• ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2

    “ลองเชิง”
    ตอน 1
    ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ
    วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก
    เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง
    จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย
    อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ
    เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย…
    เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก
    กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง
    แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม
    Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า
    ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย
    ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง
    รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน
    อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ
    นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก
    วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา
    …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที)
    เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ
    แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น
    ###############
    ตอน 2
    มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา
    งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว
    แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร
    แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย
    ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า
    กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่
    ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน
    อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม
    การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง
    อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว
    แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้
    มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย
    ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ
    คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน
    เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ
    ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 ก.ย. 2558
    ลองเชิง ตอนที่ 1 – 2 “ลองเชิง” ตอน 1 ผมขอลาพักท่านผู้อ่าน กำลังนอนเหยียดคลายเส้น แต่ดันไปห็นข่าวน่าสนใจ และมันอาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้ เลยลุกมาส่งข่าวสั้นๆก่อนครับ วิทยุในเลบานอน Radio Sawt Beirut (Voice of Beirut) คงเหมือนกรมประชาสัมพันธ์บ้านเรานะครับ หวังว่าคงไม่เป็นกรมกร๊วกเหมือนของเรา รายงานเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ว่า แหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเป็นระดับสูงของกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ (Hezbollah) ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของเลบานอน (แต่มีอิหร่านเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่) บอกว่า จีนอาจส่งกองกำลังเข้ามาร่วมการรบที่กำลังดำเนินอยู่ในซีเรียด้วย ถ้าจีนเห็นว่า รัฐบาลของประธานาธิบดี อัสซาด แห่งซีเรีย จะไปไม่รอด หรืออาการหนัก เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ และเป็นก้าวที่สำคัญมากของจีน ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จีนไม่เคยไปรบนอกบ้าน ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นาน 70 ปี แล้ว มังกรปิดถ้ำ ไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และไม่ยุ่งกับใครอยู่นาน มาเปิดถ้ำ โผล่หน้า ก็ในช่วงมังกรเติ้งปกครองจีน หลังจากนั้น ก็มุ่งหน้าค้าขายอย่างเดียว จีนแอบสร้างกองทัพเมื่อไหร่ ใหญ่โตขนาดไหน เป็นเรื่องประมาณการณ์ หรือคาดเดาทั้งสิ้น ไม่มีใครรู้จริง พลเมืองจีนพันสามร้อยล้านคน คิดว่า เขาจะมีกองกำลังจำนวนเท่าไหร่ครับ มาในช่วงหลังปี สองปีนี้เอง ที่มีข่าวว่า จีนมีการฝึกร่วมกับรัสเซีย และจีนเพิ่งเอาตัวอย่างกองทัพ และอาวุธมาโชว์ ในการสวนสนามใหญ่ของจีน เมื่อเดือนที่แล้ว ในวันครบรอบ 70 ปี ของการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่รู้เป็นการส่งสาส์นอะไร มังกรซ่อนเล็บเก่งจะตาย อมริกาเคยประมาทหน้าจีนว่า ต่อให้อีก 20 ปีข้างหน้า กองกำลังและอาวุธของจีน ก็ยังไม่ทันวันนี้ของอเมริกา เป็นการพูดของรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ในการประชุมแลกเปลี่ยนด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ Shangrila Dialogue ที่สิงคโปร์ เมื่อประมาณ 4 ปีก่อน จริง ไม่จริง อีกหน่อยคงได้รู้กัน แต่ช่วยไปรู้กันไกลๆ แดนสยามหน่อยนะครับ เรื่องจีนจะมาร่วมรบในซีเรีย จึงเป็นก้าวสำคัญของจีน และของโลกด้วย… เมื่อตอนที่คุณพี่ปูตินประกาศว่า จะส่งกองกำลังมาซีเรีย เพื่อมาช่วยปราบกลุ่มไอซิส ISIS อิสลามหัวรุนแรง ที่ไม่รู้ใครเอาไปขยายพันธุ์อยู่เต็มซีเรีย และกำลังฮึกเฮิม ตั้งหน้าตั้งตาลุย ถล่มฝ่ายรัฐบาลอัสซาด แค่มีข่าวรัสเซียจะมาซีเรีย อเมริกาก็สำลักพรวดแล้ว จะห้ามรัสเซียก็ไม่ได้ ก็ตัวเองทะลึ่งไปชวนให้ชาวบ้านนานาชาติ ขนกองกำลังร่วม มาช่วยกันปราบพวกไอซิส พอเขามาเข้าจริงๆ จะบอกว่า ไม่เอา ไม่ได้หมายถึงมึงนี้ หมายถึงมึงโน้น คงจะเล่นยาก กองกำลังนานาชาติ เอาเถิดเจ้าล่อ ถล่มเมืองอยู่หลายเดือน จนซีเรียพังเกือบทั้งประเทศก็ยังไล่ทั้งไอซิสและอัสซาดนายกรัฐมนตรีซีเรียไม่ได้ และพวกกบฏ และกลุ่มไอซิส บวก บวก ก็ยังยึดซีเรียไม่ได้ อัสซาดก็เลยยังไม่หล่นจากแท่น ตีนเหนียวยังกับตุ๊กแก ไม่หล่น แต่เปลี้ยเต็มที คุณพี่ปูตินของผมทนไม่ไหว เลยบอก อึดไว้นะเพื่อน เดี๋ยวจะมาช่วย ตอนนั้นก็ไม่มีใครเชื่อ ว่า คุณพี่ปูตินจะมาจริง แต่ปรากฏว่า กองทัพของคุณพี่ปูตินก็มาจริง มาแบบเงียบๆ แต่มาอย่างจัดเต็ม Fox News ของฝ่ายตะวันตกเอง รายงานข่าวพิเศษ เมื่อวันที่ 25 กันยายน ค.ศ.2015 นี้ อย่างน่าชื่นใจมากว่า ….พวกเขา(รัสเซีย) เหมือนโผล่มาจากดิน มาจากไหนไม่รู้ …they are popping up everywhere…. เราไม่รู้เลย แต่ตอนนี้ เขาอยู่กันเต็มไปหมด แถมยังตั้งศูนย์บัญชาการที่เมืองแบกแดดของอิรัค เลยนะ มีทหารรัสเซีย ซีเรีย และอิหร่านร่วมด้วย….อะ อิหร่าน..ด้วย ฝ่ายข่าวกรองปากโป้งของอเมริกา ยังปูดให้ Fox News อีกว่า สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัสเซียสามารถนำเครื่องบินรบจำนวน 24 ลำ เข้าไปในซีเรีย โดยทางอเมริกาไม่รู้เรื่อง รัสเซียนำฝูงเครื่องบินรบซูกอย ตีนกบ Sukhoi Su- 25 เข้าไปจำนวน 12 ลำ และซูกอย จอมสอย Sukhoi 24 อีก 12 ลำ ข่าวว่ารัสเซียนำเครื่องบินรบ บรรทุกในเครื่องบินบรรทุก หลบเข้าใปในอิหร่านก่อน จากนั้นก็บินเข้าซีเรีย จอเรดาร์ทางอเมริกาเห็นไฟแว๊บที่จอ หลังจากนั้นก็ติดตามไม่ได้ ดับหายวับ เข้าใจว่า เครื่องรัสเซียปิดระบบหมด…เครื่องบินฝูงนี้ น่าจะมาถึงอิหร่าน ตั้งแต่ 18,19 กัยยายน อ๊าย ขายหน้าจัง แล้วยังเอามาเล่าอีก แหกเป็นริ้ว เจอแบบนี้กี่ครั้งแล้ว ไม่ว่า เรือดำน้ำ เครื่องบิน โผล่เฉี่ยวใส่หน้าจนเปียกไปหมด ไม่อายเหรอวะ คุยกร่าง สั่งได้แต่กับตัวน้อยๆ แน่จริง สอยร่วงเลยพี่ เครื่องบินหาไม่เจอ แล้ว ที่ไปหาว่าเขามีนิวเคลียร์ นี่จะหาเจอไหม เสี่ยนิวเคลียร์ฝากถามมาครับ นอกจากนี้ ข่าวยังบอกว่า ฝูงเครื่องบืนรบรัสเซีย ไม่ได้ทิ้งระเบิด ไม่ได้ปฏิบัติการต่อสู้ แต่บินวนไปมา แล้วก็ออกไปทางชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน…แน้.. มาแปลก วันพฤหัสที่ 23 กันยายน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของอเมริกา นาย John Kirby ออกมาปฏิเสธข่าว บอกว่า ข่าวกรองของเราไม่ได้ทำงานล้มเหลวนะ ที่ไม่รู้เรื่องเครื่องบิน 24 ลำ ของรัสเซีย ….คราวที่แล้วก็บอกอย่างนี้แหละ ไม่ล้มเหลว แต่มองไม่เห็น ฮา …. เราบอกได้ว่า เราเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด ใกล้ชิดมาก …very, very closely…และเราไม่ใช่ไม่รู้ว่า รัสเซียคิดทำอะไร ( ไม่ใช่ไม่รู้ …แต่เรามองไม่ทัน มองไม่เห็น..ฮา อีกที) เมื่อสื่อไปถามคุณหน้าเต้าหู้ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของอเมริกา Ash Carter ตอบว่า รัสเซียมาร่วมในซีเรีย ก็เหมือนเอาน้ำมันมาราดใส่ พวกไอซิส …ฟังแล้ว ไม่รู้ชอบใจ หรือไม่ชอบใจกันแน่ พวก ก.ต. นี่ มัน ก. ต. จริงๆ แต่ท่านนายพล เดวิด เพทรุส อดีตหัวหน้าสำนักงานซีไอเอ ให้การต่อสภาสูงของอเมริกาว่า การที่อเมริกา ไม่มีบทบาทในซีเรีย จะสร้างความเสี่ยงให้กับอเมริกาเอง การเพิ่มกองกำลังในซีเรียของรัสเซีย มันเป็นเครื่องเตือนเราว่า ถ้าเราไม่ทำอะไร คนอื่นจะเข้าไปแทนที่เรา… และส่วนใหญ่เป็นผลเสียกับประโยชน์ของเราทั้งสิ้น ############### ตอน 2 มีรายงานพิเศษจากแหล่งข่าวในตะวันออกกลาง เมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ.2015 ว่า ระหว่างที่นายโอบามา กำลังฉีกยิ้ม ที่ค่อนข้างฝืด จับมือต้อนรับ อาเฮียสี จากเมืองจีน เมื่อวันศุกร์ ที่ 25 กันยายน นั้น เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน Liaoning -CV-16 ก็เข้าจอดเทียบท่าเรือทาร์ทัส Tartus ในซีเรีย เรียบร้อยแล้ว โดยมีเรือติดจรวด นำร่องมา งวดนี้ เชิงมังกรร่อนฟ้า เฉี่ยวหน้านกอินทรีย์ นี่ร้ายเหลือ ด้านหนึ่งก็จับมือ ตามบท อีกด้าน ส่งเครื่องบินรบเข้าประจำการณ์ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการของเพื่อนรัก มังกรไม่ใช่แค่เล่นน้ำอยู่แถวทะเลจีนแล้ว แค่กองทัพรัสเซียเข้าไปในซีเรีย อเมริกาก็สำลักแล้ว ตอนนี้จีนบอกเพื่อนกันไม่ทิ้งกัน รัสเซียมา จีนไม่มาได้อย่างไร คราวนี้ อเมริกาจะว่าอย่างไร แหล่งข่าวบอกว่า เรือบรรทุกเครื่องบินของจีน ผ่านคลองสุเอซ ในวันที่ 22 กันยายน หนึ่งวัน หลังจากที่นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลไปนั่งหน้าเจ๋อ คุยกับคุณพี่ปูตินที่มอสโคว์ เขาว่า คุณพี่ปูตินคุยทุกเรื่อง ยกเว้น เรื่องเรือบรรทุกเครื่องบินจีน และที่สำคัญ ไม่บอกว่าเรือกำลังจะจอดอยู่หน้าบ้านยิวด้วย ใครๆ ก็บอกว่า คุณพี่ปูตินของผม เล่นหมากรุกเก่ง ไอ้นั่นน่ะของตาย แต่ผมว่าตอนนี้แกกำลังเล่น เผ นะ และทำท่าจะชอบเสียด้วย กบไต๋ เอซ แต่แกล้งส่ายหน้า ทำท่าเหมือนจะหลบ โอ้ย สนุกจริง เส้นตึงยังไงก็ต้องลุกมาเขียน มึงนึกว่าตั้งหม้อต้มเป็นคนเดียวหรือไง คราวนี้ จะได้รู้มั่ง จีนน่ะ เขาตุ๋นอาหาร ตุ๋นยา ก่อนอเมริกาจะเกิดอีก ไหนว่า การข่าวเก่งกันทั้งนั้น กรองยังไงวะให้เรือบรรทุกเครื่องบิน ลำเบ้อเริ่มผ่านจมูกไปไม่ได้กลิ่นเลย พวกมึงก็เก่งแต่รวนเพจคนแก่เขียนนิทานเท่านั้นละว้า กว่าอเมริกาจะรู้เรื่อง เรือบรรทุกเครื่องบินจีน ก็เทียบท่าที่ซีเรียเรียบร้อยแล้ว เขาว่า จอห์น แครี่ รัฐมนตรี ต่างประเทศของไอ้นักล่า ถึงกับหน้าตกลงไปเกือบถึงพื้น รีบสั่งให้ปลัดกระทรวง Wendy Sherman ที่เป็นหัวหน้าทีมในการเจรจานิวเคลียร์กับอิหร่าน ให้ออกข่าวว่า รัฐบาลโอบามา พร้อมหารือเรื่องสถานการณ์ในซีเรียกับอิหร่าน และจะมีการคุยกันถึงเรื่องนี้ ระหว่างคุณหน้าตก กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในวันที่ 26 กันยายน ที่นิวยอร์ค ….สายไปหน่อยไหมพี่ ระหว่างที่ผมเขียนนิทานนี่ ยังไม่เห็นข่าวอะไรนะ ซีเอนเอน เสนอข่าวสันตปาปา มา 3 วัน 3 คืนแล้ว สงสัยรู้กัน ตีกรรเชียงไปก่อน อเมริกาหวังจะข้ามหน้า ไม่ต้องคุยกับรัสเซียและจีนเรื่องซีเรีย โดยจะข้ามไปพูดกับอิหร่าน ที่อเมริกา “คิด” ว่า ต้วถือไพ่เหนือมือ แต่อิหร่านเอง ก็ขนกองทัพเข้าไปในซีเรียเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน โดยมีกองกำลังภาคพื้นดิน ทางอากาศ และทางเรือจากรัสเซียและจีน สนับสนุนอย่างนี้ คิดว่าอิหร่านจะถอยทัพออกมาไหม การเดินหมากกระดานนี้ ของฝ่ายเบื่ออเมริกา (ผมใช้คำเบามากนะครับวันนี้สงสัยเขาให้กินยากันด่า เข้าไปแยะ) แยบยลมาก การเจรจานิวเคลียร์ของอิหร่าน เหมือนจะเป็นการจูงให้อเมริกาเดินไปในเกม ที่คนอื่นกำกับบ้าง อเมริกาอาจจะไม่ได้เป็นผู้กำหนด และกำกับเกมในโลกนี้แต่ฝ่ายเดียวอีกต่อไปแล้ว แหล่งข่าวจากตะวันออกกลางยังรายงานว่า ดูเหมือนจีนมีแผนอยู่ยาวในซีเรีย ไม่ใช่แค่มาแวะจอดเรือจับมือเพื่อน แล้วท่องทะเลกลับบ้าน เขาบอกว่า ชุดใหญ่ของจีน ที่มีทั้งเครื่องบินรบ และเครื่องฮอ น่าจะบินตรงมาจากจีนเข้าอิหร่าน ในเดือนพฤศจิกายน หรือเรือบรรทุกเครื่องบิน ขนาดยักษ์ของรัสเซีย จะไปช่วยอำนวยความสะดวกขนมาให้ มิน่า War room ระหว่างรัสเซีย ซีเรีย อิหร่าน ถึงได้รีบตั้งที่แบกแดด เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และก็เป็นคาดเดากันว่า รัสเซียก็คงอยู่ยาว และคงไม่อยู่ที่ซีเรียเท่านั้น ตอนนี้ก็ชัดว่า อยู่ในแบกแดดด้วย ส่วนจีนข่าวว่า จะส่งเครื่องบินรบชนิด J-15 ฉลามศึก ที่ขึ้นจากลานบินบนเรือบรรทุกได้ ไม่ต้องไปนอนรออยู่ที่ฐานไหน แถมด้วย Z-18F เครื่องบินไว้ถล่มเรือดำน้ำโดยเฉพาะมาด้วย ถ้ายังไม่พอ เอา Z- 18J ไปด้วย เอาอะไรอีกมั้ย อ้อ นาวิก ไง ที่เขาว่า ฝึกโหดยิ่งกว่าหน่วยซีลของใบตองแห้ง เอาไปด้วยอีกพันคน ตกลงนี่ จะไปถล่มไอซิสแน่หรือครับอาเฮีย ไอซิสมันไม่มีเรือดำน้ำนะครับ คุณพี่ปูและอาเฮียสี ฝากบอกมาว่า เราเพียงต้อง “จัดการ” เก็บกวาดให้เรียบร้อยไม่ให้เหลือหน่อ เหลือต้น ของพวกผู้ก่อการร้าย (ใครมั่งนะ) ให้กลับมางอกอยู่แถว เชนยา คอเคซัส ของรัสเซีย หลังจากเสร็จศึกในซีเรีย ส่วนจีนก็บอกว่า เบื่อแล้วเหมือนกัน ที่พวกนักรบอุยกูร์ ที่เดี๋ยวเข้าตะวันออกกลาง เดี๋ยวกลับออกมาสร้างความวุ่นวายในซินเจียงของจีน เอาละครับ ประสานเสียงตอบกันมาอย่างนี้ ผมก็ไม่ขัดใจ แต่ผมกลัวจะไปไกลกว่านั้นจัง วันนี้เอาพอสังเขป เป็นหนังตัวอย่างก่อน แล้วจะกลับมาขยายความที่หลังนะครับ ที่ประชุมยูเอ็น ก็เป็นรายการหน้าฉาก ออกแขก ออกฝรั่งกันไป แต่ฉากหลังสงสัยจะเล่นรายการออกอาวุธกันแล้ว สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 ก.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงมองทางออกศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้ “ทหารควบคู่การทูต” พร้อมชี้เป้าปัญหาหลักคือขบวนการสแกมเมอร์ที่หล่อเลี้ยงระบอบฮุน เซน
    .
    เตือนชีวิตทหาร–ประชาชนไม่ควรต้องสูญเสียไปกับสงครามที่ยืดเยื้อ ย้ำแนวคิด “ไม่มีการรบใดไม่จบที่โต๊ะเจรจา” พร้อมเสนอ 3 แนวรบ—ทหาร, การทูต, ปราบสแกมเมอร์-เพื่อกดดันกัมพูชากลับสู่ข้อตกลงและยุติวงจรปะทะให้ได้ถาวร
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118283
    .
    #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #ชายแดนตึงเครียด #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #สแกมเมอร์ #การทูต #ความมั่นคง
    “เท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงมองทางออกศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้ “ทหารควบคู่การทูต” พร้อมชี้เป้าปัญหาหลักคือขบวนการสแกมเมอร์ที่หล่อเลี้ยงระบอบฮุน เซน . เตือนชีวิตทหาร–ประชาชนไม่ควรต้องสูญเสียไปกับสงครามที่ยืดเยื้อ ย้ำแนวคิด “ไม่มีการรบใดไม่จบที่โต๊ะเจรจา” พร้อมเสนอ 3 แนวรบ—ทหาร, การทูต, ปราบสแกมเมอร์-เพื่อกดดันกัมพูชากลับสู่ข้อตกลงและยุติวงจรปะทะให้ได้ถาวร . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118283 . #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #ชายแดนตึงเครียด #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #สแกมเมอร์ #การทูต #ความมั่นคง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! รายงานจากเพจ Army Military Force ระบุว่า 16.00 น. วันนี้ ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มกองบัญชาการกองพันสนับสนุนที่ 9 ของกัมพูชา จุดรวมพลกองกำลัง BHQ จนเกิดความเสียหายหนัก
    .
    ขณะเดียวกัน กลุ่มเทเลแกรมทหารกัมพูชาเผยข้อมูลว่าอาจมีผู้เสียชีวิต 46 ราย แต่ถูกลบหายภายใน 5 นาที ทำให้ข้อมูลยังต้องติดตามการยืนยันอย่างเป็นทางการ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118285
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ปะทะชายแดน #กองทัพไทย #กัมพูชา
    ด่วน! รายงานจากเพจ Army Military Force ระบุว่า 16.00 น. วันนี้ ทหารไทยใช้ปืนใหญ่ยิงถล่มกองบัญชาการกองพันสนับสนุนที่ 9 ของกัมพูชา จุดรวมพลกองกำลัง BHQ จนเกิดความเสียหายหนัก . ขณะเดียวกัน กลุ่มเทเลแกรมทหารกัมพูชาเผยข้อมูลว่าอาจมีผู้เสียชีวิต 46 ราย แต่ถูกลบหายภายใน 5 นาที ทำให้ข้อมูลยังต้องติดตามการยืนยันอย่างเป็นทางการ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118285 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ปะทะชายแดน #กองทัพไทย #กัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • "Brainquake" การค้นพบใหม่ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจเรื่องโรคจิตเภท

    นักวิจัยจากศูนย์ TReNDS (Translational Research in Neuroimaging and Data Science) เมืองแอตแลนตา พบสิ่งที่เรียกว่า “Brainquake” หรือการสั่นสะเทือนของเครือข่ายสมอง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในผู้ที่มีโรคจิตเภทและไบโพลาร์มากกว่าคนทั่วไป การสั่นนี้เปรียบเสมือนภูเขาไฟที่ปะทุเป็นระยะ ๆ ทำให้การเชื่อมต่อของสมองไม่เสถียร

    กลไกที่อยู่เบื้องหลัง
    Brainquake เกิดจากความไม่สมดุลระหว่าง redundancy (การประมวลผลข้อมูลซ้ำเพื่อความทนทาน) และ synergy (การประมวลผลข้อมูลเสริมเพื่อความซับซ้อน) ในสมองของผู้ป่วย พบว่ามีการเชื่อมต่อที่สุ่มและไม่เป็นระบบมากกว่าในคนปกติ ส่งผลต่อการทำงานของสมองในด้านอารมณ์ ความจำ และการรับรู้

    หลักฐานจากการศึกษา
    การทดลองใช้การสแกนสมองของผู้เข้าร่วมกว่า 1,100 คน รวมถึงผู้ป่วยจิตเภท 288 คน และไบโพลาร์ 183 คน พบว่า Brainquake ปรากฏชัดเจนในกลุ่มผู้ป่วย แม้ในช่วงที่พวกเขาอยู่ในสภาวะจิตใจคงที่และไม่ได้มีอาการกำเริบก็ตาม

    ความหมายต่ออนาคต
    แม้ยังไม่ชัดเจนว่า Brainquake เป็นสาเหตุหรือผลลัพธ์ของโรคจิตเภท แต่การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างสมองที่ผิดปกติได้ดีขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีตรวจจับความเสี่ยง รวมถึงแนวทางการรักษาที่แม่นยำและมีผลข้างเคียงน้อยลงในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Brainquake คือการสั่นสะเทือนของเครือข่ายสมอง
    พบมากในผู้ป่วยโรคจิตเภทและไบโพลาร์

    เกิดจากความไม่สมดุลของ redundancy และ synergy
    ทำให้การเชื่อมต่อสมองสุ่มและไม่เป็นระบบ

    การสแกนสมองกว่า 1,100 คนยืนยันการมีอยู่ของ Brainquake
    แม้ในช่วงที่ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะจิตใจคงที่

    ยังไม่ชัดเจนว่า Brainquake เป็นสาเหตุหรือผลลัพธ์ของโรคจิตเภท
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์และผลกระทบต่อการทำงานของสมอง

    https://www.sciencealert.com/brainquake-discovery-could-change-what-we-know-about-schizophrenia
    🧠 "Brainquake" การค้นพบใหม่ที่อาจเปลี่ยนความเข้าใจเรื่องโรคจิตเภท นักวิจัยจากศูนย์ TReNDS (Translational Research in Neuroimaging and Data Science) เมืองแอตแลนตา พบสิ่งที่เรียกว่า “Brainquake” หรือการสั่นสะเทือนของเครือข่ายสมอง ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในผู้ที่มีโรคจิตเภทและไบโพลาร์มากกว่าคนทั่วไป การสั่นนี้เปรียบเสมือนภูเขาไฟที่ปะทุเป็นระยะ ๆ ทำให้การเชื่อมต่อของสมองไม่เสถียร 🔬 กลไกที่อยู่เบื้องหลัง Brainquake เกิดจากความไม่สมดุลระหว่าง redundancy (การประมวลผลข้อมูลซ้ำเพื่อความทนทาน) และ synergy (การประมวลผลข้อมูลเสริมเพื่อความซับซ้อน) ในสมองของผู้ป่วย พบว่ามีการเชื่อมต่อที่สุ่มและไม่เป็นระบบมากกว่าในคนปกติ ส่งผลต่อการทำงานของสมองในด้านอารมณ์ ความจำ และการรับรู้ 📊 หลักฐานจากการศึกษา การทดลองใช้การสแกนสมองของผู้เข้าร่วมกว่า 1,100 คน รวมถึงผู้ป่วยจิตเภท 288 คน และไบโพลาร์ 183 คน พบว่า Brainquake ปรากฏชัดเจนในกลุ่มผู้ป่วย แม้ในช่วงที่พวกเขาอยู่ในสภาวะจิตใจคงที่และไม่ได้มีอาการกำเริบก็ตาม 🌍 ความหมายต่ออนาคต แม้ยังไม่ชัดเจนว่า Brainquake เป็นสาเหตุหรือผลลัพธ์ของโรคจิตเภท แต่การค้นพบนี้ช่วยให้เข้าใจโครงสร้างสมองที่ผิดปกติได้ดีขึ้น และอาจนำไปสู่การพัฒนาวิธีตรวจจับความเสี่ยง รวมถึงแนวทางการรักษาที่แม่นยำและมีผลข้างเคียงน้อยลงในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Brainquake คือการสั่นสะเทือนของเครือข่ายสมอง ➡️ พบมากในผู้ป่วยโรคจิตเภทและไบโพลาร์ ✅ เกิดจากความไม่สมดุลของ redundancy และ synergy ➡️ ทำให้การเชื่อมต่อสมองสุ่มและไม่เป็นระบบ ✅ การสแกนสมองกว่า 1,100 คนยืนยันการมีอยู่ของ Brainquake ➡️ แม้ในช่วงที่ผู้ป่วยอยู่ในสภาวะจิตใจคงที่ ‼️ ยังไม่ชัดเจนว่า Brainquake เป็นสาเหตุหรือผลลัพธ์ของโรคจิตเภท ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความสัมพันธ์และผลกระทบต่อการทำงานของสมอง https://www.sciencealert.com/brainquake-discovery-could-change-what-we-know-about-schizophrenia
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Brainquake' Discovery Could Change What We Know About Schizophrenia
    When the brain's typical wiring patterns shift from the norm, it leads to psychotic disorders such as schizophrenia and bipolar disorder.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA

    หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ

    เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E
    HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้

    ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก
    ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล

    ความเสี่ยงและการแข่งขัน
    แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ
    ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA)
    ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin

    HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60%
    ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin
    รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง
    ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา

    การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง
    Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s
    SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด

    ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก
    อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    🚀 Samsung เร่งสปีด HBM4 เพื่อจับมือ NVIDIA หลังจากเคยถูกมองว่าตามหลังคู่แข่งในตลาด HBM ซัมซุงได้พัฒนา HBM4 (High Bandwidth Memory รุ่นที่ 6) เสร็จสมบูรณ์ และผ่านขั้นตอน Production Readiness Approval (PRA) ซึ่งถือเป็นด่านสุดท้ายก่อนการผลิตจำนวนมาก ขณะนี้บริษัทได้ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบสำหรับแพลตฟอร์ม GPU รุ่นใหม่ “Rubin” โดยผลทดสอบเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่า HBM4 สามารถทำความเร็วได้ถึง 11Gbps ต่อ pin ซึ่งเกินมาตรฐานที่ NVIDIA ต้องการ ⚡ เทคโนโลยีที่เหนือกว่า HBM3E HBM4 ของซัมซุงถูกคาดว่าจะให้ แบนด์วิดท์สูงขึ้นกว่า HBM3E ราว 60% ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่สำหรับงานด้าน AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ความเร็วนี้ไม่เพียงตอบโจทย์การ์ดจอรุ่นใหม่ แต่ยังช่วยให้ศูนย์ข้อมูล AI สามารถทำงานได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยคู่แข่งอย่าง Micron และ SK Hynix ก็เร่งพัฒนาเช่นกัน แต่ซัมซุงหวังจะกลับมาเป็นผู้นำในตลาดนี้ 🌐 ความต้องการ AI ชิปทั่วโลก ปี 2025 ความต้องการชิปสำหรับ AI พุ่งสูงจนเกิด วิกฤติขาดแคลนหน่วยความจำทั่วโลก ทั้ง DRAM และ NAND flash ราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง และผู้ผลิตสมาร์ทโฟนถึงขั้นพิจารณานำ microSD card slot กลับมาเพื่อบรรเทาผลกระทบ การที่ซัมซุงสามารถผลิต HBM4 ได้ทันเวลา จึงอาจเป็นโอกาสสำคัญในการครองตลาดและสร้างรายได้มหาศาล ⚠️ ความเสี่ยงและการแข่งขัน แม้ซัมซุงจะมีความได้เปรียบ แต่การแข่งขันกับ Micron และ SK Hynix ยังคงดุเดือด โดย Micron ได้เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 2.8TB/s ซึ่งอาจกดดันซัมซุงในเชิงเทคนิคและราคา นอกจากนี้ ความต้องการที่สูงเกินไปอาจทำให้เกิด ภาวะขาดแคลนชิปต่อเนื่องไปจนถึงปี 2028 ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ซัมซุงพัฒนา HBM4 สำเร็จ ➡️ ผ่านการตรวจสอบ Production Readiness Approval (PRA) ➡️ ส่งตัวอย่างไปให้ NVIDIA ทดสอบบนแพลตฟอร์ม Rubin ✅ HBM4 เร็วกว่า HBM3E ราว 60% ➡️ ความเร็วสูงถึง 11Gbps ต่อ pin ➡️ รองรับงาน AI และศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ✅ ตลาด AI ชิปกำลังขาดแคลนทั่วโลก ➡️ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูง ➡️ ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนพิจารณานำ microSD card slot กลับมา ‼️ การแข่งขันกับคู่แข่งยังรุนแรง ⛔ Micron เปิดตัว HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์ 2.8TB/s ⛔ SK Hynix ยังคงเป็นคู่แข่งสำคัญในตลาด ‼️ ความเสี่ยงจากวิกฤติชิปทั่วโลก ⛔ อาจเกิดภาวะขาดแคลนต่อเนื่องถึงปี 2028 ⛔ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อาจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง https://wccftech.com/once-left-behind-samsung-is-now-regaining-momentum-in-its-hbm-business/
    WCCFTECH.COM
    Once Left Behind, Samsung Is Now Regaining Momentum in Its HBM Business as It Targets NVIDIA’s HBM4 Approval as Early as This Month
    Samsung's HBM business is expected to see a turnaround next year, as the Korean giant is on track to secure HBM4 qualification.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • "TSMC เร่งสร้างโรงงาน Advanced Packaging ใน Arizona – ใกล้สู่การผลิตชิป 'Made in USA'"

    รายงานจาก Liberty Times ระบุว่า TSMC อาจกำลังปรับแผนการขยายโรงงานใน Arizona โดยเปลี่ยนพื้นที่ที่เดิมตั้งใจสร้าง Fab 21 Phase 6 ให้กลายเป็น Advanced Packaging Facility แทน ซึ่งหากเป็นจริง จะทำให้ TSMC สามารถผลิตชิปที่ ครบวงจรในสหรัฐฯ ได้ก่อนปี 2030【edge_current_page_context】

    ปัจจุบัน แม้ TSMC จะมีการผลิตเวเฟอร์ที่ Fab 21 ใน Arizona แต่ขั้นตอน dicing, testing และ packaging ยังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวัน ทำให้ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่ถือว่า “100% American-made” การเร่งสร้างโรงงาน packaging ในพื้นที่เดียวกันจะช่วยแก้ปัญหานี้ และลดความเสี่ยงจากภาษีหรือข้อจำกัดด้านการนำเข้า

    ตามแผนล่าสุด TSMC จะสร้าง 6 โมดูล Fab 21, 2 โรงงาน advanced packaging, และ R&D center โดยโรงงาน packaging ใหม่นี้อาจเริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 และเข้าสู่การผลิตเชิงทดลองหลังจากนั้นไม่นาน

    นอกจากนี้ TSMC ยังมีความร่วมมือกับ Amkor ซึ่งกำลังสร้างโรงงาน assembly และ test ใกล้กับ Fab 21 โดยมี Apple เป็นลูกค้าหลัก และคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2028 แต่การเร่งสร้างโรงงานของ TSMC เองจะช่วยให้บริษัทมี backend capacity เร็วกว่าการพึ่งพาพันธมิตร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถานการณ์ปัจจุบัน
    Fab 21 Arizona ผลิตเวเฟอร์ แต่ยังต้องส่งไปไต้หวันเพื่อ packaging
    ทำให้ชิปไม่ถือว่า “100% Made in USA”

    แผนใหม่ของ TSMC
    เปลี่ยนพื้นที่ Fab 21 Phase 6 เป็น Advanced Packaging Facility
    เริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027
    ทำให้สหรัฐฯ มีชิปที่ผลิตครบวงจรในประเทศ

    ความร่วมมือกับ Amkor
    Amkor สร้างโรงงาน assembly/test ใกล้ Fab 21
    Apple เป็นลูกค้าหลัก เริ่มผลิตปี 2028
    แต่ TSMC เร่งสร้างเองเพื่อให้ backend capacity พร้อมเร็วกว่า

    ปัจจัยที่ผลักดัน
    ความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่
    ความเสี่ยงจากภาษีและการนำเข้า
    ความจำเป็นในการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-could-be-inching-closer-to-making-all-american-chips-report-says-it-is-accelerating-an-advanced-packaging-facility-in-arizona
    🇺🇸 "TSMC เร่งสร้างโรงงาน Advanced Packaging ใน Arizona – ใกล้สู่การผลิตชิป 'Made in USA'" รายงานจาก Liberty Times ระบุว่า TSMC อาจกำลังปรับแผนการขยายโรงงานใน Arizona โดยเปลี่ยนพื้นที่ที่เดิมตั้งใจสร้าง Fab 21 Phase 6 ให้กลายเป็น Advanced Packaging Facility แทน ซึ่งหากเป็นจริง จะทำให้ TSMC สามารถผลิตชิปที่ ครบวงจรในสหรัฐฯ ได้ก่อนปี 2030【edge_current_page_context】 ปัจจุบัน แม้ TSMC จะมีการผลิตเวเฟอร์ที่ Fab 21 ใน Arizona แต่ขั้นตอน dicing, testing และ packaging ยังต้องส่งกลับไปที่ไต้หวัน ทำให้ชิปที่ผลิตในสหรัฐฯ ไม่ถือว่า “100% American-made” การเร่งสร้างโรงงาน packaging ในพื้นที่เดียวกันจะช่วยแก้ปัญหานี้ และลดความเสี่ยงจากภาษีหรือข้อจำกัดด้านการนำเข้า ตามแผนล่าสุด TSMC จะสร้าง 6 โมดูล Fab 21, 2 โรงงาน advanced packaging, และ R&D center โดยโรงงาน packaging ใหม่นี้อาจเริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 และเข้าสู่การผลิตเชิงทดลองหลังจากนั้นไม่นาน นอกจากนี้ TSMC ยังมีความร่วมมือกับ Amkor ซึ่งกำลังสร้างโรงงาน assembly และ test ใกล้กับ Fab 21 โดยมี Apple เป็นลูกค้าหลัก และคาดว่าจะเริ่มผลิตในปี 2028 แต่การเร่งสร้างโรงงานของ TSMC เองจะช่วยให้บริษัทมี backend capacity เร็วกว่าการพึ่งพาพันธมิตร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถานการณ์ปัจจุบัน ➡️ Fab 21 Arizona ผลิตเวเฟอร์ แต่ยังต้องส่งไปไต้หวันเพื่อ packaging ➡️ ทำให้ชิปไม่ถือว่า “100% Made in USA” ✅ แผนใหม่ของ TSMC ➡️ เปลี่ยนพื้นที่ Fab 21 Phase 6 เป็น Advanced Packaging Facility ➡️ เริ่มติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในปี 2027 ➡️ ทำให้สหรัฐฯ มีชิปที่ผลิตครบวงจรในประเทศ ✅ ความร่วมมือกับ Amkor ➡️ Amkor สร้างโรงงาน assembly/test ใกล้ Fab 21 ➡️ Apple เป็นลูกค้าหลัก เริ่มผลิตปี 2028 ➡️ แต่ TSMC เร่งสร้างเองเพื่อให้ backend capacity พร้อมเร็วกว่า ‼️ ปัจจัยที่ผลักดัน ⛔ ความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่ ⛔ ความเสี่ยงจากภาษีและการนำเข้า ⛔ ความจำเป็นในการแข่งขันกับคู่แข่งระดับโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tsmc-could-be-inching-closer-to-making-all-american-chips-report-says-it-is-accelerating-an-advanced-packaging-facility-in-arizona
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3”

    ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย:
    Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz
    Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์
    Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB
    Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB

    ผลทดสอบประสิทธิภาพ
    Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย
    Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า
    Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V
    Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด

    การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา
    มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน

    ความคาดหวังใน CES 2026
    Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench
    Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332

    ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี
    Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme

    OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H
    Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า

    คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026
    เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld

    ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น
    อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์

    รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง
    อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง

    https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    ⚡ หลุดผลทดสอบ และรายละเอียด Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” ข่าวนี้เผยผลทดสอบหลุดของซีพียู Intel Panther Lake “Core Ultra Series 3” หลายรุ่น เช่น Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365 และ Ultra 5 332 โดยมีทั้งสเปกและคะแนนเบื้องต้นจาก PassMark และ Geekbench ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของ Intel ในการแข่งขันกับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ อันประกอบไปด้วย: 💠 Core Ultra 7 366H: 16 คอร์, L3 cache 18MB, L2 cache 12MB, ความเร็วบูสต์ ~5.0 GHz 💠 Core Ultra X7 358H: 16 คอร์, ความเร็วบูสต์ 4.8 GHz, มาพร้อม iGPU Xe3 เต็ม 12 คอร์ 💠 Core Ultra 7 365: 8 คอร์, L3 12MB, L2 12MB 💠 Core Ultra 5 332: 6 คอร์, L3 12MB, L2 6MB 📊 ผลทดสอบประสิทธิภาพ 🎗️ Core Ultra 7 366H ทำคะแนนใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285H แม้ความเร็วต่ำกว่าเล็กน้อย 🎗️ Core Ultra X7 358H เร็วกว่ารุ่น Ultra 7 255H แม้มีคอร์น้อยกว่า 🎗️ Core Ultra 7 365 เร็วกว่าทั้ง Ryzen AI Z2 Extreme และ Ultra 5 226V 🎗️ Core Ultra 5 332 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่ช้ากว่ารุ่นอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด 🎮 การทดสอบบนเครื่องเล่นพกพา มีการพบ OneXPlayer X1 i ที่ใช้ Core Ultra 5 338H (12 คอร์, 4.6 GHz) โดยผล Geekbench แสดงว่า Single-Core ต่ำกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Multi-Core สูงกว่า แสดงให้เห็นว่า Panther Lake อาจมีศักยภาพในงานที่ใช้หลายคอร์พร้อมกัน 🌍 ความคาดหวังใน CES 2026 Intel เตรียมเปิดตัว Core Ultra Series 3 “Panther Lake” อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะเป็นการต่อสู้ครั้งใหญ่กับ AMD Ryzen AI รุ่นใหม่ โดยเฉพาะในตลาดโน้ตบุ๊กและเครื่องเล่นพกพาที่ต้องการทั้งประสิทธิภาพและประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Intel Panther Lake หลายรุ่นถูกทดสอบบน PassMark และ Geekbench ➡️ Core Ultra 7 366H, X7 358H, 7 365, 5 332 ✅ ผลทดสอบชี้ว่ารุ่นกลางและสูงแข่งกับ Ryzen AI ได้สูสี ➡️ Ultra 7 365 เร็วกว่ารุ่น Ryzen AI Z2 Extreme ✅ OneXPlayer X1 i ใช้ Core Ultra 5 338H ➡️ Multi-Core ดีกว่า Ryzen AI 9 HX 370 แต่ Single-Core ต่ำกว่า ✅ คาดว่าจะเปิดตัว CES 2026 ➡️ เป็นการกลับมาของ Intel ในตลาดโน้ตบุ๊กและ handheld ‼️ ผลทดสอบยังเป็นเพียงตัวเลขเบื้องต้น ⛔ อาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดตัวจริงและมีการปรับแต่งเฟิร์มแวร์ ‼️ รุ่นเริ่มต้น Ultra 5 332 ยังช้ากว่าคู่แข่ง ⛔ อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง https://wccftech.com/intel-panther-lake-cpu-benchmarks-leak-core-ultra-7-366h-x7-358h-7-365-5-332-handheld/
    WCCFTECH.COM
    Several Intel Panther Lake CPU Benchmarks Leak: Core Ultra 7 366H, Ultra X7 358H, Ultra 7 365, & Ultra 5 332, First Panther Lake Handheld Spotted
    Several Intel Panther Lake "Core Ultra Series 3" CPUs & a handheld have been leaked and benchmarked within the PassMark Software suite.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน

    ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า

    รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด
    ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090
    เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s
    Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต

    ความเสี่ยงและข้อกังวล
    ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน
    อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028

    ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090
    ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth

    ผลกระทบต่อการแข่งขัน
    จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308

    คำเตือนและข้อกังวล
    Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล
    การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    🏛️ ข่าวใหญ่: SAFE Chips Act จำกัดการส่งออกชิป AI ไปจีน ร่างกฎหมาย SAFE Chips Act (Secure and Feasible Exports of Chips Act of 2025) ถูกเสนอโดยกลุ่มวุฒิสมาชิกทั้งพรรครีพับลิกันและเดโมแครต มีเป้าหมายเพื่อ ล็อกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI และ HPC ที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เคยออกไว้แล้วให้กลายเป็นกฎหมายถาวร หากผ่าน จะทำให้บริษัทอย่าง Nvidia และ AMD ไม่สามารถขายชิปสถาปัตยกรรมใหม่ เช่น Blackwell หรือ MI355X ให้กับจีนได้ในช่วง 30 เดือนข้างหน้า 🔧 รายละเอียดทางเทคนิคของข้อจำกัด 💠 ชิปที่ถูกจัดว่าเป็น “ขั้นสูง” จะถูกควบคุมตามเกณฑ์ ECCN 3A090/4A090 💠 เกณฑ์ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ เช่น TPP ≥ 4,800, แบนด์วิดท์ DRAM ≥ 4,100 GB/s, และแบนด์วิดท์รวม DRAM+Interconnect ≥ 5,000 GB/s 💠 Nvidia และ AMD จึงสามารถขายได้เพียง H20 และ MI308 ที่ถูกออกแบบให้ต่ำกว่าเกณฑ์ดังกล่าว 🌍 ผลกระทบต่อการแข่งขัน แม้ Nvidia และ AMD จะยังสามารถขายรุ่นลดสเปกให้จีน แต่คู่แข่งในประเทศ เช่น Huawei Ascend 910C และ Ascend 950 กำลังพัฒนาได้เร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้จีนอาจลดการพึ่งพาชิปจากสหรัฐฯ และเร่งสร้างระบบนิเวศของตัวเอง ขณะที่ Nvidia เตือนว่าการห้ามขายชิปขั้นสูงอาจทำให้บริษัทสูญเสียตลาดและเปิดโอกาสให้จีนครองความเป็นผู้นำในอนาคต ⚠️ ความเสี่ยงและข้อกังวล ร่างกฎหมายนี้ยังต้องผ่านการพิจารณาของสภาคองเกรส แต่หากบังคับใช้จริง อาจกระทบต่อรายได้ของบริษัทสหรัฐฯ และการลงทุนด้าน R&D ขณะเดียวกันก็อาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีของตนเองเร็วขึ้น ซึ่งอาจสร้างผลกระทบต่อการแข่งขันระดับโลกในระยะยาว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SAFE Chips Act เสนอจำกัดการส่งออกชิป AI ขั้นสูงไปจีน ➡️ อนุญาตให้ขายเฉพาะ Nvidia H20 และ AMD MI308 จนถึงปี 2028 ✅ ข้อจำกัดทางเทคนิคตาม ECCN 3A090/4A090 ➡️ ครอบคลุมค่าประสิทธิภาพ TPP, DRAM และ Interconnect bandwidth ✅ ผลกระทบต่อการแข่งขัน ➡️ จีนเร่งพัฒนา Huawei Ascend ที่แรงกว่า H20 และ MI308 ‼️ คำเตือนและข้อกังวล ⛔ Nvidia อาจสูญเสียตลาดและรายได้มหาศาล ⛔ การห้ามขายอาจผลักดันให้จีนพัฒนาเทคโนโลยีเร็วขึ้นและลดการพึ่งพาสหรัฐฯ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/senators-lobby-for-safe-chips-act-which-would-curb-leading-edge-ai-chip-exports-to-china-proposed-bill-would-restrict-amd-and-nvidia-to-h20-mi308-class-accelerator-sales-until-2028
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cloudflare ล่มทั่วโลก 5 ธันวาคม 2025

    วันที่ 5 ธันวาคม 2025 Cloudflare เกิดเหตุขัดข้องทั่วโลกกว่า 25 นาที ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์และบริการสำคัญจำนวนมาก สาเหตุเกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อป้องกันช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components (CVE-2025-55182) ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้โจมตีแบบ Remote Code Execution ได้

    Cloudflare ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่สำคัญ เกิดเหตุขัดข้องราว 25 นาทีในช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม 2025 ส่งผลให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมาก เช่น LinkedIn, Spotify, Canva, Coinbase, Kraken และแม้แต่ ChatGPT ไม่สามารถใช้งานได้ ผู้ใช้ทั่วโลกพบเจอข้อความ HTTP 500 Internal Server Error ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบหลังบ้านของ Cloudflare

    สาเหตุ: ช่องโหว่ React Server Components (CVE-2025-55182)
    เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีไซเบอร์ แต่เกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบ Web Application Firewall (WAF) ของ Cloudflare เพื่อรับมือกับช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกค้นพบเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 และสามารถเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ Cloudflareต้องเร่งปรับระบบเพื่อป้องกันลูกค้า แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับกระทบต่อการทำงานและทำให้ระบบล่มชั่วคราว

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งาน
    การล่มของ Cloudflare ส่งผลกระทบต่อกว่า 20% ของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการเงินและคริปโต เช่น Coinbase และ Kraken ที่ไม่สามารถให้บริการได้ในช่วงเวลาสำคัญ ขณะที่ผู้ใช้งานในอินเดียรายงานว่า Zerodha และ Groww ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนก็หยุดทำงานเช่นกัน เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาบริการโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย

    ความเสี่ยงและคำเตือนจากช่องโหว่ React2Shell
    ช่องโหว่ CVE-2025-55182 หรือที่ถูกเรียกว่า React2Shell กำลังถูกจับตามองอย่างหนัก เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์จากจีนเริ่มพยายามใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้แล้ว แม้ React และ Next.js จะออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังมีระบบจำนวนมากที่ไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้าง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์ Cloudflare ล่มทั่วโลก (5 ธ.ค. 2025)
    กระทบกว่า 28% ของทราฟฟิก HTTP และบริการสำคัญ เช่น LinkedIn, Spotify, Coinbase

    สาเหตุจากการปรับระบบ WAF เพื่อแก้ช่องโหว่ React Server Components
    ช่องโหว่ CVE-2025-55182 มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งาน
    แพลตฟอร์มการเงินและคริปโต เช่น Coinbase, Kraken, Zerodha, Groww หยุดให้บริการชั่วคราว

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    ช่องโหว่ React2Shell เริ่มถูกแฮกเกอร์จีนใช้โจมตีแล้ว
    หากระบบยังไม่ได้อัปเดตแพตช์ล่าสุด มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตีแบบ Remote Code Execution

    https://blog.cloudflare.com/5-december-2025-outage/
    🖥️ Cloudflare ล่มทั่วโลก 5 ธันวาคม 2025 วันที่ 5 ธันวาคม 2025 Cloudflare เกิดเหตุขัดข้องทั่วโลกกว่า 25 นาที ส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์และบริการสำคัญจำนวนมาก สาเหตุเกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบเพื่อป้องกันช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components (CVE-2025-55182) ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถถูกใช้โจมตีแบบ Remote Code Execution ได้ Cloudflare ผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ตที่สำคัญ เกิดเหตุขัดข้องราว 25 นาทีในช่วงเช้าวันที่ 5 ธันวาคม 2025 ส่งผลให้เว็บไซต์และแอปพลิเคชันจำนวนมาก เช่น LinkedIn, Spotify, Canva, Coinbase, Kraken และแม้แต่ ChatGPT ไม่สามารถใช้งานได้ ผู้ใช้ทั่วโลกพบเจอข้อความ HTTP 500 Internal Server Error ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในระบบหลังบ้านของ Cloudflare 🔒 สาเหตุ: ช่องโหว่ React Server Components (CVE-2025-55182) เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการโจมตีไซเบอร์ แต่เกิดจากการปรับเปลี่ยนระบบ Web Application Firewall (WAF) ของ Cloudflare เพื่อรับมือกับช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกค้นพบเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 และสามารถเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ทำให้ Cloudflareต้องเร่งปรับระบบเพื่อป้องกันลูกค้า แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวกลับกระทบต่อการทำงานและทำให้ระบบล่มชั่วคราว 🌐 ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งาน การล่มของ Cloudflare ส่งผลกระทบต่อกว่า 20% ของทราฟฟิกอินเทอร์เน็ตทั่วโลก โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการเงินและคริปโต เช่น Coinbase และ Kraken ที่ไม่สามารถให้บริการได้ในช่วงเวลาสำคัญ ขณะที่ผู้ใช้งานในอินเดียรายงานว่า Zerodha และ Groww ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการลงทุนก็หยุดทำงานเช่นกัน เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาบริการโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่ราย ⚠️ ความเสี่ยงและคำเตือนจากช่องโหว่ React2Shell ช่องโหว่ CVE-2025-55182 หรือที่ถูกเรียกว่า React2Shell กำลังถูกจับตามองอย่างหนัก เนื่องจากมีรายงานว่ากลุ่มแฮกเกอร์จากจีนเริ่มพยายามใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้แล้ว แม้ React และ Next.js จะออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ยังมีระบบจำนวนมากที่ไม่ได้อัปเดตทันเวลา ทำให้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีในวงกว้าง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์ Cloudflare ล่มทั่วโลก (5 ธ.ค. 2025) ➡️ กระทบกว่า 28% ของทราฟฟิก HTTP และบริการสำคัญ เช่น LinkedIn, Spotify, Coinbase ✅ สาเหตุจากการปรับระบบ WAF เพื่อแก้ช่องโหว่ React Server Components ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-55182 มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้ใช้งาน ➡️ แพลตฟอร์มการเงินและคริปโต เช่น Coinbase, Kraken, Zerodha, Groww หยุดให้บริการชั่วคราว ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ ช่องโหว่ React2Shell เริ่มถูกแฮกเกอร์จีนใช้โจมตีแล้ว ⛔ หากระบบยังไม่ได้อัปเดตแพตช์ล่าสุด มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตีแบบ Remote Code Execution https://blog.cloudflare.com/5-december-2025-outage/
    BLOG.CLOUDFLARE.COM
    Cloudflare outage on December 5, 2025
    Cloudflare experienced a significant traffic outage on December 5, 2025, starting approximately at 8:47 UTC. The incident lasted approximately 25 minutes before resolution. We are sorry for the impact that it caused to our customers and the Internet. The incident was not caused by an attack and was due to configuration changes being applied to attempt to mitigate a recent industry-wide vulnerability impacting React Server Components.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดราม่าเดือดแยกเกษตร! ม.เกษตรฯ ออกตัวไม่เห็นด้วยมติ คจร. ที่จะเปลี่ยนอุโมงค์แยกเกษตรเป็น “ทางด่วนเก็บเงิน 30 บาท” ยันไม่เคยถูกหน่วยงานรัฐหารือก่อน ชี้หากจะทำทางด่วนต้อง “มุดดิน” เท่านั้น พร้อมหนุนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลแทน บอกอย่าเสียเวลาเดินหน้าโครงการที่ประชาชนงงกันทั้งบาง
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000116828
    .
    #News1live #News1 #แยกเกษตร #มเกษตร #ทางด่วน30บาท #คจร #คมนาคม
    ดราม่าเดือดแยกเกษตร! ม.เกษตรฯ ออกตัวไม่เห็นด้วยมติ คจร. ที่จะเปลี่ยนอุโมงค์แยกเกษตรเป็น “ทางด่วนเก็บเงิน 30 บาท” ยันไม่เคยถูกหน่วยงานรัฐหารือก่อน ชี้หากจะทำทางด่วนต้อง “มุดดิน” เท่านั้น พร้อมหนุนรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลแทน บอกอย่าเสียเวลาเดินหน้าโครงการที่ประชาชนงงกันทั้งบาง . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000116828 . #News1live #News1 #แยกเกษตร #มเกษตร #ทางด่วน30บาท #คจร #คมนาคม
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU

    AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน

    กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่
    Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19%

    การทดสอบและแพลตฟอร์ม
    ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง

    แนวโน้มการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5
    มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache
    ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W

    กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า
    มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M)
    ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark

    แพลตฟอร์มทดสอบ
    ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB
    เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3

    ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว
    แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต
    หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple

    https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    🖥️ ข่าวหลุด: AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU AMD กำลังเตรียมเปิดตัวซีรีส์ใหม่ในตระกูล Ryzen AI 400 "Gorgon Point" โดยรุ่นที่หลุดออกมาคือ Ryzen AI 5 430 ซึ่งถือเป็นรุ่นเริ่มต้นในไลน์นี้ จุดเด่นคือการใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ที่มี 4 คอร์ และค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ทำให้เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการสมดุลระหว่างประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงาน ⚡ กราฟิก Radeon 840M: อัปเกรดครั้งใหญ่ Ryzen AI 5 430 มาพร้อม iGPU Radeon 840M ที่มี 4 Compute Units ซึ่งถือว่าเป็นการอัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า Ryzen AI 5 330 ที่มีเพียง 2 CU ใน Radeon 820M การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ประสิทธิภาพกราฟิกดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยผลทดสอบจาก BAPCo CrossMark แสดงให้เห็นว่า Ryzen AI 5 430 มีคะแนนสูงกว่าเดิมถึง 19% 🎮 การทดสอบและแพลตฟอร์ม ชิปถูกทดสอบบนโน้ตบุ๊กที่ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB และเมนบอร์ด "Korat Plus-GPT3" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอ้างอิงสำหรับซีรีส์ Strix และ Gorgon ผลทดสอบแสดงให้เห็นว่าชิปใหม่นี้มีการปรับปรุงทั้งด้าน Productivity, Creativity และ Responsiveness ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงในระดับกลาง 🔮 แนวโน้มการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวซีรีส์ Ryzen AI 400 อย่างเป็นทางการในงาน CES 2026 ซึ่งจะมีทั้งรุ่น Ryzen AI 9, Ryzen AI 7 และ Ryzen AI 5 โดย Ryzen AI 5 430 ถือเป็นรุ่นเริ่มต้นที่น่าจับตามอง เพราะเป็นการยกระดับจากรุ่นก่อนหน้าอย่างชัดเจน และอาจเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับโน้ตบุ๊ก mainstream 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ryzen AI 5 430 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 ➡️ มี 4 คอร์, 8 MB L3 + 4 MB L2 Cache ➡️ ค่า TDP อยู่ที่ 15–28W ✅ กราฟิก Radeon 840M อัปเกรดจากรุ่นก่อนหน้า ➡️ มี 4 Compute Units (เพิ่มจาก 2 CU ใน Radeon 820M) ➡️ ประสิทธิภาพดีขึ้น 19% จากผลทดสอบ CrossMark ✅ แพลตฟอร์มทดสอบ ➡️ ใช้ DDR5-5600 RAM ขนาด 64GB ➡️ เมนบอร์ด Korat Plus-GPT3 ‼️ ความไม่แน่นอนของการเปิดตัว ⛔ แม้คาดว่าจะเปิดตัวใน CES 2026 แต่ยังขึ้นอยู่กับกำลังการผลิต ⛔ หากมีความล่าช้า อาจกระทบต่อการแข่งขันกับ Intel และ Apple https://wccftech.com/amd-ryzen-ai-5-430-gorgon-cpu-leak-4-cores-faster-radeon-840m-igpu-benchmarked/
    WCCFTECH.COM
    AMD Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU Leaks Out: 4 Cores, Faster Radeon 840M iGPU, Up To 19% Faster Than Ryzen AI 5 330
    AMD's Ryzen AI 5 430 "Gorgon" CPU has leaked out, showcasing upgraded specs & faster performance than its Strix-based predecessor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก

    AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด

    สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ
    Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง

    กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration
    Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่

    แนวโน้มและคำเตือน
    แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP
    รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา
    รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง

    สถาปัตยกรรม Zen 6
    ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm
    เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์

    กราฟิกและ AI
    iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units
    มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning

    ความไม่แน่นอนของกำหนดการ
    อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027
    ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด

    https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    🖥️ AMD Zen 6 Medusa Point: ก้าวใหม่ของชิปโน้ตบุ๊ก AMD เตรียมเปิดตัว APU รุ่นใหม่ภายใต้ชื่อ Medusa Point ซึ่งใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โดยมีสองรุ่นตามค่า TDP คือ 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา และ 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังประมวลผลสูง การแบ่งเป็นสองระดับนี้ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถเลือกใช้ได้ตามการออกแบบเครื่อง ไม่ว่าจะเน้นประหยัดพลังงานหรือเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ⚡ สถาปัตยกรรม Zen 6 และการเปลี่ยนแปลงสำคัญ Zen 6 ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยี TSMC 3nm และ 2nm โดยมีการเพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD จาก 8 เป็น 12 คอร์ ทำให้รุ่นท็อปสามารถมีได้ถึง 22 คอร์ พร้อมการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น และชุดคำสั่งใหม่ เช่น AVX512-FP16 เพื่อรองรับงาน AI และการประมวลผลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบแคชและตัวควบคุมหน่วยความจำแบบคู่ (Dual IMC) เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์และลดความหน่วง 🎮 กราฟิก RDNA 3.5 และ AI Acceleration Medusa Point จะมาพร้อม iGPU RDNA 3.5 ที่มี 8 Compute Units ซึ่งเหมาะสำหรับงานกราฟิกทั่วไปและเกมเบา ๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเพิ่ม AI Engine สำหรับการเร่งงาน Machine Learning และงานประมวลผลภาพ เช่น การปรับปรุงคุณภาพวิดีโอหรือการทำงานร่วมกับแอปพลิเคชัน AI ที่กำลังได้รับความนิยมในโน้ตบุ๊กยุคใหม่ 🔮 แนวโน้มและคำเตือน แม้ข้อมูลที่รั่วไหลจะบอกว่า Zen 6 จะเปิดตัวในปี 2026 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเรื่องกำหนดการผลิตและการวางจำหน่ายจริง เนื่องจากขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด CPU ที่รุนแรง หากเกิดความล่าช้า อาจทำให้ AMD เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Intel และ Apple ที่เดินหน้าใช้ชิป 2nm เช่นกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Medusa Point เปิดตัวสองรุ่น TDP ➡️ รุ่น 28W สำหรับโน้ตบุ๊กบางเบา ➡️ รุ่น 45W สำหรับโน้ตบุ๊กที่ต้องการพลังสูง ✅ สถาปัตยกรรม Zen 6 ➡️ ใช้เทคโนโลยี 3nm และ 2nm ➡️ เพิ่มจำนวนคอร์ต่อ CCD เป็น 12 คอร์ ✅ กราฟิกและ AI ➡️ iGPU RDNA 3.5 พร้อม 8 Compute Units ➡️ มี AI Engine สำหรับงาน Machine Learning ‼️ ความไม่แน่นอนของกำหนดการ ⛔ อาจเลื่อนการผลิตไปถึงปี 2027 ⛔ ขึ้นอยู่กับกำลังการผลิตของ TSMC และการแข่งขันในตลาด https://wccftech.com/amd-zen-6-medusa-point-high-tdp-and-low-tdp/
    WCCFTECH.COM
    AMD Zen 6 Medusa Point Surfaces In NBD Manifest With Surprising "High-TDP" And "Low-TDP" Variants
    AMD Zen 6-based mobile Medusa Point SKUs are reportedly divided into two categories: 45W and 28W variants as per the leaked NBD shipping logs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน

    บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack

    “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย”
    TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส

    “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง”
    รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card

    “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit”
    แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์

    “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย”
    สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก

    “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY”
    Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

    https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    🏚️ แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack 📹 “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย” TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส 🎤 “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง” รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card 🔔 “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit” แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์ 🔑 “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย” สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก 🛡️ “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY” Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The 5 Best Smart Gadgets For Home Security, According To Consumer Reports - SlashGear
    Home security is vital so you can ensure you and your family are safe. If you are looking for smart gadgets to help, here's what Consumer Reports recommends.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ep 28 ) ๕ ธันวา มหาราช #ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    Ep 28 ) ๕ ธันวา มหาราช #ฝึกเจริญสติให้เป็นนิสัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้

    นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ

    การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้
    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล”

    หลักฐานการหมุน
    นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที

    ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล
    การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย

    ผลต่อการศึกษาจักรวาล
    เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง
    เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน

    ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี
    เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล

    หลักฐานจาก redshift และ blueshift
    ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที

    สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory
    ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน

    ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ
    ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี

    ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน
    ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ

    https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    🌀 นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ นักดาราศาสตร์ค้นพบเส้นใยจักรวาล (cosmic filament) ที่ยาวกว่า 49 ล้านปีแสง และกำลังหมุนรอบแกนกลางของมันเอง ถือเป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่เคยพบว่ามีการหมุนในเอกภพ 🌌 การค้นพบเส้นใยจักรวาลหมุนได้ ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและเคมบริดจ์ใช้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์วิทยุ MeerKAT ในแอฟริกาใต้ และการสำรวจท้องฟ้า Sloan Digital Sky Survey พบเส้นใยจักรวาลที่ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี เรียงตัวเป็นเส้นตรงยาว และมีการหมุนคล้าย “ทอร์นาโดจักรวาล” 🔬 หลักฐานการหมุน นักวิทยาศาสตร์ตรวจสอบการเลื่อนสีของแสง (redshift และ blueshift) จากกาแล็กซีที่อยู่สองฝั่งของเส้นใย พบว่าฝั่งหนึ่งเคลื่อนเข้าหาเรา ส่วนอีกฝั่งเคลื่อนออกไป ซึ่งเป็นสัญญาณชัดเจนว่าโครงสร้างทั้งหมดกำลังหมุนด้วยความเร็วราว 110 กิโลเมตรต่อวินาที 🧩 ความหมายต่อทฤษฎีจักรวาล การค้นพบนี้สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ที่เสนอว่าความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกสามารถถ่ายโอนโมเมนตัมเชิงมุมให้กับเส้นใยจักรวาล ทำให้มันหมุนได้ การหมุนนี้ยังอาจเป็นตัวกำหนดการหมุนของกาแล็กซีที่ก่อตัวอยู่ภายในเส้นใยด้วย 🚀 ผลต่อการศึกษาจักรวาล เส้นใยจักรวาลหมุนได้ไม่เพียงช่วยอธิบายการกระจายตัวของกาแล็กซี แต่ยังชี้ให้เห็นว่า เอกภพเชื่อมโยงกันมากกว่าที่เราคิด การศึกษานี้อาจช่วยไขปริศนาว่ากาแล็กซีได้รับการหมุนและเชื้อเพลิงในการก่อตัวดาวฤกษ์จากโครงสร้างขนาดใหญ่อย่างไร 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ค้นพบเส้นใยจักรวาลยาว 49 ล้านปีแสง ➡️ เป็นโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดที่พบว่ามีการหมุน ✅ ประกอบด้วยกว่า 283 กาแล็กซี ➡️ เรียงตัวเป็นเส้นตรงคล้ายทอร์นาโดจักรวาล ✅ หลักฐานจาก redshift และ blueshift ➡️ ยืนยันการหมุนด้วยความเร็ว ~110 กม./วินาที ✅ สอดคล้องกับ Tidal Torque Theory ➡️ ความไม่สมมาตรของแรงโน้มถ่วงในเอกภพยุคแรกทำให้เส้นใยหมุน ✅ ผลต่อการศึกษากาแล็กซีและเอกภพ ➡️ ช่วยอธิบายการหมุนและการก่อตัวของกาแล็กซี ‼️ ยังไม่เข้าใจกลไกทั้งหมดของการหมุน ⛔ ต้องการการสำรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันทฤษฎีและผลกระทบต่อเอกภพ https://www.sciencealert.com/tornado-of-galaxies-could-be-the-longest-spinning-structure-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    'Tornado' of Galaxies Could Be The Longest Spinning Structure Ever Seen
    A team of astronomers studying the distribution of galaxies in nearby space has discovered something truly extraordinary: a huge strand of galaxies, twisting around as though caught up in a slow-motion cosmic tornado.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Carreras Pampa, Torotoro National Park ประเทศโบลิเวีย มีรอยเท้ามากกว่า 18,000 รอย ซึ่งบันทึกพฤติกรรมการเดิน วิ่ง และแม้แต่การว่ายน้ำของไดโนเสาร์เมื่อราว 70 ล้านปีก่อน

    การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์
    นักวิจัยนับได้กว่า 16,600 รอยเท้าแบบสามนิ้ว กระจายอยู่ใน 1,321 เส้นทาง พร้อมกับรอยเท้าเดี่ยว 289 รอย และรอยว่ายน้ำ 1,378 รอยใน 280 เส้นทาง ทั้งหมดเป็นของ ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด (Theropods) ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน

    สภาพแวดล้อมที่ช่วยเก็บรักษา
    พื้นที่นี้เคยเป็นชายฝั่งทะเลสาบน้ำจืดตื้น ๆ ที่มีดินโคลนคาร์บอเนตอุดมสมบูรณ์ ทำให้รอยเท้าถูกกดลงไปลึกพอที่จะคงรูป ก่อนถูกตะกอนทับและกลายเป็นฟอสซิลในเวลาต่อมา สภาพแวดล้อมที่ “พอดี” นี้ทำให้รอยเท้าหลากหลายชนิดถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์

    พฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้
    นอกจากรอยเท้าเดินและวิ่งแล้ว ยังพบรอยลากหาง รอยเล็บ และรอยขูดพื้นจากการว่ายน้ำ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของไดโนเสาร์ในยุคนั้น ขนาดรอยเท้ามีตั้งแต่เล็กกว่า 10 ซม. ไปจนถึงใหญ่กว่า 30 ซม. บ่งบอกถึงการอยู่ร่วมกันของไดโนเสาร์หลายขนาดในพื้นที่เดียวกัน

    ความสำคัญต่อโลกวิทยาศาสตร์
    Carreras Pampa ได้รับการจัดว่าเป็น Lagerstätte หรือแหล่งฟอสซิลที่มีการเก็บรักษาอย่างพิเศษ เพราะไม่เพียงแต่มีจำนวนรอยเท้ามากที่สุด แต่ยังบันทึกพฤติกรรมที่หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดในการศึกษาชีวิตและสิ่งแวดล้อมของไดโนเสาร์ช่วงปลายยุคครีเทเชียส

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์กว่า 18,000 รอย
    เป็นแหล่งรอยเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก

    ทั้งหมดเป็นของไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด
    รวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนก

    สภาพแวดล้อมทะเลสาบน้ำจืดช่วยเก็บรักษา
    ดินโคลนคาร์บอเนตทำให้รอยเท้าถูกคงรูปและกลายเป็นฟอสซิล

    บันทึกพฤติกรรมหลากหลาย
    เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ลากหาง และขูดพื้น

    Carreras Pampa จัดเป็น Lagerstätte สำคัญ
    มีทั้งจำนวนและคุณภาพการเก็บรักษาที่โดดเด่น

    การตีความพฤติกรรมยังมีข้อจำกัด
    ต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ารอยเท้าแต่ละแบบเกิดจากพฤติกรรมใดแน่ชัด

    ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของแหล่งฟอสซิล
    ต้องมีมาตรการอนุรักษ์เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลทางวิทยาศาสตร์

    https://www.sciencealert.com/18000-tracks-discovered-in-worlds-largest-dinosaur-tracksite
    🦕 พบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก นักบรรพชีวินวิทยาค้นพบแหล่งรอยเท้าไดโนเสาร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ Carreras Pampa, Torotoro National Park ประเทศโบลิเวีย มีรอยเท้ามากกว่า 18,000 รอย ซึ่งบันทึกพฤติกรรมการเดิน วิ่ง และแม้แต่การว่ายน้ำของไดโนเสาร์เมื่อราว 70 ล้านปีก่อน 🦖 การค้นพบครั้งประวัติศาสตร์ นักวิจัยนับได้กว่า 16,600 รอยเท้าแบบสามนิ้ว กระจายอยู่ใน 1,321 เส้นทาง พร้อมกับรอยเท้าเดี่ยว 289 รอย และรอยว่ายน้ำ 1,378 รอยใน 280 เส้นทาง ทั้งหมดเป็นของ ไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด (Theropods) ซึ่งรวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนกในปัจจุบัน 🌊 สภาพแวดล้อมที่ช่วยเก็บรักษา พื้นที่นี้เคยเป็นชายฝั่งทะเลสาบน้ำจืดตื้น ๆ ที่มีดินโคลนคาร์บอเนตอุดมสมบูรณ์ ทำให้รอยเท้าถูกกดลงไปลึกพอที่จะคงรูป ก่อนถูกตะกอนทับและกลายเป็นฟอสซิลในเวลาต่อมา สภาพแวดล้อมที่ “พอดี” นี้ทำให้รอยเท้าหลากหลายชนิดถูกเก็บรักษาไว้อย่างสมบูรณ์ 🧩 พฤติกรรมที่ถูกบันทึกไว้ นอกจากรอยเท้าเดินและวิ่งแล้ว ยังพบรอยลากหาง รอยเล็บ และรอยขูดพื้นจากการว่ายน้ำ ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนของไดโนเสาร์ในยุคนั้น ขนาดรอยเท้ามีตั้งแต่เล็กกว่า 10 ซม. ไปจนถึงใหญ่กว่า 30 ซม. บ่งบอกถึงการอยู่ร่วมกันของไดโนเสาร์หลายขนาดในพื้นที่เดียวกัน 🌍 ความสำคัญต่อโลกวิทยาศาสตร์ Carreras Pampa ได้รับการจัดว่าเป็น Lagerstätte หรือแหล่งฟอสซิลที่มีการเก็บรักษาอย่างพิเศษ เพราะไม่เพียงแต่มีจำนวนรอยเท้ามากที่สุด แต่ยังบันทึกพฤติกรรมที่หลากหลาย ทำให้เป็นหนึ่งในแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดในการศึกษาชีวิตและสิ่งแวดล้อมของไดโนเสาร์ช่วงปลายยุคครีเทเชียส 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ค้นพบรอยเท้าไดโนเสาร์กว่า 18,000 รอย ➡️ เป็นแหล่งรอยเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ✅ ทั้งหมดเป็นของไดโนเสาร์กลุ่มเทอโรพอด ➡️ รวมถึงไดโนเสาร์กินเนื้อและบรรพบุรุษของนก ✅ สภาพแวดล้อมทะเลสาบน้ำจืดช่วยเก็บรักษา ➡️ ดินโคลนคาร์บอเนตทำให้รอยเท้าถูกคงรูปและกลายเป็นฟอสซิล ✅ บันทึกพฤติกรรมหลากหลาย ➡️ เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ลากหาง และขูดพื้น ✅ Carreras Pampa จัดเป็น Lagerstätte สำคัญ ➡️ มีทั้งจำนวนและคุณภาพการเก็บรักษาที่โดดเด่น ‼️ การตีความพฤติกรรมยังมีข้อจำกัด ⛔ ต้องใช้การศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่ารอยเท้าแต่ละแบบเกิดจากพฤติกรรมใดแน่ชัด ‼️ ความเสี่ยงจากการเสื่อมสภาพของแหล่งฟอสซิล ⛔ ต้องมีมาตรการอนุรักษ์เพื่อป้องกันการสูญเสียข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ https://www.sciencealert.com/18000-tracks-discovered-in-worlds-largest-dinosaur-tracksite
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    18,000 Tracks Discovered in World's Largest Dinosaur Tracksite
    An expanse of ancient rock in the high-altitude Torotoro National Park in Bolivia has been revealed as the largest dinosaur tracksite ever recorded.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม

    ข้อมูลจากงานวิจัยสากล
    การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้

    ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน
    นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง
    ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง

    การเคลื่อนที่เร็วเกินไป
    เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง

    การเคลื่อนที่ช้าเกินไป
    เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS

    ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน
    การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท

    การปรับพฤติกรรมช่วยได้
    เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก

    สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย
    ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ

    ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้
    อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง

    https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    🧬 เวลาที่อุจจาระอยู่ในร่างกายบอกสุขภาพได้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนพบว่า คนที่มีการเคลื่อนผ่านของอุจจาระเร็ว (fast transit) และ ช้า (slow transit) มีความแตกต่างของจุลินทรีย์ในลำไส้อย่างชัดเจน ซึ่งส่งผลต่อการสร้างสารเมตาโบไลต์และสมดุลกรดในลำไส้ การเคลื่อนที่เร็วเกินไปอาจทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไม่เต็มที่ ขณะที่การเคลื่อนที่ช้าเกินไปอาจก่อให้เกิดการหมักและสารพิษสะสม 🩺 ข้อมูลจากงานวิจัยสากล การศึกษาในวารสาร BMJ Gut ระบุว่า เวลาการเดินทางของอาหารทั้งระบบ (Whole Gut Transit Time) โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 28 ชั่วโมง แต่สามารถแตกต่างได้ตั้งแต่ 10–73 ชั่วโมง ขึ้นกับอาหาร อายุ และกิจกรรม คนที่มีเวลานานเกินไปมักเสี่ยงต่อโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ส่วนคนที่เร็วเกินไปเสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง 🧠 ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน งานวิจัยล่าสุดยังพบว่า ผู้ป่วยพาร์กินสันมักเริ่มมีอาการท้องผูกนานหลายสิบปีก่อนโรคแสดงออกทางสมอง การเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อการผลิตวิตามินบีและกรดไขมันสายสั้น ซึ่งมีผลต่อระบบประสาทและการอักเสบ การดูแลสุขภาพลำไส้จึงอาจช่วยชะลอหรือบรรเทาอาการของโรคได้ 🍎 ปัจจัยที่ปรับได้ในชีวิตประจำวัน นักโภชนาการแนะนำว่า การกินไฟเบอร์ 25–50 กรัมต่อวัน ดื่มน้ำ 2–3 ลิตร และออกกำลังกายสม่ำเสมอ สามารถช่วยปรับเวลาเคลื่อนผ่านของอุจจาระให้อยู่ในระดับเหมาะสม นอกจากนี้การใช้โปรไบโอติกและการลดอาหารแปรรูปก็มีส่วนช่วยให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุลมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Gut Transit Time มีผลต่อสุขภาพโดยตรง ➡️ ค่าเฉลี่ยในคนปกติ ~28 ชั่วโมง แต่มีความแปรผันสูง ✅ การเคลื่อนที่เร็วเกินไป ➡️ เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารและท้องเสียเรื้อรัง ✅ การเคลื่อนที่ช้าเกินไป ➡️ เพิ่มความเสี่ยงโรคอ้วน ภาวะอักเสบ และ IBS ✅ ความเชื่อมโยงกับโรคพาร์กินสัน ➡️ การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งผลต่อระบบประสาท ✅ การปรับพฤติกรรมช่วยได้ ➡️ เพิ่มไฟเบอร์ ดื่มน้ำ ออกกำลังกาย และใช้โปรไบโอติก ‼️ สัญญาณเตือนจากระบบขับถ่าย ⛔ ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรืออุจจาระแข็ง/เหลวผิดปกติ ‼️ ความเสี่ยงจากการละเลยสุขภาพลำไส้ ⛔ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น เมตาบอลิกซินโดรม และโรคทางสมอง https://www.sciencealert.com/how-long-poop-stays-in-your-body-could-impact-your-health-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    How Long Poop Stays in Your Body Could Impact Your Health, Study Finds
    Whether poop speeds through your gut like a bullet train or takes a more smell-the-roses approach could have more profound implications for your overall health than a first glance would suggest.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline

    React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182
    ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components

    WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว
    WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา
    Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที
    https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0

    AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ
    ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน
    https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops

    AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data
    AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว
    https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data

    Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI
    Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง
    https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models

    Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต
    https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite

    AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2
    AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง
    https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476)
    มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders

    แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python
    นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น
    https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm

    Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available

    Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware
    มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง
    https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access

    ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย
    มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน
    https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates

    ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites

    อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram
    รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่
    https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours

    OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini
    OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน
    https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat

    Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028
    เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม
    https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028

    อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว
    ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร
    https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch

    Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่
    https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up

    AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่
    Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
    https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security

    AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI
    AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง
    https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers

    AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises
    AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล
    https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty

    AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI
    AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก
    https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline 🛡️ React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components ⚠️ WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 🚨 Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0 🧑‍💻 AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน 🔗 https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops 📦 AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว 🔗 https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data 💾 Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง 🔗 https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models 📱 Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite ⚙️ AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2 AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง 🔗 https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models 🛠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476) มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders 🐍 แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm 🐝 Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่ มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available 🔒 Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access 🕵️ ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites 📱 อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours 🚨 OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน 🔗 https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat 🔒 Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม 🔗 https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028 💻 อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร 🔗 https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch 📞 Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up ☁️ AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่ Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ 🔗 https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security ⚡ AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง 🔗 https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers 🏭 AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty 🤖 AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคทองของ GTX 900 และ 10-series

    Nvidia ประกาศว่า GeForce 590 driver branch จะเป็นรุ่นแรกที่ หยุดการสนับสนุนฟีเจอร์สำหรับการ์ด GTX 900 และ 10-series อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาดเกมเมอร์ในช่วงปี 2014–2017

    การ์ดจออย่าง GTX 970, GTX 1070 และ GTX 1080 Ti เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ ด้วยความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะ GTX 1080 Ti ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน GPU ที่ดีที่สุดในยุคนั้น การหยุดสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ในไดรเวอร์ล่าสุดจึงเป็นการปิดฉากยุคทองของการ์ดเหล่านี้

    Linux และ Windows เดินคู่กัน
    ในอดีต Linux มักได้รับการสนับสนุนฟีเจอร์จาก Nvidia นานกว่า Windows แต่ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา Nvidia ได้ปรับให้ ตารางการออกไดรเวอร์ของทั้งสองระบบปฏิบัติการเป็นแบบเดียวกัน ทำให้การหยุดสนับสนุนครั้งนี้มีผลทั้งบน Windows และ Linux พร้อมกัน

    ยังมีการอัปเดตด้านความปลอดภัย
    แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ Nvidia ยืนยันว่า GTX 900 และ 10-series จะยังได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยไปจนถึงเดือนตุลาคม 2028 เพื่อให้ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว นี่เป็นมาตรฐานการดูแลที่ยาวนานกว่าการสนับสนุน Windows 10 เสียอีก

    บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่าน
    การหยุดสนับสนุนนี้สะท้อนว่า วงจรชีวิตของ GPU รุ่นท็อปอยู่ที่ราว 8–10 ปี และผู้ใช้ที่ยังใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น DLSS 3.5 หรือ Ray Tracing ที่การ์ดรุ่นเก่าไม่รองรับ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    GeForce 590 driver branch หยุดสนับสนุน GTX 900 และ 10-series
    ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาด

    Linux และ Windows ได้รับผลกระทบพร้อมกัน
    Nvidia ปรับตารางการออกไดรเวอร์ให้เหมือนกันตั้งแต่ปี 2024

    ยังคงมีอัปเดตด้านความปลอดภัยจนถึงปี 2028
    ยืดอายุการใช้งานแม้ไม่มีฟีเจอร์ใหม่

    ผู้ใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจพลาดฟีเจอร์ใหม่ ๆ
    เช่น DLSS 3.5 และ Ray Tracing ที่ไม่รองรับ

    วงจรชีวิต GPU อยู่ที่ราว 8–10 ปี
    หลังจากนั้นควรพิจารณาอัปเกรดเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/geforce-590-driver-branch-is-the-first-without-feature-support-for-gtx-9-and-10-series-gpus-linux-release-marks-the-end-of-the-line-for-graphics-cards-that-defined-an-era
    🕹️ ยุคทองของ GTX 900 และ 10-series Nvidia ประกาศว่า GeForce 590 driver branch จะเป็นรุ่นแรกที่ หยุดการสนับสนุนฟีเจอร์สำหรับการ์ด GTX 900 และ 10-series อย่างเป็นทางการ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาดเกมเมอร์ในช่วงปี 2014–2017 การ์ดจออย่าง GTX 970, GTX 1070 และ GTX 1080 Ti เคยเป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่เกมเมอร์ ด้วยความคุ้มค่าและประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะ GTX 1080 Ti ที่ถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน GPU ที่ดีที่สุดในยุคนั้น การหยุดสนับสนุนฟีเจอร์ใหม่ในไดรเวอร์ล่าสุดจึงเป็นการปิดฉากยุคทองของการ์ดเหล่านี้ 🐧 Linux และ Windows เดินคู่กัน ในอดีต Linux มักได้รับการสนับสนุนฟีเจอร์จาก Nvidia นานกว่า Windows แต่ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา Nvidia ได้ปรับให้ ตารางการออกไดรเวอร์ของทั้งสองระบบปฏิบัติการเป็นแบบเดียวกัน ทำให้การหยุดสนับสนุนครั้งนี้มีผลทั้งบน Windows และ Linux พร้อมกัน 🔒 ยังมีการอัปเดตด้านความปลอดภัย แม้จะไม่มีฟีเจอร์ใหม่ แต่ Nvidia ยืนยันว่า GTX 900 และ 10-series จะยังได้รับการอัปเดตด้านความปลอดภัยไปจนถึงเดือนตุลาคม 2028 เพื่อให้ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว นี่เป็นมาตรฐานการดูแลที่ยาวนานกว่าการสนับสนุน Windows 10 เสียอีก ⚠️ บทเรียนจากการเปลี่ยนผ่าน การหยุดสนับสนุนนี้สะท้อนว่า วงจรชีวิตของ GPU รุ่นท็อปอยู่ที่ราว 8–10 ปี และผู้ใช้ที่ยังใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจต้องพิจารณาอัปเกรดเพื่อเข้าถึงฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น DLSS 3.5 หรือ Ray Tracing ที่การ์ดรุ่นเก่าไม่รองรับ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ GeForce 590 driver branch หยุดสนับสนุน GTX 900 และ 10-series ➡️ ถือเป็นการสิ้นสุดยุคของ GPU ที่เคยครองตลาด ✅ Linux และ Windows ได้รับผลกระทบพร้อมกัน ➡️ Nvidia ปรับตารางการออกไดรเวอร์ให้เหมือนกันตั้งแต่ปี 2024 ✅ ยังคงมีอัปเดตด้านความปลอดภัยจนถึงปี 2028 ➡️ ยืดอายุการใช้งานแม้ไม่มีฟีเจอร์ใหม่ ‼️ ผู้ใช้การ์ดรุ่นเก่าอาจพลาดฟีเจอร์ใหม่ ๆ ⛔ เช่น DLSS 3.5 และ Ray Tracing ที่ไม่รองรับ ‼️ วงจรชีวิต GPU อยู่ที่ราว 8–10 ปี ⛔ หลังจากนั้นควรพิจารณาอัปเกรดเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย https://www.tomshardware.com/tech-industry/geforce-590-driver-branch-is-the-first-without-feature-support-for-gtx-9-and-10-series-gpus-linux-release-marks-the-end-of-the-line-for-graphics-cards-that-defined-an-era
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Samsung Galaxy Z TriFold – ทำไมไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5?”

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z TriFold ซึ่งเป็นมือถือพับสามตอนรุ่นแรกของบริษัท แต่กลับไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นใหม่ล่าสุด โดย Kang Min-seok รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของ Samsung Mobile Experience ระบุว่า บริษัทต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ “สมบูรณ์แบบและเสร็จสิ้นที่สุด” จึงเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่มีความเสถียรและผ่านการทดสอบมาแล้ว

    เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ยังมีปัจจัยด้านต้นทุน เนื่องจาก TriFold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก economies of scale ได้ หากเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีราคาสูงถึง 280 ดอลลาร์ต่อชิป เทียบกับ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่ราคา 220 ดอลลาร์ การเลือกชิปรุ่นเก่าช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์

    นอกจากนี้ TriFold ยังมีการลดต้นทุนในด้านอื่น ๆ เช่น การออกเพียงสีเดียว (Crafted Black) และการผลิตจำนวนจำกัดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย การเลือกใช้ชิปรุ่นก่อนจึงเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง

    แม้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้บริโภคที่จ่ายราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์อาจคาดหวังสเปกที่ “ล่าสุดและดีที่สุด” ซึ่งทำให้การตัดสินใจของ Samsung ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณค่าของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    เหตุผลที่ Samsung ให้ไว้
    ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และเสถียร
    เลือกชิปที่ผ่านการทดสอบแล้ว

    ปัจจัยด้านต้นทุน
    Snapdragon 8 Elite Gen 5 ราคา ~280 ดอลลาร์ต่อชิป
    Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนราคา ~220 ดอลลาร์
    ประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์

    กลยุทธ์การผลิต
    ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง
    ออกเพียงสีเดียว Crafted Black
    ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการเปิดตัว

    ข้อควรระวังและเสียงวิจารณ์
    ผู้บริโภคอาจผิดหวังที่ไม่ได้ใช้ชิปรุ่นล่าสุด
    ราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์ แต่สเปกไม่ “top-notch”
    อาจกระทบภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์พรีเมียมของ Samsung

    https://wccftech.com/samsung-executive-provides-explanation-why-galaxy-z-trifold-does-not-feature-snapdragon-8-elite-gen-5/
    📱 “Samsung Galaxy Z TriFold – ทำไมไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5?” Samsung เปิดตัว Galaxy Z TriFold ซึ่งเป็นมือถือพับสามตอนรุ่นแรกของบริษัท แต่กลับไม่ใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 รุ่นใหม่ล่าสุด โดย Kang Min-seok รองประธานฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ของ Samsung Mobile Experience ระบุว่า บริษัทต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ “สมบูรณ์แบบและเสร็จสิ้นที่สุด” จึงเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่มีความเสถียรและผ่านการทดสอบมาแล้ว เบื้องหลังการตัดสินใจนี้ยังมีปัจจัยด้านต้นทุน เนื่องจาก TriFold ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จาก economies of scale ได้ หากเลือกใช้ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่มีราคาสูงถึง 280 ดอลลาร์ต่อชิป เทียบกับ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนที่ราคา 220 ดอลลาร์ การเลือกชิปรุ่นเก่าช่วยประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ TriFold ยังมีการลดต้นทุนในด้านอื่น ๆ เช่น การออกเพียงสีเดียว (Crafted Black) และการผลิตจำนวนจำกัดเพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย การเลือกใช้ชิปรุ่นก่อนจึงเป็นการตัดสินใจเชิงธุรกิจที่สอดคล้องกับกลยุทธ์การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีความเสี่ยงสูง แม้ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนยังคงมีประสิทธิภาพสูง แต่ผู้บริโภคที่จ่ายราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์อาจคาดหวังสเปกที่ “ล่าสุดและดีที่สุด” ซึ่งทำให้การตัดสินใจของ Samsung ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณค่าของผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ เหตุผลที่ Samsung ให้ไว้ ➡️ ต้องการสร้างผลิตภัณฑ์ที่สมบูรณ์และเสถียร ➡️ เลือกชิปที่ผ่านการทดสอบแล้ว ✅ ปัจจัยด้านต้นทุน ➡️ Snapdragon 8 Elite Gen 5 ราคา ~280 ดอลลาร์ต่อชิป ➡️ Snapdragon 8 Elite รุ่นก่อนราคา ~220 ดอลลาร์ ➡️ ประหยัดต้นทุนได้ราว 6 ล้านดอลลาร์ ✅ กลยุทธ์การผลิต ➡️ ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 100,000 เครื่อง ➡️ ออกเพียงสีเดียว Crafted Black ➡️ ลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยงจากการเปิดตัว ‼️ ข้อควรระวังและเสียงวิจารณ์ ⛔ ผู้บริโภคอาจผิดหวังที่ไม่ได้ใช้ชิปรุ่นล่าสุด ⛔ ราคาสูงกว่า 2,400 ดอลลาร์ แต่สเปกไม่ “top-notch” ⛔ อาจกระทบภาพลักษณ์ผลิตภัณฑ์พรีเมียมของ Samsung https://wccftech.com/samsung-executive-provides-explanation-why-galaxy-z-trifold-does-not-feature-snapdragon-8-elite-gen-5/
    WCCFTECH.COM
    A Samsung Executive Has A Lame Excuse For Not Using The Snapdragon 8 Elite Gen 5 On The Newly Announced Galaxy Z TriFold
    The ridiculously expensive and technologically impressive Galaxy Z TriFold does not ship with a Snapdragon 8 Elite Gen 5, with a Samsung executive explaining why
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM

    สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต

    รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว

    ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028

    ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM
    เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว”
    หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง
    สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว

    ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น
    ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ
    ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม

    คำเตือนและความท้าทาย
    ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028
    ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง
    การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก

    https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    🏭 Samsung และ SK hynix ระวังการเพิ่มกำลังผลิต DRAM สองผู้ผลิต DRAM รายใหญ่ของโลก Samsung และ SK hynix ได้ออกมาประกาศจุดยืนชัดเจนว่า แม้ตลาดหน่วยความจำกำลังอยู่ในภาวะ “supercycle” ที่ความต้องการสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่พวกเขาจะไม่เร่งขยายกำลังการผลิตทันที เนื่องจากกังวลว่าหากลงทุนมหาศาลเพื่อเพิ่ม capacity อาจนำไปสู่ ภาวะ oversupply เมื่อกระแส AI ลดลงในอนาคต รายงานระบุว่า ราคาหน่วยความจำ RAM พุ่งสูงจนเกือบ “ไม่สามารถซื้อได้” ในตลาดผู้บริโภค โดยเฉพาะ DDR5 และ GPU ที่ใช้ DRAM อย่างหนัก ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตาม Samsung และ SK hynix ยืนยันว่าจะใช้กลยุทธ์ CAPEX ที่เน้นความสมดุลระหว่างความต้องการและราคา เพื่อรักษากำไรระยะยาว ทั้งสองบริษัทเคยเผชิญปัญหาการผลิตเกินในอดีต โดยเฉพาะช่วง COVID-19 ที่ความต้องการลดลง ทำให้ต้องลดกำลังการผลิตอย่างหนัก ปัจจุบันพวกเขาจึงเลือกแนวทางระมัดระวังมากขึ้น และคาดการณ์ว่า ภาวะขาดแคลน DRAM จะยืดเยื้อไปจนถึงปี 2028 ผลกระทบที่ตามมาคือผู้ผลิตอุปกรณ์และผู้บริโภคต้องเผชิญราคาที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยมีการทำสัญญาระยะสั้นเพื่อสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้ตลาดฮาร์ดแวร์เช่น PC และสมาร์ทโฟนยังคงอยู่ในภาวะตึงตัวอีกหลายปี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Samsung และ SK hynix ไม่เร่งเพิ่มกำลังผลิต DRAM ➡️ เน้นกลยุทธ์ “กำไรระยะยาว” ➡️ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง oversupply เมื่อกระแส AI ลดลง ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ ราคาหน่วยความจำ RAM และ GPU พุ่งสูง ➡️ สัญญาระยะสั้นสะท้อนการปรับราคาที่รวดเร็ว ✅ ประสบการณ์ในอดีตทำให้ระมัดระวังมากขึ้น ➡️ ช่วง COVID-19 เคยลดกำลังผลิตหนักเพราะความต้องการตกต่ำ ➡️ ปัจจุบันเลือกแนวทางระวังเพื่อไม่ให้ซ้ำรอยเดิม ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ ภาวะขาดแคลน DRAM อาจยืดเยื้อถึงปี 2028 ⛔ ราคาฮาร์ดแวร์สำหรับผู้บริโภคอาจยังสูงต่อเนื่อง ⛔ การลงทุนเพิ่ม capacity ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมาก https://wccftech.com/two-of-the-biggest-dram-suppliers-are-skeptical-about-increasing-production/
    WCCFTECH.COM
    Two of the Biggest DRAM Suppliers Are Skeptical About Increasing Production as They Eye "Long-Term" Profitability
    Samsung and SK hynix are stating that their strategy towards the ongoing 'memory boom' will focus on profitability.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96%

    Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล

    ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์

    นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต

    แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung
    ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET)
    ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน

    ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม
    ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์
    รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์

    การทดสอบและผลลัพธ์
    ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND
    ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์
    ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม
    พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    🔋 Samsung พัฒนา NAND รุ่นใหม่ ลดพลังงานได้ 96% Samsung ได้ตีพิมพ์งานวิจัยในวารสาร Nature เกี่ยวกับสถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่ที่ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) โดยผสมผสานวัสดุ hafnia-based ferroelectric เข้ากับช่องสัญญาณออกไซด์เซมิคอนดักเตอร์ จุดเด่นคือการทำงานที่ near-zero pass voltage ซึ่งช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการอ่านและเขียนข้อมูลได้อย่างมหาศาล ใน NAND แบบดั้งเดิม การเพิ่มจำนวนเลเยอร์ทำให้ต้องใช้แรงดันไฟฟ้า (Vpass) สูงขึ้นเพื่อป้องกันการรบกวนข้อมูล แต่สถาปัตยกรรมใหม่ของ Samsung สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องใช้แรงดันสูง ทำให้ลดภาระของวงจร charge pump และลดการใช้พลังงานรวมได้ถึง 94–96% ในอุปกรณ์ที่มี 286–1024 เลเยอร์ นักวิจัยได้ทดสอบทั้งในรูปแบบ planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ขนาดเล็ก พบว่าสามารถรองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ (PLC-class) แม้ความทนทานยังจำกัดอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน แต่ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของเทคโนโลยีนี้สำหรับอนาคต แม้ยังไม่มีแผนผลิตเชิงพาณิชย์ในตอนนี้ แต่ Samsung มองว่านี่คือ งานวิจัยพื้นฐาน ที่จะนำไปสู่ NAND รุ่นใหม่ที่ใช้พลังงานต่ำและมีความหนาแน่นสูง เหมาะสำหรับการใช้งานใน AI accelerators, ดาต้าเซ็นเตอร์ และอุปกรณ์ความจุสูง ที่ต้องการประสิทธิภาพและความยั่งยืนด้านพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สถาปัตยกรรม NAND แบบใหม่จาก Samsung ➡️ ใช้ Ferroelectric Field-Effect Transistor (FeFET) ➡️ ทำงานที่ near-zero pass voltage ลดพลังงาน ✅ ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า NAND เดิม ➡️ ลดการใช้พลังงานได้ 94–96% ในอุปกรณ์ 286–1024 เลเยอร์ ➡️ รองรับการเขียนข้อมูลได้ถึง 5 บิตต่อเซลล์ ✅ การทดสอบและผลลัพธ์ ➡️ ทดสอบทั้ง planar arrays และโครงสร้าง 3D NAND ➡️ ความทนทานอยู่ที่หลักร้อยถึงพันรอบการเขียน ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ ความทนทานของเซลล์ยังต่ำเมื่อเทียบกับ NAND เชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องพัฒนาระบบ program-inhibit และ negative-voltage generation เพิ่มเติม ⛔ พฤติกรรมของช่องสัญญาณออกไซด์ภายใต้ความร้อนสูงยังต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/samsung-researchers-publish-96percent-lower-power-nand-design-based-on-ferroelectric-transistors
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Samsung touts 96% lower-power NAND design — researchers investigate design based on ferroelectric transistors
    Researchers demonstrate FeFET-based 3D NAND cells with near-zero pass voltage and up to five bits per cell.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม

    ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก

    ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี

    ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น

    ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ
    DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว
    DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์

    สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI
    Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า
    DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5
    Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง
    การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028
    ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    💾 วิกฤติราคา RAM/NAND รุนแรงขึ้น – TeamGroup เตือนปี 2026 จะหนักกว่าเดิม ตลาดหน่วยความจำกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เนื่องจากผู้ผลิต DRAM และ NAND หันไปทุ่มกำลังผลิตให้กับ HBM (High Bandwidth Memory) ที่ใช้ใน AI accelerators เช่น Nvidia B300 และเซิร์ฟเวอร์ของ AWS, Google, Microsoft ส่งผลให้หน่วยความจำทั่วไปสำหรับ PC และสมาร์ทโฟนขาดแคลนอย่างหนัก ข้อมูลล่าสุดเผยว่า ราคาสัญญา DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ขณะที่ราคา spot ของชิป DDR5 16Gb พุ่งจาก 6.84 ดอลลาร์ในเดือนกันยายน ไปถึงกว่า 27 ดอลลาร์ในเดือนธันวาคม ทำให้โมดูล RAM 16GB มีต้นทุนสูงถึง 225–228 ดอลลาร์โดยไม่รวมค่าขนส่งและภาษี ผู้บริหาร TeamGroup เตือนว่าในปี 2026 เมื่อสต็อกสินค้าหมดไป สถานการณ์จะยิ่งเลวร้าย เพราะแม้ผู้ซื้อจะยอมจ่ายแพงก็อาจไม่สามารถหาสินค้าได้ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลานานถึง 3 ปี ทำให้การแก้ปัญหานี้อาจต้องรอถึงปี 2027–2028 หรือหลังจากนั้น ผลกระทบชัดเจนแล้วในตลาดผู้บริโภค: ราคาหน่วยความจำสำหรับ PC พุ่งสูงจน 64GB DDR5 มีราคามากกว่าเครื่อง PlayStation 5 และผู้ผลิตบางรายเช่น Framework ต้องหยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุนสินค้า สถานการณ์นี้อาจทำให้ราคาสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์พุ่งสูงตามไปด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงผิดปกติ ➡️ DRAM และ NAND เพิ่มขึ้น 80–100% ภายในเดือนเดียว ➡️ DDR5 16Gb จาก 6.84 ดอลลาร์ → 27 ดอลลาร์ ✅ สาเหตุหลักคือการเบี่ยงกำลังผลิตไปยัง HBM สำหรับ AI ➡️ Nvidia, AWS, Google, Microsoft จองกำลังผลิตล่วงหน้า ➡️ DRAM และ NAND สำหรับผู้บริโภคถูกลดความสำคัญ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ RAM 64GB แพงกว่าเครื่อง PS5 ➡️ Framework หยุดขาย RAM แยกเพื่อป้องกันการกักตุน ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ปี 2026 อาจหาซื้อ RAM/NAND ไม่ได้ แม้ยอมจ่ายแพง ⛔ การสร้างโรงงานใหม่ใช้เวลา 3 ปี ทำให้ราคาจะไม่กลับมาปกติจนถึง 2027–2028 ⛔ ราคาสมาร์ทโฟนและ PC อาจพุ่งสูงตามต้นทุนหน่วยความจำ https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/the-ram-pricing-crisis-has-only-just-started-team-group-gm-warns-says-problem-will-get-worse-in-2026-as-dram-and-nand-prices-double-in-one-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: ตำรวจสากลยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer พร้อมเงินบิตคอยน์กว่า 28 ล้านดอลลาร์

    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศได้เข้ายึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ซึ่งเป็นบริการผสมบิตคอยน์ที่ถูกใช้เพื่อฟอกเงินและปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรม โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ยังสามารถยึดเงินบิตคอยน์ได้มากกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในการปราบปรามบริการฟอกเงินดิจิทัล

    Cryptomixer ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์เพื่อซ่อนที่มาของเงินที่ได้จากการโจมตี ransomware, การฉ้อโกง และการค้ามนุษย์ดิจิทัล การบริการลักษณะนี้ทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยาก และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลก

    การยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ไม่เพียงแต่ทำให้บริการนี้หยุดชะงัก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ให้บริการที่คล้ายกันว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด การปฏิบัติการครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลและอาชญากรรมทางไซเบอร์

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปิดบริการหนึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีย้ายไปใช้บริการอื่นที่ยังคงเปิดอยู่ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลจึงเป็นเกมแมวจับหนูที่ต้องอาศัยการพัฒนาเครื่องมือและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง

    สรุปสาระสำคัญ
    การปฏิบัติการของตำรวจสากล
    ยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer
    ยึดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 28 ล้านดอลลาร์

    บทบาทของ Cryptomixer
    ใช้ฟอกเงินจาก ransomware และการฉ้อโกง
    ปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรมดิจิทัล

    ผลกระทบจากการยึด
    ทำให้บริการหยุดชะงักและส่งสัญญาณเตือนผู้ให้บริการอื่น
    แสดงถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์

    คำเตือนและความเสี่ยง
    ผู้โจมตีอาจย้ายไปใช้บริการฟอกเงินดิจิทัลอื่นที่ยังเปิดอยู่
    การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลต้องอาศัยความร่วมมือและการพัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/cryptomixer-domains-infrastructure-bitcoin-seized/
    💰 ข่าวใหญ่: ตำรวจสากลยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer พร้อมเงินบิตคอยน์กว่า 28 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศได้เข้ายึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ซึ่งเป็นบริการผสมบิตคอยน์ที่ถูกใช้เพื่อฟอกเงินและปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรม โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ยังสามารถยึดเงินบิตคอยน์ได้มากกว่า 28 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการที่ใหญ่ที่สุดในการปราบปรามบริการฟอกเงินดิจิทัล Cryptomixer ถูกใช้โดยอาชญากรไซเบอร์เพื่อซ่อนที่มาของเงินที่ได้จากการโจมตี ransomware, การฉ้อโกง และการค้ามนุษย์ดิจิทัล การบริการลักษณะนี้ทำให้การติดตามเส้นทางการเงินเป็นไปได้ยาก และถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสนับสนุนอาชญากรรมทางไซเบอร์ทั่วโลก การยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ไม่เพียงแต่ทำให้บริการนี้หยุดชะงัก แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังผู้ให้บริการที่คล้ายกันว่าหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด การปฏิบัติการครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลและอาชญากรรมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการปิดบริการหนึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีย้ายไปใช้บริการอื่นที่ยังคงเปิดอยู่ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลจึงเป็นเกมแมวจับหนูที่ต้องอาศัยการพัฒนาเครื่องมือและความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การปฏิบัติการของตำรวจสากล ➡️ ยึดโดเมนและโครงสร้างพื้นฐานของ Cryptomixer ➡️ ยึดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 28 ล้านดอลลาร์ ✅ บทบาทของ Cryptomixer ➡️ ใช้ฟอกเงินจาก ransomware และการฉ้อโกง ➡️ ปกปิดเส้นทางการทำธุรกรรมดิจิทัล ✅ ผลกระทบจากการยึด ➡️ ทำให้บริการหยุดชะงักและส่งสัญญาณเตือนผู้ให้บริการอื่น ➡️ แสดงถึงความร่วมมือระหว่างประเทศในการปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ ผู้โจมตีอาจย้ายไปใช้บริการฟอกเงินดิจิทัลอื่นที่ยังเปิดอยู่ ⛔ การต่อสู้กับการฟอกเงินดิจิทัลต้องอาศัยความร่วมมือและการพัฒนาเครื่องมืออย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/cryptomixer-domains-infrastructure-bitcoin-seized/
    HACKREAD.COM
    Police Seize Cryptomixer Domains, Infrastructure and 28M Dollars in Bitcoin
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/4Z_Z28P0jjs?si=GYSh-A9nj3FOo4rV
    https://youtu.be/4Z_Z28P0jjs?si=GYSh-A9nj3FOo4rV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts