• ย่อพฤติการณ์ "นุ-สา" แหกตาบิตคอยน์

    คดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้เอาผิดกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท หลังโอนคดีไปยังตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อตำรวจและสื่อมวลชนขุดคุ้ยขึ้นมา คดีก็งอกออกมาทั้งการจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ รุ่น จี 400 และการเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม นำไปสู่การจับกุมนายษิทรา พร้อมกับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 โดยระบุพฤติการณ์มีลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ

    มาถึงคดีล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2567 จับกุม นายนุวัฒน์ ยงยุทธ อายุ 34 ปี คนสนิทนายษิทรา และ น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาว ก่อนที่วันต่อมาตำรวจได้นำตัวทั้งคู่ฝากขังต่อศาลอาญา

    ความน่าสนใจอยู่ที่คำร้องขอฝากขังของตำรวจ ระบุพฤติการณ์แห่งคดี โดยได้ย้อนตั้งแต่กรณีเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลอกลวงให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ กรณีการจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ ที่นายษิทราได้ค่าส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท กรณีว่าจ้างบริษัทหนึ่งเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม 9 ล้านบาท แต่นายษิทราว่าจ้างอีกบริษัทหนึ่ง ได้ค่าส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท มาถึงคดีล่าสุด นายษิทรา นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ

    โดยระบุว่า นายนุวัฒน์มีกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถโอนสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ได้ น.ส.จตุพร จึงให้โอนเงินไปยังอินสตาแกรม เฉินคุณ (ดาราจีน) จากนั้นได้หลอกลวง น.ส.จตุพรว่า นายนุวัฒน์ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของของ น.ส.สารินี โอนเงิน ทำให้กระเป๋าเงินถูกระงับการใช้งาน เสียหาย 39 ล้านบาทโดยได้ร่วมกันส่งภาพถ่ายสำเนาบันทึกประจำวันไปให้ น.ส.จตุพรดูทางไลน์ ทำให้ น.ส.จตุพรหลงเชื่อ ทั้งที่ความจริงกระเป๋าเงินดิจิทัลของนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ไม่ได้ถูกระจับแต่อย่างใด

    จากนั้น น.ส.จตุพร ส่งมอบเงินด้วยการซื้อแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่าย น.ส.สารินี จำนวน 39 ล้านบาท ก่อนที่นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินีร่วมกันนำแคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.สารินี จากนั้นนายษิทรา นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ร่วมกันเบิกถอนเงินสดออกจากบัญชีของ น.ส.สารินี การกระทำของนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี เป็นความผิดฐานฉ้อโกง นำเข้าสู่คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน

    ในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปี และมูลค่าความเสียหายสูงมาก เกรงว่าจะหลบหนี และพบว่าก่อนถูกจับกุม ทั้งสองคนมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และเบอร์มือถือ เพื่อให้ยากต่อการติดตามตัว

    #Newskit
    ย่อพฤติการณ์ "นุ-สา" แหกตาบิตคอยน์ คดีที่ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย แจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ให้เอาผิดกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ในข้อหาฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท หลังโอนคดีไปยังตำรวจสอบสวนกลาง เมื่อตำรวจและสื่อมวลชนขุดคุ้ยขึ้นมา คดีก็งอกออกมาทั้งการจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ รุ่น จี 400 และการเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม นำไปสู่การจับกุมนายษิทรา พร้อมกับนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 โดยระบุพฤติการณ์มีลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ มาถึงคดีล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2567 จับกุม นายนุวัฒน์ ยงยุทธ อายุ 34 ปี คนสนิทนายษิทรา และ น.ส.สารินี นุชนารถ อายุ 32 ปี แฟนสาว ก่อนที่วันต่อมาตำรวจได้นำตัวทั้งคู่ฝากขังต่อศาลอาญา ความน่าสนใจอยู่ที่คำร้องขอฝากขังของตำรวจ ระบุพฤติการณ์แห่งคดี โดยได้ย้อนตั้งแต่กรณีเงิน 71 ล้านบาท ซึ่งเป็นการหลอกลวงให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ กรณีการจัดหาซื้อรถยนต์เบนซ์ ที่นายษิทราได้ค่าส่วนต่าง 1.53 ล้านบาท กรณีว่าจ้างบริษัทหนึ่งเขียนแบบก่อสร้างโรงแรม 9 ล้านบาท แต่นายษิทราว่าจ้างอีกบริษัทหนึ่ง ได้ค่าส่วนต่าง 5.5 ล้านบาท มาถึงคดีล่าสุด นายษิทรา นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ โดยระบุว่า นายนุวัฒน์มีกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถโอนสกุลเงินดิจิทัลบิทคอยน์ได้ น.ส.จตุพร จึงให้โอนเงินไปยังอินสตาแกรม เฉินคุณ (ดาราจีน) จากนั้นได้หลอกลวง น.ส.จตุพรว่า นายนุวัฒน์ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของของ น.ส.สารินี โอนเงิน ทำให้กระเป๋าเงินถูกระงับการใช้งาน เสียหาย 39 ล้านบาทโดยได้ร่วมกันส่งภาพถ่ายสำเนาบันทึกประจำวันไปให้ น.ส.จตุพรดูทางไลน์ ทำให้ น.ส.จตุพรหลงเชื่อ ทั้งที่ความจริงกระเป๋าเงินดิจิทัลของนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ไม่ได้ถูกระจับแต่อย่างใด จากนั้น น.ส.จตุพร ส่งมอบเงินด้วยการซื้อแคชเชียร์เช็ค สั่งจ่าย น.ส.สารินี จำนวน 39 ล้านบาท ก่อนที่นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินีร่วมกันนำแคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีธนาคารของ น.ส.สารินี จากนั้นนายษิทรา นายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ร่วมกันเบิกถอนเงินสดออกจากบัญชีของ น.ส.สารินี การกระทำของนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี เป็นความผิดฐานฉ้อโกง นำเข้าสู่คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ในท้ายคำร้อง พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปี และมูลค่าความเสียหายสูงมาก เกรงว่าจะหลบหนี และพบว่าก่อนถูกจับกุม ทั้งสองคนมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และเบอร์มือถือ เพื่อให้ยากต่อการติดตามตัว #Newskit
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 578 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองปราบประสาน ปปง.เร่งอายัดทรัพย์ "ทนายตั้ม" เดินหน้าลุยคดีโกง 39 ล้าน หลังพบคนสนิทถอนเงินห้างดังลาดพร้าว ผกก.บางซื่อ รับทนายคนดังโทรขอให้ช่วยรับลงบันทึกประจำวันถูกดูดเงินจากบัญชีบิทคอยน์ พบ"สารินี" ถอนเงินสดจากธนาคารย่านห้าแยกลาดพร้าว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108003

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กองปราบประสาน ปปง.เร่งอายัดทรัพย์ "ทนายตั้ม" เดินหน้าลุยคดีโกง 39 ล้าน หลังพบคนสนิทถอนเงินห้างดังลาดพร้าว ผกก.บางซื่อ รับทนายคนดังโทรขอให้ช่วยรับลงบันทึกประจำวันถูกดูดเงินจากบัญชีบิทคอยน์ พบ"สารินี" ถอนเงินสดจากธนาคารย่านห้าแยกลาดพร้าว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108003 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    28
    2 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1937 มุมมอง 1 รีวิว

  • ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละ100ล้านบาท

    9 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวสำนักข่าวอิศราระบุว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยนายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ,เจ้าหน้าที่ DSI และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 13 จุด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท

    กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ว่า พบการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์อย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบทำการสืบสวน

    ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด รวมตัวเช่าบ้านและอาคารพาณิชย์กว่า 13 แห่ง กระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 300 เครื่อง และควบคุมตัวนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของและผู้แล (แอดมิน) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

    นายธนะ กล่าวว่า การขุดเหมืองบิทคอยน์ดังกล่าว จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการระบุตัวเลขจากมิเตอร์ไฟฟ้าให้มีจำนวนตัวเลขน้อยกว่าความเป็นจริง และจากการตรวจสอบประวัติการชำระค่าไฟฟ้าบ้านเป้าหมายแรก มีเครื่องขุดเงินดิจิทัล 12 เครื่อง กำลังเครื่องละ 3.6 กิโลวัตต์

    แต่กลับพบว่าเครือข่ายดังกล่าว จ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 100-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้งๆที่ค่าไฟจริงเมื่อคำนวณตามกำลังของอุปกรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้ต่อรัฐ จึงได้ประสานขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว

    พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การกระทำผิดในเรื่องนี้ นอกจากเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคไฟฟ้ารายอื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้แผ่นดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นำส่งรายได้แผ่นดินเพื่อจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และมาตรา 335 (1) และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งหากพบความผิดที่เข้าข่ายความผิด ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เพิ่มเติม ก็จะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป

    ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ต่างๆ ช่วยกันสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสถานที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และสำหรับกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

    https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132463-DSI-Bitcoin-Mining-news.html

    #Thaitime
    ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละ100ล้านบาท 9 ตุลาคม 2567- รายงานข่าวสำนักข่าวอิศราระบุว่า พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) พร้อมด้วยนายธนะ โชคพระสมบัติ ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ,เจ้าหน้าที่ DSI และเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่ตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยในพื้นที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่มีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล จำนวน 13 จุด ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 100 ล้านบาท กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับคำร้องเรียนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 3 (ภาคกลาง) ว่า พบการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์อย่างผิดกฎหมาย โดยขอให้ดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้มอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นหน่วยงานรับผิดชอบทำการสืบสวน ทั้งนี้ จากการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายผู้ลักลอบกระทำความผิด รวมตัวเช่าบ้านและอาคารพาณิชย์กว่า 13 แห่ง กระจายตัวในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี มีการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า ส่งผลให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับความเสียหายเป็นอย่างมากและกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ จึงได้ขอหมายค้นเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบเครื่องขุดสกุลเงินดิจิทัล จำนวน 300 เครื่อง และควบคุมตัวนายกฤษดา (สงวนนามสกุล) ซึ่งรับว่าเป็นเจ้าของและผู้แล (แอดมิน) ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าม่วง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป นายธนะ กล่าวว่า การขุดเหมืองบิทคอยน์ดังกล่าว จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงานอุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพื่อควบคุมการระบุตัวเลขจากมิเตอร์ไฟฟ้าให้มีจำนวนตัวเลขน้อยกว่าความเป็นจริง และจากการตรวจสอบประวัติการชำระค่าไฟฟ้าบ้านเป้าหมายแรก มีเครื่องขุดเงินดิจิทัล 12 เครื่อง กำลังเครื่องละ 3.6 กิโลวัตต์ แต่กลับพบว่าเครือข่ายดังกล่าว จ่ายค่าไฟฟ้าเพียง 100-400 บาทต่อเดือนเท่านั้น ทั้งๆที่ค่าไฟจริงเมื่อคำนวณตามกำลังของอุปกรณ์จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาทต่อเดือน ทำให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้ต่อรัฐ จึงได้ประสานขอความร่วมมือกรมสอบสวนคดีพิเศษในการปราบปรามเรื่องดังกล่าว พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่า การกระทำผิดในเรื่องนี้ นอกจากเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคไฟฟ้ารายอื่นแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อการนำส่งรายได้แผ่นดินของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่นำส่งรายได้แผ่นดินเพื่อจะนำไปใช้ในการพัฒนาประเทศ และเข้าข่ายความผิดฐานลักทรัพย์และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334 และมาตรา 335 (1) และอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด ซึ่งหากพบความผิดที่เข้าข่ายความผิด ที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 เพิ่มเติม ก็จะรับเป็นคดีพิเศษต่อไป ทั้งนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ขอแจ้งประชาสัมพันธ์ให้เจ้าของและผู้พักอาศัยในอาคารพาณิชย์ต่างๆ ช่วยกันสังเกตพื้นที่โดยรอบ หากพบสถานที่น่าสงสัยให้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที และสำหรับกรณีที่อาจมีเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าเกี่ยวข้อง กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะเร่งดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเพื่อรักษาความปลอดภัยทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/132463-DSI-Bitcoin-Mining-news.html #Thaitime
    WWW.ISRANEWS.ORG
    ‘ดีเอสไอ’บุกทลายเหมืองขุด‘บิทคอยน์’ ลักลอบใช้ไฟหลวง-เสียหายปีละกว่า 100 ล้าน
    ‘ดีเอสไอ’ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี บุกทลายเหมืองขุด ‘บิทคอยน์’ พบเครื่องขุดกว่า 300 เครื่อง ลักลอบใช้ไฟฟ้าหลวง เสียหายปีละกว่า 100 ล้านบาท
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน
    ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ
    ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป
    เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์
    จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน
    ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม
    แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
    เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง
    ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน

    🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด
    ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด
    นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF,
    คนซื้อคนขาย เป็นต้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥ในความคิดเห็นส่วนตัวของแอดมิน ในอดีต การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ ที่เคยเป็นอิสระ ไม่มีสิ่งไหนควบคุมได้ แนวคิดนี้อาจต้องเปลี่ยนไป เมื่อปัจจุบัน พบว่า การเคลื่อนไหวของราคาบิทคอยน์ จะมีแนวโน้ม และทิศทางแปรผันตรง ไปกับค่าเงิน ดอลลาร์สหรัฐ คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้ม แข็งค่าขึ้น ราคาบิทคอยน์ก็จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เช่นเดียวกัน เมื่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนค่าลง ราคาบิทคอยน์ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงด้วยเช่นเดียวกัน 🚩สาเหตุหลักๆน่าจะมาจาก ระบบนิเวศน์ที่ใหญ่ที่สุด ของบิทคอยน์อยู่ที่สหรัฐอเมริกา ทั้งบริษัทเหมืองขุด นายหน้าซื้อขายแลกเปลี่ยน Exchange, Spot Bitcoin ETF, คนซื้อคนขาย เป็นต้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #ดอลลาร์สหรัฐ #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1115 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์
    มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ
    หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท

    🚩ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่
    7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น
    ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน
    ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง
    บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน
    โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม
    ทางการเงิน

    🚩การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ
    บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก
    สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์

    🚩แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย
    กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้
    เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ
    ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว
    ที่มา : cointelegraph

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์
    #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    🔥🔥รัฐบาล เอลซัลวาดอร์เฉลิมฉลองการนำบิทคอยน์ มาใช้ครบรอบ 3 ปี พร้อมกำไร 31 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1,045 ล้านบาท 🚩ย้อนหลังกลับไป เมื่อ 3 ปีก่อน ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2564 เอลซัลวาดอร์ได้กลายเป็น ประเทศแรกของโลกที่นำ บิทคอยน์ มาใช้เป็นเงิน ที่ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมการเข้าถึง บริการทางการเงิน อำนวยความสะดวกในการชำระเงิน โอนเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และดึงดูดนวัตกรรม ทางการเงิน 🚩การตัดสินใจของประธานาธิบดี Nayib Bukele ที่จะนำ บิทคอยน์มาใช้ ทำให้ประเทศนี้กลายเป็นผู้บุกเบิก สินทรัพย์ดิจิทัลในประวัติศาสตร์ 🚩แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศเศรษฐกิจใหญ่ๆ ทั้งหลาย กับมีแนวโน้มที่จะหันเหออก จากการนำบิทคอยน์มาใช้ เนื่องจากการพึ่งพาความสัมพันธ์กับเจ้าหนี้ระหว่างประเทศ ที่ไม่สนับสนุนการกระทำดังกล่าว ที่มา : cointelegraph #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes #บิทคอยน์ #Bitcoin #เอลซัลวาดอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 739 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥แนวโน้ม และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ
    ได้กดดันให้ราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอเรนซี รวมทั้ง
    ราคาหุ้นตกต่ำในวันนี้

    🚩การที่ราคาลดลงในวันนี้ สะท้อนการลดลงในตลาดเสี่ยงทั่วโลก
    เนื่องมาจากความกลัวเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้ม
    ถดถอย

    🚩ณ วันที่ 4 กันยายน บิทคอยน์ ร่วงลง 3.30% เหลือประมาณ
    55,600 ดอลลาร์สหรัฐ/BTC ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน
    ในทำนองเดียวกัน สัญญาฟิวเจอร์ส S&P 500 ก็ร่วงลง 0.4%
    หลังจากทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ตลาดตกต่ำ
    เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา

    🚩ผู้ค้าคริปโต กำลังเตรียมตัวรับมือกับความผันผวน
    ของตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากพวกเขารอข้อมูลเศรษฐกิจ
    ที่สำคัญเพื่อดูว่าสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ
    ถดถอยหรือไม่ และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับ
    นโยบายอย่างไร

    🚩รายงานการจ้างงานในวันที่ 4 กันยายน น่าจะแสดงให้เห็นถึง
    การชะลอตัวของตลาดแรงงาน หลังจากข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า
    กิจกรรมการผลิตลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยความกังวล
    เปลี่ยนจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ
    ข้อมูลมหภาคที่อ่อนแอนี้ กดดันหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง เช่น
    สกุลเงินดิจิทัล

    🚩ตัวอย่างเช่น การคาดการณ์ว่าตลาดงานจะเย็นลงนั้น
    เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสเงินไหลออกจากกองทุนซื้อขาย
    แลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) มูลค่า 287.80 ล้านดอลลาร์ต่อวัน
    หรือประมาณ 9,800 ล้านบาทต่อวัน
    ซึ่งถือเป็นกระแสเงินไหลออกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่
    เดือนมิถุนายน
    ที่มา : cointelegraph
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #เศรษฐกิจสหรัฐ
    #thaitimes
    🔥🔥แนวโน้ม และความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ ได้กดดันให้ราคาบิทคอยน์ และคริปโตเคอเรนซี รวมทั้ง ราคาหุ้นตกต่ำในวันนี้ 🚩การที่ราคาลดลงในวันนี้ สะท้อนการลดลงในตลาดเสี่ยงทั่วโลก เนื่องมาจากความกลัวเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่มีแนวโน้ม ถดถอย 🚩ณ วันที่ 4 กันยายน บิทคอยน์ ร่วงลง 3.30% เหลือประมาณ 55,600 ดอลลาร์สหรัฐ/BTC ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือน ในทำนองเดียวกัน สัญญาฟิวเจอร์ส S&P 500 ก็ร่วงลง 0.4% หลังจากทำผลงานได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ตลาดตกต่ำ เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา 🚩ผู้ค้าคริปโต กำลังเตรียมตัวรับมือกับความผันผวน ของตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากพวกเขารอข้อมูลเศรษฐกิจ ที่สำคัญเพื่อดูว่าสหรัฐฯ กำลังใกล้เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจ ถดถอยหรือไม่ และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจปรับ นโยบายอย่างไร 🚩รายงานการจ้างงานในวันที่ 4 กันยายน น่าจะแสดงให้เห็นถึง การชะลอตัวของตลาดแรงงาน หลังจากข้อมูลล่าสุดเผยให้เห็นว่า กิจกรรมการผลิตลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 โดยความกังวล เปลี่ยนจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ข้อมูลมหภาคที่อ่อนแอนี้ กดดันหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง เช่น สกุลเงินดิจิทัล 🚩ตัวอย่างเช่น การคาดการณ์ว่าตลาดงานจะเย็นลงนั้น เกิดขึ้นพร้อมกับกระแสเงินไหลออกจากกองทุนซื้อขาย แลกเปลี่ยน Bitcoin (ETF) มูลค่า 287.80 ล้านดอลลาร์ต่อวัน หรือประมาณ 9,800 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งถือเป็นกระแสเงินไหลออกที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ เดือนมิถุนายน ที่มา : cointelegraph #หุ้นติดดอย #การลงทุน #บิทคอยน์ #เศรษฐกิจสหรัฐ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 997 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเทรดเงินเยนแบบ Carry Trade กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตลาดทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่าการซื้อขายสกุลเงินเยนแบบ Carry Trade

    รายงานของ Finnimena Editor อธิบาย Yen Carry Trade คืออะไร? หนึ่งในความวุ่นวายวัน Black Monday ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่น ตกใจไปทั้งโลก ว่า

    Carry Trade คืออะไร?

    Carry Trade เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มองหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ ด้วยการไปกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง

    ทำให้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินเยนญี่ปุ่นกลายเป็นเป้าหมายหลักของบรรดา Hedge Funds โดยการทำ Yen Carry Trade ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบ

    โดยมีนักลงทุนเข้าไปกู้ยืมสกุลเงินเยนจำนวนมาก แล้วนำไปลงทุนในประเทศที่ให้่ดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น สหรัฐฯ เม็กซิโก ซึ่งดอกเบี้ยสูงประมาณ 5% รวมถึงเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทองคำ และบิทคอยน์ เป็นต้น

    แต่จุดเปลี่ยนมาถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2024 เมื่อ BoJ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% แถมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นต่ออีก เพื่อควบคุมการอ่อนค่าของเงินเยน

    Yen Carry Trade

    พอแนวโน้มดอกเบี้ยญี่ปุ่นเป็นขาขึ้นชัดเจน ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ก็กำลังจะลดดอกเบี้ย จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Unwind Yen Carry Trade

    นั่นคือการรีบแลกเงินเยนเพื่อนำไปคืนที่กู้มา โดยการขาย (Short) เงินสกุลดอกสูง หุ้น ทอง นำเงินกลับไป Long Yen (เยนแข็ง)

    ผลคือค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เพราะมีกลุ่มคนที่ทำ Yen Carry Trade เทขายเพื่อนำเงินไปแลกเยนนั่นเอง

    หุ้นร่วงหนักทั่วโลก

    ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงแรงกว่าใครเพื่อน เนื่องจากธรรมชาติของหุ้นญีปุ่นไม่ชอบให้เงินเยนแข็งค่า เพราะมีรายได้หลักจากการส่งออก

    แต่จังหวะนรกก็คือเรื่องมาเกิดตอนที่ Sahm Rule เกิน 0.50% พอดี ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดทริกเกอร์เข้าสู่ Recession ทำให้นักลงทุนกังวลไปทั้งโลก ลุกลามบานปลายอย่างที่เห็น :
    ที่มา https://www.finnomena.com/editor/yen-carry-trade/

    #Thaitimes
    การเทรดเงินเยนแบบ Carry Trade กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตลาดทั่วโลกประสบภาวะขาดทุนอย่างหนักเนื่องจากความกลัวที่เพิ่มมากขึ้นว่าการซื้อขายสกุลเงินเยนแบบ Carry Trade รายงานของ Finnimena Editor อธิบาย Yen Carry Trade คืออะไร? หนึ่งในความวุ่นวายวัน Black Monday ที่เริ่มต้นจากญี่ปุ่น ตกใจไปทั้งโลก ว่า Carry Trade คืออะไร? Carry Trade เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่มองหาโอกาสทำกำไรจากส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยในแต่ละประเทศ ด้วยการไปกู้ยืมเงินในสกุลเงินที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อนำไปลงทุนในสกุลเงินที่ให้ดอกเบี้ยสูง ทำให้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินเยนญี่ปุ่นกลายเป็นเป้าหมายหลักของบรรดา Hedge Funds โดยการทำ Yen Carry Trade ในจังหวะที่อัตราดอกเบี้ยญี่ปุ่นติดลบ โดยมีนักลงทุนเข้าไปกู้ยืมสกุลเงินเยนจำนวนมาก แล้วนำไปลงทุนในประเทศที่ให้่ดอกเบี้ยสูงกว่า เช่น สหรัฐฯ เม็กซิโก ซึ่งดอกเบี้ยสูงประมาณ 5% รวมถึงเก็งกำไรในตลาดหุ้น ทองคำ และบิทคอยน์ เป็นต้น แต่จุดเปลี่ยนมาถึงในวันที่ 31 ก.ค. 2024 เมื่อ BoJ ประกาศขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.25% แถมส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นต่ออีก เพื่อควบคุมการอ่อนค่าของเงินเยน Yen Carry Trade พอแนวโน้มดอกเบี้ยญี่ปุ่นเป็นขาขึ้นชัดเจน ในขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ ก็กำลังจะลดดอกเบี้ย จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า Unwind Yen Carry Trade นั่นคือการรีบแลกเงินเยนเพื่อนำไปคืนที่กู้มา โดยการขาย (Short) เงินสกุลดอกสูง หุ้น ทอง นำเงินกลับไป Long Yen (เยนแข็ง) ผลคือค่าเงินเยนแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับมีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก เพราะมีกลุ่มคนที่ทำ Yen Carry Trade เทขายเพื่อนำเงินไปแลกเยนนั่นเอง หุ้นร่วงหนักทั่วโลก ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ร่วงแรงกว่าใครเพื่อน เนื่องจากธรรมชาติของหุ้นญีปุ่นไม่ชอบให้เงินเยนแข็งค่า เพราะมีรายได้หลักจากการส่งออก แต่จังหวะนรกก็คือเรื่องมาเกิดตอนที่ Sahm Rule เกิน 0.50% พอดี ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดทริกเกอร์เข้าสู่ Recession ทำให้นักลงทุนกังวลไปทั้งโลก ลุกลามบานปลายอย่างที่เห็น : ที่มา https://www.finnomena.com/editor/yen-carry-trade/ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว