• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก
    อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ
    แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว
    ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง
    – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์
    (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน)
    อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม !
    แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !)
    เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ
    – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย
    อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้
    รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน
    แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 15 : เซียนกระเป๋าฉีก อังกฤษมีแผนที่จะเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมัน ที่อ่าวเปอร์เซีย (Arabian Gulf) แต่ปิดเงียบไม่บอกใคร ปี ค.ศ. 1917 อังกฤษประกาศสนับสนุนให้ชาวยิวได้กลับบ้านเกิดเมืองนอน คือ Palestine รัฐบาลอังกฤษไม่ได้คิดเอง แต่มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลในชนชั้นสูงของอังกฤษ คือ The Royal Institute for International Affairs หรือ Chatham House เป็นมันสมองให้กับรัฐบาลอังกฤษ สนับสนุนให้ชาวยิวกลับไปครอบครอง Palestine แผ่นดินที่ล้อมรอบไปด้วย ประเทศแถบ Balkan และกลุ่มประเทศอาหรับ แผนมายากลนี้ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางระหว่าง ประเทศอาณานิคมของอังกฤษในอาฟริกาใต้ ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองทองและเพชร ข้ามมายังอียิปต์และคลองสุเอช ผ่านอิรัคและคูเวต มาเปอร์เซีย (อิหร่าน) มาถึงตะวันออกทางอินเดีย ซึ่งรวมถึงปากีสถานและบังคลาเทศ มันเป็นแผนที่ลึกซึ้งมาก ถ้าทำสำเร็จหมายถึง การเข้าไปครอบครองแหล่งน้ำมันที่มีค่ามหาศาล ก่อนที่เจ้าของแหล่งน้ำมันเองจะรู้ตัว ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ยังไม่เห็นชัดว่าใครจะเป็นแชมป์ครองโลก ระหว่างอังกฤษกับอเมริกา เกมกลยุทธที่ต่างฝ่ายวางกันไว้ ยังไม่ถึงผลสำเร็จ จะครองโลกให้หมดจดต้องใจเย็น ๆ อังกฤษก็มีแก้ว 3 ประการเหมือนกัน ตั้งเข็มทิศไว้ ตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 19 ก่อนอเมริกาจะนึกเอาอย่าง – ควบคุมเส้นทางเดินเรือทะเล
– ควบคุมการเงินและการธนาคาร
– ต้องมีทรัพยากร ที่เป็นผลต่อยุทธศาสตร์ (ไอ้พวกคิดจะครองโลก มันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอก ท่านผู้อ่านนิทานลองสังเกตดู มันมีกลเล่นไม่กี่แบบหรอก ดูไปแล้วกัน) อังกฤษลำพองคิดว่า กำจัดเยอรมันออกไปนอกเส้นทางแล้ว จากเกมที่วางไว้โดยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่อเมริกายังยืนอยู่ในเส้นทางของน้ำมัน Standard Oil ยังอยู่ดี อังกฤษต้องทำงานหนักขึ้น วางหมากให้ลึกซึ้งขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 นาย Winston Churchill เป็นรมต.ว่าการกิจการอาณานิคมของอังกฤษ เขาตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ เพื่อมาดูแลตะวันออกกลางโดยเฉพาะ และเข้าไปควบคุมกิจการของ Anglo Persian Oil ผลคือบริษัทน้ำมันของอเมริกา หมดโอกาสได้สัมปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง นี่ขนาดเป็นลูกรักกันนะ แต่เรื่องน้ำมันนี่ ลูกก็ลูกเถอะ อย่าแหยม ! แต่อเมริกาไม่ใช่มือใหม่ในเรื่องน้ำมัน เพียงแต่ยังไม่อยากทะเลาะกับลูกพี่อย่างอังกฤษ โดยไม่จำเป็น ว่าแล้วจิกโก๋ก็เปลี่ยนทิศไปทาง Mexico, Latin America (ก็ได้วะ !) เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนได้ยินเสียงคำราม ค.ศ. 1920 อังกฤษประกาศอย่างภาคภูมิว่า รัฐบาลของอังกฤษจะควบคุมและครอบครอง แหล่งน้ำมันทั้งหมดโดยสิ้นเชิง ! มันกร่างจริง ! ทั้งหมดนี้ใช้มือปฏิบัติการคือ – Royal Dutch Shell ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Standard Oil ของพวกโคตรรวย Rockefeller
– Anglo Persian Oil Company ซึ่งตกเป็นของอังกฤษและใช้ชื่อใหม่ว่า British Petroleum (ตัด Persia ทิ้งลงถังขยะไป)
– D’ Arcy Exploitation Company ซึ่งดูแลโดยหน่วยสืบราชการลับต่างประเทศของอังกฤษ
– British Controlled Oilfields (BCO) ซึ่งรัฐบาลอังกฤษถือหุ้นอย่างไม่เปิดเผย อเมริกาชักเริ่มมองหน้าอังกฤษไม่ติด แต่ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ไม่ใช่แต่ในเรื่องการเมือง ในเรื่องธุรกิจยิ่งหนักกว่า จำไว้ รัสเซียมีแหล่งน้ำมันใหญ่ที่ Baku ทั้งอังกฤษและอเมริกาต่างพยายามเข้าไปจีบรัสเซีย แต่อังกฤษได้เปรียบกว่า เพราะสภาพภูมิศาสตร์ แต่อเมริกาก็พยายามใช้เล่ห์เหลี่ยมทุกทาง ที่จะตัดหน้าอังกฤษ แต่แล้วฝันของทั้งอังกฤษและอเมริกาก็สลาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ก๊วนอังกฤษ ฝรั่งเศส รัสเซีย จับมือกัน บี้เยอรมันในฐานะผู้แพ้สงคราม ตามสนธิสัญญา Versailles เยอรมันต้องสูญเสียแคว้น Alsace – Lorraine ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ กองทัพเรือแตก ทางรถไฟถูกยึด ฯลฯ ทั้งหมดเป็นการบดขยี้ให้เยอรมันเหลือแต่ซาก ฝ่ายอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้เยอรมันตอบภายใน 6 วัน แลกเอานะเยอรมันจะจ่ายเงิน จำนวน 132 พันล้านมาร์คทองคำ หรือจะให้พวกเราเข้าไปยึดแคว้น Ruhr ของยู แน่นอนเยอรมันยอมจ่ายเงิน (แล้วทองของเยอรมันก็ย้ายที่ไปอยู่ที่อังกฤษแทน) ผลที่ตามมาคือ หายนะของเศรษฐกิจและระบบการเงินของเยอรมัน แต่พอถึงปี ค.ศ. 1922 เยอรมันกับรัสเซียทำเอาเซียนกระเป๋าฉีก วางแผนขยี้เสียอย่างดี รัสเซียเกิดใจดี ยกหนี้ให้เยอรมัน แลกกับเทคโนโลยีด้านอุตสาหกรรมของเยอรมัน เยอรมันรอดตาย นอกจากไม่ตายแล้ว ยังฟื้นขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง อย่าประเมินเยอรมันผิด แค้นนี้ต้องชำระ ทำไมรัสเซียถึงเกิดใจดี !?! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตอน 11
    ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว

    และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง
    น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว
    เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ
    ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร
    ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน
    ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้)
    บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
    ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย
    ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ

    อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน
    แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ
    Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา
    ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา!
    แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ
    คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ
    โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
     ตอน 11 ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้) บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา! แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • GULF ทุ่ม 100 ล้าน! ตั้งกองทุนเยียวยาทหารชายแดนไทย-กัมพูชา...หวังช่วยทุเลาความเดือดร้อน-สร้างขวัญกำลังใจ
    https://www.thai-tai.tv/news/20806/
    .
    #GULF #กองทุนกัลฟ์ #ทหารชายแดน #ไทยกัมพูชา #สารัชถ์รัตนาวะดี #ผบทบ #ความมั่นคง #ไทยไท
    GULF ทุ่ม 100 ล้าน! ตั้งกองทุนเยียวยาทหารชายแดนไทย-กัมพูชา...หวังช่วยทุเลาความเดือดร้อน-สร้างขวัญกำลังใจ https://www.thai-tai.tv/news/20806/ . #GULF #กองทุนกัลฟ์ #ทหารชายแดน #ไทยกัมพูชา #สารัชถ์รัตนาวะดี #ผบทบ #ความมั่นคง #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเทียมของนาโต้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความพยายามก่อวินาศกรรมฐานทัพอากาศ Olenya ของรัสเซียที่ยูเครนก่อเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน นอกเหนือจากการเฝ้าติดตามทั่วไปแล้ว ดาวเทียมเหล่านี้ยังส่งข้อมูลช่วยหน่วยข่าวกรองยูเครน (SBU) ในการโจมตี รวมถึงวางแผนเป้าหมายอีกด้วย

    ดาวเทียมทางทหาร TOPAZ ของอเมริกาจับภาพคาบสมุทรโกลาได้ 102 ภาพ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นภาพความละเอียดสูงถึงขนาดระบุตำแหน่งของวัตถุได้ในระยะเพียงไม่กี่เมตร

    ภาพ 24 ภาพกำหนดเป้าหมายไปที่คลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์ที่ Bolshoye Ramozero

    ภาพ 20 ภาพถูกถ่ายที่ Olenya เอง

    ฐานทัพเรือที่ Nerpichya (17 ภาพ) และ Gadzhiyevo (มี 16 ภาพ) ยังถูกเฝ้าติดตามอย่างเข้มงวดอีกด้วย

    นอกจากนี้ยังมีอีก 11 เที่ยวบินสอดแนมที่มุ่งเป้าไปที่สนามบิน Kilpyavr และอุปกรณ์ใกล้ ภูมิภาค Murmansk

    ขณะที่เครื่องบินลาดตระเวนและเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำของสหรัฐฯ นอร์เวย์ และสวีเดน ได้แก่ เครื่องบิน P-8A และเครื่องบินเจ็ต Gulfstream IV SIGINT ออกบินปฏิบัติภารกิจใกล้พื้นที่ดังกล่าวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม

    แม้ว่าการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ไม่ถึงกับล้มเหลว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้ รัสเซียควรใช้บทเรียนที่ได้รับนี้ ซึ่งก็คือการใช้ดาวเทียมและกิจกรรม ISR ที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายตะวันตกเป็นสิ่งที่ต้องเตือนตัวเอง และรัสเซียต้องดำเนินการอะไรบางอย่างก่อนที่ภารกิจ "เฝ้าติดตาม" เหล่านี้จะกลายเป็นการโจมตีโดยตรง
    ดาวเทียมของนาโต้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับความพยายามก่อวินาศกรรมฐานทัพอากาศ Olenya ของรัสเซียที่ยูเครนก่อเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน นอกเหนือจากการเฝ้าติดตามทั่วไปแล้ว ดาวเทียมเหล่านี้ยังส่งข้อมูลช่วยหน่วยข่าวกรองยูเครน (SBU) ในการโจมตี รวมถึงวางแผนเป้าหมายอีกด้วย ดาวเทียมทางทหาร TOPAZ ของอเมริกาจับภาพคาบสมุทรโกลาได้ 102 ภาพ ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นภาพความละเอียดสูงถึงขนาดระบุตำแหน่งของวัตถุได้ในระยะเพียงไม่กี่เมตร 🔸ภาพ 24 ภาพกำหนดเป้าหมายไปที่คลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ไม่ใช่เชิงยุทธศาสตร์ที่ Bolshoye Ramozero 🔸ภาพ 20 ภาพถูกถ่ายที่ Olenya เอง 🔸ฐานทัพเรือที่ Nerpichya (17 ภาพ) และ Gadzhiyevo (มี 16 ภาพ) ยังถูกเฝ้าติดตามอย่างเข้มงวดอีกด้วย 🔸นอกจากนี้ยังมีอีก 11 เที่ยวบินสอดแนมที่มุ่งเป้าไปที่สนามบิน Kilpyavr และอุปกรณ์ใกล้ ภูมิภาค Murmansk ✈️ ขณะที่เครื่องบินลาดตระเวนและเครื่องบินต่อต้านเรือดำน้ำของสหรัฐฯ นอร์เวย์ และสวีเดน ได้แก่ เครื่องบิน P-8A และเครื่องบินเจ็ต Gulfstream IV SIGINT ออกบินปฏิบัติภารกิจใกล้พื้นที่ดังกล่าวในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 👉แม้ว่าการโจมตีด้วยโดรนของยูเครนเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ไม่ถึงกับล้มเหลว แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาดไว้ รัสเซียควรใช้บทเรียนที่ได้รับนี้ ซึ่งก็คือการใช้ดาวเทียมและกิจกรรม ISR ที่เพิ่มขึ้นของฝ่ายตะวันตกเป็นสิ่งที่ต้องเตือนตัวเอง และรัสเซียต้องดำเนินการอะไรบางอย่างก่อนที่ภารกิจ "เฝ้าติดตาม" เหล่านี้จะกลายเป็นการโจมตีโดยตรง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • Gulf ขาย KBank ทำราคาร่วง (29/05/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #ตลาดหุ้น #gulf #kbank
    Gulf ขาย KBank ทำราคาร่วง (29/05/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #หุ้น #ตลาดหุ้น #gulf #kbank
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ทรัมป์กล่าวในงานการประชุมสุดยอดอ่าวเปอร์เซีย-สหรัฐ (Gulf-US Summit) โดยเรียกร้องให้ 'ทุกประเทศอาหรับ' สนับสนุนการคว่ำบาตรที่เขาใช้กับอิหร่าน

    การประชุมมีขึ้นในวันนี้ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพียงหนึ่งวันหลังจากประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรซีเรีย

    ทรัมป์กล่าวในงานการประชุมสุดยอดอ่าวเปอร์เซีย-สหรัฐ (Gulf-US Summit) โดยเรียกร้องให้ 'ทุกประเทศอาหรับ' สนับสนุนการคว่ำบาตรที่เขาใช้กับอิหร่าน การประชุมมีขึ้นในวันนี้ ที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เพียงหนึ่งวันหลังจากประกาศยกเลิกการคว่ำบาตรซีเรีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการพบกันครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับอาหมัด อัลชารา ผู้นำที่แต่งตั้งตนเองหลังการใช้กำลังโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย และเป็นอดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS (Hay'at Tahrir al-Sham) รวมทั้งเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียอีกด้วย

    การพบกันเกิดขึ้นในวันนี้ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ก่อนการประชุมสุดยอดอ่าวเปอร์เซีย-สหรัฐฯ(Gulf_US_Summit) จะเริ่มต้นขึ้น

    สำหรับ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS เคยถูกตั้งรางวัลนำจับสูงถึงลิบล้านดอลลาร์ จากสถานทูตสหรัฐในซีเรีย เมื่อปี 2017
    ภาพการพบกันครั้งแรกของประธานาธิบดีทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา กับอาหมัด อัลชารา ผู้นำที่แต่งตั้งตนเองหลังการใช้กำลังโค่นล้มรัฐบาลซีเรีย และเป็นอดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS (Hay'at Tahrir al-Sham) รวมทั้งเคยเป็นหัวหน้ากลุ่มนุสราฟรอนต์(Nusra Front) หรือ กลุ่มอัลกออิดะห์ในซีเรียอีกด้วย การพบกันเกิดขึ้นในวันนี้ที่ริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ก่อนการประชุมสุดยอดอ่าวเปอร์เซีย-สหรัฐฯ(Gulf_US_Summit) จะเริ่มต้นขึ้น สำหรับ "อาบู มูฮัมหมัด อัลโจลานี" อดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้าย HTS เคยถูกตั้งรางวัลนำจับสูงถึงลิบล้านดอลลาร์ จากสถานทูตสหรัฐในซีเรีย เมื่อปี 2017
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน?
    โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี?
    ________________________________________
    5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568
    เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
    ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้
    แต่ประชาชนควรถาม…
    กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร?
    ________________________________________
    สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า?
    เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ.
    รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS)
    กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์
    ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี
    แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่
    ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566
    กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์
    และผลที่ออกมาคือ:
    GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ
    GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%)
    รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ
    ________________________________________
    โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่?
    รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว”
    ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม
    ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4%
    ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน
    ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม
    ________________________________________
    ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด?
    สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น
    กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ)
    ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี
    แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก
    สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า
    เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง
    65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา
    ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก
    ________________________________________
    สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?”
    แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?”
    ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส
    ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด
    ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม
    ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท
    ________________________________________
    เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน
    แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม
    เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน”
    และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    12 พฤษภาคม 2568- รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ประเด็นสำคัญว่า ”กำไรของ GULF ต้นทุนของประชาชน? โควตา 12 โครงการที่ได้จากรัฐ...อาจจะกลายเป็นภาระค่าไฟที่เราทุกคนต้องจ่ายแพงเกินจริงยาว 25 ปี? ________________________________________ 5,395 ล้านบาท — คือกำไรสุทธิของ GULF ในไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 54.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตัวเลขที่นักลงทุนอาจปรบมือให้ แต่ประชาชนควรถาม… กำไรที่ได้? คือรายจ่ายของใคร? ________________________________________ สัญญาใหม่ที่มาจากโควตาเก่า? เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 GULF เพิ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับ กฟผ. รวม 12 โครงการพลังงานแสงอาทิตย์+ระบบกักเก็บพลังงาน (BESS) กำลังการผลิตรวม 649.31 เมกะวัตต์ ภายใต้สัญญารับซื้อไฟฟ้ายาว 25 ปี แต่เบื้องหลังสัญญานี้คือ “โควตา” เดิมที่ได้โดยไม่ต้องประมูลใหม่ ย้อนกลับไปเมื่อเมษายน 2566 กกพ. เปิดโครงการพลังงานหมุนเวียนรอบแรก 4,852.26 เมกะวัตต์ และผลที่ออกมาคือ: GULF ได้ไปถึง 1,891.89 เมกะวัตต์ (เกือบ 39%) — มากที่สุดในประเทศ GUNKUL ตามมาอีก 832.4 MW (17%) รวมสองกลุ่มนี้ถือครองโควตาเกิน 56% ของทั้งโครงการ ________________________________________ โควตาเปิดแข่ง...แต่กระจุกในมือทุนใหญ่? รัฐใช้คำว่า “เปิดแข่งขัน” แต่ผลลัพธ์กลับเป็นภาพซ้ำซากของการ “กระจุกตัว” ทุนใหญ่ได้โควตาหลายรูปแบบ ทั้งโซลาร์พื้นดิน, โซลาร์+BESS, และพลังงานลม ขณะที่ทุนกลาง–เล็กได้แค่ 2–4% ประชาชนแทบไม่มีที่ยืน ชื่อใหม่ของ “พลังงานหมุนเวียน” จึงเหมือนหมุนวนอยู่ในมือคนเดิม ________________________________________ ต้นทุนไฟฟ้า...ใครกำหนด? สัญญา 12 โครงการที่เพิ่งเซ็นนั้น กำหนดอัตรารับซื้อไว้ที่ 2.8331 บาทต่อหน่วย (กรณีมีระบบกักเก็บ) ล็อกราคานี้ไว้ยาว 25 ปี แม้ในอนาคตเทคโนโลยีพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงกว่านี้มาก สภาองค์กรของผู้บริโภค ประเมินว่า เพียงโครงการกลุ่มนี้ อาจทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟสูงถึง 65,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา ทั้งที่ต้นทุนจริงในตลาดโลกต่ำกว่านั้นมาก ________________________________________ สิ่งที่ต้องถามไม่ใช่แค่ “กำไร GULF มาจากไหน?” แต่คือ... “ต้นทุนที่ประชาชนจ่าย มันยุติธรรมหรือไม่?” ถ้ารัฐเปิดประมูลแบบโปร่งใส ปล่อยให้แข่งกันที่ราคาต่ำสุด ไม่ใช่แจกโควตาแบบลับ ๆ หรือให้เฉพาะกลุ่ม ค่าไฟอาจถูกกว่านี้หลายหมื่นล้านบาท ________________________________________ เราไม่ได้ค้านพลังงานสะอาด...และไม่ได้อิจฉาผลกำไรของเอกชน แต่เราทวงถาม... พลังงานที่โปร่งใสและเป็นธรรม เพราะ “หมุนเวียน” ไม่ควรแปลว่า “หมุนจากกระเป๋าประชนชนไปเข้ากระเป๋าทุน” และ “อนาคตพลังงาน” ไม่ควรล็อกไว้ในสัญญาที่ประชาชนหมดสิทธิเลือก“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลเม็กซิโกประกาศยื่นฟ้องดำเนินคดีกับกูเกิล (Google) กรณีเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น "อ่าวอเมริกา" (Gulf of America) สำหรับผู้ใช้ Google Maps ในสหรัฐฯ

    ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม แห่งเม็กซิโก ระบุในงานแถลงข่าวเช้าวานนี้ (9 พ.ค.) ว่า "เราได้มีการยื่นฟ้องแล้ว" แต่ไม่ระบุว่าฟ้องที่ไหนและเมื่อไหร่

    เมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้โหวตสนับสนุนการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ทำให้คำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค. กลายเป็นกฎหมายส่วนกลางที่มีผลบังคับใช้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000043767

    #MGROnline #รัฐบาลเม็กซิโก
    รัฐบาลเม็กซิโกประกาศยื่นฟ้องดำเนินคดีกับกูเกิล (Google) กรณีเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็น "อ่าวอเมริกา" (Gulf of America) สำหรับผู้ใช้ Google Maps ในสหรัฐฯ • ประธานาธิบดี คลอเดีย เชนบาม แห่งเม็กซิโก ระบุในงานแถลงข่าวเช้าวานนี้ (9 พ.ค.) ว่า "เราได้มีการยื่นฟ้องแล้ว" แต่ไม่ระบุว่าฟ้องที่ไหนและเมื่อไหร่ • เมื่อวันพฤหัสบดี (8 พ.ค.) สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ ได้โหวตสนับสนุนการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ทำให้คำสั่งบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ออกตั้งแต่สัปดาห์แรกหลังเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือน ม.ค. กลายเป็นกฎหมายส่วนกลางที่มีผลบังคับใช้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000043767 • #MGROnline #รัฐบาลเม็กซิโก
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • เม็กซิโกซิตี 10 พ.ค.- ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโกเปิดเผยว่า เม็กซิโกกำลังฟ้องร้องกูเกิล เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำขอหลายครั้งของเม็กซิโกที่ไม่ให้เปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” ในกูเกิลแมปของผู้ใช้งานในสหรัฐประธานาธิบดีเม็กซิโกไม่ได้เปิดเผยว่า เม็กซิโกยื่นฟ้องที่ใด แต่กล่าวว่ารัฐบาลเม็กซิโกต้องการให้คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐเป็นไปตามที่เม็กซิโกยืนยันว่า สหรัฐไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนชื่ออ่าวทั้งหมด ผู้นำเม็กซิโกมีหนังสือถึงกูเกิลเมื่อเดือนมกราคม ขอให้ทบทวนการเปลี่ยนชื่ออ่าวสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐ จากนั้นได้ขู่ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับกูเกิล ขณะที่กูเกิลอ้างในเวลานั้นว่า ทำตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมานานว่าจะเปลี่ยนชื่อตามที่ทางการมีการปรับปรุงแก้ไข โดยได้เปลี่ยนเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐเท่านั้น ส่วนผู้ใช้งานในเม็กซิโกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกดังเดิม ขณะที่ผู้ใช้งานอื่น ๆ ทั่วโลกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกวงเล็บอ่าวอเมริกา Gulf of Mexico (Gulf of America)สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากมีมติเมื่อวันพฤหัสบดี ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งวันแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคมให้เปลี่ยนชื่ออ่าวดังกล่าว นายทรัมป์อ้างว่า สหรัฐมีกิจกรรมในอ่าวนี้มากที่สุด จึงสมควรแล้วที่จะเป็นของสหรัฐสำนักข่าวเอพีของสหรัฐยืนกรานไม่เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกในการรายงานข่าว เป็นเหตุให้ถูกทำเนียบขาวจำกัดการเข้าไปรายงานข่าว จนกระทั่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งในเดือนเมษายนให้ทำเนียบขาวยุติการกระทำดังกล่าว เอพีรายงานว่า นายทรัมป์มีแผนจะประกาศระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบียในกลางเดือนนี้ว่า สหรัฐจะเรียก “อ่าวเปอร์เซีย” ว่า “อ่าวอาหรับ” ด้านนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า หวังว่าข่าวลือไร้สาระนี้จะเป็นเพียงข้อมูลบิดเบือนเท่านั้น เพราะการกระทำดังกล่าวจะปลุกความโกรธแค้นของชาวอิหร่านทั้งปวงที่มา : สำนักข่าวไทย
    เม็กซิโกซิตี 10 พ.ค.- ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ของเม็กซิโกเปิดเผยว่า เม็กซิโกกำลังฟ้องร้องกูเกิล เนื่องจากเพิกเฉยต่อคำขอหลายครั้งของเม็กซิโกที่ไม่ให้เปลี่ยนชื่อ “อ่าวเม็กซิโก” เป็น “อ่าวอเมริกา” ในกูเกิลแมปของผู้ใช้งานในสหรัฐประธานาธิบดีเม็กซิโกไม่ได้เปิดเผยว่า เม็กซิโกยื่นฟ้องที่ใด แต่กล่าวว่ารัฐบาลเม็กซิโกต้องการให้คำสั่งของรัฐบาลสหรัฐเป็นไปตามที่เม็กซิโกยืนยันว่า สหรัฐไม่มีอำนาจที่จะเปลี่ยนชื่ออ่าวทั้งหมด ผู้นำเม็กซิโกมีหนังสือถึงกูเกิลเมื่อเดือนมกราคม ขอให้ทบทวนการเปลี่ยนชื่ออ่าวสำหรับผู้ใช้งานในสหรัฐ จากนั้นได้ขู่ในเดือนกุมภาพันธ์ว่า จะดำเนินการทางกฎหมายกับกูเกิล ขณะที่กูเกิลอ้างในเวลานั้นว่า ทำตามธรรมเนียมที่ถือปฏิบัติมานานว่าจะเปลี่ยนชื่อตามที่ทางการมีการปรับปรุงแก้ไข โดยได้เปลี่ยนเฉพาะผู้ใช้งานในสหรัฐเท่านั้น ส่วนผู้ใช้งานในเม็กซิโกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกดังเดิม ขณะที่ผู้ใช้งานอื่น ๆ ทั่วโลกจะเป็นชื่ออ่าวเม็กซิโกวงเล็บอ่าวอเมริกา Gulf of Mexico (Gulf of America)สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากมีมติเมื่อวันพฤหัสบดี ให้หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกเป็นอ่าวอเมริกา ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งวันแรกเมื่อวันที่ 20 มกราคมให้เปลี่ยนชื่ออ่าวดังกล่าว นายทรัมป์อ้างว่า สหรัฐมีกิจกรรมในอ่าวนี้มากที่สุด จึงสมควรแล้วที่จะเป็นของสหรัฐสำนักข่าวเอพีของสหรัฐยืนกรานไม่เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกในการรายงานข่าว เป็นเหตุให้ถูกทำเนียบขาวจำกัดการเข้าไปรายงานข่าว จนกระทั่งผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางมีคำสั่งในเดือนเมษายนให้ทำเนียบขาวยุติการกระทำดังกล่าว เอพีรายงานว่า นายทรัมป์มีแผนจะประกาศระหว่างเยือนซาอุดีอาระเบียในกลางเดือนนี้ว่า สหรัฐจะเรียก “อ่าวเปอร์เซีย” ว่า “อ่าวอาหรับ” ด้านนายอับบาส อารักชี รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านกล่าวว่า หวังว่าข่าวลือไร้สาระนี้จะเป็นเพียงข้อมูลบิดเบือนเท่านั้น เพราะการกระทำดังกล่าวจะปลุกความโกรธแค้นของชาวอิหร่านทั้งปวงที่มา : สำนักข่าวไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ลงนามในข้อตกลง การกำจัดคาร์บอน ครั้งใหญ่ โดยจะซื้อ เครดิตการกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน จากบริษัท CO280 ภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการทำให้บริษัทมี คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030

    Microsoft ลงนามข้อตกลงกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน
    - โครงการจะเริ่มต้นในปี 2028 และดำเนินการเป็นเวลา 12 ปี
    - คาร์บอนจะถูกดักจับจาก โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ บริเวณ Gulf Coast
    - คาร์บอนที่ถูกดักจับจะถูก เก็บรักษาอย่างถาวรในชั้นหินเกลือใต้ดิน

    เทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดคาร์บอน
    - ใช้ เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนแบบอะมีน (Amine-based capture technology)
    - ระบบนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมกระดาษ

    เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ Microsoft
    - Microsoft ตั้งเป้าหมายเป็น คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030
    - บริษัทต้องการกำจัด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975

    โครงการกำจัดคาร์บอนอื่นๆ ของ Microsoft
    - ซื้อเครดิต 1.5 ล้านตัน ผ่านโครงการปลูกป่าในอินเดีย
    - ซื้อเครดิต 1.6 ล้านตัน ในปานามาภายใน 30 ปี
    - ลงทุนในโครงการ Chestnut Carbon ที่นิวยอร์กเพื่อกำจัดคาร์บอน 7 ล้านตัน ภายใน 25 ปี

    ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม
    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ความต้องการพลังงานของ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Microsoft เพิ่มขึ้น
    - ในปี 2023 Microsoft ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 17.2 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า

    ความท้าทายในการกำจัดคาร์บอน
    - แม้จะมีโครงการกำจัดคาร์บอน แต่ยังไม่แน่ชัดว่า Microsoft จะสามารถบรรลุเป้าหมาย คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ได้หรือไม่
    - เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    แนวโน้มของอุตสาหกรรมกำจัดคาร์บอน
    - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Amazon และ Google กำลังลงทุนในโครงการกำจัดคาร์บอนเช่นกัน
    - อาจมีการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากศูนย์ข้อมูล

    https://www.techradar.com/pro/microsoft-signs-a-major-new-carbon-removal-deal-that-might-be-powered-by-paper
    Microsoft ได้ลงนามในข้อตกลง การกำจัดคาร์บอน ครั้งใหญ่ โดยจะซื้อ เครดิตการกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน จากบริษัท CO280 ภายในระยะเวลา 12 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายในการทำให้บริษัทมี คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ✅ Microsoft ลงนามข้อตกลงกำจัดคาร์บอน 3.685 ล้านตัน - โครงการจะเริ่มต้นในปี 2028 และดำเนินการเป็นเวลา 12 ปี - คาร์บอนจะถูกดักจับจาก โรงงานผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ บริเวณ Gulf Coast - คาร์บอนที่ถูกดักจับจะถูก เก็บรักษาอย่างถาวรในชั้นหินเกลือใต้ดิน ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ในการกำจัดคาร์บอน - ใช้ เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนแบบอะมีน (Amine-based capture technology) - ระบบนี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากอุตสาหกรรมกระดาษ ✅ เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมของ Microsoft - Microsoft ตั้งเป้าหมายเป็น คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 - บริษัทต้องการกำจัด การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1975 ✅ โครงการกำจัดคาร์บอนอื่นๆ ของ Microsoft - ซื้อเครดิต 1.5 ล้านตัน ผ่านโครงการปลูกป่าในอินเดีย - ซื้อเครดิต 1.6 ล้านตัน ในปานามาภายใน 30 ปี - ลงทุนในโครงการ Chestnut Carbon ที่นิวยอร์กเพื่อกำจัดคาร์บอน 7 ล้านตัน ภายใน 25 ปี ⚠️ ข้อควรระวังและประเด็นที่ต้องติดตาม ℹ️ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ความต้องการพลังงานของ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของ Microsoft เพิ่มขึ้น - ในปี 2023 Microsoft ปล่อยก๊าซเรือนกระจก 17.2 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ℹ️ ความท้าทายในการกำจัดคาร์บอน - แม้จะมีโครงการกำจัดคาร์บอน แต่ยังไม่แน่ชัดว่า Microsoft จะสามารถบรรลุเป้าหมาย คาร์บอนเป็นลบภายในปี 2030 ได้หรือไม่ - เทคโนโลยีดักจับคาร์บอนยังต้องการการพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ℹ️ แนวโน้มของอุตสาหกรรมกำจัดคาร์บอน - บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น Amazon และ Google กำลังลงทุนในโครงการกำจัดคาร์บอนเช่นกัน - อาจมีการพัฒนา เทคโนโลยีใหม่ เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากศูนย์ข้อมูล https://www.techradar.com/pro/microsoft-signs-a-major-new-carbon-removal-deal-that-might-be-powered-by-paper
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าพุ่งแรงเกือบ 50 จุดตามตลาดต่างประเทศ ตอบรับความคลายกังวลงครามการค้าชั่วคราว หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐชะลอขึ้นภาษีกับประเทศที่ไม่ได้ตอบโต้ 90 วัน โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นใหญ่ อาทิ KBANK , SCB, GULF, ADVANC, AOT เป็นต้น แต่ยังจับตาสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนต่อไป โดยเฉพาะการตอบโต้ของจีน

    โดยเมื่อเวลา 9.57 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,135.79 จุด เพิ่มขึ้น 47.51 จุด (+4.38%)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000034191

    #MGROnline #ตลาดหุ้นไทย
    ตลาดหุ้นไทยเปิดตลาดภาคเช้าพุ่งแรงเกือบ 50 จุดตามตลาดต่างประเทศ ตอบรับความคลายกังวลงครามการค้าชั่วคราว หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐชะลอขึ้นภาษีกับประเทศที่ไม่ได้ตอบโต้ 90 วัน โดยมีแรงซื้อกลับหุ้นใหญ่ อาทิ KBANK , SCB, GULF, ADVANC, AOT เป็นต้น แต่ยังจับตาสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนต่อไป โดยเฉพาะการตอบโต้ของจีน • โดยเมื่อเวลา 9.57 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,135.79 จุด เพิ่มขึ้น 47.51 จุด (+4.38%) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000034191 • #MGROnline #ตลาดหุ้นไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • BINANCE TH by Gulf BINANCE ผู้นำแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแลภายใต้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาและเติมทักษะให้กับบุคลากรรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมต่าง ๆ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย

    ข้อมูลจาก ก.ล.ต. เผยมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ณ เดือน มกราคม 2568 มีมูลค่ากว่า 9.95 หมื่นล้านบาท โดยมีบัญชีนักลงทุนมากกว่า 2.45 ล้านราย สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังอยู่ในวงจำกัด สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ที่ระบุว่า ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยต้องการกําลังแรงงานด้านดิจิทัลมากกว่า 140,000 คน อาทิ วิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล นักพัฒนาเอไอ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้พัฒนาโปรแกรมเซมิคอนดัคเตอร์ ไมโครชิป ออโตเมชั่น และนักการตลาดดิจิทัล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000018253

    #MGROnline #Binance #BinanceTH #GULF #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #บุคลากรสินทรัพย์ดิจิทัล
    BINANCE TH by Gulf BINANCE ผู้นำแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับการกำกับดูแลภายใต้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อพัฒนาและเติมทักษะให้กับบุคลากรรุ่นใหม่ เพื่อพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมต่าง ๆ รองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย • ข้อมูลจาก ก.ล.ต. เผยมูลค่าการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทย ณ เดือน มกราคม 2568 มีมูลค่ากว่า 9.95 หมื่นล้านบาท โดยมีบัญชีนักลงทุนมากกว่า 2.45 ล้านราย สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี่ที่มีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก ทั้งในด้านเทคโนโลยีบล็อกเชนและสินทรัพย์ดิจิทัลที่ยังอยู่ในวงจำกัด สอดคล้องกับข้อมูลของกระทรวงแรงงาน ที่ระบุว่า ณ ปัจจุบัน ประเทศไทยต้องการกําลังแรงงานด้านดิจิทัลมากกว่า 140,000 คน อาทิ วิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ข้อมูล นักพัฒนาเอไอ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชน ผู้พัฒนาโปรแกรมเซมิคอนดัคเตอร์ ไมโครชิป ออโตเมชั่น และนักการตลาดดิจิทัล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/stockmarket/detail/9680000018253 • #MGROnline #Binance #BinanceTH #GULF #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #บุคลากรสินทรัพย์ดิจิทัล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 779 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ซาอุดรฯ จะเป็นเจ้าภาพในการประชุม
    #ปติสังขร #ฉนวนกาซา ในวันศุกร์นี้

    Taking the reins: Saudi Arabia will host a summit on rebuilding Gaza on Friday, with leaders from Egypt, Jordan, and the Gulf states
    #ซาอุดรฯ จะเป็นเจ้าภาพในการประชุม #ปติสังขร #ฉนวนกาซา ในวันศุกร์นี้ Taking the reins: Saudi Arabia will host a summit on rebuilding Gaza on Friday, with leaders from Egypt, Jordan, and the Gulf states
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 545 มุมมอง 0 รีวิว
  • INTUCH
    ถึงฟีโบ แนว 61.8% ละ วัดตามภาพ

    แต่ถ้าจะต่อ แนว pe แถว 20x ก็แถว 80

    แต่พิจารณาด้วย
    เดี๋ยวจะควบรวมเป็นตัวใหม่ INTUCH+GULF
    ตัวใหม่จะเล่น pe แบบไหนล่ะ
    แล้วระดับราคาเปิดของตัวใหม่…
    เอาแบบปกติ ก็ไม่ควรจะต่ำกว่าฐานที่พุ่งขึ้นมามั้ง(เทียบดูในกราฟ)

    INTUCH, GULF
    กำหนด วันปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้สิทธิ์ ได้จัดสรรหุ้นใหม่ ชื่อ บมจ กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์
    คือ วันที่ 25 มีค 2568

    หุ้นเดิม จะหยุดซื้อขาย ตั้งแต่ 21 มีนาคม - 2 เมษายน 2568

    ตัวใหม่จะเทรดวันไหน ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัด
    INTUCH ถึงฟีโบ แนว 61.8% ละ วัดตามภาพ แต่ถ้าจะต่อ แนว pe แถว 20x ก็แถว 80 ☀️แต่พิจารณาด้วย เดี๋ยวจะควบรวมเป็นตัวใหม่ INTUCH+GULF ตัวใหม่จะเล่น pe แบบไหนล่ะ แล้วระดับราคาเปิดของตัวใหม่… เอาแบบปกติ ก็ไม่ควรจะต่ำกว่าฐานที่พุ่งขึ้นมามั้ง(เทียบดูในกราฟ) INTUCH, GULF🪴 กำหนด วันปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นที่จะได้สิทธิ์ ได้จัดสรรหุ้นใหม่ ชื่อ บมจ กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ คือ วันที่ 25 มีค 2568 💥หุ้นเดิม จะหยุดซื้อขาย ตั้งแต่ 21 มีนาคม - 2 เมษายน 2568 ตัวใหม่จะเทรดวันไหน ยังไม่ทราบข้อมูลแน่ชัด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • เม็กซิโกอาจดำเนินการทางกฎหมายกับ Google เนื่องจากการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกให้เป็น "อ่าวอเมริกา" สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยการเปลี่ยนแปลงชื่อดังกล่าวเป็นผลมาจากคำสั่งของรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์เบาม์ แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ Google พิจารณาการตัดสินใจนี้ใหม่ โดยเน้นว่า "อ่าวเม็กซิโก" เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมานาน

    เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้แผนที่ Google ในเม็กซิโก ชื่ออ่าวนี้ยังคงเป็น "อ่าวเม็กซิโก" แต่ในประเทศอื่น ๆ ผู้ใช้จะเห็นทั้งสองชื่อตามพื้นที่ ประธานาธิบดีไชน์เบาม์กล่าวว่า หาก Google ยังคงยึดมั่นในชื่อใหม่ เม็กซิโกอาจดำเนินการทางกฎหมายโดยยื่นฟ้องพลเรือน

    สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่ชื่ออ่าวถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "อ่าวอเมริกา" เพื่อสะท้อนคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก ทำให้เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนอย่างไรต่อไป

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/mexico-could-file-suit-against-google-for-039gulf-of-mexico039-name-change-president-says
    เม็กซิโกอาจดำเนินการทางกฎหมายกับ Google เนื่องจากการเปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโกให้เป็น "อ่าวอเมริกา" สำหรับผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา โดยการเปลี่ยนแปลงชื่อดังกล่าวเป็นผลมาจากคำสั่งของรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย ไชน์เบาม์ แสดงความไม่พอใจและเรียกร้องให้ Google พิจารณาการตัดสินใจนี้ใหม่ โดยเน้นว่า "อ่าวเม็กซิโก" เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลมานาน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้แผนที่ Google ในเม็กซิโก ชื่ออ่าวนี้ยังคงเป็น "อ่าวเม็กซิโก" แต่ในประเทศอื่น ๆ ผู้ใช้จะเห็นทั้งสองชื่อตามพื้นที่ ประธานาธิบดีไชน์เบาม์กล่าวว่า หาก Google ยังคงยึดมั่นในชื่อใหม่ เม็กซิโกอาจดำเนินการทางกฎหมายโดยยื่นฟ้องพลเรือน สิ่งที่น่าสนใจในข่าวนี้คือการที่ชื่ออ่าวถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "อ่าวอเมริกา" เพื่อสะท้อนคำสั่งจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเท่านั้น และเกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเม็กซิโก ทำให้เป็นเรื่องที่น่าติดตามว่าจะมีการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนอย่างไรต่อไป https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/13/mexico-could-file-suit-against-google-for-039gulf-of-mexico039-name-change-president-says
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mexico could file suit against Google for 'Gulf of Mexico' name change
    MEXICO CITY (Reuters) -Mexican President Claudia Sheinbaum on Thursday urged Google to reconsider its decision to rename the Gulf of Mexico the "Gulf of America" for U.S. users, adding the country could file a civil suit against the firm if necessary.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Gulf of America"

    วันที่ 9 กุมภาพันธ์เป็นวันอ่าวอเมริกาแล้ว

    "วันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ประกาศให้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เป็นวันอ่าวอเมริกา เป็นครั้งแรก"
    "Gulf of America" วันที่ 9 กุมภาพันธ์เป็นวันอ่าวอเมริกาแล้ว "วันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ประกาศให้วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เป็นวันอ่าวอเมริกา เป็นครั้งแรก"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Trump ได้ประกาศแผนการในการเข้าครอบครองตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' (Gulf of Mexico) เป็น 'อ่าวอเมริกา' (Gulf of America), การประกาศจะเข้ายึดคืนคลองปานามา..., การประกาศจะเข้ายึดครองเกาะกรีนแลนด์ และการเรียกร้องให้ประเทศแคนาดาลดสถานะตนเองลงมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา หรือ แม้แต่การประกาศโครงการส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปปักธงชาติสหรัฐฯ บนดาวอังคาร"
    .
    "ในมุมมองทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งที่ Trump พยายามจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้งคือการสร้างจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมโยงสองมหาสมุทรเป็นแกนกลางตามทฤษฎีสมุททานุภาพ (Sea Power) ซึ่งมีใจความสำคัญคือ 'ประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจต้องสามารถควบคุมทะเลและมหาสมุทรได้ ดังนั้นการควบคุม Oceans Gateways ซึ่งเชื่อมสองมหาสมุทรเข้าด้วยกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และการจะทำสิ่งนั้นได้ความสำคัญอันดับแรกคือการขยายแสนยานุภาพให้กับกองทัพเรือ'”
    .
    "แนวคิดสมุททานุภาพได้รับการนำเสนอโดยอัลเฟรด ธาเยอร์ มาฮาน (Alfred Thayer Mahan) ผ่านการตีพิมพ์หนังสือ 'The Influence of Sea Power upon History 1660-1783' ในปี 1890 ซึ่งทำให้ Mahan ได้รับการขนานนามว่า 'นักยุทธศาสตร์อเมริกันที่มีความสำคัญมากที่สุดในศตวรรษที่ 19' เพราะในที่สุดทฤษฎีสมุททานุภาพก็กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของวิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) ประธานาธิบดีคนที่ 25 ของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 1897-1901"
    .
    "McKinley คือประธานาธิบดีที่นำพาสหรัฐฯ ขึ้นสู่ความเป็นจักรวรรดินิยมโดยการเข้ายึดครอง และ/หรือรับการส่งมอบดินแดนอาณานิคมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฮาวาย, กวม, ปวยร์โตรีโก, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่คิวบา ที่แม้จะได้รับเอกราชจากสเปนแต่ก็ต้องยอมรับสถานะการเป็นดินแดนในอารักขาของสหรัฐฯ"
    .
    "McKinley ถือเป็นบุคคลสำคัญที่วางแนวนโยบายการขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขนานใหญ่ การวางตำแหน่งทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างฐานทัพเรือไม่ใช่แค่ตามพรมแดนชายฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น หากแต่เป็นการปักหมุดทั่วทั้งโลก ทั้งยังริเริ่มแนวคิดในการเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรแอนแลนติกผ่านการขุดคลองปานามา โดยการวางแผนทางการเงินเพื่อจัดสรรเงินทุนมหาศาลสำหรับสหรัฐฯ ในการขยายแสนยานุภาพ และการจ่ายเพื่อสนับสนุนความริเริ่มเหล่านี้ก็ล้วนมาจากการที่ McKinley ใช้นโยบายการค้าแบบปกป้องคุ้มกัน สร้างกำแพงภาษี"
    .
    "นั่นทำให้ McKinley คนนี้กลายเป็นไอดอลหรือบุคคลต้นแบบที่ Trump ได้กล่าวถึงในหลายวาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนทรพจน์หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่เขาชื่นชม McKinley อย่างยิ่งว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่"
    .
    ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดี William McKinley
    .
    อ่านได้ที่ https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-1/
    .
    ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    "Trump ได้ประกาศแผนการในการเข้าครอบครองตำแหน่งที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อ 'อ่าวเม็กซิโก' (Gulf of Mexico) เป็น 'อ่าวอเมริกา' (Gulf of America), การประกาศจะเข้ายึดคืนคลองปานามา..., การประกาศจะเข้ายึดครองเกาะกรีนแลนด์ และการเรียกร้องให้ประเทศแคนาดาลดสถานะตนเองลงมาเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา หรือ แม้แต่การประกาศโครงการส่งนักบินอวกาศสหรัฐฯ ไปปักธงชาติสหรัฐฯ บนดาวอังคาร" . "ในมุมมองทางภูมิรัฐศาสตร์ สิ่งที่ Trump พยายามจะทำให้เกิดขึ้นอีกครั้งคือการสร้างจักรวรรดินิยมสหรัฐอเมริกาที่มีการเชื่อมโยงสองมหาสมุทรเป็นแกนกลางตามทฤษฎีสมุททานุภาพ (Sea Power) ซึ่งมีใจความสำคัญคือ 'ประเทศที่จะเป็นมหาอำนาจต้องสามารถควบคุมทะเลและมหาสมุทรได้ ดังนั้นการควบคุม Oceans Gateways ซึ่งเชื่อมสองมหาสมุทรเข้าด้วยกันจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และการจะทำสิ่งนั้นได้ความสำคัญอันดับแรกคือการขยายแสนยานุภาพให้กับกองทัพเรือ'” . "แนวคิดสมุททานุภาพได้รับการนำเสนอโดยอัลเฟรด ธาเยอร์ มาฮาน (Alfred Thayer Mahan) ผ่านการตีพิมพ์หนังสือ 'The Influence of Sea Power upon History 1660-1783' ในปี 1890 ซึ่งทำให้ Mahan ได้รับการขนานนามว่า 'นักยุทธศาสตร์อเมริกันที่มีความสำคัญมากที่สุดในศตวรรษที่ 19' เพราะในที่สุดทฤษฎีสมุททานุภาพก็กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของวิลเลียม แมกคินลีย์ (William McKinley) ประธานาธิบดีคนที่ 25 ของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงปี 1897-1901" . "McKinley คือประธานาธิบดีที่นำพาสหรัฐฯ ขึ้นสู่ความเป็นจักรวรรดินิยมโดยการเข้ายึดครอง และ/หรือรับการส่งมอบดินแดนอาณานิคมจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นฮาวาย, กวม, ปวยร์โตรีโก, ฟิลิปปินส์ หรือแม้แต่คิวบา ที่แม้จะได้รับเอกราชจากสเปนแต่ก็ต้องยอมรับสถานะการเป็นดินแดนในอารักขาของสหรัฐฯ" . "McKinley ถือเป็นบุคคลสำคัญที่วางแนวนโยบายการขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือสหรัฐฯ ขนานใหญ่ การวางตำแหน่งทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์เพื่อสร้างฐานทัพเรือไม่ใช่แค่ตามพรมแดนชายฝั่งสหรัฐฯ เท่านั้น หากแต่เป็นการปักหมุดทั่วทั้งโลก ทั้งยังริเริ่มแนวคิดในการเชื่อมสองฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกสู่มหาสมุทรแอนแลนติกผ่านการขุดคลองปานามา โดยการวางแผนทางการเงินเพื่อจัดสรรเงินทุนมหาศาลสำหรับสหรัฐฯ ในการขยายแสนยานุภาพ และการจ่ายเพื่อสนับสนุนความริเริ่มเหล่านี้ก็ล้วนมาจากการที่ McKinley ใช้นโยบายการค้าแบบปกป้องคุ้มกัน สร้างกำแพงภาษี" . "นั่นทำให้ McKinley คนนี้กลายเป็นไอดอลหรือบุคคลต้นแบบที่ Trump ได้กล่าวถึงในหลายวาระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสุนทรพจน์หลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่งที่เขาชื่นชม McKinley อย่างยิ่งว่าเป็นประธานาธิบดีที่ยิ่งใหญ่" . ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดี William McKinley . อ่านได้ที่ https://www.the101.world/amidst-the-two-oceans-1/ . ภาพประกอบ: พิรุฬพร นามมูลน้อย
    WWW.THE101.WORLD
    Amidst the Two Oceans ตอนที่ 1: ว่าด้วยบุคคลต้นแบบของ Donald Trump
    ปิติ ศรีแสงนาม เปิดมุมมองยุทธศาสตร์ภูมิรัฐศาสตร์โลกของประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ที่ได้แรงบันดาลใจจากอดีตประธานาธิบดีคนหนึ่ง
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 953 มุมมอง 0 รีวิว
  • Trump เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น อเมริกา
    ต่อไป อ่าวไทย คงเปลี่ยนเป็น Gulf of Claimbodia
    เนื่องจาก นายกไทย ในทุกยุค ทุกสมัย มักจะอ่อนแอ
    Trump เปลี่ยนชื่ออ่าวเม็กซิโก เป็น อเมริกา ต่อไป อ่าวไทย คงเปลี่ยนเป็น Gulf of Claimbodia เนื่องจาก นายกไทย ในทุกยุค ทุกสมัย มักจะอ่อนแอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้คำว่า "Gulf of America" ในเอกสารเผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว
    หน่วยยามชายฝั่งสหรัฐอเมริกา เริ่มใช้คำว่า "Gulf of America" ในเอกสารเผยแพร่ข่าวอย่างเป็นทางการแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในประกาศเตือนภัยพายุ ฟลอริดากลายเป็นรัฐแรกที่เปลี่ยนมาเรียกอ่าวเม็กซิโก (Gulf of Mexico) ว่าอ่าวอเมริกา (Gulf Of America) ตามที่ทรัมป์เคยเสนอไว้
    ในประกาศเตือนภัยพายุ ฟลอริดากลายเป็นรัฐแรกที่เปลี่ยนมาเรียกอ่าวเม็กซิโก (Gulf of Mexico) ว่าอ่าวอเมริกา (Gulf Of America) ตามที่ทรัมป์เคยเสนอไว้
    Like
    Love
    Haha
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 0 รีวิว
  • การหยุดงานประท้วงของอเมริกา: อะไรอยู่เบื้องหลังการประท้วงของภาคอุตสาหกรรม?

    โบอิ้งต่อต้านการเรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้าง, เงินบำนาญที่ดีขึ้น, และการสนับสนุนด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการหยุดงานประท้วงของพนักงานสหภาพแรงงาน ๓๓,๐๐๐ คนในเวสต์โคสต์เข้าสู่เดือนที่สองแล้ว บริษัทมีแผนจะลดพนักงานลง ๑๐% ท่ามกลางรายได้ที่ลดลง ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการหยุดงานประท้วงและความพยายามจัดตั้งสหภาพแรงงานทั่วสหรัฐอเมริกา, โดยภาคส่วนสำคัญๆเผชิญกับการหยุดชะงักเนื่องจากนายจ้างต่อต้านความต้องการของคนงาน

    ด้วยค่าครองชีพและค่าที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น, อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงกัดกินเงินออม, และเศรษฐกิจที่เข้ามามีบทบาทสำคัญก่อนการเลือกตั้งวันที่ ๕ พฤศจิกายน, การผลักดันการจัดตั้งสหภาพแรงงานและการดำเนินการทางอุตสาหกรรมได้กลับมามีบทบาทอีกครั้งในแวดวงการเมืองของอเมริกา, โดยการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่คุกคามที่จะทำให้ภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจหยุดชะงัก ท่ามกลางการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวของนายจ้างต่อการผลักดันของคนงานเพื่อส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น:

    เมื่อต้นเดือนนี้, คนงานท่าเรือ ๔๕,๐๐๐ คนทั่วสหรัฐอเมริกาตะวันออกและชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกได้หยุดงานประท้วงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ เนื่องจากสัญญาจ้างแรงงานประมาณ ๒๕,๐๐๐ คนต้องการเงินเดือน, เงินบำนาญ และการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น

    เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พนักงาน ๒๐๐,๐๐๐ คนของสหภาพคนงานไปรษณีย์อเมริกันได้จัดงานวันแห่งการดำเนินการแห่งชาติเพื่อเรียกร้องให้มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัยกว่า, ค่าจ้างที่ดีกว่า ยุติระบบค่าจ้างสองระดับ, และยุติความพยายามของฝ่ายบริหารที่จะให้พนักงานทำงานน้อยลง

    การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของกำลังแรงงานปกติทั่วไป, ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการหยุดงานที่ประสบความสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์, การศึกษา, และยานยนต์
    .
    AMERICA’S STRIKE SPIKE: WHAT’S BEHIND THE SPATE OF INDUSTRIAL ACTION?

    Boeing is resisting demands for wage increases, better pensions, and product safety input as a strike by 33,000 unionized West Coast workers enters its second month. The company plans to cut 10% of its workforce amid falling revenues. Rising living costs and inflation are fueling strikes and unionization efforts across the US, with major sectors facing disruption due to employers' resistance to worker demands.

    With living and housing costs rising, inflation continuing to eat away at savings, and the economy taking center stage in the run-up to the November 5 election, unionization drives and industrial action have returned to the American political scene in a big way, with major strikes threatening to paralyze entire sectors of the economy amid employers’ stubborn resistance to workers’ push for a bigger slice of the economic pie:

    Earlier this month, a strike by 45,000 dockworkers up and down the US East and Gulf Coasts threatened to disrupt trade for the first time in nearly half a century over a contract covering about 25,000 workers seeking better salaries, pensions and health care.

    On October 1, 200,000 workers with the American Postal Workers Union held a National Day of Action demanding safer working conditions, better pay, an end to a two-tier wage system, and an end to attempts by management to have fewer employees do more work.

    These actions reflect the growing strength of the blue-collar workforce, inspired by recent successful strikes in publishing, education, and the auto industry.
    .
    5:13 AM · Oct 16, 2024 · 2,035 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1846313593907622121
    การหยุดงานประท้วงของอเมริกา: อะไรอยู่เบื้องหลังการประท้วงของภาคอุตสาหกรรม? โบอิ้งต่อต้านการเรียกร้องให้เพิ่มค่าจ้าง, เงินบำนาญที่ดีขึ้น, และการสนับสนุนด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการหยุดงานประท้วงของพนักงานสหภาพแรงงาน ๓๓,๐๐๐ คนในเวสต์โคสต์เข้าสู่เดือนที่สองแล้ว บริษัทมีแผนจะลดพนักงานลง ๑๐% ท่ามกลางรายได้ที่ลดลง ค่าครองชีพที่สูงขึ้นและเงินเฟ้อเป็นแรงผลักดันให้เกิดการหยุดงานประท้วงและความพยายามจัดตั้งสหภาพแรงงานทั่วสหรัฐอเมริกา, โดยภาคส่วนสำคัญๆเผชิญกับการหยุดชะงักเนื่องจากนายจ้างต่อต้านความต้องการของคนงาน ด้วยค่าครองชีพและค่าที่อยู่อาศัยที่สูงขึ้น, อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงกัดกินเงินออม, และเศรษฐกิจที่เข้ามามีบทบาทสำคัญก่อนการเลือกตั้งวันที่ ๕ พฤศจิกายน, การผลักดันการจัดตั้งสหภาพแรงงานและการดำเนินการทางอุตสาหกรรมได้กลับมามีบทบาทอีกครั้งในแวดวงการเมืองของอเมริกา, โดยการหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่คุกคามที่จะทำให้ภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจหยุดชะงัก ท่ามกลางการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวของนายจ้างต่อการผลักดันของคนงานเพื่อส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น: 🔸 เมื่อต้นเดือนนี้, คนงานท่าเรือ ๔๕,๐๐๐ คนทั่วสหรัฐอเมริกาตะวันออกและชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกได้หยุดงานประท้วงเป็นครั้งแรกในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ เนื่องจากสัญญาจ้างแรงงานประมาณ ๒๕,๐๐๐ คนต้องการเงินเดือน, เงินบำนาญ และการดูแลสุขภาพที่ดีขึ้น 🔸 เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม พนักงาน ๒๐๐,๐๐๐ คนของสหภาพคนงานไปรษณีย์อเมริกันได้จัดงานวันแห่งการดำเนินการแห่งชาติเพื่อเรียกร้องให้มีสภาพการทำงานที่ปลอดภัยกว่า, ค่าจ้างที่ดีกว่า ยุติระบบค่าจ้างสองระดับ, และยุติความพยายามของฝ่ายบริหารที่จะให้พนักงานทำงานน้อยลง การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของกำลังแรงงานปกติทั่วไป, ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการหยุดงานที่ประสบความสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ในอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์, การศึกษา, และยานยนต์ . AMERICA’S STRIKE SPIKE: WHAT’S BEHIND THE SPATE OF INDUSTRIAL ACTION? Boeing is resisting demands for wage increases, better pensions, and product safety input as a strike by 33,000 unionized West Coast workers enters its second month. The company plans to cut 10% of its workforce amid falling revenues. Rising living costs and inflation are fueling strikes and unionization efforts across the US, with major sectors facing disruption due to employers' resistance to worker demands. With living and housing costs rising, inflation continuing to eat away at savings, and the economy taking center stage in the run-up to the November 5 election, unionization drives and industrial action have returned to the American political scene in a big way, with major strikes threatening to paralyze entire sectors of the economy amid employers’ stubborn resistance to workers’ push for a bigger slice of the economic pie: 🔸 Earlier this month, a strike by 45,000 dockworkers up and down the US East and Gulf Coasts threatened to disrupt trade for the first time in nearly half a century over a contract covering about 25,000 workers seeking better salaries, pensions and health care. 🔸 On October 1, 200,000 workers with the American Postal Workers Union held a National Day of Action demanding safer working conditions, better pay, an end to a two-tier wage system, and an end to attempts by management to have fewer employees do more work. These actions reflect the growing strength of the blue-collar workforce, inspired by recent successful strikes in publishing, education, and the auto industry. . 5:13 AM · Oct 16, 2024 · 2,035 Views https://x.com/SputnikInt/status/1846313593907622121
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลขอให้อิหร่านโจมตีเชิงสัญลักษณ์ผ่านกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซียเพื่อรักษาหน้า นี่คือสาเหตุที่อิสราเอลชะลอการตอบโต้ - ชาฟาก
    .
    ⚡️JUST IN

    Israel asked Iran via the Persian Gulf states for a symbolic strike to save face, This is why Israel has delayed its response - Shafaq
    .
    4:48 PM · Oct 12, 2024 · 802.8K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1845038887451640293
    🤣 อิสราเอลขอให้อิหร่านโจมตีเชิงสัญลักษณ์ผ่านกลุ่มประเทศอ่าวเปอร์เซียเพื่อรักษาหน้า 🤣 นี่คือสาเหตุที่อิสราเอลชะลอการตอบโต้ - ชาฟาก . ⚡️JUST IN Israel asked Iran via the Persian Gulf states for a symbolic strike to save face, This is why Israel has delayed its response - Shafaq . 4:48 PM · Oct 12, 2024 · 802.8K Views https://x.com/IranObserver0/status/1845038887451640293
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐอ่าวเปอร์เซียประกาศวางตัวเป็นกลางต่ออิหร่าน ขณะที่ภูมิภาคนี้กำลังมุ่งหน้าสู่สงคราม - รอยเตอร์

    นั่นหมายความว่า สหรัฐฯไม่สามารถใช้ฐานทัพในภูมิภาคโจมตีอิหร่านได้
    .
    ⚡️BREAKING

    Persian Gulf states have pledged neutrality to Iran as the region heads for war - Reuters

    This means that the US cannot use the military bases in the region against Iran
    .
    9:38 PM · Oct 3, 2024 · 871.4K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1841850211422875824
    รัฐอ่าวเปอร์เซียประกาศวางตัวเป็นกลางต่ออิหร่าน ขณะที่ภูมิภาคนี้กำลังมุ่งหน้าสู่สงคราม - รอยเตอร์ นั่นหมายความว่า สหรัฐฯไม่สามารถใช้ฐานทัพในภูมิภาคโจมตีอิหร่านได้ . ⚡️BREAKING Persian Gulf states have pledged neutrality to Iran as the region heads for war - Reuters This means that the US cannot use the military bases in the region against Iran . 9:38 PM · Oct 3, 2024 · 871.4K Views https://x.com/IranObserver0/status/1841850211422875824
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇲 สหรัฐฯและอิสราเอลกำลังหารือถึงทางเลือกในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย – บลูมเบิร์ก

    *หากพวกเขาทำเช่นนี้, น้ำมันจะไม่ไหลออกจากตะวันออกกลางแม้แต่หยดเดียว, ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันอย่างหนักในยุโรป และราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก
    .
    BREAKING:

    🇺🇲 The United States and Israel are discussing the option of striking Iran's oil infrastructure in the Persian Gulf – Bloomberg

    *If they do this, not a drop of oil will leave the Middle East anymore, causing a massive oil shortage in Europe and a huge spike in the price.
    .
    10:07 PM · Oct 3, 2024 · 1.1M Views
    https://x.com/Megatron_ron/status/1841857671864987995
    🇺🇲🇮🇱🇮🇷 สหรัฐฯและอิสราเอลกำลังหารือถึงทางเลือกในการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันของอิหร่านในอ่าวเปอร์เซีย – บลูมเบิร์ก *หากพวกเขาทำเช่นนี้, น้ำมันจะไม่ไหลออกจากตะวันออกกลางแม้แต่หยดเดียว, ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนน้ำมันอย่างหนักในยุโรป และราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก . BREAKING: 🇺🇲🇮🇱🇮🇷 The United States and Israel are discussing the option of striking Iran's oil infrastructure in the Persian Gulf – Bloomberg *If they do this, not a drop of oil will leave the Middle East anymore, causing a massive oil shortage in Europe and a huge spike in the price. . 10:07 PM · Oct 3, 2024 · 1.1M Views https://x.com/Megatron_ron/status/1841857671864987995
    Wow
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts