• น้องชายไอ่ปอ 10วิ เป็นถึงรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แต่กลับก่อเหตุบังคับv่มvืน ถ่ายคลิปแบล็กเ.มล์ รีดไ.ถเงินเห..ยื่อสาว พฤติกรรมการต่ำทsามไม่แพ้พี่ชาย ไอ่ปอ ที่ทำกับแตงโม
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    น้องชายไอ่ปอ 10วิ เป็นถึงรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย แต่กลับก่อเหตุบังคับv่มvืน ถ่ายคลิปแบล็กเ.มล์ รีดไ.ถเงินเห..ยื่อสาว พฤติกรรมการต่ำทsามไม่แพ้พี่ชาย ไอ่ปอ ที่ทำกับแตงโม #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด

    เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง
    ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย

    "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง
    กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง

    ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น

    เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี
    เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น

    การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ

    ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง
    ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา
    - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ
    - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง
    - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง
    - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ
    - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน

    แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง

    แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ
    รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน

    ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา
    ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน

    บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย
    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก

    จุดยืนของประเทศไทย
    การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน

    ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่
    การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา

    25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต
    เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568

    #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    25 ปี “ก๊อด'ส อาร์มี่” บุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี บทเรียนแห่งความสูญเสีย และความเด็ดขาด เช้าตรู่แห่งความเปลี่ยนแปลง ย้อนไปเมื่อ 25 ปี ที่ผ่านมา ในเช้าวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 ถือเป็นวันที่ชาวราชบุรี และประเทศไทยทั้งประเทศ ไม่มีวันลืมได้ นายพินิจ ปองมณี คนขับรถบัสสาย 18 ในอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ได้พบกับเหตุการณ์ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของเขา ไปตลอดกาล เมื่อชายสองคนโบกรถ และกลายเป็นจุดเริ่มต้น ของปฏิบัติการก่อการร้าย ที่สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย "ก๊อด'ส อาร์มี่" กองกำลังที่อยู่เบื้องหลัง กองกำลัง "ก๊อด'ส อาร์มี่" เป็นกลุ่มติดอาวุธ ที่มีจุดกำเนิดจากชายแดนไทย-พม่า กลุ่มนี้นำโดยคู่แฝด “ลูเธอร์ ทู” และ “จอห์นนี่ ทู” ซึ่งได้รับการยกย่อง จากผู้ติดตามว่าเป็น “นักบุญ” และมีพลังเหนือธรรมชาติ แนวทางของกลุ่มคือ การต่อต้านรัฐบาลพม่า เพื่อเรียกร้องสิทธิปกครองตนเอง ของชาวกะเหรี่ยง ด้วยแรงกดดัน จากการโจมตีของกองทัพพม่า กลุ่มนี้หันมาใช้วิธีการรุนแรง เช่น การจับตัวประกัน และบุกยึดสถานที่สำคัญ โดยหวังให้ทั่วโลกสนใจ ประเด็นผู้อพยพชายแดน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนนั้น เหตุการณ์การยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี เมื่อชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คน พร้อมอาวุธครบมือขึ้นรถบัส พวกเขาเริ่มดำเนินแผนการณ์ ด้วยการบุกยึดโรงพยาบาลศูนย์ราชบุรี สถานที่ที่มีหมอ พยาบาล และผู้ป่วยที่ต้องการการดูแล ในขณะนั้น การดำเนินการของกลุ่มก่อการร้าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถควบคุมตัวบุคลากร และผู้ป่วยรวมกว่า 780 คน และตั้งฐานในบริเวณชั้น 2 ของโรงพยาบาล โดยมีเป้าหมายหลักคือ การบีบบังคับให้รัฐบาลไทย ตอบสนองต่อข้อเรียกร้อง ที่เกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือผู้อพยพ ข้อเรียกร้องที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง ข้อเรียกร้องของ "ก๊อด'ส อาร์มี่" ในครั้งนี้ สะท้อนถึงความสิ้นหวังของพวกเขา - ให้หยุดยิงปืนใหญ่ที่ชายแดน ซึ่งกระทบต่อชีวิตผู้อพยพ - เรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แก่ผู้อพยพชาวกะเหรี่ยง - เปิดชายแดนไทย-พม่า เพื่อให้ผู้อพยพมีที่พักพิง - กดดันรัฐบาลพม่า ให้หยุดการสู้รบ - นำแพทย์และอุปกรณ์การแพทย์ ไปรักษากองกำลังกะเหรี่ยง ในชายแดน แม้ข้อเรียกร้องเหล่านี้ จะดูมีความหมายในแง่มนุษยธรรม แต่การกระทำของพวกเขา ได้ละเมิดอธิปไตยของไทย และสร้างความเสียหาย ต่อภาพลักษณ์ของกลุ่ม อย่างร้ายแรง แผนปฏิบัติการช่วยเหลือ รัฐบาลไทยเผชิญกับ ทางเลือกที่ยากลำบาก ระหว่างการตอบสนอง ต่อข้อเรียกร้องของผู้ก่อเหตุ หรือการใช้กำลัง เพื่อยุติสถานการณ์ ในที่สุด พล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ผู้บัญชาการกองทัพบก ในขณะนั้น ได้วางแผนปฏิบัติการ ร่วมกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 และนเรศวร 261 เพื่อเข้าเคลียร์พื้นที่และช่วยเหลือตัวประกัน ปฏิบัติการช่วงชิงเวลา ในคืนวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2543 หลังการเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ หน่วยปฏิบัติการพิเศษ ได้ตัดสินใจบุกยึดพื้นที่ในช่วงเวลาที่ผู้ก่อเหตุเริ่มอ่อนล้า ด้วยการจู่โจมอย่างรวดเร็ว และรัดกุม โดยสามารถสังหารผู้ก่อเหตุทั้งหมด 10 คน และช่วยเหลือตัวประกันได้สำเร็จ โดยไม่มีการสูญเสียชีวิต ของพลเรือน บทเรียนที่ได้รับ ความสำคัญของการประสานงานหลายฝ่าย เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นถึง การประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพ ระหว่างกองทัพ ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถลดความสูญเสีย ได้อย่างมาก จุดยืนของประเทศไทย การปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่า ประเทศไทยจะไม่ยอมจำนน ต่อการก่อการร้าย และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตยของตน ผลกระทบต่อกลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ การสูญเสียผู้นำสำคัญ ในการปฏิบัติการครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่มก๊อด'ส อาร์มี่ อ่อนแอลงอย่างมาก และในที่สุด ก็สลายตัวลงในปีถัดมา 25 ปีผ่านไป บทเรียนสู่อนาคต เหตุการณ์ในวันนั้น ยังคงเป็นบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ ให้แก่หน่วยงานด้านความมั่นคง และคนไทยทุกคน การเผชิญหน้ากับความท้าทายเช่นนี้ ต้องอาศัยความร่วมมือ ความเด็ดขาด และความเสียสละ จากทุกฝ่าย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241345 ม.ค. 2568 #GodsArmy #ราชบุรี #เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ #บุกโรงพยาบาล #ข่าวด่วนราชบุรี #กองกำลังติดอาวุธ #ประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ ลงนามนิรโทษกรรมแก่บุคคล 1,500 ราย ที่ก่อเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ในระหว่างพยายามขัดขวางสมาชิกสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาพ่ายแพ้แก่ โจ ไบเดน อดีตผู้นำที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง
    ทรัมป์ ลงนามนิรโทษกรรมแก่บุคคล 1,500 ราย ที่ก่อเหตุบุกจู่โจมอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ในระหว่างพยายามขัดขวางสมาชิกสภาคองเกรสให้การรับรองผลการเลือกตั้งปี 2020 ที่เขาพ่ายแพ้แก่ โจ ไบเดน อดีตผู้นำที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณเหวอถูกขวดน้ำบินกลางเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคาม ก่อนทำใจดีสู้เสือบอกคนไทยด้วยกัน ให้อภัยกัน เคยโดนลอบฆ่ามา 4 หน เฉยๆ ด้านผู้ก่อเหตุสาวเสื้อแดง อ้างมาจากอีกอำเภอ เคยเป็นเสื้อแดงแต่เลิกแล้ว ครอบครัวฉิบหายตั้งแต่ปี 52 ค้าขายไม่ดี ไม่ได้ตั้งใจโยนแต่ฟังปราศรัยแล้วไม่ใช่จึงสุดทน ระบุ "มานี่ 200 ก็ไม่ได้"

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006083

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทักษิณเหวอถูกขวดน้ำบินกลางเวทีปราศรัยช่วยผู้สมัครนายก อบจ.มหาสารคาม ก่อนทำใจดีสู้เสือบอกคนไทยด้วยกัน ให้อภัยกัน เคยโดนลอบฆ่ามา 4 หน เฉยๆ ด้านผู้ก่อเหตุสาวเสื้อแดง อ้างมาจากอีกอำเภอ เคยเป็นเสื้อแดงแต่เลิกแล้ว ครอบครัวฉิบหายตั้งแต่ปี 52 ค้าขายไม่ดี ไม่ได้ตั้งใจโยนแต่ฟังปราศรัยแล้วไม่ใช่จึงสุดทน ระบุ "มานี่ 200 ก็ไม่ได้" อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006083 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Sad
    16
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว
    .
    วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง
    .
    หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์
    .
    ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ
    .
    ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม
    .
    ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ
    .
    หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก
    .
    ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ
    .
    ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน
    .
    ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล
    .
    ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น
    .
    ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์
    .
    นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825
    ..............
    Sondhi X
    ผู้สนับสนุนยุน ซอก-ยอลบุกเข้าทำลายทรัพย์สินในศาลกรุงโซล หลังผู้พิพากษาตกลงขยายเวลาการควบคุมตัวประธานาธิบดีที่กำลังถูกดำเนินการถอดถอนจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อปลายปีที่แล้ว . วันเสาร์ (18 ม.ค) ประชาชนหลายหมื่นคนรวมตัวหน้าศาลแขวงโซลตะวันตกเพื่อให้กำลังใจยุนที่เป็นประธานาธิบดีคนแรกของเกาหลีใต้ที่ถูกจับกุมระหว่างดำรงตำแหน่ง . หลังจากศาลประกาศคำวินิจฉัยเมื่อราว 3.00 น. ของวันอาทิตย์ โดยอนุมัติการควบคุมตัวยุนต่ออีก 20 วัน เนื่องจากมีความกังวลว่า เขาอาจทำลายหลักฐานถ้าได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้น บรรดาผู้สนับสนุนประธานาธิบดีผู้นี้ได้ใช้อุปกรณ์ดับเพลิงพ่นใส่แถวตำรวจที่ควบคุมสถานการณ์อยู่หน้าทางเข้าศาล ก่อนกรูกันเข้าไปในศาล ทำลายอุปกรณ์สำนักงานและเฟอร์นิเจอร์ . ตำรวจใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงจึงสามารถฟื้นความสงบเรียบร้อย และจับกุมผู้ประท้วงได้ 46 คน รวมทั้งประกาศว่า จะตามจับตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงคนอื่นๆ มาดำเนินคดี และมีรายงานว่า ตำรวจ 9 นาย และประชาชน 40 คนได้รับบาดเจ็บ . ชอย ซัง-ม็อก รักษาการประธานาธิบดี แถลงแสดงความเสียใจอย่างมากต่อการก่อความรุนแรงนี้ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คาดฝันในสังคมประชาธิปไตย และเสริมว่า เจ้าหน้าที่จะเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม . ด้านยุนเผยว่า ตกใจและเสียใจมากกับการจู่โจมศาล และประกาศว่า จะยืนหยัดแก้ไขความอยุติธรรม ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม . เหตุการณ์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของวิกฤตการเมืองเกาหลีใต้ที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ยุนประกาศกฎอัยการศึกและส่งทหารไปควบคุมรัฐสภา อย่างไรก็ดี คำสั่งดังกล่าวบังคับใช้ได้เพียง 6 ชั่วโมง จนกระทั่งสมาชิกรัฐสภาสามารถฝ่าแนวล้อมของทหารและเข้าสู่สภาเพื่อลงมติล้มล้างการประกาศกฎอัยการศึกสำเร็จ . หลังจากนั้น ยุนถูกลงมติให้ดำเนินการถอดถอนและต้องหยุดการปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเสร็จสิ้นการวินิจฉัยว่าจะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้ นอกจากนั้น เขายังถูกสอบสวนคดีอาญาจากการประกาศกฎอัยการศึก . ผู้สนับสนุนยืนยันว่า การตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกของยุนเป็นสิ่งถูกต้อง โดยอ้างทั้งที่ไม่มีหลักฐานว่า มีการโกงการเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้วที่ฝ่ายค้านคว้าชัยชนะ . ม็อบเหล่านี้มักโบกธงอเมริกันและใช้คำว่า “หยุดปล้นชัยชนะ” ซึ่งเชื่อมโยงกับโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ที่เหล่าผู้สนับสนุนบุกอาคารรัฐสภาเพื่อพยายามล้มล้างผลการเลือกตั้งที่ทรัมป์เป็นฝ่ายแพ้เมื่อหลายปีก่อน . ลี โฮ-ยอง รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแถลงว่า จะสอบสวนว่า ยูทูบเบอร์ฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงล่าสุดนี้หรือไม่ หลังจากมีการไลฟ์สดเหตุการณ์โจมตีศาล . ซอก ดง-ฮยอน ทนายความของยุน ประณามการวินิจฉัยของศาล พร้อมเตือนผู้สนับสนุนว่า การใช้ความรุนแรงจะสร้างภาระให้การไต่สวนยุนที่กำลังจะเกิดขึ้น . ทั้งนี้ ขณะที่ยุนต้องกลับเข้าสู่ห้องขังเดี่ยวภายหลังเดินทางไปปรากฏตัวที่ศาลในวันเสาร์นั้น อัยการเผยว่า เตรียมฟ้องร้องยุนในคดีอาญาข้อหาก่อกบฏอย่างเป็นทางการ ซึ่งอาจทำให้ประธานาธิบดีผู้นี้ถูกจำคุกตลอดชีวิตหรือรับโทษประหาร หากถูกตัดสินว่าผิดจริง . ขณะเดียวกัน สำนักงานสอบสวนการทุจริตเผยว่าจะส่งหมายเรียกอีกครั้งในวันจันทร์ (20 ม.ค.) หลังจากยุนปฏิเสธไปให้ปากคำในวันอาทิตย์ . นอกจากนั้น ยุนยังไม่ไปปรากฏตัวที่ศาลรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณาว่า จะถอดถอนหรือคืนตำแหน่งให้เขา ซึ่งหากศาลลงความเห็นให้ถอดถอน ยุนจะพ้นจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการและต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000005825 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 900 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่า หนึ่งในนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่อิสราเอลจะตัวคือชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรง "โมฮัมเหม็ด อาบู วาร์ดา" (Mohammed Abu Warda ) เขาอยู่เบื้องหลังการสังหารชาวอิสราเอล 45 รายในการโจมตีบนถนนหมายเลข 18 ในเยรูซาเล็มและที่ทางแยกอัชเคลอนในปี 1996 และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตถึง 48 ครั้งในเรือนจำอิสราเอล

    การปล่อยตัว อาบู วาร์ดา ของอิสราเอล เพื่อต้องการกระตุ้นให้เขาก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง และอิสราเอลจะได้มีข้ออ้างในการยุติข้อตกลงหยุดยิงและกลับมาทำลายกาซาอีกครั้ง

    มีรายงานว่า หนึ่งในนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่อิสราเอลจะตัวคือชาวปาเลสไตน์หัวรุนแรง "โมฮัมเหม็ด อาบู วาร์ดา" (Mohammed Abu Warda ) เขาอยู่เบื้องหลังการสังหารชาวอิสราเอล 45 รายในการโจมตีบนถนนหมายเลข 18 ในเยรูซาเล็มและที่ทางแยกอัชเคลอนในปี 1996 และได้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตถึง 48 ครั้งในเรือนจำอิสราเอล การปล่อยตัว อาบู วาร์ดา ของอิสราเอล เพื่อต้องการกระตุ้นให้เขาก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีกครั้ง และอิสราเอลจะได้มีข้ออ้างในการยุติข้อตกลงหยุดยิงและกลับมาทำลายกาซาอีกครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ
    นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
    ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท
    ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน
    ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี
    ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ความไม่สงบชายแดนใต้ ปัญหาที่คอยตบหน้ารัฐบาลไม่มีวันจบ นับจากเหตุการณ์ปล้นปืนในปี 2547อันเป็นเสมือนจุดเริ่มต้นเหตุการณ์ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จวบจนวันนี้เป็นเวลากว่า 20ปี ที่ผ่านมา ที่รัฐบาลไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาล 10 ชุด นายกรัฐมนตรี 8 คนไม่สามารถแก้ไขปัญหาความรุนแรงได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตัวเลขของผู้เสียชีวิต มีทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งไทยพุทธ และมุสลิมเสียชีวิตมากกว่าเจ็ดพันคน บาดเจ็บและพิการทุพพลภาพมากกว่า2พัน คนใช้งบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่องรวมกันแล้วมากกว่า 3.13แสนล้านบาท ล่าสุดหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ไปได้สัปดาห์เดียว 14 มกราคม 68โจรใต้ได้ก่อเหตุวางระเบิดและยิงซ้ําเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนเสียชีวิตอีก 2 นายที่จังหวัดนราธิวาส สิ่งที่สร้างความสะเทือนใจจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็คือผู้เสียชีวิตทั้ง2 นายเป็นพ่อลูกทําหน้าที่ครูโรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดนในพื้นที่บ้านไอกึนเนาะ จังหวัดนราธิวาส โดยผู้เป็นพ่อคือพันตํารวจโทสุวิทย์ ช่วยเทวฤทธิ์อายุ 56 ปีเป็นครูใหญ่ของโรงเรียน ส่วนลูกชายคือดาบตํารวจโดมช่วยเทวฤทธิ์ อายุ 35ปี เป็นครูอาสาโรงเรียนเดียวกัน ครูสุวิทย์เคยเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็กสักวันจะเป็นครูอยากช่วยเหลือเด็กในพื้นที่ที่ทุรกันดารจึงเข้ามาเป็นครู โดยได้สิทธิสอบบรรจุ ครูคุรุทายาทเมื่อได้จึงเลือกที่จะทํางานในพื้นที่ของจังหวัดนราธิวาสที่ใครๆก็ไม่อยากมาแต่ผมกลับมองว่าเป็นโอกาสดี ที่จะได้ทํางานสนองงานพระราชดําริทุกพระองค์ได้อย่างเต็มที่ การสูญเสียวีรบุรุษครูตํารวจตระเวนชายแดนครั้งนี้ไม่ต่างอะไรกับการเย้ยหยันตบหน้ารัฐบาลไทยว่ารัฐไทยหมดน้ํายาแพ้พ่ายโจรก่อการร้ายชายแดนใต้ตลอดกาล งส์โพธิ์ดำขอไว้อาลัยแก่ครูผู้เสียสละจากเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนใต้ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอยังปิดการเรียนการสอน ครูกล่าวทั้งน้ำตาขาดกัปตันเรือแล้วไม่รู้จะเอาอย่างไร ด้านเพจอ้างชื่อ BRN ยอมรับก่อเหตุวางระเบิดและยิง 2 พ่อลูก ถึงแม้เป็นครู และแม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ก็เพราะเป็นพลรบ จึงมิอ้างหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004596

