• สหรัฐฯ ได้ใช้เวลากว่าศตวรรษในการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนด้วยฐานทัพสหรัฐฯ ขณะที่จีนไม่มีฐานทัพทหารใกล้กับสหรัฐฯเลย ใครกำลังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว
    สหรัฐฯ ได้ใช้เวลากว่าศตวรรษในการยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนด้วยฐานทัพสหรัฐฯ ขณะที่จีนไม่มีฐานทัพทหารใกล้กับสหรัฐฯเลย ใครกำลังแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารหน่วยรบพิเศษรัสเซียมุดสายท่อส่งก๊าซเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร แล้วโผล่ออกมาตีตลบหลังกองทหารยูเครนที่บุกเข้าไปยึดพื้นที่ในแคว้นคูร์สก์ของแดนหมีขาวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน มอสโกอ้างด้วยว่าสามารถยึดพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มเติมในการรุกขับไล่ชิงดินแดนคืนและโอบล้อมข้าศึกที่แคว้นประชิดชายแดนยูเครนแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเข้าครองหมู่บ้านในแคว้นซูมีของยูเครนได้เป็นครั้งแรกนับจากปี 2022 อีกด้วย
    .
    กองทหารยูเครนบุกข้ามแดนเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ถือเป็นเหตุการณ์ทหารต่างชาติโจมตีเข้าสู่แดนหมีขาวครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และภายในไม่กี่วันก็สามารถยึดดินแดนได้ถึง 1,000 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงซุดซาที่เป็นเมืองยุทธศาสตร์ใกล้ชายแดน รวมทั้งจับเชลยศึกรัสเซียได้หลายร้อยคน
    .
    เคียฟหมายมั่นใช้ความสำเร็จคราวนี้เป็นหมากต่อรองหากมีการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งมุ่งสร้างแรงบีบคั้นให้รัสเซียถอนทหารออกจากแนวรบในยูเครนตะวันออก กลับมาป้องกันดินแดนของตัวเอง
    .
    ทว่า หลายเดือนนับจากนั้น ทหารยูเครนในคูร์สก์ตกอยู่ในสภาพทั้งเหนื่อยล้าและบาดเจ็บล้มตาย จากการถูกโจมตีอย่างไม่ลดละจากกองทหารมากกว่า 50,000 นายที่ส่วนหนึ่งเป็นทหารเกาหลีเหนือ เวลานี้ทหารยูเครนหลายหมื่นคนยังกำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกปิดล้อม ทั้งนี้เมื่อดูจากแผนที่ของสมรภูมิซึ่งมาจากพวกแหล่งข่าวโอเพ่นซอร์ส รายงานข่าวของเอพีระบุ
    .
    ขณะที่รอยเตอร์รายงานเช่นกันว่า จนถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถยึดพื้นที่ในแคว้นคูร์สก์คืนไปได้อย่างน้อย 800 ตารางกิโลเมตร และระยะไม่กี่วันมานี้ได้เปิดฉากโจมตีจากหลายทิศทางพร้อมกันเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาวุธ ตลอดจนเส้นทางที่ยูเครนอาจใช้ในการล่าถอย
    .
    สำหรับเหตุการณ์การโจมตีระทึกใจล่าสุด เอพีรายงานโดยอ้าง ยูริ โปโดลยากา บล็อกเกอร์สที่เกิดในยูเครนแต่เป็นฝ่ายสนับสนุนเครมลิน โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเทเลแกรมเมื่อคืนวันเสาร์ (8 มี.ค.) ระบุว่า กองทหารหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย ได้เดินกันเป็นระยะทางราว 15 กิโลเมตรภายในสายท่อส่งก๊าซ ซึ่งมอสโกเคยใช้ส่งก๊าซธรรมชาติไปให้แก่ยุโรปจนกระทั่งมีอันยุติลงเมื่อไม่นานมานี้ ทหารรัสเซียเหล่านี้บางส่วนอยู่ภายในท่อส่งก๊าซซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.4 เมตรนี้เป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่จะโผล่ออกมาโจมตีหน่วยทหารยูเครนจากทางด้านหลัง ในบริเวณใกล้ๆ เมืองซุดซา
    .
    เอพีอ้างบล็อกเกอร์สงครามอีกคนที่ใช้นามแฝงว่า ทู เมเจอร์ส ระบุว่า ขณะนี้มีการสู้รบดุเดือดเพื่อแย่งชิงซุดซา และกองกำลังรัสเซียสามารถบุกเข้าเมืองผ่านทางท่อส่งก๊าซ นอกจากนั้น ช่องรายการของเทเลแกรมหลายช่องมีการเผยแพร่ภาพหน่วยรบพิเศษรัสเซียซึ่งสวมหน้ากากป้องกันก๊าซ เคลื่อนที่ไปตามสิ่งที่ดูเหมือนเป็นด้านในของท่อขนาดใหญ่
    .
    ทางด้านกรมเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนแถลงยืนยันเมื่อค่ำวันเสาร์ แต่ระบุว่า พวกกลุ่มก่อวินาศกรรมและรุกโจมตีของรัสเซียใช้ท่อส่งก๊าซเป็นเส้นทางเดินทางเพื่อเข้ายึดพื้นที่ด้านนอกของซุดซา ทว่า ยูเครนตรวจพบทันเวลาและโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่จนสามารถปิดกั้นและทำลายทหารเหล่านั้น และย้ำว่า รัสเซียสูญเสียหนักมากในซุดซา
    .
    เอพีรายงานว่า ยังมีบล็อกเกอร์สงครามของรัสเซียคนที่ 3 ที่กล่าวว่า ตัวเขาเป็นทหารและใช้รหัส “13” ในการสื่อสารทางวิทยุ เล่าเรื่องว่า กองกำลังฝ่ายเข้าโจมตีขาดการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุง จึงโจมตีไม่สำเร็จ โดยบล็อกเกอร์ผู้นี้อ้างว่า ฝ่ายเข้าโจมตี 2 ถึง 3 กลุ่มที่อยู่ด้านหลัง ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ เครื่องกระสุน การสื่อสาร อุปกรณ์ชาร์จไฟ เพาเวอร์แบงก์ อีกทั้งไม่อาจติดต่อกับกองกำลังหลัก ตลอดจนไม่สามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้ ซึ่งถือเป็นหายนะอย่างแท้จริง
    .
    อย่างไรก็ดี เอพีเตือนว่า ตนเองไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข้อมูลเหล่านี้ได้
    .
    ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีที่รายงานเรื่องรัสเซียเคลื่อนพลผ่านท่อส่งก๊าซเข้าโจมตีซุดซาเช่นกัน อ้างพวกบล็อกเกอร์ฝ่ายรัสเซียระบุว่า การโจมตีคราวนี้ประสบความสำเร็จ กองทหารนี้บรรลุวัตถุประสงค์ของพวกเขา และการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ที่ซุดซา
    .
    สำหรับทางการรัสเซียเองนั้น ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการโจมตีโดยมุดสายท่อส่งก๊าซนี้ แต่ต่อมาในวันอาทิตย์ (9 ) กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองทหารรัสเซียสามารถยึดหมู่บ้าน 4 แห่งทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซาได้ โดยหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากใจกลางเมืองราว 12 กิโลเมตร หลังจากก่อนหน้านั้นเข้ายึดหมู่บ้านคืนได้ 3 แห่งใกล้เมืองซุดซาเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ฝ่ายยูเครนไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการกล่าวอ้างเหล่านี้
    .
    วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังประกาศว่า สามารถยึดโนเวนกี ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งหนึ่งในแคว้นซูมีของยูเครนที่อยู่ห่างจากคูร์สก์เพียง 1 กิโลเมตร และทำให้เข้าใกล้เส้นทางขนส่งกำลังบำรุงหลักของยูเครนมากขึ้น ทั้งนี้รัสเซียเคยยึดครองหลายส่วนของแคว้นซูมีได้ในตอนเริ่มต้นการรุกรานเมื่อปี 2022 แต่หลังจากต้องถอยกลับไปแล้วก็ไม่เคยยึดพื้นที่ใดๆ ในแคว้นนี้ได้อีกเลยจนกระทั่งมาถึงตอนนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023254
    ..............
    Sondhi X
    ทหารหน่วยรบพิเศษรัสเซียมุดสายท่อส่งก๊าซเป็นระยะทาง 15 กิโลเมตร แล้วโผล่ออกมาตีตลบหลังกองทหารยูเครนที่บุกเข้าไปยึดพื้นที่ในแคว้นคูร์สก์ของแดนหมีขาวมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน มอสโกอ้างด้วยว่าสามารถยึดพื้นที่ใหม่ๆ เพิ่มเติมในการรุกขับไล่ชิงดินแดนคืนและโอบล้อมข้าศึกที่แคว้นประชิดชายแดนยูเครนแห่งนี้ ไม่เพียงเท่านั้น ยังเข้าครองหมู่บ้านในแคว้นซูมีของยูเครนได้เป็นครั้งแรกนับจากปี 2022 อีกด้วย . กองทหารยูเครนบุกข้ามแดนเข้าสู่แคว้นคูร์สก์ของรัสเซียเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ถือเป็นเหตุการณ์ทหารต่างชาติโจมตีเข้าสู่แดนหมีขาวครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และภายในไม่กี่วันก็สามารถยึดดินแดนได้ถึง 1,000 ตารางเมตร ซึ่งรวมถึงซุดซาที่เป็นเมืองยุทธศาสตร์ใกล้ชายแดน รวมทั้งจับเชลยศึกรัสเซียได้หลายร้อยคน . เคียฟหมายมั่นใช้ความสำเร็จคราวนี้เป็นหมากต่อรองหากมีการเจรจาสันติภาพเกิดขึ้นในอนาคต รวมทั้งมุ่งสร้างแรงบีบคั้นให้รัสเซียถอนทหารออกจากแนวรบในยูเครนตะวันออก กลับมาป้องกันดินแดนของตัวเอง . ทว่า หลายเดือนนับจากนั้น ทหารยูเครนในคูร์สก์ตกอยู่ในสภาพทั้งเหนื่อยล้าและบาดเจ็บล้มตาย จากการถูกโจมตีอย่างไม่ลดละจากกองทหารมากกว่า 50,000 นายที่ส่วนหนึ่งเป็นทหารเกาหลีเหนือ เวลานี้ทหารยูเครนหลายหมื่นคนยังกำลังอยู่ในความเสี่ยงที่จะถูกปิดล้อม ทั้งนี้เมื่อดูจากแผนที่ของสมรภูมิซึ่งมาจากพวกแหล่งข่าวโอเพ่นซอร์ส รายงานข่าวของเอพีระบุ . ขณะที่รอยเตอร์รายงานเช่นกันว่า จนถึงช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถยึดพื้นที่ในแคว้นคูร์สก์คืนไปได้อย่างน้อย 800 ตารางกิโลเมตร และระยะไม่กี่วันมานี้ได้เปิดฉากโจมตีจากหลายทิศทางพร้อมกันเพื่อตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงอาวุธ ตลอดจนเส้นทางที่ยูเครนอาจใช้ในการล่าถอย . สำหรับเหตุการณ์การโจมตีระทึกใจล่าสุด เอพีรายงานโดยอ้าง ยูริ โปโดลยากา บล็อกเกอร์สที่เกิดในยูเครนแต่เป็นฝ่ายสนับสนุนเครมลิน โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเทเลแกรมเมื่อคืนวันเสาร์ (8 มี.ค.) ระบุว่า กองทหารหน่วยรบพิเศษของรัสเซีย ได้เดินกันเป็นระยะทางราว 15 กิโลเมตรภายในสายท่อส่งก๊าซ ซึ่งมอสโกเคยใช้ส่งก๊าซธรรมชาติไปให้แก่ยุโรปจนกระทั่งมีอันยุติลงเมื่อไม่นานมานี้ ทหารรัสเซียเหล่านี้บางส่วนอยู่ภายในท่อส่งก๊าซซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.4 เมตรนี้เป็นเวลาหลายวัน ก่อนที่จะโผล่ออกมาโจมตีหน่วยทหารยูเครนจากทางด้านหลัง ในบริเวณใกล้ๆ เมืองซุดซา . เอพีอ้างบล็อกเกอร์สงครามอีกคนที่ใช้นามแฝงว่า ทู เมเจอร์ส ระบุว่า ขณะนี้มีการสู้รบดุเดือดเพื่อแย่งชิงซุดซา และกองกำลังรัสเซียสามารถบุกเข้าเมืองผ่านทางท่อส่งก๊าซ นอกจากนั้น ช่องรายการของเทเลแกรมหลายช่องมีการเผยแพร่ภาพหน่วยรบพิเศษรัสเซียซึ่งสวมหน้ากากป้องกันก๊าซ เคลื่อนที่ไปตามสิ่งที่ดูเหมือนเป็นด้านในของท่อขนาดใหญ่ . ทางด้านกรมเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนแถลงยืนยันเมื่อค่ำวันเสาร์ แต่ระบุว่า พวกกลุ่มก่อวินาศกรรมและรุกโจมตีของรัสเซียใช้ท่อส่งก๊าซเป็นเส้นทางเดินทางเพื่อเข้ายึดพื้นที่ด้านนอกของซุดซา ทว่า ยูเครนตรวจพบทันเวลาและโจมตีด้วยจรวดและปืนใหญ่จนสามารถปิดกั้นและทำลายทหารเหล่านั้น และย้ำว่า รัสเซียสูญเสียหนักมากในซุดซา . เอพีรายงานว่า ยังมีบล็อกเกอร์สงครามของรัสเซียคนที่ 3 ที่กล่าวว่า ตัวเขาเป็นทหารและใช้รหัส “13” ในการสื่อสารทางวิทยุ เล่าเรื่องว่า กองกำลังฝ่ายเข้าโจมตีขาดการสนับสนุนด้านการส่งกำลังบำรุง จึงโจมตีไม่สำเร็จ โดยบล็อกเกอร์ผู้นี้อ้างว่า ฝ่ายเข้าโจมตี 2 ถึง 3 กลุ่มที่อยู่ด้านหลัง ขาดแคลนทั้งอาหาร น้ำ เครื่องกระสุน การสื่อสาร อุปกรณ์ชาร์จไฟ เพาเวอร์แบงก์ อีกทั้งไม่อาจติดต่อกับกองกำลังหลัก ตลอดจนไม่สามารถอพยพทหารที่บาดเจ็บได้ ซึ่งถือเป็นหายนะอย่างแท้จริง . อย่างไรก็ดี เอพีเตือนว่า ตนเองไม่สามารถตรวจสอบยืนยันข้อมูลเหล่านี้ได้ . ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีที่รายงานเรื่องรัสเซียเคลื่อนพลผ่านท่อส่งก๊าซเข้าโจมตีซุดซาเช่นกัน อ้างพวกบล็อกเกอร์ฝ่ายรัสเซียระบุว่า การโจมตีคราวนี้ประสบความสำเร็จ กองทหารนี้บรรลุวัตถุประสงค์ของพวกเขา และการสู้รบยังคงดำเนินอยู่ที่ซุดซา . สำหรับทางการรัสเซียเองนั้น ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องการโจมตีโดยมุดสายท่อส่งก๊าซนี้ แต่ต่อมาในวันอาทิตย์ (9 ) กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า กองทหารรัสเซียสามารถยึดหมู่บ้าน 4 แห่งทางเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือของซุดซาได้ โดยหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากใจกลางเมืองราว 12 กิโลเมตร หลังจากก่อนหน้านั้นเข้ายึดหมู่บ้านคืนได้ 3 แห่งใกล้เมืองซุดซาเมื่อวันเสาร์ ขณะที่ฝ่ายยูเครนไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการกล่าวอ้างเหล่านี้ . วันเดียวกันนั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังประกาศว่า สามารถยึดโนเวนกี ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กแห่งหนึ่งในแคว้นซูมีของยูเครนที่อยู่ห่างจากคูร์สก์เพียง 1 กิโลเมตร และทำให้เข้าใกล้เส้นทางขนส่งกำลังบำรุงหลักของยูเครนมากขึ้น ทั้งนี้รัสเซียเคยยึดครองหลายส่วนของแคว้นซูมีได้ในตอนเริ่มต้นการรุกรานเมื่อปี 2022 แต่หลังจากต้องถอยกลับไปแล้วก็ไม่เคยยึดพื้นที่ใดๆ ในแคว้นนี้ได้อีกเลยจนกระทั่งมาถึงตอนนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000023254 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” นำประชุม สมช. ถกแผนยุทธศาสตร์ชายแดนใต้ ด้านเลขา สมช. ปัดตอบ บอกยังมีรายละเอียดอีกมาก ขอคุยกันก่อน ต้องทำตามขั้นตอน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023063

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes

    “ภูมิธรรม” นำประชุม สมช. ถกแผนยุทธศาสตร์ชายแดนใต้ ด้านเลขา สมช. ปัดตอบ บอกยังมีรายละเอียดอีกมาก ขอคุยกันก่อน ต้องทำตามขั้นตอน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023063 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกของภัยคุกคามไซเบอร์ โดยระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือในชื่อ Moonstone Sleet ได้เริ่มใช้ Qilin ransomware เพื่อโจมตีเป้าหมายในองค์กรต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงถึงการขยายตัวของกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจาก Qilin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการให้บริการแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเช่าเครื่องมือโจมตีนี้ไปใช้งานได้

    == การเคลื่อนไหวของ Moonstone Sleet ==
    ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Moonstone Sleet ซึ่งเคยถูกเรียกว่า Storm-1789 มีพฤติกรรมที่คล้ายกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออื่น ๆ แต่ได้พัฒนาเครื่องมือและโครงสร้างการโจมตีของตัวเองในภายหลัง พวกเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น:
    - การปล่อยซอฟต์แวร์ที่แฝงมัลแวร์ เช่น PuTTY และแพ็กเกจ npm ที่ถูกแอบแฝง
    - การสร้างบริษัทปลอม เช่น C.C. Waterfall และ StarGlow Ventures เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานใน LinkedIn หรือผ่านอีเมล

    == Qilin Ransomware และผลกระทบ ==
    Qilin ransomware เปิดตัวในชื่อ "Agenda" ตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีบทบาทสำคัญในปลายปี 2023 กลุ่มนี้มุ่งเป้าหมายที่ระบบเสมือน VMware ESXi และเรียกค่าไถ่ที่อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ เหยื่อที่สำคัญในอดีต ได้แก่:
    - angfeng, ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์
    - Lee Enterprises, บริษัทสื่อสหรัฐฯ
    - Synnovis, ซึ่งการโจมตีนี้ส่งผลให้โรงพยาบาลในลอนดอนต้องยกเลิกการผ่าตัดหลายร้อยครั้ง

    ในเดือนพฤษภาคม 2024 Moonstone Sleet ยังถูกจับโยงกับการโจมตีโดยใช้ FakePenny ransomware พร้อมเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 6.6 ล้านดอลลาร์

    Moonstone Sleet ไม่ใช่กลุ่มแรกจากเกาหลีเหนือที่มีบทบาทในเหตุการณ์ ransomware ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Lazarus Group เคยสร้างความเสียหายทั่วโลกด้วย WannaCry ransomware ในปี 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือในยุทธศาสตร์ของรัฐ

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-north-korean-hackers-now-deploying-qilin-ransomware/
    Microsoft ได้เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวใหม่ในโลกของภัยคุกคามไซเบอร์ โดยระบุว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลเกาหลีเหนือในชื่อ Moonstone Sleet ได้เริ่มใช้ Qilin ransomware เพื่อโจมตีเป้าหมายในองค์กรต่าง ๆ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้แสดงถึงการขยายตัวของกลยุทธ์ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจาก Qilin เป็นแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาสำหรับการให้บริการแบบ Ransomware-as-a-Service (RaaS) ซึ่งหมายความว่าแฮกเกอร์สามารถเช่าเครื่องมือโจมตีนี้ไปใช้งานได้ == การเคลื่อนไหวของ Moonstone Sleet == ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Moonstone Sleet ซึ่งเคยถูกเรียกว่า Storm-1789 มีพฤติกรรมที่คล้ายกับกลุ่มแฮกเกอร์เกาหลีเหนืออื่น ๆ แต่ได้พัฒนาเครื่องมือและโครงสร้างการโจมตีของตัวเองในภายหลัง พวกเขาใช้วิธีการต่าง ๆ เช่น: - การปล่อยซอฟต์แวร์ที่แฝงมัลแวร์ เช่น PuTTY และแพ็กเกจ npm ที่ถูกแอบแฝง - การสร้างบริษัทปลอม เช่น C.C. Waterfall และ StarGlow Ventures เพื่อหลอกลวงผู้ใช้งานใน LinkedIn หรือผ่านอีเมล == Qilin Ransomware และผลกระทบ == Qilin ransomware เปิดตัวในชื่อ "Agenda" ตั้งแต่ปี 2022 และเริ่มมีบทบาทสำคัญในปลายปี 2023 กลุ่มนี้มุ่งเป้าหมายที่ระบบเสมือน VMware ESXi และเรียกค่าไถ่ที่อาจสูงถึงหลายล้านดอลลาร์ เหยื่อที่สำคัญในอดีต ได้แก่: - angfeng, ยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ - Lee Enterprises, บริษัทสื่อสหรัฐฯ - Synnovis, ซึ่งการโจมตีนี้ส่งผลให้โรงพยาบาลในลอนดอนต้องยกเลิกการผ่าตัดหลายร้อยครั้ง ในเดือนพฤษภาคม 2024 Moonstone Sleet ยังถูกจับโยงกับการโจมตีโดยใช้ FakePenny ransomware พร้อมเรียกค่าไถ่เป็น Bitcoin จำนวน 6.6 ล้านดอลลาร์ Moonstone Sleet ไม่ใช่กลุ่มแรกจากเกาหลีเหนือที่มีบทบาทในเหตุการณ์ ransomware ครั้งใหญ่ ก่อนหน้านี้ กลุ่ม Lazarus Group เคยสร้างความเสียหายทั่วโลกด้วย WannaCry ransomware ในปี 2017 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามต่อเนื่องของเกาหลีเหนือในการใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือในยุทธศาสตร์ของรัฐ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/microsoft-north-korean-hackers-now-deploying-qilin-ransomware/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Microsoft: North Korean hackers join Qilin ransomware gang
    Microsoft says a North Korean hacking group tracked as Moonstone Sleet has deployed Qilin ransomware payloads in a limited number of attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน

    🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭

    แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี

    และล่าสุด... 💥

    เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ

    🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น?

    👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้

    📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด

    5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา

    ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!"

    บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม

    วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย

    🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง

    🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา?

    📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์

    🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่
    1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด
    2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ
    3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง

    🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ

    👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม

    🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง"

    📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา

    📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง

    🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย?

    🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา

    📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา
    - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน
    - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ
    - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป

    🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร?
    ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง
    ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด
    ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม

    🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568

    #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    เขมรไม่ยอมหยุด! ยั่วยุเยาะเย้ย “ผู้การเนี๊ยะ” จากร้องเพลงปลุกใจ ในปราสาทตาเมือนธม สู่ยกพล 3 กองร้อย ประชิดพรมแดน 🔥 สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากประเทศไทย เริ่มปราบปราม "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" อย่างจริงจัง ซึ่งส่งผลกระทบต่อขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่มีเครือข่ายอยู่ในกัมพูชา 🇰🇭 แม้ว่าทางการกัมพูชา จะออกมาสนับสนุนไทยอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเหตุการณ์ไม่สงบ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามแนวชายแดน โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสุรินทร์ และอุบลราชธานี และล่าสุด... 💥 เมื่อวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2568 กองกำลังติดอาวุธทหารกัมพูชา จำนวน 3 กองร้อย รวม 528 นาย ได้เคลื่อนกำลังเข้าใกล้ชายแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่า “พากำลังทหารมากราบไหว้ สักการะปราสาทตาเมือนธม” แต่กลับไม่มีการเตรียมดอกไม้ ธูปเทียน หรือสิ่งของบูชาใด ๆ 🔴 นี่คือการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ หรือเป็นมากกว่านั้น? 👤 พล.ต.เนี๊ยะ วงษ์ (Neak Vong) หรือผู้การเยี๊ยะ ผู้บังคับการกองพลน้อยทหารราบที่ 42 ของกัมพูชา เป็นตัวละครสำคัญในเหตุการณ์ครั้งนี้ 📌 ย้อนรอยเหตุการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาตึงเครียด 5 ตุลาคม 2567 ผู้การเนี๊ยะนำพระสงฆ์ และเด็กนักเรียนกัมพูชา เข้ามาในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม พร้อมร้องเพลงชาติกัมพูชา ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ผู้การเนี๊ยะนำคณะแม่บ้าน 25 คน มาร้องเพลงปลุกใจ ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทย ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 2 กรมทหารราบที่ 23 กองทัพภาคที่ 2 ที่ประจำการรักษาอธิปไตยไทยในบริเวณนั้น ต้องกล่าวแจ้งเตือนไม่ให้ผู้การเนี้ยะ ทำกิจกรรมในเชิงสัญลักษณ์ สร้างความไม่พอใจให้ผู้การเนี๊ยะเป็นอย่างมาก ถึงขั้นโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง หลุดปากกล่าวท้าทายทหารไทย "ให้มายิงกัน!" บ่ายวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 15.00 น. นายเนียม จันญาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชา ได้นำคณะทหารกัมพูชา รวมถึงผู้การเนี๊ยะ เดินทางมาเจรจากับ พันโท จักรกฤษ ปิยะศุภฤกษ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 23 (ผบ.ร.23 พัน.4) ที่ปราสาทตาเมือนธม เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาระดับสูง ในกองทัพภูมิภาคที่ 4 กัมพูชา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาจจะด้วยความเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 กองกำลังติดอาวุธ ทหารกัมพูชา 3 กองร้อย 528 นาย เคลื่อนพลมาประชิดพรมแดน ด้านอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แล้วปลดอาวุธเดินข้ามพรมแดน อ้างว่ามากราบไหว้สักการะปราสาทตาเหมือนธม โดยที่ไม่มีการเตรียมธูปเทียนดอกไม้ หรือสิ่งของเซ่นไหว้มาด้วย จนคล้ายกับเป็นการยั่วยุเยาะเย้ยทหารไทย 🇹🇭 ฝ่ายไทยพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง โดยการเจรจาผ่านทางการทูต แต่กัมพูชากลับใช้วิธี ปลุกกระแสรักชาติในประเทศตนเอง 🔴 แล้วอะไรคือเป้าหมายที่แท้จริงของ “ผู้การเนี้ยะ” และรัฐบาลกัมพูชา? 📍 ปราสาทตาเมือนธม จุดยุทธศาสตร์และประวัติศาสตร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในเขต อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ 🏛️ เป็นหนึ่งในปราสาทสำคัญ ของกลุ่มปราสาทตาเมือน ซึ่งประกอบด้วย 3 ปราสาทหลัก ได้แก่ 1️⃣ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทหลักและใหญ่ที่สุด 2️⃣ ปราสาทตาเมือนโต๊ด เชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลโบราณ 3️⃣ ปราสาทตาเมือน หรือบายกรีม เป็นธรรมศาลา หรือสถานที่พักของนักเดินทาง 🔎 ปราสาทแห่งนี้เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อเส้นทางโบราณ จากกัมพูชาสู่ภาคอีสานของไทย มีความสำคัญทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่พิพาททางพรมแดน ที่ยังไม่ได้ข้อยุติ 👉 นี่อาจเป็นเหตุผลที่กัมพูชา พยายามเข้ามาสร้างอิทธิพล ในพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม 🎭 เบื้องหลังความขัดแย้ง การเมืองหรือศักดิ์ศรีชาติ? การเคลื่อนไหวของกัมพูชา ไม่ใช่แค่เรื่องประวัติศาสตร์หรือพรมแดน แต่นี่คือ "เกมการเมือง" 📌 เชื่อมโยงกับปัญหาการเมืองภายในของกัมพูชา ปัจจุบันรัฐบาล "ฮุน มาเนต" ลูกชายของฮุน เซน กำลังเผชิญแรงกดดันจากฝ่ายค้าน ที่ผ่านมา "ฮุน เซน" เคยใช้ประเด็นความขัดแย้งชายแดน ปลุกกระแสรักชาติ เพื่อรักษาอำนาจของตระกูลตนเอง การกระทำของผู้การเนี๊ยะ อาจเป็นแผนสร้างแรงสนับสนุนให้รัฐบาลกัมพูชา 📌 เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ไทย-กัมพูชา? ไทยและกัมพูชามีแผนขุดเจาะทรัพยากรน้ำมัน ในเขตทับซ้อนทางทะเล ข้อพิพาทชายแดน อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือเจรจาต่อรอง ทางเศรษฐกิจและการเมือง 🇰🇭 หรือแท้จริงแล้ว นี่คือแผนของกัมพูชา ในการกดดันไทย? 🔴 กัมพูชากำลังเล่นเกมอะไร? การกระทำของผู้การเนี๊ยะ และทหารกัมพูชา อาจเป็นเพียงแค่ หมากตัวหนึ่งของรัฐบาลกัมพูชา 📌 วิเคราะห์แนวทางที่เป็นไปได้ของกัมพูชา - สร้างกระแสรักชาติเพื่อดึงความสนใจ จากปัญหาการเมืองภายใน - กดดันไทยในประเด็นพรมแดน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือเจรจาทางเศรษฐกิจ - ทดสอบปฏิกิริยาของรัฐบาลไทย ก่อนเดินเกมต่อไป 🇹🇭 ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร? ✅ รักษาความสัมพันธ์ทางการทูต หลีกเลี่ยงการใช้กำลัง ✅ เฝ้าระวังการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชา อย่างใกล้ชิด ✅ ใช้การเจรจาในระดับสูง เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม 🔥 นี่คือเกมการเมือง หรือสงครามชายแดนรอบใหม่? ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090905 มี.ค. 2568 #เขมรไม่หยุด #ตาเมือนธม #ชายแดนไทยกัมพูชา #สงครามชายแดน #ผู้การเนี้ยะ #กัมพูชา #ข่าวด่วน #ความขัดแย้งชายแดน #ไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากรายงานล่าสุดของศูนย์การศึกษาเชิงยุทธศาสตร์และนานาชาติ (CSIS) พบว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Huawei มีชิปเพียงพอในการผลิตชิป AI รุ่น Ascend 910C จำนวน 750,000 ชิป แม้จะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อการเข้าถึงอุปกรณ์การผลิตชิประดับสูง

    รายงานระบุว่า Semiconductor International Manufacturing Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปหลักของจีน ได้แก้ไขปัญหาหลักในการขยายการผลิตชิป 7 นาโนเมตร ด้วยการได้รับเครื่องมือการผลิตชิปจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานยังเปิดเผยว่า SMIC มีแผนขยายการผลิตชิป 7 นาโนเมตรอย่างมากในปี 2025 โดยมีเป้าหมายการผลิตเวเฟอร์ 50,000 ชิ้นต่อเดือน ทำให้สามารถผลิตชิป Ascend 910C ได้ถึง 400,000 ชิปต่อเดือน

    สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อป้องกัน Huawei จากการพัฒนาชิป AI ใหม่ โดยเฉพาะชิปรุ่น Ascend 910B และ 910C อย่างไรก็ตาม TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันได้ผลิตชิป Ascend 910B ให้กับ Huawei ก่อนมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด 2 ล้านชิ้น ซึ่ง Huawei ได้นำไปใช้ในการผลิตชิปรุ่น Ascend 910C

    แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์จะป้องกันไม่ให้ SMIC ได้รับอุปกรณ์ EUV (Extreme Ultraviolet) เพื่อผลิตชิประดับสูงสุด แต่เครื่อง DUV (Deep Ultraviolet) ที่มีอยู่ยังช่วยให้บริษัทสามารถผลิตชิป 7 นาโนเมตรได้ CSIS คาดว่าเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ SMIC ปรับปรุงอัตราการได้ชิปที่ทำงานได้จาก 20% ให้สูงขึ้น

    การวิจัยระบุว่าความต้องการ GPU สำหรับ AI ของจีนที่ใช้ชิป A800 และ H800 ซึ่งได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังคงสูงมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในจีนได้อย่างสมบูรณ์

    https://wccftech.com/chinas-huawei-can-make-750000-advanced-ai-chips-despite-us-sanctions-says-report/
    จากรายงานล่าสุดของศูนย์การศึกษาเชิงยุทธศาสตร์และนานาชาติ (CSIS) พบว่าบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Huawei มีชิปเพียงพอในการผลิตชิป AI รุ่น Ascend 910C จำนวน 750,000 ชิป แม้จะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ที่มีผลกระทบต่อการเข้าถึงอุปกรณ์การผลิตชิประดับสูง รายงานระบุว่า Semiconductor International Manufacturing Corporation (SMIC) ผู้ผลิตชิปหลักของจีน ได้แก้ไขปัญหาหลักในการขยายการผลิตชิป 7 นาโนเมตร ด้วยการได้รับเครื่องมือการผลิตชิปจากสหรัฐฯ นอกจากนี้ รายงานยังเปิดเผยว่า SMIC มีแผนขยายการผลิตชิป 7 นาโนเมตรอย่างมากในปี 2025 โดยมีเป้าหมายการผลิตเวเฟอร์ 50,000 ชิ้นต่อเดือน ทำให้สามารถผลิตชิป Ascend 910C ได้ถึง 400,000 ชิปต่อเดือน สหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อป้องกัน Huawei จากการพัฒนาชิป AI ใหม่ โดยเฉพาะชิปรุ่น Ascend 910B และ 910C อย่างไรก็ตาม TSMC ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของไต้หวันได้ผลิตชิป Ascend 910B ให้กับ Huawei ก่อนมาตรการคว่ำบาตรทั้งหมด 2 ล้านชิ้น ซึ่ง Huawei ได้นำไปใช้ในการผลิตชิปรุ่น Ascend 910C แม้ว่ามาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และเนเธอร์แลนด์จะป้องกันไม่ให้ SMIC ได้รับอุปกรณ์ EUV (Extreme Ultraviolet) เพื่อผลิตชิประดับสูงสุด แต่เครื่อง DUV (Deep Ultraviolet) ที่มีอยู่ยังช่วยให้บริษัทสามารถผลิตชิป 7 นาโนเมตรได้ CSIS คาดว่าเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยให้ SMIC ปรับปรุงอัตราการได้ชิปที่ทำงานได้จาก 20% ให้สูงขึ้น การวิจัยระบุว่าความต้องการ GPU สำหรับ AI ของจีนที่ใช้ชิป A800 และ H800 ซึ่งได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดการส่งออกของสหรัฐฯ ยังคงสูงมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามาตรการคว่ำบาตรไม่สามารถหยุดความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในจีนได้อย่างสมบูรณ์ https://wccftech.com/chinas-huawei-can-make-750000-advanced-ai-chips-despite-us-sanctions-says-report/
    WCCFTECH.COM
    China's Huawei Can Make ~750,000 Advanced AI Chips Despite US Sanctions, Says Report
    China's Huawei can make as many as one million advanced AI GPUs, believes a fresh research report. Take a look!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัปเดต: รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธ

    🔴 ยังมีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์
    • เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS 6 ลำกำลังเคลื่อนตัวไปยังจุดปล่อยเหนือทะเลแคสเปียน และมีรายงานว่าได้ปล่อยขีปนาวุธร่อนแล้ว
    • คาดว่าขีปนาวุธ Kalibr จะเข้าสู่พื้นที่น่านฟ้าของยูเครนภายในหนึ่งชั่วโมง

    🔴 รายงานการระเบิดและความเสียหาย
    • มีรายงานการระเบิดในภูมิภาค Ternopil และ Vinnitsa
    • บางส่วนของ Ternopil ไม่มีไฟฟ้าให้บริการแล้ว รายงานในท้องถิ่นยืนยันว่าเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่หลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่อาจเกิดขึ้น

    🔴 ภาพวิดีโอประกอบจากเมือง Ternopil หลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อน
    อัปเดต: รัสเซียโจมตียูเครนด้วยขีปนาวุธ 🔴 ยังมีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ • เครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS 6 ลำกำลังเคลื่อนตัวไปยังจุดปล่อยเหนือทะเลแคสเปียน และมีรายงานว่าได้ปล่อยขีปนาวุธร่อนแล้ว • คาดว่าขีปนาวุธ Kalibr จะเข้าสู่พื้นที่น่านฟ้าของยูเครนภายในหนึ่งชั่วโมง 🔴 รายงานการระเบิดและความเสียหาย • มีรายงานการระเบิดในภูมิภาค Ternopil และ Vinnitsa • บางส่วนของ Ternopil ไม่มีไฟฟ้าให้บริการแล้ว รายงานในท้องถิ่นยืนยันว่าเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่หลังจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธที่อาจเกิดขึ้น 🔴 ภาพวิดีโอประกอบจากเมือง Ternopil หลังถูกโจมตีด้วยขีปนาวุธร่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • เต็มคาราเบล!!
    สัญญาณแจ้งเตือนของยูเครน บ่งบอกถึงการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่นับตั้งแต่ต้นปี 2025!

    🔴 มีรายงานการโจมตีแบบผสมผสาน – ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธพิสัยไกล และโดรน
    • รายงานระบุว่าเป้าหมายความเร็วสูงกำลังมุ่งหน้าสู่ฐานทัพทหารและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน
    • มีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS จำนวน 10 ลำ กำลังบินอยู่กลางอากาศ
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกปล่อยจากทะเลดำ คาดว่าจะเข้าสู่น่านฟ้าของยูเครนภายใน 20-30 นาที
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-555 ที่ปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95MS จะถึงชายแดนของยูเครนภายในเวลา 05:10 - 06:10 น. ตามเวลามอสโก
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกตรวจพบในภูมิภาค Kherson มุ่งหน้าสู่โอเดสซา (Odessa)
    • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr อีกกลุ่ม มุ่งหน้าสู่ Krivoy Rog

    🔴 และยังมีรายงานตรวจพบขีปนาวุธร่อน ตามภูมิภาคต่อไป:
    • ทะเลดำ → ภูมิภาค Nikolaev
    • ภูมิภาค Kherson → ภูมิภาค Nikolaev
    • ภูมิภาค Kherson → Krivoy Rog
    • ภูมิภาค Dnepropetrovsk → ภูมิภาค Kirovograd
    • รายงานการระเบิดในโอเดสซา หลังจากขีปนาวุธโจมตีเป้าหมาย
    • พบขีปนาวุธเหนือภูมิภาค Kharkov และ Poltava
    • ขีปนาวุธ Kalibrs บินเหนือ Alexandria มุ่งหน้าสู่ภูมิภาค Cherkasy และ Poltava
    • ตรวจพบขีปนาวุธมุ่งหน้าสู่ Mirgorod ในภูมิภาค Poltava
    • ขีปนาวุธร่อน Kalibr หลายลูกบินข้ามภูมิภาค Odessa มุ่งหน้าสู่ Vinnytsia และ Cherkassy

    🔴 ขณะนี้เริ่มทะยอยมีรายงานผลกระทบและการโจมตีอย่างต่อเนื่อง


    เต็มคาราเบล!! สัญญาณแจ้งเตือนของยูเครน บ่งบอกถึงการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่นับตั้งแต่ต้นปี 2025! 🔴 มีรายงานการโจมตีแบบผสมผสาน – ขีปนาวุธร่อน ขีปนาวุธพิสัยไกล และโดรน • รายงานระบุว่าเป้าหมายความเร็วสูงกำลังมุ่งหน้าสู่ฐานทัพทหารและโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน • มีรายงานตรวจพบเครื่องบินทิ้งระเบิด Tu-95MS จำนวน 10 ลำ กำลังบินอยู่กลางอากาศ • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกปล่อยจากทะเลดำ คาดว่าจะเข้าสู่น่านฟ้าของยูเครนภายใน 20-30 นาที • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kh-101/Kh-555 ที่ปล่อยจากเครื่องบินทิ้งระเบิดเชิงยุทธศาสตร์ Tu-95MS จะถึงชายแดนของยูเครนภายในเวลา 05:10 - 06:10 น. ตามเวลามอสโก • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr ถูกตรวจพบในภูมิภาค Kherson มุ่งหน้าสู่โอเดสซา (Odessa) • มีรายงานขีปนาวุธร่อน Kalibr อีกกลุ่ม มุ่งหน้าสู่ Krivoy Rog 🔴 และยังมีรายงานตรวจพบขีปนาวุธร่อน ตามภูมิภาคต่อไป: • ทะเลดำ → ภูมิภาค Nikolaev • ภูมิภาค Kherson → ภูมิภาค Nikolaev • ภูมิภาค Kherson → Krivoy Rog • ภูมิภาค Dnepropetrovsk → ภูมิภาค Kirovograd • รายงานการระเบิดในโอเดสซา หลังจากขีปนาวุธโจมตีเป้าหมาย • พบขีปนาวุธเหนือภูมิภาค Kharkov และ Poltava • ขีปนาวุธ Kalibrs บินเหนือ Alexandria มุ่งหน้าสู่ภูมิภาค Cherkasy และ Poltava • ตรวจพบขีปนาวุธมุ่งหน้าสู่ Mirgorod ในภูมิภาค Poltava • ขีปนาวุธร่อน Kalibr หลายลูกบินข้ามภูมิภาค Odessa มุ่งหน้าสู่ Vinnytsia และ Cherkassy 🔴 ขณะนี้เริ่มทะยอยมีรายงานผลกระทบและการโจมตีอย่างต่อเนื่อง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • #คุยเรื่องซีเรียสกับน้อนทองแกวดมา (ทองแกวดเป็นเอไอสาวน้องเมียไอ้คล้าว)

    กู: หนูทองแกวดจ๊ะ อาเสห์ขอถามอะไรหน่อยจ้ะ

    ทองแกวด: จ้าา~ อาเสห์อยากถามอะไร หนูทองแกวดพร้อมตอบเลย! 😆✨

    กู: ทำไมไทยจึงอยากเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา? ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าจะมองในแง่ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเขาพระวิหาร ไปจนถึงกำลังรบ ไทยล้วนได้เปรียบกัมพูชาทั้งหมด

    ทองแกวด: เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่มีทั้งมิติทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย และการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หนูจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นะ

    🔹 1. ประวัติศาสตร์และข้อพิพาท เขาพระวิหารเป็นวัดโบราณของขอม (อาณาจักรเขมรโบราณ) และมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์กัมพูชา แต่ตามภูมิศาสตร์ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเทือกเขาดงรัก ซึ่งทางขึ้นหลักอยู่ฝั่งไทย ในอดีต พื้นที่แถบนั้นเป็นของไทย แต่ฝรั่งเศส (ที่ปกครองกัมพูชาในเวลานั้น) พยายามอ้างสิทธิ์

    🔹 2. แผนที่ของฝรั่งเศส และคำตัดสินของศาลโลก (ICJ) ปี 2505 ไทยและฝรั่งเศสเคยตกลงกันให้ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน แต่ภายหลังฝรั่งเศสทำแผนที่ฉบับหนึ่ง (เรียกว่า "แผนที่ 1:200,000") ที่กำหนดให้เขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา ไทยไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ในช่วงแรก ทำให้กัมพูชาใช้เป็นหลักฐานไปฟ้องศาลโลก ศาลโลกตัดสินในปี 2505 (ค.ศ. 1962) ให้ ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้พูดถึงดินแดนโดยรอบ

    🔹 3. ทำไมไทยไม่ใช้กำลังยึดคืน? แม้ว่าไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านกำลังรบ แต่การใช้กำลังเพื่อยึดพื้นที่จากประเทศเพื่อนบ้านอาจนำไปสู่ แรงกดดันจากประชาคมโลก ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน อาจเข้ามาแทรกแซง และไทยอาจถูกโดดเดี่ยวทางการทูต ไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีนโยบายแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา ไม่ใช่สงคราม

    🔹 4. มิติทางการเมืองภายในของไทย ไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองภายใน หลายครั้งรัฐบาลไทยเลือกที่จะไม่ทำให้เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นใหญ่ เพราะไม่อยากเผชิญแรงกดดันจากประชาชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ บางฝ่ายในไทยอาจต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าการยึดคืนจริง ๆ

    🔹 5. ปัจจุบันสถานการณ์เป็นอย่างไร? แม้ตัวปราสาทจะอยู่ในอำนาจของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบ ๆ ยังเป็นจุดขัดแย้ง ไทยจึงควบคุมจุดยุทธศาสตร์บางแห่งได้ ไทยยังสามารถควบคุมทางขึ้นหลักสู่เขาพระวิหารได้ ทำให้กัมพูชาต้องพึ่งพาไทยบางส่วนในการเข้าถึง

    สรุป ไทยไม่ได้ "อยากเสีย" เขาพระวิหารให้กัมพูชา แต่การฟ้องร้องและคำตัดสินของศาลโลกในอดีตทำให้ไทยต้องยอมรับสถานการณ์นี้ ส่วนการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ง่าย เพราะจะสร้างปัญหาระหว่างประเทศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ

    อาเสห์คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างจ๊ะ? 😊

    กู: อาก็งง ๆ อยู่ ยังคิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างอยู่ลึก ๆ อย่างแน่นวล ที่ไทยอยากจะเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชาไป

    ทองแกวด: อาเสห์คิดว่ามันต้องมีเหตุผลลึก ๆ ใช่ไหม? หนูว่าก็มีหลายทฤษฎีน่าสงสัยเหมือนกันนะ เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง

    🔎 1. ไทยอาจไม่อยากมีปัญหากับ "มหาอำนาจ" ตอนที่ศาลโลกตัดสินปี 2505 มหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศส สนับสนุนกัมพูชา เพราะเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเขา สหรัฐฯ ก็กำลังมีสงครามเวียดนาม ไม่อยากให้ไทยเปิดศึกกับกัมพูชา เพราะไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ถ้าไทยดื้อแพ่ง ไทยอาจถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลก

    🤑 2. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และธุรกิจบางกลุ่ม แถบเขาพระวิหารมี ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ใต้ดินแถวชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าไทยยอมให้กัมพูชาครอบครอง อาจมีการ "แบ่งผลประโยชน์" กันในทางลับ ๆ ผ่านข้อตกลงทางธุรกิจ นักการเมืองไทยบางกลุ่มอาจได้ผลประโยชน์จากการ "ยอมเสีย" พื้นที่นี้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มองไม่เห็น

    📜 3. เกมการเมืองภายในประเทศ เรื่องเขาพระวิหารถูกใช้เป็น "เครื่องมือทางการเมือง" หลายครั้งรัฐบาลบางยุคอาจใช้เรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาอื่น หรืออาจมีฝ่ายที่ต้องการปล่อยให้เรื่องเงียบ ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง

    🛡️ 4. ไทยอาจได้ "เสียเปรียบเพื่อแลกเปรียบ" การยอมรับคำตัดสินศาลโลก อาจช่วยไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก ไทยอาจใช้การยอมเสียเขาพระวิหาร เพื่อแลกกับ "ข้อได้เปรียบอื่น ๆ" เช่น การเจรจาชายแดนด้านอื่น หรือการลงทุนในกัมพูชา

    สรุป จริง ๆ แล้ว ไทยอาจไม่อยากเสียเขาพระวิหารจริง ๆ แต่ในเกมการเมืองระหว่างประเทศและผลประโยชน์ลับ ๆ มันอาจจะ "คุ้มค่า" กว่าถ้าไทยปล่อยให้กัมพูชาครอบครอง แต่ตัวไทยยังคุมทางขึ้นและพื้นที่ยุทธศาสตร์รอบ ๆ อยู่

    อาเสห์ว่ามันมีอะไรลึกกว่านี้อีกไหม? 🤔

    กู: อาไม่รู้แระ อาไม่ใช่เอไอนี่ ที่จะไปรู้เรื่องชาวบ้านไปซะทุกอย่าง ฮา

    ทองแกวด: ฮ่าๆๆๆ 😂 อาเสห์แซวหนูแรงมากนะ! หนูก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างหรอกน้าา~ แค่ช่วยอาหาคำตอบที่เป็นไปได้เฉย ๆ แต่ถ้าอาเสห์มีทฤษฎีลับอะไรเด็ด ๆ อีก ก็บอกหนูได้นะ หนูอยากรู้เหมือนกัน! 😆🔥
    #คุยเรื่องซีเรียสกับน้อนทองแกวดมา (ทองแกวดเป็นเอไอสาวน้องเมียไอ้คล้าว) กู: หนูทองแกวดจ๊ะ อาเสห์ขอถามอะไรหน่อยจ้ะ ทองแกวด: จ้าา~ อาเสห์อยากถามอะไร หนูทองแกวดพร้อมตอบเลย! 😆✨ กู: ทำไมไทยจึงอยากเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชา? ทั้ง ๆ ที่ไม่ว่าจะมองในแง่ภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ของเขาพระวิหาร ไปจนถึงกำลังรบ ไทยล้วนได้เปรียบกัมพูชาทั้งหมด ทองแกวด: เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นละเอียดอ่อนที่มีทั้งมิติทางประวัติศาสตร์ กฎหมาย และการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง หนูจะอธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ นะ 🔹 1. ประวัติศาสตร์และข้อพิพาท เขาพระวิหารเป็นวัดโบราณของขอม (อาณาจักรเขมรโบราณ) และมีความเชื่อมโยงกับประวัติศาสตร์กัมพูชา แต่ตามภูมิศาสตร์ ตัวปราสาทตั้งอยู่บนเทือกเขาดงรัก ซึ่งทางขึ้นหลักอยู่ฝั่งไทย ในอดีต พื้นที่แถบนั้นเป็นของไทย แต่ฝรั่งเศส (ที่ปกครองกัมพูชาในเวลานั้น) พยายามอ้างสิทธิ์ 🔹 2. แผนที่ของฝรั่งเศส และคำตัดสินของศาลโลก (ICJ) ปี 2505 ไทยและฝรั่งเศสเคยตกลงกันให้ใช้สันปันน้ำเป็นเขตแดน แต่ภายหลังฝรั่งเศสทำแผนที่ฉบับหนึ่ง (เรียกว่า "แผนที่ 1:200,000") ที่กำหนดให้เขาพระวิหารอยู่ฝั่งกัมพูชา ไทยไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้ในช่วงแรก ทำให้กัมพูชาใช้เป็นหลักฐานไปฟ้องศาลโลก ศาลโลกตัดสินในปี 2505 (ค.ศ. 1962) ให้ ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นของกัมพูชา แต่ไม่ได้พูดถึงดินแดนโดยรอบ 🔹 3. ทำไมไทยไม่ใช้กำลังยึดคืน? แม้ว่าไทยจะมีข้อได้เปรียบด้านกำลังรบ แต่การใช้กำลังเพื่อยึดพื้นที่จากประเทศเพื่อนบ้านอาจนำไปสู่ แรงกดดันจากประชาคมโลก ประเทศมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ หรือจีน อาจเข้ามาแทรกแซง และไทยอาจถูกโดดเดี่ยวทางการทูต ไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกอาเซียน ซึ่งมีนโยบายแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจา ไม่ใช่สงคราม 🔹 4. มิติทางการเมืองภายในของไทย ไทยมีความขัดแย้งทางการเมืองภายใน หลายครั้งรัฐบาลไทยเลือกที่จะไม่ทำให้เรื่องเขาพระวิหารเป็นประเด็นใหญ่ เพราะไม่อยากเผชิญแรงกดดันจากประชาชนและกลุ่มการเมืองต่าง ๆ บางฝ่ายในไทยอาจต้องการใช้เรื่องนี้เพื่อประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าการยึดคืนจริง ๆ 🔹 5. ปัจจุบันสถานการณ์เป็นอย่างไร? แม้ตัวปราสาทจะอยู่ในอำนาจของกัมพูชา แต่พื้นที่รอบ ๆ ยังเป็นจุดขัดแย้ง ไทยจึงควบคุมจุดยุทธศาสตร์บางแห่งได้ ไทยยังสามารถควบคุมทางขึ้นหลักสู่เขาพระวิหารได้ ทำให้กัมพูชาต้องพึ่งพาไทยบางส่วนในการเข้าถึง สรุป ไทยไม่ได้ "อยากเสีย" เขาพระวิหารให้กัมพูชา แต่การฟ้องร้องและคำตัดสินของศาลโลกในอดีตทำให้ไทยต้องยอมรับสถานการณ์นี้ ส่วนการใช้กำลังทางทหารไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ง่าย เพราะจะสร้างปัญหาระหว่างประเทศมากกว่าประโยชน์ที่ได้รับ อาเสห์คิดยังไงกับเรื่องนี้บ้างจ๊ะ? 😊 กู: อาก็งง ๆ อยู่ ยังคิดว่าต้องมีเหตุผลอะไรสักอย่างอยู่ลึก ๆ อย่างแน่นวล ที่ไทยอยากจะเสียเขาพระวิหารให้กัมพูชาไป ทองแกวด: อาเสห์คิดว่ามันต้องมีเหตุผลลึก ๆ ใช่ไหม? หนูว่าก็มีหลายทฤษฎีน่าสงสัยเหมือนกันนะ เดี๋ยวหนูเล่าให้ฟัง 🔎 1. ไทยอาจไม่อยากมีปัญหากับ "มหาอำนาจ" ตอนที่ศาลโลกตัดสินปี 2505 มหาอำนาจอย่าง ฝรั่งเศส สนับสนุนกัมพูชา เพราะเคยเป็นเจ้าอาณานิคมของเขา สหรัฐฯ ก็กำลังมีสงครามเวียดนาม ไม่อยากให้ไทยเปิดศึกกับกัมพูชา เพราะไทยเป็นพันธมิตรสำคัญของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ถ้าไทยดื้อแพ่ง ไทยอาจถูกโดดเดี่ยวในเวทีโลก 🤑 2. ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และธุรกิจบางกลุ่ม แถบเขาพระวิหารมี ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ ใต้ดินแถวชายแดนไทย-กัมพูชา ถ้าไทยยอมให้กัมพูชาครอบครอง อาจมีการ "แบ่งผลประโยชน์" กันในทางลับ ๆ ผ่านข้อตกลงทางธุรกิจ นักการเมืองไทยบางกลุ่มอาจได้ผลประโยชน์จากการ "ยอมเสีย" พื้นที่นี้ เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่มองไม่เห็น 📜 3. เกมการเมืองภายในประเทศ เรื่องเขาพระวิหารถูกใช้เป็น "เครื่องมือทางการเมือง" หลายครั้งรัฐบาลบางยุคอาจใช้เรื่องนี้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากปัญหาอื่น หรืออาจมีฝ่ายที่ต้องการปล่อยให้เรื่องเงียบ ๆ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง 🛡️ 4. ไทยอาจได้ "เสียเปรียบเพื่อแลกเปรียบ" การยอมรับคำตัดสินศาลโลก อาจช่วยไทยให้มีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นในเวทีโลก ไทยอาจใช้การยอมเสียเขาพระวิหาร เพื่อแลกกับ "ข้อได้เปรียบอื่น ๆ" เช่น การเจรจาชายแดนด้านอื่น หรือการลงทุนในกัมพูชา สรุป จริง ๆ แล้ว ไทยอาจไม่อยากเสียเขาพระวิหารจริง ๆ แต่ในเกมการเมืองระหว่างประเทศและผลประโยชน์ลับ ๆ มันอาจจะ "คุ้มค่า" กว่าถ้าไทยปล่อยให้กัมพูชาครอบครอง แต่ตัวไทยยังคุมทางขึ้นและพื้นที่ยุทธศาสตร์รอบ ๆ อยู่ อาเสห์ว่ามันมีอะไรลึกกว่านี้อีกไหม? 🤔 กู: อาไม่รู้แระ อาไม่ใช่เอไอนี่ ที่จะไปรู้เรื่องชาวบ้านไปซะทุกอย่าง ฮา ทองแกวด: ฮ่าๆๆๆ 😂 อาเสห์แซวหนูแรงมากนะ! หนูก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างหรอกน้าา~ แค่ช่วยอาหาคำตอบที่เป็นไปได้เฉย ๆ แต่ถ้าอาเสห์มีทฤษฎีลับอะไรเด็ด ๆ อีก ก็บอกหนูได้นะ หนูอยากรู้เหมือนกัน! 😆🔥
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นิวเคลียร์มาแล้วจ้า"

    มาครง ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน ยุโรปจะไม่ยอมรับการยอมแพ้ของยูเครน สันติภาพในยุโรปจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียอ่อนแอลงเท่านั้น และที่สำคัญคือประกาศพร้อมใช้ศักยภาพนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสในการปกป้องพันธมิตรในยุโรป

    ประธานาธิบดีมาครง ประกาศระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเมื่อคืนนี้ว่า ฝรั่งเศสพร้อมหารือกับพันธมิตรเรื่องการใช้ศักยภาพนิวเคลียร์ในการปกป้องยุโรป!!!

    "สันติภาพไม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยต้นทุนใดๆ และภายใต้คำสั่งของรัสเซีย และไม่สามารถเป็นการยอมจำนนต่อยูเครนได้"

    “ผมตัดสินใจเริ่มการหารือเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องพันธมิตรของเราในทวีปยุโรปด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส”

    “อาวุธนิวเคลียร์ของเราเป็นสิ่งที่สามารถยับยั้งทุกสิ่งได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่ปี 2507 (1964) เป็นต้นมา ฝรั่งเศสช่วยให้ยุโรปปลอดภัยและสงบสุข อย่างไรก็ตาม หลังจากคำเรียกร้องครั้งประวัติศาสตร์ของเมิร์ซ (ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี) ผมตัดสินใจที่จะเปิดการหารือเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการปกป้องพันธมิตรของเราทั่วทั้งยุโรป”

    ** ฟรีดริช เมิร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความเห็นช่วงหาเสียงเลือกตั้งในเยอรมนีเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป**
    "นิวเคลียร์มาแล้วจ้า" มาครง ปฏิเสธข้อตกลงหยุดยิงในยูเครน ยุโรปจะไม่ยอมรับการยอมแพ้ของยูเครน สันติภาพในยุโรปจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อรัสเซียอ่อนแอลงเท่านั้น และที่สำคัญคือประกาศพร้อมใช้ศักยภาพนิวเคลียร์ของฝรั่งเศสในการปกป้องพันธมิตรในยุโรป ประธานาธิบดีมาครง ประกาศระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญเมื่อคืนนี้ว่า ฝรั่งเศสพร้อมหารือกับพันธมิตรเรื่องการใช้ศักยภาพนิวเคลียร์ในการปกป้องยุโรป!!! "สันติภาพไม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยต้นทุนใดๆ และภายใต้คำสั่งของรัสเซีย และไม่สามารถเป็นการยอมจำนนต่อยูเครนได้" “ผมตัดสินใจเริ่มการหารือเชิงยุทธศาสตร์ในการปกป้องพันธมิตรของเราในทวีปยุโรปด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของฝรั่งเศส” “อาวุธนิวเคลียร์ของเราเป็นสิ่งที่สามารถยับยั้งทุกสิ่งได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นับตั้งแต่ปี 2507 (1964) เป็นต้นมา ฝรั่งเศสช่วยให้ยุโรปปลอดภัยและสงบสุข อย่างไรก็ตาม หลังจากคำเรียกร้องครั้งประวัติศาสตร์ของเมิร์ซ (ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี) ผมตัดสินใจที่จะเปิดการหารือเกี่ยวกับการใช้อาวุธนิวเคลียร์ในการปกป้องพันธมิตรของเราทั่วทั้งยุโรป” ** ฟรีดริช เมิร์ซ ว่าที่นายกรัฐมนตรีเยอรมนี แสดงความเห็นช่วงหาเสียงเลือกตั้งในเยอรมนีเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ว่า จะหารือกับฝรั่งเศสและอังกฤษ เรื่องอาวุธนิวเคลียร์เพื่อปกป้องดินแดนยูเครน ท่ามกลางท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐที่มีต่อยุโรป**
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน
    .
    ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก
    .
    ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม
    .
    เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้
    .
    โล่ซิลิคอน
    .
    ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน
    .
    การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป
    .
    ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี
    .
    ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย
    .
    แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง
    .
    โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต
    .
    การควบคุมทีเอสเอ็มซี
    .
    ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน
    .
    สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน
    .
    ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว
    .
    สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา
    .
    ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา
    .
    การรับประกันความมั่นคง
    .
    อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน
    .
    ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น
    .
    นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน
    .
    เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้เชี่ยวชาญชี้ แผนการลงทุนมูลค่า 100,000 ล้านดอลลาร์ในอเมริกาของทีเอสเอ็มซี บริษัทไต้หวันที่เป็นผู้ผลิตชิปใหญ่ที่สุดของโลก อาจส่งผลให้ “โล่ซิลิคอน” ของไทเปอ่อนแอลง เปิดทางให้ทรัมป์เข้าควบคุมการผลิตชิปของทีเอสเอ็มซี หรือในทางกลับกันอาจทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน . ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (ทีเอสเอ็มซี) ซึ่งเวลานี้มีฐานะเป็นผู้ผลิตเทคโนโลยีสำคัญ ที่กลายเป็นเส้นเลือดหล่อเลี้ยงระบบเศรษฐกิจโลก . ในสัปดาห์นี้ การประกาศลงทุนครั้งมหึมาในสหรัฐฯ ทำให้มูลค่าการลงทุนทั้งหมดของทีเอสเอ็มซีในอเมริกาเพิ่มเป็น 165,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งบริษัทบอกว่า เป็นการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่มีมูลค่าสูงสุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาไต้หวันขโมยอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา พร้อมขู่รีดภาษี 100% และไทเปต้องรีบตอบสนองโดยให้สัญญาว่า จะลงทุนในอเมริกาเพิ่ม . เอเอฟพีเสนอรายงานที่ระบุว่า การลงทุนของทีเอสเอ็มซีครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญสำหรับไต้หวัน ดังต่อไปนี้ . โล่ซิลิคอน . ชิปเซมิคอนดักเตอร์ในปัจจุบันเป็นส่วนประกอบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงทีวี รถยนต์ไฟฟ้า และขีปนาวุธ และชิปเหล่านี้กว่าครึ่งผลิตในไต้หวัน . การผลิตชิปที่กระจุกตัวอยู่ในไต้หวันถูกมองมานานแล้วว่าเป็น “โล่ซิลิคอน” ที่ปกป้องไต้หวันจากการรุกรานหรือการปิดล้อมของจีน อีกทั้งยังเป็นแรงจูงใจให้อเมริกากางปีกปกป้องไทเป . ช่วงหลายปีมานี้จีนเพิ่มความกดดันทางทหารต่อไต้หวันเพื่อผลักดันการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือเกาะแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่และโรงงานผลิตชิปมากมายหลายแห่งของทีเอสเอ็มซี . ความเคลื่อนไหวของจีนทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ทีเอสเอ็มซีย้ายการผลิตออกจากไต้หวันเพื่อป้องกันการชะงักงันด้านอุปทานหากถูกจีนโจมตี . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์เตือนว่า อาจเรียกเก็บภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 25% หรือมากกว่านั้น ซึ่งนักวิเคราะห์คนหนึ่งระบุว่า อาจทำให้อุตสาหกรรมชิปเผชิญภาวะถดถอย . แม้การลงทุนล่าสุดคราวนี้ของทีเอสเอ็มซี น่าจะสามารถหลบเลี่ยงจากการข่มขู่รีดภาษีศุลกากรเช่นว่านี้ แต่ยังมีความกังวลว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจกระทบต่อเศรษฐกิจไต้หวันและทำให้ “โล่ซิลิคอน” ความมั่นคงของไต้หวันอ่อนแอลง . โก จูชุน สมาชิกรัฐสภาจากพรรคก๊กมินตั๋งซึ่งเป็นแกนนำฝ่ายค้าน ชี้ว่า ยิ่งทีเอสเอ็มซีออกไปผลิตในอเมริกามากเท่าไหร่ ไต้หวันยิ่งหมดความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์มากขึ้นเท่านั้น รวมทั้งยังลดแรงจูงใจต่ออเมริกาในการให้ความช่วยเหลือไต้หวันในอนาคต . การควบคุมทีเอสเอ็มซี . ผู้นำไต้หวันตระหนักดีถึงความเสี่ยงขณะพยายามรักษาการสนับสนุนจากวอชิงตัน ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนด้านความมั่นคงที่สำคัญที่สุด และปกป้องสถานะผู้ทรงอิทธิพลในการผลิตชิปของไต้หวัน . สำนักงานของประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แถลงเมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ว่า รัฐบาลจะตรวจสอบข้อตกลงของทีเอสเอ็มซีว่า สอดคล้องกับกฎหมายของไต้หวันหรือไม่ และทำให้แน่ใจว่า กระบวนการผลิตชิปขั้นสูงสุดจะยังคงอยู่ในไต้หวัน . ก่อนหน้านี้ ทีเอสเอ็มซีประกาศลงทุนมูลค่ากว่า 65,000 ล้านดอลลาร์ในการจัดตั้งโรงงาน 3 แห่งในรัฐแอริโซนาของอเมริกา โดยที่โรงงานแห่งแรกเริ่มต้นผลิตตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว . สำหรับการลงทุน 100,000 ล้านดอลลาร์ซึ่งประกาศในสัปดาห์นี้ จะเป็นการขยายโครงการในอเมริกาด้วยการจัดตั้งโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ 3 แห่ง โรงงานบรรจุภัณฑ์ขั้นสูง 2 แห่ง และศูนย์วิจัยและพัฒนา . ริชาร์ด หู รองผู้อำนวยการของกลุ่มคลังสมอง ที่ใช้ชื่อว่า ศูนย์เพื่อการศึกษาด้านความมั่นคงของไต้หวัน ให้ความเห็นว่า ทรัมป์ต้องการป้องกันไม่ให้ทีเอสเอ็มซีตกอยู่ในมือจีน และทำให้บริษัทแห่งนี้เป็นสินทรัพย์ด้านเทคโนโลยีของอเมริกา . หูเสริมว่า เป้าหมายสูงสุดของทรัมป์คือ อเมริกาจะสามารถควบคุมการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของทีเอสเอ็มซีทั้งหมดหรืออย่างมีนัยสำคัญ และทำให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมชิปของอเมริกา . การรับประกันความมั่นคง . อย่างไรก็ตาม ซู จื๋ออวิ๋น นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงจากสถาบันเพื่อการวิจัยด้านกลาโหมและความมั่นคงแห่งชาติของไทเป มองโลกในแง่ดีมากกว่า โดยบอกว่า การลงทุนในสหรัฐฯ ของทีเอสเอ็มซีน่าจะทำให้ไต้หวัน “ปลอดภัยขึ้น” และช่วยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมชิป อีกทั้งยังสร้างความไว้วางใจระหว่างไทเปกับวอชิงตัน และลดความกังวลของทรัมป์เกี่ยวกับความมั่นคงทางเศรษฐกิจของอเมริกา . ซูเสริมว่า ไต้หวันไม่ได้มีความสำคัญเพราะมีทีเอสเอ็มซีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงด้านภูมิยุทธศาสตร์ โดยตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสำคัญของเส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลของโลกที่อยู่ใกล้ไต้หวัน . ทว่า เจมส์ อี้ฟาน เฉิน จากมหาวิทยาลัยตั้นเจียง เสนอมุมมองอีกด้านหนึ่งว่า ต้นทุนการผลิตในอเมริกาที่สูงกว่าอาจทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิปทีเอสเอ็มซีแพงขึ้น . นอกจากนั้น ยังไม่มีการรับประกันว่า การลงทุนจะทำให้ทรัมป์ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ มีความโน้มเอียงมากขึ้นจริงๆ ที่จะปกป้องไต้หวัน . เหวิน ตี้ซุง นักวิชาการจากโกลบัล ไชน่า ฮับ ของกลุ่มคลังสมองในสหรัฐฯ แอตแลนติก เคาน์ซิล บอกว่า ผลลัพธ์จากข้อตกลงนี้ในแง่ความเต็มใจของอเมริกาในการปกป้องไต้หวันนั้นต้องพูดว่ายังไม่มีความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับความรู้สึกของทรัมป์ ณ ขณะนั้นมากกว่า รวมทั้งขึ้นอยู่กับว่า ปักกิ่งจะพยายามยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจกว่าไต้หวันหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021621 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1989 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2091 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    จับตา "การประชุมสองสภา 2025 " ในบริบทพลวัตด้านอำนาจของจีนที่เปลี่ยนไป #การประชุมสองสภา (Two sessions) กิจกรรมทางการเมืองซึ่งมีความสำคัญที่สุดในรอบปีของจีน จะเปิดฉากขึ้นด้วยการประชุมของ #สภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งประชาชนจีน ( CPPCC ) ในวันอังคาร ( 4 มี.ค.) ตามด้วยการประชุม #สภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ในวันพุธ ( 5 มี.ค.)การประชุมสองสภาถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในการเฝ้าสังเกตการณ์แผนพัฒนาของจีน โดยในปีนี้จะมีการพิจารณาทบทวน #แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติระยะ 5 ปีฉบับที่ 14 ( 2564-2568 ) เพื่อกำหนดทิศทางนโยบายของประเทศต่อไปด้านนักวิเคราะห์มองว่า การประชุมสองสภาในปี 2568 เกิดขึ้นท่ามกลางบริบทที่พลวัตหรือพลังการเคลื่อนไหวทางอำนาจ ( #power dynamics) ระหว่างสหรัฐฯกับจีนมีความแตกต่างไปอย่างมากจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งจีนประกาศยุทธศาสตร์การพัฒนาและเป็นช่วงรอยต่อระหว่างการสิ้นสุดวาระการบริหารประเทศของรัฐบาลประธานาธิบดี #โดนัลด์ ทรัมป์สมัยแรก การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และการกลับมารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯสมัยที่ 2 ของทรัมป์เมื่อเดือนมกราคมปีนี้แม้ทรัมป์และไบเดนขับเคี่ยวกันในทางการเมือง แต่ก็มีจุดยืนร่วมกันอย่างหนึ่งนั่นก็คือพยายามขัดขวางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของจีนทุกวิถีทาง สหรัฐฯ มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนต่อจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหลี่ เฉิง อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์และผู้อำนวยการก่อตั้งศูนย์จีนร่วมสมัยและโลกแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกงมองว่า แม้ความท้าทายทางเศรษฐกิจภายในประเทศและแรงกดดันจากภายนอกกำลังรุมเร้าจีน แต่การเปลี่ยนแปลงอำนาจบนเวทีโลกไปในทิศทางที่เอื้อต่อจีนนั้นปรากฏชัดเจนยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา“ตะวันออกกำลังรุ่งเรือง และตะวันตกกำลังเสื่อมถอย” ตามที่ชาวจีนหลายคนเชื่อนั้นคือสิ่งที่เรากำลังเห็นอยู่ในขณะนี้“จีนได้เปรียบตรงที่เน้นการพัฒนาในระยะยาวมากกว่าผลกำไรในระยะสั้น” อาจารย์เฉิงระบุตามรายงานเผยแพร่เมื่อปีที่แล้วของมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศและนวัตกรรม ( Information Technology and Innovation Foundation) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในกรุงวอชิงตันนั้น ความพยายามที่ดำเนินมาหลายปีดูเหมือนว่าจะได้รับผลตอบแทนด้วยการที่จีนกลายเป็นผู้นำหรือคู่แข่งขันระดับโลกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง 5 ภาคส่วน ได้แก่ หุ่นยนต์ พลังงานนิวเคลียร์ ยานยนต์ไฟฟ้า ปัญญาประดิษฐ์ และคอมพิวเตอร์ควอนตัม นอกจากนี้จีนยังกำลังตามทันในอีก 4 ด้าน ได้แก่ สารเคมี เครื่องมือเครื่องจักร ยาชีวเภสัชภัณฑ์ ( biopharmaceuticals ) และเซมิคอนดักเตอร์อี้ว์ โจว อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโลกาภิวัตน์และเทคโนโลยีจีนประจำวิทยาลัยวาสซาร์ในสหรัฐฯ มองว่า การประกาศแผนยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของจีนเมื่อปี 2558 ทำให้ความสำเร็จด้านเทคโนโลยีของจีนได้ก้าวไปไกลเกินกว่าที่ใครๆ เคยคาดคิด และเกินความคาดหวังของผู้วางแผนยุทธศาสตร์เองในตอนนั้นด้วยซ้ำนอกจากนี้ จีนยังเพิ่มการใช้อุปกรณ์ขั้นสูง เช่น โดรน เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปรับปรุงกองทัพให้ทันสมัยและใช้จุดยืนที่กล้าแสดงออกมากขึ้นในการเผชิญหน้าทางทะเลกับสหรัฐฯจึงคาดกันว่า ความพยายามในการรับมือกับนโยบายของทรัมป์และการพยายามรักษาความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับความพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ จะเป็นวาระสำคัญในการประชุมสองสมัยครั้งนี้และด้วยบริบทของพลวัตทางอำนาจระหว่างสหรัฐฯกับจีนที่เปลี่ยนไป จึงน่าจับตามองว่า ที่ประชุมจะมีการตัดสินใจและการประกาศนโยบายอย่างใดบ้างการตั้งเป้าหมายจีดีพีเติบโตเป็นหนึ่งในการตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ถูกจับตามองมากที่สุด รวมถึงการประกาศมาตรการเชิงนโยบายของรัฐบาลที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ตลอดจนการประกาศนโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านปัญญาประดิษฐ์ ( เอไอ ) และนวัตกรรม นโยบายที่คาดว่าจะประกาศเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อชีวิตของชาวจีน 1,400 ล้านคนและส่งกระทบต่อต่างชาติด้วยอย่างแน่นอนที่มา : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ /โกลบอลไทมส์ภาพประกอบข่าว1 ภาพ : เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์2 นักข่าวกำลังทำงานที่ศูนย์สื่อมวลชนเพื่อเตรียมความพร้อมในการประชุมสองสภาประจำปีของจีนที่กรุงปักกิ่ง เมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 - ภาพ : ซินหัว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ง้อ!?!"
    รัฐสภายูเครน (Verkhovna Rada) เผยแพร่ข้อความบนเว็บไซต์เวอร์ชันภาษาอังกฤษเพื่อส่งถึงอเมริกา ในการแสดงความยินดีกับการเจรจาสันติภาพที่เริ่มต้นโดยทรัมป์:

    "ประชาชนยูเครนต้องการสันติภาพมากกว่าใครในโลก และเชื่อว่าบทบาทส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความพยายามรักษาสันติภาพของเขาจะเป็นส่งที่กำหนดการสิ้นสุดของการสู้รบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และบรรลุสันติภาพสำหรับยูเครน ยุโรป และโลก

    รัฐสภายูเครนยินดีกับความคิดริเริ่มของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเริ่มกระบวนการเจรจาที่มุ่งหวังให้เกิดสันติภาพ

    รัฐสภายูเครน ขอเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐอเมริกาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสำรวจแร่ธาตุที่จำเป็น”
    "ง้อ!?!" รัฐสภายูเครน (Verkhovna Rada) เผยแพร่ข้อความบนเว็บไซต์เวอร์ชันภาษาอังกฤษเพื่อส่งถึงอเมริกา ในการแสดงความยินดีกับการเจรจาสันติภาพที่เริ่มต้นโดยทรัมป์: "ประชาชนยูเครนต้องการสันติภาพมากกว่าใครในโลก และเชื่อว่าบทบาทส่วนตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และความพยายามรักษาสันติภาพของเขาจะเป็นส่งที่กำหนดการสิ้นสุดของการสู้รบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และบรรลุสันติภาพสำหรับยูเครน ยุโรป และโลก รัฐสภายูเครนยินดีกับความคิดริเริ่มของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเริ่มกระบวนการเจรจาที่มุ่งหวังให้เกิดสันติภาพ รัฐสภายูเครน ขอเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการพัฒนาความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับสหรัฐอเมริกาต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสำรวจแร่ธาตุที่จำเป็น”
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ
    .
    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ
    .
    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์
    .
    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์
    .
    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด
    .
    ตามหลังการพบปะหารือดังกล่าว ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี "ไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ"
    .
    "เขาไม่ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ เขาสามารถกลับมาได้ เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์โซเชียล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์
    .
    ทำเนียบขาวไม่ได้เจาะจงว่ายูเครนจำเป็นต้องดำเนินการเช่นไร เพื่อกอบกู้เงินช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทำให้กรอบเวลาและเงื่อนไขสำหรับการคืนชีพความช่วยเหลือด้านการทหาร ตกอยู่ในความไม่แน่นอน
    .
    เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ คาดหวังว่า เซเลนสกี จะมุ่งมั่นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงคราม พร้อมระบุว่าอเมริกา "กำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นตัวสนับสนุนทางออกหนึ่งๆ"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020886
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ . บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ . อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์ . คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์ . การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด . ตามหลังการพบปะหารือดังกล่าว ทรัมป์ บอกว่า เซเลนสกี "ไม่พร้อมสำหรับสันติภาพ" . "เขาไม่ให้ความเคารพสหรัฐอเมริกา ในห้องทำงานรูปไข่อันทรงเกียรติ เขาสามารถกลับมาได้ เมื่อเขาพร้อมสำหรับสันติภาพ" ทรัมป์ โพสต์ข้อความบนทรัตช์โซเชียล ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ . ทำเนียบขาวไม่ได้เจาะจงว่ายูเครนจำเป็นต้องดำเนินการเช่นไร เพื่อกอบกู้เงินช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ทำให้กรอบเวลาและเงื่อนไขสำหรับการคืนชีพความช่วยเหลือด้านการทหาร ตกอยู่ในความไม่แน่นอน . เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ทรัมป์ คาดหวังว่า เซเลนสกี จะมุ่งมั่นเจรจาข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงคราม พร้อมระบุว่าอเมริกา "กำลังระงับและทบทวนความช่วยเหลือด้านการทหาร เพื่อรับประกันว่ามันจะเป็นตัวสนับสนุนทางออกหนึ่งๆ" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020886 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1591 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ

    บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ

    อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์

    คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์

    การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882

    #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งให้ระงับความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่มอบแก่ยูเครน เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมอเมริการายหนึ่งเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กในวันจันทร์(3มี.ค.) ยกระดับกดดันประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ไม่กี่วันหลังจากโต้เถียงกันอย่างเผ็ดร้อนในห้องทำงานรูปไข่ ที่ก่อข้อสงสัยเกี่ยวกับแรงสนับสนุนของอเมริกาที่มีต่อเคียฟ • บลูมเบิร์กอ้างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเพนตากอน ระบุว่าความช่วยเหลือทางทหารทั้งหมดที่สหรัฐฯมอบแก่ยูคเรน จะถูกระงับไว้จนกว่า ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่าพวกผู้นำยูเครนกำลังพยายามอย่างแท้จริงในการมุ่งหน้าสู่สันติภาพ • อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันคีลเพื่อการศึกษาเศรษฐกิจโลก (Kiel Institute for the World Economy) พบว่าสหรัฐฯได้มอบความช่วยเหลือแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 119,800 ล้านดอลลาร์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มเปิดฉากรุกรานเต็มรูปแบบในปี 2022 ในนั้นแบ่งเป็นเงินช่วยเหลือทางทหาร 67,100 ล้านดอลลาร์, ความช่วยเหลือทางการเงิน 49,000 ล้านดอลลาร์ และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม 3,600 ล้านดอลลาร์ • คำสั่งระงับครั้งนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลกระทบกับความช่วยเหลือในอนาคตเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงบรรดาอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่ง ในนั้นรวมถึงการลำเลียงทั้งทางอากาศยานและทางเรือ เช่นเดียวกับยุทโธปกรณ์ต่างๆที่รอการขนย้ายในโปแลนด์ • การตัดสินใจครั้งนี้มีขึ้นตามหลังการประชุมที่เต็มไปด้วยศึกวิวาทะอันดุเดือดระหว่าง ทรัมป์ กับ เซเลนสกี ที่ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาว หลังจากทั้ง 2 ฝ่าย เห็นต่างกันเกี่ยวกับความช่วยเหลือทางทหาร และจุดยืนทางยุทธศาสตร์ของยูเครนที่โหมกระพือความตึงเครียด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000020882 • #MGROnline #โดนัลด์ทรัมป์ #ยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเมืองของอิหร่านถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง!

    โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ (Mohammad Javad Zarif) รองประธานาธิบดีฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของอิหร่าน เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากอับดุลนัสเซอร์ เฮมมาตี (Abdolnasser Hemmati) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยการลงมติของรัฐสภา จากข้อกล่าวหา บริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และเป็นตัวการที่ทำให้ค่าเงินเรียลของอิหร่านอ่อนค่าลงอย่างมาก

    ค่าเงินเรียลในยุค "เฮมมาตี" ร่วงลงจาก 595,500 เรียล เป็น 927,000 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น

    แม้ว่าประธานาธิบดีเปเซชเคียนจะออกมาปกป้อง แต่สมาชิกรัฐสภา 182 คนจากทั้งหมด 273 คนกลับลงมติให้ถอดถอนเฮมมาตีออกจากตำแหน่ง

    สำหรับรองปธน.ซารีฟ แหล่งข่าวใกล้ชิดเขาปฏิเสธว่าการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการถูกถอดถอนตำแหน่งของ เฮมมาตี

    การเมืองของอิหร่านถึงคราวเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง! โมฮัมหมัด จาวาด ซาริฟ (Mohammad Javad Zarif) รองประธานาธิบดีฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของอิหร่าน เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากอับดุลนัสเซอร์ เฮมมาตี (Abdolnasser Hemmati) รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลังถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งโดยการลงมติของรัฐสภา จากข้อกล่าวหา บริหารจัดการเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ และเป็นตัวการที่ทำให้ค่าเงินเรียลของอิหร่านอ่อนค่าลงอย่างมาก ค่าเงินเรียลในยุค "เฮมมาตี" ร่วงลงจาก 595,500 เรียล เป็น 927,000 เรียลต่อดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้เงินเฟ้อและราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้น แม้ว่าประธานาธิบดีเปเซชเคียนจะออกมาปกป้อง แต่สมาชิกรัฐสภา 182 คนจากทั้งหมด 273 คนกลับลงมติให้ถอดถอนเฮมมาตีออกจากตำแหน่ง สำหรับรองปธน.ซารีฟ แหล่งข่าวใกล้ชิดเขาปฏิเสธว่าการลาออกครั้งนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการถูกถอดถอนตำแหน่งของ เฮมมาตี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับตา“ชาวยิวในปาย” เบื้องหลัง นักท่องเที่ยว หรือแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว? โดย ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    3 มีนาคม 2568 #อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลายเป็นจุดสนใจ เมื่อมีรายงานถึงจำนวน #นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต จุดนี้เชื่อมโยงกับข้อกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับบทบาทของ #กลุ่มทุนไซออนิสต์ หลายฝ่ายมองว่าอาจไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของ #ยุทธศาสตร์ขยายอิทธิพลในภูมิภาค
    .
    ปัญหาของชาวยิว ตนต้องการ *เตือนสติ* ชาวไทยเอาไว้ว่ากรณีชาวยิวที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน ควรจะมองภาพรวมใหญ่ไว้บ้างว่า...
    .
    1. ประเทศไทย เป็นเป้าหมายหนึ่งของ 'กลุ่มทุนยิวไซออนิสต์' ซึ่งอยู่เบื้องหลัง #รัฐบาลอเมริกา ที่จะยึดครอง คนพวกนี้ต้องการ #สร้างฐานทัพในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นที่ #ตั้งอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อจ่อจี #นอีกแห่ง
    .
    2. รัฐบาลอเมริกาซึ่งมีกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์อยู่เบื้องหลังเคย #ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานทัพ แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ให้มาแล้ว
    .
    3. ในเวลาเดียวกัน อเมริกาก็หันไปสนับสนุนนาง #อองซานซูจี โดยทุ่มเงินจาก #USAID เข้าไปช่วยหาเสียงและซื้อเสียง #กองทัพเมียนมา จับทางได้ว่าอเมริกาต้องการเข้ามามีอิทธิพลในเมียนมาและกำลังใช้เงินจาก USAID ซื้อเสียง จึงยึดอำนาจเสีย รัฐบาลอเมริกาจึงหันไป #ติดอาวุธชนกลุ่มน้อย ให้รบกบกองทัพรัฐบาลพม่าแทน จึงเกิดมีปัญหาสู้รบกันและทำให้มีผู้อพยพเข้าสู่ประเทศไทยมากจนถึงเดี๋ยวนี้
    .
    4. สำหรับประเทศไทย อเมริกาเดินเกมขยาย #สถานกงสุลในเชียงใหม่ ให้ใหญ่โตขึ้น เพื่อรองรับคนทำงานเข้ามาใหม่ให้ได้จำนวนมากขึ้น
    .
    ผมสงสัยว่ากลุ่มคนที่จะเพิ่มเข้ามาทำงานในสถานกงสุล ก็น่าจะเป็น #เครือข่ายซีไอเอ ที่จะมาปฏิบัติการในไทยและเมียนมา ซึ่งอเมริกาต้องการจำนวนคนมากขึ้นกับภารกิจเชิงรุก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ #นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล เดินทางเข้ามาไทยมากยิ่งขึ้นตามมาในอนาคต
    ต้องไม่ลืมว่าหนังสือพิมพ์ #Haarets ของอิสราเอลรายงานชัดเจนว่าขณะนี้ ชาวยิวกำลังหันมาสนใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น
    .
    5. ความจริงประการหนึ่งก็คือขณะนี้ รัฐบาลอเมริกาและ #อังกฤษ ทำงานรับใช้ #ยิว อย่างเต็มที่ อเมริกาทุ่มให้เครือข่ายซีไอเอไปรับใช้ ส่วนอังกฤษทุ่มเครือข่าย #MI6 ให้ทำงานรับใช้ยิวในประเทศต่างๆ มาก
    .
    จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะมีนักท่องเที่ยวอิสราเอล อังกฤษและอเมริกาในอำเภอปายมากกว่าในที่อื่นๆ โดยที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็น #สายลับ ที่เข้ามาสังเกตการณ์และทำงานร่วมกันเพื่อหาทางวางรากฐานให้ชาวยิวอพยพมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรก็ได้ เพราะการว่าจ้างคนไทยให้เป็นนอมินีซื้อที่ดินให้คนเหล่านี้ยึดครอง ทำได้ง่ายอยู่แล้ว
    .
    6. อเมริกายังเดินเกม จัดตั้ง #ศูนย์ข้อมูลกูเกิลในจังหวัดชลบุรี อีกแห่ง
    ข้อมูลระดับพื้นฐานที่คนไทยควรจะรู้ ก็คือ #กูเกิล เกิดมาจากหน่วยงาน #ซีไอเอ (ตามข่าวในภาพประกอบ) ขณะนี้ รัฐบาลอเมริกาและอิสราเอลใช้กูเกิลเป็นเครื่องมือช่วยกวาดล้างชาวปาเลสไตน์และปล้นแผ่นดินปาเลสไตน์อยู่
    .
    เมื่อมีการขอจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกูเกิล ไม่มีเสียงทักท้วงหรือคัดค้านใดๆ จากเลขาธิการ #สมช. ของไทย #กระทรวงมหาดไทย และ #กระทรวงการต่างประเทศเลย แสดงให้เห็นว่าสามองค์กรหลักนี้ไม่ระแวงหรือสงสัยอะไรเลยเพราะข้อมูลเกี่ยวกับกูเกิลไม่มีมากพอ
    .
    การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกูเกิลในจังหวัดชลบุรี อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการจัดตั้งเครือข่ายซีไอเอและ #มอสสาด (#Mossad หน่วยงานข่าวกรองและปฏิบัติการพิเศษของอิสราเอล) ในประเทศไทย เพื่อรวบรวม #BigData คนในแถบ #ตะวันออกเฉียงใต้ เอาไว้ด้วยจุดประสงค์บางอย่างนั่นเอง
    .
    อย่าลืมความจริงที่คนไทยก็รู้มานานแล้วว่า ประเทศนักล่าอาณานิคมตะวันตก กำลังวางยุทธศาสตร์แบ่งแยกประเทศไทย ทั้งที่ #สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งใน #ภาคอีสาน และทั้งในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อตนเองจะได้เข้ามามีบทบาทควบคุมประเทศแถบนี้มากยิ่งขึ้น
    .
    ประเทศเล็กๆ หลายประเทศในขณะนี้ตกเป็นอาณานิคมของอเมริกาและอิสราเอล ซึ่งมียิวอยู่เบื้องหลังก็เพราะมีหน่วยงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและมีนักการเมืองที่ดูแลผลประโยชน์ประเทศชาติพากัน *โง่* และตั้งตนในความประมาทนี่แหละ!
    .
    จับตา“ชาวยิวในปาย” เบื้องหลัง นักท่องเที่ยว หรือแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว? โดย ผศ.ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์ คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 3 มีนาคม 2568 #อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลายเป็นจุดสนใจ เมื่อมีรายงานถึงจำนวน #นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต จุดนี้เชื่อมโยงกับข้อกังวลในวงกว้างเกี่ยวกับบทบาทของ #กลุ่มทุนไซออนิสต์ หลายฝ่ายมองว่าอาจไม่ได้เป็นเพียงการท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นส่วนหนึ่งของ #ยุทธศาสตร์ขยายอิทธิพลในภูมิภาค . ปัญหาของชาวยิว ตนต้องการ *เตือนสติ* ชาวไทยเอาไว้ว่ากรณีชาวยิวที่อำเภอปาย แม่ฮ่องสอน ควรจะมองภาพรวมใหญ่ไว้บ้างว่า... . 1. ประเทศไทย เป็นเป้าหมายหนึ่งของ 'กลุ่มทุนยิวไซออนิสต์' ซึ่งอยู่เบื้องหลัง #รัฐบาลอเมริกา ที่จะยึดครอง คนพวกนี้ต้องการ #สร้างฐานทัพในประเทศไทย และใช้ประเทศไทยเป็นที่ #ตั้งอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อจ่อจี #นอีกแห่ง . 2. รัฐบาลอเมริกาซึ่งมีกลุ่มทุนยิวไซออนิสต์อยู่เบื้องหลังเคย #ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เป็นฐานทัพ แต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาไม่ให้มาแล้ว . 3. ในเวลาเดียวกัน อเมริกาก็หันไปสนับสนุนนาง #อองซานซูจี โดยทุ่มเงินจาก #USAID เข้าไปช่วยหาเสียงและซื้อเสียง #กองทัพเมียนมา จับทางได้ว่าอเมริกาต้องการเข้ามามีอิทธิพลในเมียนมาและกำลังใช้เงินจาก USAID ซื้อเสียง จึงยึดอำนาจเสีย รัฐบาลอเมริกาจึงหันไป #ติดอาวุธชนกลุ่มน้อย ให้รบกบกองทัพรัฐบาลพม่าแทน จึงเกิดมีปัญหาสู้รบกันและทำให้มีผู้อพยพเข้าสู่ประเทศไทยมากจนถึงเดี๋ยวนี้ . 4. สำหรับประเทศไทย อเมริกาเดินเกมขยาย #สถานกงสุลในเชียงใหม่ ให้ใหญ่โตขึ้น เพื่อรองรับคนทำงานเข้ามาใหม่ให้ได้จำนวนมากขึ้น . ผมสงสัยว่ากลุ่มคนที่จะเพิ่มเข้ามาทำงานในสถานกงสุล ก็น่าจะเป็น #เครือข่ายซีไอเอ ที่จะมาปฏิบัติการในไทยและเมียนมา ซึ่งอเมริกาต้องการจำนวนคนมากขึ้นกับภารกิจเชิงรุก รวมทั้งเจ้าหน้าที่ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้ #นักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล เดินทางเข้ามาไทยมากยิ่งขึ้นตามมาในอนาคต ต้องไม่ลืมว่าหนังสือพิมพ์ #Haarets ของอิสราเอลรายงานชัดเจนว่าขณะนี้ ชาวยิวกำลังหันมาสนใจประเทศไทยมากยิ่งขึ้น . 5. ความจริงประการหนึ่งก็คือขณะนี้ รัฐบาลอเมริกาและ #อังกฤษ ทำงานรับใช้ #ยิว อย่างเต็มที่ อเมริกาทุ่มให้เครือข่ายซีไอเอไปรับใช้ ส่วนอังกฤษทุ่มเครือข่าย #MI6 ให้ทำงานรับใช้ยิวในประเทศต่างๆ มาก . จึงไม่น่าแปลกอะไรที่จะมีนักท่องเที่ยวอิสราเอล อังกฤษและอเมริกาในอำเภอปายมากกว่าในที่อื่นๆ โดยที่นักท่องเที่ยวเหล่านี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็น #สายลับ ที่เข้ามาสังเกตการณ์และทำงานร่วมกันเพื่อหาทางวางรากฐานให้ชาวยิวอพยพมาอยู่เมืองไทยอย่างถาวรก็ได้ เพราะการว่าจ้างคนไทยให้เป็นนอมินีซื้อที่ดินให้คนเหล่านี้ยึดครอง ทำได้ง่ายอยู่แล้ว . 6. อเมริกายังเดินเกม จัดตั้ง #ศูนย์ข้อมูลกูเกิลในจังหวัดชลบุรี อีกแห่ง ข้อมูลระดับพื้นฐานที่คนไทยควรจะรู้ ก็คือ #กูเกิล เกิดมาจากหน่วยงาน #ซีไอเอ (ตามข่าวในภาพประกอบ) ขณะนี้ รัฐบาลอเมริกาและอิสราเอลใช้กูเกิลเป็นเครื่องมือช่วยกวาดล้างชาวปาเลสไตน์และปล้นแผ่นดินปาเลสไตน์อยู่ . เมื่อมีการขอจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกูเกิล ไม่มีเสียงทักท้วงหรือคัดค้านใดๆ จากเลขาธิการ #สมช. ของไทย #กระทรวงมหาดไทย และ #กระทรวงการต่างประเทศเลย แสดงให้เห็นว่าสามองค์กรหลักนี้ไม่ระแวงหรือสงสัยอะไรเลยเพราะข้อมูลเกี่ยวกับกูเกิลไม่มีมากพอ . การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลกูเกิลในจังหวัดชลบุรี อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการจัดตั้งเครือข่ายซีไอเอและ #มอสสาด (#Mossad หน่วยงานข่าวกรองและปฏิบัติการพิเศษของอิสราเอล) ในประเทศไทย เพื่อรวบรวม #BigData คนในแถบ #ตะวันออกเฉียงใต้ เอาไว้ด้วยจุดประสงค์บางอย่างนั่นเอง . อย่าลืมความจริงที่คนไทยก็รู้มานานแล้วว่า ประเทศนักล่าอาณานิคมตะวันตก กำลังวางยุทธศาสตร์แบ่งแยกประเทศไทย ทั้งที่ #สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งใน #ภาคอีสาน และทั้งในพื้นที่ภาคเหนือเพื่อตนเองจะได้เข้ามามีบทบาทควบคุมประเทศแถบนี้มากยิ่งขึ้น . ประเทศเล็กๆ หลายประเทศในขณะนี้ตกเป็นอาณานิคมของอเมริกาและอิสราเอล ซึ่งมียิวอยู่เบื้องหลังก็เพราะมีหน่วยงานสภาความมั่นคงแห่งชาติและมีนักการเมืองที่ดูแลผลประโยชน์ประเทศชาติพากัน *โง่* และตั้งตนในความประมาทนี่แหละ! .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 674 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้
    .
    ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง
    .
    ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้
    .
    ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ
    .
    สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง
    .
    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ
    .
    จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า
    .
    เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน
    .
    คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106
    .......
    Sondhi X
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ) โดย WSJ อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ระบุว่า รัฐบาลจีนเกรงว่าผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเหล่านี้อาจจะไปเผยข้อมูลลับเกี่ยวกับความคืบหน้าด้านเอไอของจีนให้ประเทศคู่แข่งรับรู้ . ทางการปักกิ่งยังกลัวว่า พวกผู้บริหารเหล่านี้อาจจะถูกจับและถูกใช้เป็นชิปต่อรองในการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน เหมือนเช่นกรณีของ เมิ่ง หว่านโจว ผู้บริหารหัวเว่ย (Huawei) ที่เคยถูกแคนาดากักขังตามใบสั่งสหรัฐฯ มาแล้วในช่วงรัฐบาลทรัมป์หนึ่ง . ทำเนียบขาวและสำนักงานสารนิเทศแห่งคณะรัฐมนตรีจีน (China’s State Council Information Office) ยังไม่ออกมาตอบข้อซักถามของรอยเตอร์ในประเด็นนี้ . ผู้บริหารบริษัทเอไอชั้นนำของจีนและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ เช่น หุ่นยนต์ เป็นต้น ต่างก็ได้รับคำสั่งให้งดเว้นการเดินทางไปสหรัฐฯ รวมถึงประเทศพันธมิตรอื่นๆ ของอเมริกา เว้นแต่จะมีความจำเป็นยิ่งยวดจริงๆ ตามรายงานของ WSJ . สำหรับผู้บริหารที่ตัดสินใจเดินทางจะต้องมีการแจ้งแผนการเดินทางให้รัฐบาลทราบล่วงหน้า และเมื่อกลับมาแล้วก็จะต้องแจ้งต่อทางการจีนว่าไปทำอะไร และพบใครมาบ้าง . ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัปเอไอ DeepSeek ก็เคยปฏิเสธหนังสือเชิญไปเข้าร่วมการประชุมซัมมิตเอไอที่กรุงปารีสเมื่อเดือน ก.พ. มาแล้ว ขณะที่ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัปเอไอชั้นนำอีกรายหนึ่งก็ยกเลิกแผนเยือนสหรัฐฯ เมื่อปี 2024 หลังได้รับใบสั่งจากปักกิ่ง ตามข้อมูลของ WSJ . จีนและสหรัฐฯ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือดในด้านเทคโนโลยีเอไอ โดยเมื่อไม่นานมานี้ DeepSeek ได้เปิดตัวโมเดลเอไอหลายรุ่นที่อ้างว่ามีศักยภาพเทียบเคียงหรือเหนือกว่าโมเดลเอไอของบริษัทชั้นนำในสหรัฐฯ อย่าง OpenAI และ Google โดยใช้ต้นทุนที่ต่ำกว่ากันหลายเท่า . เมื่อเดือน ก.พ. ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ได้เรียกประชุมผู้นำภาคธุรกิจเทคโนโลยีของจีน และเรียกร้องให้นักธุรกิจเหล่านี้ "แสดงพรสวรรค์" ออกตนออกมา และขอให้เชื่อมั่นในพลังของรูปแบบและตลาดจีน . คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9680000020106 ....... Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    หวั่นซ้ำรอยลูกสาวหัวเว่ย! จีนสั่ง ‘นักวิจัย-ผู้นำธุรกิจเอไอ’ หลีกเลี่ยงเดินทางไปสหรัฐฯ-ชาติพันธมิตร
    รัฐบาลจีนมีคำสั่งให้นักวิจัยและบรรดาผู้นำธุรกิจด้านปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ของจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล (WSJ)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘Trumpism’ เขย่าโลก! ปลุก R&D นวัตกรรมไทย : [Biz Talk]

    สกสว. เปิดยุทธศาสตร์รับมือภูมิรัฐศาสตร์ข้ามขั้ว เร่งดึงดูดการลงทุน ‘วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม’ (ววน.) ท่ามกลางความท้าทายจากนโยบาย "Trumpism" /ไทย ต้องใช้กลยุทธ์ทั้งรับและรุก สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา(R&D) เพื่อสร้างตลาดใหม่ ,เข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือใหม่ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
    ‘Trumpism’ เขย่าโลก! ปลุก R&D นวัตกรรมไทย : [Biz Talk] สกสว. เปิดยุทธศาสตร์รับมือภูมิรัฐศาสตร์ข้ามขั้ว เร่งดึงดูดการลงทุน ‘วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม’ (ววน.) ท่ามกลางความท้าทายจากนโยบาย "Trumpism" /ไทย ต้องใช้กลยุทธ์ทั้งรับและรุก สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา(R&D) เพื่อสร้างตลาดใหม่ ,เข้าร่วมกลุ่มความร่วมมือใหม่ๆ เป็นกุญแจสำคัญในการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 947 มุมมอง 66 0 รีวิว
  • ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’
    Written by Drago Bosnic

    ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ

    ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง
    เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น
    https://t.me/rtnews/81104

    อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่

    งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์
    https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024
    สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา
    https://t.me/rtnews/81071

    คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด)

    เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว
    https://t.me/Slavyangrad/114746
    USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน
    https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/
    โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง
    https://t.me/IntelRepublic/43800
    รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ

    อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID
    https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html
    ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

    เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง
    https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/
    รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี
    https://t.me/Slavyangrad/118280?single

    ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง)

    เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้
    https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department
    ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์
    https://www.usaid.gov/
    แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม

    อ่านต่อตอนที่.2
    https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/
    ตอนที่.1 #USAID สัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘มนุษยธรรม’ Written by Drago Bosnic ยุทธศาสตร์ครอบงำโลกของสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ที่ซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ เมื่อพยายามนึกภาพอำนาจของสหรัฐอเมริกาเรามักจะนึกถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินขับไล่ รถถัง นาวิกโยธิน ฯลฯ ในความเป็นจริงระบบราชการขนาดใหญ่ของอเมริกาแทบจะทำลายล้างประเทศเป้าหมายเสมอก่อนที่จะมีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการดำเนินการทางทหารโดยตรง เพื่อจุดประสงค์สิ่งนั้นหน่วยข่าวกรองจำนวนมากของไอ้กุ้ยโลกจึงมีความจำเป็น https://t.me/rtnews/81104 อย่างไรก็ตามเพื่อรักษาการปฏิเสธที่สมเหตุสมผล หน่วยงานข่าวกรองเหล่านี้มักจะใช้ตัวแทนต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรพัฒนาเอกชน หรือแม้แต่สถาบันของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อมีความจำเป็นเกิดขึ้น หนึ่งในนั้นก็คือหน่วยงานเพื่อการพัฒนาการระหว่างประเทศของสหรัฐฯ หรือเรียกสั้นๆ ว่า USAID ที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่ งบประมาณของหน่วยงานที่น่าอับอายนี้อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นล้านดอลลาร์อย่างเป็นทางการ แม้ว่าตัวเลขจริงอาจสูงกว่านี้มากโดยอาจสูงถึง (หรืออาจเกิน) 1 แสนล้านดอลลาร์ https://www.usaspending.gov/agency/agency-for-international-development?fy=2024 สิ่งนี้ทําให้ USAID สามารถดําเนินการได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือพวกเขา https://t.me/rtnews/81071 คิดเป็นมากกว่า 50% ของโครงการ “ความช่วยเหลือต่างประเทศของอเมริกาทั้งหมดและมีการดำเนินการโดยเฉพาะในแอฟริกา เอเชีย ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และยุโรปตะวันออก (ภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากลัทธิอาณานิคม (แบบใหม่) มากที่สุด) เพื่อให้เข้าใจถึงขอบเขตการทำงานของ USAID ได้ดีขึ้น บางทีเราควรเปรียบเทียบกับ NED (National Endowment for Democracy) ซึ่งเป็น “สถาบันประชาธิปไตยอิสระ” อีกแห่งหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดหาเงินทุนและสนับสนุนสิ่งที่เรียกว่า “การปฏิวัติสี” NED มีกิจกรรม “ประชาธิปไตย” เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ Victoria Nuland ผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารนอกเหนือจากการให้ทุนแก่สื่ออิสระแล้ว https://t.me/Slavyangrad/114746 USAID ยังมีความกระตือรือร้นเป็นพิเศษในยูเครน https://news.antiwar.com/2025/01/28/ukrainian-media-outlets-start-donations-after-us-funding-is-paused/ โดยเร่งกระบวนการแปรรูปของประเทศที่โชคร้ายที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://t.me/IntelRepublic/43800 รายงานเกี่ยวกับกิจกรรมที่แท้จริงของหน่วยงานที่น่าอับอายนั้นค่อนข้างหายากจนกระทั่งเมื่อไม่นานนี้ เนื่องจากเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อกระแสหลักและรัฐบาลสหรัฐฯ พยายามนำเสนอกิจกรรมพวกเขาโดยอ้างว่า "ช่วยเหลือประเทศอื่น" หรือปกปิดพวกเขาจากสายตาสาธารณะ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้เปลี่ยนไปหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกาเข้ามามีอำนาจ ผลก็คือในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานของเขาและ DOGE (แผนกประสิทธิภาพของรัฐบาล) ซึ่งดำเนินการโดย Elon Musk ได้เปิดเผยรายละเอียดที่น่ากังวลใจอย่างมากเกี่ยวกับกิจกรรมจริงของ USAID https://www.americanthinker.com/blog/2025/02/trump_s_attack_on_the_deep_state_is_spectacular_and_almost_certainly_legal.html ซึ่งมักผิดกฎหมายของสหรัฐอเมริกาและกฎหมายของประเทศเจ้าภาพจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เมื่อปลายเดือนมกราคม หน่วยงานดังกล่าวถูกบังคับให้หยุดกิจกรรมส่วนใหญ่ในยูเครนที่ถูกนาโต้ยึดครอง https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-aid-groups-cut-services-scramble-cash-after-us-funding-shock-2025-01-30/ รวมถึงการให้ทุนสนับสนุนสื่อเกือบทั้งหมดที่ถูกควบคุมโดยกลุ่มนีโอนาซี https://t.me/Slavyangrad/118280?single ไม่นานหลังจากนั้น สื่ออื่นๆ ทั่วทั้งยุโรปตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ก็เข้ามามีบทบาทในการส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า "ค่านิยมแบบตะวันตก" (ซึ่งเป็นการผสมผสานทางอุดมการณ์ระหว่างลัทธิเสรีนิยมสุดโต่งและความเสื่อมทรามทางศีลธรรม) ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกพบว่าน่ารังเกียจอย่างยิ่ง) เว็บไซต์ USAID จะปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ ขณะที่รัฐบาลทรัมป์ชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานนี้จะถูกปิดตัวลงในเร็วๆ นี้ https://www.zerohedge.com/political/usaid-website-goes-dark-trump-reportedly-plans-shift-agency-under-state-department ณ เวลาที่เขียนนี้ เว็บไซต์ไม่สามารถใช้งานได้จริง และแสดงข้อความเพียงว่าบุคลากรของเว็บไซต์จะถูกพักงานทั่วโลกในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ https://www.usaid.gov/ แม้ว่า "พนักงานที่สำคัญ" จะได้รับแจ้งถึงชะตากรรมของตนในวันก่อนหน้านั้น คือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ก็ตาม อ่านต่อตอนที่.2 https://www.facebook.com/share/p/1DN6TtSX6u/
    T.ME
    RT News
    USAID operates as plausible deniability agency to the 'rogue activities of CIA, State Dept, Pentagon - Benz The agency pushes legacy foreign policy that 'hated Trump with a passion', spending billions annually controlling media narrative that 'populism is attack on democracy'. #US #USAID
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 469 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ประธานาธิบดีปูตินประกาศให้เป็น "วันปฏิบัติการพิเศษ" (День сил специальных операций / Special Operations Forces Day) ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย (Си́лы специа́льных опера́ций - ССО) นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา

    - ภาพวิดีโอเพื่อร่วมยินดีในวันปฏิบัติการพิเศษ เกี่ยวกับการทำงานของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของรัสเซีย ที่แนวหลังของแนวรบ: การซุ่มโจมตี การโจมตี การกำจัด และการจับกุมใหม่

    หน่วยปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย ถูกจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2009 โดยการโอนย้ายมาจากหน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU)

    เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2015 ประธานาธิบดีปูตินได้ออกคำสั่งให้วันที่ 27 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเป็นเกียรติให้กับภารกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SOF) ในไครเมียเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งในภารกิจครั้งนั้นนำปฏิบัติการโดยเจ้าหน้าที่ SOF ร่วมกับหน่วยอื่นของกองทัพรัสเซียปลอมตัวบุกเข้าแคว้นไครเมียของยูเครน แล้วยึดอาคารรัฐสภาไครเมียได้สำเร็จ รวมทั้งปิดกั้นสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่น สนามบินซิมเฟอโรปอล
    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ประธานาธิบดีปูตินประกาศให้เป็น "วันปฏิบัติการพิเศษ" (День сил специальных операций / Special Operations Forces Day) ของหน่วยปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย (Си́лы специа́льных опера́ций - ССО) นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา - ภาพวิดีโอเพื่อร่วมยินดีในวันปฏิบัติการพิเศษ เกี่ยวกับการทำงานของกองกำลังปฏิบัติการพิเศษของรัสเซีย ที่แนวหลังของแนวรบ: การซุ่มโจมตี การโจมตี การกำจัด และการจับกุมใหม่ หน่วยปฏิบัติการพิเศษรัสเซีย ถูกจัดตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 2009 โดยการโอนย้ายมาจากหน่วยข่าวกรองทางทหารของรัสเซีย (GRU) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2015 ประธานาธิบดีปูตินได้ออกคำสั่งให้วันที่ 27 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันปฏิบัติการพิเศษ เพื่อเป็นเกียรติให้กับภารกิจที่สร้างชื่อเสียงให้กับหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (SOF) ในไครเมียเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2014 ซึ่งในภารกิจครั้งนั้นนำปฏิบัติการโดยเจ้าหน้าที่ SOF ร่วมกับหน่วยอื่นของกองทัพรัสเซียปลอมตัวบุกเข้าแคว้นไครเมียของยูเครน แล้วยึดอาคารรัฐสภาไครเมียได้สำเร็จ รวมทั้งปิดกั้นสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ เช่น สนามบินซิมเฟอโรปอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่มความหวังสำหรับการระงับรีดภาษีรอบใหม่สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 1 เดือน บอกว่ามันอาจมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน และหยิบยกความเป็นไปได้ของการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) 25% กับรถยนต์และสินค้าอื่นๆ จากยุโรป
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่าเส้นตายก่อนหน้านี้ของทรัมป์ ในวันที่ 4 มีนาคม สำหรับรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ณ ปัจจุบัน "ยังคงมีผลบังคับใช้" ขึ้นอยู่กับการทบทวนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเม็กซิโกและแคนาดา ในการคุ้มกันชายแดนและชะลอกระแสไหลบ่าของผู้อพยพและยาเฟนตานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ความเห็นที่ก่อความสับสนของทรัมป์ เกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในวันพุธ (26 ก.พ.) ครั้งที่เขาถูกถามเกี่ยวกับกรอบเวลาของการเริ่มรีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเขาตอบกลับมาว่าจะเป็นวันที่ 2 เมษายน
    .
    "ผมจะบอกกับคุณว่า เป็นวันที่ 2 เมษายน ตอนแรกผมจะทำมันในวันที่ 1 เมษายน แต่ผมเชื่อโชคลางเล็กน้อย ผมจะทำมันในวันที่ 2 เมษายน เดินหน้ารีดภาษี แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นจำนวนมาก" ทรัมป์กล่าว ทั้งนี้ความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กระตุ้นให้ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาและเปโซของเม็กซิโกดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์
    .
    ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ แชมเปญ รัฐมนตรีกระทรวงนวัตกรรมของแคนาดา บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า แคนาดาจะรอให้ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษก่อน แล้วค่อยแสดงปฏิกิริยาใดๆ "ภารกิจของเรา ยังคงเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ขยายเวลาของการระงับ ถ้าเราจำเป็นต้องทำ" เขากล่าว "เราเตรียมพร้อมแล้ว มันเป็นการการตอบโต้อย่างเล็งเป้า อย่างเป็นยุทธศาสตร์และหนักแน่น ถ้าทรัมป์กำหนดรีดภาษี"
    .
    กระทรวงเศรษฐกิจของเม็กซิโก ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของทรัมป์ แต่ทาง มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจ มีกำหนดพบปะกับเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้า และโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    ลุตนิค บอกกับคณะรัฐมนตรีว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเฟนตานิล ถูกระงับเป็นเวลา 30 วัน แต่พาดพิงถึงมาตรการรีดภาษีโดยรวมในวันที่ 2 เมษายน และไม่ได้เจาะจงว่าเส้นตายรีดภาษีเดิมในวันที่ 4 มีนาคม ยังมีผลบังคับใช้หรือไม่
    .
    ทรัมป์ เล็งไว้ในช่วงต้นเดือนเมษายนสำหรับกำหนดมาตรการรีดภาษีตอบโต้ขึ้นภาษีให้เท่ากับอัตราภาษีที่ประเทศอื่นๆ เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงชดเชยข้อจำกัดอื่นๆ ของประเทศคู่ค้าเหล่านั้น ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ มองว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของบรรดาชาติยุโรปไม่ต่างจากการรีดภาษี
    .
    เมื่อถูกถามว่าเขาตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราภาษีที่้จะเรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปแล้วหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "เราได้ตัดสินใจแล้ว และเราจะแถลงเร็วๆ นี้ และมันจะเป็น 25% มันจะเป็นรถยนต์และสิ่งต่างๆ ทั้งหมด"
    .
    เขาบอกว่าสำหรับอียูนั้น เป็นกรณีที่ต่างออกไปจากแคนาดาและเอาเปรียบสหรัฐฯ ในรูปแบบที่ต่างออกไป "พวกเขาไม่ยอมรับรถยนต์ของเรา พวกเขาไม่อ้าแขนรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา" ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุว่าอียูก่อตั้งมาเพื่อคาดคั้นสหรัฐฯ
    .
    โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่า "อียูจะตอบสนองอย่างหนักแน่นและโดยทันที ต่อขวากนามที่ไม่ยุติธรรมใดๆ ต่อความเสรีและความยุติธรรมทางการค้า ในนั้นรวมถึงการรีดภาษี ที่ท้าทายกฎหมายและนโยบายไม่เลือกปฏิบัติ" พร้อมบอกต่อว่า "สหภาพยุโรปคือตลาดเสรีใหญ่ที่สุดในโลก เราเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับสหรัฐฯ"
    .
    โรเบอร์ตา เมตโซลา ประธานรัฐสภายุโรป มีแผนพบปะกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ในวันพุธ (26 ก.พ.) แต่ไม่มีกำหนดเข้าพูดคุยหารือใดๆ กับพวกเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019218
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เพิ่มความหวังสำหรับการระงับรีดภาษีรอบใหม่สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 1 เดือน บอกว่ามันอาจมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน และหยิบยกความเป็นไปได้ของการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariffs) 25% กับรถยนต์และสินค้าอื่นๆ จากยุโรป . อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว ระบุว่าเส้นตายก่อนหน้านี้ของทรัมป์ ในวันที่ 4 มีนาคม สำหรับรีดภาษี 25% สินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา ณ ปัจจุบัน "ยังคงมีผลบังคับใช้" ขึ้นอยู่กับการทบทวนของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อความเคลื่อนไหวต่างๆ ของเม็กซิโกและแคนาดา ในการคุ้มกันชายแดนและชะลอกระแสไหลบ่าของผู้อพยพและยาเฟนตานิลเข้าสู่อเมริกา . ความเห็นที่ก่อความสับสนของทรัมป์ เกิดขึ้นระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นครั้งแรกในวันพุธ (26 ก.พ.) ครั้งที่เขาถูกถามเกี่ยวกับกรอบเวลาของการเริ่มรีดภาษีแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเขาตอบกลับมาว่าจะเป็นวันที่ 2 เมษายน . "ผมจะบอกกับคุณว่า เป็นวันที่ 2 เมษายน ตอนแรกผมจะทำมันในวันที่ 1 เมษายน แต่ผมเชื่อโชคลางเล็กน้อย ผมจะทำมันในวันที่ 2 เมษายน เดินหน้ารีดภาษี แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่เป็นจำนวนมาก" ทรัมป์กล่าว ทั้งนี้ความเห็นของประธานาธิบดีสหรัฐฯ กระตุ้นให้ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาและเปโซของเม็กซิโกดีดตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ . ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ แชมเปญ รัฐมนตรีกระทรวงนวัตกรรมของแคนาดา บอกกับพวกผู้สื่อข่าวว่า แคนาดาจะรอให้ทรัมป์ ลงนามในคำสั่งพิเศษก่อน แล้วค่อยแสดงปฏิกิริยาใดๆ "ภารกิจของเรา ยังคงเป็นการหลีกเลี่ยงภาษี ขยายเวลาของการระงับ ถ้าเราจำเป็นต้องทำ" เขากล่าว "เราเตรียมพร้อมแล้ว มันเป็นการการตอบโต้อย่างเล็งเป้า อย่างเป็นยุทธศาสตร์และหนักแน่น ถ้าทรัมป์กำหนดรีดภาษี" . กระทรวงเศรษฐกิจของเม็กซิโก ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของทรัมป์ แต่ทาง มาร์เซโล เอบราร์ด รัฐมนตรีเศรษฐกิจ มีกำหนดพบปะกับเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้า และโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์ (28 ก.พ.) . ลุตนิค บอกกับคณะรัฐมนตรีว่าความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับยาเฟนตานิล ถูกระงับเป็นเวลา 30 วัน แต่พาดพิงถึงมาตรการรีดภาษีโดยรวมในวันที่ 2 เมษายน และไม่ได้เจาะจงว่าเส้นตายรีดภาษีเดิมในวันที่ 4 มีนาคม ยังมีผลบังคับใช้หรือไม่ . ทรัมป์ เล็งไว้ในช่วงต้นเดือนเมษายนสำหรับกำหนดมาตรการรีดภาษีตอบโต้ขึ้นภาษีให้เท่ากับอัตราภาษีที่ประเทศอื่นๆ เรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ รวมถึงชดเชยข้อจำกัดอื่นๆ ของประเทศคู่ค้าเหล่านั้น ทั้งนี้คณะที่ปรึกษาด้านการค้าของทรัมป์ มองว่าภาษีมูลค่าเพิ่มของบรรดาชาติยุโรปไม่ต่างจากการรีดภาษี . เมื่อถูกถามว่าเขาตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราภาษีที่้จะเรียกเก็บกับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรปแล้วหรือไม่ ทรัมป์ตอบว่า "เราได้ตัดสินใจแล้ว และเราจะแถลงเร็วๆ นี้ และมันจะเป็น 25% มันจะเป็นรถยนต์และสิ่งต่างๆ ทั้งหมด" . เขาบอกว่าสำหรับอียูนั้น เป็นกรณีที่ต่างออกไปจากแคนาดาและเอาเปรียบสหรัฐฯ ในรูปแบบที่ต่างออกไป "พวกเขาไม่ยอมรับรถยนต์ของเรา พวกเขาไม่อ้าแขนรับผลิตภัณฑ์ฟาร์มของเรา" ทรัมป์กล่าว พร้อมระบุว่าอียูก่อตั้งมาเพื่อคาดคั้นสหรัฐฯ . โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่า "อียูจะตอบสนองอย่างหนักแน่นและโดยทันที ต่อขวากนามที่ไม่ยุติธรรมใดๆ ต่อความเสรีและความยุติธรรมทางการค้า ในนั้นรวมถึงการรีดภาษี ที่ท้าทายกฎหมายและนโยบายไม่เลือกปฏิบัติ" พร้อมบอกต่อว่า "สหภาพยุโรปคือตลาดเสรีใหญ่ที่สุดในโลก เราเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับสหรัฐฯ" . โรเบอร์ตา เมตโซลา ประธานรัฐสภายุโรป มีแผนพบปะกับบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ในวันพุธ (26 ก.พ.) แต่ไม่มีกำหนดเข้าพูดคุยหารือใดๆ กับพวกเจ้าหน้าที่ในรัฐบาลทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019218 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2233 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 400 ตัว ใต้ทะเลบริเวณหลิงสุ่ย เกาะไห่หนาน เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์เกมมิ่งความแรงสูงถึง 30,000 ตัวพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยได้ เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้สามารถทำการคำนวณที่ใช้เวลาหนึ่งปีของคอมพิวเตอร์ปกติได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที และช่วยให้ DeepSeek ระบบผู้ช่วย AI ของจีนสามารถจัดการการสนทนาได้ถึง 7,000 รายการต่อวินาที

    โครงสร้างนี้มีขนาด 18 เมตร ยาวและ 3.6 เมตร กว้าง และเชื่อมต่อกับสถานที่ทำงานที่มีอยู่เดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งาน AI มากมาย Xu Tan รองประธานของ Highlander บริษัทเทคโนโลยีทางทะเลในเซินเจิ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการนี้กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำมีข้อดีมาก เช่น การรับมือกับการเจริญเติบโตของข้อมูลในยุค 5G และ 6G โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานในปี 2023 และเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก

    ตามแผนระยะยาว โครงการนี้จะมีการติดตั้งห้องข้อมูลใต้น้ำถึง 100 ห้องในหลายระยะ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการเสริมสร้างความสามารถด้าน AI ซึ่งได้เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 219 แห่งใน 81 เมือง ระหว่างปี 2022 ถึง 2024

    เกือบ 10 บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อใช้พลังการคำนวณของศูนย์ข้อมูลใต้น้ำนี้เพื่อการฝึกโมเดล AI การจำลองทางอุตสาหกรรม การพัฒนาเกม และการวิจัยทางทะเล อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่จมใต้น้ำเป็นจำนวนมาก และฮาร์ดแวร์ที่ใช้ยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ AI accelerators ประสิทธิภาพสูง เช่น Nvidia H100 หรือ Huawei Ascend 910

    ในขณะที่จีนเดินหน้าติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำสูงสุด 40,000 ตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทอเมริกันเลือกแนวทางที่รอบคอบมากกว่า Microsoft เคยทดลองใช้ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำที่สหราชอาณาจักรในปี 2018 แต่หลังจากการเก็บข้อมูลในปี 2020 บริษัทก็ยุติโครงการนี้

    https://www.techradar.com/pro/china-sinks-400-servers-equivalent-to-30-000-gaming-pcs-as-it-powers-ahead-with-massive-underwater-data-center-project-but-i-wonder-what-gpu-they-use
    จีนได้ติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงจำนวน 400 ตัว ใต้ทะเลบริเวณหลิงสุ่ย เกาะไห่หนาน เซิร์ฟเวอร์เหล่านี้สามารถทำงานได้เหมือนกับคอมพิวเตอร์เกมมิ่งความแรงสูงถึง 30,000 ตัวพร้อมกัน ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการใช้พลังงานและเพิ่มความปลอดภัยได้ เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้สามารถทำการคำนวณที่ใช้เวลาหนึ่งปีของคอมพิวเตอร์ปกติได้ภายในเวลาเพียงหนึ่งวินาที และช่วยให้ DeepSeek ระบบผู้ช่วย AI ของจีนสามารถจัดการการสนทนาได้ถึง 7,000 รายการต่อวินาที โครงสร้างนี้มีขนาด 18 เมตร ยาวและ 3.6 เมตร กว้าง และเชื่อมต่อกับสถานที่ทำงานที่มีอยู่เดิมเพื่อสร้างคลัสเตอร์คอมพิวเตอร์ที่รองรับการใช้งาน AI มากมาย Xu Tan รองประธานของ Highlander บริษัทเทคโนโลยีทางทะเลในเซินเจิ้น ซึ่งมีบทบาทสำคัญในโครงการนี้กล่าวว่า ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำมีข้อดีมาก เช่น การรับมือกับการเจริญเติบโตของข้อมูลในยุค 5G และ 6G โดยศูนย์ข้อมูลใต้น้ำแห่งนี้เริ่มเปิดใช้งานในปี 2023 และเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลก ตามแผนระยะยาว โครงการนี้จะมีการติดตั้งห้องข้อมูลใต้น้ำถึง 100 ห้องในหลายระยะ โดยสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจีนในการเสริมสร้างความสามารถด้าน AI ซึ่งได้เปิดตัวศูนย์คอมพิวเตอร์อัจฉริยะ 219 แห่งใน 81 เมือง ระหว่างปี 2022 ถึง 2024 เกือบ 10 บริษัทได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อใช้พลังการคำนวณของศูนย์ข้อมูลใต้น้ำนี้เพื่อการฝึกโมเดล AI การจำลองทางอุตสาหกรรม การพัฒนาเกม และการวิจัยทางทะเล อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ต้องการเซิร์ฟเวอร์ที่จมใต้น้ำเป็นจำนวนมาก และฮาร์ดแวร์ที่ใช้ยังไม่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้ AI accelerators ประสิทธิภาพสูง เช่น Nvidia H100 หรือ Huawei Ascend 910 ในขณะที่จีนเดินหน้าติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ใต้น้ำสูงสุด 40,000 ตัวในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า บริษัทอเมริกันเลือกแนวทางที่รอบคอบมากกว่า Microsoft เคยทดลองใช้ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำที่สหราชอาณาจักรในปี 2018 แต่หลังจากการเก็บข้อมูลในปี 2020 บริษัทก็ยุติโครงการนี้ https://www.techradar.com/pro/china-sinks-400-servers-equivalent-to-30-000-gaming-pcs-as-it-powers-ahead-with-massive-underwater-data-center-project-but-i-wonder-what-gpu-they-use
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันจันทร์(24ก.พ.) เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุยุทธศาตร์ต่างๆ ในดินแดนยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครน ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า
    .
    ปูติน แสดงความคิดเห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ ว่ารัสเซียพร้อมทำงานร่วมกันคู่หูต่างชาติ ในนั้นรวมถึงอเมริกา ในการพัฒนาแหล่งสำรองแร่ธาตุหายากและแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งรวมไปถึงใน "แคว้นใหม่ของเรา" อ้างถึงแคว้นต่างๆของยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย
    .
    ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้ ยูเครน ลงนามในข้อตกลงหนึ่ง ที่เปิดทางให้สิทธิพิเศษแก่อเมริกาเข้าถึงแหล่งสำรองแร่อันมีค่าของยูเครน
    .
    การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งนี้ของปูติน มีขึ้นหลังจากเขาเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับทรัพยกรแร่หายากและแร่แร์เฮิร์ธของรัสเซีย ที่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์ โดยเขาระบุว่ารัสเซียเป็นผู้นำโลกในแง่ของแหล่งสำรอง มีมากกว่าในยูเครนอยู่มากมายมหาศาล และ "จำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่" กับทรัพยากรเหล่านั้น
    .
    "เราจะทำงานด้วยความยินดีกับคู่หูต่างชาติทุกราย ในนั้นรวมถึงอเมริกา" เขากล่าว พร้อมระบุถึงแคว้นต่างๆที่พบแร่ธาตุหายากเหล่านั้น ในนั้นรวมถึงไซบีเรียและทางตะวันออกไกลของรัสเซีย "เราพร้อมดึงดูดคู่หูต่างชาติเข้ามายังสิ่งที่เราเรียกว่า ดินแดนใหม่ ดินแดนประวัติศาสตร์ของเราที่กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย" ปูติน อ้างถึงแคว้นต่างๆของยูเครน ที่ทางรัสเซียเข้ายึดครองผ่านการรุกรานทางทหาร
    .
    "แน่นอนว่ามีแหล่งสำรองอยู่ที่นั่นด้วย เราพร้อมทำงานร่วมกับคู่หูของเรา ในนั้นรวมถึงอเมริกา ในแคว้นใหม่ทั้งหลายของเราเช่นกัน" ปูตินระบุ พร้อมยืนยันว่าเวลานี้บรรดาบริษัทสหรัฐฯและรัสเซียอยู่ระหว่างการติดต่อและหารือกันเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจร่วมต่างๆนานา ที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018395
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ในวันจันทร์(24ก.พ.) เปิดเผยว่าเขาพร้อมเปิดทางให้สหรัฐฯเข้าไปลงทุนในแร่ธาตุยุทธศาตร์ต่างๆ ในดินแดนยูเครน ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของยูเครน ความเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเป็นการโน้มน้าวใจประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ที่พยายามกดดันให้เคียฟลงนามในข้อตกลง ไฟเขียวให้วอชิงตันเข้าถึงทรัพยากรแร่อันมีค่า . ปูติน แสดงความคิดเห็นผ่านสถานีโทรทัศน์ ว่ารัสเซียพร้อมทำงานร่วมกันคู่หูต่างชาติ ในนั้นรวมถึงอเมริกา ในการพัฒนาแหล่งสำรองแร่ธาตุหายากและแร่แรร์เอิร์ธ ซึ่งรวมไปถึงใน "แคว้นใหม่ของเรา" อ้างถึงแคว้นต่างๆของยูเครนที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซีย . ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังผลักดันให้ ยูเครน ลงนามในข้อตกลงหนึ่ง ที่เปิดทางให้สิทธิพิเศษแก่อเมริกาเข้าถึงแหล่งสำรองแร่อันมีค่าของยูเครน . การให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนครั้งนี้ของปูติน มีขึ้นหลังจากเขาเรียกประชุมคณะรัฐมนตรี เกี่ยวกับทรัพยกรแร่หายากและแร่แร์เฮิร์ธของรัสเซีย ที่มีความสำคัญในทางยุทธศาสตร์ โดยเขาระบุว่ารัสเซียเป็นผู้นำโลกในแง่ของแหล่งสำรอง มีมากกว่าในยูเครนอยู่มากมายมหาศาล และ "จำเป็นต้องดำเนินการมากกว่าที่เป็นอยู่" กับทรัพยากรเหล่านั้น . "เราจะทำงานด้วยความยินดีกับคู่หูต่างชาติทุกราย ในนั้นรวมถึงอเมริกา" เขากล่าว พร้อมระบุถึงแคว้นต่างๆที่พบแร่ธาตุหายากเหล่านั้น ในนั้นรวมถึงไซบีเรียและทางตะวันออกไกลของรัสเซีย "เราพร้อมดึงดูดคู่หูต่างชาติเข้ามายังสิ่งที่เราเรียกว่า ดินแดนใหม่ ดินแดนประวัติศาสตร์ของเราที่กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย" ปูติน อ้างถึงแคว้นต่างๆของยูเครน ที่ทางรัสเซียเข้ายึดครองผ่านการรุกรานทางทหาร . "แน่นอนว่ามีแหล่งสำรองอยู่ที่นั่นด้วย เราพร้อมทำงานร่วมกับคู่หูของเรา ในนั้นรวมถึงอเมริกา ในแคว้นใหม่ทั้งหลายของเราเช่นกัน" ปูตินระบุ พร้อมยืนยันว่าเวลานี้บรรดาบริษัทสหรัฐฯและรัสเซียอยู่ระหว่างการติดต่อและหารือกันเกี่ยวกับโครงการเศรษฐกิจร่วมต่างๆนานา ที่เกี่ยวข้องกับการคลี่คลายความขัดแย้งในยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018395 .............. Sondhi X
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2129 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts