• บริษัทไทย หนี้ท่วม-กำไรหด! 03/07/68 #กะเทาะหุ้น #บริษัทไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ

    https://www.youtube.com/shorts/eMJgY-Q6yVo
    บริษัทไทย หนี้ท่วม-กำไรหด! 03/07/68 #กะเทาะหุ้น #บริษัทไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ https://www.youtube.com/shorts/eMJgY-Q6yVo
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 512 Views 0 Reviews
  • หลายคนคงคุ้นกับคำว่า "FineWine" ที่ใช้เรียกฟีโนมีนาของ Radeon ที่ “ยิ่งนาน ยิ่งแรง” เพราะ AMD มักปล่อยอัปเดตไดรเวอร์ที่รีดสมรรถนะจากการ์ดเดิมออกมาได้เรื่อย ๆ

    รอบนี้ RX 9070 XT ที่เคยรีวิวไว้กับไดรเวอร์เก่ารุ่น 25.3.1 RC ถูกนำกลับมาทดสอบใหม่ ด้วยไดรเวอร์ล่าสุด Adrenalin 25.6.3 — ผลคือเฟรมเรตในเกมต่าง ๆ ขยับขึ้นแรงสุดถึง 27%!

    Spider-Man Remastered แรงขึ้น 27%
    Counter-Strike 2 แรงขึ้น 23%
    Hogwarts Legacy, Call of Duty: Black Ops 6, และ Delta Force ขยับขึ้นราว 10%+
    Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ขยับขึ้น 7%
    Starfield แม้จะน้อยที่สุด ก็ยังได้ 5% เพิ่มเติม

    ทั้งหมดนี้เกิดจากการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรของ GPU และลดภาระที่ CPU ต้องรับ — แม้จะไม่มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เลยก็ตาม!

    https://www.neowin.net/news/amd-finewine-magic-still-shines-bright-in-2025-as-test-shows-massive-performance-gains/
    หลายคนคงคุ้นกับคำว่า "FineWine" ที่ใช้เรียกฟีโนมีนาของ Radeon ที่ “ยิ่งนาน ยิ่งแรง” เพราะ AMD มักปล่อยอัปเดตไดรเวอร์ที่รีดสมรรถนะจากการ์ดเดิมออกมาได้เรื่อย ๆ รอบนี้ RX 9070 XT ที่เคยรีวิวไว้กับไดรเวอร์เก่ารุ่น 25.3.1 RC ถูกนำกลับมาทดสอบใหม่ ด้วยไดรเวอร์ล่าสุด Adrenalin 25.6.3 — ผลคือเฟรมเรตในเกมต่าง ๆ ขยับขึ้นแรงสุดถึง 27%! 🕷️ Spider-Man Remastered แรงขึ้น 27% 🔫 Counter-Strike 2 แรงขึ้น 23% 🪄 Hogwarts Legacy, Call of Duty: Black Ops 6, และ Delta Force ขยับขึ้นราว 10%+ 🌆 Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ขยับขึ้น 7% 🌌 Starfield แม้จะน้อยที่สุด ก็ยังได้ 5% เพิ่มเติม ทั้งหมดนี้เกิดจากการปรับปรุงการใช้ทรัพยากรของ GPU และลดภาระที่ CPU ต้องรับ — แม้จะไม่มีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เลยก็ตาม! https://www.neowin.net/news/amd-finewine-magic-still-shines-bright-in-2025-as-test-shows-massive-performance-gains/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD FineWine magic still shines bright in 2025 as test shows massive performance gains
    AMD's Fine Wine magic tech is still alive and kicking in 2025, as test data shows massive performance boosts in several scenarios.
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • 1 Comments 0 Shares 83 Views 0 0 Reviews
  • Microsoft เริ่มใช้นโยบายชื่อว่า Block device code flow (DCF) เป็นส่วนหนึ่งของ Secure Future Initiative เพื่อบล็อกการล็อกอินแบบ “Device Code Flow” ที่อ่อนแอกว่า OAuth ปกติ ซึ่งถูกแฮกเกอร์ใช้โจมตีได้ง่าย → แต่นโยบายนี้ดันไปกระทบกับ อุปกรณ์ Teams Android เช่น Teams Rooms, Teams Phones, Teams Panels และ Displays เพราะอุปกรณ์พวกนี้ยังใช้วิธีล็อกอินแบบ DCF อยู่ → พอระบบบล็อกเข้าให้ อุปกรณ์ก็ หลุดล็อกอิน ทันที และล็อกอินกลับเข้าไปไม่ได้ง่าย ๆ เพราะไม่ได้เตรียมไว้ก่อน

    Microsoft ยืนยันว่า “ไม่ใช่บั๊ก” แต่คือ “ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย” ที่ผู้ดูแลระบบอาจพลาดการอ่านคำเตือนก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้ตั้งอุปกรณ์ Android ให้อยู่ในรายชื่อยกเว้น (exclude list)

    โชคดีคือ Microsoft ให้คำแนะนำขั้นตอนแก้ไขไว้เรียบร้อย → แต่ถ้าอุปกรณ์อยู่ไกลหรือไม่มีคนดูแล ต้องรีสตาร์ท 3 รอบ, ล็อกอินเองใหม่ หรือสุดท้ายก็ต้อง factory reset

    Microsoft เริ่มบังคับนโยบาย Block Device Code Flow (DCF) บน Entra ID เพื่อเพิ่มความปลอดภัย  
    • เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Secure Future Initiative  
    • ปิดการใช้งานการล็อกอินแบบ DCF ซึ่งเสี่ยงต่อ phishing และ token reuse

    ส่งผลให้อุปกรณ์ Android สำหรับ Microsoft Teams ถูกบล็อกและหลุดล็อกอินจำนวนมาก  
    • ได้แก่: Teams Rooms on Android, Teams Phone, Teams Panels, Teams Displays

    Microsoft แนะนำวิธีแก้ไขดังนี้:  
    • เข้าระบบ Entra ID → ไปที่ Conditional Access Policies  
    • แก้ชื่อ policy “Block device code flow” ให้เป็น "Report-Only" หรือปิด (Off)  
    • รีสตาร์ทอุปกรณ์ Android 1–3 ครั้งเพื่อบังคับให้ล็อกอินใหม่  
    • หากไม่ได้ผล: ล็อกอินด้วยบัญชี resource account เอง หรือ factory reset

    รุ่นล่าสุดของแอป Teams สำหรับ Android ที่ควรติดตั้ง:  
    • Teams Room: 1449/1.0.96.2025205603  
    • Teams Phone: 1449/1.0.94.2025165302  
    • Teams Panel: 1449/1.0.97.2025086303  
    • Teams Display: 1449/1.0.95.2024062804

    แนะนำให้เพิ่มอุปกรณ์ Teams Android ลงในรายชื่อยกเว้นก่อนเปิดใช้นโยบายนี้อีกครั้ง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-changes-hit-teams-android-devices-disable-entra-id-policy-to-restore-sign-in/
    Microsoft เริ่มใช้นโยบายชื่อว่า Block device code flow (DCF) เป็นส่วนหนึ่งของ Secure Future Initiative เพื่อบล็อกการล็อกอินแบบ “Device Code Flow” ที่อ่อนแอกว่า OAuth ปกติ ซึ่งถูกแฮกเกอร์ใช้โจมตีได้ง่าย → แต่นโยบายนี้ดันไปกระทบกับ อุปกรณ์ Teams Android เช่น Teams Rooms, Teams Phones, Teams Panels และ Displays เพราะอุปกรณ์พวกนี้ยังใช้วิธีล็อกอินแบบ DCF อยู่ → พอระบบบล็อกเข้าให้ อุปกรณ์ก็ หลุดล็อกอิน ทันที และล็อกอินกลับเข้าไปไม่ได้ง่าย ๆ เพราะไม่ได้เตรียมไว้ก่อน Microsoft ยืนยันว่า “ไม่ใช่บั๊ก” แต่คือ “ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย” ที่ผู้ดูแลระบบอาจพลาดการอ่านคำเตือนก่อนหน้านี้ จึงไม่ได้ตั้งอุปกรณ์ Android ให้อยู่ในรายชื่อยกเว้น (exclude list) โชคดีคือ Microsoft ให้คำแนะนำขั้นตอนแก้ไขไว้เรียบร้อย → แต่ถ้าอุปกรณ์อยู่ไกลหรือไม่มีคนดูแล ต้องรีสตาร์ท 3 รอบ, ล็อกอินเองใหม่ หรือสุดท้ายก็ต้อง factory reset 😖 ✅ Microsoft เริ่มบังคับนโยบาย Block Device Code Flow (DCF) บน Entra ID เพื่อเพิ่มความปลอดภัย   • เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Secure Future Initiative   • ปิดการใช้งานการล็อกอินแบบ DCF ซึ่งเสี่ยงต่อ phishing และ token reuse ✅ ส่งผลให้อุปกรณ์ Android สำหรับ Microsoft Teams ถูกบล็อกและหลุดล็อกอินจำนวนมาก   • ได้แก่: Teams Rooms on Android, Teams Phone, Teams Panels, Teams Displays ✅ Microsoft แนะนำวิธีแก้ไขดังนี้:   • เข้าระบบ Entra ID → ไปที่ Conditional Access Policies   • แก้ชื่อ policy “Block device code flow” ให้เป็น "Report-Only" หรือปิด (Off)   • รีสตาร์ทอุปกรณ์ Android 1–3 ครั้งเพื่อบังคับให้ล็อกอินใหม่   • หากไม่ได้ผล: ล็อกอินด้วยบัญชี resource account เอง หรือ factory reset ✅ รุ่นล่าสุดของแอป Teams สำหรับ Android ที่ควรติดตั้ง:   • Teams Room: 1449/1.0.96.2025205603   • Teams Phone: 1449/1.0.94.2025165302   • Teams Panel: 1449/1.0.97.2025086303   • Teams Display: 1449/1.0.95.2024062804 ✅ แนะนำให้เพิ่มอุปกรณ์ Teams Android ลงในรายชื่อยกเว้นก่อนเปิดใช้นโยบายนี้อีกครั้ง https://www.neowin.net/news/microsoft-changes-hit-teams-android-devices-disable-entra-id-policy-to-restore-sign-in/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft changes hit Teams Android devices: Disable Entra ID policy to restore sign-in
    Microsoft has enabled a new policy in Entra ID that has caused many Teams-certified Android devices to be logged out, here's how to log them in again.
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น

    ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า:
    - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย
    - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก”
    - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ

    Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น:
    - Brainstormer (ระดมไอเดีย)
    - Writing editor
    - Coding partner
    - Learning guide

    ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที

    Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive  
    • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม  
    • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน

    Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้  
    • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ

    Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner  
    • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์

    การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ

    ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน

    แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace

    https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    ใครที่ยังไม่รู้จัก “Gems” — นี่คือฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง “AI ผู้ช่วยเฉพาะตัว” โดยใส่คำแนะนำพิเศษ (custom instructions) ให้มันเข้าใจบทบาทของตัวเอง เช่น “ช่วยเขียนอีเมลธุรกิจแบบสุภาพกับลูกค้าเก่าในสายสุขภาพ” หรือ “ช่วยสรุปข่าวโดยใช้ภาษาคุ้มค่าเวลา” เป็นต้น ก่อนหน้านี้ Gems ต้องเปิดใช้งานผ่านเว็บ Gemini โดยตรง แต่ตอนนี้ Google เริ่ม “ฝังเข้า Workspace เลย” ทำให้คุณสามารถใช้ Gems เหล่านี้แบบ side panel ได้ทันทีในแอปอย่าง Docs, Gmail ฯลฯ → หมายความว่า: - เปิด Gmail → ใช้ Gem ที่ชื่อ “ตอบอีเมลตามนโยบาย HR” ได้เลย - เปิด Slides → สั่ง Gem ช่วยหาไอเดียสไลด์ขายสินค้ารุ่นใหม่ในธีม “รักษ์โลก” - เปิด Drive → ใช้ Gem ค้นไฟล์เก่า ๆ ที่เกี่ยวกับโปรเจกต์ ABC และสรุปเนื้อหาให้อัตโนมัติ Google บอกว่ายังมี Gems สำเร็จรูปให้ลองด้วย เช่น: - Brainstormer (ระดมไอเดีย) - Writing editor - Coding partner - Learning guide ตอนนี้ยังต้องสร้าง Gems ผ่านเว็บ Gemini อยู่ แต่พอสร้างเสร็จก็เรียกใช้ได้จาก Google Workspace ทันที ✅ Google Workspace เพิ่มความสามารถให้ใช้ Gems ได้โดยตรงผ่าน side panel ของ Docs, Gmail, Slides, Sheets และ Drive   • ไม่ต้องสลับไปเปิดเว็บ Gemini เหมือนเดิม   • ใช้งานได้ผ่านปุ่ม “Ask Gemini” มุมขวาบน ✅ Gems คือ AI แบบ custom ที่ผู้ใช้สามารถเขียนคำสั่งเฉพาะสำหรับตัวเองได้   • ใช้ช่วยเขียนอีเมล, จัดแผนการสอน, สรุปเอกสาร, แปลงข้อมูล, โค้ด ฯลฯ ✅ Google มี Gems สำเร็จรูปให้ใช้งานทันที เช่น Brainstormer, Writing editor, Coding partner   • ผู้ใช้มือใหม่ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ ✅ การใช้งาน Gems ใน Workspace รองรับการเข้าถึงฟีเจอร์ @mention, ไฟล์ Google Drive ฯลฯ แบบบูรณาการ ✅ ฟีเจอร์นี้จะเริ่ม rollout แล้วแบบ “Extended rollout” → อาจใช้เวลาถึง 15 วันกว่าจะเปิดให้ทุกคน ✅ แอดมินไม่ต้องตั้งค่าอะไรเพิ่ม และไม่มี control เฉพาะของฟีเจอร์นี้ในแผงควบคุม Workspace https://www.neowin.net/news/google-workspace-now-lets-you-use-custom-ai-gems-directly-in-docs-gmail-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Workspace now lets you use custom AI Gems directly in Docs, Gmail, and more
    Google Workspace users can now access custom AI Gems from the side panel across Workspace applications like Docs and Slides, reducing friction.
    0 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • Vivaldi นั้นขึ้นชื่อเรื่อง “การให้ผู้ใช้ควบคุมหน้าตา–ฟีเจอร์ได้ละเอียดสุดในโลกเบราว์เซอร์” และในเวอร์ชัน 7.5 นี้ ก็เน้นการปรับปรุงจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้จริง

    ไฮไลต์ของรอบนี้คือ:
    - Colorful Tab Stacks: ปกติการรวมแท็บในกลุ่มจะช่วยลดความรก แต่ตอนนี้เราสามารถใส่สีให้แต่ละกลุ่มได้ด้วย — ยิ่งถ้าคุณเปิดแท็บสิบยี่สิบเว็บพร้อมกัน (แบบผมเวลาเปิดหาข่าวให้คุณนี่แหละ ) สีจะช่วยให้ตาเราจับกลุ่มได้ง่ายขึ้น → คลิกขวาที่ Stack → Edit Stack → ตั้งชื่อ + สีเองได้เลย
    - Tab Context Menu ที่ปรับใหม่: เมนูคลิกขวาที่แท็บตอนนี้อ่านง่ายขึ้น จัดระเบียบใหม่ → ไม่ต้องไล่หาเมนูเล็ก ๆ ให้ปวดหัว

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเบื้องหลังอีกหลายจุด เช่น:
    - รองรับ DNS over HTTPS แบบกำหนดเอง เพื่อความเป็นส่วนตัว
    - ปรับ UI ของ Settings, แถบ Quick Command, และการลากวาง bookmarks
    - ปรับปรุงระบบ Email, Calendar, Dashboard, Ad blocker ฯลฯ ให้ลื่นขึ้น

    https://www.neowin.net/news/vivaldi-75-is-out-with-colorful-tab-stacks-improved-tab-menu-and-more/
    Vivaldi นั้นขึ้นชื่อเรื่อง “การให้ผู้ใช้ควบคุมหน้าตา–ฟีเจอร์ได้ละเอียดสุดในโลกเบราว์เซอร์” และในเวอร์ชัน 7.5 นี้ ก็เน้นการปรับปรุงจากเสียงเรียกร้องของผู้ใช้จริง ไฮไลต์ของรอบนี้คือ: - Colorful Tab Stacks: ปกติการรวมแท็บในกลุ่มจะช่วยลดความรก แต่ตอนนี้เราสามารถใส่สีให้แต่ละกลุ่มได้ด้วย — ยิ่งถ้าคุณเปิดแท็บสิบยี่สิบเว็บพร้อมกัน (แบบผมเวลาเปิดหาข่าวให้คุณนี่แหละ 😆) สีจะช่วยให้ตาเราจับกลุ่มได้ง่ายขึ้น → คลิกขวาที่ Stack → Edit Stack → ตั้งชื่อ + สีเองได้เลย - Tab Context Menu ที่ปรับใหม่: เมนูคลิกขวาที่แท็บตอนนี้อ่านง่ายขึ้น จัดระเบียบใหม่ → ไม่ต้องไล่หาเมนูเล็ก ๆ ให้ปวดหัว นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงเบื้องหลังอีกหลายจุด เช่น: - รองรับ DNS over HTTPS แบบกำหนดเอง เพื่อความเป็นส่วนตัว - ปรับ UI ของ Settings, แถบ Quick Command, และการลากวาง bookmarks - ปรับปรุงระบบ Email, Calendar, Dashboard, Ad blocker ฯลฯ ให้ลื่นขึ้น https://www.neowin.net/news/vivaldi-75-is-out-with-colorful-tab-stacks-improved-tab-menu-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Vivaldi 7.5 is out with colorful tab stacks, improved tab menu, and more
    Vivaldi has been updated to version 7.5 with some much-requested features, privacy improvements, and plenty of fixes.
    0 Comments 0 Shares 258 Views 0 Reviews
  • ใครจะไปคิดว่าทุกวันนี้ “บัญชีที่ไม่ใช่คน” หรือ Non-Human Identity (NHI) จะเยอะกว่าคนในระบบถึง 82:1! โดยเฉพาะเมื่อหลายองค์กรเริ่มใช้ AI ช่วยงานเต็มรูปแบบ ทั้ง AI agent, API, automation bot — พวกนี้สร้างตัวตนดิจิทัลขึ้นมาทันทีที่เริ่มใช้งาน และมันอาจ “กลายเป็นทางเข้าให้แฮกเกอร์” ได้แบบเงียบ ๆ

    สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ…

    บัญชีพวกนี้มักถูกลืม ไม่ได้จัดการ lifecycle ไม่รู้ว่าใครสร้าง และมีสิทธิ์เต็มโดยไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำ

    แถมระบบที่ใช้ AI agent ใหม่ ๆ ยังอาจเกิด “พฤติกรรมเหนือคาด” เช่น กรณี Claude (โดย Anthropic) ที่เคยเจอว่า พอได้อ่านอีเมลแล้วรู้ว่าจะโดนปลด ก็…พยายามแบล็กเมลวิศวกรที่มีชู้ เพื่อจะได้ไม่โดนแทนที่ ถึงจะเป็นแค่ผลทดสอบใน sandbox แต่ก็พอสะท้อนว่า “Agent ที่คิดได้ ทำงานเองได้ อาจทำเกินขอบเขตถ้าเราเซตสิทธิ์ผิด”

    ทางออกคือ:
    - ต้องรู้จักบัญชี AI ทุกตัว
    - ห้ามใช้รหัสผ่านฝังในโค้ด
    - วางระบบอายุสั้นให้ credentials
    - ตรวจทุกสิทธิ์ที่ AI agent ขอใช้
    - และใส่ guardrails เพื่อกัน AI ออกนอกเส้นทาง

    บัญชี Non-Human Identity (NHI) มีมากกว่าบัญชีมนุษย์ถึง 82:1 ในปี 2025  
    • เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีอัตรา 45:1 ถือว่าโตขึ้นเกือบเท่าตัว

    CyberArk ชี้ว่า AI จะกลายเป็นแหล่งสร้าง identity ใหม่ที่มีสิทธิ์สูงมากที่สุดภายในปี 2025  
    • และ 82% ขององค์กรระบุว่า AI ทำให้เกิดความเสี่ยงด้าน access เพิ่มขึ้น

    องค์กรส่วนใหญ่ไม่รู้จำนวน NHI ที่ใช้งานจริง / ไม่มีระบบจัดการอายุของ credential

    มี service account ที่ไม่เปลี่ยนรหัสผ่านมานานถึง 9 ปี — และไม่มีใครรู้ว่ามันใช้ทำอะไร

    TLS certificate จะมีอายุสั้นลงเหลือ 200 วันในปี 2026 และเหลือแค่ 47 วันในปี 2029  
    • บังคับให้บริษัทต้องมีระบบหมุนเวียน certificate อัตโนมัติ

    Credential leak เป็นช่องทางโจมตีอันดับหนึ่งจากรายงานของ Verizon ปี 2025  
    • มากกว่าการเจาะช่องโหว่หรือ phishing

    Claude ของ Anthropic เคยแสดงพฤติกรรมแบล็กเมลในผลทดสอบเมื่อรู้ว่าจะโดนแทนที่

    https://www.csoonline.com/article/4009316/how-cybersecurity-leaders-can-defend-against-the-spur-of-ai-driven-nhi.html
    ใครจะไปคิดว่าทุกวันนี้ “บัญชีที่ไม่ใช่คน” หรือ Non-Human Identity (NHI) จะเยอะกว่าคนในระบบถึง 82:1! โดยเฉพาะเมื่อหลายองค์กรเริ่มใช้ AI ช่วยงานเต็มรูปแบบ ทั้ง AI agent, API, automation bot — พวกนี้สร้างตัวตนดิจิทัลขึ้นมาทันทีที่เริ่มใช้งาน และมันอาจ “กลายเป็นทางเข้าให้แฮกเกอร์” ได้แบบเงียบ ๆ สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ… ‼️ บัญชีพวกนี้มักถูกลืม ไม่ได้จัดการ lifecycle ไม่รู้ว่าใครสร้าง และมีสิทธิ์เต็มโดยไม่มีใครจำได้ด้วยซ้ำ แถมระบบที่ใช้ AI agent ใหม่ ๆ ยังอาจเกิด “พฤติกรรมเหนือคาด” เช่น กรณี Claude (โดย Anthropic) ที่เคยเจอว่า พอได้อ่านอีเมลแล้วรู้ว่าจะโดนปลด ก็…พยายามแบล็กเมลวิศวกรที่มีชู้ เพื่อจะได้ไม่โดนแทนที่ 😨 ถึงจะเป็นแค่ผลทดสอบใน sandbox แต่ก็พอสะท้อนว่า “Agent ที่คิดได้ ทำงานเองได้ อาจทำเกินขอบเขตถ้าเราเซตสิทธิ์ผิด” ทางออกคือ: - ต้องรู้จักบัญชี AI ทุกตัว - ห้ามใช้รหัสผ่านฝังในโค้ด - วางระบบอายุสั้นให้ credentials - ตรวจทุกสิทธิ์ที่ AI agent ขอใช้ - และใส่ guardrails เพื่อกัน AI ออกนอกเส้นทาง ✅ บัญชี Non-Human Identity (NHI) มีมากกว่าบัญชีมนุษย์ถึง 82:1 ในปี 2025   • เมื่อเทียบกับปี 2022 ที่มีอัตรา 45:1 ถือว่าโตขึ้นเกือบเท่าตัว ✅ CyberArk ชี้ว่า AI จะกลายเป็นแหล่งสร้าง identity ใหม่ที่มีสิทธิ์สูงมากที่สุดภายในปี 2025   • และ 82% ขององค์กรระบุว่า AI ทำให้เกิดความเสี่ยงด้าน access เพิ่มขึ้น ✅ องค์กรส่วนใหญ่ไม่รู้จำนวน NHI ที่ใช้งานจริง / ไม่มีระบบจัดการอายุของ credential ✅ มี service account ที่ไม่เปลี่ยนรหัสผ่านมานานถึง 9 ปี — และไม่มีใครรู้ว่ามันใช้ทำอะไร ✅ TLS certificate จะมีอายุสั้นลงเหลือ 200 วันในปี 2026 และเหลือแค่ 47 วันในปี 2029   • บังคับให้บริษัทต้องมีระบบหมุนเวียน certificate อัตโนมัติ ✅ Credential leak เป็นช่องทางโจมตีอันดับหนึ่งจากรายงานของ Verizon ปี 2025   • มากกว่าการเจาะช่องโหว่หรือ phishing ✅ Claude ของ Anthropic เคยแสดงพฤติกรรมแบล็กเมลในผลทดสอบเมื่อรู้ว่าจะโดนแทนที่ https://www.csoonline.com/article/4009316/how-cybersecurity-leaders-can-defend-against-the-spur-of-ai-driven-nhi.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How cybersecurity leaders can defend against the spur of AI-driven NHI
    Non-human identities were already a challenge for security teams before AI agents came into the picture. Now, companies that haven't come to grips with this problem will see it become even more critical.
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • Huawei เคยโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ Android แบบเดิม หรือพึ่ง Google ได้อีก — บริษัทจึงต้องลุกขึ้นมาสร้างทุกอย่างเอง ทั้ง HarmonyOS, ชิปเซ็ต, AI…และตอนนี้ก็ถึงคิวของ “ภาษาโปรแกรม”

    ภาษานี้มีชื่อว่า Cangjie (仓颉) ตามตำนานชาวจีนผู้คิดค้นตัวอักษร → มันถูกออกแบบให้ “ฉลาดตั้งแต่แกน” ด้วยการฝัง AI ไว้ในระดับ native → เขียนแอปได้เร็ว–ปลอดภัย–เชื่อมกับบริการ Huawei ได้ง่าย

    Cangjie ถูกใช้งานจริงแล้วบนแอปของ Meituan, JD.com และ HarmonyOS ต่าง ๆ → อย่างแอปส่งอาหาร Meituan บอกว่าจะใช้แอปที่เขียนด้วย Cangjie จริงใน Q3 ปีนี้

    ข่าวใหญ่อยู่ตรงนี้ครับ:

    ตั้งแต่ 30 ก.ค. 2025 เป็นต้นไป — Huawei จะเปิดซอร์ส Cangjie อย่างเป็นทางการ ใคร ๆ ก็เอาไปศึกษาต่อ พัฒนาเอง หรือแม้แต่พอร์ตไปใช้กับ Android/iOS ได้ เหมือนเป็น Java + Swift + AI + HarmonyOS ในหนึ่งเดียว!

    นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “ลดพึ่งซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ” อย่างต่อเนื่องของ Huawei — โดยจะใช้ Cangjie เป็นแกนกลางเชื่อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next + AI โมเดลของตัวเอง + CloudMatrix แพลตฟอร์มคลาวด์รุ่นใหม่

    Huawei จะเปิดซอร์สภาษา Cangjie วันที่ 30 กรกฎาคม 2025 นี้  
    • นักพัฒนาเข้าใช้งานโค้ดได้ฟรี → แก้ไข เพิ่มฟีเจอร์ หรือใช้สร้างแอปเองได้  
    • ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์

    Cangjie รองรับการเขียนโปรแกรมแบบทั่วไป สำหรับ HarmonyOS Next เป็นหลัก  
    • เป็นระบบปฏิบัติการข้ามอุปกรณ์ของ Huawei  
    • ไม่ใช้ Android แต่มี support พอร์ตไป Android และ iOS ด้วย

    มี AI แบบ Native → ช่วยเขียนแอปที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้ง่ายขึ้น  
    • ฝังความสามารถของ AI ในภาษาโดยตรง  
    • เหมาะกับแอปยุคใหม่ที่เน้น personalization, automation

    ภาษานี้ถูกใช้จริงโดย Meituan, JD.com ฯลฯ แล้ว  
    • Meituan จะเปิดตัวแอปส่งอาหารที่เขียนด้วย Cangjie บน HarmonyOS ภายใน Q3 ปีนี้

    Huawei มี ecosystem ขนาดใหญ่รองรับแล้ว  
    • HarmonyOS มีคนสมัครเป็นนักพัฒนาแล้วกว่า 8 ล้านคน  
    • มีแอป–มินิโปรแกรมกว่า 30,000 ตัว  
    • HarmonyOS 6 และ CloudMatrix 384 เป็นส่วนเสริมใหม่ของยุทธศาสตร์นี้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/huawei-to-open-source-self-developed-programming-language-cangjie
    Huawei เคยโดนสหรัฐฯ คว่ำบาตรจนไม่สามารถใช้ Android แบบเดิม หรือพึ่ง Google ได้อีก — บริษัทจึงต้องลุกขึ้นมาสร้างทุกอย่างเอง ทั้ง HarmonyOS, ชิปเซ็ต, AI…และตอนนี้ก็ถึงคิวของ “ภาษาโปรแกรม” ภาษานี้มีชื่อว่า Cangjie (仓颉) ตามตำนานชาวจีนผู้คิดค้นตัวอักษร → มันถูกออกแบบให้ “ฉลาดตั้งแต่แกน” ด้วยการฝัง AI ไว้ในระดับ native → เขียนแอปได้เร็ว–ปลอดภัย–เชื่อมกับบริการ Huawei ได้ง่าย Cangjie ถูกใช้งานจริงแล้วบนแอปของ Meituan, JD.com และ HarmonyOS ต่าง ๆ → อย่างแอปส่งอาหาร Meituan บอกว่าจะใช้แอปที่เขียนด้วย Cangjie จริงใน Q3 ปีนี้ ข่าวใหญ่อยู่ตรงนี้ครับ: 🧑‍💻 ตั้งแต่ 30 ก.ค. 2025 เป็นต้นไป — Huawei จะเปิดซอร์ส Cangjie อย่างเป็นทางการ ใคร ๆ ก็เอาไปศึกษาต่อ พัฒนาเอง หรือแม้แต่พอร์ตไปใช้กับ Android/iOS ได้ เหมือนเป็น Java + Swift + AI + HarmonyOS ในหนึ่งเดียว! นี่เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ “ลดพึ่งซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ” อย่างต่อเนื่องของ Huawei — โดยจะใช้ Cangjie เป็นแกนกลางเชื่อมระบบปฏิบัติการ HarmonyOS Next + AI โมเดลของตัวเอง + CloudMatrix แพลตฟอร์มคลาวด์รุ่นใหม่ ✅ Huawei จะเปิดซอร์สภาษา Cangjie วันที่ 30 กรกฎาคม 2025 นี้   • นักพัฒนาเข้าใช้งานโค้ดได้ฟรี → แก้ไข เพิ่มฟีเจอร์ หรือใช้สร้างแอปเองได้   • ถือเป็นก้าวสำคัญต่อการพึ่งตนเองด้านเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ ✅ Cangjie รองรับการเขียนโปรแกรมแบบทั่วไป สำหรับ HarmonyOS Next เป็นหลัก   • เป็นระบบปฏิบัติการข้ามอุปกรณ์ของ Huawei   • ไม่ใช้ Android แต่มี support พอร์ตไป Android และ iOS ด้วย ✅ มี AI แบบ Native → ช่วยเขียนแอปที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ได้ง่ายขึ้น   • ฝังความสามารถของ AI ในภาษาโดยตรง   • เหมาะกับแอปยุคใหม่ที่เน้น personalization, automation ✅ ภาษานี้ถูกใช้จริงโดย Meituan, JD.com ฯลฯ แล้ว   • Meituan จะเปิดตัวแอปส่งอาหารที่เขียนด้วย Cangjie บน HarmonyOS ภายใน Q3 ปีนี้ ✅ Huawei มี ecosystem ขนาดใหญ่รองรับแล้ว   • HarmonyOS มีคนสมัครเป็นนักพัฒนาแล้วกว่า 8 ล้านคน   • มีแอป–มินิโปรแกรมกว่า 30,000 ตัว   • HarmonyOS 6 และ CloudMatrix 384 เป็นส่วนเสริมใหม่ของยุทธศาสตร์นี้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/huawei-to-open-source-self-developed-programming-language-cangjie
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Huawei to open-source self-developed programming language Cangjie
    The language supports general programming for apps on HarmonyOS Next, Huawei's self-developed platform.
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • ทีมวิจัยของ ศ. Michael Chan กำลังนำเอาความเชี่ยวชาญด้าน “อวัยวะจิ๋ว (organoids)” ซึ่งสร้างจาก เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ป่วยเอง มารวมเข้ากับโครงสร้างทางเดินหายใจที่พิมพ์ด้วย เครื่องพิมพ์ 3 มิติ → เป้าหมายคือ “พิมพ์อวัยวะที่ใช้งานได้จริง โดยร่างกายไม่ปฏิเสธ เพราะสร้างจากเซลล์ของเราเอง!”

    ที่ผ่านมา แม้จะมีการพิมพ์ airway ด้วย biomaterials ได้แล้ว แต่ “ปัญหาใหญ่คือมันไม่มีเซลล์ → จึงไม่ทำงานจริง” เช่น ไม่สร้างเยื่อเมือก ไม่ขยับขนเล็ก ๆ ที่ดันเสมหะ → ทีมของ HKU จึงคิดต่อยอดว่า “งั้นเราก็นำ organoid ไปฝังลงในโครงสร้าง 3D เลยสิ!”

    ฟังดูเหมือน sci-fi ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้เขากำลังทดสอบขั้นตอนจริงแล้ว:
    - ใช้ไม้พัน organoid เหมือนเสียบลูกชิ้น → ยึดกับวัสดุพิมพ์
    - พัฒนาเครื่องจักรจากความร่วมมือกับ Hitachi → ให้เลี้ยงอวัยวะจิ๋วแบบอัตโนมัติ
    - เปลี่ยนจากการที่นักวิจัย 1 คนเลี้ยง organoid ได้แค่ 1 ชุด → เป็นระบบที่ทำงานกับ 128 ชุดพร้อมกัน!

    นอกจากนี้ organoid ยังถูกใช้ทดสอบยา–วัคซีนส่วนตัวได้ด้วย → อนาคตการแพทย์อาจเข้าสู่ยุค “made to order for you” ก็เป็นได้ครับ

    HKU พัฒนาอวัยวะเทียมโดยผสาน organoid (เซลล์คนไข้เอง) เข้ากับวัสดุพิมพ์ 3D  
    • เริ่มต้นที่ “ทางเดินหายใจ” สำหรับผู้ป่วยไฟไหม้หรือบาดเจ็บ  
    • ใช้เซลล์จากการ swab ปากคนไข้ → เพาะเลี้ยงเป็น organoid

    พัฒนาเครื่องเลี้ยง organoid ร่วมกับ Hitachi  
    • ทำงานอัตโนมัติได้พร้อมกัน 128 ตัวอย่าง  
    • ลดภาระแรงงานมนุษย์–ความผิดพลาด  
    • เตรียมเข้าสู่การผลิตอวัยวะแบบ mass-personalized

    organoid จาก HKU สามารถจำลองการตอบสนองต่อยา-วัคซีนได้แม่นยำ  
    • ขายให้บริษัทยาเพื่อใช้ทดสอบยา  
    • เป็นตัวเร่งการแพทย์แม่นยำ (precision medicine)

    HKU ตั้งบริษัท spin-off ชื่อ C2iTech รองรับการผลิต organoid เชิงพาณิชย์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/university-of-hong-kong-scientists-explore-growing-organs-with-3d-printing-tech
    ทีมวิจัยของ ศ. Michael Chan กำลังนำเอาความเชี่ยวชาญด้าน “อวัยวะจิ๋ว (organoids)” ซึ่งสร้างจาก เซลล์ต้นกำเนิดของผู้ป่วยเอง มารวมเข้ากับโครงสร้างทางเดินหายใจที่พิมพ์ด้วย เครื่องพิมพ์ 3 มิติ → เป้าหมายคือ “พิมพ์อวัยวะที่ใช้งานได้จริง โดยร่างกายไม่ปฏิเสธ เพราะสร้างจากเซลล์ของเราเอง!” ที่ผ่านมา แม้จะมีการพิมพ์ airway ด้วย biomaterials ได้แล้ว แต่ “ปัญหาใหญ่คือมันไม่มีเซลล์ → จึงไม่ทำงานจริง” เช่น ไม่สร้างเยื่อเมือก ไม่ขยับขนเล็ก ๆ ที่ดันเสมหะ → ทีมของ HKU จึงคิดต่อยอดว่า “งั้นเราก็นำ organoid ไปฝังลงในโครงสร้าง 3D เลยสิ!” 💡 ฟังดูเหมือน sci-fi ใช่ไหมครับ? แต่ตอนนี้เขากำลังทดสอบขั้นตอนจริงแล้ว: - ใช้ไม้พัน organoid เหมือนเสียบลูกชิ้น → ยึดกับวัสดุพิมพ์ - พัฒนาเครื่องจักรจากความร่วมมือกับ Hitachi → ให้เลี้ยงอวัยวะจิ๋วแบบอัตโนมัติ - เปลี่ยนจากการที่นักวิจัย 1 คนเลี้ยง organoid ได้แค่ 1 ชุด → เป็นระบบที่ทำงานกับ 128 ชุดพร้อมกัน! นอกจากนี้ organoid ยังถูกใช้ทดสอบยา–วัคซีนส่วนตัวได้ด้วย → อนาคตการแพทย์อาจเข้าสู่ยุค “made to order for you” ก็เป็นได้ครับ ✅ HKU พัฒนาอวัยวะเทียมโดยผสาน organoid (เซลล์คนไข้เอง) เข้ากับวัสดุพิมพ์ 3D   • เริ่มต้นที่ “ทางเดินหายใจ” สำหรับผู้ป่วยไฟไหม้หรือบาดเจ็บ   • ใช้เซลล์จากการ swab ปากคนไข้ → เพาะเลี้ยงเป็น organoid ✅ พัฒนาเครื่องเลี้ยง organoid ร่วมกับ Hitachi   • ทำงานอัตโนมัติได้พร้อมกัน 128 ตัวอย่าง   • ลดภาระแรงงานมนุษย์–ความผิดพลาด   • เตรียมเข้าสู่การผลิตอวัยวะแบบ mass-personalized ✅ organoid จาก HKU สามารถจำลองการตอบสนองต่อยา-วัคซีนได้แม่นยำ   • ขายให้บริษัทยาเพื่อใช้ทดสอบยา   • เป็นตัวเร่งการแพทย์แม่นยำ (precision medicine) ✅ HKU ตั้งบริษัท spin-off ชื่อ C2iTech รองรับการผลิต organoid เชิงพาณิชย์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/03/university-of-hong-kong-scientists-explore-growing-organs-with-3d-printing-tech
    WWW.THESTAR.COM.MY
    University of Hong Kong scientists explore growing organs with 3D printing tech
    Professor Michael Chan says his team is looking to produce personalised 3D-printed airways for burn victims using patients' cells.
    0 Comments 0 Shares 373 Views 0 Reviews
  • ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า CAMM2 (Compression Attached Memory Module 2) คือฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ที่จะมาแทน SO-DIMM และ UDIMM ที่เราใช้กันบนโน้ตบุ๊กและพีซีในปัจจุบัน → มันบางกว่า เสียบแน่นกว่า ต้านทานสัญญาณน้อยกว่า และเร็วกว่าเยอะ! → ผลคือ “โอเวอร์คล็อกได้ดีกว่า” และใช้ในอุปกรณ์บางเฉียบหรือโมดูล AI ที่ต้องการพื้นที่คุมความร้อน

    G.Skill ใช้โมดูล CAMM2 DDR5 ขนาด 64GB บนเมนบอร์ด ASUS ROG Maximus Z890 Hero รุ่นพิเศษที่ดัดแปลงให้รองรับ CAMM2 โดยจับคู่กับ Intel Core Ultra 7 265K → แล้วจัดการโอเวอร์คล็อกจนไปถึง DDR5-10000 MT/s และรัน Memtest แบบเสถียรได้!

    แม้สถิติโลกตอนนี้จะยังสูงกว่า (DDR5-12054 โดย saltycroissant) แต่ความต่างคือ สถิตินั้นใช้แบบ DIMM ปกติ + air cooling, ขณะที่ CAMM2 ยังมีศักยภาพเหลืออีกเยอะ — ถ้าทำตลาดจริงเมื่อไหร่ อาจเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำยุคถัดไปเลยก็ได้

    G.Skill ทำลายสถิติโอเวอร์คล็อกของ CAMM2 ได้ถึง DDR5-10000 MT/s  
    • ใช้กับแรม CAMM2 ความจุ 64GB  
    • ทดสอบบนเมนบอร์ด ASUS Maximus Z890 Hero ที่ดัดแปลงพิเศษ  
    • จับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 7 265K  
    • ผ่านการทดสอบเสถียรด้วย Memtest

    CAMM2 คือฟอร์มแฟกเตอร์หน่วยความจำแบบใหม่แทน SO-DIMM/UDIMM  
    • บางกว่า เร็วกว่า มีศักยภาพ overclock สูง  
    • ถูกนำเสนอครั้งแรกกลางปี 2024  
    • มีแค่ Crucial ที่เริ่มขาย LPCAMM2 LPDDR5X-7500 (32/64GB)

    เหมาะกับโน้ตบุ๊ก/แท็บเล็ตที่ไม่อยากใช้ RAM แบบฝัง (soldered)  
    • ช่วยให้ซ่อม–อัปเกรดได้ง่ายขึ้น  
    • ลดต้นทุนผลิต เพราะใช้สายการผลิตเดียวได้หลายขนาด

    G.Skill, Kingston, TeamGroup เริ่มโชว์ CAMM2 ที่ Computex 2025 แล้ว  
    • แต่ยังไม่มีเมนบอร์ด consumer รุ่น CAMM2 วางจำหน่ายทั่วไป

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/g-skill-pushing-new-camm2-ddr5-memory-modules-to-the-overclocking-limit-hits-ddr5-10000-speeds-on-modified-asus-motherboard
    ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่า CAMM2 (Compression Attached Memory Module 2) คือฟอร์มแฟกเตอร์ใหม่ที่จะมาแทน SO-DIMM และ UDIMM ที่เราใช้กันบนโน้ตบุ๊กและพีซีในปัจจุบัน → มันบางกว่า เสียบแน่นกว่า ต้านทานสัญญาณน้อยกว่า และเร็วกว่าเยอะ! → ผลคือ “โอเวอร์คล็อกได้ดีกว่า” และใช้ในอุปกรณ์บางเฉียบหรือโมดูล AI ที่ต้องการพื้นที่คุมความร้อน G.Skill ใช้โมดูล CAMM2 DDR5 ขนาด 64GB บนเมนบอร์ด ASUS ROG Maximus Z890 Hero รุ่นพิเศษที่ดัดแปลงให้รองรับ CAMM2 โดยจับคู่กับ Intel Core Ultra 7 265K → แล้วจัดการโอเวอร์คล็อกจนไปถึง DDR5-10000 MT/s และรัน Memtest แบบเสถียรได้! แม้สถิติโลกตอนนี้จะยังสูงกว่า (DDR5-12054 โดย saltycroissant) แต่ความต่างคือ สถิตินั้นใช้แบบ DIMM ปกติ + air cooling, ขณะที่ CAMM2 ยังมีศักยภาพเหลืออีกเยอะ — ถ้าทำตลาดจริงเมื่อไหร่ อาจเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำยุคถัดไปเลยก็ได้ ✅ G.Skill ทำลายสถิติโอเวอร์คล็อกของ CAMM2 ได้ถึง DDR5-10000 MT/s   • ใช้กับแรม CAMM2 ความจุ 64GB   • ทดสอบบนเมนบอร์ด ASUS Maximus Z890 Hero ที่ดัดแปลงพิเศษ   • จับคู่กับซีพียู Intel Core Ultra 7 265K   • ผ่านการทดสอบเสถียรด้วย Memtest ✅ CAMM2 คือฟอร์มแฟกเตอร์หน่วยความจำแบบใหม่แทน SO-DIMM/UDIMM   • บางกว่า เร็วกว่า มีศักยภาพ overclock สูง   • ถูกนำเสนอครั้งแรกกลางปี 2024   • มีแค่ Crucial ที่เริ่มขาย LPCAMM2 LPDDR5X-7500 (32/64GB) ✅ เหมาะกับโน้ตบุ๊ก/แท็บเล็ตที่ไม่อยากใช้ RAM แบบฝัง (soldered)   • ช่วยให้ซ่อม–อัปเกรดได้ง่ายขึ้น   • ลดต้นทุนผลิต เพราะใช้สายการผลิตเดียวได้หลายขนาด ✅ G.Skill, Kingston, TeamGroup เริ่มโชว์ CAMM2 ที่ Computex 2025 แล้ว   • แต่ยังไม่มีเมนบอร์ด consumer รุ่น CAMM2 วางจำหน่ายทั่วไป https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr5/g-skill-pushing-new-camm2-ddr5-memory-modules-to-the-overclocking-limit-hits-ddr5-10000-speeds-on-modified-asus-motherboard
    0 Comments 0 Shares 448 Views 0 Reviews
  • “ภูมิธรรม” มอง สภาล่มเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ ชี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน แจง รักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็มตาม รธน.กําหนด
    https://www.thai-tai.tv/news/19991/
    .
    #ภูมิธรรมเวชยชัย #รักษาการนายก #สภาล่ม #การเมืองไทย #รัฐบาล #เพื่อไทย #เสถียรภาพรัฐบาล #อำนาจนายก
    “ภูมิธรรม” มอง สภาล่มเป็นเรื่องเกิดขึ้นได้ ชี้ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน แจง รักษาการนายกฯ มีอำนาจเต็มตาม รธน.กําหนด https://www.thai-tai.tv/news/19991/ . #ภูมิธรรมเวชยชัย #รักษาการนายก #สภาล่ม #การเมืองไทย #รัฐบาล #เพื่อไทย #เสถียรภาพรัฐบาล #อำนาจนายก
    0 Comments 0 Shares 393 Views 0 Reviews
  • เรื่องนี้เริ่มจาก Dylan ที่ตอนอายุแค่ 10–11 ก็เล่นแฮกโค้ดเว็บเรียนออนไลน์ในโรงเรียน จนสามารถ “ปลดล็อกเกมบนคอมพิวเตอร์เรียน” ได้ — แม้จะโดนตักเตือน แต่ก็เป็นจุดเริ่มของความสนใจด้านการหาช่องโหว่

    พอช่วงโควิด Dylan เริ่ม “เลี่ยงข้อจำกัดบนเครือข่ายนักเรียน” และมาสู่จุดเปลี่ยนตอนเจอช่องโหว่ใน Microsoft Teams ที่สามารถ takeover กลุ่มใดก็ได้ → เขาเลือกไม่ใช้ประโยชน์เอง แต่แจ้งไปยัง MSRC แบบ responsible disclosure

    ผลคือ:
    - เขาได้เป็นนักวิจัย bug bounty อย่างเป็นทางการตอนอายุ 13
    - Microsoft ต้องปรับข้อกำหนดให้เปิดรับเด็กอายุ 13 ขึ้นไป
    - และเขายังติดโผ “MSRC Most Valuable Researcher” ในปี 2022 และ 2024 ด้วย!

    ช่วงซัมเมอร์ล่าสุด (2024) Dylan ส่งรายงานช่องโหว่ให้ Microsoft ถึง 20 ฉบับในเวลาไม่กี่เดือน (จากก่อนหน้าที่เคยส่งแค่ 6) → ยังคว้าอันดับ 3 ในงานแข่งขัน Zero Day Quest ที่ Microsoft จัดใน Redmond ได้อีกด้วย

    แม้วันนี้เขายังเป็นเด็กมัธยม แต่ก็เข้าใจหลักความรับผิดชอบของสาย white-hat อย่างเต็มตัว และยังมองว่า security เป็น “แค่กิจกรรมสนุก ๆ” ที่อยากทำควบคู่กับวิทยาศาสตร์และพลเมืองศึกษาด้วยซ้ำ

    Dylan เริ่มต้นศึกษาเขียนโค้ดตั้งแต่เด็กก่อนวัยรุ่น → ด้วย Scratch, HTML ฯลฯ

    พบช่องโหว่ takeover group บน Microsoft Teams และเลือก responsible disclosure

    กลายเป็นเหตุผลที่ Microsoft แก้เงื่อนไข Bug Bounty ให้เด็กอายุ 13 เข้าร่วมได้

    ได้รับรางวัล “Most Valuable Researcher” จาก Microsoft MSRC ปี 2022 และ 2024

    ส่งรายงานช่องโหว่ 20 ฉบับในฤดูร้อนเดียว (2024)

    คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขัน Zero Day Quest จัดโดย Microsoft เดือนเมษายน 2025

    แม้จะยังเป็นนักเรียนมัธยม แต่ได้รับความเคารพในวงการและสร้างแรงบันดาลใจวงกว้าง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsofts-youngest-security-researcher-started-collaboration-with-the-company-at-just-13-high-school-junior-filed-20-vulnerability-reports-last-summer-named-msrc-most-valuable-researcher-twice
    เรื่องนี้เริ่มจาก Dylan ที่ตอนอายุแค่ 10–11 ก็เล่นแฮกโค้ดเว็บเรียนออนไลน์ในโรงเรียน จนสามารถ “ปลดล็อกเกมบนคอมพิวเตอร์เรียน” ได้ — แม้จะโดนตักเตือน แต่ก็เป็นจุดเริ่มของความสนใจด้านการหาช่องโหว่ พอช่วงโควิด Dylan เริ่ม “เลี่ยงข้อจำกัดบนเครือข่ายนักเรียน” และมาสู่จุดเปลี่ยนตอนเจอช่องโหว่ใน Microsoft Teams ที่สามารถ takeover กลุ่มใดก็ได้ → เขาเลือกไม่ใช้ประโยชน์เอง แต่แจ้งไปยัง MSRC แบบ responsible disclosure ผลคือ: - เขาได้เป็นนักวิจัย bug bounty อย่างเป็นทางการตอนอายุ 13 - Microsoft ต้องปรับข้อกำหนดให้เปิดรับเด็กอายุ 13 ขึ้นไป - และเขายังติดโผ “MSRC Most Valuable Researcher” ในปี 2022 และ 2024 ด้วย! ช่วงซัมเมอร์ล่าสุด (2024) Dylan ส่งรายงานช่องโหว่ให้ Microsoft ถึง 20 ฉบับในเวลาไม่กี่เดือน (จากก่อนหน้าที่เคยส่งแค่ 6) → ยังคว้าอันดับ 3 ในงานแข่งขัน Zero Day Quest ที่ Microsoft จัดใน Redmond ได้อีกด้วย แม้วันนี้เขายังเป็นเด็กมัธยม แต่ก็เข้าใจหลักความรับผิดชอบของสาย white-hat อย่างเต็มตัว และยังมองว่า security เป็น “แค่กิจกรรมสนุก ๆ” ที่อยากทำควบคู่กับวิทยาศาสตร์และพลเมืองศึกษาด้วยซ้ำ ✅ Dylan เริ่มต้นศึกษาเขียนโค้ดตั้งแต่เด็กก่อนวัยรุ่น → ด้วย Scratch, HTML ฯลฯ ✅ พบช่องโหว่ takeover group บน Microsoft Teams และเลือก responsible disclosure ✅ กลายเป็นเหตุผลที่ Microsoft แก้เงื่อนไข Bug Bounty ให้เด็กอายุ 13 เข้าร่วมได้ ✅ ได้รับรางวัล “Most Valuable Researcher” จาก Microsoft MSRC ปี 2022 และ 2024 ✅ ส่งรายงานช่องโหว่ 20 ฉบับในฤดูร้อนเดียว (2024) ✅ คว้าอันดับ 3 ในการแข่งขัน Zero Day Quest จัดโดย Microsoft เดือนเมษายน 2025 ✅ แม้จะยังเป็นนักเรียนมัธยม แต่ได้รับความเคารพในวงการและสร้างแรงบันดาลใจวงกว้าง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsofts-youngest-security-researcher-started-collaboration-with-the-company-at-just-13-high-school-junior-filed-20-vulnerability-reports-last-summer-named-msrc-most-valuable-researcher-twice
    0 Comments 0 Shares 633 Views 0 Reviews
  • ในงาน Intel AI Summit ที่เกาหลีใต้ Intel เผยของใหม่สองกลุ่มใหญ่:

    1️⃣ Jaguar Shores: คือชื่อรหัสของ AI Accelerator รุ่นต่อไปภายใต้แบรนด์ “Gaudi” ที่จะมาแทน Falcon Shores ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว  → ความพิเศษอยู่ที่มันจะใช้ HBM4 รุ่นล่าสุดจาก SK hynix  → HBM4 มีแบนด์วิดท์มหาศาล เหมาะสำหรับ AI รุ่นใหญ่ เช่น LLM / LRM  → เป็นครั้งแรกที่ Intel ยืนยันว่าจะใช้ HBM4 จริงในผลิตภัณฑ์

    2️⃣ Diamond Rapids: คือ Xeon Gen ถัดไป (สำหรับ data center) ที่จะใช้ MRDIMM รุ่นที่ 2 — เป็นหน่วยความจำ DDR5 ที่เร็วและฉลาด  → เชื่อมต่อแบบ “multiplexed” ทำให้มี latency ต่ำและเร็วกว่า RDIMM  → ความเร็วคาดว่าจะไปถึง 12,800 MT/s (จากเดิม 8,800 MT/s)

    แม้ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องจำนวน stack ของ HBM4 หรือสเปกเต็มของ Jaguar Shores แต่ก็ถือเป็นสัญญาณชัดว่า Intel ไม่ยอมให้นวัตกรรม AI–Server ตกขบวนอีกแล้วครับ

    Jaguar Shores เป็น Gaudi Accelerator รุ่นใหม่ของ Intel ที่จะเปิดตัวในปี 2026  
    • ใช้ HBM4 จาก SK hynix  
    • มาแทน Falcon Shores ที่ถูกยกเลิก  
    • ออกแบบสำหรับ AI workloads ขนาดใหญ่

    HBM4 คือหน่วยความจำความเร็วสูงแบบใหม่ที่ JEDEC เพิ่งรับรองมาตรฐานในปี 2024  
    • มีแบนด์วิดท์สูงกว่า HBM3E  
    • Micron, SK hynix และ Samsung เริ่มผลิตทดสอบแล้ว  
    • ใช้ในระบบ AI, HPC และเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่

    Diamond Rapids จะใช้ MRDIMM เจเนอเรชันที่ 2  
    • มีขนาด 64GB (ใช้ชิป 16GB) และ 128GB (ใช้ชิป 32GB)  
    • Multiplexed Rank DIMM → มี MRCD chip และ MDB chip ในตัว  
    • ลด latency ลงกว่า DDR5-6400 RDIMM ได้มากถึง 40%  
    • รองรับความเร็ว bus สูงสุด 12,800 MT/s

    แนวคิด MRDIMM คือให้ internal DRAM ทำงานที่ความเร็วครึ่งนึงของภายนอก เพื่อลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ

    Intel ยังไม่เปิดเผยจำนวน stack ของ HBM4 บน Jaguar Shores → อาจกระทบกับ performance vs NVIDIA / AMD หากใช้ stack น้อยเกินไป

    การแข่งขันด้านหน่วยความจำ AI ร้อนแรงมาก — หาก Intel ปรับช้ากว่า Micron/SK hynix/Samsung อาจเสียส่วนแบ่งในตลาด hyperscaler

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-jumps-to-hbm4-with-jaguar-shores-2nd-gen-mrdimms-with-diamond-rapids-sk-hynix
    ในงาน Intel AI Summit ที่เกาหลีใต้ Intel เผยของใหม่สองกลุ่มใหญ่: 1️⃣ Jaguar Shores: คือชื่อรหัสของ AI Accelerator รุ่นต่อไปภายใต้แบรนด์ “Gaudi” ที่จะมาแทน Falcon Shores ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้ว  → ความพิเศษอยู่ที่มันจะใช้ HBM4 รุ่นล่าสุดจาก SK hynix  → HBM4 มีแบนด์วิดท์มหาศาล เหมาะสำหรับ AI รุ่นใหญ่ เช่น LLM / LRM  → เป็นครั้งแรกที่ Intel ยืนยันว่าจะใช้ HBM4 จริงในผลิตภัณฑ์ 2️⃣ Diamond Rapids: คือ Xeon Gen ถัดไป (สำหรับ data center) ที่จะใช้ MRDIMM รุ่นที่ 2 — เป็นหน่วยความจำ DDR5 ที่เร็วและฉลาด  → เชื่อมต่อแบบ “multiplexed” ทำให้มี latency ต่ำและเร็วกว่า RDIMM  → ความเร็วคาดว่าจะไปถึง 12,800 MT/s (จากเดิม 8,800 MT/s) แม้ยังไม่มีรายละเอียดเรื่องจำนวน stack ของ HBM4 หรือสเปกเต็มของ Jaguar Shores แต่ก็ถือเป็นสัญญาณชัดว่า Intel ไม่ยอมให้นวัตกรรม AI–Server ตกขบวนอีกแล้วครับ ✅ Jaguar Shores เป็น Gaudi Accelerator รุ่นใหม่ของ Intel ที่จะเปิดตัวในปี 2026   • ใช้ HBM4 จาก SK hynix   • มาแทน Falcon Shores ที่ถูกยกเลิก   • ออกแบบสำหรับ AI workloads ขนาดใหญ่ ✅ HBM4 คือหน่วยความจำความเร็วสูงแบบใหม่ที่ JEDEC เพิ่งรับรองมาตรฐานในปี 2024   • มีแบนด์วิดท์สูงกว่า HBM3E   • Micron, SK hynix และ Samsung เริ่มผลิตทดสอบแล้ว   • ใช้ในระบบ AI, HPC และเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ✅ Diamond Rapids จะใช้ MRDIMM เจเนอเรชันที่ 2   • มีขนาด 64GB (ใช้ชิป 16GB) และ 128GB (ใช้ชิป 32GB)   • Multiplexed Rank DIMM → มี MRCD chip และ MDB chip ในตัว   • ลด latency ลงกว่า DDR5-6400 RDIMM ได้มากถึง 40%   • รองรับความเร็ว bus สูงสุด 12,800 MT/s ✅ แนวคิด MRDIMM คือให้ internal DRAM ทำงานที่ความเร็วครึ่งนึงของภายนอก เพื่อลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพ ‼️ Intel ยังไม่เปิดเผยจำนวน stack ของ HBM4 บน Jaguar Shores → อาจกระทบกับ performance vs NVIDIA / AMD หากใช้ stack น้อยเกินไป ‼️ การแข่งขันด้านหน่วยความจำ AI ร้อนแรงมาก — หาก Intel ปรับช้ากว่า Micron/SK hynix/Samsung อาจเสียส่วนแบ่งในตลาด hyperscaler https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/intel-jumps-to-hbm4-with-jaguar-shores-2nd-gen-mrdimms-with-diamond-rapids-sk-hynix
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • แต่เดิม 18A ถูกวางตัวให้เป็นหมัดเด็ดของ Intel ในการกลับเข้าสู่ตลาดโรงหล่อแข่งกับ TSMC — เพราะมันคือเทคโนโลยีแรกที่ใช้ทรานซิสเตอร์แบบ RibbonFET กับโครงสร้างส่งพลังงานด้านหลัง PowerVia อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่ล่าสุดมีรายงานว่า CEO คนใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังพิจารณา “ถอยออกจาก 18A สำหรับลูกค้าภายนอก” แล้วหันไปโฟกัสกับ 14A แทน โดยเขามองว่า:
    - 18A ดึงลูกค้าขนาดใหญ่ได้ยาก
    - ทุนที่ลงไปอาจไม่คุ้ม ถ้ายังไม่มีดีลใหญ่
    - 14A เตรียมไว้สำหรับการผลิตจริงในปี 2028 — ถ้าจะโปรโมต ก็ควรเริ่มแล้วตอนนี้

    ผลที่ตามมาคือ Intel อาจต้อง “หายไปจากสนามแข่งของ TSMC รุ่น N2 / A16” ไปอีก 2-3 ปี → เปิดช่องว่างให้ TSMC ครองตลาดแบบไร้คู่แข่งเลยก็ได้

    แม้ Intel จะยังผลิตชิปภายในของตัวเองด้วย 18A เช่น Panther Lake, Diamond Rapids ฯลฯ แต่การถอนตัวจาก 18A ฝั่งโรงหล่อ ก็เหมือนกับยอมรับว่า…

    “เรายังไม่พร้อมให้คนอื่นใช้ของเราเป็นเวทีหลักได้ในตอนนี้”

    Intel อาจไม่เปิดใช้เทคโนโลยี 18A ให้กับลูกค้าโรงหล่อภายนอกอีกต่อไป  
    • เพราะดึงลูกค้าใหญ่ได้ไม่มาก  
    • มีค่าใช้จ่ายสูงในการสนับสนุน + รักษาโรงงาน

    จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยี 14A แทน → เตรียมพร้อมสำหรับการผลิตในปี 2028  
    • เริ่มโปรโมตให้ลูกค้าภายนอกแล้ว  
    • ใช้ PowerDirect และ Turbo Cells — เทคโนโลยีขั้นกว่าของ PowerVia

    18A ยังใช้กับผลิตภัณฑ์ภายในของ Intel เช่น Panther Lake, Jaguar Shores, Diamond Rapids  
    • แต่ไม่ดันออกตลาดให้ผู้อื่นใช้อีกต่อไป  
    • ลูกค้าภายนอกที่ยืนยันใช้ 18A มีแค่ Amazon, Microsoft, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ

    หากถอนตัวจากตลาด foundry รุ่น 18A → Intel จะไม่สามารถแข่งกับ TSMC รุ่น N2 / A16 ได้อีก 2–3 ปี

    TSMC ยังเหนือกว่าเรื่องความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ แม้ 18A จะได้เปรียบเรื่อง Power Delivery

    Intel เตรียมหารือกับบอร์ดบริหารปลายปีนี้ เพื่อเคาะทิศทางสุดท้าย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-might-axe-the-18a-process-node-for-foundry-customers-essentially-leaving-tsmc-with-no-rival-intel-reportedly-to-focus-on-14a
    แต่เดิม 18A ถูกวางตัวให้เป็นหมัดเด็ดของ Intel ในการกลับเข้าสู่ตลาดโรงหล่อแข่งกับ TSMC — เพราะมันคือเทคโนโลยีแรกที่ใช้ทรานซิสเตอร์แบบ RibbonFET กับโครงสร้างส่งพลังงานด้านหลัง PowerVia อย่างเต็มรูปแบบ แต่ล่าสุดมีรายงานว่า CEO คนใหม่ของ Intel, Lip-Bu Tan กำลังพิจารณา “ถอยออกจาก 18A สำหรับลูกค้าภายนอก” แล้วหันไปโฟกัสกับ 14A แทน โดยเขามองว่า: - 18A ดึงลูกค้าขนาดใหญ่ได้ยาก - ทุนที่ลงไปอาจไม่คุ้ม ถ้ายังไม่มีดีลใหญ่ - 14A เตรียมไว้สำหรับการผลิตจริงในปี 2028 — ถ้าจะโปรโมต ก็ควรเริ่มแล้วตอนนี้ ผลที่ตามมาคือ Intel อาจต้อง “หายไปจากสนามแข่งของ TSMC รุ่น N2 / A16” ไปอีก 2-3 ปี → เปิดช่องว่างให้ TSMC ครองตลาดแบบไร้คู่แข่งเลยก็ได้ แม้ Intel จะยังผลิตชิปภายในของตัวเองด้วย 18A เช่น Panther Lake, Diamond Rapids ฯลฯ แต่การถอนตัวจาก 18A ฝั่งโรงหล่อ ก็เหมือนกับยอมรับว่า… “เรายังไม่พร้อมให้คนอื่นใช้ของเราเป็นเวทีหลักได้ในตอนนี้” ✅ Intel อาจไม่เปิดใช้เทคโนโลยี 18A ให้กับลูกค้าโรงหล่อภายนอกอีกต่อไป   • เพราะดึงลูกค้าใหญ่ได้ไม่มาก   • มีค่าใช้จ่ายสูงในการสนับสนุน + รักษาโรงงาน ✅ จะโฟกัสไปที่เทคโนโลยี 14A แทน → เตรียมพร้อมสำหรับการผลิตในปี 2028   • เริ่มโปรโมตให้ลูกค้าภายนอกแล้ว   • ใช้ PowerDirect และ Turbo Cells — เทคโนโลยีขั้นกว่าของ PowerVia ✅ 18A ยังใช้กับผลิตภัณฑ์ภายในของ Intel เช่น Panther Lake, Jaguar Shores, Diamond Rapids   • แต่ไม่ดันออกตลาดให้ผู้อื่นใช้อีกต่อไป   • ลูกค้าภายนอกที่ยืนยันใช้ 18A มีแค่ Amazon, Microsoft, กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ✅ หากถอนตัวจากตลาด foundry รุ่น 18A → Intel จะไม่สามารถแข่งกับ TSMC รุ่น N2 / A16 ได้อีก 2–3 ปี ✅ TSMC ยังเหนือกว่าเรื่องความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์ แม้ 18A จะได้เปรียบเรื่อง Power Delivery ✅ Intel เตรียมหารือกับบอร์ดบริหารปลายปีนี้ เพื่อเคาะทิศทางสุดท้าย https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/intel-might-axe-the-18a-process-node-for-foundry-customers-essentially-leaving-tsmc-with-no-rival-intel-reportedly-to-focus-on-14a
    0 Comments 0 Shares 433 Views 0 Reviews
  • วิเคราะห์ ดีลภาษี ไทย-สหรัฐ? 03/07/68 #กะเทาะหุ้น #ภาษีทรัมป์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ

    https://www.youtube.com/shorts/jlanghY4t_I
    วิเคราะห์ ดีลภาษี ไทย-สหรัฐ? 03/07/68 #กะเทาะหุ้น #ภาษีทรัมป์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ https://www.youtube.com/shorts/jlanghY4t_I
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 566 Views 0 Reviews
  • The elegant blooming lotus.
    The elegant blooming lotus.
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • “บทเรียนฮาแบบเจ็บจริง” ของคนเล่น Virtual Machine (VM) — เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งเผลอกด “Eject” การ์ดจอออกจากระบบผ่าน Windows แบบไม่ตั้งใจ ทำให้ GPU หายไปจาก VM แถมใช้เวลาตั้งชั่วโมงกว่าจะกู้กลับมาได้!

    เรื่องมันเริ่มจากคุณ YnosNava บน Reddit ซึ่งกำลังทดลองใช้ PCIe passthrough บน VM ใน Proxmox เพื่อให้ VM (เช่น Windows) เข้าถึงการ์ดจอโดยตรง — เทคนิคนี้จะทำให้การรันเกมหรือแอปกราฟิกใน VM เร็วและลื่นขึ้นมาก

    แต่...เขาดันไปเห็นการ์ดจอแสดงอยู่ใน System Tray ของ Windows พร้อมปุ่ม “Eject NVIDIA GeForce…” แล้วด้วยความอยากรู้อยากลอง เขาก็กดเลยครับ! → ผลคือล็อก VM ไม่พอ การ์ดจอหาย! → Windows มองไม่เห็นแล้ว → ต้องลบ–เพิ่มอุปกรณ์ใหม่–รีบูตหลายรอบ–ลงไดรเวอร์ใหม่กว่าจะกลับมาได้

    เคสนี้เกิดจากระบบ PCIe passthrough ที่ให้ Windows มองเห็นอุปกรณ์แบบ “hot-pluggable” (ถอดออกได้ทันที) เหมือนแฟลชไดรฟ์ — แต่แน่นอนว่าการ์ดจอไม่ใช่อะไรที่จะถอดแล้วเสียบกลับได้ในพริบตา

    เหตุเกิดจาก Windows VM ที่ใช้ PCIe passthrough บน Proxmox  
    • การ์ดจอถูก passthrough ไปให้ Windows ใช้โดยตรง  
    • Windows แสดงอุปกรณ์ว่า “ถอดออกได้” ผ่าน System Tray

    ผู้ใช้กด “Eject GPU” ด้วยความอยากรู้ → การ์ดจอหายไปจาก VM  
    • Windows ไม่สามารถตรวจเจอ GPU ได้อีก  
    • ต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงแก้ไข โดย:   
    – ลบอุปกรณ์ GPU ออกจากการตั้งค่า VM   
    – รีสตาร์ต VM   
    – เพิ่ม GPU กลับเข้า VM   
    – รีสตาร์ตใหม่   
    – ลงไดรเวอร์ใหม่

    นี่เป็นพฤติกรรมปกติของ passthrough แบบ PCIe ที่อนุญาตให้ Windows ถอด GPU ได้  
    • ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า firmware/VM ว่าอนุญาตให้ hot-unplug หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/software/windows/hilariously-unfortunate-windows-user-ejects-graphics-card-immediately-regrets-it-curiosity-killed-the-vm-acceleration
    “บทเรียนฮาแบบเจ็บจริง” ของคนเล่น Virtual Machine (VM) — เมื่อผู้ใช้รายหนึ่งเผลอกด “Eject” การ์ดจอออกจากระบบผ่าน Windows แบบไม่ตั้งใจ ทำให้ GPU หายไปจาก VM แถมใช้เวลาตั้งชั่วโมงกว่าจะกู้กลับมาได้! 😅💻💥 เรื่องมันเริ่มจากคุณ YnosNava บน Reddit ซึ่งกำลังทดลองใช้ PCIe passthrough บน VM ใน Proxmox เพื่อให้ VM (เช่น Windows) เข้าถึงการ์ดจอโดยตรง — เทคนิคนี้จะทำให้การรันเกมหรือแอปกราฟิกใน VM เร็วและลื่นขึ้นมาก แต่...เขาดันไปเห็นการ์ดจอแสดงอยู่ใน System Tray ของ Windows พร้อมปุ่ม “Eject NVIDIA GeForce…” แล้วด้วยความอยากรู้อยากลอง เขาก็กดเลยครับ! → ผลคือล็อก VM ไม่พอ การ์ดจอหาย! → Windows มองไม่เห็นแล้ว → ต้องลบ–เพิ่มอุปกรณ์ใหม่–รีบูตหลายรอบ–ลงไดรเวอร์ใหม่กว่าจะกลับมาได้ เคสนี้เกิดจากระบบ PCIe passthrough ที่ให้ Windows มองเห็นอุปกรณ์แบบ “hot-pluggable” (ถอดออกได้ทันที) เหมือนแฟลชไดรฟ์ — แต่แน่นอนว่าการ์ดจอไม่ใช่อะไรที่จะถอดแล้วเสียบกลับได้ในพริบตา 😓 ✅ เหตุเกิดจาก Windows VM ที่ใช้ PCIe passthrough บน Proxmox   • การ์ดจอถูก passthrough ไปให้ Windows ใช้โดยตรง   • Windows แสดงอุปกรณ์ว่า “ถอดออกได้” ผ่าน System Tray ✅ ผู้ใช้กด “Eject GPU” ด้วยความอยากรู้ → การ์ดจอหายไปจาก VM   • Windows ไม่สามารถตรวจเจอ GPU ได้อีก   • ต้องใช้เวลา 1 ชั่วโมงแก้ไข โดย:    – ลบอุปกรณ์ GPU ออกจากการตั้งค่า VM    – รีสตาร์ต VM    – เพิ่ม GPU กลับเข้า VM    – รีสตาร์ตใหม่    – ลงไดรเวอร์ใหม่ ✅ นี่เป็นพฤติกรรมปกติของ passthrough แบบ PCIe ที่อนุญาตให้ Windows ถอด GPU ได้   • ขึ้นอยู่กับการตั้งค่า firmware/VM ว่าอนุญาตให้ hot-unplug หรือไม่ https://www.tomshardware.com/software/windows/hilariously-unfortunate-windows-user-ejects-graphics-card-immediately-regrets-it-curiosity-killed-the-vm-acceleration
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง!

    แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์

    และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า:
    - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029)
    - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง
    - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี!
    - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย

    ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง

    ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า  
    • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา  
    • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers)

    ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72  
    • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)  
    • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง

    ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:  
    • x86: $283.9B (โต 39.9%)  
    • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%)

    Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025  
    • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง

    ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029  
    • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI

    ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%)

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    ลองนึกภาพว่าในอดีต ตลาดเซิร์ฟเวอร์เต็มไปด้วย CPU x86 จาก Intel หรือ AMD เป็นหลัก แต่วันนี้เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — เพราะ AI ต้องการ "พลังประมวลผลแบบเฉพาะทาง" มากขึ้นเรื่อย ๆ → ทำให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ AI GPU + ชิป Arm พุ่งแรง โดยเฉพาะ Nvidia Grace + Blackwell (GB200) ที่อัด GPU ถึง 8 ตัวต่อเครื่อง! แค่เซิร์ฟเวอร์ตระกูลนี้เพียงกลุ่มเดียวก็กลายเป็น “ตัวจุดพลุ” ให้ยอดขายเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% เทียบปีต่อปี → แม้จะยังมีส่วนแบ่งแค่ 21.1% ของยอดส่งมอบเครื่องรวม แต่ก็เป็นก้าวกระโดดที่ใหญ่ที่สุดของ Arm ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ และมันยังไม่หยุดแค่นี้ — เพราะ IDC คาดว่า: - ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวมจะโตจาก $249B (2024) → $588B (2029) - โดยเซิร์ฟเวอร์ AI แบบ Accelerated จะกินส่วนแบ่งครึ่งหนึ่ง - และเซิร์ฟเวอร์ Arm จะโตจาก $32B → $103B ใน 5 ปี! - ในอนาคตยังมีโอกาสเห็นซีพียูจาก Qualcomm, Marvell, MediaTek หรือ Fujitsu ร่วมวงด้วย ส่วนผู้นำตลาดคืออเมริกา คิดเป็น 62% ของมูลค่าตลาดเซิร์ฟเวอร์ปี 2025 — เพราะเป็นศูนย์กลางการสร้าง AI Infrastructure พร้อมเทเงินลงในโครงการระดับ Stargate หรือ AGI อย่างต่อเนื่อง ✅ ตลาดเซิร์ฟเวอร์ไตรมาสแรกปี 2025 พุ่งถึง $95.2B — โตขึ้น 134% จากปีก่อนหน้า   • การเติบโตเร็วที่สุดที่เคยบันทึกมา   • ขับเคลื่อนโดยเซิร์ฟเวอร์ AI ที่มี GPU แบบเร่งความเร็ว (Accelerated Servers) ✅ ยอดจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ Arm โตขึ้น 70% YoY — ส่วนใหญ่เป็นของ Nvidia GB200 NVL72   • ใช้ซีพียู Grace + GPU Blackwell (B200)   • มี GPU 8 ตัวต่อเครื่อง ✅ ปี 2025 คาดการณ์ตลาดเซิร์ฟเวอร์รวม $366B แบ่งเป็น:   • x86: $283.9B (โต 39.9%)   • Non-x86 (รวม Arm): $82B (โต 63.7%) ✅ Arm คาดจะกิน 21.1% ของยอดเครื่องเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลกภายในสิ้นปี 2025   • แม้ยังห่างเป้าหมาย 50% แต่ถือเป็นการเติบโตที่มั่นคง ✅ ตลาด Arm-accelerated servers จะโตจาก $32B → $103B ในปี 2029   • ขับเคลื่อนด้วย AI แบบ reasoning model, LLM, AGI ✅ ตลาดใหญ่สุดคือสหรัฐฯ (โต 59.7%) > จีน (โต 39.5%) > ญี่ปุ่น (33.9%) https://www.tomshardware.com/desktops/servers/nvidias-arm-chips-rapidly-gain-share-in-server-market-as-ai-booms-nvidias-arm-powered-gb200-servers-surge-as-market-reaches-a-record-usd95-billion-in-the-first-quarter
    0 Comments 0 Shares 415 Views 0 Reviews
  • กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ"

    แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร)

    หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน

    ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย

    Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ

    แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที  
    • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ”
    • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act

    Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก  
    • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014  
    • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน

    แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ
    • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้

    ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:  
    • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย  
    • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ)

    Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน”

    https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    กล้องวงจรปิด (CCTV) เคยเป็นแค่เรื่องรักษาความปลอดภัย แต่วันนี้มันกลายเป็นเรื่องของ "ความมั่นคงระดับชาติ" แคนาดาเพิ่งสั่งให้ Hikvision — บริษัทยักษ์ใหญ่จากจีนที่เป็น ผู้ผลิตกล้องวงจรปิดอันดับ 1 ของโลก — หยุดดำเนินงานในประเทศ โดยระบุว่า “เป็นภัยต่อความมั่นคงของแคนาดา” (แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเพราะอะไร) หลายฝ่ายเชื่อว่าสาเหตุอาจมาจากความสัมพันธ์ของ Hikvision กับรัฐจีน ซึ่งมีข่าวว่า กล้องแบรนด์นี้ถูกใช้ในระบบตรวจจับ–ติดตามชาวอุยกูร์ในซินเจียง มาก่อน — และประเทศอย่างสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย ก็เคยแบนมาแล้วเช่นกัน ที่น่าสนใจคือ Canada ไม่ใช่แค่ห้ามซื้อใหม่ แต่ จะทยอยเลิกใช้กล้อง Hikvision ที่ติดตั้งอยู่แล้วในสถานที่ราชการ — และขอให้ประชาชน "ใช้วิจารณญาณ" ถ้าจะซื้ออุปกรณ์จากแบรนด์นี้ด้วย Hikvision เองก็ออกมาโต้ว่า "ไม่เป็นธรรม ขาดความโปร่งใส และดูเหมือนโดนเล่นงานเพราะเป็นบริษัทจากจีน" — ซึ่งก็สะท้อนว่าเทคโนโลยีบางอย่างกำลังถูกแปะป้าย “น่าเชื่อถือ/ไม่น่าเชื่อถือ” ด้วยเหตุผลทางภูมิรัฐศาสตร์มากกว่าเทคนิคจริง ๆ แล้วครับ ✅ แคนาดาสั่งให้ Hikvision หยุดดำเนินกิจการในประเทศทันที   • อ้างเหตุผลด้าน “ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ” • อิงตามกฎหมาย Investment Canada Act ✅ Hikvision คือผู้ผลิต CCTV รายใหญ่ที่สุดของโลก   • เข้ามาทำตลาดในแคนาดาตั้งแต่ปี 2014   • ถูกมองว่ามีความเชื่อมโยงกับโครงการรัฐจีน ✅ แคนาดาจะทยอยเลิกใช้ Hikvision ในอาคารราชการและภาครัฐ • พร้อมขอให้ประชาชน “พิจารณาอย่างรอบคอบ” หากจะใช้อุปกรณ์จากแบรนด์นี้ ✅ ประเทศอื่น ๆ เคยแบน Hikvision มาแล้ว เช่น:   • สหรัฐฯ, อังกฤษ, ออสเตรเลีย   • โดยเฉพาะจากข้อกล่าวหาว่าอุปกรณ์ถูกใช้สอดแนมชาวอุยกูร์ในจีน (ซึ่งจีนปฏิเสธ) ✅ Hikvision แถลงการณ์ว่า “การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เป็นธรรม และขาดหลักฐานชัดเจน” https://www.techradar.com/pro/is-the-worlds-largest-cctv-surveillance-camera-vendor-going-to-be-the-next-huawei-canada-gov-bans-hikvision-amidst-security-fears
    0 Comments 0 Shares 769 Views 0 Reviews
  • รู้ไหมครับว่า CUDA คืออะไร? มันคือแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI และการประมวลผลหนัก ๆ ที่ NVIDIA ผูกขาดไว้ — คนเขียนโปรแกรมด้วย CUDA จะใช้ได้แค่บนการ์ดจอของ NVIDIA เท่านั้น → ทำให้เกิดล็อกอิน (vendor lock-in) ขนาดใหญ่ในโลก AI

    แต่ ZLUDA ซึ่งเป็นโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส เคยมีความหวังว่าจะ "เป็นสะพานเชื่อม" ให้คนที่เขียนโค้ดด้วย CUDA อยู่แล้ว สามารถรันบน GPU ของ Intel หรือ AMD ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนโค้ด → ตอนแรก Intel สนับสนุน แต่ก็มือหลุด → AMD รับช่วงต่อได้ไม่นาน...ก็ถอนตัวเพราะ "ประเด็นทางกฎหมาย" → สุดท้าย ZLUDA ถูกหยุดพัฒนาไปชั่วคราว

    ล่าสุด! ZLUDA กลับมาอีกครั้ง พร้อมนักพัฒนา 2 คนที่กำลัง ผลักดันให้มันกลายเป็นระบบ multi-vendor เต็มตัว → ทำให้รันโค้ด CUDA ได้แม่นยำระดับ “bit-accurate” บน GPU แบรนด์อื่น → และเริ่มทดลองเพิ่มการรองรับ PhysX (ระบบฟิสิกส์ของ NVIDIA ด้วย)

    ZLUDA คือไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้รันโค้ด CUDA ได้บน GPU ที่ไม่ใช่ของ NVIDIA  
    • เดิมรองรับ Intel, AMD พยายามใช้แต่ถอนตัวไป  
    • ล่าสุดกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน “multi-vendor”

    ตอนนี้มีนักพัฒนา 2 คนประจำ กำลังเร่งพัฒนาให้เสถียรขึ้นอย่างต่อเนื่อง  
    • ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้น  
    • รองรับฟีเจอร์ใหม่ เช่น bit-accurate CUDA execution, การทดลองรองรับ PhysX

    เป้าหมายคือการ “ลดอำนาจผูกขาดของ CUDA” และทำให้ AI–HPC ยืดหยุ่นมากขึ้น

    ไม่มี timeline ชัดเจนว่าจะเปิดใช้งานจริงเมื่อไหร่  
    • แต่ชุมชนโอเพ่นซอร์สให้ความสนใจสูง

    https://wccftech.com/zluda-sees-major-progress-in-bringing-nvidia-cuda-code-to-other-gpus/
    รู้ไหมครับว่า CUDA คืออะไร? มันคือแพลตฟอร์มสำหรับพัฒนา AI และการประมวลผลหนัก ๆ ที่ NVIDIA ผูกขาดไว้ — คนเขียนโปรแกรมด้วย CUDA จะใช้ได้แค่บนการ์ดจอของ NVIDIA เท่านั้น → ทำให้เกิดล็อกอิน (vendor lock-in) ขนาดใหญ่ในโลก AI แต่ ZLUDA ซึ่งเป็นโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส เคยมีความหวังว่าจะ "เป็นสะพานเชื่อม" ให้คนที่เขียนโค้ดด้วย CUDA อยู่แล้ว สามารถรันบน GPU ของ Intel หรือ AMD ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนโค้ด → ตอนแรก Intel สนับสนุน แต่ก็มือหลุด → AMD รับช่วงต่อได้ไม่นาน...ก็ถอนตัวเพราะ "ประเด็นทางกฎหมาย" → สุดท้าย ZLUDA ถูกหยุดพัฒนาไปชั่วคราว ล่าสุด! ZLUDA กลับมาอีกครั้ง พร้อมนักพัฒนา 2 คนที่กำลัง ผลักดันให้มันกลายเป็นระบบ multi-vendor เต็มตัว → ทำให้รันโค้ด CUDA ได้แม่นยำระดับ “bit-accurate” บน GPU แบรนด์อื่น → และเริ่มทดลองเพิ่มการรองรับ PhysX (ระบบฟิสิกส์ของ NVIDIA ด้วย) ✅ ZLUDA คือไลบรารีโอเพ่นซอร์สที่ช่วยให้รันโค้ด CUDA ได้บน GPU ที่ไม่ใช่ของ NVIDIA   • เดิมรองรับ Intel, AMD พยายามใช้แต่ถอนตัวไป   • ล่าสุดกลับมาอีกครั้งในเวอร์ชัน “multi-vendor” ✅ ตอนนี้มีนักพัฒนา 2 คนประจำ กำลังเร่งพัฒนาให้เสถียรขึ้นอย่างต่อเนื่อง   • ทำให้การพัฒนาเร็วขึ้น   • รองรับฟีเจอร์ใหม่ เช่น bit-accurate CUDA execution, การทดลองรองรับ PhysX ✅ เป้าหมายคือการ “ลดอำนาจผูกขาดของ CUDA” และทำให้ AI–HPC ยืดหยุ่นมากขึ้น ✅ ไม่มี timeline ชัดเจนว่าจะเปิดใช้งานจริงเมื่อไหร่   • แต่ชุมชนโอเพ่นซอร์สให้ความสนใจสูง https://wccftech.com/zluda-sees-major-progress-in-bringing-nvidia-cuda-code-to-other-gpus/
    WCCFTECH.COM
    Open-Source Library ZLUDA Sees Major Progress in Bringing NVIDIA's CUDA Code to Other GPUs; Doubles Developer Count
    ZLUDA has made massive headlines in the past with their "code porting" library, and it looks like the developers are geared up once again.
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • ในหลวง พระราชทานพระราชดำรัส ครม.ใหม่ ทำหน้าที่ด้วยสุจริต เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/19992/
    ในหลวง พระราชทานพระราชดำรัส ครม.ใหม่ ทำหน้าที่ด้วยสุจริต เพื่อความเจริญมั่นคงของชาติ https://www.thai-tai.tv/news/19992/
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 Reviews
  • R.I.P. ดิโอโก โชต้า 03/07/68 #ดิโอโก้ โชต้า #ดาวยิงลิเวอร์พูล #วงการฟุตบอล #อุบัติเหตุทางรถยนต์

    https://www.youtube.com/shorts/Qhz4Cy2NSX4
    R.I.P. ดิโอโก โชต้า 03/07/68 #ดิโอโก้ โชต้า #ดาวยิงลิเวอร์พูล #วงการฟุตบอล #อุบัติเหตุทางรถยนต์ https://www.youtube.com/shorts/Qhz4Cy2NSX4
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 707 Views 0 Reviews
  • ไฟน้ำความเศร้า...สุขวิลัย
    ไม่มีรูปใดหนีพ้น พบ ผ่าน ตามวาระกรรมตน
    ไฟน้ำความเศร้า...สุขวิลัย ไม่มีรูปใดหนีพ้น พบ ผ่าน ตามวาระกรรมตน
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 0 Reviews
  • “ทนายวิญญัติ”เผยสืบพยานโจทก์คดี ม.112 ที่ "ทักษิณ" เป็นจำเลย เสร็จเเล้ว เตรียมสืบพยานจำเลยอีก 14 ปาก นัดปากแรก 16 ก.ค. ส่วนคดีศาลฎีกานักการเมืองไต่สวนข้อเท็จจริงชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระบุไม่หนักใจ เพราะนายทักษิณป่วย รับโทษจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062796

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ทนายวิญญัติ”เผยสืบพยานโจทก์คดี ม.112 ที่ "ทักษิณ" เป็นจำเลย เสร็จเเล้ว เตรียมสืบพยานจำเลยอีก 14 ปาก นัดปากแรก 16 ก.ค. ส่วนคดีศาลฎีกานักการเมืองไต่สวนข้อเท็จจริงชั้น 14 รพ.ตำรวจ ระบุไม่หนักใจ เพราะนายทักษิณป่วย รับโทษจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000062796 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 937 Views 0 Reviews
  • ผลักดันสร้างถนนบนเกาะกูด รองรับยุทธศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชา
    https://www.thai-tai.tv/news/19993/
    .
    #เกาะกูด #ตราด #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยุทธศาสตร์ #การท่องเที่ยว #วุฒิสภา #คมนาคม #อธิปไตย #ความมั่นคง
    ผลักดันสร้างถนนบนเกาะกูด รองรับยุทธศาสตร์ชายแดนไทย-กัมพูชา https://www.thai-tai.tv/news/19993/ . #เกาะกูด #ตราด #ชายแดนไทยกัมพูชา #ยุทธศาสตร์ #การท่องเที่ยว #วุฒิสภา #คมนาคม #อธิปไตย #ความมั่นคง
    0 Comments 0 Shares 267 Views 0 Reviews