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โรงเรียน ตชด.บ้านตืองอยังปิดการเรียนการสอน ครูกล่าวทั้งน้ำตาขาดกัปตันเรือแล้วไม่รู้จะเอาอย่างไร ด้านเพจอ้างชื่อ BRN ยอมรับก่อเหตุวางระเบิดและยิง 2 พ่อลูก ถึงแม้เป็นครู และแม้จะเสียดายผู้มากด้วยฝีมือและประสบการณ์ แต่ก็เพราะเป็นพลรบ จึงมิอ้างหลีกเลี่ยงการต่อสู้และทำลาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004596 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้

    วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา

    สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350

    #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้ • วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา • สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350 • #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอนุมัติหมายจับ“สมหวัง” 3 ข้อหา ผู้ต้องหาจ้างวาน “แ” สังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา

    จากกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปีก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจ่าเอ็ม ได้หลบหนีตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะสามารถจับกุมขณะที่จ่แวะพักทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และ ส่งตัว จ่าเอ็ม มาดำเนินคดีในไทย พร้อมสารภาพรับงานจ้างผู้มีพระคุณนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ใน 3 ข้อหา เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว

    #MGROnline #จ่าเอ็ม
    ศาลอนุมัติหมายจับ“สมหวัง” 3 ข้อหา ผู้ต้องหาจ้างวาน “แ” สังหาร “ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา • จากกรณีนายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม กองเรือ อายุ 41 ปีก่อเหตุยิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีตสส.ฝ่ายค้านของกัมพูชาดับบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยจ่าเอ็ม ได้หลบหนีตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมชาติ ก่อนที่เจ้าหน้าที่กัมพูชาจะสามารถจับกุมขณะที่จ่แวะพักทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา และ ส่งตัว จ่าเอ็ม มาดำเนินคดีในไทย พร้อมสารภาพรับงานจ้างผู้มีพระคุณนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (15 ม.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ชนะสงคราม ได้รวบรวมพยานหลักฐาน ขออำนาจศาลอนุมัติหมายจับ นายลี รัตนรัศมี หรือชื่อไทย นายสมหวัง บำรุงกิจ อายุ 43 ปี ชาวกัมพูชา ใน 3 ข้อหา เป็นผู้ใช้จ้างวานให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดซึ่งใช่เหตุในเมือง ซึ่งศาลอนุมัติหมายจับแล้ว • #MGROnline #จ่าเอ็ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 ชีวิตก็มีค่า แม้จะเป็นแค่หมาจร กลุ่มรัก “พี่เตี้ย” มช. ดีใจ หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตัดสินคดีจำคุกผู้ก่อเหตุทารุณกรรมเตี้ย มช. ถึงแก่ชีวิต หลังเรียกร้องความยุติธรรมยาวนานถึง 5 ปี
    1 ชีวิตก็มีค่า แม้จะเป็นแค่หมาจร กลุ่มรัก “พี่เตี้ย” มช. ดีใจ หลังศาลอุทธรณ์ภาค 5 ตัดสินคดีจำคุกผู้ก่อเหตุทารุณกรรมเตี้ย มช. ถึงแก่ชีวิต หลังเรียกร้องความยุติธรรมยาวนานถึง 5 ปี
    Like
    Sad
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1115 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • ตำรวจ สน.ชนะสงครามคุมตัว “ชาคิต” คนขับกระบะพา “จ่าเอ็ม” ส่งไปชายแดน สารภาพได้าค่าจ้างมา 4,500 บาท แต่ไม่รู้ว่าไปก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004127

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ สน.ชนะสงครามคุมตัว “ชาคิต” คนขับกระบะพา “จ่าเอ็ม” ส่งไปชายแดน สารภาพได้าค่าจ้างมา 4,500 บาท แต่ไม่รู้ว่าไปก่อเหตุยิงคนเสียชีวิต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004127 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1089 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานประจำวันโดยกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยอิสราเอล:

    กองกำลังอิสราเอลได้ก่อเหตุสังหารหมู่ครอบครัวในฉนวนกาซา 2 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 28 ราย และบาดเจ็บอีก 89 ราย

    ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการบันทึกจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 46,565 ราย และบาดเจ็บอีก 109,660 รายตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023
    รายงานประจำวันโดยกระทรวงสาธารณสุขในฉนวนกาซาเกี่ยวกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยอิสราเอล: กองกำลังอิสราเอลได้ก่อเหตุสังหารหมู่ครอบครัวในฉนวนกาซา 2 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 28 ราย และบาดเจ็บอีก 89 ราย ยอดผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์ที่ได้รับการบันทึกจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 46,565 ราย และบาดเจ็บอีก 109,660 รายตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2023
    Sad
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : เปิดตัวคนบงการ สั ง ห า ร "ลิม กิมยา" ก่อเหตุกลางกรุง
    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่
    #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    Newsstory : เปิดตัวคนบงการ สั ง ห า ร "ลิม กิมยา" ก่อเหตุกลางกรุง #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002219

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002219 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์

    กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219

    #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    ตำรวจ เข้าตรวจสอบรถ จยย.ที่ “จ่าเอ็ม” ใช้ก่อเหตุยิงอดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชาเสียชีวิต หลังนำมาจอดทิ้งไว้ในปั้มน้ำมันเรียบถนนมอเตอร์เวย์ • กรณีคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายลิม กิมยา อดีต สส.ฝ่ายค้าน ประเทศกัมพูชา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เสียชีวิตบนเกาะกลางถนน ย่านบางลำภู ตรงข้ามวัดบวรนิเวศฯ โดยภาพวงจรปิดพบคนร้ายขับขี่จยย. มาจอดรอ ก่อนจะข้ามถนนไปยิงผู้เสียชีวิต แล้วกลับมาขี่จยย.หลบหนีไป จากนั้นหลังศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาคือ นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือจ่าเอ็ม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน พกอาวุธไปในทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (8 ม.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. พฐ. เข้าตรวจสอบรถจยย.ฮอนด้า เวฟ 100 สีแดง ทะเบียน 1 กช 845 สมุทรปราการ ที่คนร้ายนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณปั๊มน้ำมันพีที (ปั๊มแก๊สแอลพีจี) ถนนเรียบมอเตอร์เวย์ แขวงและเขตสวนหลวง กทม. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000002219 • #MGROnline #จ่าเอ็ม #ฝ่ายค้าน #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า มีรายงานว่า นายลิม กิมยา เดินทางมาจาก เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา โดยรถบัส มาพร้อมกับภรรยาชาวฝรั่งเศส และลุงชาวกัมพูชา ได้มาลงตรงบริเวณที่เกิดเหตุ และมีคนร้ายขับรถ จยย. ไม่ทราบทะเบียน มาจอด และยิง ก่อนหลบหนีไปเบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.ชนะสงคราม พาภรรยาไปสอบปากคำที่ สน.ชนะสงคราม เพื่อหาสาเหตุปมสังหาร อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา อย่างอุกอาจกลางกรุงสำหรับนายลิม กิมยา ผู้เสียชีวิต เป็นนักการเมืองกัมพูชา ขั้วตรงข้ามกับ สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานพฤฒสภาของกัมพูชา เป็นอดีต สส.ฝ่ายค้าน จากพรรค Cambodia National Rescue ที่มีผลงานโดดเด่น โดยเมื่อปี 2018 เขาได้อภิปรายเรื่องงบประมาณรัฐบาลอย่างหนัก โดยปัจจุบัน นายลิม กิมยา ถือสัญชาติ ฝรั่งเศส-กัมพูชารายงานข่าวว่า พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม ชุดสืบสวนนครบาลและ ชุดสืบสวนนครบาล 1 เร่งล่าตัวมือปืนผู้ก่อเหตุ ซึ่งหลบหนีไป มาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปที่มา https://www.nationtv.tv/news/crime/378954029?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR3Mc9xWHt0sCgNYdnBU24IoEr-Y-8_XuMg04Tc43GgZy7zWog0qmGrM3ME_aem_VsFP1guRTCe58IWSYccN8Q#m5ml6y27yfwju4yta39
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา
    .
    ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย
    .
    อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ"
    .
    "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน
    .
    เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง
    .
    "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน
    .
    "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030"
    .
    ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ
    .
    "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย"
    .
    ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้
    .
    รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229
    ..............
    Sondhi X
    ทหารกองกำลังพิเศษกรีนเบเรต์ ผู้ต้องสงสัยจุดชนวนระเบิดรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัค บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชัลแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส ในวันขึ้นปีใหม่ อ้างว่าปฏิบัติการของเขานั้นไม่ใช่การโจมตีก่อการร้าย แต่เป็นการเตือนสติถึงอเมริกันชนทุกคน ตามรายงานของอาร์ทนิวส์อ้างอิงข้อความและบันทึกต่างๆที่พบในสมาร์ทโฟนของเขา . ในวันที่ 1 มกราคม 2025 รถกระบะไซเบอร์ทรัคของเทสลา บรรทุกพลุไฟ ถังแก๊สและเชื้อเพลิง เกิดระเบิดบริเวณด้านนอกโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนเชันแนล โฮเท็ล ในลาสเวกัส คนขับที่ถูกระบะตัวตนว่าได้แก่จ่าสิบเอกแมทธิว อลัน ลิเวลส์เบอร์เกอร์ สมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ถูกพบเสียชีวิตในรถคันดังกล่าว แรงระเบิดทำให้ผู้สัญจรผ่านไปมาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน โรงแรมได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย และเบื้องต้นพวกเจ้าหน้าที่สืบสวนจากรัฐบาลกลาง เกรงว่ามันมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นการลงมือโจมตีก่อการร้าย . อย่างไรก็ตามในข้อความต่างๆ ซึ่งตำรวจลาสเวกัสเผยแพร่เมื่อวันศุกร์(3ม.ค.) เผยให้เห็นว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ มีความผิดหวังอย่างมากเกี่ยวกับประเด็นในสังคมต่างๆนานาและมีปมขัดแย้งภายใน โดยข้อความหนึ่ง เขาเขียนว่า "ผมต้องการชำระล้างจิตใจพวกพี่น้อง ที่ผมสูญเสียไป และปล่อยวางตัวเอง จากภาระการใช้ชีวิตที่ผมต้องแบกรับ" . "นี่ไม่ใช่ก่อการร้าย แต่เป็นสัญญาณเตือนสติ อเมริกันชนใส่ใจแต่เพียงเรื่องน่าตื่นเต้นและความรุนแรง มันอาจเป็นเรื่องดีกว่าที่ผมจะสื่อสารให้พวกเขาเข้าใจประเด็นของผม ด้วยพลุไฟและระเบิด"ลิเวลส์เบอร์เกอร์เขียน . เขาได้ระบุถึงประเด็นทางสังคมต่างๆนานา ที่เขาบอกว่าอยากให้จัดการ ในนั้นรวมถึงแปรรูปอาหาร โรคอ้วน ความไม่เท่าเทียมทางรายได้ คนเร่ร่อน ผู้นำอ่อนแอ และคอรัปชันอย่างโจ่งแจ้ง . "หยุดหมกหมุ่นกับหลากหลาย ความเสมอภาค และการยอมรับความแตกต่าง (DEI) เราทุกคนล้วนแตกต่างกันอยู่แล้ว DEI คือมะเร็ง" เขาเขียน พร้อมระบุว่า "ขอบคุณ ที่พวกเราปฏิเสธผู้สมัครจาก DEI และเราจะมีประธานาธิบดีจริงๆ ไม่ใช่จากหนังตลก" เขาเขียน . "เราต้องหยุดสงครามในยูเครนด้วยการเจรจาหาทางออก มันเป็นหนทางเดียว" เขาระบุ พร้อมบอกว่า "ประชากรของเราอ้วนเกินไปที่จะเข้าร่วมกองทัพ และเรากำลังเผชิญการทำสงครามกับจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ก่อนปี 2030" . ในบันทึกฉบับที่ 2 ของเขา จ่าหน้าถึงเพื่อนสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ นายทหารผ่านศึก พวกนักรบและชาวอเมริกันชนทุกคน ในสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการเรียกร้องให้คนเหล่านี้รับประกันว่าพวกเดโมแครต จะไม่ขัดขวาง ทรัมป์ จากการเข้ารับอำนาจและกวาดล้างอาการป่วยต่างๆนานาของประเทศ . "เรากำลังอยู่ภายใต้ผู้นำที่อ่อนแอและปวกเปียก ที่ทำหน้าที่เพียงเพื่อความมั่งคั่งของตนเอง" เขาเขียน "พยายามด้วยวิธีสันติก่อน แต่ก็เตรียมพร้อมสู้เอาพวกเดโมแครตออกจากรัฐบาลกลางและกองทัพในทุกหนทางที่จำเป็น พวกเขาต้องไปและจำเป็นต้องมีการรีเซ็ตประเทศของเราครั้งใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงการล่มสลาย" . ลิเวลส์เบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกของกองกำลังพิเศษ ที่ถึงขั้นได้รับเหรียญกล้าหาญ เขาเคยถูกส่งเข้าประจำการทั้งในอัฟกานิสถาน ทาจิกิสถาน จอร์เจีย คองโก และแม้รายงานข่าวอาจรวมถึงยูเครนด้วย อ้างอิงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขากำลังต่อสู้กับความผิดปกติที่เกิดหลังความเครียดที่สะเทือนใจและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิตหลายเหตุการณ์ ในนั้นรวมถึงการเพิ่งหย่าขาดกับภรรยาเมื่อเร็วๆนี้ . รายงานข่าวระบุว่า ลิเวลส์เบอร์เกอร์ ใช้ปืนสั้นยิงตัวเอง ก่อนจุดชนวนระเบิด และบันทึกต่างๆของเขาบ่งชี้ว่าเขาเต็มไปด้วยแรงกดดันชีวิตส่วนตัวและอาชีพการงาน แม้ขณะเดียวกันทีมสืบสวนมีความระมัดระวังในการตีความบันทึกเหล่านี้ ในขณะที่พวกเขากำลังแกะรอยหาแรงจูงใจในการก่อเหตุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001229 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง

    จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว

    ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927

    #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    ตำรวจคุมตัวมือยิงรอง สวป.สน.สายไหมเสียชีวิต ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เผยขอโทษไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาฆ่าเจ้าพนักงานที่กระทำการตามหน้าที่ ก่อนคุมตัวไปฝากขัง • จากกรณี ร.ต.ท.บรรรัง เกษาพร อายุ 55 ปี รอง สวป. สน.สายไหม ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจเดินเท้า ถูกนายอรรณพ ศรีสืบ หรือช่างสันต์ อายุ 41 ปี ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. กระหน่ำยิง 7 นัด เสียชีวิตขณะเข้าระงับเหตุทะเลาะวิวาท เหตุเกิดบริเวณหน้าร้านตัดผมชาย บริเวณเชิงสะพานเฉลิมพงศ์ ถนนเฉลิมพงศ์ แขวงและเขตสายไหม กทม. ใกล้ รพ.สายไหม เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. วันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังก่อเหตุผู้ต้องหาหลบหนีเข้าไปอยู่ในร้านซ่อมรถจยย.ของตัวเอง ตั้งอยู่ตรงข้ามฝั่งถนนที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เข้าจับกุม แต่ไม่พบปืนที่ใช้ก่อเหตุ ก่อนควบคุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามที่เสนอข่าวไปนั่น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (4 ม.ค.) พ.ต.ท.สัญชัย คีรีรัตน์ รอง ผกก.ป.สน.สายไหม พร้อมด้วย พ.ต.ท.นุกูล กิ่งเกล้า สวป.สน.สายไหม พร้อมพนักงานสอบสวนสน.สายไหม คุมตัว นายอรรณพหรือ มาบริเวณหน้าร้านตัดผมสุชินบาร์เบอร์ ถนนเฉลิมพงษ์ แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร ทำแผนประกอบคำรับสารภาพหลังใช้อาวุธปืนยิง ร.ต.ท.บรรรัง เสียชีวิตบริเวณดังกล่าว • ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจควบคุมตัวลงจากรถห้องขัง นายอรรณพเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวสั้นๆว่า ขอโทษไม่ได้ตั้งใจ ขณะเดียวกันมีญาติ เพื่อน และคนที่รู้จักผู้ตายตะโกนด่าสาปแช่งและปรี่จะเข้าทำร้ายใช้กรวยยางจราจรเข้าตี แต่เจ้าหน้าที่ห้ามไว้ได้ โดยใช้เวลาทำแผนประมาณ 15 นาที ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000927 • #MGROnline #ตํารวจ #ชายคลั่ง #สายไหม #ยิงตำรวจ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว
    .
    เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ
    .
    ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย
    .
    ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย
    .
    โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน
    .
    อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา
    .
    เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009
    .
    โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ
    .
    ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์
    .
    เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา
    .
    เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน
    .
    เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ"
    .
    แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด"
    .
    รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532
    ..............
    Sondhi X
    ผู้ต้องสงสัยที่จุดชนวนระเบิดรถไซเบอร์ทรัคของเทสลา บริเวณด้านหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ในลาสเวกัส เป็นทหารหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ และลงมือยิงศีรษะตนเองก่อนการระเบิด จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) แต่ระบุจนถึงตอนนี้ยังไม่ทราบแรงจูงใจของชายรายดังกล่าว . เจ้าหน้าที่ระบุว่า ผู้ต้องสงสัย นายแมตธิว อลัน ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ ซึ่งดูเหมือนจะลงมือฆ่าตัวตายในรถกระบะไซเบอร์ทรัค ที่เต็มไปด้วยกระติกเชื้อเพลิงและพลุไฟ ซึ่งจากนั้นได้ลุกติดไฟ . ชายรายนี้มีบาดแผลกระสุนปืนบริเวณศีรษะและพบปืนกระบอกหนึ่งตกอยู่ใกล้ๆ เท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ระหว่างแถลงข่าวในลาสเวกัส "ณ จุดนี้ ยังไม่ทราบแรงจูงใจ" สเปนเซอร์ อีแวนส์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอระบุ พร้อมบอกว่าทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นการก่อการร้าย . ในวิดีโอพบเห็นรถกระบะเหล็กกล้าจอดอยู่บริเวณทางเข้าโรงแรมในตอนเช้าวันพุธ (1 ม.ค.) ก่อนจู่ๆ เกิดระเบิดไฟลุกท่วม ตามมาด้วยการระเบิดขนาดเล็กๆ อีกหลายรอบ นอกจากผู้เสียชีวิตภายในรถแล้ว ยังมีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บหลายราย . โรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเปิดบริการในปี 2008 มีธุรกิจของครอบครัวของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากรีพับลิกัน เป็นเจ้าของบางส่วน . อีแวนส์ บอกว่าพวกเจ้าหน้าที่ไม่ตัดความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์นี้อาจเชื่อมโยงกับว่าที่ประธานาธิบดี รวมถึงข้อเท็จจริงที่ว่า เทสลา มีเจ้าของคือ อีลอน มัสก์ บุคคลที่รวยที่สุดในโลกและเป็นผู้สนับสนุน ทรัมป์ ตัวยง "แต่จนถึงตอนนี้เราไม่มีข้อมูลที่บอกกับเราอย่างชัดเจนว่า มันมีแรงขับเคลื่อจากอุดมการณ์ใดๆ โดยเฉพาะหรือไม่" . พวกเจ้าหน้าที่ระบุว่า ร่างไร้วิญญาณที่อยู่ภายในรถเทสลา ถูกไฟเผาไหม้จนจำไม่ได้ แต่พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างมากว่ามันเป็นศพของนายลิเวลสเบอร์เกอร์ ผ่านบัตรประจำตัวทหาร พาสสปอร์ต และเครดิตการ์ดของเขา . เควิน แม็คมาฮิล หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายลาสเวกัส เปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เช่ารถมาจากโคโลราโดในวันที่ 28 ธันวาคม จากนั้นก็ขับรถคันนี้มาเพียงลำพัง ผ่านแอริโซนาและนิวเม็กซิโก มาถึงลาสเวกัส ในวันที่ 1 มกราคม พร้อมยืนยันข้อมูลที่ว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ เป็นสมาชิกหน่วยรบพิเศษกรีนเบเรต์ เคยใช้เวลาช่วงหนึ่งในเยอรมนี และเคยประจำการในอัฟกานิสถานปี 2009 . โฆษกของกองทัพรายหนึ่งเปิดเผยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ได้รับอนุมัติให้ลาราชการในช่วงเวลาที่เสียชีวิต และบอกว่าเขาเคยได้เหรียญกล้าหาญมาแล้วหลายเหรียญ . ทีมสืบสวนยังไม่ทราบอย่างชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุจุดชนวนระเบิดด้วยวิธีการใด แต่ส่วนประกอบส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภค อย่างเช่นพลุไฟและเชื้อเพลิง อย่างไรก็ตาม ทีมสืบสวนบอกว่ามีส่วนประกอบบางส่วนไม่ระเบิด และระดับความซับซ้อนของระเบิด ถือว่าต่ำกว่าที่พวกเขาคาดหมายจากฝีมือใครบางคนที่มีภูมิหลังทางทหารอย่างเช่นนายลิเวลสเบอร์เกอร์ . เจ้าหน้าที่ยืนยันด้วยว่า ลิเวลสเบอร์เกอร์ ซื้อปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมา 2 กระบอก ซึ่งทั้ง 2 กระบอกถูกพบในเทสลา และหนึ่งในนั้นอยู่บริเวณเท้าของเขา . เหตุระเบิดครั้งนี้ เกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมง หลังจากคนร้ายขับรถกระบะไฟฟ้าพุ่งเข้าชนฝูงชน ในย่านเฟรนช์ ควอเตอร์ ในนิวออร์ลีนส์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 ราย และบาดเจ็บหลายสิบคน . เบื้องต้น ทีมสืบสวนกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงใดๆ ระหว่าง 2 เหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่ในนิวออร์ลีนส์ ระบุในวันพฤหัสบดี (2 ม.ค.) เชื่อว่าคนร้ายลงมือเพียงลำพัง ส่วนเอฟบีไอให้คำจำกัดความเหตุการณ์ในลาสเวกัส ว่า "เป็นเหตุการณ์โดดๆ" . แม็คมาฮิล ระบุในวันพุธ (1 ม.ค.) ข้อเท็จจริงคือมันเป็นรถไซเบอร์ทรัค ที่ช่วยจำกัดความเสียหายได้อย่างมาก "เพราะส่วนใหญ่แล้วระเบิดจะพุ่งทะลุรถออกมา" แต่คราวนี้บานกระจกประตูของโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตร "ไม่แม้กระทั่งมีรอยแตกใดๆ จากแรงระเบิด" . รถกระบะคันนี้ถูกเช่าในโคโลราโด ผ่านแอปรถเช่า Turo จากการเปิดเผยของตำรวจ ซึ่งเป็นแอปเดียวกับที่คนร้ายใช้เช่ารถก่อเหตุโจมตีในนิวออร์ลีนส์ อย่างไรก็ตาม แม็คมาฮิล บอกว่า "มันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เราจำเป็นต้องเดินหน้าตรวจสอบในเรื่องนี้" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000532 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1415 มุมมอง 1 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง
    .
    สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ
    .
    ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่
    .
    ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส
    .
    นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ
    .
    สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว
    .
    ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย
    .
    เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน
    .
    ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020
    .
    โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010
    .
    แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม
    .
    สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน
    .
    แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ
    .
    เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน
    .
    ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528
    ..............
    Sondhi X
    เจ้าหน้าที่สอบสวนในเมืองนิวออร์ลีนส์เร่งหาแรงจูงใจที่ทำให้อดีตทหารอเมริกันขับรถบรรทุกติดธงไอเอส พุ่งเข้าใส่ฝูงชนที่กำลังฉลองปีใหม่ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเสียชีวิตระหว่างยิงสู้กับตำรวจ นอกจากนั้น ยังมีการตรวจสอบหาความเชื่อมโยงระหว่างเหตุการณ์นี้กับกรณีที่ไซเบอร์ทรัค รถกระบะไฟฟ้าจากค่ายเทสลาของอีลอน มัสก์ ระเบิดที่บริเวณหน้าโรงแรมของโดนัลด์ ทรัมป์ ในนครลาสเวกัส ซึ่งเกิดขึ้นในเวลาห่างกันไม่กี่ชั่วโมง . สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (เอฟบีไอ) ระบุว่า ผู้ก่อเหตุในนิวออร์ลีนส์เมื่อวันพุธ (1 ม.ค.) มีชื่อว่า ชัมซุด-ดิน จับบาร์ วัย 42 ปี เป็นพลเมืองอเมริกันจากรัฐเทกซัส และเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีของกองทัพสหรัฐฯ . ขณะที่ แอนน์ เคิร์กแพทริก ผู้บัญชาการตำรวจนครนิวออร์ลีนส์ ระบุว่า จับบาร์เป็น “ผู้ก่อการร้าย” โดยที่เอฟบีไอก็เสริมว่า รถที่คนร้ายผู้นี้ใช้ก่อเหตุมีธงไอเอส (IS ย่อมาจาก Islamic State กลุ่มผู้ก่อการร้าย “รัฐอิสลาม” หรือ “ไอเอส”) ติดอยู่ . ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประณามการโจมตีดังกล่าวว่า “น่ารังเกียจ” และระบุว่า ก่อนก่อเหตุไม่กี่ชั่วโมง จับบาร์โพสต์วิดีโอประกาศว่า เขาได้แรงบันดาลใจจากไอเอส . นอกจากนั้น ไบเดน เสริมว่า หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์นี้มีความเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่รถกระบะไซเบอร์ทรัค ซึ่งผลิตจากค่ายเทสลา เกิดระเบิดขึ้นขณะจอดอยู่หน้าโรงแรมของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเมืองลาสเวกัส ทำให้คนที่อยู่ภายในรถเสียชีวิต 1 คนไปหรือไม่ แต่เขาก็ตั้งข้อสังเกตว่า ในเบื้องต้นยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงใดๆ . สำหรับกรณีซึ่งเกิดขึ้นที่นิวออร์ลีนส์นั้น อเลเธีย ดันแคน เจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เผยว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังออกติดตามล่าหาผู้สมรู้ร่วมคิด เนื่องจากไม่เชื่อว่า จับบาร์ลงมือคนเดียว และเอฟบีไอได้ออกหมายค้นทั้งในนิวออร์ลีนส์ ซึ่งอยู่ในรัฐลุยเซียนา ตลอดจนในเขตรัฐอื่นๆ แล้ว . ทั้งนี้ ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในย่านเฟรนช์ควอเตอร์ อันมีชื่อเสียงของนิวออร์ลีนส์ เมื่อเวลาประมาณ 3.15 น. ของวันพุธ (1 ม.ค.) ขณะที่คนมากมายกำลังฉลองปีใหม่ โดยผู้ต้องสงสัยขับกระบะไฟฟ้าฟอร์ด เอฟ-150 สีขาวมาด้วยความเร็วสูงและไล่ชนคนก่อนหลบหนีไป แต่สุดท้ายเสียชีวิตระหว่างยิงต่อสู้กับตำรวจ โดยมีตำรวจ 2 นายได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้น ตำรวจตรวจค้นพบธงไอเอสในรถ ตลอดจนพบระเบิดทำเอง 2 ลูกอีกด้วย . เคิร์กแพทริกระบุว่า พฤติการณ์ของจับบาร์ เป็นความพยายามไล่พุ่งชนคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเหตุการณ์นี้มีผู้เสียชีวิต 15 คน และบาดเจ็บ 30 คน . ทางด้านกระทรวงกลาโหมเผยว่า จับบาร์เคยรับหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญในฝ่ายทรัพยากรบุคคลและผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีระหว่างปี 2007-2015 ก่อนเข้าเป็นทหารกองหนุนจนถึงปี 2020 . โฆษกกองทัพเสริมว่า ผู้ต้องสงสัยรายนี้เคยถูกส่งไปอัฟกานิสถานระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2009 จนถึงเดือนมกราคม 2010 . แม้ยังไม่พบว่า เหตุการณ์นี้กับเหตุไซเบอร์ทรัคระเบิดที่ลาสเวกัสเชื่อมโยงกัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ รถทั้งสองคันต่างเป็นรถเช่าซึ่งเช่าผ่าน “ทูโร” ที่เป็นแอปคาร์แชริ่งยอดนิยม . สำหรับเหตุการณ์ที่ลาสเวกัสนั้น เควิน แมคมาฮิลล์ เจ้าหน้าที่ปกครองของกองบัญชาการตำรวจลาสเวกัส เผยว่า ไซเบอร์ทรัค คันที่เกิดเหตุได้ขับไปจอดหน้าโรงแรมทรัมป์ อินเตอร์เนชันแนล โฮเต็ล ลาส เวกัส เมื่อเวลา 8.40 น. ก่อนที่จะเกิดการระเบิดทำให้คนขับเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 7 คน . แมคมาฮิลล์เสริมว่า เจ้าหน้าที่พบน้ำมันเบนซิน ถังน้ำมันสำรองสำหรับการตั้งแคมป์ และดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ด้านท้ายรถ . เจเรมี ชวาร์ตซ์ เจ้าหน้าที่พิเศษของเอฟบีไอที่รับผิดชอบคดีนี้ เผยว่า ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนว่า เป็นการก่อการร้ายหรือไม่ อย่างไรก็ดี เอฟบีไอสามารถระบุตัวคนขับที่เช่ารถคันนี้มาจากโคโลราโดได้แล้ว แต่ยังไม่พร้อมเปิดเผยต่อสาธารณชน . ทางด้านอีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา และผู้สนับสนุนสำคัญในการหาเสียงและที่ปรึกษาของทรัมป์ ซึ่งตอนแรกแสดงความสงสัยว่าเรื่องนี้อาจจะเป็นการก่อการร้าย ได้กลับลำในเวลาต่อมา โดยหันมาเน้นหนักยืนยันว่า เหตุระเบิดไม่ได้เกิดจากความบกพร่องของไซเบอร์ทรัค แต่สามารถยืนยันได้ว่า เกิดจากดอกไม้ไฟขนาดใหญ่ และ/หรือระเบิดที่อยู่ภายในรถดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000000528 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1561 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อการร้ายในนิวออร์ลีนส์ และคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดรถ cybertruck ในลาสเวกัส นอกจากรถถูกเช่ามาจากที่เดียวกัน คือบริษัทคาร์แชริ่งที่ชื่อว่า Turo แล้วนั้น

    ยังพบว่าทั้งสองคนเคยประจำการอยู่ที่ฐานทัพทหารแห่งเดียวกันอีกด้วย
    เจ้าหน้าที่สืบสวนของสหรัฐยืนยันว่า คนร้ายที่ก่อการร้ายในนิวออร์ลีนส์ และคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดรถ cybertruck ในลาสเวกัส นอกจากรถถูกเช่ามาจากที่เดียวกัน คือบริษัทคาร์แชริ่งที่ชื่อว่า Turo แล้วนั้น ยังพบว่าทั้งสองคนเคยประจำการอยู่ที่ฐานทัพทหารแห่งเดียวกันอีกด้วย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ

    วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก

    ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour "

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459

    #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ • วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก • ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour " • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459 • #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts