• .."ด้วยเหตุผลบางประการ" ผู้ก่อตั้งและประธานของฟอรัมเศรษฐกิจโลก Klaus Schwab (88) ลาออกโดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากมีการประกาศการเสียชีวิตของพระสันตปาปา .. ( Klaus Schwab ลาออกจากตำแหน่งประธาน World Economic Forum อย่างเป็นทางการ)
    .."ด้วยเหตุผลบางประการ" ผู้ก่อตั้งและประธานของฟอรัมเศรษฐกิจโลก Klaus Schwab (88) ลาออกโดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากมีการประกาศการเสียชีวิตของพระสันตปาปา .. ( Klaus Schwab ลาออกจากตำแหน่งประธาน World Economic Forum อย่างเป็นทางการ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด)

    #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)**
    - **รับซื้อ**: 52,350 บาท
    - **ขายออก**: 52,450 บาท
    - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน

    #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%**
    - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท
    - **ขายออก**: 53,250 บาท
    - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม)

    #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)**
    - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์
    - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ)
    - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

    #### 4. **แนวโน้มราคาทอง**
    - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน
    - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

    #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม**
    - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ**
    - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท)
    - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท)
    - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD)

    ---

    ### ปัจจัยกระทบราคาทอง
    - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย
    - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ
    - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

    สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    ### ราคาทองคำประจำวันที่ 18 เมษายน 2568 (อัพเดตล่าสุด) #### 1. **ราคาทองคำแท่ง 96.5% (สมาคมค้าทองคำ)** - **รับซื้อ**: 52,350 บาท - **ขายออก**: 52,450 บาท - ปรับตัว **เพิ่มขึ้น 100 บาท** จากราคาปิดเมื่อวาน (17 เมษายน) โดยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 52,550 บาท ในช่วงกลางวัน #### 2. **ราคาทองรูปพรรณ 96.5%** - **รับซื้อ**: 51,407.56 บาท - **ขายออก**: 53,250 บาท - รวมค่ากำเหน็จเฉลี่ยสำหรับทองรูปพรรณ 1 บาท อยู่ที่ **53,250 บาท** (น้ำหนักทอง 15.16 กรัม) #### 3. **ราคาทองต่างประเทศ (Gold Spot)** - **ราคาปิดล่าสุด**: 3,326.27 ดอลลาร์สหรัฐ/ทรอยออนซ์ - **ค่าเงินบาท**: 33.33 บาท/ดอลลาร์ (ส่งผลต่อราคาทองในประเทศ) - ปรับตัว **ลดลง 0.46%** จากปัจจัยเทขายทำกำไร แต่ยังอยู่ในระดับสูงจากความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน #### 4. **แนวโน้มราคาทอง** - **ในประเทศ**: เปิดตลาดเช้าวันนี้ปรับขึ้นต่อเนื่องจากแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย และปัจจัยภายใน - **ต่างประเทศ**: คาดการณ์ว่าอาจปรับฐานต่อเนื่องจากความผันผวนของดอลลาร์และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก #### 5. **รายละเอียดเพิ่มเติม** - **ทองรูปพรรณน้ำหนักอื่น ๆ** - ทองครึ่งสลึง: 6,556 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 7,356 บาท) - ทอง 2 สลึง: 26,225 บาท (รวมค่ากำเหน็จ 27,025 บาท) - **ทองคำแท่ง 99.99%**: รับซื้อ 54,280 บาท, ขายออก 54,350 บาท (จาก InterGOLD) --- ### ปัจจัยกระทบราคาทอง - **สงครามการค้า**: ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนส่งผลให้นักลงทุนเทเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัย - **ค่าเงินบาท**: อัตราแลกเปลี่ยน 33.33 บาท/ดอลลาร์ ช่วยหนุนราคาทองในประเทศ - **แนวโน้มโลก**: ราคาทอง Spot ยังทรงตัวสูงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ สำหรับการลงทุน ขอแนะนำให้ติดตาม **กราฟราคาทองแบบเรียลไทม์** และเปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง เช่น สมาคมค้าทองคำ, InterGOLD หรือเว็บไซต์เฉพาะทาง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • 170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️

    📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️

    🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍

    แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม"

    📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398

    จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂

    กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง

    นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย

    💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก…

    ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต

    หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร

    ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น

    👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้

    การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾

    🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล

    ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️

    📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง...
    ✅ เปิดประตูการค้าเสรี
    ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก
    ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว
    ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง
    ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง

    📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง

    😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้

    ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด

    ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่

    ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้

    ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย

    ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”?
    📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ
    📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ
    📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก
    📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น

    📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต

    🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม

    ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า?

    “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง

    ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5

    สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568

    📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย
    #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม
    #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย
    #โลกาภิวัตน์กับไทย
    170 ปี สนธิสัญญาเบาว์ริง เปิดประเทศสู่เศรษฐกิจโลก ประโยชน์ไม่สมดุล ทุนต่างชาติครอบงำ ไม่ยุติธรรม! ไทยทำไม่ได้ที่อังกฤษ เปิดประเทศสู่โลก แต่ปิดความเท่าเทียม? 🇹🇭⚖️ 📚 สนธิสัญญาเบาว์ริงไม่ใช่แค่เรื่องในอดีต แต่คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่นำไทยเข้าสู่เวทีเศรษฐกิจโลก ภายใต้เงื่อนไขที่ไม่เท่าเทียม เปิดประตูสู่ความทันสมัย แต่ปิดโอกาสของความเสมอภาค ในการเจรจากับชาติตะวันตก ⚖️ 🧭 สนธิสัญญาที่เปิดประเทศ แต่ปิดความเสมอภาค ในวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงลงนามในสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีกับอังกฤษ หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “สนธิสัญญาเบาว์ริง” ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของไทย สู่โลกทุนนิยม 🌍 แต่ภายใต้การเปิดเสรีนั้น กลับมีเงื่อนไขที่ไทยเสียเปรียบ ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การปกครอง และกฎหมายระหว่างประเทศ ทำให้สนธิสัญญานี้ถูกวิพากษ์ว่าเป็น "สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม" 📜 “Treaty of Friendship and Commerce between the British Empire and the Kingdom of Siam” หรือ Bowring Treaty คือข้อตกลงระหว่างไทย หรือราชอาณาจักรสยามในสมัยนั้น กับอังกฤษ ที่ลงนามเมื่อวันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2398 จุดเด่นของสนธิสัญญานี้ คือการเปิดให้พ่อค้าชาวอังกฤษ สามารถค้าขายอย่างเสรีในสยาม และได้รับ “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” (Extraterritorial Rights) 🛂 กล่าวคือ คนในบังคับอังกฤษที่อยู่ในไทย จะไม่อยู่ภายใต้กฎหมายไทย แต่ขึ้นกับศาลของอังกฤษเอง นอกจากนี้ สนธิสัญญายังเปิดทางให้พ่อค้าต่างชาติ ตั้งรกราก ซื้อขายทรัพย์สิน และถือครองที่ดินในบางพื้นที่ได้ด้วย 💼 เหตุผลเบื้องหลัง อังกฤษต้องการอะไรกันแน่? หลายคนอาจเข้าใจว่า อังกฤษต้องการแค่เปิดตลาดการค้า แต่เบื้องหลังของข้อตกลงนี้ กลับลึกซึ้งกว่านั้นมาก… ผลประโยชน์จากการค้าฝิ่น อังกฤษต้องการสร้างเส้นทางการค้าฝิ่น ที่มั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ต้องการให้สยามเป็นทางผ่านการค้ากับจีน ฮ่องกง และอินเดีย 🚢 อำนาจและอิทธิพลทางการทูต หลังสงครามฝิ่นครั้งแรก จีนพ่ายแพ้ อังกฤษต้องการป้องกันไม่ให้เกิด “สยามเป็นจีนลำดับต่อไป” เบาว์ริงใช้วิธี “ทูตนุ่ม” มากกว่าการใช้กำลังทหาร ประโยชน์จากภาษีต่ำ ตามสนธิสัญญา ไทยเก็บภาษีนำเข้าได้แค่ 3% เท่านั้น ‼️ ฝิ่นไม่ต้องเสียภาษีเลย แต่ต้องขายให้กับเจ้าภาษีเท่านั้น 👑 ทำไมสยามถึงยอมเซ็น? พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะล้าหลัง เมื่อเทียบกับชาติตะวันตก หากไม่ยอมเปิดประเทศ อาจตกเป็นอาณานิคมเหมือนจีน พม่า หรืออินเดียได้ การเปิดการค้าเสรี จะช่วยให้ราษฎรมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจาก “การส่งออกข้าว” ชาวนาก็จะมีเงินมากขึ้น ข้าวจะกลายเป็นสินค้าส่งออกของไทย สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาล... 🧺🌾 🔍 ผลกระทบที่ตามมา เปิดเสรี หรือเปิดโอกาสให้ต่างชาติครอบงำ? ภายหลังการลงนามสนธิสัญญาเบาว์ริง มีเรือต่างประเทศ เข้ามาค้าขายกว่า 100 ลำในปีเดียว ระบบเงินเหรียญ แทนพดด้วง เริ่มใช้อย่างเป็นระบบ เกิดการลงทุนของต่างชาติ เช่น โรงสี โรงเลื่อยไม้ โรงน้ำตาล ชาวนามีรายได้สูงขึ้น ราคาข้าวพุ่ง จาก 3–5 บาท ต่อเกวียน เป็น 16–20 บาท ต่อเกวียน ราษฎรสามารถ “จำนอง” หรือ “ขายฝาก” ที่ดินของตนได้ ชาวต่างชาติสามารถเช่า หรือซื้อที่ดินได้ในพื้นที่ที่รัฐบาลกำหนด 🏘️ 📈 ข้อดีของสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่น้อยคนนึกถึง... ✅ เปิดประตูการค้าเสรี ✅ ช่วยให้ไทยพัฒนาวิทยาการตะวันตก ✅ ราษฎรมีรายได้จากการค้าข้าว ✅ กระตุ้นการพัฒนาเมือง ถนนเจริญกรุง สีลม เริ่มก่อสร้าง ✅ ทำให้มีการแข่งขันทางการค้า → ราคาสินค้าลดลง 📌 สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของตลาดโลก เช่น ข้าว ไม้สัก งาช้าง 😞 ข้อเสียเปรียบของไทย ในสนธิสัญญาเบาว์ริง ที่ถูกซ่อนไว้ ❌ เสียสิทธิเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ไม่สามารถเก็บภาษีนำเข้าตามต้องการได้ ต้องเปิดตลาดสินค้าให้ต่างชาติ โดยไม่มีข้อจำกัด ❌ เสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต คนอังกฤษไม่ต้องขึ้นศาลไทย ทำให้ศาลไทยไม่มีอำนาจเต็มที่ ❌ ทุนต่างชาติเข้ามาครอบงำเศรษฐกิจ ตั้งโรงงาน โรงสี โรงเลื่อยไม้ ฯลฯ โดยคนไทยแข่งขันไม่ได้ ❌ คนไทยไม่สามารถทำการค้าในอังกฤษได้ ไม่ได้รับสิทธิเท่าเทียม เหมือนที่อังกฤษได้จากไทย ⚖️ ทำไมถึงเรียกว่า “สนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรม”? 📍 ถูกเซ็นภายใต้แรงกดดัน จากอำนาจจักรวรรดิ 📍 ไม่มีความเสมอภาคระหว่างสองประเทศ 📍 ไทยไม่สามารถต่อรองเงื่อนไขได้มากนัก 📍 คล้ายกับ “สนธิสัญญานานกิง” ที่จีนถูกบังคับให้เซ็นหลังสงครามฝิ่น 📚 บทเรียนที่ไทยได้จากอดีต 🇹🇭 สนธิสัญญาเบาว์ริง เป็นแรงผลักดันให้ไทยเร่งพัฒนา ปฏิรูประบบราชการ ระบบศาล และกฎหมาย เปิดการเจรจาแก้ไขสนธิสัญญาในภายหลัง โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ 5 ส่งผลถึงการรักษาเอกราชของไทย ในขณะที่เพื่อนบ้านหลายประเทศ กลายเป็นอาณานิคม ✨ ไทยเสียเปรียบวันนี้ เพื่อไม่เสียประเทศในวันหน้า? “ไม่เสมอภาค แต่จำเป็น” คือคำจำกัดความที่ดีที่สุด ของสนธิสัญญาเบาว์ริง ถึงแม้สัญญาฉบับนี้ จะเต็มไปด้วยข้อเสียเปรียบ แต่ก็นำมาซึ่งการรอดพ้นจากอาณานิคม การเปิดประตูสู่โลกสมัยใหม่ การเตรียมประเทศ เข้าสู่ยุคการปฏิรูปในรัชกาลที่ 5 สนธิสัญญาเบาว์ริงจึงเป็นเหมือน "ดาบสองคม" ที่ทั้งให้คุณและโทษ ในเวลาเดียวกัน ⚔️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181147 เม.ย. 2568 📌 #สนธิสัญญาเบาว์ริง #เปิดประเทศแต่ไม่เปิดโอกาส #ประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไทย #ThailandHistory #BowringTreaty #เปิดเสรีไม่เท่าเทียม #ThailandTradeHistory #อธิปไตยไทย #อังกฤษในไทย #โลกาภิวัตน์กับไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 395 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68

    #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    ส่องไพ่ในมือจีน สู้ศึกภาษีทรัมป์ : คนเคาะข่าว 17-04-68 #คนเคาะข่าว #ศึกภาษีทรัมป์ #จีนvsสหรัฐ #สงครามการค้า #ไพ่ในมือจีน #ภาษีนำเข้า #เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #ทรัมป์ #จีน #thaitimes #ข่าวต่างประเทศ #ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • The Great Reset 2 : Road to New World เส้นทางสู่โลกใหม่ | คนเคาะข่าว 15-04-68

    🌎 โลกกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…The Great Reset 2 การรีเซ็ตโลกครั้งใหญ่ กำลังจะเปลี่ยนวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และอนาคตของเราแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
    ใครจะอยู่รอด…ใครจะร่วง? รู้ก่อน คิดก่อน ปรับตัวทัน!

    แขกรับเชิญ : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #TheGreatReset2 #รีเซ็ตโลก #อนาคตเศรษฐกิจ #วิกฤตโลก #เศรษฐกิจโลก #อุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่าน #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #นงวดีถนิมมาลย์ #รู้ก่อนปรับตัวก่อน #thaitimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อนาคตโลก #เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก #โลกอนาคต
    The Great Reset 2 : Road to New World เส้นทางสู่โลกใหม่ | คนเคาะข่าว 15-04-68 🌎 โลกกำลังจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…The Great Reset 2 การรีเซ็ตโลกครั้งใหญ่ กำลังจะเปลี่ยนวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และอนาคตของเราแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ใครจะอยู่รอด…ใครจะร่วง? รู้ก่อน คิดก่อน ปรับตัวทัน! แขกรับเชิญ : อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #TheGreatReset2 #รีเซ็ตโลก #อนาคตเศรษฐกิจ #วิกฤตโลก #เศรษฐกิจโลก #อุตสาหกรรมเปลี่ยนผ่าน #ทวีสุขธรรมศักดิ์ #นงวดีถนิมมาลย์ #รู้ก่อนปรับตัวก่อน #thaitimes #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #อนาคตโลก #เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก #โลกอนาคต
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • Mar-a-Lago Accord พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก!! : [Biz Talk]
    สัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจโลก ‘Mar-a-Lago Accord’ เป็นแนวทางแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างเรื้อรัง และหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯเสนอให้ประเทศที่ต้องการเก็บ ดอลลาร์ฯ เป็นทุนสำรอง และไม่ต้องการโดนภาษีการค้า ให้ถือดอลลาร์ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล 100 ปีแทน ทำให้ไม่ต้องถือดอลลาร์โดยตรง ช่วยให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และยังช่วยลดมูลค่าหนี้ของสหรัฐด้วย
    Mar-a-Lago Accord พลิกโฉมเศรษฐกิจโลก!! : [Biz Talk] สัญญาณเตือนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจโลก ‘Mar-a-Lago Accord’ เป็นแนวทางแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าอย่างเรื้อรัง และหนี้สาธารณะที่พุ่งสูงขึ้นของสหรัฐฯ ภายใต้ข้อตกลงนี้ สหรัฐฯเสนอให้ประเทศที่ต้องการเก็บ ดอลลาร์ฯ เป็นทุนสำรอง และไม่ต้องการโดนภาษีการค้า ให้ถือดอลลาร์ในรูปของพันธบัตรรัฐบาล 100 ปีแทน ทำให้ไม่ต้องถือดอลลาร์โดยตรง ช่วยให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง และยังช่วยลดมูลค่าหนี้ของสหรัฐด้วย
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 651 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงการประกาศของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้า ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า โดย Trump ระบุว่าจะมีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้

    Trump ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางกลับจาก West Palm Beach โดยระบุว่าการกำหนดอัตราภาษีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีหรือบริษัทที่จะได้รับการยกเว้น

    ในมุมมองที่กว้างขึ้น การกำหนดภาษีนี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ เช่น บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์

    ✅ การประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์
    - Trump ระบุว่าจะมีการประกาศอัตราภาษีใหม่ในสัปดาห์หน้า
    - มีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรม

    ✅ เป้าหมายของนโยบาย
    - สนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ
    - ลดการพึ่งพาการนำเข้า

    ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน
    - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - บริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศอาจต้องปรับตัว

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ทางการค้า
    - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศผู้ส่งออก
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/trump-says-will-announce-semiconductor-tariffs-over-next-week
    ข่าวนี้เล่าถึงการประกาศของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เกี่ยวกับการกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ที่นำเข้า ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดในสัปดาห์หน้า โดย Trump ระบุว่าจะมีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรมนี้ Trump ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างการเดินทางกลับจาก West Palm Beach โดยระบุว่าการกำหนดอัตราภาษีใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งเน้นการสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศและลดการพึ่งพาการนำเข้า อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราภาษีหรือบริษัทที่จะได้รับการยกเว้น ในมุมมองที่กว้างขึ้น การกำหนดภาษีนี้อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยเฉพาะในกลุ่มบริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศ เช่น บริษัทผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ ✅ การประกาศอัตราภาษีใหม่สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ - Trump ระบุว่าจะมีการประกาศอัตราภาษีใหม่ในสัปดาห์หน้า - มีความยืดหยุ่นสำหรับบางบริษัทในอุตสาหกรรม ✅ เป้าหมายของนโยบาย - สนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ - ลดการพึ่งพาการนำเข้า ℹ️ ผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มต้นทุนการผลิตในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - บริษัทที่พึ่งพาเซมิคอนดักเตอร์จากต่างประเทศอาจต้องปรับตัว ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ทางการค้า - การกำหนดภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และประเทศผู้ส่งออก - ความขัดแย้งทางการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/14/trump-says-will-announce-semiconductor-tariffs-over-next-week
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Trump says will announce semiconductor tariffs over next week
    ABOARD AIR FORCE ONE (Reuters) - U.S. President Donald Trump on Sunday said he would be announcing the tariff rate on imported semiconductors over the next week, adding that there would be flexibility on some companies in the sector.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 148 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า

    ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ
    - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ
    - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้

    ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน
    - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ
    - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี
    - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง
    - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว

    ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ
    - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีน เช่น Cambricon Technologies, Loongson, และ Maxscend Microelectronics ได้แจ้งนักลงทุนว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจของพวกเขา เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของบริษัทมาจากตลาดภายในประเทศจีน และการคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ นอกจากนี้ บริษัทเหล่านี้ยังมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทาย เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ และการสร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล เพื่อลดผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า ✅ การตอบสนองต่อภาษีของสหรัฐฯ - บริษัทเซมิคอนดักเตอร์จีนระบุว่าภาษีที่สหรัฐฯ กำหนดไม่มีผลกระทบต่อธุรกิจ - การคว่ำบาตรที่มีอยู่แล้วทำให้ไม่สามารถขายสินค้าในตลาดสหรัฐฯ ได้ ✅ การปรับตัวของบริษัทจีน - บริษัทพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เน้นตลาดภายในประเทศ - สร้างความร่วมมือกับประเทศอื่นๆ เช่น บราซิล ℹ️ ความเสี่ยงต่อการพัฒนาเทคโนโลยี - การคว่ำบาตรและภาษีอาจลดโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง - การพึ่งพาตลาดภายในประเทศอาจจำกัดการเติบโตในระยะยาว ℹ️ ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - ความขัดแย้งทางการค้าอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ - การตอบโต้ทางการค้าอาจส่งผลต่อเศรษฐกิจโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-chip-giants-say-they-dont-care-about-u-s-tariffs-many-dont-sell-to-the-u-s-anyway-due-to-existing-sanctions
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน

    อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน

    ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี
    - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์
    - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025

    ✅ การตอบโต้จากจีน
    - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125%
    - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด

    ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ
    - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น
    - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27%

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท
    - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน

    https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ Donald Trump ได้ออกคำแนะนำใหม่ที่ยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก่อนหน้านี้สินค้ากลุ่มนี้ต้องเผชิญกับภาษีสูงถึง 145% การยกเว้นภาษีนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 และช่วยลดภาระให้กับผู้บริโภคและบริษัทที่พึ่งพาการผลิตจากจีน อย่างไรก็ตาม จีนได้ตอบโต้ด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% โดยไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใดเลย นอกจากนี้ ประเทศผู้ผลิตอื่นๆ เช่น เวียดนามและอินเดีย ก็ได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ✅ การยกเว้นภาษีสำหรับสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี - สหรัฐฯ ยกเว้นภาษีสำหรับสมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์ - การยกเว้นนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 ✅ การตอบโต้จากจีน - จีนเพิ่มภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 125% - ไม่มีการยกเว้นสำหรับสินค้ากลุ่มใด ✅ ผลกระทบต่อประเทศผู้ผลิตอื่นๆ - เวียดนามและอินเดียได้รับผลกระทบจากภาษีที่เพิ่มขึ้น - เวียดนามเผชิญภาษี 46% และอินเดีย 27% ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และจีน - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ℹ️ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและบริษัท - ผู้บริโภคอาจต้องจ่ายราคาสินค้าที่สูงขึ้นหากไม่มีการยกเว้นภาษี - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน https://www.neowin.net/news/tech-gets-a-pass-smartphones-computers-and-chips-exempted-from-trump-tariffs/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tech gets a pass; Smartphones, computers, and chips exempted from Trump tariffs
    Donald Trump has exempted some widely used electronic devices from paying hefty tariffs, temporarily relieving American consumers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • เยอรมนี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Jörg Kukies ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นจาก EU หากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายล้มเหลว โดยเฉพาะการพิจารณาภาษีใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศใน EU เช่น ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก มีความกังวล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ

    ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าทุกมาตรการยังคงอยู่บนโต๊ะ รวมถึงการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Google

    ✅ การเรียกร้องของเยอรมนี
    - เยอรมนีเรียกร้องให้ EU ใช้ความระมัดระวังในการตอบโต้ทางภาษี
    - รัฐมนตรี Jörg Kukies เน้นถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรม

    ✅ การพิจารณาภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล
    - ฝรั่งเศสเสนอการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์
    - ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี

    ✅ การลดภาษีชั่วคราว
    - สหรัฐฯ ลดภาษีจาก 20% เหลือ 10% ในช่วง 90 วัน
    - การลดภาษีนี้อาจถูกยกเลิกหาก EU ตอบโต้ทางภาษี

    ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ
    - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก

    ℹ️ ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี
    - การเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัลอาจเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทเทคโนโลยี
    - บริษัทในไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กอาจได้รับผลกระทบโดยตรง

    https://wccftech.com/germany-pushes-for-caution-on-tariffs-retaliation/
    เยอรมนี โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง Jörg Kukies ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการตอบโต้ทางภาษีที่อาจเกิดขึ้นจาก EU หากการเจรจาระหว่างสองฝ่ายล้มเหลว โดยเฉพาะการพิจารณาภาษีใหม่ในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศใน EU เช่น ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์ก มีความกังวล เนื่องจากเป็นที่ตั้งของบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ในขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าทุกมาตรการยังคงอยู่บนโต๊ะ รวมถึงการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Meta และ Google ✅ การเรียกร้องของเยอรมนี - เยอรมนีเรียกร้องให้ EU ใช้ความระมัดระวังในการตอบโต้ทางภาษี - รัฐมนตรี Jörg Kukies เน้นถึงความสำคัญของการพิจารณาผลกระทบในแต่ละอุตสาหกรรม ✅ การพิจารณาภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล - ฝรั่งเศสเสนอการเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น การโฆษณาออนไลน์ - ไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี ✅ การลดภาษีชั่วคราว - สหรัฐฯ ลดภาษีจาก 20% เหลือ 10% ในช่วง 90 วัน - การลดภาษีนี้อาจถูกยกเลิกหาก EU ตอบโต้ทางภาษี ℹ️ ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ - การตอบโต้ทางภาษีอาจเพิ่มความตึงเครียดระหว่าง EU และสหรัฐฯ - ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ℹ️ ผลกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยี - การเก็บภาษีในอุตสาหกรรมดิจิทัลอาจเพิ่มต้นทุนให้กับบริษัทเทคโนโลยี - บริษัทในไอร์แลนด์และลักเซมเบิร์กอาจได้รับผลกระทบโดยตรง https://wccftech.com/germany-pushes-for-caution-on-tariffs-retaliation/
    WCCFTECH.COM
    Germany Pushes for Caution on EU Tariff Retaliation
    In response to proposed retaliation on the tariffs on the EU, Germany has pushed for caution on what actions may be taken.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ตอบโต้สเปนอย่างรุนแรงว่า หากพวกเขาเข้าข้างจีนจะเหมือนปาดคอตัวเอง


    ก่อนหน้านี้ เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน เสนอให้อียูทบทวนความสัมพันธ์การค้ากับจีน โดยบอกว่าสหภาพยุโรปจะได้ประโยชน์ถ้าคบกับจีน เพราะนโยบายการค้าของสหรัฐไม่มีความแน่นอน และยังทำร้ายพันธมิตรด้วยการประกาศขึ้นภาษียุโรป

    เบสเซนต์ ออกมาตอบโต้สเปนทันที โดยเตือนว่าสหภาพยุโรปจะเหมือนกับปาดคอตัวเองหากหันไปใกล้ชิดจีนแทนที่จะรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐต่อไป

    เบสเซนต์ยังกล่าวอีกว่านโยบายการค้าของจีนมีแต่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก และชี้ว่าอียูต้องไม่เลือกข้างผิดในสงครามการค้า
    สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐ ตอบโต้สเปนอย่างรุนแรงว่า หากพวกเขาเข้าข้างจีนจะเหมือนปาดคอตัวเอง ก่อนหน้านี้ เปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน เสนอให้อียูทบทวนความสัมพันธ์การค้ากับจีน โดยบอกว่าสหภาพยุโรปจะได้ประโยชน์ถ้าคบกับจีน เพราะนโยบายการค้าของสหรัฐไม่มีความแน่นอน และยังทำร้ายพันธมิตรด้วยการประกาศขึ้นภาษียุโรป เบสเซนต์ ออกมาตอบโต้สเปนทันที โดยเตือนว่าสหภาพยุโรปจะเหมือนกับปาดคอตัวเองหากหันไปใกล้ชิดจีนแทนที่จะรักษาความสัมพันธ์กับสหรัฐต่อไป เบสเซนต์ยังกล่าวอีกว่านโยบายการค้าของจีนมีแต่ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก และชี้ว่าอียูต้องไม่เลือกข้างผิดในสงครามการค้า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen ได้ออกมาประกาศว่า EU อาจใช้มาตรการทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงการเก็บภาษีจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หากการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ล้มเหลว โดยการเจรจานี้เกี่ยวข้องกับการหยุดชั่วคราวของการเพิ่มภาษีในระยะเวลา 90 วัน

    ✅ การเจรจาทางการค้า:
    - EU กำลังพยายามบรรลุข้อตกลงที่สมดุลกับสหรัฐฯ ในช่วงเวลาหยุดชั่วคราวของการเพิ่มภาษี
    - หากการเจรจาล้มเหลว EU อาจขยายสงครามการค้าไปยังบริการดิจิทัล เช่น การเก็บภาษีจากรายได้โฆษณาดิจิทัลของบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta และ Google

    ✅ ผลกระทบจากสงครามการค้า:
    - Von der Leyen ระบุว่าสงครามการค้าของทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าทั่วโลกอย่างสิ้นเชิง
    - EU จะไม่ยอมให้สินค้าจีนที่เผชิญภาษีจากสหรัฐฯ ทะลักเข้าสู่ตลาดยุโรป

    ✅ มาตรการป้องกัน:
    - Brussels เตรียมใช้ระบบตรวจสอบใหม่เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของสินค้านำเข้าจากจีน

    == ข้อเสนอแนะและคำเตือน ==
    ⚠️ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก:
    - การขยายสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    ⚠️ การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี:
    - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเก็บภาษีใหม่ ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/eu-could-tax-big-tech-if-trump-trade-talks-fail-von-der-leyen-says-to-ft
    ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen ได้ออกมาประกาศว่า EU อาจใช้มาตรการทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุด รวมถึงการเก็บภาษีจากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ หากการเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ล้มเหลว โดยการเจรจานี้เกี่ยวข้องกับการหยุดชั่วคราวของการเพิ่มภาษีในระยะเวลา 90 วัน ✅ การเจรจาทางการค้า: - EU กำลังพยายามบรรลุข้อตกลงที่สมดุลกับสหรัฐฯ ในช่วงเวลาหยุดชั่วคราวของการเพิ่มภาษี - หากการเจรจาล้มเหลว EU อาจขยายสงครามการค้าไปยังบริการดิจิทัล เช่น การเก็บภาษีจากรายได้โฆษณาดิจิทัลของบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta และ Google ✅ ผลกระทบจากสงครามการค้า: - Von der Leyen ระบุว่าสงครามการค้าของทรัมป์ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบการค้าทั่วโลกอย่างสิ้นเชิง - EU จะไม่ยอมให้สินค้าจีนที่เผชิญภาษีจากสหรัฐฯ ทะลักเข้าสู่ตลาดยุโรป ✅ มาตรการป้องกัน: - Brussels เตรียมใช้ระบบตรวจสอบใหม่เพื่อป้องกันการเพิ่มขึ้นของสินค้านำเข้าจากจีน == ข้อเสนอแนะและคำเตือน == ⚠️ ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก: - การขยายสงครามการค้าอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ⚠️ การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี: - บริษัทเทคโนโลยีอาจต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับการเก็บภาษีใหม่ ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/11/eu-could-tax-big-tech-if-trump-trade-talks-fail-von-der-leyen-says-to-ft
    WWW.THESTAR.COM.MY
    EU could tax big tech if Trump trade talks fail, Von der Leyen tells FT
    (Reuters) -The EU is prepared to deploy its most powerful trade measures and may impose levies on U.S. digital companies if negotiations with U.S. President Donald Trump fail, EU President Ursula von der Leyen told the Financial Times on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อทรัมป์เขย่าเศรษฐกิจโลก และทางรอดภายใต้แพทองธาร

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000034463
    เมื่อทรัมป์เขย่าเศรษฐกิจโลก และทางรอดภายใต้แพทองธาร บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000034463
    MGRONLINE.COM
    เมื่อทรัมป์เขย่าเศรษฐกิจโลก และทางรอดภายใต้แพทองธาร
    คำว่าโลกไร้พรหมแดนหรือโลกาภิวัตน์ตามบัญญัติของราชบัณฑิตนั้น
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดเหตุผลทรัมป์กลับลำชะลอขึ้นภาษี 90วัน : คนเคาะข่าว 10-04-68
    อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

    #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #ชะลอขึ้นภาษี #สงครามการค้า #ภาษีสหรัฐ #เศรษฐกิจโลก #ข่าวต่างประเทศ #นโยบายทรัมป์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #การเมืองโลก #thaitimes #เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
    เปิดเหตุผลทรัมป์กลับลำชะลอขึ้นภาษี 90วัน : คนเคาะข่าว 10-04-68 อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร #คนเคาะข่าว #ทรัมป์ #ชะลอขึ้นภาษี #สงครามการค้า #ภาษีสหรัฐ #เศรษฐกิจโลก #ข่าวต่างประเทศ #นโยบายทรัมป์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #Geopolitics #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #การเมืองโลก #thaitimes #เศรษฐกิจระหว่างประเทศ
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • Wicresoft ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Microsoft กับบริษัทในจีน ได้ประกาศหยุดดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft พร้อมปลดพนักงานกว่า 2,000 คน โดยเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจนี้คือ “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก” ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน

    == ผลกระทบต่อ Microsoft และพนักงาน ==
    ✅ ผลต่อพนักงาน: พนักงานในเซี่ยงไฮ้ของ Wicresoft ได้รับแจ้งว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft จะถูกยุติ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดศักยภาพในการดำเนินงานในจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ

    ✅ สถานะของ Microsoft ในภูมิภาคนี้:
    - แม้ว่า Microsoft จะยังคงถือหุ้น 22% ใน Wicresoft แต่การลดขนาดของธุรกิจในจีนสะท้อนถึงแนวโน้มของการ “แยกตัว” ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในด้านเทคโนโลยี
    - Microsoft เคยปิดตัว IoT และ AI Insider Lab ใน Shanghai’s Zhangjiang Hi-Tech Park ก่อนหน้านี้เช่นกัน

    == ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญ ==
    ✅ แรงกดดันจากสงครามการค้า: ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ รวมถึงการตอบโต้ด้านภาษีและนโยบายการควบคุมการส่งออก ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจข้ามประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

    ✅ คำถามในอนาคต: การลดขนาดการดำเนินงานของ Wicresoft สร้างความสงสัยว่า Microsoft จะให้บริการแก่ลูกค้าในจีนอย่างไรในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/microsofts-chinese-joint-venture-set-to-halt-operations-lay-off-staff
    Wicresoft ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง Microsoft กับบริษัทในจีน ได้ประกาศหยุดดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft พร้อมปลดพนักงานกว่า 2,000 คน โดยเหตุผลสำคัญของการตัดสินใจนี้คือ “การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลก” ซึ่งเกิดจากความตึงเครียดในสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และ จีน == ผลกระทบต่อ Microsoft และพนักงาน == ✅ ผลต่อพนักงาน: พนักงานในเซี่ยงไฮ้ของ Wicresoft ได้รับแจ้งว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับ Microsoft จะถูกยุติ ส่งผลให้มีการเลิกจ้างพนักงานกว่า 2,000 คน ซึ่งถือเป็นการลดศักยภาพในการดำเนินงานในจีนลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ สถานะของ Microsoft ในภูมิภาคนี้: - แม้ว่า Microsoft จะยังคงถือหุ้น 22% ใน Wicresoft แต่การลดขนาดของธุรกิจในจีนสะท้อนถึงแนวโน้มของการ “แยกตัว” ระหว่างสหรัฐฯ และจีนในด้านเทคโนโลยี - Microsoft เคยปิดตัว IoT และ AI Insider Lab ใน Shanghai’s Zhangjiang Hi-Tech Park ก่อนหน้านี้เช่นกัน == ปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญ == ✅ แรงกดดันจากสงครามการค้า: ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจระหว่างสองมหาอำนาจ รวมถึงการตอบโต้ด้านภาษีและนโยบายการควบคุมการส่งออก ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจข้ามประเทศในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ✅ คำถามในอนาคต: การลดขนาดการดำเนินงานของ Wicresoft สร้างความสงสัยว่า Microsoft จะให้บริการแก่ลูกค้าในจีนอย่างไรในอนาคต https://www.techradar.com/pro/microsofts-chinese-joint-venture-set-to-halt-operations-lay-off-staff
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีทรัมป์ปิดฉากยุคโลกาภิวัตน์ โลกย้อนกลับสู่ระบบพหุนิยม : คนเคาะข่าว 08-04-68
    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #โลกาภิวัตน์ #พหุนิยม #สงครามการค้า #นโยบายทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวต่างประเทศ #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #Geopolitics #thaitimes #ระบบเศรษฐกิจโลก
    ภาษีทรัมป์ปิดฉากยุคโลกาภิวัตน์ โลกย้อนกลับสู่ระบบพหุนิยม : คนเคาะข่าว 08-04-68 : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #โลกาภิวัตน์ #พหุนิยม #สงครามการค้า #นโยบายทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #ทนงขันทอง #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวต่างประเทศ #การเมืองโลก #วิเคราะห์เศรษฐกิจ #Geopolitics #thaitimes #ระบบเศรษฐกิจโลก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 350 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • “ภาษีศุลกากรทรัมป์” ยังคงตามเขย่าตลาดการเงินทั่วโลกในวันจันทร์ (7 เม.ย.) ต่อเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประมุขสหรัฐฯแสดงท่าทียืนกรานแข็งกร้าวว่าแผนการสะท้านเศรษฐกิจโลกของตนนั้นถูกต้องและได้ผล รวมทั้งขู่ว่าต่างชาติจะต้องยอมจ่าย “มโหฬาร” หากจะให้อเมริกายกเลิกมาตรการภาษีซึ่งตัวเขาเองบอกว่าเป็น “ยา” เพื่อแก้ปัญหา ทางด้านจีนเรียกร้องนานาชาติร่วมกันต่อต้านมาตรการภาษีของวอชิงตัน ชี้เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว กีดกันการค้า และข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ เพื่อสนองประโยชน์ของตัวเองและผลักภาระให้ประเทศอื่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033235

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ภาษีศุลกากรทรัมป์” ยังคงตามเขย่าตลาดการเงินทั่วโลกในวันจันทร์ (7 เม.ย.) ต่อเนื่องจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่ประมุขสหรัฐฯแสดงท่าทียืนกรานแข็งกร้าวว่าแผนการสะท้านเศรษฐกิจโลกของตนนั้นถูกต้องและได้ผล รวมทั้งขู่ว่าต่างชาติจะต้องยอมจ่าย “มโหฬาร” หากจะให้อเมริกายกเลิกมาตรการภาษีซึ่งตัวเขาเองบอกว่าเป็น “ยา” เพื่อแก้ปัญหา ทางด้านจีนเรียกร้องนานาชาติร่วมกันต่อต้านมาตรการภาษีของวอชิงตัน ชี้เป็นการดำเนินการฝ่ายเดียว กีดกันการค้า และข่มเหงรังแกทางเศรษฐกิจ เพื่อสนองประโยชน์ของตัวเองและผลักภาระให้ประเทศอื่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033235 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1567 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระบบโลกใหม่หลังสงครามโลกครั้งต่อไปจะถูกกำหนดโดยผลลัพธ์ของสงคราม ความเสียหายที่เกิดขึ้น และการจัดระเบียบอำนาจใหม่โดยผู้ชนะ หากเกิดขึ้นจริง สงครามโลกครั้งต่อไปอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายด้าน ดังนี้:

    ### 1. **การเมืองระหว่างประเทศ**
    - **การล่มสลายของระเบียบโลกเดิม**: สหภาพยุโรป (EU), NATO, หรือสหประชาชาติ (UN) อาจถูกปรับโครงสร้างหรือแทนที่ด้วยองค์กรระหว่างประเทศใหม่ที่ควบคุมโดยมหาอำนาจผู้ชนะ
    - **การขึ้นมาของขั้วอำนาจใหม่**: หากสงครามเป็นแบบ "หลายฝ่าย" (เช่น สหรัฐฯ vs จีน vs รัสเซีย) อาจเกิดระบบหลายขั้วอำนาจ หรือหากมีผู้ชนะเดี่ยว อาจเกิดระบบจักรวรรดิใหม่
    - **รัฐบาลโลก (Global Government)**: ความเสียหายรุนแรงอาจผลักดันให้เกิดการรวมอำนาจภายใต้หน่วยงานกลางเพื่อป้องกันสงครามครั้งใหม่

    ### 2. **เศรษฐกิจโลก**
    - **ระบบการเงินใหม่**: สกุลเงินหลัก (ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร) อาจถูกแทนที่ด้วยสกุลดิจิทัลหรือระบบที่ควบคุมโดยมหาอำนาจ
    - **การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงคราม**: แผน Marshall Plan ฉบับใหม่อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประเทศที่เสียหาย
    - **การควบคุมทรัพยากร**: พลังงาน อาหาร และเทคโนโลยีอาจถูกกระจายใหม่ตามผลประโยชน์ของผู้ชนะ

    ### 3. **เทคโนโลยีและความมั่นคง**
    - **การควบคุมเทคโนโลยีทำลายล้างสูง**: AI, อาวุธชีวภาพ หรือนิวเคลียร์อาจถูกควบคุมโดยกฎหมายระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น
    - **การเฝ้าระวังระดับโลก**: รัฐบาลอาจใช้ระบบตรวจสอบประชากรแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันความไม่สงบ

    ### 4. **สังคมและวัฒนธรรม**
    - **การรวมหรือแบ่งแยกวัฒนธรรม**: วัฒนธรรมของผู้ชนะอาจถูกส่งเสริม ในขณะที่วัฒนธรรมของ "ฝ่ายแพ้" อาจถูกกดทับ
    - **การย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่**: จากการทำลายล้างของสงคราม ผู้คนอาจอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น

    ### 5. **สิ่งแวดล้อม**
    - **ความพยายามฟื้นฟูโลก**: หากสงครามก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น สงครามนิวเคลียร์) อาจมีโครงการฟื้นฟูขนาดใหญ่
    - **พลังงานสะอาด**: การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอาจลดลง หากโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายและต้องสร้างใหม่ทั้งหมด

    ### 6. **เสถียรภาพในระยะยาว**
    - **ความขัดแย้งแฝง**: แม้สงครามจะจบ แต่ความไม่พอใจของฝ่ายแพ้อาจนำไปสู่การก่อการร้ายหรือสงครามตัวแทน
    - **ระบบป้องกันสงครามใหม่**: อาจมีการสร้างกลไกป้องกันสงครามโลกครั้งที่ 4 เช่น ข้อตกลงควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น

    ### สถานการณ์สมมติ (ตัวอย่าง)
    - **หากสงครามเป็นสงครามเย็น 2.0**: โลกอาจแบ่งเป็น 2 ขั้วอำนาจ (สหรัฐฯ-ยุโรป vs จีน-รัสเซีย) โดยมีการแข่งขันทางเทคโนโลยีแทนการทำสงครามโดยตรง
    - **หากเป็นสงครามนิวเคลียร์จำกัด**: มหาอำนาจอาจสูญเสียอำนาจ เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง และประเทศเล็กๆ อาจขึ้นมามีบทามมากขึ้น
    - **หากเป็นสงครามโลกแบบดั้งเดิม**: อาจเกิดการล่มสลายของรัฐชาติ และแทนที่ด้วยเขตปกครองแบบภูมิภาคที่ควบคุมโดยกองทัพ

    ### บทสรุป
    ระบบโลกใหม่จะขึ้นอยู่กับว่า **"ใครชนะ และแพ้อย่างไร"** แต่สิ่งที่แน่นอนคือ สงครามโลกครั้งต่อไปจะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากเทคโนโลยีและความเชื่อมโยงของโลกที่เปลี่ยนไป อาจไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง แต่เป็นโลกที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันฟื้นฟูจากความเสียหายอันมหาศาล
    ระบบโลกใหม่หลังสงครามโลกครั้งต่อไปจะถูกกำหนดโดยผลลัพธ์ของสงคราม ความเสียหายที่เกิดขึ้น และการจัดระเบียบอำนาจใหม่โดยผู้ชนะ หากเกิดขึ้นจริง สงครามโลกครั้งต่อไปอาจส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหลายด้าน ดังนี้: ### 1. **การเมืองระหว่างประเทศ** - **การล่มสลายของระเบียบโลกเดิม**: สหภาพยุโรป (EU), NATO, หรือสหประชาชาติ (UN) อาจถูกปรับโครงสร้างหรือแทนที่ด้วยองค์กรระหว่างประเทศใหม่ที่ควบคุมโดยมหาอำนาจผู้ชนะ - **การขึ้นมาของขั้วอำนาจใหม่**: หากสงครามเป็นแบบ "หลายฝ่าย" (เช่น สหรัฐฯ vs จีน vs รัสเซีย) อาจเกิดระบบหลายขั้วอำนาจ หรือหากมีผู้ชนะเดี่ยว อาจเกิดระบบจักรวรรดิใหม่ - **รัฐบาลโลก (Global Government)**: ความเสียหายรุนแรงอาจผลักดันให้เกิดการรวมอำนาจภายใต้หน่วยงานกลางเพื่อป้องกันสงครามครั้งใหม่ ### 2. **เศรษฐกิจโลก** - **ระบบการเงินใหม่**: สกุลเงินหลัก (ดอลลาร์สหรัฐ, ยูโร) อาจถูกแทนที่ด้วยสกุลดิจิทัลหรือระบบที่ควบคุมโดยมหาอำนาจ - **การฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงคราม**: แผน Marshall Plan ฉบับใหม่อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประเทศที่เสียหาย - **การควบคุมทรัพยากร**: พลังงาน อาหาร และเทคโนโลยีอาจถูกกระจายใหม่ตามผลประโยชน์ของผู้ชนะ ### 3. **เทคโนโลยีและความมั่นคง** - **การควบคุมเทคโนโลยีทำลายล้างสูง**: AI, อาวุธชีวภาพ หรือนิวเคลียร์อาจถูกควบคุมโดยกฎหมายระหว่างประเทศที่เข้มงวดขึ้น - **การเฝ้าระวังระดับโลก**: รัฐบาลอาจใช้ระบบตรวจสอบประชากรแบบเรียลไทม์เพื่อป้องกันความไม่สงบ ### 4. **สังคมและวัฒนธรรม** - **การรวมหรือแบ่งแยกวัฒนธรรม**: วัฒนธรรมของผู้ชนะอาจถูกส่งเสริม ในขณะที่วัฒนธรรมของ "ฝ่ายแพ้" อาจถูกกดทับ - **การย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่**: จากการทำลายล้างของสงคราม ผู้คนอาจอพยพไปยังพื้นที่ปลอดภัยมากขึ้น ### 5. **สิ่งแวดล้อม** - **ความพยายามฟื้นฟูโลก**: หากสงครามก่อความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม (เช่น สงครามนิวเคลียร์) อาจมีโครงการฟื้นฟูขนาดใหญ่ - **พลังงานสะอาด**: การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลอาจลดลง หากโครงสร้างพื้นฐานถูกทำลายและต้องสร้างใหม่ทั้งหมด ### 6. **เสถียรภาพในระยะยาว** - **ความขัดแย้งแฝง**: แม้สงครามจะจบ แต่ความไม่พอใจของฝ่ายแพ้อาจนำไปสู่การก่อการร้ายหรือสงครามตัวแทน - **ระบบป้องกันสงครามใหม่**: อาจมีการสร้างกลไกป้องกันสงครามโลกครั้งที่ 4 เช่น ข้อตกลงควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น ### สถานการณ์สมมติ (ตัวอย่าง) - **หากสงครามเป็นสงครามเย็น 2.0**: โลกอาจแบ่งเป็น 2 ขั้วอำนาจ (สหรัฐฯ-ยุโรป vs จีน-รัสเซีย) โดยมีการแข่งขันทางเทคโนโลยีแทนการทำสงครามโดยตรง - **หากเป็นสงครามนิวเคลียร์จำกัด**: มหาอำนาจอาจสูญเสียอำนาจ เกิดภาวะสุญญากาศทางการเมือง และประเทศเล็กๆ อาจขึ้นมามีบทามมากขึ้น - **หากเป็นสงครามโลกแบบดั้งเดิม**: อาจเกิดการล่มสลายของรัฐชาติ และแทนที่ด้วยเขตปกครองแบบภูมิภาคที่ควบคุมโดยกองทัพ ### บทสรุป ระบบโลกใหม่จะขึ้นอยู่กับว่า **"ใครชนะ และแพ้อย่างไร"** แต่สิ่งที่แน่นอนคือ สงครามโลกครั้งต่อไปจะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เนื่องจากเทคโนโลยีและความเชื่อมโยงของโลกที่เปลี่ยนไป อาจไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง แต่เป็นโลกที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันฟื้นฟูจากความเสียหายอันมหาศาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำแพงภาษี (Tariff Barriers) เป็นมาตรการที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ โดยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสียต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ดังนี้

    ### **ผลดีของกำแพงภาษี**
    1. **ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ**
    - ช่วยให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ โดยการทำให้สินค้าต่างประเทศมีราคาสูงขึ้น
    - ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเกิดใหม่ (Infant Industry Protection)

    2. **สร้างรายได้ให้รัฐบาล**
    - ภาษีนำเข้าสามารถเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ

    3. **ลดการขาดดุลการค้า**
    - หากประเทศนำเข้าสินค้ามากเกินไป การเก็บภาษีนำเข้าช่วยลดการนำเข้าและปรับสมดุลการค้า

    4. **ปกป้องตลาดแรงงานและสิ่งแวดล้อม**
    - บางประเทศใช้กำแพงภาษีเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ผลิตด้วยแรงงานถูกหรือไม่ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม

    5. **เป็นเครื่องมือในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ**
    - ประเทศอาจใช้กำแพงภาษีเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์

    ### **ผลเสียของกำแพงภาษี**
    1. **เพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภค**
    - สินค้านำเข้าแพงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องจ่ายมากขึ้น

    2. **ลดประสิทธิภาพการผลิต**
    - การปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศมากเกินไปอาจทำให้ผู้ผลิตไม่พัฒนาคุณภาพสินค้า

    3. **อาจเกิดการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า**
    - ประเทศอื่นอาจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าส่งออกของประเทศนั้น ทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลง

    4. **บิดเบือนกลไกตลาด**
    - สินค้าที่ควรผลิตในประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอาจถูกแทนที่ด้วยสินค้าภายในประเทศที่ผลิตได้ไม่ดีเท่า

    5. **ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก**
    - หากหลายประเทศใช้กำแพงภาษีมากเกินไป อาจนำไปสู่สงครามการค้า (Trade War) และชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

    ### **สรุป**
    กำแพงภาษีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และบริบทของแต่ละประเทศ การใช้มาตรการนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว

    หากต้องการแนวทางอื่นแทนกำแพงภาษี ประเทศอาจใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) เช่น โควต้านำเข้า หรือกฎระเบียบด้านคุณภาพสินค้า เพื่อควบคุมการค้าโดยไม่เพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภคมากเกินไป
    กำแพงภาษี (Tariff Barriers) เป็นมาตรการที่รัฐบาลใช้ในการควบคุมการค้าระหว่างประเทศ โดยการกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งผลดีและผลเสียต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ดังนี้ ### **ผลดีของกำแพงภาษี** 1. **ปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ** - ช่วยให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ โดยการทำให้สินค้าต่างประเทศมีราคาสูงขึ้น - ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเกิดใหม่ (Infant Industry Protection) 2. **สร้างรายได้ให้รัฐบาล** - ภาษีนำเข้าสามารถเป็นแหล่งรายได้สำคัญของรัฐบาล เพื่อนำไปใช้พัฒนาประเทศ 3. **ลดการขาดดุลการค้า** - หากประเทศนำเข้าสินค้ามากเกินไป การเก็บภาษีนำเข้าช่วยลดการนำเข้าและปรับสมดุลการค้า 4. **ปกป้องตลาดแรงงานและสิ่งแวดล้อม** - บางประเทศใช้กำแพงภาษีเพื่อป้องกันการนำเข้าสินค้าที่ผลิตด้วยแรงงานถูกหรือไม่ได้มาตรฐานสิ่งแวดล้อม 5. **เป็นเครื่องมือในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ** - ประเทศอาจใช้กำแพงภาษีเป็นข้อต่อรองเพื่อให้ได้ข้อตกลงการค้าที่เป็นประโยชน์ ### **ผลเสียของกำแพงภาษี** 1. **เพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภค** - สินค้านำเข้าแพงขึ้น ทำให้ประชาชนต้องจ่ายมากขึ้น 2. **ลดประสิทธิภาพการผลิต** - การปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศมากเกินไปอาจทำให้ผู้ผลิตไม่พัฒนาคุณภาพสินค้า 3. **อาจเกิดการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า** - ประเทศอื่นอาจตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าส่งออกของประเทศนั้น ทำให้การค้าระหว่างประเทศลดลง 4. **บิดเบือนกลไกตลาด** - สินค้าที่ควรผลิตในประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงสุดอาจถูกแทนที่ด้วยสินค้าภายในประเทศที่ผลิตได้ไม่ดีเท่า 5. **ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจโลก** - หากหลายประเทศใช้กำแพงภาษีมากเกินไป อาจนำไปสู่สงครามการค้า (Trade War) และชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ### **สรุป** กำแพงภาษีมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และบริบทของแต่ละประเทศ การใช้มาตรการนี้ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจในระยะยาว หากต้องการแนวทางอื่นแทนกำแพงภาษี ประเทศอาจใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers) เช่น โควต้านำเข้า หรือกฎระเบียบด้านคุณภาพสินค้า เพื่อควบคุมการค้าโดยไม่เพิ่มต้นทุนให้ผู้บริโภคมากเกินไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • อียูยอมแพ้!?!

    อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า "ยุโรปพร้อมแล้วในการเจรจากับสหรัฐ เราจะนำเสนอภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมแบบศูนย์ต่อศูนย์ และเราพร้อมเสมอสำหรับข้อตกลงที่ดี"

    แต่ยังแก้เขินด้วยการข่มขู่สหรัฐว่า พร้อมเสมอที่จะตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องตัวเองจากผลกระทบ และอาจจะเบนเข็มเส้นทางการค้าไปยังแหล่งอื่น

    .

    ก่อนหน้านี้เพียงสามวัน นางอูร์ซูลา เพิ่งกล่าวโจมตีมาตรการภาษีของทรัมป์ว่าเป็น "การโจมตีเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่" ซึ่งส่งผลกระทบ "ร้ายแรง" ต่อประชาชนหลายล้านคน และสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมประกาศภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ

    ต่อจากนั้นเพียงหนึ่งวันให้หลัง สหภาพยุโรปประกาศเตรียมออกมาตรการตอบโต้โดยเตรียมรีดภาษีสินค้าอเมริกันที่นำเข้ายุโรปรวมมูลค่า 26,000 ล้านยูโร (หรือ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นไป

    ไม่ทันข้ามวัน ทรัมป์ประกาศขู่ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงถึง 200% ตอบโต้ EU ที่ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 28,000 ล้านดอลลาร์
    อียูยอมแพ้!?! อูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปกล่าวว่า "ยุโรปพร้อมแล้วในการเจรจากับสหรัฐ เราจะนำเสนอภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมแบบศูนย์ต่อศูนย์ และเราพร้อมเสมอสำหรับข้อตกลงที่ดี" แต่ยังแก้เขินด้วยการข่มขู่สหรัฐว่า พร้อมเสมอที่จะตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อปกป้องตัวเองจากผลกระทบ และอาจจะเบนเข็มเส้นทางการค้าไปยังแหล่งอื่น . ก่อนหน้านี้เพียงสามวัน นางอูร์ซูลา เพิ่งกล่าวโจมตีมาตรการภาษีของทรัมป์ว่าเป็น "การโจมตีเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่" ซึ่งส่งผลกระทบ "ร้ายแรง" ต่อประชาชนหลายล้านคน และสหภาพยุโรป (อียู) เตรียมประกาศภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ต่อจากนั้นเพียงหนึ่งวันให้หลัง สหภาพยุโรปประกาศเตรียมออกมาตรการตอบโต้โดยเตรียมรีดภาษีสินค้าอเมริกันที่นำเข้ายุโรปรวมมูลค่า 26,000 ล้านยูโร (หรือ 28,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่เดือน เม.ย. เป็นต้นไป ไม่ทันข้ามวัน ทรัมป์ประกาศขู่ขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงถึง 200% ตอบโต้ EU ที่ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 28,000 ล้านดอลลาร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • ถอดรหัส "ทรัมป์เหลือไพ่ไม่กี่ใบในมือ" 📌กำแพงภาษีคือแผนสุดท้ายรักษาอำนาจสหรัฐฯ รมว.คลังยอมรับ "ระบบเก่าไม่ทำงานแล้ว" เศรษฐกิจติดหล่มหนี้มหาศาล-ขาดดุลการค้า $1 ล้านล้าน ขณะที่กลุ่ม BRICS ผงาดท้าทาย พร้อมสร้างระบบการเงินโลกใหม่ ไทยและ 50 ชาติรีบเจรจา แต่ทรัมป์มีเป้าหมายลึกกว่าที่คิด!
    👉กำแพงภาษีของทรัมป์คือการล้มโต๊ะโลกาภิวัฒน์และระบบการค้าเสรี เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังใกล้เข้ามา

    สก็อตต์ เบสเซนท์ รมว.คลังสหรัฐฯ ยอมรับแล้วว่า "ระบบเก่าไม่ทำงานแล้ว" เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่สามารถรักษามาตรฐานการครองชีพผ่านการใช้จ่ายเงินล่วงหน้าหรือระบบหนี้ได้อีกต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกประเมินว่าติดลบ 2.50% ในไตรมาสแรก และหลายฝ่ายยอมรับว่ากำลังถลำเข้าสู่ภาวะถดถอย ปีที่แล้วสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเกือบแตะระดับ $1 ล้านล้าน

    ขณะที่กลุ่ม BRICS ที่ไทยเพิ่งเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ กำลังสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่ออกจากระบบดอลลาร์และระบบชำระเงิน SWIFT โดยมีขนาดเศรษฐกิจและประชากรใหญ่กว่ากลุ่ม G7 แล้ว ทรัมป์รู้ดีว่าประเทศคู่ค้าเริ่มไม่ต้องการขายสินค้าเพื่อแลกกับหนี้ของสหรัฐฯ อีกต่อไป จึงตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อทำให้โลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำพร้อมกับสหรัฐฯ หวังให้ทุกประเทศอยู่ในฐานะเสียหายเท่าเทียมกัน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการกำหนดระเบียบการเงินและเศรษฐกิจโลกใหม่

    การที่ไทยและกว่า 50 ประเทศรีบติดต่อทำเนียบขาวเพื่อเจรจา อาจเป็นเพียงการซื้อเวลา แต่ท้ายที่สุดอาจเสียหายมากกว่าเดิมเมื่อทรัมป์รีเซ็ตระบบดอลลาร์ เบี้ยวหนี้ หรือบีบให้คู่ค้าเปลี่ยนการถือบอนด์อายุสั้นเป็นบอนด์อายุยาว และการเจรจาทวิภาคีกับประเทศในเอเชียอาจมีประเด็นความมั่นคง การซื้ออาวุธ และความร่วมมือทางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
    #imctnews รายงาน
    ถอดรหัส "ทรัมป์เหลือไพ่ไม่กี่ใบในมือ" 📌กำแพงภาษีคือแผนสุดท้ายรักษาอำนาจสหรัฐฯ รมว.คลังยอมรับ "ระบบเก่าไม่ทำงานแล้ว" เศรษฐกิจติดหล่มหนี้มหาศาล-ขาดดุลการค้า $1 ล้านล้าน ขณะที่กลุ่ม BRICS ผงาดท้าทาย พร้อมสร้างระบบการเงินโลกใหม่ ไทยและ 50 ชาติรีบเจรจา แต่ทรัมป์มีเป้าหมายลึกกว่าที่คิด! 👉กำแพงภาษีของทรัมป์คือการล้มโต๊ะโลกาภิวัฒน์และระบบการค้าเสรี เพื่อรับมือวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังใกล้เข้ามา สก็อตต์ เบสเซนท์ รมว.คลังสหรัฐฯ ยอมรับแล้วว่า "ระบบเก่าไม่ทำงานแล้ว" เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่สามารถรักษามาตรฐานการครองชีพผ่านการใช้จ่ายเงินล่วงหน้าหรือระบบหนี้ได้อีกต่อไป ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ถูกประเมินว่าติดลบ 2.50% ในไตรมาสแรก และหลายฝ่ายยอมรับว่ากำลังถลำเข้าสู่ภาวะถดถอย ปีที่แล้วสหรัฐฯ ขาดดุลการค้าเกือบแตะระดับ $1 ล้านล้าน ขณะที่กลุ่ม BRICS ที่ไทยเพิ่งเข้าร่วมเป็นพาร์ตเนอร์ กำลังสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่ออกจากระบบดอลลาร์และระบบชำระเงิน SWIFT โดยมีขนาดเศรษฐกิจและประชากรใหญ่กว่ากลุ่ม G7 แล้ว ทรัมป์รู้ดีว่าประเทศคู่ค้าเริ่มไม่ต้องการขายสินค้าเพื่อแลกกับหนี้ของสหรัฐฯ อีกต่อไป จึงตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อทำให้โลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำพร้อมกับสหรัฐฯ หวังให้ทุกประเทศอยู่ในฐานะเสียหายเท่าเทียมกัน เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในการกำหนดระเบียบการเงินและเศรษฐกิจโลกใหม่ การที่ไทยและกว่า 50 ประเทศรีบติดต่อทำเนียบขาวเพื่อเจรจา อาจเป็นเพียงการซื้อเวลา แต่ท้ายที่สุดอาจเสียหายมากกว่าเดิมเมื่อทรัมป์รีเซ็ตระบบดอลลาร์ เบี้ยวหนี้ หรือบีบให้คู่ค้าเปลี่ยนการถือบอนด์อายุสั้นเป็นบอนด์อายุยาว และการเจรจาทวิภาคีกับประเทศในเอเชียอาจมีประเด็นความมั่นคง การซื้ออาวุธ และความร่วมมือทางทหารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย #imctnews รายงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปรับพอร์ตเกษียณอย่างไรเพื่อรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย ?
    ปรับพอร์ตเกษียณอย่างไรเพื่อรับมือเศรษฐกิจโลกถดถอย ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 1 รีวิว
  • ถ้าเศรษฐกิจโลกถดถอย ธุรกิจอะไรดี ?
    ถ้าเศรษฐกิจโลกถดถอย ธุรกิจอะไรดี ?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    นายกฯ สิงคโปร์เตือน โลกเข้าสู่ยุค “ไร้เสถียรภาพ” ชี้ยุคการค้าเสรีสิ้นสุดแล้ว หลังสหรัฐทำลายระบบที่ตัวเองสร้าง  แนะประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ .นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ส่งสัญญาณเตือนถึงความท้าทายครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวทีโลก โดยระบุว่า ความสงบและเสถียรภาพที่โลกเคยรู้จักนั้น "จะไม่กลับมาในเร็ววันนี้" และสิงคโปร์ในฐานะประเทศขนาดเล็กจำเป็นต้องเตรียมพร้อมทั้งทางเศรษฐกิจและจิตใจ เพื่อเผชิญกับยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน.ลอเรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ โพสต์คลิปวีดีโอกล่าวถึงมาตรการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐว่า“พี่น้องชาวสิงคโปร์ทั้งหลาย ฉันเคยพูดไว้แล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจเปิดขนาดเล็กอย่างสิงคโปร์ ก่อนหน้านี้บางคนเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการคาดการณ์นี้ แต่การประกาศวันปลดปล่อยของสหรัฐฯ เมื่อไม่นานนี้ทำให้ไม่ต้องสงสัยใดๆ ทั้งสิ้น นับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบโลก ยุคของโลกาภิวัตน์ที่ยึดตามกฎเกณฑ์และการค้าเสรีได้สิ้นสุดลงแล้ว เรากำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการกระทำตามอำเภอใจ กีดกันทางการค้า และเป็นอันตรายมากขึ้น สหรัฐฯ เป็นรากฐานของเศรษฐกิจตลาดเสรีของโลกมานานหลายทศวรรษ สหรัฐฯ เป็นผู้นำการค้าเสรีและผลักดันความพยายามในการสร้างระบบการค้าพหุภาคีที่ยึดโยงกับกฎเกณฑ์และบรรทัดฐานที่ชัดเจน ซึ่งประเทศต่างๆ จะได้รับผลประโยชน์ร่วมกันผ่านการค้า ระบบ WTO นี้ทำให้โลกและสหรัฐฯ เองมีเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน พูดให้ชัดเจนก็คือ ระบบนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบ สิงคโปร์และอีกหลายประเทศเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์และปรับปรุงระบบให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่การปฏิรูป แต่เป็นการละทิ้งระบบทั้งหมดที่ตนสร้างขึ้น แนวทางใหม่ในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรแบบตอบแทนประเทศต่อประเทศถือเป็นการปฏิเสธกรอบการทำงานขององค์การการค้าโลกอย่างสมบูรณ์ สหรัฐฯ ได้จัดให้สิงคโปร์อยู่ในฐานที่ต่ำที่สุด ด้วยอัตราภาษี 10%ดังนั้นผลกระทบโดยตรงต่อเราอาจจะจำกัดอยู่เพียงเท่านี้ในตอนนี้ แต่จะมีผลกระทบในวงกว้างและลึกซึ้งกว่านั้นหากประเทศอื่นๆ ใช้แนวทางเดียวกันกับสหรัฐอเมริกา นั่นก็คือ ละทิ้ง WTO และทำการค้าเฉพาะในประเทศที่มีเงื่อนไขที่ต้องการเท่านั้นจะนำมาซึ่งปัญหาแก่ประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศเล็กๆ เช่น สิงคโปร์ เราเสี่ยงต่อการถูกบีบให้ออก ถูกละเลย และถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นอกจากนี้ เรายังคาดหวังการตอบโต้จากทั่วโลกอย่างรุนแรงต่อภาษีของอเมริกา สิงคโปร์ได้ตัดสินใจที่จะไม่เรียกเก็บภาษีตอบโต้แต่ประเทศอื่นอาจไม่ใช้มาตรการควบคุมเช่นเดียวกัน ความเป็นไปได้ของสงครามการค้าโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบจากภาษีที่สูงขึ้น รวมถึงความไม่แน่นอนว่าประเทศอื่นจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศจะได้รับผลกระทบและการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว สิงคโปร์จะได้รับผลกระทบมากกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศนี้พึ่งพาการค้าเป็นอย่างมากครั้งสุดท้ายที่โลกประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้คือในช่วงทศวรรษที่ 1930 สงครามการค้าทวีความรุนแรงขึ้นจนกลายเป็นความขัดแย้งด้วยอาวุธ และในที่สุดก็กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะเป็นอย่างไรในอีกไม่กี่เดือนหรือไม่กี่ปีข้างหน้าแต่เราต้องตระหนักถึงอันตรายที่กำลังก่อตัวขึ้นในโลกนี้ สถาบันระดับโลกกำลังอ่อนแอลง บรรทัดฐานระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย ประเทศต่างๆ จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จะกระทำการโดยยึดถือผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก และใช้กำลังหรือความสุขเพื่อแสวงหาสิ่งที่ตนต้องการนี่คือความจริงอันโหดร้ายของโลกเราในปัจจุบัน เราจะเฝ้าระวัง เราจะสร้างศักยภาพของเรา เราจะเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับประเทศที่มีแนวคิดเดียวกัน เรามีความพร้อมมากกว่าประเทศอื่นๆ มากมาย ทั้งในด้านเงินทุนสำรอง ความสามัคคี และความมุ่งมั่น แต่เราต้องเตรียมรับมือกับความตกตะลึงที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตความสงบและเสถียรภาพของโลกที่เราเคยรู้จักในอดีตจะไม่กลับมาอีกในเร็วๆ นี้ เราไม่สามารถคาดหวังว่ากฎเกณฑ์ที่ปกป้องรัฐเล็กๆ จะยังคงอยู่ต่อไปได้ ฉันแบ่งปันสิ่งนี้กับคุณเพื่อให้เราทุกคนเตรียมใจไว้เพื่อที่เราจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว อย่าปล่อยให้ตัวเองหลงระเริง ความเสี่ยงเป็นเรื่องจริงและเดิมพันก็สูง เส้นทางข้างหน้าจะยากขึ้น แต่หากเรายังคงแน่วแน่และเป็นหนึ่งเดียว สิงคโปร์จะยังคงยืนหยัดได้ในโลกที่วุ่นวายแห่งนี้”https://youtu.be/xOUbUxa3PVk?si=A1KGjvpj008UtF_b
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีทรัมป์ เขย่าเศรษฐกิจโลก : คนเคาะข่าว 03-04-68
    ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

    #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #นโยบายสหรัฐ #DonaldTrump #สงครามการค้า #ผลกระทบเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #thaitimes #ภาษีนำเข้า #การค้าระหว่างประเทศ
    ภาษีทรัมป์ เขย่าเศรษฐกิจโลก : คนเคาะข่าว 03-04-68 ดำเนินรายการโดย : อุษณีย์ เอกอุษณีย์ / อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร #คนเคาะข่าว #ภาษีทรัมป์ #เศรษฐกิจโลก #นโยบายสหรัฐ #DonaldTrump #สงครามการค้า #ผลกระทบเศรษฐกิจ #ข่าวต่างประเทศ #สุดาทิพย์จารุจินดา #อุษณีย์เอกอุษณีย์ #วิเคราะห์เศรษฐกิจโลก #Geopolitics #thaitimes #ภาษีนำเข้า #การค้าระหว่างประเทศ
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 20 0 รีวิว
Pages Boosts