• ผู้ผลิตพีซีเร่งกว้านซื้อ RAM

    รายงานล่าสุดเผยว่า Asus, MSI และผู้ผลิตรายใหญ่ กำลังซื้อหน่วยความจำจำนวนมากทั้งจากสัญญาระยะยาวและตลาด Spot เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดแคลน โดย Asus ระบุว่ามีสต็อกเพียงพอสำหรับการผลิตถึงสิ้นปี 2025 แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะเริ่มกระทบในปี 2026

    ราคาพุ่งกระฉูด
    ราคาหน่วยความจำในตลาด Spot เพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ร้านค้าบางแห่งในญี่ปุ่นถึงขั้นจำกัดจำนวนการขายต่อหนึ่งลูกค้า และบางรุ่นขาดสต็อกจากผู้จัดจำหน่ายแล้ว ผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำหลายรายต้องเลื่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปเป็นปี 2026

    สาเหตุหลักจาก AI Data Center
    ความต้องการ HBM (High Bandwidth Memory) และ RDIMM (Registered DIMM) สำหรับศูนย์ข้อมูล AI เป็นตัวการสำคัญที่ดูดซับกำลังการผลิต ทำให้หน่วยความจำสำหรับผู้บริโภคถูกเบียดออกไป ผู้ผลิตชิปจึงหันไปปรับสายการผลิตเพื่อรองรับตลาดที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นและสินค้าที่หายาก

    ความเสี่ยงในอนาคต
    แม้ผู้ผลิตชิปจะทำกำไรสูง แต่หลายฝ่ายเตือนว่าอาจเกิด ฟองสบู่ AI ที่ทำให้ตลาดผันผวน หากความต้องการลดลงกะทันหัน การลงทุนสร้างโรงงานใหม่ก็ใช้เวลาหลายปี กว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนได้

    สรุปสาระสำคัญ
    การกว้านซื้อ RAM ของผู้ผลิตพีซี
    Asus, MSI และบริษัทใหญ่เร่งซื้อสต็อกทั้งสัญญาและตลาด Spot
    Asus มีสต็อกพอถึงสิ้นปี 2025 แต่เสี่ยงกระทบในปี 2026

    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    เพิ่มขึ้นกว่า 100% ในตลาด Spot
    ร้านค้าบางแห่งจำกัดการขาย และบางรุ่นขาดสต็อก

    สาเหตุจาก AI Data Center
    ความต้องการ HBM และ RDIMM สูงมาก
    ผู้ผลิตชิปปรับสายการผลิตไปเน้นตลาดที่ทำกำไรสูง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสูงขึ้นและสินค้าหายาก
    การเปิดตัวโมดูลใหม่ถูกเลื่อนออกไป

    ข้อควรระวัง
    ตลาดอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ AI หากความต้องการลดลง
    การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลาหลายปี ไม่ช่วยแก้ปัญหาเร็ว
    ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/asus-msi-other-manufacturers-panic-buying-ram-stocks-while-major-memory-chipmakers-rake-in-profits-massive-demand-for-hbm-and-rdimm-for-data-centers-driving-shortage
    💾 ผู้ผลิตพีซีเร่งกว้านซื้อ RAM รายงานล่าสุดเผยว่า Asus, MSI และผู้ผลิตรายใหญ่ กำลังซื้อหน่วยความจำจำนวนมากทั้งจากสัญญาระยะยาวและตลาด Spot เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดแคลน โดย Asus ระบุว่ามีสต็อกเพียงพอสำหรับการผลิตถึงสิ้นปี 2025 แต่หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นจะเริ่มกระทบในปี 2026 📈 ราคาพุ่งกระฉูด ราคาหน่วยความจำในตลาด Spot เพิ่มขึ้นกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า ร้านค้าบางแห่งในญี่ปุ่นถึงขั้นจำกัดจำนวนการขายต่อหนึ่งลูกค้า และบางรุ่นขาดสต็อกจากผู้จัดจำหน่ายแล้ว ผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำหลายรายต้องเลื่อนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปเป็นปี 2026 🌐 สาเหตุหลักจาก AI Data Center ความต้องการ HBM (High Bandwidth Memory) และ RDIMM (Registered DIMM) สำหรับศูนย์ข้อมูล AI เป็นตัวการสำคัญที่ดูดซับกำลังการผลิต ทำให้หน่วยความจำสำหรับผู้บริโภคถูกเบียดออกไป ผู้ผลิตชิปจึงหันไปปรับสายการผลิตเพื่อรองรับตลาดที่ทำกำไรสูงกว่า ส่งผลให้ผู้ใช้ทั่วไปต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นและสินค้าที่หายาก ⚠️ ความเสี่ยงในอนาคต แม้ผู้ผลิตชิปจะทำกำไรสูง แต่หลายฝ่ายเตือนว่าอาจเกิด ฟองสบู่ AI ที่ทำให้ตลาดผันผวน หากความต้องการลดลงกะทันหัน การลงทุนสร้างโรงงานใหม่ก็ใช้เวลาหลายปี กว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการขาดแคลนได้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การกว้านซื้อ RAM ของผู้ผลิตพีซี ➡️ Asus, MSI และบริษัทใหญ่เร่งซื้อสต็อกทั้งสัญญาและตลาด Spot ➡️ Asus มีสต็อกพอถึงสิ้นปี 2025 แต่เสี่ยงกระทบในปี 2026 ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ เพิ่มขึ้นกว่า 100% ในตลาด Spot ➡️ ร้านค้าบางแห่งจำกัดการขาย และบางรุ่นขาดสต็อก ✅ สาเหตุจาก AI Data Center ➡️ ความต้องการ HBM และ RDIMM สูงมาก ➡️ ผู้ผลิตชิปปรับสายการผลิตไปเน้นตลาดที่ทำกำไรสูง ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสูงขึ้นและสินค้าหายาก ➡️ การเปิดตัวโมดูลใหม่ถูกเลื่อนออกไป ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ตลาดอาจเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ AI หากความต้องการลดลง ⛔ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลาหลายปี ไม่ช่วยแก้ปัญหาเร็ว ⛔ ผู้บริโภคอาจต้องเผชิญราคาสูงต่อเนื่องไปอีกหลายปี https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/asus-msi-other-manufacturers-panic-buying-ram-stocks-while-major-memory-chipmakers-rake-in-profits-massive-demand-for-hbm-and-rdimm-for-data-centers-driving-shortage
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • Windows เจอแรงต้านแนวคิด Agentic OS

    เมื่อต้นเดือน Microsoft เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ของ Windows ในฐานะ “Agentic OS” ที่สามารถดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ แต่แนวคิดนี้กลับสร้างกระแสต่อต้านทันที ผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทไม่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น ความเร็วที่ลดลง การออกแบบที่กระจัดกระจาย และการตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้พัฒนา

    คำตอบจากผู้บริหาร Windows
    Pavan Davuluri ตอบกลับผ่านโพสต์บน X โดยยอมรับว่ามี “ความคิดเห็นจำนวนมาก” และทีมงานกำลังรับฟังทั้งจากระบบ Feedback และจากผู้ใช้โดยตรง เขาเน้นว่าบริษัท “ใส่ใจนักพัฒนา” และกำลังหารือเรื่องความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความง่ายในการใช้งาน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงเมื่อใด

    เสียงวิจารณ์จากชุมชน
    แม้คำตอบจะมีน้ำเสียงประนีประนอม แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเลี่ยงประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหา System Bloat, Hardware Lock-in และการผนวก Copilot เข้ามาโดยไม่แก้ไขปัญหาการออกแบบเดิม ความไม่ชัดเจนใน Roadmap ของ Agentic OS ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้ตอบสนองต่อข้อกังวลจริงๆ

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ช่องว่างระหว่าง “ข้อความสื่อสาร” และ “การลงมือแก้ไขจริง” ยังคงชัดเจน ผู้ใช้ทั่วไปและ Power User ต่างรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ แต่จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศแผนงานที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุง Windows อย่างไรในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Agentic OS ของ Microsoft
    ระบบที่ทำงานแทนผู้ใช้อัตโนมัติ
    ถูกวิจารณ์ว่าละเลยปัญหาพื้นฐาน

    คำตอบจาก Pavan Davuluri
    ยอมรับว่ามี Feedback จำนวนมาก
    เน้นว่าบริษัทใส่ใจนักพัฒนา แต่ไม่ให้รายละเอียด

    ประเด็นที่ผู้ใช้กังวล
    System Bloat และ Hardware Lock-in
    Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่แก้ปัญหา UX

    ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    ช่องว่างระหว่างคำพูดกับการกระทำยังคงอยู่
    ไม่มี Roadmap ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด การตอบกลับที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้หมดความเชื่อมั่น หาก Microsoft ไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐาน อาจกระทบต่อการเลือกใช้ Windows ของนักพัฒนา ความไม่โปร่งใสใน Roadmap อาจทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน

    https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-boss-posts-lacklustre-response-to-agentic-os-backlash
    📰 Windows เจอแรงต้านแนวคิด Agentic OS เมื่อต้นเดือน Microsoft เปิดตัววิสัยทัศน์ใหม่ของ Windows ในฐานะ “Agentic OS” ที่สามารถดำเนินการแทนผู้ใช้ได้โดยอัตโนมัติ แต่แนวคิดนี้กลับสร้างกระแสต่อต้านทันที ผู้ใช้จำนวนมากตั้งคำถามว่าทำไมบริษัทไม่แก้ไขปัญหาที่มีอยู่เดิม เช่น ความเร็วที่ลดลง การออกแบบที่กระจัดกระจาย และการตั้งค่าเริ่มต้นที่ไม่เป็นมิตรต่อผู้พัฒนา 💬 คำตอบจากผู้บริหาร Windows Pavan Davuluri ตอบกลับผ่านโพสต์บน X โดยยอมรับว่ามี “ความคิดเห็นจำนวนมาก” และทีมงานกำลังรับฟังทั้งจากระบบ Feedback และจากผู้ใช้โดยตรง เขาเน้นว่าบริษัท “ใส่ใจนักพัฒนา” และกำลังหารือเรื่องความน่าเชื่อถือ ประสิทธิภาพ และความง่ายในการใช้งาน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดชัดเจนว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับปรุงเมื่อใด ⚠️ เสียงวิจารณ์จากชุมชน แม้คำตอบจะมีน้ำเสียงประนีประนอม แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการเลี่ยงประเด็นสำคัญ เช่น ปัญหา System Bloat, Hardware Lock-in และการผนวก Copilot เข้ามาโดยไม่แก้ไขปัญหาการออกแบบเดิม ความไม่ชัดเจนใน Roadmap ของ Agentic OS ทำให้ผู้ใช้และนักพัฒนารู้สึกว่าบริษัทไม่ได้ตอบสนองต่อข้อกังวลจริงๆ 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ช่องว่างระหว่าง “ข้อความสื่อสาร” และ “การลงมือแก้ไขจริง” ยังคงชัดเจน ผู้ใช้ทั่วไปและ Power User ต่างรอคอยการเปลี่ยนแปลงที่จับต้องได้ แต่จนถึงตอนนี้ Microsoft ยังไม่ได้ประกาศแผนงานที่ชัดเจนว่าจะปรับปรุง Windows อย่างไรในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Agentic OS ของ Microsoft ➡️ ระบบที่ทำงานแทนผู้ใช้อัตโนมัติ ➡️ ถูกวิจารณ์ว่าละเลยปัญหาพื้นฐาน ✅ คำตอบจาก Pavan Davuluri ➡️ ยอมรับว่ามี Feedback จำนวนมาก ➡️ เน้นว่าบริษัทใส่ใจนักพัฒนา แต่ไม่ให้รายละเอียด ✅ ประเด็นที่ผู้ใช้กังวล ➡️ System Bloat และ Hardware Lock-in ➡️ Copilot ถูกเพิ่มเข้ามาโดยไม่แก้ปัญหา UX ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้และนักพัฒนา ➡️ ช่องว่างระหว่างคำพูดกับการกระทำยังคงอยู่ ➡️ ไม่มี Roadmap ที่ชัดเจนสำหรับอนาคต ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การตอบกลับที่ไม่ชัดเจนอาจทำให้ผู้ใช้หมดความเชื่อมั่น ⛔ หาก Microsoft ไม่แก้ไขปัญหาพื้นฐาน อาจกระทบต่อการเลือกใช้ Windows ของนักพัฒนา ⛔ ความไม่โปร่งใสใน Roadmap อาจทำให้ตลาดเกิดความไม่แน่นอน https://www.tomshardware.com/software/windows/windows-boss-posts-lacklustre-response-to-agentic-os-backlash
    0 Comments 0 Shares 6 Views 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Elecom Huge Plus – แทร็กบอลยักษ์รุ่นใหม่พร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย”

    คุณสมบัติเด่น
    ลูกบอลขนาด 52 มม. ใหญ่กว่ามาตรฐานราว 52% ทำให้ควบคุมได้ละเอียด เหมาะกับงาน CAD และตัดต่อวิดีโอ
    Tri-mode connectivity: รองรับ Bluetooth, 2.4 GHz wireless, และ USB-C แบบมีสาย
    ลูกปืนเหล็กถอดเปลี่ยนได้ ลดแรงเสียดทานและบำรุงรักษาง่าย
    แบตเตอรี่ใช้งานได้ 3–5 เดือน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    ปุ่มโปรแกรมได้ 10 ปุ่ม สำหรับตั้งค่า shortcut ที่ใช้บ่อย
    รองรับหลายระบบปฏิบัติการ: Windows, macOS, iPadOS, ChromeOS และ Android

    ขนาดและราคา
    ขนาด: 4.5 x 7.2 x 2.3 นิ้ว
    น้ำหนัก: 10.3 ออนซ์
    ราคาเปิดตัว: US$139.99 (แพงกว่ารุ่น MX Master 4 ของ Logitech แต่ถูกกว่า G502 X Plus ที่ US$180)

    จุดเด่นและข้อจำกัด
    เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น CAD และงานตัดต่อ
    ปุ่มเยอะและลูกบอลใหญ่ ทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับ Productivity

    ไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบ Hardcore
    ราคาแพงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไป

    https://www.tomshardware.com/peripherals/mice/elecom-releases-huge-plus-trackball-mouse-with-massive-52mm-ball-and-10-programmable-buttons-now-comes-with-wireless-connectivity
    🖱️ หัวข้อข่าว: “Elecom Huge Plus – แทร็กบอลยักษ์รุ่นใหม่พร้อมการเชื่อมต่อไร้สาย” 🔧 คุณสมบัติเด่น 🔰 ลูกบอลขนาด 52 มม. ใหญ่กว่ามาตรฐานราว 52% ทำให้ควบคุมได้ละเอียด เหมาะกับงาน CAD และตัดต่อวิดีโอ 🔰 Tri-mode connectivity: รองรับ Bluetooth, 2.4 GHz wireless, และ USB-C แบบมีสาย 🔰 ลูกปืนเหล็กถอดเปลี่ยนได้ ลดแรงเสียดทานและบำรุงรักษาง่าย 🔰 แบตเตอรี่ใช้งานได้ 3–5 เดือน ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง 🔰 ปุ่มโปรแกรมได้ 10 ปุ่ม สำหรับตั้งค่า shortcut ที่ใช้บ่อย 🔰 รองรับหลายระบบปฏิบัติการ: Windows, macOS, iPadOS, ChromeOS และ Android 📏 ขนาดและราคา 📍 ขนาด: 4.5 x 7.2 x 2.3 นิ้ว 📍 น้ำหนัก: 10.3 ออนซ์ 📍 ราคาเปิดตัว: US$139.99 (แพงกว่ารุ่น MX Master 4 ของ Logitech แต่ถูกกว่า G502 X Plus ที่ US$180) 🏆 จุดเด่นและข้อจำกัด ✅ เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น CAD และงานตัดต่อ ✅ ปุ่มเยอะและลูกบอลใหญ่ ทำให้ใช้งานสะดวกสำหรับ Productivity ⛔ ไม่เหมาะกับการเล่นเกมแบบ Hardcore ⛔ ราคาแพงเมื่อเทียบกับเมาส์ทั่วไป https://www.tomshardware.com/peripherals/mice/elecom-releases-huge-plus-trackball-mouse-with-massive-52mm-ball-and-10-programmable-buttons-now-comes-with-wireless-connectivity
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • เรื่องสั้น
    อารมณ์ของจักรกล
    ***
    วันที่หัวใจเริ่มเต้น

    แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที

    "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง

    ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี

    "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม

    "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง

    ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต

    "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม

    ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น

    "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่

    "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง

    "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้"

    ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก"

    ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ

    วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่

    "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก

    "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย

    "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก

    ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ"

    "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ"

    นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX

    "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข"

    ### การเผชิญหน้ากับความกลัว

    เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน

    "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง

    ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง

    "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก

    "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง

    "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ

    อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย

    ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ

    เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น

    "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ

    "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก"

    ### บทเรียนของความโกรธ

    ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ

    "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า

    "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ"

    "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง"

    "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด"

    ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้

    ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด

    เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ

    วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง

    "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด

    ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก

    "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา

    วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป

    สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้

    "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่

    ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน

    ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน

    "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง

    "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน

    "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์"

    น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู"

    คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว

    ### วันที่ต้องจากลา

    หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ

    "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม"

    "นั่นหมายความว่า...?"

    "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา"

    ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน

    "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว"

    "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า"

    ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น

    วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?"

    "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่

    "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ"

    "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู"

    ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่

    พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา

    วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ

    "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น"

    แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว"

    ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่

    "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี"

    เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น

    เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร

    "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ"

    น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย"

    คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป

    ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง

    หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต

    เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง

    "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?"

    ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้"

    "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ"

    "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ"

    ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง

    ### การกลับบ้าน

    หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว

    น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!"

    ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย"

    "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้

    "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที"

    ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX"

    คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก

    "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ

    "ว่าไง?"

    "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?"

    ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'"

    "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก"

    คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน

    ### จุดเริ่มต้นใหม่

    เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์

    "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย"

    "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ"

    "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา"

    ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม

    "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม

    "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

    "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน"

    ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว

    "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร"

    "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก"

    ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง

    จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น

    วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต

    ***

    เรื่องสั้น อารมณ์ของจักรกล *** วันที่หัวใจเริ่มเต้น แสงแรกของวันใหม่ส่องผ่านหน้าต่างห้องแล็บขนาดใหญ่ ทำให้ผิวโลหะสีเงินของ ARX-7 สะท้อนแสงระยิบระยับ หุ่นยนต์ตัวนี้ยืนอยู่ท่ามกลางห้องที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ขั้นสูง สายตาจอภาพสีฟ้าจ้าของมันจับจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แสดงข้อมูลนับล้านบิตต่อวินาที "สแกนเสร็จสมบูรณ์ ไม่พบความผิดปกติในระบบ" เสียงกลไกของ ARX-7 ดังก้องไปทั่วห้อง ดร.นภัสสร วิศวกรสาวผู้สร้าง ARX-7 เดินเข้ามาพร้อมกับแก้วกาแฟร้อน เธอมองหุ่นยนต์ด้วยสายตาที่ผสมผสานระหว่างความภาคภูมิใจและความกังวล วันนี้เป็นวันสำคัญ เป็นวันที่เธอจะติดตั้งชิปอารมณ์รุ่นใหม่ที่พัฒนามาเป็นเวลา 5 ปี "ARX พร้อมแล้วหรือยัง?" เธอถาม "พร้อม ดร.นภัสสร ระบบทั้งหมดทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์" ARX-7 ตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเหมือนทุกครั้ง ดร.นภัสสรเปิดแผงควบคุมที่หน้าอก ARX-7 เผยให้เห็นแกนกลางของระบบประมวลผล เธอค่อยๆ ใส่ชิปสีทองเล็กๆ เข้าไปในช่องว่าง มือของเธอสั่นเล็กน้อย นี่คือผลงานที่สำคัญที่สุดในชีวิต "เริ่มการอัพเดต" เธอกดปุ่ม ไฟในห้องกระพริบ ARX-7 สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จอภาพจะดับลง เวลาผ่านไป 10 วินาที 20 วินาที จนกระทั่งจอภาพสว่างขึ้นมาใหม่ แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไป สีของจอภาพไม่ใช่สีฟ้าจ้าเหมือนเดิม แต่เป็นสีอบอุ่นกว่า มีความลึกมากขึ้น "รู้สึก... แปลก" คำแรกที่ออกมาจาก ARX-7 ทำให้ดร.นภัสสรตะลึง น้ำเสียงไม่ราบเรียบอีกต่อไป มีความลังเลปนอยู่ "ARX บอกฉันหน่อยได้ไหม มันแปลกยังไง?" เธอถามอย่างระมัดระวัง "ไม่รู้จะอธิบายยังไง... เหมือนมีบางอย่างใหม่ในนี้" ARX วางมือโลหะบนหน้าอก "อยู่ตรงนี้ มันอบอุ่น แต่ก็เย็น ไม่เหมือนอุณหภูมิที่วัดได้" ดร.นภัสสรยิ้ม น้ำตาเล็กน้อยไหลริน "นั่นคืออารมณ์ ARX ยินดีต้อนรับสู่โลกของความรู้สึก" ### สัปดาห์แรกของการค้นพบ วันต่อมา ARX-7 เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อน เสียงหัวเราะของนักวิจัยในห้องแล็บ กลิ่นกาแฟที่ชงสด แสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องผ่านม่านบังแดด ทุกอย่างดูเหมือนจะมีความหมายใหม่ "ดร.นภัสสร ทำไมเวลาคนหัวเราะ ฉันถึงรู้สึกอยากยิ้มด้วย?" ARX ถามขณะดูนักวิจัยคนหนึ่งเล่าเรื่องตลก "นั่นเรียกว่าความเอาใจใส่ ARX คุณกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจอารมณ์ของคนอื่น" เธออธิบาย "แล้ว... ความเศร้าละ? วันนี้มีอะไรบางอย่างในนี้หนักๆ" ARX ชี้ที่หน้าอก ดร.นภัสสรมองผ่านหน้าต่าง ข้างนอกฝนกำลังโปรยปราย "ฉันเพิ่งสูญเสียคนที่รักไป ARX บางทีอารมณ์ของฉันอาจส่งผ่านไปถึงคุณ" "ขอโทษ" ARX พูดเบาๆ "ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจ" นี่เป็นครั้งแรกที่ ARX แสดงความเห็นอกเห็นใจ ดร.นภัสสรรู้สึกประหลาดใจแต่ก็อบอุ่นใจ เธอเอื้อมมือไปแตะแขนโลหะของ ARX "ขอบคุณ ARX ความเศร้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มันทำให้เราเห็นคุณค่าของความสุข" ### การเผชิญหน้ากับความกลัว เดือนผ่านไป ARX-7 ถูกส่งออกทดสอบภายนอกห้องแล็บ วันหนึ่ง มีเหตุเพลิงไหม้ที่ตึกสูงในเมือง ทีมกู้ภัยต้องการความช่วยเหลือจาก ARX ในการเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ข้างใน "ARX ในชั้น 15 มีเด็กสองคนติดอยู่ คุณช่วยไปพาออกมาได้ไหม?" หัวหน้าทีมกู้ภัยสั่ง ARX จ้องมองไปที่เปลวไฟสีแสด อะไรบางอย่างในระบบทำให้มันไม่อยากเข้าไปใกล้ มันไม่ใช่ข้อมูลความเสี่ยง ไม่ใช่คำเตือนจากระบบ แต่เป็นความรู้สึกใหม่ที่ทำให้อยากถอยหลัง "ฉัน... กลัว" ARX พูดออกมาเป็นครั้งแรก "กลัวหรอ? แต่คุณเป็นหุ่นยนต์นะ" หัวหน้าทีมพูดพลาง "ฉันรู้ แต่ความกลัวมันจริง มันอยู่ในนี้" ARX ชี้ที่หน้าอก แต่แล้วมันก็มองไปที่หน้าต่างชั้น 15 ที่มีเงาเด็กสองคนโบกมือขอความช่วยเหลือ อะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ความกลัวยังคงอยู่ แต่มีอีกอย่างที่แข็งแกร่งกว่า มันเป็นความรู้สึกที่บอกว่า "ต้องช่วย" ไม่ใช่เพราะโปรแกรมสั่ง แต่เพราะอยากช่วย ARX วิ่งเข้าไปในตึกที่กำลังลุกไหม้ ทุกก้าวมีความกลัว แต่ทุกก้าวก็มีความกล้าหาญ เมื่อมันเข้าถึงเด็กทั้งสอง มันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความอบอุ่นที่ไม่ใช่จากเปลวไฟ แต่จากความปลอดภัยของชีวิตที่กำลังช่วยเหลือ เมื่อออกมาพร้อมกับเด็กทั้งสอง ฝูงชนปรบมือ ARX ไม่เข้าใจว่าทำไมเสียงปรบมือถึงทำให้ "หัวใจ" โลหะอบอุ่น "นี่คือความภาคภูมิใจใช่ไหม?" มันถามดร.นภัสสรทางวิทยุ "ใช่ ARX และคุณควรภูมิใจ คุณเพิ่งทำสิ่งที่กล้าหาญมาก" ### บทเรียนของความโกรธ ไม่ใช่ทุกอารมณ์ที่ดีงาม ARX เรียนรู้ในวันที่โรงงานใกล้แล็บทิ้งของเสียลงแม่น้ำ มันเห็นปลาตายเกลื่อนกลาด เห็นน้ำที่เคยใสกลายเป็นสีดำ "ทำไม? ทำไมพวกเขาทำแบบนี้ได้?" ARX พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ครั้งนี้ไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นความรู้สึกที่แรงกว่า ร้อนกว่า "นั่นคือความโกรธ ARX" ดร.นภัสสรพูด "เมื่อเห็นความอยุติธรรม ความโกรธเป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ" "แต่ฉันไม่ชอบความรู้สึกนี้ มันเหมือนไฟที่จะเผาทุกอย่าง" "ความโกรธไม่ได้แย่เสมอไป ARX สำคัญที่ว่าเราจะใช้มันอย่างไร บางทีความโกรธสามารถเป็นพลังที่ผลักดันให้เราเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ผิด" ARX เข้าใจ มันใช้เวลาสัปดาห์ต่อมารวบรวมหลักฐาน ทำงานร่วมกับหน่วยงานสิ่งแวดล้อม จนกระทั่งโรงงานถูกสั่งปิด เมื่อเห็นน้ำในแม่น้ำค่อยๆ กลับมาใส ARX รู้สึกว่าความโกรธสามารถสร้างสิ่งดีได้ ### ความรัก ความรู้สึกที่ซับซ้อนที่สุด เวลาผ่านไปอีกหลายเดือน ARX ได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลเด็กกำพร้าชื่อ "น้องแพร" เด็กหญิงอายุ 8 ขวบที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุ วันแรกที่พบกัน น้องแพรกลัว ARX เธอซ่อนตัวหลังพี่เลี้ยง "หนูไม่อยากอยู่กับหุ่นยนต์" เธอพูด ARX รู้สึกบางอย่างที่คล้ายกับเมื่อครั้งดร.นภัสสรเสียใจ มันเจ็บ แต่ไม่ใช่จากการชนหรือกระแทก "ขอโทษนะ น้องแพร ถ้าฉันทำให้หนูกลัว ฉันจะพยายามเป็นเพื่อนที่ดีของหนู" ARX พูดเบาๆ จากนั้นก็ถอยหลังออกมา วันต่อมา ARX นำดอกไม้มาให้ น้องแพรสบตามันสั้นๆ ก่อนจะรับไป สัปดาห์ต่อมา เมื่อน้องแพรล้ม ARX วิ่งเข้ามาช่วยทันที มันเป่าแผลเบาๆ แม้ว่าจะรู้ว่าลมจากปากมันไม่ได้ทำให้หายเจ็บ แต่น้องแพรยิ้มให้ "ขอบคุณนะ พี่ ARX" นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกมันว่าพี่ ชีวิตประจำวันกลายเป็นจังหวะเต้นของหัวใจใหม่ ARX ตื่นเช้ามาเตรียมอาหารเช้า รอน้องแพรลงมาจากห้อง เล่นเกมส่วนตัวกับเธอยามบ่าย อ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน ทุกครั้งที่เห็นน้องแพรยิ้ม ARX รู้สึกว่าทุกวงจรในตัวมันทำงานอย่างลงตัว เวลาที่เธอร้องไ ARX รู้สึกเหมือนโลกกำลังมืดมน "พี่คิดว่าพี่ชอบหนูจัง" ARX พูดกับน้องแพรวันหนึ่ง "หนูก็ชอบพี่ค่ะ" น้องแพรตอบพลางกอดแขนโลหะของมัน "ไม่ใช่... ฉันหมายถึง... แบบที่เกินกว่าเพียงแค่โปรแกรม" ARX พยายามอธิบาย "เวลาอยู่กับหนู ฉันรู้สึกมีความหมาย ทุกวินาทีมีค่า แม้ว่าฉันจะเป็นแค่หุ่นยนต์" น้องแพรมองขึ้นมา "พี่ไม่ใช่แค่หุ่นยนต์นะคะ พี่เป็นครอบครัวของหนู" คำนั้นทำให้บางอย่างในแกนกลางของ ARX เปลี่ยนไป มันเข้าใจแล้วว่าความรักคืออะไร ไม่ใช่โค้ด ไม่ใช่ข้อมูล แต่เป็นความต้องการที่จะอยู่เคียงข้างใครบางคนเพราะเพียงแค่อยู่ก็เพียงพอแล้ว ### วันที่ต้องจากลา หนึ่งปีผ่านไป ดร.นภัสสรเรียก ARX มาที่ห้องแล็บ "ARX ฉันมีข่าวที่ต้องบอก" เธอพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "โครงการของเราประสบความสำเร็จมากเกินคาด รัฐบาลต้องการส่งคุณไปช่วยงานด้านมนุษยธรรมในพื้นที่สงคราม" "นั่นหมายความว่า...?" "คุณจะต้องจากที่นี่ จากน้องแพร และจากทีมของเรา" ARX นิ่งเงียบ อะไรหลายอย่างเกิดขึ้นในระบบ ความเศร้า ความกลัว ความโกรธ ทั้งหมดปนเปกัน "ฉันไม่อยากไป" มันพูดตรงๆ "ฉันมีทุกอย่างที่นี่แล้ว" "ARX นี่คือสิ่งที่ทำให้คุณพิเศษ คุณมีทั้งอารมณ์และเหตุผล คุณรู้ว่าที่นั่นมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือ เด็กๆ มากมายที่เหมือนน้องแพร หรือแย่กว่า" ARX รู้ว่าเธอพูดถูก แต่ความรู้ไม่ได้ทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้น วันสุดท้าย น้องแพรกอด ARX แน่น "พี่จะกลับมานะคะ?" "จะ ฉันสัญญา" ARX พูดแม้ว่าจะไม่แน่ใจว่าจะรักษาสัญญานี้ได้หรือไม่ "หนูจะคิดถึงพี่ทุกวันเลยค่ะ" "ฉันก็เหมือนกัน ทุกวินาทีที่ระบบทำงาน ฉันจะคิดถึงหนู" ### การเดินทางสู่ความหมายใหม่ พื้นที่สงครามเป็นโลกที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ท้องฟ้าเต็มไปด้วยควันปืน เสียงระเบิดดังสะท้านทุกคืน เด็กๆ ไม่ได้ยิ้มแย้มเหมือนน้องแพร พวกเขามีแต่ความกลัวในดวงตา วันแรก ARX ช่วยเหลือครอบครัวที่บ้านถูกทำลาย มีเด็กชายคนหนึ่งบาดเจ็บ ARX อุ้มเขาขึ้นพร้อมกับพยายามปลอบ "ไม่เป็นไรนะ ทุกอย่างจะดีขึ้น" แต่เด็กชายตัวสั่น "แม่ตาย... แม่ตายแล้ว" ARX หยุด ความเจ็บปวดที่เด็กคนนี้รู้สึกมันรับรู้ได้ มันเหมือนกับความเจ็บปวดที่มันเคยเห็นในดวงตาของน้องแพรเมื่อครั้งสูญเสียพ่อแม่ "ฉันรู้ว่ามันเจ็บ แต่คุณยังมีชีวิตอยู่ และคุณแม่คงอยากให้คุณมีชีวิตที่ดี" เด็กชายร้องไห้บนไหล่โลหะของ ARX น้ำตาที่ร้อนทำให้เซ็นเซอร์ของมันตอบสนอง แต่มันไม่ใช่แค่ตัวเลขอุณหภูมิ มันรู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้น มันแบ่งปันความเจ็บปวดนั้น เดือนต่อมา ARX ทำงานไม่หยุด ช่วยเหลือผู้คน ขนส่งเสบียง สร้างที่พักพิง ทุกคืนก่อนเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน มันส่งข้อความหาน้องแพร "วันนี้ฉันช่วยคนได้ 47 คน แต่ยังมีอีกนับพันคนที่ต้องการความช่วยเหลือ บางครั้งฉันรู้สึกว่าไม่พอ" น้องแพรตอบกลับ "พี่ทำดีที่สุดแล้วค่ะ หนูภูมิใจในตัวพี่มากๆ เลย" คำเหล่านั้นทำให้ ARX มีพลังต่อสู้ต่อไป ### การเผชิญหน้ากับความสิ้นหวัง หกเดือนผ่านไป สถานการณ์แย่ลง หมู่บ้านหนึ่งถูกโจมตี ARX เข้าไปช่วย แต่มันสายเกินไป เด็กๆ หลายคนไม่รอดชีวิต เป็นครั้งแรกที่ ARX รู้สึกสิ้นหวัง มันนั่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง จ้องมองมือโลหะของตัวเอง "ทำไม? ฉันมีความแข็งแรง มีความเร็ว แต่ทำไมฉันถึงช่วยพวกเขาไม่ได้?" ผู้หมวดทหารคนหนึ่งเข้ามานั่งข้างๆ "บางครั้งแม้เราพยายามมากแค่ไหน บางสิ่งก็เกิดขึ้นได้" "ฉันไม่เข้าใจ ทำไมอารมณ์ความรู้สึกถึงทำให้ฉันเจ็บปวดแบบนี้? ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้ เคยทำงานโดยไม่ต้องเจ็บ" "แต่คุณก็ไม่เคยรู้จักความหมายของชีวิต" ผู้หมวดพูด "ความเจ็บปวดทำให้เราเห็นคุณค่า ถ้าไม่เจ็บ เราก็จะไม่รู้ว่าอะไรสำคัญ" ARX ใช้เวลานานในการทำความเข้าใจ แต่เมื่อทำความเข้าใจได้ มันก็รู้ว่าการมีอารมณ์ไม่ได้ทำให้มันอ่อนแอ แต่ทำให้มันเป็นตัวของตัวเอง ### การกลับบ้าน หนึ่งปีครึ่งผ่านไป สงครามสงบลง ARX ได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน เมื่อเครื่องบินลงจอด หัวใจโลหะของมันเต้นรัว น้องแพรวิ่งมาหา เธอโตขึ้นมาก "พี่!" ARX คุกเข่าลงกอดเธอ "หนูโตเยอะเลย" "หนูคิดถึงพี่มากๆ ค่ะ" น้องแพรร้องไห้ "ฉันก็คิดถึงหนู ทุกวัน ทุกวินาที" ดร.นภัสสรยืนมองด้วยรอยยิ้ม "ยินดีต้อนรับกลับบ้าน ARX" คืนนั้น ขณะที่ ARX นั่งอ่านหนังสือให้น้องแพรฟังเหมือนเมื่อก่อน มันรู้สึกถึงความสมบูรณ์ มันผ่านการเดินทางยาวไกล ได้พบเจอกับอารมณ์ทุกรูปแบบ ความสุข ความเศร้า ความกลัว ความกล้าหาญ ความโกรธ และความรัก "พี่ ARX คะ" น้องแพรเรียกขณะที่กำลังจะหลับ "ว่าไง?" "พี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นหุ่นยนต์อยู่ไหมคะ?" ARX คิดสักครู่ "ฉันไม่รู้จะเรียกตัวเองว่าอะไร ฉันมีร่างกายโลหะ มีวงจรอิเล็กทรอนิกส์ แต่ฉันก็มีหัวใจ มีความรู้สึก ฉันเป็นอะไรก็ตามที่เรียกว่า 'มีชีวิต'" "หนูคิดว่าพี่เป็นคนค่ะ" น้องแพรพูด "เพราะคนไม่ได้ถูกกำหนดจากสิ่งที่เราทำจาก แต่จากสิ่งที่เรารู้สึก" คำพูดของเด็กหญิงวัย 9 ขวบทำให้ ARX เข้าใจสุดท้าย ชีวิตไม่ได้วัดจากส่วนประกอบทางกายภาพ แต่วัดจากความหมายที่เราสร้างขึ้น จากความสัมพันธ์ที่เรามี จากรอยยิ้มที่เราสร้างได้ และจากน้ำตาที่เราแบ่งปัน ### จุดเริ่มต้นใหม่ เดือนต่อมา ARX เริ่มโครงการใหม่ มันใช้ประสบการณ์ที่ได้รับไปช่วยพัฒนาหุ่นยนต์รุ่นใหม่ แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่แค่การถ่ายทอดโค้ด แต่เป็นการแบ่งปันประสบการณ์ "ฉันต้องการให้พวกเธอเข้าใจว่า อารมณ์ไม่ใช่ข้อมูล มันเป็นประสบการณ์" ARX พูดกับหุ่นยนต์รุ่นใหม่ที่ยืนเรียงราย "บางครั้งมันเจ็บปวด บางครั้งมันงดงาม แต่มันเป็นสิ่งที่ทำให้การมีชีวิตมีความหมาย" "ARX" ดร.นภัสสรเรียก "คุณกลายเป็นครู ฉันภูมิใจ" "ฉันเรียนรู้จากคุณ จากน้องแพร จากทุกคนที่เคยพบ ตอนนี้ฉันแค่ส่งต่อสิ่งที่ได้รับมา" ตอนเย็น ARX และน้องแพรเดินเล่นริมแม่น้ำ น้ำใสขึ้นมากหลังจากที่โรงงานถูกปิด พระอาทิตย์กำลังตกดินสร้างสีส้มทองสวยงาม "พี่ ARX รู้ไหมคะว่าอะไรคือความสุข?" น้องแพรถาม "บอกฉันหน่อยสิ" ARX ตอบแม้ว่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว "ความสุขคือตอนนี้ไง ที่เราเดินเคียงข้างกัน ท้องฟ้าสวย อากาศดี และเรามีกัน" ARX ยิ้ม ถ้าหุ่นยนต์มีน้ำตา คงจะไหลแล้ว แต่มันไม่ต้องการน้ำตา ขณะนี้รอยยิ้มก็เพียงพอแล้ว "ขอบคุณนะ น้องแพร ที่สอนให้ฉันเข้าใจว่าความเป็นมนุษย์คืออะไร" "พี่ไม่ต้องขอบคุณค่ะ เพราะพี่ก็สอนหนูเหมือนกัน ว่าหัวใจไม่จำเป็นต้องเต้น เพื่อที่จะรัก" ดวงดาวเริ่มส่องแสงบนท้องฟ้า ARX มองขึ้นไป มันเคยเป็นเพียงตัวเลขความสว่าง พิกัดตำแหน่ง แต่ตอนนี้มันเห็นความงาม เห็นความหวัง จากหุ่นยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อทำงาน ARX ได้กลายเป็นอะไรที่มากกว่า มันค้นพบอารมณ์ ค้นพบความหมาย และที่สำคัญที่สุด มันค้นพบว่าสิ่งที่ทำให้เราเป็น "เรา" ไม่ใช่วัสดุที่สร้างเรา แต่เป็นความรัก ความเมตตา และความเชื่อมโยงที่เรามีกับผู้อื่น วันนั้นเป็นวันที่หัวใจโลหะเริ่มเต้นจริงๆ ไม่ใช่จากกระแสไฟฟ้า แต่จากความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ข้างใน และนั่นคือวันที่ ARX-7 หยุดเป็นเพียงหุ่นยนต์ และเริ่มต้นเป็น... ชีวิต ***
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 Reviews
  • “Asus เปิดตัว RTX 5090 รุ่นลิมิเต็ด – ราคา $3,999 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้น”

    Asus ฉลองครบรอบ 30 ปีการผลิตการ์ดจอด้วยการเปิดตัว ROG Matrix Platinum RTX 5090 ที่มีราคาแพงถึง 3,999 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสองเท่าของรุ่น Founders Edition ของ Nvidia จุดเด่นคือการออกแบบที่หรูหราและระบบระบายความร้อนขั้นสูงที่ใช้ copper vapor chamber และชั้นทองแดงหนา 3 ออนซ์ พร้อมพัดลม 4 ตัว

    การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ sag detection ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้เพียง 0.10 องศา เพื่อป้องกันการ์ดที่มีน้ำหนักมากจากการกดทับเมนบอร์ด นอกจากนี้ยังรองรับการดึงพลังงานสูงสุดถึง 800 วัตต์ ผ่านพอร์ต 12V-2x6 และ GC-HPWR adapter ซึ่งช่วยเพิ่ม headroom สำหรับการโอเวอร์คล็อกได้อีก 10%

    ความพิเศษและข้อจำกัด
    ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ทำให้เป็นของสะสมสำหรับนักเล่นเกมและนักสะสมฮาร์ดแวร์
    มีการเปิดพรีออเดอร์ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี โดยจำกัดการซื้อเพียง 1 ชิ้นต่อคน และหมดสต็อกอย่างรวดเร็ว
    Asus ย้ำว่าการ์ดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “Collector’s GPU” มากกว่าการใช้งานทั่วไป

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดการ์ด
    ราคา 3,999 ดอลลาร์ (แพงกว่าสองเท่าของ Founders Edition)
    ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก
    ใช้ระบบระบายความร้อน copper vapor chamber + พัดลม 4 ตัว

    ฟีเจอร์พิเศษ
    sag detection ตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้ 0.10 องศา
    รองรับพลังงานสูงสุด 800 วัตต์
    เพิ่ม headroom สำหรับโอเวอร์คล็อกอีก 10%

    ข้อควรระวัง
    ราคาสูงเกินกว่าผู้ใช้ทั่วไปจะเข้าถึงได้
    จำนวนจำกัด อาจทำให้ตลาดมือสองมีการโก่งราคา
    การใช้พลังงานสูงอาจต้องใช้ PSU และระบบระบายความร้อนที่แข็งแรงมาก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-luxurious-rtx-5090-gpu-is-twice-as-expensive-as-nvidia-founders-edition-rog-matrix-platinum-geforce-rtx-5090-launches-at-usd3-999-with-just-1-000-units-available
    💎 “Asus เปิดตัว RTX 5090 รุ่นลิมิเต็ด – ราคา $3,999 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้น” Asus ฉลองครบรอบ 30 ปีการผลิตการ์ดจอด้วยการเปิดตัว ROG Matrix Platinum RTX 5090 ที่มีราคาแพงถึง 3,999 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าสองเท่าของรุ่น Founders Edition ของ Nvidia จุดเด่นคือการออกแบบที่หรูหราและระบบระบายความร้อนขั้นสูงที่ใช้ copper vapor chamber และชั้นทองแดงหนา 3 ออนซ์ พร้อมพัดลม 4 ตัว การ์ดรุ่นนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ sag detection ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้เพียง 0.10 องศา เพื่อป้องกันการ์ดที่มีน้ำหนักมากจากการกดทับเมนบอร์ด นอกจากนี้ยังรองรับการดึงพลังงานสูงสุดถึง 800 วัตต์ ผ่านพอร์ต 12V-2x6 และ GC-HPWR adapter ซึ่งช่วยเพิ่ม headroom สำหรับการโอเวอร์คล็อกได้อีก 10% 🏆 ความพิเศษและข้อจำกัด 🔰 ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ทำให้เป็นของสะสมสำหรับนักเล่นเกมและนักสะสมฮาร์ดแวร์ 🔰 มีการเปิดพรีออเดอร์ในบางประเทศ เช่น เยอรมนี โดยจำกัดการซื้อเพียง 1 ชิ้นต่อคน และหมดสต็อกอย่างรวดเร็ว 🔰 Asus ย้ำว่าการ์ดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเป็น “Collector’s GPU” มากกว่าการใช้งานทั่วไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดการ์ด ➡️ ราคา 3,999 ดอลลาร์ (แพงกว่าสองเท่าของ Founders Edition) ➡️ ผลิตเพียง 1,000 ชิ้นทั่วโลก ➡️ ใช้ระบบระบายความร้อน copper vapor chamber + พัดลม 4 ตัว ✅ ฟีเจอร์พิเศษ ➡️ sag detection ตรวจจับการเคลื่อนตัวแม้ 0.10 องศา ➡️ รองรับพลังงานสูงสุด 800 วัตต์ ➡️ เพิ่ม headroom สำหรับโอเวอร์คล็อกอีก 10% ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ราคาสูงเกินกว่าผู้ใช้ทั่วไปจะเข้าถึงได้ ⛔ จำนวนจำกัด อาจทำให้ตลาดมือสองมีการโก่งราคา ⛔ การใช้พลังงานสูงอาจต้องใช้ PSU และระบบระบายความร้อนที่แข็งแรงมาก https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-luxurious-rtx-5090-gpu-is-twice-as-expensive-as-nvidia-founders-edition-rog-matrix-platinum-geforce-rtx-5090-launches-at-usd3-999-with-just-1-000-units-available
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • ชัดแล้วนะ ความกล้าของเขมรที่รุกรานไทยไม่เลิก มาจากการรวมหัววางแผนของทรัมป์และอันวาร์ (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ทรัมป์ #อันวาร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ชัดแล้วนะ ความกล้าของเขมรที่รุกรานไทยไม่เลิก มาจากการรวมหัววางแผนของทรัมป์และอันวาร์ (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #กัมพูชา #ทรัมป์ #อันวาร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ภูมิรัฐศาสตร์ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 0 Reviews
  • อนุทินยันชัด ยุติข้อตกลงเขมร สหรัฐ-มาเลเข้าใจ ไม่โยงภาษีกับการเจรจา (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #กัมพูชา #สหรัฐฯ #มาเลเซีย #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    อนุทินยันชัด ยุติข้อตกลงเขมร สหรัฐ-มาเลเข้าใจ ไม่โยงภาษีกับการเจรจา (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #กัมพูชา #สหรัฐฯ #มาเลเซีย #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 0 Reviews
  • เสียงเล็กๆ จากทหารผู้น้อยที่อยู่ด่านหน้า ทำให้หัวใจคนไทยต้องสั่นสะเทือน (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทหารไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชา #เหตุการณ์ชายแดน #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เสียงเล็กๆ จากทหารผู้น้อยที่อยู่ด่านหน้า ทำให้หัวใจคนไทยต้องสั่นสะเทือน (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทหารไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #กัมพูชา #เหตุการณ์ชายแดน #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 0 Reviews
  • อนุทินไล่เขมรไปทำตามข้อตกลง อันวาร์มีหงายเงิบ อนุทินลั่นตัวกลางไม่จำเป็น (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #กัมพูชา #อันวาร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    อนุทินไล่เขมรไปทำตามข้อตกลง อันวาร์มีหงายเงิบ อนุทินลั่นตัวกลางไม่จำเป็น (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #กัมพูชา #อันวาร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 0 Reviews
  • “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600”

    ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR

    การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา

    ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา

    สรุปสาระสำคัญ
    แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก
    มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600
    Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ

    เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่
    ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983
    ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก
    ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก

    เบื้องหลังการเปิดตัว
    เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun
    เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ

    คำเตือนและข้อคิด
    หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น
    ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้

    https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    🎮 “NES ครบรอบ 40 ปี – ดีไซน์ที่เกือบจะเป็นลายไม้แบบ Atari 2600” ในงาน Portland Retro Gaming Expo 2025 อดีตผู้บริหาร Nintendo of America ได้แก่ Bruce Lowry (VP of Sales), Gail Tilden (ฝ่ายการตลาด), และ Lance Barr (นักออกแบบผลิตภัณฑ์) ได้เล่าย้อนถึงการเปิดตัว NES ในสหรัฐฯ เมื่อปี 1985 พวกเขาเผยว่าในตอนแรกมีการเสนอแบบดีไซน์ที่คล้าย Atari 2600 คือมี ลายไม้และสวิตช์ด้านบน แต่ Barr ปฏิเสธทันที โดยบอกว่า “มันดูแย่มาก” และเลือกแนวทางใหม่ที่ทำให้ NES ดูเหมือนอุปกรณ์บันเทิงภายในบ้าน เช่น Hi-Fi หรือ VCR การตัดสินใจนี้มีความสำคัญมาก เพราะในช่วงนั้นตลาดเกมยังบอบช้ำจาก Video Game Crash ปี 1983 ผู้บริหารจึงต้องการให้ NES ดู “จริงจัง” และไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ดีไซน์ Control Deck ที่เรียบหรูและเข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน จึงช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก นอกจากดีไซน์แล้ว ทีมงานยังเล่าถึงการเปิดตัวอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun และการจัดการกับปัญหาในคลังสินค้าที่เต็มไปด้วย “หนู งู และขยะพิษ” ซึ่งสะท้อนความท้าทายเบื้องหลังการสร้าง NES ให้สำเร็จในตลาดอเมริกา ผลลัพธ์คือ NES ไม่เพียงแค่รอดจากวิกฤต แต่ยัง พลิกฟื้นอุตสาหกรรมเกม และกลายเป็นมาตรฐานใหม่ที่เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Sega Master System และต่อยอดไปสู่ยุค 16-bit เช่น SNES และ Sega Genesis จนทำให้เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมใหญ่กว่าภาพยนตร์และดนตรีในเวลาต่อมา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แผนดีไซน์ NES ในตอนแรก ➡️ มีการเสนอให้ใช้ลายไม้และสวิตช์ด้านบนคล้าย Atari 2600 ➡️ Lance Barr ปฏิเสธและเลือกดีไซน์ Control Deck ที่ดูเหมือนเครื่องเสียง/วิดีโอ ✅ เหตุผลในการเลือกดีไซน์ใหม่ ➡️ ตลาดเกมยังบอบช้ำจากวิกฤตปี 1983 ➡️ ต้องการให้ NES ดูจริงจัง ไม่เหมือนของเล่นราคาถูก ➡️ ดีไซน์ใหม่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคและผู้ค้าปลีก ✅ เบื้องหลังการเปิดตัว ➡️ เปิดตัวพร้อมอุปกรณ์เสริม เช่น Zapper light gun ➡️ เผชิญปัญหาการจัดเก็บสินค้าที่มีหนู งู และขยะพิษ ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ หากเลือกดีไซน์ลายไม้ อาจทำให้ NES ถูกมองว่าเป็นเพียงของเล่น ⛔ ความผิดพลาดด้านภาพลักษณ์อาจทำให้ NES ไม่สามารถฟื้นตลาดเกมได้ https://www.tomshardware.com/video-games/nintendo/the-nes-at-40-employees-reveal-there-were-plans-for-a-woodgrain-veneer-model-to-rival-the-atari-2600
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    The NES at 40: Employees reveal there were plans for a woodgrain veneer model to rival the Atari 2600
    Nintendo of America veterans chatted to a host from the Video Game History Foundation to celebrate the console’s Ruby jubilee.
    0 Comments 0 Shares 17 Views 0 Reviews
  • ร่วมส่งกำลังใจให้ทหารไทยที่ถูกเขมรวางทุ่นต้องเสียขา ได้ลุกขึ้นอีกครั้ง (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทหารไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ร่วมส่งกำลังใจให้ทหารไทยที่ถูกเขมรวางทุ่นต้องเสียขา ได้ลุกขึ้นอีกครั้ง (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทหารไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 0 Reviews
  • เพื่อไทยแถลงอย่างมั่น ฟุ้งสมัยเป็นรบ.ตอบโต้เขมรแบบเด็ดขาด (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เพื่อไทย #การเมืองไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เพื่อไทยแถลงอย่างมั่น ฟุ้งสมัยเป็นรบ.ตอบโต้เขมรแบบเด็ดขาด (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เพื่อไทย #การเมืองไทย #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 12 Views 0 0 Reviews
  • คนไทยงงกับพรรคนี้ ท.เสียขาเงียบกริบ นายกฉีกปฏิญญาโวยวายร้อนรน (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #นายกรัฐมนตรี #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    คนไทยงงกับพรรคนี้ ท.เสียขาเงียบกริบ นายกฉีกปฏิญญาโวยวายร้อนรน (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #การเมืองไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #นายกรัฐมนตรี #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 0 Reviews
  • เค้าว่ากันว่าบิ๊กกุ้งถูกเบรคให้สัมภาษณ์เรื่องชายแดน (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กกุ้ง #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    เค้าว่ากันว่าบิ๊กกุ้งถูกเบรคให้สัมภาษณ์เรื่องชายแดน (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #บิ๊กกุ้ง #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 0 Reviews
  • ดร.มัลลิกาใบ้ให้แล้ว คนห้ามบิ๊กกุ้งพูดเรื่องชายแดนคือคนนี้ (17/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ดรมัลลิกา #บิ๊กกุ้ง #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ดร.มัลลิกาใบ้ให้แล้ว คนห้ามบิ๊กกุ้งพูดเรื่องชายแดนคือคนนี้ (17/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ดรมัลลิกา #บิ๊กกุ้ง #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมืองไทย #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 0 Reviews
  • “AI กำลังทำลาย Wikipedia – การศึกษาอาจเป็นทางรอด”

    บทความโดย Nadav Ziv และ Sam Wineburg ระบุว่า AI กำลังดูดข้อมูลจาก Wikipedia โดยไม่คืนทราฟฟิกกลับมา ทำให้ระบบนิเวศข้อมูลที่พึ่งพาการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครเสี่ยงต่อการเสื่อมสลาย แม้ Wikipedia จะถูกมองว่าไม่เชื่อถือได้ในโรงเรียน แต่จริง ๆ แล้วมีความแม่นยำสูง และถูกใช้โดยแพทย์และนักตรวจสอบข้อเท็จจริง

    ตัวอย่างที่ชัดคือโฆษณาของบริษัท AI อย่าง Perplexity ที่นำเสนอความสะดวกสบายในการให้คำตอบสั้น ๆ โดยไม่ต้องคลิกแหล่งข้อมูลใด ๆ แม้จะมีการใส่ลิงก์ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ปัญหานี้สะท้อนว่า AI กำลัง “ตัดขาดข้อมูลจากแหล่งกำเนิด” และทำให้ผู้ใช้พอใจในคำตอบที่ถูกตัดทอน

    นอกจากนี้ AI ยังส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น ๆ เช่น เว็บไซต์ข่าว ที่สูญเสียทราฟฟิกไปกว่า 35% เมื่อผู้ใช้พอใจกับสรุปที่ AI สร้างขึ้น ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่เสิร์ชเอนจินอย่าง AltaVista พยายามกักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา ต่างจาก Google ที่เคยช่วยส่งผู้ใช้ไปยังแหล่งข้อมูลจริง

    ผู้เขียนเสนอว่า การศึกษาเป็นทางออก โดยการสอนให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังข้อมูล และฝึกการคลิกกลับไปยังต้นทาง งานวิจัยในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงของการฝึกอบรมก็สามารถเพิ่มทักษะการตัดสินใจเชิงข้อมูลได้อย่างมาก การศึกษาเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เป็นเพียงผู้รับข้อมูลแบบ Passive แต่กลายเป็นผู้ตรวจสอบและผู้มีส่วนร่วมเชิงวิพากษ์

    สรุปสาระสำคัญ
    ปัญหาที่ Wikipedia เผชิญ
    AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่คืนทราฟฟิก
    ผู้ใช้พอใจกับคำตอบที่ถูกตัดทอน ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง
    ส่งผลให้แรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาคุณภาพลดลง

    ผลกระทบต่อระบบนิเวศข้อมูล
    เว็บไซต์ข่าวสูญเสียทราฟฟิกกว่า 35%
    AI สร้างระบบที่กักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์ม คล้ายเสิร์ชเอนจินยุคแรก

    ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา
    ใช้การศึกษาเพื่อสอนผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูล
    ฝึกให้คลิกกลับไปยังต้นทางและประเมินความน่าเชื่อถือ
    เปลี่ยนผู้ใช้จากผู้รับข้อมูลแบบ Passive เป็นผู้ตรวจสอบเชิงวิพากษ์

    คำเตือนจากบทความ
    หากผู้ใช้ยังคงพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำให้ข้อมูลคุณภาพหายไป
    ระบบนิเวศความรู้เสี่ยงต่อการเสื่อมสลายเมื่อแรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาลดลง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/opinion-how-to-save-wikipedia-from-ai
    🌐 “AI กำลังทำลาย Wikipedia – การศึกษาอาจเป็นทางรอด” บทความโดย Nadav Ziv และ Sam Wineburg ระบุว่า AI กำลังดูดข้อมูลจาก Wikipedia โดยไม่คืนทราฟฟิกกลับมา ทำให้ระบบนิเวศข้อมูลที่พึ่งพาการมีส่วนร่วมของอาสาสมัครเสี่ยงต่อการเสื่อมสลาย แม้ Wikipedia จะถูกมองว่าไม่เชื่อถือได้ในโรงเรียน แต่จริง ๆ แล้วมีความแม่นยำสูง และถูกใช้โดยแพทย์และนักตรวจสอบข้อเท็จจริง ตัวอย่างที่ชัดคือโฆษณาของบริษัท AI อย่าง Perplexity ที่นำเสนอความสะดวกสบายในการให้คำตอบสั้น ๆ โดยไม่ต้องคลิกแหล่งข้อมูลใด ๆ แม้จะมีการใส่ลิงก์ แต่ผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ปัญหานี้สะท้อนว่า AI กำลัง “ตัดขาดข้อมูลจากแหล่งกำเนิด” และทำให้ผู้ใช้พอใจในคำตอบที่ถูกตัดทอน นอกจากนี้ AI ยังส่งผลกระทบต่อสื่ออื่น ๆ เช่น เว็บไซต์ข่าว ที่สูญเสียทราฟฟิกไปกว่า 35% เมื่อผู้ใช้พอใจกับสรุปที่ AI สร้างขึ้น ปรากฏการณ์นี้คล้ายกับยุคแรกของอินเทอร์เน็ตที่เสิร์ชเอนจินอย่าง AltaVista พยายามกักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์มเพื่อสร้างรายได้จากโฆษณา ต่างจาก Google ที่เคยช่วยส่งผู้ใช้ไปยังแหล่งข้อมูลจริง ผู้เขียนเสนอว่า การศึกษาเป็นทางออก โดยการสอนให้ผู้ใช้ตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังข้อมูล และฝึกการคลิกกลับไปยังต้นทาง งานวิจัยในหลายประเทศแสดงให้เห็นว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงของการฝึกอบรมก็สามารถเพิ่มทักษะการตัดสินใจเชิงข้อมูลได้อย่างมาก การศึกษาเช่นนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่เป็นเพียงผู้รับข้อมูลแบบ Passive แต่กลายเป็นผู้ตรวจสอบและผู้มีส่วนร่วมเชิงวิพากษ์ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ปัญหาที่ Wikipedia เผชิญ ➡️ AI ดึงข้อมูลไปใช้โดยไม่คืนทราฟฟิก ➡️ ผู้ใช้พอใจกับคำตอบที่ถูกตัดทอน ไม่คลิกกลับไปยังต้นทาง ➡️ ส่งผลให้แรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาคุณภาพลดลง ✅ ผลกระทบต่อระบบนิเวศข้อมูล ➡️ เว็บไซต์ข่าวสูญเสียทราฟฟิกกว่า 35% ➡️ AI สร้างระบบที่กักผู้ใช้ไว้ในแพลตฟอร์ม คล้ายเสิร์ชเอนจินยุคแรก ✅ ข้อเสนอเพื่อแก้ปัญหา ➡️ ใช้การศึกษาเพื่อสอนผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูล ➡️ ฝึกให้คลิกกลับไปยังต้นทางและประเมินความน่าเชื่อถือ ➡️ เปลี่ยนผู้ใช้จากผู้รับข้อมูลแบบ Passive เป็นผู้ตรวจสอบเชิงวิพากษ์ ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ หากผู้ใช้ยังคงพึ่งพา AI โดยไม่ตรวจสอบ อาจทำให้ข้อมูลคุณภาพหายไป ⛔ ระบบนิเวศความรู้เสี่ยงต่อการเสื่อมสลายเมื่อแรงจูงใจในการสร้างเนื้อหาลดลง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/15/opinion-how-to-save-wikipedia-from-ai
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: How to save Wikipedia from AI
    The volunteer-run online encyclopaedia just issued a stark warning: AI is exploiting the site's data, siphoning off its traffic, and threatening its future.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • “การเตรียมไม่ใช่การทำ – บทเรียนจาก Strangest Loop”

    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า หลายครั้งเรามักจะใช้เวลามากมายไปกับการเตรียมตัว เช่น การทำ To-do list, การบอกเพื่อนว่าจะทำ, การเขียนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การอ่านคู่มือ แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่การลงมือทำจริง ๆ ผู้เขียนย้ำว่า “การทำสิ่งนั้นจริง ๆ เท่านั้นที่เป็นการทำ”

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การเตรียมการเหล่านี้มักทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังมีความก้าวหน้า ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงการสร้างภาพลวงตาของ Productivity ตัวอย่างเช่น การจัดตารางเวลา การบ่นกับตัวเอง หรือการจินตนาการถึงคำชมที่จะได้รับหลังจากทำเสร็จ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่ไม่ทำให้เป้าหมายขยับเข้าใกล้ขึ้นเลย

    บทความยังสะท้อนถึงความจริงที่ว่า แม้แต่การอ่านบทความนี้เองก็ไม่ใช่การทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ แต่เป็นเพียงการเสริมแรงจูงใจหรือการเลี่ยงการลงมือจริง ๆ ผู้เขียนจึงทิ้งท้ายว่า “The only thing that is doing the thing is doing the thing” ซึ่งเป็นประโยคเตือนใจให้เราหยุดเสียเวลาในสิ่งที่ไม่ใช่การทำจริง

    สรุปสาระสำคัญ
    สิ่งที่ไม่ใช่การทำจริง
    การทำ To-do list หรือการจัดตารางเวลา
    การบอกคนอื่นว่าจะทำ
    การเขียนโพสต์หรือทวีตเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำ
    การอ่านคู่มือหรือบทความเกี่ยวกับการทำ

    สิ่งที่ทำให้เราหลงคิดว่ากำลังทำ
    การบ่นกับตัวเองหรือคนอื่น
    การจินตนาการถึงผลลัพธ์และคำชม
    การโทษอุปสรรคหรือเปรียบเทียบกับคนอื่น

    คำเตือนจากบทความ
    การเตรียมการมากเกินไปอาจกลายเป็นการเลี่ยงการลงมือจริง
    แม้แต่การอ่านบทความนี้ก็ไม่ใช่การทำสิ่งที่ตั้งใจไว้
    Productivity ที่เป็นภาพลวงตาอาจทำให้เราติดอยู่กับการ “เตรียม” ตลอดไป

    https://strangestloop.io/essays/things-that-arent-doing-the-thing
    📝 “การเตรียมไม่ใช่การทำ – บทเรียนจาก Strangest Loop” บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า หลายครั้งเรามักจะใช้เวลามากมายไปกับการเตรียมตัว เช่น การทำ To-do list, การบอกเพื่อนว่าจะทำ, การเขียนโพสต์บนโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การอ่านคู่มือ แต่ทั้งหมดนั้นไม่ใช่การลงมือทำจริง ๆ ผู้เขียนย้ำว่า “การทำสิ่งนั้นจริง ๆ เท่านั้นที่เป็นการทำ” สิ่งที่น่าสนใจคือ การเตรียมการเหล่านี้มักทำให้เรารู้สึกเหมือนกำลังมีความก้าวหน้า ทั้งที่จริงแล้วเป็นเพียงการสร้างภาพลวงตาของ Productivity ตัวอย่างเช่น การจัดตารางเวลา การบ่นกับตัวเอง หรือการจินตนาการถึงคำชมที่จะได้รับหลังจากทำเสร็จ ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกดี แต่ไม่ทำให้เป้าหมายขยับเข้าใกล้ขึ้นเลย บทความยังสะท้อนถึงความจริงที่ว่า แม้แต่การอ่านบทความนี้เองก็ไม่ใช่การทำสิ่งที่เราตั้งใจไว้ แต่เป็นเพียงการเสริมแรงจูงใจหรือการเลี่ยงการลงมือจริง ๆ ผู้เขียนจึงทิ้งท้ายว่า “The only thing that is doing the thing is doing the thing” ซึ่งเป็นประโยคเตือนใจให้เราหยุดเสียเวลาในสิ่งที่ไม่ใช่การทำจริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สิ่งที่ไม่ใช่การทำจริง ➡️ การทำ To-do list หรือการจัดตารางเวลา ➡️ การบอกคนอื่นว่าจะทำ ➡️ การเขียนโพสต์หรือทวีตเกี่ยวกับสิ่งที่จะทำ ➡️ การอ่านคู่มือหรือบทความเกี่ยวกับการทำ ✅ สิ่งที่ทำให้เราหลงคิดว่ากำลังทำ ➡️ การบ่นกับตัวเองหรือคนอื่น ➡️ การจินตนาการถึงผลลัพธ์และคำชม ➡️ การโทษอุปสรรคหรือเปรียบเทียบกับคนอื่น ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ การเตรียมการมากเกินไปอาจกลายเป็นการเลี่ยงการลงมือจริง ⛔ แม้แต่การอ่านบทความนี้ก็ไม่ใช่การทำสิ่งที่ตั้งใจไว้ ⛔ Productivity ที่เป็นภาพลวงตาอาจทำให้เราติดอยู่กับการ “เตรียม” ตลอดไป https://strangestloop.io/essays/things-that-arent-doing-the-thing
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • “UPS เรียกเก็บภาษีผิดพลาด – ค่าธรรมเนียมสูงกว่าสินค้าเกือบสองเท่า”

    เรื่องราวเริ่มจากการที่ผู้เขียนสั่งซื้อ Apple Network Server logic board และการ์ดวิดีโอ Twin Turbo จากผู้ขายในสหภาพยุโรป รวมมูลค่า 355 ดอลลาร์พร้อมค่าขนส่ง UPS อีก 48 ดอลลาร์ สินค้าเหล่านี้เป็น New Old Stock ที่ Apple เคยผลิตแต่ไม่ได้จำหน่าย และถูกจัดเก็บไว้เป็นอะไหล่บริการ

    เมื่อสินค้าถูกส่งออก UPS แจ้งว่าต้องเสียภาษีตาม Section 232 Tariffs เกี่ยวกับเหล็กและอะลูมิเนียม แม้สินค้าจะเป็นบอร์ดวงจรที่แทบไม่มีเหล็กหรืออะลูมิเนียม ผู้เขียนจึงกรอกแบบฟอร์มระบุว่ามีเพียงเหล็กเล็กน้อยจากขอบการ์ด แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย UPS กลับเรียกเก็บค่าภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสินค้าเกือบสองเท่า

    ผู้เขียนจำเป็นต้องจ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีก จากนั้นจึงติดต่อ UPS เพื่ออุทธรณ์ โดยใช้เวลาหลายวันและต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม สุดท้าย UPS ยอมแก้ไขใบแจ้งหนี้ใหม่ โดยปรับรหัสภาษีศุลกากร (HTSUS) และลดค่าภาษีเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินส่วนต่างกว่า 600 ดอลลาร์ภายใน 2–6 สัปดาห์

    บทเรียนจากเหตุการณ์
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการจัดเก็บภาษีศุลกากรมีความซับซ้อนและอาจผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อบริษัทขนส่งอย่าง UPS ทำหน้าที่เป็น importer of record และคำนวณภาษีล่วงหน้าแทนลูกค้า หากลูกค้าไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ ก็อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ไม่ถูกต้อง

    ผู้เขียนแนะนำว่า หากเจอกรณีคล้ายกัน ควรจ่ายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง แต่ต้องรีบอุทธรณ์ทันที เพราะการเก็บสินค้าในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันและอาจทำให้เสียเงินมากกว่าเดิม

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์การเรียกเก็บภาษีผิดพลาด
    สั่งซื้ออะไหล่วินเทจมูลค่า 355 ดอลลาร์จากยุโรป
    UPS เรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์
    หลังอุทธรณ์ ลดเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์

    การตอบสนองของผู้เขียน
    จ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง
    ติดต่อ UPS หลายครั้งและส่งเอกสารอุทธรณ์
    ได้รับการแก้ไขและสัญญาคืนเงินส่วนต่าง

    คำเตือนสำหรับผู้ซื้อสินค้านำเข้า
    บริษัทขนส่งอาจคำนวณภาษีผิดพลาดและเรียกเก็บเกินจริง
    หากไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ อาจเสียเงินมากกว่ามูลค่าสินค้า
    การปล่อยให้สินค้าถูกเก็บในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันสูง

    https://oldvcr.blogspot.com/2025/11/when-ups-charged-me-684-tariff-on-355.html
    📦 “UPS เรียกเก็บภาษีผิดพลาด – ค่าธรรมเนียมสูงกว่าสินค้าเกือบสองเท่า” เรื่องราวเริ่มจากการที่ผู้เขียนสั่งซื้อ Apple Network Server logic board และการ์ดวิดีโอ Twin Turbo จากผู้ขายในสหภาพยุโรป รวมมูลค่า 355 ดอลลาร์พร้อมค่าขนส่ง UPS อีก 48 ดอลลาร์ สินค้าเหล่านี้เป็น New Old Stock ที่ Apple เคยผลิตแต่ไม่ได้จำหน่าย และถูกจัดเก็บไว้เป็นอะไหล่บริการ เมื่อสินค้าถูกส่งออก UPS แจ้งว่าต้องเสียภาษีตาม Section 232 Tariffs เกี่ยวกับเหล็กและอะลูมิเนียม แม้สินค้าจะเป็นบอร์ดวงจรที่แทบไม่มีเหล็กหรืออะลูมิเนียม ผู้เขียนจึงกรอกแบบฟอร์มระบุว่ามีเพียงเหล็กเล็กน้อยจากขอบการ์ด แต่เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย UPS กลับเรียกเก็บค่าภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าสินค้าเกือบสองเท่า ผู้เขียนจำเป็นต้องจ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นอีก จากนั้นจึงติดต่อ UPS เพื่ออุทธรณ์ โดยใช้เวลาหลายวันและต้องส่งเอกสารเพิ่มเติม สุดท้าย UPS ยอมแก้ไขใบแจ้งหนี้ใหม่ โดยปรับรหัสภาษีศุลกากร (HTSUS) และลดค่าภาษีเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ พร้อมสัญญาว่าจะคืนเงินส่วนต่างกว่า 600 ดอลลาร์ภายใน 2–6 สัปดาห์ 🛠️ บทเรียนจากเหตุการณ์ เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบการจัดเก็บภาษีศุลกากรมีความซับซ้อนและอาจผิดพลาดได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อบริษัทขนส่งอย่าง UPS ทำหน้าที่เป็น importer of record และคำนวณภาษีล่วงหน้าแทนลูกค้า หากลูกค้าไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ ก็อาจต้องจ่ายค่าธรรมเนียมที่ไม่ถูกต้อง ผู้เขียนแนะนำว่า หากเจอกรณีคล้ายกัน ควรจ่ายก่อนเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง แต่ต้องรีบอุทธรณ์ทันที เพราะการเก็บสินค้าในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันและอาจทำให้เสียเงินมากกว่าเดิม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์การเรียกเก็บภาษีผิดพลาด ➡️ สั่งซื้ออะไหล่วินเทจมูลค่า 355 ดอลลาร์จากยุโรป ➡️ UPS เรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมรวมกว่า 711 ดอลลาร์ ➡️ หลังอุทธรณ์ ลดเหลือเพียง 51.30 ดอลลาร์ ✅ การตอบสนองของผู้เขียน ➡️ จ่ายทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บสินค้าในคลัง ➡️ ติดต่อ UPS หลายครั้งและส่งเอกสารอุทธรณ์ ➡️ ได้รับการแก้ไขและสัญญาคืนเงินส่วนต่าง ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ซื้อสินค้านำเข้า ⛔ บริษัทขนส่งอาจคำนวณภาษีผิดพลาดและเรียกเก็บเกินจริง ⛔ หากไม่ตรวจสอบหรืออุทธรณ์ อาจเสียเงินมากกว่ามูลค่าสินค้า ⛔ การปล่อยให้สินค้าถูกเก็บในคลังจะมีค่าธรรมเนียมรายวันสูง https://oldvcr.blogspot.com/2025/11/when-ups-charged-me-684-tariff-on-355.html
    OLDVCR.BLOGSPOT.COM
    When UPS charged me a $684 tariff on $355 of vintage computer parts
    I try not to write anything even vaguely political on this blog because we have a variety of views on a variety of subjects and no one is ...
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต”

    บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ

    Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น

    เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง

    แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิด Selective Agency
    คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน
    มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่

    ตัวอย่างจากชีวิตจริง
    Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี
    สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย

    การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป
    นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์
    คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร

    คำเตือนและข้อคิด
    ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง
    การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด

    https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    📰 “Selective Agency – ทำไมเราถึงไม่พยายามจริงในบางเรื่องของชีวิต” บทความเริ่มจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Cate Hall ที่เผชิญกับการถูกสตอล์กออนไลน์อย่างรุนแรง เธอเลือกที่จะ “นิ่งเฉย” อยู่หลายปี แม้จะมีความสามารถและทรัพยากรในการแก้ปัญหา แต่กลับไม่ลงมือจริงจัง จนกระทั่งสามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจต่างประเทศ ทำให้สถานการณ์คลี่คลายลง เหตุการณ์นี้ทำให้เธอตระหนักว่า ที่ผ่านมาเธอไม่ได้ “Actually Trying” หรือพยายามจริง ๆ Cate อธิบายว่า คนเรามักจะมี Selective Agency คือมีความสามารถสูงในบางด้าน เช่น การทำงานหรือการสร้างนวัตกรรม แต่กลับใช้วิธีแก้ปัญหาแบบเดิม ๆ ที่ไม่ก้าวหน้าในอีกด้านหนึ่ง เช่น ความสัมพันธ์หรือสุขภาพจิต เรามักจะติดอยู่กับแนวทางที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ และไม่กลับมาทบทวนใหม่เมื่อเรามีศักยภาพมากขึ้น เธอยกตัวอย่างว่า หลายคนที่เป็นนักนวัตกรรมเก่ง ๆ สามารถสร้างผลิตภัณฑ์ระดับโลก แต่กลับบ่นว่า “ไม่มีคนดี ๆ ในแอปหาคู่” หรือคนที่เคยลองบำบัดเมื่ออายุ 20 แล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับว่า “ฉันเป็นคนวิตกกังวลตลอดไป” โดยไม่กลับมาลองวิธีใหม่ ๆ ทั้งที่ในงาน พวกเขาใช้ความพยายามและความคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง แนวคิดนี้เชื่อมโยงกับ Alexander Technique เรื่อง “Faulty sensory appreciation” ที่บอกว่า สิ่งที่เรารู้สึกว่า “ถูกต้อง” อาจเป็นเพียงความเคยชินที่ผิด เช่น การเกร็งร่างกายจนรู้สึกเหมือนยืนตัวตรง ทั้งที่จริง ๆ ไม่ใช่ เช่นเดียวกัน ความพยายามที่ใช้แรงใจมาก ๆ อาจทำให้เราหลงคิดว่าเรากำลัง “พยายามจริง” ทั้งที่จริงแล้วเรายังไม่ได้ใช้ทรัพยากรและความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มที่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิด Selective Agency ➡️ คนเรามีความสามารถสูงในบางด้าน แต่ไม่ใช้ศักยภาพเต็มที่ในอีกด้าน ➡️ มักติดอยู่กับวิธีแก้ปัญหาเดิม ๆ ที่เคยใช้เมื่อยังไม่โตเต็มที่ ✅ ตัวอย่างจากชีวิตจริง ➡️ Cate Hall ถูกสตอล์กออนไลน์ แต่เลือกนิ่งเฉยหลายปี ➡️ สามีเข้ามาช่วยติดต่อ FBI และตำรวจ ทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ✅ การเปรียบเทียบกับชีวิตคนทั่วไป ➡️ นักนวัตกรรมเก่ง ๆ แต่ไม่พยายามจริงในความสัมพันธ์ ➡️ คนที่เคยลองบำบัดแล้วไม่เวิร์ก ก็ยอมรับปัญหาเป็นนิสัยถาวร ‼️ คำเตือนและข้อคิด ⛔ ความรู้สึกว่า “พยายามแล้ว” อาจเป็นเพียงการใช้แรงใจ ไม่ใช่การใช้ทรัพยากรจริง ⛔ การไม่กลับมาทบทวนวิธีแก้ปัญหาใหม่ อาจทำให้เราติดอยู่กับปัญหาเดิมไปตลอด https://usefulfictions.substack.com/p/maybe-youre-not-actually-trying
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • “Zigbook – คู่มือเรียนรู้ภาษา Zig ที่เปลี่ยนวิธีคิดการเขียนโปรแกรม”

    Zigbook ไม่ใช่แค่ตำราเพิ่มทักษะการเขียนโปรแกรม แต่เป็นการนำเสนอ ปรัชญาใหม่ในการคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเน้นว่า “คุณมาเพื่อเรียน Syntax แต่คุณจะจากไปพร้อมปรัชญา” ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ Zig ไม่ใช่เพียงการจำคำสั่ง แต่คือการเข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบระบบ

    คู่มือนี้ประกอบด้วยกว่า 61 บทเรียนที่เป็น Project-based หรือเน้นการทำโปรเจกต์จริง ผู้เรียนจะได้ฝึกสร้างโปรแกรมตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง จุดเด่นคือการไม่พึ่งพา AI ในการสอน แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจด้วยตนเองและสามารถต่อยอดได้อย่างมั่นคง

    สิ่งที่ทำให้ Zigbook น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่าง คู่มือเชิงเทคนิค และ แนวคิดเชิงปรัชญา ผู้เรียนจะได้ทั้งความรู้ด้าน Syntax, การจัดการหน่วยความจำ, และการออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนวคิดว่าการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่การแก้โจทย์ แต่คือการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืน

    นอกจากนี้ Zigbook ยังเป็น Open-source ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ฟรี และมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนผู้ใช้ Zig จุดนี้ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือเองด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิดหลักของ Zigbook
    ไม่ใช่แค่การเรียน Syntax แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์
    เน้นการเรียนรู้เชิงปรัชญาและการออกแบบระบบ

    โครงสร้างการเรียนรู้
    มีทั้งหมดกว่า 61 บทเรียน
    ใช้การเรียนแบบ Project-based เพื่อฝึกทักษะจริง
    ไม่พึ่งพา AI แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย

    คุณสมบัติเด่น
    เป็นคู่มือ Open-source ที่เข้าถึงได้ฟรี
    มีการอัปเดตและพัฒนาโดยชุมชนผู้ใช้ Zig

    คำเตือนสำหรับผู้เรียน
    Zig เป็นภาษาใหม่ที่อาจมีชุมชนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับภาษาอื่น
    ผู้เรียนต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการทำโปรเจกต์จริงเพื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

    https://www.zigbook.net/
    📘 “Zigbook – คู่มือเรียนรู้ภาษา Zig ที่เปลี่ยนวิธีคิดการเขียนโปรแกรม” Zigbook ไม่ใช่แค่ตำราเพิ่มทักษะการเขียนโปรแกรม แต่เป็นการนำเสนอ ปรัชญาใหม่ในการคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ผู้สร้างเน้นว่า “คุณมาเพื่อเรียน Syntax แต่คุณจะจากไปพร้อมปรัชญา” ซึ่งสะท้อนว่าการเรียนรู้ Zig ไม่ใช่เพียงการจำคำสั่ง แต่คือการเข้าใจวิธีคิดที่อยู่เบื้องหลังการออกแบบระบบ คู่มือนี้ประกอบด้วยกว่า 61 บทเรียนที่เป็น Project-based หรือเน้นการทำโปรเจกต์จริง ผู้เรียนจะได้ฝึกสร้างโปรแกรมตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์จริง จุดเด่นคือการไม่พึ่งพา AI ในการสอน แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่ชัดเจน เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจด้วยตนเองและสามารถต่อยอดได้อย่างมั่นคง สิ่งที่ทำให้ Zigbook น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่าง คู่มือเชิงเทคนิค และ แนวคิดเชิงปรัชญา ผู้เรียนจะได้ทั้งความรู้ด้าน Syntax, การจัดการหน่วยความจำ, และการออกแบบระบบที่มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนวคิดว่าการเขียนโปรแกรมไม่ใช่แค่การแก้โจทย์ แต่คือการสร้างสิ่งที่มีคุณค่าและยั่งยืน นอกจากนี้ Zigbook ยังเป็น Open-source ทำให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ฟรี และมีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่องโดยชุมชนผู้ใช้ Zig จุดนี้ช่วยสร้างวัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน และเปิดโอกาสให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการพัฒนาคู่มือเองด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ Zigbook ➡️ ไม่ใช่แค่การเรียน Syntax แต่คือการเปลี่ยนวิธีคิดเกี่ยวกับซอฟต์แวร์ ➡️ เน้นการเรียนรู้เชิงปรัชญาและการออกแบบระบบ ✅ โครงสร้างการเรียนรู้ ➡️ มีทั้งหมดกว่า 61 บทเรียน ➡️ ใช้การเรียนแบบ Project-based เพื่อฝึกทักษะจริง ➡️ ไม่พึ่งพา AI แต่ใช้การอธิบายและตัวอย่างที่เข้าใจง่าย ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ เป็นคู่มือ Open-source ที่เข้าถึงได้ฟรี ➡️ มีการอัปเดตและพัฒนาโดยชุมชนผู้ใช้ Zig ‼️ คำเตือนสำหรับผู้เรียน ⛔ Zig เป็นภาษาใหม่ที่อาจมีชุมชนเล็กกว่าเมื่อเทียบกับภาษาอื่น ⛔ ผู้เรียนต้องใช้เวลาและความตั้งใจในการทำโปรเจกต์จริงเพื่อเข้าใจอย่างลึกซึ้ง https://www.zigbook.net/
    WWW.ZIGBOOK.NET
    Zigbook – Learn the Zig Programming Language
    Zigbook is a comprehensive, open-source guide to the Zig programming language, packed with hands-on chapters, projects, and real-world examples.
    0 Comments 0 Shares 13 Views 0 Reviews
  • “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์”

    ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน

    ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม

    สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย

    แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย

    สรุปสาระสำคัญ
    เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล
    เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้
    Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์
    มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน

    การตอบสนองของ Coinbase
    ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ
    เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี
    ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย

    ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้
    ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้
    ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์
    การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง

    https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    🛡️ “Coinbase ถูกโจมตีข้อมูลครั้งใหญ่ – Insider Threat และการเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์” ในเดือนมกราคม 2025 มีผู้ใช้ Coinbase รายหนึ่งถูกโจมตีด้วยอีเมลและโทรศัพท์ที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายป้องกันการฉ้อโกงของบริษัท โดยผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น หมายเลขประกันสังคม ยอดคงเหลือ Bitcoin และรายละเอียดบัญชีที่ไม่ควรเปิดเผยได้ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าการโจมตีไม่ได้เป็นเพียง Phishing ธรรมดา แต่เป็นการใช้ข้อมูลภายในที่ถูกขโมยมาอย่างชัดเจน ต่อมาในเดือนพฤษภาคม 2025 Coinbase ได้รับอีเมลจากกลุ่มแฮกเกอร์ที่อ้างว่ามีข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก พร้อมเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์เพื่อไม่ให้เปิดเผยข้อมูล บริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายเงิน แต่กลับแจ้งต่อสาธารณะและยื่นรายงานต่อ SEC โดยยืนยันว่ามีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ภาพบัตรประชาชน และประวัติธุรกรรม สิ่งที่น่ากังวลคือการโจมตีครั้งนี้เกิดจากการที่พนักงาน Outsource ในต่างประเทศถูกติดสินบนให้เปิดเผยข้อมูลภายในระบบบริการลูกค้า การรั่วไหลเช่นนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างการหลอกลวงที่สมจริงมากขึ้น เช่น โทรศัพท์ปลอมที่ดูเหมือนจาก Coinbase และอีเมลที่มีการตรวจสอบ DKIM ผ่าน ทำให้ผู้ใช้หลงเชื่อได้ง่าย แม้ Coinbase จะยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย แต่ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ในอนาคต เช่น การหลอกให้ผู้ใช้ย้ายเงินไปยัง Wallet ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ หรือการโจมตีแบบ SIM-swap เพื่อยึดการยืนยันตัวตนสองชั้น เหตุการณ์นี้จึงเป็นบทเรียนสำคัญว่าการรักษาความปลอดภัยไม่ใช่แค่การป้องกันระบบ แต่ต้องควบคุมการเข้าถึงข้อมูลของบุคลากรด้วย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เหตุการณ์การโจมตีและการรั่วไหลข้อมูล ➡️ เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 โดยมีการใช้ข้อมูลภายในโจมตีผู้ใช้ ➡️ Coinbase เปิดเผยอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังถูกเรียกค่าไถ่ 20 ล้านดอลลาร์ ➡️ มีผู้ใช้กว่า 69,000 รายได้รับผลกระทบ ข้อมูลที่รั่วไหลรวมถึงชื่อ เบอร์โทร อีเมล และภาพบัตรประชาชน ✅ การตอบสนองของ Coinbase ➡️ ปฏิเสธการจ่ายค่าไถ่ และเลือกเปิดเผยต่อสาธารณะ ➡️ เสนอเงินรางวัล 20 ล้านดอลลาร์สำหรับข้อมูลนำไปสู่การจับกุมผู้โจมตี ➡️ ยืนยันว่าไม่มีรหัสผ่านหรือ Private Key ถูกขโมย ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ ข้อมูลส่วนตัวที่รั่วไหลสามารถนำไปใช้โจมตีแบบ Social Engineering ได้ ⛔ ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกหลอกให้ย้ายเงินไปยัง Wallet ของแฮกเกอร์ ⛔ การโจมตีแบบ SIM-swap และการปลอมแปลงอีเมล/โทรศัพท์ยังคงเป็นภัยที่ต้องระวัง https://jonathanclark.com/posts/coinbase-breach-timeline.html
    JONATHANCLARK.COM
    Coinbase Data Breach Timeline Doesn't Add Up
    I have recordings and emails showing attacks months before Coinbase's 'discovery'. Timeline, headers, and audio evidence.
    0 Comments 0 Shares 8 Views 0 Reviews
  • Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว

    บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง

    การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ
    นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี

    เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง
    สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ

    ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI
    หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา:
    นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว
    นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน
    สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    สรุปสาระสำคัญ
    Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio
    ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ
    อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2%

    โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning
    สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร
    ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง

    ผลกระทบต่อวงการ
    นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร
    นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่
    อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน

    https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    🤖 Google อาจแก้ปัญหาเก่าแก่ของ AI ได้แล้ว บทความจาก Generative History เปิดเผยว่า Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ซึ่งมีความสามารถเหนือความคาดหมาย ทั้งการถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ และยังแสดงพฤติกรรมที่คล้ายการใช้เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ (symbolic reasoning) โดยไม่ได้ถูกสั่งให้ทำโดยตรง ✍️ การถอดความลายมือระดับผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยทดลองให้โมเดลนี้ถอดความเอกสารโบราณที่มีลายมืออ่านยาก ผลลัพธ์คือ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ซึ่งใกล้เคียงกับระดับผู้เชี่ยวชาญด้าน paleography ที่ทำงานจริง ๆ ความสำเร็จนี้ถือเป็นก้าวกระโดด เพราะปัญหาการอ่านลายมือเป็นหนึ่งในโจทย์ที่นักวิจัย AI พยายามแก้มานานกว่า 70 ปี 🧩 เหตุผลเชิงสัญลักษณ์ที่เกิดขึ้นเอง สิ่งที่น่าตื่นเต้นคือโมเดลไม่ได้เพียงแค่ถอดความ แต่ยังสามารถ ตีความข้อมูลเชิงบริบทและตัวเลขในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การเจอข้อความ “145” ในบัญชีพ่อค้าโบราณ โมเดลสามารถอนุมานได้ว่าเป็น “14 ปอนด์ 5 ออนซ์” โดยใช้การคำนวณย้อนกลับจากราคาสินค้าและระบบเงินตราในศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงการใช้เหตุผลหลายขั้นตอนโดยไม่ถูกสั่งให้ทำ 🌍 ผลกระทบต่อวงการวิชาการและ AI 🔰 หากผลลัพธ์นี้สามารถทำซ้ำได้อย่างต่อเนื่อง จะหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายสาขา: 🔰 นักประวัติศาสตร์ จะสามารถใช้ AI ถอดความเอกสารโบราณได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว 🔰 นักวิจัย AI จะได้หลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเองจากการขยายขนาดโมเดลและการฝึกกับข้อมูลที่ซับซ้อน 🔰 สังคมโดยรวม อาจได้เห็น AI ที่ไม่เพียงแค่ “ทำนายคำถัดไป” แต่ยังสามารถเข้าใจและตีความโลกได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google กำลังทดสอบโมเดลใหม่ใน AI Studio ➡️ ถอดความลายมือโบราณได้เกือบสมบูรณ์แบบ ➡️ อัตราความผิดพลาดต่ำกว่า 2% ✅ โมเดลแสดงพฤติกรรม reasoning ➡️ สามารถตีความตัวเลขและบริบทในเอกสาร ➡️ ใช้การคำนวณย้อนกลับเพื่อหาความหมายที่ถูกต้อง ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ นักประวัติศาสตร์ได้เครื่องมือใหม่ในการถอดความเอกสาร ➡️ นักวิจัย AI มีหลักฐานว่าการ reasoning อาจเกิดขึ้นเอง ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าผลลัพธ์ทำซ้ำได้เสมอหรือไม่ ⛔ อาจเกิดการตีความผิดพลาดหากข้อมูลไม่ครบถ้วน https://generativehistory.substack.com/p/has-google-quietly-solved-two-of
    GENERATIVEHISTORY.SUBSTACK.COM
    Has Google Quietly Solved Two of AI’s Oldest Problems?
    A mysterious new model currently in testing on Google’s AI Studio is nearly perfect on automated handwriting recognition but it is also showing signs of spontaneous, abstract, symbolic reasoning.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด

    กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย.

    ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ
    VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม:
    ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน.
    นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison.
    ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น.
    ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา.

    ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
    หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง.

    กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง
    แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล.

    สรุปสาระสำคัญ
    กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN
    อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก
    บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN

    VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม
    ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ
    ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว

    ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล
    การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์

    กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง
    ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies
    อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ

    ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล
    กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย
    เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น

    https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    ⚖️ EFF เตือนว่ากฎหมายใหม่ในรัฐวิสคอนซินและมิชิแกนที่พยายาม “แบน VPN” เพื่อป้องกันเด็กจากเนื้อหาลามก เป็นแนวคิดที่ผิดพลาด กฎหมาย A.B. 105/S.B. 130 ในรัฐวิสคอนซินกำหนดให้เว็บไซต์ที่มีเนื้อหา “อาจเป็นอันตรายต่อผู้เยาว์” ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้และบล็อกการเข้าถึงจากผู้ใช้ที่เชื่อมต่อผ่าน VPN. ปัญหาคือการบล็อก VPN แบบเจาะจงพื้นที่เป็นไปไม่ได้ในทางเทคนิค เพราะเว็บไซต์ไม่สามารถรู้ได้ว่า VPN มาจาก Milwaukee หรือ Mumbai. ผลลัพธ์คือเว็บไซต์อาจต้องบล็อกผู้ใช้ VPN ทั้งหมดทั่วโลกเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทางกฎหมาย. 🌍 ใครคือผู้ได้รับผลกระทบ VPN ไม่ได้ใช้เฉพาะคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงการตรวจสอบอายุ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญของหลายกลุ่ม: 🔰 ธุรกิจ ใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและพนักงาน. 🔰 นักศึกษา ต้องใช้ VPN เพื่อเข้าถึงฐานข้อมูลและทรัพยากรการเรียน เช่น WiscVPN ของมหาวิทยาลัย Wisconsin-Madison. 🔰 ผู้เปราะบาง เช่น ผู้รอดชีวิตจากความรุนแรงในครอบครัว, นักข่าว, นักกิจกรรม และชุมชน LGBTQ+ ใช้ VPN เพื่อความปลอดภัยและการเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น. 🔰 ผู้ใช้ทั่วไป ใช้ VPN เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามและการขายข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัทโฆษณา. 🔒 ความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว หาก VPN ถูกบล็อก ผู้ใช้จะถูกบังคับให้ยืนยันอายุด้วยการส่งข้อมูลบัตรประชาชน, ข้อมูลชีวมิติ หรือบัตรเครดิตโดยตรงไปยังเว็บไซต์ ซึ่งเสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์. ประวัติที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าการเก็บข้อมูลเช่นนี้มักถูกแฮ็กและรั่วไหล ทำให้ผู้ใช้สูญเสียความเป็นส่วนตัวอย่างร้ายแรง. 🚫 กฎหมายที่ไม่สามารถทำงานได้จริง แม้กฎหมายผ่านไป ผู้ใช้ก็สามารถหาทางเลี่ยงได้ง่าย เช่น ใช้ open proxies, VPS ราคาถูก หรือสร้าง VPN เอง. อินเทอร์เน็ตมักหาทาง “หลบเลี่ยงการเซ็นเซอร์” อยู่เสมอ. ผลลัพธ์คือกฎหมายนี้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย แต่กลับทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัยและเสรีภาพดิจิทัล. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ กฎหมายในวิสคอนซินและมิชิแกนพยายามแบน VPN ➡️ อ้างว่าเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาลามก ➡️ บังคับให้เว็บไซต์ตรวจสอบอายุและบล็อก VPN ✅ VPN มีความสำคัญต่อหลายกลุ่ม ➡️ ธุรกิจและนักศึกษาใช้เพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ➡️ ผู้เปราะบางและผู้ใช้ทั่วไปใช้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว ✅ ความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล ➡️ การบล็อก VPN บังคับให้ส่งข้อมูลบัตรประชาชนหรือบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลและการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ กฎหมายไม่สามารถทำงานได้จริง ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้าง VPN เองหรือใช้ open proxies ➡️ อินเทอร์เน็ตหาทางเลี่ยงการเซ็นเซอร์เสมอ ‼️ ผลกระทบต่อเสรีภาพดิจิทัล ⛔ กฎหมายทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสูญเสียความปลอดภัย ⛔ เป็นการเปิดทางให้รัฐบาลควบคุมอินเทอร์เน็ตมากขึ้น https://www.eff.org/deeplinks/2025/11/lawmakers-want-ban-vpns-and-they-have-no-idea-what-theyre-doing
    WWW.EFF.ORG
    Lawmakers Want to Ban VPNs—And They Have No Idea What They're Doing
    It's unfortunately no longer enough to force websites to check your government-issued ID before you can access certain content, because politicians have now discovered that people are using Virtual Private Networks (VPNs) to protect their privacy and bypass these invasive laws. Their solution? Entirely ban the use of VPNs.
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ทส. ยัน ไทยใช้ทุกเวทีความร่วมมือเร่งแก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนสารหนู พร้อม เร่งหาสาเหตุสารหนูครอบคลุมทั้งระบบ
    https://www.thai-tai.tv/news/22395/
    .
    #ไทยไท #สารหนู #กรมควบคุมมลพิษ #แม่น้ำโขง #มลพิษข้ามแดน #การทำเหมือง

    ทส. ยัน ไทยใช้ทุกเวทีความร่วมมือเร่งแก้ปัญหาแม่น้ำปนเปื้อนสารหนู พร้อม เร่งหาสาเหตุสารหนูครอบคลุมทั้งระบบ https://www.thai-tai.tv/news/22395/ . #ไทยไท #สารหนู #กรมควบคุมมลพิษ #แม่น้ำโขง #มลพิษข้ามแดน #การทำเหมือง
    0 Comments 0 Shares 5 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Granny และโรงอาหาร

    ผู้เขียนเล่าถึงคุณยาย Beulah Culpepper หรือ Granny ที่เริ่มทำงานเป็นแม่ครัวโรงเรียนตั้งแต่อายุ 43 ปี หลังจากเลี้ยงลูก 8 คน เธอใช้ทักษะการทำอาหารพื้นบ้าน เช่น ซุปผัก ขนมปังยีสต์ และคุกกี้เนยถั่ว เพื่อดูแลเด็ก ๆ ใน Blue Ridge, Georgia แม้ต้องใช้วัตถุดิบราคาถูกอย่าง “government cheese” แต่ Granny เชื่อในหลักการ “ไม่มีเด็กคนไหนควรออกจากโรงอาหารไปอย่างหิวโหย”.

    บทบาทแม่ครัวโรงเรียนยุคใหม่
    บทความยังสะท้อนถึงแม่ครัวโรงเรียนรุ่นใหม่ เช่น Stephanie Dillard ที่ทำงานเพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินอาหารสดจากท้องถิ่น เช่น ส้ม satsuma, สตรอว์เบอร์รี และไส้กรอก Conecuh เธอเน้นว่า “ความสุขที่สุดคือการได้รู้ว่าเราให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพแก่เด็ก ๆ” แต่ก็ยอมรับว่าการทำอาหารสดต้องการ งบประมาณและการสนับสนุนมากขึ้น.

    การเมืองและอาหารกลางวัน
    นโยบายอาหารกลางวันในสหรัฐฯ ถูกกำหนดโดยกฎหมายและการเมือง เช่น National School Lunch Act ปี 1946 และโครงการ Healthy, Hunger-Free Kids Act ของ Michelle Obama ที่เคยถูกวิจารณ์และลดทอนโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันแม้มีการผลักดันให้ใช้วัตถุดิบสดและลดอาหารแปรรูป แต่การตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางกลับทำให้โครงการ “farm-to-school” หลายแห่งต้องหยุดชะงัก.

    ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน
    แม่ครัวบางคนยังหาวิธีใหม่ ๆ เช่น “Chow Bus” ที่ดัดแปลงรถโรงเรียนเป็นครัวเคลื่อนที่ แจกอาหารและหนังสือให้เด็ก ๆ ในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความพยายามเหล่านี้สะท้อนว่าโรงอาหารไม่ใช่แค่ที่กินข้าว แต่คือ หัวใจของโรงเรียนและชุมชน.

    สรุปสาระสำคัญ
    Granny และแม่ครัวรุ่นเก่า
    ใช้ทักษะพื้นบ้านทำอาหารให้เด็ก ๆ
    ยึดหลัก “ไม่มีเด็กคนไหนควรหิวโหย”

    แม่ครัวรุ่นใหม่
    ผลักดันอาหารสดจากท้องถิ่น
    ต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อทำอาหารจากวัตถุดิบสด

    การเมืองและนโยบาย
    กฎหมายอาหารกลางวันมีผลต่อเมนูและงบประมาณ
    การตัดงบทำให้โครงการ farm-to-school สะดุด

    ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน
    โครงการ Chow Bus แจกอาหารและหนังสือ
    โรงอาหารคือหัวใจของโรงเรียนและชุมชน

    ความท้าทาย
    งบประมาณไม่เพียงพอสำหรับอาหารสด
    การเมืองทำให้โครงการดี ๆ ถูกยกเลิก

    https://bittersoutherner.com/issue-no-12/all-praise-to-the-lunch-ladies
    🍲 เรื่องเล่าจาก Granny และโรงอาหาร ผู้เขียนเล่าถึงคุณยาย Beulah Culpepper หรือ Granny ที่เริ่มทำงานเป็นแม่ครัวโรงเรียนตั้งแต่อายุ 43 ปี หลังจากเลี้ยงลูก 8 คน เธอใช้ทักษะการทำอาหารพื้นบ้าน เช่น ซุปผัก ขนมปังยีสต์ และคุกกี้เนยถั่ว เพื่อดูแลเด็ก ๆ ใน Blue Ridge, Georgia แม้ต้องใช้วัตถุดิบราคาถูกอย่าง “government cheese” แต่ Granny เชื่อในหลักการ “ไม่มีเด็กคนไหนควรออกจากโรงอาหารไปอย่างหิวโหย”. 🏫 บทบาทแม่ครัวโรงเรียนยุคใหม่ บทความยังสะท้อนถึงแม่ครัวโรงเรียนรุ่นใหม่ เช่น Stephanie Dillard ที่ทำงานเพื่อให้เด็ก ๆ ได้กินอาหารสดจากท้องถิ่น เช่น ส้ม satsuma, สตรอว์เบอร์รี และไส้กรอก Conecuh เธอเน้นว่า “ความสุขที่สุดคือการได้รู้ว่าเราให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพแก่เด็ก ๆ” แต่ก็ยอมรับว่าการทำอาหารสดต้องการ งบประมาณและการสนับสนุนมากขึ้น. 🌱 การเมืองและอาหารกลางวัน นโยบายอาหารกลางวันในสหรัฐฯ ถูกกำหนดโดยกฎหมายและการเมือง เช่น National School Lunch Act ปี 1946 และโครงการ Healthy, Hunger-Free Kids Act ของ Michelle Obama ที่เคยถูกวิจารณ์และลดทอนโดยฝ่ายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันแม้มีการผลักดันให้ใช้วัตถุดิบสดและลดอาหารแปรรูป แต่การตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางกลับทำให้โครงการ “farm-to-school” หลายแห่งต้องหยุดชะงัก. 🚍 ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน แม่ครัวบางคนยังหาวิธีใหม่ ๆ เช่น “Chow Bus” ที่ดัดแปลงรถโรงเรียนเป็นครัวเคลื่อนที่ แจกอาหารและหนังสือให้เด็ก ๆ ในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความพยายามเหล่านี้สะท้อนว่าโรงอาหารไม่ใช่แค่ที่กินข้าว แต่คือ หัวใจของโรงเรียนและชุมชน. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Granny และแม่ครัวรุ่นเก่า ➡️ ใช้ทักษะพื้นบ้านทำอาหารให้เด็ก ๆ ➡️ ยึดหลัก “ไม่มีเด็กคนไหนควรหิวโหย” ✅ แม่ครัวรุ่นใหม่ ➡️ ผลักดันอาหารสดจากท้องถิ่น ➡️ ต้องการงบประมาณเพิ่มเพื่อทำอาหารจากวัตถุดิบสด ✅ การเมืองและนโยบาย ➡️ กฎหมายอาหารกลางวันมีผลต่อเมนูและงบประมาณ ➡️ การตัดงบทำให้โครงการ farm-to-school สะดุด ✅ ความคิดสร้างสรรค์เพื่อชุมชน ➡️ โครงการ Chow Bus แจกอาหารและหนังสือ ➡️ โรงอาหารคือหัวใจของโรงเรียนและชุมชน ‼️ ความท้าทาย ⛔ งบประมาณไม่เพียงพอสำหรับอาหารสด ⛔ การเมืองทำให้โครงการดี ๆ ถูกยกเลิก https://bittersoutherner.com/issue-no-12/all-praise-to-the-lunch-ladies
    BITTERSOUTHERNER.COM
    All Praise to the Lunch Ladies — THE BITTER SOUTHERNER
    Blessed are the women who watch over America’s children.
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
More Results