• ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod”

    Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่

    Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า

    สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน

    แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์

    แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei
    Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์
    Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป
    รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads
    รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล

    การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล
    Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM
    Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว
    ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน
    Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng
    การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ
    SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว
    Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว

    https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    🧠 “Huawei เตรียมเปิดตัว Kunpeng 960 ซีพียู 256 คอร์ในปี 2028 — ท้าชน AMD และ Intel ด้วยพลังประมวลผลระดับ SuperPod” Huawei ประกาศแผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng รุ่นใหม่ในงาน Connect 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ โดยตั้งเป้าเปิดตัว Kunpeng 950 ในปี 2026 และ Kunpeng 960 ในปี 2028 ซึ่งจะมีรุ่นที่มีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด เพื่อรองรับงานด้าน virtualization, big data, container และฐานข้อมูลขนาดใหญ่ Kunpeng 950 จะมีสองรุ่น ได้แก่ รุ่น 96 คอร์ 192 เธรด และรุ่น 192 คอร์ 384 เธรด โดยจะถูกนำไปใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD ซึ่งรองรับได้ถึง 16 โหนด และหน่วยความจำรวม 48TB เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคการเงินที่ต้องการแทนที่ระบบ mainframe แบบเก่า สำหรับ Kunpeng 960 ซึ่งมีการอ้างถึงใน benchmark ล่าสุด จะมีรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพต่อคอร์สูงขึ้นกว่า 50% และรุ่น high-density ที่มี 256 คอร์ขึ้นไป โดยสามารถทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูล GaussDB และ MogDB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายงานว่าทำธุรกรรมได้ถึง 4.8 ล้านรายการต่อนาทีในระบบที่มี 768 การเชื่อมต่อพร้อมกัน แม้ Huawei จะระบุว่า Kunpeng 960 จะเปิดตัวในปี 2028 แต่การมี benchmark ที่ใช้งานจริงแล้วในบางระบบ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า Huawei อาจพัฒนาไปไกลกว่าที่ประกาศไว้ และอาจเปิดตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ ✅ แผนการพัฒนาซีพียู Kunpeng ของ Huawei ➡️ Kunpeng 950 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2026 มีรุ่น 96 และ 192 คอร์ ➡️ Kunpeng 960 จะเปิดตัวใน Q1 ปี 2028 มีรุ่น 256 คอร์ขึ้นไป ➡️ รุ่น high-density เหมาะสำหรับงาน virtualization, container, big data และ warehouse workloads ➡️ รุ่นที่เน้น single-core performance จะเพิ่มประสิทธิภาพกว่า 50% สำหรับ AI และฐานข้อมูล ✅ การใช้งานร่วมกับระบบ SuperPod และฐานข้อมูล ➡️ Kunpeng 950 จะใช้ใน TaiShan 950 SuperPoD รองรับ 16 โหนด และ 48TB RAM ➡️ Kunpeng 960 จะใช้ใน SuperPoD รุ่นใหม่ที่อาจมี accelerator ถึง 15,488 ตัว ➡️ ระบบสามารถแทนที่ Oracle Exadata และ mainframe แบบเดิมในภาคการเงิน ➡️ Benchmark จาก MogDB แสดงผลการทำงาน 4.8 ล้านธุรกรรมต่อนาทีในระบบ 256 คอร์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Huawei ใช้สถาปัตยกรรม Unix-Core แบบ dual-threaded ในซีพียู Kunpeng ➡️ การพัฒนา Kunpeng เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ➡️ SuperPod ของ Huawei มีเป้าหมายสร้างระบบคลัสเตอร์ที่มี accelerator รวมเกิน 1 ล้านตัว ➡️ Kunpeng 960 อาจใช้ชื่อเดียวกับผลิตภัณฑ์ในสาย Atlas และ Ascend ที่มีเลข 960 อยู่แล้ว https://www.techradar.com/pro/huawei-is-planning-a-256-core-cpu-monster-to-take-on-amds-epyc-and-intels-xeon-range-but-it-wont-land-till-2028-at-least-thats-the-official-line
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ”

    กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์

    เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว

    ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง

    ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา

    อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI
    พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่
    ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ
    ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี
    รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI

    การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย
    เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน
    เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
    การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI
    มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน
    การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ
    การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    🌾 “Stargate of China: เมื่อจีนเปลี่ยนผืนนาเป็นศูนย์กลาง AI — แผน 37 พันล้านดอลลาร์เพื่อท้าทายอำนาจคอมพิวต์ของสหรัฐฯ” กลางลุ่มแม่น้ำแยงซี บนเกาะขนาด 760 เอเคอร์ในเมืองอู่ฮู่ ประเทศจีน กำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ — จากพื้นที่ปลูกข้าว สู่ “Data Island” ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดมหึมา ภายใต้โครงการที่ถูกขนานนามว่า “Stargate of China” ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนกว่า 37 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายของโครงการนี้คือการรวมศูนย์พลังการประมวลผล AI ที่กระจัดกระจายทั่วประเทศให้เป็นเครือข่ายเดียว โดยใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์จากหลายภูมิภาคเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลแบบ “inference” ให้เร็วขึ้นสำหรับผู้ใช้งานในเมืองใหญ่ เช่น เซี่ยงไฮ้ หางโจว หนานจิง และซูโจว ในขณะที่สหรัฐฯ ครองสัดส่วนพลังคอมพิวต์ AI กว่า 75% ของโลก จีนมีเพียง 15% เท่านั้น การลงทุนครั้งนี้จึงเป็นการ “ไล่ตาม” ด้วยกลยุทธ์ที่เน้นการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การนำเซิร์ฟเวอร์ที่เคยถูกทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลกลับมาใช้งานใหม่ โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลในเมืองผ่านเครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูลในอู่ฮู่จะถูกใช้โดยบริษัทใหญ่ของจีน ได้แก่ Huawei, China Mobile, China Telecom และ China Unicom โดยรัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI เพื่อเร่งการพัฒนา อย่างไรก็ตาม จีนยังเผชิญกับข้อจำกัดจากการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทอย่าง Nvidia, TSMC และ Samsung ส่งมอบชิป AI ขั้นสูงให้กับลูกค้าจีน ทำให้จีนต้องพึ่งพาชิปภายในประเทศที่ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ และบางส่วนต้องพึ่งพาตลาดมืดในการจัดหา GPU ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ จีนลงทุน $37 พันล้านในโครงการ “Stargate of China” เพื่อรวมศูนย์พลังคอมพิวต์ AI ➡️ พื้นที่เกษตรในเมืองอู่ฮู่ถูกเปลี่ยนเป็น “Data Island” สำหรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ ➡️ ใช้เทคโนโลยี UB-Mesh ของ Huawei เชื่อมโยงเซิร์ฟเวอร์ทั่วประเทศ ➡️ ศูนย์ข้อมูลจะรองรับการประมวลผลแบบ inference สำหรับเมืองใหญ่ในลุ่มแม่น้ำแยงซี ➡️ รัฐบาลท้องถิ่นเสนอเงินอุดหนุนสูงถึง 30% สำหรับการจัดซื้อชิป AI ✅ การจัดการทรัพยากรและการขยายเครือข่าย ➡️ เซิร์ฟเวอร์ในพื้นที่ห่างไกล เช่น มองโกเลียใน กุ้ยโจว และกานซู่ จะถูกนำกลับมาใช้งาน ➡️ เครือข่ายใหม่จะช่วยลดปัญหาการใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ➡️ การกระจายศูนย์ข้อมูลใกล้เมืองใหญ่ช่วยลด latency และเพิ่มประสิทธิภาพ AI ➡️ มีการจัดตั้งศูนย์ข้อมูลใหม่ใน 15 แห่งทั่วเมืองอู่ฮู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ โครงการนี้ได้รับแรงบันดาลใจจาก “Stargate” ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่ากว่า $500 พันล้าน ➡️ การประมวลผลแบบ inference คือการตอบสนองของ AI เช่น chatbot หรือผู้ช่วยอัจฉริยะ ➡️ การรวมศูนย์ข้อมูลช่วยให้สามารถจัดการพลังงานและทรัพยากรได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ➡️ การลงทุนใน AI compute เป็นยุทธศาสตร์ระดับชาติของจีนเพื่อแข่งขันกับสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/china-is-converting-farmland-into-data-centers-as-part-of-usd37-billion-effort-to-centralize-ai-compute-power-project-dubbed-stargate-of-china
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • 55,ยึดอำนาจมา อำนาจเต็มมือ สั่ง ม.44แบบไหนก็ได้,ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีด้วยนะ.
    ..คิดในมุมบวกแบบบวกโคตรๆ 3ป.อาจคือผู้เสียสละร่วมกับโทนี่ก็ได้,เพื่อลากไส้เขมรและผู้สนับสนุนเขมรทั้งหมด ตลอดพวกจะล้มจะยึดจะทำลายประเทศไทยให้เปิดเผยออกมาทั้งหมด เพื่อเก็บกวาดครั้งเดียว จะบ่อนจะพื้นที่ดินแดนจะอะไรชั่วเลวสาระพัดที่กระทำต่อแผ่นดินไทยประเทศไทยคนเสียสละเหล่านี้รับบทเล่นเต็มที่ แม้คนทั้งชาติจะตราหน้าว่าขายชาติก็ตาม เพื่อล่อเหยื่อตัวพ่อตัวแม่ออกมาได้จริงๆ,ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ จนกระทั่งขายวิญญาณให้ซาตานก็ได้เพื่อแลกกับความไว้วางใจของซาตาน แต่บทสุดท้ายคือพลิก เป้าหมายคือเพื่อทำลายซาตานให้พินาศทั้งหมดทั้งเครือข่ายนั้นเอง,เสียสละตนเองเพื่อพิทักษ์คนหมู่มากหรือประเทศไทย,ต้องสร้างสตอรี่เรื่องราวให้มีเหตุต่อการจบของเรื่อง ซึ่งธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอนั้นเอง.,เรทไรเดอร์ประมาณนั้น,ลุง3ป.บวกโทนี่รับบทถูกคนแล้วและอาจวางแผนกันมานานตั้งแต่ร.9แล้วก็ด้วย,อาจอยู่ที่ต่างประเทศโน้น,โดยฝ่ายแสงช่วยสนับสนุนพิเศษ,และอาจเดินทางไปเห็นอนาคตด้วยยานข้ามเวลามาแล้ว,ที่ฝ่ายแสงพาไปเห็น,โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ
    ..ฝ่ายมืดแพ้สิ้นท่าแล้วก็ว่า,แค่ปลุกให้เราประชาชนมาตื่นรู้ค่าจริงแค่นั้น แบบตายจริง เจ็งจริงจึงกระตุ้นแรงขับเคลื่อนยากตื่นรู้ร่วมกันได้ เหมือนเราคนไทยสามัคคีร่วมใจกันปิดด่านเขมรจนกว่าจะเขมรหมดศักยภาพสิ้นฤทธิ์มาเป็นภัยอันตรายใดๆต่อประเทศไทยได้,โทนี่ที่ติดคุกก็เพื่อคุ้มครองชีวิตโทนี่ได้100%เท่านั้นแม้เป็นตัวปลอมก็ตามแต่,ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยจากคนที่จะทำร้ายดีที่สุด,ทั้งหมดถูกวางเนื้อเรื่องไว้หมดแล้วจากผู้สร้างหนังเรื่องไทยยึดภูมะเขือนี้.
    ..นี้คือมโนแบบเชิงบวกโคตรๆ พวกนี้คือฮีโร่ คนไทยรู้หรือยังว่า ..ไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าที่คนไทยเรารักกัน คนไทยเราสามัคคีกัน และช่วยเหลือกันและกันพึ่งพากันเองดีที่สุด,มิตรที่ดีที่สุดคือไทยเราเอง คือคนไทยทั้งประเทศเราเอง.,และสุดท้ายเรา..ประชาชนอาจร่วมกัน อภัยกันและกันในความผิดพลาดทั้งของตนเองและคนอื่น,เพื่อร่วมสร้างชาติไทยเราใหม่อีกครั้ง,ถอยแก่คนไทยเราเอง เพื่อก้าวไปอย่างรุ่งโรจน์ร่วมกันในยุคสมัยหน้า,ศัตรูที่แท้จริงมิใช่คนภายในชาติไทยเรา แต่คือคนหมายไม่ดีต่อประเทศไทยและคนไทยเรา ให้แตกแยกกัน จะทางศาสนา เชื้อชาติ และใดๆก็ตาม,การล้างกวาดล้างประเทศไทยที่ดีที่สุดคือล้างแบบให้อภัยกัน ทุกๆคนที่ทำผิดพลาดหวังได้รับการอภัยเพื่อกลับตัวกลับใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เคยทำผิดพลาดในอดีต,คนลักษณะนี้สมควรให้อภัยเมื่อสำนึกแล้วมาทำความดีเพื่อประเทศชาติร่วมกัน,แต่กับคนไม่สำนึก เราก็มิอาจให้อภัยได้ทางตายเท่านั้นคือสิ่งที่มันต้องได้รับเช่นกัน.,ชาติจึงจะเดินต่อไปได้,สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้คือสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นจะเคลียร์ตรงนี้ได้,คือคนระบบแบบราชการไทยทั้งหมด ต้องเห็นค่าการสำนึกนี้ ถวายสัตย์นั้นเอง กลับตัวกลับใจใหม่ ความชั่วใดๆในอดีตจะไม่คิดคำนวนกลับมาอีกแก่บรรดาข้าราชการไทยทั่วประเทศ จงกลับเนื้อกลับตัวกลับใจตั้งมั่นทำความดีเพื่อชาติคือประชาชนและเพื่อแผ่นดินอธิปไตยไทยที่เกิดอาศัยดำรงชีพและตายนี้,คนข้าราชการไทยเราจะเกิดใหม่ทันที,ความผิดใดๆคือเป็นศูนย์,อภัยโทษนั้นเอง,ต่อมาคือประชาชนคนไทย ความผิดใดๆโทษอภัยหมด,ตั้งต้นชีวิตใหม่ ,หากข้าราชการไทยคนใด พ่อค้าเจ้าสัวใดยังมีพฤติกรรมชั่วเลวเหมือนเดิม โทษอาญาหนักแน่นอน,อาจยึดทรัพย์ทั้งตระกูล,ประหารชีวิตพร้อม,ส่วย เถื่อนทหารนายพลใดยังรับไม่ซื่อคือตายสถานเดียว,อะไรไม่ถูกต้องทำให้ถูกต้อง,สุดท้ายคนไทยจะเป็นหัวโขนอะไรใดๆจะรักเข้าใจกันหมด,สามัคคีร่วมแรงใจลงใจกันทั่วประเทศ,เรา..ทั้งประเทศไทยประชาชนคนไทยจะเสมือนเม็ดทรายเป็นเม็ดหินหลายลูกรวมกองกันเป็นภูเขาเงินภูเขาทองภูเขาเพชรที่แข็วแกร่งกว่าใดๆมิปานแน่นอน ตั้งสง่าใหญ่โตองอาจประดับคู่เคียงข้างโลกอย่างอารยะธรรมใดๆเสมอเหมือนมิมีแน่นอนในยุคปัจจุบันนี้,ยุคคนเหนือมนุษย์รวมสาระพัดทุกๆศาสตราจักรวาลอาจมารวมไว้ที่ไทยเรานี้,จะล้ำๆต่างดาวยุคอารยะธรรมใดๆก็ตามThe godsใดๆที่ผ่านมาเหยียบโลกนี้มากมายเพียงใดก็ตาม,สนามหลวงแห่งกายเนื้อนี้คนไทยเราตีแตกหมดนั้นเอง,จะโคตรสุดยอดอัจฉริยะขนาดไหนอีก,บรรลุธรรมจักรวาลเป็นว่าเล่นนั้นเอง,โดยต่างดาวใดๆที่มาเยือนมายึดครองโลกมากมายหลายล้านล้านปีก็ยังกระทำไม่ได้เช่นคนไทยเราทำได้นับจากยุคนี้ร.10เราเป็นต้นไปนั้นเอง.,
    อภัยหนี้ อภัยโทษ จึงคือจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อยจิตวิญญาณ.
    https://youtube.com/shorts/laYhDaCK47s?si=k-m4UrsIFSNUBfd1
    55,ยึดอำนาจมา อำนาจเต็มมือ สั่ง ม.44แบบไหนก็ได้,ยุทธศาสตร์ชาติ20ปีด้วยนะ. ..คิดในมุมบวกแบบบวกโคตรๆ 3ป.อาจคือผู้เสียสละร่วมกับโทนี่ก็ได้,เพื่อลากไส้เขมรและผู้สนับสนุนเขมรทั้งหมด ตลอดพวกจะล้มจะยึดจะทำลายประเทศไทยให้เปิดเผยออกมาทั้งหมด เพื่อเก็บกวาดครั้งเดียว จะบ่อนจะพื้นที่ดินแดนจะอะไรชั่วเลวสาระพัดที่กระทำต่อแผ่นดินไทยประเทศไทยคนเสียสละเหล่านี้รับบทเล่นเต็มที่ แม้คนทั้งชาติจะตราหน้าว่าขายชาติก็ตาม เพื่อล่อเหยื่อตัวพ่อตัวแม่ออกมาได้จริงๆ,ไม่เข้าถ้ำเสือ ก็ไม่ได้ลูกเสือ จนกระทั่งขายวิญญาณให้ซาตานก็ได้เพื่อแลกกับความไว้วางใจของซาตาน แต่บทสุดท้ายคือพลิก เป้าหมายคือเพื่อทำลายซาตานให้พินาศทั้งหมดทั้งเครือข่ายนั้นเอง,เสียสละตนเองเพื่อพิทักษ์คนหมู่มากหรือประเทศไทย,ต้องสร้างสตอรี่เรื่องราวให้มีเหตุต่อการจบของเรื่อง ซึ่งธรรมะย่อมชนะอธรรมเสมอนั้นเอง.,เรทไรเดอร์ประมาณนั้น,ลุง3ป.บวกโทนี่รับบทถูกคนแล้วและอาจวางแผนกันมานานตั้งแต่ร.9แล้วก็ด้วย,อาจอยู่ที่ต่างประเทศโน้น,โดยฝ่ายแสงช่วยสนับสนุนพิเศษ,และอาจเดินทางไปเห็นอนาคตด้วยยานข้ามเวลามาแล้ว,ที่ฝ่ายแสงพาไปเห็น,โลกนี้มีอะไรที่เราไม่รู้อีกเยอะ ..ฝ่ายมืดแพ้สิ้นท่าแล้วก็ว่า,แค่ปลุกให้เราประชาชนมาตื่นรู้ค่าจริงแค่นั้น แบบตายจริง เจ็งจริงจึงกระตุ้นแรงขับเคลื่อนยากตื่นรู้ร่วมกันได้ เหมือนเราคนไทยสามัคคีร่วมใจกันปิดด่านเขมรจนกว่าจะเขมรหมดศักยภาพสิ้นฤทธิ์มาเป็นภัยอันตรายใดๆต่อประเทศไทยได้,โทนี่ที่ติดคุกก็เพื่อคุ้มครองชีวิตโทนี่ได้100%เท่านั้นแม้เป็นตัวปลอมก็ตามแต่,ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยจากคนที่จะทำร้ายดีที่สุด,ทั้งหมดถูกวางเนื้อเรื่องไว้หมดแล้วจากผู้สร้างหนังเรื่องไทยยึดภูมะเขือนี้. ..นี้คือมโนแบบเชิงบวกโคตรๆ พวกนี้คือฮีโร่ คนไทยรู้หรือยังว่า ..ไม่มีอะไรจะสุดยอดไปกว่าที่คนไทยเรารักกัน คนไทยเราสามัคคีกัน และช่วยเหลือกันและกันพึ่งพากันเองดีที่สุด,มิตรที่ดีที่สุดคือไทยเราเอง คือคนไทยทั้งประเทศเราเอง.,และสุดท้ายเรา..ประชาชนอาจร่วมกัน อภัยกันและกันในความผิดพลาดทั้งของตนเองและคนอื่น,เพื่อร่วมสร้างชาติไทยเราใหม่อีกครั้ง,ถอยแก่คนไทยเราเอง เพื่อก้าวไปอย่างรุ่งโรจน์ร่วมกันในยุคสมัยหน้า,ศัตรูที่แท้จริงมิใช่คนภายในชาติไทยเรา แต่คือคนหมายไม่ดีต่อประเทศไทยและคนไทยเรา ให้แตกแยกกัน จะทางศาสนา เชื้อชาติ และใดๆก็ตาม,การล้างกวาดล้างประเทศไทยที่ดีที่สุดคือล้างแบบให้อภัยกัน ทุกๆคนที่ทำผิดพลาดหวังได้รับการอภัยเพื่อกลับตัวกลับใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เคยทำผิดพลาดในอดีต,คนลักษณะนี้สมควรให้อภัยเมื่อสำนึกแล้วมาทำความดีเพื่อประเทศชาติร่วมกัน,แต่กับคนไม่สำนึก เราก็มิอาจให้อภัยได้ทางตายเท่านั้นคือสิ่งที่มันต้องได้รับเช่นกัน.,ชาติจึงจะเดินต่อไปได้,สิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้คือสถาบันกษัตริย์เราเท่านั้นจะเคลียร์ตรงนี้ได้,คือคนระบบแบบราชการไทยทั้งหมด ต้องเห็นค่าการสำนึกนี้ ถวายสัตย์นั้นเอง กลับตัวกลับใจใหม่ ความชั่วใดๆในอดีตจะไม่คิดคำนวนกลับมาอีกแก่บรรดาข้าราชการไทยทั่วประเทศ จงกลับเนื้อกลับตัวกลับใจตั้งมั่นทำความดีเพื่อชาติคือประชาชนและเพื่อแผ่นดินอธิปไตยไทยที่เกิดอาศัยดำรงชีพและตายนี้,คนข้าราชการไทยเราจะเกิดใหม่ทันที,ความผิดใดๆคือเป็นศูนย์,อภัยโทษนั้นเอง,ต่อมาคือประชาชนคนไทย ความผิดใดๆโทษอภัยหมด,ตั้งต้นชีวิตใหม่ ,หากข้าราชการไทยคนใด พ่อค้าเจ้าสัวใดยังมีพฤติกรรมชั่วเลวเหมือนเดิม โทษอาญาหนักแน่นอน,อาจยึดทรัพย์ทั้งตระกูล,ประหารชีวิตพร้อม,ส่วย เถื่อนทหารนายพลใดยังรับไม่ซื่อคือตายสถานเดียว,อะไรไม่ถูกต้องทำให้ถูกต้อง,สุดท้ายคนไทยจะเป็นหัวโขนอะไรใดๆจะรักเข้าใจกันหมด,สามัคคีร่วมแรงใจลงใจกันทั่วประเทศ,เรา..ทั้งประเทศไทยประชาชนคนไทยจะเสมือนเม็ดทรายเป็นเม็ดหินหลายลูกรวมกองกันเป็นภูเขาเงินภูเขาทองภูเขาเพชรที่แข็วแกร่งกว่าใดๆมิปานแน่นอน ตั้งสง่าใหญ่โตองอาจประดับคู่เคียงข้างโลกอย่างอารยะธรรมใดๆเสมอเหมือนมิมีแน่นอนในยุคปัจจุบันนี้,ยุคคนเหนือมนุษย์รวมสาระพัดทุกๆศาสตราจักรวาลอาจมารวมไว้ที่ไทยเรานี้,จะล้ำๆต่างดาวยุคอารยะธรรมใดๆก็ตามThe godsใดๆที่ผ่านมาเหยียบโลกนี้มากมายเพียงใดก็ตาม,สนามหลวงแห่งกายเนื้อนี้คนไทยเราตีแตกหมดนั้นเอง,จะโคตรสุดยอดอัจฉริยะขนาดไหนอีก,บรรลุธรรมจักรวาลเป็นว่าเล่นนั้นเอง,โดยต่างดาวใดๆที่มาเยือนมายึดครองโลกมากมายหลายล้านล้านปีก็ยังกระทำไม่ได้เช่นคนไทยเราทำได้นับจากยุคนี้ร.10เราเป็นต้นไปนั้นเอง., อภัยหนี้ อภัยโทษ จึงคือจุดเริ่มต้นของการปลดปล่อยจิตวิญญาณ. https://youtube.com/shorts/laYhDaCK47s?si=k-m4UrsIFSNUBfd1
    0 Comments 0 Shares 106 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    บทส่งท้าย

    วิกฤติ Ukraine ไม่ใช่มาจากเรื่อง ว่าชาวยูเครนต้องการอย่างไร กับประเทศของตัวเอง ชาวยูเครนไม่มีสิทธิในการตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขา ของลูกหลานเขา พวกเขากำลังอยู่ในกลางกระดาน ของเกมหมากรุกชิงโลก อยู่ในกำมือของพวกที่คิดว่า (จะ) เป็นเจ้าของโลกใบนี้

    อังกฤษฝันค้าง เรื่อง ยูเรเซียมากว่า 100 ปี ไม่นานจากนั้น อเมริกาก็ติดเชื้อ เริ่มนอนฝันค้างตาม นับจริงๆ ก็เกือบ 100 ปีเหมือนกัน มันฝันยาวกัน ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ลืม ไม่เลือน แบบนี้ มันคงไม่ใช่ฝันล้มๆแล้งๆเป็นแน่ พวกเขาทำทุกอย่างให้ความฝันเป็นจริง เพราะ “ยูเรเซีย” เป็นที่หมายสำคัญ ที่จะทำให้อเมริกา เป็น จักรวรรดิอเมริกาที่แท้จริง และอาณาจักรของจักรวรรดิอเมริกา คือ ทุกบริเวณ ทุกตารางนิ้ว ทุกอณู บนโลกนี้ รวมไปทั้งใต้ดิน บนดิน เหนือดิน กลางเมฆ บนฟ้า ยาวไกลไปถึง อวกาศ ทางธรรมชาติ ทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ

    ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น อมริกาถึงกับให้คำจำกัดความ บริเวณอาณาจักรในฝันของตัว ว่า Full Spectrum Dominence ซึ่งระบุไว้ในนโยบายของ Pentagon ต้ังแต่ปี คศ 2000 ว่า ภายในปี คศ 2020 อเมริกา จะเป็นผู้ครองโลกโดยสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ ด้วยกำลังทางทหาร และอาวุธ

    อเมริกา ต้ังเข็มทิศแนวแน่ ไม่มีเปลี่ยนองศา ไม่เปลี่ยนแม้แต่ลิบดาเดียว ระหว่างการเดินหน้าตามเข็มทิศเพื่อครองโลก ใครเกะกะ ขวางทาง รกหู รกตา อเมริกาจัดการเรียบ
    Ukraine จะเป็นหนังตัวอย่าง ที่เราไม่ดูไม่ได้ อเมริกาและพวก จะจัดการ กับ Ukraine อย่างไร และรัสเซีย กับ พวก จะแก้เกมอย่างไร เป็น “ฉากตัวอย่าง” ที่เราจะได้เห็นว่า โลกใบนี้ ที่สุดแล้ว ฝ่ายใดจะครอง และ หน้าตาของโลก หลังการมหาสัประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร

    หลังจากการเลือกต้ังประธานาธิบดีที่ Ukraine เมื่อเดือน พฤษภาคมเสร็จสิ้น ได้ ราชา
    ช๊อกโกแลต ที่มีข่าวว่าเป็นหุ่นเชิดของอเมริกา มาเป็นประธานาธิบดี ดูเหมือนจังหวะนี้
    จะเป็นเกมรุกของอเมริกา เพื่อที่จะสกัดรัสเซีย ให้พ้นไปจาก Ukraine พร้อมทั้งปิดท่อแก๊สจากรัสเซีย ที่ Ukriane ที่จะส่งต่อออกไปสู่ยุโรป ให้จบสิ้นไปพร้อมกัน

    รัสเซียน่าจะเดาทาง วิธีเดินเกมของอเมริกาออก

    รัสเซียรีบส่งหนังสือ ถึงราชาช๊อกโกแลต ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ขอโทษ ไม่ใช่เป็นหนังสือแสดงความยินดี แต่เป็น หนังสือทวงหนี้ค่าแก๊ส ที่ Ukraine ค้างชำระค่าแก๊ส ประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ หนี้เก่าก็ยังไม่ใช้ แก๊ส งวดใหม่ต้ังแต่งวดมิถุนายน เป็นต้นไป โปรดจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมทั่งขุ่ว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ จะหยุดการส่งแก๊สให้ Ukraine และขณะนี้รัสเซียก็ได้ระงับการส่งแก๊สให้ Ukraine ไปเรียบร้อยแล้ว

    หลังจากนั้น ก็มีข่าว ทยอยออกมาจากสื่อฝั่งรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาว่า Gazprom ได้ ทำสัญญา กับลูกค้าทางยุโรป เพื่อที่จะเปลี่ยนการชำระค่าซื้อขาย จาก
    ดอลล่าร์เป็น ยูโร บวกกับ เรื่องที่รัสเซีย เซ็นสัญญา ขายแก็ส กับจีน เป็นจำนวน 4 แสนล้านเหรียญ

    ในการซื้อขายครั้งนี้ รัสเซีย กับจีน ยังตกลงกันอีกว่า จะจ่ายเป็นเงิน รูเบิล หรือ เงิน หยวน ก็ได้ แค่นี้มันยังคงเย้ยอเมริกาไม่พ อ เพื่อนรักจึงตกลงแถมท้าย อีกว่า ต่อไปนี้ เวลาเรา ค้าขายกันนะ เราอย่าไปเอากระดาษเขียวๆ มาจ่ายกันเลย เราใช้เงินบ้านเราจ่ายกันเองก็แล้วกัน
    การเดินหมากทางการเงิน ของคุณพี่ปูติน กับ อาเฮีย เพื่อนรัก คราวนี้ นับว่า นับเป็นการเดินหมาก ที่ท้าทายอเมริกาอย่างยิ่ง เแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการส่งสัญญาน จาก คุณ พี่ปูติน (และอาเฮีย) ว่า (ฝ่าย) เราพร้อมแล้ว อเมริกาจะเอายังไงก็ว่ามา

    นับจากวันส่งสัญญาน ทั้งคลื่นสั้น คลื่นยาวของรัสเซีย อเมริกาทำตัวเหมือนเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ ไม่มีเสียง ไม่มีอาการ แสดงใดๆ ส่งออกมาจากวอชิงตัน

    การขยับหมากจังหวะต่อไปของอเมริกา จึงน่าสนใจยิ่ง

    อเมริกา อาจจะทำเป็นไม่สนใจหมากการเงิน เชิญใช้ รูเบิล ใช้หยวน กันไปเอง โลกฝั่งตะวันตก ของผู้เจริญ เขารับแต่กระดาษเขียว กับ เงินยูโร เงินปอนด์เท่านั้น จะปิดท่อแก๊ส Ukriane ก็ปิดไป ทางวอชิงตันยังมีใช้อยู่ ดีเสียอีก บทผู้ร้ายที่อยากให้รัสเซียเล่น โลกจะได้เห็นชัดๆ

    แต่เชื่อเถิด อเมริกาทนถูกหยามหน้าแบบนี้ไม่ได้นานหรอก อเมริกาต้องขยับ เพิ่มมาตรการแซงชั่น รัสเซีย และอื่นๆ

    อื่นๆ เช่นอะไร เหตุเกิดที่ Ukraine ก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นการเดินหมาก ของกระดานชิงโลก หมากตัวที่จะต้องถูกนำมาเล่นในกระดานต่อไป น่าจะไม่แคล้วบริเวณ อิหร่าน ซีเรีย และอาจจะซ้ำรอยที่อียิปต์อีกรอบ รวมทั้ง ตุรกี (ขึ้นอยู่กับตุรกี จะยังเป็นนก 2 หัว หรือตัดสินใจจะเหลือหัวเดียว ก่อนไม่มีหัวเหลือ !) ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ เรื่อง Ukraine!

    ขณะนี้ อเมริกาเดินหมาก ตัวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวด้วยเช่นเดียวกัน โดยใช้นักรบยี่ห้อ ISIS เป็นตัวนำร่องล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อกลับเข้าไปใน อิรัก (แม้ข่าวในสื่อดังต่างๆ จะรายงานว่า เป็นต่อสู้ต่างนิกายของอิสลาม แต่มันเป็นข่าวย้อม อย่างเคยๆ) เป็นการเเปิดทาง ไปหาเป้าหมายที่แท้จริง

    ถ้า อืหร่าน จับมือกับรัสเซีย และจีน อย่าลืม อเมริกากล่าวหาว่า อิหร่าน สร้าง และสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จริง และหันหัวให้ถูกองศา ตรงเป้าที่อเมริกาห่วงนักหนา อเมริกา คงหัวหมุน หน้ามืด มืดขนาดไหน ไม่อยากคิดต่อ

    ถ้าเหตุการณ์พัฒนา มาในทิศทางน้ันจริง สมันน้อยก็ระวังไว้เถิด เพราะ อเมริกา ต้องเคลื่อนกองทัพเรือที่ 5 หรือที่ 7 ที่กระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อมากัน หรือมายัน ไม่ให้จีน ขยับไปจับมือกับรัสเซียและอิหร่าน ให้แน่นขึ้น ตามสัญญารวมกันเราอยู่

    กองทัพเรืออเมริกัน ซึ่งต้องพ่วงฝูงบินมาด้วย ลอยเท้งเต้งในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้นาน ต้องแวะเติมเชื้อเพลิง และเครื่องบำรุงกำลังพล
    ฐานทัพ ที่กองทัพเรืออเมริกา จะแวะใช้บริการ ที่เหมาะเจาะ ครบถ้วนทั้ง ทางยุทธศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ อุปกรณ์บริการต่างๆ ในแถบนี้ ก็มีอยู่ที่ ไทยแลนด์ แดนสมันน้อยเท่าน้ันเอง ที่อื่นมีแต่ราคาคุย มีไม่ครบสักราย

    และโปรดอย่าลืมดู สภาพแต่ละประเทศ ที่อยู่รอบบริเวณ ที่อเมริกา “เล่น” กระดานหมากล้อม กับรัสเซีย และ จีน ไล่มา ต้ังแต่ อาฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัค อียิปต์ ตุรกี ซีเรีย อาร์เมเนีย จอร์เจีย บุลเกเรีย
    รวมไปถึง ตูนีเซีย มาลี ลิเบีย ชาด ซุดาน และโซมาเลีย ถ้าไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักล่า หรือยอมเป็นหุ่นเชิดประเทศก็เกือบจะไม่เหลือให้เห็น

    คงพอมองเห็นกันแล้วนะครับ ว่า ผมเล่าเรื่อง หักหน้า หักหลัง เกี่ยวกับ Ukraine เสียยาวเหยียดทำไม

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    2 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” บทส่งท้าย วิกฤติ Ukraine ไม่ใช่มาจากเรื่อง ว่าชาวยูเครนต้องการอย่างไร กับประเทศของตัวเอง ชาวยูเครนไม่มีสิทธิในการตัดสินชะตาชีวิตของพวกเขา ของลูกหลานเขา พวกเขากำลังอยู่ในกลางกระดาน ของเกมหมากรุกชิงโลก อยู่ในกำมือของพวกที่คิดว่า (จะ) เป็นเจ้าของโลกใบนี้ อังกฤษฝันค้าง เรื่อง ยูเรเซียมากว่า 100 ปี ไม่นานจากนั้น อเมริกาก็ติดเชื้อ เริ่มนอนฝันค้างตาม นับจริงๆ ก็เกือบ 100 ปีเหมือนกัน มันฝันยาวกัน ทั้งกลางวันกลางคืน ไม่ลืม ไม่เลือน แบบนี้ มันคงไม่ใช่ฝันล้มๆแล้งๆเป็นแน่ พวกเขาทำทุกอย่างให้ความฝันเป็นจริง เพราะ “ยูเรเซีย” เป็นที่หมายสำคัญ ที่จะทำให้อเมริกา เป็น จักรวรรดิอเมริกาที่แท้จริง และอาณาจักรของจักรวรรดิอเมริกา คือ ทุกบริเวณ ทุกตารางนิ้ว ทุกอณู บนโลกนี้ รวมไปทั้งใต้ดิน บนดิน เหนือดิน กลางเมฆ บนฟ้า ยาวไกลไปถึง อวกาศ ทางธรรมชาติ ทางวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ไม่ใช่เรื่องพูดเล่น อมริกาถึงกับให้คำจำกัดความ บริเวณอาณาจักรในฝันของตัว ว่า Full Spectrum Dominence ซึ่งระบุไว้ในนโยบายของ Pentagon ต้ังแต่ปี คศ 2000 ว่า ภายในปี คศ 2020 อเมริกา จะเป็นผู้ครองโลกโดยสมบูรณ์เบ็ดเสร็จ ด้วยกำลังทางทหาร และอาวุธ อเมริกา ต้ังเข็มทิศแนวแน่ ไม่มีเปลี่ยนองศา ไม่เปลี่ยนแม้แต่ลิบดาเดียว ระหว่างการเดินหน้าตามเข็มทิศเพื่อครองโลก ใครเกะกะ ขวางทาง รกหู รกตา อเมริกาจัดการเรียบ Ukraine จะเป็นหนังตัวอย่าง ที่เราไม่ดูไม่ได้ อเมริกาและพวก จะจัดการ กับ Ukraine อย่างไร และรัสเซีย กับ พวก จะแก้เกมอย่างไร เป็น “ฉากตัวอย่าง” ที่เราจะได้เห็นว่า โลกใบนี้ ที่สุดแล้ว ฝ่ายใดจะครอง และ หน้าตาของโลก หลังการมหาสัประยุทธ์ จะเป็นอย่างไร หลังจากการเลือกต้ังประธานาธิบดีที่ Ukraine เมื่อเดือน พฤษภาคมเสร็จสิ้น ได้ ราชา ช๊อกโกแลต ที่มีข่าวว่าเป็นหุ่นเชิดของอเมริกา มาเป็นประธานาธิบดี ดูเหมือนจังหวะนี้ จะเป็นเกมรุกของอเมริกา เพื่อที่จะสกัดรัสเซีย ให้พ้นไปจาก Ukraine พร้อมทั้งปิดท่อแก๊สจากรัสเซีย ที่ Ukriane ที่จะส่งต่อออกไปสู่ยุโรป ให้จบสิ้นไปพร้อมกัน รัสเซียน่าจะเดาทาง วิธีเดินเกมของอเมริกาออก รัสเซียรีบส่งหนังสือ ถึงราชาช๊อกโกแลต ทันทีที่ได้รับตำแหน่ง ขอโทษ ไม่ใช่เป็นหนังสือแสดงความยินดี แต่เป็น หนังสือทวงหนี้ค่าแก๊ส ที่ Ukraine ค้างชำระค่าแก๊ส ประมาณ 3.5 พันล้านเหรียญ หนี้เก่าก็ยังไม่ใช้ แก๊ส งวดใหม่ต้ังแต่งวดมิถุนายน เป็นต้นไป โปรดจ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง พร้อมทั่งขุ่ว่า ถ้าตกลงกันไม่ได้ จะหยุดการส่งแก๊สให้ Ukraine และขณะนี้รัสเซียก็ได้ระงับการส่งแก๊สให้ Ukraine ไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้น ก็มีข่าว ทยอยออกมาจากสื่อฝั่งรัสเซีย เมื่อเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาว่า Gazprom ได้ ทำสัญญา กับลูกค้าทางยุโรป เพื่อที่จะเปลี่ยนการชำระค่าซื้อขาย จาก ดอลล่าร์เป็น ยูโร บวกกับ เรื่องที่รัสเซีย เซ็นสัญญา ขายแก็ส กับจีน เป็นจำนวน 4 แสนล้านเหรียญ ในการซื้อขายครั้งนี้ รัสเซีย กับจีน ยังตกลงกันอีกว่า จะจ่ายเป็นเงิน รูเบิล หรือ เงิน หยวน ก็ได้ แค่นี้มันยังคงเย้ยอเมริกาไม่พ อ เพื่อนรักจึงตกลงแถมท้าย อีกว่า ต่อไปนี้ เวลาเรา ค้าขายกันนะ เราอย่าไปเอากระดาษเขียวๆ มาจ่ายกันเลย เราใช้เงินบ้านเราจ่ายกันเองก็แล้วกัน การเดินหมากทางการเงิน ของคุณพี่ปูติน กับ อาเฮีย เพื่อนรัก คราวนี้ นับว่า นับเป็นการเดินหมาก ที่ท้าทายอเมริกาอย่างยิ่ง เแปลเป็นอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการส่งสัญญาน จาก คุณ พี่ปูติน (และอาเฮีย) ว่า (ฝ่าย) เราพร้อมแล้ว อเมริกาจะเอายังไงก็ว่ามา นับจากวันส่งสัญญาน ทั้งคลื่นสั้น คลื่นยาวของรัสเซีย อเมริกาทำตัวเหมือนเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ ไม่มีเสียง ไม่มีอาการ แสดงใดๆ ส่งออกมาจากวอชิงตัน การขยับหมากจังหวะต่อไปของอเมริกา จึงน่าสนใจยิ่ง อเมริกา อาจจะทำเป็นไม่สนใจหมากการเงิน เชิญใช้ รูเบิล ใช้หยวน กันไปเอง โลกฝั่งตะวันตก ของผู้เจริญ เขารับแต่กระดาษเขียว กับ เงินยูโร เงินปอนด์เท่านั้น จะปิดท่อแก๊ส Ukriane ก็ปิดไป ทางวอชิงตันยังมีใช้อยู่ ดีเสียอีก บทผู้ร้ายที่อยากให้รัสเซียเล่น โลกจะได้เห็นชัดๆ แต่เชื่อเถิด อเมริกาทนถูกหยามหน้าแบบนี้ไม่ได้นานหรอก อเมริกาต้องขยับ เพิ่มมาตรการแซงชั่น รัสเซีย และอื่นๆ อื่นๆ เช่นอะไร เหตุเกิดที่ Ukraine ก็จริงอยู่ แต่เนื่องจากมันเป็นการเดินหมาก ของกระดานชิงโลก หมากตัวที่จะต้องถูกนำมาเล่นในกระดานต่อไป น่าจะไม่แคล้วบริเวณ อิหร่าน ซีเรีย และอาจจะซ้ำรอยที่อียิปต์อีกรอบ รวมทั้ง ตุรกี (ขึ้นอยู่กับตุรกี จะยังเป็นนก 2 หัว หรือตัดสินใจจะเหลือหัวเดียว ก่อนไม่มีหัวเหลือ !) ซึ่งดูเผินๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกับ เรื่อง Ukraine! ขณะนี้ อเมริกาเดินหมาก ตัวที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวด้วยเช่นเดียวกัน โดยใช้นักรบยี่ห้อ ISIS เป็นตัวนำร่องล่วงหน้าไปแล้ว เพื่อกลับเข้าไปใน อิรัก (แม้ข่าวในสื่อดังต่างๆ จะรายงานว่า เป็นต่อสู้ต่างนิกายของอิสลาม แต่มันเป็นข่าวย้อม อย่างเคยๆ) เป็นการเเปิดทาง ไปหาเป้าหมายที่แท้จริง ถ้า อืหร่าน จับมือกับรัสเซีย และจีน อย่าลืม อเมริกากล่าวหาว่า อิหร่าน สร้าง และสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ถ้าอิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์จริง และหันหัวให้ถูกองศา ตรงเป้าที่อเมริกาห่วงนักหนา อเมริกา คงหัวหมุน หน้ามืด มืดขนาดไหน ไม่อยากคิดต่อ ถ้าเหตุการณ์พัฒนา มาในทิศทางน้ันจริง สมันน้อยก็ระวังไว้เถิด เพราะ อเมริกา ต้องเคลื่อนกองทัพเรือที่ 5 หรือที่ 7 ที่กระจายอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เพื่อมากัน หรือมายัน ไม่ให้จีน ขยับไปจับมือกับรัสเซียและอิหร่าน ให้แน่นขึ้น ตามสัญญารวมกันเราอยู่ กองทัพเรืออเมริกัน ซึ่งต้องพ่วงฝูงบินมาด้วย ลอยเท้งเต้งในมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้นาน ต้องแวะเติมเชื้อเพลิง และเครื่องบำรุงกำลังพล ฐานทัพ ที่กองทัพเรืออเมริกา จะแวะใช้บริการ ที่เหมาะเจาะ ครบถ้วนทั้ง ทางยุทธศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ อุปกรณ์บริการต่างๆ ในแถบนี้ ก็มีอยู่ที่ ไทยแลนด์ แดนสมันน้อยเท่าน้ันเอง ที่อื่นมีแต่ราคาคุย มีไม่ครบสักราย และโปรดอย่าลืมดู สภาพแต่ละประเทศ ที่อยู่รอบบริเวณ ที่อเมริกา “เล่น” กระดานหมากล้อม กับรัสเซีย และ จีน ไล่มา ต้ังแต่ อาฟกานิสถาน อิหร่าน อิรัค อียิปต์ ตุรกี ซีเรีย อาร์เมเนีย จอร์เจีย บุลเกเรีย รวมไปถึง ตูนีเซีย มาลี ลิเบีย ชาด ซุดาน และโซมาเลีย ถ้าไม่ยอมอยู่ใต้อุ้งมือนักล่า หรือยอมเป็นหุ่นเชิดประเทศก็เกือบจะไม่เหลือให้เห็น คงพอมองเห็นกันแล้วนะครับ ว่า ผมเล่าเรื่อง หักหน้า หักหลัง เกี่ยวกับ Ukraine เสียยาวเหยียดทำไม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 2 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • “ช่องโหว่ Firebox CVE-2025-9242 คะแนน 9.3 — เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์”

    WatchGuard ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ในอุปกรณ์ไฟร์วอลล์รุ่น Firebox ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Fireware OS โดยช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-9242 และได้รับคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS

    ช่องโหว่นี้เป็นประเภท “out-of-bounds write” ซึ่งหมายถึงการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึง ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้อยู่ในกระบวนการ iked ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ VPN แบบ IKEv2 ที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยระหว่างเครือข่าย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ผู้ใช้จะลบการตั้งค่า VPN แบบ IKEv2 ไปแล้ว อุปกรณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หากยังมีการตั้งค่า VPN แบบ branch office ที่ใช้ static gateway peer อยู่ โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2 ถึง 11.12.4_Update1, 12.0 ถึง 12.11.3 และ 2025.1 รวมถึงอุปกรณ์ในซีรีส์ T, M และ Firebox Cloud

    WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบเวอร์ชันของอุปกรณ์และอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที ควรใช้วิธีชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึง

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนออกมาเตือนว่า ช่องโหว่ในไฟร์วอลล์ถือเป็น “ชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์” ของแฮกเกอร์ เพราะมันคือจุดเข้าเครือข่ายที่สำคัญที่สุด และมักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังจากมีการเปิดเผยช่องโหว่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-9242 เป็นประเภท out-of-bounds write ในกระบวนการ iked ของ Fireware OS
    ได้รับคะแนนความรุนแรง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS
    ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2–11.12.4_Update1, 12.0–12.11.3 และ 2025.1
    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Firebox T15, T35 และรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ T, M และ Cloud

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    WatchGuard ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1
    แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีจากระยะไกล
    หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ปิด dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่
    WatchGuard ยกย่องนักวิจัย “btaol” ที่ค้นพบช่องโหว่นี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่ใน VPN gateway มักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังการเปิดเผย
    การโจมตีไฟร์วอลล์สามารถนำไปสู่การเคลื่อนย้ายภายในเครือข่ายและติดตั้ง ransomware
    การตั้งค่า VPN ที่ลบไปแล้วอาจยังทิ้งช่องโหว่ไว้ หากมีการตั้งค่าอื่นที่เกี่ยวข้อง
    การใช้แนวทาง Zero Trust และการแบ่งเครือข่ายช่วยลดความเสียหายหากถูกเจาะ

    https://hackread.com/watchguard-fix-for-firebox-firewall-vulnerability/
    🧱 “ช่องโหว่ Firebox CVE-2025-9242 คะแนน 9.3 — เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์” WatchGuard ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ในอุปกรณ์ไฟร์วอลล์รุ่น Firebox ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Fireware OS โดยช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-9242 และได้รับคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS ช่องโหว่นี้เป็นประเภท “out-of-bounds write” ซึ่งหมายถึงการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึง ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้อยู่ในกระบวนการ iked ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ VPN แบบ IKEv2 ที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยระหว่างเครือข่าย สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ผู้ใช้จะลบการตั้งค่า VPN แบบ IKEv2 ไปแล้ว อุปกรณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หากยังมีการตั้งค่า VPN แบบ branch office ที่ใช้ static gateway peer อยู่ โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2 ถึง 11.12.4_Update1, 12.0 ถึง 12.11.3 และ 2025.1 รวมถึงอุปกรณ์ในซีรีส์ T, M และ Firebox Cloud WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบเวอร์ชันของอุปกรณ์และอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที ควรใช้วิธีชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนออกมาเตือนว่า ช่องโหว่ในไฟร์วอลล์ถือเป็น “ชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์” ของแฮกเกอร์ เพราะมันคือจุดเข้าเครือข่ายที่สำคัญที่สุด และมักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังจากมีการเปิดเผยช่องโหว่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-9242 เป็นประเภท out-of-bounds write ในกระบวนการ iked ของ Fireware OS ➡️ ได้รับคะแนนความรุนแรง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS ➡️ ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2–11.12.4_Update1, 12.0–12.11.3 และ 2025.1 ➡️ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Firebox T15, T35 และรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ T, M และ Cloud ✅ การแก้ไขและคำแนะนำ ➡️ WatchGuard ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 ➡️ แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีจากระยะไกล ➡️ หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ปิด dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่ ➡️ WatchGuard ยกย่องนักวิจัย “btaol” ที่ค้นพบช่องโหว่นี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่ใน VPN gateway มักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังการเปิดเผย ➡️ การโจมตีไฟร์วอลล์สามารถนำไปสู่การเคลื่อนย้ายภายในเครือข่ายและติดตั้ง ransomware ➡️ การตั้งค่า VPN ที่ลบไปแล้วอาจยังทิ้งช่องโหว่ไว้ หากมีการตั้งค่าอื่นที่เกี่ยวข้อง ➡️ การใช้แนวทาง Zero Trust และการแบ่งเครือข่ายช่วยลดความเสียหายหากถูกเจาะ https://hackread.com/watchguard-fix-for-firebox-firewall-vulnerability/
    HACKREAD.COM
    WatchGuard Issues Fix for 9.3-Rated Firebox Firewall Vulnerability
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 85 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม

    ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่

    ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ

    ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย

    เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่
    ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine

    บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น

    ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย

    โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush !
    นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง

    เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ

    บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? !

    ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง

    คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy

    ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน

    วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี..
    เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ !

    Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก”
    CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี

    ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ

    หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 11 หุ่นเชิดสีส้ม ระหว่างที่รัสเซียเดินหน้าวางท่อส่งไป ทั้งเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เหมือนดอกว่านบาน 4 ทิศ อเมริกาก็ใช้ทุกแผน ทั้งบนฟ้า เหนือดินและใต้ดินเหมือนกัน ที่จะตัดทางเดินของท่อส่ง ทางหนึ่งที่ลงทุนไปแยะแล้ว และเป็นด่านสำคัญคือ Ukraine เรื่องเก่า จึงต้องเอามาเล่นใหม่ ดูจากแผนที่ Ukraine มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ต่อทั้ง NATO และรัสเซีย ไม่ใช่แค่ด้านตะวันออกของ Ukraine อยู่ติดรัสเซียเท่านั้น แต่ Ukraine ยังเป็นทางออกของท่อส่งแก๊ซเส้น ใหญ่ของรัสเซีย ที่ส่งไปให้ยุโรปตะวันตก คิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้ที่เป็นดอลล่าร์ จากการส่งออกแก๊ซ มันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของรัสเซียเลยล่ะ ไม่ใช่แค่เรื่องท่อส่งแก๊ซที่ทำให้อเมริกาจุกอก Ukraine ยังทำสัญญาให้สิทธิรัสเซีย ใช้ท่าเรือของ Ukraine ที่ Stevastopol เพื่อเป็นฐานให้กองทัพเรือของรัสเซียจอดที่ทะเลดำ และที่ Odessa อีกด้วย สัญญานี้ยังมีอายุอยู่ถึงปี ค.ศ. 2017 ถ้าไม่ต่อออกไปอีก กองทัพเรือรัสเซียที่ทะเลดำนี้ ทำให้ NATO ต้องคิดหนักในการสยายปีกของตนเองเพื่อมาล้อมรัสเซีย เมื่อ Georgia ถูกชักใยในปี ค.ศ. 2008 นาย Yushchenko ประธานธิบดีของ Ukraine ถูกผู้ชักใยสั่งให้สวมรอยใช้โอกาสนี้ บอกเลิกสัญญาเช่าท่าเรือนี้ก่อนกำหนดไปด้วย แต่มันไม่ง่ายนักหรอก กองเรือรัสเซียอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1783 ตั้งแต่ Stevastopol ยังเป็นของรัสเซียอยู่ ทางภาคตะวันออกของ Ukraine ซึ่งติดกับรัสเซีย เป็นถิ่นที่อยู่ของชาว Ukraine ประมาณ 15 ล้านคน ที่มีวัฒนธรรมเหมือนรัสเซีย และเป็นบริเวณที่มีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในโลก ปี ค.ศ. 2009 Ukraine เป็นอันดับ 3 ของโลก ในการส่งออกธัญพืช รองจากอเมริกาและสหภาพยุโรป แซงหน้ารัสเซียและแคนาดา chomozem ดินดำที่มีชื่อเสียงของ Ukraine เป็นดินที่มีปุ๋ยธรรมชาติมากที่สุดในโลก และดินดำนี้มีอยู่ทั่วประมาณ 2 ใน 3 ของดินแดน Ukraine บริเวณแม่น้ำ Dnieper และ Dniester เป็นที่เดียวในโลกอีกเช่นกัน ที่มีดินดำชนิดที่เรียกว่า “sweet black soil” ยาวไป 500 กิโลเมตร เป็นดินเหมาะสมสำหรับการทำเกษตรกรรมอย่างที่สุด และถือเป็นสมบัติมีค่าของประเทศ บรรษัทใหญ่ที่ทำเกษตรอุตสาหกรรม ของชาติตะวันตก เช่น Monsanto (จำได้ไหมครับ บริษัทนี้แสบอย่างไร เขาเป็นต้นคิดเมล็ดพืช พันธ์พิฆาต GMO) Cargill, ADM และ Kraft ต่างน้ำลายไหลยืด อยากจะมาครอบครองบริเวณนี้ของ Ukraine เพียงรอเวลา “เหมาะสม” อยู่เท่านั้น ส่วนบริเวณ Ukrainian Donetsk และ Donets Basin หรือ Donbas นั้น ซึ่งเป็นเขตฐานเสียงของ ประธานาธิบดีคนใหม่ คือ นาย YanuKovych เป็นดินแดน ที่เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมถ่านหินและเหล็ก รวมทั้งเป็นศูนย์กลางวิทยาศาสตร์ และมหาวิทยาลัย Donbas มีถ่านหินประมาณ 109 billion ตัน รวมทั้งมีน้ำมันและแก๊ซธรรมชาติด้วย โดยรวม นับว่า Ukraine เป็นบริเวณที่รวยที่สุดของทวีปยุโรปในแง่ของทรัพยากรธรรมชาติ รวมทั้งหินแกรนิต แกรฟไฟท์ และเกลือ มีแร่ธาตุที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำกระเบื้องเคลือบ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมก่อสร้าง การยึด Ukraine ได้ในปี ค.ศ. 2004 ของอเมริกาจึงถือว่าได้รางวัลใหญ่ สมควรต้องตะโกนว่า We Won, We Won เราชนะ เราชนะ แล้วโว้ย ! แต่ใจเย็นก่อน มันแค่เกือบเท่านั้นเองนะ Emperor Bush ! นาย Yushchenko “เกือบ” ทำให้แผนการสีส้มของอเมริกา ที่ลงทุนคนขน คนฉาก มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 สำเร็จสมเป้าหมาย ถ้าไม่บังเอิญเกิดอาการสดุดขากันเองก่อน ปี ค.ศ. 2008 ประธานาธิบดี Mikhail Saakaashvili ซึ่งรับใบสั่งลับอีกใบหนึ่งจากอเมริกา ทะเร่อทะร่ายกทัพไปบุก South Ossetia จนโดนกองทัพรัสเซียตีกลับแตกกระเจิง ใช้เวลาแค่ 5 วัน แค่นั้นยังไม่ ฉ.ห พอ บังเอิญช่วงนั้นคณะมนตรีของ NATO กำลังจะพิจารณาที่จะรับ Ukraine และ Georgia เป็นสมาชิกของ NATO (ตามคำสั่งของอเมริกา)อยู่ เยอรมันเลยยกมือประท้วง เดี๋ยวก่อน พวกเรา ถ้าเรารับไอ้ 2 ประเทศนี้เข้ามาอยู่ใน NATO น่ะนะ ตามกฎบัตรของ NATO เราต้องทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปกป้อง ไอ้ 2 ประเทศ นี้ด้วยนะ บอกแล้วอย่าเพิ่งร้องว่า We Won ฝันเลยค้างเติ่งตั้งแต่ ค.ศ. 2008 เฮ้อ ! เหนื่อยวุ้ย ลงทุนใส่สีส้มมาตั้งหลายปี ตกลงใครหักหลังใครกันนะนี่ ? ! ตอนจัดรายการปฏิวัติสีส้ม อเมริกาเปิดหน้า เปิดตัว ไม่ใช่แค่ประกาศส่งตัวนักแสดง เป็นหุ่น คือ นาย Viktor Yushchenko และคุณเมียชาว Chicago เท่านั้น อเมริกายังส่งนาย John Herbs มาเป็นฑูตอเมริกันประจำ Ukraine ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2008 อีกด้วย เขามาอยู่Ukraineไม่กี่เดือนก่อนละครเรื่องส้มสลายจะลงโรง นาย Herbs นี้ ก่อนหน้าที่จะมาประจำ Ukraine เขาเคยเป็นฑูตของอเมริกา อยู่ที่ Uzbekistan โดยมีหน้าที่ปฎิบัติภาระกิจสำคัญ ช่วยกำกับการแสดง Operation Enduring Freedom ใน Afkanistan มาแล้ว ภาระกิจแต่ละรายของนาย Herbs เหมาะกับหน้าที่ของคนเป็นทูตอเมริกันอย่างยิ่ง คุณหุ่น Yushchenko นี้ ถูกคัดมาแต่งตัวเตรียมเป็นประธานาธิบดี เพราะมีผลงานเข้าตากรรมการ เนื่องจากเป็นอดีตผุ้ว่าการธนาคารกลางของ Ukraine สมัย IMF ใช้โปรแกรม shock therapy ในช่วง ค.ศ. 1994 IMF บังคับให้ Ukraine ยกเลิกการควบคุมปริวรรติเงินตรา และลอยค่าเงิน ได้ผลดีมาก เงิน Ukraine ลอยลงสู่พื้น ราคาขนมปังขึ้นไป 300% ค่าไฟฟ้าขึ้นไป 600% ค่าเดินทางโดยบริการสาธารณะขึ้นไป 900% ในปี ค.ศ. 1998 ค่าแรงของชาว Ukraine หายไป 75% เมื่อเปรียบเทียบกับปี ค.ศ. 1991 ในวันที่เต้นรำฉลองชัยออกจากม่านเหล็กกัน วอชิงตันเลือกถูกคนจริง ๆ ดินแดนสมันน้อยก็เคยเจอใกล้เคียง หวังว่ายังคงจำกันได้ คงพอมองออกนะครับ เวลาเขาจะปล้นอะไร พวกนักการเงิน นักการธนาคาร ว่าง่าย ใช้คล่อง เข้าใจคำสั่ง และภาระกิจดี.. เมื่อการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี ค.ศ. 2004 มาถึง แม้ขบวนการสีส้มจะเต้นกันไปรอบ เมืองอย่างไร นาย Yushchenko ก็ดันแพ้การเลือกตั้งแก่ นาย Viktor Yanukovych ขบวนการสีส้มมึน เป็นไปได้ไง เราดัก เราหัก เราตีมันทุกทางแล้วนี่นา ลงทุนขนาดนี้ แพ้ได้ยังไงหึ ! Pora Group ออกมาเดินเต็มถนนอีกรอบ คราวนี้ตะโกน “เลือกตั้งสกปรก เลือกตั้งสกปรก” CNN และ BBC ออกข่าวโหม กกต. Ukraine ต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ในปี 2005 คราวนี้นาย Yushchenko ชนะแบบฉิวเฉียด เขารีบประกาศตัวเป็นประธานาธิบดี ประธานาธิบดี Yushchenko ไม่รอช้า เดินหน้าทุกทางที่จะตัดเส้นเลือดของรัสเซีย โดยเฉพาะท่อส่งแก๊ซเส้นทางที่จะออกไปยังยุโรปตะวันตก วอชิงตันพยายามกล่อมสมาชิกสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันว่า รัสเซียเป็นคู่สัญญาที่ไม่น่าเชื่อถือ หุ่นเชิด 2 ตัว Yushenchenko ของ Ukraine และ Saakashvili ของ Georgia ต่างทำงานหนัก แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผล สหภาพยุโรปยังต้องอาศัยแก๊ซจากรัสเซียต่อไป ทางเลือกใหม่ยังไม่มี สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 9 ฝันสลาย

    ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง

    โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี **** Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ

    40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย
    Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย

    ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! )

    ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง)

    เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย
    รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก

    เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 9 ฝันสลาย ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี Dick Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ 40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! ) ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง) เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 8 แผนชิงท่อ

    เอาแผนที่โลกมากางดู ให้รู้จัก Eurasia ให้ชัด ๆ เปรียบเทียบกับการเดินหมากของอเมริกา เป้าหมายของอเมริกาไปไกลกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่จะปิดล้อมรัสเซียตามคำสอนของครู Mac เท่านั้น ยุทธศาสตร์ของอเมริกา ถ้าทำสำเร็จก็เหมือนตัดมือตัดตีนอาเฮีย ไม่ให้มีโอกาสเข้าไปถึงแหล่งน้ำมัน Caspian Sea รวมทั้ง เข้าไปใน Kazakhstan ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญมันจะเป็นการตัดขาดเส้นทางจับมือระหว่างอาเฮีย กับรัสเซียอีกด้วย อืม หมากตานี้ เยี่ยม เหี้ยมจริง ๆ

    เส้นทางสายไหมแต่โบราณ The Great Silk Road ผ่าน Tashkent ใน Uzbekistan และ Almaaty ใน Kazakhstan บริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย การควบคุม Uzbekistan, Krygysten and Kazakhstan ย่อมควบคุมท่อส่งที่อาจจะสร้างขึ้นระหว่างจีนกับเอเซียกลางด้วย ดังนั้นถ้าสามารถปิดล้อมรัสเซีย ก็จะยิ่งมีโอกาสควบคุมท่อส่งระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลางได้อีกด้วย

    นายตัวแสบ Brzezinski ได้เขียนบทความไว้ในวารสาร Foreign Affairs ของ CFR เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1997 ถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของวอชิงตันเกี่ยวกับ Eurasia สรุปความว่า:

    “Eurasia มีพลเมืองเท่ากับ 75% ของโลก เท่ากับ 60% ของ GNP และมีทรัพยากรน้ำมันเท่ากับ 75% เมื่อรวมกันแล้ว Eurasia สามารถจะมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าอเมริกาหลายเท่านัก

    ประเทศใดก็ตามที่ครอบครองหรือควบคุม Eurasia ได้ ก็เท่ากับควบคุมตะวันออกกลางและอาฟริกาโดยอัตโนมัติ เมื่อ Eurasia เป็นจุดตัดสินเกมหมากรุกชิงโลก มันจะไม่ได้เรื่องนะ ถ้าอเมริกาจะมีนโยบายแยกชุดหนึ่งสำหรับยุโรป และอีกชุดหนึ่งสำหรับเอเซีย การใช้อำนาจของอเมริกาอย่างไรใน Eurasia นั่นแหละ จะเป็นเครื่องวัดว่า อเมริกาเป็นหนึ่งเดียว ใหญ่สุดในโลกนี้หรือไม่…...”
    หลังจากพลาดจากการถล่ม Iraq ในปี ค.ศ. 2003 ทฤษฎีภูมิศาสตร์การเมือง หมากกระดานชิงโลกของนายตัวแสบ Brzezinski ก็ค่อย ๆ ทยอยออกมา ให้อเมริกาคิดหนัก เช่น จะรบหรือไม่รบกับ อิหร่าน, เรื่องของ Georgia, และเรื่องท่อส่งน้ำมัน Baku-Tbilisi-Ceyhan, เรื่องจีนกำลังผงาดเป็นหมายเลขหนึ่งด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกับภูมิศาสตร์การเมืองทั้งนั้น นาย Brzezinski ยังสำทับอเมริกาอีกว่า จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกได้หรือไม่ มันขึ้นกับคุมการไหลเวียนของน้ำมันและ แก๊ซของโลกได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นเส้นเลือดเลี้ยงเศรษฐกิจ เกือบทุกอย่างมันเดินได้ วิ่งได้ อยู่ได้ เพราะน้ำมันทั้งนั้นแหละ ขาดน้ำมัน ก็เหมือนร่างกายขาดเลือด อยู่ได้ไงหือ ไอ้ที่ไปบุกอาฟนิสถาน หรือการพยายามไล่นาย Chavez ทั้งหมดนี้มันก็เรื่องน้ำมันทั้งนั่นแหละ

    หลังจากล่มสลายล้มละลาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 รัสเซียก็ก้มหน้าก้มตากู้เศรษฐกิจประเทศ ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวดของคุณพี่ปูตินในฐานะประธานาธิบดี มันก็ตลกดีนะ ขณะที่อเมริกาพยายามจะขยี้รัสเซีย แต่ตัวเองเดินหมากผิดไป บุกเข้าไปขยี้ซัดดัมในอิรัค นึกว่าเกมสั้น ดันต้องเล่นเกมยาว ส้มก็เลยหล่นใส่คุณพี่ปูติน ขายน้ำมันได้เพิ่มขึ้น ใช้หนี้ IMF หมด และสามารถสร้างกองทุนสำรองเงินตรา ตปท.ของตนได้ อ้าว ! จุกอีกแล้วซินักล่า คราวนี้นี่มันเสียหายหลายต่อ เดินผิดตาเดียว ทำให้ศัตรูคู่แข่ง เงยหน้าอ้าปาก แถมยังมีท่าว่ากล้ามจะแข็งขึ้นด้วย รัสเซียเริ่มเงยหน้าขึ้นมามองโลกได้อีกครั้ง แน่นอนมันยิ่งทำให้อเมริกาเจ็บกระดองใจหนักเข้าไปอีก

    หลังจากเงยหน้าอ้าปากได้คล่อง รัสเซียก็เริ่มสร้างอิทธิพลของตนเอง ไม่ใช่โดยการใช้อาวุธ แต่ใช้การเคลื่อนไหวน้ำมันและแก๊ซที่ตนเองมีอยู่เต็ม ตามหลักภูมิศาสตร์การเมืองบ้าง นึกว่าจะเล่นเป็นข้างเดียวหรือไง คุณพี่ปูตินรู้ว่าถ้าไม่เคลื่อนไหว ตัดสินใจแบบเฉียบขาด ไม่นานหรอก รัสเซียก็จะโดนรุมล้อมกรอบ นำโดยอเมริกาเหมือนเดิม
    ขณะเดียวกัน ที่แดนมังกร อาเฮียแม้จะทำมาค้าขึ้น แต่ถ้ายังต้องพึงน้ำมันคนอื่นเขายหายใจแบบนี้ อาเฮียก็ขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งยาก และเขาว่าอาเฮีย ยังไม่มีลูกระเบิดนิวเคลียร์ เอาไว้ขู่ชาวบ้าน ว่าอย่าเข้ามานะ เดี๋ยวอั้วระเบิดตูมเลย แต่เรื่องแบบนี้มันซ้อนซ่อนกันอยู่ ดูไปก่อนอย่าเพิ่งประมาทหน้าอาเฮีย อาจจะแอบมีซุกอยู่ ลูก 2 ลูกก็ได้ ฮา แต่น้ำมันน่ะ อั้วม่ายมีจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร อาเฮียมีของดีอย่างอื่นแอบอยู่อีก วันหลังจะขยาย คราวนี้ถ้าพี่ปูเล่นพร้อมกับอาเฮีย สงสัยจะได้เห็นนักล่า ตาเหลือก หงายท้อง นอนแน่ นิ่ง !

    รัสเซียของคุณพี่ปูติน (โปรดสังเกตผมเรียกคุณพี่เลยน่ะ ชื่นชมในความใจถึงของแก) เป็นอำนาจเดียวที่สามารถต่อกรกับอเมริกาในเรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ได้ (ในขณะนี้ ! ?) และมีโอกาสที่จะขึ้นแท่นเป็นหมายเลขหนึ่งครองโลกได้เหมือนกัน ถ้าประเทศใน Eurasia รวมกัน มี จีน, รัสเซีย รวมทั้งรัฐ ต่าง ๆ ใน Eurasia ก็สามารถทำให้อเมริกากลืนน้ำลายไม่คล่อง คอฝืดแล้ว นี่ถ้าบวกเอากลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooporation Organization ที่เริ่มจับมือกัน เมื่อปี ค.ศ. 1988 ถึง 2001 ซึ่งจีนกับรัสเซียจับมือกันเป็นคู่แรก ทำสัญญาให้ความร่วมมือด้านความ มั่นคงด้วยกัน และมีรัฐเพื่อนบ้าน Kazakhstan, Tajikistan และ Uzbebistan รวมด้วยแล้ว อเมริกาคงยิ่งกว่าตาเหลือก หงายท้อง คราวนี้ มีสิทธิร่วงผล่อยหล่นจากแท่นหมายเลขหนึ่ง

    อเมริกาทำตัวเป็นหมูปากเหล็ก ที่จะไม่ยอมรับว่า ไอ้ที่พยายามถล่มสหภาพโซเวียต ทลายกำแพง Berlin เมื่อปี ค.ศ. 1991 น่ะ จริง ๆ แล้ว เป็นแผนการทำลายสหภาพโซเวียต เพื่อจะได้เข้าไปครอบครองขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซมหึมาแถวนั้นมากกว่า มันกระดากปากน่ะ จะให้บอกตรง ๆ ได้ยังไง แต่ชาวโลกก็ไม่ได้ซื่อบื้อไปซะหมดหรอกนะ หมากแต่ละตัวที่อเมริกาขยับน่ะ คนอ่านออก เล่นเป็น เขาก็รู้กันทั้งนั้น

    หลังจากทลายกำแพง Berlin จนสิ้นซาก 4-5 ปี หลังจากนั้น อเมริกาก็ค่อย ๆ หลอกล่อ เก็บรัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ย้ายเอามาสังกัดสหภาพยุโรปแทน แค่นั้นไม่พอเพราะยังคุมไม่ถนัดมือ เอาเข้ามาอยู่กับ NATO เสียด้วย เพราะ NATO ก็คือหุ่น ภายใต้การชักใยของอเมริกานั่นแหละ ใครบ้างล่ะ ที่เสียท่าถูกลวงหลอกล่อ เมื่อถึงปี ค.ศ. 2004 Poland, Czech, Hungary, Estonia, Latvia, Litnania, Bulgaria, Romania, Slovakia และ Slovenia ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของ NATO เรียบร้อย และ ตอนนั้น Georgia ก็กำลังต้วมเตี้ยมขัดสีฉวีวรรณ เตรียมเดินแถวตามเข้ามา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 8 แผนชิงท่อ เอาแผนที่โลกมากางดู ให้รู้จัก Eurasia ให้ชัด ๆ เปรียบเทียบกับการเดินหมากของอเมริกา เป้าหมายของอเมริกาไปไกลกว่าที่คิด ไม่ใช่แค่จะปิดล้อมรัสเซียตามคำสอนของครู Mac เท่านั้น ยุทธศาสตร์ของอเมริกา ถ้าทำสำเร็จก็เหมือนตัดมือตัดตีนอาเฮีย ไม่ให้มีโอกาสเข้าไปถึงแหล่งน้ำมัน Caspian Sea รวมทั้ง เข้าไปใน Kazakhstan ด้วยเช่นกัน และที่สำคัญมันจะเป็นการตัดขาดเส้นทางจับมือระหว่างอาเฮีย กับรัสเซียอีกด้วย อืม หมากตานี้ เยี่ยม เหี้ยมจริง ๆ เส้นทางสายไหมแต่โบราณ The Great Silk Road ผ่าน Tashkent ใน Uzbekistan และ Almaaty ใน Kazakhstan บริเวณที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาใหญ่น้อย การควบคุม Uzbekistan, Krygysten and Kazakhstan ย่อมควบคุมท่อส่งที่อาจจะสร้างขึ้นระหว่างจีนกับเอเซียกลางด้วย ดังนั้นถ้าสามารถปิดล้อมรัสเซีย ก็จะยิ่งมีโอกาสควบคุมท่อส่งระหว่างรัสเซียกับยุโรปตะวันตกและตะวันออกกลางได้อีกด้วย นายตัวแสบ Brzezinski ได้เขียนบทความไว้ในวารสาร Foreign Affairs ของ CFR เมื่อเดือนกันยายน ค.ศ. 1997 ถึงยุทธศาสตร์ที่แท้จริงของวอชิงตันเกี่ยวกับ Eurasia สรุปความว่า: “Eurasia มีพลเมืองเท่ากับ 75% ของโลก เท่ากับ 60% ของ GNP และมีทรัพยากรน้ำมันเท่ากับ 75% เมื่อรวมกันแล้ว Eurasia สามารถจะมีอำนาจใหญ่ยิ่งกว่าอเมริกาหลายเท่านัก ประเทศใดก็ตามที่ครอบครองหรือควบคุม Eurasia ได้ ก็เท่ากับควบคุมตะวันออกกลางและอาฟริกาโดยอัตโนมัติ เมื่อ Eurasia เป็นจุดตัดสินเกมหมากรุกชิงโลก มันจะไม่ได้เรื่องนะ ถ้าอเมริกาจะมีนโยบายแยกชุดหนึ่งสำหรับยุโรป และอีกชุดหนึ่งสำหรับเอเซีย การใช้อำนาจของอเมริกาอย่างไรใน Eurasia นั่นแหละ จะเป็นเครื่องวัดว่า อเมริกาเป็นหนึ่งเดียว ใหญ่สุดในโลกนี้หรือไม่…...” หลังจากพลาดจากการถล่ม Iraq ในปี ค.ศ. 2003 ทฤษฎีภูมิศาสตร์การเมือง หมากกระดานชิงโลกของนายตัวแสบ Brzezinski ก็ค่อย ๆ ทยอยออกมา ให้อเมริกาคิดหนัก เช่น จะรบหรือไม่รบกับ อิหร่าน, เรื่องของ Georgia, และเรื่องท่อส่งน้ำมัน Baku-Tbilisi-Ceyhan, เรื่องจีนกำลังผงาดเป็นหมายเลขหนึ่งด้านเศรษฐกิจ ทั้งหมดมันเกี่ยวเนื่องกับภูมิศาสตร์การเมืองทั้งนั้น นาย Brzezinski ยังสำทับอเมริกาอีกว่า จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกได้หรือไม่ มันขึ้นกับคุมการไหลเวียนของน้ำมันและ แก๊ซของโลกได้หรือเปล่า เพราะมันเป็นเส้นเลือดเลี้ยงเศรษฐกิจ เกือบทุกอย่างมันเดินได้ วิ่งได้ อยู่ได้ เพราะน้ำมันทั้งนั้นแหละ ขาดน้ำมัน ก็เหมือนร่างกายขาดเลือด อยู่ได้ไงหือ ไอ้ที่ไปบุกอาฟนิสถาน หรือการพยายามไล่นาย Chavez ทั้งหมดนี้มันก็เรื่องน้ำมันทั้งนั่นแหละ หลังจากล่มสลายล้มละลาย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 รัสเซียก็ก้มหน้าก้มตากู้เศรษฐกิจประเทศ ภายใต้การปกครองอย่างเข้มงวดของคุณพี่ปูตินในฐานะประธานาธิบดี มันก็ตลกดีนะ ขณะที่อเมริกาพยายามจะขยี้รัสเซีย แต่ตัวเองเดินหมากผิดไป บุกเข้าไปขยี้ซัดดัมในอิรัค นึกว่าเกมสั้น ดันต้องเล่นเกมยาว ส้มก็เลยหล่นใส่คุณพี่ปูติน ขายน้ำมันได้เพิ่มขึ้น ใช้หนี้ IMF หมด และสามารถสร้างกองทุนสำรองเงินตรา ตปท.ของตนได้ อ้าว ! จุกอีกแล้วซินักล่า คราวนี้นี่มันเสียหายหลายต่อ เดินผิดตาเดียว ทำให้ศัตรูคู่แข่ง เงยหน้าอ้าปาก แถมยังมีท่าว่ากล้ามจะแข็งขึ้นด้วย รัสเซียเริ่มเงยหน้าขึ้นมามองโลกได้อีกครั้ง แน่นอนมันยิ่งทำให้อเมริกาเจ็บกระดองใจหนักเข้าไปอีก หลังจากเงยหน้าอ้าปากได้คล่อง รัสเซียก็เริ่มสร้างอิทธิพลของตนเอง ไม่ใช่โดยการใช้อาวุธ แต่ใช้การเคลื่อนไหวน้ำมันและแก๊ซที่ตนเองมีอยู่เต็ม ตามหลักภูมิศาสตร์การเมืองบ้าง นึกว่าจะเล่นเป็นข้างเดียวหรือไง คุณพี่ปูตินรู้ว่าถ้าไม่เคลื่อนไหว ตัดสินใจแบบเฉียบขาด ไม่นานหรอก รัสเซียก็จะโดนรุมล้อมกรอบ นำโดยอเมริกาเหมือนเดิม ขณะเดียวกัน ที่แดนมังกร อาเฮียแม้จะทำมาค้าขึ้น แต่ถ้ายังต้องพึงน้ำมันคนอื่นเขายหายใจแบบนี้ อาเฮียก็ขึ้นเป็นหมายเลขหนึ่งยาก และเขาว่าอาเฮีย ยังไม่มีลูกระเบิดนิวเคลียร์ เอาไว้ขู่ชาวบ้าน ว่าอย่าเข้ามานะ เดี๋ยวอั้วระเบิดตูมเลย แต่เรื่องแบบนี้มันซ้อนซ่อนกันอยู่ ดูไปก่อนอย่าเพิ่งประมาทหน้าอาเฮีย อาจจะแอบมีซุกอยู่ ลูก 2 ลูกก็ได้ ฮา แต่น้ำมันน่ะ อั้วม่ายมีจริง ๆ แต่ไม่เป็นไร อาเฮียมีของดีอย่างอื่นแอบอยู่อีก วันหลังจะขยาย คราวนี้ถ้าพี่ปูเล่นพร้อมกับอาเฮีย สงสัยจะได้เห็นนักล่า ตาเหลือก หงายท้อง นอนแน่ นิ่ง ! รัสเซียของคุณพี่ปูติน (โปรดสังเกตผมเรียกคุณพี่เลยน่ะ ชื่นชมในความใจถึงของแก) เป็นอำนาจเดียวที่สามารถต่อกรกับอเมริกาในเรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ได้ (ในขณะนี้ ! ?) และมีโอกาสที่จะขึ้นแท่นเป็นหมายเลขหนึ่งครองโลกได้เหมือนกัน ถ้าประเทศใน Eurasia รวมกัน มี จีน, รัสเซีย รวมทั้งรัฐ ต่าง ๆ ใน Eurasia ก็สามารถทำให้อเมริกากลืนน้ำลายไม่คล่อง คอฝืดแล้ว นี่ถ้าบวกเอากลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ Shanghai Cooporation Organization ที่เริ่มจับมือกัน เมื่อปี ค.ศ. 1988 ถึง 2001 ซึ่งจีนกับรัสเซียจับมือกันเป็นคู่แรก ทำสัญญาให้ความร่วมมือด้านความ มั่นคงด้วยกัน และมีรัฐเพื่อนบ้าน Kazakhstan, Tajikistan และ Uzbebistan รวมด้วยแล้ว อเมริกาคงยิ่งกว่าตาเหลือก หงายท้อง คราวนี้ มีสิทธิร่วงผล่อยหล่นจากแท่นหมายเลขหนึ่ง อเมริกาทำตัวเป็นหมูปากเหล็ก ที่จะไม่ยอมรับว่า ไอ้ที่พยายามถล่มสหภาพโซเวียต ทลายกำแพง Berlin เมื่อปี ค.ศ. 1991 น่ะ จริง ๆ แล้ว เป็นแผนการทำลายสหภาพโซเวียต เพื่อจะได้เข้าไปครอบครองขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซมหึมาแถวนั้นมากกว่า มันกระดากปากน่ะ จะให้บอกตรง ๆ ได้ยังไง แต่ชาวโลกก็ไม่ได้ซื่อบื้อไปซะหมดหรอกนะ หมากแต่ละตัวที่อเมริกาขยับน่ะ คนอ่านออก เล่นเป็น เขาก็รู้กันทั้งนั้น หลังจากทลายกำแพง Berlin จนสิ้นซาก 4-5 ปี หลังจากนั้น อเมริกาก็ค่อย ๆ หลอกล่อ เก็บรัฐเล็กรัฐน้อยที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต ย้ายเอามาสังกัดสหภาพยุโรปแทน แค่นั้นไม่พอเพราะยังคุมไม่ถนัดมือ เอาเข้ามาอยู่กับ NATO เสียด้วย เพราะ NATO ก็คือหุ่น ภายใต้การชักใยของอเมริกานั่นแหละ ใครบ้างล่ะ ที่เสียท่าถูกลวงหลอกล่อ เมื่อถึงปี ค.ศ. 2004 Poland, Czech, Hungary, Estonia, Latvia, Litnania, Bulgaria, Romania, Slovakia และ Slovenia ก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของ NATO เรียบร้อย และ ตอนนั้น Georgia ก็กำลังต้วมเตี้ยมขัดสีฉวีวรรณ เตรียมเดินแถวตามเข้ามา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute

    ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ

    โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI

    นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์

    Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia
    เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร
    ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน

    สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton
    เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027
    รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW

    เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads
    OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว
    ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ

    Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร
    สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell
    เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก

    ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
    สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง
    สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ

    https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    📰 Nvidia, Microsoft และ OpenAI ทุ่ม 700 ล้านดอลลาร์หนุน Nscale สร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักร — เปิดยุคใหม่ของ Sovereign Compute ในความเคลื่อนไหวที่สะท้อนยุทธศาสตร์ระดับชาติ สหราชอาณาจักรกำลังกลายเป็นศูนย์กลางใหม่ของโครงสร้างพื้นฐาน AI ระดับโลก เมื่อบริษัท Nscale ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน AI infrastructure ที่แยกตัวจากธุรกิจเหมืองคริปโต Arkon Energy ได้รับเงินลงทุนกว่า 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia พร้อมการสนับสนุนจาก Microsoft และ OpenAI เพื่อสร้างซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ โครงการนี้จะตั้งอยู่ที่เมือง Loughton โดยมีชื่อว่า “Nscale AI Campus” ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการติดตั้ง GPU Nvidia GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 และสามารถขยายกำลังไฟฟ้าได้จาก 50MW ไปถึง 90MW เพื่อรองรับการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะใช้สำหรับบริการ Microsoft Azure และการฝึกโมเดลของ OpenAI นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว “Stargate UK” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม sovereign AI ที่เน้นการประมวลผลภายในประเทศ โดย OpenAI จะเริ่มใช้งาน GPU จำนวน 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายไปถึง 31,000 ตัวในอนาคต เพื่อรองรับงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ Nvidia ยังประกาศแผนลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร เพื่อสร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell รวมกว่า 120,000 ตัว โดยมีเป้าหมายขยายไปถึง 300,000 ตัวทั่วโลก ซึ่งรวมถึงในสหรัฐฯ โปรตุเกส และนอร์เวย์ ✅ Nscale ได้รับเงินลงทุน 700 ล้านดอลลาร์จาก Nvidia ➡️ เป็นการสนับสนุนการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ในสหราชอาณาจักร ➡️ ร่วมมือกับ Microsoft และ OpenAI ในการพัฒนาและใช้งาน ✅ สร้าง Nscale AI Campus ที่เมือง Loughton ➡️ เริ่มต้นด้วย GPU GB300 จำนวน 23,040 ตัวในปี 2027 ➡️ รองรับกำลังไฟฟ้า 50MW ขยายได้ถึง 90MW ✅ เปิดตัว Stargate UK สำหรับ sovereign AI workloads ➡️ OpenAI จะใช้ GPU 8,000 ตัวในปี 2026 และอาจขยายถึง 31,000 ตัว ➡️ ใช้ในงานที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การแพทย์ การเงิน และบริการสาธารณะ ✅ Nvidia ลงทุนรวมกว่า 11 พันล้านปอนด์ในสหราชอาณาจักร ➡️ สร้าง AI factories ที่ใช้ GPU Blackwell Ultra และ Grace Blackwell ➡️ เป้าหมายคือการติดตั้ง GPU รวม 300,000 ตัวทั่วโลก ✅ ความร่วมมือสะท้อนยุทธศาสตร์เทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ➡️ สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลและการวิจัยขั้นสูง ➡️ สร้างโอกาสใหม่ให้กับสตาร์ทอัพและนักพัฒนาในประเทศ https://www.techradar.com/pro/ai-crypto-bitcoin-mining-spinoff-gets-usd700-million-investment-from-nvidia-to-build-hyperscale-ai-infrastructure-using-youve-guessed-it-thousands-of-blackwell-gpus
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 5 ของขวัญจาก Georgia

    ในปี ค.ศ. 1943 ครู Mac ได้รับเชิญให้เขียนบทความลงใน Foreign Affairs ซึ่งเป็นวารสารอันมีชื่อเสียงของ CFR ถึงแนวความคิดของเขาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์การเมืองหลังสงครามโลก ครูเขียนไว้เหมือนการพยากรณ์ล่วงหน้าก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะรู้หมู่รู้จ่า

    ” จำไว้ให้ดี ถ้าสหภาพโซเวียต ผงาดขึ้นมา ในฐานะผู้ชนะเยอรมัน สหภาพโซเวียตจะกลายเป็นผู้มีอำนาจหมายเลขหนึ่ง บนภาคพื้นดินของโลก นอกจากนี้ สหภาพโซเวียตจะมีอำนาจ ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งที่สุดในการป้องกันตัวเอง The Heart land กล่องดวงใจ คือป้อมปราการทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นป้อมปราการที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เพรียบพร้อมทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยมี”

    พยากรณ์กันแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นใบสั่งถาวร ในการตอนและกำจัดรัสเซีย !

    คำพูดนี้เป็นการตอกย้ำ สิ่งที่ครู Mac เคยพูด เมื่อปี ค.ศ. 1919 ในระหว่างการเจรจาสันติภาพ Versailles Peace Talk ที่ถือเป็นประกาสิตยอดโด่งดังในวงการภูมิศาสตร์การเมือง ครู Mac บอกว่า ในความเห็นของเขา ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดไว้เป็นหลัก คือ ป้องกันทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสี ยเท่าไหร่ (at all costs) เพื่อไม่ให้มีการรวมตัวกัน ของ Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia ที่ กล่องดวงใจของ Eurasia “Heartland”

    Who rules East Europe commands the Heartland
    Who rules the Heartland commands the World Island
    Who rules the World Island commands the World
    Heartland ของครู Mac หมายถึงใจกลางของ Eurasia คือ Russia และ Ukraine
    The World Island หมายถึง Eurasia ทั้งหมด รวมทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเซีย
    ส่วน Great Britain ในความคิดของครู Mac ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และครูบอกว่า มันควรจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าได้เปลี่ยนเป็นอันขาดไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใด !

    แนวความคิดของครู Mac เป็นเข็มทิศสำหรับอังกฤษ ในการตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1914 และเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีส่วนทำให้ Churchill ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำให้เกิดสงครามเย็น โดยร่วมมือกับอเมริกากดดันรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1943 อังกฤษแอบคิดเอาเองว่า วอชิงตันเด็กใหม่ คงไม่เป็นประสานักกับภูมิศาสตร์การเมือง คงต้องพึ่งฝีมือลูกพี่อังกฤษในการอ่านเกมส์ และอังกฤษก็จะเป็นผู้คุมเกมส์การเมืองกระดานสำคัญนี้

    เสียงของครู Mac คงหลอนท่านหลอด Churchill ทุกคืน เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ท่านหลอดปลุกระดมละอ่อนอเมริกา ผ่านนายพล Eisenhower และประธานาธิบดี Roosevelt เรามาทดลองก่อสงครามกันเต็มรูปแบบ กับสหภาพโซเวียตกันมั้ยพรรคพวก ใช้แค่กองกำลังของเยอรมันที่จับได้เป็นเหยื่อล่อก็ได้ ไม่ต้องลงทุนมาก ปรากฎว่าละอ่อนอเมริกาไม่เล่นด้วย บอกว่าเสี่ยงเกินไป เอะ ไอ้ละอ่อนนี่มันรู้ทันแผนกินรวบของเราหรือไร ท่านหลอดรำพึง

    ปลายปี ค.ศ. 1945 คราวนี้อเมริกาเอาบ้าง เขี้ยวงอกแล้ว ประธานาธิบดี Truman ให้เตรียมแผนโจมตีสหภาพโซเวียต กะจะถล่ม 20 เมืองของโซเวียตด้วยนิวเคลียร์ ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นสหภาพโซเวียตอยู่นิ่งเฉย ไม่มีพฤติกรรมว่าจะเป็นภัยต่อสังคม หรือ ต่อความมั่นคงของอเมริกา ไม่เข้าข่ายต้องเชิญมาปรับพฤติ กรรมสักหน่อย แผนนี้เรียกว่า “Strategic Vulnerability of the USSR to a Limited Air Attack” ( ตั้งชื่อแบบนี้ เดาได้เลยว่าไปไม่สวย) เป็นครั้งแรกที่อเมริกามีแผนจะขจัดรัสเซียออกไปจาก Heartland และคงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย !
    เล่นกันแบบนี้ มอสโคว์ อยู่เฉยๆ ก็ใจเย็นผิดนิสัยไปหน่อย มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง แล้วมอสโคว์ก็ช็อค วอชิงตัน ด้วยการทดลอง Atomic บอมบ์ ในปี 1949 และ Hydrogen บอมบ์ ในปีต่อมา แค่นั้นมันจะซะใจคนอยู่แถวกล่องดวงใจได้ไง มันต้องเอาให้ตาเหลือก ว่าแล้วรัสเซียก็ใช้จรวดส่งดาวเทียม Sputnik ขึ้นไปในอวกาศในปี ค.ศ. 1957 อเมริกาหน้าแตก ไอ้ที่ฝันว่าจะถล่มรัสเซียด้วย นิวเคลียร์ เรียกว่า “Nuclear primacy” ก็เลยกลายเป็นฝันค้าง อยู่กลางอากาศซะเกือบ 50 ปี จนมาได้ไอ้เสือเอาวา สายเหยี่ยว พวกบ้าสงคราม Donald Rumsfeld, **** Cheney, Paul Wolfowitz ในสมัย Bush คนลูก นั่นแหละ

    ปี ค.ศ. 2000 Bush ประกาศนโยบาย Bush Doctrine รบก่อนแล้วค่อยคุย ซึ่งรวมถึงแผนการส่งนิวเคลียร์ให้เป็นของขวัญ แบบไม่ประกาศล่วงหน้าให้แก่รัสเซียแถมไปด้วย และทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของ การลุกขึ้นมาสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวโลก โดยประเทศเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “Georgia” เมื่อปี ค.ศ. 2008 (ต้องใส่เกียร์ถอยหลังไปซะหลายปี ก่อนจะเดินหน้าต่อได้)

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 5 ของขวัญจาก Georgia ในปี ค.ศ. 1943 ครู Mac ได้รับเชิญให้เขียนบทความลงใน Foreign Affairs ซึ่งเป็นวารสารอันมีชื่อเสียงของ CFR ถึงแนวความคิดของเขาเกี่ยวกับภูมิศาสตร์การเมืองหลังสงครามโลก ครูเขียนไว้เหมือนการพยากรณ์ล่วงหน้าก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะรู้หมู่รู้จ่า ” จำไว้ให้ดี ถ้าสหภาพโซเวียต ผงาดขึ้นมา ในฐานะผู้ชนะเยอรมัน สหภาพโซเวียตจะกลายเป็นผู้มีอำนาจหมายเลขหนึ่ง บนภาคพื้นดินของโลก นอกจากนี้ สหภาพโซเวียตจะมีอำนาจ ในบริเวณที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เข้มแข็งที่สุดในการป้องกันตัวเอง The Heart land กล่องดวงใจ คือป้อมปราการทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นป้อมปราการที่เต็มไปด้วยมนุษย์ที่เพรียบพร้อมทั้งในด้านจำนวนและคุณภาพอย่างที่ประวัติศาสตร์ไม่เคยมี” พยากรณ์กันแบบนี้ มันก็เหมือนเป็นใบสั่งถาวร ในการตอนและกำจัดรัสเซีย ! คำพูดนี้เป็นการตอกย้ำ สิ่งที่ครู Mac เคยพูด เมื่อปี ค.ศ. 1919 ในระหว่างการเจรจาสันติภาพ Versailles Peace Talk ที่ถือเป็นประกาสิตยอดโด่งดังในวงการภูมิศาสตร์การเมือง ครู Mac บอกว่า ในความเห็นของเขา ยุทธศาสตร์ที่อังกฤษจะต้องยึดไว้เป็นหลัก คือ ป้องกันทุกวิถีทางไม่ว่าจะเสี ยเท่าไหร่ (at all costs) เพื่อไม่ให้มีการรวมตัวกัน ของ Poland, Czecho, Austria, Hungary และ Russia ที่ กล่องดวงใจของ Eurasia “Heartland” Who rules East Europe commands the Heartland Who rules the Heartland commands the World Island Who rules the World Island commands the World Heartland ของครู Mac หมายถึงใจกลางของ Eurasia คือ Russia และ Ukraine The World Island หมายถึง Eurasia ทั้งหมด รวมทั้งยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเซีย ส่วน Great Britain ในความคิดของครู Mac ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของยุโรป และครูบอกว่า มันควรจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป อย่าได้เปลี่ยนเป็นอันขาดไม่ว่าจะต้องใช้วิธีการใด ! แนวความคิดของครู Mac เป็นเข็มทิศสำหรับอังกฤษ ในการตัดสินใจเข้าร่วมสงครามในปี ค.ศ. 1914 และเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีส่วนทำให้ Churchill ใช้เล่ห์เหลี่ยมในการทำให้เกิดสงครามเย็น โดยร่วมมือกับอเมริกากดดันรัสเซีย ในปี ค.ศ. 1943 อังกฤษแอบคิดเอาเองว่า วอชิงตันเด็กใหม่ คงไม่เป็นประสานักกับภูมิศาสตร์การเมือง คงต้องพึ่งฝีมือลูกพี่อังกฤษในการอ่านเกมส์ และอังกฤษก็จะเป็นผู้คุมเกมส์การเมืองกระดานสำคัญนี้ เสียงของครู Mac คงหลอนท่านหลอด Churchill ทุกคืน เดือนเมษายน ค.ศ. 1945 ท่านหลอดปลุกระดมละอ่อนอเมริกา ผ่านนายพล Eisenhower และประธานาธิบดี Roosevelt เรามาทดลองก่อสงครามกันเต็มรูปแบบ กับสหภาพโซเวียตกันมั้ยพรรคพวก ใช้แค่กองกำลังของเยอรมันที่จับได้เป็นเหยื่อล่อก็ได้ ไม่ต้องลงทุนมาก ปรากฎว่าละอ่อนอเมริกาไม่เล่นด้วย บอกว่าเสี่ยงเกินไป เอะ ไอ้ละอ่อนนี่มันรู้ทันแผนกินรวบของเราหรือไร ท่านหลอดรำพึง ปลายปี ค.ศ. 1945 คราวนี้อเมริกาเอาบ้าง เขี้ยวงอกแล้ว ประธานาธิบดี Truman ให้เตรียมแผนโจมตีสหภาพโซเวียต กะจะถล่ม 20 เมืองของโซเวียตด้วยนิวเคลียร์ ทั้ง ๆ ที่ขณะนั้นสหภาพโซเวียตอยู่นิ่งเฉย ไม่มีพฤติกรรมว่าจะเป็นภัยต่อสังคม หรือ ต่อความมั่นคงของอเมริกา ไม่เข้าข่ายต้องเชิญมาปรับพฤติ กรรมสักหน่อย แผนนี้เรียกว่า “Strategic Vulnerability of the USSR to a Limited Air Attack” ( ตั้งชื่อแบบนี้ เดาได้เลยว่าไปไม่สวย) เป็นครั้งแรกที่อเมริกามีแผนจะขจัดรัสเซียออกไปจาก Heartland และคงไม่ใช่เป็นครั้งสุดท้าย ! เล่นกันแบบนี้ มอสโคว์ อยู่เฉยๆ ก็ใจเย็นผิดนิสัยไปหน่อย มันก็ต้องมีการเอาคืนกันบ้าง แล้วมอสโคว์ก็ช็อค วอชิงตัน ด้วยการทดลอง Atomic บอมบ์ ในปี 1949 และ Hydrogen บอมบ์ ในปีต่อมา แค่นั้นมันจะซะใจคนอยู่แถวกล่องดวงใจได้ไง มันต้องเอาให้ตาเหลือก ว่าแล้วรัสเซียก็ใช้จรวดส่งดาวเทียม Sputnik ขึ้นไปในอวกาศในปี ค.ศ. 1957 อเมริกาหน้าแตก ไอ้ที่ฝันว่าจะถล่มรัสเซียด้วย นิวเคลียร์ เรียกว่า “Nuclear primacy” ก็เลยกลายเป็นฝันค้าง อยู่กลางอากาศซะเกือบ 50 ปี จนมาได้ไอ้เสือเอาวา สายเหยี่ยว พวกบ้าสงคราม Donald Rumsfeld, Dick Cheney, Paul Wolfowitz ในสมัย Bush คนลูก นั่นแหละ ปี ค.ศ. 2000 Bush ประกาศนโยบาย Bush Doctrine รบก่อนแล้วค่อยคุย ซึ่งรวมถึงแผนการส่งนิวเคลียร์ให้เป็นของขวัญ แบบไม่ประกาศล่วงหน้าให้แก่รัสเซียแถมไปด้วย และทั้งหมดนี้คือที่มาที่ไปของ การลุกขึ้นมาสร้างความตื่นเต้นให้แก่ชาวโลก โดยประเทศเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า “Georgia” เมื่อปี ค.ศ. 2008 (ต้องใส่เกียร์ถอยหลังไปซะหลายปี ก่อนจะเดินหน้าต่อได้) สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac

    สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง

    ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? )

    แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง
    Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด

    สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ

    แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!?

    Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา
    หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน

    Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น

    ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร

    ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน

    ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่

    นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation
    และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 4 กล่องดวงใจ ของครู Mac สงครามเย็น เริ่มขึ้นตั้งแต่ ค.ศ. 1940 กว่าปลาย ๆ พร้อม ๆ กัน ก็เป็นการเกิดของ North Atlantic Treaty Organization (NATO) แต่ถึงแม้สหภาพโซเวียตจะล่มไปตั้งแต่ ค.ศ. 1989 – 1990 แต่ NATO ยังไม่ได้ยุบตามไปด้วย กลับยังอยู่อย่างเหนียวแน่นจนทุกวันนี้ คำพูดของพี่ปู จึงทำให้ผู้คนแถวยุโรปตะวันตกเกิดอาการสำลัก ปูตินพยายามบอกให้โลกรู้ว่า อเมริกากำลังใช้พฤติกรรมเดิม ๆ หลังสงครามเย็นจบไปแล้ว แต่ก็ยังใช้วิธีการ “ปิดล้อม” รัสเซีย เหมือนสมัยเป็นสหภาพโซเวียต เพียงแต่ใช้ลูกกระเป๋ง คือ NATO เป็นผู้ออกหน้า เพราะวอชิงตันคือผู้ชักใย NATO อีกต่อหนึ่ง ผู้ที่ออกแบบการปิดล้อม Containment สมัยสงครามเย็นคือ George F. Kennan หัวหน้า Policy Planning ของกระทรวงต่างประเทศอเมริกา ในปี ค.ศ. 1948 Kennan บอกว่า 50% ของทรัพย์สินของโลกน่ะ อยู่ที่เราอเมริกานะ แต่พลเมืองเรามีแค่ 6.3 % เท่านั้น ดังนั้นมันช่วยไม่ได้ที่จะมีคนอิจฉาและหมั่นไส้เรา (ท่านผู้อ่านต้องการยาแก้คลื่นไส้ไหมครับ ? ) แผนของอเมริกาที่จะขึ้นมาเป็น พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งครองโลก เริ่มมาตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1939 ในการทำ War and Peace Project ของ Council on Foreign Relations (หลวงพ่อ CFR โคตรแสบของผม !) เขามีแผนที่จะทำให้อเมริกาเป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ให้ทำแบบปิดบังพรางตัว เอาเสื้อคลุมยี่ห้อประชาธิปไตยและการค้าเสรีมาคลุมตัว ไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ตกใจ เลยได้เหยื่ออยู่ในกำมือเกือบทั่วโลก ที่หลุดมือไม่ได้กิน ก็มีโลกฝ่ายสังคมนิยม ตาม Warsaw Pact หลัง ค.ศ. 1948 , จีนของอาเฮียและยูโกสลาเวีย ของท่านนายพลติโตเท่านั้น กับอีกบริเวณที่มีความสำคัญยิ่ง คือ Eurasia ที่อเมริกายังมือยาวยื่นมาไม่ถึง Eurasia เริ่มตั้งแต่ แม่น้ำ Elbe ในเยอรมัน ยาวลงมาถึงทะเล Adriatic ผ่าน Sofia, Bulgaria ข้ามมา Black Sea และ Caspian Sea มาจนถึงเอเซียกลางและจีน บริเวณที่กว้างใหญ่ นี่จึงยังรอดพ้นจากการเคี้ยวของจักรวรรดิอเมริกา แต่จะรอดไปได้นานเท่าใด สิ่งที่คนส่วนใหญ่ในโลกไม่รู้คือ มันเป็นความฝันทั้งกลางคืนกลางวัน ของอเมริกามาเป็นเวลานานแล้ว ที่จะควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการทหาร ความฝันนี้อเมริกาพยายามทำให้เป็นจริงผ่านหน่วยงานสาระพัด ทั้งที่เป็นองค์กรของรัฐ และเอกชน ทั้งในและนอกระบบ ตั้งแต่บรรษัทค้าน้ำมันข้ามชาติ สภาความมั่นคง Pentagon, CIA, หน่วยงานความมั่นคงทั้งด้านการทหารและการเมือง และหน่วยสืบราชการลับพิเศษอีกสาระพัด ทั้งหมดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมายสำคัญที่สุดของอเมริกาที่แอบซ่อนมาตลอดเหนือเป้าหมายอื่นใด คือ ควบคุมรัสเซียอย่างเบ็ดเสร็จ หมดจดไม่ให้หลุดมือ แม้ขณะที่อเมริกาและสหภาพโซเวียตยังเป็นพันธมิตร ร่วมจับมือกันเพื่อถล่มเยอรมัน อเมริกาก็แอบเริ่มเตรียมการที่จะขจัดสหภาพโซเวียตไปด้วยพร้อมกัน หน้าร้อนของปี ค.ศ. 1945 อเมริกาคิดนโยบาย Striking the first blow ปล่อยหมัดแรกก่อนในสงครามนิวเคลียร์ แผนแรกที่คิดจะทดรองคือใช้กับสหภาพโซเวียต ตามแผน Totality ซึ่งนายพล Eisenhower เป็นผู้ร่างแผนตามคำสั่งของประธานาธิบดี Truman อะไรมันเข้าสิง อเมริกาถึงได้ชั่วขนาดนั้น ร่วมรบกันอยู่ดี ๆ อ้าว ! ดันจะขยี้เพื่อนพร้อมศัตรู มันคิดได้อย่างไร!? Sir Halford Mackinder ครูใหญ่ชาวอังกฤษด้านภูมิศาสตร์การเมือง บอกไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1904 ในการสัมมนาของ Royal Geographic Society ที่ London ว่า ใครก็ตามที่มีอำนาจควบคุมเหนือรัสเซีย ผู้นั้นก็จะเป็นผู้ตัดสิน หรือผู้ควบคุมบริเวณ Eurasia อันกว้างใหญ่ และนั่นหมายถึงจะเป็นผู้มีอิทธิพลควบคุมโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์ เริ่มเห็นกันหรือยังว่าอะไรมาเข้าสิงอเมริกา หนึ่งศตวรรษมาแล้ว ที่ครู Mac บอกเอาไว้ว่า ในขณะที่ยุโรปขยายอิทธิพลของตนไปทางอินเดีย อาฟริกา และอาณานิคมต่าง ๆของพวกเขา รัสเซีย ซึ่งมีบริเวณกว้างคลุมยุโรปตะวันออกและเอเซียกลาง จะขยายอิทธิพลไปลงใต้และไปตะวันออก จะทำให้ครอบคลุมบริเวณที่มีประชากรและทรัพยากรมากที่สุด. ครู Mac คาดการณ์ว่าในที่สุดบริเวณที่กว้างใหญนี้ จะเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายทางรถไฟ ทำให้เป็นศูนย์อำนาจและจุดยุทธศาสตร์ที่เพียบพร้อม อย่างที่ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ พูดเท่านี้บรรดาผู้ฟังครู Mac ต่างล้วงผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำลายกันเป็นแถว นี่มันอาหารจานใหญ่แบบชามอ่างเชียวนะ จะปล่อยให้ค้างเติ่งอยู่ยังงั้นได้อย่างไร จำเป็นต้องคิดแผนกินรวบมาให้หมด ด่วน Mckinder เรียกใจกลาง Eurasia ว่า heartland หรือกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก จุดยุทธศาสตร์อันสำคัญ โดยมีเยอรมัน, ออสเตรีย, ตุรกี, อินเดีย และจีน อยู่ติดขอบรอบกล่องดวงใจของศูนย์อำนาจโลก Mackinder มองว่าคู่หูที่จะคว้าดวงใจไปครอบ ครองนี่ได้ มี 2 คู่ คือ คู่รัสเซียกับเยอรมัน หรือ คู่จีนกับญี่ปุ่น นโยบายต่างประเทศของอังกฤษ หนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ไม่ว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น ในปี 1904 – 05 จนถึงการก่อตั้ง NATO ในปี ค.ศ. 1949 ทั้งหมดเป็นการดำเนินตามการวิเคราะห์ของ ครู Mac ทั้งสิ้น ทั้งหมดเพื่อเป็นการเตะตัดขาทุกวิถีทาง ที่จะไม่ให้รัสเซียได้เป็นผู้ครอบครองกล่องดวงใจที่ Eurasia และจะกลายเป็นผู้ท้าทายจักรภพอังกฤษ ที่อ้างว่าเป็นเจ้าของอาณานิคมที่ตะวันจะไม่วันตกดิน อังกฤษจะยอมได้อย่างไร ขณะเดียวกัน อีกฝั่งของมหาสมุทร Atlantic อเมริกาก็มีความฝันของตนเอง America’s Manifest Destiny ที่จะเป็นหมายเลขหนึ่งคุมโลกเหมือนกัน อเมริกาเริ่มเก็บกินทางมหาสมุทรแปซิฟิกก่อน เริ่มตั้งแต่โซ้ยกับสเปญ เมื่อ ค.ศ. 1818 แล้วก็ตามมาคว้าเอาฟิลิปปินส์ใส่กระเป๋า อืม ! อเมริกาเพิ่งรู้รสชาดของการเป็นเจ้าของอาณานิคม อร่อยจับใจ เข้าใจแล้วครับนายท่าน ในขณะนี้ที่ครู Mac เพ้อเรื่องกล่องดวงใจใน Eurasia ในปี ค.ศ. 1904 อเมริกาก็มีนาย Brook Adams สื่อผู้มีอิทธิพลสูงในอเมริกา ซึ่งมองว่าอเมริกาเองก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส ที่จะเป็นเจ้าของกล่องดวงใจ ในฐานะทายาทผู้สืบเชื้อสายของครอบครัวในสังคมชั้นสูงมาหลายชั่วคน นาย Adams ไม่ใช่คนประเภทยื่นบนลังสบู่พูดปาวๆ อยู่กลางสนามไม่มีใครฟัง คนฟังเขาทั้งอเมริกา ที่สำคัญคนที่ฟังอย่างตั้งใจ คือ ประธานาธิบดี Theodor Roosevelt และประธานาธิบดี Woodlow Wilson ซึ่งดันเป็นเพื่อนสนิทของนาย Adams ทั้งคู่ นาย Adams บอกว่าเราต้องรุก รุกเข้าไปอย่าใด้ถอย เข้าไปในทาง Pacific และเอาเอเซียมาเป็นอาณานิคมของอเมริกา จะทำให้อเมริกามีเขตแดนที่กว้างใหญ่ขึ้นไปอีก นอกเหนือจากฝันของนาย Adams แล้ว ผู้ที่คิดแผนที่เตรียมให้อเมริกาเดินทางหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ก็คือ Council on Foreign Relations (CFR) และ Rockefeller Foundation และสมุนที่ Rockefeller ส่งเข้าไปอยู่ในตำแหน่งต่าง ๆ ในด้านการเมืองและเศรษฐกิจของอ เมริกา คนพวกนี้ท่องความฝันของครู Mac จนขึ้นใจ โดยเฉพาะ Henry Kissinger และ Zbigniew Brzezinski ซึ่งถือเอาทฤษฎีของ ครู Mac เป็นตำรา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • เรือฟริเกต Admiral Golovko แห่งกองเรือทะเลเหนือ (Northern Fleet) ขณะกำลังปล่อยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon จากทะเลแบเรนตส์ เพื่อโจมตี "เป้าหมายลวง" ที่สนามฝึก Chizha ในภูมิภาค Arkhangelsk ระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมยุทธศาสตร์ร่วม Zapad 2025
    .
    เรือฟริเกต Admiral Golovko ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเรือดำน้ำ เรือรบ และต่อต้านภัยทางอากาศ ด้วยเทคโนโลยีการหลบหลีกเรดาร์ (stealth) และติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Kalibr และมีศักยภาพในการติดตั้ง ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon
    เรือฟริเกต Admiral Golovko แห่งกองเรือทะเลเหนือ (Northern Fleet) ขณะกำลังปล่อยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon จากทะเลแบเรนตส์ เพื่อโจมตี "เป้าหมายลวง" ที่สนามฝึก Chizha ในภูมิภาค Arkhangelsk ระยะทางประมาณ 900 กิโลเมตร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกซ้อมยุทธศาสตร์ร่วม Zapad 2025 . 👉เรือฟริเกต Admiral Golovko ออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับเรือดำน้ำ เรือรบ และต่อต้านภัยทางอากาศ ด้วยเทคโนโลยีการหลบหลีกเรดาร์ (stealth) และติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถี Kalibr และมีศักยภาพในการติดตั้ง ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Tsirkon
    0 Comments 0 Shares 130 Views 0 0 Reviews
  • “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี”

    Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล

    การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า

    Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ
    ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง
    ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน
    ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง
    Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox
    Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference
    DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่
    Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026
    กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI
    การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์
    Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    🇨🇳 “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี” Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ ➡️ ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง ➡️ ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน ➡️ ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ✅ ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง ➡️ Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox ➡️ Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference ➡️ DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่ ➡️ Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026 ➡️ กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI ➡️ การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์ ➡️ Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese giant Tencent announces domestic AI chip push — says it has fully adapted infrastructure to support homegrown silicon in blow to Nvidia
    Tencent goes public with its pivot to Chinese accelerators, highlighting a deeper break from Nvidia as domestic AI hardware matures.
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • ผู้นำโลกอาหรับเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์แล้ว ซึ่งการประชุมเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลโจมตีกลางกรุงโดฮา เพื่อหวังสังหารกลุ่มผู้นำฮามาส แต่พลาดท่าไม่สำเร็จ โดยในการโจมตีครั้งนี้นอกจากเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างของฮามาสที่เสียชีวิต ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลของกาตาร์เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย

    ในการแถลงข่าวปิดการประชุมที่กรุงโดฮา ที่สมาชิกอาหรับทั้งหมดได้ย้ำจุดยืนแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกาตาร์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว โดยแถลงว่า "ความมั่นคงของรัฐสมาชิกเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้" และเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล เพื่อกดดันพวกเขา “พวกเราคาดหวังให้พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของเรา คือสหรัฐฯ ใช้อิทธิพลที่มีต่ออิสราเอลเพื่อหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ เราคาดหวังอย่างแท้จริงสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองและอิทธิพลต่ออิสราเอล และถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำอิทธิพลนั้นมาใช้”

    อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้นำประเทศอาหรับยังเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการเพื่อ "เปิดใช้งานกลไกป้องกันร่วมของกลุ่ม" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้
    ผู้นำโลกอาหรับเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์แล้ว ซึ่งการประชุมเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลโจมตีกลางกรุงโดฮา เพื่อหวังสังหารกลุ่มผู้นำฮามาส แต่พลาดท่าไม่สำเร็จ โดยในการโจมตีครั้งนี้นอกจากเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างของฮามาสที่เสียชีวิต ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลของกาตาร์เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย ในการแถลงข่าวปิดการประชุมที่กรุงโดฮา ที่สมาชิกอาหรับทั้งหมดได้ย้ำจุดยืนแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกาตาร์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว โดยแถลงว่า "ความมั่นคงของรัฐสมาชิกเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้" และเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล เพื่อกดดันพวกเขา “พวกเราคาดหวังให้พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของเรา คือสหรัฐฯ ใช้อิทธิพลที่มีต่ออิสราเอลเพื่อหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ เราคาดหวังอย่างแท้จริงสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองและอิทธิพลต่ออิสราเอล และถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำอิทธิพลนั้นมาใช้” อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้นำประเทศอาหรับยังเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการเพื่อ "เปิดใช้งานกลไกป้องกันร่วมของกลุ่ม" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้
    0 Comments 0 Shares 215 Views 0 Reviews
  • ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน!

    เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว"

    ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น

    ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป

    #Newskit
    ชำแหละซอฟต์พาวเวอร์ รัฐบาลอุ๊งอิ๊งผลาญ 8 พันล้าน! เมื่อวันก่อนแพลตฟอร์ม X บัญชี @thaccaofficial ของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือทักก้า (THACCA) ภายใต้การกำกับดูแลโดยตรงของนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ยังไม่จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ เนื่องจากกฎหมายยังไม่ผ่าน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "จริงๆ มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะระบาย ไหนๆ ก็ใกล้จะลากันแล้ว จำได้ไหมปีแรกๆ ที่เรา THACCA โดนด่าว่า ซอฟต์เพาเวอร์ 5,000 ล้านๆ โดนล้อ โดนด่ามาตลอด รู้ไหมจริงๆ งบปี 67 เราไม่ได้เงินสักบาทเลย เราเลยต้องมาของบกลาง แต่ก็โดนตัดแล้วตัดอีกจนเหลือ 635 ล้านบาท แค่ 12% จากที่เขาด่าเราเท่านั้น แต่เราก็พยายามทำงานเท่าที่เราได้งบมาให้ดีที่สุด มากที่สุด แล้วก็คุ้มที่สุด กับทุกอุตสาหกรรม ถ้าเราได้งบ 5,000 ล้านจริงตามที่เขาด่าเรา ตอนนี้ผลงานเราคงเยอะกว่านี้อีกหลายเท่าตัว" ปรากฎว่าถูกตั้งคำถามจากสังคมถึงนโยบายเรือธงของรัฐบาลแพทองธารว่า มีอะไรสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง นอกจากการจัดอีเวนต์ ทำไมไม่ผ่านกฎหมายทักก้า 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรอยู่ ขณะเดียวกัน นายกรุณพล เทียนสุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน แฉว่าแม้จะได้งบประมาณจากงบกลาง 635 ล้านบาท แต่ก็ไปของบจัดมหาสงกรานต์และอีเวนต์อีก ในปี 2567 ได้งบประมาณรวม 3,229.36 ล้านบาท ส่วนปี 2568 ได้งบประมาณไป 2,318.42 ล้านบาท บวกกับงบกลาง 1,336.72 ล้านบาท และงบที่ซ้ำในกระทรวงอื่นๆ 2,082.85 ล้านบาท เท่ากับ 5,737.99 ล้านบาท รวม 2 ปีใช้เงินไป 8,967.35 ล้านบาท หน่วยงานนี้ยังไม่มีเพราะไม่มีกฎหมายเข้าสภาฯ มีเพียงสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) ดูแลประสานงานเท่านั้น ด้านนายอภิสิทธิ์ ไล่ศัตรูไกล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อดีตผู้อำนวยการศูนย์สร้างสรรค์การออกแบบ (TCDC) ระบุเพิ่มเติมว่า THACCA ยังไม่ได้จัดตั้งเป็นหน่วยงานส่วนราชการ ไม่มีงบประมาณเป็นของตัวเอง ไม่มีตัวตนอยู่จริง เป็นการกระจายงบประมาณไปยังกระทรวงและกรมต่างๆ โครงการสำคัญอย่าง OFOS (One family one soft power) มีเป้าหมายอบรมคนไทยให้ได้ 20 ล้านคนภายใน 4 ปี แต่พบว่า 2 ปีที่ผ่านมามีผู้อบรมเพียง 20,355 คน และโครงการ OFOS อาหาร ตั้งเป้าหมาย 10,000 คน แต่มีผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเพียง 1,300 คน ส่วนในปี 2569 ได้ของบประมาณอีก 3,900 ล้านบาท แต่หลังจาก น.ส.แพทองธารพ้นตำแหน่ง ทำให้คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์สิ้นสภาพไปด้วย แต่งบฯ ยังคงกระจายไปหน่วยงานอื่น ตนในฐานะ สส. จะติดตามตรวจสอบการใช้เงินงบประมาณก้อนนี้ต่อไป #Newskit
    Like
    Haha
    2
    1 Comments 0 Shares 231 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก
    อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้
    ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง
    เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ
    อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด
    ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc.
    ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้ ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc. ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 1 : พี่เลี้ยงนางนม
    อเมริกาพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ที่วันนี้กำลังถูกท้าทาย จะรักษาตำแหน่งหมายเลขหนึ่งได้หรือไม่ ได้อีกนานเท่าไร ชาวโลกกำลังจับตามอง อเมริกา ขยับขา อ้าแขน แหกปาก ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นข่าวไปทั่วโลก แต่เป็นข่าวในทางร้ายมากกว่าดี แต่ถึงอย่างนี้ก็ยังมีชาวโลกสวยชื่นชอบอเมริกา ผู้นำความเจริญมาสู่โลก ผู้นำเศรษฐกิจเสรี โลกาภิวัฒน์มันไปทุกอย่าง ไม่ ว่าการค้า การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่มีอเมริกาเป็นเพื่อน ไม่มีอเมริกาตบหัวลูบหลัง หรืออเมริกาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นจะตายเสียให้ได้
    แต่ถ้าถามชาวแหกคอกไม่ว่าพันธ์เทศพันธ์ไทย ต่างบอก ถุด ! อเมริกา มันก็แค่นักล่า(อาณานิคม)รุ่นใหม่ กระสันอยากจะป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ใจไม่ถึงที่จะประกาศให้โลกรู้ ได้แต่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก อย่างงี้นักเลงจริงเขาดูถูก (โปรดนึกถึงหน้าพี่ปูตินเวลาพูดกับนายโอบามาก็แล้วกัน) แล้วสมันน้อยว่าไงจ๊ะ เห็นอเมริกาเป็นพี่เบิ้ม ผู้นำ ผู้พิทักษ์ ผู้ปกครอง ฯลฯ หรือเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ไม่ต่างกับจิ๊กโก๋ปากซอย กล้าเบ่งแต่กับผู้อ่อนแอกว่า เจอนักเลงใหญ่อย่างพี่ปู หรือแค่อาเฮียยืนหน้าเฉย อย่าติดเบรคใส่เกียร์ว่างก็แล้วกัน
    แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพึ่งลงมติ นี่ยังไม่ถึงตีสี่ มีเวลาตัดสินใจ อ่านนิทานกันไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน อ่านๆไปก็จะมองออกเองแหละ ว่าอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์ของโลกสวย หรือเป็นนักล่าของชาวแหกคอก รู้จักเขาให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวเองหรือปฏิบัติกับอเมริกาอย่างไร
    นักวิเคราะห์การเมืองรุ่นใหม่(สมัยนั้น) ต่างประสานเสียงเชียร์ บอกว่าอเมริกาเป็นนักล่าแน่นอนที่สุดและไม่ได้เป็นนักล่าแบบอุบัติเหตุ ไม่ใช่ประเภทเป็นเด็กกำพร้าไม่มีใครเลี้ยงดู เลยต้องปากถีบตีนกัด ออกมาล่าเหยื่อเลี้ยงตัวเองตั้งกะเด็ก ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อเมริกาเป็นลูกคนรวย ที่ถูกเลี้ยง ถูกฝึก ถูกเลือกให้เป็นนักล่าเหยื่อต่างหาก ถูกเลือก เข้าใจไหม (America was chosen to be an empire) มันมีการวางยุทธศาสตร์ หารือ วางแผนและปฏิบัติการให้อเมริกาเป็นนักล่าเป็น American Empire !
    เอาละซิ แล้วใครล่ะที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม เป็นคนฝึก เป็นคนวางแผนให้อเมริกาเป็นนักล่า จะรู้ให้แน่ต้องแกะรอยเก่าของนักล่าย้อนไปให้เห็นภาพตั้งแต่ ยังเป็นละอ่อน เริ่มตั้งไข่ ดูว่าเขาหัดเดิน หัดคลานอย่างไร ใครเป็นพี่เลี้ยง เป็นพี่เลี้ยงแบบไหน ประเภทวิ่งไปตามเนินเขา แล้วร้องเพลง The Sound of Music หรือเปล่า (ท่านที่เกิดไม่ทันหนังเรื่องนี้ ขออำไพนะครับ ถึงไม่เคยดู ก็น่าจะเคยได้ยินเพลงบ้างน่า พระเอกมีลูกเป็นพรวน เมียตาย หรือไงเนี่ย ผมก็จำไม่ค่อยได้ จ้างนางเอกมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็ก ในที่สุดพระเอกก็รักกับคุณพี่เลี้ยงตามฟอร์ม เด็กก็ดีใจไชโย เรื่องแสนจะธรรมดา สมัยนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนจนแบบเดาไมได้ ไม่ใช่หนังจบแล้ว หันหน้ามองกัน เลิกลั่ก มึนไปหมด ไม่มีครับ) หรือถ้าไม่เป็นพี่เลี้ยงแต่เป็นแม่เลี้ยง แบบแม่เลี้ยงใจร้ายของหนูน้อย Cinderella หนังการ์ตูนยอดฮิตของ Walt Disney ก่อนมาทำเป็นหนังใหญ่ เห็นไหมครับ ขนาดจะอธิบายเรื่องพี่เลี้ยง แม่เลี้ยง ยังต้องยกตัวอย่างหนัง Hollywood เลย เห็นอิทธิพลของเขาไหม จะให้ยกตัวอย่างเป็นปลาบู่ทอง จะมีใครรู้เรื่องบ้าง
    ผู้ที่ร่วมมือกัน ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ป้อนนม ป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม จับอเมริกาตั้งไข่ หัดเดิน ซ้อมให้เป็นนักล่า ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมอเมริกา คือ พวก Elites นั่นแหละ ที่ประกอบด้วย นายธนาคารและบรรดาบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของอเมริกา (Americas Industrial Revolution) ในปลายศตวรรษที่ 19 รวมทั้งพวกมูลนิธิ ที่อ้างตัวว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ Philanthropic Foundations (พวกมูลนิธิแบบนี้น่ะในบ้านเราก็มีจับตากันให้ดี สอดไส้กันง่ายเหลือเกิน) สถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ และสถาบันที่เป็นถังความคิด (Think Tank) รวมทั้งกลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเดินกร่างอยู่บนเส้นทางของอำนาจ สรุปง่ายๆ ว่าเป็นกลุ่มคน ที่ถ้าเปรียบแบบฝรั่ง เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนพวก cream หรือ topping ที่อยู่ชั้นบนสุดของขนมเค้กนั่นแหละ คือกลุ่มผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนักล่า
    ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้น พี่เลี้ยงนักล่าที่เดินร้องเพลงเชียร์นำมาก่อนคือพวกนักยุทธศาสตร์อเมริกัน เริ่มประสานเสียงเรียกหา New Global American Empire จักรวรรดิอเมริกาที่จะครองโลกอ ยู่ไหน นำโดย Henry R. Luce บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Yale ผู้ก่อตั้งหนังสือ Time Magazine, Life และ Fortune ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการสำนักพิมพ์ ที่มีอิทธิพลในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 และเป็นหัวหน้ากองเชียร์ เสียงดังของพรรค Republican ซึ่งต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย ขนาดไปเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกนักการเมืองเผด็จการทางฝั่งยุโรป เช่น Mussolini ของอิตาลีและพวกนาซีของเยอรมัน ด้วยความเชื่อว่าวิถีของเผด็จการ จะหยุดการแพร่พันธ์ของคอมมิวนิสต์ได้ เชื่อกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    ในปี ค.ศ.1941 นาย Luce เขียนบทความดังเป็นพลุแตก (แบบนิทานจิกโก๋ปากซอย ฮา) ลงในนิตยสาร Life ชื่อ The American Century ศตวรรษของอเมริกา เขาบอกว่าศตวรรษที่ 20 นี้ จะเป็นเวลาของอเมริกา เป็นช่วงเวลาที่โลกจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้นำโลกตัวจริงมาแล้ว มันไม่เหมือนกับการเป็นจักรวรรดิแบบโรม หรือเจ็งกิสข่านหรือจักรภพอังกฤษ ที่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะเป็นจักรวรรดิเพื่อมนุษย์ชาติทั้งปวง ไม่ใช่เฉพาะแต่อเมริกันชนเท่านั้น ว่าเข้านั่น พูดแบบอเมริกันแท้ ไม่มีเทียมเลยคุณพี่ คุณพี่ Luce นี่นอกจากเชียร์สุดลิ่ม และยังเป็นนักฝันดีอีกด้วย
    ในขณะที่นาย Luce เป็นนักร้องนำ เขียนบทความสรรเสริญอเมริกา ลงทุนผ่านปากกา แต่ผู้ที่ลงแรง ลงมือ ลงขัน จัดการให้ ศตวรรษอเมริกาเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มาจากความคิดริเริ่มและการผลัก ดันของ the Council on Foreign Relations (CFR) กลุ่มนักคิด นักวางแผนโคตรชั่ว ตัวแสบนั่นเอง และนักยุทธศาสตร์คนสำคัญ CFR ที่เป็นหัวรถจักร ของรถไฟสายพี่เลี้ยง คือนาย Dean Acheson นาย Acheson นี้ มีประวัติน่าสนใจ เขาเป็นทนายความ ต่อมาเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าวงการ เมือง ไต่กระไดขึ้นมาเรื่อย จนในที่สุดได้เป็น Secretary of State ช่วงปี ค.ศ.1949 – 1953 สมัยนาย Truman เป็นประธานาธิบดี เขามีส่วนสำคัญในการร่างนโยบาย ตปท. ของอเมริกาในช่วงสงครามเย็น (เอ! ใครเอาอย่างนะ จากทนายหน้าหอ มาเป็น รอ มอ ตอ ต่างประเทศ)
    ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939 เมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์ นาย Acheson เขียนหนังสือเรื่อง An American Attitude เป็นใบสั่งล่วงหน้าว่า หลัง สงครามโลกจบ อเมริกาจะต้องทำอะบ้าง (เขาสั่งกันได้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปร่วมทำสงคราม) สิ่งที่สำคัญอเมริกาจะต้องทำคือ ทำให้โลกมีเสรีภาพในทางเศรษฐกิจการค้า หลังจากนั้นนาย Acheson ก็เป็นหนึ่งในคณะผู้ทำงานของ CFR ในการวางแผน ตั้งไข่ ให้แก่นักล่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง
    แม้ว่าอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปลายปี ค.ศ.1941 แต่ CFR วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อเมริกาจะต้องเข้าสู่สงครามโลก เลิกยืนกอดอกดูอยู่ข้างสนามแบบนั้นมันจะไปได้เรื่องอะไร กระโดดลงไปในสนามรบได้แล้ว อันที่จริงพวกเขาวางแผนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ ที่จะให้อเมริกากระโจนลงไปในสนามรบ
    คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 1 : พี่เลี้ยงนางนม อเมริกาพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ที่วันนี้กำลังถูกท้าทาย จะรักษาตำแหน่งหมายเลขหนึ่งได้หรือไม่ ได้อีกนานเท่าไร ชาวโลกกำลังจับตามอง อเมริกา ขยับขา อ้าแขน แหกปาก ไม่ว่าจะทำอะไรเป็นข่าวไปทั่วโลก แต่เป็นข่าวในทางร้ายมากกว่าดี แต่ถึงอย่างนี้ก็ยังมีชาวโลกสวยชื่นชอบอเมริกา ผู้นำความเจริญมาสู่โลก ผู้นำเศรษฐกิจเสรี โลกาภิวัฒน์มันไปทุกอย่าง ไม่ ว่าการค้า การศึกษา วัฒนธรรม ฯลฯ ไม่มีอเมริกาเป็นเพื่อน ไม่มีอเมริกาตบหัวลูบหลัง หรืออเมริกาไม่เห็นด้วย ไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นจะตายเสียให้ได้ แต่ถ้าถามชาวแหกคอกไม่ว่าพันธ์เทศพันธ์ไทย ต่างบอก ถุด ! อเมริกา มันก็แค่นักล่า(อาณานิคม)รุ่นใหม่ กระสันอยากจะป็นจักรวรรดิอเมริกา แต่ใจไม่ถึงที่จะประกาศให้โลกรู้ ได้แต่ทำตัวหน้าไหว้หลังหลอก อย่างงี้นักเลงจริงเขาดูถูก (โปรดนึกถึงหน้าพี่ปูตินเวลาพูดกับนายโอบามาก็แล้วกัน) แล้วสมันน้อยว่าไงจ๊ะ เห็นอเมริกาเป็นพี่เบิ้ม ผู้นำ ผู้พิทักษ์ ผู้ปกครอง ฯลฯ หรือเป็นนักล่ารุ่นใหม่ ไม่ต่างกับจิ๊กโก๋ปากซอย กล้าเบ่งแต่กับผู้อ่อนแอกว่า เจอนักเลงใหญ่อย่างพี่ปู หรือแค่อาเฮียยืนหน้าเฉย อย่าติดเบรคใส่เกียร์ว่างก็แล้วกัน แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพึ่งลงมติ นี่ยังไม่ถึงตีสี่ มีเวลาตัดสินใจ อ่านนิทานกันไปเรื่อยๆก่อนแล้วกัน อ่านๆไปก็จะมองออกเองแหละ ว่าอเมริกาเป็นพี่เบิ้มผู้พิทักษ์ของโลกสวย หรือเป็นนักล่าของชาวแหกคอก รู้จักเขาให้ชัดเจน จะได้รู้ว่าควรจะปฏิบัติตัวเองหรือปฏิบัติกับอเมริกาอย่างไร นักวิเคราะห์การเมืองรุ่นใหม่(สมัยนั้น) ต่างประสานเสียงเชียร์ บอกว่าอเมริกาเป็นนักล่าแน่นอนที่สุดและไม่ได้เป็นนักล่าแบบอุบัติเหตุ ไม่ใช่ประเภทเป็นเด็กกำพร้าไม่มีใครเลี้ยงดู เลยต้องปากถีบตีนกัด ออกมาล่าเหยื่อเลี้ยงตัวเองตั้งกะเด็ก ไม่ใช่นะ อย่าเข้าใจผิดเด็ดขาด อเมริกาเป็นลูกคนรวย ที่ถูกเลี้ยง ถูกฝึก ถูกเลือกให้เป็นนักล่าเหยื่อต่างหาก ถูกเลือก เข้าใจไหม (America was chosen to be an empire) มันมีการวางยุทธศาสตร์ หารือ วางแผนและปฏิบัติการให้อเมริกาเป็นนักล่าเป็น American Empire ! เอาละซิ แล้วใครล่ะที่เป็นพี่เลี้ยงนางนม เป็นคนฝึก เป็นคนวางแผนให้อเมริกาเป็นนักล่า จะรู้ให้แน่ต้องแกะรอยเก่าของนักล่าย้อนไปให้เห็นภาพตั้งแต่ ยังเป็นละอ่อน เริ่มตั้งไข่ ดูว่าเขาหัดเดิน หัดคลานอย่างไร ใครเป็นพี่เลี้ยง เป็นพี่เลี้ยงแบบไหน ประเภทวิ่งไปตามเนินเขา แล้วร้องเพลง The Sound of Music หรือเปล่า (ท่านที่เกิดไม่ทันหนังเรื่องนี้ ขออำไพนะครับ ถึงไม่เคยดู ก็น่าจะเคยได้ยินเพลงบ้างน่า พระเอกมีลูกเป็นพรวน เมียตาย หรือไงเนี่ย ผมก็จำไม่ค่อยได้ จ้างนางเอกมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดูแลเด็ก ในที่สุดพระเอกก็รักกับคุณพี่เลี้ยงตามฟอร์ม เด็กก็ดีใจไชโย เรื่องแสนจะธรรมดา สมัยนั้น ไม่มีอะไรซับซ้อนจนแบบเดาไมได้ ไม่ใช่หนังจบแล้ว หันหน้ามองกัน เลิกลั่ก มึนไปหมด ไม่มีครับ) หรือถ้าไม่เป็นพี่เลี้ยงแต่เป็นแม่เลี้ยง แบบแม่เลี้ยงใจร้ายของหนูน้อย Cinderella หนังการ์ตูนยอดฮิตของ Walt Disney ก่อนมาทำเป็นหนังใหญ่ เห็นไหมครับ ขนาดจะอธิบายเรื่องพี่เลี้ยง แม่เลี้ยง ยังต้องยกตัวอย่างหนัง Hollywood เลย เห็นอิทธิพลของเขาไหม จะให้ยกตัวอย่างเป็นปลาบู่ทอง จะมีใครรู้เรื่องบ้าง ผู้ที่ร่วมมือกัน ทำหน้าที่พี่เลี้ยง ป้อนนม ป้อนน้ำ เปลี่ยนผ้าอ้อม จับอเมริกาตั้งไข่ หัดเดิน ซ้อมให้เป็นนักล่า ไม่ใช่ใครที่ไหนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่เป็นกลุ่มชนชั้นนำในสังคมอเมริกา คือ พวก Elites นั่นแหละ ที่ประกอบด้วย นายธนาคารและบรรดาบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมของอเมริกา (Americas Industrial Revolution) ในปลายศตวรรษที่ 19 รวมทั้งพวกมูลนิธิ ที่อ้างตัวว่าก่อตั้งขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ Philanthropic Foundations (พวกมูลนิธิแบบนี้น่ะในบ้านเราก็มีจับตากันให้ดี สอดไส้กันง่ายเหลือเกิน) สถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ และสถาบันที่เป็นถังความคิด (Think Tank) รวมทั้งกลุ่มทุนธุรกิจ ซึ่งเดินกร่างอยู่บนเส้นทางของอำนาจ สรุปง่ายๆ ว่าเป็นกลุ่มคน ที่ถ้าเปรียบแบบฝรั่ง เขาก็จะบอกว่าเป็นเหมือนพวก cream หรือ topping ที่อยู่ชั้นบนสุดของขนมเค้กนั่นแหละ คือกลุ่มผู้ที่ทำหน้าที่พี่เลี้ยงนักล่า ก่อนที่สงครามโลกครั้งที่ 2 จะเริ่มต้น พี่เลี้ยงนักล่าที่เดินร้องเพลงเชียร์นำมาก่อนคือพวกนักยุทธศาสตร์อเมริกัน เริ่มประสานเสียงเรียกหา New Global American Empire จักรวรรดิอเมริกาที่จะครองโลกอ ยู่ไหน นำโดย Henry R. Luce บัณฑิตจากมหาวิทยาลัย Yale ผู้ก่อตั้งหนังสือ Time Magazine, Life และ Fortune ซึ่งเป็นลูกพี่ใหญ่ในวงการสำนักพิมพ์ ที่มีอิทธิพลในช่วงครึ่งแรกของศตวรรษที่ 20 และเป็นหัวหน้ากองเชียร์ เสียงดังของพรรค Republican ซึ่งต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์อย่างเปิดเผย ขนาดไปเป็นที่ปรึกษาให้กับพวกนักการเมืองเผด็จการทางฝั่งยุโรป เช่น Mussolini ของอิตาลีและพวกนาซีของเยอรมัน ด้วยความเชื่อว่าวิถีของเผด็จการ จะหยุดการแพร่พันธ์ของคอมมิวนิสต์ได้ เชื่อกันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในปี ค.ศ.1941 นาย Luce เขียนบทความดังเป็นพลุแตก (แบบนิทานจิกโก๋ปากซอย ฮา) ลงในนิตยสาร Life ชื่อ The American Century ศตวรรษของอเมริกา เขาบอกว่าศตวรรษที่ 20 นี้ จะเป็นเวลาของอเมริกา เป็นช่วงเวลาที่โลกจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้นำโลกตัวจริงมาแล้ว มันไม่เหมือนกับการเป็นจักรวรรดิแบบโรม หรือเจ็งกิสข่านหรือจักรภพอังกฤษ ที่ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่จะเป็นจักรวรรดิเพื่อมนุษย์ชาติทั้งปวง ไม่ใช่เฉพาะแต่อเมริกันชนเท่านั้น ว่าเข้านั่น พูดแบบอเมริกันแท้ ไม่มีเทียมเลยคุณพี่ คุณพี่ Luce นี่นอกจากเชียร์สุดลิ่ม และยังเป็นนักฝันดีอีกด้วย ในขณะที่นาย Luce เป็นนักร้องนำ เขียนบทความสรรเสริญอเมริกา ลงทุนผ่านปากกา แต่ผู้ที่ลงแรง ลงมือ ลงขัน จัดการให้ ศตวรรษอเมริกาเกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมด มาจากความคิดริเริ่มและการผลัก ดันของ the Council on Foreign Relations (CFR) กลุ่มนักคิด นักวางแผนโคตรชั่ว ตัวแสบนั่นเอง และนักยุทธศาสตร์คนสำคัญ CFR ที่เป็นหัวรถจักร ของรถไฟสายพี่เลี้ยง คือนาย Dean Acheson นาย Acheson นี้ มีประวัติน่าสนใจ เขาเป็นทนายความ ต่อมาเปลี่ยนเส้นทางมาเข้าวงการ เมือง ไต่กระไดขึ้นมาเรื่อย จนในที่สุดได้เป็น Secretary of State ช่วงปี ค.ศ.1949 – 1953 สมัยนาย Truman เป็นประธานาธิบดี เขามีส่วนสำคัญในการร่างนโยบาย ตปท. ของอเมริกาในช่วงสงครามเย็น (เอ! ใครเอาอย่างนะ จากทนายหน้าหอ มาเป็น รอ มอ ตอ ต่างประเทศ) ตั้งแต่ปี ค.ศ.1939 เมื่อเยอรมันบุกโปแลนด์ นาย Acheson เขียนหนังสือเรื่อง An American Attitude เป็นใบสั่งล่วงหน้าว่า หลัง สงครามโลกจบ อเมริกาจะต้องทำอะบ้าง (เขาสั่งกันได้ตั้งแต่ก่อนเข้าไปร่วมทำสงคราม) สิ่งที่สำคัญอเมริกาจะต้องทำคือ ทำให้โลกมีเสรีภาพในทางเศรษฐกิจการค้า หลังจากนั้นนาย Acheson ก็เป็นหนึ่งในคณะผู้ทำงานของ CFR ในการวางแผน ตั้งไข่ ให้แก่นักล่า หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง แม้ว่าอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างเป็นทางการในปลายปี ค.ศ.1941 แต่ CFR วางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วว่า อเมริกาจะต้องเข้าสู่สงครามโลก เลิกยืนกอดอกดูอยู่ข้างสนามแบบนั้นมันจะไปได้เรื่องอะไร กระโดดลงไปในสนามรบได้แล้ว อันที่จริงพวกเขาวางแผนตั้งแต่ก่อนสงครามโลกจะเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ ที่จะให้อเมริกากระโจนลงไปในสนามรบ คนเล่านิทาน
29 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 309 Views 0 Reviews
  • “OpenAI ผนึก Broadcom สร้างชิป Titan — ยุทธศาสตร์ใหม่ลดพึ่งพา Nvidia ด้วยคำสั่งซื้อ $10 พันล้าน และเป้าหมายสู่ AGI”

    ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI รุนแรงขึ้นทุกวัน OpenAI กำลังเดินเกมใหม่ที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยการร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนาชิปประมวลผล AI แบบกำหนดเอง (custom ASIC) ภายใต้ชื่อ “Titan” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ซึ่งมีราคาสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง

    Broadcom ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ตโฟน ได้ขยายเข้าสู่ตลาด data center และกลายเป็นผู้นำด้านการออกแบบ XPU สำหรับงาน AI โดยก่อนหน้านี้มีลูกค้าระดับยักษ์อย่าง Google, Meta และ ByteDance ล่าสุด OpenAI กลายเป็นลูกค้ารายที่สี่ พร้อมสั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่ากว่า $10 พันล้าน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 20262

    ชิป Titan จะถูกใช้สำหรับงาน inference โดยเฉพาะ และนำโดย Richard Ho อดีตวิศวกรผู้ออกแบบ Google TPU ซึ่งแสดงให้เห็นว่า OpenAI ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ที่มีเป้าหมายสู่ AGI ภายใน 4 ปี

    การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI ประสบปัญหาขาดแคลน GPU อย่างหนักในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งส่งผลให้การเปิดตัว GPT-4.5 ล่าช้า แม้จะมีเงินทุนจาก Microsoft และการระดมทุนรอบ Series F และการขายหุ้นภายในที่ดันมูลค่าบริษัทขึ้นถึง $500 พันล้าน แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นภาระที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน

    ความร่วมมือระหว่าง OpenAI และ Broadcom
    OpenAI เป็นลูกค้ารายที่ 4 ของ Broadcom ในโครงการ custom XPU
    สั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่า $10 พันล้าน เริ่มส่งมอบปี 2026
    ชิป Titan ออกแบบสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ
    นำโดย Richard Ho อดีตวิศวกร Google TPU

    เหตุผลเบื้องหลังการพัฒนา Titan
    ลดการพึ่งพา Nvidia ที่มีราคาสูงและขาดแคลน
    รองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate
    เพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน
    ตอบสนองความต้องการด้าน compute ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Broadcom ขยายจากตลาดสมาร์ตโฟนสู่ data center และ AI infrastructure
    Titan เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AGI ภายใน 4 ปีของ OpenAI
    OpenAI เคยพึ่ง Azure cloud ของ Microsoft แต่ต้องการควบคุมระบบมากขึ้น
    การระดมทุน Series F และการขายหุ้นภายในดันมูลค่าบริษัทถึง $500 พันล้าน

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/nvidias-biggest-customers-are-lining-up-to-take-it-down-using-asics-and-broadcom-could-be-the-winner-of-that-battle
    💥 “OpenAI ผนึก Broadcom สร้างชิป Titan — ยุทธศาสตร์ใหม่ลดพึ่งพา Nvidia ด้วยคำสั่งซื้อ $10 พันล้าน และเป้าหมายสู่ AGI” ในยุคที่การแข่งขันด้าน AI รุนแรงขึ้นทุกวัน OpenAI กำลังเดินเกมใหม่ที่อาจเปลี่ยนสมดุลของอุตสาหกรรมฮาร์ดแวร์ ด้วยการร่วมมือกับ Broadcom เพื่อพัฒนาชิปประมวลผล AI แบบกำหนดเอง (custom ASIC) ภายใต้ชื่อ “Titan” โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการพึ่งพา GPU จาก Nvidia ซึ่งมีราคาสูงและขาดแคลนอย่างต่อเนื่อง Broadcom ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับสมาร์ตโฟน ได้ขยายเข้าสู่ตลาด data center และกลายเป็นผู้นำด้านการออกแบบ XPU สำหรับงาน AI โดยก่อนหน้านี้มีลูกค้าระดับยักษ์อย่าง Google, Meta และ ByteDance ล่าสุด OpenAI กลายเป็นลูกค้ารายที่สี่ พร้อมสั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่ากว่า $10 พันล้าน ซึ่งจะเริ่มส่งมอบในไตรมาสที่ 3 ปีงบประมาณ 20262 ชิป Titan จะถูกใช้สำหรับงาน inference โดยเฉพาะ และนำโดย Richard Ho อดีตวิศวกรผู้ออกแบบ Google TPU ซึ่งแสดงให้เห็นว่า OpenAI ต้องการควบคุมโครงสร้างพื้นฐานของตนเองอย่างจริงจัง เพื่อรองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ที่มีเป้าหมายสู่ AGI ภายใน 4 ปี การตัดสินใจนี้เกิดขึ้นหลังจาก OpenAI ประสบปัญหาขาดแคลน GPU อย่างหนักในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งส่งผลให้การเปิดตัว GPT-4.5 ล่าช้า แม้จะมีเงินทุนจาก Microsoft และการระดมทุนรอบ Series F และการขายหุ้นภายในที่ดันมูลค่าบริษัทขึ้นถึง $500 พันล้าน แต่การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานยังเป็นภาระที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ✅ ความร่วมมือระหว่าง OpenAI และ Broadcom ➡️ OpenAI เป็นลูกค้ารายที่ 4 ของ Broadcom ในโครงการ custom XPU ➡️ สั่งซื้อ rack ระบบ AI มูลค่า $10 พันล้าน เริ่มส่งมอบปี 2026 ➡️ ชิป Titan ออกแบบสำหรับงาน inference โดยเฉพาะ ➡️ นำโดย Richard Ho อดีตวิศวกร Google TPU ✅ เหตุผลเบื้องหลังการพัฒนา Titan ➡️ ลดการพึ่งพา Nvidia ที่มีราคาสูงและขาดแคลน ➡️ รองรับโมเดลขนาดใหญ่ เช่น GPT-4.5 และโครงการ Stargate ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพและควบคุมต้นทุนโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ ตอบสนองความต้องการด้าน compute ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Broadcom ขยายจากตลาดสมาร์ตโฟนสู่ data center และ AI infrastructure ➡️ Titan เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ AGI ภายใน 4 ปีของ OpenAI ➡️ OpenAI เคยพึ่ง Azure cloud ของ Microsoft แต่ต้องการควบคุมระบบมากขึ้น ➡️ การระดมทุน Series F และการขายหุ้นภายในดันมูลค่าบริษัทถึง $500 พันล้าน https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/nvidias-biggest-customers-are-lining-up-to-take-it-down-using-asics-and-broadcom-could-be-the-winner-of-that-battle
    0 Comments 0 Shares 205 Views 0 Reviews
  • “AMD MegaPod 256-GPU ท้าชน Nvidia SuperPod — ยุทธศาสตร์ใหม่ในสงคราม HPC ที่ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวน แต่คือการควบคุมโครงสร้างทั้งระบบ”

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวระบบประมวลผลขนาดใหญ่ระดับ rack-scale ที่ชื่อว่า “MegaPod” ซึ่งจะใช้ GPU รุ่นใหม่ Instinct MI500 จำนวนถึง 256 ตัว พร้อมกับ CPU EPYC “Verano” รุ่นล่าสุด โดยวางแผนเปิดใช้งานในปี 2027 เพื่อแข่งขันกับ Nvidia SuperPod ที่ใช้ GPU Vera Rubin ในระบบ NVL576.

    MegaPod จะประกอบด้วย 3 แร็คหลัก โดยแร็คด้านข้างแต่ละฝั่งจะมี 32 ถาดประมวลผล (compute trays) ซึ่งแต่ละถาดจะมี 1 CPU Verano และ 4 GPU MI500 รวมเป็น 64 CPU และ 256 GPU ทั้งระบบ ส่วนแร็คกลางจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยใช้การ์ด Vulcano ที่พัฒนาจาก Pensando รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 800GbE ต่อ tray และใช้เทคโนโลยี TSMC 3nm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลด latency

    แม้ AMD จะมีจำนวนแพ็กเกจ GPU มากกว่า Nvidia (256 vs 144) แต่ Nvidia ใช้การรวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริงถึง 576 ตัวในระบบ NVL576 ซึ่งทำให้การเปรียบเทียบไม่ตรงไปตรงมา และขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการจัดการ throughput มากกว่าตัวเลขดิบ

    AMD ยังวางแผนใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และ CPU พร้อมกับ ROCm 7 ที่รองรับ FP8 และ Flash Attention 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI training และ inference โดยเฉพาะในงาน computer vision และ LLM

    โครงสร้างของ AMD MegaPod
    ประกอบด้วย 3 แร็ค: 2 แร็คด้านข้างสำหรับ compute trays และ 1 แร็คกลางสำหรับ networking
    มีทั้งหมด 64 CPU Verano และ 256 GPU MI500
    ใช้การ์ด Vulcano ที่รองรับ 800GbE ต่อ tray และผลิตด้วย TSMC 3nm
    ใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    MI500 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่พร้อม FP8 และ XMX matrix engine
    Verano CPU ใช้ Zen 7 และ PCIe Gen6 พร้อม backside power delivery
    ROCm 7 รองรับ Flash Attention 3 และ containerized LLM workloads
    ระบบออกแบบให้รองรับ AI training ขนาดใหญ่และ HPC workload

    การเปรียบเทียบกับ Nvidia SuperPod
    MegaPod มี 256 physical GPU packages เทียบกับ 144 ของ NVL576
    Nvidia รวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริง 576 ตัว
    AMD ใช้ single-GPU packages — เน้นความยืดหยุ่นและการควบคุม latency
    การเปรียบเทียบขึ้นอยู่กับ throughput และ network efficiency มากกว่าตัวเลข GPU

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AMD เคยเปิดตัว Helios rack system ในปี 2026 ด้วย MI400 และ EPYC Venice
    MI500 จะใช้ TSMC N2P หรือ A16 node พร้อม CoWoS-L packaging
    ระบบ MegaPod คาดว่าจะให้ FP4 performance สูงกว่า 3 exaFLOPS
    Vulcano switch ASIC มี throughput สูงถึง 102.4Tbps ต่อ tray

    https://www.techradar.com/pro/amd-megapod-set-to-face-nvidias-superpod-with-a-256-gpu-rack-full-with-instinct-mi500-chips
    🚀 “AMD MegaPod 256-GPU ท้าชน Nvidia SuperPod — ยุทธศาสตร์ใหม่ในสงคราม HPC ที่ไม่ใช่แค่เรื่องจำนวน แต่คือการควบคุมโครงสร้างทั้งระบบ” AMD กำลังเตรียมเปิดตัวระบบประมวลผลขนาดใหญ่ระดับ rack-scale ที่ชื่อว่า “MegaPod” ซึ่งจะใช้ GPU รุ่นใหม่ Instinct MI500 จำนวนถึง 256 ตัว พร้อมกับ CPU EPYC “Verano” รุ่นล่าสุด โดยวางแผนเปิดใช้งานในปี 2027 เพื่อแข่งขันกับ Nvidia SuperPod ที่ใช้ GPU Vera Rubin ในระบบ NVL576. MegaPod จะประกอบด้วย 3 แร็คหลัก โดยแร็คด้านข้างแต่ละฝั่งจะมี 32 ถาดประมวลผล (compute trays) ซึ่งแต่ละถาดจะมี 1 CPU Verano และ 4 GPU MI500 รวมเป็น 64 CPU และ 256 GPU ทั้งระบบ ส่วนแร็คกลางจะใช้สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย โดยใช้การ์ด Vulcano ที่พัฒนาจาก Pensando รองรับแบนด์วิดท์สูงถึง 800GbE ต่อ tray และใช้เทคโนโลยี TSMC 3nm เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลด latency แม้ AMD จะมีจำนวนแพ็กเกจ GPU มากกว่า Nvidia (256 vs 144) แต่ Nvidia ใช้การรวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริงถึง 576 ตัวในระบบ NVL576 ซึ่งทำให้การเปรียบเทียบไม่ตรงไปตรงมา และขึ้นอยู่กับการออกแบบสถาปัตยกรรมและการจัดการ throughput มากกว่าตัวเลขดิบ AMD ยังวางแผนใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อระหว่าง GPU และ CPU พร้อมกับ ROCm 7 ที่รองรับ FP8 และ Flash Attention 3 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้าน AI training และ inference โดยเฉพาะในงาน computer vision และ LLM ✅ โครงสร้างของ AMD MegaPod ➡️ ประกอบด้วย 3 แร็ค: 2 แร็คด้านข้างสำหรับ compute trays และ 1 แร็คกลางสำหรับ networking ➡️ มีทั้งหมด 64 CPU Verano และ 256 GPU MI500 ➡️ ใช้การ์ด Vulcano ที่รองรับ 800GbE ต่อ tray และผลิตด้วย TSMC 3nm ➡️ ใช้เทคโนโลยี UALink และ Ultra Ethernet เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ MI500 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่พร้อม FP8 และ XMX matrix engine ➡️ Verano CPU ใช้ Zen 7 และ PCIe Gen6 พร้อม backside power delivery ➡️ ROCm 7 รองรับ Flash Attention 3 และ containerized LLM workloads ➡️ ระบบออกแบบให้รองรับ AI training ขนาดใหญ่และ HPC workload ✅ การเปรียบเทียบกับ Nvidia SuperPod ➡️ MegaPod มี 256 physical GPU packages เทียบกับ 144 ของ NVL576 ➡️ Nvidia รวม 4 GPU ต่อแพ็กเกจ ทำให้มี GPU จริง 576 ตัว ➡️ AMD ใช้ single-GPU packages — เน้นความยืดหยุ่นและการควบคุม latency ➡️ การเปรียบเทียบขึ้นอยู่กับ throughput และ network efficiency มากกว่าตัวเลข GPU ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AMD เคยเปิดตัว Helios rack system ในปี 2026 ด้วย MI400 และ EPYC Venice ➡️ MI500 จะใช้ TSMC N2P หรือ A16 node พร้อม CoWoS-L packaging ➡️ ระบบ MegaPod คาดว่าจะให้ FP4 performance สูงกว่า 3 exaFLOPS ➡️ Vulcano switch ASIC มี throughput สูงถึง 102.4Tbps ต่อ tray https://www.techradar.com/pro/amd-megapod-set-to-face-nvidias-superpod-with-a-256-gpu-rack-full-with-instinct-mi500-chips
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • Santorini Cruise Port ท่าเรือโบราณที่เรียกว่า Skala หรือ Old Port of Fira เดิมท่าเรือนี้เคยเป็นจุดศูนย์กลางการค้าหลักของเกาะ แต่เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา ท่าเปลี่ยนมาเป็นจุดรับนักท่องเที่ยวล่องเรือสำราญแทน 🏖

    Oia Village - หมู่บ้านโอเอีย
    หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในซานโตรินี อดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน เนื่องจากวิวพระอาทิตย์ตกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดที่โรแมนติกที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเหนือทะเลอีเจียน โอเอียเป็นแหล่งรวมอาคารสีขาวสะอาดตา

    Imerovigli Village - หมู่บ้านอิโมโรวิกลี
    หมู่บ้านอิโมโรวิกลีได้รับฉายาว่า "ระเบียงของซานโตรินี" เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของหน้าผาที่หันหน้าออกสู่แอ่งภูเขาไฟ Caldera ในอดีต ที่นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันการรุกรานของศัตรู

    Perissa Black Beach - ชายหาดสีดำ
    ชายหาดเพริสซาเป็นชายหาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื่องจากทรายสีดำที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งในซานโตรินี

    Santo Wines Winery - โรงไวน์
    โรงไวน์ซานโต้เป็นหนึ่งในโรงไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในซานโตรินีก่อตั้งขึ้นในปี 1947 และตั้งอยู่บนหน้าผาที่มีวิวพาโนรามาของทะเลอีเจียน ที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก

    สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #SantoriniCruisePort #Skala #OldPortofFira #Greece #OiaVillage #ImerovigliVillage #PerissaBlackBeach #SantoWinesWinery #port #cruisedomain
    ✨Santorini Cruise Port ท่าเรือโบราณที่เรียกว่า Skala หรือ Old Port of Fira เดิมท่าเรือนี้เคยเป็นจุดศูนย์กลางการค้าหลักของเกาะ แต่เมื่อการท่องเที่ยวเติบโตขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ผ่านมา ท่าเปลี่ยนมาเป็นจุดรับนักท่องเที่ยวล่องเรือสำราญแทน 🏖 ✅ Oia Village - หมู่บ้านโอเอีย หมู่บ้านที่มีชื่อเสียงที่สุดในซานโตรินี อดีตเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน เนื่องจากวิวพระอาทิตย์ตกที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นจุดที่โรแมนติกที่สุดในโลก ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงเหนือทะเลอีเจียน โอเอียเป็นแหล่งรวมอาคารสีขาวสะอาดตา ✅ Imerovigli Village - หมู่บ้านอิโมโรวิกลี หมู่บ้านอิโมโรวิกลีได้รับฉายาว่า "ระเบียงของซานโตรินี" เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดของหน้าผาที่หันหน้าออกสู่แอ่งภูเขาไฟ Caldera ในอดีต ที่นี่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันการรุกรานของศัตรู ✅ Perissa Black Beach - ชายหาดสีดำ ชายหาดเพริสซาเป็นชายหาดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเนื่องจากทรายสีดำที่เกิดจากลาวาภูเขาไฟ เป็นชายหาดที่ยาวที่สุดแห่งหนึ่งในซานโตรินี ✅ Santo Wines Winery - โรงไวน์ โรงไวน์ซานโต้เป็นหนึ่งในโรงไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในซานโตรินีก่อตั้งขึ้นในปี 1947 และตั้งอยู่บนหน้าผาที่มีวิวพาโนรามาของทะเลอีเจียน ที่นี่เป็นแหล่งผลิตไวน์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #SantoriniCruisePort #Skala #OldPortofFira #Greece #OiaVillage #ImerovigliVillage #PerissaBlackBeach #SantoWinesWinery #port #cruisedomain
    0 Comments 0 Shares 245 Views 0 Reviews
  • ..มาถูกจังหวะมาก,อินเดียในปัจจุบันนี้ไม่กากแล้ว,ชนชั้นกลางถึงบนเขาไม่กระจอกนะ,คนของอินเดียเริ่มใช้ยุทธศาสตร์แบบจีนแล้วคือกลืนไปกับชาตินั้นๆ คนอินเดียมีเยอะแยะมากในไทย,
    ..อินเดียคือมิตรประเทศหนึ่งที่ดีช่วงหนึ่ง หนังอินเดียมาตีตลาดในไทยอย่างไม่ธรรมดา ผู้นำเราต่างหากที่กำหนดทิศทางสัมพันธ์จริงๆ เราจึงขาดการติดต่อไปนาน.
    ..จีนกับอินเดีย ไม่ถูกกันลึกๆอยู่แล้ว ตามที่เราเห็นข่าวตลอดมาๆประจำภูมิภาคเรา,ผลประโยชน์ต่างตอบแทนจึงอยู่ร่วมกันได้,
    ..คบกับอินเดียไว้ไม่เสียหายอะไร.
    ..ในเอเชียนี้ มีอินเดียกับจีนเท่านั้น เห็นเด่นชัดที่สุดแถวนี้,อินโดฯลองลงมาก .

    https://youtube.com/watch?v=_zEjLZ60ZwM&si=VcpBn0QGTHGQ6uId


    https://youtube.com/watch?v=_zEjLZ60ZwM&si=VcpBn0QGTHGQ6uId
    ..มาถูกจังหวะมาก,อินเดียในปัจจุบันนี้ไม่กากแล้ว,ชนชั้นกลางถึงบนเขาไม่กระจอกนะ,คนของอินเดียเริ่มใช้ยุทธศาสตร์แบบจีนแล้วคือกลืนไปกับชาตินั้นๆ คนอินเดียมีเยอะแยะมากในไทย, ..อินเดียคือมิตรประเทศหนึ่งที่ดีช่วงหนึ่ง หนังอินเดียมาตีตลาดในไทยอย่างไม่ธรรมดา ผู้นำเราต่างหากที่กำหนดทิศทางสัมพันธ์จริงๆ เราจึงขาดการติดต่อไปนาน. ..จีนกับอินเดีย ไม่ถูกกันลึกๆอยู่แล้ว ตามที่เราเห็นข่าวตลอดมาๆประจำภูมิภาคเรา,ผลประโยชน์ต่างตอบแทนจึงอยู่ร่วมกันได้, ..คบกับอินเดียไว้ไม่เสียหายอะไร. ..ในเอเชียนี้ มีอินเดียกับจีนเท่านั้น เห็นเด่นชัดที่สุดแถวนี้,อินโดฯลองลงมาก . https://youtube.com/watch?v=_zEjLZ60ZwM&si=VcpBn0QGTHGQ6uId https://youtube.com/watch?v=_zEjLZ60ZwM&si=VcpBn0QGTHGQ6uId
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • “Intel ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! Michelle Holthaus อำลาหลังรับใช้บริษัทกว่า 30 ปี”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่าง Intel แล้ววันหนึ่งคุณต้องตัดสินใจอำลาตำแหน่ง หลังจากร่วมสร้างและขับเคลื่อนองค์กรมากว่า 30 ปี — นั่นคือเรื่องราวของ Michelle Johnston Holthaus ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่เพิ่งประกาศลาออกท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างผู้บริหารของบริษัท

    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan พยายามพลิกฟื้น Intel จากภาวะตกต่ำ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “ลดชั้นการบริหาร” และ “เร่งการตัดสินใจ” เพื่อให้ทีมพัฒนาชิปสามารถรายงานตรงถึงตัวเขาได้ทันที

    Michelle Holthaus เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO หลังจาก Pat Gelsinger ถูกปลด และยังเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย Client Computing Group และ Chief Revenue Officer มาก่อน เธอจะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้

    นอกจากการอำลาของ Holthaus ยังมีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่หลายตำแหน่ง เช่น Kevork Kechichian จาก Arm มารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center, Srinivasan Iyengar รับหน้าที่สร้างกลุ่ม Central Engineering ใหม่ และ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ

    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศแผนเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel และเรียกร้องให้ Tan ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ — ทำให้สถานการณ์ของ Intel ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของ Intel
    Michelle Holthaus อำลาหลังทำงานกับ Intel มากกว่า 30 ปี
    เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO และหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์
    จะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    CEO Lip-Bu Tan ปรับโครงสร้างให้ทีมชิปรายงานตรงถึงตัวเอง

    การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่
    Kevork Kechichian จาก Arm รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center
    Srinivasan Iyengar นำทีม Central Engineering และธุรกิจ custom silicon
    Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ
    Naga Chandrasekaran ขยายบทบาทใน Intel Foundry ให้ครอบคลุม Foundry Services

    บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อควบคุมเชิงยุทธศาสตร์
    ประธานาธิบดี Trump เรียกร้องให้ CEO Tan ลาออกจากตำแหน่ง
    การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดและภาครัฐ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/intel-product-chief-michelle-holthaus-to-leave-company
    🔄 “Intel ปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่! Michelle Holthaus อำลาหลังรับใช้บริษัทกว่า 30 ปี” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นหนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเทคโนโลยีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอย่าง Intel แล้ววันหนึ่งคุณต้องตัดสินใจอำลาตำแหน่ง หลังจากร่วมสร้างและขับเคลื่อนองค์กรมากว่า 30 ปี — นั่นคือเรื่องราวของ Michelle Johnston Holthaus ผู้บริหารฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Intel ที่เพิ่งประกาศลาออกท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโครงสร้างผู้บริหารของบริษัท การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan พยายามพลิกฟื้น Intel จากภาวะตกต่ำ โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือ “ลดชั้นการบริหาร” และ “เร่งการตัดสินใจ” เพื่อให้ทีมพัฒนาชิปสามารถรายงานตรงถึงตัวเขาได้ทันที Michelle Holthaus เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO หลังจาก Pat Gelsinger ถูกปลด และยังเคยเป็นหัวหน้าฝ่าย Client Computing Group และ Chief Revenue Officer มาก่อน เธอจะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้ นอกจากการอำลาของ Holthaus ยังมีการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่หลายตำแหน่ง เช่น Kevork Kechichian จาก Arm มารับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center, Srinivasan Iyengar รับหน้าที่สร้างกลุ่ม Central Engineering ใหม่ และ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้ประธานาธิบดี Donald Trump ประกาศแผนเข้าถือหุ้น 10% ใน Intel และเรียกร้องให้ Tan ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากข้อขัดแย้งทางผลประโยชน์ — ทำให้สถานการณ์ของ Intel ยิ่งตึงเครียดมากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงของ Intel ➡️ Michelle Holthaus อำลาหลังทำงานกับ Intel มากกว่า 30 ปี ➡️ เคยดำรงตำแหน่ง interim co-CEO และหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ ➡️ จะยังคงอยู่ในบทบาทที่ปรึกษาเชิงกลยุทธ์ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ➡️ CEO Lip-Bu Tan ปรับโครงสร้างให้ทีมชิปรายงานตรงถึงตัวเอง ✅ การแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ ➡️ Kevork Kechichian จาก Arm รับตำแหน่งหัวหน้ากลุ่ม Data Center ➡️ Srinivasan Iyengar นำทีม Central Engineering และธุรกิจ custom silicon ➡️ Jim Johnson ขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม Client Computing อย่างเป็นทางการ ➡️ Naga Chandrasekaran ขยายบทบาทใน Intel Foundry ให้ครอบคลุม Foundry Services ✅ บริบททางการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อควบคุมเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ประธานาธิบดี Trump เรียกร้องให้ CEO Tan ลาออกจากตำแหน่ง ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากตลาดและภาครัฐ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/intel-product-chief-michelle-holthaus-to-leave-company
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Intel announces key executive shake-up, says products chief Holthaus will exit
    (Reuters) - Intel announced a series of top executive changes on Monday, including the departure of products chief Michelle Johnston Holthaus, at a time when CEO Lip-Bu Tan intensifies efforts to turn around the struggling U.S. chipmaker.
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 7
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7
    ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty”
    ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ
    งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า !
    ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน !
    หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954
    เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 7 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 7 ระหว่างสมครามโลกลามมาถึงเอเซีย ขบวนการเสรีไทยก็แตกหน่อขยายตัว มีนักเรียนไทยในอังกฤษและอเมริกาเข้ามาร่วม พวกที่อยู่ในอเมริกา อยู่ในความดูแลของสถานฑูตไทยในวอชิงตัน ส่วนที่อังกฤษ น่าจะอยู่ในความดูแลของฑูตทหารไทยในอังกฤษ ด้านอังกฤษไม่ค่อยมีกิจกรรมมากนัก แต่ทางด้านอเมริกา ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหาร คือ ม.ล ขาบ กุญชร และผู้ช่วย ได้รับการฝึกอบรมจากทางอเมริกาและร่วมทำงานกับหน่วยงาน OSS นาย Kenneth อ้างว่าเขาเข้าร่วมวางแผนยุทธศาสตร์ เกี่ยวกับการนำสายลับ เข้าไปในไทยและก่อการวุ่นวายในประเทศ เขาเล่าว่าผู้สำเร็จราชการขณะนั้น คือ นายปริดี พนมยงค์ ลาออกจากเป็นรัฐมนตรีคลัง เพื่อเป็นผู้สำเร็จราชการ เมื่อญี่ปุ่นบุกไทย ซึ่งทำให้นายปรีดีไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับการเมืองและเคลื่อนไหวได้สะดวก เขาบอกนายปริดีนี่แหละคือคนของอเมริกา he was “our boy” และได้รับชื่อรหัสว่า “Ruth” เอาไว้ใช้ในการสื่อสารลับ อีกคนหนึ่งคือหลวงอดุลเดชจรัส ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น ก็เช่นกันและได้ชื่อรหัสว่า “Betty” ช่วงนั้นอเมริกาส่งสายลับมาเต็มอัตรา เดินกันขวักไขว่อยู่ในเอเซีย ผู้ที่เดินสายอยู่แถบอินโดจีน ส่วนมากจะเป็นพวกเสรีไทย มีบ้างที่เป็นสายลับอเมริกา ที่มีชื่อโด่งดังก็คือ นาย Jim Thompson (ซึ่งต่อมาเป็นราชาผ้าไหมไทย เจ้าของกิจการ Jim Thompson คนนั่นแหละ เรื่องของนาย Jim นี้ ก็น่าสนุกนะ มีคนเขียนชีวประวัติเขา มีขายกันทั่วไป ลองไปหาอ่านกันดู) จากการทำงานในช่วงนี้ทำให้นาย Kenneth กับนาย Jim รู้จักและสนิทสนมกัน ถึงขนาดเมื่อหนังสือของนาง Margaret ได้ถูกนำไปทำละคร ทำหนังเรื่อง The King and I นาย Jim นี่แหละเป็นคนส่งผ้าไหมไทยไปให้ตัดเย็บชุดดารา ทำให้ผ้าไหมไทย โดยเฉพาะของ Jim Thompson ดังเป็นพลุแตกตอนนั้นแหละ งานจารกรรมพวกนี้ดำเนินการ โดย OSS และเนื่องจากไม่มีใครรู้จักเมืองไทยและอินโดจีน เท่ากับนาย Kenneth ช่วงนี้นาย Kenneth โอ่ว่าเขาเป็นขวัญใจของทุกหน่วยงาน ใครๆก็เรียกหา ใครๆก็อยากใช้เขา แผนที่และหนังสือพิมพ์ที่เขาเก็บสะสมมา 10 ปี และหอบกลับมาอเมริกา พิสูจน์ให้เห็นว่ามีค่าขนาดไหน สำหรับทุกหน่วยงาน เหมือนอย่างกับ นาย Kenneth รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ! ช่วงปี ค.ศ. 1942 Kenneth ย้ายไปทำงานที่หน่วยงาน Board of Economic Warfare (BEW) โดยนาย Donovan ไม่ขัดข้อง หน้าที่ของเขาคือ ชี้เป้าสำหรับให้นักบินทิ้งระเบิด นับว่าเป็นมิชชั่นนารีพันธ์พิเศษจริงๆ อย่าลืมนาย Kenneth หอบแผนที่ไทย และรวมทั้งแถบอินโดจีนกลับมากับตัวด้วย ทำให้นักบินอเมริกันสามารถทิ้งระเบิดถล่ม ทางรถไฟไปหลายสายทั้งในจีน ฮานอย และแน่นอนรวมทั้งทางรถไฟของไทยด้วย นาย Kenneth บอกว่าผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเขาคือการถล่มเขื่อน และต้องทำตอนเขื่อนมีน้ำเต็ม ครั้งหนึ่งเขากะสถานที่และเวลาให้นักบินอเมริกันทิ้งบอมบ์เขื่อนที่เวียตนามเหนือ หลังจากเขื่อนทลาย น้ำจะท่วมพื้นที่บริเวณนั้นอย่างกว้างขวาง ไร่นาฉิบหายหมด เขาตั้งใจจะสกัดไม่ให้ญี่ปุ่นมีอาหารกิน แต่ผู้ที่รับเคราะห์คือชาวบ้าน เขามารู้จากลุงโฮจิมินท์ เมื่อมาพบกันตอนปี ค.ศ. 1946 ซึ่งบอกว่า คุณรู้ไหมระเบิดคราวนั้นทำให้ประชาชนเวียตนามอดอยากแทบตายถึง 2 ล้านคน ! หลังจากนั้น นาย Kenneth ก็ได้ถูกชวนให้ย้ายไปอยู่ สำนักงานตะวันออกไกล Far East Bureau ของกระทรวงต่างประเทศ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับตะวันออกไกล (Far East) จากมิชชั่นนารี กลายมาเป็นนักวางแผนอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ แทบไม่น่าเชื่อ! งานสำคัญชิ้นแรกที่เขาทำคือ ร่างนโยบายของอเมริกาเกี่ยวกับอินโดจีนหลังสงครามโลก ให้กับประธานาธิบดี Roosevelt ซึ่งให้ธงไว้ว่า อเมริกาไม่เอาใจฝรั่งเศส และเห็นว่าฝรั่งเศสเป็นนักล่าอาณานิคม ที่แย่มาก เขาร่างนโยบายอยู่ 30 รอบ กว่าจะเป็นที่พอใจของทุกคน โดยเฉพาะประธานาธิบดี ซึ่งประทับตราเห็นด้วย ด้วยการบอกว่าฉันไม่ต้องการให้ฝรั่งเศสกลับมาที่อินโดจีนอีก “I want no French returned to Indochina, FDR” (เพราะเราอเมริกาจะเป็นผู้ครอบครอง อินโดจีนต่อไป ! ) เขาทำงานอยู่ที่หน่วยงานนี้จนถึงปีค.ศ. 1954 เมื่อสงครามโลกปิดฉาก อังกฤษแก้แค้นที่ไทยประกาศสงครามใส่ โดยการยื่นข้อเรียกร้องกับไทย 21 ข้อ นาย Kenneth บอกว่าข้อเรียกร้องของอังกฤษโหดมาก ถ้าไทยยอมก็เท่ากับตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ทางอเมริกาเองไม่ถือว่าไทยเป็นคู่รบ และไม่ได้เรียกร้องอะไรกับไทย (แต่มีแผนการอย่างอื่น เตรียมไว้ให้โดยไม่บอกให้อังกฤษรู้) และส่งนาย Charles Yost (ซึ่งเป็นนักการฑูตที่มีประสบการณ์และชั่วโมงบินสูง เขามาประจำอยู่ที่เมืองไทยระยะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตอนหลังไปประทำที่สหประชาชาติ) และนาย Kenneth มาช่วยไทยเจรจากับอังกฤษ การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายเดือน ในที่สุด อังกฤษยอมยกเลิกข้อเรียกร้อง 21 ข้อ เหลือเพียงข้อเดียวให้ไทยชดใช้ โดยการส่งข้าว ให้แก่อังกฤษแทน คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 289 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก H100 ถึง GAIN AI Act: เมื่อชิปกลายเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ต้องจัดลำดับความสำคัญ

    ในปี 2025 สหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อว่า GAIN AI Act (Guaranteeing Access and Innovation for National Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100, H200, B300 และ AMD Instinct MI308 โดยเฉพาะไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “D:5” หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง เช่นจีน

    ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia และ AMD ต้องให้ “สิทธิ์ซื้อก่อน” กับลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ แม้แต่ประเทศพันธมิตรอย่างยุโรปหรือสหราชอาณาจักร โดยต้องพิสูจน์ว่าไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ, ไม่มีการเสนอราคาที่ดีกว่าให้กับลูกค้าต่างชาติ และไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน

    Nvidia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เคยละเลยลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อไปบริการลูกค้าต่างประเทศ” และมองว่าร่างกฎหมายนี้พยายามแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในอุตสาหกรรมที่ใช้ชิปทั่วไป ไม่ใช่แค่ AI

    ข้อมูลจาก Nvidia ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 ยอดขายในสหรัฐฯ คิดเป็น 49.9% ของทั้งหมด ขณะที่จีนอยู่ที่ 28% และสิงคโปร์ 18% ซึ่งสะท้อนว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท

    ร่างกฎหมายยังระบุเกณฑ์ทางเทคนิคที่ชัดเจน เช่น GPU ที่มี TPP (Total Processing Performance) เกิน 2,400 หรือ bandwidth เกิน 1.4 TB/s จะถูกควบคุมการส่งออก และหาก TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ซึ่งครอบคลุมถึง H100 (TPP 16,000), B300 (TPP 60,000) และ MI308

    รายละเอียดของ GAIN AI Act
    เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2026
    กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องให้สิทธิ์ซื้อก่อนกับลูกค้าในสหรัฐฯ
    ครอบคลุมทั้งประเทศคู่แข่งและพันธมิตร เช่นจีนและยุโรป

    ข้อกำหนดสำหรับการส่งออก
    ต้องไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ
    ห้ามเสนอราคาดีกว่าให้ลูกค้าต่างชาติ
    ห้ามส่งออกหากกระทบต่อการแข่งขันของบริษัทในสหรัฐฯ

    ชิปที่อยู่ภายใต้การควบคุม
    Nvidia H100, H200, B300 และ HGX H20
    AMD Instinct MI308
    ชิปที่มี TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด

    จุดยืนของ Nvidia
    ยืนยันว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของบริษัท
    มองว่าร่างกฎหมายนี้แก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง
    เตือนว่าการควบคุมจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-says-we-never-deprive-american-customers-in-order-to-serve-the-rest-of-the-world-company-says-gain-ai-act-addresses-a-problem-that-doesnt-exist
    🎙️ เรื่องเล่าจาก H100 ถึง GAIN AI Act: เมื่อชิปกลายเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่ต้องจัดลำดับความสำคัญ ในปี 2025 สหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายใหม่ชื่อว่า GAIN AI Act (Guaranteeing Access and Innovation for National Artificial Intelligence) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแพ็กเกจด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อควบคุมการส่งออกชิป AI ระดับสูง เช่น Nvidia H100, H200, B300 และ AMD Instinct MI308 โดยเฉพาะไปยังประเทศที่ถูกจัดว่าเป็น “D:5” หรือกลุ่มที่มีความเสี่ยงด้านความมั่นคง เช่นจีน ร่างกฎหมายนี้กำหนดให้ผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia และ AMD ต้องให้ “สิทธิ์ซื้อก่อน” กับลูกค้าในสหรัฐฯ ก่อนส่งออกไปยังต่างประเทศ แม้แต่ประเทศพันธมิตรอย่างยุโรปหรือสหราชอาณาจักร โดยต้องพิสูจน์ว่าไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ, ไม่มีการเสนอราคาที่ดีกว่าให้กับลูกค้าต่างชาติ และไม่มีผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทอเมริกัน Nvidia ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “เราไม่เคยละเลยลูกค้าในสหรัฐฯ เพื่อไปบริการลูกค้าต่างประเทศ” และมองว่าร่างกฎหมายนี้พยายามแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง พร้อมเตือนว่าการจำกัดการส่งออกจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในอุตสาหกรรมที่ใช้ชิปทั่วไป ไม่ใช่แค่ AI ข้อมูลจาก Nvidia ระบุว่าในปีงบประมาณ 2024 ยอดขายในสหรัฐฯ คิดเป็น 49.9% ของทั้งหมด ขณะที่จีนอยู่ที่ 28% และสิงคโปร์ 18% ซึ่งสะท้อนว่าสหรัฐฯ ยังคงเป็นตลาดหลักของบริษัท ร่างกฎหมายยังระบุเกณฑ์ทางเทคนิคที่ชัดเจน เช่น GPU ที่มี TPP (Total Processing Performance) เกิน 2,400 หรือ bandwidth เกิน 1.4 TB/s จะถูกควบคุมการส่งออก และหาก TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ซึ่งครอบคลุมถึง H100 (TPP 16,000), B300 (TPP 60,000) และ MI308 ✅ รายละเอียดของ GAIN AI Act ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2026 ➡️ กำหนดให้ผู้ผลิตชิปต้องให้สิทธิ์ซื้อก่อนกับลูกค้าในสหรัฐฯ ➡️ ครอบคลุมทั้งประเทศคู่แข่งและพันธมิตร เช่นจีนและยุโรป ✅ ข้อกำหนดสำหรับการส่งออก ➡️ ต้องไม่มีคำสั่งซื้อค้างในประเทศ ➡️ ห้ามเสนอราคาดีกว่าให้ลูกค้าต่างชาติ ➡️ ห้ามส่งออกหากกระทบต่อการแข่งขันของบริษัทในสหรัฐฯ ✅ ชิปที่อยู่ภายใต้การควบคุม ➡️ Nvidia H100, H200, B300 และ HGX H20 ➡️ AMD Instinct MI308 ➡️ ชิปที่มี TPP เกิน 4,800 จะถูกห้ามส่งออกโดยเด็ดขาด ✅ จุดยืนของ Nvidia ➡️ ยืนยันว่าสหรัฐฯ เป็นตลาดหลักของบริษัท ➡️ มองว่าร่างกฎหมายนี้แก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง ➡️ เตือนว่าการควบคุมจะกระทบต่อการแข่งขันระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/nvidia-says-we-never-deprive-american-customers-in-order-to-serve-the-rest-of-the-world-company-says-gain-ai-act-addresses-a-problem-that-doesnt-exist
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
More Results