• ปิดคดีลวนลามผู้ต้องหาสาวที่สวายเรียง ตำรวจกัมพูชาเรียกนักข่าว 2 รายสอบปากคำ หลังมีคลิปใช้มือจับปาก–แก้มผู้ต้องหาหญิง สุดท้ายตักเตือน–ให้ทำคลิปขอโทษ ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ขณะกระทรวงข้อมูลข่าวสารเพิกถอนบัตรสื่อ 1 ราย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110755

    #กัมพูชา #ลวนลามผู้ต้องหา #นักข่าวกัมพูชา #สวายเรียง #คดีเว็บพนัน #News1live #News1
    ปิดคดีลวนลามผู้ต้องหาสาวที่สวายเรียง ตำรวจกัมพูชาเรียกนักข่าว 2 รายสอบปากคำ หลังมีคลิปใช้มือจับปาก–แก้มผู้ต้องหาหญิง สุดท้ายตักเตือน–ให้ทำคลิปขอโทษ ก่อนปล่อยตัวกลับบ้าน ขณะกระทรวงข้อมูลข่าวสารเพิกถอนบัตรสื่อ 1 ราย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110755 • #กัมพูชา #ลวนลามผู้ต้องหา #นักข่าวกัมพูชา #สวายเรียง #คดีเว็บพนัน #News1live #News1
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.กห.สบายใจ 'ฮุนเซน' ท้าปิดด่าน 100 ปี ยันยังไม่ปล่อยตัว 18 เชลยศึก ชี้เป็น "สัญลักษณ์" กัมพูชาไม่ได้สิ้นสุดความเป็นปรปักษ์
    https://www.thai-tai.tv/news/22431/
    .
    #ไทยไท #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #เก็บกู้ทุ่นระเบิด #18เชลยศึก #ฮุนเซน #JointDeclaration

    รมว.กห.สบายใจ 'ฮุนเซน' ท้าปิดด่าน 100 ปี ยันยังไม่ปล่อยตัว 18 เชลยศึก ชี้เป็น "สัญลักษณ์" กัมพูชาไม่ได้สิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ https://www.thai-tai.tv/news/22431/ . #ไทยไท #ณัฐพลนาคพาณิชย์ #เก็บกู้ทุ่นระเบิด #18เชลยศึก #ฮุนเซน #JointDeclaration
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'วาสนา' แฉเปิดโปงสื่อเขมร ยกย่องอดีตเชลยศึกเป็น "วีรบุรุษ" กลับมาประจำการแนวหน้า แสดงความพร้อมรบกับไทยอีกครั้ง ผิดข้อตกลง การปล่อยตัว!
    https://www.thai-tai.tv/news/22398/
    .
    #กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ #ไทยไท #วาสนานาน่วม #เชลยศึกเขมร #ผิดข้อตกลง #ความมั่นคงชายแดน #พร้อมรบ

    'วาสนา' แฉเปิดโปงสื่อเขมร ยกย่องอดีตเชลยศึกเป็น "วีรบุรุษ" กลับมาประจำการแนวหน้า แสดงความพร้อมรบกับไทยอีกครั้ง ผิดข้อตกลง การปล่อยตัว! https://www.thai-tai.tv/news/22398/ . #กัมพูชาเป็นภัยความมั่นคงของชาติ #ไทยไท #วาสนานาน่วม #เชลยศึกเขมร #ผิดข้อตกลง #ความมั่นคงชายแดน #พร้อมรบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมินสัญญา! เชลยเขมรที่ไทยปล่อยตัวเมื่อ ส.ค. กลับเข้ารบแนวหน้าอีกครั้ง

    “ลิม ซัมเอ็ง” ทหารกัมพูชาที่ถูกจับ–ส่งกลับเพราะบาดเจ็บ แม้เซ็นสัญญากับกองทัพไทยว่าจะไม่กลับไปรบ ล่าสุดโผล่ในบังเกอร์ สื่อเขมรยกย่องเป็น “วีรบุรุษ”

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109532

    #News1live #News1 #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #เชลยศึก #ลิมซัมเอ็ง #ความมั่นคง #เขมรการละคร #newsupdate
    เมินสัญญา! เชลยเขมรที่ไทยปล่อยตัวเมื่อ ส.ค. กลับเข้ารบแนวหน้าอีกครั้ง • “ลิม ซัมเอ็ง” ทหารกัมพูชาที่ถูกจับ–ส่งกลับเพราะบาดเจ็บ แม้เซ็นสัญญากับกองทัพไทยว่าจะไม่กลับไปรบ ล่าสุดโผล่ในบังเกอร์ สื่อเขมรยกย่องเป็น “วีรบุรุษ” • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109532 • #News1live #News1 #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #เชลยศึก #ลิมซัมเอ็ง #ความมั่นคง #เขมรการละคร #newsupdate
    Haha
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลโท บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่อ้างว่าทหารไทยยิงพลเรือนเขมร อาจเป็นเกมอย่างหนึ่ง สร้างสถานการณ์เพื่อกลบข่าวที่จังหวัดสุรินทร์ ส่วนหลังจากนี้จะยังยั่วยุแบบนี้อีกหรือไม่นั้น คิดว่ามีนัยยะพอสมควร ต้องรอดูเจตนารมณ์ของผู้นำเขาต้องการอะไร ในความคิดของตนตามแนวชายแดนก็มีส่วนเชื่อมโยงสถานการณ์กัน และอาจมีส่วนหนึ่งที่ดึงความสนใจไปที่ปราสาทตาควาย การที่รัฐบาลตอบโต้งดปล่อยตัวเชลยศึก และการประณาม คิดว่าถูกต้องแล้ว

    -เตือนมาเลย์ระวังการเสนอข่าว
    -ขอช้างพลายกลับไทย
    -สารพัดปัญหาสินค้าเกษตร
    -ศึกภูมิรัฐศาสตร์ปะทุ
    พลโท บุญสิน พาดกลาง อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ที่อ้างว่าทหารไทยยิงพลเรือนเขมร อาจเป็นเกมอย่างหนึ่ง สร้างสถานการณ์เพื่อกลบข่าวที่จังหวัดสุรินทร์ ส่วนหลังจากนี้จะยังยั่วยุแบบนี้อีกหรือไม่นั้น คิดว่ามีนัยยะพอสมควร ต้องรอดูเจตนารมณ์ของผู้นำเขาต้องการอะไร ในความคิดของตนตามแนวชายแดนก็มีส่วนเชื่อมโยงสถานการณ์กัน และอาจมีส่วนหนึ่งที่ดึงความสนใจไปที่ปราสาทตาควาย การที่รัฐบาลตอบโต้งดปล่อยตัวเชลยศึก และการประณาม คิดว่าถูกต้องแล้ว -เตือนมาเลย์ระวังการเสนอข่าว -ขอช้างพลายกลับไทย -สารพัดปัญหาสินค้าเกษตร -ศึกภูมิรัฐศาสตร์ปะทุ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 453 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อันวาร์ อิบราฮิม บิดาการโทรคุยแห่งชาติ

    การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทหารไทยถูกเหยียบกับระเบิดซึ่งเชื่อว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขวาขาด สูญเสียอวัยวะเป็นรายที่ 7 หนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึง คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 78 ปี ในฐานะประธานอาเซียน ที่เคยได้รับการชื่นชมว่าประสบความสำเร็จในการเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถูกชาวมาเลเซียอีกส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร

    ก่อนหน้านี้ ชาวเน็ตมาเลเซียเคยให้ฉายานายอันวาร์ว่าเป็น "บิดาแห่งการคุยโทรศัพท์แห่งชาติ" (Bapa Penelefon Negara) เพราะมักจะโทรศัพท์คุยกับบุคคลต่างๆ ก่อนที่จะเปิดเผยผลการพูดคุยทางเฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ให้สื่อมวลชนทั้งสำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศหยิบไปนำเสนอข่าว ซึ่งสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายอันวาร์พยายามโทรศัพท์หานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ข้อตกลงหยุดยิง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา

    กลุ่มผู้สนับสนุนนายอันวาร์ พยายามออกมาแก้ต่างถึงฉายาดังกล่าว ทำนองว่าการสื่อสารทางโทรศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำประเทศ การทูตไม่ได้เกิดขึ้นที่โต๊ะเจรจาเสมอไป บางครั้งการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพหรือในทางกลับกันก็ได้ ในประวัติศาสตร์โลก การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้ง เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์ทั้งนั้น ถือสัญลักษณ์ของความโปร่งใส และความมุ่งมั่นของผู้นำประเทศ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการทูตไม่ใช่แค่การกล่าวสุนทรพจน์บนเวที

    บ้างก็ชื่นชมนายอันวาร์ ที่เคยเพียงแค่โทรศัพท์ ก็สามารถปล่อยตัวชาวมาเลเซีย 23 คน ซึ่งถูกอิสราเอลกักตัวไว้ได้ภายในเวลาเพียง 3-4 วัน ส่วนกลุ่มคัดค้านนายอันวาร์ก็มองว่า นายอันวาร์เป็นคนชอบเล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ทำงานอะไรเลย รู้เพียงแต่เล่นโทรศัพท์ แม้ประเทศกำลังจะล่มสลาย เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา บ้างก็ว่าถึงนายอันวาร์จะมีเบอร์โทรศัพท์คนโน้นคนนี้เยอะ แต่ปัญหาที่เยอะตามกลับไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาหนึ่งยังไม่จบก็เกิดปัญหาใหม่ เป็นต้น

    อย่างไรก็ตาม การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ถือเป็นบทเรียนที่ว่า การสร้างสันติภาพเพียงแค่เปลือกนอก โดยไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ย่อมไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลงอย่างสงบได้

    #Newskit
    อันวาร์ อิบราฮิม บิดาการโทรคุยแห่งชาติ การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทหารไทยถูกเหยียบกับระเบิดซึ่งเชื่อว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ห้วยตามาเรีย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ทำให้จ.ส.อ.เทิดศักดิ์ สมาพงษ์ ข้อเท้าขวาขาด สูญเสียอวัยวะเป็นรายที่ 7 หนึ่งในบุคคลที่ถูกพูดถึง คือ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียวัย 78 ปี ในฐานะประธานอาเซียน ที่เคยได้รับการชื่นชมว่าประสบความสำเร็จในการเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชา ถูกชาวมาเลเซียอีกส่วนหนึ่งตั้งคำถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ก่อนหน้านี้ ชาวเน็ตมาเลเซียเคยให้ฉายานายอันวาร์ว่าเป็น "บิดาแห่งการคุยโทรศัพท์แห่งชาติ" (Bapa Penelefon Negara) เพราะมักจะโทรศัพท์คุยกับบุคคลต่างๆ ก่อนที่จะเปิดเผยผลการพูดคุยทางเฟซบุ๊ก Anwar Ibrahim ให้สื่อมวลชนทั้งสำนักข่าวแห่งชาติเบอร์นามา (BERNAMA) รวมไปถึงสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศหยิบไปนำเสนอข่าว ซึ่งสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา นายอันวาร์พยายามโทรศัพท์หานายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น นายภูมิธรรม เวชยชัย ปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์ข้อตกลงหยุดยิง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ที่ลงนามข้อตกลงสันติภาพไทย-กัมพูชา กลุ่มผู้สนับสนุนนายอันวาร์ พยายามออกมาแก้ต่างถึงฉายาดังกล่าว ทำนองว่าการสื่อสารทางโทรศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผู้นำประเทศ การทูตไม่ได้เกิดขึ้นที่โต๊ะเจรจาเสมอไป บางครั้งการโทรศัพท์เพียงครั้งเดียวก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของสันติภาพหรือในทางกลับกันก็ได้ ในประวัติศาสตร์โลก การตัดสินใจครั้งสำคัญหลายครั้ง เริ่มต้นด้วยการโทรศัพท์ทั้งนั้น ถือสัญลักษณ์ของความโปร่งใส และความมุ่งมั่นของผู้นำประเทศ ที่จะแสดงให้เห็นว่าการทูตไม่ใช่แค่การกล่าวสุนทรพจน์บนเวที บ้างก็ชื่นชมนายอันวาร์ ที่เคยเพียงแค่โทรศัพท์ ก็สามารถปล่อยตัวชาวมาเลเซีย 23 คน ซึ่งถูกอิสราเอลกักตัวไว้ได้ภายในเวลาเพียง 3-4 วัน ส่วนกลุ่มคัดค้านนายอันวาร์ก็มองว่า นายอันวาร์เป็นคนชอบเล่นโทรศัพท์ ไม่ได้ทำงานอะไรเลย รู้เพียงแต่เล่นโทรศัพท์ แม้ประเทศกำลังจะล่มสลาย เขาก็ยังเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา บ้างก็ว่าถึงนายอันวาร์จะมีเบอร์โทรศัพท์คนโน้นคนนี้เยอะ แต่ปัญหาที่เยอะตามกลับไม่ได้รับการแก้ไข ปัญหาหนึ่งยังไม่จบก็เกิดปัญหาใหม่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การระงับการปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชาของรัฐบาลไทย ถือเป็นบทเรียนที่ว่า การสร้างสันติภาพเพียงแค่เปลือกนอก โดยไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของปัญหา ย่อมไม่สามารถทำให้ความขัดแย้งยุติลงอย่างสงบได้ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ณัฐพล” รมว.กห.เผยการจะปล่อยตัว 18 เชลยศึก ต้องบรรลุข้อตกลง 2 ใน 4 ข้อก่อน คาดข่าวบอกจะปล่อยตัว 12 พ.ย.เกิดจากกัมพูชารับปากจะเคลียร์ให้แล้วเสร็จภายใน 12 พ.ย.นี้ ย้ำไม่มีการเปิดด่าน จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงทั้งหมด ส่วนการทวงปราสาทตาควาย ขอทำข้อ 5 คือสร้างรั้วก่อน ค่อยตามเก็บรายละเอียด โบ้ยปัญหาสะสมมานาน 15 ปี ต้องใช้เวลาแก้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106444


    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “ณัฐพล” รมว.กห.เผยการจะปล่อยตัว 18 เชลยศึก ต้องบรรลุข้อตกลง 2 ใน 4 ข้อก่อน คาดข่าวบอกจะปล่อยตัว 12 พ.ย.เกิดจากกัมพูชารับปากจะเคลียร์ให้แล้วเสร็จภายใน 12 พ.ย.นี้ ย้ำไม่มีการเปิดด่าน จนกว่าจะบรรลุข้อตกลงทั้งหมด ส่วนการทวงปราสาทตาควาย ขอทำข้อ 5 คือสร้างรั้วก่อน ค่อยตามเก็บรายละเอียด โบ้ยปัญหาสะสมมานาน 15 ปี ต้องใช้เวลาแก้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106444 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ปฏิเสธตอบสื่อปม "ปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา" สีหศักดิ์​ ยันยึดตามเงื่อนไขไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/22250/
    .
    #ไทยไท #อนุทิน #เยือนสิงคโปร์ #60ปีไทยสิงคโปร์ #เอกนิติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    นายกฯ ปฏิเสธตอบสื่อปม "ปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา" สีหศักดิ์​ ยันยึดตามเงื่อนไขไทย https://www.thai-tai.tv/news/22250/ . #ไทยไท #อนุทิน #เยือนสิงคโปร์ #60ปีไทยสิงคโปร์ #เอกนิติ #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้(6 พ.ย.68) มีรายงานข่าวว่า กองทัพบก ได้ประสานไปยังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด(กป.ชต.) ให้เตรียมความพร้อม สถานที่ ที่พัก เตรียมการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาจำนวน 18 นาย ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 12 พ.ย.2568 นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106173

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    วันนี้(6 พ.ย.68) มีรายงานข่าวว่า กองทัพบก ได้ประสานไปยังกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด(กป.ชต.) ให้เตรียมความพร้อม สถานที่ ที่พัก เตรียมการปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชาจำนวน 18 นาย ที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านผักกาด อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ในวันที่ 12 พ.ย.2568 นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106173 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 397 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 5

    คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย

    และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ

    แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน

    เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที

    หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ

    Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์

    Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ
    ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน

    คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต

    เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร”

    ตอน 6

    Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2

    Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ

    ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส

    เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง

    ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว

    Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง

    เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ

    ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย
    แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว
    Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน

    Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน

    Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย

    วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ

    คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด

    “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…”

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    10 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – ที่แท้ก็โจร 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 5 คงพอเห็นแล้วว่า ฉากปฏิวัติ Bolsheviks เป็นฉากสำคัญ ที่มีผลต่อสงครามโลก ละครลวงโลก ที่เล่นกันข้ามเดือนข้ามปี มันต้องเป็นการจับมือวางแผนร่วมกัน ของหลายพวกหลายฝ่าย และคงไม่ต้องแปลกใจมากนักว่า เยอรมันก็เล่นละครเป็น และร่วมเล่นละครลวงโลกกับเขาด้วย แม้จะไม่ได้ร่วมเขียนบทด้วยกันกับกลุ่มอื่นๆ แต่ละครเรื่องนี้ คงเล่นสำเร็จถึงขนาดนี้ไม่ได้ ถ้าไม่มีนายโรงตัวจริง หรือหัวหน้าโจรตัวจริง ที่วางกลยุทธ์ อย่างลึกซึ้ง เลือดเย็น ยาวนาน และคอยชักใยทุกฝ่ายอย่างแนบเนียน เราย้อนกลับไปดูเรื่องและบทสำคัญ ของบางคนอีกที หัวหน้า Bolsheviks ผู้ทำการปฏิวัติที่โด่งดัง ตัวละคร ที่การมาเข้าฉากละครลวงโลก เหมือนจะยังไม่ชัดเจน พวกเขาน่าจะเป็นกุญแจสำคัญ Levi Davidovich Bronstien คือชื่อจริงของ Leon Trotsky เขาเป็นยิวทั้งแท่ง มาจากครอบครัวคนมีกิน ที่เป็นเจ้าของที่ดินทางใต้ของยูเครน เขาอ่านหนังสือของ Marx บรมครูของลัทธิสังคมนิยม (ซึ่งก็เป็นชาวยิว) แล้วซาบซึ้ง ใฝ่ฝันตั้งแต่ยังเป็นกระทงหนุ่มอายุ 18 ที่จะเป็นนักปฏิวัติ เขาจึงมาคลุกคลีอยู่กับพวกสังคมนิยมชาวยิว ถูกจับเข้าคุกหลายครั้ง เพราะวุ่นอยู่กับการปลุกระดมการประท้วงของพวกกรรมกร เขาเอาชื่อ Leon Trosky มาจากชื่อผู้คุมคุกชาวโปแลนด์ Trosky ได้ยินชื่อ Lenin นักปลุกระดมลัทธิคอมมิวนิสม์ เขาจึงติดต่อไปหา แล้วทั้ง 2 คนก็แลกฝันกัน Lenin บอก Trosky ว่า เราต้องไปแสวงหาโลกข้างนอกที่กว้างใหญ่กว่ารัสเซีย ในที่สุด ทั้ง 2 คนก็นัดพบกันที่ลอนดอน อืม น่าสนใจ ปี ค.ศ. 1905 Trotsky กลับมารัสเซีย เพื่อพยายามก่อการปฏิวัติขับไล่ ซาร์ การปลุกระดมดำเนินอยู่หลายเดือน แต่ไม่สำเร็จ และ Trosky ถูกจับเข้าคุกอีกครั้ง คราวนี้ได้เจอตัวละครสำคัญในคุก Alexander “Parvus” Helphand ซึ่งเป็นผู้กว้างขวางชาวยิวและมือเก๋าในการปลุกระดม เป็น Parvus ที่แนะนำให้ Trotsky กับ Jacob H Schiff รู้จักกัน คนหนึ่ง อยากได้คนมาไล่ซาร์ ส่วนอีกคน กำลังอยากไล่ซาร์ อยากทำปฏิวัติตามฝัน สมประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย Schiff จึงตกลงอุดหนุนการปฏิวัติของTrotsky ด้วยทุน 20 ล้านเหรียญ ของ Kuhn, Loeb &Co หรือจริงๆ ก็คือเงิน ของ Rothschild ที่ต้องการกำจัด ซาร์ จากเรื่องน้ำมันที่ Baku และเรื่องของชาวยิวในรัสเซีย เมื่อ Trotsky และครอบครัวเดินทางมาถึงนิวยอร์ค เพื่อเก็บตัวก่อนการเข้าฉากสำคัญที่รัสเซีย ผู้ที่ไปรับเขาที่ท่าเรือ คือ Arthur Concors ผุ้อำนวยการ สมาคมช่วยเหลือชาวยิวที่เพิ่งเดิน ทางเข้าอเมริกา the Hebrew Shelterings and Immigration Aid Society ซึ่ง Schiff เป็นกรรมการที่ปรึกษา ส่วนอพาตเมนท์ที่ Trosky และครอบครัวไปพัก รวมทั้งรถและคนขับนั้น เป็นของ Dr Julius Hammer ที่อพยพมาจากรัสเซีย และเป็นผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์อเมริกา Armand ลูกชายของ Julius ประธานของ Occidental Petroleum Corporation เป็นต่างชาติรายแรก ที่ได้สัมปทานจากรัฐบาลโซเวียต เมื่อ Trosky ถูกจับที่แคนาดา คำสั่งปล่อยตัว Trotsky มาจากการตกลงใจร่วมกัน ระหว่าง Col. House กับเพื่อนร่วมอพาตเมนท์เดียวกัน ชื่อ Sir William Wiseman หัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษที่อยู่ที่อเมริกานั่นเอง และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง ของ Kuhn, Loeb ของ Schiff หรือของ Rothschild ด้วย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 10 “ที่แท้ก็โจร” ตอน 6 Nikolai Lenin หรือชื่อจริงคือ Vladimir llyich Ulyanov ชาวรัสเซีย เชื้อสายยิวหนึ่งส่วนสี่ จากย่าที่เป็นชาวยิว เขาเป็นผู้นิยมลัทธิ Marx และคิดที่จะแก้แค้นแทนพี่ชาย ที่ถูกลงโทษแขวนคอ พร้อมพวกอีก 4 คน เนื่องจากร่วมกันลอบฆ่าซาร์ Alexander ที่ 2 ปู่ ของ ซาร์นิโคลัส ที่ 2 Lenin คิดใช้นโยบายประชานิยม เพื่อล้มรัฐบาลซาร์ และนำลัทธิสังคมนิยมมาใช้ปกครองต่อ ปี ค.ศ. 1905 ขณะที่รัสเซีย กำลังวุ่นวายอยู่กับการรบกับญี่ปุ่น Lenin Trosky และพวก ก็พยายามยุให้ชาวนาต่อต้านซาร์ แต่ไม่สำเร็จ จึงพากันหนีออกไปจากรัสเซีย Lenin ตระเวนไปทั่วยุโรป สุดท้ายกบดานอยู่ที่สวิส เป็น Parvus คนสำคัญเจ้าเก่า ที่ไปหา Lenin ที่สวิส และชักชวนให้ Lenin ซึ่งยังฝันค้าง มาร่วมทำปฏิวัติรัสเซีย แต่ Lenin บอกไม่มีทุน แถมยังต้องกบดาน จะไปปฏิวัติได้ยังไง ช่วงนั้น Parvus ปักหลักอยู่ที่ Copenhagen จึงคุ้นเคยกับ Brockdorff-Rantzau รัฐมนตรีของเยอรมัน ที่ประจำอยู่ที่ เดนมาร์กและทำหน้าที่หาข่าว Parvus วิจารณ์การรบของเยอรมัน ให้รัฐมนตรีเยอรมันฟัง เยอรมันกำลังทำสงครามแบบขาถ่าง ด้านหนึ่งสู้กับกลุ่มอังกฤษ ฝรั่งเศส ทางตะวันตก ส่วนด้านตะวันออกก็สู้รัสเซีย เยอรมันสู้แบบห่วงหน้าพะวงหลัง รบแบบนี้ ให้ตายก็ไม่มีทางชนะ แถมจะขาถ่าง หัวทิ่มตาย มันต้องหาวิธีทำให้รัสเซียถอนตัวจากการรบ ทำให้รัสเซียถอนตัวจากสงคราม ไม่ใช่เรื่องเป็นไปไม่ได้ เยอรมันจะได้รบอังกฤษด้านเดียว อัดตามสบาย แล้ว Lenin ก็ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมัน เป็นจำนวน 10 ล้านเหรียญทอง เพื่อมาทำปฏิวัติในฝันที่รัสเซีย แต่เขาคงจะคุยโวยากหน่อย ถึงการปฏวัติ ที่รับทุนจากประเทศที่เป็นศัตรู และกำลังทำสงครามกัน มันน่าจะเรียกว่า เป็นการกบฏขายชาติ มากกว่าเป็นปฏิวัติที่โด่งดัง ละครฉากนี้บัดซบจริงๆ และคงเป็นเพราะเหตุนี้ กลุ่มนักปฏิวัติจึงมี ชาวรัสเซียแท้เพียง 25 % ที่เหลือเป็นรัสเซียเชื้อสายยิว Parvus มีชื่อเต็มตามที่เขาบอกใครๆ ว่า Alexander Israel Helphand แต่จริงๆ เขาชื่อ Israel Lazarevich Gelfand พ่อแม่เชื้อสายยิวทั้งคู่ เขาเป็นชาวยิวเต็มร้อย เขาเกิดที่เมือง Berazino ซึ่งปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของ Beralus เขาเจอ Lenin ครั้งแรก เมื่อปี 1900 ที่เมืองมิวนิค ของเยอรมัน ต่างคนต่างแลกเปลี่ยนทฤษฏีกัน Parvus เป็นคนที่ได้รับการชื่นชมว่า เฉลียวฉลาดมาก และฝักใฝ่เรื่องการปฏิวัติมาตลอด เขาเป็นคนคิดทฤษฏี เอาสงครามนอกบ้าน มาใช้ก่อเหตุในบ้าน Parvus ใช้ชีวิตอยู่แถบยุโรปส่วนใหญ่ ช่วงหนึ่งเขาร่อนเร่ไปอยู่ตุรกีถึง 5 ปี เป็นช่วงเดียวกับที่ Sir Basil Zaharoff ก็อยู่ที่นั่นด้วย เพื่อทำภาระกิจ ที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรี Lloyd George ของอังกฤษ ในการจัดหาอาวุธให้กรีกไปรบกับ ตุรกี เป็นการตัดกำลังออตโตมาน อาวุธที่ส่งให้กรีก มาจากบริษัท Vickers บริษัทผลิตอาวุธ ยักษ์ใหญ่ของอังกฤษ ที่ Zaharoff เป็นกรรมการ และมี Rothschild เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ Parvus ได้ร่วมงานด้วย และทำให้เขามีเงินใช้ชีวิตอย่างสบาย วันที่ Lenin และพวก เดินทางจากสวิส ผ่านเยอรมัน มาเข้ารัสเซีย พร้อมทองคำ 10 ล้านเหรียญ พวกเขาซ่อนตัวมาในรถไฟ ซึ่งปิดหน้าต่างมีผ้าคลุม ไม่ให้รู้ว่า ใครอยู่ในรถไฟ คำพูดของ หลอด Winston Churchill ที่พูดไว้ที่สภาของอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ค.ศ.1919 เกี่ยวกับ Lenin น่าสนใจ และน่าคิด “… Lenin ถูกนำตัวมารัสเซีย…เหมือนการนำเอาขวดแก้ว ที่ใส่เชื้อไทฟอยด์ หรืออหิวาต์เข้ามา เพื่อเอาไปเทใส่ในแหล่งน้ำ ให้มันแพร่กระจายไปทั่วเมือง และมันได้ผลดีอย่างมหัศจรรย์ ทันทีที่ Lenin ถึงที่หมาย เขาก็เริ่มชี้นิ้ว สั่งคนนั้น สั่งคนนี้ ที่แอบซ่อนอยู่ใน New York, Glasgow, Bern และเมืองอื่นๆ เขาเรียกให้พวกหัวหน้าของลัทธิ ที่น่ากลัว ที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกมารวมตัวกัน และเมื่อมีพวกนี้อยู่รอบตัว เขาก็เริ่มงานที่เป็นการทำลายล้างทุกสถาบัน ที่ประกอบเป็นรัสเซีย ที่รัสเซียยึดถืออยู่ แหลกละเอียดจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย…” สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 10 พ.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 4 – 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 4

    หลังจากนายTrotsky ออกเดินทางจากนครนิวยอร์คได้ไม่นาน เมื่อเรือ S S Kristainiafjord มาถึงเมือง Halifax ประเทศแคนาดา ในวันที่ 3 เมษายน 1917 Trotsky ก็ถูกทางการแคนาดานำตัวขึ้นจากเรือ คราวนี้เขาถูกตั้งข้อหาว่า เป็นนักโทษสงครามชาวเยอรมัน และถูกคุมตัวไว้ที่เมือง Amherst ที่ ค่ายกักกันนักโทษเยอรมัน ไม่ใช่อยู่คุกแบบชั้นหนี่งอีกแล้ว ส่วนเมียของ Trotsky และลูก อีก 2 คน รวมทั้งพรรคพวกอีก 5 คน ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นคนรัสเซีย ก็ถูกส่งไปอยู่ที่ค่ายกักกันนี้ด้วย

    เจ้าหน้าที่แคนาดาได้บันทึกราย ละเอียดเกี่ยวกับ Trotsky ไว้ในแบบฟอร์ม LB-1V หมายเลข 1098 ว่า “อายุ 37 ปี ลี้ภัยการเมือง อาชีพสื่อ เกิดที่เมือง Gromskty, Chuson รัสเซีย สัญชาติรัสเซีย” และTrotsky ได้เขียนชื่อเต็มของตัวเองในแบบฟอร์ม ว่า Leon Bromstein Trotsky

    Trotsky และคณะ ถูกให้นำตัวขึ้นจากเรือ S S Kristainiafjord โดยคำสั่งทางโทรเลขลงวันที่ 29 มี ค 1917 ส่งมาจากกองทัพเรือของอังกฤษ ทีลอนดอน มาที่ด่าน Halifax ในโทรเลขระบุว่า

    “ให้นำขึ้นจากเรือและคุมตัวไว้ เพื่อรอคำสั่ง เนื่องจากพวกสังคมนิยมกลุ่มนี้ กำลังเดินทางเพื่อไปทำการปฏิวัติรัฐบาลรัสเซียชุดปัจจุบัน โดย Trotsky รับเงินจำนวน 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกสังคมนิยมเยอรมัน”

    หลังจากรับโทรเลขของกองทัพเรือ กัปตัน O M Makins ก็แจ้งกลับไปทาง Halifax เมื่อวันที่ 1 เม.ย 1917 ว่า ได้ตรวจดูผู้โดยสารชาวรัสเซียที่มากับเรือ S S Kristainiafjord แล้ว พบว่ามี 6 คน ที่บอกว่าตนเองเป็นพวกสังคมนิยม และกัปตันเตรียมที่จะเชิญคนพวกนี้ขึ้นไปจากเรือ พร้อมด้วยเมียนาย Trotsky และลูก 2 คน เมื่อถึงเมือง Halifax

    วันที่ 7 เม.ย. 1917 เจ้าหน้าที่เมือง Ottawa บันทึกเกี่ยวกับเรื่องการกักตัวพวกสังคมนิยมชาวรัสเซียว่า ” เราได้รับโทรเลขยาวเหยียด จากกงสุลรัสเซียประจำ Montreal ประท้วง การกักตัวบุคคลดังกล่าว เนื่องจากบุคคลดังกล่าว ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยกงสุลใหญ่รัสเซียประจำเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และเราจะต้องปล่อยตัวพวกเขา เมื่อมีข้อพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นชาวเยอรมัน แต่เป็นพวกสัมพันธมิตร ”

    (หมายเหตุ: ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้ง ที่ 1 รัสเซีย อยู่ฝ่ายเดียวกับอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ ที่เรียกกันว่า ฝ่าย “สัมพันธมิตร” เพื่อรบ กับอีกฝ่าย ที่นำโดย เยอรมันและ ออสเตรีย ฮังการี ฯลฯ )

    ข้อมูลชักเริ่มไปคนละทาง
    นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขจากทนายความในนิวยอร์ค ชื่อ N. Aleinikoff แจ้งไปยัง R.M. Coulter นายด่านที่เมือง Ottawa “ชาวรัสเซียลี้ภัยทางการเมือง ถูกกักตัวที่ Halifax และอยู่ค่ายกักกัน Amherst โปรดตรวจสอบสาเหตุของการกักตัว และแจ้งรายชื่อมาด้วย เชื่อว่าในฐานะเป็นผู้รักเสรีภาพ คุณคงจะดูแลพวกเขาอย่างดี”

    วันที่ 11 เม.ย. R.M. Coulter โทรเลขกลับไปหานาย Aleinikoff ว่า “ได้รับโทรเลขแล้ว จะเขียนกลับไปหาบ่ายนี้ คุณคงได้รับพรุ่งนี้เย็น”

    จดหมายของ R.M. Coulter ถึง Aleinikoff มีข้อความน่าสนใจ “……พวกเขาต้องสงสัยว่า โฆษณาชวนเชื่อให้คัดค้านรัฐบาลรัสเซียปัจจุบัน และถูกสงสัยว่า เป็นสายลับของเยอรมัน แต่พวกเขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกอ้าง พวกเขาไม่ได้ถูกกักตัวโดยแคนาดา แต่เป็นคำสั่งมาจากนายใหญ่ที่อังกฤษ และเราจะดูแลเขาอย่างดี….”

    Aleinikoff ติดต่อกับ Coulter อีกหลายครั้ง เพื่อบอกว่าตนเองสนิทสนมกับ Trotsky เป็นอย่างดี และการที่กลุ่มของ Trotsky แสดงอาการที่ดูเหมือนไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ก็เพราะไม่พอใจการกระทำของรัสเซียสมัยซาร์ ต่อพวกยิว แต่ขณะนี้พวกเขาก็ดูจะไม่มีปฏิกริยารุนแรงต่อผู้บริหารปัจจุบันของรัสเซีย(หมายถึงกลุ่ม Kerensky) จึงขอให้ Coulter ช่วยหาทางติดต่อพูดกับนายใหญ่ต ่อไปด้วย ในที่สุด R.M. Coulter ก็ส่งจดหมายทั้งหมดของ Aleinikoff ไปให้นายใหญ่ของตน คือ Major General Willoughby Gwatkin ที่แคนาดา ให้พิจารณา

    วันที่ 21 เม.ย. Gwatkin แจ้ง Coulter ว่า “เพื่อนของเรา พวกสังคมนิยมชาวรัสเซีย จะได้รับการปล่อยตัว และจะมีการจัดการให้พวกเขาเดินทางไปยุโรป ผู้ที่อนุมัติการปล่อยตัวกลุ่ม Trotsky คือนายใหญ่ที่ลอนดอน หวังว่าข่าวนี้คงเป็นที่พอใจกับทางนิวยอร์คอย่างยิ่ง”

    นาย Trotsky นี่ นอกจากน่าสงสัยว่า มีปลอกคอแล้ว เขาคงมีเส้นใหญ่อีกด้วย Coulter และ Gwatkin ถึงออกแรงเต็มที่ เพื่อให้ปล่อยตัว

    พวกเขาเกี่ยว หรือพัวพัน กันอย่างไร ?!!

    จากเอกสารที่ทางแคนาดา เปิดเผยภายหลังระบุว่า Coulter เป็นแพทย์ชาวไอริช จบแพทย์จากสก๊อตแลนด์ ส่วน Major General Willoughby Gwatkin เป็นทหารอังกฤษ ถูกส่งให้มาประจำอยู่ที่แคนาดา ตั้งแต่ ค.ศ.1905 ถึง 1918 ดูแล้วยังไม่เห็นความเชื่อมโยง ความเกี่ยว ความพัน ที่จะต้องให้ทั้ง 2 คน ช่วยกันออกแรง ให้มีการปล่อยตัวกลุ่มนายTrotsky

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 5
    เรื่องการปล่อยตัวนาย Trotsky มันน่าสงสัย แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาชี้แจง ผ่านไปปีกว่า มีคนขี้สงสัย ออกมาเขียนทวง

    ในปี ค.ศ.1918 Colonel John Bayne Maclean นักธุรกิจชาวแคนาดา เจ้าของโรงพิมพ์ใหญ่ และมีความคุ้นเคยอย่างดี กับพวกข่าวกรองของแคนาดา ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาเขียนบทความเมื่อปี ค.ศ.1918 ลงในนิตยสารของเขาเอง เรื่อง “Why did We let Trotsky Go?” ทำไมเราถึงปล่อยตัว Trotsky?

    ใครคือ Trotsky ? Maclean บอกว่า Trotsky ไม่ใช่คนรัสเซีย แต่เป็นคนเยอรมัน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ดีกว่าภาษารัสเซียเสียอีก เขาอยู่ในกลุ่ม “Black Bond” ของเยอรมัน แต่ภายหลังเล่นละครว่า ถูกไล่ออกมาจากเบอร์ลินในปี ค.ศ.1914 แล้วมาโผล่อยู่ที่อเมริกา เพื่อรวบรวมพรรคพวกที่อเมริกาและแคนาดา จากกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นรัสเซีย แต่ความจริง คนพวกนั้นเป็นเยอรมันกับออสเตรีย เพื่อไปทำการปฏิวัติที่รัสเซีย

    นาย Maclean บรรยายต่อไปว่า: ทางการอังกฤษ รู้จากพรรคพวกที่เป็นคนรัสเซียว่า ทั้ง Kerensky, Lenin และหัวหน้าย่อยๆลงมา ต่างได้รับค่าจ้างจากเยอรมันทั้งนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 และมารู้ข้อมูลเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1916 ว่า Trotsky หลบมาอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค จากนั้น กลุ่ม Bomb Squad ของอเมริกา ก็ตามต่อ ต้นปี ค.ศ. 1916 มีรายงานหลุดมาว่า มีเจ้าหน้าที่เยอรมันคนหนึ่ง กำลังนั่งเรือเพื่อมานิวยอร์ค ฝ่ายข่าวกรองอังกฤษประกบติดคนเยอรมันดังกล่าว ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ Halifax ภายหลังมีการขอโทษที่กักตัวไว้ และในที่สุดก็ปล่อยตัวไป ฝ่ายข่าวกรองไม่ยอมปล่อยมือ ทำการแกะรอยตามต่อ ไปพบตัวอยู่ในสำนักพิมพ์เก่าๆ แถวนิวยอร์คใช้ชื่อว่า Trotsky และรู้ว่าชื่อจริงคือ Braustein และเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนรัสเซีย

    Maclean บอกว่า เงินลึกลับ 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกเยอรมันในนิวยอร์ค และการปล่อยตัว Trotsky มาจากคำขอร้องของ Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษเข้าใจว่า การปฏิวัติของ Kerensky จะทำให้รัสเซียยังอยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร และร่วมกันต่อสู้เยอรมัน แต่หลังจากมีการปล่อยตัว Trotsky ไปแล้วหลายเดือน ทหารแคนาดาที่ประจำการอยู่ที่รัสเซียและสามารถพูดภาษารัสเซียได้ รายงานไปทางลอนดอนและวอชิงตันว่า Kerensky เองก็เป็นคนเยอรมัน !
    ข่าวของนาย Maclean นี่ สงสัยต้องกรองแยะหน่อย

    ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือมาจากวงในระดับสูง ว่า Trotsky ได้ รับการปล่อยตัวจากคำร้องขอ ของสถานฑูตอังกฤษในวอชิงตัน ซึ่งถูกขอร้องโดยกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งทำการแทนใครบางคน…อีกต่อหนึ่ง ฝ่ายแคนาดาถูกสั่งให้แจ้งแก่สื่อว่า การปล่อยตัว Trotsky เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา

    ข่าวนี้จริงหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่น่าสนใจกว่าข่าวของนาย Maclean

    ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Trotsky เท่าที่มีจนถึงตอนนี้ มาจากหลายฝ่ายและดูสับสน แต่ก็พอจับความได้ว่า นาย Trotsky กำลังเดินทางจากนิวยอร์คไป Petrograd (คือเมือง St Petersberg ในปัจจุบัน) ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา ที่มีการอ้างว่า ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกาเป็นคนจัดการให้ โดยมีการพูดกันว่า นาย Trotsky จะไปทำการปฏิวัติรัสเซีย ให้สมบูรณ์ (ปฏิวัติรอบ 2 ?) ส่วนรัฐบาลอังกฤษ มีส่วนสำคัญในการปล่อยตัว Trotsky จากแคนาดา ในเดือน เม.ย. 1917 ด้วยเหตุผลใดยังไม่รู้

    ส่วนนาย Cranes คงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย ด้านหนึ่ง คงเชื่อมกับ Lincoln Steffens และอีกด้านอาจจะเชื่อมกับ Trotsky ขณะที่ Cranes ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ลูกชายของ Cranes เป็นผู้ช่วย ของรัฐมนตรีต่างประเทศ Robert Lansing ที่ได้รับการไว้วางใจอย่างยิ่ง และ Cranes คนพ่อ ได้รับการรายงานเกี่ยวกับปฏิวัติบอลเซวิกอย่างละเอียดจากทางการ นอกจากนี้ Cranes น่าจะมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอเมริกัน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

    ความน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยง ของบุคคลด้านอเมริกา กับTrotsky นักปฏิวัติรัสเซียเท่านั้น แต่การที่ Trotsky บอกว่า รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional ของ Kerensky คงเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลชั่วคราว และเหมือนจะมีการปฏิวัติซ้ำตามมานั้น ตกลงมันเป็นเรื่องรู้กันอยู่ มวยล้มต้มคนดู ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือ

    แต่ประเด็นสำคัญ ที่ต้องตามดูอย่างยิ่งคือ ตกลง Trotsky ทำการปฏิวัติรัสเซียให้ใคร มันเป็นการปฏิวัติ ตามอุดมการณ์ของตัวเขาเอง หรือเขาเป็นเพียง “ผู้รับจ้าง” ให้ทำการปฏิวัติ และถ้าเป็น “ผู้รับจ้าง” ใครเป็นผู้จ้างเขา และผู้จ้าง Trotsky ทำไปเพื่ออะไร หรือ Trotsky เล่นบท 2 หน้า

    มีรายงานวันที่ 20 มีนาคม 1918 จากมอสโคว์ จากข่าวของ นสพ รัสเซีย Russkoe Slovo ว่า ได้มีการสัมภาษณ์ Trotsky ซึ่งพูดชัดเจนว่า การเป็นพันธมิตรกับอเมริกาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โซเวียตไม่มีทางเป็นมิตรกับพวกทุนนิยมอย่างอเมริกา มันเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ ที่อเมริกาจะมาสร้างสัมพันธ์กับเรา ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะคบค้ากับประเทศที่เป็นสังคมนายทุน

    ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานมาจากทางมอสโคว์เช่นเดียวกัน เป็นโทรเลขลงวันที่ 17 มีนาคม 1918 จากฑูต Francis ของอเมริกา ที่ประจำอยู่ที่รัสเซีย แจ้งไปทางกระทรวงต่างประเทศอเมริกาว่า “Trotsky ขอให้ทางเราส่งเจ้าหน้าที่อเมริกันมา 5 คน เพื่อมาช่วยสำรวจกองทัพ รวมทั้งส่งคนและสิ่งของมาเพื่อจัดการเรื่องทางรถไฟ”

    โทรเลขดังกล่าวของฑูต Francis ดูเป็นการขัดและสวนทางกับการให้สัมภาษณ์ของ Trotsky ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่พูดไม่จริง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 4 – 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 4 หลังจากนายTrotsky ออกเดินทางจากนครนิวยอร์คได้ไม่นาน เมื่อเรือ S S Kristainiafjord มาถึงเมือง Halifax ประเทศแคนาดา ในวันที่ 3 เมษายน 1917 Trotsky ก็ถูกทางการแคนาดานำตัวขึ้นจากเรือ คราวนี้เขาถูกตั้งข้อหาว่า เป็นนักโทษสงครามชาวเยอรมัน และถูกคุมตัวไว้ที่เมือง Amherst ที่ ค่ายกักกันนักโทษเยอรมัน ไม่ใช่อยู่คุกแบบชั้นหนี่งอีกแล้ว ส่วนเมียของ Trotsky และลูก อีก 2 คน รวมทั้งพรรคพวกอีก 5 คน ซึ่งอ้างตัวเองว่าเป็นคนรัสเซีย ก็ถูกส่งไปอยู่ที่ค่ายกักกันนี้ด้วย เจ้าหน้าที่แคนาดาได้บันทึกราย ละเอียดเกี่ยวกับ Trotsky ไว้ในแบบฟอร์ม LB-1V หมายเลข 1098 ว่า “อายุ 37 ปี ลี้ภัยการเมือง อาชีพสื่อ เกิดที่เมือง Gromskty, Chuson รัสเซีย สัญชาติรัสเซีย” และTrotsky ได้เขียนชื่อเต็มของตัวเองในแบบฟอร์ม ว่า Leon Bromstein Trotsky Trotsky และคณะ ถูกให้นำตัวขึ้นจากเรือ S S Kristainiafjord โดยคำสั่งทางโทรเลขลงวันที่ 29 มี ค 1917 ส่งมาจากกองทัพเรือของอังกฤษ ทีลอนดอน มาที่ด่าน Halifax ในโทรเลขระบุว่า “ให้นำขึ้นจากเรือและคุมตัวไว้ เพื่อรอคำสั่ง เนื่องจากพวกสังคมนิยมกลุ่มนี้ กำลังเดินทางเพื่อไปทำการปฏิวัติรัฐบาลรัสเซียชุดปัจจุบัน โดย Trotsky รับเงินจำนวน 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกสังคมนิยมเยอรมัน” หลังจากรับโทรเลขของกองทัพเรือ กัปตัน O M Makins ก็แจ้งกลับไปทาง Halifax เมื่อวันที่ 1 เม.ย 1917 ว่า ได้ตรวจดูผู้โดยสารชาวรัสเซียที่มากับเรือ S S Kristainiafjord แล้ว พบว่ามี 6 คน ที่บอกว่าตนเองเป็นพวกสังคมนิยม และกัปตันเตรียมที่จะเชิญคนพวกนี้ขึ้นไปจากเรือ พร้อมด้วยเมียนาย Trotsky และลูก 2 คน เมื่อถึงเมือง Halifax วันที่ 7 เม.ย. 1917 เจ้าหน้าที่เมือง Ottawa บันทึกเกี่ยวกับเรื่องการกักตัวพวกสังคมนิยมชาวรัสเซียว่า ” เราได้รับโทรเลขยาวเหยียด จากกงสุลรัสเซียประจำ Montreal ประท้วง การกักตัวบุคคลดังกล่าว เนื่องจากบุคคลดังกล่าว ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยกงสุลใหญ่รัสเซียประจำเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา และเราจะต้องปล่อยตัวพวกเขา เมื่อมีข้อพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นชาวเยอรมัน แต่เป็นพวกสัมพันธมิตร ” (หมายเหตุ: ในช่วงเริ่มต้นของสงครามโลกครั้ง ที่ 1 รัสเซีย อยู่ฝ่ายเดียวกับอังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี ฯลฯ ที่เรียกกันว่า ฝ่าย “สัมพันธมิตร” เพื่อรบ กับอีกฝ่าย ที่นำโดย เยอรมันและ ออสเตรีย ฮังการี ฯลฯ ) ข้อมูลชักเริ่มไปคนละทาง นอกจากนี้ ยังมีโทรเลขจากทนายความในนิวยอร์ค ชื่อ N. Aleinikoff แจ้งไปยัง R.M. Coulter นายด่านที่เมือง Ottawa “ชาวรัสเซียลี้ภัยทางการเมือง ถูกกักตัวที่ Halifax และอยู่ค่ายกักกัน Amherst โปรดตรวจสอบสาเหตุของการกักตัว และแจ้งรายชื่อมาด้วย เชื่อว่าในฐานะเป็นผู้รักเสรีภาพ คุณคงจะดูแลพวกเขาอย่างดี” วันที่ 11 เม.ย. R.M. Coulter โทรเลขกลับไปหานาย Aleinikoff ว่า “ได้รับโทรเลขแล้ว จะเขียนกลับไปหาบ่ายนี้ คุณคงได้รับพรุ่งนี้เย็น” จดหมายของ R.M. Coulter ถึง Aleinikoff มีข้อความน่าสนใจ “……พวกเขาต้องสงสัยว่า โฆษณาชวนเชื่อให้คัดค้านรัฐบาลรัสเซียปัจจุบัน และถูกสงสัยว่า เป็นสายลับของเยอรมัน แต่พวกเขาคงไม่ได้เป็นอย่างที่ถูกอ้าง พวกเขาไม่ได้ถูกกักตัวโดยแคนาดา แต่เป็นคำสั่งมาจากนายใหญ่ที่อังกฤษ และเราจะดูแลเขาอย่างดี….” Aleinikoff ติดต่อกับ Coulter อีกหลายครั้ง เพื่อบอกว่าตนเองสนิทสนมกับ Trotsky เป็นอย่างดี และการที่กลุ่มของ Trotsky แสดงอาการที่ดูเหมือนไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ก็เพราะไม่พอใจการกระทำของรัสเซียสมัยซาร์ ต่อพวกยิว แต่ขณะนี้พวกเขาก็ดูจะไม่มีปฏิกริยารุนแรงต่อผู้บริหารปัจจุบันของรัสเซีย(หมายถึงกลุ่ม Kerensky) จึงขอให้ Coulter ช่วยหาทางติดต่อพูดกับนายใหญ่ต ่อไปด้วย ในที่สุด R.M. Coulter ก็ส่งจดหมายทั้งหมดของ Aleinikoff ไปให้นายใหญ่ของตน คือ Major General Willoughby Gwatkin ที่แคนาดา ให้พิจารณา วันที่ 21 เม.ย. Gwatkin แจ้ง Coulter ว่า “เพื่อนของเรา พวกสังคมนิยมชาวรัสเซีย จะได้รับการปล่อยตัว และจะมีการจัดการให้พวกเขาเดินทางไปยุโรป ผู้ที่อนุมัติการปล่อยตัวกลุ่ม Trotsky คือนายใหญ่ที่ลอนดอน หวังว่าข่าวนี้คงเป็นที่พอใจกับทางนิวยอร์คอย่างยิ่ง” นาย Trotsky นี่ นอกจากน่าสงสัยว่า มีปลอกคอแล้ว เขาคงมีเส้นใหญ่อีกด้วย Coulter และ Gwatkin ถึงออกแรงเต็มที่ เพื่อให้ปล่อยตัว พวกเขาเกี่ยว หรือพัวพัน กันอย่างไร ?!! จากเอกสารที่ทางแคนาดา เปิดเผยภายหลังระบุว่า Coulter เป็นแพทย์ชาวไอริช จบแพทย์จากสก๊อตแลนด์ ส่วน Major General Willoughby Gwatkin เป็นทหารอังกฤษ ถูกส่งให้มาประจำอยู่ที่แคนาดา ตั้งแต่ ค.ศ.1905 ถึง 1918 ดูแล้วยังไม่เห็นความเชื่อมโยง ความเกี่ยว ความพัน ที่จะต้องให้ทั้ง 2 คน ช่วยกันออกแรง ให้มีการปล่อยตัวกลุ่มนายTrotsky นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 5 เรื่องการปล่อยตัวนาย Trotsky มันน่าสงสัย แต่ไม่มีฝ่ายใดออกมาชี้แจง ผ่านไปปีกว่า มีคนขี้สงสัย ออกมาเขียนทวง ในปี ค.ศ.1918 Colonel John Bayne Maclean นักธุรกิจชาวแคนาดา เจ้าของโรงพิมพ์ใหญ่ และมีความคุ้นเคยอย่างดี กับพวกข่าวกรองของแคนาดา ทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาเขียนบทความเมื่อปี ค.ศ.1918 ลงในนิตยสารของเขาเอง เรื่อง “Why did We let Trotsky Go?” ทำไมเราถึงปล่อยตัว Trotsky? ใครคือ Trotsky ? Maclean บอกว่า Trotsky ไม่ใช่คนรัสเซีย แต่เป็นคนเยอรมัน เขาพูดภาษาเยอรมันได้ดีกว่าภาษารัสเซียเสียอีก เขาอยู่ในกลุ่ม “Black Bond” ของเยอรมัน แต่ภายหลังเล่นละครว่า ถูกไล่ออกมาจากเบอร์ลินในปี ค.ศ.1914 แล้วมาโผล่อยู่ที่อเมริกา เพื่อรวบรวมพรรคพวกที่อเมริกาและแคนาดา จากกลุ่มคนที่อ้างว่าเป็นรัสเซีย แต่ความจริง คนพวกนั้นเป็นเยอรมันกับออสเตรีย เพื่อไปทำการปฏิวัติที่รัสเซีย นาย Maclean บรรยายต่อไปว่า: ทางการอังกฤษ รู้จากพรรคพวกที่เป็นคนรัสเซียว่า ทั้ง Kerensky, Lenin และหัวหน้าย่อยๆลงมา ต่างได้รับค่าจ้างจากเยอรมันทั้งนั้น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1915 และมารู้ข้อมูลเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1916 ว่า Trotsky หลบมาอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ค จากนั้น กลุ่ม Bomb Squad ของอเมริกา ก็ตามต่อ ต้นปี ค.ศ. 1916 มีรายงานหลุดมาว่า มีเจ้าหน้าที่เยอรมันคนหนึ่ง กำลังนั่งเรือเพื่อมานิวยอร์ค ฝ่ายข่าวกรองอังกฤษประกบติดคนเยอรมันดังกล่าว ซึ่งถูกกักตัวไว้ที่ Halifax ภายหลังมีการขอโทษที่กักตัวไว้ และในที่สุดก็ปล่อยตัวไป ฝ่ายข่าวกรองไม่ยอมปล่อยมือ ทำการแกะรอยตามต่อ ไปพบตัวอยู่ในสำนักพิมพ์เก่าๆ แถวนิวยอร์คใช้ชื่อว่า Trotsky และรู้ว่าชื่อจริงคือ Braustein และเป็นคนเยอรมัน ไม่ใช่คนรัสเซีย Maclean บอกว่า เงินลึกลับ 1 หมื่นเหรียญ มาจากพวกเยอรมันในนิวยอร์ค และการปล่อยตัว Trotsky มาจากคำขอร้องของ Kerensky ซึ่งพวกอังกฤษเข้าใจว่า การปฏิวัติของ Kerensky จะทำให้รัสเซียยังอยู่ในกลุ่มสัมพันธมิตร และร่วมกันต่อสู้เยอรมัน แต่หลังจากมีการปล่อยตัว Trotsky ไปแล้วหลายเดือน ทหารแคนาดาที่ประจำการอยู่ที่รัสเซียและสามารถพูดภาษารัสเซียได้ รายงานไปทางลอนดอนและวอชิงตันว่า Kerensky เองก็เป็นคนเยอรมัน ! ข่าวของนาย Maclean นี่ สงสัยต้องกรองแยะหน่อย ขณะเดียวกัน ก็มีข่าวลือมาจากวงในระดับสูง ว่า Trotsky ได้ รับการปล่อยตัวจากคำร้องขอ ของสถานฑูตอังกฤษในวอชิงตัน ซึ่งถูกขอร้องโดยกระทรวงต่างประเทศอเมริกัน ซึ่งทำการแทนใครบางคน…อีกต่อหนึ่ง ฝ่ายแคนาดาถูกสั่งให้แจ้งแก่สื่อว่า การปล่อยตัว Trotsky เป็นไปตามคำสั่งของกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา ข่าวนี้จริงหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่น่าสนใจกว่าข่าวของนาย Maclean ข้อมูลเกี่ยวกับนาย Trotsky เท่าที่มีจนถึงตอนนี้ มาจากหลายฝ่ายและดูสับสน แต่ก็พอจับความได้ว่า นาย Trotsky กำลังเดินทางจากนิวยอร์คไป Petrograd (คือเมือง St Petersberg ในปัจจุบัน) ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา ที่มีการอ้างว่า ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกาเป็นคนจัดการให้ โดยมีการพูดกันว่า นาย Trotsky จะไปทำการปฏิวัติรัสเซีย ให้สมบูรณ์ (ปฏิวัติรอบ 2 ?) ส่วนรัฐบาลอังกฤษ มีส่วนสำคัญในการปล่อยตัว Trotsky จากแคนาดา ในเดือน เม.ย. 1917 ด้วยเหตุผลใดยังไม่รู้ ส่วนนาย Cranes คงเป็นผู้มีบทบาทสำคัญคนหนึ่ง เกี่ยวกับการปฏิวัติในรัสเซีย ด้านหนึ่ง คงเชื่อมกับ Lincoln Steffens และอีกด้านอาจจะเชื่อมกับ Trotsky ขณะที่ Cranes ไม่มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ลูกชายของ Cranes เป็นผู้ช่วย ของรัฐมนตรีต่างประเทศ Robert Lansing ที่ได้รับการไว้วางใจอย่างยิ่ง และ Cranes คนพ่อ ได้รับการรายงานเกี่ยวกับปฏิวัติบอลเซวิกอย่างละเอียดจากทางการ นอกจากนี้ Cranes น่าจะมีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลอเมริกัน หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ความน่าสนใจ ไม่ใช่แค่การเชื่อมโยง ของบุคคลด้านอเมริกา กับTrotsky นักปฏิวัติรัสเซียเท่านั้น แต่การที่ Trotsky บอกว่า รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional ของ Kerensky คงเป็นรัฐบาลเฉพาะกาลชั่วคราว และเหมือนจะมีการปฏิวัติซ้ำตามมานั้น ตกลงมันเป็นเรื่องรู้กันอยู่ มวยล้มต้มคนดู ตั้งแต่ต้นอย่างนั้นหรือ แต่ประเด็นสำคัญ ที่ต้องตามดูอย่างยิ่งคือ ตกลง Trotsky ทำการปฏิวัติรัสเซียให้ใคร มันเป็นการปฏิวัติ ตามอุดมการณ์ของตัวเขาเอง หรือเขาเป็นเพียง “ผู้รับจ้าง” ให้ทำการปฏิวัติ และถ้าเป็น “ผู้รับจ้าง” ใครเป็นผู้จ้างเขา และผู้จ้าง Trotsky ทำไปเพื่ออะไร หรือ Trotsky เล่นบท 2 หน้า มีรายงานวันที่ 20 มีนาคม 1918 จากมอสโคว์ จากข่าวของ นสพ รัสเซีย Russkoe Slovo ว่า ได้มีการสัมภาษณ์ Trotsky ซึ่งพูดชัดเจนว่า การเป็นพันธมิตรกับอเมริกาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ โซเวียตไม่มีทางเป็นมิตรกับพวกทุนนิยมอย่างอเมริกา มันเป็นการทรยศต่ออุดมการณ์ และเป็นไปไม่ได้ ที่อเมริกาจะมาสร้างสัมพันธ์กับเรา ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ ที่เราจะคบค้ากับประเทศที่เป็นสังคมนายทุน ในขณะเดียวกัน ก็มีรายงานมาจากทางมอสโคว์เช่นเดียวกัน เป็นโทรเลขลงวันที่ 17 มีนาคม 1918 จากฑูต Francis ของอเมริกา ที่ประจำอยู่ที่รัสเซีย แจ้งไปทางกระทรวงต่างประเทศอเมริกาว่า “Trotsky ขอให้ทางเราส่งเจ้าหน้าที่อเมริกันมา 5 คน เพื่อมาช่วยสำรวจกองทัพ รวมทั้งส่งคนและสิ่งของมาเพื่อจัดการเรื่องทางรถไฟ” โทรเลขดังกล่าวของฑูต Francis ดูเป็นการขัดและสวนทางกับการให้สัมภาษณ์ของ Trotsky ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่พูดไม่จริง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 673 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯคาดหวังว่าไทยจะทำงานร่วมกับกัมพูชา สำหรับเริ่มปล่อยตัวทหาร 18 นายในทันที จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในวันจันทร์(27ต.ค.) หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงฉบับปรับปรุงเมื่อวันอาทิตย์(28ต.ค.) ต่อหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102700

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    สหรัฐฯคาดหวังว่าไทยจะทำงานร่วมกับกัมพูชา สำหรับเริ่มปล่อยตัวทหาร 18 นายในทันที จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในวันจันทร์(27ต.ค.) หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงฉบับปรับปรุงเมื่อวันอาทิตย์(28ต.ค.) ต่อหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000102700 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    Sad
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯคาดหวังว่าไทยจะทำงานร่วมกับกัมพูชา สำหรับเริ่มปล่อยตัวทหาร 18 นายในทันที จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในวันจันทร์(27ต.ค.) หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงฉบับปรับปรุงเมื่อวันอาทิตย์(28ต.ค.) ต่อหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102701

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯคาดหวังว่าไทยจะทำงานร่วมกับกัมพูชา สำหรับเริ่มปล่อยตัวทหาร 18 นายในทันที จากคำกล่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการต่างประเทศอเมริกาในวันจันทร์(27ต.ค.) หลังจากผู้นำทั้ง 2 ชาติ ลงนามในข้อตกลงหยุดยิงฉบับปรับปรุงเมื่อวันอาทิตย์(28ต.ค.) ต่อหน้าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102701 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 436 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยโต้ข่าวลือ ปฏิเสธปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ย้ำต้องปฏิบัติ 4 เงื่อนไขหลักก่อน
    https://www.thai-tai.tv/news/21969/
    .
    #ไทยไท #กองทัพไทย #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #4เงื่อนไข #ความมั่นคง

    กองทัพไทยโต้ข่าวลือ ปฏิเสธปล่อยตัวเชลยศึกกัมพูชา 18 นาย ย้ำต้องปฏิบัติ 4 เงื่อนไขหลักก่อน https://www.thai-tai.tv/news/21969/ . #ไทยไท #กองทัพไทย #เชลยศึกกัมพูชา #อนุสัญญาเจนีวา #4เงื่อนไข #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ"
    .
    มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา
    .
    นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์
    .
    สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต
    .
    เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
    .
    กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน
    .
    “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว
    .
    มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม
    .
    ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ
    .
    ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน
    .
    ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน
    .
    เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ
    .
    นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว
    .
    เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก
    .
    เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน
    .
    ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ
    .
    มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย
    .
    การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว
    .
    จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน
    .
    แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    ด่วน!! สหรัฐฯ สั่งยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ (4.9 แสนล้านบาท) ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา ซึ่งมีฐานเปิดศูนย์หลอกลวงในกัมพูชา บังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกาย ทรมานและฉ้อโกงเงินดิจิทัล หนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของฮุนเซน ด้านเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า เป็น "การริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ" . มีรานงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) สั่งยึด Bitcoin ของนายเฉินจื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา . นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัล และสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์ . สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน จื้อ แห่ง Prince Holding Group และพวกพ้องของเขาถูกกล่าวหาว่าสร้างรายได้มากถึง 30 ล้านเหรียญสหรัฐต่อวันจากการหลอกลวงครั้งหนึ่ง และฉินเคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต . เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อวินเซนต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ "หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย" ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ . กระทรวงยุติธรรมยังได้ยื่นฟ้องริบทรัพย์สินครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยยึด Bitcoin ได้ประมาณ 127,271 บิตคอยน์ คิดเป็นมูลค่าราว 15,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 4.9 แสนล้านบาท ในราคาปัจจุบัน . “การดำเนินการในวันนี้ถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สำคัญที่สุดในการปราบปรามการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางการเงินผ่านไซเบอร์ ซึ่งเป็นภัยร้ายแรงระดับโลก” อัยการสูงสุด แพม บอนดี กล่าว . มีรายงานว่าเฉินได้สั่งการให้มีการบังคับใช้แรงงานในพื้นที่ต่างๆ ทั่วกัมพูชา โดยมีการกักขังแรงงานค้ามนุษย์หลายร้อยคนไว้ในสถานที่คล้ายเรือนจำที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสูงและลวดหนาม . ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันสูญเสียเงินอย่างน้อย 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับการหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากปี 2023 กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุ และเรียก Prince Holding Group ว่าเป็น “ผู้เล่นหลัก” ในอุตสาหกรรมนี้ ทางการจีนได้ดำเนินการสืบสวนบริษัทนี้ในข้อหาหลอกลวงทางไซเบอร์และการฟอกเงินมาตั้งแต่ต้นปี 2020 ตามบันทึกของศาลที่ตรวจสอบโดยสถาบันสันติภาพสหรัฐฯ . ภายใต้การคุกคามของความรุนแรง พวกเขาถูกบังคับให้ดำเนินการตามกลลวงที่เรียกว่า "การฆ่าหมู" ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างความไว้วางใจกับเหยื่อในช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะขโมยเงินของพวกเขาไป แผนการดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่เหยื่อทั่วโลก ทำให้เกิดการสูญเสียนับพันล้าน . ศูนย์หลอกลวงทั่วทั้งกัมพูชา เมียนมาร์ และภูมิภาคอื่นๆ ใช้โฆษณาหางานปลอมเพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งหลายคนเป็นชาวจีน ให้มาทำงานในสถานที่ที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะ โดยคนเหล่านี้ถูกบังคับให้ฉ้อโกงทางออนไลน์ภายใต้ภัยคุกคามของการทรมาน . เฉินเป็นผู้ดูแลสถานที่ดังกล่าว ติดตามผลกำไรและแผนการต่างๆ และยังมีภาพการทุบตีและการทรมานเหยื่ออีกด้วย เขาพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับการลงโทษผู้ที่ “ก่อปัญหา” แต่เน้นย้ำว่าคนงาน “ไม่ควรถูกตีจนตาย” ผู้หลอกลวงมักติดต่อเหยื่อผ่านแอปส่งข้อความหรือโซเชียลมีเดีย โดยสัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนสูงจากการลงทุน ตามที่ฟ้องระบุ . นับตั้งแต่ประมาณปี 2015 Prince Group ได้ดำเนินกิจการในกว่า 30 ประเทศภายใต้ข้ออ้างของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และผู้บริโภคที่ถูกกฎหมาย อัยการกล่าว . เฉินและผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่าใช้อิทธิพลทางการเมืองและติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหลายประเทศเพื่อปกป้องการดำเนินงาน รายได้ส่วนหนึ่งถูกฟอกเงินผ่านการพนันและการขุดสกุลเงินดิจิทัลของ Prince Group เอง . เจ้าหน้าที่เผยว่าเงินที่ถูกขโมยไปนั้นจะถูกนำไปใช้ในการซื้อของหรูหราต่างๆ รวมถึงนาฬิกา เรือยอทช์ เครื่องบินส่วนตัว บ้านพักตากอากาศ และภาพวาดของปิกัสโซที่ซื้อจากบ้านประมูลแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก . เฉินอาจต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี หากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานฉ้อโกงทางสายโทรศัพท์และสมคบคิดฟอกเงิน . ในการดำเนินการประสานงานกัน เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อังกฤษได้อายัดทรัพย์สิน 19 แห่งในลอนดอน มูลค่ากว่า 100 ล้านปอนด์ ซึ่งเชื่อมโยงกับเครือข่ายของเฉิน รวมถึงคฤหาสน์มูลค่า 12 ล้านปอนด์ในลอนดอนตอนเหนือ . มาตรการคว่ำบาตรยังมุ่งเป้าไปที่ Qiu Wei Ren ผู้ร่วมงานของ Chen ซึ่งเป็นคนสัญชาติจีนที่มีสัญชาติกัมพูชา ไซปรัส และฮ่องกงอีกด้วย . การสืบสวนของ AFP เมื่อวันอังคารพบว่าศูนย์หลอกลวงในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมาร์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการปราบปรามในประเทศดังกล่าว . จีน ไทย และเมียนมาร์ บังคับให้กองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารของเมียนมาร์ซึ่งปกป้องศูนย์เหล่านี้สัญญาว่าจะปิดศูนย์เหล่านี้ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยปล่อยตัวผู้คนไปประมาณ 7,000 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเมืองจีน . แต่ระบบคอลเซ็นเตอร์แบบโหดกำลังกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้งในเมียนมาร์ โดยขณะนี้ใช้ระบบดาวเทียม Starlink ของ Elon Musk เพื่อเข้าถึงอินเทอร์เน็ต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1143 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 5

    ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..”

    วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน

    ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง

    ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน

    อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้

    23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย
    นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด

    ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก

    หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน

    ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย

    ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก

    ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ
    มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน

    มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป

    อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น”

    เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 5 ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..” วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้ 23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น” เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮามาสส่งรายชื่อนักโทษปาเลสไตน์ที่ต้องการให้ปล่อยตัวเพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวประกันอิสราเอล เผยการเจรจาที่อียิปต์เป็นไปด้วยดี โดยนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ตลอดจนถึงผู้แทนอาวุโสของอเมริกาและตุรกีจะร่วมหารือด้วย ขณะที่ทรัมป์เชื่อมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096487

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ฮามาสส่งรายชื่อนักโทษปาเลสไตน์ที่ต้องการให้ปล่อยตัวเพื่อแลกเปลี่ยนกับตัวประกันอิสราเอล เผยการเจรจาที่อียิปต์เป็นไปด้วยดี โดยนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ตลอดจนถึงผู้แทนอาวุโสของอเมริกาและตุรกีจะร่วมหารือด้วย ขณะที่ทรัมป์เชื่อมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสันติภาพในตะวันออกกลาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000096487 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 683 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู แถลงยืนยันอีกครั้งอย่างหนักแน่นว่าอิสราเอลจะไม่ถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาและจะไม่ยุติสงคราม โดยอ้างว่าเขาได้แจ้งต่อทรัมป์แล้ว และได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์อย่างดี

    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทรัมป์โพสต์ข้อความ "เรียกร้อง" ให้อิสราเอลหยุดการโจมตีกาซาทันที หลังฮามาสประกาศยอมรับข้อเสนอบางส่วนของสหรัฐด้วยการปล่อยตัวประกันทั้งหมด
    เนทันยาฮู แถลงยืนยันอีกครั้งอย่างหนักแน่นว่าอิสราเอลจะไม่ถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาและจะไม่ยุติสงคราม โดยอ้างว่าเขาได้แจ้งต่อทรัมป์แล้ว และได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์อย่างดี อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทรัมป์โพสต์ข้อความ "เรียกร้อง" ให้อิสราเอลหยุดการโจมตีกาซาทันที หลังฮามาสประกาศยอมรับข้อเสนอบางส่วนของสหรัฐด้วยการปล่อยตัวประกันทั้งหมด
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5”
    ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ
    แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ
    แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน
    ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น
    รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!)
    เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ?
    ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป”
    แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ
    ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild
    ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้!
    หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก
    นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ
    จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย)
    ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    เหยื่อ – ขวาง ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 2 : “ขวาง 5” ความโตเร็วของเยอรมัน เริ่มเห็นชัดตั้งแต่ ค.ศ. 1890 ทำให้อังกฤษทนนั่งดูอยู่เฉยไม่ไหว อังกฤษเตรียมปรับแผนยุทธศาสตร์ที่ใช้อยู่กับพันธมิตรในยุโรป เป็นการปรับชนิด กลับหลัง ตลบหน้า รุนแรงถึงขนาด ปักหมุดให้พันธมิตรเดินตามที่อังกฤษต้องการ หรือหยุดเดินไปในทิศทางที่อังกฤษไม่ต้องการ

เหตุการณ์ที่อียิปต์ Fashoda Crisis คงเป็นตัวอย่างที่เห็นชัด แต่เดิมที่ผ่านมา อังกฤษและฝรั่งเศสกอดคอเฮฮานั่งกินเหล้าด้วยกันที่อียิปต์ เพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันในคลองสุเอช แต่ตั้งแต่ ค.ศ. 1882 เป็นต้นมา กองทัพอังกฤษที่อียิปต์เหมือนจะงอกมากขึ้นเหมือนเห็ดในฤดูฝน และทำท่าว่าไม่ใช่งอกชั่วฤดูกาล แต่ออกอาการว่าจะอยู่ถาวร แถมอังกฤษแต่งตั้งตัวเองเป็นหัวหน้าใหญ่ เข้าไปสั่งการกับรัฐบาลอียิปต์อีกด้วย ฝรั่งเศษตีโจทย์ไม่ออก นี่มันจะมาไม้ไหน อังกฤษบอกกับฝรั่งเศสว่าไม่ต้องคิดมาก ทุกอย่างที่เราทำ เราทำไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศเราทั้งสองนะ แต่นาย Theophile Déclassé รัฐมนตรีที่ดูแลกิจการอาณานิคมของฝรั่งเศสไม่ยอมคล้อยตาม เขามองว่าอังกฤษกำลังจะฉวยโอกาสฮุบสุเอชและอียิปต์ไว้ฝ่ายเดียว เขาจึงสั่งให้มีการเคลื่อนพล ยกทัพมาจากฝรั่งเศส ข้ามทะเลทรายซาฮาร่า ในปี ค.ศ. 1898 เพื่อไปเผชิญหน้า เตรียมปะทะกับอังกฤษที่รออยู่ที่แม่น้ำไนล์ ให้รู้หมูรู้เสือ แค่เงื้อดาบ ยังไม่ทันได้ฟันกัน กองทัพทั้ง 2 ฝ่าย ก็ถูกนายเหนือสั่งให้หยุดการ (เกือบ) ปะทะไว้ชั่วคราว เฮ้ย หยุด หยุด นายเขากำลังเจรจากัน ผลการเจรจา ฝรั่งเศสตกหลุมอังกฤษ ยอมถอยทัพ และเสียโอกาสมหาศาล ที่จะเข้าไปทำประโยชน์ในอาฟริกา นาย Déclassé สั่งเคลื่อนพล โดยไม่ได้หารือ ไม่รู้ถึงแผนลับของรัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส ซึ่งป่วยอยู่ในขณะนั้น รัฐมนตรีต่างประเทศของฝรั่งเศส นาย Gabriel Hanotaux มีชื่อเสียงว่า ไม่ชอบหน้าอังกฤษอย่างยิ่ง หรือใช้ว่า เกลียด อาจจะตรงกว่า มีนโยบายที่จะปรับปรุงและสร้างแหล่งอุตสาหกรรมในอาณานิคมของฝรั่งเศส ที่อยู่ในอาฟริกา นาย Hanotaux ตั้งใจจะผนึกฝรั่งเศสกับอาฟริกาให้แน่นแฟ้น โดยสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่าง Dakar ใน French Senegal มาจนถึง Djibouti ที่ทะเลแดง มันจะเป็นการเชื่อมอาฟริกาตะวันออกถึงตะวันตกโดย “Trans-Sahara Railway Project” (ทางรถไฟอีกแล้ว!) เส้นทางรถไฟนี้ ถ้าสำเร็จจะเป็นการขวาง ไม่ให้อังกฤษแต่ฝ่ายเดียว ที่หวังจะเป็นผู้ควบคุมอาฟริกา ทั้งหมดผ่าน อียิปต์ ไปจนถึง อินเดีย นาย Hanotaux ได้แอบปรึกษากับเยอรมัน บอก ทางรถไฟเส้นทางนี้ จะเป็นยากัน การขยายอิทธิพลของอังกฤษอย่างชงัด เรามาปรุงยานี้กันไหม ? ค.ศ. 1896 ฝรั่งเศสและเยอรมันหารือกันอีกรอบ “เราควรจะแสดงอิทธิฤทธิให้อังกฤษเห็นบ้างว่า ไม่ใช่อังกฤษฝ่ายเดียว ที่จะเป็นคนตัดสินใจและได้ทุกอย่างไป” แต่แล้วก็ เกิดเหตุ Dreyfus Affair สื่อฝรั่งเศสตีข่าวกันใหญ่ว่า นายทหารระดับร้อยเอกของกองทัพฝรั่งเศส ชื่อ Dreyfus ถูกจับข้อหากระทำการจารกรรมต่อเยอรมัน เป็นเรื่องใหญ่นะ ทำให้การเจรจาระหว่าง Hanotaux กับเยอรมันสดุด การปรุงยาชะงักลง เขาต้องออกมาหน้าเครียดแก้ข่าวและเตือนสื่อว่า อย่าใส่สีมากนัก มันจะพาไปสู่สงครามกับเยอรมันได้ อยากได้อย่างนั้นหรือ ในที่สุดร้อยเอก Dreyfus ก็ได้รับการปล่อยตัว เมื่อมีการสืบสวน จนได้ความชัดเจนว่า มันเป็นการสร้างหลักฐานปลอมใส่ Dreyfus โดย Count Ferdinand Walsin – Esterhazy (ชื่อยาวจัง !) ซึ่งได้รับจ้างให้ทำเรื่องนี้ ส่วนผู้จ้างคือตระกูล Rothschild ที่ทำธุรกิจธนาคารอยู่ที่ปารีส เรื่องนี้ เล่นกันเองแรงดี ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ไม้ขวางอันนี้ อภินันทนาการจาก Rothschild ค.ศ. 1898 Hanotaux ก็พ้นจากตำแหน่ง และผู้มาแทนเขาก็คือ Déclassé เงินใหญ่ จ้างผีระดับไหน ให้โม่แป้งก็ได้! หลังจากเหตุการณ์ Fachoda จบลง อังกฤษก็สามารถปักหมุด ฉุด และจูง ให้ฝรั่งเศส ล้มเลิกแผนการปรับปรุงอาณานิคมในอาฟริกา และลดความสนใจในอียิปต์ลงไปได้ อังกฤษบอกแก่ฝรั่งเศส นี่ เพื่อน อย่าไปมัวสนใจอะไร ที่มันเลื่อนลอยเหมือนความฝันเลย อาฟริกานี่ไม่ใช่หมูนะ ไกลบ้านด้วย เพื่อนไปเอาอะไรที่จับต้องได้ ไม่ดีกว่าหรือ เช่นหล็กที่ Alsace- Lorraine ของเยอรมันยังไงล่ะ ดีกว่านะ เราจะสนับสนุนเพื่อนให้ได้เอง แล้วฝรั่งเศษก็ตกหลุมของอังกฤษอีกพลั่ก นาย Hanotaux ได้กล่าวภายหลังว่า มันชัดเจนว่าทุกครั้งที่ฝรั่งเศสขยับตัว อังกฤษก็จะเกิดอาการผวา เหมือนเด็กเห็นเงา นึกว่าผีหลอกและเข้ามาขัดขวาง เพราะคิดว่าการดำเนินการของทุกคนนั้น ขัดประโยชน์ของอังกฤษทั้งสิ้น ไล่มาตั้งแต่กรณี อียิปต์ ตูนีเซีย มาดาร์กัสการ์ อินโดจีน แม้กระทั่งที่คองโก อังกฤษจะต้องถือไม้ออกมาวางขวางเสมอ จากเหตุการณ์ Fachodo อังกฤษกับฝรั่งเศส จึงกลับมาเป็นคู่หูกันอีกครั้ง โดยทำสัญญาลับให้ไว้ต่อกัน มีกาวยี่ห้อขวางเยอรมัน ทาคู่หูให้ติดกันไว้ นาย Hanotaux บอกว่าอังกฤษเก่งมาก ที่แยกศัตรูไม่ให้รวมตัวกัน เป็นกลยุทธสุดยอดอีกอันหนึ่งของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อย (ของเท้าซ้าย) ฝรั่งเศสคงไม่ใช่เป็นรายเดียวที่ต้องถูกปักหมุด ให้เดิน หรือเลิกเดิน และใช้กาวยี่ห้อขวางเยอรมันทาติดเอาไว้ รัสเซียเป็นอีกกรณีที่น่าสนใจ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
28 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุม Valdai International Discussion Club ประจำปี ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโซชี (Sochi) ของรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงสถานการณ์ในปาเลสไตน์:

    ปธน.ปูติน ยกคำพูดของอันโตนิโอ กูแตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงครามว่า กาซาคือ 'สุสานเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก' และยังกล่าวอีกว่านั่นคือ 'โศกนาฏกรรม' ที่ไม่อาจบรรยายได้

    นอกจากนี้ ปธน.ปูติน ยังได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ในกาซาและข้อเสนอสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยย้ำว่ารัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนข้อเสนอใดๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบ สองรัฐ (two-state solution) โดยมีรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กับอิสราเอล

    ปูตินยังกล่าวอีกว่า ทางเลือกที่เหมาะสมคือการโอนการควบคุมฉนวนกาซาให้กับประธานาธิบดีอับบาสแห่งปาเลสไตน์

    ปูตินสนับสนุนเงื่อนไขที่ต้องการให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดในฉนวนกาซา และอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ออกจากเรือนจำอีกด้วย
    การประชุม Valdai International Discussion Club ประจำปี ครั้งที่ 22 ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองโซชี (Sochi) ของรัสเซีย ประธานาธิบดีปูตินกล่าวถึงสถานการณ์ในปาเลสไตน์: 👉ปธน.ปูติน ยกคำพูดของอันโตนิโอ กูแตร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) ถึงความน่าสะพรึงกลัวของสงครามว่า กาซาคือ 'สุสานเด็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก' และยังกล่าวอีกว่านั่นคือ 'โศกนาฏกรรม' ที่ไม่อาจบรรยายได้ 👉นอกจากนี้ ปธน.ปูติน ยังได้แสดงความเห็นต่อสถานการณ์ในกาซาและข้อเสนอสันติภาพของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยย้ำว่ารัสเซียพร้อมให้การสนับสนุนข้อเสนอใดๆ ที่จะนำไปสู่การแก้ปัญหาแบบ สองรัฐ (two-state solution) โดยมีรัฐปาเลสไตน์อยู่คู่กับอิสราเอล 👉ปูตินยังกล่าวอีกว่า ทางเลือกที่เหมาะสมคือการโอนการควบคุมฉนวนกาซาให้กับประธานาธิบดีอับบาสแห่งปาเลสไตน์ 👉ปูตินสนับสนุนเงื่อนไขที่ต้องการให้ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดในฉนวนกาซา และอิสราเอลปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ออกจากเรือนจำอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 592 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “วัยรุ่นดัตช์ถูกจับฐานสอดแนมให้รัสเซีย — เมื่อ Telegram กลายเป็นช่องทางล่อลวง และ Wi-Fi sniffer กลายเป็นอาวุธเงียบ”

    ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมเนเธอร์แลนด์ ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีจำนวน 2 คน ฐานต้องสงสัยว่าถูกกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซียล่อลวงให้ทำภารกิจสอดแนม โดยหนึ่งในนั้นถูกพบขณะเดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น สำนักงาน Europol, Eurojust และสถานทูตแคนาดา พร้อมถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า “Wi-Fi sniffer” ซึ่งสามารถดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สายใกล้เคียงได้

    การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรอง AIVD ของเนเธอร์แลนด์ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ขณะเขากำลังทำการบ้านอยู่ โดยเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากบุกเข้ามาพร้อมหมายค้น และยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ

    วัยรุ่นทั้งสองถูกกล่าวหาว่าได้รับการติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นแอปที่นิยมในหมู่เยาวชน และมักถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์หรือหน่วยข่าวกรองต่างชาติในการล่อลวงเหยื่อผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น การเดินส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในภารกิจสอดแนมหรือแม้แต่การก่อวินาศกรรม

    หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนอีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบใดถูกเจาะ แต่ยอมรับว่ากำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวนอย่างใกล้ชิด

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวลในยุโรป ซึ่งเยาวชนและบุคคลเปราะบางถูกใช้เป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่นในเยอรมนีและอังกฤษ ที่เคยมีการล่อลวงวัยรุ่นให้ส่งพัสดุที่ภายในมีระเบิดแอบแฝง โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    วัยรุ่นชาย 2 คนอายุ 17 ปีถูกจับในเนเธอร์แลนด์ ฐานต้องสงสัยสอดแนมให้กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย
    หนึ่งในนั้นถูกพบถือ Wi-Fi sniffer เดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น Europol และ Eurojust
    การจับกุมเกิดขึ้นหลังจาก AIVD ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านพร้อมหมายค้น
    ผู้ต้องสงสัยถูกติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นช่องทางที่นิยมในหมู่เยาวชน
    หนึ่งคนถูกควบคุมตัว อีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์
    Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบถูกเจาะ และกำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวน
    กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ที่เยาวชนถูกกล่าวหาว่าถูกล่อลวงโดยรัฐต่างชาติ
    ลักษณะการล่อลวงคล้ายกับกรณีในเยอรมนีและอังกฤษ ที่ใช้เยาวชนเป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Wi-Fi sniffer เป็นอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สาย
    Telegram ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และหน่วยข่าวกรองเพราะมีระบบเข้ารหัสและไม่เปิดเผยตัวตน
    กลุ่ม APT28 ของรัสเซียเคยใช้เทคนิค “nearest neighbor attack” ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เป้าหมาย
    Europol เคยนำทีมปราบกลุ่ม NoName057 (16) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,000 คนที่โจมตีระบบในยุโรป
    การล่อลวงผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น ส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ เป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยในสงครามไซเบอร์

    https://hackread.com/dutch-teens-arrested-spying-pro-russian-hackers/
    🕵️‍♂️ “วัยรุ่นดัตช์ถูกจับฐานสอดแนมให้รัสเซีย — เมื่อ Telegram กลายเป็นช่องทางล่อลวง และ Wi-Fi sniffer กลายเป็นอาวุธเงียบ” ในเหตุการณ์ที่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมเนเธอร์แลนด์ ตำรวจได้จับกุมวัยรุ่นชายอายุ 17 ปีจำนวน 2 คน ฐานต้องสงสัยว่าถูกกลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนโดยรัฐบาลรัสเซียล่อลวงให้ทำภารกิจสอดแนม โดยหนึ่งในนั้นถูกพบขณะเดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น สำนักงาน Europol, Eurojust และสถานทูตแคนาดา พร้อมถืออุปกรณ์ที่เรียกว่า “Wi-Fi sniffer” ซึ่งสามารถดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สายใกล้เคียงได้ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจากหน่วยข่าวกรอง AIVD ของเนเธอร์แลนด์ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านของหนึ่งในผู้ต้องสงสัย ขณะเขากำลังทำการบ้านอยู่ โดยเจ้าหน้าที่สวมหน้ากากบุกเข้ามาพร้อมหมายค้น และยึดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ วัยรุ่นทั้งสองถูกกล่าวหาว่าได้รับการติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นแอปที่นิยมในหมู่เยาวชน และมักถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์หรือหน่วยข่าวกรองต่างชาติในการล่อลวงเหยื่อผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น การเดินส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ โดยไม่รู้ว่าตนเองกำลังมีส่วนร่วมในภารกิจสอดแนมหรือแม้แต่การก่อวินาศกรรม หนึ่งในผู้ต้องสงสัยถูกควบคุมตัวไว้ ส่วนอีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ขณะที่เจ้าหน้าที่ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบใดถูกเจาะ แต่ยอมรับว่ากำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวนอย่างใกล้ชิด กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มที่น่ากังวลในยุโรป ซึ่งเยาวชนและบุคคลเปราะบางถูกใช้เป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” โดยกลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่นในเยอรมนีและอังกฤษ ที่เคยมีการล่อลวงวัยรุ่นให้ส่งพัสดุที่ภายในมีระเบิดแอบแฝง โดยไม่รู้ตัวว่าตนเองกำลังกลายเป็นเครื่องมือของการก่อการร้าย ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ วัยรุ่นชาย 2 คนอายุ 17 ปีถูกจับในเนเธอร์แลนด์ ฐานต้องสงสัยสอดแนมให้กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซีย ➡️ หนึ่งในนั้นถูกพบถือ Wi-Fi sniffer เดินผ่านสถานที่สำคัญในกรุงเฮก เช่น Europol และ Eurojust ➡️ การจับกุมเกิดขึ้นหลังจาก AIVD ได้รับเบาะแส และนำไปสู่การบุกค้นบ้านพร้อมหมายค้น ➡️ ผู้ต้องสงสัยถูกติดต่อผ่าน Telegram ซึ่งเป็นช่องทางที่นิยมในหมู่เยาวชน ➡️ หนึ่งคนถูกควบคุมตัว อีกคนถูกปล่อยตัวภายใต้การควบคุมที่บ้าน พร้อมติดกำไลอิเล็กทรอนิกส์ ➡️ Europol ยืนยันว่าไม่มีระบบถูกเจาะ และกำลังร่วมมือกับทางการเนเธอร์แลนด์ในการสอบสวน ➡️ กรณีนี้ถือเป็นครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ที่เยาวชนถูกกล่าวหาว่าถูกล่อลวงโดยรัฐต่างชาติ ➡️ ลักษณะการล่อลวงคล้ายกับกรณีในเยอรมนีและอังกฤษ ที่ใช้เยาวชนเป็น “ตัวแทนที่ใช้แล้วทิ้ง” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Wi-Fi sniffer เป็นอุปกรณ์หรือซอฟต์แวร์ที่ใช้ดักจับข้อมูลจากเครือข่ายไร้สาย ➡️ Telegram ถูกใช้โดยกลุ่มแฮกเกอร์และหน่วยข่าวกรองเพราะมีระบบเข้ารหัสและไม่เปิดเผยตัวตน ➡️ กลุ่ม APT28 ของรัสเซียเคยใช้เทคนิค “nearest neighbor attack” ผ่านเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เป้าหมาย ➡️ Europol เคยนำทีมปราบกลุ่ม NoName057 (16) ซึ่งมีสมาชิกกว่า 4,000 คนที่โจมตีระบบในยุโรป ➡️ การล่อลวงผ่าน “งานง่าย ๆ” เช่น ส่งพัสดุหรือถ่ายภาพสถานที่ราชการ เป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยในสงครามไซเบอร์ https://hackread.com/dutch-teens-arrested-spying-pro-russian-hackers/
    HACKREAD.COM
    Dutch Teens Arrested Over Alleged Spying for Pro-Russian Hackers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 417 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกนนำเชี้ยไรว่ะ หลอกใช้คนไปทำผิดติดคุกแทน แล้วมาวิ่งหาแสงเรียกร้องปล่อยตัว ตรรกะส้มตีนแท้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    แกนนำเชี้ยไรว่ะ หลอกใช้คนไปทำผิดติดคุกแทน แล้วมาวิ่งหาแสงเรียกร้องปล่อยตัว ตรรกะส้มตีนแท้ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี

    ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน

    เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก

    เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง

    เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944

    ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด

    การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน
    ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง
    ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป

    คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน”
    แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ
    ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย

    การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ
    เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร
    คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น”

    ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่
    ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์
    หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้

    https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    📰 “แต่แล้วมันก็สายเกินไป” — บทเรียนจากเยอรมนีในยุคนาซี ที่สะท้อนถึงการนิ่งเฉยของคนดี ในหนังสือ They Thought They Were Free: The Germans, 1933–45 โดย Milton Mayer มีตอนหนึ่งที่ทรงพลังและสะเทือนใจที่สุดคือบทสัมภาษณ์นักวิชาการชาวเยอรมันที่เล่าย้อนถึงช่วงเวลาที่เขาและเพื่อนร่วมงานค่อย ๆ ปรับตัวเข้ากับระบอบนาซีโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งทุกอย่างเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง — และมันก็สายเกินไปที่จะต่อต้าน เขาเล่าว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทีละน้อย ทุกมาตรการดูเหมือนจะเป็น “ชั่วคราว” หรือ “เพื่อความมั่นคงของชาติ” และประชาชนก็ยุ่งอยู่กับชีวิตประจำวันจนไม่มีเวลาคิดถึงสิ่งสำคัญ การประชุม การกรอกเอกสาร การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กลายเป็นสิ่งที่กลืนกินเวลาและพลังงานของผู้คน แม้แต่คนมีการศึกษาอย่างเขาก็ยอมรับว่า “ไม่มีเวลาคิด” และรู้สึก “ขอบคุณ” ที่ระบอบเผด็จการทำให้ไม่ต้องเผชิญกับคำถามที่ยากลำบาก เมื่อมีการละเมิดสิทธิของกลุ่มต่าง ๆ เช่น คอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อมวลชน ชาวยิว และในที่สุดคือศาสนจักร คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “มันยังไม่แย่ขนาดนั้น” หรือ “ฉันไม่ใช่คนกลุ่มนั้น” จนกระทั่งทุกอย่างลุกลามไปถึงตัวเอง เขายังเล่าเรื่องผู้พิพากษาคนหนึ่งที่ตัดสินให้ชาวยิวพ้นผิดตามหลักกฎหมาย แต่กลับรู้สึกผิด เพราะรู้ดีว่าการปล่อยตัวคือการส่งเขาไปสู่ความตายโดยพรรคฯ และสุดท้ายผู้พิพากษาคนนั้นก็ถูกจับหลังจากการพยายามลอบสังหารฮิตเลอร์ในปี 1944 ข้อความสุดท้ายของบทนี้คือการยอมรับว่า “ความละอาย” คือสิ่งที่เหลืออยู่สำหรับคนดีที่ไม่ทำอะไรเลยในเวลาที่ควรทำ และมันคือรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญที่น่าเศร้าที่สุด ✅ การเปลี่ยนผ่านสู่เผด็จการเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และแนบเนียน ➡️ ทุกมาตรการถูกอธิบายว่าเป็นเรื่องชั่วคราวหรือเพื่อความมั่นคง ➡️ ประชาชนค่อย ๆ ปรับตัวจนไม่รู้ตัวว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป ✅ คนดีจำนวนมากไม่ต่อต้าน เพราะ “ไม่มีเวลา” หรือ “ไม่ใช่เรื่องของฉัน” ➡️ แม้แต่ผู้มีการศึกษาก็หลีกเลี่ยงการคิดถึงสิ่งสำคัญ ➡️ ความยุ่งเหยิงในชีวิตประจำวันกลายเป็นข้ออ้างในการนิ่งเฉย ✅ การละเมิดสิทธิเริ่มจากกลุ่มเล็ก ๆ แล้วขยายไปเรื่อย ๆ ➡️ เริ่มจากคอมมิวนิสต์ นักสังคมนิยม สื่อ ชาวยิว และศาสนจักร ➡️ คนส่วนใหญ่ไม่ทำอะไร เพราะคิดว่า “ยังไม่ถึงขั้นนั้น” ✅ ความละอายกลายเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ ➡️ ผู้พิพากษาที่ตัดสินอย่างถูกต้องกลับรู้สึกผิด เพราะรู้ผลลัพธ์ ➡️ หลายคนต้องใช้ชีวิตกับความละอายที่ไม่อาจแก้ไขได้ https://press.uchicago.edu/Misc/Chicago/511928.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 14 ตกสำรวจ

    ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปรากฎว่า ผู้ได้รับเลือกคือ นาย Petro Poroshenko เจ้าพ่อช็อคโกแลต อ้าว ! ไหงเป็นงั้น เดิมนางเหยี่ยว Nuland บอกจะเอา นาย Yats (Arseniy Yatssenyuk) มาลงแข่ง ระหว่างรอแข่งเอานาย Yats ไปเป็นนายกฯ กินเมืองไว้ก่อน แต่นาย Yats นี้อยู่พรรคเดียวกับคุณนายผมเปีย ซึ่งช่วงนั้นคุณนายติดคุกอยู่หลายข้อหา พอคุณนายผมเปีย หลุดจากคุก ไม่รู้ใครเป็นคนจัดการ ปล่อยตัวคุณนายออกมา (เออ ! เขาเล่นกันได้สนุกไม่แพ้บ้านเรา) ตกลงคุณนายผมเปียเลยไปลงสมัคร (ในฐานะหุ่นเชิดให้กับฝ่ายอเมริกา แต่สื่ออเมริกาบอกเป็นหุ่นเชิดของคุณพี่ปูติน !)

    ส่วนรายเจ้าพ่อช็อคโกแลต ก็กลับตาลปัตร คุณนาย Merkel และสหภาพยุโรปบอก ฉันจะเอานักมวย คือ นาย Vitaly Klitscheko แล้วถูกนางเหยี่ยวให้ F ไปหนึ่งตัวนั่นนะ ปรากฎว่านาย Klits เกิดอาการถอดใจ บอกว่าเจ้าพ่อช็อคโกแลตคะแนนดีกว่าผมแยะ สรุปเลยเป็นการแข่งระหว่างสหภาพยุโรปกับอเมริกา ! น่าสนใจ หมากตานี้ เหมือนจะเป็นรัสเซียนั่งดูอยู่บนภู !

    นาย Poroshenko ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีไปก็จริง แต่นักวิเคราะห์การเมือง ที่ไม่ได้เป็นหุ่นของฝ่ายตะวันตก บอกว่ามีตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ จะแก้ไขปัญหา Ukraine อย่างจริงจังได้อย่างไร คอยดูฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วกัน ว่าถึงตอนนั้น Ukraine ยังเลี้ยงตัวเองได้อยู่หรือเปล่า และแก๊ซจากรัสเซีย จะยังส่งมาตามท่อส่งอยู่หรือเปล่า แล้วก็คงจะได้รู้กันว่าใครจะร่วงตามใบไม้

    วิกฤติ Ukraine คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจบง่าย ๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง อุตส่าห์วางแผน ลงแรง ลงเงิน กันไปแยะ คงเล่นกันอีกยาว ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครควรป็นคนตะโกน เราชนะ เราชนะแล้ว We Won, We Won !

    การ “เล่น” ของอเมริกาแรงขึ้นทุกวัน และเย้ยฟ้าท้าดิน ใครจะด่า ใครจะประท้วง ใครจะเปิดโปง อเมริกาไม่สนใจ เล่นต่อมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ตะโกน เราชนะแล้ว หรือไง ?
    ก่อนการเลือกตั้งของ Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Ukraine มันน่ามึนงงสงสัย ท้าทายความเข้าใจของชาวโลก ประธานาธิบดี Viktor Yanukovich ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แล้วหลบหนี หายไปจากสงครามกลางเมืองในประเทศของตัวเอง หลังจากมีการประท้วงกันอย่างรุนแรง มีการยิงกัน ระเบิดใส่ทั้งคนทั้งตึก เผาบ้านช่อง ตึกรามไหม้วอด โดยผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายต่อต้าน”

    ฝ่ายต่อต้านบอก พวกเขาไม่พอใจที่ประธานาธิบดี Yanukovich ปฎิเสธที่จะรับข้อเสนอของสหภาพยุโรป ในการรับ Ukraine เป็นสมาชิก แต่ไม่มีใคร รวมทั้งสื่อตะวันตก ที่จะบอกถึงข้อเท็จจริงว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรป เป็นข้อเสนอ อย่างหลวม ๆ ไม่มีข้ออะไรชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของรัสเซีย ที่ประกาศจะยกหนี้ให้ Ukraine เป็นจำนวน 15 billion ยูโร และลดราคาแก๊ซที่ส่งให้ ลงจำนวน 1 ใน 3 ของราคาที่เคยซื้อขายกัน

    คนนอกฟังแล้วงง ตกลงฝ่ายต่อต้านต้องการอะไรกันแน่

    ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย หลังจากนางเหยี่ยว Nuland ให้ F แก่สหภาพยุโรป ไปไม่เท่าไหร่ สหภาพยุโรปตัดสินใจเดินหน้าแก้ ปัญหา Ukraine ต่อ โดยรมว. ตปท. เยอรมัน นาย Frank-Walter Steinmeier เสนอให้ฝรั่งเศส นาย Laurent Fabius บินมา Kiev และมาคุยหาทางออกร่วมกัน ก่อนที่สถานการณ์ใน Ukraine จะเดือดพล่านกว่านี้ รมว.ตปท. โปแลนด์ ก็ได้รับเชิญให้มาร่วมด้วย การเจรจาที่ Kiev ยังมีตัวแทนจากสหภาพยุโรปคนอื่นและ ตัวประธานาธิบดี Yanukovich รวมทั้งมีตัวแทนจากฝ่ายค้าน และตัวแทนจากรัสเซียมาร่วมหารือ แต่ไม่มีแม้แต่เงา คือ ตัวแทนของอเมริกา เพราะไม่ได้รับเชิญ !

    การเข้ามาพยายามแก้ไขสถานการณ์ของสหภาพยุโรป โดยไม่มีอเมริกา ถือเป็นเรื่องแปลกยิ่ง ทำให้เริ่มเห็นเค้าลาง ของรอยความไม่ลงกัน ระหว่างอเมริกากับสภาพยุโรป ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (สงสัยอเมริกาให้คะแนน F กับสหภาพยุโรปมากไปหน่อย ฮา) คราวนี้สหภาพยุโรปอาจจะบอกว่า งั้นเราคุยกันเองบ้างก็ได้ ให้ F กับอเมริกาเป็นการตอบแทนไป

    หลังจากการคุย ทุกฝ่ายตกลงเห็นพ้อง ที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 และปล่อยตัว คุณนายหางเปีย Tymoshenko ออกจากคุก ดูเป็นการประนีประนอมที่น่าจะมีอนาคต และดูเหมือนจะเป็นทางออกให้กับทุกฝ่าย พอที่จะทำให้การจราจลหยุดลงได้

    คุยกันเสร็จไม่ทันพ้น 12 ชั่วโมง สถานการณ์กลับตาละปัตร เลวร้ายลงไปใหญ่ สงสัยเชิญแขกมามาคุยไม่ครบ แบบนี้ มันหักหน้า หักหลังกันหรือไง

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 14 ตกสำรวจ ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดี Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 ปรากฎว่า ผู้ได้รับเลือกคือ นาย Petro Poroshenko เจ้าพ่อช็อคโกแลต อ้าว ! ไหงเป็นงั้น เดิมนางเหยี่ยว Nuland บอกจะเอา นาย Yats (Arseniy Yatssenyuk) มาลงแข่ง ระหว่างรอแข่งเอานาย Yats ไปเป็นนายกฯ กินเมืองไว้ก่อน แต่นาย Yats นี้อยู่พรรคเดียวกับคุณนายผมเปีย ซึ่งช่วงนั้นคุณนายติดคุกอยู่หลายข้อหา พอคุณนายผมเปีย หลุดจากคุก ไม่รู้ใครเป็นคนจัดการ ปล่อยตัวคุณนายออกมา (เออ ! เขาเล่นกันได้สนุกไม่แพ้บ้านเรา) ตกลงคุณนายผมเปียเลยไปลงสมัคร (ในฐานะหุ่นเชิดให้กับฝ่ายอเมริกา แต่สื่ออเมริกาบอกเป็นหุ่นเชิดของคุณพี่ปูติน !) ส่วนรายเจ้าพ่อช็อคโกแลต ก็กลับตาลปัตร คุณนาย Merkel และสหภาพยุโรปบอก ฉันจะเอานักมวย คือ นาย Vitaly Klitscheko แล้วถูกนางเหยี่ยวให้ F ไปหนึ่งตัวนั่นนะ ปรากฎว่านาย Klits เกิดอาการถอดใจ บอกว่าเจ้าพ่อช็อคโกแลตคะแนนดีกว่าผมแยะ สรุปเลยเป็นการแข่งระหว่างสหภาพยุโรปกับอเมริกา ! น่าสนใจ หมากตานี้ เหมือนจะเป็นรัสเซียนั่งดูอยู่บนภู ! นาย Poroshenko ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีไปก็จริง แต่นักวิเคราะห์การเมือง ที่ไม่ได้เป็นหุ่นของฝ่ายตะวันตก บอกว่ามีตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ จะแก้ไขปัญหา Ukraine อย่างจริงจังได้อย่างไร คอยดูฤดูใบไม้ร่วงนี้แล้วกัน ว่าถึงตอนนั้น Ukraine ยังเลี้ยงตัวเองได้อยู่หรือเปล่า และแก๊ซจากรัสเซีย จะยังส่งมาตามท่อส่งอยู่หรือเปล่า แล้วก็คงจะได้รู้กันว่าใครจะร่วงตามใบไม้ วิกฤติ Ukraine คงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจบง่าย ๆ เหมือนไฟไหม้ฟาง อุตส่าห์วางแผน ลงแรง ลงเงิน กันไปแยะ คงเล่นกันอีกยาว ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าใครควรป็นคนตะโกน เราชนะ เราชนะแล้ว We Won, We Won ! การ “เล่น” ของอเมริกาแรงขึ้นทุกวัน และเย้ยฟ้าท้าดิน ใครจะด่า ใครจะประท้วง ใครจะเปิดโปง อเมริกาไม่สนใจ เล่นต่อมันไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ตะโกน เราชนะแล้ว หรือไง ? ก่อนการเลือกตั้งของ Ukraine เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม ค.ศ. 2014 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน Ukraine มันน่ามึนงงสงสัย ท้าทายความเข้าใจของชาวโลก ประธานาธิบดี Viktor Yanukovich ถูกไล่ออกจากตำแหน่ง แล้วหลบหนี หายไปจากสงครามกลางเมืองในประเทศของตัวเอง หลังจากมีการประท้วงกันอย่างรุนแรง มีการยิงกัน ระเบิดใส่ทั้งคนทั้งตึก เผาบ้านช่อง ตึกรามไหม้วอด โดยผู้ที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายต่อต้าน” ฝ่ายต่อต้านบอก พวกเขาไม่พอใจที่ประธานาธิบดี Yanukovich ปฎิเสธที่จะรับข้อเสนอของสหภาพยุโรป ในการรับ Ukraine เป็นสมาชิก แต่ไม่มีใคร รวมทั้งสื่อตะวันตก ที่จะบอกถึงข้อเท็จจริงว่า ข้อเสนอของสหภาพยุโรป เป็นข้อเสนอ อย่างหลวม ๆ ไม่มีข้ออะไรชัดเจน เมื่อเปรียบเทียบกับข้อเสนอของรัสเซีย ที่ประกาศจะยกหนี้ให้ Ukraine เป็นจำนวน 15 billion ยูโร และลดราคาแก๊ซที่ส่งให้ ลงจำนวน 1 ใน 3 ของราคาที่เคยซื้อขายกัน คนนอกฟังแล้วงง ตกลงฝ่ายต่อต้านต้องการอะไรกันแน่ ก่อนเหตุการณ์จะบานปลาย หลังจากนางเหยี่ยว Nuland ให้ F แก่สหภาพยุโรป ไปไม่เท่าไหร่ สหภาพยุโรปตัดสินใจเดินหน้าแก้ ปัญหา Ukraine ต่อ โดยรมว. ตปท. เยอรมัน นาย Frank-Walter Steinmeier เสนอให้ฝรั่งเศส นาย Laurent Fabius บินมา Kiev และมาคุยหาทางออกร่วมกัน ก่อนที่สถานการณ์ใน Ukraine จะเดือดพล่านกว่านี้ รมว.ตปท. โปแลนด์ ก็ได้รับเชิญให้มาร่วมด้วย การเจรจาที่ Kiev ยังมีตัวแทนจากสหภาพยุโรปคนอื่นและ ตัวประธานาธิบดี Yanukovich รวมทั้งมีตัวแทนจากฝ่ายค้าน และตัวแทนจากรัสเซียมาร่วมหารือ แต่ไม่มีแม้แต่เงา คือ ตัวแทนของอเมริกา เพราะไม่ได้รับเชิญ ! การเข้ามาพยายามแก้ไขสถานการณ์ของสหภาพยุโรป โดยไม่มีอเมริกา ถือเป็นเรื่องแปลกยิ่ง ทำให้เริ่มเห็นเค้าลาง ของรอยความไม่ลงกัน ระหว่างอเมริกากับสภาพยุโรป ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา (สงสัยอเมริกาให้คะแนน F กับสหภาพยุโรปมากไปหน่อย ฮา) คราวนี้สหภาพยุโรปอาจจะบอกว่า งั้นเราคุยกันเองบ้างก็ได้ ให้ F กับอเมริกาเป็นการตอบแทนไป หลังจากการคุย ทุกฝ่ายตกลงเห็นพ้อง ที่จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 และปล่อยตัว คุณนายหางเปีย Tymoshenko ออกจากคุก ดูเป็นการประนีประนอมที่น่าจะมีอนาคต และดูเหมือนจะเป็นทางออกให้กับทุกฝ่าย พอที่จะทำให้การจราจลหยุดลงได้ คุยกันเสร็จไม่ทันพ้น 12 ชั่วโมง สถานการณ์กลับตาละปัตร เลวร้ายลงไปใหญ่ สงสัยเชิญแขกมามาคุยไม่ครบ แบบนี้ มันหักหน้า หักหลังกันหรือไง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 กค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘ศรีสุวรรณ-พวก’ โดนคุกคนละ 4 ปี! ‘เจ๋ง ดอกจิก’ 6 ปี! หลังศาลตัดสินคดีเรียกรับเงิน! ล่าสุดให้ปล่อยตัวชั่วคราวตีราคาประกัน 6 แสน-ห้ามออกนอกประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/21515/
    .
    #ไทยไท #ศรีสุวรรณจรรยา #เจ๋งดอกจิก #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวอาชญากรรม
    ‘ศรีสุวรรณ-พวก’ โดนคุกคนละ 4 ปี! ‘เจ๋ง ดอกจิก’ 6 ปี! หลังศาลตัดสินคดีเรียกรับเงิน! ล่าสุดให้ปล่อยตัวชั่วคราวตีราคาประกัน 6 แสน-ห้ามออกนอกประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/21515/ . #ไทยไท #ศรีสุวรรณจรรยา #เจ๋งดอกจิก #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวอาชญากรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts