• แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก
    กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา
    หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี
    ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง
    ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ
    เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย
    โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา
    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง
    แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    แหล่งกบดานใหม่ ของจีนเทา อยู่แค่ปลายจมูก กรณีนักแสดงซิงซิงถูกสแกมเมอร์ล่อลวงไปจังหวัดเมียวดีประเทศเมียนมา หากใครสงสัยทําไมซิงซิงต้องไปเมียวดีมีอะไรดีที่เมียวดี คําตอบก็คือ เวลานี้เมียวดีกําลังเป็นเมืองหลวงของแก๊งสแกมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแหล่งซ่องสุมของบอสจีนเทาที่ชํานาญการหลอกลวงออนไลน์เหยื่อข้ามชาติพอพอกับเชี่ยวชาญในการค้ามนุษย์คือหลอกคนให้มาทํางานเยี่ยงทาสอยู่ในเมียวดี ที่น่าตื่นตะลึงก็คือความแข็งแกร่งของจีนเทาในเมียวดีมาจากการสนับสนุนของผู้ปกครองเมียวดีซึ่งไม่ยักใช่รัฐบาลเมียนมา หากแต่เป็นชาวกะเหรี่ยง ภาพลักษณ์ของ กะเหรี่ยง ตามที่คนไทยรับรู้มาตลอดใช้ไม่ได้กับกะเหรี่ยงในเมียวดีซึ่งจับมือทํามาหากินร่วมกับจีนเทา ในการหลอกลวงต้มตุ๋นจนกลายเป็นกะเหรี่ยงเทาผู้มั่งคั่งด้วยเงินทองและมั่นคงด้วยกองกําลังติดอาวุธ เป็นเหมือนรัฐอิสระของคนนอกกฎหมายอันอู้ฟู่ยากที่รัฐบาลเมียนมาจะปราบปรามได้เจ้าพ่อตัวจริงของเมียวดี ณ เวลานี้คือพันเอกซอชิตตู่ ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกะเหรี่ยง เขาจับมือกับแก๊งจีนเทาสร้างเมืองสแกมเมอร์ขึ้นมาหลายแห่ง อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษ ชเวโกโกและ เคเคพาร์ค โดยมีกองกําลังทหารป้องกันดินแดนนับหมื่นนาย โดยในการสร้างเมืองสแกมเมอร์ใหม่ก็มีวัตถุประสงค์ไว้รองรับอาชญากรแก๊งสแกมเมอร์ ที่แตกหนีมาจากรัฐฉานและสีหนุวิลล์ประเทศกัมพูชา ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทยปีละมหาศาลไปไปมามากลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาพวกนี้ที่ร่วมมือกับจีนเทาการกระทําล่อลวงซิงซิง แม้จะคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็วแต่ผลกระทบของมันกลับตกมาที่ประเทศไทยนักท่องเที่ยวพากันผวาเมืองไทยมองว่าเป็นประเทศไม่ปลอดภัย ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทย ไปๆ มาๆ กลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาที่ร่วมมือกับจีนเทา แม้กรณีของ “ซิงซิง’’ จะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบดันตกกับไทยเต็มๆ

    #เมียวดีเมืองคนบาป #ซิงซิง #กะเหรี่ยงจีนเทา #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    ตัวการก่อความเดือดร้อนให้คนไทย ไปๆ มาๆ กลายเป็นแก๊งกะเหรี่ยงเทาที่ร่วมมือกับจีนเทา แม้กรณีของ “ซิงซิง’’ จะคลี่คลายอย่างรวดเร็ว แต่ผลกระทบดันตกกับไทยเต็มๆ #เมียวดีเมืองคนบาป #ซิงซิง #กะเหรี่ยงจีนเทา #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1067 มุมมอง 55 0 รีวิว
  • Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลีชี้ระบุว่า Soros คือภัยต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ Musk

    Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวที่กรุงโรม เมื่อถูกสื่อถามว่าเธอมีความกังวลเกี่ยวกับการ “แทรกแซง” การเมืองในสหภาพยุโรปของ อีลอน มัสก์ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั้ง Donald Trump และ Musk มีอิทธิพลต่อการเมืองโลก

    เมโลนีย้อนถามสื่อว่า "ปัญหาอยู่ที่เขารวยและมีอิทธิพล หรือเพราะเขาไม่ใช่พวกฝ่ายซ้าย?"

    เมโลนีกล่าวว่ามัสก์อาจมีอิทธิพลและชี้นำความคิด แต่เงินหลายพันล้านของจอร์จ โซรอสต่างหากที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อการเลือกตั้ง โดยเรียกเงินทุนทางการเมืองระดับโลกของเขาว่าเป็น “การแทรกแซงอำนาจอธิปไตยที่อันตราย”

    เมโลนียังกล่าววิจารณ์โซรอสอีกว่า เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น "พวกคนรวยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง้ลนเหลือของพวกเขา สนับสนุนพรรคการเมืองและองค์กรทั่วโลกเพื่อมีสร้างอิทธิพลต่อนโยบาย จามที่กำหนด อย่างเช่นกรณีของ จอร์จ โซรอส"

    เมโมนีเปรียบเทียบว่า มัสก์ ว่าเขาสร้างความมั่งคั่งจากการสร้างนวัตกรรมและบริการที่เป็นประโยชน์ผ่านบริษัทอย่าง PayPal, Tesla และ SpaceX ในขณะที่โซรอสร่ำรวยจากการเก็งกำไรหุ้นและค่าเงิน รวมถึงการโจมตีค่าเงินปอนด์ในปี 1992 ที่สร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจให้ชาวอังกฤษอย่างยาวนาน ซึ่งล้วนมาจากอิทธิพลทางการเมืองของเขา

    ในขณะที่องค์กรเอกชนหรือ NGO ของโซรอสถูกวิจารณ์มาตลอดว่ามีส่วนสนับสนุนผู้อพยพผิดกฎหมาย กดดันเนื้อหาโฆษณาในสื่อฝ่ายขวา ขณะที่ มัสก์ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและต่อต้านการอพยพผิดกฎหมาย
    Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลีชี้ระบุว่า Soros คือภัยต่อประชาธิปไตย ไม่ใช่ Musk Giorgia Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี กล่าวที่กรุงโรม เมื่อถูกสื่อถามว่าเธอมีความกังวลเกี่ยวกับการ “แทรกแซง” การเมืองในสหภาพยุโรปของ อีลอน มัสก์ หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ทั้ง Donald Trump และ Musk มีอิทธิพลต่อการเมืองโลก เมโลนีย้อนถามสื่อว่า "ปัญหาอยู่ที่เขารวยและมีอิทธิพล หรือเพราะเขาไม่ใช่พวกฝ่ายซ้าย?" เมโลนีกล่าวว่ามัสก์อาจมีอิทธิพลและชี้นำความคิด แต่เงินหลายพันล้านของจอร์จ โซรอสต่างหากที่เป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริงต่อการเลือกตั้ง โดยเรียกเงินทุนทางการเมืองระดับโลกของเขาว่าเป็น “การแทรกแซงอำนาจอธิปไตยที่อันตราย” เมโลนียังกล่าววิจารณ์โซรอสอีกว่า เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น "พวกคนรวยจะใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่าง้ลนเหลือของพวกเขา สนับสนุนพรรคการเมืองและองค์กรทั่วโลกเพื่อมีสร้างอิทธิพลต่อนโยบาย จามที่กำหนด อย่างเช่นกรณีของ จอร์จ โซรอส" เมโมนีเปรียบเทียบว่า มัสก์ ว่าเขาสร้างความมั่งคั่งจากการสร้างนวัตกรรมและบริการที่เป็นประโยชน์ผ่านบริษัทอย่าง PayPal, Tesla และ SpaceX ในขณะที่โซรอสร่ำรวยจากการเก็งกำไรหุ้นและค่าเงิน รวมถึงการโจมตีค่าเงินปอนด์ในปี 1992 ที่สร้างความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจให้ชาวอังกฤษอย่างยาวนาน ซึ่งล้วนมาจากอิทธิพลทางการเมืองของเขา ในขณะที่องค์กรเอกชนหรือ NGO ของโซรอสถูกวิจารณ์มาตลอดว่ามีส่วนสนับสนุนผู้อพยพผิดกฎหมาย กดดันเนื้อหาโฆษณาในสื่อฝ่ายขวา ขณะที่ มัสก์ สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกและต่อต้านการอพยพผิดกฎหมาย
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 574 มุมมอง 43 0 รีวิว
  • สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ได้แค่ร้อนแรงเพราะไฟเท่านั้น แต่การเมืองก็ลุกเป็นไฟเหมือนกัน เพราะคนต่างพากันโทษนโยบาย DEI หรือความหลากหลายเท่าเทียมของภาครัฐและประชาชนในรัฐเอง โดยเฉพาะนโยบายผลักดันความหลากหลายให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มีนักดับเพลิงหญิงและ LGTV มากขึ้น กลับส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานจนไฟป่าลุกลามจนเกินควบคุมในขณะนี้
    .
    ในช่วงที่ผ่านมาทางการแคลิฟอร์เนียซึ่งครองอำนาจโดยพรรคเดโมแครทส์ ใช้งบประมาณมหาศาลในการผลักดันนโยบาย DEI ในภาคส่วนต่าง ๆ และตอนนี้ประชาชนก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่างบประมาณมหาศาลเหล่านี้นำไปใช้ตรงจุดใดบ้าง
    .
    แน่นอนว่าหน่วยงานที่ถูกโจมตีหนักคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมี Kristin Crowley หญิง LGTV เป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ นอกจากตัวเธอเองแล้วปัจจุบันหน่วยดับเพลิงของรัฐยังเต็มไปด้วยนักดับเพลิงหญิง, LGTV และกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่ได้รับการบรรจุเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ตามนโยบาย DEI
    .
    แม้ว่านักดับเพลิงจะกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ แต่ประชาชนก็ยังรุมวิจารณ์พวกเขาว่าปล่อยให้ไฟป่าลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการอพยพผู้คนก็ทำได้อย่างย่ำแย่ด้วย
    .
    นอกจากนี้เว็บไซต์ Pride ดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บข่าวสนับสนุน LGTV ไม่รู้คิดยังไง เขียนบทความยกย่อง Kristin Crowley พร้อมพาดหัวว่า "ท่ามกลางเพลิงที่ Palisades นั้น หัวหน้าหน่วยดับเพลิง Los Angeles ซึ่งเป็นชาว LGTVHD+ คนแรกกำลังแสดงให้เห็นว่าชาวเลสเบี้ยนก็ทำงานได้ดีเช่นกัน" กลายเป็นทำให้กระแสตีกลับและโดนวิจารณ์หนักขึ้นอีกว่าทำงานไม่ได้เรื่องจนไฟลามขนาดนี้ยังจะกล้าอวยกันเองอีก
    .
    งานนี้อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนแคลิฟอร์เนียเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบาย DEI ก็ได้ แม้ว่ารัฐนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่ง woke มายาวนานก็ตาม แต่ถ้าลองความเดือดร้อนมาถึงตัวขนาดนี้ก็ต้องมีโมโหกันบ้างล่ะ

    .
    https://www.facebook.com/share/p/1HJ18HhSDD/
    สถานการณ์ไฟป่าในรัฐแคลิฟอร์เนียไม่ได้แค่ร้อนแรงเพราะไฟเท่านั้น แต่การเมืองก็ลุกเป็นไฟเหมือนกัน เพราะคนต่างพากันโทษนโยบาย DEI หรือความหลากหลายเท่าเทียมของภาครัฐและประชาชนในรัฐเอง โดยเฉพาะนโยบายผลักดันความหลากหลายให้กับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงให้มีนักดับเพลิงหญิงและ LGTV มากขึ้น กลับส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงานจนไฟป่าลุกลามจนเกินควบคุมในขณะนี้ . ในช่วงที่ผ่านมาทางการแคลิฟอร์เนียซึ่งครองอำนาจโดยพรรคเดโมแครทส์ ใช้งบประมาณมหาศาลในการผลักดันนโยบาย DEI ในภาคส่วนต่าง ๆ และตอนนี้ประชาชนก็เริ่มตั้งคำถามแล้วว่างบประมาณมหาศาลเหล่านี้นำไปใช้ตรงจุดใดบ้าง . แน่นอนว่าหน่วยงานที่ถูกโจมตีหนักคือเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของรัฐ ซึ่งปัจจุบันมี Kristin Crowley หญิง LGTV เป็นผู้บัญชาการสูงสุดอยู่ นอกจากตัวเธอเองแล้วปัจจุบันหน่วยดับเพลิงของรัฐยังเต็มไปด้วยนักดับเพลิงหญิง, LGTV และกลุ่มชาติพันธุ์กลุ่มน้อยที่ได้รับการบรรจุเข้ามาในช่วงไม่กี่ปีมานี้ตามนโยบาย DEI . แม้ว่านักดับเพลิงจะกำลังทำงานอย่างหนักอยู่ในตอนนี้ แต่ประชาชนก็ยังรุมวิจารณ์พวกเขาว่าปล่อยให้ไฟป่าลุกลามใหญ่โตขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งการแจ้งเตือนล่วงหน้าและการอพยพผู้คนก็ทำได้อย่างย่ำแย่ด้วย . นอกจากนี้เว็บไซต์ Pride ดอทคอม ซึ่งเป็นเว็บข่าวสนับสนุน LGTV ไม่รู้คิดยังไง เขียนบทความยกย่อง Kristin Crowley พร้อมพาดหัวว่า "ท่ามกลางเพลิงที่ Palisades นั้น หัวหน้าหน่วยดับเพลิง Los Angeles ซึ่งเป็นชาว LGTVHD+ คนแรกกำลังแสดงให้เห็นว่าชาวเลสเบี้ยนก็ทำงานได้ดีเช่นกัน" กลายเป็นทำให้กระแสตีกลับและโดนวิจารณ์หนักขึ้นอีกว่าทำงานไม่ได้เรื่องจนไฟลามขนาดนี้ยังจะกล้าอวยกันเองอีก . งานนี้อาจจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ประชาชนแคลิฟอร์เนียเริ่มเบื่อหน่ายกับนโยบาย DEI ก็ได้ แม้ว่ารัฐนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองหลวงแห่ง woke มายาวนานก็ตาม แต่ถ้าลองความเดือดร้อนมาถึงตัวขนาดนี้ก็ต้องมีโมโหกันบ้างล่ะ . https://www.facebook.com/share/p/1HJ18HhSDD/
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย

    หลักการสำคัญ

    1. ตระหนักในวงจรของกรรม:

    การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น

    หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว



    2. มีสติและปัญญาในความทุกข์:

    เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์

    สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร





    ---

    วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    1. เริ่มที่ใจของตนเอง:

    ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ

    ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์



    2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้:

    หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น

    หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว



    3. พูดและกระทำด้วยเมตตา:

    ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร

    แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ



    4. รักษาความเป็นกลาง:

    อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง

    พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน





    ---

    ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน'

    สร้างความสงบในใจตนเอง:

    เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ


    เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี:

    ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ


    เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น:

    การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น




    ---

    สรุป

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.

    การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' ในสถานการณ์เลวร้าย หลักการสำคัญ 1. ตระหนักในวงจรของกรรม: การลดความเดือดร้อนของตัวเองด้วยการเพิ่มความเดือดร้อนให้คนอื่น ไม่ได้แก้ปัญหา แต่กลับสร้างกรรมใหม่ให้ตัวเองเดือดร้อนต่อไปไม่จบสิ้น หากเราเลือกที่จะช่วยลดความเดือดร้อนให้คนอื่น เรากำลังสร้างวงจรแห่งความสบายใจและความสงบสุขในระยะยาว 2. มีสติและปัญญาในความทุกข์: เมื่อเผชิญสถานการณ์เลวร้าย อย่ารีบด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์ สังเกตความคิดและอารมณ์ของตนเอง แล้วเลือกลงมือทำสิ่งที่ไม่เพิ่มปัญหาให้ใคร --- วิธีเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' 1. เริ่มที่ใจของตนเอง: ฝึกมีสติอยู่กับปัจจุบัน ไม่ตื่นตระหนกเกินเหตุ ควบคุมอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนอื่น เพราะการแสดงออกที่รุนแรงอาจเพิ่มความตึงเครียดในสถานการณ์ 2. ช่วยเหลือในขอบเขตที่ทำได้: หากช่วยแก้ปัญหาได้ ให้เริ่มจากสิ่งที่เล็กที่สุด เช่น การพูดปลอบโยน การให้คำแนะนำ หรือการแบ่งปันสิ่งของจำเป็น หากไม่สามารถช่วยเหลือได้จริงๆ การไม่เพิ่มปัญหาก็ถือเป็นการช่วยแล้ว 3. พูดและกระทำด้วยเมตตา: ใช้คำพูดที่สร้างสรรค์ ลดการตำหนิหรือโทษใคร แสดงออกด้วยกิริยาที่ให้กำลังใจ เช่น การยิ้ม การรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ 4. รักษาความเป็นกลาง: อย่าลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในสถานการณ์ขัดแย้ง พยายามหาทางแก้ปัญหาที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์ร่วมกัน --- ผลลัพธ์ของการเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' สร้างความสงบในใจตนเอง: เมื่อรู้ว่าตนเองไม่เพิ่มความเดือดร้อนให้ใคร ใจจะเบาสบายและสงบ เกิดความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ที่ดี: ผู้คนรอบข้างจะเห็นคุณค่าในตัวคุณ และพร้อมสนับสนุนในยามที่คุณต้องการ เปลี่ยนสถานการณ์เลวร้ายให้ดีขึ้น: การมีคนช่วยบรรเทาปัญหา ย่อมสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย และช่วยให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขสถานการณ์ได้ดีขึ้น --- สรุป การเป็น 'นักลดความเดือดร้อน' เริ่มต้นจากการไม่สร้างความเดือดร้อนเพิ่มเติม ทั้งกับตนเองและผู้อื่น หากทุกคนช่วยกันลดความเดือดร้อนในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ โลกนี้ก็จะน่าอยู่ขึ้น และสถานการณ์เลวร้ายก็จะคลี่คลายลงได้ง่ายกว่าเดิม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • (7 มกราคม 68) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล บริเวณถนนนครปฐม สมาชิก 7 คน ของ “ครอบครัวรัตนพันธ์” นำโดย ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ ขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี โดยทำกิจกรรมแห่โลงศพ “นางวนิชา รัตนพันธ์” มารดาของ ดร.ศรายุทธฯ พร้อมกระถางธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ โยงสายสิญจน์ทวงคืนความยุติธรรม กรณีที่ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย จนได้รับความเดือดร้อน ต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน บริเวณ ถ.รัชดา-รามอินทรา เนื้อที่กว่า 34 ไร่ ทำให้ครอบครัวรัตนพันธ์ต้องเสียบ้าน และที่ดินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ดร.ศรายุทธฯ ได้แจ้งความประสงค์ ขอให้นายกรัฐมนตรีเดินทางมาพบกับตนและหลานๆ เพื่อจะได้รับทราบความเดือดร้อนดังกล่าว แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาพบ ตนก็จะพาหลานๆ มาทำเนียบฯ เพื่อพบนายกรัฐมนตรีในงานวันเด็กแห่งชาติ
    (7 มกราคม 68) เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล บริเวณถนนนครปฐม สมาชิก 7 คน ของ “ครอบครัวรัตนพันธ์” นำโดย ดร.ศรายุทธ รัตนพันธ์ ขอความเป็นธรรมจากนายกรัฐมนตรี โดยทำกิจกรรมแห่โลงศพ “นางวนิชา รัตนพันธ์” มารดาของ ดร.ศรายุทธฯ พร้อมกระถางธูปเทียน ดอกไม้จันทน์ โยงสายสิญจน์ทวงคืนความยุติธรรม กรณีที่ บริษัท เอสชี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ASSET ไม่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงการรวบรวมที่ดินเพื่อเสนอขาย จนได้รับความเดือดร้อน ต้องสูญเสียบ้านและที่ดิน บริเวณ ถ.รัชดา-รามอินทรา เนื้อที่กว่า 34 ไร่ ทำให้ครอบครัวรัตนพันธ์ต้องเสียบ้าน และที่ดินมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท ทั้งนี้ ดร.ศรายุทธฯ ได้แจ้งความประสงค์ ขอให้นายกรัฐมนตรีเดินทางมาพบกับตนและหลานๆ เพื่อจะได้รับทราบความเดือดร้อนดังกล่าว แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่เดินทางมาพบ ตนก็จะพาหลานๆ มาทำเนียบฯ เพื่อพบนายกรัฐมนตรีในงานวันเด็กแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า...

    "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้

    ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน

    ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี

    ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน

    ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน"

    #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสพระราชทานพรปีใหม่ แก่ปวงชนชาวไทย เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2568 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ความว่า... "ในโอกาสที่จะเริ่มต้นปีพุทธศักราช 2568 ข้าพเจ้าขออำนวยพรปีใหม่แก่ท่านทั้งหลาย โดยทั่วกัน ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจที่ท่านทั้งหลายมีน้ำใจไมตรีร่วมกันจัดกิจกรรมและงานฉลองวันเกิดครบ 6 รอบให้ข้าพเจ้าอย่างงดงามในปีพุทธศักราช 2567 ที่ผ่านมา งานที่จัดให้นั้่นมีมากมายหลายสิ่งหลายส่วน ซึ่งแต่ละคนแต่ละฝ่ายต่างดำเนินการในส่วนของตนอย่างเต็มกำลังความสามารถ จึงขอขอบใจทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ ในปีที่แล้วมีเรื่องน่ายินดีเกิดขึ้นหลายอย่าง เริ่มที่ควรแก่การชื่นชมเป็นพิเศษคือความสำเร็จในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกอันเป็นกีฬานัดสำคัญที่สุดของโลก แต่ก็มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงเกิดขึ้น เช่น อุทกภัยซึ่งทำให้ประชาชนหลายจังหวัดต้องประสบกับความเดือดร้อน ข้อนี้น่าจะเป็นเครื่องเตือนใจอย่างสำคัญว่า วิถีชีวิตของคนเรานั้นย่อมมีทั้งความสุขและความทุกข์ผ่านเข้ามาเสมอ แต่ถ้าเราทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันตั้งใจปฏิบัติภาระหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดเท่าที่แต่ละคนจะสามารถกระทำได้แล้ว ก็จะช่วยให้ผ่านพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ และดำเนินชีวิตได้ด้วยความผาสุกสวัสดี ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท ดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวัง โดยมีสติรู้ตัวและปัญญารู้คิดอยู่ตลอดเวลา ผู้ใดมีหน้าที่อย่างใดในบ้านเมืองก็พึงกระทำให้สำเร็จผล เพื่อความเจริญมั่นคงและความสุขร่มเย็นของประชาชนและประเทศชาติ กอรปด้วยศรัทธาในความดี เชื่อมั่นในสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง ย่อมจะก่อให้เกิดความสุขความเจริญที่แท้จริง และยั่งยืน ขออานุภาพแห่งคุณพระรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเคารพนับถือ คุ้มครองรักษาทุกท่านให้มีความสุขกายสุขใจปราศจากทุกข์โศก โรคภัย และประสบแต่สิ่งที่ดีงาม ตลอดศกหน้านี้โดยทั่วกัน" #ในหลวงรัชกาลที่10 #ปีใหม่2568
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.15 ตอน "HIGH EDUCATION IT'S NOT MEAN A GOOD GUY" อั๊ยยะ! เริ่มเรื่องเบาๆ ก่อน อีมนุษย์ป้าอดีตแอร์โฮส-สะ-เต็ด ผีบ้าเข้า เอือมทั้งหมู่บ้าน ละลานไปทั่ว ชาวบ้านถาม ทั้งหมู่บ้านลงขัน กระทืบอีป้าตาย มรึงจะว่ายังไง? เช้าจรดเย็น วุ่นวายกับอีมนุษย์ป้ามหาภัย หาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว ผัวไม่มี ผัวไม่เอา แจ้งความเป็น 100 ตำหนวดยังมึน ไร้ปัญญา งานนี้ ต้องใช้ศาลบังคับ ไม่ทำ ไปนอนคุกซะน่ะ ดีออก? ทำไม เรื่องไม่ดี เรื่องเหี้ยๆ เรื่องอัปรีย์จัญไร ปาหี่ เรื่องขี้หมา ล้วนมาจาก "มนุษย์ป้า" ใครกำหนดฟ่ะ? "โรคปราสาทแดร๊ก" ไม่มีใครว่า หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวมรึงก็โดนเอาเหล้ายัดใส่ปาก ตามไปหาอีแบงค์ แมนยูแม่งซะเลย? กฎหมายไม่ครอบคุม "คนบร๊าจ๊ะ" แบบนี้ บร๊ามา บร๊ากลับ ไม่มีโกง สรุปยังไงก็บร๊า?

    มรึงจะรายงานทำไม? รัสเซียรุกคืบยึดดินแดนเพิ่ม มันแปลกตรงไหน ยูเครนมันตกเป็นของรัสเซียไปนานแล้ว ตั้งแต่ระเบิดลูกแรกลง? เค้าแค่เล่นเกมส์ปาหี่กันอยู่ ลากขี้ข้าเหี้ยเข้ามาตายห่าหมู่ "กับดักทั้งนั้น" ขนาดอีเสี้ยนยายังหมดปัญญาแล้ว NATO ถอยกันหมด ไม่ให้เข้า แถมยังไม่ช่วยเหลืออีก เพราะ "หมดตูดกันหมด" ใครจะช่วย เพราะตอนนี้ อี NATO กำลังจะถูกล่อซะเอง อีไก่งวงไล่ตีเหี้ยแถวซีเรีย อี NATO ยังม่กล้าเสือกเลย เพราะอีแอร์โดกันมันคลั่ง จะแก้แค้น ไม่ให้กูเข้า EU ชิมิ เดี๋ยวกูยึดซีเรียเสร็จ ลาออก NATO เข้า BRICS เต็มตัว ตากูเอาคืนบ้างล่ะ? ประเด็นคือ "โอเรชนิค" ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค พลิกเกมส์ ไม่ใช่แค่มาใช้ในยูเครน แต่มันเตรียมมาใช้กับทั้งทวีปยุโรป ต่างหากล่ะ "อีโปลตอแหล" ถึงได้เข้าหาจีน ตีเนียนขอเป็นพวก ทิ้งอียิวทันที อ้าว..ไหงเป็นงั้น อีโปลก็คือชุมชนยิวใหญ่มิใช่เหรอ มรึงไม่สู้เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์ล่ะ คำตอบคือ ยิวมีหลากหลายกลุ่ม และกลุ่มที่กลัวตายมากที่สุดคือ "พลเมืองยิวในอีโปลนั่นแหละ" เพราะภาพมันติดตา เคยถูกเกณฑ์ไปเผาทิ้งทั้งเป็นในสมัย WWII ยังขยาดอยู่ทุกวันนี้

    กูว่าแล้ว วิญญาน "ผีอีโม" มีจริง และแรงอาฆาต สุดจัดปลัดบอก ทะลุนรกกันไปเลย โจทย์ใหม่ GPS ที่อ.ปานเทพเอามาแฉยับ แถไม่ออก พิกัดเวลาตรงเป๊ะ กับภาพในมือถือโม ชี้ชัด แก้ไขเวลา และลบภาพ ข้อมูลทิ้ง หลังเวลาไหน? เหี้ยจัญไร ฆาตกร ไอ้อีสมรู้ร่วมคิด นั่งไม่ติด ติดกันหย่าย ยิ่งดิ้น แผลยิ่งเปิด ช่องโหว่มาเพี๊ยบ แม้แต่อีอัยกวยสูงไม่สุด ยังหยุดกระแส "เลิกตอแหลได้มั้ย ข้าราชการไตย" ใครอุ้มมีแหก ใครจ่าย มีแฉ? มันส์ละมรึง! สื่อกำลังจะเจ๊ง เพราะทำเหี้ยมานาน ตอแหล บิดเบือน ช่วยเหี้ยมาเยอะ แต่ตอนนี้ ต่างต้องเอาตัวรอดก่อน โทษน่ะนาย ไล่งับข่าว "ผีอีโม" ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มเรตติ้ง เรียกสปอนเซอร์เข้า สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร เมื่อคดี "ผีอีโม" กลับมาเกิดใหม่ เร็ว แรง ทะลุนรก ชั้น 14 ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สว.ชงเรื่อง ฆ่าหมดทั้งกระดานเหี้ยที่อุ้ม ชั้นในชงทูลเท็จ ถอนพระราชทานอภัยลดโทษ ผลคือ ทุกอย่างต้องกลับมาเริ่มต้นเป็น 0 ติดคุกตามจริง ไม่นับรพ. และไม่มีลดหย่อนโทษ บีบให้มรึงเผ่นออกไปซะ หรือไม่ ก็เก็บแม่งในคุกซะเลย? ตัวละครใหม่กำลังจะโผล่ พยานชั้น 14 เสรีการละคร เล่นแร่ แปรวิญญาน เอาจนเหี้ยอีเหลี่ยมชาติหมาหัวหมุนติ้ว! เรื่อง MOU44 นั่นคือหน้าฉาก หลังฉากคือ "แผนผนวกเขมรเบื้องหน้า" อ้าง..ไหง หนังคนละม้วน ตอนแรก มันจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย มาตอนนี้ กลับจะกลายถึงไทยกลืนแทนซะงั้น? แปลว่าอะไร? โปรดดู ยุคเหี้ยครองโลก ไทยเสียเขาพระวิหาร เพราะอีเศษฝรั่ง อีเหี้ยมะกัน สั่งอีขะแมร์เข้ามาเสี้ยมอาเซียน แต่หลังจากนี้ ขั้วใหม่ครองโลก อะไรที่เสียไป หรือถูกเอาเปรียบ จะถุกรื้อคืนหมด เพราะไม่มีเหี้ยไอ้อีหน้าไหนมาแบ็คอัพอีขะแมร์อีกแล้ว แม้แต่จีน ยังเทไอ้พญาละแวก สันดานหมา กลิ้งกลอกไม่เลิก ทหารเค้าถึงได้นิ่ง รออีวอชิงตันตายคาตรีนรัสเซีย จีน ก่อน ไม่ต้องรีบ ยังไงก็ได้คืน กองทัพไทยใหญ่กว่าอีขะแมร์เยอะ แถวบ้านเรียก "ขี้ตรีน" เป็นเบ๊ทหารไทยมากว่าศตวรรษ คุณค่าที่คู่ควร

    อีนพดวย ซวยแล้วมรึง? ใครเป็นรมต.บัวแก้วเซ็นต์อนุมัติ สัญญาขายชาติ? ใครคือเด็กที่กินเงินหลวงไปเรียนต่อต่างประเทศ ใช้ทุนหลวงเพื่อมาเนรคุณพ่อท่าน ไอ้อีสัดเดรัจฉานชิงหมามาเกิด มรึงโดนแน่! MOU44 จะลากไอ้อีทุกตัวที่มีส่วนวางแผนขายแผ่นดินแดร๊กกับอีขะแมร์ งานนี้ไม่ได้ตายเดี่ยวนะจ๊ะ แต่ตายห่ายกครัวเรือน ย้อนเกล็ด ใครเปิดช่องให้อีพญาละแวกเข้าตีอโยธยาในเวทีโลก? "หนักแผ่นดิน" โทษรุนแรงมากน่ะ งานนี้ ถึงมือกองทัพแน่ เหี้ยอีวอชิงตันโลภ สั่งขี้ข้าหางแถวเหี้ยส่องหล้า จะเอาทั้งคลัง จะเอาทั้งแผ่นดิน สุดท้าย "แห้วแดร๊ก" ได้แต่ "ประชาตรีน" เค้าล็อคตัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว เฉกเช่น อีตุ๊ดปากกว้าง ต้องกลับมาเตรียมรับกรรมต่อไป ไม่รู้ตัวว่า ถูกหลอกกลับมา เพราะอยู่ต่างแดน ไม่มีที่ไป เค้าเทมันหมดแล้ว ทุกการกระทำ ทุกเวรกรรมที่ก่อ ไม่มีหายไปไหน ย่อมต้องชดใช้ทุกดอก การันตี ไม่ช้าดอกน่ะ โดนกันหมดถ้วนหน้า เพราะวังสั่งตรง กวาดขยะให้สิ้นแผ่นดินไทย

    ปล.ความจริง มันย้อนแย้งกับสื่อเหี้ยเสมอ มรึงสังเกตุมุยว่า? ขั้วใหม่ ทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ดาหน้าส่งอาวุธใหม่มาอวดโฉมไม่เว้นวัน แล้วเหี้ยล่ะ? เงียบกริบ ยังใช้ F-22/F-35 มาขู่อยู่นั้น ในเชิงการศึก มันคือ "หมดแล้ว" ขี้ข้าก็รู้ โลกยังรู้ แต่ควายแกล้งไม่รู้ อีทรัมปป์มาก็ไม่กล้าเปิดกับจีน รัสเซีย โดยตรงดอก ด้วยกมลสันดานอีทรัมปป์แล้ว ถนัดส่งขี้ข้าไปตายห่ามากกว่า แต่เบื้องหลังคุยเครมลินสายไหม้ กูถอย แต่มรึงต้องเก็บกวาด DEEP STATE ให้กูด้วย เมื่ออำนาจยิวหมดไป อเมริกาสั่งถอนกำลังทั่วโลกกลับ ไม่ใช่เพราะอะไรดอกน่ะ "ไม่มีเงินจ่าย" รู้มั้ยว่า มันกำลังจะ SHUT DOWN อีกรอบแล้ว นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ได้เงินเดือนค้างจ่าย ตกเบิกเป็นปี มันถึงต้องปิดประเทศ แก้เศรษฐกิจภายในก่อนไงล่ะ? สีจิ้นผิงรู้ ถึงได้เร่งปิดจ็อบไต้หวัน ถึงได้ขยายพื้นที่ทะเลจีนใต้ ขยายแนวรบทั่วแปซิฟิค เพราะเหี้ยมันไม่มีปัญญาสู้จีนได้แล้ว หมายังรู้ แต่ดร.ยังโง่กว่าควายแถวบ้านกูอีก การเงินโลกชะงักหลังปีใหม่แน่ เพราะ BRICS เดินเครื่องเต็มกำลัง สมาชิกใหม่ แห่ถอน SWIFT ใช้หยวน ใช้รูเบิล ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทน ทวิภาคีระบาดไปทั่วโลกแล้ว แม้แต่อโยธยา ที่เล่นแร่แปรวิญญานมานาน ยังต้องเลือกข้าง อาเซียนยิ่งชัด ของใคร? ขนาดอีแขกภาระตะ ยังต้องหมอบ ก่อนหน้ากร่างสุดฤทธิ์ เจอจีนตบหน้าคว่ำ เจอรัสเซียตอกหน้าหงาย จะเล่นปาหี่ก็เล่นไป แต่อย่าแตะ สกุลเงิน BRICS เตือนแล้วไม่ฟัง หมาไปเลยมรึง?

    ปล.2 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาได้ยังไง? คำตอบคือ "ยุบสภา" รอรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยมันถูกเช็คบิลก่อน เงิน 10000 ดิจิตอล รอบ 3 คือ "ปิดฝาโลง" คลังไม่ปล่อย รอเชือด แค่มรึงเดินหน้าให้สุดซอย ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรรมทันที กระตุ้นเศรษฐกิจจริงคือ ไม่ใช้ให้เงินเปล่า มรึงต้องสร้างงาน สร้างคน สร้างการใช้จ่าย คนไม่กล้าใช้ เพราะไม่มั่นใจ กระตุ้นที่ดี คือใช้ปัญญา ต่อยอด ให้เครื่องมือหากิน ไม่ใช้ใช้เงินไปตำน้ำพริก หมายังรู้ แต่ที่มันต้องทำ เพราะต้องการบั่นทอนเศรษฐกิจไทย ควายดีใจได้ตังค์ แต่หารู้ไม่ มันจ้องทุบคลังให้แตก แยกแผ่นดินให้ได้ ศาลไคฟงเค้ารู้หมด มรึงจะมาไม้ไหน? ที่ศาลรธน.ยังไม่ลงดาบ เพราะมีคดีที่ใหญ่กว่า เอาถึงลากโคตรท่อน้ำเลี้ยงอีเหลี่ยม และเหี้ย C ได้หมดจรด ฆ่าเหี้ยไม่ยาก แต่จะฆ่ายังไง ไม่ให้มันเป็น HERO ในสายตาควายไทยบัดซบ นี่คือ "คีย์" ต้องพ่วงตราบาป "หนักแผ่นดิน" ให้ควายตื่น เกมส์เค้ามี หมากเค้าเดิน ไม่ซี้ซั้ว กลศึกใช้เวลา ไม่มีใครทิ้งไพ่ตายตอนได้เปรียบดอกน่ะ ไม่มีใครทำอะไรอีเหลี่ยมได้? จริงเหรอ? มรึงดูดีแล้วรึ? มรึงเห็นแค่นี้เองเหรอ? หากดูเป็น คนใกล้ตัวมันไปหมดแล้ว หักหลัง ขายนาย แฉแหลก นี่คือสัญญาน "งูอสรพิษ" ทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายนอกสภา เกมส์ลงถนนมีแน่ จะมาตอน "ได้รับชัยชนะแล้ว" เค้าไม่ให้ชาวอโยธยาไปเสี่ยงดอก หากไม่ชนะ ที่ผ่านมา แก้ไม่เสร็จ ไปไม่สุด เพราะยังต้องเลี้ยงเชื้อเอาไว้ ตราบใดเบื้องหลังเหี้ยจัวจริงยังไม่ทุ่มสุดตัว วังก็ไม่ต้องเสี่ยง ลุยสุดแรงเกิดเช่นกัน เค้าจ้องตากันอยู่ มรึงเขยิบ กูขยับ สุดท้ายจบที่ "ฉีกรัฐธรรมนูญ" ไม่ฉีก สร้างกฎเหล็กใหม่ไม่ได้ พ่อปกครองลูกมาไม่ได้

    หมี CNN(พรุ่งนี้แล้วสิน่ะ วันสิ้นปี เตรียมรอดู บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 67 กูจะสรุปภาพรวมทั้งปีให้มรึงเห็น TIME LINE ชัดเจน ว่าเรามาไกลถึงขนาดไหนแล้ว ทั้งฝ่ายขั้วโลกใหม่ และอโยธยาศรีรามเทพนคร 2025 เหี้ยแพ้ยับยังไง เหี้ยเสียอะไรไปเยอะมาก แสงทำงานเร็วทะลุนรก ขี้ข้าหนีตาย นายใหญ่หาบันไดลง ชื่อตอน "บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 2567" รีบอ่านซะ มันลบกูแน่ เดี๋ยวนี้ เหี้ยดิ้นพล่าน ทั้งอี FB อี LINE@ ไล่ลบวันต่อวัน กูบอกแล้วชิมิ หากฉลาด ไปตามอ่านใน VK และ MIND เหี้ยมันเข้าไม่ได้)
    30 ธันวาคม 67(ก่อนวันสิ้นปี หงส์ยังคงหนาวเหน็บไปจนจบฤดูกาล)
    10.45 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    19-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.15 ตอน "HIGH EDUCATION IT'S NOT MEAN A GOOD GUY" อั๊ยยะ! เริ่มเรื่องเบาๆ ก่อน อีมนุษย์ป้าอดีตแอร์โฮส-สะ-เต็ด ผีบ้าเข้า เอือมทั้งหมู่บ้าน ละลานไปทั่ว ชาวบ้านถาม ทั้งหมู่บ้านลงขัน กระทืบอีป้าตาย มรึงจะว่ายังไง? เช้าจรดเย็น วุ่นวายกับอีมนุษย์ป้ามหาภัย หาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว ผัวไม่มี ผัวไม่เอา แจ้งความเป็น 100 ตำหนวดยังมึน ไร้ปัญญา งานนี้ ต้องใช้ศาลบังคับ ไม่ทำ ไปนอนคุกซะน่ะ ดีออก? ทำไม เรื่องไม่ดี เรื่องเหี้ยๆ เรื่องอัปรีย์จัญไร ปาหี่ เรื่องขี้หมา ล้วนมาจาก "มนุษย์ป้า" ใครกำหนดฟ่ะ? "โรคปราสาทแดร๊ก" ไม่มีใครว่า หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวมรึงก็โดนเอาเหล้ายัดใส่ปาก ตามไปหาอีแบงค์ แมนยูแม่งซะเลย? กฎหมายไม่ครอบคุม "คนบร๊าจ๊ะ" แบบนี้ บร๊ามา บร๊ากลับ ไม่มีโกง สรุปยังไงก็บร๊า? มรึงจะรายงานทำไม? รัสเซียรุกคืบยึดดินแดนเพิ่ม มันแปลกตรงไหน ยูเครนมันตกเป็นของรัสเซียไปนานแล้ว ตั้งแต่ระเบิดลูกแรกลง? เค้าแค่เล่นเกมส์ปาหี่กันอยู่ ลากขี้ข้าเหี้ยเข้ามาตายห่าหมู่ "กับดักทั้งนั้น" ขนาดอีเสี้ยนยายังหมดปัญญาแล้ว NATO ถอยกันหมด ไม่ให้เข้า แถมยังไม่ช่วยเหลืออีก เพราะ "หมดตูดกันหมด" ใครจะช่วย เพราะตอนนี้ อี NATO กำลังจะถูกล่อซะเอง อีไก่งวงไล่ตีเหี้ยแถวซีเรีย อี NATO ยังม่กล้าเสือกเลย เพราะอีแอร์โดกันมันคลั่ง จะแก้แค้น ไม่ให้กูเข้า EU ชิมิ เดี๋ยวกูยึดซีเรียเสร็จ ลาออก NATO เข้า BRICS เต็มตัว ตากูเอาคืนบ้างล่ะ? ประเด็นคือ "โอเรชนิค" ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค พลิกเกมส์ ไม่ใช่แค่มาใช้ในยูเครน แต่มันเตรียมมาใช้กับทั้งทวีปยุโรป ต่างหากล่ะ "อีโปลตอแหล" ถึงได้เข้าหาจีน ตีเนียนขอเป็นพวก ทิ้งอียิวทันที อ้าว..ไหงเป็นงั้น อีโปลก็คือชุมชนยิวใหญ่มิใช่เหรอ มรึงไม่สู้เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์ล่ะ คำตอบคือ ยิวมีหลากหลายกลุ่ม และกลุ่มที่กลัวตายมากที่สุดคือ "พลเมืองยิวในอีโปลนั่นแหละ" เพราะภาพมันติดตา เคยถูกเกณฑ์ไปเผาทิ้งทั้งเป็นในสมัย WWII ยังขยาดอยู่ทุกวันนี้ กูว่าแล้ว วิญญาน "ผีอีโม" มีจริง และแรงอาฆาต สุดจัดปลัดบอก ทะลุนรกกันไปเลย โจทย์ใหม่ GPS ที่อ.ปานเทพเอามาแฉยับ แถไม่ออก พิกัดเวลาตรงเป๊ะ กับภาพในมือถือโม ชี้ชัด แก้ไขเวลา และลบภาพ ข้อมูลทิ้ง หลังเวลาไหน? เหี้ยจัญไร ฆาตกร ไอ้อีสมรู้ร่วมคิด นั่งไม่ติด ติดกันหย่าย ยิ่งดิ้น แผลยิ่งเปิด ช่องโหว่มาเพี๊ยบ แม้แต่อีอัยกวยสูงไม่สุด ยังหยุดกระแส "เลิกตอแหลได้มั้ย ข้าราชการไตย" ใครอุ้มมีแหก ใครจ่าย มีแฉ? มันส์ละมรึง! สื่อกำลังจะเจ๊ง เพราะทำเหี้ยมานาน ตอแหล บิดเบือน ช่วยเหี้ยมาเยอะ แต่ตอนนี้ ต่างต้องเอาตัวรอดก่อน โทษน่ะนาย ไล่งับข่าว "ผีอีโม" ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มเรตติ้ง เรียกสปอนเซอร์เข้า สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร เมื่อคดี "ผีอีโม" กลับมาเกิดใหม่ เร็ว แรง ทะลุนรก ชั้น 14 ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สว.ชงเรื่อง ฆ่าหมดทั้งกระดานเหี้ยที่อุ้ม ชั้นในชงทูลเท็จ ถอนพระราชทานอภัยลดโทษ ผลคือ ทุกอย่างต้องกลับมาเริ่มต้นเป็น 0 ติดคุกตามจริง ไม่นับรพ. และไม่มีลดหย่อนโทษ บีบให้มรึงเผ่นออกไปซะ หรือไม่ ก็เก็บแม่งในคุกซะเลย? ตัวละครใหม่กำลังจะโผล่ พยานชั้น 14 เสรีการละคร เล่นแร่ แปรวิญญาน เอาจนเหี้ยอีเหลี่ยมชาติหมาหัวหมุนติ้ว! เรื่อง MOU44 นั่นคือหน้าฉาก หลังฉากคือ "แผนผนวกเขมรเบื้องหน้า" อ้าง..ไหง หนังคนละม้วน ตอนแรก มันจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย มาตอนนี้ กลับจะกลายถึงไทยกลืนแทนซะงั้น? แปลว่าอะไร? โปรดดู ยุคเหี้ยครองโลก ไทยเสียเขาพระวิหาร เพราะอีเศษฝรั่ง อีเหี้ยมะกัน สั่งอีขะแมร์เข้ามาเสี้ยมอาเซียน แต่หลังจากนี้ ขั้วใหม่ครองโลก อะไรที่เสียไป หรือถูกเอาเปรียบ จะถุกรื้อคืนหมด เพราะไม่มีเหี้ยไอ้อีหน้าไหนมาแบ็คอัพอีขะแมร์อีกแล้ว แม้แต่จีน ยังเทไอ้พญาละแวก สันดานหมา กลิ้งกลอกไม่เลิก ทหารเค้าถึงได้นิ่ง รออีวอชิงตันตายคาตรีนรัสเซีย จีน ก่อน ไม่ต้องรีบ ยังไงก็ได้คืน กองทัพไทยใหญ่กว่าอีขะแมร์เยอะ แถวบ้านเรียก "ขี้ตรีน" เป็นเบ๊ทหารไทยมากว่าศตวรรษ คุณค่าที่คู่ควร อีนพดวย ซวยแล้วมรึง? ใครเป็นรมต.บัวแก้วเซ็นต์อนุมัติ สัญญาขายชาติ? ใครคือเด็กที่กินเงินหลวงไปเรียนต่อต่างประเทศ ใช้ทุนหลวงเพื่อมาเนรคุณพ่อท่าน ไอ้อีสัดเดรัจฉานชิงหมามาเกิด มรึงโดนแน่! MOU44 จะลากไอ้อีทุกตัวที่มีส่วนวางแผนขายแผ่นดินแดร๊กกับอีขะแมร์ งานนี้ไม่ได้ตายเดี่ยวนะจ๊ะ แต่ตายห่ายกครัวเรือน ย้อนเกล็ด ใครเปิดช่องให้อีพญาละแวกเข้าตีอโยธยาในเวทีโลก? "หนักแผ่นดิน" โทษรุนแรงมากน่ะ งานนี้ ถึงมือกองทัพแน่ เหี้ยอีวอชิงตันโลภ สั่งขี้ข้าหางแถวเหี้ยส่องหล้า จะเอาทั้งคลัง จะเอาทั้งแผ่นดิน สุดท้าย "แห้วแดร๊ก" ได้แต่ "ประชาตรีน" เค้าล็อคตัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว เฉกเช่น อีตุ๊ดปากกว้าง ต้องกลับมาเตรียมรับกรรมต่อไป ไม่รู้ตัวว่า ถูกหลอกกลับมา เพราะอยู่ต่างแดน ไม่มีที่ไป เค้าเทมันหมดแล้ว ทุกการกระทำ ทุกเวรกรรมที่ก่อ ไม่มีหายไปไหน ย่อมต้องชดใช้ทุกดอก การันตี ไม่ช้าดอกน่ะ โดนกันหมดถ้วนหน้า เพราะวังสั่งตรง กวาดขยะให้สิ้นแผ่นดินไทย ปล.ความจริง มันย้อนแย้งกับสื่อเหี้ยเสมอ มรึงสังเกตุมุยว่า? ขั้วใหม่ ทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ดาหน้าส่งอาวุธใหม่มาอวดโฉมไม่เว้นวัน แล้วเหี้ยล่ะ? เงียบกริบ ยังใช้ F-22/F-35 มาขู่อยู่นั้น ในเชิงการศึก มันคือ "หมดแล้ว" ขี้ข้าก็รู้ โลกยังรู้ แต่ควายแกล้งไม่รู้ อีทรัมปป์มาก็ไม่กล้าเปิดกับจีน รัสเซีย โดยตรงดอก ด้วยกมลสันดานอีทรัมปป์แล้ว ถนัดส่งขี้ข้าไปตายห่ามากกว่า แต่เบื้องหลังคุยเครมลินสายไหม้ กูถอย แต่มรึงต้องเก็บกวาด DEEP STATE ให้กูด้วย เมื่ออำนาจยิวหมดไป อเมริกาสั่งถอนกำลังทั่วโลกกลับ ไม่ใช่เพราะอะไรดอกน่ะ "ไม่มีเงินจ่าย" รู้มั้ยว่า มันกำลังจะ SHUT DOWN อีกรอบแล้ว นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ได้เงินเดือนค้างจ่าย ตกเบิกเป็นปี มันถึงต้องปิดประเทศ แก้เศรษฐกิจภายในก่อนไงล่ะ? สีจิ้นผิงรู้ ถึงได้เร่งปิดจ็อบไต้หวัน ถึงได้ขยายพื้นที่ทะเลจีนใต้ ขยายแนวรบทั่วแปซิฟิค เพราะเหี้ยมันไม่มีปัญญาสู้จีนได้แล้ว หมายังรู้ แต่ดร.ยังโง่กว่าควายแถวบ้านกูอีก การเงินโลกชะงักหลังปีใหม่แน่ เพราะ BRICS เดินเครื่องเต็มกำลัง สมาชิกใหม่ แห่ถอน SWIFT ใช้หยวน ใช้รูเบิล ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทน ทวิภาคีระบาดไปทั่วโลกแล้ว แม้แต่อโยธยา ที่เล่นแร่แปรวิญญานมานาน ยังต้องเลือกข้าง อาเซียนยิ่งชัด ของใคร? ขนาดอีแขกภาระตะ ยังต้องหมอบ ก่อนหน้ากร่างสุดฤทธิ์ เจอจีนตบหน้าคว่ำ เจอรัสเซียตอกหน้าหงาย จะเล่นปาหี่ก็เล่นไป แต่อย่าแตะ สกุลเงิน BRICS เตือนแล้วไม่ฟัง หมาไปเลยมรึง? ปล.2 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาได้ยังไง? คำตอบคือ "ยุบสภา" รอรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยมันถูกเช็คบิลก่อน เงิน 10000 ดิจิตอล รอบ 3 คือ "ปิดฝาโลง" คลังไม่ปล่อย รอเชือด แค่มรึงเดินหน้าให้สุดซอย ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรรมทันที กระตุ้นเศรษฐกิจจริงคือ ไม่ใช้ให้เงินเปล่า มรึงต้องสร้างงาน สร้างคน สร้างการใช้จ่าย คนไม่กล้าใช้ เพราะไม่มั่นใจ กระตุ้นที่ดี คือใช้ปัญญา ต่อยอด ให้เครื่องมือหากิน ไม่ใช้ใช้เงินไปตำน้ำพริก หมายังรู้ แต่ที่มันต้องทำ เพราะต้องการบั่นทอนเศรษฐกิจไทย ควายดีใจได้ตังค์ แต่หารู้ไม่ มันจ้องทุบคลังให้แตก แยกแผ่นดินให้ได้ ศาลไคฟงเค้ารู้หมด มรึงจะมาไม้ไหน? ที่ศาลรธน.ยังไม่ลงดาบ เพราะมีคดีที่ใหญ่กว่า เอาถึงลากโคตรท่อน้ำเลี้ยงอีเหลี่ยม และเหี้ย C ได้หมดจรด ฆ่าเหี้ยไม่ยาก แต่จะฆ่ายังไง ไม่ให้มันเป็น HERO ในสายตาควายไทยบัดซบ นี่คือ "คีย์" ต้องพ่วงตราบาป "หนักแผ่นดิน" ให้ควายตื่น เกมส์เค้ามี หมากเค้าเดิน ไม่ซี้ซั้ว กลศึกใช้เวลา ไม่มีใครทิ้งไพ่ตายตอนได้เปรียบดอกน่ะ ไม่มีใครทำอะไรอีเหลี่ยมได้? จริงเหรอ? มรึงดูดีแล้วรึ? มรึงเห็นแค่นี้เองเหรอ? หากดูเป็น คนใกล้ตัวมันไปหมดแล้ว หักหลัง ขายนาย แฉแหลก นี่คือสัญญาน "งูอสรพิษ" ทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายนอกสภา เกมส์ลงถนนมีแน่ จะมาตอน "ได้รับชัยชนะแล้ว" เค้าไม่ให้ชาวอโยธยาไปเสี่ยงดอก หากไม่ชนะ ที่ผ่านมา แก้ไม่เสร็จ ไปไม่สุด เพราะยังต้องเลี้ยงเชื้อเอาไว้ ตราบใดเบื้องหลังเหี้ยจัวจริงยังไม่ทุ่มสุดตัว วังก็ไม่ต้องเสี่ยง ลุยสุดแรงเกิดเช่นกัน เค้าจ้องตากันอยู่ มรึงเขยิบ กูขยับ สุดท้ายจบที่ "ฉีกรัฐธรรมนูญ" ไม่ฉีก สร้างกฎเหล็กใหม่ไม่ได้ พ่อปกครองลูกมาไม่ได้ หมี CNN(พรุ่งนี้แล้วสิน่ะ วันสิ้นปี เตรียมรอดู บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 67 กูจะสรุปภาพรวมทั้งปีให้มรึงเห็น TIME LINE ชัดเจน ว่าเรามาไกลถึงขนาดไหนแล้ว ทั้งฝ่ายขั้วโลกใหม่ และอโยธยาศรีรามเทพนคร 2025 เหี้ยแพ้ยับยังไง เหี้ยเสียอะไรไปเยอะมาก แสงทำงานเร็วทะลุนรก ขี้ข้าหนีตาย นายใหญ่หาบันไดลง ชื่อตอน "บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 2567" รีบอ่านซะ มันลบกูแน่ เดี๋ยวนี้ เหี้ยดิ้นพล่าน ทั้งอี FB อี LINE@ ไล่ลบวันต่อวัน กูบอกแล้วชิมิ หากฉลาด ไปตามอ่านใน VK และ MIND เหี้ยมันเข้าไม่ได้) 30 ธันวาคม 67(ก่อนวันสิ้นปี หงส์ยังคงหนาวเหน็บไปจนจบฤดูกาล) 10.45 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • อวสาน “ทริปน้ำไม่อาบ” จับตัวการชักชวน ขยายผลจับยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด พบมีการหาเครือข่ายทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายยาเสพติด โดยใช้ออกทริปบังหน้า

    วันนี้ (27 ธ.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น การแข่งรถ หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ , พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 ขยายผลผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง เครือข่ายทริป “น้ำไม่อาบ” นำไปสู่การจับกุมยาบ้ารวมกว่า 15.6 ล้านเม็ด (เครือข่าย RNC8) พบว่ามีการหาเครือข่ายทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ใช้ออกทริปบังหน้า

    พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มออกทริป “น้ำไม่อาบ” ย้ำ “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. กำกับดูแลงานป้องกันและปราบปราม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เมลาย รัชดา” ชักชวนทำให้มีการรวมกลุ่มของการขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างมาก ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 7 ปี มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตซึ่งเกิดจากกลุ่มผู้ออกทริปเป็นประจำทุกปี คณะทำงานฯ ได้ออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนตามเส้นทางให้ขับขี่เคารพกฎจราจร แต่ยังมีการฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาแข่งรถในทางฯ จากการสอบสวนทราบว่ามาร่วมทริป“น้ำไม่อาบ” จึงได้สั่งการให้คณะทำงานฯ ดำเนินการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้เชิญชวนส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ ต่อมาได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหา และ นายเมธาฯ หรือ “เมลาย รัชดา” และภรรยา คือ น.ส.วิริยาฯ เจ้าของเพจ “เมลาย รัชดา แฟนเพจ” เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานชักชวนให้มีการแข่งรถในทางฯ จากข้อมูลและผลการปฏิบัติดังกล่าว จะได้เป็นแนวทางในการมอบหมายให้ทุกหน่วยทั่วประเทศดำเนินการในการเฝ้าระวัง และสืบสวนติดตามจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000124476

    #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ #เมลายรัชดา
    อวสาน “ทริปน้ำไม่อาบ” จับตัวการชักชวน ขยายผลจับยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด พบมีการหาเครือข่ายทั้งผู้ซื้อ ผู้ขายยาเสพติด โดยใช้ออกทริปบังหน้า • วันนี้ (27 ธ.ค.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานป้องกันปราบปรามการขับขี่รถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น การแข่งรถ หรือความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย พล.ต.ต.สารนัย คงเมือง ผบก.ภ.จว.เพชรบูรณ์ , พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่ รอง ผบก.สส.ภ.6 ขยายผลผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการแข่งรถในทาง เครือข่ายทริป “น้ำไม่อาบ” นำไปสู่การจับกุมยาบ้ารวมกว่า 15.6 ล้านเม็ด (เครือข่าย RNC8) พบว่ามีการหาเครือข่ายทั้งผู้ซื้อ ผู้ขาย ใช้ออกทริปบังหน้า • พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ดำเนินคดีเด็ดขาดกับกลุ่มออกทริป “น้ำไม่อาบ” ย้ำ “ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย” ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. กำกับดูแลงานป้องกันและปราบปราม ซึ่งปัญหาดังกล่าวเกิดจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ “เมลาย รัชดา” ชักชวนทำให้มีการรวมกลุ่มของการขับขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนอย่างมาก ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 7 ปี มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตซึ่งเกิดจากกลุ่มผู้ออกทริปเป็นประจำทุกปี คณะทำงานฯ ได้ออกประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนตามเส้นทางให้ขับขี่เคารพกฎจราจร แต่ยังมีการฝ่าฝืน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหาแข่งรถในทางฯ จากการสอบสวนทราบว่ามาร่วมทริป“น้ำไม่อาบ” จึงได้สั่งการให้คณะทำงานฯ ดำเนินการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำไปสู่การจับกุมผู้เชิญชวนส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการกระทำความผิดดังกล่าวอย่างแพร่หลายในสังคมออนไลน์ ต่อมาได้มีการออกหมายเรียกผู้ต้องหา และ นายเมธาฯ หรือ “เมลาย รัชดา” และภรรยา คือ น.ส.วิริยาฯ เจ้าของเพจ “เมลาย รัชดา แฟนเพจ” เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหา ในความผิดฐานชักชวนให้มีการแข่งรถในทางฯ จากข้อมูลและผลการปฏิบัติดังกล่าว จะได้เป็นแนวทางในการมอบหมายให้ทุกหน่วยทั่วประเทศดำเนินการในการเฝ้าระวัง และสืบสวนติดตามจับกุมดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในทุกรูปแบบที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000124476 • #MGROnline #ทริปน้ำไม่อาบ #เมลายรัชดา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฟนๆถามกันมาเยอะสำหรับช่องทางการรับชม News1 ที่จะยกเลิกการออกอากาศทางระบบดาวเทียมปลายเดือนมกราคม 2568 นี้ แต่ท่านผู้ชมยังคงรับชมรายการโปรดของ NEWS 1 ได้ง่ายๆ
    ดังนี้.
    แพลตฟอร์มออนไลน์ ติดตาม และ เรามีการ live สดทุกวันทุกรายการ ที่สามารถรับชมได้ตลอดเวลา
    www.facebook.com/MGRNEWS1/
    www.youtube.com/@NEWS1VDO
    www.news1live.com/
    www.news1live.com/
    mgronline.com/
    ส่วนเเฟนๆ ที่ชอบดู news 1 ตลอดเวลา สามารถรับชมได้ทาง กล่องรับสัญญาณ IPTV ที่มีภาพและเสียงคมชัดระดับ HD Ais Playbox ช่อง 655 เเละ NT IPTV ช่อง 64

    เเละเเฟนๆที่มี Smart Tv เพียงเชื่อมต่อ Wifi Download และติดตั้ง Application Ais Play เลือกรับชมแบบ Guest ได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือเสียเงิน เพียงกดช่อง 655 ก็จะสามารถดูได้เลย เพียงเท่านี้ก็สามารถรับชม News1 ได้ต่อเนื่องทุกๆรายการ
    สำหรับแฟนๆ ที่มีปัญหาการรับชมสามารถเเจ้งเข้ามาได้ที่ line@news1

    นอกจากนี้ ช่อง NEWS 1 จะมีการปรับผังรายการใหม่ต้อนรับ ปี 2568 เพื่อรองรับการออกอากาศทาง Online และระบบ iptv
    รายการ Newshour พบ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณนพรัฐ พรวนสุข คุณรัชพล เหล่าวานิช คุณมนตรี จอมพันพันธุ์ คุณนงวดี ถนิมมาลย์ และคุณอุษณีย์ เอกอุษณีษ์
    รายการ คนเคาะข่าว พบกับ อ.ทนง ขันทอง อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เเละเเขกรับเชิญที่อยู่ในกระเเส
    รายการคมคุย คมคิด กับ ดร.เสรี วงศ์มนฑา รายการจะเริ่ม กลางเดือนมกราคม 2568
    และรายการ ชัดเจนเปลี่ยน !!! By สภากาแฟ คุณยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที จะติดตามและเจาะประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน ที่ร้องเรียนเข้ามาผ่านรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ
    แฟนๆถามกันมาเยอะสำหรับช่องทางการรับชม News1 ที่จะยกเลิกการออกอากาศทางระบบดาวเทียมปลายเดือนมกราคม 2568 นี้ แต่ท่านผู้ชมยังคงรับชมรายการโปรดของ NEWS 1 ได้ง่ายๆ ดังนี้. แพลตฟอร์มออนไลน์ ติดตาม และ เรามีการ live สดทุกวันทุกรายการ ที่สามารถรับชมได้ตลอดเวลา www.facebook.com/MGRNEWS1/ www.youtube.com/@NEWS1VDO www.news1live.com/ www.news1live.com/ mgronline.com/ ส่วนเเฟนๆ ที่ชอบดู news 1 ตลอดเวลา สามารถรับชมได้ทาง กล่องรับสัญญาณ IPTV ที่มีภาพและเสียงคมชัดระดับ HD Ais Playbox ช่อง 655 เเละ NT IPTV ช่อง 64 เเละเเฟนๆที่มี Smart Tv เพียงเชื่อมต่อ Wifi Download และติดตั้ง Application Ais Play เลือกรับชมแบบ Guest ได้ โดยไม่ต้องลงทะเบียนหรือเสียเงิน เพียงกดช่อง 655 ก็จะสามารถดูได้เลย เพียงเท่านี้ก็สามารถรับชม News1 ได้ต่อเนื่องทุกๆรายการ สำหรับแฟนๆ ที่มีปัญหาการรับชมสามารถเเจ้งเข้ามาได้ที่ line@news1 นอกจากนี้ ช่อง NEWS 1 จะมีการปรับผังรายการใหม่ต้อนรับ ปี 2568 เพื่อรองรับการออกอากาศทาง Online และระบบ iptv รายการ Newshour พบ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คุณนพรัฐ พรวนสุข คุณรัชพล เหล่าวานิช คุณมนตรี จอมพันพันธุ์ คุณนงวดี ถนิมมาลย์ และคุณอุษณีย์ เอกอุษณีษ์ รายการ คนเคาะข่าว พบกับ อ.ทนง ขันทอง อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ เเละเเขกรับเชิญที่อยู่ในกระเเส รายการคมคุย คมคิด กับ ดร.เสรี วงศ์มนฑา รายการจะเริ่ม กลางเดือนมกราคม 2568 และรายการ ชัดเจนเปลี่ยน !!! By สภากาแฟ คุณยุทธิยงค์ ลิ้มเลิศวาที จะติดตามและเจาะประเด็นความเดือดร้อนของประชาชน ที่ร้องเรียนเข้ามาผ่านรายการคุยทุกเรื่องกับสนธิ
    Like
    Love
    17
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 972 มุมมอง 624 0 รีวิว
  • อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา

    เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก?
    การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท

    ---

    มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ'
    พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง

    ---

    อุบายฝึกใจให้อภัย

    1. สังเกตใจที่ป่วย:
    เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข

    2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์:
    เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่

    3. เจริญเมตตา:
    ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น

    4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี:
    หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป

    ---

    อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์
    การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ

    ---

    ผลลัพธ์ของการให้อภัย
    เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา

    ข้อคิดส่งท้าย:
    การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    อภัยและปล่อยวาง: วิธีสร้างใจเย็นและโปร่งเบา เริ่มต้นให้อภัย: ทำไมจึงยาก? การให้อภัยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่รู้สึกเจ็บลึกจากการกระทำของผู้อื่น ความรู้สึกเจ็บปวดและผูกใจเจ็บมักทำให้เราเห็นการให้อภัยเป็นการ "ปล่อยให้คนผิดลอยนวล" หรือ "ยอมเสียเปรียบ" แต่ในมุมมองทางพุทธศาสนา การให้อภัยคือการรักษาจิตใจของเราให้หายจาก "โรคทางใจ" ที่ชื่อว่าพยาบาท --- มองความพยาบาทในฐานะ 'โรคทางใจ' พระพุทธเจ้าตรัสเปรียบความโกรธเกลียดว่าเป็นโรคที่รุมเร้าจิตใจ ทำให้เกิดความหดหู่ เศร้าหมอง และไร้กำลังวังชา การยอมปล่อยวางความพยาบาทจึงเปรียบเสมือนการรักษาใจให้กลับมาสดชื่นและมีพลังอีกครั้ง --- อุบายฝึกใจให้อภัย 1. สังเกตใจที่ป่วย: เมื่อเราโกรธหรือผูกใจเจ็บ ให้สังเกตว่าใจของเรานั้นฟุ้งซ่าน ร้อนรน และไม่มีความสุข 2. เปรียบเทียบสุขและทุกข์: เมื่อยังยึดติดกับความพยาบาท ความร้อนเหมือนไข้จะครอบงำใจ แต่เมื่อเปลี่ยนเป็นอภัย ความเย็นและความสุขจะเข้ามาแทนที่ 3. เจริญเมตตา: ฝึกมองคู่กรณีในฐานะเพื่อนร่วมทุกข์ ปรารถนาให้เขาไม่ต้องเป็นต้นเหตุแห่งความเดือดร้อนแก่ตนเองและผู้อื่น 4. ไม่จำเป็นต้องแกล้งดี: หากความสัมพันธ์ไม่สามารถฟื้นฟูได้ ให้ยุติความสัมพันธ์โดยไม่สร้างความเกลียดชังเพิ่มเติม การให้อภัยไม่ได้หมายถึงการกลับไปคบหากันเสมอไป --- อภัยไม่ได้แปลว่าไม่รักษาสิทธิ์ การให้อภัยในมุมพุทธศาสนาไม่ใช่การยอมละทิ้งความยุติธรรม เราสามารถเรียกร้องสิทธิ์หรือปกป้องความถูกต้องได้ โดยไม่ต้องยึดติดหรือเก็บความโกรธไว้ในใจ --- ผลลัพธ์ของการให้อภัย เมื่อจิตใจเย็นลงจากการให้อภัยจริง เราจะรู้สึกโปร่งโล่ง มีพลัง และเปี่ยมด้วยความสุขแบบที่อยากแบ่งปันให้ผู้อื่น ความสุขนี้จะสะท้อนผ่านสายตา น้ำเสียง และท่าที ทำให้ผู้คนที่พบเจอรู้สึกประทับใจในความสงบและความเมตตาของเรา ข้อคิดส่งท้าย: การให้อภัยไม่ใช่เพียงการปล่อยคนอื่นไป แต่คือการปล่อยตัวเองจากความทุกข์ และสร้างโลกในใจให้เย็นและเบาสบาย!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • จังหวะนรก ก่อนถึงความสูญเสีย

    อุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน พุ่งชนตำรวจจราจร ประชาชน และนักเรียนที่กำลังเลิกเรียน บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 23 ธ.ค. 2567 เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.วิมุต แท่นสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิต บาดเจ็บอีก 9 คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกชนได้รับความเสียหายนับสิบคัน คนขับรถคันดังกล่าวคือ นายธเนศ อาศรัยเจ้า สภาพมึนเมาพูดคุยไม่รู้เรื่อง เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบพุ่งสูงขึ้นถึง 194 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

    เหตุการณ์นี้นอกจากจะเกิดความสูญเสียที่เป็นผลมาจากเมาแล้วขับโดยตรงแล้ว อาจเป็นจังหวะนรกของคนบางกลุ่ม

    เพราะเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ตัวแทนภาคเอกชน 14 องค์กรในจังหวัดนครราชสีมาเข้าพบ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อมอบกระเช้าแสดงความยินดี และหารือเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร และประชาชนในพื้นที่ อ้างว่ามาตรการการตั้งด่านทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมาใช้บริการ เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา ซึ่ง พล.ต.ท.วัฒนา รับปากว่าจะกำชับให้ลดตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ แต่ให้เน้นการตั้งด่านบนถนนสายหลักเพื่อป้องกันอาชญากรรม และสิ่งของผิดกฎหมายเท่านั้น

    จากโศกนาฎกรรมดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊กเพจ "เพื่อนตำรวจ" กระบอกเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ระบุว่า ผู้ประกอบการเพิ่งตบเท้าเข้าพบ ผบช.ภาค 3 ให้ลดการตั้งด่านเมาเเล้วขับ โดยอ้างเหตุผลว่าเศรษฐกิจซบเซาเพราะตำรวจตั้งด่านกวดขัน วันนี้ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิตเพราะคนเมาเเล้วขับ 14 องค์กรภาคเอกชนจะรับผิดชอบยังไง?

    จังหวะนรกก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันที่ 1 ต.ค. 2567 สมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะระเบียบของกรมการขนส่งทางบกที่กำหนดให้รถตู้โดยสารที่มีอายุ 13 ปี จะต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการรถตู้มองว่าไม่คุ้มทุน จากต้นทุนเชื้อเพลิงของรถมินิบัสสูงกว่ารถตู้ แต่คนที่ใช้บริการเป็นประจำทราบดีว่า รถตู้ส่วนหนึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง

    ปรากฎว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เกิดโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาบนถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ภายหลังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากการรั่วไกลของก๊าซเอ็นจีวีบริเวณส่วนหน้าของรถ และพบว่ามีการติดถังถังก๊าซเอ็นจีวีมากกว่าที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด

    #Newskit
    จังหวะนรก ก่อนถึงความสูญเสีย อุบัติเหตุรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์วี สีบรอนซ์เงิน พุ่งชนตำรวจจราจร ประชาชน และนักเรียนที่กำลังเลิกเรียน บริเวณหน้าโรงเรียนบ้านดอนขวาง ถนนเพชรมาตุคลา ต.หัวทะเล อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา เมื่อเวลา 16.15 น. วันที่ 23 ธ.ค. 2567 เป็นเหตุให้ ร.ต.ท.วิมุต แท่นสุโพธิ์ รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิต บาดเจ็บอีก 9 คน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ถูกชนได้รับความเสียหายนับสิบคัน คนขับรถคันดังกล่าวคือ นายธเนศ อาศรัยเจ้า สภาพมึนเมาพูดคุยไม่รู้เรื่อง เมื่อตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์พบพุ่งสูงขึ้นถึง 194 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เหตุการณ์นี้นอกจากจะเกิดความสูญเสียที่เป็นผลมาจากเมาแล้วขับโดยตรงแล้ว อาจเป็นจังหวะนรกของคนบางกลุ่ม เพราะเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2567 ตัวแทนภาคเอกชน 14 องค์กรในจังหวัดนครราชสีมาเข้าพบ พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อมอบกระเช้าแสดงความยินดี และหารือเรื่องความเดือดร้อนของผู้ประกอบการสถานบันเทิง ร้านอาหาร และประชาชนในพื้นที่ อ้างว่ามาตรการการตั้งด่านทำให้ประชาชนไม่กล้าออกมาใช้บริการ เศรษฐกิจในพื้นที่ซบเซา ซึ่ง พล.ต.ท.วัฒนา รับปากว่าจะกำชับให้ลดตั้งด่านตรวจแอลกอฮอล์ในพื้นที่เขตเศรษฐกิจ แต่ให้เน้นการตั้งด่านบนถนนสายหลักเพื่อป้องกันอาชญากรรม และสิ่งของผิดกฎหมายเท่านั้น จากโศกนาฎกรรมดังกล่าว ทำให้เฟซบุ๊กเพจ "เพื่อนตำรวจ" กระบอกเสียงของตำรวจชั้นผู้น้อย ระบุว่า ผู้ประกอบการเพิ่งตบเท้าเข้าพบ ผบช.ภาค 3 ให้ลดการตั้งด่านเมาเเล้วขับ โดยอ้างเหตุผลว่าเศรษฐกิจซบเซาเพราะตำรวจตั้งด่านกวดขัน วันนี้ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา เสียชีวิตเพราะคนเมาเเล้วขับ 14 องค์กรภาคเอกชนจะรับผิดชอบยังไง? จังหวะนรกก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันที่ 1 ต.ค. 2567 สมาคมธุรกิจรถตู้ต่างจังหวัด ยื่นข้อเรียกร้องถึงนายกรัฐมนตรีให้แต่งตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหารถโดยสารสาธารณะ โดยเฉพาะระเบียบของกรมการขนส่งทางบกที่กำหนดให้รถตู้โดยสารที่มีอายุ 13 ปี จะต้องเปลี่ยนเป็นรถมินิบัสทั้งหมด ซึ่งผู้ประกอบการรถตู้มองว่าไม่คุ้มทุน จากต้นทุนเชื้อเพลิงของรถมินิบัสสูงกว่ารถตู้ แต่คนที่ใช้บริการเป็นประจำทราบดีว่า รถตู้ส่วนหนึ่งใช้ก๊าซธรรมชาติเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิง ปรากฎว่า ช่วงเที่ยงวันเดียวกัน เกิดโศกนาฎกรรมเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษาบนถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ จ.ปทุมธานี ทำให้นักเรียนและครูเสียชีวิต 23 ราย ภายหลังสำนักงานพิสูจน์หลักฐานกลาง เปิดเผยว่า สาเหตุมาจากการรั่วไกลของก๊าซเอ็นจีวีบริเวณส่วนหน้าของรถ และพบว่ามีการติดถังถังก๊าซเอ็นจีวีมากกว่าที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 607 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดกองปัญหาเรื้อรัง 10 ปี @กบินทร์บุรี ว่าด้วยการลอบทิ้งกากยิปซัม ...“เขาเอาคนในชุมชนมาเป็นยามที่นี่ (โรงงาน) และให้ยามไปบอกชาวบ้านว่าเป็นการก่อสร้างโรงงานปุ๋ย แล้วก็ให้ชาวบ้านมารับปุ๋ยฟรี โดยที่เอาบัตรประชาชนมายื่น” ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าย้อนเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน.นั่นคือช่วงประมาณปี พ.ศ. 2557 โรงงานที่พูดถึงเป็นของบริษัท จีเอ็มไบโอเทค จำกัด เป็นโรงงานผลิตสารปรับปรุงดิน ได้เข้าเริ่มดำเนินกิจการที่ ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .ในขณะนั้นมีการประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาขนกากยิปซัมจากโรงงาน ไปใช้สำหรับทำปุ๋ยในการเกษตร ซึ่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนไม่น้อยกระทั่งต่อมาจึงเริ่มมีข้อมูลว่า แท้จริงแล้วทางโรงงานได้ลักลอบนำกองยิปซัมมาทิ้งไว้ที่บริเวณ ม.5 ต.ลาดตะเคียน นั้น แต่เมื่อมีการร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงได้มีการบอกให้ชาวบ้านสามารถมารับกากยิปซัมไปได้ โดยให้เหตุผลว่ากากยิปซัมเป็นปุ๋ย สามารถฆ่าเชื้อและแบคทีเรียในดิน.เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีชาวบ้าน ม.5 และพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนร่วม 100 คน ที่นำรถไปขนกากยิปซัมจากโรงงานจีเอ็มไบโอเทคฯ เพื่อไปใช้เป็นปุ๋ยในที่ดินของตน ตามที่โรงงานกล่าวอ้าง .“เราเอาไปใส่ที่ไร่มันเรา ไปกระจายออกลำบากมากมันหนัก พอเสร็จปุ๊ปเราปลูกผลผลิต คือปลูกมันเรานี่แหละ มันไม่งาม ต้นมันเราก็เหลือง สุดท้ายก็เน่า” ชาวบ้านถึงเหตุการณ์หลังจากนำกากยิปซัมเข้ามาใช้ทำปุ๋ยในไร่มันปะหลังของตน ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการปุ๋ยจากโรงงานแห่งนี้อีก.แต่กองกากยิปซัมดังกล่าวยังคงกองอยู่ในพื้นที่ยาวนานเป็นเวลาถึง 10 ปีแล้ว โดยมีจำนวนมาก กองสูงเกินกว่ารถสิบล้อ. “เหม็น..!! เวียนหัว แสบคอ ลมพัดแรงๆ เหม็นจนนอนไม่ได้ กลิ่นเหม็นเน่าๆ แสบคันตามผิวหนัง พอเกาก็จะเป็นผื่น” คือคำบรรยายของคนพื้นที่เมื่อถูกถามถึงผลกระทบที่ได้รับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จากการมีกากยิปซัมจำนวนมหาศาลมากองทิ้งไว้ห่างจากบ้านของตนเพียง 100 – 200 เมตร.ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากกองยิปซัมที่โรงงานจีเอ็มไบโอเทคฯ ทิ้งไว้ แม้กระทั่งวัวควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ยังได้รับผลกระทบด้วย.ชาวบ้านเล่าว่า ในยามที่ฝนตกชะยิปซัมลงไปในพื้นที่ใกล้เคียง วัวควายเดินไปเหยียบถึงกับเล็บเท้าหลุด.จากข้อมูลที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศรวบรวมมา พบว่า ยิปซัมอาจแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1) ยิปซัมที่เกิดตามธรรมชาติจากการตกตะกอนของทะเลเก่า 2) ยิปซัมที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิตปุ๋ย กากของเสียจากกระบวนการผลิตกรดมะนาว เป็นต้น .ยิปซัม แม้จะประโยชน์ทางการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาดินเค็มได้ แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่มาก การใช้ยิปซัมมากเกินไปในการเกษตรอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของดินและปัญหาสิ่งแวดล้อม อาจทำให้มีค่าความเป็นกรดสูง เกิดสภาวะดินเปรี้ยว ดินไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตร.ที่สำคัญคือ ควรต้องมีการตรวจสอบปริมาณการปนเปื้อนของสารอันตรายเช่น ปริมาณโลหะหนักก่อนนำไปใช้.นอกจากนี้ ยิปซัมในรูปแบบผงยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และบุคคลอาจมีอาการแพ้หรือมีความไวทางผิวหนังต่อยิปซัม การสัมผัสทางผิวหนังกับผลิตภัณฑ์ยิปซัมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบหรือปัญหาผิวหนังอื่นๆ.ยิปซัมมีปริมาณซัลเฟตสูง การรวมของเสียที่มีปริมาณซัลเฟตสูงกับของเสียที่ย่อยสลายได้จะก่อให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีพิษสูงและมีกลิ่นเหม็นด้วย เหตุนี้ยิปซัมจึงถูกห้ามไม่ให้นำไปฝังกลบและต้องกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม ตามประการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว.การกองกากยิปซัมทิ้งไว้นานเป็นเวลา 10 ปี ของบริษัท จีเอ็มไบโอเทค จำกัด เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการกำจัดของเสียของกระทรวงอุตสาหกรรม และยังสร้างความเดือดร้อนรำคราญแก่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง การใช้วิธียืมมือชาวบ้านหลอกทิ้งกากอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการเป็นคนผลิตขึ้น เป็นวิธีที่ไร้ความรับผิดชอบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม .อีกแง่หนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านที่เดือดร้อนกลุ่มนี้ เดินทางไปร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี แต่ปัจจุบันยังต้องเผชิญกับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวอยู่ และไม่มีวี่แววจะดีขึ้นเลย......เรื่องและภาพถ่ายโดย เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ
    เปิดกองปัญหาเรื้อรัง 10 ปี @กบินทร์บุรี ว่าด้วยการลอบทิ้งกากยิปซัม ...“เขาเอาคนในชุมชนมาเป็นยามที่นี่ (โรงงาน) และให้ยามไปบอกชาวบ้านว่าเป็นการก่อสร้างโรงงานปุ๋ย แล้วก็ให้ชาวบ้านมารับปุ๋ยฟรี โดยที่เอาบัตรประชาชนมายื่น” ชาวบ้านรายหนึ่งเล่าย้อนเหตุการณ์เมื่อ 10 ปีก่อน.นั่นคือช่วงประมาณปี พ.ศ. 2557 โรงงานที่พูดถึงเป็นของบริษัท จีเอ็มไบโอเทค จำกัด เป็นโรงงานผลิตสารปรับปรุงดิน ได้เข้าเริ่มดำเนินกิจการที่ ต.หาดนางแก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี .ในขณะนั้นมีการประกาศให้ชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาขนกากยิปซัมจากโรงงาน ไปใช้สำหรับทำปุ๋ยในการเกษตร ซึ่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนไม่น้อยกระทั่งต่อมาจึงเริ่มมีข้อมูลว่า แท้จริงแล้วทางโรงงานได้ลักลอบนำกองยิปซัมมาทิ้งไว้ที่บริเวณ ม.5 ต.ลาดตะเคียน นั้น แต่เมื่อมีการร้องเรียนจากชาวบ้าน จึงได้มีการบอกให้ชาวบ้านสามารถมารับกากยิปซัมไปได้ โดยให้เหตุผลว่ากากยิปซัมเป็นปุ๋ย สามารถฆ่าเชื้อและแบคทีเรียในดิน.เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้มีชาวบ้าน ม.5 และพื้นที่ใกล้เคียง จำนวนร่วม 100 คน ที่นำรถไปขนกากยิปซัมจากโรงงานจีเอ็มไบโอเทคฯ เพื่อไปใช้เป็นปุ๋ยในที่ดินของตน ตามที่โรงงานกล่าวอ้าง .“เราเอาไปใส่ที่ไร่มันเรา ไปกระจายออกลำบากมากมันหนัก พอเสร็จปุ๊ปเราปลูกผลผลิต คือปลูกมันเรานี่แหละ มันไม่งาม ต้นมันเราก็เหลือง สุดท้ายก็เน่า” ชาวบ้านถึงเหตุการณ์หลังจากนำกากยิปซัมเข้ามาใช้ทำปุ๋ยในไร่มันปะหลังของตน ดังนั้นจึงไม่มีใครต้องการปุ๋ยจากโรงงานแห่งนี้อีก.แต่กองกากยิปซัมดังกล่าวยังคงกองอยู่ในพื้นที่ยาวนานเป็นเวลาถึง 10 ปีแล้ว โดยมีจำนวนมาก กองสูงเกินกว่ารถสิบล้อ. “เหม็น..!! เวียนหัว แสบคอ ลมพัดแรงๆ เหม็นจนนอนไม่ได้ กลิ่นเหม็นเน่าๆ แสบคันตามผิวหนัง พอเกาก็จะเป็นผื่น” คือคำบรรยายของคนพื้นที่เมื่อถูกถามถึงผลกระทบที่ได้รับตลอด 10 ปีที่ผ่านมา จากการมีกากยิปซัมจำนวนมหาศาลมากองทิ้งไว้ห่างจากบ้านของตนเพียง 100 – 200 เมตร.ไม่เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่ต้องเผชิญกับผลกระทบจากกองยิปซัมที่โรงงานจีเอ็มไบโอเทคฯ ทิ้งไว้ แม้กระทั่งวัวควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ยังได้รับผลกระทบด้วย.ชาวบ้านเล่าว่า ในยามที่ฝนตกชะยิปซัมลงไปในพื้นที่ใกล้เคียง วัวควายเดินไปเหยียบถึงกับเล็บเท้าหลุด.จากข้อมูลที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศรวบรวมมา พบว่า ยิปซัมอาจแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ 1) ยิปซัมที่เกิดตามธรรมชาติจากการตกตะกอนของทะเลเก่า 2) ยิปซัมที่เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการของอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมการผลิตปุ๋ย กากของเสียจากกระบวนการผลิตกรดมะนาว เป็นต้น .ยิปซัม แม้จะประโยชน์ทางการเกษตร ช่วยแก้ปัญหาดินเค็มได้ แต่ก็มีข้อควรระวังอยู่มาก การใช้ยิปซัมมากเกินไปในการเกษตรอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของดินและปัญหาสิ่งแวดล้อม อาจทำให้มีค่าความเป็นกรดสูง เกิดสภาวะดินเปรี้ยว ดินไม่เหมาะสมกับการทำการเกษตร.ที่สำคัญคือ ควรต้องมีการตรวจสอบปริมาณการปนเปื้อนของสารอันตรายเช่น ปริมาณโลหะหนักก่อนนำไปใช้.นอกจากนี้ ยิปซัมในรูปแบบผงยังเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และบุคคลอาจมีอาการแพ้หรือมีความไวทางผิวหนังต่อยิปซัม การสัมผัสทางผิวหนังกับผลิตภัณฑ์ยิปซัมเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบหรือปัญหาผิวหนังอื่นๆ.ยิปซัมมีปริมาณซัลเฟตสูง การรวมของเสียที่มีปริมาณซัลเฟตสูงกับของเสียที่ย่อยสลายได้จะก่อให้เกิดก๊าซไฮโดรเจนซัลไฟด์ที่มีพิษสูงและมีกลิ่นเหม็นด้วย เหตุนี้ยิปซัมจึงถูกห้ามไม่ให้นำไปฝังกลบและต้องกำจัดด้วยวิธีที่เหมาะสม ตามประการกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องการจัดการสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว.การกองกากยิปซัมทิ้งไว้นานเป็นเวลา 10 ปี ของบริษัท จีเอ็มไบโอเทค จำกัด เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามกระบวนการกำจัดของเสียของกระทรวงอุตสาหกรรม และยังสร้างความเดือดร้อนรำคราญแก่ชาวบ้านละแวกใกล้เคียง การใช้วิธียืมมือชาวบ้านหลอกทิ้งกากอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการเป็นคนผลิตขึ้น เป็นวิธีที่ไร้ความรับผิดชอบต่อมนุษย์และสิ่งแวดล้อม .อีกแง่หนึ่ง เหตุการณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านที่เดือดร้อนกลุ่มนี้ เดินทางไปร้องเรียนกับหลายหน่วยงาน เช่น ศูนย์ดำรงธรรม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี แต่ปัจจุบันยังต้องเผชิญกับความเดือดร้อนจากเรื่องดังกล่าวอยู่ และไม่มีวี่แววจะดีขึ้นเลย......เรื่องและภาพถ่ายโดย เจ้าหน้าที่มูลนิธิบูรณะนิเวศ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • รักตัวเองในทางที่ถูก: หลักกรรมและความสุขแท้จริงรักตัวเองในทางที่ถูก คืออะไร?การรักตัวเองในทางที่ถูก ไม่ใช่การตามใจตัวเอง หรือทำทุกอย่างให้ตัวเองสบายในปัจจุบัน แต่คือการไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตถ้าไม่อยากเดือดร้อนในแบบใด จงอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในแบบนั้นถ้าอยากมีความสุข จงทำให้คนอื่นมีความสุขแบบเดียวกับที่คุณต้องการนี่คือ ‘หลักการของกรรม’ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้:"ทำอย่างไรกับคนอื่น สิ่งนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวเอง"ดังนั้น ทุกการกระทำต่อผู้อื่น แท้จริงแล้วคือการกระทำต่อตนเอง---เสียสละเพื่อผู้อื่น เท่ากับให้คุณค่าตัวเองบางคนอุทิศตนให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน รู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงจากการให้การทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับมา คือการสะท้อนถึงจิตใจที่บริสุทธิ์จิตใจที่เต็มใจให้คนอื่น คือจิตใจที่เต็มไปด้วยบุญ และความสุขภายในทำเพื่อคนอื่น คือทำเพื่อตัวเองเมื่อคุณช่วยเหลือหรือสร้างความสุขให้คนอื่น สิ่งนั้นกลับมาให้คุณอย่างทวีคูณ:ความสุขที่คุณให้ คือการสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเองให้เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบการเบียดเบียนหรือทำร้ายผู้อื่น คือการโรยหนามกุหลาบไว้บนเส้นทางของตัวเอง---กรรมสองด้าน: กลีบกุหลาบและหนามกุหลาบบุญ เปรียบเสมือนกลีบกุหลาบ: นุ่มนวล ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นบาป เปรียบเสมือนหนามกุหลาบ: แหลมคม ทิ่มแทงให้เกิดความเจ็บปวดการเลือกกระทำกรรมใดในปัจจุบัน เป็นตัวกำหนดเส้นทางในอนาคตของเราเองหากเราเลือกสร้างบุญและไม่เบียดเบียนใคร เส้นทางในวันข้างหน้าจะอ่อนโยนและสว่างไสวหากเราเลือกสร้างบาป ความยากลำบากและทุกข์ย่อมรออยู่---สรุป:การรักตัวเองในทางที่ถูก คือการมีเมตตาและไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะทุกสิ่งที่คุณทำต่อคนอื่น แท้จริงแล้วคือการทำต่อตนเองชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เปี่ยมด้วยบุญชีวิตที่เต็มไปด้วยหนามกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เบียดเบียนและขาดเมตตาเลือกวันนี้ที่จะรักตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยการให้และช่วยเหลือผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะนำคุณไปสู่เส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบในที่สุด!
    รักตัวเองในทางที่ถูก: หลักกรรมและความสุขแท้จริงรักตัวเองในทางที่ถูก คืออะไร?การรักตัวเองในทางที่ถูก ไม่ใช่การตามใจตัวเอง หรือทำทุกอย่างให้ตัวเองสบายในปัจจุบัน แต่คือการไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ตัวเองทั้งในปัจจุบันและอนาคตถ้าไม่อยากเดือดร้อนในแบบใด จงอย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อนในแบบนั้นถ้าอยากมีความสุข จงทำให้คนอื่นมีความสุขแบบเดียวกับที่คุณต้องการนี่คือ ‘หลักการของกรรม’ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้:"ทำอย่างไรกับคนอื่น สิ่งนั้นจะย้อนกลับมาสู่ตัวเอง"ดังนั้น ทุกการกระทำต่อผู้อื่น แท้จริงแล้วคือการกระทำต่อตนเอง---เสียสละเพื่อผู้อื่น เท่ากับให้คุณค่าตัวเองบางคนอุทิศตนให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน รู้สึกถึงความสุขที่แท้จริงจากการให้การทำเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนกลับมา คือการสะท้อนถึงจิตใจที่บริสุทธิ์จิตใจที่เต็มใจให้คนอื่น คือจิตใจที่เต็มไปด้วยบุญ และความสุขภายในทำเพื่อคนอื่น คือทำเพื่อตัวเองเมื่อคุณช่วยเหลือหรือสร้างความสุขให้คนอื่น สิ่งนั้นกลับมาให้คุณอย่างทวีคูณ:ความสุขที่คุณให้ คือการสร้างเส้นทางชีวิตของตัวเองให้เต็มไปด้วยกลีบกุหลาบการเบียดเบียนหรือทำร้ายผู้อื่น คือการโรยหนามกุหลาบไว้บนเส้นทางของตัวเอง---กรรมสองด้าน: กลีบกุหลาบและหนามกุหลาบบุญ เปรียบเสมือนกลีบกุหลาบ: นุ่มนวล ช่วยให้ชีวิตดำเนินไปอย่างราบรื่นบาป เปรียบเสมือนหนามกุหลาบ: แหลมคม ทิ่มแทงให้เกิดความเจ็บปวดการเลือกกระทำกรรมใดในปัจจุบัน เป็นตัวกำหนดเส้นทางในอนาคตของเราเองหากเราเลือกสร้างบุญและไม่เบียดเบียนใคร เส้นทางในวันข้างหน้าจะอ่อนโยนและสว่างไสวหากเราเลือกสร้างบาป ความยากลำบากและทุกข์ย่อมรออยู่---สรุป:การรักตัวเองในทางที่ถูก คือการมีเมตตาและไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพราะทุกสิ่งที่คุณทำต่อคนอื่น แท้จริงแล้วคือการทำต่อตนเองชีวิตที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เปี่ยมด้วยบุญชีวิตที่เต็มไปด้วยหนามกุหลาบ เริ่มต้นจากจิตที่เบียดเบียนและขาดเมตตาเลือกวันนี้ที่จะรักตัวเองอย่างแท้จริง ด้วยการให้และช่วยเหลือผู้อื่น เพราะสิ่งนั้นจะนำคุณไปสู่เส้นทางชีวิตที่เต็มไปด้วยความสุขและความสงบในที่สุด!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดังที่กล่าวไปแล้วว่า โคกหนองนา มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว แต่หากจะให้สมบูรณ์จริง ๆ ยังมีอีก 2 องค์ประกอบหลัก คือ คลองไส้ไก่ และ คันนาทองคำ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. โคกใช้ดินที่ได้จากการขุดหนองน้ำ มาถมดินภายในพื้นที่ให้สูงขึ้นเป็นโคก ในสัดส่วน 40% ของพื้นที่ โดย 30% ของพื้นที่ แบ่งไว้สำหรับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ และ ไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น โดยชนิดของต้นไม้ที่ปลูก ควรมีความสูง 5 ระดับด้วย คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน และ พืชหัว อีก 10% แบ่งสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย และ เลี้ยงสัตว์ การปลูกไม้สูง 5 ระดับ นอกจากจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และ สามารถอุ้มน้ำในดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยบดบังแสงแดด ทำให้บ้านมีความร่มเย็นขึ้นอีกด้วย2. หนองขุดหนองเป็นจุด ๆ ในสัดส่วน 30% ทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำยามหน้าฝน ไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยหนองนั้น จะมีรูปทรงอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเรขาคณิต แต่ควรมีระดับความตื้น – ความลึก ไม่เท่ากันบ้าง เป็นหลัก และ ไม่ควรกว้างจนเกินไป เพื่อไม่ให้น้ำโดนแสงแดด จนระเหยออกไปหมด3. นาแบ่งพื้นที่ 30% สำหรับทำเป็นไร่นาไว้ปลูกข้าว จะช่วยให้มีผลผลิต เก็บไว้รับประทานในครอบครัว หรือ เก็บผลผลิตขายก็ได้4. คลองไส้ไก่ทำเป็นคลองเล็ก ๆ คดโค้งไปรอบ ๆ พื้นที่ เชื่อมระหว่างหนองที่ขุดไว้ตามจุดต่าง ๆ จะช่วยให้เก็บกักน้ำได้เพิ่มมากขึ้น และ มีแหล่งน้ำรอบ ๆ พื้นที่ สามารถรดน้ำพืชผักได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่5. คันนาทองคำยกหัวคันนาให้สูง ส่วนฐานคันนา ให้ถมให้กว้าง จะช่วยกักเก็บน้ำในไร่นา ทำให้นาเป็นนาน้ำลึก ช่วยควบคุมหญ้า ทำให้ข้าวออกรวงใหญ่ ให้ผลผลิตดี และ ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักผลไม้บนหัวคันนา สามารถเก็บผลผลิตไว้กินในครัวเรือน หรือ จะเก็บขายสร้างรายได้ ก็ได้ด้วยโคกหนองนา โมเดล ศาสตร์พระราชา กับ การทำการเกษตรอย่างยั่งยืนโคกหนองนา โมเดล คือ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ช่วยให้ทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ได้อย่างไร SGE มีคำตอบ พร้อมพาไปดูการออกแบบ โคกหนองนาโมเดล 3 ไร่ แบบคร่าว ๆใครสนใจอยากน้อมนำ ศาสตร์พระราชา มาประยุกต์ใช้ในการทำการเกษตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วละก็ ตามมาดูกันเลยโคกหนองนาโมเดล คือโคกหนองนาโคกหนองนาโมเดล คือ การจัดการพื้นที่ทางการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยการออกแบบพื้นที่ให้มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตร พร้อมกับ บริหารจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืน สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง ตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเป็นแนวพระราชดำริ หรือ “ศาสตร์พระราชา” ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9องค์ประกอบของ โคกหนองนาโคกหนองนาโมเดลดังที่กล่าวไปแล้วว่า โคกหนองนา มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว แต่หากจะให้สมบูรณ์จริง ๆ ยังมีอีก 2 องค์ประกอบหลัก คือ คลองไส้ไก่ และ คันนาทองคำ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. โคกใช้ดินที่ได้จากการขุดหนองน้ำ มาถมดินภายในพื้นที่ให้สูงขึ้นเป็นโคก ในสัดส่วน 40% ของพื้นที่ โดย 30% ของพื้นที่ แบ่งไว้สำหรับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ และ ไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น โดยชนิดของต้นไม้ที่ปลูก ควรมีความสูง 5 ระดับด้วย คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน และ พืชหัว อีก 10% แบ่งสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย และ เลี้ยงสัตว์ การปลูกไม้สูง 5 ระดับ นอกจากจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และ สามารถอุ้มน้ำในดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยบดบังแสงแดด ทำให้บ้านมีความร่มเย็นขึ้นอีกด้วย2. หนองขุดหนองเป็นจุด ๆ ในสัดส่วน 30% ทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำยามหน้าฝน ไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยหนองนั้น จะมีรูปทรงอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเรขาคณิต แต่ควรมีระดับความตื้น – ความลึก ไม่เท่ากันบ้าง เป็นหลัก และ ไม่ควรกว้างจนเกินไป เพื่อไม่ให้น้ำโดนแสงแดด จนระเหยออกไปหมด3. นาแบ่งพื้นที่ 30% สำหรับทำเป็นไร่นาไว้ปลูกข้าว จะช่วยให้มีผลผลิต เก็บไว้รับประทานในครอบครัว หรือ เก็บผลผลิตขายก็ได้4. คลองไส้ไก่ทำเป็นคลองเล็ก ๆ คดโค้งไปรอบ ๆ พื้นที่ เชื่อมระหว่างหนองที่ขุดไว้ตามจุดต่าง ๆ จะช่วยให้เก็บกักน้ำได้เพิ่มมากขึ้น และ มีแหล่งน้ำรอบ ๆ พื้นที่ สามารถรดน้ำพืชผักได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่5. คันนาทองคำยกหัวคันนาให้สูง ส่วนฐานคันนา ให้ถมให้กว้าง จะช่วยกักเก็บน้ำในไร่นา ทำให้นาเป็นนาน้ำลึก ช่วยควบคุมหญ้า ทำให้ข้าวออกรวงใหญ่ ให้ผลผลิตดี และ ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักผลไม้บนหัวคันนา สามารถเก็บผลผลิตไว้กินในครัวเรือน หรือ จะเก็บขายสร้างรายได้ ก็ได้ด้วยโคกหนองนา ดีอย่างไร ?โคกหนองนาโมเดล1. ช่วยกักเก็บน้ำให้มีใช้ตลอดทั้งปีโดยปกติ เกษตรกรมักจะอาศัยน้ำจาก เขื่อน หรือ อ่างเก็บน้ำ มาใช้ในการทำการเกษตร เป็นหลัก ทำให้เมื่อประสบภัยแล้ง ระบบชลประทานมีน้ำไม่เพียงพอ ก็มักจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จนทำให้พืชผักล้มตาย ได้รับความเดือดร้อนเสมอ ๆ ซึ่งถ้าหากปรับพื้นที่ทางการเกษตร ให้เป็น โคกหนองนา แล้วละก็ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ เนื่องจากบนโคก ก็มีพืชหลายชนิด ๆ ที่มีรากหยั่งลึก สามารถอุ้มน้ำไว้ในดิน ในหนอง ขุดหลุมลึก สามารถกักเก็บน้ำได้ในช่วงฝนตก ส่วนนา คลองไส้ไก่ ก็สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ ก็จะทำให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องคอยพึ่งพิงน้ำจากที่อื่น ๆ อีก2. ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียงบนโคกก็ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ในหนองก็เลี้ยงปลา ไร่นาก็มีข้าว หัวคันนาก็มีพืชผักไว้เก็บกิน ทำให้เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิต ไว้บริโภคในครัวเรือนได้อย่างไม่ขัดสน ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง โดยไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรจากภายนอก หรือ มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ในการซื้อข้าวปลาอาหาร แต่อย่างใด ตรงตามหลัก “พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น” อันเป็นขั้นพื้นฐาน จากทฤษฎี 9 ขั้น สู่ความยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง3. สามารถเก็บผลผลิตขาย สร้างรายได้หลังจากพอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็นแล้ว หากมีผลผลิตเหลือ ก็สามารถเก็บผลผลิตขาย เพื่อสร้างรายได้ ช่วยให้เกษตรกรทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน และ มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น4. ป้องกันน้ำท่วมเมื่อที่อยู่อาศัยอยู่บนโคก พืชผักต่าง ๆ ก็ปลูกอยู่บนคันนาที่ยกสูง ทำให้หากฝนตกน้ำหลาก ก็จะช่วยป้องกันน้ำท่วม ลดการเกิดผลกระทบและความเสียหายต่อผลผลิต ทรัพย์สิน และ ชีวิตของคนในครอบครัวได้
    ดังที่กล่าวไปแล้วว่า โคกหนองนา มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว แต่หากจะให้สมบูรณ์จริง ๆ ยังมีอีก 2 องค์ประกอบหลัก คือ คลองไส้ไก่ และ คันนาทองคำ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. โคกใช้ดินที่ได้จากการขุดหนองน้ำ มาถมดินภายในพื้นที่ให้สูงขึ้นเป็นโคก ในสัดส่วน 40% ของพื้นที่ โดย 30% ของพื้นที่ แบ่งไว้สำหรับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ และ ไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น โดยชนิดของต้นไม้ที่ปลูก ควรมีความสูง 5 ระดับด้วย คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน และ พืชหัว อีก 10% แบ่งสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย และ เลี้ยงสัตว์ การปลูกไม้สูง 5 ระดับ นอกจากจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และ สามารถอุ้มน้ำในดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยบดบังแสงแดด ทำให้บ้านมีความร่มเย็นขึ้นอีกด้วย2. หนองขุดหนองเป็นจุด ๆ ในสัดส่วน 30% ทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำยามหน้าฝน ไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยหนองนั้น จะมีรูปทรงอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเรขาคณิต แต่ควรมีระดับความตื้น – ความลึก ไม่เท่ากันบ้าง เป็นหลัก และ ไม่ควรกว้างจนเกินไป เพื่อไม่ให้น้ำโดนแสงแดด จนระเหยออกไปหมด3. นาแบ่งพื้นที่ 30% สำหรับทำเป็นไร่นาไว้ปลูกข้าว จะช่วยให้มีผลผลิต เก็บไว้รับประทานในครอบครัว หรือ เก็บผลผลิตขายก็ได้4. คลองไส้ไก่ทำเป็นคลองเล็ก ๆ คดโค้งไปรอบ ๆ พื้นที่ เชื่อมระหว่างหนองที่ขุดไว้ตามจุดต่าง ๆ จะช่วยให้เก็บกักน้ำได้เพิ่มมากขึ้น และ มีแหล่งน้ำรอบ ๆ พื้นที่ สามารถรดน้ำพืชผักได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่5. คันนาทองคำยกหัวคันนาให้สูง ส่วนฐานคันนา ให้ถมให้กว้าง จะช่วยกักเก็บน้ำในไร่นา ทำให้นาเป็นนาน้ำลึก ช่วยควบคุมหญ้า ทำให้ข้าวออกรวงใหญ่ ให้ผลผลิตดี และ ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักผลไม้บนหัวคันนา สามารถเก็บผลผลิตไว้กินในครัวเรือน หรือ จะเก็บขายสร้างรายได้ ก็ได้ด้วยโคกหนองนา โมเดล ศาสตร์พระราชา กับ การทำการเกษตรอย่างยั่งยืนโคกหนองนา โมเดล คือ มีองค์ประกอบอะไรบ้าง ช่วยให้ทำการเกษตรอย่างยั่งยืน ได้อย่างไร SGE มีคำตอบ พร้อมพาไปดูการออกแบบ โคกหนองนาโมเดล 3 ไร่ แบบคร่าว ๆใครสนใจอยากน้อมนำ ศาสตร์พระราชา มาประยุกต์ใช้ในการทำการเกษตร ให้เกิดประโยชน์สูงสุดแล้วละก็ ตามมาดูกันเลยโคกหนองนาโมเดล คือโคกหนองนาโคกหนองนาโมเดล คือ การจัดการพื้นที่ทางการเกษตรอย่างยั่งยืน โดยการออกแบบพื้นที่ให้มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว เพื่อให้เกษตรกรสามารถทำการเกษตร พร้อมกับ บริหารจัดการน้ำได้อย่างยั่งยืน สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง ตามแนวคิดเกษตรทฤษฎีใหม่ อันเป็นแนวพระราชดำริ หรือ “ศาสตร์พระราชา” ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9องค์ประกอบของ โคกหนองนาโคกหนองนาโมเดลดังที่กล่าวไปแล้วว่า โคกหนองนา มี 3 องค์ประกอบหลัก คือ “โคก” พื้นที่สูง สำหรับปลูกป่า ปลูกพืชผัก ปลูกที่อยู่อาศัย “หนอง” สำหรับกักเก็บน้ำ ใช้ในการชลประทาน “นา” สำหรับทำนา และ ปลูกข้าว แต่หากจะให้สมบูรณ์จริง ๆ ยังมีอีก 2 องค์ประกอบหลัก คือ คลองไส้ไก่ และ คันนาทองคำ ซึ่งแต่ละองค์ประกอบมีรายละเอียดดังต่อไปนี้1. โคกใช้ดินที่ได้จากการขุดหนองน้ำ มาถมดินภายในพื้นที่ให้สูงขึ้นเป็นโคก ในสัดส่วน 40% ของพื้นที่ โดย 30% ของพื้นที่ แบ่งไว้สำหรับปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง คือ ไม้ใช้สอย ไม้กินได้ และ ไม้เศรษฐกิจ เพื่อให้พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น โดยชนิดของต้นไม้ที่ปลูก ควรมีความสูง 5 ระดับด้วย คือ ไม้สูง ไม้กลาง ไม้เตี้ย ไม้เรี่ยดิน และ พืชหัว อีก 10% แบ่งสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย และ เลี้ยงสัตว์ การปลูกไม้สูง 5 ระดับ นอกจากจะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับระบบนิเวศ และ สามารถอุ้มน้ำในดินได้ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยบดบังแสงแดด ทำให้บ้านมีความร่มเย็นขึ้นอีกด้วย2. หนองขุดหนองเป็นจุด ๆ ในสัดส่วน 30% ทั่วทั้งพื้นที่ เพื่อเป็นแหล่งกักเก็บน้ำยามหน้าฝน ไว้ใช้ในหน้าแล้ง โดยหนองนั้น จะมีรูปทรงอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นรูปเรขาคณิต แต่ควรมีระดับความตื้น – ความลึก ไม่เท่ากันบ้าง เป็นหลัก และ ไม่ควรกว้างจนเกินไป เพื่อไม่ให้น้ำโดนแสงแดด จนระเหยออกไปหมด3. นาแบ่งพื้นที่ 30% สำหรับทำเป็นไร่นาไว้ปลูกข้าว จะช่วยให้มีผลผลิต เก็บไว้รับประทานในครอบครัว หรือ เก็บผลผลิตขายก็ได้4. คลองไส้ไก่ทำเป็นคลองเล็ก ๆ คดโค้งไปรอบ ๆ พื้นที่ เชื่อมระหว่างหนองที่ขุดไว้ตามจุดต่าง ๆ จะช่วยให้เก็บกักน้ำได้เพิ่มมากขึ้น และ มีแหล่งน้ำรอบ ๆ พื้นที่ สามารถรดน้ำพืชผักได้ง่าย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่5. คันนาทองคำยกหัวคันนาให้สูง ส่วนฐานคันนา ให้ถมให้กว้าง จะช่วยกักเก็บน้ำในไร่นา ทำให้นาเป็นนาน้ำลึก ช่วยควบคุมหญ้า ทำให้ข้าวออกรวงใหญ่ ให้ผลผลิตดี และ ยังมีพื้นที่สำหรับปลูกพืชผักผลไม้บนหัวคันนา สามารถเก็บผลผลิตไว้กินในครัวเรือน หรือ จะเก็บขายสร้างรายได้ ก็ได้ด้วยโคกหนองนา ดีอย่างไร ?โคกหนองนาโมเดล1. ช่วยกักเก็บน้ำให้มีใช้ตลอดทั้งปีโดยปกติ เกษตรกรมักจะอาศัยน้ำจาก เขื่อน หรือ อ่างเก็บน้ำ มาใช้ในการทำการเกษตร เป็นหลัก ทำให้เมื่อประสบภัยแล้ง ระบบชลประทานมีน้ำไม่เพียงพอ ก็มักจะประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ จนทำให้พืชผักล้มตาย ได้รับความเดือดร้อนเสมอ ๆ ซึ่งถ้าหากปรับพื้นที่ทางการเกษตร ให้เป็น โคกหนองนา แล้วละก็ จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ เนื่องจากบนโคก ก็มีพืชหลายชนิด ๆ ที่มีรากหยั่งลึก สามารถอุ้มน้ำไว้ในดิน ในหนอง ขุดหลุมลึก สามารถกักเก็บน้ำได้ในช่วงฝนตก ส่วนนา คลองไส้ไก่ ก็สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ ก็จะทำให้มีน้ำใช้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องคอยพึ่งพิงน้ำจากที่อื่น ๆ อีก2. ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียงบนโคกก็ปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ในหนองก็เลี้ยงปลา ไร่นาก็มีข้าว หัวคันนาก็มีพืชผักไว้เก็บกิน ทำให้เกษตรกรสามารถเก็บผลผลิต ไว้บริโภคในครัวเรือนได้อย่างไม่ขัดสน ดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างพอเพียง โดยไม่ต้องพึ่งพิงทรัพยากรจากภายนอก หรือ มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ในการซื้อข้าวปลาอาหาร แต่อย่างใด ตรงตามหลัก “พอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็น” อันเป็นขั้นพื้นฐาน จากทฤษฎี 9 ขั้น สู่ความยั่งยืนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง3. สามารถเก็บผลผลิตขาย สร้างรายได้หลังจากพอกิน พอใช้ พออยู่ พอร่มเย็นแล้ว หากมีผลผลิตเหลือ ก็สามารถเก็บผลผลิตขาย เพื่อสร้างรายได้ ช่วยให้เกษตรกรทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน และ มีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น4. ป้องกันน้ำท่วมเมื่อที่อยู่อาศัยอยู่บนโคก พืชผักต่าง ๆ ก็ปลูกอยู่บนคันนาที่ยกสูง ทำให้หากฝนตกน้ำหลาก ก็จะช่วยป้องกันน้ำท่วม ลดการเกิดผลกระทบและความเสียหายต่อผลผลิต ทรัพย์สิน และ ชีวิตของคนในครอบครัวได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวคิดการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของรัฐบาล จากที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่อัตรา 7% ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษา อย่างไรก็ดี ต้องรอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาก่อน เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ

    "ยังอยู่ในกระบวนการ กำลังจะทำ และคำนึงถึงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งเราประคองมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องดูว่าเป็นไปต่อได้ในระดับไหน อย่างไร แค่ไหน" นายภูมิธรรม กล่าว

    พร้อมปฏิเสธว่า แนวคิดการปรับขึ้นภาษีไม่ได้เป็นไปตามที่มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลถังแตก เพราะนำเงินไปใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่กระบวนการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษี จะต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกหน่วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะไปพิจารณา

    "ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนไม่เดือดร้อนมากที่สุด เพียงแต่ว่าให้กระบวนการภาษีเป็นธรรมมากขึ้น" รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าว

    พร้อมระบุว่า หากจะมีการปรับขึ้นภาษีจริงนั้น ต้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้ชี้แจง เพราะมีข้อมูลทั้งระบบอยู่แล้ว เชื่อว่าหากมีความพร้อม และมีข้อสรุปที่ชัดเจน กระทรวงการคลังคงจะออกมาชี้แจงให้รับทราบ

    "ถ้านายพิชัยพร้อม และตัดสินใจเมื่อไร หรือมีข้อสรุปที่ชัดเจนคงมีการชี้แจงออกมา แต่ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ถ้าไม่เป็นปัญหาใดๆ" นายภูมิธรรม กล่าว

    #MGROnline #ภาษีเงินได้15 #ภาษี #Vat15
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงแนวคิดการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของรัฐบาล จากที่ปัจจุบันเก็บอยู่ที่อัตรา 7% ว่า นายกรัฐมนตรีมีความเป็นห่วงในเรื่องนี้ ซึ่งรัฐบาลกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาศึกษา อย่างไรก็ดี ต้องรอให้มีข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาก่อน เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการ • "ยังอยู่ในกระบวนการ กำลังจะทำ และคำนึงถึงหลายๆ อย่างที่เกิดขึ้น ซึ่งเราประคองมาระยะหนึ่งแล้ว ต้องดูว่าเป็นไปต่อได้ในระดับไหน อย่างไร แค่ไหน" นายภูมิธรรม กล่าว • พร้อมปฏิเสธว่า แนวคิดการปรับขึ้นภาษีไม่ได้เป็นไปตามที่มีการวิจารณ์ว่ารัฐบาลถังแตก เพราะนำเงินไปใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แต่กระบวนการปรับโครงสร้างการจัดเก็บภาษี จะต้องทำให้เกิดความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย และเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกหน่วย ซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลังที่จะไปพิจารณา • "ส่วนสำคัญอยู่ที่ว่าทำอย่างไรให้พี่น้องประชาชนไม่เดือดร้อนมากที่สุด เพียงแต่ว่าให้กระบวนการภาษีเป็นธรรมมากขึ้น" รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม กล่าว • พร้อมระบุว่า หากจะมีการปรับขึ้นภาษีจริงนั้น ต้องให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง เป็นผู้ชี้แจง เพราะมีข้อมูลทั้งระบบอยู่แล้ว เชื่อว่าหากมีความพร้อม และมีข้อสรุปที่ชัดเจน กระทรวงการคลังคงจะออกมาชี้แจงให้รับทราบ • "ถ้านายพิชัยพร้อม และตัดสินใจเมื่อไร หรือมีข้อสรุปที่ชัดเจนคงมีการชี้แจงออกมา แต่ยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเป็นหลัก ถ้าไม่เป็นปัญหาใดๆ" นายภูมิธรรม กล่าว • #MGROnline #ภาษีเงินได้15 #ภาษี #Vat15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องใหญ่สภาไทย แย่งเวทีแถลงข่าว 'โรม' ฉุนโดนแซงคิว
    .
    ในขณะที่รัฐสภาเกาหลีใต้เพิ่งมีมติคว่ำการประกาศใช้กฎอัยการศึก ปรากฎว่าภาพตัดกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎรไทยแลนด์มาทะเลาะกันเรื่องเวทีแถลงข่าว ระหว่างนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 และ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เรื่องของเรื่องมานั้นมาจากตามกำหนดการที่นายรังสิมันต์ มีคิวจะรับหนังสือต่อประชาชนชาวประมง จ.พังงา ในเรื่องของความเดือดร้อนที่เรือประมงของประเทศไทย ถูกเรือรบของประเทศเมียนยิง โดยเมื่อนายรังสิมันต์มาตามเวลานัดพบว่า นายภราดร กำลังแถลงอยู่ สร้างความไม่พอใจให้กับนายรังสิมันต์ ทันทีที่นายภราดรแถลงเสร็จ ทางนายรังสิมันต์จึงได้เดินปรี่ไปสอบถาม
    .
    โดยนายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคิวแถลงข่าว ตนก็มีเช่นกันแต่ก็ต้องเลื่อนออกไปซึ่งเข้าใจได้ว่าคิวเต็มไม่ควรแซง แต่วันนี้กลับมีการแทรกคิวของตน จึงเกิดเป็นคำถามในใจ ไม่ว่าจะเป็นประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ผู้แทนราษฎร ในพื้นฐานเราเท่ากันเป็นสมาชิกเหมือนกัน แทรกคิวได้หรือไม่ ตอนแรกตนนัดแถลง 13.30 น. แต่คิวชนกัน จึงเลื่อนเวลามาเป็นเวลา 11.30 น. ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องตื่นเช้าขึ้น เกือบมาไม่ทันเพื่อมาแถลงข่าว
    .
    “นายภราดรทราบอยู่แล้วว่าตนจะมาแถลง จะบอกว่าไม่ทราบเรื่องไม่ได้ เพราะสุดท้ายนายภราดรก็เป็นผู้แถลงจะต้องรับผิดรับชอบ หากยังทำแบบนี้อีกจะมีใครเคารพ
    ผมบอกตามตรงว่า แบบนี้ไม่ได้คนที่มีตำแหน่งเกือบสูงสุดควรมีพฤติกรรมที่น่าเคารพ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เจ้าหน้าที่ควรแจ้งว่าจะโดนสมาชิกท่านอื่นตำหนิ ผมคนหนึ่งที่ไม่ยอม” นายรังสิมัต์ ระบุ
    .
    ขณะที่ รองประธานสภาฯคนที่ 2 ชี้แจงว่า การแถลงข่าวที่เป็นประเด็นนั้นเป็นการแถลงข่าวการจัดงานวันรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ไม่ใช่ในนามส่วนตัว หรือพรรคการเมือง ซึ่งตนเป็นตัวแทนของคณะกรรมการจัดงานในการแถลง ส่วนตัวต้องขอโทษนายโรม และจริงๆก็ได้ขอโทษกันส่วนตัวไปแล้ว
    .
    "เป็นความผิดพลาดทางเทคนิค ผมมีคิวแถลงข่าวเรื่องการจัดงานวันรัฐธรรมนูญอยู่ตอนบ่าย แต่ภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดงานตอน 11 โมงกว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าห้องแถลงข่าวว่างอยู่พอดีให้รีบเดินลงไป คณะกรรมการจึงรีบเดินลงไป และแถลงข่าวสั้นๆเสร็จประมาณ 11.30 น. และมีการถ่ายภาพกับแจกของที่ระลึกงานวันรัฐธรรมนูญกับนักข่าวต่อเสร็จสิ้นตอน 11.35 น. มาทราบภายหลังว่า ท่านโรมจองเวลา 11.30 น.ไว้ จึงทำให้ต้องยืนรอ 5 นาที ยืนยันไม่มีการใช้อภิสิทธิ์ใดๆ หากทราบว่ามีคิวแถลงข่าวต่อหลังจากช่วงที่ว่าง ตนคงรอไปแถลงตอนบ่ายตามกำหนดการเดิม แต่ไม่ติดใจที่ถูกนายรังสิมันต์ให้ข่าวว่าแซงคิว ในฐานะรองประธานสภา ผมต้องพยายามอำนวยความสะดวกกับท่านสมาชิกในการใช้พื้นที่อย่างดีที่สุดครับ เมื่อมีข้อผิดพลาดก็ขออภัย" นายภราดร อธิบาย
    ................
    Sondhi X
    เรื่องใหญ่สภาไทย แย่งเวทีแถลงข่าว 'โรม' ฉุนโดนแซงคิว . ในขณะที่รัฐสภาเกาหลีใต้เพิ่งมีมติคว่ำการประกาศใช้กฎอัยการศึก ปรากฎว่าภาพตัดกลับมาที่สภาผู้แทนราษฎรไทยแลนด์มาทะเลาะกันเรื่องเวทีแถลงข่าว ระหว่างนายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาฯคนที่ 2 และ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เรื่องของเรื่องมานั้นมาจากตามกำหนดการที่นายรังสิมันต์ มีคิวจะรับหนังสือต่อประชาชนชาวประมง จ.พังงา ในเรื่องของความเดือดร้อนที่เรือประมงของประเทศไทย ถูกเรือรบของประเทศเมียนยิง โดยเมื่อนายรังสิมันต์มาตามเวลานัดพบว่า นายภราดร กำลังแถลงอยู่ สร้างความไม่พอใจให้กับนายรังสิมันต์ ทันทีที่นายภราดรแถลงเสร็จ ทางนายรังสิมันต์จึงได้เดินปรี่ไปสอบถาม . โดยนายรังสิมันต์ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีคิวแถลงข่าว ตนก็มีเช่นกันแต่ก็ต้องเลื่อนออกไปซึ่งเข้าใจได้ว่าคิวเต็มไม่ควรแซง แต่วันนี้กลับมีการแทรกคิวของตน จึงเกิดเป็นคำถามในใจ ไม่ว่าจะเป็นประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ ผู้แทนราษฎร ในพื้นฐานเราเท่ากันเป็นสมาชิกเหมือนกัน แทรกคิวได้หรือไม่ ตอนแรกตนนัดแถลง 13.30 น. แต่คิวชนกัน จึงเลื่อนเวลามาเป็นเวลา 11.30 น. ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องตื่นเช้าขึ้น เกือบมาไม่ทันเพื่อมาแถลงข่าว . “นายภราดรทราบอยู่แล้วว่าตนจะมาแถลง จะบอกว่าไม่ทราบเรื่องไม่ได้ เพราะสุดท้ายนายภราดรก็เป็นผู้แถลงจะต้องรับผิดรับชอบ หากยังทำแบบนี้อีกจะมีใครเคารพ ผมบอกตามตรงว่า แบบนี้ไม่ได้คนที่มีตำแหน่งเกือบสูงสุดควรมีพฤติกรรมที่น่าเคารพ หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก เจ้าหน้าที่ควรแจ้งว่าจะโดนสมาชิกท่านอื่นตำหนิ ผมคนหนึ่งที่ไม่ยอม” นายรังสิมัต์ ระบุ . ขณะที่ รองประธานสภาฯคนที่ 2 ชี้แจงว่า การแถลงข่าวที่เป็นประเด็นนั้นเป็นการแถลงข่าวการจัดงานวันรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ไม่ใช่ในนามส่วนตัว หรือพรรคการเมือง ซึ่งตนเป็นตัวแทนของคณะกรรมการจัดงานในการแถลง ส่วนตัวต้องขอโทษนายโรม และจริงๆก็ได้ขอโทษกันส่วนตัวไปแล้ว . "เป็นความผิดพลาดทางเทคนิค ผมมีคิวแถลงข่าวเรื่องการจัดงานวันรัฐธรรมนูญอยู่ตอนบ่าย แต่ภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดงานตอน 11 โมงกว่า เจ้าหน้าที่แจ้งว่าห้องแถลงข่าวว่างอยู่พอดีให้รีบเดินลงไป คณะกรรมการจึงรีบเดินลงไป และแถลงข่าวสั้นๆเสร็จประมาณ 11.30 น. และมีการถ่ายภาพกับแจกของที่ระลึกงานวันรัฐธรรมนูญกับนักข่าวต่อเสร็จสิ้นตอน 11.35 น. มาทราบภายหลังว่า ท่านโรมจองเวลา 11.30 น.ไว้ จึงทำให้ต้องยืนรอ 5 นาที ยืนยันไม่มีการใช้อภิสิทธิ์ใดๆ หากทราบว่ามีคิวแถลงข่าวต่อหลังจากช่วงที่ว่าง ตนคงรอไปแถลงตอนบ่ายตามกำหนดการเดิม แต่ไม่ติดใจที่ถูกนายรังสิมันต์ให้ข่าวว่าแซงคิว ในฐานะรองประธานสภา ผมต้องพยายามอำนวยความสะดวกกับท่านสมาชิกในการใช้พื้นที่อย่างดีที่สุดครับ เมื่อมีข้อผิดพลาดก็ขออภัย" นายภราดร อธิบาย ................ Sondhi X
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 828 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น. สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โพสต์ประกาศ แจ้งความคืบหน้ากรณีการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชัน แอร์เอเชียมูฟ (AirAsia Move) โดยชำระเงินแล้ว แต่ระบบแจ้งว่าการจองไม่สำเร็จ และยังไม่ได้รับเงินคืนแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือนสคบ. ชี้แจงการดําเนินการกรณีผู้บริโภคร้องเรียนจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ผ่าน แอปพลิเคชัน AirAsia Moveจากกรณีที่ผู้บริโภคได้จองบัตรโดยสารเครื่องบิน ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia Move ซึ่งผู้บริโภค ได้ชําระเงินแล้ว มีอีเมลมาแจ้งว่าไม่สามารถจองได้สําเร็จ โดยให้ติดต่อขอรับเงินคืน ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผู้บริโภคยังไม่ได้เงินคืนสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขอชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคและได้มีการตรวจสอบ ไปยังสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งสายการบินแจ้งว่า บริษัท Move Travel Sdn Bhd จํากัด เป็นบริษัทที่ จดทะเบียนนิติบุคคลที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นบริษัท ที่ดูแลเว็บไซต์ www.airasia.com แอปพลิเคชัน AirAsia Moveอีกทั้ง สํานักงานคณะกรรมการผู้บริโภค ได้ประสานขอข้อมูลและแนวทางการช่วยเหลือผู้บริโภคกับสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในฐานะที่กํากับดูแลสายการบิน ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งได้รับแจ้งว่ากรณีจองบัตรโดยสารเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia Move นั้น ผู้ให้บริการมีสํานักงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะรับไปดําเนินการโดยประสานผ่านผู้ให้บริการ สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย (ในประเทศไทย) เพื่อให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคโดยเร็วทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและ สํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจะบูรณาการการทํางานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกําหนด มาตรการในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคกรณีดังกล่าวต่อไปจากการตรวจสอบของ สคบ. พบว่า บริษัท Move Travel Sdn Bhd จำกัด ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.airasia.com และแอปพลิเคชัน AirAsia Move เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศมาเลเซียดังนั้น สคบ. จึงได้ประสานงานกับสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดต่อบริษัทดังกล่าว ซึ่งทาง สคบ. จะรับเรื่องไปดำเนินการโดยประสานผ่านสายการบินไทยแอร์เอเชียในประเทศไทย เพื่อเร่งรัดให้คืนเงินแก่ผู้บริโภคโดยเร็วที่สุดนอกจากนี้ สคบ. และสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
    เมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 17.00 น. สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โพสต์ประกาศ แจ้งความคืบหน้ากรณีการช่วยเหลือผู้บริโภคที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจองตั๋วเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชัน แอร์เอเชียมูฟ (AirAsia Move) โดยชำระเงินแล้ว แต่ระบบแจ้งว่าการจองไม่สำเร็จ และยังไม่ได้รับเงินคืนแม้เวลาจะผ่านไปหลายเดือนสคบ. ชี้แจงการดําเนินการกรณีผู้บริโภคร้องเรียนจองบัตรโดยสารเครื่องบิน ผ่าน แอปพลิเคชัน AirAsia Moveจากกรณีที่ผู้บริโภคได้จองบัตรโดยสารเครื่องบิน ผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia Move ซึ่งผู้บริโภค ได้ชําระเงินแล้ว มีอีเมลมาแจ้งว่าไม่สามารถจองได้สําเร็จ โดยให้ติดต่อขอรับเงินคืน ซึ่งผ่านมาหลายเดือนแล้ว ผู้บริโภคยังไม่ได้เงินคืนสํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขอชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวต่อสาธารณะ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้บริโภคและได้มีการตรวจสอบ ไปยังสายการบิน ไทยแอร์เอเชีย ซึ่งสายการบินแจ้งว่า บริษัท Move Travel Sdn Bhd จํากัด เป็นบริษัทที่ จดทะเบียนนิติบุคคลที่ประเทศมาเลเซีย และเป็นบริษัท ที่ดูแลเว็บไซต์ www.airasia.com แอปพลิเคชัน AirAsia Moveอีกทั้ง สํานักงานคณะกรรมการผู้บริโภค ได้ประสานขอข้อมูลและแนวทางการช่วยเหลือผู้บริโภคกับสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ในฐานะที่กํากับดูแลสายการบิน ตามพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ซึ่งได้รับแจ้งว่ากรณีจองบัตรโดยสารเครื่องบินผ่านแอปพลิเคชัน AirAsia Move นั้น ผู้ให้บริการมีสํานักงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะรับไปดําเนินการโดยประสานผ่านผู้ให้บริการ สายการบิน ไทยแอร์เอเชีย (ในประเทศไทย) เพื่อให้คืนเงินให้กับผู้บริโภคโดยเร็วทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นอีก สํานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคและ สํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยจะบูรณาการการทํางานร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกําหนด มาตรการในเรื่องการคุ้มครองผู้บริโภคกรณีดังกล่าวต่อไปจากการตรวจสอบของ สคบ. พบว่า บริษัท Move Travel Sdn Bhd จำกัด ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.airasia.com และแอปพลิเคชัน AirAsia Move เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศมาเลเซียดังนั้น สคบ. จึงได้ประสานงานกับสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อขอความช่วยเหลือในการติดต่อบริษัทดังกล่าว ซึ่งทาง สคบ. จะรับเรื่องไปดำเนินการโดยประสานผ่านสายการบินไทยแอร์เอเชียในประเทศไทย เพื่อเร่งรัดให้คืนเงินแก่ผู้บริโภคโดยเร็วที่สุดนอกจากนี้ สคบ. และสํานักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย จะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองผู้บริโภค และป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา

    อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท

    ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา

    สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม

    คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว"

    หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม.

    พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

    #Newskit
    คลอง ร.๑ น้ำพระทัยในหลวง ร.๙ หาดใหญ่ผ่อนหนักเป็นเบา อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา พื้นที่เศรษฐกิจหลักของภาคใต้ เคยเกิดน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2543 คลองอู่ตะเภาไหลลงพื้นที่มากถึง 751 ลบ.ม.ต่อวินาที มากกว่าศักยภาพระบายน้ำได้เพียง 461 ลบ.ม.ต่อวินาที ส่งผลทำให้น้ำท่วมฉับพลัน กระจายไปยัง 16 อำเภอในจังหวัดสงขลา เสียชีวิต 32 ราย บาดเจ็บ 382 คน ราษฎรเดือดร้อน 552,579 คน 130,117 ครัวเรือน พื้นที่เศรษฐกิจทั้งตลาดกิมหยง สันติสุข ตลาดพลาซา โรงแรมและสถานบริการเสียหาย 77 แห่ง รวมมูลค่าความเสียหายด้านธุรกิจเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งจังหวัดกว่า 10,000 ล้านบาท ปี 2567 น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่หาดใหญ่ใน ซึ่งเป็นโซนชั้นนอก เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ก่อนกลับสู่สภาวะปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในหรือโซนไข่แดงนั้นปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะโครงการตามพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนผ่อนหนักเป็นเบา สทท.สงขลา รายงานว่า ประชาชนชาวหาดใหญ่เปิดเผยว่า แม้ในพื้นที่เขตหาดใหญ่ในจะเป็นพื้นที่รับน้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลอง ร.1 ที่เอ่อล้นเข้าท่วมชุมชน แต่ความเสียหายลดลงกว่าปี 2543 เพราะหลังจากคลอง ร.1 ก่อสร้างแล้วเสร็จ นอกจากรองรับน้ำได้มากขึ้นหลายเท่าแล้ว ยังทำให้พื้นที่โซนไข่แดงปลอดภัยจากน้ำท่วม คลอง ร.1 ก่อสร้างขึ้นตามพระราชดำรัส ในการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2531 ความว่า "การแก้ไขและบรรเทาน้ำท่วมที่ควรพิจารณาดำเนินการ น่าจะได้แก่การขุดคลองระบายน้ำขนาดใหญ่ ให้ทำหน้าที่แบ่งน้ำจากคลองอู่ตะเภาหรือช่วยรับน้ำที่ไหลลงมาท่วมตัวอำเภอหาดใหญ่ ให้ระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลาโดยเร็ว" หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ปี 2543 กรมชลประทานจึงได้ผลักดันโครงการคลอง ร.1 ท้องคลองกว้าง 24 เมตร ยาว 21.34 กิโลเมตร แล้วเสร็จในปี 2550 ระบายน้ำได้สูงสุด 465 ลบ.ม. ต่อวินาที ต่อมาได้ดำเนินโครงการบรรเทาอุทกภัยอำเภอหาดใหญ่ (ระยะที่ 2) ขยายคลองให้กว้าง 70-100 เมตร ลึก 7 เมตร ก่อสร้างประตูระบายน้ำหน้าควน 2 และประตูระบายน้ำบางหยี พร้อมสถานีสูบน้ำบางหยี เริ่มก่อสร้างในปีงบประมาณ 2558 แล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 2565 สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 1,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ และเป็นแหล่งสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งได้อีกประมาณ 5 ล้าน ลบ.ม. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ "คลองภูมินาถดำริ" เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2559 พสกนิกรชาวนครหาดใหญ่น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 544 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย

    สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส

    นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน

    แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

    สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล

    นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง

    #Newskit
    น้ำท่วมภาคใต้ อ่วมไทย-มาเลเซีย สภาพอากาศแปรปรวนในพื้นที่ภาคใต้ของไทย ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากหลายพื้นที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) สรุปสถานการณ์ระหว่างวันที่ 22 พ.ย. ถึง 2 ธ.ค. 2567 เกิดอุทกภัย 10 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง ตรัง สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส รวม 87 อำเภอ 538 ตำบล 3,729 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 664,173 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 25 ราย ปัจจุบันยังคงมีน้ำท่วม 6 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส นับเป็นอุทกภัยครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ที่จังหวัดยะลา เทศบาลนครยะลาน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 36 ปี นับจากก่อนหน้านี้เมื่อปี 2531 ส่วนเทศบาลนครหาดใหญ่ จ.สงขลา น้ำจากคลองอู่ตะเภาและคลองระบายน้ำภูมินารถดำริ หรือคลอง ร.1 เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่โซนหาดใหญ่ใน เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ก่อนกลับมาเป็นปกติเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. แต่โซนเศรษฐกิจชั้นในของเมืองหาดใหญ่ปลอดภัย น้ำไม่ท่วม เพราะคลอง ร.1 โครงการพระราชดำริในหลวง รัชกาลที่ ๙ สร้างขึ้นหลังอุทกภัยปี 2543 ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน แม้สถานการณ์ลุ่มน้ำปัจจุบันระดับน้ำลดลง แต่กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศ ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ ลงวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 17.00 น. ระบุว่า ในช่วงวันที่ 3-5 ธ.ค. หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่างจะเคลื่อนผ่านภาคใต้ตอนล่างและประเทศมาเลเซีย ลงสู่ทะเลอันดามันตอนล่างและช่องแคบมะละกา ประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สภาพอากาศแปรปรวนยังส่งผลกระทบถึงประเทศมาเลเซีย มีน้ำท่วมเกิดขึ้นแล้ว 10 รัฐ เสียชีวิต 7 ราย โดยรัฐกลันตันมีผู้ประสบภัยน้ำท่วมมากที่สุด แม่น้ำสุไหงโกลกในเมืองรันเตาปันจังและตุมปัต ยังอยู่ในระดับที่อันตราย ส่วนทางด่วนสายเหนือ-ใต้ E1 เชื่อมระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์กับด่านบูกิตกายูฮิตัม ไปยังประเทศไทย น้ำท่วมบริเวณกิโลเมตรที่ 32.1 ถึง 33.2 ช่วงด่านจิตรา ถึงด่านฮูตันกำปง ต้องเบี่ยงให้ผู้ใช้ทางไปใช้เส้นทางใกล้เคียง ส่วนทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก หยุดการเดินรถเป็นส่วนใหญ่ โดยเฉพาะขบวนรถไฟเส้นทางตุมปัต-เจบี เซ็นทรัล นายกสมาคมโรงแรมไทย เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องช่วงโค้งสุดท้ายปี 2567 เพราะน้ำท่วมครั้งนี้มีการยกเลิกห้องพักล่วงหน้าทั้งกรุ๊ปทัวร์และเดินทางส่วนตัว รวมถึงการจองจัดงานสังสรรค์ หากสถานการณ์กลับสู่สภาวะปกติ นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียก็จะฟื้นตัวได้เร็ว เพราะขับรถข้ามด่านมาเที่ยวเอง #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ศรัทธาในบุญ: จากความทุกข์ สู่ความจริงในตน""ทำไมท่านจึงเชื่อเรื่องบุญ?"ไม่ได้เริ่มจากความเชื่อในบุญ แต่เริ่มจากการตระหนักว่าชีวิตมีทุกข์ และทุกข์นั้นเกิดจากความไม่เข้าใจในบุญและกุศล การอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าและลองนำไปปฏิบัติ ทำให้เห็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจน เริ่มจากศรัทธาเล็กๆ และกลายเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง ค่อยๆ พัฒนาไปทีละวัน ทีละปี จนกลายเป็นความจริงในตนเองปัจจุบัน ไม่ต้อง "เชื่อ" ว่าบุญและบาปมีจริง เพราะสามารถ "รู้และเห็น" ผลของการกระทำได้เองเมื่อทำบาป: ผลสะท้อนกลับมาชัดในชีวิตและชะตาเมื่อทำบุญ: ใจสงบและเป็นสุขทันทีดังนั้น ไม่มีใครสามารถหลอกให้เชื่ออย่างอื่นได้อีก เพราะบุญและบาปเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง---"ผลของบุญ กับ ผลของการทำความดี ต่างกันอย่างไร?"ทำความดี:อาจไม่ถูกใจคนอื่นเสมอไป เพราะความดีในมุมมองของเรา อาจมองเป็นการทำร้ายในสายตาคนอื่นบุญ:คือการกระทำที่ประกอบด้วยกุศลที่แท้จริง ทำแล้วสุขใจทันที และไม่สร้างความเดือดร้อนภายหลังพระพุทธเจ้าแสดงไว้อย่างชัดเจนว่า กุศลนำความสุขมาให้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้ในชาติหน้าก็ย่อมนำมาซึ่งผลดีเช่นกัน---"เชื่อหรือไม่ว่าบุญบาปมีส่วนกำหนดชะตาชีวิตในชาติหน้า?"บุญบาปส่งผลในปัจจุบันอย่างชัดเจน และในชาติหน้าก็เช่นกัน หากยังต้องเวียนว่ายตายเกิด บุญบาปที่สะสมไว้จะกำหนดสภาพจิตของเราถ้าจิตเป็นกุศล สะอาดบริสุทธิ์ ก็จะนำไปสู่สถานที่และภาวะที่ดีขึ้นถ้าจิตเต็มไปด้วยอกุศล ก็จะนำไปสู่ความทุกข์และสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม คนที่พบความสุขจากการมีจิตสะอาดในปัจจุบัน จะไม่กังวลเรื่องชาติหน้า เพราะความพอใจในปัจจุบันเปรียบเสมือนบ้านที่มั่นคงอยู่แล้ว ชาติหน้าจึงเป็นเพียงผลต่อเนื่องที่ไม่ต้องห่วงกังวล---"การตรวจสอบความก้าวหน้าของจิต"การจะเชื่อในชาติหน้า ไม่ใช่การฟังจากผู้อื่น แต่เป็นการถามใจตัวเองว่า:จิตใจเราตอนนี้เป็นอย่างไร?รู้สึกดีขึ้น สะอาดขึ้น หรือหม่นหมองกว่าเดิม?ถ้าตายวันนี้ จะมั่นใจหรือไม่ว่าจิตของเราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตอนเกิด? การสะสมบุญและกุศลจึงไม่ใช่แค่เพื่อชาติหน้า แต่เพื่อสร้างความสงบสุขในทุกลมหายใจของชีวิตนี้.
    "ศรัทธาในบุญ: จากความทุกข์ สู่ความจริงในตน""ทำไมท่านจึงเชื่อเรื่องบุญ?"ไม่ได้เริ่มจากความเชื่อในบุญ แต่เริ่มจากการตระหนักว่าชีวิตมีทุกข์ และทุกข์นั้นเกิดจากความไม่เข้าใจในบุญและกุศล การอ่านคำสอนของพระพุทธเจ้าและลองนำไปปฏิบัติ ทำให้เห็นผลที่เกิดขึ้นชัดเจน เริ่มจากศรัทธาเล็กๆ และกลายเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง ค่อยๆ พัฒนาไปทีละวัน ทีละปี จนกลายเป็นความจริงในตนเองปัจจุบัน ไม่ต้อง "เชื่อ" ว่าบุญและบาปมีจริง เพราะสามารถ "รู้และเห็น" ผลของการกระทำได้เองเมื่อทำบาป: ผลสะท้อนกลับมาชัดในชีวิตและชะตาเมื่อทำบุญ: ใจสงบและเป็นสุขทันทีดังนั้น ไม่มีใครสามารถหลอกให้เชื่ออย่างอื่นได้อีก เพราะบุญและบาปเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตนเอง---"ผลของบุญ กับ ผลของการทำความดี ต่างกันอย่างไร?"ทำความดี:อาจไม่ถูกใจคนอื่นเสมอไป เพราะความดีในมุมมองของเรา อาจมองเป็นการทำร้ายในสายตาคนอื่นบุญ:คือการกระทำที่ประกอบด้วยกุศลที่แท้จริง ทำแล้วสุขใจทันที และไม่สร้างความเดือดร้อนภายหลังพระพุทธเจ้าแสดงไว้อย่างชัดเจนว่า กุศลนำความสุขมาให้ทั้งในปัจจุบันและอนาคต แม้ในชาติหน้าก็ย่อมนำมาซึ่งผลดีเช่นกัน---"เชื่อหรือไม่ว่าบุญบาปมีส่วนกำหนดชะตาชีวิตในชาติหน้า?"บุญบาปส่งผลในปัจจุบันอย่างชัดเจน และในชาติหน้าก็เช่นกัน หากยังต้องเวียนว่ายตายเกิด บุญบาปที่สะสมไว้จะกำหนดสภาพจิตของเราถ้าจิตเป็นกุศล สะอาดบริสุทธิ์ ก็จะนำไปสู่สถานที่และภาวะที่ดีขึ้นถ้าจิตเต็มไปด้วยอกุศล ก็จะนำไปสู่ความทุกข์และสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าเดิมอย่างไรก็ตาม คนที่พบความสุขจากการมีจิตสะอาดในปัจจุบัน จะไม่กังวลเรื่องชาติหน้า เพราะความพอใจในปัจจุบันเปรียบเสมือนบ้านที่มั่นคงอยู่แล้ว ชาติหน้าจึงเป็นเพียงผลต่อเนื่องที่ไม่ต้องห่วงกังวล---"การตรวจสอบความก้าวหน้าของจิต"การจะเชื่อในชาติหน้า ไม่ใช่การฟังจากผู้อื่น แต่เป็นการถามใจตัวเองว่า:จิตใจเราตอนนี้เป็นอย่างไร?รู้สึกดีขึ้น สะอาดขึ้น หรือหม่นหมองกว่าเดิม?ถ้าตายวันนี้ จะมั่นใจหรือไม่ว่าจิตของเราอยู่ในสถานะที่ดีกว่าตอนเกิด? การสะสมบุญและกุศลจึงไม่ใช่แค่เพื่อชาติหน้า แต่เพื่อสร้างความสงบสุขในทุกลมหายใจของชีวิตนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดังนั้น พระอรหันต์ตามพระธรรมวินัยนี้หรือตามหลักการทางพระพุทธศาสนา ก็คือ ผู้ที่เข้าถึงสัจธรรมความจริงอันประเสริฐสูงสุด จิตหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวงอย่างเด็ดขาด พ้นอำนาจจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ไม่มีความเศร้าหมองขุ่นมัวในดวงใจ ปราศจากความเดือดร้อนใจและความวิตกกังวลกระวนกระวายใดๆ หลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง มี ๔ ประเภท ได้แก่ ๑.พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก พระอรหันต์ประเภทแรกนี้คือผู้ที่จิตหลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง แต่ไม่ประกอบด้วยฤทธิ์หรือมีอภิญญามีคุณวิเศษอย่างอื่น คือแม้จิตหลุดพ้นแล้ว แต่อาจไม่มีทิพจักขุ คือไม่มีตาทิพย์ ไม่เห็นนรกสวรรค์ ไม่เห็นภพภูมิอันลี้ลับที่ท่านพรรณนาไว้ แต่คุณธรรมภายในคือความบริสุทธิ์สะอาดภายในดวงจิตของท่านก็ไม่ด้อยกว่าพระอรหันต์ประเภทอื่นแต่อย่างใด
    ดังนั้น พระอรหันต์ตามพระธรรมวินัยนี้หรือตามหลักการทางพระพุทธศาสนา ก็คือ ผู้ที่เข้าถึงสัจธรรมความจริงอันประเสริฐสูงสุด จิตหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวงอย่างเด็ดขาด พ้นอำนาจจากความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตาย ไม่มีความเศร้าหมองขุ่นมัวในดวงใจ ปราศจากความเดือดร้อนใจและความวิตกกังวลกระวนกระวายใดๆ หลุดพ้นจากความทุกข์อย่างสิ้นเชิง มี ๔ ประเภท ได้แก่ ๑.พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก พระอรหันต์ประเภทแรกนี้คือผู้ที่จิตหลุดพ้นจากกิเลสสิ้นเชิง แต่ไม่ประกอบด้วยฤทธิ์หรือมีอภิญญามีคุณวิเศษอย่างอื่น คือแม้จิตหลุดพ้นแล้ว แต่อาจไม่มีทิพจักขุ คือไม่มีตาทิพย์ ไม่เห็นนรกสวรรค์ ไม่เห็นภพภูมิอันลี้ลับที่ท่านพรรณนาไว้ แต่คุณธรรมภายในคือความบริสุทธิ์สะอาดภายในดวงจิตของท่านก็ไม่ด้อยกว่าพระอรหันต์ประเภทอื่นแต่อย่างใด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจดังกลายเพจออกมาแฉวีรกรรมของกลุ่มจักรยานยนต์ “ทริปน้ำไม่อาบ” ที่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ภูทับเบิกและเขาค้อ ทั้งใช้แบงก์ปลอมซื้อสินค้า และโชว์กระป๋องเบียร์ระหว่างเดินทาง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112953

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เพจดังกลายเพจออกมาแฉวีรกรรมของกลุ่มจักรยานยนต์ “ทริปน้ำไม่อาบ” ที่มาสร้างความเดือดร้อนให้คนในพื้นที่ภูทับเบิกและเขาค้อ ทั้งใช้แบงก์ปลอมซื้อสินค้า และโชว์กระป๋องเบียร์ระหว่างเดินทาง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112953 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    Sad
    Love
    Yay
    26
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1935 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts