• “ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา” บรรลุ 3 ข้อตกลง ถอยกลับจุดเดิม รอคุย RBC-JBC กลางมิ.ย.นี้
    https://www.thai-tai.tv/news/19031/
    “ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา” บรรลุ 3 ข้อตกลง ถอยกลับจุดเดิม รอคุย RBC-JBC กลางมิ.ย.นี้ https://www.thai-tai.tv/news/19031/
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ตกลง 3 ข้อ หาทางยุติปมขัดแย้งช่องบก ใช้ช่องทาง คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้ารักษาความสัมพันธ์อันดี ใช้ความอดทนอดกลั้น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050505

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบ.ทบ.ไทย-กัมพูชา ตกลง 3 ข้อ หาทางยุติปมขัดแย้งช่องบก ใช้ช่องทาง คณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) ที่จะจัดขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดที่เหมาะสม ลดการเผชิญหน้ารักษาความสัมพันธ์อันดี ใช้ความอดทนอดกลั้น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050505 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Angry
    5
    0 Comments 1 Shares 224 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ

    วันนี้(29 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.34 น. ในเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ของ จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน มีการโพสต์ข้อความเป็นสารพิเศษที่สมเด็จฮุนเซนกล่าวในการประชุมวุฒิสภากัมพูชาในวันนี้ โดยระบุว่า

    ต่อไปนี้คือถ้อยแถลงหลักของสมเด็จฮุนเซนในคำแถลงพิเศษเกี่ยวกับการปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทยที่ชายแดนบริเวณมอมเตย จังหวัดพระวิหาร

    สมเด็จฮุนเซนขอให้เพื่อนร่วมชาติของเขาอยู่ในความสงบและไว้วางใจในความเป็นผู้นำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาแทนที่จะใช้กำลังทหาร

    นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบในประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย และเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ระวังข่าวปลอมที่ผลักดันให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050442

    #MGROnline #ฮุนเซน #กัมพูชา
    “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ • วันนี้(29 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.34 น. ในเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ของ จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน มีการโพสต์ข้อความเป็นสารพิเศษที่สมเด็จฮุนเซนกล่าวในการประชุมวุฒิสภากัมพูชาในวันนี้ โดยระบุว่า • ต่อไปนี้คือถ้อยแถลงหลักของสมเด็จฮุนเซนในคำแถลงพิเศษเกี่ยวกับการปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทยที่ชายแดนบริเวณมอมเตย จังหวัดพระวิหาร • สมเด็จฮุนเซนขอให้เพื่อนร่วมชาติของเขาอยู่ในความสงบและไว้วางใจในความเป็นผู้นำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาแทนที่จะใช้กำลังทหาร • นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบในประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย และเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ระวังข่าวปลอมที่ผลักดันให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050442 • #MGROnline #ฮุนเซน #กัมพูชา
    Angry
    1
    0 Comments 1 Shares 61 Views 0 Reviews
  • ผบ.ทบ.บินเจรจากัมพูชา ละเมิดMOUหรือไม่ : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปยังช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อพบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี
    โดยในการเจรจาจะนำภาพถ่ายทางอากาศไปเปิดดูให้ชัดเจนว่า พื้นที่ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลต เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่เลยเข้ามาใกล้เขตแดนไทยหรือไม่ ละเมิด MOU 2543 หรือไม่



    ปะทะกันเป็นเรื่องเข้าใจผิด

    "ทักษิณ"ป่วยทิพย์ไร้คนคุม

    อภิปรายงบสภาเดือด

    เบรก"ทรัมป์"ลุแก่อำนาจ
    ผบ.ทบ.บินเจรจากัมพูชา ละเมิดMOUหรือไม่ : [NEWS UPDATE] พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะ เดินทางไปยังช่องจอม จ.สุรินทร์ เพื่อพบกับ พล.อ.เมา โซะพัน ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา หลังเกิดการปะทะระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา ที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี โดยในการเจรจาจะนำภาพถ่ายทางอากาศไปเปิดดูให้ชัดเจนว่า พื้นที่ที่ทหารกัมพูชาเข้ามาขุดคูเลต เป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อน ที่เลยเข้ามาใกล้เขตแดนไทยหรือไม่ ละเมิด MOU 2543 หรือไม่ ปะทะกันเป็นเรื่องเข้าใจผิด "ทักษิณ"ป่วยทิพย์ไร้คนคุม อภิปรายงบสภาเดือด เบรก"ทรัมป์"ลุแก่อำนาจ
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 249 Views 21 0 Reviews
  • “ผบ.ทบ” ไทย พร้อม “แม่ทัพภาคที่ 2” บินด่วนชายแดนสุรินทร์ พบกับ “พล.อ.เมา โซะพัน” ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา เหตุทหารไทย-กัมพูชาปะทะเดือดที่ “ช่องบก” จ.อุบลฯ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050452

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ผบ.ทบ” ไทย พร้อม “แม่ทัพภาคที่ 2” บินด่วนชายแดนสุรินทร์ พบกับ “พล.อ.เมา โซะพัน” ผู้บัญชาการทหารบกกัมพูชา เพื่อพูดคุยแก้ไขปัญหา เหตุทหารไทย-กัมพูชาปะทะเดือดที่ “ช่องบก” จ.อุบลฯ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050452 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 266 Views 0 Reviews
  • “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050442

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050442 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • "ฮุน เซน" ถามกลับเหตุใดพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของไทย!!!

    สำนักข่าวพนมเปญ โพสต์ (Phnom Penh Post) รายงานว่า ฮุน เซน กล่าวยืนยันว่าเคยเดินทางไปยังจุดปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อปี 2009 พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดพื้นที่ดังกล่าวจึงถือว่าเป็นของฝ่ายไทย และทำไมทหารกัมพูชาต้องเสียชีวิตที่นั่นซึ่งเป็นดินแดนของกัมพูชา

    นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวถึงการส่งกำลังพลและอาวุธหนักไปประจำชายแดนว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง แต่เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2008-2011 บริเวณปราสาทพระวิหาร

    .
    https://www.phnompenhpost.com/national/hun-sen-disputed-border-area-is-cambodian-territory-i-visited-in-2009
    "ฮุน เซน" ถามกลับเหตุใดพื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ของไทย!!! สำนักข่าวพนมเปญ โพสต์ (Phnom Penh Post) รายงานว่า ฮุน เซน กล่าวยืนยันว่าเคยเดินทางไปยังจุดปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชาเมื่อปี 2009 พร้อมตั้งคำถามว่าเหตุใดพื้นที่ดังกล่าวจึงถือว่าเป็นของฝ่ายไทย และทำไมทหารกัมพูชาต้องเสียชีวิตที่นั่นซึ่งเป็นดินแดนของกัมพูชา นอกจากนี้ ฮุนเซนยังกล่าวถึงการส่งกำลังพลและอาวุธหนักไปประจำชายแดนว่า ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อยั่วยุให้เกิดความขัดแย้ง แต่เพื่อเตรียมพร้อมในกรณีที่สถานการณ์เลวร้ายลง ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นระหว่างปี 2008-2011 บริเวณปราสาทพระวิหาร . https://www.phnompenhpost.com/national/hun-sen-disputed-border-area-is-cambodian-territory-i-visited-in-2009
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • ฮุนเซนประกาศ พร้อมยิงตอบโต้เครื่องบินรบของไทยหากถูกคุกคาม

    กองทัพกัมพูชาเตรียมพร้อม และรู้กลยุทธ์สงครามของไทยเป็นอย่างดี และกัมพูชามีเครือข่ายทางอากาศของระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดี ที่สามารถยิงได้ไกลหลายสิบกิโลเมตร

    ฮุนเซนตอบคำถาม หลังถูกถามว่าไทยมีความพร้อมสำหรับเครื่องบินรบที่จะต่อสู้กับกัมพูชา

    นอกจากนี้ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับกองกำลังรักษาชายแดน โดยระบุว่าประเทศไม่ได้ขาดงบประมาณในการดูแลเจ้าหน้าที่ในกองทัพ แต่การมีส่วนร่วมของพลเมืองแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมเพื่อเสริมสร้างกำลังป้องกันประเทศ

    https://web.facebook.com/share/p/1X9wfcVYDp/
    ฮุนเซนประกาศ พร้อมยิงตอบโต้เครื่องบินรบของไทยหากถูกคุกคาม กองทัพกัมพูชาเตรียมพร้อม และรู้กลยุทธ์สงครามของไทยเป็นอย่างดี และกัมพูชามีเครือข่ายทางอากาศของระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ดี ที่สามารถยิงได้ไกลหลายสิบกิโลเมตร ฮุนเซนตอบคำถาม หลังถูกถามว่าไทยมีความพร้อมสำหรับเครื่องบินรบที่จะต่อสู้กับกัมพูชา นอกจากนี้ฮุนเซนยังเรียกร้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับกองกำลังรักษาชายแดน โดยระบุว่าประเทศไม่ได้ขาดงบประมาณในการดูแลเจ้าหน้าที่ในกองทัพ แต่การมีส่วนร่วมของพลเมืองแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะเข้าร่วมเพื่อเสริมสร้างกำลังป้องกันประเทศ https://web.facebook.com/share/p/1X9wfcVYDp/
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • ฮุนเซนโพสต์เฟสบุ้คเดือด ประณามผู้ก่อเหตุทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต พร้อมตอบโต้หากมีการรุกรานอีกครั้ง อ้างคล้ายกรณีปราสาทพระวิหาร หนุนรัฐบาลส่งทหาร-อาวุธหนักป้องกันชายแดน

    https://web.facebook.com/share/p/1D2MTx6TB1/

    .

    ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนาย Prinbal Ek Soun Roun จากการโจมตีของกองทัพที่รุกรานพรมแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาไม่ควรเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อการรุกรานเช่นนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึง 2554

    ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นการสู้รบเกิดขึ้น แต่ข้าพเจ้าสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งทหารและอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมการตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกรานอีกครั้ง ข้าพเจ้าหวังว่าการเจรจาที่จะทำในวันพรุ่งนี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดข้ามชายแดนระหว่างสองประเทศถึงขั้นที่ความร่วมมือในพื้นที่อื่นถูกปิดกั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

    ข้าพเจ้าขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของเรา โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และโปรดเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ เราเกลียดสงคราม แต่เรายืนกรานที่จะทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2551 ถึง 2554 โดยใช้ลูกศร 3 ดอก คือ ทหาร การทูต และกฎหมาย
    ฮุนเซนโพสต์เฟสบุ้คเดือด ประณามผู้ก่อเหตุทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต พร้อมตอบโต้หากมีการรุกรานอีกครั้ง อ้างคล้ายกรณีปราสาทพระวิหาร หนุนรัฐบาลส่งทหาร-อาวุธหนักป้องกันชายแดน https://web.facebook.com/share/p/1D2MTx6TB1/ . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนาย Prinbal Ek Soun Roun จากการโจมตีของกองทัพที่รุกรานพรมแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาไม่ควรเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อการรุกรานเช่นนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึง 2554 ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นการสู้รบเกิดขึ้น แต่ข้าพเจ้าสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งทหารและอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมการตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกรานอีกครั้ง ข้าพเจ้าหวังว่าการเจรจาที่จะทำในวันพรุ่งนี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดข้ามชายแดนระหว่างสองประเทศถึงขั้นที่ความร่วมมือในพื้นที่อื่นถูกปิดกั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้าขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของเรา โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และโปรดเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ เราเกลียดสงคราม แต่เรายืนกรานที่จะทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2551 ถึง 2554 โดยใช้ลูกศร 3 ดอก คือ ทหาร การทูต และกฎหมาย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • “นายกฯ” ปัดตอบ “ทักษิณ” ประกาศสงครามว้าแดงกวาดล้างยาเสพติด เผย คุยนายกฯกัมพูชา ปมปะทะชายแดน ยัน สัมพันธ์ยังดี เร่งคลี่คลายสถานการณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050117

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “นายกฯ” ปัดตอบ “ทักษิณ” ประกาศสงครามว้าแดงกวาดล้างยาเสพติด เผย คุยนายกฯกัมพูชา ปมปะทะชายแดน ยัน สัมพันธ์ยังดี เร่งคลี่คลายสถานการณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050117 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    Haha
    6
    0 Comments 0 Shares 359 Views 0 Reviews
  • ทหารกัมพูชาดับ 1 หลังปะทะช่องบก อ้างไทยยิงก่อน เปิดภาพสนามเพลาะเขมรขุดละเมิด MOU43 เป็นครั้งที่ 2
    https://www.thai-tai.tv/news/19018/
    ทหารกัมพูชาดับ 1 หลังปะทะช่องบก อ้างไทยยิงก่อน เปิดภาพสนามเพลาะเขมรขุดละเมิด MOU43 เป็นครั้งที่ 2 https://www.thai-tai.tv/news/19018/
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • “นายกฯ ” คุย “ฮุน มาแนต” เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว บอกจะทำให้คลี่คลายโดยเร็ว
    https://www.thai-tai.tv/news/19017/
    “นายกฯ ” คุย “ฮุน มาแนต” เหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชาแล้ว บอกจะทำให้คลี่คลายโดยเร็ว https://www.thai-tai.tv/news/19017/
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • เผยภาพสนามเพลาะ ทหารกัมพูชาขุดยาว 650 เมตรจากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย ละเมิด MOU43 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยเข้ามาขุด และเพิ่งเจรจาให้ถอนกำลังออกไปก่อนหน้านี้ ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานทหารกัมพูชาตาย 1 อ้างไทยเปิดฉากยิงก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050086

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เผยภาพสนามเพลาะ ทหารกัมพูชาขุดยาว 650 เมตรจากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย ละเมิด MOU43 เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเคยเข้ามาขุด และเพิ่งเจรจาให้ถอนกำลังออกไปก่อนหน้านี้ ด้านสำนักข่าวต่างประเทศรายงานทหารกัมพูชาตาย 1 อ้างไทยเปิดฉากยิงก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050086 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Wow
    3
    0 Comments 0 Shares 369 Views 0 Reviews
  • ที่ปรึกษาปธ.อาเซียนจิงดิ
    ซ้ายก็พม่ารุกน่านฟ้า
    ขวาก็กัมพูชารุกดินแดน
    ไร้น้ำยาราคาคุย
    หรือเสี้ยมเพื่อนบ้านรุมตี
    #7ดอกจิก
    ที่ปรึกษาปธ.อาเซียนจิงดิ ซ้ายก็พม่ารุกน่านฟ้า ขวาก็กัมพูชารุกดินแดน ไร้น้ำยาราคาคุย หรือเสี้ยมเพื่อนบ้านรุมตี #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • ทบ.แจงเหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา
    .
    เช้าวันนี้ (28 พฤศภาคม 2568) ณ กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น.
    .
    โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
    .
    ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ
    .
    ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่
    .
    กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป
    .
    Cr.ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก
    #RTA #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2
    ทบ.แจงเหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา . เช้าวันนี้ (28 พฤศภาคม 2568) ณ กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. . โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที . ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ . ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ . กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป . Cr.ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก #RTA #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2
    0 Comments 0 Shares 71 Views 0 Reviews
  • ทหารไทย ปะทะ ทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลฯ ทบ. แจงทหารไทยไม่ได้ยิงปะทะทหารกัมพูชา เป็นการยิงแจ้งเตือน
    https://www.thai-tai.tv/news/18991/
    ทหารไทย ปะทะ ทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จ.อุบลฯ ทบ. แจงทหารไทยไม่ได้ยิงปะทะทหารกัมพูชา เป็นการยิงแจ้งเตือน https://www.thai-tai.tv/news/18991/
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากทหารไทยตรวจพบ ทหารกัมพูชา จัดเตรียมพื้นที่ลักษณะการตั้งจุดตรึงกำลังในพื้นที่ที่ไทยอ้างสิทธิ ทหารกัมพูชา เจรจาหยุดยิง ทหารไทยปลอดภัย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049832

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เกิดเหตุปะทะบริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากทหารไทยตรวจพบ ทหารกัมพูชา จัดเตรียมพื้นที่ลักษณะการตั้งจุดตรึงกำลังในพื้นที่ที่ไทยอ้างสิทธิ ทหารกัมพูชา เจรจาหยุดยิง ทหารไทยปลอดภัย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000049832 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 483 Views 0 Reviews
  • เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ

    แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี

    โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร

    สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน

    ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด

    #Newskit
    เตโชแอร์พอร์ต สนามบินใหม่พนมเปญ แม้ท่าอากาศยานนานาชาติเตโช (Techo International Airport หรือ KTI) ทางตอนใต้ของกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา จะเลื่อนเปิดให้บริการออกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญประเมินพบว่ามีงานที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่สนามบินแห่งใหม่ซึ่งก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2563 ด้วยงบลงทุนกว่า 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังจะทดแทนท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ ซึ่งมีอายุกว่า 66 ปี บนพื้นที่ 400 เฮกตาร์ ใจกลางเมืองหลวงของกัมพูชา ด้วยความทันสมัยในฐานะท่าอากาศยานนานาชาติระดับ 4F บนพื้นที่ 2,600 เฮกตาร์ ใหญ่กว่าท่าอากาศยานเดิมกว่า 6 เท่า ซึ่งเฟสแรกรองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 15 ล้านคนต่อปี โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลกัมพูชา โดยสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐ (SSCA) กับบริษัท โอเวอร์ซีส์ แคมโบเดียน อินเวสต์เมนต์ คอร์ปฯ (OCIC Group) ของมหาเศรษฐีกัมพูชาเชื้อสายจีน ปง เคียวแซ (Pung Kheav Se) ตั้งอยู่ที่จังหวัดกันดาล ห่างจากกรุงพนมเปญไปทางทิศใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร มีทางวิ่งหรือรันเวย์ 3 เส้น ยาว 4,000 เมตร ก่อสร้างโดย บริษัทเซี่ยงไฮ้ เป่าเย่ กรุ๊ป คอร์ปฯ รองรับเครื่องบินขนาดใหญ่ เช่น แอร์บัส A380-800 โบอิ้ง 747-800 พร้อมหอควบคุมการจราจรทางอากาศ (ATC) สูง 118 เมตร สถาปัตยกรรมอาคารผู้โดยสาร ออกแบบโดย บริษัทฟอสเตอร์ แอนด์ พาร์ตเนอร์ จากอังกฤษ ก่อสร้างโดยบริษัท ไชน่า คอนสตรัคชัน เติร์ด เอนจิเนียริง บูโร ประเทศจีน ประกอบด้วยอาคารผู้โดยสารส่วนกลาง พร้อมเสารูปทรงแอโรฟอยล์หรือปีกนก ที่อยู่ด้านข้างทั้งสองข้าง มีประตูขึ้นเครื่อง 22 ประตู รองรับเครื่องบินขนาดกลางได้ 40 ลำ หลังคาโดมโครงสร้างเหล็ก สูง 36 เมตร พร้อมตะแกรงกรองแสงธรรมชาติและส่องสว่างในอาคาร ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์กว่า 1,000 แผง และศูนย์กลางระบบผลิตไฟฟ้า (Energy Center) สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าที่ใช้กับระบบปรับอากาศได้ 7,800 กิโลวัตต์ ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ถึง 120 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อปี ลดการปล่อยคาร์บอนลงได้ประมาณ 100,000 ตัน ในปี 2567 ท่าอากาศยานนานาชาติพนมเปญ (PNH) มีเที่ยวบินทั้งหมด 41,022 เที่ยวบิน ผู้โดยสารรวม 4,746,000 คน โดยมีเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สุวรรณภูมิ (BKK) มากที่สุด 88 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ รองลงมาคือกว่างโจว ประเทศจีน (CAN) กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (KUL) โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม (SGN) และสิงคโปร์ (SIN) หลังการย้ายสนามบินไปยังสถานที่แห่งใหม่ สนามบินเดิมรัฐบาลกัมพูชาจะเก็บรักษาไว้เป็นทรัพย์สินของรัฐ ภายใต้การดูแลของ SSCA โดยนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต ยืนยันว่ายังไม่ขายให้แก่ผู้สนใจแต่อย่างใด #Newskit
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • "ภูมิธรรม" เผยเคลียร์แล้ว "ทหารกัมพูชา" รุกล้ำไทยขุดคูเลทปักแดนสร้างฐานที่มั่น ย้ำให้ทุกฝ่ายยึดเอ็มโอยู
    https://www.thai-tai.tv/news/18754/
    "ภูมิธรรม" เผยเคลียร์แล้ว "ทหารกัมพูชา" รุกล้ำไทยขุดคูเลทปักแดนสร้างฐานที่มั่น ย้ำให้ทุกฝ่ายยึดเอ็มโอยู https://www.thai-tai.tv/news/18754/
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา

    รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้

    สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด

    ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331

    #MGROnline #กัมพูชา
    ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา • รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้ • สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด • ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000046331 • #MGROnline #กัมพูชา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • มทภ.2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความไม่เข้าใจกันบ้าง ยันปกป้องประโยชน์ชาติ-ความปลอดภัยปชช.แนวชายแดน พร้อมรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046314

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    มทภ.2 เผยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ยังมีความไม่เข้าใจกันบ้าง ยันปกป้องประโยชน์ชาติ-ความปลอดภัยปชช.แนวชายแดน พร้อมรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000046314 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 379 Views 0 Reviews
  • ทบ. ยืนยันแนวทางดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ของแม่ทัพภาค 2 เป็นไปตามนโยบายฝ่ายบริหาร
    https://www.thai-tai.tv/news/18694/
    ทบ. ยืนยันแนวทางดูแลชายแดนไทย-กัมพูชา ของแม่ทัพภาค 2 เป็นไปตามนโยบายฝ่ายบริหาร https://www.thai-tai.tv/news/18694/
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดขัดแย้ง "ภูมิธรรม"รมว.กลาโหม สั่งถอนกำลังออกจากจุดเสี่ยงปะทะกับทหารเขมร ย้ำเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีเหตุรุนแรง ตรึงกำลังตามปกติ ฝากพี่น้องชาวไทย ที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียกรณีปราสาทตาเมือนธม ให้แสดงความคิดเห็น ไปในทางที่ให้เกิดความรักความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045130

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    แม่ทัพภาคที่ 2 ปัดขัดแย้ง "ภูมิธรรม"รมว.กลาโหม สั่งถอนกำลังออกจากจุดเสี่ยงปะทะกับทหารเขมร ย้ำเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาไม่มีเหตุรุนแรง ตรึงกำลังตามปกติ ฝากพี่น้องชาวไทย ที่เคลื่อนไหวในโซเชียลมีเดียกรณีปราสาทตาเมือนธม ให้แสดงความคิดเห็น ไปในทางที่ให้เกิดความรักความสามัคคี อย่าให้มีความแตกแยก เพราะจะกระทบเศรษฐกิจชายแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045130 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 Comments 0 Shares 491 Views 0 Reviews
  • กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา

    เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)

    รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้

    ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที

    ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน) รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    0 Comments 0 Shares 396 Views 0 Reviews
More Results