัง ห่างจากตัวปราสาทเพียง 30 เมตร ขณะที่ทหารกัมพูชากลับใช้ปราสาทตาควายเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารอยู่ด้านใน พร้อมกับติดตั้งทุ่นระเบิดโดยรอบตัวปราสาท อย่างไรก็ตาม ผลของการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ทำให้ตัวปราสาทได้รับความเสียหาย แม้กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาจะประท้วง แต่กองทัพบกไทยยืนยันว่า แม้อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 จะห้ามโจมตีโบราณสถาน แต่ฝ่ายกัมพูชานำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี เข้าข่ายเป็นพื้นที่ "สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว" ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคาม ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกติกาสากล เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ ส่วนความกังวลเกี่ยวกับตัวปราสาทที่ได้รับความเสียหาย นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แสดงจุดยืนว่า แม้ไม่ควรมีโบราณสถานแห่งใดในโลก ได้รับความเสียหายจากสงคราม แต่เมื่อกัมพูชาละเลยกติกา เป็นธรรมดาที่ทางฝ่ายไทยต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร เป็นไปตามความจำเป็น ซึ่งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ แต่กรมศิลปากรยืนยันว่า สามารถบูรณะปราสาทตาควายหรือปราสาทใดๆ ที่เป็นของไทยได้อย่างแน่นอน และก่อนหน้านี้ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินสด๊กก๊อกธม ที่มีความสลับซับซ้อน มีลวดลายอันวิจิตรมากกว่าปราสาทตาควาย ก็สามารถซ่อมกลับมาได้ #Newskit
    1 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 2
    กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย
    อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012
    The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี
    ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ
    มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ
    อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ
    ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย
    ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย
    ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่”
    นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้
    พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 2 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 2 กษัตริย์องค์แรก ที่เป็นต้นราชวงศ์ซาอูด ( และเป็นพ่อของกษัตริย์ คนต่อๆมา) คือ กษัตริย์ Abdul-Aziz bin Saud หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า อิบน์ ซาอูด Ibn Saud ซึ่งนำทัพของเผ่า เข้ามามีอำนาจในเมืองริยาร์ด ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 และในปี ค.ศ.1930 กว่า ก็ยึดคาบสมุทรอารเบีย ตั้งแต่ทะเลแดง ยาวไปจนถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่รวมทั้งเมืองศักดิสิทธิ์ เมกกะ และเมดินาด้วย อิบน์ ซาอูด มีภรรยา 22 คน และมีลูกซึ่งได้รับการยอมรับ 44 คน ตั้งแต่สิ้นพระชนม์ ในปี ค.ศ.1953 ลูกชายของ อิบน์ ซาอูด ก็ขึ้นครองราชย์ ติดต่อกันมา 6 คนแล้ว และลูกชายคนที่ 23 คือ เจ้าชายนาเยฟ Nayef bin Abdul-Aziz หรือ the Black Prince พ่อของ MBN คือ ผู้ที่อยู่ในอันดับ 2 ที่จะได้ครองราชย์ ต่อจากกษัตริย์ อับดุลลา แต่บังเอิญ เจ้าชายนาเยฟ สิ้นพระชนม์เสียก่อนในปี ค.ศ. 2012 The Black Prince เจ้าชายนาเยฟ เกิดในปี ค.ศ.1934 เรียนหนังสือในโรงเรียนสำหรับพวกราชวงศ์ ที่นครริยาร์ด โดยมีครูสอนเป็นนักบวชพวกวาฮาบี ในนิกายอิสลามสุนนี ความผูกพันธ์ระหว่างราชวงศ์ซาอูดกับวาฮาบี ย้อนหลังไปกว่า 300 ปี ราวปี ค.ศ.1744 เมื่อ มูฮะหมัด อัล-ซาอูด กับ นักบวช ชื่อ มูฮะหมัด อัล วาฮับ ร่วมมือกันสร้างราชอาณาจักรซาอุดิ อารเบียขึ้นมา อัล -ซาอูด ดูแลบ้านเมืองและความมั่นคง ส่วน อัล-วาฮับ ก็ดูแลเรื่องจิตวิญญาณความเชื่อของประชาชน ตามแนวความเชื่อศาสนาอย่างเคร่งครัด ของ อัล-วาฮับ ความผูกพันธ์ระหว่าง ราชวงศ์ กับศาสนา ที่เริ่มต้นมาเช่นนี้ ทำให้ศาสนาตามความเชื่อของ อัล-วาฮับ จึงเป็นส่วนสำคัญของสังคมซาอุดิอารเบีย และอยู่ในการทำงานร่วมกัน กับกระทรวงมหาดไทยของซาอุดิ อารเบีย ในปี ค.ศ.1970 เจ้าชายฟาหด พี่ชายแท้ๆของเจ้าชายนาเยฟ ได้เป็นรัฐมนตรีมหาดไทย เขาเลยตั้งเจ้าชายนาเยฟ เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี และเมื่อ เจ้าชายฟาหด ได้เป็นมงกุฏราชกุมาร ในปี ค.ศ.1975 เจ้าชายนาเยฟ ก็ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรี แทนที่พี่ชาย ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย เจ้าชายนาเยฟ ซึ่งได้ชื่อว่า เป็นพวกขวาจัด เคร่งศาสนา เป็นแนวร่วมกับฝ่ายศาสนา ที่คัดค้านการการแสดงออกอย่างเสรี และเข้มงวดกับพวกนอกศาสนา แถมมองว่า พวกนอกศาสนาเป็นพลเมืองชั้น 2 ของประเทศ เมื่อมีคนถามว่า ทำไมเจ้าชายถึงคัดค้านการที่จะเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญนัก the Black Prince ตอบว่า “ฉันยังไม่อยากเป็นพระราชินีเอลิซาเบธนี่” นโยบายของเจ้าชายนาเยฟ ต่อชาวต่างด้าว โดยเฉพาะพวกตะวันตก ที่เข้ามาทำงานในซาอุดิอารเบีย เข้มงวด และออกแนวโหด จึงเป็นที่มาของสมญา the Black Prince ซึ่งชาวตะวันตก ที่อยู่ในนครริยาร์ด เป็นผู้ตั้งให้ พอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมฝรั่งถึงเรียก the Black Prince สงสัยเพจลุงนิทาน ก็คงถูกเรียกว่า the black page เหมือนกัน ฮา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 1
    เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย
    ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย
    ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก
    ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน
    เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ
    จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย
    บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์
    หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว
    อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ
    อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป
    โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง
    อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี
    องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก
    คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 1 เมื่อต้นเตือนตุลาคมนี้ (ค.ศ.2015) สื่ออิสราเอล ประเภทเกาะติดการเมืองและการทหาร ลงข่าวว่า กษัตริย์ซาลมาน ของซาอุดิอารเบีย ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล และมีข่าวว่า อาจเกิดการปฏิวัติภายในซาอุดิอารเบียด้วย เป็นข่าวสั้นๆ หลังจากนั้น ไม่มีข่าวคืบหน้า ส่วนสื่อตะวันตก และอัลจาซีรา ของการ์ต้า เล็กแต่แสบ ไม่แง้มปากออกมาเลย ข่าวเรื่องกษัตริย์ ซาอุป่วย กับข่าวปฏิวัติซาอุนี่ สื่อต่างประเทศ เล่นกันมาเป็นระรอก ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน ปีนี้แล้ว เรื่องแบบนี่ไม่มีบังเอิญหรอก ครับ บทชั่วๆอย่างนี้ ไอ้ใบตองแห้งชอบใช้นัก อยู่ดีๆมีข่าวปล่อยแบบนี้ แปลว่า มันต้องมีแผนชั่วคิดอยู่ จะชั่วขนาดไหน ต้องตามกันหน่อย ขณะนี้ ในตะวันออกกลาง นอกเหนือจากการรบในซีเรีย ที่กำลังดำเนินอยู่อย่างเข้มข้นแล้ว ประเทศที่จะเป็นตัวแปร ที่ไม่นับทางฝั่งของรัสเซีย ที่มีอิหร่าน ซีเรียจับมือร่วมกับบางส่วนของ อิรัค บางส่วนของเยเมน และอีก 2 กองกำลังติดอาวุธ คือ กลุ่มเฮสบอลเลาะห์ กับกลุ่มฮามาส แล้วซาอุดิ อารเบีย เสี่ยปั๊มใหญ่ ที่รักๆงอนๆกับอเมริกา เป็นประเทศที่เราต้องจับตาดูดีๆ การเป็น การป่วย การป่วน การปฏิวัติ รวมถึง การ “ไป” ไม่ว่า จะเป็น “ป” ไหนของซาอุดิ อารเบีย มีความหมายกับตะวันออกกลาง กับอเมริกา และกับความเป็นไปในโลกนี้ อย่างมาก ซาอุดิอารเบียจะเอียง ไปทางไหน จะเป็นอย่างไร คงเป็นเรื่องใหญ่ อเมริกาจะเดินยุทธศาสตร์แบบไหน จะปล่อยมือ หรือจะบีบให้คาที่ เป็นผลลบ หรือ ผลเป็นผลบวก กับฝ่ายรัสเซีย จีน อิหร่าน เราคงต้องตามไปดูเรื่องในซาอุ ดิอารเบีย ย้อนหลังเสียหน่อย ย้อนไปถึงต้นปี ค.ศ.2015 นี่ น่าจะพอ ไม่ต้องย้อนกันเป็นศตวรรษ ลุงนิทานจะเล่าอะไร ต้องขอถอยย้อนหลังไปนิด รู้อดีตหน่อย จะได้เข้าใจปัจจุบัน ส่วนจะทำให้มองเห็นอนาคตไหม นั่นก็แล้วความซับซ้อนของเรื่องราว และความคมชัดของสายตาของแต่ละคนนะครับ จากบทความ ของนาย Bruce Riedel ซีไอเอ เก๋าเขี้ยวลาก ระดับสูง ที่เคยเป็นผู้ช่วยพิเศษด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดีคลินตัน ด้านตะวันออกใกล้และเอเซียใต้ ที่เขียนเรื่องในซาอุดิอารเบีย เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา คงพอทำให้เราเข้าใจความคิดของไอ้ใบตองแห้ง เกี่ยวกับเรื่องซาอุดิอารเบีย เพิ่มขึ้นบ้าง และโปรดสังเกตระยะเวลาของการเขียนบทความ กับ เวลาที่เกิดข่าวลือด้วย บทความเขาเริ่มว่า ซาอุดิอารเบีย ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกา ในตะวันออกกลาง กำลังถึงจุดเปลี่ยนประเทศ โดยเตรียมให้คนอีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาปกครอง ซึ่งนับเป็นการผลัดเปลี่ยน อย่างสำคัญเป็นประวัติการณ์ หลังจาก การสิ้นพระชนม์ของ กษัตริย์อับดุลลา Abdullah เมื่อเดือน มกราคม ค.ศ.2015 กษัตริย์ ซาลมาน Salmam bin Abdul-Aziz Al Saud น้องชายต่างมารดา วัย 79 ปี ก็ขึ้นมาครองราชย์แทน และจะเป็นคนรุ่นเก่าคนสุดท้าย ของรุ่นที่สร้างประเทศซาอุดิ อารเบีย จากประเทศจนๆ ในทะเลทราย ให้กลายเป็นประเทศที่ร่ำรวยจากแหล่งน้ำมันอันมหาศาลของตัวเอง แต่ก็ยังอนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้ว อนาคตของซาอุดิอารเบียจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นเรื่องที่วอชิงตันให้ความสนใจอย่างยิ่ง เพียงไม่กี่เดือนหลังจากขึ้นมา ครองราชย์ กษัตริย์ซาลมาน ก็เหมือนจะพาซาอุ เดินเข้าไป “ติดหล่ม” ในสงครามกับเยเมน ที่ซาอุ ถลาเข้าไปเอง …นี่เป็นคำสรรเสริญจากใบตองแห้งคนใกล้ชิดกันนะครับ แถมด้วยคำพูดว่า นี่เป็นการยืนยัน ว่า ซาอุดิอารเบีย ยังเดินตามคำแนะนำของกลุ่มเคร่งทางศานา ที่ไม่เห็นพ้องกับการปฏิรูปประเทศ ตามที่อเมริกาบอกว่าซาอุดิอารเบียจำเป็นต้องทำ ถ้าซาอุดิ อารเบีย ยังอยากจะเป็นพันธมิตรที่มั่นคง กับอเมริกาต่อไป โห…เพื่อนรัก วิจารณ์กันแบบนี้ ขนาดผมไม่ชอบขี่อูฐ ผมยังเคืองแทนเลยนะ มันกร่าง เป็นการดูถูก และข่มขู่เขาพร้อมกันไปด้วย ไม่รู้ทนกันได้ไง อเมริกาบอกว่า ซาลมาน เริ่มต้นได้ไม่สวยเลย แต่ที่พอกู้หน้าได้ และที่อเมริกาต้อนรับด้วยความยินดี คือการเปลี่ยนแปลงผู้ที่เป็นรัชทายาทของกษัตริย์ คือ การเปลี่ยนตัวจากน้องชายต่างมารดา คือ เจ้าชาย มุคริน Muqrin bin Abdul-Aziz มาเป็น หลานชายชื่อ เจ้าชาย บิน นาเยฟ Muhammad bin Nayef วัย 56 ปี องค์รัชทายาทคนใหม่ บิน นาเยฟ หรือที่พวกตะวันตก เรียกกันว่า MBN นับเป็นเจ้ารุ่นใหม่ (รุ่นหลาน) ที่จะปกครองอาณาจักรซาอุดิอารเบีย เว้นแต่จะ ซาลมานจะเปลี่ยนใจอีก ซึ่งอเมริกาบอกว่า เราขอว่า อย่าเปลี่ยนเลยนะ เพราะ MBN นี่ เป็นขวัญใจของอเมริกา ที่ให้ความร่วมมือกับหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างดีเยี่ยม ในปราบปรามผู้ก่อการร้าย ตั้งแต่สมัยที่ MBN เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีมหาดไทย จนมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเอง ซึ่งต่างกับพ่อของเขา ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยอยู่นานมาก ก่อนส่งต่อตำแหน่งให้ลูก คุณพ่อ นี่ ไม่ธรรมดาเลย แม้จะมีคนบอกว่า คุณพ่อ นี่โปรอเมริกามากกว่า ราชวงศ์คนอื่นๆ แต่ คุณพ่อก็ถูกอเมริกา ขนานนามว่าเป็น ” the Black Prince” จะหมายความว่า เป็นแกะดำของราชวงค์ หรือ เป็นคนโหด หรือ เป็นคนนอกคอก ผมยังไม่รู้คำแปลของ อเมริกาในเรื่องนี้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 ต.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • ‘ประชาธิปัตย์’ พรรคการเมืองแรก ที่เข้าหารือสภาอุตสาหกรรมฯ รับฟังข้อเสนอแนะ เตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 69 เป็นวิถีใหม่ของนักการเมืองไทย จากเดิมจะรอให้เป็น สส. หรือ รัฐมนตรีก่อน แล้วค่อยรับฟังเสียงเอกชน ไปจัดทำนโยบายบริหารประเทศ /เปรียบเศรษฐกิจไทยวันนี้ เหมือน‘รถติดหล่ม’ ต้องใช้แรงมหาศาล ‘ดึงรถพ้นหล่ม’
    ‘ประชาธิปัตย์’ พรรคการเมืองแรก ที่เข้าหารือสภาอุตสาหกรรมฯ รับฟังข้อเสนอแนะ เตรียมเข้าสู่สนามเลือกตั้งครั้งใหม่ในปี 69 เป็นวิถีใหม่ของนักการเมืองไทย จากเดิมจะรอให้เป็น สส. หรือ รัฐมนตรีก่อน แล้วค่อยรับฟังเสียงเอกชน ไปจัดทำนโยบายบริหารประเทศ /เปรียบเศรษฐกิจไทยวันนี้ เหมือน‘รถติดหล่ม’ ต้องใช้แรงมหาศาล ‘ดึงรถพ้นหล่ม’
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 0 Reviews
  • ถ้าคิดปักธงสุพรรณก็ลองดู! : [THE MESSAGE]
    นายวราวุธ ศิลปะอาชา นำทีมอดีต สส.พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมพรรคภูมิใจไทย ยอมรับสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน พรรคการเมืองขนาดเล็กมีพื้นที่ทำงานจำกัด หวังขยายเครือข่ายการดูแลประชาชนมากขึ้น มีกระทรวงที่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในสุพรรณบุรี ร้อยเอ็ด หรือนครปฐม ไม่มีคำว่าชั่วคราว เรามาแล้ว เราทำให้องค์กรที่เราอยู่เข้มแข็งขึ้น อย่าสนว่าแมวสีอะไร ตราบใดที่สามารถจับหนูได้ ไม่ว่าใส่เสื้อพรรคใดก็พร้อมทำงานให้ประชาชน มั่นใจพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในการเลือกตั้งเราไม่เคยประมาท เพราะคู่ต่อสู้ล้วนแล้วมากด้วยความสามารถ แต่หากจะมาปักธงในสุพรรณบุรีก็คงต้องรบกันเต็มที่กันไปข้างหนึ่ง ถ้าคิดจะมาปักธงในสุพรรณก็ลองกันดูกันสักตั้ง
    ถ้าคิดปักธงสุพรรณก็ลองดู! : [THE MESSAGE] นายวราวุธ ศิลปะอาชา นำทีมอดีต สส.พรรคชาติไทยพัฒนา เข้าร่วมพรรคภูมิใจไทย ยอมรับสถานการณ์การเมืองเปลี่ยน พรรคการเมืองขนาดเล็กมีพื้นที่ทำงานจำกัด หวังขยายเครือข่ายการดูแลประชาชนมากขึ้น มีกระทรวงที่สามารถดูแลพี่น้องประชาชนได้มากขึ้น โดยเฉพาะในสุพรรณบุรี ร้อยเอ็ด หรือนครปฐม ไม่มีคำว่าชั่วคราว เรามาแล้ว เราทำให้องค์กรที่เราอยู่เข้มแข็งขึ้น อย่าสนว่าแมวสีอะไร ตราบใดที่สามารถจับหนูได้ ไม่ว่าใส่เสื้อพรรคใดก็พร้อมทำงานให้ประชาชน มั่นใจพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ในการเลือกตั้งเราไม่เคยประมาท เพราะคู่ต่อสู้ล้วนแล้วมากด้วยความสามารถ แต่หากจะมาปักธงในสุพรรณบุรีก็คงต้องรบกันเต็มที่กันไปข้างหนึ่ง ถ้าคิดจะมาปักธงในสุพรรณก็ลองกันดูกันสักตั้ง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 0 Reviews
  • ## รัสเซีย ช่วย เขมร บินโดรน โจมตี ทหารไทย...??? ##
    ..
    ..
    สำหรับใครที่ยังเข้าใจผิดแบบนี้อยู่ อยากให้ลองอ่านดูครับ
    .
    1.เริ่มที่ ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธวิธีการบิน โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone ที่ กองทัพภาคที่ 2 และ นักวิเคราะห์รายอื่นๆ ระบุบว่าเป็น สิ่งที่จะพบได้ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน เนื่องจาก
    .
    1.1 การใช้โดรน FPV พลีชีพ (FPV Kamikaze Drone)
    โดรน FPV ชนิดนี้พบได้ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย และ มีลักษณะทางโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างชัดเจน เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์, แบตเตอรี่ LiPo และรูปแบบการติดตั้งหัวรบ
    .
    1.2 ความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม
    ด้านความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม กองทัพไทยตั้งข้อสังเกตว่า ความแม่นยำ ในการโจมตี และ พฤติกรรมการบิน สะท้อนว่าผู้ควบคุมโดรนมีประสบการณ์สูงและอาจไม่ใช่กำลังพลกัมพูชาที่เพิ่งฝึกใช้โดรนเป็นครั้งแรก

    1.3 การใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์
    ยุทธวิธีรวมถึงการเลือกใช้พื้นที่สูง เช่น เนิน 745 ในการปล่อยโดรน เพื่อให้ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และใช้หุบเขาและป่าทึบในการอำพรางสายไฟเบอร์ออปติกเพื่อควบคุมโดรน ทำให้ฝ่ายไทยตรวจจับได้ยาก ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักวิเคราะห์ชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงในสงครามสมัยใหม่ (ไม่ใช่สิ่งที่ ทหารเขมรจะทำได้ด้วยตนเอง)
    ....
    ....
    และที่สำคัญ มีการตรวจพบหลักฐานว่า มีสัญญาณวิทยุทางทหารโหมด CRL และ มีคำสั่งเป็น ภาษาอังกฤษ ลงท้ายประโยคว่า "Finished" ในการสื่อสาร
    .
    ซึ่งเป็นสำนวนที่พบในการสื่อสารของนักบิน FPV ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เชื่อว่าอาจมีบุคคลภายนอกประเทศ หรือ "นักรบรับจ้าง" ที่ผ่านสมรภูมิจริงมาแล้วร่วมมือกับกัมพูชาในการโจมตีทหารไทย
    ....
    ....
    สงครามยูเครน คือ สงครามตัวแทน ระหว่าง 2 ฝั่งคือ อเมริกา NATO และ รัสเซีย
    .
    แล้วใครกันหล่ะที่ใช้ คำสั่งเสียง ภาษาอังกฤษ เช่นคำว่า "finished" ในการสื่อสาร...???
    .
    รัสเซีย...???
    .
    ไม่ใช่ครับ...!!!
    .
    ดังนั้นประเด็นนี้ ข้อมูลมันชี้ไปที่ ทหารรับจ้างในที่มีประสบการณ์ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จากฝั่ง อเมริกา และ NATO ครับ
    .....
    .....
    2.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร (นักวิชาการด้านความมั่นคง) ได้ชี้ว่าศักยภาพโดรนรบของกัมพูชา "สูงขึ้น" และอาจมี "ทหารรับจ้างอเมริกัน" เข้ามาคุมระบบ เหมือนที่ช่วยเหลือยูเครนรบกับรัสเซีย
    .
    3.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เขมร-ยูเครน-รัสเซีย
    .
    3.1 สัมพันธ์ เขมร กับ ยูเครน
    .
    มีการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดจาก เขมร ส่งไปฝึกยัง ยูเครน เพื่อเก็บกู้กับระเบิด และ ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครน เกี่ยวกับเทคนิคการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด (UXO) โดยเฉพาะการเก็บกู้ระเบิดต่อต้านบุคคล (เช่น PMN2) ซึ่งถูกใช้ในสงครามยูเครน
    .
    เขมร ได้รับการยกย่อง จาก ยูเครน ว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยธรรม
    .
    3.2 สัมพันธ์ เขมร กับ รัสเซีย
    .
    จะเห็นได้ชัดจาก จุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศใน UN
    .
    เขมร แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการกล่าวหาว่า รัสเซีย ได้ทำการรุกราน ยูเครน ซึ่ง ฮุนเซน เคยออกมาประณามด้วยตนเอง
    .
    และ ฮุนเซน ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2565 ได้พยายามผลักดันให้อาเซียนออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวและมีเนื้อหาในเชิงคัดค้าน และ ประณามการรุกราน ของ รัสเซีย อย่างชัดเจน
    .
    การโหวตในสมัชชาใหญ่ UN กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ โหวตเห็นชอบมติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UN General Assembly) ที่ประณามการรุกรานและเรียกร้องให้ รัสเซีย ถอนกำลังทหารออกจากยูเครน ซึ่งแสดงถึงความสอดคล้องทางการเมืองกับฝ่ายตะวันตกและยูเครน
    ....
    ....
    ดังนั้น...
    .
    ความขัดแย้งทางจุดยืน และ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ยูเครน และ การประณาม รัสเซีย อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้โอกาสที่ เขมร จะจ้างกลุ่มทหารรับจ้างที่เป็นพันธมิตรหลักของ รัสเซีย อย่าง "กลุ่มวากเนอร์" จึงเป็นไปได้ยากมาก
    .
    และการที่ รัสเซีย จะปล่อยให้ "กลุ่มวากเนอร์" เข้าไปมีบทบาทในการปะทะระหว่าง เขมร กับ ไทย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศรัสเซีย และ ประเทศไทย (ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน)
    .
    และมองแล้วเป็นการ "ได้ไม่คุ้มเสีย" สำหรับผลประโยชน์ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียในภูมิภาคนี้ (ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เพิ่งจะได้ไปเจรจาเปิดตลาดการค้ากับ รัสเซีย เพิ่มขึ้น)
    .....
    .....
    ดังนั้น จากข้อเท็จจริงทางการเมืองและความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างกัมพูชาและยูเครน ประกอบกับคำสั่งเสียงภาษาอังกฤษที่ตรวจพบ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับการสันนิษฐานที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญหรือนักรบรับจ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone โจมตีทหารฝ่ายไทยนั้น น่าจะมาจากกลุ่มที่เคยปฏิบัติการร่วม หรือ มีความใกล้ชิดกับกองกำลัง ฝ่ายยูเครน เช่น อเมริกา และ NATO มากกว่าฝ่าย รัสเซีย ครับ
    .....
    .....
    https://www.thairath.co.th/news/local/2901381
    ## รัสเซีย ช่วย เขมร บินโดรน โจมตี ทหารไทย...??? ## .. .. สำหรับใครที่ยังเข้าใจผิดแบบนี้อยู่ อยากให้ลองอ่านดูครับ . 1.เริ่มที่ ข้อสังเกตเกี่ยวกับยุทธวิธีการบิน โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone ที่ กองทัพภาคที่ 2 และ นักวิเคราะห์รายอื่นๆ ระบุบว่าเป็น สิ่งที่จะพบได้ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน เนื่องจาก . 1.1 การใช้โดรน FPV พลีชีพ (FPV Kamikaze Drone) โดรน FPV ชนิดนี้พบได้ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย และ มีลักษณะทางโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ใกล้เคียงกันอย่างชัดเจน เช่น เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์, แบตเตอรี่ LiPo และรูปแบบการติดตั้งหัวรบ . 1.2 ความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม ด้านความคล้ายคลึงทางยุทธวิธีและผู้ควบคุม กองทัพไทยตั้งข้อสังเกตว่า ความแม่นยำ ในการโจมตี และ พฤติกรรมการบิน สะท้อนว่าผู้ควบคุมโดรนมีประสบการณ์สูงและอาจไม่ใช่กำลังพลกัมพูชาที่เพิ่งฝึกใช้โดรนเป็นครั้งแรก 1.3 การใช้ภูมิประเทศให้เป็นประโยชน์ ยุทธวิธีรวมถึงการเลือกใช้พื้นที่สูง เช่น เนิน 745 ในการปล่อยโดรน เพื่อให้ได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ และใช้หุบเขาและป่าทึบในการอำพรางสายไฟเบอร์ออปติกเพื่อควบคุมโดรน ทำให้ฝ่ายไทยตรวจจับได้ยาก ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่นักวิเคราะห์ชี้ว่ามีประสิทธิภาพสูงในสงครามสมัยใหม่ (ไม่ใช่สิ่งที่ ทหารเขมรจะทำได้ด้วยตนเอง) .... .... และที่สำคัญ มีการตรวจพบหลักฐานว่า มีสัญญาณวิทยุทางทหารโหมด CRL และ มีคำสั่งเป็น ภาษาอังกฤษ ลงท้ายประโยคว่า "Finished" ในการสื่อสาร . ซึ่งเป็นสำนวนที่พบในการสื่อสารของนักบิน FPV ใน สงครามยูเครน-รัสเซีย ทำให้เชื่อว่าอาจมีบุคคลภายนอกประเทศ หรือ "นักรบรับจ้าง" ที่ผ่านสมรภูมิจริงมาแล้วร่วมมือกับกัมพูชาในการโจมตีทหารไทย .... .... สงครามยูเครน คือ สงครามตัวแทน ระหว่าง 2 ฝั่งคือ อเมริกา NATO และ รัสเซีย . แล้วใครกันหล่ะที่ใช้ คำสั่งเสียง ภาษาอังกฤษ เช่นคำว่า "finished" ในการสื่อสาร...??? . รัสเซีย...??? . ไม่ใช่ครับ...!!! . ดังนั้นประเด็นนี้ ข้อมูลมันชี้ไปที่ ทหารรับจ้างในที่มีประสบการณ์ในสงคราม รัสเซีย-ยูเครน จากฝั่ง อเมริกา และ NATO ครับ ..... ..... 2.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร (นักวิชาการด้านความมั่นคง) ได้ชี้ว่าศักยภาพโดรนรบของกัมพูชา "สูงขึ้น" และอาจมี "ทหารรับจ้างอเมริกัน" เข้ามาคุมระบบ เหมือนที่ช่วยเหลือยูเครนรบกับรัสเซีย . 3.ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ เขมร-ยูเครน-รัสเซีย . 3.1 สัมพันธ์ เขมร กับ ยูเครน . มีการนำเข้าผู้เชี่ยวชาญด้านกับระเบิดจาก เขมร ส่งไปฝึกยัง ยูเครน เพื่อเก็บกู้กับระเบิด และ ฝึกอบรมผู้เชี่ยวชาญชาวยูเครน เกี่ยวกับเทคนิคการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและวัตถุระเบิดที่ยังไม่ระเบิด (UXO) โดยเฉพาะการเก็บกู้ระเบิดต่อต้านบุคคล (เช่น PMN2) ซึ่งถูกใช้ในสงครามยูเครน . เขมร ได้รับการยกย่อง จาก ยูเครน ว่าเป็นความร่วมมือที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อมนุษยธรรม . 3.2 สัมพันธ์ เขมร กับ รัสเซีย . จะเห็นได้ชัดจาก จุดยืนทางการเมืองระหว่างประเทศใน UN . เขมร แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการกล่าวหาว่า รัสเซีย ได้ทำการรุกราน ยูเครน ซึ่ง ฮุนเซน เคยออกมาประณามด้วยตนเอง . และ ฮุนเซน ในฐานะประธานอาเซียนในปี 2565 ได้พยายามผลักดันให้อาเซียนออกแถลงการณ์ที่แข็งกร้าวและมีเนื้อหาในเชิงคัดค้าน และ ประณามการรุกราน ของ รัสเซีย อย่างชัดเจน . การโหวตในสมัชชาใหญ่ UN กัมพูชาเป็นหนึ่งในประเทศที่ โหวตเห็นชอบมติของสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (UN General Assembly) ที่ประณามการรุกรานและเรียกร้องให้ รัสเซีย ถอนกำลังทหารออกจากยูเครน ซึ่งแสดงถึงความสอดคล้องทางการเมืองกับฝ่ายตะวันตกและยูเครน .... .... ดังนั้น... . ความขัดแย้งทางจุดยืน และ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับ ยูเครน และ การประณาม รัสเซีย อย่างต่อเนื่อง ทุกครั้งที่มีโอกาส ทำให้โอกาสที่ เขมร จะจ้างกลุ่มทหารรับจ้างที่เป็นพันธมิตรหลักของ รัสเซีย อย่าง "กลุ่มวากเนอร์" จึงเป็นไปได้ยากมาก . และการที่ รัสเซีย จะปล่อยให้ "กลุ่มวากเนอร์" เข้าไปมีบทบาทในการปะทะระหว่าง เขมร กับ ไทย จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่าง ประเทศรัสเซีย และ ประเทศไทย (ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน) . และมองแล้วเป็นการ "ได้ไม่คุ้มเสีย" สำหรับผลประโยชน์ทางการทูตและเศรษฐกิจของรัสเซียในภูมิภาคนี้ (ที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คุณ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ เพิ่งจะได้ไปเจรจาเปิดตลาดการค้ากับ รัสเซีย เพิ่มขึ้น) ..... ..... ดังนั้น จากข้อเท็จจริงทางการเมืองและความร่วมมือที่ชัดเจนระหว่างกัมพูชาและยูเครน ประกอบกับคำสั่งเสียงภาษาอังกฤษที่ตรวจพบ ยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับการสันนิษฐานที่ว่า ผู้เชี่ยวชาญหรือนักรบรับจ้างที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการใช้โดรนพลีชีพ หรือ FPV Kamikaze Drone โจมตีทหารฝ่ายไทยนั้น น่าจะมาจากกลุ่มที่เคยปฏิบัติการร่วม หรือ มีความใกล้ชิดกับกองกำลัง ฝ่ายยูเครน เช่น อเมริกา และ NATO มากกว่าฝ่าย รัสเซีย ครับ ..... ..... https://www.thairath.co.th/news/local/2901381
    WWW.THAIRATH.CO.TH
    เฉลยแล้วทำไมโดรนกัมพูชารุกหนัก 5 วันติด พบเทคนิคเดียวกับสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย
    เฉลยแล้วทำไมโดรนกัมพูชารุกหนัก 5 วันติด ใช้เนิน 745, 677 พื้นที่สูง และใช้ระบบไฟเบอร์ออปติก ป้องกันเจมเมอร์ไทย ซากโดรนชี้ร่องรอยต่างชาติคุมโจมตีไทย พบเทคนิคเดียวกับสมรภูมิยูเครน–รัสเซีย
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.45

    ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม

    ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค

    โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    บทความกฎหมาย EP.45 ข้อพิพาทชายแดนอันเป็นความขัดแย้งที่หยั่งรากลึกระหว่างรัฐอธิปไตยอย่างน้อยสองรัฐเกี่ยวกับการกำหนดเส้นเขตแดน การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดน หรือการควบคุมพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงนั้น ถือเป็นประเด็นที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างยิ่งในเวทีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาในมิติทางกฎหมาย ข้อพิพาทเหล่านี้มักไม่ได้มีสาเหตุเพียงเพราะความคลุมเครือทางภูมิศาสตร์หรือความแตกต่างทางชาติพันธุ์เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลพวงโดยตรงจากความไม่ชัดเจนหรือการตีความที่แตกต่างกันของเครื่องมือทางกฎหมายระหว่างประเทศ อันได้แก่ สนธิสัญญาเก่าแก่ ข้อตกลงเขตแดน หรือแม้กระทั่งหลักการทางกฎหมายจารีตประเพณี การวิเคราะห์เชิงกฎหมายถือเป็นหัวใจสำคัญในการคลี่คลายความขัดแย้งเหล่านี้ เนื่องจากการกำหนดเขตแดนระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องของกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแท้จริง ซึ่งผูกพันอยู่กับหลักการพื้นฐานเรื่องอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน (Territorial Sovereignty) และหลักการความศักดิ์สิทธิ์ของเขตแดน (Principle of Utis Possidetis Juris) กล่าวคือเมื่อมีการกำหนดเขตแดนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว เขตแดนนั้นย่อมได้รับการยอมรับและไม่สามารถถูกละเมิดได้โดยง่าย หลักกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยสนธิสัญญาถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพิจารณาข้อพิพาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนธิสัญญาและพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการปักปันเขตแดนในอดีต ซึ่งบางครั้งอาจขาดความชัดเจนทางเทคนิค หรือถูกเขียนขึ้นในบริบททางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างจากปัจจุบัน ทำให้เกิดช่องว่างในการตีความตามหลักกฎหมายปัจจุบัน นอกจากนี้ บทบาทของแผนที่ที่มีการอ้างอิงถึงในสนธิสัญญา แต่มีความแตกต่างหรือขัดแย้งกันเอง ก็นับเป็นแหล่งที่มาของปัญหาทางกฎหมายที่ต้องมีการวินิจฉัยอย่างถี่ถ้วนตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์และเจตจำนงร่วมของคู่สัญญาในขณะทำสนธิสัญญา นอกเหนือจากสนธิสัญญาแล้ว การอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนยังเกี่ยวข้องกับการใช้หลักการเข้าถือครองดินแดน (Acquisition of Territory) ซึ่งรวมถึงการเข้าถือครองอย่างสันติและต่อเนื่อง (Effective Occupation) ในบางพื้นที่ที่ยังไม่มีการกำหนดเขตแดนที่ชัดเจน การแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยของรัฐ (Effectivités) อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง เช่น การบริหารราชการ การเก็บภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือการดูแลความสงบเรียบร้อยในพื้นที่พิพาท จึงอาจถูกนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสนับสนุนการอ้างสิทธิ์ทางกฎหมาย การตัดสินใจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) หรือคณะอนุญาโตตุลาการในคดีพิพาทชายแดนในอดีต ได้สร้างบรรทัดฐานทางกฎหมายที่สำคัญหลายประการ ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางภูมิศาสตร์ และความสมเหตุสมผลในการใช้ชีวิตของประชากรในพื้นที่เป็นองค์ประกอบเสริมในการตีความเครื่องมือทางกฎหมาย การแก้ไขข้อพิพาทชายแดนจึงเป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยการประยุกต์ใช้หลักกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัดและเป็นกลาง โดยเริ่มต้นจากการเจรจาทางการทูต การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ย หรือการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อหาข้อยุติที่อยู่บนพื้นฐานของความชอบด้วยกฎหมายและความเป็นธรรม ในทางปฏิบัติ ข้อพิพาทชายแดนเป็นมากกว่าเรื่องของการตีความเส้นบนแผนที่ แต่เป็นประเด็นที่ผูกโยงกับผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ของชาติอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่า เช่น แหล่งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือการเข้าถึงเส้นทางการเดินเรือที่สำคัญ ผลประโยชน์เหล่านี้มักเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ข้อพิพาททวีความรุนแรงขึ้นและซับซ้อนยิ่งกว่าเดิม หลักกฎหมายระหว่างประเทศจึงต้องเข้ามามีบทบาทในการสร้างกรอบการแก้ไขปัญหาที่ไม่ใช่เพียงการกำหนดเส้นเขตแดน แต่ต้องรวมถึงการจัดการทรัพยากรข้ามพรมแดนอย่างยั่งยืนและเป็นธรรมผ่านข้อตกลงความร่วมมือ หรือการจัดตั้งเขตพัฒนาร่วม (Joint Development Zone) ซึ่งเป็นการแยกการจัดการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจออกจากการอ้างสิทธิ์เหนืออำนาจอธิปไตย เพื่อลดความตึงเครียดและส่งเสริมสันติภาพในระยะยาว ข้อพิพาทเขตแดนจึงมีความท้าทายในทางกฎหมายที่ต้องใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการตีความเอกสารทางกฎหมายและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่มีความซับซ้อนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่การตีความตามตัวอักษรของสนธิสัญญาอาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมหรือขัดแย้งกับหลักการเข้าถือครองดินแดนที่มีมายาวนาน ดังนั้น การตัดสินใจทางกฎหมายจึงมักจะต้องพิจารณาหลักความเท่าเทียม (Equity) และความเป็นธรรมในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้กฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายและนำไปสู่ความมั่นคงในภูมิภาค โดยสรุปแล้ว ข้อพิพาทชายแดนเป็นปรากฏการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ถูกควบคุมและกำหนดทิศทางโดยกฎหมายระหว่างประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้งเหล่านี้ไม่ใช่เพียงการปะทะกันทางทหารหรือทางการเมืองเท่านั้น แต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายที่มุ่งเน้นการพิสูจน์ความชอบธรรมของการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนบนพื้นฐานของสนธิสัญญา หลักกฎหมายจารีตประเพณี และการแสดงออกซึ่งอำนาจอธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขอย่างสันติและยั่งยืนจึงต้องยึดมั่นในหลักนิติธรรมระหว่างประเทศ โดยการนำเครื่องมือทางกฎหมายมาใช้ในการตีความเอกสารที่คลุมเครือ การพิจารณาหลักฐานทางประวัติศาสตร์อย่างรอบด้าน และการใช้กลไกการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเจรจาทางการทูต หรือการพึ่งพาอำนาจศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางกฎหมายที่นำไปสู่การเคารพซึ่งกันและกันในอำนาจอธิปไตยเหนือพรมแดน และเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการอยู่ร่วมกันอย่างสันติและมั่นคงในประชาคมโลก
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • ชิป 3D AI รุ่นต้นแบบจากทีม Stanford

    ทีมนักวิจัยจาก Stanford, Carnegie Mellon, University of Pennsylvania และ MIT ได้ร่วมกันพัฒนา ชิป AI แบบ 3D รุ่นแรกที่ผลิตในโรงงานสหรัฐฯ โดยใช้เทคโนโลยีการวางหน่วยความจำและลอจิกซ้อนกันในแนวดิ่งบนเวเฟอร์เดียวกัน ผลงานนี้ถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน SkyWater Technology และนำเสนอในงานประชุม IEEE IEDM 2025

    นวัตกรรมการผลิต
    แทนที่จะใช้การประกอบชิปหลายชั้นแบบแยกชิ้น ทีมวิจัยเลือกใช้กระบวนการ monolithic 3D integration ที่สร้างแต่ละเลเยอร์ต่อเนื่องบนเวเฟอร์เดียว ด้วยกระบวนการอุณหภูมิต่ำ (ไม่เกิน 415°C) เพื่อไม่ทำลายวงจรที่อยู่ด้านล่าง ชิปต้นแบบนี้รวม CMOS logic, Resistive RAM (ReRAM) และ Carbon Nanotube Transistors เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการเชื่อมต่อแนวดิ่งที่หนาแน่นและลดระยะทางการส่งข้อมูล

    ผลลัพธ์ที่ได้
    การทดสอบฮาร์ดแวร์จริงแสดงให้เห็นว่า ชิป 3D รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2D ถึง 4 เท่า และเมื่อจำลองการเพิ่มชั้นหน่วยความจำและลอจิกมากขึ้น พบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 12 เท่า โดยเฉพาะในงาน AI เช่นโมเดล LLaMA ของ Meta ทีมวิจัยยังคาดการณ์ว่า หากพัฒนาไปอีกขั้น อาจทำให้ energy-delay product ดีขึ้นถึง 100–1000 เท่า

    ความหมายต่ออนาคต
    นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแนวคิดชิป 3D ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง แต่สามารถผลิตได้จริงในโรงงานเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ การพัฒนานี้อาจช่วยลดการพึ่งพาการย่อขนาดทรานซิสเตอร์ และเปิดทางสู่ยุคใหม่ของการออกแบบชิปที่เน้นการซ้อนชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการปรับปรุงให้พร้อมสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนาชิป 3D AI
    ผลิตในโรงงาน SkyWater สหรัฐฯ
    ใช้เทคโนโลยี monolithic 3D integration

    นวัตกรรมที่ใช้
    CMOS logic + ReRAM + Carbon Nanotube Transistors
    กระบวนการอุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันความเสียหาย

    ผลลัพธ์การทดสอบ
    ประสิทธิภาพสูงกว่า 2D ถึง 4 เท่า
    จำลองได้ถึง 12 เท่าในงาน AI

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตเชิงอุตสาหกรรม
    ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ energy-delay product ที่เสถียร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/stanford-led-team-builds-3d-ai-chip-at-us-foundry-reports-4x-performance-gains
    🧠 ชิป 3D AI รุ่นต้นแบบจากทีม Stanford ทีมนักวิจัยจาก Stanford, Carnegie Mellon, University of Pennsylvania และ MIT ได้ร่วมกันพัฒนา ชิป AI แบบ 3D รุ่นแรกที่ผลิตในโรงงานสหรัฐฯ โดยใช้เทคโนโลยีการวางหน่วยความจำและลอจิกซ้อนกันในแนวดิ่งบนเวเฟอร์เดียวกัน ผลงานนี้ถูกสร้างขึ้นที่โรงงาน SkyWater Technology และนำเสนอในงานประชุม IEEE IEDM 2025 ⚙️ นวัตกรรมการผลิต แทนที่จะใช้การประกอบชิปหลายชั้นแบบแยกชิ้น ทีมวิจัยเลือกใช้กระบวนการ monolithic 3D integration ที่สร้างแต่ละเลเยอร์ต่อเนื่องบนเวเฟอร์เดียว ด้วยกระบวนการอุณหภูมิต่ำ (ไม่เกิน 415°C) เพื่อไม่ทำลายวงจรที่อยู่ด้านล่าง ชิปต้นแบบนี้รวม CMOS logic, Resistive RAM (ReRAM) และ Carbon Nanotube Transistors เข้าด้วยกัน ทำให้เกิดการเชื่อมต่อแนวดิ่งที่หนาแน่นและลดระยะทางการส่งข้อมูล 🚀 ผลลัพธ์ที่ได้ การทดสอบฮาร์ดแวร์จริงแสดงให้เห็นว่า ชิป 3D รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพสูงกว่าแบบ 2D ถึง 4 เท่า และเมื่อจำลองการเพิ่มชั้นหน่วยความจำและลอจิกมากขึ้น พบว่าสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ถึง 12 เท่า โดยเฉพาะในงาน AI เช่นโมเดล LLaMA ของ Meta ทีมวิจัยยังคาดการณ์ว่า หากพัฒนาไปอีกขั้น อาจทำให้ energy-delay product ดีขึ้นถึง 100–1000 เท่า ⚠️ ความหมายต่ออนาคต นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าแนวคิดชิป 3D ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องทดลอง แต่สามารถผลิตได้จริงในโรงงานเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ การพัฒนานี้อาจช่วยลดการพึ่งพาการย่อขนาดทรานซิสเตอร์ และเปิดทางสู่ยุคใหม่ของการออกแบบชิปที่เน้นการซ้อนชั้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการปรับปรุงให้พร้อมสำหรับการผลิตในระดับอุตสาหกรรม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนาชิป 3D AI ➡️ ผลิตในโรงงาน SkyWater สหรัฐฯ ➡️ ใช้เทคโนโลยี monolithic 3D integration ✅ นวัตกรรมที่ใช้ ➡️ CMOS logic + ReRAM + Carbon Nanotube Transistors ➡️ กระบวนการอุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันความเสียหาย ✅ ผลลัพธ์การทดสอบ ➡️ ประสิทธิภาพสูงกว่า 2D ถึง 4 เท่า ➡️ จำลองได้ถึง 12 เท่าในงาน AI ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ยังไม่พร้อมสำหรับการผลิตเชิงอุตสาหกรรม ⛔ ต้องพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ energy-delay product ที่เสถียร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/stanford-led-team-builds-3d-ai-chip-at-us-foundry-reports-4x-performance-gains
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • เด็กๆ รัสเซียลุกฮือ หลัง Roblox ถูกแบน

    สื่อรัสเซียรายงานว่า การตัดสินใจของรัฐบาลในการแบนแพลตฟอร์มเกม Roblox ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่เยาวชน โดยมีจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ที่น่าตกใจคือครึ่งหนึ่งของเด็กๆ ที่เขียนจดหมายระบุว่า พวกเขาอยากจะออกจากประเทศเพราะไม่สามารถเล่น Roblox ได้อีกต่อไป

    เหตุผลของการแบน
    หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัสเซีย (Roskomnadzor) อ้างว่า Roblox มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางจิตใจและศีลธรรมของเด็ก รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางเพศออนไลน์ จึงตัดสินใจบล็อกแพลตฟอร์มนี้โดยให้เหตุผลว่าเป็น “การปกป้องเด็ก”

    ผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน
    Roblox เป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรัสเซีย โดยมีผู้เล่นหลายล้านคนและถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2023 การแบนครั้งนี้จึงกระทบต่อชีวิตประจำวันของเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก ทำให้เกิดการรวมตัวกันส่งเสียงคัดค้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเกมออนไลน์ในฐานะพื้นที่สังคมของเยาวชนยุคใหม่

    บริบทที่กว้างขึ้น
    การบล็อก Roblox เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่รัสเซียใช้กับแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Facebook, Instagram, Twitter/X และ LinkedIn ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ YouTube ถูกจำกัดการเข้าถึงเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ RuTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของรัฐ การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงการควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดมากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การประท้วงของเด็กๆ รัสเซีย
    ส่งจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ
    ครึ่งหนึ่งระบุอยากออกจากประเทศ

    เหตุผลของการแบน Roblox
    อ้างว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเด็ก
    เสี่ยงต่อการถูกคุกคามออนไลน์

    ผลกระทบต่อสังคม
    Roblox เป็นเกมยอดนิยมในรัสเซีย
    การแบนกระทบชีวิตประจำวันของเยาวชน

    ข้อควรระวังและบริบท
    การควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตเข้มงวดขึ้น
    หลายแพลตฟอร์มตะวันตกถูกบล็อกหรือจำกัดการเข้าถึง

    https://www.tomshardware.com/software/social-media/russian-media-finally-admits-putin-is-under-fire-from-angry-citizens-but-its-for-the-recent-roblox-ban-kremlin-says-kids-have-written-63-000-complaint-letters-half-said-they-wanted-to-leave-russia-due-to-the-ban
    🎮 เด็กๆ รัสเซียลุกฮือ หลัง Roblox ถูกแบน สื่อรัสเซียรายงานว่า การตัดสินใจของรัฐบาลในการแบนแพลตฟอร์มเกม Roblox ได้สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงในหมู่เยาวชน โดยมีจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่รัฐภายในเวลาเพียงสัปดาห์เดียว ที่น่าตกใจคือครึ่งหนึ่งของเด็กๆ ที่เขียนจดหมายระบุว่า พวกเขาอยากจะออกจากประเทศเพราะไม่สามารถเล่น Roblox ได้อีกต่อไป 🛡️ เหตุผลของการแบน หน่วยงานกำกับดูแลสื่อของรัสเซีย (Roskomnadzor) อ้างว่า Roblox มีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการทางจิตใจและศีลธรรมของเด็ก รวมถึงมีความเสี่ยงต่อการถูกล่อลวงหรือคุกคามทางเพศออนไลน์ จึงตัดสินใจบล็อกแพลตฟอร์มนี้โดยให้เหตุผลว่าเป็น “การปกป้องเด็ก” 🌍 ผลกระทบต่อสังคมและเยาวชน Roblox เป็นเกมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในรัสเซีย โดยมีผู้เล่นหลายล้านคนและถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2023 การแบนครั้งนี้จึงกระทบต่อชีวิตประจำวันของเด็กและวัยรุ่นจำนวนมาก ทำให้เกิดการรวมตัวกันส่งเสียงคัดค้านอย่างไม่เคยมีมาก่อน และสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของเกมออนไลน์ในฐานะพื้นที่สังคมของเยาวชนยุคใหม่ ⚠️ บริบทที่กว้างขึ้น การบล็อก Roblox เป็นส่วนหนึ่งของแนวทางที่รัสเซียใช้กับแพลตฟอร์มตะวันตกหลายแห่ง เช่น Facebook, Instagram, Twitter/X และ LinkedIn ที่ถูกแบนไปก่อนหน้านี้ ขณะที่ YouTube ถูกจำกัดการเข้าถึงเพื่อผลักดันให้ผู้ใช้หันไปใช้ RuTube ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของรัฐ การกระทำเหล่านี้สะท้อนถึงการควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดมากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การประท้วงของเด็กๆ รัสเซีย ➡️ ส่งจดหมายร้องเรียนกว่า 63,000 ฉบับ ➡️ ครึ่งหนึ่งระบุอยากออกจากประเทศ ✅ เหตุผลของการแบน Roblox ➡️ อ้างว่ามีเนื้อหาไม่เหมาะสมต่อเด็ก ➡️ เสี่ยงต่อการถูกคุกคามออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อสังคม ➡️ Roblox เป็นเกมยอดนิยมในรัสเซีย ➡️ การแบนกระทบชีวิตประจำวันของเยาวชน ‼️ ข้อควรระวังและบริบท ⛔ การควบคุมสื่อและอินเทอร์เน็ตเข้มงวดขึ้น ⛔ หลายแพลตฟอร์มตะวันตกถูกบล็อกหรือจำกัดการเข้าถึง https://www.tomshardware.com/software/social-media/russian-media-finally-admits-putin-is-under-fire-from-angry-citizens-but-its-for-the-recent-roblox-ban-kremlin-says-kids-have-written-63-000-complaint-letters-half-said-they-wanted-to-leave-russia-due-to-the-ban
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • ข่าว: อังกฤษเตรียมเริ่มกำกับดูแลคริปโตในปี 2027

    กระทรวงการคลังอังกฤษเผยว่าจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาในปี 2025 และเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2027 โดยจะขยายกฎเกณฑ์ทางการเงินที่มีอยู่ไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น การซื้อขาย, การดูแลทรัพย์สินดิจิทัล และการออกเหรียญใหม่ กฎหมายนี้จะทำให้อังกฤษมีแนวทางใกล้เคียงกับสหรัฐฯ มากกว่าสหภาพยุโรป

    ความแตกต่างกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
    ในขณะที่สหรัฐฯ ถูกมองว่ามีท่าที “เป็นมิตรกับคริปโต” มากกว่า อังกฤษเลือกแนวทางที่เข้มงวดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ส่วนสหภาพยุโรปได้ใช้กฎหมาย Markets in Cryptoassets (MiCA) ตั้งแต่ปี 2024 ซึ่งเป็นกฎเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตโดยตรง

    การเตรียมการของหน่วยงานกำกับดูแล
    ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และ Financial Conduct Authority (FCA) กำลังจัดทำกฎเฉพาะสำหรับ stablecoins, การซื้อขาย, การป้องกันการใช้ตลาดในทางที่ผิด และการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตั้งเป้าจะสรุปกฎทั้งหมดภายในสิ้นปี 2026 เพื่อให้บริษัทคริปโตมีเวลาเตรียมตัวก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต
    ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากฎหมายใหม่นี้จะช่วยสร้าง “กฎเกณฑ์ที่ชัดเจน” และทำให้บริษัทคริปโตสามารถวางแผนธุรกิจได้มั่นใจขึ้น แม้จะมีความกังวลว่ากฎเข้มงวดอาจทำให้บางบริษัทเลือกย้ายฐานไปประเทศที่เป็นมิตรกับคริปโตมากกว่า แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้คริปโตเข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการ

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การประกาศของรัฐบาลอังกฤษ
    เริ่มบังคับใช้กฎหมายคริปโตเดือนตุลาคม 2027
    ขยายกฎการเงินเดิมไปยังบริษัทคริปโต

    ความแตกต่างระดับโลก
    สหรัฐฯ มีท่าทีเป็นมิตรกับคริปโตมากกว่า
    สหภาพยุโรปใช้กฎหมาย MiCA ตั้งแต่ปี 2024

    การเตรียมการของหน่วยงานกำกับดูแล
    BoE และ FCA จะสรุปกฎภายในสิ้นปี 2026
    ครอบคลุม stablecoins, การซื้อขาย และการดูแลสินทรัพย์

    คำเตือนและผลกระทบ
    กฎเข้มงวดอาจทำให้บางบริษัทเลือกย้ายฐานไปประเทศอื่น
    นักลงทุนคริปโตควรเตรียมรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์
    ผู้ใช้ควรตระหนักว่าการลงทุนคริปโตยังมีความเสี่ยงสูง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/uk-regulation-of-cryptoassets-to-start-in-october-2027-finance-ministry-says
    🇬🇧 ข่าว: อังกฤษเตรียมเริ่มกำกับดูแลคริปโตในปี 2027 กระทรวงการคลังอังกฤษเผยว่าจะเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาในปี 2025 และเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม 2027 โดยจะขยายกฎเกณฑ์ทางการเงินที่มีอยู่ไปยังบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น การซื้อขาย, การดูแลทรัพย์สินดิจิทัล และการออกเหรียญใหม่ กฎหมายนี้จะทำให้อังกฤษมีแนวทางใกล้เคียงกับสหรัฐฯ มากกว่าสหภาพยุโรป 📊 ความแตกต่างกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ในขณะที่สหรัฐฯ ถูกมองว่ามีท่าที “เป็นมิตรกับคริปโต” มากกว่า อังกฤษเลือกแนวทางที่เข้มงวดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้บริโภค ส่วนสหภาพยุโรปได้ใช้กฎหมาย Markets in Cryptoassets (MiCA) ตั้งแต่ปี 2024 ซึ่งเป็นกฎเฉพาะสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตโดยตรง 🏦 การเตรียมการของหน่วยงานกำกับดูแล ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และ Financial Conduct Authority (FCA) กำลังจัดทำกฎเฉพาะสำหรับ stablecoins, การซื้อขาย, การป้องกันการใช้ตลาดในทางที่ผิด และการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล โดยตั้งเป้าจะสรุปกฎทั้งหมดภายในสิ้นปี 2026 เพื่อให้บริษัทคริปโตมีเวลาเตรียมตัวก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโต ผู้เชี่ยวชาญมองว่ากฎหมายใหม่นี้จะช่วยสร้าง “กฎเกณฑ์ที่ชัดเจน” และทำให้บริษัทคริปโตสามารถวางแผนธุรกิจได้มั่นใจขึ้น แม้จะมีความกังวลว่ากฎเข้มงวดอาจทำให้บางบริษัทเลือกย้ายฐานไปประเทศที่เป็นมิตรกับคริปโตมากกว่า แต่โดยรวมถือเป็นก้าวสำคัญในการทำให้คริปโตเข้าสู่ระบบการเงินอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การประกาศของรัฐบาลอังกฤษ ➡️ เริ่มบังคับใช้กฎหมายคริปโตเดือนตุลาคม 2027 ➡️ ขยายกฎการเงินเดิมไปยังบริษัทคริปโต ✅ ความแตกต่างระดับโลก ➡️ สหรัฐฯ มีท่าทีเป็นมิตรกับคริปโตมากกว่า ➡️ สหภาพยุโรปใช้กฎหมาย MiCA ตั้งแต่ปี 2024 ✅ การเตรียมการของหน่วยงานกำกับดูแล ➡️ BoE และ FCA จะสรุปกฎภายในสิ้นปี 2026 ➡️ ครอบคลุม stablecoins, การซื้อขาย และการดูแลสินทรัพย์ ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ กฎเข้มงวดอาจทำให้บางบริษัทเลือกย้ายฐานไปประเทศอื่น ⛔ นักลงทุนคริปโตควรเตรียมรับความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ ⛔ ผู้ใช้ควรตระหนักว่าการลงทุนคริปโตยังมีความเสี่ยงสูง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/uk-regulation-of-cryptoassets-to-start-in-october-2027-finance-ministry-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UK regulation of cryptoassets to start in October 2027, finance ministry says
    LONDON, Dec 15 (Reuters) - Britain will start regulating cryptoassets from October 2027, the finance ministry said on Monday, rules it hopes will give the industry certainty while keeping out "dodgy actors".
    0 Comments 0 Shares 101 Views 0 Reviews
More Results