• เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง นักการเมือง ปธน.ทรัมป์ อ้างจัดการเรื่องอิสราเอล กับฮามาส แบบเอียงๆ แล้วก็น่าจะเอียงๆ มายุ่งกับไทย กับกัมพูชา เพื่อชื่อเสียงตัวเอง ... เผือก ...

    https://www.youtube.com/live/svpINan7IHQ?si=AKYtUmGNaF8aTfEL
    เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง นักการเมือง ปธน.ทรัมป์ อ้างจัดการเรื่องอิสราเอล กับฮามาส แบบเอียงๆ แล้วก็น่าจะเอียงๆ มายุ่งกับไทย กับกัมพูชา เพื่อชื่อเสียงตัวเอง ... เผือก ... https://www.youtube.com/live/svpINan7IHQ?si=AKYtUmGNaF8aTfEL
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 0 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 8 (ตอนจบ)

    ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน

    ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก

    อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!?

    ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…”

    เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม

    เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง
    เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น

    จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง

    ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน

    อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด

    อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู

    สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร

    นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ

    อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป

    เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 8 (ตอนจบ) ตั้งแต่อเมริกาบีบให้สหประชาชาติคว่ำบาตรอิหร่าน ตั้งแต่ปี ค.ศ.2006 อิหร่านก็เปิดประตูรับแขกตะวันตกน้อยลง โดยเฉพาะสัญชาติอเมริกัน สมน้ำหน้า ! เขาไม่รับให้เข้าไปเดินเล่นในประเทศ แล้วคุยผ่านคนกลาง มันจะน่าเชื่อถือได้มากหรือน้อย อิหร่านทำตัวต่างกับสมันน้อย ที่เปิดมันหมดทั้งประตูหน้า ประตูหลัง หน้าต่างมีกี่บานเปิดถ่างมันหมด ข้อมูลทุกอย่างก็ไหลเหมือนท่อแตก ทำให้การวางแผนควบคุม (ไม่อยากใช้คำว่า เขมือบหรือขม้ำ มันแสลงใจกัน) สมันน้อย จึงเหมือนแค่ปลอกกล้วยให้ลิงกิน ตั้งแต่รบกับอินเดียนแดงชนะ ได้แผ่นดินเขามาครอง อเมริกาเคยรบข้าศึก หรือ ศัตรูในประเทศตัวเองบ้างไหม คำตอบคือไม่เคยเลย เคยแต่รบกันเอง เดินดาหน้าเป็นแถว ยิงปืนใส่กัน สมัยสงครามกลางเมืองเหนือใต้หลายร้อยปีมาแล้ว นอกนั้นอเมริการบนอกบ้านทั้งสิ้น แล้วการรบของอเมริกาที่นอกบ้านเป็นอย่างไร ที่เกาหลี เวียตนาม อาฟกานีสถาน และอิรัก รวมทั้งหลายแห่งในอาฟริกา ล้วนเป็นการรบกับประเทศที่ด้อยกว่าทั้งด้านอาวุธและฝีมือ อเมริกาใช้เวลา อาวุธ และกำลังพล เหมือนขี่ช้างไปจับตั๊กแตน และผลลัพธ์ ถ้าไม่แพ้น๊อกเช่นที่เวียตนาม ก็แพ้คะแนนในการรบทุกแห่ง ยกเว้นอาฟริกา ที่เหมือนรบกับคนใกล้ตาย อันนี้เป็นคำกล่าวของนายทหารอเมริกันเอง แล้วอิหร่านเป็นตั๊กแตนแน่หรือ ถ้าเป็นตั๊กแตน ก็ตั๊กแตนติดนิวเคลียร์ ดูเอาจากรายงานของคณะทำงานฉบับวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.2006 ก็คงจะพอเดากันออก อเมริกาที่ใครๆคิดว่าแน่ คิดว่าใหญ่ เป็นพี่เบิ้มครองโลกหมายเลขหนึ่ง ดูเหมือนจะเก่งทางสร้างภาพผ่านสื่อ เอะอะก็ขู่จะเอากองทัพไปถล่มเขา เห็นลมพัดใบตองแห้งเป็นไม่ได้ ต้องออกเสียง แต่ก็ยังมีหลายคนในแดนสมันน้อย ที่กลัวพี่เบิ้มใบตองแห้ง จนไม่กล้าขยับหนี คงเพราะถูกครอบด้วยกระป๋องสี่เหลี่ยมติดตายอยู่ที่หัว หรืออิ่มจนพูดไม่ออก เฮ้อ! เหนื่อยใจ! ไม่เบื่อกระป๋องสี่เหลี่ยม คิดถอดออกบ้างหรือไงครับ…!? ถึงอิหร่านจะถูกจับเป็นเหยื่อ มาเป็นเวลานานกว่า 100 ปี แต่ไม่ได้หม่ายความว่า เมื่อตกเป็นเหยื่อแล้ว จะต้องเป็นเหยื่อเขาไปตลอดกาล เหยื่อที่อ่อนแอเท่านั้นที่คิดเช่นนั้น อิหร่านบอกว่าข้อเสนอของคาวบอย Bush เมื่อกลางปี ค.ศ.2006 เหมือนกับให้รัฐบาลอิหร่านไปเลียเกือกบู๊ทของ Bush ต่อหน้าสาธารณะ และเป็นการจบสิ้นศักดิ์ศรีทางการ เมืองของอิหร่าน “ Bush might as well have offered the Iranian regime a chance to lick his boots in public and commit political suicide…” เดือนตุลาคม ค.ศ.2007 คุณพี่ปูตินทำให้โลกอ้าปากค้าง มองตาไม่กระพริบ คุณพี่เดินทางไปอิหร่านอย่างเป็นทางการในฐานะหัวหน้ารัฐบาลของรัสเซีย หลังจากรัสเซียไม่ได้ไปเยี่ยมเยือนอิหร่านมา 60 ปี คุณพี่ประกาศในการไปเยี่ยมอิหร่านว่า รัสเซียจะปกป้องอิหร่านจากการคุกคามของอเมริกา เหมือนเป็นทางการเตือนผ่านไปในอากาศ ข้ามทวีปไปถึงคาวบอย Bush ว่า “โปรดระวัง” เตือนมา 7 ปีมาแล้ว การเตือนนี้จะยังมีผลอยู่หรือไม่ น่าติดตาม เสียงเตือนของคุณพี่ปูติน ถูกแปลงเป็นการเร่งเครื่อง คาวบอยอเมริกันเหมือนถูกหยามหน้า Pentagon รายงานว่า มีการหารือกันถึงการวางแผนจะให้ของขวัญอิหร่าน จะเอาแบบ “a broad bombing attack” ทิ้งระเบิดแบบปูพรมทั่วไปทั้งเตหะราน หรือเอาแบบ “surgical” ส่งให้เฉพาะกองทัพของอิหร่านดีนะ เรือรบจำนวนกว่าครึ่งของกองทัพเรืออเมริกา ถูกสั่งให้พร้อมเคลื่อนที่ประชิดอิหร่าน หน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา National Security Strategy ออกข่าวในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 ว่า “เราอาจจะไม่เคยเจอประเทศใดเพียงประเทศเดียว ที่ท้าทายเราได้มากเท่าอิหร่าน !” เป็นคำพูดที่น่ากลัวมาก จากหน่วยงานความมั่นคง ของนักล่าใบตองแห้ง เจ้าหน้าที่อเมริกันบันทึกว่า การแข่งขันระหว่างอเมริกา รัสเซีย ได้เริ่มต้นใหม่อีกแล้ว การแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่มันเป็นการแข่งขันชิงตำแหน่ง แชมป์โลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทหารในตะวันออกกลาง และเลยไปกว่านั้น แต่นับจากวันนั้นถึงวันนี้ มันก็มีแต่การคว่ำบาตรกับการส่งเสียงใส่ใบตองแห้ง พี่เบิ้มอเมริกายังไม่ขยับเข้าไปใกล้เหยื่อชื่ออิหร่านมากกว่านั้น ยังปล่อยให้คาคออยู่อย่างนั้น จะเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ต้องมีอุปกรณ์พร้อมอย่างน้อย 3 อย่าง อาวุธหนัก ทุนหนา และน้ำมันแน่น (ถัง) มันเป็นส่วนผสมที่เสริมสร้างกันเอง ดังนั้นอเมริกาต้อง “ได้” ตะวันออกกลาง ที่มีแหล่งน้ำมันกว่าครึ่งของโลก แต่จะได้ตะวันออกกลางอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ต้องจัดการเอาซาอุดิอารเบีย และอิหร่าน 2 ประเทศใหญ่ของตะวันออกกลาง มาอยู่ในกรงเลี้ยงให้เชื่อง ซาอุดิอารเบียติดอาหารยี่ห้อกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เกาะนิ่ง แม้บางครั้งจะออกอาการกระสับกระส่าย แต่ไม่ออกฤทธิ์ ตรงกันข้ามกับเหยื่อชื่ออิหร่าน อิหร่านดิ้นรน ออกแรง เพื่อให้หลุดจากกรงเหยื่อมานาน และอเมริกาก็ใช้สารพัดกับดัก ไม้เสี้ยม ไม้เสียบเพื่อให้เหยื่อเชื่องอยู่มือ อเมริกาคิดว่าเหยื่อทุกรายในตะวัน ออกกลาง (และดูเหมือนจะทั้งโลก !) จะชอบอาหารยี่ห้อเดียวกัน อาจจะใช่ แต่ไม่แน่ว่าจะเสมอไป และตลอดไป เมื่อหมดหนทางทำให้เหยื่อเชื่อง อเมริกาก็ตัดสินใจทำลายเหยื่ออย่างเหี้ยมโหด อิหร่านไม่หวังจะเป็นเหยื่อตลอดกาล แต่จะสู้โดยลำพัง ไม่แน่ว่าจะหลุดจากกรงได้ อิหร่านรู้จักสร้างแนวร่วม อิรัก เลบานอน และซีเรีย ซึ่งค่อยๆย้ายที่มายืนแถวเดียวกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ อิหร่านรู้จักแยกว่าใครคือเพื่อน และใครคือศัตรู สำหรับรัสเซียและจีน เพื่อไม่ให้อเมริกาครอบครองตะวันออกกลางทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ทั้งรัสเซียและจีนเสียเปรียบ และอาจจะถึงเสียหาย จึงมีแต่จะต้องสนันสนุนอิหร่านให้เข้มแข็ง ให้เป็นไม้ขวางที่หนักและเคลื่อนย้ายยาก เหมือนท่อนซุงขวางทาง ไม่ให้อเมริกาก้าวครอบตะวันออก กลางทั้งหมดได้ง่ายๆ ยิ่งบวกอิรัก ซีเรีย และเลบานอน เข้าไปด้วย 4 ประเทศ รวมเป็นเสี้ยวพระจันทร์ อเมริกาเห็นแล้วก็คงหนาว ขบวนการเข้าไปในอิรัก ฉายหนังโหดซ้ำซากรอบหลังนี้ และการทำลายซีเรีย ซึ่งไม่น่าต้องถามว่าฝีมือใคร นับตั้งแต่คุณพี่ปูติน เดินเข้าไปจับมือกับอิหร่านเมื่อ 7 ปี ที่แล้ว สัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับอิหร่าน รวมทั้งจีน ดูเหมือนยิ่งกระชับและชิดแน่น การสนับสนุนร่วมมือระหว่าง 3 ประเทศ มีทั้งเปิดเผยและปิดลับ มันเป็นการเปิดทางให้เหยื่อก้าวย่างออกจากกรงอย่างเด็ดเดี่ยวและมั่นใจ อิหร่านถูกเหล่านักล่าตะวันตก ขูดเลือดเอาน้ำมันมากว่า 70 ปี จนถึงทุกวันนี้ก็ยังถูกขูดอยู่ ผ่านสงครามโลกมา 2 ครั้ง ก็ยังถูกหลอก ถูกย่ำยี จนศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชนกร่อนแห้ง จากถูกอังกฤษขูดเลือด มาถูกอเมริกาเลาะเนื้อเถือกระดูกต่อ คนอิหร่านยอมลำบาก แต่ไม่ยอมก้มหัวเป็นเหยื่ออีกต่อไป เมื่อเหยื่อรายสำคัญ ตัดสินใจเลือกเดินออกจากกรง อเมริกาจะปล่อยมือ เปิดกรงให้ง่ายๆเช่นนั้นหรือ อเมริกาน่าจะคิดหนัก แต่ดูเหมือนเสียง “โปรดระวัง” ของคุณพี่ปูตินจะลอยลมมาผ่านข้ามไปอีกฟากหนึ่งของโลก..….ให้อเมริกาได้ยิน…..อีกรอบหนึ่ง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 6

    สงครามอิรักอิหร่าน ที่ถูกชักใยโดยอเมริกา ทำให้ชาวอิหร่านตายไปไม่น้อยกว่า 300,000 คน และชีวิตชาวอิรักอีกประมาณ 100,000 คน มีคนเจ็บประเทศละไม่น้อยกว่า 700,000 คน ส่วนการรบในอาฟกานิสถาน ระหว่าง ค.ศ.1979-1989 ชีวิตของคนอาฟกันต้องเสียไปประมาณ 1 ล้านคน (รวมทั้งทหารของสหภาพโซเวียตอีก 15,000 นาย) 1 ใน 3 ของชาวอาฟกันกลายเป็นผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ตามเต้นท์ และมันกลายเป็นการเริ่มต้นใหม่ของการต่อต้านการล่าอาณานิคม คราวนี้ไม่ใช่นักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่เป็นอเมริกา นักล่าหน้าใหม่ ใจเหี้ยมโหด จากแผ่นดินใหญ่ที่แย่งชิงมาจากอินเดียนแดง เป็นวีรกรรมที่ต้องบันทึกไว้

    เมื่อสหภาพโซเวียตล้มครืนในปี ค.ศ.1991 อเมริกากระหยิ่ม คิดว่าเส้นทางก้าวสู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกสะดวกโล่ง เมื่อคู่แข่งคนสำคัญถูกเขี่ยตกไปจากลู่แข่ง มันอาจจะเป็นการตกจากลู่แข่งเป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่ตอนนั้นอเมริกาไม่ได้คิดอย่างนั้น ความเกลียด ความสะใจคงจะทำให้มองภาพไม่ชัด อเมริกาคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะ ที่จะสยายปีกมาทางตะวันออกกลาง และยิ่งเมื่อ Khomeini ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว อิหร่านคงไม่แกร่งอย่างเดิม อเมริกาไม่จำเป็นต้อง “เลี้ยง” อิหร่านอีกต่อไป ยักษ์ล้มไปแล้ว ยันต์กันยักษ์ไม่มีความหมายเหมือนเก่า

    แต่ดูเหมือนอเมริกาจะอ่านไม่ขาด สงครามอิรัก อิหร่าน กลับทำให้การปกครองของ Khomeini เข้มแข็งขึ้น ชาวตะวันออกเห็นความอึดและเด็ดขาดของ Khomeini ชัดเจน มีการรวมตัวกันมากขึ้น เพราะเห็นเป้าหมายชัดเจน ยิ่งเมื่อสหภาพโซเวียตที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งคนเดียว ที่พอจะต่อกรกับอเมริกาได้ถูกน๊อคนับ 10 กลุ่มอิสลามกลับคิดรวมตัวกัน เพื่อป้องกันการครอบครองของอเมริกา และเริ่มเข้าไปมีส่วนในการเมืองในภูมิภาคของตนเอง

    นอกจากนั้น การที่อเมริกาอุดหนุนให้อาวุธ และทำการฝึกให้กลุ่มอาฟกันและ Mujahadeen เพื่อให้ไปโซ้ยกับรัสเซียแทนตนนั้น ทำให้กลุ่มอิสลามติดอาวุธพวกนี้ยิ่งฮึกเหิม พวกเขาเชื่อว่า เมื่อล้มยักษ์ได้ตัวหนึ่ง (สหภาพโซเวียต) ทำไมจะล้มยักษ์ตัวอื่นๆอีกไม่ได้ และเมื่อเริ่ม ค.ศ.1990 เป็นต้นมา กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงก็ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเหยื่อที่มีก้าง ติดเสียบค้างอยู่กลางคอของอเมริกา

    การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ไม่ได้นำความสะใจมาให้อเมริกาแต่อย่างเดียว น่าจะนำความวุ่นวายใจมาให้ด้วย หลังสหภาพโซเวียตล่ม กลับมีการเกิดใหม่ของรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของสหภาพโซเวียต ทยอยออกมาตั้งเป็นรัฐอิสระ รัฐเล็กๆเหล่านี้เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากร จิ้มไปตรงไหน ไม่น้ำมันผุดก็แก๊สพุ่ง แบบนี้นักล่าต่างๆจะอดใจไหวอย่างไร แต่คราวนี้พวกที่จ้องกันน้ำลายไหลไม่ได้มีแต่นักล่าตะวันตก ประเทศที่เพิ่งโตเช่น จีน และแม้แต่เจ้าของเก่าเช่นรัสเซีย ก็ออกอาการ

    นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่ ออกมากระตุกแขนอเมริกา อย่าลืมนะ รางวัลใหญ่คือ Eurasia ปล่อยให้หลุดมือไม่ได้

    อิหร่านที่มีเขตแดนติดอยู่กับสหภาพโซเวียตเดิม ยาวพันกว่ากิโลเมตร เป็นเพื่อนบ้านกันมากับรัฐเล็ก รัฐน้อยแถบนั้น ผูกพันกันทั้งด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และภาษา จะปล่อยให้คนแปลกหน้าต่างถิ่น เดินเข้าไปชิงตัดหน้าอย่างนั้นหรือ อิหร่านเริ่มเสนอโครงการท่อส่งสามัคคี ยาวตั้งแต่ Caspian Sea จากทางเหนือลงใต้ไปถึงอ่าว Persia ถ้าข้อเสนอของอิหร่านเกิดขึ้น ความฝันที่จะชิงรางวัลใหญ่ของอเมริกาก็คงริบหรี่ แล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร
    อเมริกาพยายามคิดวิธีการที่จะจัดการกับอิหร่าน สมัยรัฐบาล Clinton เขาบอกว่า ไม่ต้องยกทัพไปขยี้อิหร่านหรอก อิหร่านไม่ใช่คู่แข่งของเรา เราเอาการค้านำหน้า เป็นการค้าเสรีให้มันทั่วโลก พวกเขาไม่ฉลาดเท่าเราหรอก เราเปิดให้ทุนเข้าไปไม่เท่าไร เดี๋ยวเราก็กินเขาได้หมดเองน่า เออ! มันก็ได้ผลหลายที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกแห่งจะคี้ยวได้ง่าย แต่สายเหยี่ยวของอเมริกาไม่เห็นด้วย เขายืนยันว่าอิหร่านเป็นเป้าสำคัญในตะวันออกกลาง ถ้าเราปล่อยให้อิหร่านโตไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าต่อไปอิหร่านจะหันหน้าไปซบใคร สู้ตัดตอนมันไปเสียก่อนไม่ดีกว่าหรือ

    เมื่อ George Bush ได้เป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ.2000 หลังจากเกิดเหตุการณ์ 11 กันยา สายเหยี่ยวได้โอกาส (หรือสร้างโอกาส..!?) ประกาศว่า เราต้องจัดระเบียบโลกใหม่เกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้าย แล้วอิหร่านและอิรักก็ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ที่อเมริกาจะต้อง “จัดการ” รุ่นแรก

    รัฐมนตรีกลาโหม Donald Rumsfeld และผู้ช่วยตัวแสบ Paul Wolfowitz บอกว่าเราต้องสูบพวกนี้ออกมาให้หมดจากบริเวณตะวันออกกลาง “draining the swamp” แล้วพ่วงเอาผู้ปกครองอิรัก อิหร่าน และซีเรียไปด้วย เพราะพวกนี้แหละที่เป็นตัวขวางไม่ให้อเมริกาสยายปีกการล่าเหยื่อในตะวันออกกลาง

    การสูบน้ำออกจากหนอง แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มแรกเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2001 เมื่ออเมริกาทิ้งบอมบ์อาฟกานิสถาน และล้มรัฐบาลตาลีบัน (ซึ่งสร้างมากับมือ) อิรักเป็นขั้นตอนต่อไป แม้ Saddam จะไม่เป็นอิสลาม และไม่ได้เป็นพวกอัลกออิดะห์ แต่การอยู่ของ Saddam ทำให้อเมริการำคาญใจ เพราะเกะกะขวางทางการไปเอาน้ำมันในอิรัก ขั้นตอนสุดท้ายคืออิหร่าน ซึ่งไม่เกี่ยวกับรายการ 11 กันยา แถมยังยอมให้อเมริกาเข้ามาในเขตแดนของอิหร่าน ตอนกวาดพวกตาลีบันด้วย

    แต่อิหร่านเป็นแม่พิมพ์ของพวกอิสลามเคร่งครัด ถ้าแม่พิมพ์ยังอยู่ดี เดี๋ยวก็มีการถ่ายแบบกันไปทั่วตะวันออกกลาง อเมริการับไม่ได้ แต่ที่สำคัญ น่าจะเป็นข่าวที่เริ่มกระจายออกไปว่า อิหร่านก็คิดมีเพื่อน และเพื่อนที่อิหร่านอยากคบคือรัสเซียและจีน ซึ่งยืนตรงกันข้ามกับอเมริกา โดยเฉพาะรัสเซีย และจากสาเหตุสุดท้ายนี้ อิหร่านก็ได้ถูกเลื่อนอันดับอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาล Bush เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่จะต้องถูกจัดการสังเวยความกระหายน้ำมันและอำนาจ บวกความหมั่นไส้ที่ไม่รู้จักเลือกคบเพื่อน มองข้ามหัวอเมริกาอย่างท้าท้าย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 6 สงครามอิรักอิหร่าน ที่ถูกชักใยโดยอเมริกา ทำให้ชาวอิหร่านตายไปไม่น้อยกว่า 300,000 คน และชีวิตชาวอิรักอีกประมาณ 100,000 คน มีคนเจ็บประเทศละไม่น้อยกว่า 700,000 คน ส่วนการรบในอาฟกานิสถาน ระหว่าง ค.ศ.1979-1989 ชีวิตของคนอาฟกันต้องเสียไปประมาณ 1 ล้านคน (รวมทั้งทหารของสหภาพโซเวียตอีก 15,000 นาย) 1 ใน 3 ของชาวอาฟกันกลายเป็นผู้ลี้ภัยอาศัยอยู่ตามเต้นท์ และมันกลายเป็นการเริ่มต้นใหม่ของการต่อต้านการล่าอาณานิคม คราวนี้ไม่ใช่นักล่าจากเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่เป็นอเมริกา นักล่าหน้าใหม่ ใจเหี้ยมโหด จากแผ่นดินใหญ่ที่แย่งชิงมาจากอินเดียนแดง เป็นวีรกรรมที่ต้องบันทึกไว้ เมื่อสหภาพโซเวียตล้มครืนในปี ค.ศ.1991 อเมริกากระหยิ่ม คิดว่าเส้นทางก้าวสู่การเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกสะดวกโล่ง เมื่อคู่แข่งคนสำคัญถูกเขี่ยตกไปจากลู่แข่ง มันอาจจะเป็นการตกจากลู่แข่งเป็นการชั่วคราวเท่านั้น แต่ตอนนั้นอเมริกาไม่ได้คิดอย่างนั้น ความเกลียด ความสะใจคงจะทำให้มองภาพไม่ชัด อเมริกาคิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะ ที่จะสยายปีกมาทางตะวันออกกลาง และยิ่งเมื่อ Khomeini ได้ถึงแก่กรรมไปแล้ว อิหร่านคงไม่แกร่งอย่างเดิม อเมริกาไม่จำเป็นต้อง “เลี้ยง” อิหร่านอีกต่อไป ยักษ์ล้มไปแล้ว ยันต์กันยักษ์ไม่มีความหมายเหมือนเก่า แต่ดูเหมือนอเมริกาจะอ่านไม่ขาด สงครามอิรัก อิหร่าน กลับทำให้การปกครองของ Khomeini เข้มแข็งขึ้น ชาวตะวันออกเห็นความอึดและเด็ดขาดของ Khomeini ชัดเจน มีการรวมตัวกันมากขึ้น เพราะเห็นเป้าหมายชัดเจน ยิ่งเมื่อสหภาพโซเวียตที่ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งคนเดียว ที่พอจะต่อกรกับอเมริกาได้ถูกน๊อคนับ 10 กลุ่มอิสลามกลับคิดรวมตัวกัน เพื่อป้องกันการครอบครองของอเมริกา และเริ่มเข้าไปมีส่วนในการเมืองในภูมิภาคของตนเอง นอกจากนั้น การที่อเมริกาอุดหนุนให้อาวุธ และทำการฝึกให้กลุ่มอาฟกันและ Mujahadeen เพื่อให้ไปโซ้ยกับรัสเซียแทนตนนั้น ทำให้กลุ่มอิสลามติดอาวุธพวกนี้ยิ่งฮึกเหิม พวกเขาเชื่อว่า เมื่อล้มยักษ์ได้ตัวหนึ่ง (สหภาพโซเวียต) ทำไมจะล้มยักษ์ตัวอื่นๆอีกไม่ได้ และเมื่อเริ่ม ค.ศ.1990 เป็นต้นมา กลุ่มอิสลามหัวรุนแรงก็ดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นเหยื่อที่มีก้าง ติดเสียบค้างอยู่กลางคอของอเมริกา การล่มสลายของสหภาพโซเวียต ไม่ได้นำความสะใจมาให้อเมริกาแต่อย่างเดียว น่าจะนำความวุ่นวายใจมาให้ด้วย หลังสหภาพโซเวียตล่ม กลับมีการเกิดใหม่ของรัฐเล็กรัฐน้อย ที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของสหภาพโซเวียต ทยอยออกมาตั้งเป็นรัฐอิสระ รัฐเล็กๆเหล่านี้เต็มไปด้วยแหล่งทรัพยากร จิ้มไปตรงไหน ไม่น้ำมันผุดก็แก๊สพุ่ง แบบนี้นักล่าต่างๆจะอดใจไหวอย่างไร แต่คราวนี้พวกที่จ้องกันน้ำลายไหลไม่ได้มีแต่นักล่าตะวันตก ประเทศที่เพิ่งโตเช่น จีน และแม้แต่เจ้าของเก่าเช่นรัสเซีย ก็ออกอาการ นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่ ออกมากระตุกแขนอเมริกา อย่าลืมนะ รางวัลใหญ่คือ Eurasia ปล่อยให้หลุดมือไม่ได้ อิหร่านที่มีเขตแดนติดอยู่กับสหภาพโซเวียตเดิม ยาวพันกว่ากิโลเมตร เป็นเพื่อนบ้านกันมากับรัฐเล็ก รัฐน้อยแถบนั้น ผูกพันกันทั้งด้านประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม และภาษา จะปล่อยให้คนแปลกหน้าต่างถิ่น เดินเข้าไปชิงตัดหน้าอย่างนั้นหรือ อิหร่านเริ่มเสนอโครงการท่อส่งสามัคคี ยาวตั้งแต่ Caspian Sea จากทางเหนือลงใต้ไปถึงอ่าว Persia ถ้าข้อเสนอของอิหร่านเกิดขึ้น ความฝันที่จะชิงรางวัลใหญ่ของอเมริกาก็คงริบหรี่ แล้วจะปล่อยไปได้อย่างไร อเมริกาพยายามคิดวิธีการที่จะจัดการกับอิหร่าน สมัยรัฐบาล Clinton เขาบอกว่า ไม่ต้องยกทัพไปขยี้อิหร่านหรอก อิหร่านไม่ใช่คู่แข่งของเรา เราเอาการค้านำหน้า เป็นการค้าเสรีให้มันทั่วโลก พวกเขาไม่ฉลาดเท่าเราหรอก เราเปิดให้ทุนเข้าไปไม่เท่าไร เดี๋ยวเราก็กินเขาได้หมดเองน่า เออ! มันก็ได้ผลหลายที่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกแห่งจะคี้ยวได้ง่าย แต่สายเหยี่ยวของอเมริกาไม่เห็นด้วย เขายืนยันว่าอิหร่านเป็นเป้าสำคัญในตะวันออกกลาง ถ้าเราปล่อยให้อิหร่านโตไปเรื่อยๆ และไม่รู้ว่าต่อไปอิหร่านจะหันหน้าไปซบใคร สู้ตัดตอนมันไปเสียก่อนไม่ดีกว่าหรือ เมื่อ George Bush ได้เป็นประธานาธิบดีใน ค.ศ.2000 หลังจากเกิดเหตุการณ์ 11 กันยา สายเหยี่ยวได้โอกาส (หรือสร้างโอกาส..!?) ประกาศว่า เราต้องจัดระเบียบโลกใหม่เกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้าย แล้วอิหร่านและอิรักก็ได้รับเกียรติเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมาย ที่อเมริกาจะต้อง “จัดการ” รุ่นแรก รัฐมนตรีกลาโหม Donald Rumsfeld และผู้ช่วยตัวแสบ Paul Wolfowitz บอกว่าเราต้องสูบพวกนี้ออกมาให้หมดจากบริเวณตะวันออกกลาง “draining the swamp” แล้วพ่วงเอาผู้ปกครองอิรัก อิหร่าน และซีเรียไปด้วย เพราะพวกนี้แหละที่เป็นตัวขวางไม่ให้อเมริกาสยายปีกการล่าเหยื่อในตะวันออกกลาง การสูบน้ำออกจากหนอง แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน เริ่มแรกเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2001 เมื่ออเมริกาทิ้งบอมบ์อาฟกานิสถาน และล้มรัฐบาลตาลีบัน (ซึ่งสร้างมากับมือ) อิรักเป็นขั้นตอนต่อไป แม้ Saddam จะไม่เป็นอิสลาม และไม่ได้เป็นพวกอัลกออิดะห์ แต่การอยู่ของ Saddam ทำให้อเมริการำคาญใจ เพราะเกะกะขวางทางการไปเอาน้ำมันในอิรัก ขั้นตอนสุดท้ายคืออิหร่าน ซึ่งไม่เกี่ยวกับรายการ 11 กันยา แถมยังยอมให้อเมริกาเข้ามาในเขตแดนของอิหร่าน ตอนกวาดพวกตาลีบันด้วย แต่อิหร่านเป็นแม่พิมพ์ของพวกอิสลามเคร่งครัด ถ้าแม่พิมพ์ยังอยู่ดี เดี๋ยวก็มีการถ่ายแบบกันไปทั่วตะวันออกกลาง อเมริการับไม่ได้ แต่ที่สำคัญ น่าจะเป็นข่าวที่เริ่มกระจายออกไปว่า อิหร่านก็คิดมีเพื่อน และเพื่อนที่อิหร่านอยากคบคือรัสเซียและจีน ซึ่งยืนตรงกันข้ามกับอเมริกา โดยเฉพาะรัสเซีย และจากสาเหตุสุดท้ายนี้ อิหร่านก็ได้ถูกเลื่อนอันดับอย่างรวดเร็ว โดยรัฐบาล Bush เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่จะต้องถูกจัดการสังเวยความกระหายน้ำมันและอำนาจ บวกความหมั่นไส้ที่ไม่รู้จักเลือกคบเพื่อน มองข้ามหัวอเมริกาอย่างท้าท้าย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุผลดีๆ ที่ “ทรัมป์” ไม่ต้องเผือก!!! (9/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ทรัมป์
    #การเมืองโลก
    #สหรัฐอเมริกา
    #ข่าวต่างประเทศ
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    เหตุผลดีๆ ที่ “ทรัมป์” ไม่ต้องเผือก!!! (9/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทรัมป์ #การเมืองโลก #สหรัฐอเมริกา #ข่าวต่างประเทศ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหตุผลดีๆ ที่ “ทรัมป์” ไม่ต้องเผือก!!! (9/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ทรัมป์
    #การเมืองโลก
    #สหรัฐอเมริกา
    #ข่าวต่างประเทศ
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    เหตุผลดีๆ ที่ “ทรัมป์” ไม่ต้องเผือก!!! (9/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทรัมป์ #การเมืองโลก #สหรัฐอเมริกา #ข่าวต่างประเทศ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ดร.เอ้ ชี้ "การศึกษา" คือจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาประเทศ เหตุผลหลักตั้ง "พรรคไทยก้าวใหม่"
    https://www.thai-tai.tv/news/21824/
    .
    #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #การศึกษา #พรรคการเมืองใหม่
    ดร.เอ้ ชี้ "การศึกษา" คือจุดเริ่มต้นแก้ปัญหาประเทศ เหตุผลหลักตั้ง "พรรคไทยก้าวใหม่" https://www.thai-tai.tv/news/21824/ . #ไทยไท #ไทยก้าวใหม่ #สุชัชวีร์ #ดรเอ้ #การศึกษา #พรรคการเมืองใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอวรงค์ ถอดรหัส อ.ทรงฤทธิ์ (9/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หมอวรงค์
    #อาจารย์ทรงฤทธิ์
    #การเมืองไทย
    #วิเคราะห์การเมือง
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    หมอวรงค์ ถอดรหัส อ.ทรงฤทธิ์ (9/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หมอวรงค์ #อาจารย์ทรงฤทธิ์ #การเมืองไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • TOR46 ทักษิณ ข้อตกลงสกปรกขายชาติ..??? (9/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #TOR46
    #ทักษิณ
    #เพื่อไทย
    #ข้อตกลงขายชาติ
    #การเมืองไทย
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    TOR46 ทักษิณ ข้อตกลงสกปรกขายชาติ..??? (9/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #TOR46 #ทักษิณ #เพื่อไทย #ข้อตกลงขายชาติ #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" เหนื่อยต่อ ป.ป.ช. สอบคลิปเสียง คุย "ฮุน เซน" ยึดแนวคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้อาจถึงขั้นตัดสิทธิ์การเมืองถาวร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096523

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    "แพทองธาร" เหนื่อยต่อ ป.ป.ช. สอบคลิปเสียง คุย "ฮุน เซน" ยึดแนวคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้อาจถึงขั้นตัดสิทธิ์การเมืองถาวร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096523 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แพทองธาร" เผชิญศึกใหม่! ป.ป.ช.เดินหน้าสอบคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" ยึดแนวคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้อาจถึงขั้นตัดสิทธิ์การเมืองถาวร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096513

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    "แพทองธาร" เผชิญศึกใหม่! ป.ป.ช.เดินหน้าสอบคลิปเสียงคุย "ฮุน เซน" ยึดแนวคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้อาจถึงขั้นตัดสิทธิ์การเมืองถาวร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096513 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาเนียล โนโบอา ประธานาธิบดีเอวาดอร์ รอดจากการได้รับบาดเจ็บ หลังขบวนรถของเขาถูกโจมตีโดยพวกผู้ประท้วงในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง ในสิ่งที่ทางรัฐบาลประณามว่าเป็นความพยายามลอบสังหาร ตอกย้ำถึงความตึงเครียดทางการเมืองที่หนักหน่วงขึ้นในประเทศแห่งนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096491

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ดาเนียล โนโบอา ประธานาธิบดีเอวาดอร์ รอดจากการได้รับบาดเจ็บ หลังขบวนรถของเขาถูกโจมตีโดยพวกผู้ประท้วงในเมืองชนบทแห่งหนึ่ง ในสิ่งที่ทางรัฐบาลประณามว่าเป็นความพยายามลอบสังหาร ตอกย้ำถึงความตึงเครียดทางการเมืองที่หนักหน่วงขึ้นในประเทศแห่งนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096491 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เผยมีตัวละครใหม่ 2 คน ในคดีทักษิณ ชั้น 14 เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลุยสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแบ่งสอบ 2 ไทม์ไลน์ ช่วงส่งตัวโรงพยาบาลตำรวจ และช่วงพักโทษ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096391

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รองเลขาธิการ ป.ป.ช. เผยมีตัวละครใหม่ 2 คน ในคดีทักษิณ ชั้น 14 เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลุยสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแบ่งสอบ 2 ไทม์ไลน์ ช่วงส่งตัวโรงพยาบาลตำรวจ และช่วงพักโทษ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096391 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 4

    อเมริกาเริ่มมองหาผู้ที่น่าจะเหมาะสมเป็นหุ่นตัวใหม่แทน Shah สาระพัดฑูตและที่ปรึกษาถูกส่งตัวไปเดินหาข่าวแถวอิหร่าน แน่นอนทุกคนต่างหาเรื่องโกหกมาบังหน้าในการเดินเข้าไปอยู่ในสังคมอิหร่าน

    นาย Henry Precht นักการฑูตคนหนึ่ง ซึ่งถูกส่งไปเดินเล่นช่วงนั้น บรรยายถึงการปฏิบัติการดังกล่าว “เป็นปฏิบัติการสร้างหนทางสำหรับให้คนในสังคมการเมืองระดับสูง เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอิหร่านที่สนับสนุนอเมริกา”

    นาย William H. Sullivan ฑูตอเมริกันประจำอิหร่านช่วง ค.ศ.1977 ถึง ค.ศ.1979 พูดถึงช่วงเวลาดังกล่าวไว้ว่า “ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ.1978 (ประมาณ 1 ปี ก่อนมี Islamic Revolution ) สถานะการณ์ในอิหร่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และเราก็คอยโอกาสนั้น……… สถานฑูตเราได้สร้างเครือข่ายติดต่อกับผู้ไม่เห็นด้วย (กับ Shah) และเราก็ทำให้พวกเขาเชื่อมั่น………. พวกเขาส่วนมากแปลกใจที่ความเห็นของเรากับของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก……… เขา (Shah) ถามผมบ่อยๆว่า พวกนักสอนศาสนาเพื่อนคุณทำอะไรกันนะ ? ……”

    เมื่อพวกนักเดินเล่น ส่งรายงานกลับไปที่วอซิงตัน พวกเขาสรุปกันว่า อเมริกาควรสนับสนุนพวก Islamic ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Shah พวกนักการเมืองฝ่านค้าน อ่อนแอเกินไป ส่วนพรรคคอมมิวนิตส์ ก็ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตมากไป พวก Islamic นี้ มีผู้นำชื่อ Ayatollah Ruhollah Khomeini ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Najif ในอิรักมาหลายปี ตั้งแต่ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Shah แต่ใน ค.ศ.1978 Saddam Hussein ไล่เขาออกไปจากอิรัก Khomeini ย้ายไปปักหลักแถวชานเมืองของปารีสที่ฝรั่งเศสชื่อ Neauphle Le Chateau

    เมื่ออยู่ที่เมือง Najif พวกอเมริกันไปแวะเยี่ยม Khomeini บ่อยๆ Richard Cottam พวก CIA กลุ่มที่มีส่วนในการสร้างการปฏิวัติโค่น Massadeq ได้ไปพบ Khomeini ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน Cottam เข้าใจว่า Khomeini มีความเป็นห่วงคอมมิวนิตส์จะเข้ามาครองอิหร่าน และบอกว่าจะต้องระวังไม่ใช่ไล่ Shah ออกไป แล้วเป็นการเปิดทางให้คอมมิวนิตส์เข้ามาครองอิหร่านแทน Khomeini ขอให้ Cottam สื่อสารกับนายที่วอซิงตันให้รู้เรื่องว่า Khomeini หวังจะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หากพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่านต่อต้านการปฏิวัติ

    อเมริกาส่งตัวแทนไปคุยที่ Neauphle Le Chateau ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1978 แล้ว Khomeini กับอเมริกา ก็ได้มีตกลงกันเป็นทางการว่า Khomeini ตกลงจะให้ความร่วมมือกับอเมริกา ถ้าอเมริกาจะช่วยเขาโค่น Shah และรับรองว่าหลังจากการปฏิวัติโค่น Shah อเมริกาจะไม่เข้ามายุ่งในกิจการภายในของอิหร่าน อเมริกาตกลงรับคำ
    ประธานาธิบดี Jimmy Carter ส่ง General Robert Huyser ไปอิหร่านเพื่อประสานงานกับพวกนายพลอิหร่าน Huyser ถึงอิหร่านในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1979 เขาบอกกับนายพลอิหร่านว่า ถ้าพวกคุณไม่สนับสนุนการปฏิวัติของ Khomeini โดยนั่งอยู่เฉยๆแล้วละก้อ พวกคอมมิวนิตส์จะฉวยโอกาสนี้บุกเข้าประเทศคุณ เปลี่ยนอิหร่านเป็นรัฐคอมมิวนิตส์แน่นอน ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของ Al Watan รายงานในหนังสือพิมพ์ Kuwaiti วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1979 ประธานาธิบดี Carter เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า “Huyser มีความเห็นว่า กองทัพอิหร่านเตรียมพร้อมที่จะป้องกันอาวุธพวกเขา (ไม่ไห้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น) และรับรองว่าจะไม่ออกมาขัดขวางตามถนน”

    Shah เองก็สังหรณ์ใจว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติ เขาเขียนในบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการมาอิหร่านของ General Huyser ในเดือนมกราคม ค.ศ.1979 ว่า “Huyser ไม่แจ้งเราล่วงหน้าถึงการมา เขามาเตหะรานบ่อยมาก และทุกครั้งจะแจ้งตารางการนัดพบล่วงหน้า เพื่อหารือกับเราเกี่ยวกับเรื่อ งการทหาร กับเราและพวกทหาร” แต่การมาคราวนี้ของ Huyser ไม่มีการแจ้งให้ Shah ทราบ Shah ได้เขียนบันทึกต่อไปว่า “Huyser ได้กล่อมให้หัวหน้าเลขาธิการของเรา General Ghara-Baghi ซึ่งพฤติกรรมช่วงหลังของเขา ทำให้เราเชื่อว่าเขาทรยศต่อเราแล้ว Huyser ขอให้ Ghara-Baghi นัดให้เขาพบกับทนายชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนชื่อ Mehdi Bazargan” (ซึ่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาล Khomeini)

    “นายพล Ghara-Baghi แจ้งเราเกี่ยวกับเรื่องที่ Huyser ขอให้นัด ก่อนที่เราจะไปจากอิหร่าน และเราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เรารู้แต่ว่า Ghara-Baghi ใช้อำนาจของเขา ห้ามกองทัพมิให้ขัดขวาง Khomeini เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า มีการตัดสินใจกันอย่างไรและในราคาใด เข้าใจว่าพวกนายพลของเราตอนหลังได้ถูกประหารชีวิตหมด ยกเว้น Ghara-Baghi ที่ได้รับผ่อนผัน คนช่วยเขาก็คือ Mehdi Bazargan นั่นแหละ”

    วันที่ 14 มกราคม ค.ศ.1979 ฑูตอเมริกันได้นัดพบกับ Ebrahin Yazedi ผู้ช่วยของ Khomeini พร้อมด้วยตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา Yazedi อาศัยอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานานตั้งแต่ ค.ศ.1961 เขาถูกบังคับให้ลี้ภัยจากอิหร่าน เพราะเขาต่อต้าน Shah หลังจากเข้าไปอยู่ในอเมริกา เขาผูกสัมพันธ์แน่นชิดกับ CIA และกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ตอนหลังเขาได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน

    ระหว่างการนัดพบ Warren Zimmerman ในฐานะตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา บอกให้ Yazedi แจ้ง Khomeini ให้คอยก่อน อย่างเพิ่งกลับมาอิหร่าน จนกว่า Huyser จะได้เตี๊ยมกับบรรดาพวกนายพลอิหร่านเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นใน วันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1979 นาย Ramsay Clark จากกระทรวงต่างประเทศก็ไปพบ Khomeini ที่ Neauphle Le Chateau หลังจากพบ เขาแจ้งแก่นักข่าวว่า เราหวังว่าการปฏิวัติจะสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้กลับมาสู่ชาวอิหร่าน การปฏิวัติได้ถูกเตรียมการพร้อมเดินหน้าแล้ว

    วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นเครื่องบิน Air France จากปารีสบินเข้าเตหะราน ส่วน Shah รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคงไม่อยู่ในสภาพที่จะระงับได้ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นมาเป็นผู้ครองอิหร่าน และตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ มี Mehdi Bazargan เป็นหัวหน้ารัฐบาล
    Bazargan เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างพวกปฏิวัติ กับอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1978 ตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน เช่น John Stempel, Hurry Precht, Warren Zimmerman และ Richard Cottam ต่างได้มาพบพูดคุยกับขบวนการ Iranian Freedom Movement ซึ่งนำโดย Bazargan อยู่ตลอด อเมริกาติดต่อกับ Bazargan โดยผ่านขบวนการ Freedom Movement นี้ตลอดช่วงเดือนแรกๆ หลังจากการปฏิวัติ

    Bazargan ได้แต่งตั้ง Abbas Amir Entezam ซึ่งอยู่อเมริกามากว่า 20 ปี ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี Entezam นี้ใกล้ชิดติดต่อกับ CIA มาตั้งแต่สมัยของ Massadeq และเป็นสายข่าวให้แก่ CIA เมื่อมีการสร้างปฏิวัติล้ม Massadeq นอกจากนี้ยังตั้ง Kerim Sanjabi เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ Sanjabi ก็เช่นกัน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสถานฑูตอเมริกาในกรุงเตหะราน คณะรัฐมนตรีของ Bazargan สรุปแล้วมีคนอิหร่านถือสัญชาติอเมริกันถึง 5 คน

    ในบันทึกความทรงจำของประธานาธิบดี Carter เขียนชื่นชมว่า Bazargan และคณะรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากตะวันตกว่า ให้ความร่วมมือกับอเมริกาอย่าง ดีเยี่ยม คอยดูแลป้องกันสถานฑูต ดูแลการเดินทางของ General Philip C. Gast ซึ่งมาแทน Huyser และคอยส่งข่าวให้พวกเรา Bazargan เองก็ประกาศชัดเจนว่า ต้องการจะสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดียิ่งกับอเมริกา และอิหร่านก็จะกลับมาส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้าตามปกติในเร็วๆนี้

    การปฏิวัติในอิหร่านในปี ค.ศ.1979 เหมือนเป็นการจับคู่ที่เหมาะสม ระหว่างกลุ่มอิสลามที่เคร่งครัดและไม่ชอบระบอบคอมมิวนิตส์ กับจักรวรรดิอเมริกาที่กีดกั้นระบอบคอมมิวนิตส์ แต่ไม่แน่ว่าการจับคู่ถูกในตอนนั้น จะไปลงท้ายด้วยการหย่าและเคียดแค้น หรือถือไม้เท้ายอดทองด้วยกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 4 อเมริกาเริ่มมองหาผู้ที่น่าจะเหมาะสมเป็นหุ่นตัวใหม่แทน Shah สาระพัดฑูตและที่ปรึกษาถูกส่งตัวไปเดินหาข่าวแถวอิหร่าน แน่นอนทุกคนต่างหาเรื่องโกหกมาบังหน้าในการเดินเข้าไปอยู่ในสังคมอิหร่าน นาย Henry Precht นักการฑูตคนหนึ่ง ซึ่งถูกส่งไปเดินเล่นช่วงนั้น บรรยายถึงการปฏิบัติการดังกล่าว “เป็นปฏิบัติการสร้างหนทางสำหรับให้คนในสังคมการเมืองระดับสูง เข้ามาจัดตั้งรัฐบาลอิหร่านที่สนับสนุนอเมริกา” นาย William H. Sullivan ฑูตอเมริกันประจำอิหร่านช่วง ค.ศ.1977 ถึง ค.ศ.1979 พูดถึงช่วงเวลาดังกล่าวไว้ว่า “ในช่วงฤดูใบไม้ผลิของ ค.ศ.1978 (ประมาณ 1 ปี ก่อนมี Islamic Revolution ) สถานะการณ์ในอิหร่านเกิดการเปลี่ยนแปลง และเราก็คอยโอกาสนั้น……… สถานฑูตเราได้สร้างเครือข่ายติดต่อกับผู้ไม่เห็นด้วย (กับ Shah) และเราก็ทำให้พวกเขาเชื่อมั่น………. พวกเขาส่วนมากแปลกใจที่ความเห็นของเรากับของพวกเขาใกล้เคียงกันมาก……… เขา (Shah) ถามผมบ่อยๆว่า พวกนักสอนศาสนาเพื่อนคุณทำอะไรกันนะ ? ……” เมื่อพวกนักเดินเล่น ส่งรายงานกลับไปที่วอซิงตัน พวกเขาสรุปกันว่า อเมริกาควรสนับสนุนพวก Islamic ที่อยู่ตรงกันข้ามกับ Shah พวกนักการเมืองฝ่านค้าน อ่อนแอเกินไป ส่วนพรรคคอมมิวนิตส์ ก็ใกล้ชิดกับสหภาพโซเวียตมากไป พวก Islamic นี้ มีผู้นำชื่อ Ayatollah Ruhollah Khomeini ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมือง Najif ในอิรักมาหลายปี ตั้งแต่ตั้งตัวเป็นฝ่ายตรงข้ามกับ Shah แต่ใน ค.ศ.1978 Saddam Hussein ไล่เขาออกไปจากอิรัก Khomeini ย้ายไปปักหลักแถวชานเมืองของปารีสที่ฝรั่งเศสชื่อ Neauphle Le Chateau เมื่ออยู่ที่เมือง Najif พวกอเมริกันไปแวะเยี่ยม Khomeini บ่อยๆ Richard Cottam พวก CIA กลุ่มที่มีส่วนในการสร้างการปฏิวัติโค่น Massadeq ได้ไปพบ Khomeini ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน Cottam เข้าใจว่า Khomeini มีความเป็นห่วงคอมมิวนิตส์จะเข้ามาครองอิหร่าน และบอกว่าจะต้องระวังไม่ใช่ไล่ Shah ออกไป แล้วเป็นการเปิดทางให้คอมมิวนิตส์เข้ามาครองอิหร่านแทน Khomeini ขอให้ Cottam สื่อสารกับนายที่วอซิงตันให้รู้เรื่องว่า Khomeini หวังจะได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา หากพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่านต่อต้านการปฏิวัติ อเมริกาส่งตัวแทนไปคุยที่ Neauphle Le Chateau ในเดือนตุลาคม ค.ศ.1978 แล้ว Khomeini กับอเมริกา ก็ได้มีตกลงกันเป็นทางการว่า Khomeini ตกลงจะให้ความร่วมมือกับอเมริกา ถ้าอเมริกาจะช่วยเขาโค่น Shah และรับรองว่าหลังจากการปฏิวัติโค่น Shah อเมริกาจะไม่เข้ามายุ่งในกิจการภายในของอิหร่าน อเมริกาตกลงรับคำ ประธานาธิบดี Jimmy Carter ส่ง General Robert Huyser ไปอิหร่านเพื่อประสานงานกับพวกนายพลอิหร่าน Huyser ถึงอิหร่านในวันที่ 4 มกราคม ค.ศ.1979 เขาบอกกับนายพลอิหร่านว่า ถ้าพวกคุณไม่สนับสนุนการปฏิวัติของ Khomeini โดยนั่งอยู่เฉยๆแล้วละก้อ พวกคอมมิวนิตส์จะฉวยโอกาสนี้บุกเข้าประเทศคุณ เปลี่ยนอิหร่านเป็นรัฐคอมมิวนิตส์แน่นอน ข้อมูลนี้ปรากฏอยู่ในรายงานของ Al Watan รายงานในหนังสือพิมพ์ Kuwaiti วันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ.1979 ประธานาธิบดี Carter เขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของเขาว่า “Huyser มีความเห็นว่า กองทัพอิหร่านเตรียมพร้อมที่จะป้องกันอาวุธพวกเขา (ไม่ไห้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น) และรับรองว่าจะไม่ออกมาขัดขวางตามถนน” Shah เองก็สังหรณ์ใจว่า น่าจะมีอะไรผิดปกติ เขาเขียนในบันทึกความทรงจำเกี่ยวกับการมาอิหร่านของ General Huyser ในเดือนมกราคม ค.ศ.1979 ว่า “Huyser ไม่แจ้งเราล่วงหน้าถึงการมา เขามาเตหะรานบ่อยมาก และทุกครั้งจะแจ้งตารางการนัดพบล่วงหน้า เพื่อหารือกับเราเกี่ยวกับเรื่อ งการทหาร กับเราและพวกทหาร” แต่การมาคราวนี้ของ Huyser ไม่มีการแจ้งให้ Shah ทราบ Shah ได้เขียนบันทึกต่อไปว่า “Huyser ได้กล่อมให้หัวหน้าเลขาธิการของเรา General Ghara-Baghi ซึ่งพฤติกรรมช่วงหลังของเขา ทำให้เราเชื่อว่าเขาทรยศต่อเราแล้ว Huyser ขอให้ Ghara-Baghi นัดให้เขาพบกับทนายชื่อดังด้านสิทธิมนุษยชนชื่อ Mehdi Bazargan” (ซึ่งภายหลังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนแรกของรัฐบาล Khomeini) “นายพล Ghara-Baghi แจ้งเราเกี่ยวกับเรื่องที่ Huyser ขอให้นัด ก่อนที่เราจะไปจากอิหร่าน และเราไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เรารู้แต่ว่า Ghara-Baghi ใช้อำนาจของเขา ห้ามกองทัพมิให้ขัดขวาง Khomeini เขาคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่า มีการตัดสินใจกันอย่างไรและในราคาใด เข้าใจว่าพวกนายพลของเราตอนหลังได้ถูกประหารชีวิตหมด ยกเว้น Ghara-Baghi ที่ได้รับผ่อนผัน คนช่วยเขาก็คือ Mehdi Bazargan นั่นแหละ” วันที่ 14 มกราคม ค.ศ.1979 ฑูตอเมริกันได้นัดพบกับ Ebrahin Yazedi ผู้ช่วยของ Khomeini พร้อมด้วยตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา Yazedi อาศัยอยู่ในอเมริกาเป็นเวลานานตั้งแต่ ค.ศ.1961 เขาถูกบังคับให้ลี้ภัยจากอิหร่าน เพราะเขาต่อต้าน Shah หลังจากเข้าไปอยู่ในอเมริกา เขาผูกสัมพันธ์แน่นชิดกับ CIA และกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ตอนหลังเขาได้แปลงสัญชาติเป็นอเมริกัน ระหว่างการนัดพบ Warren Zimmerman ในฐานะตัวแทนของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา บอกให้ Yazedi แจ้ง Khomeini ให้คอยก่อน อย่างเพิ่งกลับมาอิหร่าน จนกว่า Huyser จะได้เตี๊ยมกับบรรดาพวกนายพลอิหร่านเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นใน วันที่ 26 มกราคม ค.ศ.1979 นาย Ramsay Clark จากกระทรวงต่างประเทศก็ไปพบ Khomeini ที่ Neauphle Le Chateau หลังจากพบ เขาแจ้งแก่นักข่าวว่า เราหวังว่าการปฏิวัติจะสร้างความเป็นธรรมในสังคมให้กลับมาสู่ชาวอิหร่าน การปฏิวัติได้ถูกเตรียมการพร้อมเดินหน้าแล้ว วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นเครื่องบิน Air France จากปารีสบินเข้าเตหะราน ส่วน Shah รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และคงไม่อยู่ในสภาพที่จะระงับได้ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1979 Khomeini ก็ขึ้นมาเป็นผู้ครองอิหร่าน และตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ มี Mehdi Bazargan เป็นหัวหน้ารัฐบาล Bazargan เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างพวกปฏิวัติ กับอเมริกา ในช่วง ค.ศ.1978 ตัวแทนของรัฐบาลอเมริกัน เช่น John Stempel, Hurry Precht, Warren Zimmerman และ Richard Cottam ต่างได้มาพบพูดคุยกับขบวนการ Iranian Freedom Movement ซึ่งนำโดย Bazargan อยู่ตลอด อเมริกาติดต่อกับ Bazargan โดยผ่านขบวนการ Freedom Movement นี้ตลอดช่วงเดือนแรกๆ หลังจากการปฏิวัติ Bazargan ได้แต่งตั้ง Abbas Amir Entezam ซึ่งอยู่อเมริกามากว่า 20 ปี ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี Entezam นี้ใกล้ชิดติดต่อกับ CIA มาตั้งแต่สมัยของ Massadeq และเป็นสายข่าวให้แก่ CIA เมื่อมีการสร้างปฏิวัติล้ม Massadeq นอกจากนี้ยังตั้ง Kerim Sanjabi เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ Sanjabi ก็เช่นกัน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับสถานฑูตอเมริกาในกรุงเตหะราน คณะรัฐมนตรีของ Bazargan สรุปแล้วมีคนอิหร่านถือสัญชาติอเมริกันถึง 5 คน ในบันทึกความทรงจำของประธานาธิบดี Carter เขียนชื่นชมว่า Bazargan และคณะรัฐบาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้จบการศึกษาจากตะวันตกว่า ให้ความร่วมมือกับอเมริกาอย่าง ดีเยี่ยม คอยดูแลป้องกันสถานฑูต ดูแลการเดินทางของ General Philip C. Gast ซึ่งมาแทน Huyser และคอยส่งข่าวให้พวกเรา Bazargan เองก็ประกาศชัดเจนว่า ต้องการจะสร้างสัมพันธ์ไมตรีอันดียิ่งกับอเมริกา และอิหร่านก็จะกลับมาส่งน้ำมันให้แก่ลูกค้าตามปกติในเร็วๆนี้ การปฏิวัติในอิหร่านในปี ค.ศ.1979 เหมือนเป็นการจับคู่ที่เหมาะสม ระหว่างกลุ่มอิสลามที่เคร่งครัดและไม่ชอบระบอบคอมมิวนิตส์ กับจักรวรรดิอเมริกาที่กีดกั้นระบอบคอมมิวนิตส์ แต่ไม่แน่ว่าการจับคู่ถูกในตอนนั้น จะไปลงท้ายด้วยการหย่าและเคียดแค้น หรือถือไม้เท้ายอดทองด้วยกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 3

    แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู

    CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ

    หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control”

    ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย

    White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah

    อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน”
    อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ

    ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ

    เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน

    Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู

    Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 3 แล้ว Shah ก็อยู่ในอำนาจนานถึง 25 ปี ในฐานะหุ่นเชิดราคาแพงของอเมริกานักล่าหน้าใหม่ ที่แสดงวิธีการล่าเหยื่ออย่างเด็ดดวง ชนิดนักล่ารุ่นเก่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย ต้องจำใจคายเหยื่อให้ครึ่งตัว ศักดิ์ศรีของนักล่าชาวเกาะฯหมองหม่นไปจมหู CIA รับหน้าที่ดูแลด้านความมั่นคงภายในให้แก่ Shah โดยตั้งหน่วยงานชื่อ SAVAK ขึ้นมาใหม่ แน่นอน หน่วยงานนี่อยู่ในความดูแลของ Col. Schwazkopt เจ้าพ่อ CIA คนเดิม อเมริกาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ให้ Shah อย่างไม่อั้น เงินจำนวน 68 ล้านเหรียญ ส่งให้ Shah วันขึ้นครองบัลลังก์เป็นการปลอบใจ ที่อิหร่านขาดรายได้ในช่วงที่ถูกอังกฤษคว่ำบาตร หลังจากนั้นก็ให้เงินกู้จำนวน 300 ล้านเหรียญ สำหรับฟื้นฟูเศรษฐกิจ และอีก 600 ล้านเหรียญ สำหรับสร้างกองทัพก็ตามมา นับเป็นเหยื่อที่อเมริกาลงทุนสูง สมันน้อยอย่าเอาตัวเองไปเทียบเลยนะ เดี๋ยวจะน้อยใจ ลมใส่กันเป็นแถวๆ หลังจากการปฏิวัติในปี ค.ศ.1953 แม้ Shah จะเป็นผู้ครองบัลลังก์ แต่ผู้บริหารประเทศอิหร่านจริงๆ ดูเหมือนจะเป็นบริษัทน้ำมันของอเมริกา อิหร่านยังต้องพึ่งอเมริกาทางด้านเทคนิคการผลิต กลไกการตลาดทุกอย่าง ถึงกับมีสื่อประชดว่า “Ownership Without Control” ค.ศ.1963 ภายใต้การชักใยของอเมริกา ซึ่งส่งที่ปรึกษา นักวิชาการเข้ามาล้นแทบขี่คอกันอยู่ในอิหร่าน อิหร่านก็เริ่มทำการปฏิรูปเศรษฐกิจ การเมือง และสังคมตามที่อเมริกาสั่ง นโยบายที่เขียนโดยบรรดาอาจารย์จากมหาวิทยาลัย Harvard จัดมามาให้ เรียกว่า “White Revolution” ซึ่งมีเป้าหมายให้อิหร่านกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม อเมริกาบอกเป็นการสร้างโอกาสให้ชนชั้นกลาง สร้างงานให้ชนชั้นแรงงานไงล่ะ แล้วทุนต่างชาติก็หลั่งไหลเข้ามาในอิหร่าน สังคมอิหร่านกลายเป็นสังคมศิวิไลซ์ตามความคิดของอเมริกา ต่างกันไหมกับเหยื่อชื่อไทยแลนด์แดนสมันน้อย White Revolution บอกว่าต้องปฏิรูปที่ดิน บังคับให้เจ้าของที่ดินขายคืนให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำไปจัดสรรใหม่ ส่วนหนึ่งเอาไปทำเป็นพื้นที่อุตสาหรรรมเพิ่มเติม อีกส่วนหนึ่งจัดสรรให้ชาวไร่ชาวนา เจ้าของที่ดินส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านเช่าที่ดินและใช้ทำกิน เงินที่ได้จากการให้เช่าที่ดินก็ส่งไปสนับสนุนกิจกรรมทางศาสนา การยึดที่ดินทั้งหมดไปจากพวกเขา เปลี่ยนวัฒนธรรมประเพณีที่สนับสนุนศาสนาอิสลามที่ดำเนินกันมาเป็นเวลานาน ตามนโยบายของ White Revolution รายการนี้ ดูเหมือนจะไปสะดุดตอใหญ่ ที่รอเวลาการงอกมาขวางทางเดินของ Shah อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ของอิหร่านงอกงาม ขยายตัว แต่ส่วนใหญ่เป็นการผลิตสินค้าที่เป็นเครื่องอุปโภคบริโภคที่อำนวยความสะดวก เช่น รถยนต์ ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ของอิหร่านยังอาศัยอยู่ในเรือนไม้เล็กๆ ชาวเมืองอิหร่านเองก็เริ่มเสพติด “ของนอก” การนำเข้าสินค้าของอิหร่านกระ โดดจาก 400 ล้านเหรียญในปี ค.ศ.1958-1959 เป็น 18.4 พันล้านเหรียญ ในปี ค.ศ.1975-1976 สื่ออังกฤษได้โอกาสเสียดสี “อิหร่านได้แปรสภาพเป็นตะวันตกอย่างผิดที่ผิดทาง มีแต่โรงงานผลิตน้ำอัดลม Pepsi, Coke และ Canada Dry โผล่ขึ้นทั่วไปหมด ในขณะที่ชาวบ้านในเขตยากจนยังดื่มน้ำจากก็อกน้ำหัวถนน ซึ่งอยู่ข้างๆกองขยะ สนามบินเตหะรานหรูหราที่สุดในตะวันออกกลาง แต่ถนนหนทางดูเหมือนจะยังไม่พร้อมจะเชื่อมโยง โรงแรม Hilton ของอเมริกันสูงลิบกำลังสร้างอยู่ แต่ชาวอิหร่านอีกมากมายยังอาศัยนอนอยู่ตามถนน” อเมริกาหนุนให้ Shah ทำหน้าที่ตำรวจเฝ้ายามประจำอ่าวเปอร์เซีย คอยกันไม่ให้สหภาพโซเวียตแหลมเข้ามาตามเขตแดนด้านใต้ของสหภาพโซเวียต อเมริกาเริ่มวางแผนด้านกองทัพให้อิหร่าน ตั้งแต่ ค.ศ.1940 กว่า แต่หลังการปฏิวัติ ค.ศ.1953 อเมริกาเหมือนเป็นผู้นำกองทัพของอิหร่านเสียเอง ในปี ค.ศ.1954 มีหน่วยงานด้านกองทัพของอเมริกา 3 หน่วยงานคอยดูแลกำกับกองทัพอิหร่าน ให้ทั้งการฝึกทางอากาศ ทางทะเล และด้วยอาวุธที่นำเข้าจากต่างประเทศ ในช่วง ค.ศ.1970 กว่า อิหร่านขึ้นตำแหน่งเป็นลูกรักของอเมริกาในตะวันออกกลาง แน่นอน คงสร้างความขมให้แก่ซาอุดิอารเบียไม่น้อย ประธานาธิบดี Nixon บอกว่า เรากำลังปวดหัวกับเรื่องเวียตนาม ระหว่างนี้เรื่องทางตะวันออกกลางเราขอให้ท่าน พร้อมกับซาอุดิอารเบียและอิสราเอล ถือบังเหียนไปก่อนนะ เพื่อให้สมกับเป็นผู้นำตะวันออกกลาง ที่ได้รับความไว้วางใจจากอเมริกา ในปี ค.ศ.1975 อิหร่านใช้เงิน 35 พันล้านเหรียญ (จากรายได้น้ำมัน 62 พันล้านเหรียญ) เพื่อลงทุนสร้างกองทัพอิหร่านให้แข็งแกร่ง ในช่วงนั้นมีที่ปรึกษาด้านการทหารของอเมริกาอยู่ในอิหร่านประมาณ 8,000 คน Shah มองตัวเองในกระจก เข้าใจว่าหลังจากได้อาหารดี ร่างกายแข็งแรงพอที่แหกกรงเหยื่อเป็นอิสระจากอเมริกา เขาเริ่มเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศของอิหร่าน มุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำของตะวันออกกลาง ตัวจริงไม่ใช่ตัวแทน เขาเร่งสร้างกองทัพให้ใหญ่ขึ้น แข็งแกร่งขึ้น อเมริกาเริ่มคิ้วขมวดมองดู Shah มองตัวเองในกระจก เห็นแต่ภาพที่ตัวเองอยากเห็น แต่ไม่เห็นภาพที่ตัวเองเป็น เหยื่อ มักไม่รู้ตัวว่าตกเป็นเหยื่อ เมื่อ Shah เริ่มเบ่งกล้ามใส่อเมริกา อนาคตของ Shah ก็เริ่มสั้นลง แต่ดูเหมือน Shah จะเดินไปไกลเกินกว่าจะถอยหลัง เขาให้สัมภาษณ์ใน US News and World Magazine เมื่อ ค.ศ.1976 เกี่ยวกับอำนาจและอิทธิพลของอเมริกาในอิหร่านว่า “ถ้าอเมริกาพยายามจะสร้างความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตรต่อประเทศเรา เราก็สามารถทำให้อเมริกาเจ็บได้ ไม่น้อยกว่าที่อเมริกาจะทำให้เราเจ็บ ไม่ใช่แค่ในด้านของน้ำมัน เราสามารถสร้างปัญหาให้กับอเมริกาได้ในบริเวณนี้ ถ้าอเมริกาบีบให้เราต้องเปลี่ยนจากการเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ผลสะท้อนมันคงเกินจะประมาณได้” อเมริกาควันออกทุกทวาร ความร้อนขึ้นจนปรอทแทบแตก และชะตาชีวิตของ Shah ก็ถูกตัดสินโดยวอชิงตันเรียบร้อย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 2

    อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที

    ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี

    นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม

    แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง

    สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara

    Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด
    การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ

    การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน

    แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax”

    Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !”

    หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ

    ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    22 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 2 อเมริกาเอาจริงเรื่องอิหร่าน ขนเอาเจ้าหน้าที่ของ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานใหญ่อยู่ในอิหร่าน เกาะติดทุกรายการ ทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะเอาเข้าไปคลุกคลีอยู่กับนักการเมือง นักการเงิน และพวกอีลิตของอิห ร่าน Dr. Taqi ชาวอิหร่านสาย CIA รับหน้าที่กล่อมมงกุฎราชกุมาร Abdoreza และนายพล Ali Razmara รายหลังแสดงความสนใจที่จะผูกมิตรจับมือร่วมงานกับอเมริกา เขาบอกกับ Dr. Taqiว่า ถ้าอเมริกาจัดการให้เขาเป็นนายกรัฐมนตรีอิหร่านได้ เขาก็จะตั้งให้ Dr. Taqi เป็นรัฐมนตรีคุมเศรษฐกิจอิหร่าน เราผลัดกันเกาหลังให้กันไงเพื่อน! แล้วเราจะได้วางแผนเขี่ยอังกฤษออกไปจากอิหร่านได้เสียที ค.ศ.1950 Shah ก็แต่งตั้งให้นายพล Razmara เป็นนายกรัฐมนตรี นายพล Razmara ในฐานะนายกรัฐมนตรี ปลดพวกข้าราชการระดับสูง 400 คนทันที และลงนามในสัญญา “Point Four” กับอเมริกา ซึ่งมีผลให้อเมริกาเข้า ไปมีอิทธิพลในอิหร่านภายใต้เสื้อคลุมการพัฒนาเศรษฐกิจ นี่ผมเขียนเรื่องอิหร่านนะครับ แม้มันจะดูคล้ายกับเหตุการณ์ในแดนสมันน้อยก็ตาม แต่สำหรับเรื่อง Anglo-Persian Oil อะไรคงยังจุกคอท่านนายพล Razmara อยู่ เขาไม่ขยับตามที่อเมริกาต้องการ แถมออกกฏหมายรับรอง Anglo-Persian Oil ให้ควบคุมน้ำมันของอิหร่านต่อ นี่ลองของหรือไง หลังจากนั้นไม่นานท่านนายพล Razmara ก็ถูกฆาตกรรม เก็บลงหีบเรียบร้อย เขาเล่นกันแรงจริง สภาผู้แทนอิหร่านหรือที่เรียกว่า Majlis ซึ่ง Col. Schwazkopf มีอิทธิพลครอบอยู่ จึงจับมือ Shah ให้ตั้ง Mohammed Mossadeq เป็นนายกรัฐมนตรีแทนนายพล Razmara Mossadeq เป็นนักการเมืองที่มีความสามารถ และเป็นที่นิยมของชาวอิหร่าน เพราะเขาประกาสต่อต้านอิทธิพลของอังกฤษอย่างเปิดเผยมาตลอด จนอังกฤษทนไม่ไหว และขับให้เขาออกนอกประเทศไปตั้งแต่ ปี ค.ศ.1919 แต่ใน ค.ศ.1921 อังกฤษก็สั่งให้ Reza Khan เรียกตัว Mossadeq กลับอิหร่านใหม่ หวังเอาฐานเสียงของ Mossadeq มาสนับสนุน Khan ซึ่งกำลังง่อนแง่น แต่เมื่อ Khan ตั้งตัวเองเป็น Shah ในปี ค.ศ.1925 Mossadeq คัดค้านอย่างรุนแรง และบอกว่า นี่เป็นการยุยงของอังกฤษที่จะทำให้อิหร่านล่ม ความคิดเช่นนี้ของ Mossadeq เข้าทางอเมริกาที่กำลังหาคนไป แซะอังกฤษออกจากอิหร่าน ดังนั้นเมื่อ Mossadeq ได้เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจอเมริกา และปฏิบัติการยึด Anglo-Iranian Oil จากอังกฤษ มาเป็นของอิหร่าน จึงไม่ถูกต้านทานจากอเมริกา อเมริกาน่าจะประเมิน Mossadeq พลาด การยึด Anglo-Iranian Oil อังกฤษเต้นเป็นเจ้าเข้า โกรธจนเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ กระเทือนยังกับแผ่นดินไหว เตรียมกองทัพจะมาขยี้อิหร่าน อังกฤษซ้อมค้าง ชวนอเมริกาไปขยี้อิหร่านด้วยกัน อเมริกาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับการจะใช้กำลังกับอิหร่าน (แหม! ไต๋โผล่เร็วจัง) เจรจากับอิหร่านดีกว่าน่าลูกพี่ อังกฤษไม่ยอม วิ่งจนหัวล้านเปียก ใช้ช่องทางของสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน และสั่งรวบรวมเด็กในคาถาที่อยู่อิหร่านเตรียมตัวปฏิวัติโค่น Mossadeq อเมริกาไม่เล่นด้วย เราเล่นเองก็ได้ ชาวเกาะชักย๊วะ การคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่าน ทำให้ตลาดโลกน้ำมันปั่นป่วน หลังจากนั้นก็มีข่าวลือในวอซิงตันว่อนตามโต๊ะทำงานว่า สหภาพโซเวียตฉวยโอกาสนี้ ยุทหารอิหร่านทำการปฏิวัติและส่งเสริมระบอบคอมมิวนิตส์ในอิหร่านเสียเอง ฮื่ม แก้เกมเก่งนะลูกพี่ แบบนี้อเมริกาก็เลิกลั่ก หันไม่ถูกทางเหมือนกัน แล้วอเมริกาก็สะดุดกับดักของอังกฤษ หันกลับมากดดัน Mossadeq ให้ประนีประนอมกับอังกฤษ Mossadeq ปฏิเสธ อเมริกาชักไม่ชอบใจที่สั่งขวาหันกับ Mossadeq ไม่ได้ อเมริกายังไม่ตัดสินใจว่าจะจัดการอย่างไรดี ข่าวลือมาอีกรอบ น่าสงสัยว่า Mossadeq จะทำงานร่วมกับสหภาพโซเวียตผ่านพวกคอมมิวนิตส์ในอิหร่าน คราวนี้อเมริกาเป็นฝ่านเต้น เข้าใจเล่นจริงลูกพี่ แล้ว CIA ก็จับมือกับหน่วยราชการลับอังกฤษ MI6 จัดการให้มีการปฏิวัติโค่นล้มรัฐบาล Mossadeq ในปี ค.ศ.1953 CIA เรียกว่า “Operation Ajax” Operation Ajax ทำให้ Shah Mohammud Reza Pahlavi กลับมาสู่อำนาจอีกครั้ง และเขารู้ว่าเขาควรจะขอบคุณใคร บ้าง วงการข่าวเล่ากันว่า ในวันครองบัลลังก์ Shah ได้พูดว่ากับนาย Kermit Roosevelt Jr. หัวหน้า CIA ประจำอิหร่านว่า “ขอบคุณพระเจ้า ประชาชนของเรา กองทัพของเรา และท่าน !” หลังจาการปฏิวัติ บริษัทน้ำมันที่อิหร่านยึดมาเป็นของรัฐ ใช้ชื่อว่า National Iranian Oil Company ก็จริง แต่การควบคุมการผลิตและการขายน้ำมันอิหร่าน ตกอยู่ในกำมือของกลุ่มบรรษัทน้ำมันข้ามชาติ ซึ่งแน่นอน พ่วงเอา 5 บริษัทยักษ์ใหญ่ของอเมริกาเข้าไปด้วย กลุ่มอเมริกาได้รับหุ้นน้ำมัน หอมชื่นใจไป 40% ส่วนของ Anglo-Iranian Oil ของอังกฤษ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น British Petroleum หรือ BP ถูกลดลงมาเหลือ 40% ฝรั่งเศสและดัชท์ในฐานะผู้เข้าร่วมแสดงได้ 20% เหลือ 40% ดีกว่าเหลือแต่ถังน้ำมันเปล่าๆ นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ คงรำพึงด้วยความซ้ำใจ ผลของการยึดบริษัทน้ำมันมาเป็นของรัฐและแรงกดดันของประชาชน ทำให้ส่วนแบ่งรายได้น้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 50% แต่อิหร่านไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบสมุดบัญชีบริษัท มันเป็นชัยชนะที่จอมปลอม เหมือนชัยชนะของการต่อสู้โดยประชาชนส่วนใหญ่ ที่สุดท้ายแล้วก็โดนหลอกโดนต้มเหมือนเดิม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 22 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • หม่อมกรพูดแบบนี้ หรือคุณทรงฤทธิ์พูดไม่จริง? (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หม่อมกร
    #อาจารย์ทรงฤทธิ์
    #การเมืองไทย
    #วิเคราะห์การเมือง
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    หม่อมกรพูดแบบนี้ หรือคุณทรงฤทธิ์พูดไม่จริง? (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หม่อมกร #อาจารย์ทรงฤทธิ์ #การเมืองไทย #วิเคราะห์การเมือง #เทรนด์วันนี้ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ความแปลกๆ ของอาจารย์ทรงฤทธิ์ (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #อาจารย์ทรงฤทธิ์
    #การเมืองไทย
    #บ้านพระอาทิตย์
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    ความแปลกๆ ของอาจารย์ทรงฤทธิ์ (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อาจารย์ทรงฤทธิ์ #การเมืองไทย #บ้านพระอาทิตย์ #เทรนด์วันนี้ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สีหศักดิ์ทำให้คนไทยมีศักดิ์ศรี แต่เพื่อไทยคนนี้รับไม่ได้!!! (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #สีหศักดิ์
    #เพื่อไทย
    #การเมืองไทย
    #ศักดิ์ศรีคนไทย
    #ข่าววันนี้
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    สีหศักดิ์ทำให้คนไทยมีศักดิ์ศรี แต่เพื่อไทยคนนี้รับไม่ได้!!! (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สีหศักดิ์ #เพื่อไทย #การเมืองไทย #ศักดิ์ศรีคนไทย #ข่าววันนี้ #เทรนด์วันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ส.ส.คนไหนนะ ทำรัฐสภาไฟไหม้ในเขตปลอดบุหรี่..??? (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #รัฐสภา
    #สส
    #การเมืองไทย
    #บุหรี่
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    ส.ส.คนไหนนะ ทำรัฐสภาไฟไหม้ในเขตปลอดบุหรี่..??? (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #รัฐสภา #สส #การเมืองไทย #บุหรี่ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ขิงมาขิงกลับ ส้มฟาดแดง เพื่อไทยบอก 200 ส้มลั่นฉัน 250+ (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #พรรคเพื่อไทย
    #พรรคก้าวไกล
    #การเมืองไทย
    #เลือกตั้ง
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    ขิงมาขิงกลับ ส้มฟาดแดง เพื่อไทยบอก 200 ส้มลั่นฉัน 250+ (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #พรรคเพื่อไทย #พรรคก้าวไกล #การเมืองไทย #เลือกตั้ง #เทรนด์วันนี้ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ผู้ประกาศสุดตึง อุ๊งอิ๊งพูดมาแบบใด ตอกกลับได้ทุกคำ...!!! (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #อุ๊งอิ๊ง
    #เพื่อไทย
    #ผู้ประกาศข่าว
    #การเมืองไทย
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    ผู้ประกาศสุดตึง อุ๊งอิ๊งพูดมาแบบใด ตอกกลับได้ทุกคำ...!!! (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อุ๊งอิ๊ง #เพื่อไทย #ผู้ประกาศข่าว #การเมืองไทย #เทรนด์วันนี้ #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อ.ทรงฤทธิ์เอ่ย มาบ้านพระอาทิตย์ได้นะ แต่ขอไม่เป็นข่าว (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #อาจารย์ทรงฤทธิ์
    #บ้านพระอาทิตย์
    #การเมืองไทย
    #ข่าววันนี้
    #เทรนด์วันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    อ.ทรงฤทธิ์เอ่ย มาบ้านพระอาทิตย์ได้นะ แต่ขอไม่เป็นข่าว (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อาจารย์ทรงฤทธิ์ #บ้านพระอาทิตย์ #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #เทรนด์วันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • โอม..แสงจงมา พระปีนเสาเหิม โวยทักษิณติดคุกเพราะโดนแกล้ง? (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ทักษิณ
    #พระเหิม
    #การเมืองไทย
    #ข่าววันนี้
    #ศาสนา
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    โอม..แสงจงมา พระปีนเสาเหิม โวยทักษิณติดคุกเพราะโดนแกล้ง? (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ทักษิณ #พระเหิม #การเมืองไทย #ข่าววันนี้ #ศาสนา #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สมศักดิ์มั่นใจ "เพื่อไทยนำอยู่" หรือพร้อมจบไปกับเพื่อไทย? (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #สมศักดิ์
    #เพื่อไทย
    #การเมืองไทย
    #รัฐบาลไทย
    #วิเคราะห์การเมือง
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    สมศักดิ์มั่นใจ "เพื่อไทยนำอยู่" หรือพร้อมจบไปกับเพื่อไทย? (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สมศักดิ์ #เพื่อไทย #การเมืองไทย #รัฐบาลไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • คนไทยขนลุก เมื่อหลานลุงฮุนลั่น "อยากกลับมาเป็นนายก" !!? (8/10/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #ฮุนมาเน็ต
    #ฮุนเซน
    #กัมพูชา
    #การเมืองกัมพูชา
    #ชายแดนไทยกัมพูชา
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวtiktok
    #newsupdate
    คนไทยขนลุก เมื่อหลานลุงฮุนลั่น "อยากกลับมาเป็นนายก" !!? (8/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ฮุนมาเน็ต #ฮุนเซน #กัมพูชา #การเมืองกัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข่าววันนี้ #ข่าวtiktok #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts