• วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶)

    ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี

    ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน

    ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้

    แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶)

    กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://itw01.com/YNKQ3E4.html
    https://wantubizhi.com/image350909350928.html
    https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html
    http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm
    http://www.guanfujianzhan.com/8119.html
    http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm
    ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/

    #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร ความมีอยู่ว่า ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶) ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้ แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶) กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://itw01.com/YNKQ3E4.html https://wantubizhi.com/image350909350928.html https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm http://www.guanfujianzhan.com/8119.html http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/ #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    ITW01.COM
    IT Tools - Handy online tools for developers
    Collection of handy online tools for developers, with great UX. IT Tools is a free and open-source collection of handy online tools for developers & people working in IT.
    2 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เพื่อนเพจหลายคนคงทราบว่าการปักปิ่นนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าสตรีได้เติบใหญ่สามารถครองเรือนได้แล้ว และอายุทั่วไปของการปักปิ่นคือ 15 ปี แต่หากได้รับการหมั้นหมายก่อนอายุ 15 ปีก็สามารถทำพิธีปักปิ่นได้เลย หรือหากยังไม่ได้ทำพิธีและยังไม่ได้แต่งงานก็ให้ทำพิธีปักปิ่นได้เมื่ออายุ 20 ปี

    Storyฯ ได้เห็นฉากพิธีปักปิ่นในละครเรื่อง <ซ่างหยาง ลำนำหงส์ลิขิตบัลลังก์> ที่ดูแปลกประหลาดนัก มีการเจิมหน้าผากแต้มชาดที่หางตา (ดูรูป 1) และมีแขกผู้ชายเพียบ เลยต้องรีบไปค้นหนังสือนิยายมาอ่านว่าต้นฉบับบรรยายไว้อย่างไร คัดมาบางส่วนดังนี้

    ความมีอยู่ว่า
    ...พิธีปักปิ่นของข้ามีพระเชษฐภคินีจิ้นหมิ่นเป็นประธานดำเนินพิธี มีองค์ฮองเฮาเป็นแขกกิตติมศักดิ์
    ผู้ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานมีทั้งเชื้อพระวงศ์ฝ่ายในและบรรดาฝ่ายในของเหล่าตระกูลสูงศักดิ์ ... ข้าสวมชุดสีสันสดใส ผมเกล้ามวยคู่ ... พระชายาในองค์ชายรัชทายาท (ไท่จื่อเฟย) ประทับอยู่ด้านตะวันตก ... ไท่จื่อเฟยทรงแกะมวยคู่ของข้าออกหวีผมให้ ... พระมารดาของข้าหวีผมเกล้าขึ้นให้ ... ประดับปิ่นแรก สวมหรู่ฉวิน ... ประดับปิ่นสอง สวมชุดยาวชวีจวี ... ประดับปิ่นสาม สวมชุดแขนกว้างเต็มพิธีการ ... สามประดับสามคำนับ เสร็จพิธีการ...
    - จากเรื่อง <มังกรผู้พิชิต หงส์คู่บัลลังก์> ผู้แต่ง เม่ยอวี๋เจ่อ (ชื่อตามฉบับแปล แต่บทความ Storyฯ แปลเอง) หมายเหตุ ละคร <ซ่างหยาง ลำนำหงส์ลิขิตบัลลังก์> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้

    พิธีปักปิ่นมีปรากฏในบันทึก ‘หลี่จี้ เน่ยเจ๋อ’ (礼记·内则) ซึ่งเป็นหนึ่งในบันทึกประเพณีที่เก่าแก่ที่สุดของจีนโดยพูดถึงพิธีการสมัยราชวงศ์โจวเป็นหลัก และเป็นหลักปฏิบัติที่ใช้สืบทอดกันมาหลายยุคสมัย พิธีมีรายละเอียดมาก Storyฯ สรุปได้ว่า

    1. ผู้ที่เข้าร่วม: พิธีปักปิ่นจัดเป็นงาน ‘ฝ่ายใน’ และผู้เข้าร่วมงานต้องเป็นสตรีเท่านั้น ยกเว้นบุรุษในครอบครัวและญาติสนิท (เช่นพ่อ พี่ชาย น้องชาย ลุง อา) โดยปกติประธานในพิธีคือแม่ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือ ‘แขกกิตติมศักดิ์’ ซึ่งจะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงดีงาม เธอมีหน้าที่ปักปิ่นและตั้งชื่อรองให้ตัวเอกของเรา นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยดำเนินการ ซึ่งอาจมีหลายคนไว้ทำหลายอย่างเช่น เชิญแขกเหรื่อ ประกาศขั้นตอน ประเคนของ ช่วยตัวเอกเปลี่ยนเสื้อผ้า ฯลฯ และมีนักดนตรีที่บรรเลงดนตรีประกอบพิธีการเป็นช่วงๆ

    2. สถานที่ (ดูรูปประกอบ 2): พื้นที่แบ่งสองส่วน ส่วนที่ใช้ดำเนินพิธีมีการยกพื้น หากไม่มียกพื้นให้ใช้วาดแบ่งเขตให้ชัดเจน ทิศที่สำคัญคือทิศเหนือ มีป้ายบรรพบุรุษหรือที่นิยมคือรูปของขงจื้อ ทิศตะวันออกถือเป็นทิศของตัวเอก จะมีการใช้ฉากกั้นเป็นห้องไว้ให้นางเปลี่ยนเสื้อ แขกกิตติมศักดิ์จะนั่งอยู่ทิศตะวันตกหันหน้าเข้าทิศตะวันออก ขั้นตอนต่างๆ จะมีการกำหนดเส้นทางที่ใช้เดินและจุดยืน/นั่งที่ชัดเจน

    3. พิธี: โดยหลักมี ‘สามประดับ สามคำนับ’ ซึ่ง ‘สามประดับ’ นี้หมายถึงการปักปิ่นและการเปลี่ยนชุด และเนื่องจากการแต่งกายของสตรีเปลี่ยนไปตามยุคสมัย Storyฯ ใช้ตัวอย่างสมัยราชวงศ์หมิงมาให้ดู (รูป 3)

    3.1 ประดับแรก: ตัวเอกแรกเริ่มอยู่ในชุดเด็ก ผมมัดเป็นมวยคู่ ขั้นตอนนี้คือปลดมวยคู่ออกแล้วหวีผมใหม่เกล้าขึ้นแบบผู้ใหญ่ แล้วแขกกิตติมศักดิ์ก็จะปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรเป็นสัญลักษณ์ของการเติบใหญ่แล้ว ปิ่นนี้เรียกว่า ‘จี’ หรือ ‘จาน’ เป็นปิ่นขาเดียว เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเสื้อเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุด ‘หรู่ฉวิน’ สีขาวหรือสีสุภาพ หรือในสมัยหมิงใช้ชุด ‘เอ่าฉวิน’ เสร็จแล้วจึงกลับออกมาบริเวณทำพิธีอีกครั้ง

    3.2 ประดับสอง: แขกกิตติมศักดิ์ปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรอีกครั้ง โดยอาจใช้ปิ่นก้านเดียวหรือปิ่นสองก้านที่เรียกว่า ‘ไช้’ เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุด ‘ชวีจวี’ หรือในสมัยหมิงใช้ชุด ‘เอ่าฉวินแบบยาว’ ซึ่งในสมัยอื่นๆ ก็จะเป็นชุดที่ค่อนข้างทางการแต่ไม่ใช่ชุดเต็มยศ

    3.3 ประดับสาม: แขกกิตติมศักดิ์จะปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรอีกครั้ง รอบนี้บ้างใช้เป็นมงกุฎผมหรือปิ่นแบบที่เรียกว่า ‘ไช้ก้วน’ คือดูเหมือนมงกุฎแต่ก้านเป็นปิ่น เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุดแขนกว้างแบบเต็มยศหรือในสมัยหมิงเรียกว่าชุดคลุม ‘พีเฟิง’

    3.4 พิธีการก่อนสามคำนับ: ภายหลังจากตัวเอกเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว จะมีการคำนับขงจื้อหรือป้ายบรรพบุรุษที่จัดไว้ทางทิศเหนือ เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงที่จะทำสิ่งดีมีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และเป็นวาระที่จะมีการตั้งชื่อรองให้ (Storyฯ เคยเขียนเรื่องชื่อเอกชื่อรองไว้นานมากแล้วตอนคุยถึงละครเรื่อง <ปรมาจารย์ลัทธิมาร> ลองหาอ่านดูนะคะ) และมีพิธีการอื่นเช่นเทเหล้าเซ่นไหว้

    3.4 เสร็จแล้วตัวเอกต้องคำนับสามครั้ง ครั้งแรกคำนับพ่อแม่เพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณ ครั้งที่สองคือเปรียบเป็นการคำนับครูบาอาจารย์ แล้วครั้งสุดท้ายคือคำนับบรรพบุรุษ เสร็จแล้วบิดามารดาให้โอวาท ก็เป็นอันเสร็จพิธีและตัวเอกคำนับขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน

    แน่นอนว่าคนที่ดำเนินพิธีอาจปรับเปลี่ยนตามญาติของตัวเอกที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ขั้นตอนจะเป็นไปตามข้างต้น จะเห็นว่าพิธีการนี้ได้รับความสำคัญและมีรายละเอียดมาก จากข้อมูลที่หาได้ แม้เป็นองค์หญิงแต่พิธีการหลักของ ‘สามประดับสามคำนับ’ นั้นยังคงเดิม ความแตกต่างจะอยู่ที่เครื่องแต่งกาย เช่นใช้มงกุฎลายหงส์ห้าสี เป็นต้น

    อ่านถึงตรงนี้เพื่อนเพจคงพอเห็นภาพว่าทำไม Storyฯ จึงเกิดอาการ ‘อึ้ง’ ไปเมื่อได้เห็นพิธีนี้ในละคร ซ่างหยางฯ! ใครได้เห็นพิธีปักปิ่นในละครหรือนิยายเรื่องอื่น มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.laoziliao.net/tv/info/46887006
    http://www.cunman.com/new/4b9474b18da54ca59d78d567fd0d323e
    https://www.sohu.com/a/203002032_790378
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.cunman.com/new/4b9474b18da54ca59d78d567fd0d323e
    http://www.chinakongzi.org/zt/zhonghualiyue/201905/t20190510_194759.htm
    http://www.qulishi.com/article/202104/501662.html
    https://baike.sogou.com/v193017.htm
    #พิธีปักปิ่น #จีหลี่ #ซ่างหยาง #สตรีวัยสิบห้า #ปิ่นจีน
    เพื่อนเพจหลายคนคงทราบว่าการปักปิ่นนั้น เป็นสัญลักษณ์ว่าสตรีได้เติบใหญ่สามารถครองเรือนได้แล้ว และอายุทั่วไปของการปักปิ่นคือ 15 ปี แต่หากได้รับการหมั้นหมายก่อนอายุ 15 ปีก็สามารถทำพิธีปักปิ่นได้เลย หรือหากยังไม่ได้ทำพิธีและยังไม่ได้แต่งงานก็ให้ทำพิธีปักปิ่นได้เมื่ออายุ 20 ปี Storyฯ ได้เห็นฉากพิธีปักปิ่นในละครเรื่อง <ซ่างหยาง ลำนำหงส์ลิขิตบัลลังก์> ที่ดูแปลกประหลาดนัก มีการเจิมหน้าผากแต้มชาดที่หางตา (ดูรูป 1) และมีแขกผู้ชายเพียบ เลยต้องรีบไปค้นหนังสือนิยายมาอ่านว่าต้นฉบับบรรยายไว้อย่างไร คัดมาบางส่วนดังนี้ ความมีอยู่ว่า ...พิธีปักปิ่นของข้ามีพระเชษฐภคินีจิ้นหมิ่นเป็นประธานดำเนินพิธี มีองค์ฮองเฮาเป็นแขกกิตติมศักดิ์ ผู้ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานมีทั้งเชื้อพระวงศ์ฝ่ายในและบรรดาฝ่ายในของเหล่าตระกูลสูงศักดิ์ ... ข้าสวมชุดสีสันสดใส ผมเกล้ามวยคู่ ... พระชายาในองค์ชายรัชทายาท (ไท่จื่อเฟย) ประทับอยู่ด้านตะวันตก ... ไท่จื่อเฟยทรงแกะมวยคู่ของข้าออกหวีผมให้ ... พระมารดาของข้าหวีผมเกล้าขึ้นให้ ... ประดับปิ่นแรก สวมหรู่ฉวิน ... ประดับปิ่นสอง สวมชุดยาวชวีจวี ... ประดับปิ่นสาม สวมชุดแขนกว้างเต็มพิธีการ ... สามประดับสามคำนับ เสร็จพิธีการ... - จากเรื่อง <มังกรผู้พิชิต หงส์คู่บัลลังก์> ผู้แต่ง เม่ยอวี๋เจ่อ (ชื่อตามฉบับแปล แต่บทความ Storyฯ แปลเอง) หมายเหตุ ละคร <ซ่างหยาง ลำนำหงส์ลิขิตบัลลังก์> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้ พิธีปักปิ่นมีปรากฏในบันทึก ‘หลี่จี้ เน่ยเจ๋อ’ (礼记·内则) ซึ่งเป็นหนึ่งในบันทึกประเพณีที่เก่าแก่ที่สุดของจีนโดยพูดถึงพิธีการสมัยราชวงศ์โจวเป็นหลัก และเป็นหลักปฏิบัติที่ใช้สืบทอดกันมาหลายยุคสมัย พิธีมีรายละเอียดมาก Storyฯ สรุปได้ว่า 1. ผู้ที่เข้าร่วม: พิธีปักปิ่นจัดเป็นงาน ‘ฝ่ายใน’ และผู้เข้าร่วมงานต้องเป็นสตรีเท่านั้น ยกเว้นบุรุษในครอบครัวและญาติสนิท (เช่นพ่อ พี่ชาย น้องชาย ลุง อา) โดยปกติประธานในพิธีคือแม่ และผู้ที่มีบทบาทสำคัญคือ ‘แขกกิตติมศักดิ์’ ซึ่งจะเป็นญาติผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงดีงาม เธอมีหน้าที่ปักปิ่นและตั้งชื่อรองให้ตัวเอกของเรา นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยดำเนินการ ซึ่งอาจมีหลายคนไว้ทำหลายอย่างเช่น เชิญแขกเหรื่อ ประกาศขั้นตอน ประเคนของ ช่วยตัวเอกเปลี่ยนเสื้อผ้า ฯลฯ และมีนักดนตรีที่บรรเลงดนตรีประกอบพิธีการเป็นช่วงๆ 2. สถานที่ (ดูรูปประกอบ 2): พื้นที่แบ่งสองส่วน ส่วนที่ใช้ดำเนินพิธีมีการยกพื้น หากไม่มียกพื้นให้ใช้วาดแบ่งเขตให้ชัดเจน ทิศที่สำคัญคือทิศเหนือ มีป้ายบรรพบุรุษหรือที่นิยมคือรูปของขงจื้อ ทิศตะวันออกถือเป็นทิศของตัวเอก จะมีการใช้ฉากกั้นเป็นห้องไว้ให้นางเปลี่ยนเสื้อ แขกกิตติมศักดิ์จะนั่งอยู่ทิศตะวันตกหันหน้าเข้าทิศตะวันออก ขั้นตอนต่างๆ จะมีการกำหนดเส้นทางที่ใช้เดินและจุดยืน/นั่งที่ชัดเจน 3. พิธี: โดยหลักมี ‘สามประดับ สามคำนับ’ ซึ่ง ‘สามประดับ’ นี้หมายถึงการปักปิ่นและการเปลี่ยนชุด และเนื่องจากการแต่งกายของสตรีเปลี่ยนไปตามยุคสมัย Storyฯ ใช้ตัวอย่างสมัยราชวงศ์หมิงมาให้ดู (รูป 3) 3.1 ประดับแรก: ตัวเอกแรกเริ่มอยู่ในชุดเด็ก ผมมัดเป็นมวยคู่ ขั้นตอนนี้คือปลดมวยคู่ออกแล้วหวีผมใหม่เกล้าขึ้นแบบผู้ใหญ่ แล้วแขกกิตติมศักดิ์ก็จะปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรเป็นสัญลักษณ์ของการเติบใหญ่แล้ว ปิ่นนี้เรียกว่า ‘จี’ หรือ ‘จาน’ เป็นปิ่นขาเดียว เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเสื้อเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุด ‘หรู่ฉวิน’ สีขาวหรือสีสุภาพ หรือในสมัยหมิงใช้ชุด ‘เอ่าฉวิน’ เสร็จแล้วจึงกลับออกมาบริเวณทำพิธีอีกครั้ง 3.2 ประดับสอง: แขกกิตติมศักดิ์ปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรอีกครั้ง โดยอาจใช้ปิ่นก้านเดียวหรือปิ่นสองก้านที่เรียกว่า ‘ไช้’ เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุด ‘ชวีจวี’ หรือในสมัยหมิงใช้ชุด ‘เอ่าฉวินแบบยาว’ ซึ่งในสมัยอื่นๆ ก็จะเป็นชุดที่ค่อนข้างทางการแต่ไม่ใช่ชุดเต็มยศ 3.3 ประดับสาม: แขกกิตติมศักดิ์จะปักปิ่นและกล่าวคำอวยพรอีกครั้ง รอบนี้บ้างใช้เป็นมงกุฎผมหรือปิ่นแบบที่เรียกว่า ‘ไช้ก้วน’ คือดูเหมือนมงกุฎแต่ก้านเป็นปิ่น เสร็จแล้วตัวเอกกลับเข้าห้องเปลี่ยนชุดสวมใส่เป็นชุดแขนกว้างแบบเต็มยศหรือในสมัยหมิงเรียกว่าชุดคลุม ‘พีเฟิง’ 3.4 พิธีการก่อนสามคำนับ: ภายหลังจากตัวเอกเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว จะมีการคำนับขงจื้อหรือป้ายบรรพบุรุษที่จัดไว้ทางทิศเหนือ เพื่อเป็นการแสดงเจตจำนงที่จะทำสิ่งดีมีคุณประโยชน์ต่อชาติบ้านเมือง และเป็นวาระที่จะมีการตั้งชื่อรองให้ (Storyฯ เคยเขียนเรื่องชื่อเอกชื่อรองไว้นานมากแล้วตอนคุยถึงละครเรื่อง <ปรมาจารย์ลัทธิมาร> ลองหาอ่านดูนะคะ) และมีพิธีการอื่นเช่นเทเหล้าเซ่นไหว้ 3.4 เสร็จแล้วตัวเอกต้องคำนับสามครั้ง ครั้งแรกคำนับพ่อแม่เพื่อแสดงความกตัญญูรู้คุณ ครั้งที่สองคือเปรียบเป็นการคำนับครูบาอาจารย์ แล้วครั้งสุดท้ายคือคำนับบรรพบุรุษ เสร็จแล้วบิดามารดาให้โอวาท ก็เป็นอันเสร็จพิธีและตัวเอกคำนับขอบคุณแขกที่มาร่วมงาน แน่นอนว่าคนที่ดำเนินพิธีอาจปรับเปลี่ยนตามญาติของตัวเอกที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ขั้นตอนจะเป็นไปตามข้างต้น จะเห็นว่าพิธีการนี้ได้รับความสำคัญและมีรายละเอียดมาก จากข้อมูลที่หาได้ แม้เป็นองค์หญิงแต่พิธีการหลักของ ‘สามประดับสามคำนับ’ นั้นยังคงเดิม ความแตกต่างจะอยู่ที่เครื่องแต่งกาย เช่นใช้มงกุฎลายหงส์ห้าสี เป็นต้น อ่านถึงตรงนี้เพื่อนเพจคงพอเห็นภาพว่าทำไม Storyฯ จึงเกิดอาการ ‘อึ้ง’ ไปเมื่อได้เห็นพิธีนี้ในละคร ซ่างหยางฯ! ใครได้เห็นพิธีปักปิ่นในละครหรือนิยายเรื่องอื่น มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.laoziliao.net/tv/info/46887006 http://www.cunman.com/new/4b9474b18da54ca59d78d567fd0d323e https://www.sohu.com/a/203002032_790378 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.cunman.com/new/4b9474b18da54ca59d78d567fd0d323e http://www.chinakongzi.org/zt/zhonghualiyue/201905/t20190510_194759.htm http://www.qulishi.com/article/202104/501662.html https://baike.sogou.com/v193017.htm #พิธีปักปิ่น #จีหลี่ #ซ่างหยาง #สตรีวัยสิบห้า #ปิ่นจีน
    《上陽賦》被嘲“夕陽賦”,高開低走收視撲街 - 老資料网
    在婦女節來臨前,國際影星章子怡領銜主演的瑪麗蘇巨制權謀大戲《上陽賦》迎來了大結局。該劇從開拍就引起了極大的關注,各種通稿爭相報道,國際章要從大銀幕轉戰電視劇,老戲骨加盟,大制作大手筆,改編小說《帝凰業》,是一部大型權謀大劇,引人關注。從官宣到開拍再到路透,
    3 Comments 0 Shares 372 Views 0 Reviews
  • 12-05-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.12

    อะไรเหี้ยๆ อโยธยาเอาหมด จริงเหรอ? ตู้คีบตุ๊กตา ภายนอกสดใส ภายในซ่อนเร้น เกมส์การพนัน ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ แต่ตู้คีบตุ๊กตามีเกลื่อนบางกอก ใครอนุญาติ คงไม่ต้องถามอีปทุมวันดอกน่ะ อะไรเหี้ยๆ มรึงสั่งให้เปิดหมด จะระยำไปถึงไหน เจ้าหน้าที่รัฐหาแดร๊กไม่เว้น ระยำได้ใจ เหี้ยได้โล่ง ถึงเวลาล้างป่าช้ายังล่ะ? จะมีมรึงไปทำไมล่ะ ดีออก? เค้าให้มารักษากฎหมาย เสือกจฉีกกฎหมายซะเอง ไม่เหลือชิ้นดีแล้วมรึง ชาวประชาสุดทนกับความเหี้ยอัปรีย์จัญไรของพวกมรึง?

    ไอ้สัส! สามเหลี่ยมทองคำ คือต้นเหตุความวุ่นวายในลาว ใครอยากได้ ใครอยากให้เกิดเศรษฐกิจพิเศษฝ่ายเดียว ลาวขึ้นกับจีน มีว้าแดงคอยหนุน กลุ่มผู้ต่อต้านใครหนุนกันล่ะ หากไม่ใช่ศัตรูจีน? ประเด็นคือ สามเหลี่ยมทองคำ มันเชื่อมทั้ง ไทย-ลาว-พม่า ความวุ่นวายตามพรมแดนเพื่อจุดประสงค์แอบแฝงชัวร์ สุดท้าย "วัดกำลัง" ตามเคย ตอนนี้ เวียดนาม ก็แห่ขนอาวุธส่งเข้ามาเติมให้อีก กองทัพลาว หากเอาจริง ทำไมจะเอาไม่อยู่ มันเหมือนบทชงมาให้มรึงเตรียมผนวกแผ่นดินใหม่ซะงั้น?

    อีผู้นำหน้าโง่ยุโรป หมดปัญญา ไม่รู้จะขู่ หรือคว่ำบาตรเหี้ยอะไรอีกแล้ว? ปูตินพูดแค่ "ใครใช้ให้มรึงเข้า NATO ล่ะ?" ไม่ใช่พวกมรึงเหรอ ที่เสือกมาสร้างเงื่อนไข มัดตัวเอง พอศึกแพ้ยับ เสือกจะมาขอกู้หยุดยิง "อีแต๋วแตก..ทั้งหลาย" เกมส์นี้อยู่ในมือกูแล้ว จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด กจิกากูตั้ง พวกมรึงอย่าเสือก? หรืออยากตายห่าเพิ่มอีก เดี๋ยวกูจัดให้ หลัง 9 พค. วันชัยชนะ ทหารกูยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ อยากฆ่าเหี้ยเพิ่ม

    อีรพ.กรมคุก ออกมาดิ้นพล่าน "ยังน่ะ..ตะเอง" เค้ายังไม่ได้ยื่นศาลปกครองเพิกถอนมติแพทย์ศาลาน่ะจ๊ะ แค่คิดก็หมาแล้ว นักโทษทั้งคุก อยากไปนอนรพ.ทั้งเดือนบ้างได้มั้ยล่ะ? ไอ้ที่ป่วยหนักจริงกำลังจะตายมี มรึงยังเสือกให้นอนในคุกต่อ เพราะจนไง อยากจะเสียหมามากกว่านี้ เชิญมรึงไปฟ้องศาลปกครองเลย เค้าจะได้เอาส้นตรีน เหยียบยอดหน้ามรึงซ้ำ "มรึงยังจะกล้ามายื่นฟ้องอีกเนี่ยน่ะ" ไอ้เดรัจฉาน?

    คนไทยทนไม่ไหว บุกปราสาทตาเมืองธม ฝ่าไฟแดงคำสั่ง รมต.กลาโหม ขึ้นไปให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2 บอก "เอาให้สมกับเป็นทหารเสือพระราชินี" อย่ายอม สู้เค้า เราหนุนสุดกำลัง คำสั่งรมต. "หมามั้ยล่ะมรึง?" จะขายชาติแดร๊ก แต่ทหารไม่เล่นด้วย อีขะแมร์ที่รอเคลียร์คิวก็ว่าวแดร๊กสิจ๊ะ อยากจะโชว์ออกโซเชี่ยลประกาศชัยชนะเหนือทหารไทย ถามจริง "มรึงแค่ขี้ข้าอโยธยามาเป็น 1000 ปี แล้ว" ยังไม่สำเหนียกอีกเหรอ?

    เอาข่าวดีมาบอก หลังสิ่งที่พระเทพทำมาตลอดชีวิต ส่งผลทันตาเห็นแล้ว ยามที่บ้านเมืองต้องการทหารกล้า ทหารชั้นใน ขึ้นตรงพ่ออยู่หัว ทหารชั้นนอก ลูกศิษย์พระเทพทั้งนั้น ขึ้นยศนายพันกันเกลื่อน ประจำตามหัวเมือง พรมแดนปะทะ ใครจัดวาง ไม่ต้องถามกู? เพิ่งมาถึงบางอ้อ แม่ทัพภาค และผู้ช่วย จุดยุทธศาสตร์หลักและย่อย เป็นคนของวังโดยตรง ดังนั้น คำสั่งรมต.กลาโหมขายชาติ จึงไม่มีผลบังคับ เพราะเจ้านายกู ไม่ใช่มรึง? ชัดพอน่ะ แค่นี้พอ เดี๋ยวกระทบเบื้องบน แค่เล่าสู่กันฟัง

    คำสั่งเปลี่ยนตัวนายกฯ ด่วน! เอ๊ะ ใครสั่ง? ฝ่ายการเมืองสั่งเหรอ? เปล่า? มรึงคิดจริงเหรอว่า อำนาจปกครองอยู่กับฝ่ายการเมืองบริหาร เค้าแค่ใช้มรึงเป็นหุ่นเชิดบังหน้าปชต.ตอแหล เพื่อไม่ให้ตะวันตกมาหาเรื่อง หาแดร๊ก ในความเป็นจริง ทหารสั่งจ๊ะ? งบประมาณแดร๊กพอควร ใช้ไปอย่าให้สุดลิ่มทิ่มประตู แต่เรื่องความมั่นคง ทหารไม่ปล่อยจ๊ะ มรึงสบายใจได้ ดั่งที่มรึงเห็นคาจอวันนี้นั่นแหละ รมต.กลาโหมยังสั่งทหารไม่ได้ คือมันหมดน้ำยาแล้ว เค้ากำหนดให้มรึงเล่นตามบท อย่าเล่นเกินหน้าที่ จบน่ะ

    อีมือมืดสาวยูเครน ที่เขียนผนังทำลายภายในห้องคอนโดเช่าคนไทย ถูกส่งกลับประเทศแล้ว กูบอกเลย "รับงานเหี้ยมา" ต้องการจุดประเด็นเหรอจ๊ะ? ใครจะกล้า หากไม่มีใบสั่ง? ละครเกรดต่ำ บทอย่างห่วย? บทเรียน "บรรทัดทอง" แย่กันเปิด สุดท้าย แย่งกันปิดหนี ทุนหาย กำไรหด ใครเอาไปแดร๊กกันล่ะ? เจ้าของที่ ไงล่ะ? โซเชี่ยลปั่นได้ ก็แห้วได้? หลายครั้ง ไม่ตรงปก ก็ครั้งเดียวจบ อะไรที่เช่าที่เค้า หากไม่สายป่านยาวจริง อยู่ยาก เพราะค่าที่เอาไปแดร๊กหมด ทำร้านอาหารไม่ง่าย? งวดนี้ เหยื่อตายเรียบวุธ เหลือแต่ของจริง

    เบื่อมั้ย? เจอแต่ข่าวน่าเบื่อ เรือมะกันแหกโค้ง ฝูงรบมะกันโดนถล่มยับ รู้อยู่แล้ว ยังเสือกจะขนมาเป็นเป้าให้เค้าล่อ เพราะหมดปัญญาจะเอาเหี้ยอะไรมาขู่ได้อีกแล้วไงล่ะ มันเหลือแค่นี้? เยเมนขนมกรุบ เคี้ยวสบายตรีน ส่งมาก็จัดให้ ไม่มีปัญญาเข้าทะเลแดง อีเยรูซาเล็มก็ง่อยแดร๊กต่อไป โดนถล่มเช้าเย็นเหมือนเคย มรึงจะรอให้ตายห่าหมดก่อนรึไงเนี่ย? สงครามที่แพ้ยับ ไม่มีวันชนะ ยื้อเพื่อให้โลกยังรู้ว่ากูยังอยู่ มันก็เท่านั้นเอง? แพ้ไม่ได้ แต่แพ้ไปแล้ว เข้าใจมุย?

    หมอยงซัด ไวรัสโควิท19 งวดนี้ ติดง่าย แต่อาการเบา เพราะภูิมคุ้มกันมีแบบดั้งเดิม ตัวใหม่มา จึงเกิดการต่อต้านแต่ไม่มาก ยิ่งกลายพันธุ์ อานุภาพก็ยิ่งลดลง ติดง่าย หายเร็ว เพราะภูมิคุ้มกันมีกันหมดแล้ว สรุปคือ หากพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายแข็งแรงดี ก็จะไม่เกิดช่องให้เชื้อโรคทำงาน ทุกอย่างมาจากการนอนน้อย สมดุลร่างกายต้องมี ร่างกายไม่ไหว ทำอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง รักษาสุขภาพจึงจำเป็น อย่าประมาท

    ปล.พายุสงครามการค้ามาแน่ ธปท.เตรียมรับมือ ไม่ห่วงไทยดอก เพราะเราคืออู่ข้าว อู่น้ำโลก แค่ไม่ฟุ่มเฟือย และรัดเข็มขัด ถือหลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็รอดแล้ว? แต่ใครล่ะ สร้างหนี้ให้ครัวเรือน รัฐบาลหน้าไหนก็เข้ามาแดร๊ก มาหาแดร๊ก แค่เปลี่ยนกติกาคุณสมบัติผู้เข้าสมัครคือจบทันที ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสิทธิ์พิเศษ หมาที่ไหนจะอยากเล่นการเมืองต่อ เดี๋ยวมรึงได้เห็นแน่? อยากจะเข้ามาแดร๊กกันมากชิมิ? ปัญหาคือ เงินอยู่ที่ไหน ความเหี้ยบังเกิดสิ้น? ก็แก้มันตรงตัวปัญหาสิ หน่วยงานใดที่ไม่ได้แตะเงิน จะทำบาปได้ยาก โลกกำลังหนีสงครามจากขั้วเก่าที่จนแต้มเตรียมล้มกระดาน ส่วนขั้วใหม่เปิดโอกาสรอดให้บบรดาชาติเล็กๆ ประเทศโลกที่ 3 แยกน้ำ แยกปลาเสร็จ ก็ใส่กันอย่างเมามันส์แน่ ล่าสุด จีนเปิดโฉฒ J-50 บินรบ GEN6 มาเต็ม บินทดสอบขั้นสุดท้ายแล้ว ผ่านฉลุย นี่มันน้องๆ SU-57 เลยน่ะมรึง แต่มีอะไรซ่อนเล็บอีก อันนี้ไม่รู้? อยากรู้ต้องท้าดวลก่อนจ๊ะ? หลังบินรบปากี สอยบินรบอีแขกภาระตะร่วงไม่เป็นท่า แค่ J-10 ยังสอยอีราฟาเอล ร่วง อย่าถามชั้นสูง ไม่เหลือรอด? อาวุธเหี้ยขาลง จายไม่ออก แพงและห่วย หมายังอาย ยังกล้ามาขายเพื่อ? เหลือเชื่อ อาวุธอิหร่าน จีน โสมแดง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อาเซียนสั่งหนัก ยูเรเซียสั่งตรึม ตะวันออกกลางสั่งแบบบ้าคลั่ง ส่วนอาวุธรัสเซียไม่ต้องถาม คิวยาวไปถึงปีหน้าแล้วจ๊ะ ธุรกิจค้าอาวุธโลกเปลี่ยนมือ ตลาดรวมทั้งโลกกำลังจะเปลี่ยนไป MADE IN USA และ EU กำลังจะกลายเป็นของตกยุค ล้าหลัง ไม่ทันแดร๊กจ๊ะ? รัสเซีย จีน งง..กูยังไม่ได้ใช้เลเซอร์เลยน่ะมรึง ทำไมรีบร่วงกันจัง ดาวเทียมมรึงไม่รอด เลเซอร์กูแน่ เพราะติดตั้ง ล็อคเป้าดาวเทียมใหญ่สหรัฐ และยุโรปไว้หมดเกลี้ยง ทันที ที่มรึงเขยิบจะใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลใส่จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ของดีกำลังจะตามมาอีกเยอะ

    หมี CNN(โปรดสังเกตุ กระแสโชว์รวยเริ่มเสื่อม หดหายไปจากหนาจอ หลังดาราสาวโดนแฉยับ เบื้องหลังหลายคนที่ออกมาก่อนหน้า ถูกเปิดเผยเกลี้ยง สังคมที่เห็นแก่เงิน เริ่มสำเหนียก เริ่มตื่น ว่าความเป็นจริง ไม่เหมือนในนิยาย ไม่ทำงาน ก็ไม่มีจะแดร๊ก ไม่สู้ชีวิต ก็ไม่มีวันถึงฝัน เสพโซเชี่ยลเยอะเกินไป ระวังจะเสพติดวัตถุนิยม โซเชี่ยลมีทั้งคุณ และโทษ อะไรมีบุญ ก็ไปเสพเยอะๆ อะไรเป็นโทษ ให้ตื่นรู้ไว้ เหมือนกับเสพหมี CNN นั่นแหละ มีทั้งคุณ และโทษ อยู่ที่ผู้ฟังจะเลือกใช้อะไรไปขยี้เหี้ยกันหนอ? พูดไม่เพราะ ภาษาบ้านๆ เข้าใจง่าย ไม่ได้หวังตุ๊กตาทอง ขอแค่มรึงตื่น ตรงตามเป้าหมายคือ "สำเร็จ" ไม่เกี่ยงวิธีการ มาไม้ไหน กูเอาอยุ่)
    12 พฤษภาคม 68
    12.08 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    12-05-68/01 : หมี CNN / BREAKING NEWS "หมีม้าด่วน ม้าเร็ว ม้าหน้ามืด" EP.12 อะไรเหี้ยๆ อโยธยาเอาหมด จริงเหรอ? ตู้คีบตุ๊กตา ภายนอกสดใส ภายในซ่อนเร้น เกมส์การพนัน ถูกจัดอยู่ในหมวดนี้ แต่ตู้คีบตุ๊กตามีเกลื่อนบางกอก ใครอนุญาติ คงไม่ต้องถามอีปทุมวันดอกน่ะ อะไรเหี้ยๆ มรึงสั่งให้เปิดหมด จะระยำไปถึงไหน เจ้าหน้าที่รัฐหาแดร๊กไม่เว้น ระยำได้ใจ เหี้ยได้โล่ง ถึงเวลาล้างป่าช้ายังล่ะ? จะมีมรึงไปทำไมล่ะ ดีออก? เค้าให้มารักษากฎหมาย เสือกจฉีกกฎหมายซะเอง ไม่เหลือชิ้นดีแล้วมรึง ชาวประชาสุดทนกับความเหี้ยอัปรีย์จัญไรของพวกมรึง? ไอ้สัส! สามเหลี่ยมทองคำ คือต้นเหตุความวุ่นวายในลาว ใครอยากได้ ใครอยากให้เกิดเศรษฐกิจพิเศษฝ่ายเดียว ลาวขึ้นกับจีน มีว้าแดงคอยหนุน กลุ่มผู้ต่อต้านใครหนุนกันล่ะ หากไม่ใช่ศัตรูจีน? ประเด็นคือ สามเหลี่ยมทองคำ มันเชื่อมทั้ง ไทย-ลาว-พม่า ความวุ่นวายตามพรมแดนเพื่อจุดประสงค์แอบแฝงชัวร์ สุดท้าย "วัดกำลัง" ตามเคย ตอนนี้ เวียดนาม ก็แห่ขนอาวุธส่งเข้ามาเติมให้อีก กองทัพลาว หากเอาจริง ทำไมจะเอาไม่อยู่ มันเหมือนบทชงมาให้มรึงเตรียมผนวกแผ่นดินใหม่ซะงั้น? อีผู้นำหน้าโง่ยุโรป หมดปัญญา ไม่รู้จะขู่ หรือคว่ำบาตรเหี้ยอะไรอีกแล้ว? ปูตินพูดแค่ "ใครใช้ให้มรึงเข้า NATO ล่ะ?" ไม่ใช่พวกมรึงเหรอ ที่เสือกมาสร้างเงื่อนไข มัดตัวเอง พอศึกแพ้ยับ เสือกจะมาขอกู้หยุดยิง "อีแต๋วแตก..ทั้งหลาย" เกมส์นี้อยู่ในมือกูแล้ว จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด กจิกากูตั้ง พวกมรึงอย่าเสือก? หรืออยากตายห่าเพิ่มอีก เดี๋ยวกูจัดให้ หลัง 9 พค. วันชัยชนะ ทหารกูยิ่งกระเหี้ยนกระหือรือ อยากฆ่าเหี้ยเพิ่ม อีรพ.กรมคุก ออกมาดิ้นพล่าน "ยังน่ะ..ตะเอง" เค้ายังไม่ได้ยื่นศาลปกครองเพิกถอนมติแพทย์ศาลาน่ะจ๊ะ แค่คิดก็หมาแล้ว นักโทษทั้งคุก อยากไปนอนรพ.ทั้งเดือนบ้างได้มั้ยล่ะ? ไอ้ที่ป่วยหนักจริงกำลังจะตายมี มรึงยังเสือกให้นอนในคุกต่อ เพราะจนไง อยากจะเสียหมามากกว่านี้ เชิญมรึงไปฟ้องศาลปกครองเลย เค้าจะได้เอาส้นตรีน เหยียบยอดหน้ามรึงซ้ำ "มรึงยังจะกล้ามายื่นฟ้องอีกเนี่ยน่ะ" ไอ้เดรัจฉาน? คนไทยทนไม่ไหว บุกปราสาทตาเมืองธม ฝ่าไฟแดงคำสั่ง รมต.กลาโหม ขึ้นไปให้กำลังใจแม่ทัพภาค 2 บอก "เอาให้สมกับเป็นทหารเสือพระราชินี" อย่ายอม สู้เค้า เราหนุนสุดกำลัง คำสั่งรมต. "หมามั้ยล่ะมรึง?" จะขายชาติแดร๊ก แต่ทหารไม่เล่นด้วย อีขะแมร์ที่รอเคลียร์คิวก็ว่าวแดร๊กสิจ๊ะ อยากจะโชว์ออกโซเชี่ยลประกาศชัยชนะเหนือทหารไทย ถามจริง "มรึงแค่ขี้ข้าอโยธยามาเป็น 1000 ปี แล้ว" ยังไม่สำเหนียกอีกเหรอ? เอาข่าวดีมาบอก หลังสิ่งที่พระเทพทำมาตลอดชีวิต ส่งผลทันตาเห็นแล้ว ยามที่บ้านเมืองต้องการทหารกล้า ทหารชั้นใน ขึ้นตรงพ่ออยู่หัว ทหารชั้นนอก ลูกศิษย์พระเทพทั้งนั้น ขึ้นยศนายพันกันเกลื่อน ประจำตามหัวเมือง พรมแดนปะทะ ใครจัดวาง ไม่ต้องถามกู? เพิ่งมาถึงบางอ้อ แม่ทัพภาค และผู้ช่วย จุดยุทธศาสตร์หลักและย่อย เป็นคนของวังโดยตรง ดังนั้น คำสั่งรมต.กลาโหมขายชาติ จึงไม่มีผลบังคับ เพราะเจ้านายกู ไม่ใช่มรึง? ชัดพอน่ะ แค่นี้พอ เดี๋ยวกระทบเบื้องบน แค่เล่าสู่กันฟัง คำสั่งเปลี่ยนตัวนายกฯ ด่วน! เอ๊ะ ใครสั่ง? ฝ่ายการเมืองสั่งเหรอ? เปล่า? มรึงคิดจริงเหรอว่า อำนาจปกครองอยู่กับฝ่ายการเมืองบริหาร เค้าแค่ใช้มรึงเป็นหุ่นเชิดบังหน้าปชต.ตอแหล เพื่อไม่ให้ตะวันตกมาหาเรื่อง หาแดร๊ก ในความเป็นจริง ทหารสั่งจ๊ะ? งบประมาณแดร๊กพอควร ใช้ไปอย่าให้สุดลิ่มทิ่มประตู แต่เรื่องความมั่นคง ทหารไม่ปล่อยจ๊ะ มรึงสบายใจได้ ดั่งที่มรึงเห็นคาจอวันนี้นั่นแหละ รมต.กลาโหมยังสั่งทหารไม่ได้ คือมันหมดน้ำยาแล้ว เค้ากำหนดให้มรึงเล่นตามบท อย่าเล่นเกินหน้าที่ จบน่ะ อีมือมืดสาวยูเครน ที่เขียนผนังทำลายภายในห้องคอนโดเช่าคนไทย ถูกส่งกลับประเทศแล้ว กูบอกเลย "รับงานเหี้ยมา" ต้องการจุดประเด็นเหรอจ๊ะ? ใครจะกล้า หากไม่มีใบสั่ง? ละครเกรดต่ำ บทอย่างห่วย? บทเรียน "บรรทัดทอง" แย่กันเปิด สุดท้าย แย่งกันปิดหนี ทุนหาย กำไรหด ใครเอาไปแดร๊กกันล่ะ? เจ้าของที่ ไงล่ะ? โซเชี่ยลปั่นได้ ก็แห้วได้? หลายครั้ง ไม่ตรงปก ก็ครั้งเดียวจบ อะไรที่เช่าที่เค้า หากไม่สายป่านยาวจริง อยู่ยาก เพราะค่าที่เอาไปแดร๊กหมด ทำร้านอาหารไม่ง่าย? งวดนี้ เหยื่อตายเรียบวุธ เหลือแต่ของจริง เบื่อมั้ย? เจอแต่ข่าวน่าเบื่อ เรือมะกันแหกโค้ง ฝูงรบมะกันโดนถล่มยับ รู้อยู่แล้ว ยังเสือกจะขนมาเป็นเป้าให้เค้าล่อ เพราะหมดปัญญาจะเอาเหี้ยอะไรมาขู่ได้อีกแล้วไงล่ะ มันเหลือแค่นี้? เยเมนขนมกรุบ เคี้ยวสบายตรีน ส่งมาก็จัดให้ ไม่มีปัญญาเข้าทะเลแดง อีเยรูซาเล็มก็ง่อยแดร๊กต่อไป โดนถล่มเช้าเย็นเหมือนเคย มรึงจะรอให้ตายห่าหมดก่อนรึไงเนี่ย? สงครามที่แพ้ยับ ไม่มีวันชนะ ยื้อเพื่อให้โลกยังรู้ว่ากูยังอยู่ มันก็เท่านั้นเอง? แพ้ไม่ได้ แต่แพ้ไปแล้ว เข้าใจมุย? หมอยงซัด ไวรัสโควิท19 งวดนี้ ติดง่าย แต่อาการเบา เพราะภูิมคุ้มกันมีแบบดั้งเดิม ตัวใหม่มา จึงเกิดการต่อต้านแต่ไม่มาก ยิ่งกลายพันธุ์ อานุภาพก็ยิ่งลดลง ติดง่าย หายเร็ว เพราะภูมิคุ้มกันมีกันหมดแล้ว สรุปคือ หากพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายแข็งแรงดี ก็จะไม่เกิดช่องให้เชื้อโรคทำงาน ทุกอย่างมาจากการนอนน้อย สมดุลร่างกายต้องมี ร่างกายไม่ไหว ทำอย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง รักษาสุขภาพจึงจำเป็น อย่าประมาท ปล.พายุสงครามการค้ามาแน่ ธปท.เตรียมรับมือ ไม่ห่วงไทยดอก เพราะเราคืออู่ข้าว อู่น้ำโลก แค่ไม่ฟุ่มเฟือย และรัดเข็มขัด ถือหลักเศรษฐกิจพอเพียง ก็รอดแล้ว? แต่ใครล่ะ สร้างหนี้ให้ครัวเรือน รัฐบาลหน้าไหนก็เข้ามาแดร๊ก มาหาแดร๊ก แค่เปลี่ยนกติกาคุณสมบัติผู้เข้าสมัครคือจบทันที ไม่มีเงินเดือน ไม่มีสิทธิ์พิเศษ หมาที่ไหนจะอยากเล่นการเมืองต่อ เดี๋ยวมรึงได้เห็นแน่? อยากจะเข้ามาแดร๊กกันมากชิมิ? ปัญหาคือ เงินอยู่ที่ไหน ความเหี้ยบังเกิดสิ้น? ก็แก้มันตรงตัวปัญหาสิ หน่วยงานใดที่ไม่ได้แตะเงิน จะทำบาปได้ยาก โลกกำลังหนีสงครามจากขั้วเก่าที่จนแต้มเตรียมล้มกระดาน ส่วนขั้วใหม่เปิดโอกาสรอดให้บบรดาชาติเล็กๆ ประเทศโลกที่ 3 แยกน้ำ แยกปลาเสร็จ ก็ใส่กันอย่างเมามันส์แน่ ล่าสุด จีนเปิดโฉฒ J-50 บินรบ GEN6 มาเต็ม บินทดสอบขั้นสุดท้ายแล้ว ผ่านฉลุย นี่มันน้องๆ SU-57 เลยน่ะมรึง แต่มีอะไรซ่อนเล็บอีก อันนี้ไม่รู้? อยากรู้ต้องท้าดวลก่อนจ๊ะ? หลังบินรบปากี สอยบินรบอีแขกภาระตะร่วงไม่เป็นท่า แค่ J-10 ยังสอยอีราฟาเอล ร่วง อย่าถามชั้นสูง ไม่เหลือรอด? อาวุธเหี้ยขาลง จายไม่ออก แพงและห่วย หมายังอาย ยังกล้ามาขายเพื่อ? เหลือเชื่อ อาวุธอิหร่าน จีน โสมแดง ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อาเซียนสั่งหนัก ยูเรเซียสั่งตรึม ตะวันออกกลางสั่งแบบบ้าคลั่ง ส่วนอาวุธรัสเซียไม่ต้องถาม คิวยาวไปถึงปีหน้าแล้วจ๊ะ ธุรกิจค้าอาวุธโลกเปลี่ยนมือ ตลาดรวมทั้งโลกกำลังจะเปลี่ยนไป MADE IN USA และ EU กำลังจะกลายเป็นของตกยุค ล้าหลัง ไม่ทันแดร๊กจ๊ะ? รัสเซีย จีน งง..กูยังไม่ได้ใช้เลเซอร์เลยน่ะมรึง ทำไมรีบร่วงกันจัง ดาวเทียมมรึงไม่รอด เลเซอร์กูแน่ เพราะติดตั้ง ล็อคเป้าดาวเทียมใหญ่สหรัฐ และยุโรปไว้หมดเกลี้ยง ทันที ที่มรึงเขยิบจะใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลใส่จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ของดีกำลังจะตามมาอีกเยอะ หมี CNN(โปรดสังเกตุ กระแสโชว์รวยเริ่มเสื่อม หดหายไปจากหนาจอ หลังดาราสาวโดนแฉยับ เบื้องหลังหลายคนที่ออกมาก่อนหน้า ถูกเปิดเผยเกลี้ยง สังคมที่เห็นแก่เงิน เริ่มสำเหนียก เริ่มตื่น ว่าความเป็นจริง ไม่เหมือนในนิยาย ไม่ทำงาน ก็ไม่มีจะแดร๊ก ไม่สู้ชีวิต ก็ไม่มีวันถึงฝัน เสพโซเชี่ยลเยอะเกินไป ระวังจะเสพติดวัตถุนิยม โซเชี่ยลมีทั้งคุณ และโทษ อะไรมีบุญ ก็ไปเสพเยอะๆ อะไรเป็นโทษ ให้ตื่นรู้ไว้ เหมือนกับเสพหมี CNN นั่นแหละ มีทั้งคุณ และโทษ อยู่ที่ผู้ฟังจะเลือกใช้อะไรไปขยี้เหี้ยกันหนอ? พูดไม่เพราะ ภาษาบ้านๆ เข้าใจง่าย ไม่ได้หวังตุ๊กตาทอง ขอแค่มรึงตื่น ตรงตามเป้าหมายคือ "สำเร็จ" ไม่เกี่ยงวิธีการ มาไม้ไหน กูเอาอยุ่) 12 พฤษภาคม 68 12.08 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 664 Views 0 Reviews
  • “พระสมเด็จ” ห้อยคอ ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ คุ้มภัย
    คลาดแคล้ว เมตตามหานิยม. โชคลาภ พลิกชีวิต ให้รุ่งโรจน์
    สมปรารถนาดังใจหวัง
    //////////////////////

    ธรรมชาติ “มนุษย์” ย่อมมีความกลัวติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งกลัวภัยธรรมชาติ ภัยจากสิ่งอื่น...สัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ฯลฯ จึงได้มีการสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่ง ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ เป็นที่มาของการเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ
    พระสมเด็จวัดระฆัง. นับเป็นเพชรน้ำเอก. 1 ใน 5. คลองพระเบญจภาคี. อันได้แก่. พระสมเด็จวัดระฆัง. พระรอด. พระนางพญา. พระผงสุพรรณ. และพระซุ้มกอ. ซึ่งนับ ว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่. และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง กลับปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครอง. ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย. รวมไปถึง ด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย
    สมเด็จฯ วัดระฆังโฆษิตาราม
    พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เป็นพระเครื่องที่มีผู้นิยมสูงสุดในประเทศไทย และนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศต่างยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง จึงทำให้นักนิยมพระเครื่องทั้งเก่าและใหม่ต่างอยากได้ พระสมเด็จวัดระฆังฯ มาไว้ครอบครองบูชากันทุกท่าน
    มวลสารของพระสมเด็จฯ ส่วนใหญ่เป็นปูนขาว ผสมผงพระพุทธคุณ คือ ผงมหาราช อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห ฯลฯ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ทำผงกรรมวิธีแบบโบราณ คือ เขียนบนกระดานชนวน เขียนแล้วลบ รวบรวมผงนำมาสร้างพระ นอกจากนี้ยังมีอิทธิวัตถุอื่น เช่น ใบลานเผา ว่าน อิฐหัก ดอกไม้บูชาพระ ฯลฯ ทั้งหมดนำมาโขลกผสมประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว ทำให้เนื้อพระไม่เปราะหรือแตกหักง่าย
    ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหนึ่ง.
    อีกเรื่องหนึ่งหนึ่งว่าพระสมเด็จงูไม่ข้าม
    คราวหนึ่งมีงูเลื้อย พระสมเด็จ พระลำพูน พระกำแพง พระพิจิตรหลังผ้า ฯลฯ มาวางเรียงไว้ แล้วต้อนงูให้เลื้อยเข้ามาในเขตบริเวณพระเครื่องเหล่านั้นทำดังนี้หลายครั้งปรากฏว่างูมิได้เลื้อยข้ามพระสมเด็จ แม้แต่เลื้อยเข้ามาใกล้ก็ไม่มี ส่วนพระเครื่องชนิดอื่น ๆ งูได้เลื้อยข้ามบ้าง เลื้อยเฉียดไปบ้าง
    ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ ได้พระสมเด็จ วัดระฆัง ได้มาในวันที่ 11 มิถุนายน 2538 เป็นเวลา 30 ปีที่อยู่ในคอผมมาตลอด
    ตัวผมเอง ได้เคยฝ่าอันตรายมาหลายครั้ง แต่ปลอดภัยทุกคราวและว่าน่าประหลาดอย่างหนึ่งที่คนกำลัง ผมไปกลับญาติพี่น้อง เกิดประสบอุบัติเหตุตัวผมและญาติพี่น้องรอดจากปาฏิหาริย์
    และประสบการณ์ความเมตตาก็มีนะครับ ผมห้อยออกไปทำงานได้งานกลับมาทุกที. แรงอธิษฐานของผมกับพระสมเด็จวัดระฆัง. ขออะไรได้สมปรารถนาทุกประการ. ของานได้งานขอเงินได้เงิน. ขอโชคลาภ ก็ได้โชคลาภอย่างดังใจหวังใครผู้ใดครอบครองผู้นั้นมีบุญบารมีอันสูงส่ง. ผมนันท์นภัส
    วงศ์ใหญ่.
    ได้มีประสบการณ์กับพระสมเด็จมาหลายครั้งหลายหน. เลยมาถ่ายทอดประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง
    “พระสมเด็จ” ห้อยคอ ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ คุ้มภัย คลาดแคล้ว เมตตามหานิยม. โชคลาภ พลิกชีวิต ให้รุ่งโรจน์ สมปรารถนาดังใจหวัง ////////////////////// ธรรมชาติ “มนุษย์” ย่อมมีความกลัวติดตัวมาตั้งแต่เกิด ทั้งกลัวภัยธรรมชาติ ภัยจากสิ่งอื่น...สัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ฯลฯ จึงได้มีการสร้างเครื่องยึดเหนี่ยวขึ้นมาเพื่อเป็นที่พึ่ง ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ เป็นที่มาของการเคารพบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพเจ้าต่างๆ พระสมเด็จวัดระฆัง. นับเป็นเพชรน้ำเอก. 1 ใน 5. คลองพระเบญจภาคี. อันได้แก่. พระสมเด็จวัดระฆัง. พระรอด. พระนางพญา. พระผงสุพรรณ. และพระซุ้มกอ. ซึ่งนับ ว่าเป็นพระเครื่องเก่าแก่. และเชื่อกันว่ามีพุทธคุณสูง กลับปกป้องคุ้มภัยแก่ผู้ครอบครอง. ให้รอดพ้นจากภัยอันตรายทั้งหลาย. รวมไปถึง ด้านเมตตามหานิยมอีกด้วย สมเด็จฯ วัดระฆังโฆษิตาราม พระสมเด็จวัดระฆังโฆษิตาราม สร้างโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังษี เป็นพระเครื่องที่มีผู้นิยมสูงสุดในประเทศไทย และนักนิยมสะสมพระเครื่องทั่วประเทศต่างยกย่องให้เป็นจักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง จึงทำให้นักนิยมพระเครื่องทั้งเก่าและใหม่ต่างอยากได้ พระสมเด็จวัดระฆังฯ มาไว้ครอบครองบูชากันทุกท่าน มวลสารของพระสมเด็จฯ ส่วนใหญ่เป็นปูนขาว ผสมผงพระพุทธคุณ คือ ผงมหาราช อิทธิเจ ปถมัง ตรีนิสิงเห ฯลฯ โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ทำผงกรรมวิธีแบบโบราณ คือ เขียนบนกระดานชนวน เขียนแล้วลบ รวบรวมผงนำมาสร้างพระ นอกจากนี้ยังมีอิทธิวัตถุอื่น เช่น ใบลานเผา ว่าน อิฐหัก ดอกไม้บูชาพระ ฯลฯ ทั้งหมดนำมาโขลกผสมประสานด้วยน้ำมันตังอิ้ว ทำให้เนื้อพระไม่เปราะหรือแตกหักง่าย ประสบการณ์ปาฏิหาริย์ เรื่องหนึ่ง. อีกเรื่องหนึ่งหนึ่งว่าพระสมเด็จงูไม่ข้าม คราวหนึ่งมีงูเลื้อย พระสมเด็จ พระลำพูน พระกำแพง พระพิจิตรหลังผ้า ฯลฯ มาวางเรียงไว้ แล้วต้อนงูให้เลื้อยเข้ามาในเขตบริเวณพระเครื่องเหล่านั้นทำดังนี้หลายครั้งปรากฏว่างูมิได้เลื้อยข้ามพระสมเด็จ แม้แต่เลื้อยเข้ามาใกล้ก็ไม่มี ส่วนพระเครื่องชนิดอื่น ๆ งูได้เลื้อยข้ามบ้าง เลื้อยเฉียดไปบ้าง ขอเล่าประสบการณ์ให้ฟังนะครับ ได้พระสมเด็จ วัดระฆัง ได้มาในวันที่ 11 มิถุนายน 2538 เป็นเวลา 30 ปีที่อยู่ในคอผมมาตลอด ตัวผมเอง ได้เคยฝ่าอันตรายมาหลายครั้ง แต่ปลอดภัยทุกคราวและว่าน่าประหลาดอย่างหนึ่งที่คนกำลัง ผมไปกลับญาติพี่น้อง เกิดประสบอุบัติเหตุตัวผมและญาติพี่น้องรอดจากปาฏิหาริย์ และประสบการณ์ความเมตตาก็มีนะครับ ผมห้อยออกไปทำงานได้งานกลับมาทุกที. แรงอธิษฐานของผมกับพระสมเด็จวัดระฆัง. ขออะไรได้สมปรารถนาทุกประการ. ของานได้งานขอเงินได้เงิน. ขอโชคลาภ ก็ได้โชคลาภอย่างดังใจหวังใครผู้ใดครอบครองผู้นั้นมีบุญบารมีอันสูงส่ง. ผมนันท์นภัส วงศ์ใหญ่. ได้มีประสบการณ์กับพระสมเด็จมาหลายครั้งหลายหน. เลยมาถ่ายทอดประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง
    0 Comments 0 Shares 355 Views 0 Reviews
  • เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ดูละครจีนหลายคนต้องเคยเห็นเสื้อที่ทำจากผ้าต่อหรือที่เรียกว่า ‘patchwork’ หรือบางคนอาจเรียกเล่นๆ แถวบ้านว่า ‘เสื้อพรรคกระยาจก’! วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวกับเสื้อที่ทำจากผ้าต่อและความหมายของมัน

    ในละครเรื่อง <นิติเวชสาวยอดนักสืบ> มีอยู่ตอนหนึ่งที่เซียวซ่ง ซื่อหลางแห่งกรมอาญา สืบเรื่องถึงหมอตำแยคนหนึ่งชื่อ เว่ยซื่อเหนียง จากบทสนทนากับลูกค้าของนางคนหนึ่งได้ความว่านางจะแนะนำให้เด็กแรกเกิดใส่เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ โดยมีการพูดถึงว่าต้องใส่เป็นเวลาสามวัน ผ่านสามวันต้องทำพิธี ‘สี่ซานหลี่’ แล้วจึงจะถอดเสื้อนั้นออกได้ และในพิธีดังกล่าวต้องมีการเลี้ยงสุราและใช้เครื่องประดับทองคำ ซึ่งองค์ประกอบนี้กลายมาเป็นเบาะแสให้สืบต่อไป

    เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ (百家衣) นั้นแปลตรงตัวว่า ‘เสื้อร้อยครอบครัว’ มีชื่อเรียกอื่นที่หลากหลาย เช่น ไป่ซุ่ยอี/百岁衣 ไป๋เป่าอี/百保衣 เป็นเสื้อที่ทำขึ้นจากผ้าที่เอาผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อกันขึ้นเป็นลวดลายสวยงาม มักมีสีสันฉูดฉาดเพราะเป็นเสื้อเด็ก

    ทำไมต้องใส่เสื้อไป่เจียอี? ในสมัยโบราณนั้น อัตราการตายของทารกและเด็กเล็กสูงมาก ดังนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเอาเสื้อผ้าเก่าของเด็กที่แข็งแรงจากหลายครอบครัวมาเย็บติดกันแล้วทำขึ้นเป็นเสื้อให้เด็กใส่ เพื่อว่าเด็กจะได้มีสุขภาพดีแคล้วคลาดจากโรคภัย

    ขออธิบายเพิ่มว่า แม้จะใช้คำว่า ‘ไป่’ ที่แปลว่าหนึ่งร้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าต้องนับให้ได้ถึงหนึ่งร้อยจริงๆ ค่ะ คำนี้เป็นวัฒนธรรมทางภาษาของจีนที่ต้องการสื่อถึงความหมายว่ามีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน มักปรากฏในวลีในนิยายหรือคำคมจีนเช่น ผ้าปักร้อยอักษร รักกันร้อยปี ได้ยินร้อยครั้ง ฯลฯ

    ส่วน ‘สี่ซานหลี่’ (洗三礼)นั้นก็คือการทำพิธีอาบน้ำให้กับทารกในวันที่สามหลังจากเกิดมา พิธีนี้มีมาแต่เมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ได้มีการกล่าวถึงไว้ในบทประพันธ์ต่างๆ สมัยถังและซ่ง สรุปพิธีโดยคร่าวคือ
    1. ญาติสนิทจะมาร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน อาหารจานหลักจะเป็นบะหมี่ (สัญลักษณ์ของความอายุยืน)
    2. เสร็จแล้วหมอตำแยจะเป็นคนเริ่มประกอบพิธี โดยเริ่มจากกราบไหว้เทพยดา (แน่นอนว่าจะต้องมีหลักการว่าเป็นเทพยดาองค์ใดบ้าง แต่ Storyฯ ขอไม่กล่าวถึงเพราะจะยาวมาก)
    3. จากนั้นญาติสนิทก็จะเติมน้ำคนละช้อนลงในกาละมังที่มีน้ำสมุนไพรอยู่แล้ว แล้วก็เติมของขวัญซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองและของมงคลอย่างเช่นเมล็ดพืชผลไม้ที่มีชื่อมงคลอย่างเช่นพุทราจีนลงไปในกาละมังเดียวกันนั้น (แต่หากเป็นตั๋วเงินให้วางแยก) ใครใส่อะไร หมอตำแยก็จะเอ่ยเป็นคำอวยพรที่พ้องเสียงกับของสิ่งนั้น
    4. เสร็จแล้วหมอตำแยก็จะใช้น้ำนั้นอาบน้ำให้ทารก ระหว่างอาบก็จะเอ่ยคำอวยพรไปตลอด
    5. เสร็จแล้วนำเครื่องประดับเงินทอง (หากไม่มีให้ใช้เครื่องประดับสีขาวสีเหลือง) มาวางทาบกับทารกเป็นนัยว่าให้อนาคตรุ่งเรืองร่ำรวย
    แน่นอนว่า Storyฯ เล่าอย่างซูเปอร์ย่อ พิธีกรรมจริงๆ ละเอียดกว่านี้มาก

    กลับมาที่ไป่เจียอีต่อ

    ว่ากันว่าไป่เจียอีนี้ เดิมเป็นชุดที่นักบวชนิยมใส่ (เรียกว่าไป่น่าอี) มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ต่อมาจึงนำมาทำเป็นเสื้อเด็ก เสื้อผู้ใหญ่ก็ยังนิยมอยู่ในกลุ่มนักบวช แต่ในสมัยหมิงและชิงกลายมาเป็นแฟชั่นที่นิยมมากในกลุ่มสตรีสามัญชน มีการปักเย็บลวดลายประณีตและสีสันสวยงาม เรียกว่าชุด ‘สุ่ยเถียนอี’ (水田衣 แปลตรงตัวว่า ‘ชุดนาข้าว’ ดูรูปขวา) ความนิยมนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะองค์จูหยวนจาง (ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) และพระมเหสีต่างทรงมีนิสัยมัธยัสถ์ ทรงเคยบริจาคผ้าห่มและเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นด้ายและผ้าที่เหลือใช้ แม้แต่องค์หญิงและสนมในวังยังเคยทรงพระราชทานให้ใส่ จึงทำให้สุ่ยเถียนอีเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ต่อมากลายเป็นการประชันความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลายเสื้อของสตรี

    ธรรมเนียมการให้เด็กใส่เสื้อผ้าต่อไป่เจียอีนี้มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และปฏิบัติกันมาทุกระดับชนชั้น แม้แต่ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติของฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงในยุคสมัยของคังซีและเฉียนหลงยังมีกล่าวถึงการให้องค์ชายและราชนิกูลสวมเสื้อไป่เจียอีในตอนเด็ก และธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของจีน

    เป็นอย่างไรบ้าง? ‘เสื้อพรรคกระยาจก’ เขาก็มีความเป็นมานะเออ! ของไทยมีอะไรคล้ายคลึงอย่างนี้บ้างไหมคะ? Storyฯ ไม่สันทัด หากเพื่อนเพจท่านใดผ่านตาก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.myvideo.net.tw/details/3/12499
    https://nicecasio.pixnet.net/blog/post/467691023

    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/news/gpevjl.html
    https://www.lishiziliao.com/jiemi/21683.html
    https://www.hanspub.org/journal/PaperInformation.aspx?paperID=25060
    https://new.qq.com/omn/20200819/20200819A0D3IY00.html?pc
    https:// baike.baidu.com/item/洗三/912561

    #นิติเวชสาวยอดนักสืบ #นิติเวชสาวราชวงศ์ถัง #ผ้าต่อจีน #ผ้าปะจีน #ไป่ซุ่ยอี #ไป่น่าอี #สุ่ยเถียนอี #พิธีอาบน้ำทารก #สี่ซานหลี่
    เชื่อว่าเพื่อนเพจที่ดูละครจีนหลายคนต้องเคยเห็นเสื้อที่ทำจากผ้าต่อหรือที่เรียกว่า ‘patchwork’ หรือบางคนอาจเรียกเล่นๆ แถวบ้านว่า ‘เสื้อพรรคกระยาจก’! วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับประเพณีดั้งเดิมที่เกี่ยวกับเสื้อที่ทำจากผ้าต่อและความหมายของมัน ในละครเรื่อง <นิติเวชสาวยอดนักสืบ> มีอยู่ตอนหนึ่งที่เซียวซ่ง ซื่อหลางแห่งกรมอาญา สืบเรื่องถึงหมอตำแยคนหนึ่งชื่อ เว่ยซื่อเหนียง จากบทสนทนากับลูกค้าของนางคนหนึ่งได้ความว่านางจะแนะนำให้เด็กแรกเกิดใส่เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ โดยมีการพูดถึงว่าต้องใส่เป็นเวลาสามวัน ผ่านสามวันต้องทำพิธี ‘สี่ซานหลี่’ แล้วจึงจะถอดเสื้อนั้นออกได้ และในพิธีดังกล่าวต้องมีการเลี้ยงสุราและใช้เครื่องประดับทองคำ ซึ่งองค์ประกอบนี้กลายมาเป็นเบาะแสให้สืบต่อไป เสื้อ ‘ไป่เจียอี’ (百家衣) นั้นแปลตรงตัวว่า ‘เสื้อร้อยครอบครัว’ มีชื่อเรียกอื่นที่หลากหลาย เช่น ไป่ซุ่ยอี/百岁衣 ไป๋เป่าอี/百保衣 เป็นเสื้อที่ทำขึ้นจากผ้าที่เอาผ้าหลายชิ้นมาเย็บต่อกันขึ้นเป็นลวดลายสวยงาม มักมีสีสันฉูดฉาดเพราะเป็นเสื้อเด็ก ทำไมต้องใส่เสื้อไป่เจียอี? ในสมัยโบราณนั้น อัตราการตายของทารกและเด็กเล็กสูงมาก ดังนั้นจึงมีการแก้เคล็ดด้วยการเอาเสื้อผ้าเก่าของเด็กที่แข็งแรงจากหลายครอบครัวมาเย็บติดกันแล้วทำขึ้นเป็นเสื้อให้เด็กใส่ เพื่อว่าเด็กจะได้มีสุขภาพดีแคล้วคลาดจากโรคภัย ขออธิบายเพิ่มว่า แม้จะใช้คำว่า ‘ไป่’ ที่แปลว่าหนึ่งร้อย แต่จริงๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าต้องนับให้ได้ถึงหนึ่งร้อยจริงๆ ค่ะ คำนี้เป็นวัฒนธรรมทางภาษาของจีนที่ต้องการสื่อถึงความหมายว่ามีจำนวนมากจนนับไม่ถ้วน มักปรากฏในวลีในนิยายหรือคำคมจีนเช่น ผ้าปักร้อยอักษร รักกันร้อยปี ได้ยินร้อยครั้ง ฯลฯ ส่วน ‘สี่ซานหลี่’ (洗三礼)นั้นก็คือการทำพิธีอาบน้ำให้กับทารกในวันที่สามหลังจากเกิดมา พิธีนี้มีมาแต่เมื่อใดไม่แน่ชัด แต่ได้มีการกล่าวถึงไว้ในบทประพันธ์ต่างๆ สมัยถังและซ่ง สรุปพิธีโดยคร่าวคือ 1. ญาติสนิทจะมาร่วมกันรับประทานอาหารกลางวัน อาหารจานหลักจะเป็นบะหมี่ (สัญลักษณ์ของความอายุยืน) 2. เสร็จแล้วหมอตำแยจะเป็นคนเริ่มประกอบพิธี โดยเริ่มจากกราบไหว้เทพยดา (แน่นอนว่าจะต้องมีหลักการว่าเป็นเทพยดาองค์ใดบ้าง แต่ Storyฯ ขอไม่กล่าวถึงเพราะจะยาวมาก) 3. จากนั้นญาติสนิทก็จะเติมน้ำคนละช้อนลงในกาละมังที่มีน้ำสมุนไพรอยู่แล้ว แล้วก็เติมของขวัญซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหรียญทองและของมงคลอย่างเช่นเมล็ดพืชผลไม้ที่มีชื่อมงคลอย่างเช่นพุทราจีนลงไปในกาละมังเดียวกันนั้น (แต่หากเป็นตั๋วเงินให้วางแยก) ใครใส่อะไร หมอตำแยก็จะเอ่ยเป็นคำอวยพรที่พ้องเสียงกับของสิ่งนั้น 4. เสร็จแล้วหมอตำแยก็จะใช้น้ำนั้นอาบน้ำให้ทารก ระหว่างอาบก็จะเอ่ยคำอวยพรไปตลอด 5. เสร็จแล้วนำเครื่องประดับเงินทอง (หากไม่มีให้ใช้เครื่องประดับสีขาวสีเหลือง) มาวางทาบกับทารกเป็นนัยว่าให้อนาคตรุ่งเรืองร่ำรวย แน่นอนว่า Storyฯ เล่าอย่างซูเปอร์ย่อ พิธีกรรมจริงๆ ละเอียดกว่านี้มาก กลับมาที่ไป่เจียอีต่อ ว่ากันว่าไป่เจียอีนี้ เดิมเป็นชุดที่นักบวชนิยมใส่ (เรียกว่าไป่น่าอี) มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ต่อมาจึงนำมาทำเป็นเสื้อเด็ก เสื้อผู้ใหญ่ก็ยังนิยมอยู่ในกลุ่มนักบวช แต่ในสมัยหมิงและชิงกลายมาเป็นแฟชั่นที่นิยมมากในกลุ่มสตรีสามัญชน มีการปักเย็บลวดลายประณีตและสีสันสวยงาม เรียกว่าชุด ‘สุ่ยเถียนอี’ (水田衣 แปลตรงตัวว่า ‘ชุดนาข้าว’ ดูรูปขวา) ความนิยมนี้ว่ากันว่าเป็นเพราะองค์จูหยวนจาง (ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง) และพระมเหสีต่างทรงมีนิสัยมัธยัสถ์ ทรงเคยบริจาคผ้าห่มและเสื้อผ้าที่ตัดเย็บจากเส้นด้ายและผ้าที่เหลือใช้ แม้แต่องค์หญิงและสนมในวังยังเคยทรงพระราชทานให้ใส่ จึงทำให้สุ่ยเถียนอีเป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย ต่อมากลายเป็นการประชันความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบลายเสื้อของสตรี ธรรมเนียมการให้เด็กใส่เสื้อผ้าต่อไป่เจียอีนี้มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง และปฏิบัติกันมาทุกระดับชนชั้น แม้แต่ในบันทึกเกี่ยวกับประวัติของฮ่องเต้สมัยราชวงศ์ชิงในยุคสมัยของคังซีและเฉียนหลงยังมีกล่าวถึงการให้องค์ชายและราชนิกูลสวมเสื้อไป่เจียอีในตอนเด็ก และธรรมเนียมนี้ยังมีอยู่ในปัจจุบัน เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของจีน เป็นอย่างไรบ้าง? ‘เสื้อพรรคกระยาจก’ เขาก็มีความเป็นมานะเออ! ของไทยมีอะไรคล้ายคลึงอย่างนี้บ้างไหมคะ? Storyฯ ไม่สันทัด หากเพื่อนเพจท่านใดผ่านตาก็เล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กดติดตามกันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.myvideo.net.tw/details/3/12499 https://nicecasio.pixnet.net/blog/post/467691023 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/news/gpevjl.html https://www.lishiziliao.com/jiemi/21683.html https://www.hanspub.org/journal/PaperInformation.aspx?paperID=25060 https://new.qq.com/omn/20200819/20200819A0D3IY00.html?pc https:// baike.baidu.com/item/洗三/912561 #นิติเวชสาวยอดนักสืบ #นิติเวชสาวราชวงศ์ถัง #ผ้าต่อจีน #ผ้าปะจีน #ไป่ซุ่ยอี #ไป่น่าอี #สุ่ยเถียนอี #พิธีอาบน้ำทารก #สี่ซานหลี่
    WWW.MYVIDEO.NET.TW
    大唐女法醫線上看-陸劇、浪漫愛情劇-戲劇-MyVideo|陪你每一刻
    《大唐女法醫》描述18歲落魄貴女冉顏為了查明母親自殺真相,從小開始學習驗屍絕學,成人後巧遇刑部侍郎蕭頌、絕命殺手蘇伏和天才書生桑辰,解開一個又一個殺人情案,在探求真相的過程中遇到真愛的故事。大唐女法醫線上看-陸劇、浪漫愛情劇-戲劇-MyVideo|陪你每一刻 標籤:劇情,古裝,推理懸疑...
    1 Comments 0 Shares 696 Views 0 Reviews
  • วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น)

    เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲)

    ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้
    “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร)

    หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ

    บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี

    หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก)

    หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076

    บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1
    https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433
    https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/王安石/127359
    https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120
    https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from=
    https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html

    #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น) เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲) ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้ “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร) หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก) หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076 บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1 https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433 https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/王安石/127359 https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120 https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from= https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    ENT.IFENG.COM
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    2 Comments 0 Shares 598 Views 0 Reviews
  • เชื่อว่าเพื่อนเพจต้องคุ้นหูคุ้นตากับ ‘คทาหรูอี้’ (หรูอี้/如意 แปลตรงตัวได้ว่า สมดังปรารถนา) บริบทที่เรามักเห็นในนิยาย/ละครจีนบ่อยๆ คือ ฮ่องเต้พระราชทานคทาหรูอี้หยกให้เป็นรางวัลต่อขุนนาง หรือบุรุษสูงศักดิ์มอบคทาหรูอี้ให้สตรีที่ถูกเลือกเป็นภรรยา อย่างเช่นตัวอย่างภาพประกอบยกมาจากละคร <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ตอนที่องค์ชายหงอี้ทรงเลือกชิงอิงเป็นพระชายา (รูปประกอบ1 ซ้าย) หรือเป็นวัตถุมงคลเหมาะกับการมอบให้เป็นของขวัญ

    เคยมีคนเขียนถึงคทาหรูอี้มาแล้วบ้าง ด้วยความหมายที่กล่าวถึงข้างต้น และเพื่อนเพจอาจเคยคุ้นกับการที่มีคทาหรูอี้ปรากฏในรูปภาพและรูปปั้นเทพเจ้าจีน และนักบวชนิยมถือคทาหรูอี้ยามสวดมนต์ ว่ากันว่าการใช้คทาหรูอี้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนานั้นได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียโบราณ

    แต่วันนี้ Storyฯ มาคุยเกี่ยวกับคทาหรูอี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง... เพื่อนเพจเคยสงสัยเหมือน Storyฯ หรือไม่ว่า เข้าใจล่ะว่าชื่อเป็นมงคล แต่คทาหรูอี้ออกจะเทอะทะ... มันไม่มีประโยชน์อื่นนอกจากตั้งโชว์หรือถือไว้เท่ๆ เลยหรือ?

    จากภาพวาดโบราณ (รูปประกอบ 1 ขวา) จะเห็นว่าคทาหรูอี้เป็นของใช้ติดมือของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้แก่ผู้เฒ่า... แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์สิน่ะ เพื่อนเพจพอจะเดากันออกหรือไม่?

    จากข้อมูลที่ทางพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามรวบรวมได้ คทาหรูอี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 206 ก่อนคริสตศักราช - ปีค.ศ. 220) เดิมถูกใช้เป็นไม้เกาหลัง เรียกว่า ‘หรูอี้’ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘ไม่ง้อใคร’ (不求人/ปู้ฉิวเหริน) แรกเริ่มมีรูปทรงคล้ายมือ โดยในบันทึกสมัยราชวงศ์ชิง (事物异名录/ซื่ออู้อี้หมิงลู่) ได้เขียนไว้ว่า “หรูอี้นั้นไซร้ เป็นไม้กรงเล็บ”

    นอกจากนี้ ยังมีบทความสมัยราชวงศ์เหนือใต้ว่ามีการใช้คทาหรูอี้เป็นไม้ส่งสัญญาณเคลื่อนทัพในยามศึก นัยว่าเพื่อให้ชนะศึกได้ดังใจหมาย

    คทาหรูอี้กลายเป็นวัตถุประจำตัวที่คนนิยมพกพาเพราะชื่อเป็นมงคลและใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวก็ได้ จึงพัฒนารูปแบบให้สวยงามมากขึ้น ว่ากันว่าในสมัยราชวงศ์เหนือใต้นั้นใช้กันแพร่หลายในหลายแคว้นทั้งในวังและนอกวัง โดยสมัยนั้นนิยมให้ด้ามจับโค้งเป็นทรงกลุ่มดาวจระเข้ ตัวด้ามกลมมนเพื่อให้จับถนัดมือ ทำจากไม้ ไม้ไผ่หรือโลหะ มีใช้กันตั้งแต่ในวังยันชาวบ้านธรรมดานอกวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังจึงทำด้ามจับให้แบนลงและเป็นเส้นตรง โค้งที่ปลายหัว

    นานวันเข้า เมื่อถึงสมัยหมิงและชิง คทาหรูอี้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในฐานะวัตถุมงคลที่ใช้ประดับบ้านเรือนหรือของขวัญ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรมีในสินสอดของหมั้นของแต่งงาน จึงมีรูปแบบที่วิจิตรขึ้น รูปทรงที่เราคุ้นตาคือหัวเป็นทรงเห็ดหลินจือ โดยเฉพาะในยุคสมัยชิงนั้น คทาหรูอี้เป็นที่นิยมมากในวัง ไม่ว่าจะในงานราชประเพณี การแต่งตั้งขุนนาง การรับทูตจากต่างแดน ฯลฯ ล้วนต้องมีการถือคทาหรูอี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์มงคล

    ปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามมีการเก็บรักษาคทาหรูอี้โบราณไว้กว่าสองพันชิ้นโดยส่วนใหญ่เป็นของสมัยชิง วัสดุที่ใช้ทำคทาหรูอี้นั้นหลากหลาย มีทั้งหยกชนิดต่างๆ ปะการัง ทองคำ เงิน ทองเหลือง งาช้าง ไม้ไผ่และไม้ชนิดต่างๆ และมีการแกะสลักลวดลายมากมายลงบนคทา

    Storyฯ เคยไปเที่ยวเมื่อนานมากแล้ว จำไม่ได้เลยว่าได้เคยเห็นอะไรในพิพิธภัณฑ์นี้บ้าง เพื่อนเพจท่านใดเคยผ่านตาก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.jianshu.com/p/faa99f5d9868
    https://new.qq.com/rain/a/20211210A027EU00
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.mct.gov.cn/whzx/zsdw/ggbwy/202102/t20210210_921534.htm
    https://www.sohu.com/a/508658629_322551
    https://baike.baidu.com/item/如意/254746
    https://new.qq.com/rain/a/20220728A054CG00

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #คทาหรูอี้ #วัตถุมงคลจีน #ไม้เกาหลัง
    เชื่อว่าเพื่อนเพจต้องคุ้นหูคุ้นตากับ ‘คทาหรูอี้’ (หรูอี้/如意 แปลตรงตัวได้ว่า สมดังปรารถนา) บริบทที่เรามักเห็นในนิยาย/ละครจีนบ่อยๆ คือ ฮ่องเต้พระราชทานคทาหรูอี้หยกให้เป็นรางวัลต่อขุนนาง หรือบุรุษสูงศักดิ์มอบคทาหรูอี้ให้สตรีที่ถูกเลือกเป็นภรรยา อย่างเช่นตัวอย่างภาพประกอบยกมาจากละคร <หรูอี้ จอมนางเคียงบัลลังก์> ตอนที่องค์ชายหงอี้ทรงเลือกชิงอิงเป็นพระชายา (รูปประกอบ1 ซ้าย) หรือเป็นวัตถุมงคลเหมาะกับการมอบให้เป็นของขวัญ เคยมีคนเขียนถึงคทาหรูอี้มาแล้วบ้าง ด้วยความหมายที่กล่าวถึงข้างต้น และเพื่อนเพจอาจเคยคุ้นกับการที่มีคทาหรูอี้ปรากฏในรูปภาพและรูปปั้นเทพเจ้าจีน และนักบวชนิยมถือคทาหรูอี้ยามสวดมนต์ ว่ากันว่าการใช้คทาหรูอี้เป็นสัญลักษณ์ทางศาสนานั้นได้รับอิทธิพลมาจากอินเดียโบราณ แต่วันนี้ Storyฯ มาคุยเกี่ยวกับคทาหรูอี้ในอีกแง่มุมหนึ่ง... เพื่อนเพจเคยสงสัยเหมือน Storyฯ หรือไม่ว่า เข้าใจล่ะว่าชื่อเป็นมงคล แต่คทาหรูอี้ออกจะเทอะทะ... มันไม่มีประโยชน์อื่นนอกจากตั้งโชว์หรือถือไว้เท่ๆ เลยหรือ? จากภาพวาดโบราณ (รูปประกอบ 1 ขวา) จะเห็นว่าคทาหรูอี้เป็นของใช้ติดมือของชาวบ้าน โดยเฉพาะผู้แก่ผู้เฒ่า... แสดงว่ามันต้องมีประโยชน์สิน่ะ เพื่อนเพจพอจะเดากันออกหรือไม่? จากข้อมูลที่ทางพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามรวบรวมได้ คทาหรูอี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันออก (ประมาณปี 206 ก่อนคริสตศักราช - ปีค.ศ. 220) เดิมถูกใช้เป็นไม้เกาหลัง เรียกว่า ‘หรูอี้’ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ‘ไม่ง้อใคร’ (不求人/ปู้ฉิวเหริน) แรกเริ่มมีรูปทรงคล้ายมือ โดยในบันทึกสมัยราชวงศ์ชิง (事物异名录/ซื่ออู้อี้หมิงลู่) ได้เขียนไว้ว่า “หรูอี้นั้นไซร้ เป็นไม้กรงเล็บ” นอกจากนี้ ยังมีบทความสมัยราชวงศ์เหนือใต้ว่ามีการใช้คทาหรูอี้เป็นไม้ส่งสัญญาณเคลื่อนทัพในยามศึก นัยว่าเพื่อให้ชนะศึกได้ดังใจหมาย คทาหรูอี้กลายเป็นวัตถุประจำตัวที่คนนิยมพกพาเพราะชื่อเป็นมงคลและใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวก็ได้ จึงพัฒนารูปแบบให้สวยงามมากขึ้น ว่ากันว่าในสมัยราชวงศ์เหนือใต้นั้นใช้กันแพร่หลายในหลายแคว้นทั้งในวังและนอกวัง โดยสมัยนั้นนิยมให้ด้ามจับโค้งเป็นทรงกลุ่มดาวจระเข้ ตัวด้ามกลมมนเพื่อให้จับถนัดมือ ทำจากไม้ ไม้ไผ่หรือโลหะ มีใช้กันตั้งแต่ในวังยันชาวบ้านธรรมดานอกวัง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังจึงทำด้ามจับให้แบนลงและเป็นเส้นตรง โค้งที่ปลายหัว นานวันเข้า เมื่อถึงสมัยหมิงและชิง คทาหรูอี้กลายเป็นที่นิยมอย่างมากในฐานะวัตถุมงคลที่ใช้ประดับบ้านเรือนหรือของขวัญ เป็นหนึ่งในสิ่งที่ควรมีในสินสอดของหมั้นของแต่งงาน จึงมีรูปแบบที่วิจิตรขึ้น รูปทรงที่เราคุ้นตาคือหัวเป็นทรงเห็ดหลินจือ โดยเฉพาะในยุคสมัยชิงนั้น คทาหรูอี้เป็นที่นิยมมากในวัง ไม่ว่าจะในงานราชประเพณี การแต่งตั้งขุนนาง การรับทูตจากต่างแดน ฯลฯ ล้วนต้องมีการถือคทาหรูอี้เพื่อเป็นสัญลักษณ์มงคล ปัจจุบันในพิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้ามมีการเก็บรักษาคทาหรูอี้โบราณไว้กว่าสองพันชิ้นโดยส่วนใหญ่เป็นของสมัยชิง วัสดุที่ใช้ทำคทาหรูอี้นั้นหลากหลาย มีทั้งหยกชนิดต่างๆ ปะการัง ทองคำ เงิน ทองเหลือง งาช้าง ไม้ไผ่และไม้ชนิดต่างๆ และมีการแกะสลักลวดลายมากมายลงบนคทา Storyฯ เคยไปเที่ยวเมื่อนานมากแล้ว จำไม่ได้เลยว่าได้เคยเห็นอะไรในพิพิธภัณฑ์นี้บ้าง เพื่อนเพจท่านใดเคยผ่านตาก็มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.jianshu.com/p/faa99f5d9868 https://new.qq.com/rain/a/20211210A027EU00 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.mct.gov.cn/whzx/zsdw/ggbwy/202102/t20210210_921534.htm https://www.sohu.com/a/508658629_322551 https://baike.baidu.com/item/如意/254746 https://new.qq.com/rain/a/20220728A054CG00 #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #คทาหรูอี้ #วัตถุมงคลจีน #ไม้เกาหลัง
    WWW.JIANSHU.COM
    【如懿传|如懿】年少情深,也可以走到相看两厌
    一出墙头马上,两心相许。山河依旧,唯人兰因絮果。 如懿的一生都把真心付给了自己的少年郎,年少时的扶持,无人之巅的陪伴,病榻前的守护,相比于甄嬛,她更加令人心疼。 执着勇敢是她...
    Like
    1
    2 Comments 0 Shares 892 Views 0 Reviews
  • วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง

    ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว

    ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท

    จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก?

    บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก)
    “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว
    แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย”
    ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม”

    และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง
    “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์
    เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย”
    - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง
    โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว

    ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้:
    หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค
    หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
    และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์
    เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้
    เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม

    เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml
    http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx
    https://www.sohu.com/a/239647354_661147

    #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก? บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก) “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย” ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม” และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์ เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย” - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้: หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์ เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้ เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx https://www.sohu.com/a/239647354_661147 #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????_Ӱ?????_????
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????
    1 Comments 0 Shares 998 Views 0 Reviews
  • “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน...
    ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้”
    หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน...
    ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที...
    ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา...
    และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น...
    คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!!
    ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS”
    อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล...
    ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!!
    และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    “ทรัมป์บ้า” กับ...การลอบสังหารครั้งที่ 4!!! โดย: ทับทิม พญาไท เนื่องจากอะไรมิอะไรมันน่าจะเริ่ม “ตกผลึก” ลงมามั่งแล้ว หรือน่าจะพอ “เดาทาง” ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้บ้างแล้วว่า น่าจะออกไปในแนวไหน? ลูกไหน? ไม่ได้ถึงขั้น “บ้า...จนเดาไม่ออก” เปิดฉากสัปดาห์นี้...เลยคงต้องขออนุญาตทบทวน ใคร่ครวญ ถึงความเพียรพยายามที่จะทำให้ “America Great Again” ของประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ เอาไว้พอให้เห็นภาพคร่าวๆ ส่วนจะถูก-จะผิด จริง-ไม่จริง เชื่อ-ไม่เชื่อ ก็อย่าถึงกับได้ถือสา หาความ ถือเสียว่าเป็นการ “แลกเปลี่ยนมุมมอง” ไปตามสภาพก็แล้วกัน... ประการแรก...ตั้งแต่การเชื้อเชิญ ชักชวน ให้ผู้นำ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย และ “สี ทนได้” หรือ “สี จิ้นผิง” แห่งประเทศจีน มาร่วมมือกัน “ปรับลดค่าใช้จ่ายทางทหาร” ลงไปแบบครึ่ง-ต่อครึ่ง โดยผู้นำรัสเซียได้แสดงอาการตอบสนองอย่างไม่อิดเอื้อน-ลังเลใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ขณะที่ผู้นำจีนยังคงเงียบๆ เฉยๆ แต่โดย “ภาพรวม” แล้ว ต้องถือเป็นการ “ริเริ่มในเชิงสร้างสรรค์” เอามากๆ ส่วนประการสอง...ก็คือความพยายามลดค่าใช้จ่ายที่รกรุงรังของสหรัฐฯ เอง ถึงขั้นปิดฉากองค์กรความช่วยเหลือต่างประเทศอย่าง “USAID” เอาดื้อๆ หรือคิดจะหั่นงบประมาณประเภทสุรุ่ยสุร่ายของประเทศ ลงไปไม่น้อยกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ตามเข็มมุ่งและเจตนาของนายใหญ่-นายใหม่ แห่งกระทรวง “DODGE” หรือ “The Department of Government Efficiency” อย่าง “นายElon Musk” ผู้ใกล้ชนิดสนิทสนมประธานาธิบดี อันแสดงให้เห็นถึงความพยายาม “รัดเข็มขัด” แบบชนิดแทบไม่ต้องสนใจว่าชาวอเมริกันรายใดจะหน้าเขียว-หน้าเหลือง กันไปถึงขั้นไหน... ตามมาด้วยประการที่สาม...ก็คือการคิดขาย “บัตรทอง” บัตรวีไอพีที่พร้อมจะมอบความเป็นพลเมืองสหรัฐฯ มอบกรีนการ์ด เป็นเครื่องตอบแทน ใบละถึง 5 ล้านดอลลาร์ หรือ 168 ล้านบาทเอาเลยถึงขั้นนั้น โดยหวังจะได้อะไรกลับมา จากไอเดียสุดบรรเจิดเช่นนี้ ตามคำพูด คำสัมภาษณ์ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะถือเป็น “คำตอบ” ได้โดยชัดเจนโดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “บางทีเราอาจสามารถขายบัตรได้ราวๆ 1 ล้านใบ หรืออาจมากกว่านั้น และถึงขายได้แค่ 1 ล้านใบ เราจะได้เงินกลับมาถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์ แต่ถ้าขายได้ 10 ล้านใบ ก็เท่ากับ 50 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วเรามีหนี้ประเทศอยู่แค่ 35 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้น...มันเป็นเรื่องเยี่ยมไหมล่ะ!!!” พูดง่ายๆ ว่า...เป็นความพยายามที่น่าเห็นใจเอามากๆ สำหรับการคิดทุเลา เบาบาง “ปัญหาหนี้สิน” ที่ล้นทะลักคอหลอยย์ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่ง จนหาทางออก-ทางไปแทบไม่เจอ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลพรรคไหนต่อพรรคไหนก็ตามที... ส่วนประการที่สี่...การคิดจะยึดแคนาดา ยึดเกาะกรีนแลนด์ หรือยึดคลองปานา แต่กลับหันไป “ถีบทิ้ง” ยุโรปซะดื้อๆ อันนี้...ยิ่งถือเป็นส่วนเสริม เพิ่มเติม ให้เห็นโดยชัดเจน ว่าในแต่ละประการดังที่ได้กล่าวไปแล้ว น่าจะสรุปได้ไม่ยากว่า ความคิดที่จะทำให้ “America Great Again” ของ “ทรัมป์บ้า” ก็น่าจะเป็นความ “Great” ความ “ยิ่งใหญ่” ภายใต้ “ขอบเขตที่ตัวเองต้องการ” ไม่ใช่ความยิ่งใหญ่ในแบบจ้าวโลก ประมุขโลก หรือผู้ที่สามารถควบคุมครอบครอง “โลกทั้งใบ” ได้แบบเดิมๆ อีกต่อไปแล้ว หรือเท่ากับเป็นการยอมรับ “ความจริง” และ “ข้อเท็จจริง” ว่าโลกยุคใหม่ หรือยุคนี้ ไม่ใช่เป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” เหมือนเดิมๆ อีกต่อไป อีกทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ อย่าง “นายMarco Rubio” ก็ยังได้ออกมาตอกย้ำให้เห็นถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริงในลักษณะที่ว่านี้ ดังที่เคยนำมาเล่าสู่กันฟังเมื่อช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา... และด้วยแนวคิด แนวทาง เช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้แม้แต่ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงแห่งหน่วยงาน “FSB” (The Russian Federal Security Service) ของรัสเซีย เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา ว่าโดยแนวคิดของผู้นำอเมริกานั้น...ถือเป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับการปฏิบัติ หรือแสดงออกถึงการยอมรับความจริง-ข้อเท็จจริง เป็นพื้นฐาน (pragmatism and a realistic vision of things) เอาเลยถึงขั้นนั้น ส่วนในแง่ของการปฏิบัติ จะบรรลุเป้าหมาย เป้าประสงค์ ได้มาก-น้อยขนาดไหน??? อันนี้...ก็ยังต้องถือเป็น “คำถาม” ตัวโตๆ อีกต่อไป??? เพราะด้วยความเป็นประเทศ “จักรวรรดินิยม” และมหาอำนาจอันดับหนึ่งอย่างอเมริกานั้น...โอกาสที่จะ “Great Again” หรือ “Dead Again” คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่าออกไป 50-50 หรือหนักไปทาง “เจ๊ง...กับ...เจ๊า” อะไรประมาณนั้น... คือแค่เฉพาะประการแรก ในเรื่อง “ปัญหาหนี้สิน” ก็ต้องเรียกว่า...น่าจะรากเขียว-รากเหลืองกันไปอีกนาน โอกาสที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายต่างๆ พรวดเดียวได้ถึง 2 ล้านล้านดอลลาร์นั้นไม่น่าจะง่าย!!! บรรดาข้าราชการชาวอเมริกันที่ตกงาน ว่างงานทั้งหลาย ชักเริ่มออกมา “ลงถนน” กันเต็มบ้าน เต็มเมือง ส่วนจะขาย “บัตรทอง” ให้ได้ถึง 10 ล้านใบ ก็ใช่ว่า...มหาเศรษฐีทั่วทั้งโลกอยากจะเป็นพลเมืองอเมริกัน อยากได้กรีนการ์ด ชนิดมากมายมหาศาลถึงปานนั้นซะเมื่อไหร่??? และประการที่สองคือความพยายามที่จะรักษาความยิ่งใหญ่ของ “เงินดอลลาร์” ไม่ให้ตกต่ำ เสื่อมค่า ลงไปกว่านี้ ด้วยการอาศัย “ภาษี” เป็นเครื่องมือ ถึงขั้นพร้อมประกาศว่าจะขึ้นภาษีต่อประเทศใดก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ “BRICS” ถ้าหากคิด “เทดอลลาร์” (De-Dollarization) หรือคิดแทนที่ดอลลาร์ด้วยเงินตราสกุลอื่นๆ จะต้องเจอกับการขึ้นภาษีสินค้าเข้าอเมริการะดับ 100-150 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ก็นั่นแหละ...การอาศัยอัตราภาษีเป็นเครื่องมือ ก็ใช่ว่าจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดรวดร้าว ต่อเฉพาะฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายใด ฝ่ายเดียวก็หาไม่ บรรดาอเมริกันชนที่อยู่ในฐานะ “ผู้บริโภค” หรือแม้แต่อุตสาหกรรมต่างๆ ของอเมริกาที่จะต้องหาทางแข่งขันกับ “ผู้ผลิต” รายอื่นๆ ย่อมมีสิทธิ์อ้วกแตก-อ้วกแตนเพราะราคาสินค้าที่แพงขึ้นๆ หรือเพราะการขาดหาย ขาดแคลนของสินค้าประเภท “ห่วงโซ่อุปทาน” ทั้งหลาย จนอาจต้องเจ๊ง-กับ-เจ๊ง ไปเป็นรายๆ เอาเลยก็ไม่แน่!!! ยิ่งเป็นสินค้าจากประเทศกลุ่ม “BRICS” ที่มีสัดส่วนการค้าถึง 1 ใน 5 ของโลกทั้งโลก มี “GDP” ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของ “GDP” โลก เป็นตลาดสำหรับ “ผู้บริโภค” ถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก โอกาสที่จะเกิดการ “ยืมหอกสนองคืน” สร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ให้กับบรรดาอเมริกันชนหรือประเทศอเมริกาทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้เอาเลย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้หนึ่งในผู้นำประเทศกลุ่ม “BRICS” อย่างผู้นำบราซิล ประธานาธิบดี “Luiz Inacio Lula da Silva” ท่านเลยกล้าออกมาแสดงความเป็น “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” ด้วยการประกาศว่า... “การคุกคามของผู้นำอเมริกาด้วยการใช้ภาษีเป็นเครื่องมือ ไม่อาจหยุดยั้งการหาทางเลือกอื่นๆ ในการค้าขาย-แลกเปลี่ยนระหว่างประเทศสมาชิกกลุ่ม BRICS ได้เลย” หรือด้วยเหตุเพราะความเสื่อมถอย เสื่อมค่าของเงินดอลลาร์อเมริกันในฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศลงไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ด้วยตัวของมันเอง ที่ทำให้บรรดาประเทศทั้งหลายเลยต้องพยายามหาทางออก-ทางไป แทนที่จะแขวนชะตากรรมในอนาคตไว้กับสกุลเงินตราชนิดนี้ แบบทื่อมะลื่อไปเรื่อยๆ จนทำให้การ “De-Dollarization” มันได้กลายเป็น “ข้อเท็จจริง” เป็นแนวโน้มของโลก ที่มิอาจฝืน หรือมิอาจขัดขืนได้อีกต่อไป นั่นแล... ประการที่สาม...ก็คือ “ปัญหาภายใน” ของสังคมอเมริกัน ที่ยากจะเยียวยากันได้ง่ายๆ ไม่ว่าความเสื่อมทางศีลธรรมที่สร้างความตกตะลึงให้กับคอลัมนิสต์ชาวอเมริกันเอง อย่าง “นายTyler Durden” แห่ง “ZeroHedge” ที่ต้องนำรายละเอียดเอามาแจกแจงไว้ถึง 11 เรื่อง ไม่ว่าเหตุการณ์ว่าด้วยการปล้น ฆ่า ข่มขืน ฯลฯ ชนิดตู้สินค้าบนเส้นทางรถไฟถูกปล้นเพิ่มขึ้นกว่าปี ค.ศ. 2023 ถึง 40 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ร้านอาหารดังๆ อย่าง “McDonald” ถึงกับต้องปิดตัวเองในย่านบรู๊คลินเพราะทนบรรดาวัยรุ่นอเมริกันไม่ไหว เด็กๆ ระดับอายุแค่ไม่กี่ปีถูกข่มขืนไม่เว้นแต่ละวัน ฯลฯ และนั่นยังไม่รวมไปถึงความรุนแรงจากการแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ทางการเมือง ที่ทำให้กระทั่งประธานเสนาธิการทหารผิวสี อย่าง “พลเอกCharls Brown” ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สนับสนุนพวกขบวนการผิวสี หรือพวก “Black Lives Matter” (BLM) ที่เคยก่อความรุนแรงหลังชาวอเมริกันผิวดำ อย่าง “George Floyd” ถูกตำรวจเอาเข่ากดคอจนเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ในช่วงปี ค.ศ. 2020 เลยต้องถูกปลดจากตำแหน่งซะดื้อๆ!!! และด้วยการแบ่งขั้วแบ่งข้างทางการเมืองในลักษณะเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้เกิดความพยายาม “ลอบสังหารทรัมป์บ้า” มาแล้วถึง 3 ครั้ง 3 คราด้วยกัน ไม่ว่าตั้งแต่การ “ยิงเฉี่ยวหู” ขณะหาเสียงที่รัฐเพนซิลเวเนีย ช่วงเดือนก.ค.ปี 2024 แอบซุ่มอยู่สนามกอล์ฟของรีสอร์ต “Mar-a-Lago” ช่วงเดือนกันยาปีเดียวกัน แต่เผอิญเจ้าหน้าที่เห็นกระบอกปืนโผล่ออกมาจากพุ่มไม้เลยจับได้ไล่ทันก่อนลงมือ ส่วนครั้งที่สามถูกรวบตัวก่อนมุ่งตรงไปยังพื้นที่หาเสียงของ “ทรัมป์บ้า” ณ เมืองโคเรลลา รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่พกปืนลูกซองติดตัวไปด้วย อันนี้นี่แหละ...ที่เลยทำให้โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย โดยเฉพาะถ้าหากยังไม่คิดจะลดราวาศอก ในการเล่นงานพวก “Deep State” ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่ “America Great Again” หรือจะ “Dead Again” เลยน่าจะเป็นไปแบบที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละ ออกไปทาง 50-50 หรือถ้าหากไม่ “เจ๊ง” ก็คงได้แค่ “เจ๊า” เท่านั้นเอง ไม่ถึงกับยิ่งใหญ่ระดับคับโลก คับฟ้า ครอบโลก ครองโลก แบบเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว!!!
    0 Comments 0 Shares 1240 Views 0 Reviews
  • การเก็บมุกในจีนโบราณ

    สวัสดีค่ะ ผ่านบทความยาวๆ กันมาหลายสัปดาห์ วันนี้มาคุยกันสั้นหน่อยเกี่ยวกับการเก็บมุก เพื่อนเพจที่ได้ดู <ม่านมุกม่านหยก> คงจะจำได้ถึงเรื่องราวตอนเปิดเรื่องที่นางเอกเป็นทาสเก็บมุก และในฉากดำน้ำเก็บมุกจะเห็นว่าทาสเก็บมุกทุกคนมีถุงทรายช่วยถ่วงให้ลงน้ำได้เร็วขึ้น แต่ทุกคนดำน้ำได้ลึกมากและอึดมากจนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าในสมัยก่อนเขาดำน้ำเก็บมุกกันอย่างนี้จริงๆ หรือ

    การดำน้ำเก็บมุกมีมาแต่สมัยใดไม่ปรากฏชัด แต่ไข่มุกเป็นของบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังมาแต่โบราณโดยในสมัยฉินมีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน และในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นก็มีการกล่าวถึงการเก็บมุกในฝั่งทะเลตอนใต้ในเขตการปกครองที่เรียกว่า ‘เหอผู่’ ปัจจุบันคือแถบตอนใต้ของมณฑลก่วงซี ว่ากันว่าชาวบ้านในแถบพื้นที่นั้นไม่มีอาชีพอื่นเลยนอกจากเก็บมุก และเด็กเริ่มฝึกลงทะเลดำน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบ

    การเก็บมุกในทะเลมีมาเรื่อยตลอดทุกยุคสมัย ยกเว้นในสมัยซ่งที่มีการประกาศห้ามลงทะเลเก็บมุกเพราะอันตรายเกินไปและมีการพัฒนามุกน้ำจืดและเรือเก็บหอยมุก แต่เมื่อพ้นสมัยซ่งก็กลับมาใช้คนลงทะเลเก็บมุกกันอีก โดยเฉพาะในสมัยหมิงการเก็บมุกทำกันอย่างขยันขันแข็ง มีคนเก็บมุกกว่าแปดพันคน จนทำให้จำนวนมุกที่เก็บได้มากสุดและจำนวนคนเก็บมุกตายมากสุดในประวัติศาสตร์จีน ทำเอามุกทะเลธรรมชาติร่อยหรอจนในสมัยชิงหันมาใช้ ‘มุกตะวันออก’ ซึ่งก็คือมุกน้ำจืดที่เก็บจากบริเวณแม่น้ำซงหัวทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน

    ว่ากันว่ากรรมวิธีการดำน้ำเก็บมุกในทะเลไม่ได้เปลี่ยนไปมากตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมัน แต่เอกสารบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเก็บมุกมีน้อยมาก และเอกสารที่คนมักใช้อ้างอิงคือบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 หนังสือเล่มนี้บรรยายถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการเก็บมุกด้วย

    จริงๆ แล้ว ‘เทียนกงคายอู้’ เป็นเอกสารบรรยาย แต่ต่อมามีคนอิงเอกสารนี้จัดวาดเป็นภาพขึ้นในหลากหลายเวอร์ชั่น Storyฯ เอาเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่อ้างอิงเพราะใกล้เคียงกับคำบรรยายมากที่สุดมาให้ดู (รูปประกอบ 2)

    ‘เทียนกงคายอู้’ อธิบายไว้ว่า... เรือเก็บมุกจะรูปทรงอ้วนกว่าเรืออื่นและหัวมน บนเรือมีฟางมัดเป็นแผ่น เมื่อผ่านน้ำวนให้โยนแผ่นฟางลงไป เรือก็จะผ่านไปได้อย่างปลอดภัย... คนเก็บมุกลงน้ำพร้อมตะกร้าไผ่ เอวถูกมัดไว้กับเชือกยาวที่ถูกยึดไว้บนเรือ... คนเก็บมุกมีหลอดโค้งทำจากดีบุก ปลายหลอดเสียบเข้าที่จมูกและใช้ถุงหนังนิ่มพันรอบคอและซอกหูเพื่อช่วยหายใจ... คนที่ดำลงได้ลึกจริงๆ สามารถลงไปถึงสี่ห้าร้อยฉื่อ (ประมาณ 90-115 เมตร) เพื่อเก็บหอยมุกใส่ตะกร้า เมื่ออากาศใกล้หมดก็จะกระตุกเชือกให้คนข้างบนดึงขึ้นไป เมื่อขึ้นไปแล้วต้องรีบเอาผืนหนังต้มร้อนมาห่อตัวให้อุ่นเพื่อจะได้ไม่แข็งตาย

    ในหนังสือ ‘เทียนคายกงอู้’ ไม่ได้บรรยายไว้ว่าคนเก็บมุกแต่งกายอย่างไร แต่ข้อมูลอื่นรวมถึงภาพวาดหลายเวอร์ชั่นแสดงให้เห็นว่าในสมัยโบราณนั้น คนเก็บมุกใช้หินมัดไว้ที่เอวเพื่อถ่วงให้จมเร็วขึ้นและลงน้ำโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลย โดยปกติแล้วคนเก็บมุกออกเรือด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กและจับคู่กันเช่นพ่อลูกหรือพี่น้องชายผลัดกันดึงเชือกผลัดกันดำลงไป

    แม้ว่าการบรรยายข้างต้นจะพอให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกเหมือน Storyฯ ว่าคำบรรยายในหนังสือยังมีประเด็นชวนสงสัยอีก เป็นต้นว่า ท่อหายใจกับถุงหนังต่อเข้ากันอย่างไร? กันน้ำได้อย่างไร? อากาศในถุงหนังคือคนเป่าเข้าไป? ฯลฯ แต่จนใจที่ Storyฯ หาข้อมูลเพิ่มเติมไม่พบ เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็รบกวนมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g62771163/the-story-of-pearl-girl/
    https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm
    https://news.bjd.com.cn/read/2021/07/23/134795t172.html
    https://baike.baidu.com/item/天工开物/29312
    https://core.ac.uk/download/pdf/323959493.pdf

    #ม่านมุกม่านหยก #มุกทะเลใต้ #การเก็บมุก #คนเก็บมุก #ไฉ่จู #สาระจีน
    การเก็บมุกในจีนโบราณ สวัสดีค่ะ ผ่านบทความยาวๆ กันมาหลายสัปดาห์ วันนี้มาคุยกันสั้นหน่อยเกี่ยวกับการเก็บมุก เพื่อนเพจที่ได้ดู <ม่านมุกม่านหยก> คงจะจำได้ถึงเรื่องราวตอนเปิดเรื่องที่นางเอกเป็นทาสเก็บมุก และในฉากดำน้ำเก็บมุกจะเห็นว่าทาสเก็บมุกทุกคนมีถุงทรายช่วยถ่วงให้ลงน้ำได้เร็วขึ้น แต่ทุกคนดำน้ำได้ลึกมากและอึดมากจนอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าในสมัยก่อนเขาดำน้ำเก็บมุกกันอย่างนี้จริงๆ หรือ การดำน้ำเก็บมุกมีมาแต่สมัยใดไม่ปรากฏชัด แต่ไข่มุกเป็นของบรรณาการที่ต้องส่งเข้าวังมาแต่โบราณโดยในสมัยฉินมีการกล่าวถึงอย่างชัดเจน และในเอกสารสมัยราชวงศ์ฮั่นก็มีการกล่าวถึงการเก็บมุกในฝั่งทะเลตอนใต้ในเขตการปกครองที่เรียกว่า ‘เหอผู่’ ปัจจุบันคือแถบตอนใต้ของมณฑลก่วงซี ว่ากันว่าชาวบ้านในแถบพื้นที่นั้นไม่มีอาชีพอื่นเลยนอกจากเก็บมุก และเด็กเริ่มฝึกลงทะเลดำน้ำตั้งแต่อายุสิบขวบ การเก็บมุกในทะเลมีมาเรื่อยตลอดทุกยุคสมัย ยกเว้นในสมัยซ่งที่มีการประกาศห้ามลงทะเลเก็บมุกเพราะอันตรายเกินไปและมีการพัฒนามุกน้ำจืดและเรือเก็บหอยมุก แต่เมื่อพ้นสมัยซ่งก็กลับมาใช้คนลงทะเลเก็บมุกกันอีก โดยเฉพาะในสมัยหมิงการเก็บมุกทำกันอย่างขยันขันแข็ง มีคนเก็บมุกกว่าแปดพันคน จนทำให้จำนวนมุกที่เก็บได้มากสุดและจำนวนคนเก็บมุกตายมากสุดในประวัติศาสตร์จีน ทำเอามุกทะเลธรรมชาติร่อยหรอจนในสมัยชิงหันมาใช้ ‘มุกตะวันออก’ ซึ่งก็คือมุกน้ำจืดที่เก็บจากบริเวณแม่น้ำซงหัวทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ว่ากันว่ากรรมวิธีการดำน้ำเก็บมุกในทะเลไม่ได้เปลี่ยนไปมากตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของมัน แต่เอกสารบรรยายเกี่ยวกับวิธีการเก็บมุกมีน้อยมาก และเอกสารที่คนมักใช้อ้างอิงคือบันทึก ‘เทียนกงคายอู้’ (天工开物 /The Exploitation of the Works of Nature) ซึ่งเป็นหนังสือสมัยหมิงจัดทำขึ้นโดยซ่งอิงซิงเมื่อปีค.ศ. 1637 หนังสือเล่มนี้บรรยายถึงกว่า 300 อาชีพที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและกรรมวิธีการผลิตที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงการเก็บมุกด้วย จริงๆ แล้ว ‘เทียนกงคายอู้’ เป็นเอกสารบรรยาย แต่ต่อมามีคนอิงเอกสารนี้จัดวาดเป็นภาพขึ้นในหลากหลายเวอร์ชั่น Storyฯ เอาเวอร์ชั่นที่คนส่วนใหญ่อ้างอิงเพราะใกล้เคียงกับคำบรรยายมากที่สุดมาให้ดู (รูปประกอบ 2) ‘เทียนกงคายอู้’ อธิบายไว้ว่า... เรือเก็บมุกจะรูปทรงอ้วนกว่าเรืออื่นและหัวมน บนเรือมีฟางมัดเป็นแผ่น เมื่อผ่านน้ำวนให้โยนแผ่นฟางลงไป เรือก็จะผ่านไปได้อย่างปลอดภัย... คนเก็บมุกลงน้ำพร้อมตะกร้าไผ่ เอวถูกมัดไว้กับเชือกยาวที่ถูกยึดไว้บนเรือ... คนเก็บมุกมีหลอดโค้งทำจากดีบุก ปลายหลอดเสียบเข้าที่จมูกและใช้ถุงหนังนิ่มพันรอบคอและซอกหูเพื่อช่วยหายใจ... คนที่ดำลงได้ลึกจริงๆ สามารถลงไปถึงสี่ห้าร้อยฉื่อ (ประมาณ 90-115 เมตร) เพื่อเก็บหอยมุกใส่ตะกร้า เมื่ออากาศใกล้หมดก็จะกระตุกเชือกให้คนข้างบนดึงขึ้นไป เมื่อขึ้นไปแล้วต้องรีบเอาผืนหนังต้มร้อนมาห่อตัวให้อุ่นเพื่อจะได้ไม่แข็งตาย ในหนังสือ ‘เทียนคายกงอู้’ ไม่ได้บรรยายไว้ว่าคนเก็บมุกแต่งกายอย่างไร แต่ข้อมูลอื่นรวมถึงภาพวาดหลายเวอร์ชั่นแสดงให้เห็นว่าในสมัยโบราณนั้น คนเก็บมุกใช้หินมัดไว้ที่เอวเพื่อถ่วงให้จมเร็วขึ้นและลงน้ำโดยไม่ใส่เสื้อผ้าเลย โดยปกติแล้วคนเก็บมุกออกเรือด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กและจับคู่กันเช่นพ่อลูกหรือพี่น้องชายผลัดกันดึงเชือกผลัดกันดำลงไป แม้ว่าการบรรยายข้างต้นจะพอให้เราเห็นภาพชัดเจนขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกเหมือน Storyฯ ว่าคำบรรยายในหนังสือยังมีประเด็นชวนสงสัยอีก เป็นต้นว่า ท่อหายใจกับถุงหนังต่อเข้ากันอย่างไร? กันน้ำได้อย่างไร? อากาศในถุงหนังคือคนเป่าเข้าไป? ฯลฯ แต่จนใจที่ Storyฯ หาข้อมูลเพิ่มเติมไม่พบ เพื่อนเพจท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติมก็รบกวนมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g62771163/the-story-of-pearl-girl/ https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.epochtimes.com/gb/18/3/14/n10216310.htm https://news.bjd.com.cn/read/2021/07/23/134795t172.html https://baike.baidu.com/item/天工开物/29312 https://core.ac.uk/download/pdf/323959493.pdf #ม่านมุกม่านหยก #มุกทะเลใต้ #การเก็บมุก #คนเก็บมุก #ไฉ่จู #สาระจีน
    0 Comments 0 Shares 940 Views 0 Reviews
  • ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน

    แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ

    คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง

    ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด

    เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ

    หลังจากนั้นก็ภาพตัด...

    10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง

    เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ

    ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย

    ความคิดอยากตาย... มี

    พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่

    แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้

    มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว

    นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน

    แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ

    “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ”

    แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น

    ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา

    ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922
    เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี

    #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    ❤️ เล่าสู่กันฟังถึงโลกเปี่ยมพลังบวก จากมุมมองของ จิฮิโระ ยามาดะ ชายหนุ่มผู้ไร้ 2 ขา กับ 1 แขน แว่บที่ส่องไอจี @chi_kun0922 แล้วเห็นเฉพาะใบหน้าของหนุ่ม จิฮิโระ ยามาดะ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจและยูทูบเบอร์ชื่อดัง สาวๆ คงร้อง... หล่ออ่ะ แต่พอเห็นขาเทียม 2 ข้าง แขนเทียม 1 ข้าง กับทักษะการใช้ชีวิตที่ไม่ย่อหย่อนไปกว่าคนแข็งแรงทั่วๆ ไป เชื่อว่าคุณต้องร้อง... ยอดมนุษย์อ่ะ คลิปที่ฉายให้เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้ม เจือเสียงหัวเราะบ่อยครั้ง อาจทำให้คุณเข้าใจผิดว่า ยามาดะซังพิการมาแต่กำเนิด ถึงได้ทำใจได้ แต่แท้จริงแล้วเรื่องราวพลิกฟ้าพลิกดินที่ดึงเขาด่ำดิ่งสู่ห้วงเหวลึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อนนี้เอง ย้อนกลับไปในคืนวันที่ 24 กรกฎาคม 2012 ยามาดะซังในวัย 20 ปี ออกไปดื่มสังสรรค์กับบริษัทเคเบิลทีวีที่เขาเพิ่งเข้าไปทำงานด้วยไม่นาน และหากคุณกำลังคะเนว่าคงเมาละซี้ โนค่ะ เรื่องจริงคือในเช้าวันนั้นยามาดะซังตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเหมือนจะมีไข้ แต่เพราะเป็นน้องใหม่ จึงไม่กล้าปฏิเสธเมื่อถูกรุ่นพี่ชวน เขายอมฝืนร่างกายออกไปปาร์ตี้โดยตั้งใจว่าจะไม่แตะอัลกอฮอลล์เป็นอันขาด เมื่องานเลี้ยงเลิก เขาพาร่างกายที่อ่วมด้วยพิษไข้ขึ้นรถไฟกลับบ้าน ผลคือเขาเผลอหลับไประหว่างทาง ทำให้นั่งเลยสถานีที่ต้องการลง จึงต้องลงจากรถไฟเพื่อจะเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนเพื่อกลับบ้าน ระหว่างนั่งรอรถไฟที่ชานชาลา เขาเผลอหลับไปอีกครั้ง กระทั่งนายสถานีต้องเดินมาปลุกว่ารถไฟเที่ยวสุดท้ายกำลังจะเทียบสถานีแล้วนั่นแหละ เขาถึงตื่นขึ้นมาแบบสะลืมสะลือ ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปรอรถไฟ หลังจากนั้นก็ภาพตัด... 10 วันให้หลัง ยามาดะซังฟื้นขึ้นมาในโรงพยาบาลพร้อมกับขาที่หายไปทั้ง 2 ข้าง และแขนขวาอีกหนึ่งข้าง เขากลายเป็นคนพิการ จากเหตุร่วงตกลงไปบนรางรถไฟและถูกรถไฟทับ ห้วงเวลานั้นหากใครก็ตามมาอุทานอยู่ตรงหน้าเขาว่า ‘โชคดีๆ ที่ไม่ตาย’ เขาเป็นต้องอยากจะลุกขึ้นตั๊นหน้าด้วยหมัดขวา(ซึ่งเขาไม่มี) พร้อมร้องตะโกนว่า ... ฉันไม่ได้อยากได้โชคแบบนี้โว้ยยยย ความคิดอยากตาย... มี พยายามฆ่าตัวตายไหม... ใช่ แล้วอะไรที่ทำให้เขาบิลด์อัพตัวเองจนกลายเป็นยอดมนุษย์ได้อย่างทุกวันนี้ มันคือมุมมองเชิงบวกที่แว่บขึ้นมาในบ่ายวันหนึ่ง เมื่อเขานั่งรถเข็นมาส่งเพื่อนสมัยมัธยมที่หน้าลิฟต์ในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัว นาทีที่เขากับเพื่อนๆ โบกมือร่ำลากัน คำพูดของเพื่อนที่ชมว่า “เฮ้ย... นายดูดีกว่าที่ฉันคิดอีกว่ะ” ได้จุดประกายให้เขาอยากก้าวออกจากมุมที่มืดมนที่เขาจมปลักอยู่กับมันมาหลายวัน แน่นอนว่ากว่าที่เขาจะพลิกฟื้นจนเป็นคนที่เปี่ยมไปด้วยพลังบวก กระทั่งกลายเป็นไอดอลของคนทุพพลภาพนั้น มันห่างไกลจากคำว่า ‘ง่าย’ หลายปีแสง มีกำแพงอิฐบล็อกสะกัดหน้าหลังซ้ายขวาหลายต่อหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการย้อนกลับไปเรียนเพื่อเอาวุฒิบัตรด้านการทำบัญชีและคอมพิวเตอร์ในโรงเรียนอาชีวศึกษาสำหรับผู้ทุพพลภาพ การหางานที่ได้รับแต่คำปฏิเสธว่าไม่สามารถบรรจุเป็นพนักงานประจำได้ และค่าตอบแทนแรงงานที่ต่ำแสนต่ำ “ผมผ่านช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดได้ด้วยการเปลี่ยนทัศนคติ มันอาจจะยากในตอนเริ่มต้น แต่คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ได้ด้วยการมองมันให้ต่างออกไป และเส้นทางที่สั้นที่สุดก็คือการมองสิ่งต่างๆ ให้เป็นบวก ไม่ใช่มองมันแบบลบๆ ขอเพียงคุณเชื่อมั่นว่าเราทุกคนสามารถผ่านเรื่องร้ายๆ ยากๆ ด้วยรอยยิ้มที่ออกมาจากใจของเราจริงๆ” แล้วก็เพราะความคิดที่อยากจะบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่าคนพิการสามารถใช้ชีวิตในเชิงบวกได้ ทำให้ยามาดะซังตัดสินใจใช้งานโซเชียลมีเดียทั้งยูทูป เฟสบุ้ค และอินสตาแกรม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และความคิดของเขาออกมา โดยมีทั้งทอล์คอธิบายวิธีที่ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปด้วยแขนขาเทียม และตามติดชีวิตประจำวัน อาทิ การทำอาหารด้วยมือเดียว การเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยมือเดียว เป็นต้น ยามาดะซังหวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ฟื้นตื่นจากฝันร้ายของเขาอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นบ้าง โดยเฉพาะเด็กๆ ที่อาจจะโชคร้ายอย่างเขา ที่มาภาพ: IG@chi_kun0922 เรียบเรียง: สำนักข่าวดีดี #สำนักข่าวดีดี #เรื่องดีดีมีทุกวัน #เรื่องราวดีดี #goodstory #แรงบันดาลใจ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 992 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.92 : อะไรคือ DeepSeek

    สองสามวันนี้มีข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งที่ดังไปทั่วโลกครับ นั่นคือ มีระบบเอไอชื่อ DeepSeek (ดีปซีค) ของจีนออกมาให้คนใช้ฟรีแล้วทำให้หุ้นบริษัทชิปใหญ่ๆอย่าง NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย

    ตอนแรกผมเห็นข่าวนี้แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าเอไอชื่อ “ดีปซีค” นี้มันดีวิเศษอย่างไร เอไอที่ผมรู้จักก็มีแค่ “ChatGPT" ก็เลยไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ

    ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ตัวใครตัวมันนะครับ 😉
    .
    .
    .
    คำถามแรกคือ ”เอไอโมเดล“ คืออะไร?

    ถ้าผมแปลศัพท์ตรงตัวว่า ”ปัญญาประดิษฐ์“ ก็คงเหมือนผมไม่ได้ตอบอะไร จึงขอตอบว่า เอไอเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นักวิจัยเขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้มันเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองโดยเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ครับ

    เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ เอไอคือสมองของคนๆหนึ่ง ที่เราอยากให้เขารู้อะไร เราก็สอนหรือใส่ข้อมูลเข้าไปให้หัวเขา เช่น ถ้าอยากให้เขาแยกให้ออกระหว่างรูปภาพหมากับแมว เราก็ให้เขาดูรูปหมากับแมวเยอะๆจนเขาแยกหมาออกจากแมวได้

    ต่อมานักวิจัยก็ทดสอบเอไอว่าจะตอบถูกหรือตอบผิด แล้วก็แก้ไขกันไปเรื่อยจนมั่นใจว่าโอเคแล้วจึงปล่อยออกสู่ตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเอไอยี่ห้อ ChatGPT ที่ออกมาให้เราใช้กันฟรีๆ

    คำถามต่อมา ”แล้วนักวิทยาศาสตร์เขาใช้คอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ได้ยังไง“

    คำตอบคือ ใช้หลักการเดียวกับการรับรู้ของร่างกายมนุษย์ครับ นั่นคือ เขาแบ่งขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นส่วนๆ

    เริ่มจาก ”ตามองเห็น“ ดวงตาเราก็แยกสิ่งที่เห็นก่อนว่า เห็นรูปภาพ หรือเห็นตัวหนังสือ

    ต่อมาก็เอาสิ่งที่เห็นไปแยกแยะต่อว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น เราสั่งให้เอไอวาดรูปผู้หญิงสวยขึ้นมาหนึ่งรูป เจ้าเอไอก็จะไปดูข้อมูลจากฐานข้อมูลว่า

    ”ผู้หญิงสวยคืออะไร“
    ”อะไรคือความหมายของคำว่าสวย?“
    ”คนสั่งให้วาดเป็นคนชาติไหน?“
    ”นิยามคำว่าสวยของคนชาตินี้คืออะไร“
    “มิติสัดส่วนร่างกายที่ว่าสวยคืออะไร?“
    ”แสงเงาแบบไหนที่ช่วยทำให้สวย“

    และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งเอไอวาดรูปผู้หญิงสวยออกมาให้เราได้หนึ่งรูป
    .
    .
    .
    ดังนั้นอ่านมาถึงตอนนี้ เราๆท่านๆคงพอจะนึกออกอย่างหนึ่งว่า เอไอจะฉลาดเพียงไหนนั้น ประการหนึ่งขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาสตร์เขาป้อนข้อมูลให้เอไอมากแค่ไหนและฝึกสอนทดสอบเจ้าเอไอมากแค่ไหนด้วย

    ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งฝึกและทดสอบเยอะ คุณภาพก็จะยิ่งดี

    ถ้านักวิทยาศาสตร์ใส่บทกวี บทกลอน บทเพลง เนื้อร้องและดนตรีเข้าไปให้มากๆ แล้วสอนเอไอไปว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะด้วยเหตุอะไร เอไอก็จะสามารถเขียนเพลงที่เพราะๆออกมาได้ เพราะเอไอรู้ว่า “เพลงที่มนุษย์ว่าไพเราะนั้นเป็นแบบไหน”

    ซึ่งในตอนนี้ผมขอเล่าเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า นักวิทยาศาสตร์เขาพัฒนาให้เอไอสามารถสร้างข้อมูลเก๊หรือรูปภาพปลอมๆขึ้นมาได้ด้วย เพื่อเอามาทดสอบตัวเองว่าจะแยกแยะได้ไหมว่าอันนี้คือข้อมูลเก๊

    ระบบนี้เรียกว่า GAN (Generative Adversarial Network) คือ เอไอจะแบ่งสมองตัวเองเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือตัวสร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา (Generator) ฝั่งที่สองคือฝั่งตำรวจที่ตรวจว่าข้อมูลนี้จริงหรือปลอม (Discriminator)

    หรือ ฝั่งแรกเขียนเพลงที่ไม่เพราะออกมา อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนฟังแล้วบอกว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะ

    สองฝั่งนี้จะประลองกำลังสู้กันไปสู้กันมาเรื่อยๆ ยิ่งสู้กันนานเข้า ฝ่ายสร้างข้อมูลก็จะเก่งขึ้น ฝ่ายตรวจสอบก็เก่งขึ้นเช่นกัน และเขาทำกันยังงี้เป็นล้านๆครั้ง

    นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “เอไอสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง” หรือ Machine Learning
    .
    .
    .
    ทีนี้มาถึงว่า ”แล้วดีปซีคมันดีวิเศษเหนือกว่า ChatGPT อย่างไร?“

    ถ้าตอบในมุมผู้ใช้อย่างเราที่โหลดแอปมาใช้ฟรีๆนั้น คำตอบคือ ”แทบไม่แตกต่าง“ เพราะทั้งดีปซีคและ ChatGPT นั้นฟรีและดีทั้งคู่

    ความแตกต่างจะอยู่ในเลเวลของคนที่เขาอยากสร้างระบบเอไอขึ้นมาบ้าง หรือที่เรียกว่า ”ผู้พัฒนาเอไอ หรือ Developer“

    เพราะทั้งดีปซีคและChatGPT นั้นเขาได้สร้างสิ่งเดียวกันขึ้นมา คือ “สมองที่สามารถเรียนรู้อะไรก็ได้” ตามแต่ว่าผู้พัฒนาอยากจะให้สมองนี้เรียนรู้อะไร

    แต่สมองของดีปซีคนั้นราคาถูกกว่าสมองของ ChatGPT

    เพราะดีปซีคเขียนซอฟท์แวร์ให้กระบวนการเรียนรู้ของเอไอดีปซีคมีประสิทธิภาพกว่า จับประเด็นเรียนรู้ได้เร็วกว่าโดยใช้เทคนิคที่ดีกว่า

    ทำให้ระบบดีปซีคไม่ต้องใช้ชิปประมวลผลราคาแพงๆอย่างยี่ห้อ NVIDIA รุ่น A100 และ H100 GPU ที่ราคาเป็นหมื่นดอลล่าร์ซึ่ง ChatGPT นั้นใช้อยู่เป็นร้อยๆพันๆชิ้น อันทำให้ต้นทุนการพัฒนาเอไอยี่ห้อ ChatGPT นั้นแพงหลักร้อยล้านดอลล่าร์

    ในขณะที่ดีปซีคนั้นใช้งบพัฒนาแค่ 6 ล้านดอลล่าร์

    และที่สำคัญดีปซีคนั้นเขาบอกว่า โค้ดที่เขาเขียนขึ้นมาใช้ฝึกเอไอนั้น”แจกฟรี“ครับ ใครอยากใช้ก็เอาไปพัฒนาต่อได้เลย แค่ไปหาซื้อฮาร์ดแวร์มาแล้วก็เทรนเอไอเองได้เลย

    ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้พัฒนาเอไอนั้นถูกลงมหาศาล ไม่ต้องเขียนโค้ดสร้างระบบเอไอขึ้นมาใหม่และไม่ต้องไปซื้อชิปแพงๆของ NVIDIA มาใช้แล้ว ใช้แต่เพียงชิปราคาประหยัดก็ได้

    เป็นเหตุให้หุ้น NVIDIA ซึ่งขายชิปแพงๆและครองตลาดนี้มานานร่วงเป็นแสนล้านดอลล่าร์

    อันเป็นที่มาของข่าวว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” ซึ่งหมายถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา คือ กูเกิ้ล, เทสล่า, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, เมต้า (เฟซบุ๊ค) และ NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย

    แค่เพียงเพราะจีนส่งเอไอดีปซีคซึ่งดีกว่า ถูกกว่า และฟรีออกมาในตลาด

    บางสำนักข่าวในอเมริกาเองถึงกับบอกว่า ดีปซีคนี้ออกมาทำลายตลาด (Disrupt) เอไอของอเมริกาแบบโป้งเดียวจอด

    จีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขอปรบมือให้

    …และผมขอปรบมือให้คุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ด้วยครับ หวังว่าผมอธิบายแล้วท่านจะอ่านเข้าใจนะครับ…

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.92 : อะไรคือ DeepSeek สองสามวันนี้มีข่าวใหญ่ชิ้นหนึ่งที่ดังไปทั่วโลกครับ นั่นคือ มีระบบเอไอชื่อ DeepSeek (ดีปซีค) ของจีนออกมาให้คนใช้ฟรีแล้วทำให้หุ้นบริษัทชิปใหญ่ๆอย่าง NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย ตอนแรกผมเห็นข่าวนี้แล้วก็ไม่เข้าใจว่าเจ้าเอไอชื่อ “ดีปซีค” นี้มันดีวิเศษอย่างไร เอไอที่ผมรู้จักก็มีแค่ “ChatGPT" ก็เลยไปค้นคว้าหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังครับ ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ตัวใครตัวมันนะครับ 😉 . . . คำถามแรกคือ ”เอไอโมเดล“ คืออะไร? ถ้าผมแปลศัพท์ตรงตัวว่า ”ปัญญาประดิษฐ์“ ก็คงเหมือนผมไม่ได้ตอบอะไร จึงขอตอบว่า เอไอเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่นักวิจัยเขาสร้างขึ้นมาเพื่อให้มันเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองโดยเลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ครับ เปรียบเทียบง่ายๆก็คือ เอไอคือสมองของคนๆหนึ่ง ที่เราอยากให้เขารู้อะไร เราก็สอนหรือใส่ข้อมูลเข้าไปให้หัวเขา เช่น ถ้าอยากให้เขาแยกให้ออกระหว่างรูปภาพหมากับแมว เราก็ให้เขาดูรูปหมากับแมวเยอะๆจนเขาแยกหมาออกจากแมวได้ ต่อมานักวิจัยก็ทดสอบเอไอว่าจะตอบถูกหรือตอบผิด แล้วก็แก้ไขกันไปเรื่อยจนมั่นใจว่าโอเคแล้วจึงปล่อยออกสู่ตลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเอไอยี่ห้อ ChatGPT ที่ออกมาให้เราใช้กันฟรีๆ คำถามต่อมา ”แล้วนักวิทยาศาสตร์เขาใช้คอมพิวเตอร์เลียนแบบการทำงานของสมองมนุษย์ได้ยังไง“ คำตอบคือ ใช้หลักการเดียวกับการรับรู้ของร่างกายมนุษย์ครับ นั่นคือ เขาแบ่งขั้นตอนการทำงานของคอมพิวเตอร์เป็นส่วนๆ เริ่มจาก ”ตามองเห็น“ ดวงตาเราก็แยกสิ่งที่เห็นก่อนว่า เห็นรูปภาพ หรือเห็นตัวหนังสือ ต่อมาก็เอาสิ่งที่เห็นไปแยกแยะต่อว่าจะต้องทำอะไรต่อไป เช่น เราสั่งให้เอไอวาดรูปผู้หญิงสวยขึ้นมาหนึ่งรูป เจ้าเอไอก็จะไปดูข้อมูลจากฐานข้อมูลว่า ”ผู้หญิงสวยคืออะไร“ ”อะไรคือความหมายของคำว่าสวย?“ ”คนสั่งให้วาดเป็นคนชาติไหน?“ ”นิยามคำว่าสวยของคนชาตินี้คืออะไร“ “มิติสัดส่วนร่างกายที่ว่าสวยคืออะไร?“ ”แสงเงาแบบไหนที่ช่วยทำให้สวย“ และอื่นๆอีกมากมาย จนกระทั่งเอไอวาดรูปผู้หญิงสวยออกมาให้เราได้หนึ่งรูป . . . ดังนั้นอ่านมาถึงตอนนี้ เราๆท่านๆคงพอจะนึกออกอย่างหนึ่งว่า เอไอจะฉลาดเพียงไหนนั้น ประการหนึ่งขึ้นอยู่กับว่านักวิทยาศาสตร์เขาป้อนข้อมูลให้เอไอมากแค่ไหนและฝึกสอนทดสอบเจ้าเอไอมากแค่ไหนด้วย ยิ่งข้อมูลเยอะ ยิ่งฝึกและทดสอบเยอะ คุณภาพก็จะยิ่งดี ถ้านักวิทยาศาสตร์ใส่บทกวี บทกลอน บทเพลง เนื้อร้องและดนตรีเข้าไปให้มากๆ แล้วสอนเอไอไปว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะด้วยเหตุอะไร เอไอก็จะสามารถเขียนเพลงที่เพราะๆออกมาได้ เพราะเอไอรู้ว่า “เพลงที่มนุษย์ว่าไพเราะนั้นเป็นแบบไหน” ซึ่งในตอนนี้ผมขอเล่าเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า นักวิทยาศาสตร์เขาพัฒนาให้เอไอสามารถสร้างข้อมูลเก๊หรือรูปภาพปลอมๆขึ้นมาได้ด้วย เพื่อเอามาทดสอบตัวเองว่าจะแยกแยะได้ไหมว่าอันนี้คือข้อมูลเก๊ ระบบนี้เรียกว่า GAN (Generative Adversarial Network) คือ เอไอจะแบ่งสมองตัวเองเป็นสองฝั่ง ฝั่งแรกคือตัวสร้างข้อมูลปลอมขึ้นมา (Generator) ฝั่งที่สองคือฝั่งตำรวจที่ตรวจว่าข้อมูลนี้จริงหรือปลอม (Discriminator) หรือ ฝั่งแรกเขียนเพลงที่ไม่เพราะออกมา อีกฝ่ายทำหน้าที่เป็นคนฟังแล้วบอกว่าเพลงนี้เพราะหรือไม่เพราะ สองฝั่งนี้จะประลองกำลังสู้กันไปสู้กันมาเรื่อยๆ ยิ่งสู้กันนานเข้า ฝ่ายสร้างข้อมูลก็จะเก่งขึ้น ฝ่ายตรวจสอบก็เก่งขึ้นเช่นกัน และเขาทำกันยังงี้เป็นล้านๆครั้ง นี่แหละครับที่เขาเรียกว่า “เอไอสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง” หรือ Machine Learning . . . ทีนี้มาถึงว่า ”แล้วดีปซีคมันดีวิเศษเหนือกว่า ChatGPT อย่างไร?“ ถ้าตอบในมุมผู้ใช้อย่างเราที่โหลดแอปมาใช้ฟรีๆนั้น คำตอบคือ ”แทบไม่แตกต่าง“ เพราะทั้งดีปซีคและ ChatGPT นั้นฟรีและดีทั้งคู่ ความแตกต่างจะอยู่ในเลเวลของคนที่เขาอยากสร้างระบบเอไอขึ้นมาบ้าง หรือที่เรียกว่า ”ผู้พัฒนาเอไอ หรือ Developer“ เพราะทั้งดีปซีคและChatGPT นั้นเขาได้สร้างสิ่งเดียวกันขึ้นมา คือ “สมองที่สามารถเรียนรู้อะไรก็ได้” ตามแต่ว่าผู้พัฒนาอยากจะให้สมองนี้เรียนรู้อะไร แต่สมองของดีปซีคนั้นราคาถูกกว่าสมองของ ChatGPT เพราะดีปซีคเขียนซอฟท์แวร์ให้กระบวนการเรียนรู้ของเอไอดีปซีคมีประสิทธิภาพกว่า จับประเด็นเรียนรู้ได้เร็วกว่าโดยใช้เทคนิคที่ดีกว่า ทำให้ระบบดีปซีคไม่ต้องใช้ชิปประมวลผลราคาแพงๆอย่างยี่ห้อ NVIDIA รุ่น A100 และ H100 GPU ที่ราคาเป็นหมื่นดอลล่าร์ซึ่ง ChatGPT นั้นใช้อยู่เป็นร้อยๆพันๆชิ้น อันทำให้ต้นทุนการพัฒนาเอไอยี่ห้อ ChatGPT นั้นแพงหลักร้อยล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ดีปซีคนั้นใช้งบพัฒนาแค่ 6 ล้านดอลล่าร์ และที่สำคัญดีปซีคนั้นเขาบอกว่า โค้ดที่เขาเขียนขึ้นมาใช้ฝึกเอไอนั้น”แจกฟรี“ครับ ใครอยากใช้ก็เอาไปพัฒนาต่อได้เลย แค่ไปหาซื้อฮาร์ดแวร์มาแล้วก็เทรนเอไอเองได้เลย ซึ่งทำให้ต้นทุนของผู้พัฒนาเอไอนั้นถูกลงมหาศาล ไม่ต้องเขียนโค้ดสร้างระบบเอไอขึ้นมาใหม่และไม่ต้องไปซื้อชิปแพงๆของ NVIDIA มาใช้แล้ว ใช้แต่เพียงชิปราคาประหยัดก็ได้ เป็นเหตุให้หุ้น NVIDIA ซึ่งขายชิปแพงๆและครองตลาดนี้มานานร่วงเป็นแสนล้านดอลล่าร์ อันเป็นที่มาของข่าวว่า “หุ้น 7 นางฟ้า” ซึ่งหมายถึงหุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของอเมริกา คือ กูเกิ้ล, เทสล่า, แอมะซอน, ไมโครซอฟท์, แอปเปิ้ล, เมต้า (เฟซบุ๊ค) และ NVIDIA ร่วงกระจุยกระจาย แค่เพียงเพราะจีนส่งเอไอดีปซีคซึ่งดีกว่า ถูกกว่า และฟรีออกมาในตลาด บางสำนักข่าวในอเมริกาเองถึงกับบอกว่า ดีปซีคนี้ออกมาทำลายตลาด (Disrupt) เอไอของอเมริกาแบบโป้งเดียวจอด จีนนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ ขอปรบมือให้ …และผมขอปรบมือให้คุณผู้อ่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ด้วยครับ หวังว่าผมอธิบายแล้วท่านจะอ่านเข้าใจนะครับ… นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 768 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท

    อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ

    ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า

    “ช้อคโกแลตดูไบ”

    ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด

    เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน

    ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก

    ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง
    .
    .
    .
    ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า

    ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย

    ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง

    หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส
    สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์
    สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์
    สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์

    ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ

    ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ

    เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต

    ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ

    รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ

    นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น

    ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle)

    แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้

    คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่

    รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่
    .
    .
    .
    ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี

    อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต

    ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า
    .
    .
    .
    ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย

    เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น

    ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี

    ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ

    แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ

    ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด

    อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย

    เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก

    อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย

    นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน

    ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.91 : ช็อคโกแลท อ่านข่าวดราม่าเรื่องช็อคโกแลทดูไบแล้ว ก็พลอยนึกถึงช็อคโกแลทที่ชื่อเสียงโด่งดังของสวิตเซอร์แลนด์ครับ ก่อนจะไปต่อ ก็ขอเล่าสั้นๆสักนิดให้กับคนที่ตกข่าวเรื่องช็อคโกแบทดูไบครับ กล่าวคือ ในปี 2021 มีผู้หญิงอังกฤษคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในดูไบ เขาทำช้อคโกแลตแบบที่ตัวเองอยากกินขึ้นมา แล้วปรากฏว่าอร่อยและโด่งดัง เธอก็เลยตั้งบริษัทชื่อ Fix ขึ้นมาขายช้อคโกแลตของเธอที่ตั้งชื่อว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” ปรากฏว่ามีคนเอาสูตรทำช้อคโกแลตดูไบไปทำกันทั่วโลก ที่ทำกินเองก็มี ที่ทำขายก็มี แล้วก็ใช้ชื่อเรียกว่า “ช้อคโกแลตดูไบ” กันทั่วไปหมด เรื่องมันดราม่าก็ที่ประเทศเยอรมันครับ เพราะคนที่เขานำเข้าช้อคโกแลตดูไบอย่างถูกต้องจากบริษัท Fix ที่ดูไบ เขาไปฟ้องศาลเยอรมันในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา ปรากฏว่าศาลตัดสินให้บริษัท Fix ชนะครับ บรรดาร้านขนมที่ทำช้อคโกแลทดูไบขายเองก็จึงวุ่นวายกัน ใครสนใจเรื่องนี้ไปตามอ่านได้ที่เพจ https://www.facebook.com/share/1D9sxkuNdB/?mibextid=wwXIfr นะครับ เขาเขียนไว้ละเอียดมาก ผมเห็นด้วยกับที่ศาลเยอรมันตัดสินแบบนี้ เพราะชื่อประเทศหรือชื่อเมืองก็คือ “แบรนด์” อย่างหนึ่ง . . . ทีนี้ผมจึงมาเล่าถึงช้อคโกแลตสวิสครับ เพราะรัฐบาลสวิสนั้นเขาจริงจังกับสินค้าที่จะแปะคำว่า “Swiss Made" หรือ ”Made in Switzerland" ลงไปในสินค้า ถึงกับออกกำหนดเป็นกฎโดยละเอียดให้ปฏิบัติตามเลย ตัวอย่างเช่น “นาฬิกา” ซึ่งเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงว่า นาฬิกาสวิสมีคุณภาพดี เที่ยงตรงแม่นยำและคุณภาพสูง รัฐบาลสวิสจึงกำหนดกฎไว้ว่า ถ้าผู้ผลิตเจ้าใดอยากเอาคำว่า Swiss Made แปะลงไปบนนาฬิกาแล้ว นาฬิกาเรือนนั้นจะต้อง หนึ่ง…กลไกต้องเป็นแบบสวิส สอง…กลไกต้องประกอบเป็นตัวเรือนขึ้นในสวิตเซอร์แลนด์ สาม…ผู้ผลิตต้องทดสอบคุณภาพขั้นสุดท้ายในสวิตเซอร์แลนด์ สี่…ค่าใช้จ่ายในการผลิตอย่างน้อย 60% ต้องอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ตรงกฎข้อหนึ่งที่ว่ากลไกนาฬิกาต้องเป็นแบบสวิสนั้น เขาก็กำหนดละเอียดลึกต่อลงไปอีกด้วยครับ กฎทั้งหมดนี้ถูกวางขึ้นเพื่อรักษาคุณภาพแบรนด์สวิสและให้การจ้างงานและรายได้ให้อยู่ในประเทศครับ ทีนี้มาพูดถึงช้อคโกแลตสวิสกันสักทีนะครับ เราคงรู้กันดีอยู่แล้วว่า ช้อคโกแลตนั้นผลิตขึ้นจากเมล็ดโกโก้ซึ่งปลูกได้จากประเทศเมืองร้อนเท่านั้น สวิตเซอร์แลนด์จึงต้องนำเข้าเมล็ดโกโก้ 100% จากแอฟริกา เอเชียและอเมริกาใต้เพื่อเอามาผลิตช้อคโกแลต ทีนี้บางคนอาจถามว่า “เอ้า ในเมื่อเมล็ดโกโก้นำเข้ามาหมดแบบนี้ แล้วทำไมช้อคโกแลตสวิสถึงมีชื่อเสียงล่ะ?” คำตอบก็คือ “คุณภาพของนม” และ “กระบวนการผลิต” ครับ รัฐบาลสวิสจึงกำหนดไว้ว่า ช้อคโกแลตที่จะได้ชื่อว่าเป็นช้อคโกแลตสวิสนั้น จะต้องใช้นมจากวัวที่เลี้ยงอยู่บนเทือกเขาอัลไพน์ ซึ่งมีชื่อเสียงว่าเป็นนมที่อร่อยและมันๆแบบครีมมี่ๆ นอกนั้นก็มีกฎอื่นๆอีก คือ การผลิตช้อคโกแลตต้องทำในประเทศสวิตเซอร์แลนด์, วัตถุดิบ 80% ต้องผลิตในสวิต (ยกเว้นเมล็ดโกโก้) อันหมายถึง นม วานิลลาและถั่ว เป็นต้น ซึ่งเราควรรู้กันด้วยว่า ช้อคโกแลตนมนั้นถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกบนโลกที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 1875 ครับ โดยนายแดเนียล ปีเตอร์เขาทดลองเอาเมล็ดโกโก้บดไปผสมกับนมข้นที่ผลิตโดยนายเฮนรี่ เนสท์เล่ (Nestle) แล้วต่อมานายโรดอล์ฟ ลินดท์ (Rodolphe Lindt) ก็คิดค้นกระบวนการกวนช้อคโกแลทเพื่อให้รสชาติขมๆหายไป เหลือแต่ความหวานอร่อยของโกโก้ คือ คนแต่ก่อนเขารับประทานโกโก้กันแบบขมๆและไม่มีช้อคโกแลตนมครับ พอชาวสวิสผลิตขึ้นมาเป็นเจ้าแรก ก็เลยดังกันใหญ่ รัฐบาลเขาเลยต้องคุมเข้มกับแบรนด์ช้อกโกแลตที่จะใช้คำว่า Swiss Made ซึ่งทุกวันนี้ก็มีหลายแบรนด์ที่เรารู้จักกันดี เช่น ทอโบลโรน (Toblerone) , ลินดท์, เนสท์เล่ . . . ตอนนี้เป็นอันรู้กันประการหนึ่งว่า ช้อคโกแลตสวิสนั้น ส่วนหนึ่งดังเพราะนมวัวสวิสอร่อยและคุณภาพดี อันนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวกับของช้อคโกแลตญี่ปุ่นยี่ห้อรอยซ์ (Royce) ครับ เพราะรอยซ์ใช้นมวัวคุณภาพดีจากฮอกไกโดในการผลิต ส่วนตัวแล้วผมชอบช้อคโกแลตรอยซ์มากกว่าของสวิส เพราะอร่อยกว่าและหวานน้อยกว่า . . . ทีนี้มาขอเล่าถึงเมล็ดโกโก้กันบ้าง เพราะเป็นวัตถุดิบสำคัญของช้อคโกแลตเลย เมล็ดโกโก้ที่ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ ชาติยุโรปและญี่ปุ่นนำมาใช้ทำช้อคโกแลตนั้นมาจากแอฟริกาตะวันตก เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอเมริกาใต้ครับ เพราะโกโก้นั้นเติบโตได้ดีในภูมิอากาศร้อนชื้น ประเทศผู้ผลิตโกโก้ที่สำคัญก็คือ ไอเวอรี่โคสท์, กาน่า, ไนจีเรีย, แคเมอรูน, เอกวาดอร์, เปรู, อินโดนีเซีย และปาปัวนิวกินี ไอเวอรี่โคสท์นั้น ส่งออกโกโก้เยอะที่สุดในโลก คิดเป็น 60% ของโกโก้ทั้งโลกครับ แต่โกโก้ที่ได้ชื่อว่าอร่อยที่สุดในโลกนั้น มาจากประเทศกาน่าครับ ประเทศต่างๆจึงแย่งกันซื้อเมล็ดโกโก้จากกาน่า เพราะเอาไปทำช้อกโกแลตได้อร่อยที่สุด อันเป็นสาเหตุที่บริษัทชื่อดังของเกาหลีคือ “ล้อตเต้" นั้น เอาชื่อประเทศกาน่าไปตั้งเป็นแบรนด์ช้อคโกแลตของตัวเองว่า Ghana กันแบบโต้งๆเลย เพื่อเป็นการบอกว่า ช้อคโกแลตของล้อตเต้นั้นมาจากกาน่า (Ghana) แน่นอน ใครที่ซื้อไปรับประทานจะได้ชิมรสช้อคโกแลตจากโกโก้ที่อร่อยที่สุดในโลก อันนี้ผมชื่นชมล้อตเต้นะครับที่เขาให้เกียรติประเทศวัตถุดิบด้วย นอกจากเกาหลีใต้แล้ว บริษัทญี่ปุ่นอย่างเมจินั้น เขาก็ซื้อโกโก้จากกาน่าเช่นกัน ปล. ไนจีเรียนั้นเคยผลิตโกโก้ได้อร่อยไม่แพ้กาน่าเลยครับ แต่พอเขาขุดเจอน้ำมันดิบในช่วงปี 1960-1970 ปุ๊บ ทั้งรัฐบาลและประชาชนก็เลิกปลูกโกโก้ แล้วหันมาหวังพึ่งพาเงินจากการขายน้ำมันดิบแทน …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ… นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 864 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.90 : สมองสองส่วน

    วันนี้ผมอยากจะเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ “สมอง” ของเราครับ

    ในการทำงานสมองมนุษย์นั้น นักวิทยาศาสตร์เขาแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วน A กับส่วน B

    ส่วน A คือ ส่วนที่ทำงานอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เราไม่ต้องคิดอะไรมาก สมองจะสั่งร่างกายให้ทำไปเองตามความเคยชิน เช่น การถูตัวขยี้สระผมตอนอาบน้ำ การกลัดกระดุมเสื้อ หรือกระทั่งการถีบจักรยาน

    นักกีฬากับนักดนตรีเขาเรียกสิ่งนี้ว่า Muscle memory คือ สิ่งที่เราทำซ้ำๆบ่อยๆหลายสิบหลายร้อยครั้งจนร่างกายสามารถจดจำการเคลื่อนไหว และทำได้อัตโนมัติโดยชำนาญ

    รวมถึงความทรงจำจากการอ่านด้วย เช่น เมื่อเราเห็นตัวเลข 2022 ก็จะรู้สึกว่านี่คือ ปีค.ศ. หรือ ตัวอักษรเรียงกันว่า Hello ก็จะรู้ว่านี่คือ ”คำ“

    สมองส่วน A นี้ทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยเราไม่รู้ตัวครับ

    จะเรียกสมองส่วน A ว่าระบบออโต้ของเราก็ได้
    .
    .
    .
    ทีนี้มาถึงสมองส่วน B บ้าง

    สมองส่วน B นี้เป็นส่วนที่คิดวิเคราะห์ครับ มนุษย์เราจะรู้ตัวว่าต้องทำงานหนักขึ้นในเวลาที่เราใช้สมองส่วนนี้

    เช่น เมื่อเราถูกถามว่า 19x17 เท่ากับเท่าไร หรือ เมื่อเรามานั่งคิดว่าสิ้นปีจะเหลือเงินเก็บเท่าไร เป็นต้น

    ธรรมชาติของมนุษย์นั้น เรามักจะหาคำตอบที่ง่ายให้กับตัวเราก่อนเสมอ นั่นหมายถึงว่า เรามักจะใช้ความเคยชิน ความสะดวก ความคุ้นเคย ซึ่งมาจากสมองส่วน A

    ดังที่เรามักจะตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลขที่เราคุ้นเคย เช่น ปีเกิด หรือ เลขทะเบียนรถ หรือ เลขเรียงกัน 1234 เป็นต้น

    หรือ เมื่อเราเจอคำถามเช่น “คุณไปตลาดซื้อไก่กับไข่มาราคารวมกัน 110 บาท ไก่แพงกว่าไข่ 100 บาท ถามว่าไข่ราคาเท่าไร?”

    คนส่วนใหญ่จะตอบทันทีว่า “10 บาท” ซึ่งผิด

    นั่นเพราะสมองเราจำได้ว่า 100+10=110 อันมาจากสมองส่วน A เราจะรู้สึกว่าเป็นคำตอบนี้ผุดขึ้นมาในหัวเองโดยไม่ต้องคิด

    ซึ่งก็จริงที่เราไม่ได้คิด มันมาจากความทรงจำครับ

    ถ้าเราตั้งสติและใช้เวลาคิดสักนิดจะรู้ว่า คำตอบคือ “ไข่ราคา 5 บาท”

    เป็นการใช้สมองส่วน B ซึ่งละเอียดรอบคอบกว่าแต่คนเราไม่ชอบ เพราะมันเหนื่อยสมอง
    .
    .
    .
    ในอเมริกามีการทำการทดลองครับ เขาทดลองเปรียบเทียบว่า ในชุดข้อสอบเนื้อหาอันเดียวกัน ถ้าคุณครูใช้ฟ้อนท์พิมพ์แบบอ่านยาก (เช่น ตัวเขียนหางยาว หรือ ตัวเอียง และฟ้อนท์ที่ไม่คุ้นเคย) กับ ฟ้อนท์แบบอ่านง่าย

    แบบไหนนักเรียนจะตอบผิดมากกว่ากัน

    ผลคือ ฟ้อนท์แบบอ่านง่าย นักเรียนตอบผิด 80% ส่วนฟ้อนท์แบบอ่านยาก นักเรียนตอบผิดแค่ 36%

    นั่นเพราะเมื่อนักเรียนค่อยๆอ่าน สมองเราจะคิดวิเคราะห์มากกว่า ทำให้คำตอบไม่ค่อยผิด

    เพราะใช้สมองส่วน B มากกว่าส่วน A
    .
    .
    .
    เรื่องของสมองนี้สอนว่า มนุษย์เราควรจะรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ส่วน A เมื่อไรควรใช้ส่วน B

    เมื่อมีโอกาสสำคัญเข้ามาในชีวิต จงใช้สมองส่วน B เพราะ Chance moment can change the course of your life (ขออภัยที่ใช้ภาษาอังกฤษครับ เพราะผมชอบประโยคนี้)

    ถ้าเราตัดสินใจทุกเรื่องโดยใช้ความง่าย ความสะดวกสบาย ความเคยชิน เราอาจจะได้คำตอบผิดหรือพลาดโอกาสสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว

    ทีนี้ถ้าถามว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่านี่คือเรื่องสำคัญ ต้องใช้สมองส่วน B แล้ว

    คำตอบคือ “สัญชาตญาณ”

    แล้วเราจะฝึกสัญชาตญาณเราให้เฉียบคมขึ้นได้ยังไง?

    คำตอบคือ เรียนให้เยอะ อ่านให้มาก ออกไปทำงานพบผู้คนให้เยอะ สร้างประสบการณ์ตัวเอง ของพวกนี้นะหล่อหลอมสัญชาตญาณขึ้นมาเอง

    ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า เราต้องพัฒนา “ต่อมเอ๊ะ“ ครับ

    ”เอ๊ะ เรื่องนี้มันแปลกๆนะ มีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า“ หรือ ”เอ๊ะ นี่มันเป็นโอกาสทองของเรานี่ รีบคว้าไว้ดีกว่า”

    เอามาเล่าสู่กันฟังครับ


    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.90 : สมองสองส่วน วันนี้ผมอยากจะเล่าเกร็ดเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ “สมอง” ของเราครับ ในการทำงานสมองมนุษย์นั้น นักวิทยาศาสตร์เขาแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วน A กับส่วน B ส่วน A คือ ส่วนที่ทำงานอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เราไม่ต้องคิดอะไรมาก สมองจะสั่งร่างกายให้ทำไปเองตามความเคยชิน เช่น การถูตัวขยี้สระผมตอนอาบน้ำ การกลัดกระดุมเสื้อ หรือกระทั่งการถีบจักรยาน นักกีฬากับนักดนตรีเขาเรียกสิ่งนี้ว่า Muscle memory คือ สิ่งที่เราทำซ้ำๆบ่อยๆหลายสิบหลายร้อยครั้งจนร่างกายสามารถจดจำการเคลื่อนไหว และทำได้อัตโนมัติโดยชำนาญ รวมถึงความทรงจำจากการอ่านด้วย เช่น เมื่อเราเห็นตัวเลข 2022 ก็จะรู้สึกว่านี่คือ ปีค.ศ. หรือ ตัวอักษรเรียงกันว่า Hello ก็จะรู้ว่านี่คือ ”คำ“ สมองส่วน A นี้ทำงานอยู่ตลอดเวลาโดยเราไม่รู้ตัวครับ จะเรียกสมองส่วน A ว่าระบบออโต้ของเราก็ได้ . . . ทีนี้มาถึงสมองส่วน B บ้าง สมองส่วน B นี้เป็นส่วนที่คิดวิเคราะห์ครับ มนุษย์เราจะรู้ตัวว่าต้องทำงานหนักขึ้นในเวลาที่เราใช้สมองส่วนนี้ เช่น เมื่อเราถูกถามว่า 19x17 เท่ากับเท่าไร หรือ เมื่อเรามานั่งคิดว่าสิ้นปีจะเหลือเงินเก็บเท่าไร เป็นต้น ธรรมชาติของมนุษย์นั้น เรามักจะหาคำตอบที่ง่ายให้กับตัวเราก่อนเสมอ นั่นหมายถึงว่า เรามักจะใช้ความเคยชิน ความสะดวก ความคุ้นเคย ซึ่งมาจากสมองส่วน A ดังที่เรามักจะตั้งรหัสผ่านเป็นตัวเลขที่เราคุ้นเคย เช่น ปีเกิด หรือ เลขทะเบียนรถ หรือ เลขเรียงกัน 1234 เป็นต้น หรือ เมื่อเราเจอคำถามเช่น “คุณไปตลาดซื้อไก่กับไข่มาราคารวมกัน 110 บาท ไก่แพงกว่าไข่ 100 บาท ถามว่าไข่ราคาเท่าไร?” คนส่วนใหญ่จะตอบทันทีว่า “10 บาท” ซึ่งผิด นั่นเพราะสมองเราจำได้ว่า 100+10=110 อันมาจากสมองส่วน A เราจะรู้สึกว่าเป็นคำตอบนี้ผุดขึ้นมาในหัวเองโดยไม่ต้องคิด ซึ่งก็จริงที่เราไม่ได้คิด มันมาจากความทรงจำครับ ถ้าเราตั้งสติและใช้เวลาคิดสักนิดจะรู้ว่า คำตอบคือ “ไข่ราคา 5 บาท” เป็นการใช้สมองส่วน B ซึ่งละเอียดรอบคอบกว่าแต่คนเราไม่ชอบ เพราะมันเหนื่อยสมอง . . . ในอเมริกามีการทำการทดลองครับ เขาทดลองเปรียบเทียบว่า ในชุดข้อสอบเนื้อหาอันเดียวกัน ถ้าคุณครูใช้ฟ้อนท์พิมพ์แบบอ่านยาก (เช่น ตัวเขียนหางยาว หรือ ตัวเอียง และฟ้อนท์ที่ไม่คุ้นเคย) กับ ฟ้อนท์แบบอ่านง่าย แบบไหนนักเรียนจะตอบผิดมากกว่ากัน ผลคือ ฟ้อนท์แบบอ่านง่าย นักเรียนตอบผิด 80% ส่วนฟ้อนท์แบบอ่านยาก นักเรียนตอบผิดแค่ 36% นั่นเพราะเมื่อนักเรียนค่อยๆอ่าน สมองเราจะคิดวิเคราะห์มากกว่า ทำให้คำตอบไม่ค่อยผิด เพราะใช้สมองส่วน B มากกว่าส่วน A . . . เรื่องของสมองนี้สอนว่า มนุษย์เราควรจะรู้ว่าเมื่อไรควรใช้ส่วน A เมื่อไรควรใช้ส่วน B เมื่อมีโอกาสสำคัญเข้ามาในชีวิต จงใช้สมองส่วน B เพราะ Chance moment can change the course of your life (ขออภัยที่ใช้ภาษาอังกฤษครับ เพราะผมชอบประโยคนี้) ถ้าเราตัดสินใจทุกเรื่องโดยใช้ความง่าย ความสะดวกสบาย ความเคยชิน เราอาจจะได้คำตอบผิดหรือพลาดโอกาสสำคัญไปโดยไม่รู้ตัว ทีนี้ถ้าถามว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่านี่คือเรื่องสำคัญ ต้องใช้สมองส่วน B แล้ว คำตอบคือ “สัญชาตญาณ” แล้วเราจะฝึกสัญชาตญาณเราให้เฉียบคมขึ้นได้ยังไง? คำตอบคือ เรียนให้เยอะ อ่านให้มาก ออกไปทำงานพบผู้คนให้เยอะ สร้างประสบการณ์ตัวเอง ของพวกนี้นะหล่อหลอมสัญชาตญาณขึ้นมาเอง ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า เราต้องพัฒนา “ต่อมเอ๊ะ“ ครับ ”เอ๊ะ เรื่องนี้มันแปลกๆนะ มีอะไรซ่อนอยู่หรือเปล่า“ หรือ ”เอ๊ะ นี่มันเป็นโอกาสทองของเรานี่ รีบคว้าไว้ดีกว่า” เอามาเล่าสู่กันฟังครับ นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 555 Views 0 Reviews
  • โยวโจวคือสถานที่ใด?

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน

    เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง

    ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县)

    สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน

    <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง)

    แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1)

    หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน

    แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง

    โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/
    https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html
    https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370
    https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史
    https://www.sohu.com/a/674479826_121180648
    https://www.sohu.com/a/277568460_628936

    #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    โยวโจวคือสถานที่ใด? สวัสดีค่ะ Storyฯ เพิ่งอ่านนวนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จบไป (ชอบมาก คุณธรรมน้ำมิตรดี แนะนำ!) แต่ยังไม่มีเวลาดูซีรีส์ ก็ไม่แน่ใจว่ามีการดัดแปลงเนื้อหาไปจากนิยายต้นฉบับมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากมีหลายเหตุการณ์ในเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ ‘โยวโจว’ (幽州) จึงเกิดความ ‘เอ๊ะ’ ว่ามันคือสถานที่ใด เพราะชื่อนี้ปรากฏบ่อยมากในนิยายและซีรีส์จีนโบราณหลายเรื่องที่มีฉากสู้รบ (ใครคุ้นหูคุ้นตาจากเรื่องอะไรมาเม้นท์บอกกันได้) Storyฯ เลยไปทำการบ้านมาเล่าสู่กันฟัง ‘โจว’ ปัจจุบันใช้เรียกทวีป เช่น ย่าโจว คือทวีปเอเชีย แต่ในสมัยจีนโบราณ โจวเป็นการเรียกเขตพื้นที่ แต่ขนาดและอำนาจการปกครองของมันแตกต่างกันไป แรกเริ่มเลยมันเป็นเพียงการแบ่งพื้นที่ ไม่ได้มีอำนาจการปกครอง ในสมัยฉินมีการกล่าวถึงเก้าโจว แต่จากบันทึกโบราณพบว่าชื่อเรียกของเก้าโจวนี้แตกต่างกันไป ต่อมาในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพิ่มเป็นสิบสามโจว มีอำนาจการปกครองท้องถิ่น นับเป็นเขตการปกครองท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุด หากต้องใช้คำไทย Storyฯ คิดว่า ‘มณฑล’ น่าจะเป็นคำที่ใกล้เคียงที่สุด ถัดจากโจวคือจวิ้น (郡) แล้วก็เป็นเซี่ยน (县) สิบสามมณฑลนี้หน้าตาเป็นอย่างไร ดูได้ในรูปประกอบ 2 (ขวา) โยวโจวคือเขตพื้นที่สีเหลืองและหยางโจว (บ้านเดิมของพระเอกและนางเอกในเรื่อง) คือพื้นที่สีม่วง เห็นแล้วเพื่อนเพจคงได้อรรถรสของความยากลำบากและระยะทางของการเดินทางที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย/ละครเรื่องนี้กัน <สยบรักจอมเสเพล> ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่เกิดในสมัยฮั่น มันเป็นยุคสมัยสมมุติและราชวงศ์สมมุติ แต่ดูจากเหตุการณ์ต่างๆ และสไตล์การแต่งกายในละครแล้ว เทียบใกล้เคียงกับช่วงปลายสมัยห้าราชวงศ์สิบรัฐที่แม่ทัพใหญ่ระดับเจี๋ยตู้สื่อมีอำนาจเบ็ดเสร็จในการปกครองและการทหารในพื้นที่ของตนและช่วงชิงดินแดนกัน (เริ่มมีตำแหน่งนี้ในสมัยถัง) และเลียนแบบเหตุการณ์สวมอาภรณ์สีเหลืองตั้งตนเป็นฮ่องเต้อันเป็นตำนานของจ้าวควงอิ้นเมื่อครั้งสถาปนาตนเองขึ้นเป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ซ่ง มีการกล่าวถึงแม่น้ำฮวงโห เขตเปี้ยนเหลียงและเมืองหลวงที่ชื่อว่าตงตู ซึ่งอาจเป็นชื่อสมมุติของเมืองตงจิง (เปี้ยนเหลียงหรือไคเฟิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์ซ่งเหนือ) หรืออาจหมายถึงเมืองลั่วหยางซึ่งเป็นตงตูหรือนครตะวันออกสมัยถัง (หมายเหตุ ‘จิง’ ‘ตู’ และ ‘เฉิง’ ล้วนแปลว่านครหรือเมือง) แต่... แม้ว่าเหตุการณ์ในละคร/นิยายจะใกล้เคียงกับช่วงต้นราชวงศ์ซ่ง ทว่าการเรียกเขตพื้นที่การปกครองต่างๆ ยังอิงตามสิบสามมณฑลสมัยฮั่น เพราะในสมัยซ่งเหนือ โยวโจวไม่ได้อยู่ในอาณาเขตของซ่ง แต่อยู่ใต้การปกครองของราชวงศ์เหลียว และมีชื่อเรียกที่แตกต่างออกไป (ดูแผนที่โดยคร่าวในรูปประกอบ 1) หน้าตาแผนที่ของจีนเปลี่ยนไปในแต่ละสมัย การแบ่งเขตปกครองและชื่อเรียกก็ย่อมแตกต่างกันไป โยวโจวในสมัยฮั่นนั้น ต่อมาถูกเรียกเป็นเยียนเป่ยในสมัยราชวงศ์เหนือใต้ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็นจัวจวิ้นในสมัยสุย กลับมาเป็นโยวโจวในสมัยถัง ต่อมาถูกเปลี่ยนชื่ออีกเป็นฟ่านหยางจวิ้นในสมัยถังกลาง หลังจากนั้นกลับมาเป็นโยวโจวแล้วจัวโจว ในสมัยเหลียว/ซ่งกลายเป็นเขตปกครองสิบหกเขตย่อยเรียกว่าโยวอวิ๋นหรือเยียนอวิ๋น หลังจากนั้นเขตการปกครองก็เปลี่ยนไปอีก และชื่อ ‘โยวโจว’ ก็หายไปจากแผนที่จีน แต่มันไม่ได้หายไปไหน ศูนย์การปกครองของโยวโจวในสมัยโบราณคือเมืองโยวตู (หรือในสมัยสุยคือจัวตู) ซึ่งก็คือกรุงปักกิ่งในปัจจุบันนั่นเอง โยวตูในสมัยก่อนเป็นเมืองที่มีความสำคัญมาก เพราะมันเป็นศูนย์กลางการปกครองของมณฑลโยวโจว ซึ่งเป็นฐานกำลังทหารรักษาชายแดนที่สำคัญ ในสมัยถังนั้น เจี๋ยตู้สื่อแห่งโยวโจวมีอำนาจการปกครองและจำนวนกองทัพในมือมากที่สุดในบรรดาเจี๋ยตู้สื่อทั้งหมด จึงไม่แปลกที่จะมีนิยายเกี่ยวกับการรบและการแย่งชิงกำลังทหารกันที่โยวโจว นอกจากนี้ โยวตูยังเป็นเมืองปลายทางเมืองหนึ่งของคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่ถูกสร้างขึ้นในสมัยสุย จึงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมและการค้าขายในภาคเหนือของจีน พัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเกษตรธัญพืชที่สำคัญ ไม่เพียงมีปริมาณผลผลิตเพียงพอสำหรับประชากรในโยวโจวเอง หากแต่ยังส่งออกโดยผ่านต้าอวิ้นเหอไปขายเป็นเสบียงยังพื้นที่อื่นๆ อีกด้วย ดังเช่นที่ถูกกล่าวถึงในนิยาย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g44250708/destined/ https://kknews.cc/history/l8r6qvg.html https://www.artsmia.org/art-of-asia/history/maps.cfm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/幽州/1049370 https://zh.wikipedia.org/wiki/北京历史 https://www.sohu.com/a/674479826_121180648 https://www.sohu.com/a/277568460_628936 #สยบรักจอมเสเพล #โยวโจว #โยวตู #สิบสามมณฑล #ปักกิ่ง
    0 Comments 0 Shares 1059 Views 0 Reviews
  • เสบียงของทหารจีนโบราณ

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ?

    วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ

    ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง)

    ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว

    วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ

    โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ

    แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร?

    จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น

    ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ

    ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้

    ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent
    http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html
    https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html
    http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html
    https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html
    https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003
    https://www.sohu.com/a/239218972_155326
    http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773
    https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/
    https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html
    https://www.sohu.com/a/710019104_121119015
    https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/

    #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    เสบียงของทหารจีนโบราณ เพื่อนเพจที่ได้ดูละครหรืออ่านนิยายเรื่อง <สยบรักจอมเสเพล> จะเห็นว่าหนึ่งในสาระการเดินเรื่องที่สำคัญคือการจัดหาเสบียงไว้ใช้ในยามศึก แม้ว่าฉากหน้าร้านจะมีข้าวหลายชนิด แต่เวลาขนส่งเป็นกระสอบมักเป็นภาพของข้าวสารสีขาว ละครเรื่องอื่นส่วนใหญ่ก็เช่นกัน ไม่ทราบว่ามีใคร ‘เอ๊ะ’ เหมือน Storyฯ ไหมว่า ดำนาปลูกข้าวต้องใช้น้ำปริมาณมาก จีนโบราณเขาสามารถมีข้าวเป็นเสบียงได้มากมายเชียวหรือ? วันนี้เราเลยมาคุยกันเรื่องเสบียงของทหารจีนโบราณ ก่อนอื่นคุยกันเรื่องชนิดของข้าว ข้าวขาวเรียกว่า ‘หมี่’ (米) หรือ ‘ต้าหมี่’ หรือ ‘เต้าหมี่’ (大米 / 稻米) แต่จริงๆ แล้วคำว่า ‘หมี่’ ใช้หมายถึงข้าวชนิดอื่นได้ด้วยโดยเฉพาะเมื่อใช้ในบริบทของเสบียง ข้าวที่ใช้เป็นเสบียงอาหารหลักในสมัยจีนโบราณ (และเป็นอาหารของคนทั่วไปที่ไม่ได้มีเงินมากมาย) จริงๆ แล้วคือข้าวฟ่าง เรียกว่า ‘เสียวหมี่’ ( 小米 … ใช่ค่ะ คือชื่อแบรนด์มือถือและอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์จีนที่เราคุ้นหูกันดี) (ดูรูปประกอบ2) หรือที่ในละคร <สยบรักจอมเสเพล> เรียกว่า ‘หวงหมี่’ (แปลตรงตัวว่าข้าวเหลือง) ข้าวฟ่างถูกใช้เป็นเสบียงหลักของทหารมาหลายพันปี ต่อเนื่องตั้งแต่สมัยฉินจนสมัยถัง และยังมีใช้บ้างในสมัยซ่ง ทั้งนี้ เพราะมันทนต่อสภาวะน้ำแล้ง จึงปลูกได้หลายพื้นที่ มีผลผลิตสูงเมื่อเทียบกับข้าวชนิดอื่น โดยเฉพาะในสมัยแรกๆ ที่ยังไม่ค่อยมีวิวัฒนาการด้านการเกษตร เมื่อผลผลิตสูงก็มีราคาต่ำกว่าข้าวชนิดอื่น ในบางยุคสมัยถูกกว่าถึงสองสามเท่า ใช้เป็นเสบียงได้ทั้งคนและม้าศึก นอกจากนี้ ข้าวฟ่างหุงสุกง่ายเพราะเปลือกไม่หนา และสามารถเก็บได้นานเป็น 9-10ปี ว่ากันว่าข้าวฟ่างในคลังหลวงของนครฉางอันภายหลังจากราชวงศ์สุยถูกล้มล้างลงนั้น ถูกใช้ต่อเนื่องมาในสมัยถังได้อีก 11 ปีเลยทีเดียว วิธีปรุงอาหารที่ง่ายที่สุดสำหรับกองทัพก็คือข้าวต้ม จึงไม่แปลกที่เราเห็นทหารยกชามข้าวซดกันในซีรีส์ ในสมัยนั้นมีการพกเนื้อสัตว์หรือเนื้อปลาตากแห้งไปกินแกล้ม แต่ก็มีล่าสัตว์เพิ่มเติมเวลาตั้งค่าย มีผักอะไรหาได้ก็ใส่ๆ ลงไป นั่นคืออาหารของทหารสมัยนั้น บางทีก็มีข้าวหรือธัญพืชชนิดอื่นผสม เช่นข้าวบาร์เลย์ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นมีผลผลิตอะไรราคาถูกในพื้นที่นั้นๆ โจ๊กจึงเป็นอาหารหลักของกองทัพมาหลายยุคสมัย ภายหลังยุคชุนชิวก็มีหมั่นโถวมาเพิ่ม จวบจนสมัยชิงที่เน้นกินเนื้อสัตว์มากกว่าเน้นข้าว ทั้งนี้ เพื่อลดการขนส่งข้าวให้น้อยลงเพราะมันมีความยุ่งยากและสูญเสียมากระหว่างเดินทางไกล โดยมีการต้อนวัวและแกะไปพร้อมกับกองทัพ เวลาจะกินค่อยฆ่า ซึ่งภาพการเดินทัพและขนเสบียงแบบนี้ Storyฯ คิดว่าไม่เคยเห็นในซีรีส์ แต่ถ้าใครเคยผ่านตาแวะมาเล่าสู่กันฟังได้ค่ะ แต่จะต้มโจ๊กหรือนึ่งหมั่นโถวได้ต้องตั้งครัว ในยามที่ต้องเตรียมพร้อมรบอยู่ตลอดเวลาย่อมไม่สะดวก จึงต้องมีเสบียงอย่างอื่นที่สะดวกต่อการพกพาไม่ต้องเสียเวลาตั้งครัว เสบียงที่ว่านี้คืออะไร? จริงแล้วในสมัยฮั่น มีการปลูกข้าวสาลีมากขึ้นกว่ายุคก่อน แต่ปริมาณยังน้อยกว่าข้าวฟ่าง ไม่เหมาะใช้กินเป็นอาหารหลัก แต่นิยมใช้บดเป็นแป้งมาทำเปี๊ยะ เรียกว่า ‘กัวคุย’ (锅盔 ดูรูปประกอบ 3 ซ้าย) ทำจากแป้งข้าวสาลีและน้ำเป็นหลัก นำมานาบและปิ้งในหม้อดินเผาด้วยไฟอ่อน พลิกไปพลิกมาจนสุก เปี๊ยะนี้ใหญ่และหนาเป็นนิ้ว เนื้อแป้งแน่นๆ แข็งๆ สามารถเก็บได้นาน 10-15 วัน แต่แน่นอนว่ารสชาติมันไม่ค่อยน่าพิสมัยเพราะแห้งมาก เวลากินจึงนิยมป้ายน้ำจิ้มลงไปให้มันนุ่มและมีรสชาติมากขึ้น ซึ่งน้ำจิ้มที่ว่านี้โดยหลักก็จะเป็นพวกถั่วหมักเค็มซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นซีอิ๊วและเต้าเจี้ยว หรือหากมีน้ำแกงหรือน้ำเต้าหู้ก็แช่จนนิ่มกินก็จะมีรสชาติมากขึ้น ว่ากันว่าในสมัยฉิน ทหารได้รับการแจกจ่ายเปี๊ยะกัวคุยกันคนละสองแผ่น แผ่นหนึ่งหนาประมาณเกือบนิ้วหนักประมาณ 1-2 กิโลกรัม เวลาพกก็เจาะรูร้อยเชือกหนังแขวนพาดบ่าไว้ แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหน้า แผ่นหนึ่งอยู่ด้านหลัง เวลาโดนข้าศึกลอบยิงธนูใส่ยังสามารถใช้เป็นเกราะกำบัง! แต่เรื่องนี้ Storyฯ อ่านเจอก็ไม่แน่ใจว่าจริงเท็จประการใด เอาเป็นว่า ให้เห็นภาพว่ากัวคุยนั้นหนาและแข็งก็แล้วกันนะคะ ต่อมาในสมัยถังและซ่ง เสบียงที่ใช้พกพานั้นคือ ‘ซาวปิ่ง’ (烧饼) ในยุคนั้นมีทหารม้าจำนวนมาก การพกซาวปิ่งจึงกลายเป็นเสบียงหลักเพราะสะดวกต่อการเคลื่อนย้าย และมันเป็นอาหารที่ถูกปากเหล่าทหารไม่น้อย เพราะซาวปิ่งในสมัยนั้นเป็นอาหารที่นิยมแพร่หลายในหมู่ชน ทั้งเป็นอาหารหลักและของกินเล่น มันก็คือเปี๊ยะที่เอามาปิ้งหรือทอดที่เราเห็นบ่อยๆ ในซีรีส์ หน้าตาของซาวปิ่งมีส่วนคล้ายกัวคุยที่กล่าวถึงข้างต้น อ่านดูก็ไม่แน่ใจว่าต่างกันอย่างไร แต่เข้าใจว่าซาวปิ่งมีการปรุงแต่งมากกว่า เช่นเอาแป้งผสมเนื้อและต้นหอม ผสมเนยจามรี สุกแล้วกรอบนอกนุ่มใน เนื้อแป้งด้านในเป็นชั้นๆ (นึกภาพคล้ายเนื้อแป้งโรตี) ซึ่งแตกต่างจากกัวคุย (ดูรูปเปรียบเทียบในรูป 3) ปัจจุบันซาวปิ่งยังเป็นที่นิยมอยู่ในหลายพื้นที่ หน้าตาและส่วนผสมแตกต่างกันไปแล้วแต่พื้นที่ มีทั้งแบบใส่ไส้และไม่ใส่ไส้ ต่อมาในสมัยหมิงมีการพัฒนาเสบียงพกพาแบบใหม่ขึ้นอีกและเปลี่ยนมาใช้ข้าวขาวแทนข้าวฟ่าง เนื่องจากในยุคสมัยนี้ผลผลิตข้าวขาวสูงขึ้นมาก เกิดเป็นไอเดียเอาข้าวสุกตากแห้งพกเป็นเสบียง เวลาจะกินก็เติมน้ำอุ่นน้ำร้อนแช่ทิ้งไว้ กลายเป็นข้าวต้ม นับว่าเป็นอาหารจานด่วนโดยแท้ จะเรียกว่าเป็นต้นกำเนิดของโจ๊กและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้ไหมนะ? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://k.sina.cn/article_5113022164_130c286d4040011jeu.html?from=ent&subch=oent http://www.foodwifi.net/jkys/201710/72511.html https://k.sina.cn/article_5899149139_15f9ddf5300100eewv.html http://m.qulishi.com/article/202105/513111.html https://k.sina.cn/article_2277596227_87c15c43040013i62.html https://www.zhihu.com/tardis/zm/art/351540381?source_id=1003 https://www.sohu.com/a/239218972_155326 http://m.qulishi.com/article/202011/453756.html#:~:text=锅盔是一种烙,锅盔都同样好吃 https://zhuanlan.zhihu.com/p/566492773 https://www.toutiao.com/article/6967140332173656583/ https://k.sina.cn/article_5502315099_147f6aa5b00100k0jm.html https://www.sohu.com/a/710019104_121119015 https://www.meishichina.com/mofang/shaobing/ #สยบรักจอมเสเพล #เสบียงทหารโบราณ #ข้าวฟ่าง #แป้งปิ้ง
    0 Comments 0 Shares 1040 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น

    วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ

    ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม.

    ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“

    ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ
    .
    .
    .
    หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน

    ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด

    โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ

    ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน

    กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก

    อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก

    ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้

    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ

    อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้

    แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้

    อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว
    .
    .
    .
    ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า

    ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา

    คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด

    และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86

    สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่
    .
    .
    .
    ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ

    ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น

    เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น

    เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย
    .
    .
    .
    ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ

    แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา

    จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“ ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ . . . หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้ อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว . . . ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86 สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่ . . . ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย . . . ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 584 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์

    ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ

    นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้

    ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว

    ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่

    ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน

    ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์

    ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ

    ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น
    .
    .
    .
    ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง

    โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป

    แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

    นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ

    ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด

    ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง
    .
    .
    .
    ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ

    เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น

    และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน?

    คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท

    ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้ ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่ ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์ ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น . . . ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?” คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง . . . ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน? คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…. นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 994 Views 0 Reviews
  • เอามาเล่าสู่กันฟังต่อ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีที่ดินแล้วอยากปลูกต้นไม้....อย่างที่เคยบอกว่าการปลูกต้นไม้คือการลงทุน แปลงนี้เจ้าของลงไม้ป่าและผลไม้ แล้วเจอปัญหาวัวเข้ามาเหยียบย่ำ หาผู้รับผิดชอบมิได้ สุดท้ายก็ต้องเข้าตำราที่ว่า "จบที่เราเจ็บน้อยที่สุด"....เจ้าของให้ lit nit สั่งเครื่องช็อตวัวแบบใช้พลังงานโซล่าเซลล์มาล้อมพื้นที่แปลงตัวเอง เบ็ดเสร็จทั้งค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้ง อยู่ที่ราว ๆ สามพันบาท ล่าสุดไม่เห็นวัวเข้ามาในแปลงอีกเลย ก็น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมแล้วล่ะมั้ง #หากใครคิดปลูกต้นไม้ก็เผื่อใจกับเรื่องนี้ไว้บ้าง^^
    เอามาเล่าสู่กันฟังต่อ เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีที่ดินแล้วอยากปลูกต้นไม้....อย่างที่เคยบอกว่าการปลูกต้นไม้คือการลงทุน แปลงนี้เจ้าของลงไม้ป่าและผลไม้ แล้วเจอปัญหาวัวเข้ามาเหยียบย่ำ หาผู้รับผิดชอบมิได้ สุดท้ายก็ต้องเข้าตำราที่ว่า "จบที่เราเจ็บน้อยที่สุด"....เจ้าของให้ lit nit สั่งเครื่องช็อตวัวแบบใช้พลังงานโซล่าเซลล์มาล้อมพื้นที่แปลงตัวเอง เบ็ดเสร็จทั้งค่าอุปกรณ์และค่าติดตั้ง อยู่ที่ราว ๆ สามพันบาท ล่าสุดไม่เห็นวัวเข้ามาในแปลงอีกเลย ก็น่าจะเป็นการแก้ปัญหาที่เหมาะสมแล้วล่ะมั้ง #หากใครคิดปลูกต้นไม้ก็เผื่อใจกับเรื่องนี้ไว้บ้าง^^
    0 Comments 0 Shares 425 Views 0 Reviews
  • สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原)

    เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ

    ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้

    เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น

    เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ

    อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่

    ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่

    กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง

    บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต

    Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29
    https://www.sohu.com/a/390828068_120445432
    https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html
    https://www.shicile.com/detail/6070192050078
    https://www.sohu.com/a/680570874_121124391

    #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    สวัสดีค่ะ วันนี้มาคุยกันเกี่ยวกับเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ซึ่งมีชื่อภาษาจีนคือ ‘เล่อโหยวหยวน’ (乐游原) เล่อโหยวหยวน (แปลตรงตัวว่า สุข+ทัศนาจร+ดินแดน/ทุ่ง) จริงแล้วมีมาแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก แต่เดิมชื่อว่า ‘เล่อโหยวย่วน’ (乐游苑 / สุข+ทัศนาจร+สวน/อุทยาน) เป็นสถานที่เสด็จประพาสต้นที่ชื่นชอบขององค์ฮั่นเซวียนตี้ (ปี 51-48 ก่อนคริสตกาล) และฮองเฮาสวี่ ต่อมาฮั่นเซวียนตี้ทรงโปรดให้ฝังฮองเฮาสวี่ที่นั่น ครั้นกาลเวลาผ่านไปอักษรท้ายถูกเรียกเพี้ยนจาก ‘ย่วน’ เป็น ‘หยวน’ จนกลายมาเป็นชื่อของอุทยานเล่อโหยวหยวนตราบจนปัจจุบัน และบางครั้งถูกใช้เป็นคำกริยาที่บรรยายถึงการท่องเที่ยวอย่างเบิกบานใจ ในตอนต้นๆ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> มีฉากหนึ่งที่พระเอกนางเอกนั่งเรือชมดาวในเทศกาลชีซี (ปัจจุบันเรามักเรียกเป็นวันวาเลนไทน์จีน) พระเอกเล่าถึงว่า ตอนเด็กตนเองอยู่แต่ในเมืองหลวง มักขี่ม้าขึ้นไปเที่ยวเล่อโหยวหยวน ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง มีภูมิประเทศสูง มองลงมาเห็นทั้งเมืองหลวงได้ เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> นี้เล่าถึงรัชสมัยสมมุติ แต่ฉากหลังนั้นใกล้เคียงกับสมัยถังตอนปลาย และเล่อโหยวหยวนนี้เป็นสถานที่ฮอตฮิตในสมัยถังสำหรับการท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญของเหล่ากวี มีบทกวีไม่น้อยที่ประพันธ์ขึ้นเพื่อบรรยายถึงความงดงามของทัศนียภาพบนนั้น เล่อโหยวหยวนเป็นอุทยานบนเขาตั้งอยู่บริเวณด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของนครฉางอัน ซึ่งปัจจุบันก็คือเมืองซีอาน (คือจุดที่วงสีเขียวไว้ในภาพประกอบ) รูปแผนที่ที่แปะมาให้ดูอาจจะละลานตาสักนิด เพราะเป็นแผนที่ภูมิประเทศที่มีระบุเส้นชั้นความสูง เพื่อให้เห็นว่าบริเวณนั้นของนครฉางอันเป็นเนินเขา ที่นี่เป็นจุดที่สูงที่สุดของนครฉางอัน มองลงมาสามารถมองเห็นทั่วนครฉางอันได้ ในสมัยราชวงศ์สุยมีการสร้างวัดขึ้นที่นี่ชื่อวัดหลินก่าน ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นวัดชิงหลง ปัจจุบันนับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวดังของเมืองซีอัน และเป็นวัดที่ถูกกล่าวถึงบ่อยในละครจีนโบราณ อนึ่ง เล่อโหยวหยวนเคยถูกกล่าวถึงในเรื่อง <ฉางอันสิบสองชั่วยาม> แต่ Storyฯ จำเรื่องราวไม่ได้แล้ว เพื่อนเพจท่านใดจำได้มาเม้นท์บอกกันหน่อยว่าในเรื่องนี้มีเล่ารายละเอียดอะไรเกี่ยวกับเล่อโหยวหยวนหรือไม่ ในฉากเดียวกันของเรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ที่กล่าวถึงนี้ นางเอกได้ยินพระเอกเล่าเรื่องเล่อโหยวหยวนก็เกิดแรงบันดาลใจ ร่ายกลอนออกมาบทหนึ่ง มีใจความว่า บนเขาเล่อโหยวหยวนมีลมตะวันตกพัดผ่าน มีธรรมชาติงดงามทั้งหมู่ไม้เสียงจักจั่นและแสงรุ้ง องค์สุริยเทพทรงขี่รถม้าไปเรื่อยๆ ไม่ยอมให้ตะวันตกดินและไม่ยอมให้ตะวันหันกลับไปทางทิศตะวันออก บทกวีนี้บรรยายความงามของวิวบนเล่อโหยวหยวนประหนึ่งว่าความงามนั้นสามารถสะกดให้เวลาหยุดอยู่กับที่ กลอนบทนี้มีชื่อว่า ‘เล่อโหยวหยวน’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับชื่อภาษาจีนของซีรีส์เรื่องนี้ เป็นกลอนเจ็ด (กล่าวคือมีเจ็ดอักษรในหนึ่งวรรค) มีทั้งหมดสี่วรรค มันเป็นผลงานของหลี่ซังอิ่น (ปีค.ศ. 813-858) หนึ่งในกวีที่เลื่องชื่อของสมัยถังตอนปลาย มีผลงานที่สืบทอดมาจวบจนปัจจุบันกว่า 600 บทกวี เขาเข้ารับราชการเมื่ออายุยี่สิบห้า ต่อมาสังกัดเจี๋ยตู้สื่อหวางเม่าหยวน และได้รับการโปรดปรานจากหวางเม่าหยวนถึงขนาดยกลูกสาวให้ จึงถูกลากเข้าไปพัวพันกับการแย่งชิงอำนาจทางการเมือง บทกวีนี้มักถูกเข้าใจสลับกับบทกวีอีกบทที่โด่งดังมากกว่าของเขา มีชื่อว่า ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ (登乐游原 / ขึ้นเขาเล่อโหยวหยวน) ซึ่งต่อมาถูกเรียกเป็น ‘เล่อโหยวหยวน’ เช่นกัน โดย ‘เติงเล่อโหยวหยวน’ เป็นกลอนห้า (อักษรห้าตัวในหนึ่งวรรค) มีสี่วรรคเช่นกัน กลอนบทนี้บรรยายถึงความงามของอาทิตย์อัสดงบนเล่อโหยวหยวนและพรรณนาความเสียดายที่ไม่อาจหยุดยั้งแสงอาทิตย์ไว้ได้ ถูกตีความกันต่อมาว่าความนัยแฝงคือความอาลัยและความอาดูรในสถานการณ์ของราชวงศ์ถังที่เสื่อมอำนาจลง โดยมีวรรคที่ฮอตฮิตคือ ‘ตะวันยอแสงงามไร้ขอบเขต แต่เสียดายใกล้อาทิตย์อัสดง’ (夕阳无限好,只是近黄昏 / ซีหยางอู๋เซี่ยนห่าว จื่อซื่อจิ้นหวงฮุน) เป็นการเปรียบเปรยถึงความไม่จีรังของชีวิต Storyฯ ยังดูซีรีส์เรื่อง <พสุธารักเคียงใจ> ไม่จบ ไม่อาจกล่าวได้ว่ากลอนบทใดข้างต้น (หรือทั้งสองบท) มีความสัมพันธ์กับเนื้อเรื่องมากน้อยเพียงใด เพื่อนเพจท่านใดที่ดูจบแล้วมีความเห็นความรู้สึกอย่างใดก็เชิญมาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.dianyingbaodian.com/wiki/乐游原_%282023%29 https://www.sohu.com/a/390828068_120445432 https://www.sgss8.net/tpdq/21096094/2.htm Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://shici.yw11.com/shici_fanyi_2987_250.html https://www.shicile.com/detail/6070192050078 https://www.sohu.com/a/680570874_121124391 #พสุธารักเคียงใจ #ทุ่งเล่อโหยว #เล่อโหยวหยวน #กวีถัง #หลีซังอิ่น #วัดชิงหลง #นครฉางอัน #ซีอัน
    0 Comments 0 Shares 1194 Views 0 Reviews
  • 19-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.15 ตอน "HIGH EDUCATION IT'S NOT MEAN A GOOD GUY" อั๊ยยะ! เริ่มเรื่องเบาๆ ก่อน อีมนุษย์ป้าอดีตแอร์โฮส-สะ-เต็ด ผีบ้าเข้า เอือมทั้งหมู่บ้าน ละลานไปทั่ว ชาวบ้านถาม ทั้งหมู่บ้านลงขัน กระทืบอีป้าตาย มรึงจะว่ายังไง? เช้าจรดเย็น วุ่นวายกับอีมนุษย์ป้ามหาภัย หาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว ผัวไม่มี ผัวไม่เอา แจ้งความเป็น 100 ตำหนวดยังมึน ไร้ปัญญา งานนี้ ต้องใช้ศาลบังคับ ไม่ทำ ไปนอนคุกซะน่ะ ดีออก? ทำไม เรื่องไม่ดี เรื่องเหี้ยๆ เรื่องอัปรีย์จัญไร ปาหี่ เรื่องขี้หมา ล้วนมาจาก "มนุษย์ป้า" ใครกำหนดฟ่ะ? "โรคปราสาทแดร๊ก" ไม่มีใครว่า หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวมรึงก็โดนเอาเหล้ายัดใส่ปาก ตามไปหาอีแบงค์ แมนยูแม่งซะเลย? กฎหมายไม่ครอบคุม "คนบร๊าจ๊ะ" แบบนี้ บร๊ามา บร๊ากลับ ไม่มีโกง สรุปยังไงก็บร๊า?

    มรึงจะรายงานทำไม? รัสเซียรุกคืบยึดดินแดนเพิ่ม มันแปลกตรงไหน ยูเครนมันตกเป็นของรัสเซียไปนานแล้ว ตั้งแต่ระเบิดลูกแรกลง? เค้าแค่เล่นเกมส์ปาหี่กันอยู่ ลากขี้ข้าเหี้ยเข้ามาตายห่าหมู่ "กับดักทั้งนั้น" ขนาดอีเสี้ยนยายังหมดปัญญาแล้ว NATO ถอยกันหมด ไม่ให้เข้า แถมยังไม่ช่วยเหลืออีก เพราะ "หมดตูดกันหมด" ใครจะช่วย เพราะตอนนี้ อี NATO กำลังจะถูกล่อซะเอง อีไก่งวงไล่ตีเหี้ยแถวซีเรีย อี NATO ยังม่กล้าเสือกเลย เพราะอีแอร์โดกันมันคลั่ง จะแก้แค้น ไม่ให้กูเข้า EU ชิมิ เดี๋ยวกูยึดซีเรียเสร็จ ลาออก NATO เข้า BRICS เต็มตัว ตากูเอาคืนบ้างล่ะ? ประเด็นคือ "โอเรชนิค" ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค พลิกเกมส์ ไม่ใช่แค่มาใช้ในยูเครน แต่มันเตรียมมาใช้กับทั้งทวีปยุโรป ต่างหากล่ะ "อีโปลตอแหล" ถึงได้เข้าหาจีน ตีเนียนขอเป็นพวก ทิ้งอียิวทันที อ้าว..ไหงเป็นงั้น อีโปลก็คือชุมชนยิวใหญ่มิใช่เหรอ มรึงไม่สู้เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์ล่ะ คำตอบคือ ยิวมีหลากหลายกลุ่ม และกลุ่มที่กลัวตายมากที่สุดคือ "พลเมืองยิวในอีโปลนั่นแหละ" เพราะภาพมันติดตา เคยถูกเกณฑ์ไปเผาทิ้งทั้งเป็นในสมัย WWII ยังขยาดอยู่ทุกวันนี้

    กูว่าแล้ว วิญญาน "ผีอีโม" มีจริง และแรงอาฆาต สุดจัดปลัดบอก ทะลุนรกกันไปเลย โจทย์ใหม่ GPS ที่อ.ปานเทพเอามาแฉยับ แถไม่ออก พิกัดเวลาตรงเป๊ะ กับภาพในมือถือโม ชี้ชัด แก้ไขเวลา และลบภาพ ข้อมูลทิ้ง หลังเวลาไหน? เหี้ยจัญไร ฆาตกร ไอ้อีสมรู้ร่วมคิด นั่งไม่ติด ติดกันหย่าย ยิ่งดิ้น แผลยิ่งเปิด ช่องโหว่มาเพี๊ยบ แม้แต่อีอัยกวยสูงไม่สุด ยังหยุดกระแส "เลิกตอแหลได้มั้ย ข้าราชการไตย" ใครอุ้มมีแหก ใครจ่าย มีแฉ? มันส์ละมรึง! สื่อกำลังจะเจ๊ง เพราะทำเหี้ยมานาน ตอแหล บิดเบือน ช่วยเหี้ยมาเยอะ แต่ตอนนี้ ต่างต้องเอาตัวรอดก่อน โทษน่ะนาย ไล่งับข่าว "ผีอีโม" ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มเรตติ้ง เรียกสปอนเซอร์เข้า สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร เมื่อคดี "ผีอีโม" กลับมาเกิดใหม่ เร็ว แรง ทะลุนรก ชั้น 14 ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สว.ชงเรื่อง ฆ่าหมดทั้งกระดานเหี้ยที่อุ้ม ชั้นในชงทูลเท็จ ถอนพระราชทานอภัยลดโทษ ผลคือ ทุกอย่างต้องกลับมาเริ่มต้นเป็น 0 ติดคุกตามจริง ไม่นับรพ. และไม่มีลดหย่อนโทษ บีบให้มรึงเผ่นออกไปซะ หรือไม่ ก็เก็บแม่งในคุกซะเลย? ตัวละครใหม่กำลังจะโผล่ พยานชั้น 14 เสรีการละคร เล่นแร่ แปรวิญญาน เอาจนเหี้ยอีเหลี่ยมชาติหมาหัวหมุนติ้ว! เรื่อง MOU44 นั่นคือหน้าฉาก หลังฉากคือ "แผนผนวกเขมรเบื้องหน้า" อ้าง..ไหง หนังคนละม้วน ตอนแรก มันจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย มาตอนนี้ กลับจะกลายถึงไทยกลืนแทนซะงั้น? แปลว่าอะไร? โปรดดู ยุคเหี้ยครองโลก ไทยเสียเขาพระวิหาร เพราะอีเศษฝรั่ง อีเหี้ยมะกัน สั่งอีขะแมร์เข้ามาเสี้ยมอาเซียน แต่หลังจากนี้ ขั้วใหม่ครองโลก อะไรที่เสียไป หรือถูกเอาเปรียบ จะถุกรื้อคืนหมด เพราะไม่มีเหี้ยไอ้อีหน้าไหนมาแบ็คอัพอีขะแมร์อีกแล้ว แม้แต่จีน ยังเทไอ้พญาละแวก สันดานหมา กลิ้งกลอกไม่เลิก ทหารเค้าถึงได้นิ่ง รออีวอชิงตันตายคาตรีนรัสเซีย จีน ก่อน ไม่ต้องรีบ ยังไงก็ได้คืน กองทัพไทยใหญ่กว่าอีขะแมร์เยอะ แถวบ้านเรียก "ขี้ตรีน" เป็นเบ๊ทหารไทยมากว่าศตวรรษ คุณค่าที่คู่ควร

    อีนพดวย ซวยแล้วมรึง? ใครเป็นรมต.บัวแก้วเซ็นต์อนุมัติ สัญญาขายชาติ? ใครคือเด็กที่กินเงินหลวงไปเรียนต่อต่างประเทศ ใช้ทุนหลวงเพื่อมาเนรคุณพ่อท่าน ไอ้อีสัดเดรัจฉานชิงหมามาเกิด มรึงโดนแน่! MOU44 จะลากไอ้อีทุกตัวที่มีส่วนวางแผนขายแผ่นดินแดร๊กกับอีขะแมร์ งานนี้ไม่ได้ตายเดี่ยวนะจ๊ะ แต่ตายห่ายกครัวเรือน ย้อนเกล็ด ใครเปิดช่องให้อีพญาละแวกเข้าตีอโยธยาในเวทีโลก? "หนักแผ่นดิน" โทษรุนแรงมากน่ะ งานนี้ ถึงมือกองทัพแน่ เหี้ยอีวอชิงตันโลภ สั่งขี้ข้าหางแถวเหี้ยส่องหล้า จะเอาทั้งคลัง จะเอาทั้งแผ่นดิน สุดท้าย "แห้วแดร๊ก" ได้แต่ "ประชาตรีน" เค้าล็อคตัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว เฉกเช่น อีตุ๊ดปากกว้าง ต้องกลับมาเตรียมรับกรรมต่อไป ไม่รู้ตัวว่า ถูกหลอกกลับมา เพราะอยู่ต่างแดน ไม่มีที่ไป เค้าเทมันหมดแล้ว ทุกการกระทำ ทุกเวรกรรมที่ก่อ ไม่มีหายไปไหน ย่อมต้องชดใช้ทุกดอก การันตี ไม่ช้าดอกน่ะ โดนกันหมดถ้วนหน้า เพราะวังสั่งตรง กวาดขยะให้สิ้นแผ่นดินไทย

    ปล.ความจริง มันย้อนแย้งกับสื่อเหี้ยเสมอ มรึงสังเกตุมุยว่า? ขั้วใหม่ ทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ดาหน้าส่งอาวุธใหม่มาอวดโฉมไม่เว้นวัน แล้วเหี้ยล่ะ? เงียบกริบ ยังใช้ F-22/F-35 มาขู่อยู่นั้น ในเชิงการศึก มันคือ "หมดแล้ว" ขี้ข้าก็รู้ โลกยังรู้ แต่ควายแกล้งไม่รู้ อีทรัมปป์มาก็ไม่กล้าเปิดกับจีน รัสเซีย โดยตรงดอก ด้วยกมลสันดานอีทรัมปป์แล้ว ถนัดส่งขี้ข้าไปตายห่ามากกว่า แต่เบื้องหลังคุยเครมลินสายไหม้ กูถอย แต่มรึงต้องเก็บกวาด DEEP STATE ให้กูด้วย เมื่ออำนาจยิวหมดไป อเมริกาสั่งถอนกำลังทั่วโลกกลับ ไม่ใช่เพราะอะไรดอกน่ะ "ไม่มีเงินจ่าย" รู้มั้ยว่า มันกำลังจะ SHUT DOWN อีกรอบแล้ว นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ได้เงินเดือนค้างจ่าย ตกเบิกเป็นปี มันถึงต้องปิดประเทศ แก้เศรษฐกิจภายในก่อนไงล่ะ? สีจิ้นผิงรู้ ถึงได้เร่งปิดจ็อบไต้หวัน ถึงได้ขยายพื้นที่ทะเลจีนใต้ ขยายแนวรบทั่วแปซิฟิค เพราะเหี้ยมันไม่มีปัญญาสู้จีนได้แล้ว หมายังรู้ แต่ดร.ยังโง่กว่าควายแถวบ้านกูอีก การเงินโลกชะงักหลังปีใหม่แน่ เพราะ BRICS เดินเครื่องเต็มกำลัง สมาชิกใหม่ แห่ถอน SWIFT ใช้หยวน ใช้รูเบิล ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทน ทวิภาคีระบาดไปทั่วโลกแล้ว แม้แต่อโยธยา ที่เล่นแร่แปรวิญญานมานาน ยังต้องเลือกข้าง อาเซียนยิ่งชัด ของใคร? ขนาดอีแขกภาระตะ ยังต้องหมอบ ก่อนหน้ากร่างสุดฤทธิ์ เจอจีนตบหน้าคว่ำ เจอรัสเซียตอกหน้าหงาย จะเล่นปาหี่ก็เล่นไป แต่อย่าแตะ สกุลเงิน BRICS เตือนแล้วไม่ฟัง หมาไปเลยมรึง?

    ปล.2 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาได้ยังไง? คำตอบคือ "ยุบสภา" รอรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยมันถูกเช็คบิลก่อน เงิน 10000 ดิจิตอล รอบ 3 คือ "ปิดฝาโลง" คลังไม่ปล่อย รอเชือด แค่มรึงเดินหน้าให้สุดซอย ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรรมทันที กระตุ้นเศรษฐกิจจริงคือ ไม่ใช้ให้เงินเปล่า มรึงต้องสร้างงาน สร้างคน สร้างการใช้จ่าย คนไม่กล้าใช้ เพราะไม่มั่นใจ กระตุ้นที่ดี คือใช้ปัญญา ต่อยอด ให้เครื่องมือหากิน ไม่ใช้ใช้เงินไปตำน้ำพริก หมายังรู้ แต่ที่มันต้องทำ เพราะต้องการบั่นทอนเศรษฐกิจไทย ควายดีใจได้ตังค์ แต่หารู้ไม่ มันจ้องทุบคลังให้แตก แยกแผ่นดินให้ได้ ศาลไคฟงเค้ารู้หมด มรึงจะมาไม้ไหน? ที่ศาลรธน.ยังไม่ลงดาบ เพราะมีคดีที่ใหญ่กว่า เอาถึงลากโคตรท่อน้ำเลี้ยงอีเหลี่ยม และเหี้ย C ได้หมดจรด ฆ่าเหี้ยไม่ยาก แต่จะฆ่ายังไง ไม่ให้มันเป็น HERO ในสายตาควายไทยบัดซบ นี่คือ "คีย์" ต้องพ่วงตราบาป "หนักแผ่นดิน" ให้ควายตื่น เกมส์เค้ามี หมากเค้าเดิน ไม่ซี้ซั้ว กลศึกใช้เวลา ไม่มีใครทิ้งไพ่ตายตอนได้เปรียบดอกน่ะ ไม่มีใครทำอะไรอีเหลี่ยมได้? จริงเหรอ? มรึงดูดีแล้วรึ? มรึงเห็นแค่นี้เองเหรอ? หากดูเป็น คนใกล้ตัวมันไปหมดแล้ว หักหลัง ขายนาย แฉแหลก นี่คือสัญญาน "งูอสรพิษ" ทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายนอกสภา เกมส์ลงถนนมีแน่ จะมาตอน "ได้รับชัยชนะแล้ว" เค้าไม่ให้ชาวอโยธยาไปเสี่ยงดอก หากไม่ชนะ ที่ผ่านมา แก้ไม่เสร็จ ไปไม่สุด เพราะยังต้องเลี้ยงเชื้อเอาไว้ ตราบใดเบื้องหลังเหี้ยจัวจริงยังไม่ทุ่มสุดตัว วังก็ไม่ต้องเสี่ยง ลุยสุดแรงเกิดเช่นกัน เค้าจ้องตากันอยู่ มรึงเขยิบ กูขยับ สุดท้ายจบที่ "ฉีกรัฐธรรมนูญ" ไม่ฉีก สร้างกฎเหล็กใหม่ไม่ได้ พ่อปกครองลูกมาไม่ได้

    หมี CNN(พรุ่งนี้แล้วสิน่ะ วันสิ้นปี เตรียมรอดู บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 67 กูจะสรุปภาพรวมทั้งปีให้มรึงเห็น TIME LINE ชัดเจน ว่าเรามาไกลถึงขนาดไหนแล้ว ทั้งฝ่ายขั้วโลกใหม่ และอโยธยาศรีรามเทพนคร 2025 เหี้ยแพ้ยับยังไง เหี้ยเสียอะไรไปเยอะมาก แสงทำงานเร็วทะลุนรก ขี้ข้าหนีตาย นายใหญ่หาบันไดลง ชื่อตอน "บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 2567" รีบอ่านซะ มันลบกูแน่ เดี๋ยวนี้ เหี้ยดิ้นพล่าน ทั้งอี FB อี LINE@ ไล่ลบวันต่อวัน กูบอกแล้วชิมิ หากฉลาด ไปตามอ่านใน VK และ MIND เหี้ยมันเข้าไม่ได้)
    30 ธันวาคม 67(ก่อนวันสิ้นปี หงส์ยังคงหนาวเหน็บไปจนจบฤดูกาล)
    10.45 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    19-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.15 ตอน "HIGH EDUCATION IT'S NOT MEAN A GOOD GUY" อั๊ยยะ! เริ่มเรื่องเบาๆ ก่อน อีมนุษย์ป้าอดีตแอร์โฮส-สะ-เต็ด ผีบ้าเข้า เอือมทั้งหมู่บ้าน ละลานไปทั่ว ชาวบ้านถาม ทั้งหมู่บ้านลงขัน กระทืบอีป้าตาย มรึงจะว่ายังไง? เช้าจรดเย็น วุ่นวายกับอีมนุษย์ป้ามหาภัย หาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว ผัวไม่มี ผัวไม่เอา แจ้งความเป็น 100 ตำหนวดยังมึน ไร้ปัญญา งานนี้ ต้องใช้ศาลบังคับ ไม่ทำ ไปนอนคุกซะน่ะ ดีออก? ทำไม เรื่องไม่ดี เรื่องเหี้ยๆ เรื่องอัปรีย์จัญไร ปาหี่ เรื่องขี้หมา ล้วนมาจาก "มนุษย์ป้า" ใครกำหนดฟ่ะ? "โรคปราสาทแดร๊ก" ไม่มีใครว่า หากไม่ทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน เรียกร้องความสนใจเหรอจ๊ะ? เดี๋ยวมรึงก็โดนเอาเหล้ายัดใส่ปาก ตามไปหาอีแบงค์ แมนยูแม่งซะเลย? กฎหมายไม่ครอบคุม "คนบร๊าจ๊ะ" แบบนี้ บร๊ามา บร๊ากลับ ไม่มีโกง สรุปยังไงก็บร๊า? มรึงจะรายงานทำไม? รัสเซียรุกคืบยึดดินแดนเพิ่ม มันแปลกตรงไหน ยูเครนมันตกเป็นของรัสเซียไปนานแล้ว ตั้งแต่ระเบิดลูกแรกลง? เค้าแค่เล่นเกมส์ปาหี่กันอยู่ ลากขี้ข้าเหี้ยเข้ามาตายห่าหมู่ "กับดักทั้งนั้น" ขนาดอีเสี้ยนยายังหมดปัญญาแล้ว NATO ถอยกันหมด ไม่ให้เข้า แถมยังไม่ช่วยเหลืออีก เพราะ "หมดตูดกันหมด" ใครจะช่วย เพราะตอนนี้ อี NATO กำลังจะถูกล่อซะเอง อีไก่งวงไล่ตีเหี้ยแถวซีเรีย อี NATO ยังม่กล้าเสือกเลย เพราะอีแอร์โดกันมันคลั่ง จะแก้แค้น ไม่ให้กูเข้า EU ชิมิ เดี๋ยวกูยึดซีเรียเสร็จ ลาออก NATO เข้า BRICS เต็มตัว ตากูเอาคืนบ้างล่ะ? ประเด็นคือ "โอเรชนิค" ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค พลิกเกมส์ ไม่ใช่แค่มาใช้ในยูเครน แต่มันเตรียมมาใช้กับทั้งทวีปยุโรป ต่างหากล่ะ "อีโปลตอแหล" ถึงได้เข้าหาจีน ตีเนียนขอเป็นพวก ทิ้งอียิวทันที อ้าว..ไหงเป็นงั้น อีโปลก็คือชุมชนยิวใหญ่มิใช่เหรอ มรึงไม่สู้เพื่อยิวเหี้ยไซออนนิสต์ล่ะ คำตอบคือ ยิวมีหลากหลายกลุ่ม และกลุ่มที่กลัวตายมากที่สุดคือ "พลเมืองยิวในอีโปลนั่นแหละ" เพราะภาพมันติดตา เคยถูกเกณฑ์ไปเผาทิ้งทั้งเป็นในสมัย WWII ยังขยาดอยู่ทุกวันนี้ กูว่าแล้ว วิญญาน "ผีอีโม" มีจริง และแรงอาฆาต สุดจัดปลัดบอก ทะลุนรกกันไปเลย โจทย์ใหม่ GPS ที่อ.ปานเทพเอามาแฉยับ แถไม่ออก พิกัดเวลาตรงเป๊ะ กับภาพในมือถือโม ชี้ชัด แก้ไขเวลา และลบภาพ ข้อมูลทิ้ง หลังเวลาไหน? เหี้ยจัญไร ฆาตกร ไอ้อีสมรู้ร่วมคิด นั่งไม่ติด ติดกันหย่าย ยิ่งดิ้น แผลยิ่งเปิด ช่องโหว่มาเพี๊ยบ แม้แต่อีอัยกวยสูงไม่สุด ยังหยุดกระแส "เลิกตอแหลได้มั้ย ข้าราชการไตย" ใครอุ้มมีแหก ใครจ่าย มีแฉ? มันส์ละมรึง! สื่อกำลังจะเจ๊ง เพราะทำเหี้ยมานาน ตอแหล บิดเบือน ช่วยเหี้ยมาเยอะ แต่ตอนนี้ ต่างต้องเอาตัวรอดก่อน โทษน่ะนาย ไล่งับข่าว "ผีอีโม" ทั่วราชอาณาจักร เพื่อเพิ่มเรตติ้ง เรียกสปอนเซอร์เข้า สัจจะ ไม่มีในหมู่โจร เมื่อคดี "ผีอีโม" กลับมาเกิดใหม่ เร็ว แรง ทะลุนรก ชั้น 14 ก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน สว.ชงเรื่อง ฆ่าหมดทั้งกระดานเหี้ยที่อุ้ม ชั้นในชงทูลเท็จ ถอนพระราชทานอภัยลดโทษ ผลคือ ทุกอย่างต้องกลับมาเริ่มต้นเป็น 0 ติดคุกตามจริง ไม่นับรพ. และไม่มีลดหย่อนโทษ บีบให้มรึงเผ่นออกไปซะ หรือไม่ ก็เก็บแม่งในคุกซะเลย? ตัวละครใหม่กำลังจะโผล่ พยานชั้น 14 เสรีการละคร เล่นแร่ แปรวิญญาน เอาจนเหี้ยอีเหลี่ยมชาติหมาหัวหมุนติ้ว! เรื่อง MOU44 นั่นคือหน้าฉาก หลังฉากคือ "แผนผนวกเขมรเบื้องหน้า" อ้าง..ไหง หนังคนละม้วน ตอนแรก มันจะเข้ามายึดแผ่นดินไทย มาตอนนี้ กลับจะกลายถึงไทยกลืนแทนซะงั้น? แปลว่าอะไร? โปรดดู ยุคเหี้ยครองโลก ไทยเสียเขาพระวิหาร เพราะอีเศษฝรั่ง อีเหี้ยมะกัน สั่งอีขะแมร์เข้ามาเสี้ยมอาเซียน แต่หลังจากนี้ ขั้วใหม่ครองโลก อะไรที่เสียไป หรือถูกเอาเปรียบ จะถุกรื้อคืนหมด เพราะไม่มีเหี้ยไอ้อีหน้าไหนมาแบ็คอัพอีขะแมร์อีกแล้ว แม้แต่จีน ยังเทไอ้พญาละแวก สันดานหมา กลิ้งกลอกไม่เลิก ทหารเค้าถึงได้นิ่ง รออีวอชิงตันตายคาตรีนรัสเซีย จีน ก่อน ไม่ต้องรีบ ยังไงก็ได้คืน กองทัพไทยใหญ่กว่าอีขะแมร์เยอะ แถวบ้านเรียก "ขี้ตรีน" เป็นเบ๊ทหารไทยมากว่าศตวรรษ คุณค่าที่คู่ควร อีนพดวย ซวยแล้วมรึง? ใครเป็นรมต.บัวแก้วเซ็นต์อนุมัติ สัญญาขายชาติ? ใครคือเด็กที่กินเงินหลวงไปเรียนต่อต่างประเทศ ใช้ทุนหลวงเพื่อมาเนรคุณพ่อท่าน ไอ้อีสัดเดรัจฉานชิงหมามาเกิด มรึงโดนแน่! MOU44 จะลากไอ้อีทุกตัวที่มีส่วนวางแผนขายแผ่นดินแดร๊กกับอีขะแมร์ งานนี้ไม่ได้ตายเดี่ยวนะจ๊ะ แต่ตายห่ายกครัวเรือน ย้อนเกล็ด ใครเปิดช่องให้อีพญาละแวกเข้าตีอโยธยาในเวทีโลก? "หนักแผ่นดิน" โทษรุนแรงมากน่ะ งานนี้ ถึงมือกองทัพแน่ เหี้ยอีวอชิงตันโลภ สั่งขี้ข้าหางแถวเหี้ยส่องหล้า จะเอาทั้งคลัง จะเอาทั้งแผ่นดิน สุดท้าย "แห้วแดร๊ก" ได้แต่ "ประชาตรีน" เค้าล็อคตัวพวกมรึงไว้หมดแล้ว เฉกเช่น อีตุ๊ดปากกว้าง ต้องกลับมาเตรียมรับกรรมต่อไป ไม่รู้ตัวว่า ถูกหลอกกลับมา เพราะอยู่ต่างแดน ไม่มีที่ไป เค้าเทมันหมดแล้ว ทุกการกระทำ ทุกเวรกรรมที่ก่อ ไม่มีหายไปไหน ย่อมต้องชดใช้ทุกดอก การันตี ไม่ช้าดอกน่ะ โดนกันหมดถ้วนหน้า เพราะวังสั่งตรง กวาดขยะให้สิ้นแผ่นดินไทย ปล.ความจริง มันย้อนแย้งกับสื่อเหี้ยเสมอ มรึงสังเกตุมุยว่า? ขั้วใหม่ ทั้งจีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ดาหน้าส่งอาวุธใหม่มาอวดโฉมไม่เว้นวัน แล้วเหี้ยล่ะ? เงียบกริบ ยังใช้ F-22/F-35 มาขู่อยู่นั้น ในเชิงการศึก มันคือ "หมดแล้ว" ขี้ข้าก็รู้ โลกยังรู้ แต่ควายแกล้งไม่รู้ อีทรัมปป์มาก็ไม่กล้าเปิดกับจีน รัสเซีย โดยตรงดอก ด้วยกมลสันดานอีทรัมปป์แล้ว ถนัดส่งขี้ข้าไปตายห่ามากกว่า แต่เบื้องหลังคุยเครมลินสายไหม้ กูถอย แต่มรึงต้องเก็บกวาด DEEP STATE ให้กูด้วย เมื่ออำนาจยิวหมดไป อเมริกาสั่งถอนกำลังทั่วโลกกลับ ไม่ใช่เพราะอะไรดอกน่ะ "ไม่มีเงินจ่าย" รู้มั้ยว่า มันกำลังจะ SHUT DOWN อีกรอบแล้ว นี่ครั้งที่เท่าไหร่แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ได้เงินเดือนค้างจ่าย ตกเบิกเป็นปี มันถึงต้องปิดประเทศ แก้เศรษฐกิจภายในก่อนไงล่ะ? สีจิ้นผิงรู้ ถึงได้เร่งปิดจ็อบไต้หวัน ถึงได้ขยายพื้นที่ทะเลจีนใต้ ขยายแนวรบทั่วแปซิฟิค เพราะเหี้ยมันไม่มีปัญญาสู้จีนได้แล้ว หมายังรู้ แต่ดร.ยังโง่กว่าควายแถวบ้านกูอีก การเงินโลกชะงักหลังปีใหม่แน่ เพราะ BRICS เดินเครื่องเต็มกำลัง สมาชิกใหม่ แห่ถอน SWIFT ใช้หยวน ใช้รูเบิล ใช้เงินสกุลท้องถิ่นแทน ทวิภาคีระบาดไปทั่วโลกแล้ว แม้แต่อโยธยา ที่เล่นแร่แปรวิญญานมานาน ยังต้องเลือกข้าง อาเซียนยิ่งชัด ของใคร? ขนาดอีแขกภาระตะ ยังต้องหมอบ ก่อนหน้ากร่างสุดฤทธิ์ เจอจีนตบหน้าคว่ำ เจอรัสเซียตอกหน้าหงาย จะเล่นปาหี่ก็เล่นไป แต่อย่าแตะ สกุลเงิน BRICS เตือนแล้วไม่ฟัง หมาไปเลยมรึง? ปล.2 เศรษฐกิจไทยจะกลับมาได้ยังไง? คำตอบคือ "ยุบสภา" รอรัฐบาลขี้ข้ายิวเหี้ยมันถูกเช็คบิลก่อน เงิน 10000 ดิจิตอล รอบ 3 คือ "ปิดฝาโลง" คลังไม่ปล่อย รอเชือด แค่มรึงเดินหน้าให้สุดซอย ทุกอย่างจะเป็นไปตามกรรมทันที กระตุ้นเศรษฐกิจจริงคือ ไม่ใช้ให้เงินเปล่า มรึงต้องสร้างงาน สร้างคน สร้างการใช้จ่าย คนไม่กล้าใช้ เพราะไม่มั่นใจ กระตุ้นที่ดี คือใช้ปัญญา ต่อยอด ให้เครื่องมือหากิน ไม่ใช้ใช้เงินไปตำน้ำพริก หมายังรู้ แต่ที่มันต้องทำ เพราะต้องการบั่นทอนเศรษฐกิจไทย ควายดีใจได้ตังค์ แต่หารู้ไม่ มันจ้องทุบคลังให้แตก แยกแผ่นดินให้ได้ ศาลไคฟงเค้ารู้หมด มรึงจะมาไม้ไหน? ที่ศาลรธน.ยังไม่ลงดาบ เพราะมีคดีที่ใหญ่กว่า เอาถึงลากโคตรท่อน้ำเลี้ยงอีเหลี่ยม และเหี้ย C ได้หมดจรด ฆ่าเหี้ยไม่ยาก แต่จะฆ่ายังไง ไม่ให้มันเป็น HERO ในสายตาควายไทยบัดซบ นี่คือ "คีย์" ต้องพ่วงตราบาป "หนักแผ่นดิน" ให้ควายตื่น เกมส์เค้ามี หมากเค้าเดิน ไม่ซี้ซั้ว กลศึกใช้เวลา ไม่มีใครทิ้งไพ่ตายตอนได้เปรียบดอกน่ะ ไม่มีใครทำอะไรอีเหลี่ยมได้? จริงเหรอ? มรึงดูดีแล้วรึ? มรึงเห็นแค่นี้เองเหรอ? หากดูเป็น คนใกล้ตัวมันไปหมดแล้ว หักหลัง ขายนาย แฉแหลก นี่คือสัญญาน "งูอสรพิษ" ทั้งฝ่ายการเมือง และฝ่ายนอกสภา เกมส์ลงถนนมีแน่ จะมาตอน "ได้รับชัยชนะแล้ว" เค้าไม่ให้ชาวอโยธยาไปเสี่ยงดอก หากไม่ชนะ ที่ผ่านมา แก้ไม่เสร็จ ไปไม่สุด เพราะยังต้องเลี้ยงเชื้อเอาไว้ ตราบใดเบื้องหลังเหี้ยจัวจริงยังไม่ทุ่มสุดตัว วังก็ไม่ต้องเสี่ยง ลุยสุดแรงเกิดเช่นกัน เค้าจ้องตากันอยู่ มรึงเขยิบ กูขยับ สุดท้ายจบที่ "ฉีกรัฐธรรมนูญ" ไม่ฉีก สร้างกฎเหล็กใหม่ไม่ได้ พ่อปกครองลูกมาไม่ได้ หมี CNN(พรุ่งนี้แล้วสิน่ะ วันสิ้นปี เตรียมรอดู บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 67 กูจะสรุปภาพรวมทั้งปีให้มรึงเห็น TIME LINE ชัดเจน ว่าเรามาไกลถึงขนาดไหนแล้ว ทั้งฝ่ายขั้วโลกใหม่ และอโยธยาศรีรามเทพนคร 2025 เหี้ยแพ้ยับยังไง เหี้ยเสียอะไรไปเยอะมาก แสงทำงานเร็วทะลุนรก ขี้ข้าหนีตาย นายใหญ่หาบันไดลง ชื่อตอน "บทสรุปมหากาพย์สุดยอด ปี 2567" รีบอ่านซะ มันลบกูแน่ เดี๋ยวนี้ เหี้ยดิ้นพล่าน ทั้งอี FB อี LINE@ ไล่ลบวันต่อวัน กูบอกแล้วชิมิ หากฉลาด ไปตามอ่านใน VK และ MIND เหี้ยมันเข้าไม่ได้) 30 ธันวาคม 67(ก่อนวันสิ้นปี หงส์ยังคงหนาวเหน็บไปจนจบฤดูกาล) 10.45 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 Comments 0 Shares 1881 Views 0 Reviews
  • #เพื่อนๆฮ๊ายมีเรื่องจะเหลา
    ตะกี้พี่คิงส์ดูซีรี่นี้อยู่ มันเป็นตอนๆไง
    ดูมาหลายวันแล้ว
    วันก่อนเลยเลยโพสเล่าสู่กันฟัง
    เรื่องกงสี แต่วันนี้
    สี่ป้าข้างบ้างพี่คิงส์มาร้องห่มร้องไห้
    มาโวยวายเชียว ดิ้นกันใหญ่เลย
    อิป้าเชื่อมจิตก็ลงมือแจกข่าวสื่อ
    หวังเฉบดราม่า ไปกันใหญ่เลย
    เดินตามใครไม่ได้ เดินตามคนเพื้ยน 5555
    ทุกอย่างจะพังเพราะอิป้า ก๊ากก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เพื่อนๆฮ๊ายมีเรื่องจะเหลา ตะกี้พี่คิงส์ดูซีรี่นี้อยู่ มันเป็นตอนๆไง ดูมาหลายวันแล้ว วันก่อนเลยเลยโพสเล่าสู่กันฟัง เรื่องกงสี แต่วันนี้ สี่ป้าข้างบ้างพี่คิงส์มาร้องห่มร้องไห้ มาโวยวายเชียว ดิ้นกันใหญ่เลย อิป้าเชื่อมจิตก็ลงมือแจกข่าวสื่อ หวังเฉบดราม่า ไปกันใหญ่เลย เดินตามใครไม่ได้ เดินตามคนเพื้ยน 5555 ทุกอย่างจะพังเพราะอิป้า ก๊ากก #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 Comments 0 Shares 381 Views 0 Reviews
  • 16-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.14 ตอน "NO ONE CAN GET AWAY FROM KARMA" อั๊ยยะ! เปิดเช้ามา เจอแต่ข่าววิญญานอีโมเต็มโซเชี่ยล อ.ปานเทพ ไม่น่าเลย? เหี้ยดิ้นพล่านทั้งแผ่นดิน ไอ้อีที่ฆาตกรรม ไอ้อีที่รับงาน ไอ้อีที่จัดฉาก ไอ้อีที่สนองตัณหานาย ทั้งอีเสี่ย อีชายสูงวัย อีกากี DSI ขบวนการต้นน้ำทั้งหลาย หนาวจัด! ยื่นศาลแน่ หลักฐานใหม่ หวังพลิกคดี หนำซ้ำ ชาวโลกแห่กันกระทืบซ้ำอีกากีไทย รวยคือรอด จนคือตาย เงินฟาดหัวข้าราชการไทยได้สบายตรีน อายหมามั้ย? โลกความเป็นจริง หากตำรวจรักษากฎหมายไม่ได้ แล้วมรึงจะมีไปทำไม? เอาชาวบ้านมาปกป้องตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ? เมื่ออีตำหนวดไม่ทำงาน ชาวบ้านหยิบปืนขึ้นสู้เอง ป้องกันตัวเอง ไม่ต้องจ่ายภาษีเอาไปให้กรมเหี้ยหากินบนซากศพชาวบ้านอีกต่อไป งานนี้ กูบอกตรง สัมผัสได้ "วิญญานอีโมขึ้นสู่จุดสูงสุด พลังไซย่ามาเต็ม" ใครว่าอีเสี่ย อีชายสูงวัย สั่งหมอขะแมร์สะกดวิญญานอีโม กูบอกเลย "10 หมอ ก็เอาไม่อยู่" มันแค้นจัดสุดขีด ใครเป็นชาวพุทธ ช่วยกันสวดมนต์ส่งพลังให้อีโมด้วย เอาแรงอธิษฐานไปสู้อีหมอขะแมร์ จัดการแม่งก่อนใครเพื่อน? งานนี้ มรึงได้เจอ "ผีแม่นาค ภาค 2" แน่มรึง? เมื่อมรึงเอากฎหมายเล่นแร่แปรวิญญาน ธรรมชาติจะลงโทษมรึงเอง อีโมใช้พลังเหนือธรรมชาติ หลอกหลอนมรึงไม่ต้องหลับต้องนอนกันอีก ต้องขอบคุณคุณหมอ ที่เอาหลักฐานใหม่ชัด มาเปิดเผย มอบให้อ.ปานเทพ เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ทวงความยุติธรรมคืนให้อีโม เพื่อดวงวิญญานจะได้ไปสู่สุขคติ อีโมตายยังไม่เจ็บ เท่าบุพการีหักหลัง ไหนจะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ชาติก่อนมรึงไปทำอะไรเอาไว้อีโม ชาตินี้ มรึงถึงได้ถูกจัดหนักซ้ำซาก เลือดเป็นพิษ?

    ฤทธิ์จิ๋นซี! ไอ้สัส! ใครสั่งให้มรึงยั่วยุไทย แดร๊ก 2 ต่อเหรอ? หลังจีนตบอีขะแมร์หน้าหงาย ใคร? เคยตกลงกับมรึง? ใครคุย? เครมมั่วตลอด อ้างจีนหนุนขุดคลองฟูนันเตโช หลังอีเหลี่ยมชาติหมา คุยอีฮุนเซน เดินแผนอย่างหมา MOU44 ไทยไม่เล่นตามเกมส์มรึง เรือรบออก บินรบออก สั่งสอน แค่ขี้ตรีน อย่าริหวังฮุบแผ่นดินทอง มรึงมันแค่ "เศษสวะ" ขี้ตรีนทหารไทย จีนตบสั่งสอน ทำเอาโครงการเมกะโปรเจคอีขะแมร์ ที่หวังคิดเทียบชั้นท่าเรือฮับอาเซียน ไบ้แดร๊ก ไปไม่เป็น เจ๊งสิจ๊ะ คลองฟูนันเตโชขุดไปแล้ว ใครจ่ายกันล่ะ? ช่วงหลังจีนออกตัวมากขึ้น ว่าอุ้มไทยจ๋า ใครแตะต้อง มรึงโดน! ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระดับราชวงศ์ทั้งสอง แต่มันเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เค้าวางให้ไทยเป็นฮับอาเซียน แล้วมรึงเสือกสะเออะเสนอหน้าทำไม ดูปัญญา ดูศักยภาพมรึงด้วย เป็นแค่หมาล่าเนื้อ อย่าริหวังขึ้นเป็นพญาอินทรีย์ ทั้งอีเหลี่ยม อีฮุน สันดานเดียวกัน เป็นแค่สัญชาติโจร หวังขึ้นเป็นราชา บังลังก์ก็ไปปล้นเค้ามา เวรกรรมมีจริง กรรมตามทันเสมอ มรึงรอดูชะตากรรมอีขะแมร์ได้เลย ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็แค่สมบัติผลัดกันชม รอดูวันที่อีขะแมร์ไม่มีอีฮุนเซน ต้องลี้ภัยไปต่างแดน แล้วลูกหลานพญาละแวก กลับมาตายคาตรีน สวามิภักดิ์อโยธยาอีกครั้ง งวดนี้ จะล่อไม่ให้มีแผ่นดินเหลืออยู่ ผนวกแม่งให้หมด กลืนแม่งทั้งแผ่นดินไปเลย เพราะอดีต มันคือของอโยธยาทั้งสิ้น อะไรน่ะ แล้วคนเหรอ? เอามาเป็นแรงงานชั้น 3 ประชาชนชั้น 10 ก็เพียงพอแล้ว โหดไปป่ะ?

    โป๊ะแตก! ลับ ลวง พลาง! ว้าแดง โตขึ้นมาได้เพราะจีนหนุน ช่วงแรกใช้กวาดล้างบางขุนส่า ราชายาเสพติดยุคนั้น ทำไมจีนต้องหนุนกองกำลังในพม่าบางส่วน มีไว้เพื่อต่อต้าน กดดัน กองกำลังพม่าในฝ่ายเหี้ย C ไงล่ะ ดังนั้น ไม่แปลก ตามชายแดนไทยถึงมีกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายจีนหนุน กับฝ่ายเหี้ยมะกันหนุน เพื่อประจัญหน้ากัน ยามเดินหมาก ช่วงนี้ ทำไมว้าแดง ถึงได้เริ่มก่อกวนไทย ต้องถามว่า ใครไปทำอะไรเบื้องหลังจีนก่อนล่ะ ใครเป็นรัฐบาล ใครแอบจ้องหักหลังจีนก่อน ที่จะบอกคือ เรื่องว้าแดง และเรื่องคลองฟูนันเตโชของอีขะแมร์ คือเรื่องเดียวกัน สัญญานจากปักกิ่งจ๊ะ มองให้ลึกจะเห็นคนเดินเกมส์นี้ จีนไม่ได้กดดันไทย แต่สั่งสอนรัฐบาลขี้ข้าเหี้ยมะกันที่แอบคุยอีขะแมร์หักหลังจีน มรึงจะรู้มั้ยว่า หลังฉาก ราชวงศ์ไทยกับจีน คุยอะไรกันบ้าง? เรื่องความมั่นคง หากจีนไม่ดูแลเรา ยามที่ไทยต้องเสียรางวัดเพราะอีนักการเมืองขายชาติทั้งหลาย จีนจะเสียหายมากกว่านี้เยอะ ที่นี้ รู้ยังว่าทำไม จีนจึงต้องเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มกองกำลังในพม่าตามพรมแดนพม่า เพื่อสกัดอิทธิพลตะวันตก และช่วยเหลือชาติพันธมิตร มองให้ขาด 3 ชั้นสิจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีตระกูลขายชาติหน้าเหลี่ยม ทำเหี้ยอะไรก็ถูกเตะตัดขาไปหมด เบื้องหลังคือจีนเนี่ยแหละ หมีเคยบอกแล้วว่า ทหารไทย และทหารอาเซียน เค้าคุยกันหมด มรึงอย่าคิดว่าทหารขะแมร์ ซื่อสัตย์ต่อฮุนเซนน่ะ ไอ้พวกที่จ้องจะล้มฮุนเซนก็มีมิใช่น้อย เพราะเคยเป็นผู้รับใช้ราชวงศ์เก่าก่อนก็มีเยอะ รออีกไม่นาน แสงทำงานเต็มกำลังเมื่อไหร่ อีขะแมร์แตกแน่!

    ปล.ล่าสุด สมรภูมิซีเรียใหม่เป็นยังไง? ทำไม ข่าวถึงเงียบ ไม่ค่อยแห่กันมาโผล่ช่วงแรก คำตอบคือ "จุกปาก จุกอก" อยู่จ๊ะ อะไรที่สื่อเหี้ยเงียบ แปลว่านายใหญ่ถูกถล่มขี้แตกอยู่ไงจ๊ะ? ใครตามสื่อเหี้ยมานานนับสิบปี จะรู้ทรง รู้แนวทางกันดี แค่ฆ่ากองกำลังเล็กๆ ได้ แม่งจะป่าวประกาศยิ่งใหญ่ นึกว่าตีอโยธยาแตกซะงั้น ไกง่วงกำลังคึกคัก นอกจากทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดของอีเหี้ยไอซิส และอีเคิร์ดกบฎได้แล้ว ยังดาหน้าปูพรม ขยายแนวรบ สิ่งที่อยากทำมานานนั่นคือ คาบสมุทรไซนาย ดาหน้าไล่เก็บกองกำลังเหี้ยนั่นเอง อ้าว..แล้วข่าวที่บอก อียิวไล่ยึดเมืองซีเรียไปทั่ว ไฉนไม่เจอกองทัพอีไก่งวงเลยล่ะ แหม..จัดฉากหลอกควาย ทำไมต้องไปเจอของจริงด้วยล่ะ ยึดเมืองที่อีเคิร์ดอยู่ก่อนแล้ว อย่าเรียกว่ายึดเลย เจ้าของที่เค้าถอนกำลังออก เหลือแต่เมืองร้าง มรึงก็แค่ย้ายกองพลเข้าไปเสียบแทน ตามแผนล่อเหี้ย รบตรงไหนฟ่ะ? ควายชื่นชม อียิวเก่ง อียิวห้าวหาญ เอาใจควายหน่อย ช่วงโปรเค้า อะไรน่ะ กองทัพไก่งวง เข้าพื้นที่เร็วมาก โดยเฉพาะบริเวณบ่อน้ำมัน เป้าหมายชัดซะยิ่งกว่าชัด อีแอร์โดกัน ต้องการมีส่วนร่วม มีหุ้นส่วนแหล่งพลังงานในซีเรีย โดยมีรัสเซีย อิหร่านเป็นเจ้าภาพ ถึงได้ยอมเสี่ยง เอากองกำลังเข้าแลก เพื่อยึดคืนพื้นที่บ่อน้ำมันทั้ง 3 จุดใหญ่ ผลประโยชน์ซะขนาดนี้ อีไก่งวงสู้ถวายหัว รัสเซียไม่เหนื่อย อิหร่านไม่เสี่ยง ซีเรียลอยตัว รอเหี้ยตายคือจบ ค่อยโยกย้ายกลับมา ก็แค่สมบัติผลัดกันชม เข้าใจสถานการณ์ จะใจเบาขึ้นเยอะ

    หมี CNN(มองเกมส์ให้เป็น ดูหมากให้แตก พม่า ขะแมร์ จะไม่รบกับไทย ตราบใดที่จีนยังดูแลอยู่ นั่นแค่ละครปาหี่ อย่าลืมว่า รัฐบาลไทยวันนี้ เป็นขี้ข้าเหี้ยวอชิงตัน มีเหรอ จีนจะไม่ตบสั่งสอน เพราะรู้ว่ามรึงกำลังจะทำอะไร ทหารไทยถึงได้นิ่ง มีอะไรซ้อมรบขู่กลับไว้ก่อน เค้าคุยกันหมดแล้ว อะไรน่ะ กองทัพไม่คุยกับรัฐบาล มรึงไปอยู่ไหนมา กันยายนปีกลาย ใครโยกย้ายกำลังพลทั้งหมดล่ะ ตบหน้าอีรัฐบาลใหม่ กองทัพเป็นของวังจ๊ะ อย่าเสือก)
    16 ธันวาคม 67
    10.40 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    16-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.14 ตอน "NO ONE CAN GET AWAY FROM KARMA" อั๊ยยะ! เปิดเช้ามา เจอแต่ข่าววิญญานอีโมเต็มโซเชี่ยล อ.ปานเทพ ไม่น่าเลย? เหี้ยดิ้นพล่านทั้งแผ่นดิน ไอ้อีที่ฆาตกรรม ไอ้อีที่รับงาน ไอ้อีที่จัดฉาก ไอ้อีที่สนองตัณหานาย ทั้งอีเสี่ย อีชายสูงวัย อีกากี DSI ขบวนการต้นน้ำทั้งหลาย หนาวจัด! ยื่นศาลแน่ หลักฐานใหม่ หวังพลิกคดี หนำซ้ำ ชาวโลกแห่กันกระทืบซ้ำอีกากีไทย รวยคือรอด จนคือตาย เงินฟาดหัวข้าราชการไทยได้สบายตรีน อายหมามั้ย? โลกความเป็นจริง หากตำรวจรักษากฎหมายไม่ได้ แล้วมรึงจะมีไปทำไม? เอาชาวบ้านมาปกป้องตัวเองไม่ดีกว่าเหรอ? เมื่ออีตำหนวดไม่ทำงาน ชาวบ้านหยิบปืนขึ้นสู้เอง ป้องกันตัวเอง ไม่ต้องจ่ายภาษีเอาไปให้กรมเหี้ยหากินบนซากศพชาวบ้านอีกต่อไป งานนี้ กูบอกตรง สัมผัสได้ "วิญญานอีโมขึ้นสู่จุดสูงสุด พลังไซย่ามาเต็ม" ใครว่าอีเสี่ย อีชายสูงวัย สั่งหมอขะแมร์สะกดวิญญานอีโม กูบอกเลย "10 หมอ ก็เอาไม่อยู่" มันแค้นจัดสุดขีด ใครเป็นชาวพุทธ ช่วยกันสวดมนต์ส่งพลังให้อีโมด้วย เอาแรงอธิษฐานไปสู้อีหมอขะแมร์ จัดการแม่งก่อนใครเพื่อน? งานนี้ มรึงได้เจอ "ผีแม่นาค ภาค 2" แน่มรึง? เมื่อมรึงเอากฎหมายเล่นแร่แปรวิญญาน ธรรมชาติจะลงโทษมรึงเอง อีโมใช้พลังเหนือธรรมชาติ หลอกหลอนมรึงไม่ต้องหลับต้องนอนกันอีก ต้องขอบคุณคุณหมอ ที่เอาหลักฐานใหม่ชัด มาเปิดเผย มอบให้อ.ปานเทพ เป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ทวงความยุติธรรมคืนให้อีโม เพื่อดวงวิญญานจะได้ไปสู่สุขคติ อีโมตายยังไม่เจ็บ เท่าบุพการีหักหลัง ไหนจะเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ชาติก่อนมรึงไปทำอะไรเอาไว้อีโม ชาตินี้ มรึงถึงได้ถูกจัดหนักซ้ำซาก เลือดเป็นพิษ? ฤทธิ์จิ๋นซี! ไอ้สัส! ใครสั่งให้มรึงยั่วยุไทย แดร๊ก 2 ต่อเหรอ? หลังจีนตบอีขะแมร์หน้าหงาย ใคร? เคยตกลงกับมรึง? ใครคุย? เครมมั่วตลอด อ้างจีนหนุนขุดคลองฟูนันเตโช หลังอีเหลี่ยมชาติหมา คุยอีฮุนเซน เดินแผนอย่างหมา MOU44 ไทยไม่เล่นตามเกมส์มรึง เรือรบออก บินรบออก สั่งสอน แค่ขี้ตรีน อย่าริหวังฮุบแผ่นดินทอง มรึงมันแค่ "เศษสวะ" ขี้ตรีนทหารไทย จีนตบสั่งสอน ทำเอาโครงการเมกะโปรเจคอีขะแมร์ ที่หวังคิดเทียบชั้นท่าเรือฮับอาเซียน ไบ้แดร๊ก ไปไม่เป็น เจ๊งสิจ๊ะ คลองฟูนันเตโชขุดไปแล้ว ใครจ่ายกันล่ะ? ช่วงหลังจีนออกตัวมากขึ้น ว่าอุ้มไทยจ๋า ใครแตะต้อง มรึงโดน! ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระดับราชวงศ์ทั้งสอง แต่มันเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ เค้าวางให้ไทยเป็นฮับอาเซียน แล้วมรึงเสือกสะเออะเสนอหน้าทำไม ดูปัญญา ดูศักยภาพมรึงด้วย เป็นแค่หมาล่าเนื้อ อย่าริหวังขึ้นเป็นพญาอินทรีย์ ทั้งอีเหลี่ยม อีฮุน สันดานเดียวกัน เป็นแค่สัญชาติโจร หวังขึ้นเป็นราชา บังลังก์ก็ไปปล้นเค้ามา เวรกรรมมีจริง กรรมตามทันเสมอ มรึงรอดูชะตากรรมอีขะแมร์ได้เลย ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็แค่สมบัติผลัดกันชม รอดูวันที่อีขะแมร์ไม่มีอีฮุนเซน ต้องลี้ภัยไปต่างแดน แล้วลูกหลานพญาละแวก กลับมาตายคาตรีน สวามิภักดิ์อโยธยาอีกครั้ง งวดนี้ จะล่อไม่ให้มีแผ่นดินเหลืออยู่ ผนวกแม่งให้หมด กลืนแม่งทั้งแผ่นดินไปเลย เพราะอดีต มันคือของอโยธยาทั้งสิ้น อะไรน่ะ แล้วคนเหรอ? เอามาเป็นแรงงานชั้น 3 ประชาชนชั้น 10 ก็เพียงพอแล้ว โหดไปป่ะ? โป๊ะแตก! ลับ ลวง พลาง! ว้าแดง โตขึ้นมาได้เพราะจีนหนุน ช่วงแรกใช้กวาดล้างบางขุนส่า ราชายาเสพติดยุคนั้น ทำไมจีนต้องหนุนกองกำลังในพม่าบางส่วน มีไว้เพื่อต่อต้าน กดดัน กองกำลังพม่าในฝ่ายเหี้ย C ไงล่ะ ดังนั้น ไม่แปลก ตามชายแดนไทยถึงมีกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายจีนหนุน กับฝ่ายเหี้ยมะกันหนุน เพื่อประจัญหน้ากัน ยามเดินหมาก ช่วงนี้ ทำไมว้าแดง ถึงได้เริ่มก่อกวนไทย ต้องถามว่า ใครไปทำอะไรเบื้องหลังจีนก่อนล่ะ ใครเป็นรัฐบาล ใครแอบจ้องหักหลังจีนก่อน ที่จะบอกคือ เรื่องว้าแดง และเรื่องคลองฟูนันเตโชของอีขะแมร์ คือเรื่องเดียวกัน สัญญานจากปักกิ่งจ๊ะ มองให้ลึกจะเห็นคนเดินเกมส์นี้ จีนไม่ได้กดดันไทย แต่สั่งสอนรัฐบาลขี้ข้าเหี้ยมะกันที่แอบคุยอีขะแมร์หักหลังจีน มรึงจะรู้มั้ยว่า หลังฉาก ราชวงศ์ไทยกับจีน คุยอะไรกันบ้าง? เรื่องความมั่นคง หากจีนไม่ดูแลเรา ยามที่ไทยต้องเสียรางวัดเพราะอีนักการเมืองขายชาติทั้งหลาย จีนจะเสียหายมากกว่านี้เยอะ ที่นี้ รู้ยังว่าทำไม จีนจึงต้องเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กลุ่มกองกำลังในพม่าตามพรมแดนพม่า เพื่อสกัดอิทธิพลตะวันตก และช่วยเหลือชาติพันธมิตร มองให้ขาด 3 ชั้นสิจ๊ะ ที่มาว่าทำไม อีตระกูลขายชาติหน้าเหลี่ยม ทำเหี้ยอะไรก็ถูกเตะตัดขาไปหมด เบื้องหลังคือจีนเนี่ยแหละ หมีเคยบอกแล้วว่า ทหารไทย และทหารอาเซียน เค้าคุยกันหมด มรึงอย่าคิดว่าทหารขะแมร์ ซื่อสัตย์ต่อฮุนเซนน่ะ ไอ้พวกที่จ้องจะล้มฮุนเซนก็มีมิใช่น้อย เพราะเคยเป็นผู้รับใช้ราชวงศ์เก่าก่อนก็มีเยอะ รออีกไม่นาน แสงทำงานเต็มกำลังเมื่อไหร่ อีขะแมร์แตกแน่! ปล.ล่าสุด สมรภูมิซีเรียใหม่เป็นยังไง? ทำไม ข่าวถึงเงียบ ไม่ค่อยแห่กันมาโผล่ช่วงแรก คำตอบคือ "จุกปาก จุกอก" อยู่จ๊ะ อะไรที่สื่อเหี้ยเงียบ แปลว่านายใหญ่ถูกถล่มขี้แตกอยู่ไงจ๊ะ? ใครตามสื่อเหี้ยมานานนับสิบปี จะรู้ทรง รู้แนวทางกันดี แค่ฆ่ากองกำลังเล็กๆ ได้ แม่งจะป่าวประกาศยิ่งใหญ่ นึกว่าตีอโยธยาแตกซะงั้น ไกง่วงกำลังคึกคัก นอกจากทำลายแหล่งผลิตยาเสพติดของอีเหี้ยไอซิส และอีเคิร์ดกบฎได้แล้ว ยังดาหน้าปูพรม ขยายแนวรบ สิ่งที่อยากทำมานานนั่นคือ คาบสมุทรไซนาย ดาหน้าไล่เก็บกองกำลังเหี้ยนั่นเอง อ้าว..แล้วข่าวที่บอก อียิวไล่ยึดเมืองซีเรียไปทั่ว ไฉนไม่เจอกองทัพอีไก่งวงเลยล่ะ แหม..จัดฉากหลอกควาย ทำไมต้องไปเจอของจริงด้วยล่ะ ยึดเมืองที่อีเคิร์ดอยู่ก่อนแล้ว อย่าเรียกว่ายึดเลย เจ้าของที่เค้าถอนกำลังออก เหลือแต่เมืองร้าง มรึงก็แค่ย้ายกองพลเข้าไปเสียบแทน ตามแผนล่อเหี้ย รบตรงไหนฟ่ะ? ควายชื่นชม อียิวเก่ง อียิวห้าวหาญ เอาใจควายหน่อย ช่วงโปรเค้า อะไรน่ะ กองทัพไก่งวง เข้าพื้นที่เร็วมาก โดยเฉพาะบริเวณบ่อน้ำมัน เป้าหมายชัดซะยิ่งกว่าชัด อีแอร์โดกัน ต้องการมีส่วนร่วม มีหุ้นส่วนแหล่งพลังงานในซีเรีย โดยมีรัสเซีย อิหร่านเป็นเจ้าภาพ ถึงได้ยอมเสี่ยง เอากองกำลังเข้าแลก เพื่อยึดคืนพื้นที่บ่อน้ำมันทั้ง 3 จุดใหญ่ ผลประโยชน์ซะขนาดนี้ อีไก่งวงสู้ถวายหัว รัสเซียไม่เหนื่อย อิหร่านไม่เสี่ยง ซีเรียลอยตัว รอเหี้ยตายคือจบ ค่อยโยกย้ายกลับมา ก็แค่สมบัติผลัดกันชม เข้าใจสถานการณ์ จะใจเบาขึ้นเยอะ หมี CNN(มองเกมส์ให้เป็น ดูหมากให้แตก พม่า ขะแมร์ จะไม่รบกับไทย ตราบใดที่จีนยังดูแลอยู่ นั่นแค่ละครปาหี่ อย่าลืมว่า รัฐบาลไทยวันนี้ เป็นขี้ข้าเหี้ยวอชิงตัน มีเหรอ จีนจะไม่ตบสั่งสอน เพราะรู้ว่ามรึงกำลังจะทำอะไร ทหารไทยถึงได้นิ่ง มีอะไรซ้อมรบขู่กลับไว้ก่อน เค้าคุยกันหมดแล้ว อะไรน่ะ กองทัพไม่คุยกับรัฐบาล มรึงไปอยู่ไหนมา กันยายนปีกลาย ใครโยกย้ายกำลังพลทั้งหมดล่ะ ตบหน้าอีรัฐบาลใหม่ กองทัพเป็นของวังจ๊ะ อย่าเสือก) 16 ธันวาคม 67 10.40 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 Comments 0 Shares 1286 Views 0 Reviews
  • 02-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.13 ตอน "เกมส์ล่ามหาสมบัติ" TREASURE ISLAND GAME โลกกำลังเข้าสู่ "ยุคล่าอาณานิคม" อีกครั้ง! ใครเป็นใคร ใครจะได้ครอบครอง โค้งสุดท้ายวัดสุดกำลัง ไม่มีผู้ชนะแท้จริง แต่จะมีผู้กำหนดชะตากรรมโลกต่ออีก 100 ปี กติกาใหม่สำหรับผู้ชนะเท่านั้น ในที่สุด สัญญานเปลี่ยนโลกก็มา ทั้งเรื่องนุ๊กรสชาเขียว พลังงานทดแทน กระแสการเงินโลก ภูมิภาค อำนาจ การปลดแอก อิสรภาพแท้จริง ตัวเล่นตัวเดิม แต่มีตัวละครใหม่เข้ามาผลัดเปลี่ยน ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน คือพลังเปลี่ยนโลก โลกที่ไม่มีเหี้ยไอ้อีตะวันตกนำอีกต่อไป สงครามเต็มรูปแบบจะไม่มีจริง เพราะหากแตกหักกันสุดขั้ว จะไม่เหลือใครรอด? สิ่งที่ขั้วใหม่ทำอยู่ตอนนี้ คือฉายภาพให้มรึงเห็นว่า จุดจบจะเป็นเช่นไร หากยังจะเดินหน้าต่อให้สุดซอย? อีลอนดอน ปากดี แต่ใจหมา อีตุ๊ดแต๋วแตก กระจอกกว่าที่คิดไว้เยอะ อีวอชิงตันแค่ต้องการสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเหี้ยคลั่งอำนาจอยากเป็น KING และหนีหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายหมด และไม่คิดจะจ่าย ล้มกระดานมันง่าย แต่ใครจะยอมให้มรึงเชิดเงินหนีกันล่ะ สิ่งที่มรึงต้องจ่ายแพงกว่าหนี้มรึงซะอีก นั่นคือ "แผ่นดิน"เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันๆว่าพบถ้วยแชมป์มากมี อะไรน่ะ? หงส์จิกเรือจมตายคาปากโอ่งอีกล่ะ? อีปืน อีสิงห์ ฝันสลาย กองแช่งตายท่วมจอ น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย มรึงจะเทพไปไหน ไอ้สัส! จะล่อแชมป์โลกเลยเหรอ? ไม่เกรงใจใครเลยน่ะ อีสล็อต! หนทางยังอีกยาวไกล รอจบ SEASON ก่อน ขอแค่ 4 ถ้วยก็พอ ไม่โลภ! เสื้อกันหนาวยังเอาไม่อยู่ นี่มันหนาวสุดขั้วทั้งลีคทั่วโลกไปแล้ว ตบราชัน เขี้ยวเรือใบ ขยี้เลเวอร์ อัดผีแดง ถลุง AC บดสิงห์โต กระทืบไก่โต้ง ถามสั้นๆ มรึงชนะแม่งทุกทิศ แต่เสือกแพ้เจ้าป่า นี่มรึงเล่นละครชิมิ? หลอกให้ตายใจ แล้วเชือดแม่งทุกลีค โลกขยาดหงส์ เรตติ้งความอิจฉาพุ่งทะลุนอกโลกไปแล้ว อีสล็อตมองหงส์ขาด มรึงมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว เพราะครอปป์ปูมาดี ขาดแค่ "เกมส์รับ ขันให้แน่นก็พอ" กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในยุโรป นำจ่าฝูงทุกสถาบัน บอกตรงสำหรับหมีแล้ว กูขอแค่แชมป์พรีเมียร์ลีคเป็นตัวยืนก่อนอันดับแรก แชมป์ยุโรปค่อยว่ากัน หนทางยังอีกยาวไกล พิสูจน์สิว่า "มรึงคือของจริง และชัวร์กว่าใคร" สล็อตจ๋า?พลิกล็อคสิจ๊ะ? ใครจะคิดกันล่ะ? ไอ้อีตัวเหี้ยขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง งานอีเว้นต์เผาโลกทุกวันนี้ คิดว่าจะสามารถควบคุมเกมส์ในมือได้ เปล่าเลย? ปูติน สีจิ้นผิง ซ้อนแผนมรึงยับ? 1.EU NATO แบ่งยูเครน หวังหั่นเค็กแดร๊กรวบพลังงาน แต่ปูตินยึดยุทธศาสตร์ยูเครนทั้งหมดไว้ในมือ 2.ดันดอลล่าร์ขึ้น หากเกิดสงคราม ผลตรงกันข้าม ดอลล่ารร่วง โลกเทกระจาด ทองคำพุ่ง 3.จะจมบั่นทอนเศรษฐกิจรัสเซีย ยึดพลังงาน ผลลัพธ์กลับตาลปัตร ปูตินได้แหล่งพลังงานเพิ่มจากทั่วโลก แห่กันเข้า BRICS 4.อดีตชาติอาณานิคมหักหลังเหี้ยหมดแล้ว ปลดแอกทั้งทวีป แหล่งรายได้ แหล่งฟอกเงิน กระจุย 5.ตัวละครขี้ข้าเหี้ย แพะเหี้ย โดนคดีกันบานตะไท แนวร่วมไม่มา หนีหายเกลี้ยง EU NATO เตรียมแตก 6.อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แตกชัวร์ การันตี อดีตเคยใหญ่คับฟ้า จากนี้ อยู่รูหนู ยาจก สิ้นฤทธิ์ โลกแฉ เปิดตา แสงทำงานสุดติ่ง 7.โลจิสติคโลกอยู่ในมือเอเซียแล้ว BRICS เชื่อมโลกสำเร็จ หยวนผงาด รูเบิลโลกต้องการ แร่ใหม่แจ้งเกิด ทองคำเตรียมลดคุณค่าลง 8.องค์กรสากลโลกปรับตามน้ำ เทดอลล่าร์รับหยวน กติกาเปลี่ยน เพราะเจ้ามือเปลี่ยนนั่นเอง เหี้ยจะถูกกรรมไล่เช็คบิล คดีความตามมาอื้อ แตกซะ คือจบ แผนหนีหนี้ 9.ยุโรป อเมริกา จะถูก อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อแผ่นดิน ถูกๆจับโป๊ะ! แรงงานไทย พม่า เรือประมง ใครสั่งให้ออกนอกเส้นทาง ล้ำน่านน้ำพม่า ใครสั่ง ใครจ่ายจ๊ะ? หน่วยความมั่นคงได้กลิ่นตุตุ นี่มันจัดฉากนี่หว่า ใครบอกมรึงล่ะ ว่า เรือประมงคือคนไทยแท้ ใครบอกมรึงล่ะว่า ขายตัว ขายชาติไม่มี เงินมาผ้าหลุด? ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้น ไม่ต้องถาม แผนเหี้ยไอ้อีตัวไหนกัน? ผบ.ทร. นิ่งเป็น หากมรึงจัดฉากมา กูก็จะจัดฉากกลับเช่นกัน เรือรบ เรือลาดตะเวน ทำงานปกติ ไม่ต้องแตกตื่น แต่หากไอ้อีใครโผล่ล้ำมา ซัดกระสุนกลับไม่มีโกง เบื้องหลังเกมส์อำมะหิตนี้ ต้องถามกลับว่า มีเหรอ ชาวประมงแท้จริงจะไม่รู้ว่าน่านน้ำไทยเค้าไม่ให้ล้ำไปตรงไหน ออกหาปลาทุกวัน มีเหรอจะไม่รู้ นอกจากแกล้งโง่? สรุปคืออีหม่องจัดฉาก จ้างหม่องกันเอง ฆ่ากันเอง โยนแพะให้ไทย ไม่ใช่ฝีมือ มิน อ๋อง ลายดอกน่ะ ก็เหมือนว้าแดง มันมีพวกเสี้ยม คอยเตะตัดขาอยู่ มิน อ๋อง ลาย หากยังอยากอยู่ต่อ มรึงไม่เคลียร์ภายในให้จบ เดี๋ยวเพ่ไทยจะเคลียร์ให้มรึงเอง หรืออยากให้สีจิ้นผิงเปลี่ยนตัวดีล่ะ?หนาวสุดขั้วมาเยือน ทั่วยุโรปต้องการพลังงานเพิ่ม 200% ไม่มียังพอทน แต่ราคาพุ่ง สวัสดิการหดหาย สงครามกลางเมืองมาแน่ มรึงฆ่ากันเองให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกับกู ขั้วใหม่ฝากบอก! ความฉลาดไม่ปราณีใคร ปากท้องคือเรื่องใหญ่ แต่มรึงจ้องจะก่อสงครามเพื่ออุ้มนายทุนยิวเท่านั้น ฉิบหายมั้ยล่ะ? ทั้งยุโรป อเมริกา จะไม่เหลืออะไรเลย? เอเซียผงาดเพราะพึ่งพาตัวเองได้ ผิดกับมรึงที่อาศัยเกาะชาวโลกหาแดร๊ก หมดยุคขู่แล้วจ๊ะ เพราะมรึงมันเสือนอนกินมานาน ตอนนี้กลายเป็นเสืออดอยากปากแห้ง ิีทรัมปป์เอาจริง ปลดล็อคสงคราม หันมาแบกอเมริกาอยู่รอด แท้จริงคือเตรียมแยกดินแดน อีช้าง จ้องไว้แล้ว จะหั่นตรงไหน หลังเลือกตั้ง เรตติ้งพุ่ง จับเฉพาะรัฐบริวาร 7 รัฐแตกแน่ อีทรัมปป์ไม่ทำเรื่องอื่น เปิดหน้าไล่เช็คบิลอีลาก่อนเพื่อน อีเอ๋อ หมดสภาพ โลกส่ายหน้าหนี อียิวยังไม่หมดหวัง เตรียมแผนล่าหัวอีทรัมปป์ หลังทำเนียบขาวมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ปลดเจ้าหน้าที่เพี๊ยบยกชุด อีตาเพนโดนด้วย งวดนี้แรงจัด! พรมแดนเข้มงวด ถีบส่งผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ไม่กลับ กูเก็บทันที!ปล.บางกอกฝีแตก หัดกระจาย เชื้อชั่วพลุ่งพล่าน โรงงานปิด เอกชนเจ๊ง สื่ออดอยาก ทั้งหมด มาจากนโยบายแดร๊กดุ ปชต.ไม่เคยช่วยใครได้จริง ควายก็ยังเป็นควาย ทางรอดคือลดประชากรควายซะ เมื่อระบบมันเอื้อเหี้ย เมื่อกฎหมายมันมีช่องโหว่ นักกฎหมายกลายเป็นโจรหาแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ยัง? "พ่อปกครองลูก" จะกลับมา เต็มอัตราศึก เลือกตั้งแบบใหม่จะก่อเกิด เลือกตรง ไม่ต้องผ่านสส. สว อยากได้ใครปกครอง มรึงเลือกเองเลยแต่ละจังหวัด พิมพ์เขียวออกมาแล้ว กษัตริย์อำนาจสูงสุด ใครก็แตะต้องมิได้ กระจายอำนาจ ขึ้นตรงส่วนกลาง ล้างบางข้าราชการขายตัว ขายชาติ ทหารไม่ออก ไทยไม่เปลี่ยน รอ D-DAY โลกเท่านั้น คลังไทยล้นทะลัก การเมืองแตะต้องไม่ได้ งบหลวงก็ใช้กันไป แต่อย่าแตะสินทรัพย์พระคลังหลวง คนเค้ามีดูแลอยู่ เจาะไม่ได้ ธปท.ไม่ใช่แคทวอร์คให้เหี้ยมาเดินเล่น ดอกนี้ แห้วแดร๊กตามระเบียบ เหี้ย C สั่งอีแดง เขมือบให้ได้ ฝันไกลแต่ได้แค่ "ขี้หมา" คนใต้เอือมระอา เป็นไงล่ะ อีฟ้าหลอกแดร๊ก อีส้มหลอกควาย อีแดงหลอกมรึง สุดท้าย เช็คพื้นที่จะรู้ สวมสิทธิ์เข้ามาเพี๊ยบ คนไทยแม้อ่ะเป่า? สาวไส้ยาวไป ใครคุมมหาดไทย สอดไส้ต่างด้าวเพี๊ยบ ดอกนี้ เรื่องยาวถึงศาลแน่ รอแค่ฟ้าเปลี่ยนสี ทุกคดี ทุกสิ่งซ่อนเร้น จะผุดออกมาเป็นดอกเห็น ด้วยคำสั่ง คณะรัฐประหาร เค้าวางแนวทางรอไว้แล้ว สรุปคือมรึงปล้นเงินแผ่นดิน กูก็จะปล้นโจรคืนไงล่ะ ทำใจได้เลย แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยมิชอบ จะถูกขับใหญ่ครั้งมโหฬาร หรือไม่ก็จัดระบบ จัดระเบียบกันใหม่ ตัวตนต้องชัด จ่ายภาษี ตรวจสอบได้ ติดตามได้ ที่ผานมา เป็นแค่เครื่องมือฝ่ายการเมือง แต่ต่อไป จะขึ้นตรงกับมหาดไทย และหน่วยความมั่นคง ทุกอย่างรอแค่ "ไฟเขียว" คดีความทั้งหมดที่รอการชำระล้าง จะถูกสางหมดเกลี้ยงในพศ.นี้ ก่อนการปรับเปลี่ยนการปกครอง ล้างไพ่ใหม่หมด ทุกองคาพยศ มีแค่กองทัพ และทหารเท่านั้น ที่ทำได้ "ฉีกรัฐธรรมเพื่อสร้างชาติใหม่ขึ้นมา" เสียของไม่เสียของ อย่าเพิ่งเดา อย่าเพิ่งพิพากษา เพราะงานนี้ วังคุมเองจ๊ะ? รู้แค่นี้พอ!หมี CNN(โสมแดงเติมไม่อั้น ทั้งอาวุธ กำลังพล ตามสัญญาทวิภาคีรัสเซีย ดอกนี้ ปูตินวางทหารโสมแดงตะลุยยุโรปจ๊ะ ทหารคึกคัก กูจะได้เที่ยวยุโรปฟรีกับเค้าแล้ว อิหร่านก็ใช่ย่อย เติมของเล่นใหม่ให้เยเมน ซีเรีย อิรัก ไม่อั้น สรุปคือ เหี้ยไม่มีของ เหี้ยไม่มีคน แค่เอาจริง ตายเรียบวุธ ดึงเชงไปเรื่อยๆ เหี้ยตายยกเข่งชัวร์ ยุโรปขาสั่น อเมริกาถอย เอเซียกินรวบ เดี๋ยวอีกไม่นาน WWIII จะมาเต็ม เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว นอกจากปิดเกมส์)02 ธันวาคม 6710.53 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    02-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.13 ตอน "เกมส์ล่ามหาสมบัติ" TREASURE ISLAND GAME โลกกำลังเข้าสู่ "ยุคล่าอาณานิคม" อีกครั้ง! ใครเป็นใคร ใครจะได้ครอบครอง โค้งสุดท้ายวัดสุดกำลัง ไม่มีผู้ชนะแท้จริง แต่จะมีผู้กำหนดชะตากรรมโลกต่ออีก 100 ปี กติกาใหม่สำหรับผู้ชนะเท่านั้น ในที่สุด สัญญานเปลี่ยนโลกก็มา ทั้งเรื่องนุ๊กรสชาเขียว พลังงานทดแทน กระแสการเงินโลก ภูมิภาค อำนาจ การปลดแอก อิสรภาพแท้จริง ตัวเล่นตัวเดิม แต่มีตัวละครใหม่เข้ามาผลัดเปลี่ยน ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน คือพลังเปลี่ยนโลก โลกที่ไม่มีเหี้ยไอ้อีตะวันตกนำอีกต่อไป สงครามเต็มรูปแบบจะไม่มีจริง เพราะหากแตกหักกันสุดขั้ว จะไม่เหลือใครรอด? สิ่งที่ขั้วใหม่ทำอยู่ตอนนี้ คือฉายภาพให้มรึงเห็นว่า จุดจบจะเป็นเช่นไร หากยังจะเดินหน้าต่อให้สุดซอย? อีลอนดอน ปากดี แต่ใจหมา อีตุ๊ดแต๋วแตก กระจอกกว่าที่คิดไว้เยอะ อีวอชิงตันแค่ต้องการสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเหี้ยคลั่งอำนาจอยากเป็น KING และหนีหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายหมด และไม่คิดจะจ่าย ล้มกระดานมันง่าย แต่ใครจะยอมให้มรึงเชิดเงินหนีกันล่ะ สิ่งที่มรึงต้องจ่ายแพงกว่าหนี้มรึงซะอีก นั่นคือ "แผ่นดิน"เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันๆว่าพบถ้วยแชมป์มากมี อะไรน่ะ? หงส์จิกเรือจมตายคาปากโอ่งอีกล่ะ? อีปืน อีสิงห์ ฝันสลาย กองแช่งตายท่วมจอ น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย มรึงจะเทพไปไหน ไอ้สัส! จะล่อแชมป์โลกเลยเหรอ? ไม่เกรงใจใครเลยน่ะ อีสล็อต! หนทางยังอีกยาวไกล รอจบ SEASON ก่อน ขอแค่ 4 ถ้วยก็พอ ไม่โลภ! เสื้อกันหนาวยังเอาไม่อยู่ นี่มันหนาวสุดขั้วทั้งลีคทั่วโลกไปแล้ว ตบราชัน เขี้ยวเรือใบ ขยี้เลเวอร์ อัดผีแดง ถลุง AC บดสิงห์โต กระทืบไก่โต้ง ถามสั้นๆ มรึงชนะแม่งทุกทิศ แต่เสือกแพ้เจ้าป่า นี่มรึงเล่นละครชิมิ? หลอกให้ตายใจ แล้วเชือดแม่งทุกลีค โลกขยาดหงส์ เรตติ้งความอิจฉาพุ่งทะลุนอกโลกไปแล้ว อีสล็อตมองหงส์ขาด มรึงมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว เพราะครอปป์ปูมาดี ขาดแค่ "เกมส์รับ ขันให้แน่นก็พอ" กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในยุโรป นำจ่าฝูงทุกสถาบัน บอกตรงสำหรับหมีแล้ว กูขอแค่แชมป์พรีเมียร์ลีคเป็นตัวยืนก่อนอันดับแรก แชมป์ยุโรปค่อยว่ากัน หนทางยังอีกยาวไกล พิสูจน์สิว่า "มรึงคือของจริง และชัวร์กว่าใคร" สล็อตจ๋า?พลิกล็อคสิจ๊ะ? ใครจะคิดกันล่ะ? ไอ้อีตัวเหี้ยขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง งานอีเว้นต์เผาโลกทุกวันนี้ คิดว่าจะสามารถควบคุมเกมส์ในมือได้ เปล่าเลย? ปูติน สีจิ้นผิง ซ้อนแผนมรึงยับ? 1.EU NATO แบ่งยูเครน หวังหั่นเค็กแดร๊กรวบพลังงาน แต่ปูตินยึดยุทธศาสตร์ยูเครนทั้งหมดไว้ในมือ 2.ดันดอลล่าร์ขึ้น หากเกิดสงคราม ผลตรงกันข้าม ดอลล่ารร่วง โลกเทกระจาด ทองคำพุ่ง 3.จะจมบั่นทอนเศรษฐกิจรัสเซีย ยึดพลังงาน ผลลัพธ์กลับตาลปัตร ปูตินได้แหล่งพลังงานเพิ่มจากทั่วโลก แห่กันเข้า BRICS 4.อดีตชาติอาณานิคมหักหลังเหี้ยหมดแล้ว ปลดแอกทั้งทวีป แหล่งรายได้ แหล่งฟอกเงิน กระจุย 5.ตัวละครขี้ข้าเหี้ย แพะเหี้ย โดนคดีกันบานตะไท แนวร่วมไม่มา หนีหายเกลี้ยง EU NATO เตรียมแตก 6.อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แตกชัวร์ การันตี อดีตเคยใหญ่คับฟ้า จากนี้ อยู่รูหนู ยาจก สิ้นฤทธิ์ โลกแฉ เปิดตา แสงทำงานสุดติ่ง 7.โลจิสติคโลกอยู่ในมือเอเซียแล้ว BRICS เชื่อมโลกสำเร็จ หยวนผงาด รูเบิลโลกต้องการ แร่ใหม่แจ้งเกิด ทองคำเตรียมลดคุณค่าลง 8.องค์กรสากลโลกปรับตามน้ำ เทดอลล่าร์รับหยวน กติกาเปลี่ยน เพราะเจ้ามือเปลี่ยนนั่นเอง เหี้ยจะถูกกรรมไล่เช็คบิล คดีความตามมาอื้อ แตกซะ คือจบ แผนหนีหนี้ 9.ยุโรป อเมริกา จะถูก อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อแผ่นดิน ถูกๆจับโป๊ะ! แรงงานไทย พม่า เรือประมง ใครสั่งให้ออกนอกเส้นทาง ล้ำน่านน้ำพม่า ใครสั่ง ใครจ่ายจ๊ะ? หน่วยความมั่นคงได้กลิ่นตุตุ นี่มันจัดฉากนี่หว่า ใครบอกมรึงล่ะ ว่า เรือประมงคือคนไทยแท้ ใครบอกมรึงล่ะว่า ขายตัว ขายชาติไม่มี เงินมาผ้าหลุด? ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้น ไม่ต้องถาม แผนเหี้ยไอ้อีตัวไหนกัน? ผบ.ทร. นิ่งเป็น หากมรึงจัดฉากมา กูก็จะจัดฉากกลับเช่นกัน เรือรบ เรือลาดตะเวน ทำงานปกติ ไม่ต้องแตกตื่น แต่หากไอ้อีใครโผล่ล้ำมา ซัดกระสุนกลับไม่มีโกง เบื้องหลังเกมส์อำมะหิตนี้ ต้องถามกลับว่า มีเหรอ ชาวประมงแท้จริงจะไม่รู้ว่าน่านน้ำไทยเค้าไม่ให้ล้ำไปตรงไหน ออกหาปลาทุกวัน มีเหรอจะไม่รู้ นอกจากแกล้งโง่? สรุปคืออีหม่องจัดฉาก จ้างหม่องกันเอง ฆ่ากันเอง โยนแพะให้ไทย ไม่ใช่ฝีมือ มิน อ๋อง ลายดอกน่ะ ก็เหมือนว้าแดง มันมีพวกเสี้ยม คอยเตะตัดขาอยู่ มิน อ๋อง ลาย หากยังอยากอยู่ต่อ มรึงไม่เคลียร์ภายในให้จบ เดี๋ยวเพ่ไทยจะเคลียร์ให้มรึงเอง หรืออยากให้สีจิ้นผิงเปลี่ยนตัวดีล่ะ?หนาวสุดขั้วมาเยือน ทั่วยุโรปต้องการพลังงานเพิ่ม 200% ไม่มียังพอทน แต่ราคาพุ่ง สวัสดิการหดหาย สงครามกลางเมืองมาแน่ มรึงฆ่ากันเองให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกับกู ขั้วใหม่ฝากบอก! ความฉลาดไม่ปราณีใคร ปากท้องคือเรื่องใหญ่ แต่มรึงจ้องจะก่อสงครามเพื่ออุ้มนายทุนยิวเท่านั้น ฉิบหายมั้ยล่ะ? ทั้งยุโรป อเมริกา จะไม่เหลืออะไรเลย? เอเซียผงาดเพราะพึ่งพาตัวเองได้ ผิดกับมรึงที่อาศัยเกาะชาวโลกหาแดร๊ก หมดยุคขู่แล้วจ๊ะ เพราะมรึงมันเสือนอนกินมานาน ตอนนี้กลายเป็นเสืออดอยากปากแห้ง ิีทรัมปป์เอาจริง ปลดล็อคสงคราม หันมาแบกอเมริกาอยู่รอด แท้จริงคือเตรียมแยกดินแดน อีช้าง จ้องไว้แล้ว จะหั่นตรงไหน หลังเลือกตั้ง เรตติ้งพุ่ง จับเฉพาะรัฐบริวาร 7 รัฐแตกแน่ อีทรัมปป์ไม่ทำเรื่องอื่น เปิดหน้าไล่เช็คบิลอีลาก่อนเพื่อน อีเอ๋อ หมดสภาพ โลกส่ายหน้าหนี อียิวยังไม่หมดหวัง เตรียมแผนล่าหัวอีทรัมปป์ หลังทำเนียบขาวมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ปลดเจ้าหน้าที่เพี๊ยบยกชุด อีตาเพนโดนด้วย งวดนี้แรงจัด! พรมแดนเข้มงวด ถีบส่งผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ไม่กลับ กูเก็บทันที!ปล.บางกอกฝีแตก หัดกระจาย เชื้อชั่วพลุ่งพล่าน โรงงานปิด เอกชนเจ๊ง สื่ออดอยาก ทั้งหมด มาจากนโยบายแดร๊กดุ ปชต.ไม่เคยช่วยใครได้จริง ควายก็ยังเป็นควาย ทางรอดคือลดประชากรควายซะ เมื่อระบบมันเอื้อเหี้ย เมื่อกฎหมายมันมีช่องโหว่ นักกฎหมายกลายเป็นโจรหาแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ยัง? "พ่อปกครองลูก" จะกลับมา เต็มอัตราศึก เลือกตั้งแบบใหม่จะก่อเกิด เลือกตรง ไม่ต้องผ่านสส. สว อยากได้ใครปกครอง มรึงเลือกเองเลยแต่ละจังหวัด พิมพ์เขียวออกมาแล้ว กษัตริย์อำนาจสูงสุด ใครก็แตะต้องมิได้ กระจายอำนาจ ขึ้นตรงส่วนกลาง ล้างบางข้าราชการขายตัว ขายชาติ ทหารไม่ออก ไทยไม่เปลี่ยน รอ D-DAY โลกเท่านั้น คลังไทยล้นทะลัก การเมืองแตะต้องไม่ได้ งบหลวงก็ใช้กันไป แต่อย่าแตะสินทรัพย์พระคลังหลวง คนเค้ามีดูแลอยู่ เจาะไม่ได้ ธปท.ไม่ใช่แคทวอร์คให้เหี้ยมาเดินเล่น ดอกนี้ แห้วแดร๊กตามระเบียบ เหี้ย C สั่งอีแดง เขมือบให้ได้ ฝันไกลแต่ได้แค่ "ขี้หมา" คนใต้เอือมระอา เป็นไงล่ะ อีฟ้าหลอกแดร๊ก อีส้มหลอกควาย อีแดงหลอกมรึง สุดท้าย เช็คพื้นที่จะรู้ สวมสิทธิ์เข้ามาเพี๊ยบ คนไทยแม้อ่ะเป่า? สาวไส้ยาวไป ใครคุมมหาดไทย สอดไส้ต่างด้าวเพี๊ยบ ดอกนี้ เรื่องยาวถึงศาลแน่ รอแค่ฟ้าเปลี่ยนสี ทุกคดี ทุกสิ่งซ่อนเร้น จะผุดออกมาเป็นดอกเห็น ด้วยคำสั่ง คณะรัฐประหาร เค้าวางแนวทางรอไว้แล้ว สรุปคือมรึงปล้นเงินแผ่นดิน กูก็จะปล้นโจรคืนไงล่ะ ทำใจได้เลย แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยมิชอบ จะถูกขับใหญ่ครั้งมโหฬาร หรือไม่ก็จัดระบบ จัดระเบียบกันใหม่ ตัวตนต้องชัด จ่ายภาษี ตรวจสอบได้ ติดตามได้ ที่ผานมา เป็นแค่เครื่องมือฝ่ายการเมือง แต่ต่อไป จะขึ้นตรงกับมหาดไทย และหน่วยความมั่นคง ทุกอย่างรอแค่ "ไฟเขียว" คดีความทั้งหมดที่รอการชำระล้าง จะถูกสางหมดเกลี้ยงในพศ.นี้ ก่อนการปรับเปลี่ยนการปกครอง ล้างไพ่ใหม่หมด ทุกองคาพยศ มีแค่กองทัพ และทหารเท่านั้น ที่ทำได้ "ฉีกรัฐธรรมเพื่อสร้างชาติใหม่ขึ้นมา" เสียของไม่เสียของ อย่าเพิ่งเดา อย่าเพิ่งพิพากษา เพราะงานนี้ วังคุมเองจ๊ะ? รู้แค่นี้พอ!หมี CNN(โสมแดงเติมไม่อั้น ทั้งอาวุธ กำลังพล ตามสัญญาทวิภาคีรัสเซีย ดอกนี้ ปูตินวางทหารโสมแดงตะลุยยุโรปจ๊ะ ทหารคึกคัก กูจะได้เที่ยวยุโรปฟรีกับเค้าแล้ว อิหร่านก็ใช่ย่อย เติมของเล่นใหม่ให้เยเมน ซีเรีย อิรัก ไม่อั้น สรุปคือ เหี้ยไม่มีของ เหี้ยไม่มีคน แค่เอาจริง ตายเรียบวุธ ดึงเชงไปเรื่อยๆ เหี้ยตายยกเข่งชัวร์ ยุโรปขาสั่น อเมริกาถอย เอเซียกินรวบ เดี๋ยวอีกไม่นาน WWIII จะมาเต็ม เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว นอกจากปิดเกมส์)02 ธันวาคม 6710.53 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 1785 Views 0 Reviews
  • 02-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.13 ตอน "เกมส์ล่ามหาสมบัติ" TREASURE ISLAND GAME โลกกำลังเข้าสู่ "ยุคล่าอาณานิคม" อีกครั้ง! ใครเป็นใคร ใครจะได้ครอบครอง โค้งสุดท้ายวัดสุดกำลัง ไม่มีผู้ชนะแท้จริง แต่จะมีผู้กำหนดชะตากรรมโลกต่ออีก 100 ปี กติกาใหม่สำหรับผู้ชนะเท่านั้น ในที่สุด สัญญานเปลี่ยนโลกก็มา ทั้งเรื่องนุ๊กรสชาเขียว พลังงานทดแทน กระแสการเงินโลก ภูมิภาค อำนาจ การปลดแอก อิสรภาพแท้จริง ตัวเล่นตัวเดิม แต่มีตัวละครใหม่เข้ามาผลัดเปลี่ยน ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน คือพลังเปลี่ยนโลก โลกที่ไม่มีเหี้ยไอ้อีตะวันตกนำอีกต่อไป สงครามเต็มรูปแบบจะไม่มีจริง เพราะหากแตกหักกันสุดขั้ว จะไม่เหลือใครรอด? สิ่งที่ขั้วใหม่ทำอยู่ตอนนี้ คือฉายภาพให้มรึงเห็นว่า จุดจบจะเป็นเช่นไร หากยังจะเดินหน้าต่อให้สุดซอย? อีลอนดอน ปากดี แต่ใจหมา อีตุ๊ดแต๋วแตก กระจอกกว่าที่คิดไว้เยอะ อีวอชิงตันแค่ต้องการสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเหี้ยคลั่งอำนาจอยากเป็น KING และหนีหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายหมด และไม่คิดจะจ่าย ล้มกระดานมันง่าย แต่ใครจะยอมให้มรึงเชิดเงินหนีกันล่ะ สิ่งที่มรึงต้องจ่ายแพงกว่าหนี้มรึงซะอีก นั่นคือ "แผ่นดิน"เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันๆว่าพบถ้วยแชมป์มากมี อะไรน่ะ? หงส์จิกเรือจมตายคาปากโอ่งอีกล่ะ? อีปืน อีสิงห์ ฝันสลาย กองแช่งตายท่วมจอ น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย มรึงจะเทพไปไหน ไอ้สัส! จะล่อแชมป์โลกเลยเหรอ? ไม่เกรงใจใครเลยน่ะ อีสล็อต! หนทางยังอีกยาวไกล รอจบ SEASON ก่อน ขอแค่ 4 ถ้วยก็พอ ไม่โลภ! เสื้อกันหนาวยังเอาไม่อยู่ นี่มันหนาวสุดขั้วทั้งลีคทั่วโลกไปแล้ว ตบราชัน เขี้ยวเรือใบ ขยี้เลเวอร์ อัดผีแดง ถลุง AC บดสิงห์โต กระทืบไก่โต้ง ถามสั้นๆ มรึงชนะแม่งทุกทิศ แต่เสือกแพ้เจ้าป่า นี่มรึงเล่นละครชิมิ? หลอกให้ตายใจ แล้วเชือดแม่งทุกลีค โลกขยาดหงส์ เรตติ้งความอิจฉาพุ่งทะลุนอกโลกไปแล้ว อีสล็อตมองหงส์ขาด มรึงมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว เพราะครอปป์ปูมาดี ขาดแค่ "เกมส์รับ ขันให้แน่นก็พอ" กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในยุโรป นำจ่าฝูงทุกสถาบัน บอกตรงสำหรับหมีแล้ว กูขอแค่แชมป์พรีเมียร์ลีคเป็นตัวยืนก่อนอันดับแรก แชมป์ยุโรปค่อยว่ากัน หนทางยังอีกยาวไกล พิสูจน์สิว่า "มรึงคือของจริง และชัวร์กว่าใคร" สล็อตจ๋า?พลิกล็อคสิจ๊ะ? ใครจะคิดกันล่ะ? ไอ้อีตัวเหี้ยขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง งานอีเว้นต์เผาโลกทุกวันนี้ คิดว่าจะสามารถควบคุมเกมส์ในมือได้ เปล่าเลย? ปูติน สีจิ้นผิง ซ้อนแผนมรึงยับ? 1.EU NATO แบ่งยูเครน หวังหั่นเค็กแดร๊กรวบพลังงาน แต่ปูตินยึดยุทธศาสตร์ยูเครนทั้งหมดไว้ในมือ 2.ดันดอลล่าร์ขึ้น หากเกิดสงคราม ผลตรงกันข้าม ดอลล่ารร่วง โลกเทกระจาด ทองคำพุ่ง 3.จะจมบั่นทอนเศรษฐกิจรัสเซีย ยึดพลังงาน ผลลัพธ์กลับตาลปัตร ปูตินได้แหล่งพลังงานเพิ่มจากทั่วโลก แห่กันเข้า BRICS 4.อดีตชาติอาณานิคมหักหลังเหี้ยหมดแล้ว ปลดแอกทั้งทวีป แหล่งรายได้ แหล่งฟอกเงิน กระจุย 5.ตัวละครขี้ข้าเหี้ย แพะเหี้ย โดนคดีกันบานตะไท แนวร่วมไม่มา หนีหายเกลี้ยง EU NATO เตรียมแตก 6.อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แตกชัวร์ การันตี อดีตเคยใหญ่คับฟ้า จากนี้ อยู่รูหนู ยาจก สิ้นฤทธิ์ โลกแฉ เปิดตา แสงทำงานสุดติ่ง 7.โลจิสติคโลกอยู่ในมือเอเซียแล้ว BRICS เชื่อมโลกสำเร็จ หยวนผงาด รูเบิลโลกต้องการ แร่ใหม่แจ้งเกิด ทองคำเตรียมลดคุณค่าลง 8.องค์กรสากลโลกปรับตามน้ำ เทดอลล่าร์รับหยวน กติกาเปลี่ยน เพราะเจ้ามือเปลี่ยนนั่นเอง เหี้ยจะถูกกรรมไล่เช็คบิล คดีความตามมาอื้อ แตกซะ คือจบ แผนหนีหนี้ 9.ยุโรป อเมริกา จะถูก อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อแผ่นดิน ถูกๆจับโป๊ะ! แรงงานไทย พม่า เรือประมง ใครสั่งให้ออกนอกเส้นทาง ล้ำน่านน้ำพม่า ใครสั่ง ใครจ่ายจ๊ะ? หน่วยความมั่นคงได้กลิ่นตุตุ นี่มันจัดฉากนี่หว่า ใครบอกมรึงล่ะ ว่า เรือประมงคือคนไทยแท้ ใครบอกมรึงล่ะว่า ขายตัว ขายชาติไม่มี เงินมาผ้าหลุด? ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้น ไม่ต้องถาม แผนเหี้ยไอ้อีตัวไหนกัน? ผบ.ทร. นิ่งเป็น หากมรึงจัดฉากมา กูก็จะจัดฉากกลับเช่นกัน เรือรบ เรือลาดตะเวน ทำงานปกติ ไม่ต้องแตกตื่น แต่หากไอ้อีใครโผล่ล้ำมา ซัดกระสุนกลับไม่มีโกง เบื้องหลังเกมส์อำมะหิตนี้ ต้องถามกลับว่า มีเหรอ ชาวประมงแท้จริงจะไม่รู้ว่าน่านน้ำไทยเค้าไม่ให้ล้ำไปตรงไหน ออกหาปลาทุกวัน มีเหรอจะไม่รู้ นอกจากแกล้งโง่? สรุปคืออีหม่องจัดฉาก จ้างหม่องกันเอง ฆ่ากันเอง โยนแพะให้ไทย ไม่ใช่ฝีมือ มิน อ๋อง ลายดอกน่ะ ก็เหมือนว้าแดง มันมีพวกเสี้ยม คอยเตะตัดขาอยู่ มิน อ๋อง ลาย หากยังอยากอยู่ต่อ มรึงไม่เคลียร์ภายในให้จบ เดี๋ยวเพ่ไทยจะเคลียร์ให้มรึงเอง หรืออยากให้สีจิ้นผิงเปลี่ยนตัวดีล่ะ?หนาวสุดขั้วมาเยือน ทั่วยุโรปต้องการพลังงานเพิ่ม 200% ไม่มียังพอทน แต่ราคาพุ่ง สวัสดิการหดหาย สงครามกลางเมืองมาแน่ มรึงฆ่ากันเองให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกับกู ขั้วใหม่ฝากบอก! ความฉลาดไม่ปราณีใคร ปากท้องคือเรื่องใหญ่ แต่มรึงจ้องจะก่อสงครามเพื่ออุ้มนายทุนยิวเท่านั้น ฉิบหายมั้ยล่ะ? ทั้งยุโรป อเมริกา จะไม่เหลืออะไรเลย? เอเซียผงาดเพราะพึ่งพาตัวเองได้ ผิดกับมรึงที่อาศัยเกาะชาวโลกหาแดร๊ก หมดยุคขู่แล้วจ๊ะ เพราะมรึงมันเสือนอนกินมานาน ตอนนี้กลายเป็นเสืออดอยากปากแห้ง ิีทรัมปป์เอาจริง ปลดล็อคสงคราม หันมาแบกอเมริกาอยู่รอด แท้จริงคือเตรียมแยกดินแดน อีช้าง จ้องไว้แล้ว จะหั่นตรงไหน หลังเลือกตั้ง เรตติ้งพุ่ง จับเฉพาะรัฐบริวาร 7 รัฐแตกแน่ อีทรัมปป์ไม่ทำเรื่องอื่น เปิดหน้าไล่เช็คบิลอีลาก่อนเพื่อน อีเอ๋อ หมดสภาพ โลกส่ายหน้าหนี อียิวยังไม่หมดหวัง เตรียมแผนล่าหัวอีทรัมปป์ หลังทำเนียบขาวมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ปลดเจ้าหน้าที่เพี๊ยบยกชุด อีตาเพนโดนด้วย งวดนี้แรงจัด! พรมแดนเข้มงวด ถีบส่งผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ไม่กลับ กูเก็บทันที!ปล.บางกอกฝีแตก หัดกระจาย เชื้อชั่วพลุ่งพล่าน โรงงานปิด เอกชนเจ๊ง สื่ออดอยาก ทั้งหมด มาจากนโยบายแดร๊กดุ ปชต.ไม่เคยช่วยใครได้จริง ควายก็ยังเป็นควาย ทางรอดคือลดประชากรควายซะ เมื่อระบบมันเอื้อเหี้ย เมื่อกฎหมายมันมีช่องโหว่ นักกฎหมายกลายเป็นโจรหาแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ยัง? "พ่อปกครองลูก" จะกลับมา เต็มอัตราศึก เลือกตั้งแบบใหม่จะก่อเกิด เลือกตรง ไม่ต้องผ่านสส. สว อยากได้ใครปกครอง มรึงเลือกเองเลยแต่ละจังหวัด พิมพ์เขียวออกมาแล้ว กษัตริย์อำนาจสูงสุด ใครก็แตะต้องมิได้ กระจายอำนาจ ขึ้นตรงส่วนกลาง ล้างบางข้าราชการขายตัว ขายชาติ ทหารไม่ออก ไทยไม่เปลี่ยน รอ D-DAY โลกเท่านั้น คลังไทยล้นทะลัก การเมืองแตะต้องไม่ได้ งบหลวงก็ใช้กันไป แต่อย่าแตะสินทรัพย์พระคลังหลวง คนเค้ามีดูแลอยู่ เจาะไม่ได้ ธปท.ไม่ใช่แคทวอร์คให้เหี้ยมาเดินเล่น ดอกนี้ แห้วแดร๊กตามระเบียบ เหี้ย C สั่งอีแดง เขมือบให้ได้ ฝันไกลแต่ได้แค่ "ขี้หมา" คนใต้เอือมระอา เป็นไงล่ะ อีฟ้าหลอกแดร๊ก อีส้มหลอกควาย อีแดงหลอกมรึง สุดท้าย เช็คพื้นที่จะรู้ สวมสิทธิ์เข้ามาเพี๊ยบ คนไทยแม้อ่ะเป่า? สาวไส้ยาวไป ใครคุมมหาดไทย สอดไส้ต่างด้าวเพี๊ยบ ดอกนี้ เรื่องยาวถึงศาลแน่ รอแค่ฟ้าเปลี่ยนสี ทุกคดี ทุกสิ่งซ่อนเร้น จะผุดออกมาเป็นดอกเห็น ด้วยคำสั่ง คณะรัฐประหาร เค้าวางแนวทางรอไว้แล้ว สรุปคือมรึงปล้นเงินแผ่นดิน กูก็จะปล้นโจรคืนไงล่ะ ทำใจได้เลย แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยมิชอบ จะถูกขับใหญ่ครั้งมโหฬาร หรือไม่ก็จัดระบบ จัดระเบียบกันใหม่ ตัวตนต้องชัด จ่ายภาษี ตรวจสอบได้ ติดตามได้ ที่ผานมา เป็นแค่เครื่องมือฝ่ายการเมือง แต่ต่อไป จะขึ้นตรงกับมหาดไทย และหน่วยความมั่นคง ทุกอย่างรอแค่ "ไฟเขียว" คดีความทั้งหมดที่รอการชำระล้าง จะถูกสางหมดเกลี้ยงในพศ.นี้ ก่อนการปรับเปลี่ยนการปกครอง ล้างไพ่ใหม่หมด ทุกองคาพยศ มีแค่กองทัพ และทหารเท่านั้น ที่ทำได้ "ฉีกรัฐธรรมเพื่อสร้างชาติใหม่ขึ้นมา" เสียของไม่เสียของ อย่าเพิ่งเดา อย่าเพิ่งพิพากษา เพราะงานนี้ วังคุมเองจ๊ะ? รู้แค่นี้พอ!หมี CNN(โสมแดงเติมไม่อั้น ทั้งอาวุธ กำลังพล ตามสัญญาทวิภาคีรัสเซีย ดอกนี้ ปูตินวางทหารโสมแดงตะลุยยุโรปจ๊ะ ทหารคึกคัก กูจะได้เที่ยวยุโรปฟรีกับเค้าแล้ว อิหร่านก็ใช่ย่อย เติมของเล่นใหม่ให้เยเมน ซีเรีย อิรัก ไม่อั้น สรุปคือ เหี้ยไม่มีของ เหี้ยไม่มีคน แค่เอาจริง ตายเรียบวุธ ดึงเชงไปเรื่อยๆ เหี้ยตายยกเข่งชัวร์ ยุโรปขาสั่น อเมริกาถอย เอเซียกินรวบ เดี๋ยวอีกไม่นาน WWIII จะมาเต็ม เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว นอกจากปิดเกมส์)02 ธันวาคม 6710.53 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    02-12-67/01 : หมี CNN / เล่าสู่กันฟัง" EP.13 ตอน "เกมส์ล่ามหาสมบัติ" TREASURE ISLAND GAME โลกกำลังเข้าสู่ "ยุคล่าอาณานิคม" อีกครั้ง! ใครเป็นใคร ใครจะได้ครอบครอง โค้งสุดท้ายวัดสุดกำลัง ไม่มีผู้ชนะแท้จริง แต่จะมีผู้กำหนดชะตากรรมโลกต่ออีก 100 ปี กติกาใหม่สำหรับผู้ชนะเท่านั้น ในที่สุด สัญญานเปลี่ยนโลกก็มา ทั้งเรื่องนุ๊กรสชาเขียว พลังงานทดแทน กระแสการเงินโลก ภูมิภาค อำนาจ การปลดแอก อิสรภาพแท้จริง ตัวเล่นตัวเดิม แต่มีตัวละครใหม่เข้ามาผลัดเปลี่ยน ทั้งเอเซีย แอฟริกา ลาติน คือพลังเปลี่ยนโลก โลกที่ไม่มีเหี้ยไอ้อีตะวันตกนำอีกต่อไป สงครามเต็มรูปแบบจะไม่มีจริง เพราะหากแตกหักกันสุดขั้ว จะไม่เหลือใครรอด? สิ่งที่ขั้วใหม่ทำอยู่ตอนนี้ คือฉายภาพให้มรึงเห็นว่า จุดจบจะเป็นเช่นไร หากยังจะเดินหน้าต่อให้สุดซอย? อีลอนดอน ปากดี แต่ใจหมา อีตุ๊ดแต๋วแตก กระจอกกว่าที่คิดไว้เยอะ อีวอชิงตันแค่ต้องการสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเหี้ยคลั่งอำนาจอยากเป็น KING และหนีหนี้ที่ไม่มีวันจะจ่ายหมด และไม่คิดจะจ่าย ล้มกระดานมันง่าย แต่ใครจะยอมให้มรึงเชิดเงินหนีกันล่ะ สิ่งที่มรึงต้องจ่ายแพงกว่าหนี้มรึงซะอีก นั่นคือ "แผ่นดิน"เมื่อคืนฝันดีน่าตบ ฝันๆว่าพบถ้วยแชมป์มากมี อะไรน่ะ? หงส์จิกเรือจมตายคาปากโอ่งอีกล่ะ? อีปืน อีสิงห์ ฝันสลาย กองแช่งตายท่วมจอ น้ำตาร่วงหลังพวงมาลัย มรึงจะเทพไปไหน ไอ้สัส! จะล่อแชมป์โลกเลยเหรอ? ไม่เกรงใจใครเลยน่ะ อีสล็อต! หนทางยังอีกยาวไกล รอจบ SEASON ก่อน ขอแค่ 4 ถ้วยก็พอ ไม่โลภ! เสื้อกันหนาวยังเอาไม่อยู่ นี่มันหนาวสุดขั้วทั้งลีคทั่วโลกไปแล้ว ตบราชัน เขี้ยวเรือใบ ขยี้เลเวอร์ อัดผีแดง ถลุง AC บดสิงห์โต กระทืบไก่โต้ง ถามสั้นๆ มรึงชนะแม่งทุกทิศ แต่เสือกแพ้เจ้าป่า นี่มรึงเล่นละครชิมิ? หลอกให้ตายใจ แล้วเชือดแม่งทุกลีค โลกขยาดหงส์ เรตติ้งความอิจฉาพุ่งทะลุนอกโลกไปแล้ว อีสล็อตมองหงส์ขาด มรึงมีทุกอย่างครบอยู่แล้ว เพราะครอปป์ปูมาดี ขาดแค่ "เกมส์รับ ขันให้แน่นก็พอ" กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในยุโรป นำจ่าฝูงทุกสถาบัน บอกตรงสำหรับหมีแล้ว กูขอแค่แชมป์พรีเมียร์ลีคเป็นตัวยืนก่อนอันดับแรก แชมป์ยุโรปค่อยว่ากัน หนทางยังอีกยาวไกล พิสูจน์สิว่า "มรึงคือของจริง และชัวร์กว่าใคร" สล็อตจ๋า?พลิกล็อคสิจ๊ะ? ใครจะคิดกันล่ะ? ไอ้อีตัวเหี้ยขาใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง งานอีเว้นต์เผาโลกทุกวันนี้ คิดว่าจะสามารถควบคุมเกมส์ในมือได้ เปล่าเลย? ปูติน สีจิ้นผิง ซ้อนแผนมรึงยับ? 1.EU NATO แบ่งยูเครน หวังหั่นเค็กแดร๊กรวบพลังงาน แต่ปูตินยึดยุทธศาสตร์ยูเครนทั้งหมดไว้ในมือ 2.ดันดอลล่าร์ขึ้น หากเกิดสงคราม ผลตรงกันข้าม ดอลล่ารร่วง โลกเทกระจาด ทองคำพุ่ง 3.จะจมบั่นทอนเศรษฐกิจรัสเซีย ยึดพลังงาน ผลลัพธ์กลับตาลปัตร ปูตินได้แหล่งพลังงานเพิ่มจากทั่วโลก แห่กันเข้า BRICS 4.อดีตชาติอาณานิคมหักหลังเหี้ยหมดแล้ว ปลดแอกทั้งทวีป แหล่งรายได้ แหล่งฟอกเงิน กระจุย 5.ตัวละครขี้ข้าเหี้ย แพะเหี้ย โดนคดีกันบานตะไท แนวร่วมไม่มา หนีหายเกลี้ยง EU NATO เตรียมแตก 6.อเมริกา อังกฤษ อิสราเอล แตกชัวร์ การันตี อดีตเคยใหญ่คับฟ้า จากนี้ อยู่รูหนู ยาจก สิ้นฤทธิ์ โลกแฉ เปิดตา แสงทำงานสุดติ่ง 7.โลจิสติคโลกอยู่ในมือเอเซียแล้ว BRICS เชื่อมโลกสำเร็จ หยวนผงาด รูเบิลโลกต้องการ แร่ใหม่แจ้งเกิด ทองคำเตรียมลดคุณค่าลง 8.องค์กรสากลโลกปรับตามน้ำ เทดอลล่าร์รับหยวน กติกาเปลี่ยน เพราะเจ้ามือเปลี่ยนนั่นเอง เหี้ยจะถูกกรรมไล่เช็คบิล คดีความตามมาอื้อ แตกซะ คือจบ แผนหนีหนี้ 9.ยุโรป อเมริกา จะถูก อาหรับ เอเซีย ช้อนซื้อแผ่นดิน ถูกๆจับโป๊ะ! แรงงานไทย พม่า เรือประมง ใครสั่งให้ออกนอกเส้นทาง ล้ำน่านน้ำพม่า ใครสั่ง ใครจ่ายจ๊ะ? หน่วยความมั่นคงได้กลิ่นตุตุ นี่มันจัดฉากนี่หว่า ใครบอกมรึงล่ะ ว่า เรือประมงคือคนไทยแท้ ใครบอกมรึงล่ะว่า ขายตัว ขายชาติไม่มี เงินมาผ้าหลุด? ทุกอย่างถูกจัดฉากขึ้น ไม่ต้องถาม แผนเหี้ยไอ้อีตัวไหนกัน? ผบ.ทร. นิ่งเป็น หากมรึงจัดฉากมา กูก็จะจัดฉากกลับเช่นกัน เรือรบ เรือลาดตะเวน ทำงานปกติ ไม่ต้องแตกตื่น แต่หากไอ้อีใครโผล่ล้ำมา ซัดกระสุนกลับไม่มีโกง เบื้องหลังเกมส์อำมะหิตนี้ ต้องถามกลับว่า มีเหรอ ชาวประมงแท้จริงจะไม่รู้ว่าน่านน้ำไทยเค้าไม่ให้ล้ำไปตรงไหน ออกหาปลาทุกวัน มีเหรอจะไม่รู้ นอกจากแกล้งโง่? สรุปคืออีหม่องจัดฉาก จ้างหม่องกันเอง ฆ่ากันเอง โยนแพะให้ไทย ไม่ใช่ฝีมือ มิน อ๋อง ลายดอกน่ะ ก็เหมือนว้าแดง มันมีพวกเสี้ยม คอยเตะตัดขาอยู่ มิน อ๋อง ลาย หากยังอยากอยู่ต่อ มรึงไม่เคลียร์ภายในให้จบ เดี๋ยวเพ่ไทยจะเคลียร์ให้มรึงเอง หรืออยากให้สีจิ้นผิงเปลี่ยนตัวดีล่ะ?หนาวสุดขั้วมาเยือน ทั่วยุโรปต้องการพลังงานเพิ่ม 200% ไม่มียังพอทน แต่ราคาพุ่ง สวัสดิการหดหาย สงครามกลางเมืองมาแน่ มรึงฆ่ากันเองให้เสร็จก่อน แล้วค่อยมาคุยกับกู ขั้วใหม่ฝากบอก! ความฉลาดไม่ปราณีใคร ปากท้องคือเรื่องใหญ่ แต่มรึงจ้องจะก่อสงครามเพื่ออุ้มนายทุนยิวเท่านั้น ฉิบหายมั้ยล่ะ? ทั้งยุโรป อเมริกา จะไม่เหลืออะไรเลย? เอเซียผงาดเพราะพึ่งพาตัวเองได้ ผิดกับมรึงที่อาศัยเกาะชาวโลกหาแดร๊ก หมดยุคขู่แล้วจ๊ะ เพราะมรึงมันเสือนอนกินมานาน ตอนนี้กลายเป็นเสืออดอยากปากแห้ง ิีทรัมปป์เอาจริง ปลดล็อคสงคราม หันมาแบกอเมริกาอยู่รอด แท้จริงคือเตรียมแยกดินแดน อีช้าง จ้องไว้แล้ว จะหั่นตรงไหน หลังเลือกตั้ง เรตติ้งพุ่ง จับเฉพาะรัฐบริวาร 7 รัฐแตกแน่ อีทรัมปป์ไม่ทำเรื่องอื่น เปิดหน้าไล่เช็คบิลอีลาก่อนเพื่อน อีเอ๋อ หมดสภาพ โลกส่ายหน้าหนี อียิวยังไม่หมดหวัง เตรียมแผนล่าหัวอีทรัมปป์ หลังทำเนียบขาวมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ ปลดเจ้าหน้าที่เพี๊ยบยกชุด อีตาเพนโดนด้วย งวดนี้แรงจัด! พรมแดนเข้มงวด ถีบส่งผู้อพยพ ผู้ลี้ภัย ไม่กลับ กูเก็บทันที!ปล.บางกอกฝีแตก หัดกระจาย เชื้อชั่วพลุ่งพล่าน โรงงานปิด เอกชนเจ๊ง สื่ออดอยาก ทั้งหมด มาจากนโยบายแดร๊กดุ ปชต.ไม่เคยช่วยใครได้จริง ควายก็ยังเป็นควาย ทางรอดคือลดประชากรควายซะ เมื่อระบบมันเอื้อเหี้ย เมื่อกฎหมายมันมีช่องโหว่ นักกฎหมายกลายเป็นโจรหาแดร๊ก ถึงเวลาเปลี่ยนระบบการปกครองใหม่ยัง? "พ่อปกครองลูก" จะกลับมา เต็มอัตราศึก เลือกตั้งแบบใหม่จะก่อเกิด เลือกตรง ไม่ต้องผ่านสส. สว อยากได้ใครปกครอง มรึงเลือกเองเลยแต่ละจังหวัด พิมพ์เขียวออกมาแล้ว กษัตริย์อำนาจสูงสุด ใครก็แตะต้องมิได้ กระจายอำนาจ ขึ้นตรงส่วนกลาง ล้างบางข้าราชการขายตัว ขายชาติ ทหารไม่ออก ไทยไม่เปลี่ยน รอ D-DAY โลกเท่านั้น คลังไทยล้นทะลัก การเมืองแตะต้องไม่ได้ งบหลวงก็ใช้กันไป แต่อย่าแตะสินทรัพย์พระคลังหลวง คนเค้ามีดูแลอยู่ เจาะไม่ได้ ธปท.ไม่ใช่แคทวอร์คให้เหี้ยมาเดินเล่น ดอกนี้ แห้วแดร๊กตามระเบียบ เหี้ย C สั่งอีแดง เขมือบให้ได้ ฝันไกลแต่ได้แค่ "ขี้หมา" คนใต้เอือมระอา เป็นไงล่ะ อีฟ้าหลอกแดร๊ก อีส้มหลอกควาย อีแดงหลอกมรึง สุดท้าย เช็คพื้นที่จะรู้ สวมสิทธิ์เข้ามาเพี๊ยบ คนไทยแม้อ่ะเป่า? สาวไส้ยาวไป ใครคุมมหาดไทย สอดไส้ต่างด้าวเพี๊ยบ ดอกนี้ เรื่องยาวถึงศาลแน่ รอแค่ฟ้าเปลี่ยนสี ทุกคดี ทุกสิ่งซ่อนเร้น จะผุดออกมาเป็นดอกเห็น ด้วยคำสั่ง คณะรัฐประหาร เค้าวางแนวทางรอไว้แล้ว สรุปคือมรึงปล้นเงินแผ่นดิน กูก็จะปล้นโจรคืนไงล่ะ ทำใจได้เลย แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาโดยมิชอบ จะถูกขับใหญ่ครั้งมโหฬาร หรือไม่ก็จัดระบบ จัดระเบียบกันใหม่ ตัวตนต้องชัด จ่ายภาษี ตรวจสอบได้ ติดตามได้ ที่ผานมา เป็นแค่เครื่องมือฝ่ายการเมือง แต่ต่อไป จะขึ้นตรงกับมหาดไทย และหน่วยความมั่นคง ทุกอย่างรอแค่ "ไฟเขียว" คดีความทั้งหมดที่รอการชำระล้าง จะถูกสางหมดเกลี้ยงในพศ.นี้ ก่อนการปรับเปลี่ยนการปกครอง ล้างไพ่ใหม่หมด ทุกองคาพยศ มีแค่กองทัพ และทหารเท่านั้น ที่ทำได้ "ฉีกรัฐธรรมเพื่อสร้างชาติใหม่ขึ้นมา" เสียของไม่เสียของ อย่าเพิ่งเดา อย่าเพิ่งพิพากษา เพราะงานนี้ วังคุมเองจ๊ะ? รู้แค่นี้พอ!หมี CNN(โสมแดงเติมไม่อั้น ทั้งอาวุธ กำลังพล ตามสัญญาทวิภาคีรัสเซีย ดอกนี้ ปูตินวางทหารโสมแดงตะลุยยุโรปจ๊ะ ทหารคึกคัก กูจะได้เที่ยวยุโรปฟรีกับเค้าแล้ว อิหร่านก็ใช่ย่อย เติมของเล่นใหม่ให้เยเมน ซีเรีย อิรัก ไม่อั้น สรุปคือ เหี้ยไม่มีของ เหี้ยไม่มีคน แค่เอาจริง ตายเรียบวุธ ดึงเชงไปเรื่อยๆ เหี้ยตายยกเข่งชัวร์ ยุโรปขาสั่น อเมริกาถอย เอเซียกินรวบ เดี๋ยวอีกไม่นาน WWIII จะมาเต็ม เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรอีกแล้ว นอกจากปิดเกมส์)02 ธันวาคม 6710.53 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 1686 Views 0 Reviews
More Results