• แบ่งโซนสั่งงานน้ำท่วม อย่ามองเป็นการเมือง : [THE MESSAGE]

    นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ เริ่มจัดการข้อมูล โดยคัดกรองข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียน ประสานท้องถิ่นว่าในส่วนที่รับผิดชอบมีผู้ประสบภัยเท่าใด เพื่อส่งต่อไปศูนย์บัญชาการส่วนหน้าที่มี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า หรือ ศป.กฉ. ส่วนหน้า โดยจะแบ่งโซนรับผิดชอบชัดเจน ทำให้ทราบว่าต้องประสานงานกับใคร ส่วนฝ่ายปฏิบัติต้องฟังคำสั่งจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ใครอยู่ส่วนใดก็แบ่งโซนกัน ขออย่าถามเรื่องการเมือง ทุกคนทำงานเพื่อช่วยประชาชน ยืนยัน ไม่สับสน ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องแผนอพยพที่เริ่มมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอความช่วยเหลือ กำลังเร่งดำเนินการ ศูนย์ฯนี้เพิ่งตั้ง ทุกฝ่ายเร่งประสานอพยพผู้ป่วย และ ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด สส. สงขลา พัทลุง สตูล แจ้งเตือนประชาชนให้อพยพก่อนมวลน้ำไปถึง ไม่ให้ซ้ำรอยหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นบทเรียน
    แบ่งโซนสั่งงานน้ำท่วม อย่ามองเป็นการเมือง : [THE MESSAGE] นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงการประชุมศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย ครั้งที่ 1/2568 ถึงสถานการณ์น้ำท่วมในภาคใต้ เริ่มจัดการข้อมูล โดยคัดกรองข้อมูลที่ประชาชนร้องเรียน ประสานท้องถิ่นว่าในส่วนที่รับผิดชอบมีผู้ประสบภัยเท่าใด เพื่อส่งต่อไปศูนย์บัญชาการส่วนหน้าที่มี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัยส่วนหน้า หรือ ศป.กฉ. ส่วนหน้า โดยจะแบ่งโซนรับผิดชอบชัดเจน ทำให้ทราบว่าต้องประสานงานกับใคร ส่วนฝ่ายปฏิบัติต้องฟังคำสั่งจาก ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรมว.เกษตรและสหกรณ์ หรือผู้บัญชาการทหารสูงสุดนั้น ใครอยู่ส่วนใดก็แบ่งโซนกัน ขออย่าถามเรื่องการเมือง ทุกคนทำงานเพื่อช่วยประชาชน ยืนยัน ไม่สับสน ส่วนเสียงวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเรื่องแผนอพยพที่เริ่มมีผู้เสียชีวิตระหว่างรอความช่วยเหลือ กำลังเร่งดำเนินการ ศูนย์ฯนี้เพิ่งตั้ง ทุกฝ่ายเร่งประสานอพยพผู้ป่วย และ ประสานผู้ว่าราชการจังหวัด สส. สงขลา พัทลุง สตูล แจ้งเตือนประชาชนให้อพยพก่อนมวลน้ำไปถึง ไม่ให้ซ้ำรอยหาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นบทเรียน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 504 Views 0 0 Reviews
  • ขออภัยที่ข่าวสารไปไม่ถึงคุณ

    สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา หลายภาคส่วนต่างทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนแต่ละสำนัก ต่างทำหน้าที่นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย และประสานความช่วยเหลือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสล้มผังรายการปกติ จัดรายการพิเศษ "มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568" ตั้งแต่ 05.30 ถึง 24.00 น.

    ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ปรับผังรายการและขยายการรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี รวมทั้งสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์ในเครือข่ายสื่อรัฐ ไม่นับรวมความทุ่มเทของสื่อมวลชนสำนักอื่นๆ ต่างเหน็ดเหนื่อยและเสียสละไม่แพ้กัน

    แต่เนื่องจากปัจจุบันระบบ Algorithm ของโซเชียลมีเดียตะวันตก มักจะเลือกนำเสนอในสิ่งที่ผู้ใช้สนใจเป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเกิดอะไรขึ้น เข้าใจผิดว่าสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ เริ่มจากอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.7 ล้านราย ระบุว่า "อยากให้สื่อเสนอข่าวน้ำท่วมก่อนค่ะ ดาราเป็นหนี้ใดๆ ให้เขาหาเงินใช้หนี้ไป เพราะตอนนี้ทั่วพื้นที่หาดใหญ่มีทั้งเด็กทารกและคนชราติดอยู่ในพื้นที่รอหน่วยงานไปช่วยเหลือเยอะมากๆ ค่ะ"

    สื่อมวลชนต่างพากันวิจารณ์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายอินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวขอโทษสื่อมวลชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่สบายใจ คนที่นำเสนออยู่แล้วไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้โพสต์เพื่อล่าแม่มด ชวนทะเลาะหรือทำให้เกิดความแตกแยก แค่อยากทำให้คนสนใจน้ำท่วมมากขึ้นสักคน ก็บรรลุเป้าหมายของตนแล้ว และได้แก้ไขต้นโพสต์เพื่อความสบายใจ ตรงจุดประสงค์ที่จะสื่อมากขึ้น และไม่ทำให้เป็นการกล่าวโทษใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

    แต่สำหรับ "นารา เครปกะเทย" หรือนายอนิวัต ประทุมถิ่น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ติดตามมากกว่า 2.4 ล้านคน กลับระบุว่า "สื่อช่วยหยุดลงข่าวดาราเรื่องเงินได้แล้วค่ะ แล้วมาช่วยลงข่าวน้ำท่วมภาคใต้หน่อยค่ะ มีคนเดือดร้อนมากมาย คิดเสียว่าเขาคือพ่อแม่เราเนอะ" ปรากฎว่ามีแฟนคลับต่างพากันคอมเมนต์เห็นด้วย แม้จะมีคนทักท้วงว่า คิดอะไรไม่ออก ด่าสื่อไว้ก่อน สื่อเขาทำข่าว ลงพื้นที่กันหมดแล้ว แต่กลับตอบคำถามอีกอย่าง

    นี่คือผลเสียของอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียตะวันตกที่ระบบอัลกอริทึมครอบงำผู้คนในชีวิตประจำวัน กลายเป็นการปิดหูปิดตาทางอ้อม ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่า ประเทศไทยเวลานี้กำลังเกิดหายนะอะไรขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้

    #Newskit
    ขออภัยที่ข่าวสารไปไม่ถึงคุณ สถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดภาคใต้ในช่วงที่ผ่านมา หลายภาคส่วนต่างทำหน้าที่แก้ไขปัญหาสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เช่นเดียวกับสื่อมวลชนแต่ละสำนัก ต่างทำหน้าที่นำเสนอปัญหาความเดือดร้อนของผู้ประสบภัย และประสานความช่วยเหลือกับภาคส่วนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสล้มผังรายการปกติ จัดรายการพิเศษ "มหาอุทกภัยภาคใต้ 2568" ตั้งแต่ 05.30 ถึง 24.00 น. ขณะที่ น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ และบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ปรับผังรายการและขยายการรายงานสถานการณ์แบบเรียลไทม์ ผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) และสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 เอ็มคอต เอชดี รวมทั้งสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์ในเครือข่ายสื่อรัฐ ไม่นับรวมความทุ่มเทของสื่อมวลชนสำนักอื่นๆ ต่างเหน็ดเหนื่อยและเสียสละไม่แพ้กัน แต่เนื่องจากปัจจุบันระบบ Algorithm ของโซเชียลมีเดียตะวันตก มักจะเลือกนำเสนอในสิ่งที่ผู้ใช้สนใจเป็นหลัก ทำให้ไม่ทราบว่าบ้านเมืองกำลังเกิดอะไรขึ้น เข้าใจผิดว่าสื่อมวลชนไม่ทำหน้าที่ เริ่มจากอินฟลูเอนเซอร์รายหนึ่ง ซึ่งมีผู้ติดตาม 1.7 ล้านราย ระบุว่า "อยากให้สื่อเสนอข่าวน้ำท่วมก่อนค่ะ ดาราเป็นหนี้ใดๆ ให้เขาหาเงินใช้หนี้ไป เพราะตอนนี้ทั่วพื้นที่หาดใหญ่มีทั้งเด็กทารกและคนชราติดอยู่ในพื้นที่รอหน่วยงานไปช่วยเหลือเยอะมากๆ ค่ะ" สื่อมวลชนต่างพากันวิจารณ์เป็นจำนวนมาก สุดท้ายอินฟลูเอนเซอร์รายดังกล่าวขอโทษสื่อมวลชนทุกคน ที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด ไม่สบายใจ คนที่นำเสนออยู่แล้วไม่ได้ว่าอะไรเลย ไม่ได้โพสต์เพื่อล่าแม่มด ชวนทะเลาะหรือทำให้เกิดความแตกแยก แค่อยากทำให้คนสนใจน้ำท่วมมากขึ้นสักคน ก็บรรลุเป้าหมายของตนแล้ว และได้แก้ไขต้นโพสต์เพื่อความสบายใจ ตรงจุดประสงค์ที่จะสื่อมากขึ้น และไม่ทำให้เป็นการกล่าวโทษใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่สำหรับ "นารา เครปกะเทย" หรือนายอนิวัต ประทุมถิ่น อินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้ติดตามมากกว่า 2.4 ล้านคน กลับระบุว่า "สื่อช่วยหยุดลงข่าวดาราเรื่องเงินได้แล้วค่ะ แล้วมาช่วยลงข่าวน้ำท่วมภาคใต้หน่อยค่ะ มีคนเดือดร้อนมากมาย คิดเสียว่าเขาคือพ่อแม่เราเนอะ" ปรากฎว่ามีแฟนคลับต่างพากันคอมเมนต์เห็นด้วย แม้จะมีคนทักท้วงว่า คิดอะไรไม่ออก ด่าสื่อไว้ก่อน สื่อเขาทำข่าว ลงพื้นที่กันหมดแล้ว แต่กลับตอบคำถามอีกอย่าง นี่คือผลเสียของอิทธิพลจากโซเชียลมีเดียตะวันตกที่ระบบอัลกอริทึมครอบงำผู้คนในชีวิตประจำวัน กลายเป็นการปิดหูปิดตาทางอ้อม ทำให้ประชาชนไม่รู้ว่า ประเทศไทยเวลานี้กำลังเกิดหายนะอะไรขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินแก้ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 1 Shares 565 Views 0 Reviews
  • วธ.พร้อมจัดงานพระราชพิธี สมพระเกียรติสูงสุด : [NEWS UPDATE]
    นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยถึงภารกิจหน่วยงานในสังกัด ทั้งการจัดพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล และเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่ 1.กรมการศาสนา ประสานองค์การทางศาสนาจัดพิธีตามหลักศาสนบัญญัติของเเต่ละศาสนา 2.กรมศิลปากร ดำเนินการรูปแบบพิธีการและจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมทั้งอาคารประกอบ 3.กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประสานศิลปินแห่งชาติ จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 4.หอภาพยนตร์ เผยแพร่ภาพยนตร์และสื่อเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ 5.กิจกรรมจิตอาสา 6.สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อปฏิบัติแนวทางเข้าร่วมงานพระราชพิธี ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสำนักนายกรัฐมนตรี และปรับแผนงาน-งบประมาณ ให้เหมาะสมกับกิจกรรม



    เตรียมร่างแบบพระเมรุมาศ

    แนวปฏิบัติมีเดียเอเยนซี่

    คุย"ฮุน มาเนต"ลดความขัดแย้ง

    ยังไม่ใช่เวลาเปิดด่าน
    วธ.พร้อมจัดงานพระราชพิธี สมพระเกียรติสูงสุด : [NEWS UPDATE] นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยถึงภารกิจหน่วยงานในสังกัด ทั้งการจัดพิธีทางศาสนาถวายเป็นพระราชกุศล และเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้แก่ 1.กรมการศาสนา ประสานองค์การทางศาสนาจัดพิธีตามหลักศาสนบัญญัติของเเต่ละศาสนา 2.กรมศิลปากร ดำเนินการรูปแบบพิธีการและจัดสร้างพระเมรุมาศ พร้อมทั้งอาคารประกอบ 3.กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ประสานศิลปินแห่งชาติ จัดกิจกรรมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 4.หอภาพยนตร์ เผยแพร่ภาพยนตร์และสื่อเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจ 5.กิจกรรมจิตอาสา 6.สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร ข้อปฏิบัติแนวทางเข้าร่วมงานพระราชพิธี ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยังตั้งคณะกรรมการอำนวยการ เพื่อบูรณาการการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสำนักนายกรัฐมนตรี และปรับแผนงาน-งบประมาณ ให้เหมาะสมกับกิจกรรม เตรียมร่างแบบพระเมรุมาศ แนวปฏิบัติมีเดียเอเยนซี่ คุย"ฮุน มาเนต"ลดความขัดแย้ง ยังไม่ใช่เวลาเปิดด่าน
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 638 Views 0 0 Reviews
  • ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต
    https://www.thai-tai.tv/news/22042/
    .
    #ไทยไท #สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #สวรรคต #ครม #คณะรัฐมนตรี #ไว้ทุกข์ #ลดธงครึ่งเสา

    ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต https://www.thai-tai.tv/news/22042/ . #ไทยไท #สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #สวรรคต #ครม #คณะรัฐมนตรี #ไว้ทุกข์ #ลดธงครึ่งเสา
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้

    1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

    2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

    ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน

    เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้

    (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง

    (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน

    (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)

    (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี

    (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

    (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย

    #Newskit
    มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้ 1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป 2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้ (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2) (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย #Newskit
    1 Comments 1 Shares 941 Views 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

    -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง
    -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ
    -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน
    -ร้องรื้อคดีตากใบ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน -ร้องรื้อคดีตากใบ
    0 Comments 0 Shares 585 Views 0 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

    -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง
    -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ
    -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน
    -ร้องรื้อคดีตากใบ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 341/2568 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยที่การกระทำความผิดทางเทคโนโลยีซับซ้อน มีรูปแบบหลากหลาย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว รวมทั้งการกระทำความผิดที่เกี่ยวข้องกับเงินที่ได้จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะการฟอกเงิน การซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เกิดความเสียหายต่อประชาชน ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ เพื่อให้การป้องกันปราบปรามมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ โดยนายกฯ เป็นประธานกรรมการ มีองค์ประกอบคณะกรรมการจากหน่วยงานต่างๆ อาทิ รมว.คลัง รมว.การต่างประเทศ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย -29 มี.ค. เหมาะเลือกตั้ง -หวังท่องเที่ยวดึงเศรษฐกิจ -งบเหลื่อมปีทุบสถิติ 3 แสนล้าน -ร้องรื้อคดีตากใบ
    0 Comments 0 Shares 455 Views 0 0 Reviews
  • ครม.เห็นชอบ แต่งตั้งข้าราชการการเมือง 5 ราย "จำลอง ช่วยรอด" เสริมทัพรัฐบาล นั่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/21895/
    .
    #ไทยไท #ครม #แต่งตั้งข้าราชการการเมือง #รองโฆษกสำนักนายก #สำนักนายกรัฐมนตรี #ข้าราชการการเมือง

    ครม.เห็นชอบ แต่งตั้งข้าราชการการเมือง 5 ราย "จำลอง ช่วยรอด" เสริมทัพรัฐบาล นั่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ https://www.thai-tai.tv/news/21895/ . #ไทยไท #ครม #แต่งตั้งข้าราชการการเมือง #รองโฆษกสำนักนายก #สำนักนายกรัฐมนตรี #ข้าราชการการเมือง
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ

    สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท

    ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570

    สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน

    ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น

    #Newskit
    แย้มปี 70 โอนข้ามแดนผ่าน Nexus ใช้เบอร์มือถือรับเงินทันที 5 ประเทศ สำนักข่าวเบอร์นามา (BERNAMA) ของมาเลเซีย รายงานว่า นางซาลิฮา มุสตาฟา รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (เขตปกครองกลาง) กล่าวผ่านเว็บไซต์รัฐสภามาเลเซีย เมื่อวันที่ 8 ก.ย. ว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 ชาวมาเลเซียที่เดินทางไปต่างประเทศ และนักท่องเที่ยวต่างชาติในมาเลเซีย ได้ทำธุรกรรมชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code (Cross-border QR Payment) จำนวน 11.8 ล้านรายการ คิดเป็นมูลค่า 967 ล้านริงกิต หรือประมาณ 7,307.44 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนับสำคัญ เมื่อเทียบกับปี 2567 มีปริมาณธุรกรรม 11.7 ล้านธุรกรรม คิดเป็นมูลค่า 860 ล้านริงกิต หรือประมาณ 6,490 ล้านบาท ธุรกรรมดังกล่าวรวมถึงการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR Code ระหว่างมาเลเซีย กับประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และไทย และครอบคลุมถึงการเชื่อมโยงชำระเงินระหว่างมาเลเซียกับจีน และมาเลเซียกับเกาหลีใต้ ผ่านข้อตกลงเชิงพาณิชย์ระหว่างผู้ให้บริการชำระเงิน ซึ่งธนาคารกลางมาเลเซีย (BNM) กำลังร่วมมือกับธนาคารกลาง 3 ประเทศในอาเซียน และธนาคารกลางอินเดียภายใต้โครงการเน็กซัส (Nexus) เพื่อพัฒนาเครือข่ายการชำระเงินข้ามแดนแบบพหุภาคี โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมต่อระบบการชำระเงินทันทีภายในประเทศทั่วโลกเพียงครั้งเดียว ไปยังแพลตฟอร์มการชำระเงินเน็กซัส คาดว่าจะเปิดให้ทำธุรกรรมโอนเงินทันทีข้ามพรมแดนครั้งแรกในปี 2570 สำหรับโครงการเน็กซัส เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับธนาคารกลางมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และอินเดีย ช่วยให้ประชาชนใน 5 ประเทศเอเชีย สามารถโอนเงินถึงกันได้ทันที แก้ปัญหาความซับซ้อนในการเชื่อมต่อแบบทีละประเทศ ซึ่งบางประเทศปริมาณธุรกรรมไม่สูงมากนัก อาจเกิดความไม่คุ้มค่า แต่สำหรับระบบเน็กซัส เน้นการโอนเงินรายย่อยระหว่างประชาชน เชื่อมต่อครั้งเดียวกับทุกประเทศในเครือข่ายด้วยต้นทุนต่ำ โอนเงินได้แบบทันทีโดยใช้หมายเลขโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในไทยจะเชื่อมผ่านระบบพร้อมเพย์ ครอบคลุมประชากรจาก 5 ประเทศที่เข้าร่วมกว่า 1,700 ล้านคน ทั้งนี้ สมาชิกกลุ่มแรกของเน็กซัสจัดตั้งองค์กร Nexus Global Payments (NGP) ที่ประเทศสิงคโปร์อย่างเป็นทางการ เพื่อให้บริการเครือข่ายการโอนเงินระหว่างประเทศแบบทันที ที่เชื่อมโยงระบบการชำระเงินของประเทศต่างๆ ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป และธนาคารกลางอินโดนีเซีย เป็นผู้สังเกตการณ์พิเศษในช่วงการจัดตั้งองค์กร ซึ่งหากกลุ่มเน็กซัสเปิดรับประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต จะทำให้เครือข่ายนี้ขยายกว้างขึ้น #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 641 Views 0 Reviews
  • การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมานั้นนอกจากจะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีการย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ระดับปลัดกระทรวงอีกด้วย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาอนุมัติรับโอน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074791

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุดที่เพิ่งผ่านมานั้นนอกจากจะมีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยแล้ว ยังมีการย้ายผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงแรงงาน ระดับปลัดกระทรวงอีกด้วย โดยคณะรัฐมนตรีมีมติพิจารณาอนุมัติรับโอน นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการพิเศษ ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074791 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 1234 Views 0 Reviews
  • ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE]
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที


    เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร

    รับไม่ได้น่าเกลียดมาก

    เครือข่ายสู้สงครามการค้า

    เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    ฟ้องอาญา-แพ่งกัมพูชา รุกรานอธิปไตยไทย : [NEWS UPDATE] นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี สั่งดำเนินคดีกรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธรุกรานอธิปไตยไทย จนเกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน กำลังพลและทางราชการจำนวนมาก ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทั้งทางอาญาและแพ่ง จนถึงระดับโลก โดยดำเนินคดีกับผู้สั่งการและผู้เกี่ยวข้องเร็วที่สุด มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เป็นหน่วยงานหลัก หารือกับหน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย เช่น กองทัพบก กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งฟ้องร้องคดีอาญาเรียกค่าเสียหายจากผู้สั่งการ และให้เก็บกู้วัตถุระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามา ซึ่งยังมีเหลือในชุมชน เผย พบโดรนบินเข้ามามากผิดปกติ ขอให้เร่งบังคับใช้กฎหมายกับผู้ทำผิดทันที เฟกนิวส์ไทยวางแผนสังหาร รับไม่ได้น่าเกลียดมาก เครือข่ายสู้สงครามการค้า เร่งสำรวจผลกระทบภาษี
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 931 Views 0 0 Reviews
  • อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม
    ///////////////


    "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน

    วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์
    นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน
    จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ
    พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน
    “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า
    เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว
    นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย
    เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล
    ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    อาการหนัก! 'ทักษิณ' กล่าวหาคนไทยไม่รักกัน ไปเข้าข้างผู้นำเขมรไร้จริยธรรม /////////////// "ทักษิณ" ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอก พรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติงอิ๊งค์ขายชาติ บอก ปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล ‘คึกฤทธิ์’ บอกสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง นางมนพร เจริญศรี รมช.คมนาคม น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รมช.ศึกษาธิการ และนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ และนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ร่วมงาน จากนั้น เวลา 19.30 น.นายทักษิณ ขึ้นเวทีปาฐกถาว่า หลายเรื่องพูดมาตั้งแต่เป็นนายกฯ เมื่อ 20 ปีแล้ว แต่มันไม่ไป วันนี้ก็ไม่ไปไหน หลายเรื่องก็ถอยเสียไปด้วยซ้ำ ตนจากไปต่างประเทศหลายปี กลับมาหลายเรื่องแย่กว่าเดิม แต่หลายเรื่องก็ก้าวหน้ามาก โดยเฉพาะเรื่องภาคเอกชนหรือส่วนราชการที่มีคนเก่งๆ วันนี้ประเทศไทยเราต้องการความเชื่อมั่นในหมู่คนไทยด้วยกันก่อน วันนี้คนไทยด้วยกันบางทีก็ไม่เชื่อมั่นตัวเอง และไม่คิดจะ พยายามที่จะรวมพลังกัน มีความเป็นหนึ่งที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน “เรื่องที่เกิดขึ้นกับกัมพูชา ผมก็แปลกใจผู้นำเขมรมันไร้จริยธรรมจะตาย แต่เรากลับไปเข้าข้างมัน ผมก็งงว่าวันนี้ทำไมคนไทยไม่รักกัน ทั้งที่สิ่งนี้ไม่น่าเกิด ไม่มีผู้นำคนไหนในโลกเขาทำกัน แต่เรากลับทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคที่เพิ่งหลุดจากพรรคร่วมรัฐบาล ก็กลับมามองว่า เป็นการขายชาติ เลยไม่รู้ว่าตกลงว่าเขาเป็นเขมรหรือเป็นไทย” นายทักษิณ กล่าว นายทักษิณ กล่าวต่อว่า วันนี้สิ่งที่ทำให้สะดุดปัญหาของประเทศที่ทำให้ประเทศนั้นชะงักอยู่ อันแรกคือปัญหาการเมือง ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ตอนนั้นพรรคไทยรักไทยเข้ามาจากการเลือกตั้งครั้งแรก โดย เป็นการขายนโยบาย และชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย แต่ตอนหลังความเข้มแข็งของพรรคไทยรักไทย หลังมีการปฏิวัติกลับถอยกลับ วันนี้การตั้งรัฐบาลผสมหลายๆ พรรค ต้องนึกถึงเมื่อ 51 ปีที่แล้วที่ไปช่วยราชการนายปรีดา พัฒนถาบุตร อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯ เหมือนกันเลยที่การเมืองไม่มีเสถียรภาพล้มกันไปล้มกันมา ผลสุดท้ายบ้านเมืองไม่ไปไหน ตนก็อยากจะขอร้องทุกคนว่าการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ แต่บ้านเมืองต้องพัฒนาอย่างต่อเนื่องต่อไป ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร ข้าราชการ นักธุรกิจก็ทำงานต่อไป ใครเป็นรัฐบาลก็มีหน้าที่มาเสริมทำให้ภาคเอกชนแข็งแรง
    0 Comments 0 Shares 789 Views 0 Reviews
  • กินรวบกุมอำนาจ หน่วยงานความมั่นคง : [NEWS UPDATE]

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.กระทรวงกลาโหม 2.กระทรวงการต่างประเทศ 3.กระทรวงมหาดไทย 4.กระทรวงยุติธรรม 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6.สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 7.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 8.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 9.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และ 10.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้

    -ถอยวาระร้อน

    -สอบพยานฟอกเงิน สว.เพิ่ม

    -เตือนภัย 33 จังหวัด

    -ไม่ต้องพึ่งศาลโลก
    กินรวบกุมอำนาจ หน่วยงานความมั่นคง : [NEWS UPDATE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี มอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี กำกับการบริหารราชการแทนนายกรัฐมนตรี ดังนี้ 1.กระทรวงกลาโหม 2.กระทรวงการต่างประเทศ 3.กระทรวงมหาดไทย 4.กระทรวงยุติธรรม 5.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 6.สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ 7.สำนักข่าวกรองแห่งชาติ 8.สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 9.สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ และ 10.ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ -ถอยวาระร้อน -สอบพยานฟอกเงิน สว.เพิ่ม -เตือนภัย 33 จังหวัด -ไม่ต้องพึ่งศาลโลก
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 934 Views 0 0 Reviews
  • "มท.อ้วน" ขออย่ามองลบปมสั่งปิดประชุมสภาฯ รับตามสภาพ สส.ที่เป็น รมต.ต้องหอบงานไปทำ ป้องกันสภาล่ม ชี้หน.พรรคร่วมต้องกำชับ สส.เข้าประชุม บอกปกติสามารถเกิดขึ้นได้ เผยยังไม่ได้คุยฝ่าย กม.เป็นรูปธรรม กรณีอำนาจรักษาการนายกฯยุบสภาได้หรือไม่ ยันทำตามอำนาจที่ รธน.

    วันนี้ (3ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง สั่งปิดการประชุมระหว่างฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุม ว่าเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ แต่เคยกำชับไว้แล้วว่าให้ทุกคนทำหน้าที่ในช่วงรอยต่อ ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง

    ส่วนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีการระบุว่าสส.กว่า 90% ของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมในวันนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมเป็นสส.ของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งต้องให้ทางหัวหน้าพรรคกำชับกันต่อไป

    ทั้งนี้ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะประสานแก้ปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หรือ ต้องให้วิปรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งตนเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วง 14:00 น. ที่ผ่านมา จึงเพิ่งได้เริ่มพูดคุยกัน ฉะนั้นต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เคยทำและอะไรที่ควรทำตนก็ต้องทำ ขณะที่เรื่องของสภาวิปรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งใหม่และกระบวนการต่างๆยังไม่ครบถ้วนจึงขอให้รอครบถ้วนก่อน เพราะตรงนี้เป็นปัญหาแต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ดังนั้นก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000062818

    #MGROnline #ภูมิธรรมเวชยชัย #รองนายกรัฐมนตรี #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย #รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
    "มท.อ้วน" ขออย่ามองลบปมสั่งปิดประชุมสภาฯ รับตามสภาพ สส.ที่เป็น รมต.ต้องหอบงานไปทำ ป้องกันสภาล่ม ชี้หน.พรรคร่วมต้องกำชับ สส.เข้าประชุม บอกปกติสามารถเกิดขึ้นได้ เผยยังไม่ได้คุยฝ่าย กม.เป็นรูปธรรม กรณีอำนาจรักษาการนายกฯยุบสภาได้หรือไม่ ยันทำตามอำนาจที่ รธน. • วันนี้ (3ก.ค.) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง สั่งปิดการประชุมระหว่างฝ่ายค้านขอให้นับองค์ประชุม ว่าเรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ แต่เคยกำชับไว้แล้วว่าให้ทุกคนทำหน้าที่ในช่วงรอยต่อ ซึ่งอาจจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง • ส่วนที่ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มีการระบุว่าสส.กว่า 90% ของพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมในวันนี้ แต่ส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าร่วมเป็นสส.ของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมชาติของแต่ละพรรคการเมือง ซึ่งต้องให้ทางหัวหน้าพรรคกำชับกันต่อไป • ทั้งนี้ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะประสานแก้ปัญหากับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างไร หรือ ต้องให้วิปรัฐบาลเป็นผู้ดำเนินการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ทุกคนทำหน้าที่อยู่แล้ว ซึ่งตนเพิ่งได้รับการแต่งตั้งเมื่อช่วง 14:00 น. ที่ผ่านมา จึงเพิ่งได้เริ่มพูดคุยกัน ฉะนั้นต้องทำงานกันอย่างต่อเนื่อง อะไรที่เคยทำและอะไรที่ควรทำตนก็ต้องทำ ขณะที่เรื่องของสภาวิปรัฐบาลก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่เมื่อมีการแต่งตั้งใหม่และกระบวนการต่างๆยังไม่ครบถ้วนจึงขอให้รอครบถ้วนก่อน เพราะตรงนี้เป็นปัญหาแต่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร ดังนั้นก็ต้องแก้ไขปัญหากันต่อ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000062818 • #MGROnline #ภูมิธรรมเวชยชัย #รองนายกรัฐมนตรี #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย #รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี
    0 Comments 0 Shares 849 Views 0 Reviews
  • สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 2 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว ประกอบกับนายภูมิธรรม เวชยชัย พ้นจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้จะมีการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ลงมาแล้ว แต่ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้จนกว่าจะเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณฯ ทำให้ตนต้องทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีไปก่อน โดยคาดว่าในวันพรุ่งนี้ (3 ก.ค. 68) จะนำครม.ใหม่เข้าถวายสัตย์ และเมื่อถวายสัตย์แล้ว นายภูมิธรรมก็คงจะกลับมาเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีตามเดิม อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ก็จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีให้เป็นไปตามกฎหมายเมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องอะไรที่ต้องเร่งดำเนินการบ้าง นายสุริยะกล่าวว่า เมื่อเช้า ทางสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำเอกสารมาให้เซ็นเพื่อมอบให้นายภูมิธรรมเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรี เรื่องอื่นไม่มีเมื่อถามอีกว่า ความรู้สึกที่ได้รักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุริยะกล่าวว่า ตลอด 10 เดือนที่ทำงานกับนางสาวแพทองธาร ท่านก็ตั้งใจ ทุ่มเทในการทำหน้าที่ ไม่เคยคิดถึงผลประโยชน์ส่วนตัวของตัวเอง และกำชับให้รัฐมนตรีทุกท่านทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ดังนั้น เมื่อดูเทปที่ออกมา ท่านก็อยากให้ทั้งสองประเทศสงบสุข และไม่มีเจตนาทำให้กองทัพลดบทบาทลง ก็เป็นเรื่องที่อยากชี้แจงให้ทราบผู้สื่อข่าวถามว่า นางสาวแพทองธาร สามารถเข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่ นายสุริยะตอบว่า ได้ปรึกษากับ สลค.และฝ่ายกฎหมายคือสำนักงานกฤษฎีกาแล้ว เห็นตรงกันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ไม่มีความห่วงใยอะไรตรงนี้ ทุกอย่างปรึกษาฝ่ายกฎหมายแล้ว ไม่มีอะไรผิด ส่วนหลังถวายสัตย์จะมีการประชุมครม.นัดพิเศษเพื่อมอบหมายงานหรือไม่นั้น ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น@ยัน 'แพทองธาร' เข้าพิธีถวายสัตย์ฯได้ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆที่นายกรัฐมนตรีจะชี้แจงเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไรเมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของนางสาวแพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าจะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาลมองว่าเป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า นางสาวแพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นจึงต้องถือว่านางสาวแพทองธาร ยังคงมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากจะวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้ เพราะเกินคำร้องเมื่อถามย้ำว่า หากมีคนไปร้องภายหลังนายสุริยะ นำเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณจะมีความผิดหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ร้องอะไร ขณะนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯลงมาแล้วเหลือเพียงขั้นตอนถวายสัตย์ปฏิญาณคิดว่าไม่มีอะไรห้ามส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยไม่มีประสิทธิภาพ ขณะนี้ได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพิ่มเติม เช่น นายวิษณุ เครืองาม หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดแบบนั้นก็คิดกันไป แต่ผมคิดว่าเราก็ทำงานกันเต็มที่ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องรับรู้กันทั่วไป และผมย้ำมาตลอด กฎหมายที่มีอยู่ในขณะนี้ต้องไปทบทวนว่ามีความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้ชัดเจนที่สุด คือเรื่องซื่อสัตย์สุจริต เรื่องจริยธรรม ผมเคยบอกว่า เกณฑ์มาตรฐานที่ไม่แน่นอนกลายเป็นดุลพินิจของศาล ที่รับแล้วว่ากันไป เคยเสนอให้แก้รัฐธรรมนูญตรงนี้ ถ้าฝ่ายกฎหมายไม่มีประสิทธิภาพ ผมก็ไม่ปฏิเสธ แต่อยากให้ดูถึงรากเหง้าของปัญหา"https://www.facebook.com/share/p/1NZ67YCzM6/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 1119 Views 0 Reviews
  • "แพทองธาร" ขอเก็บตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.นี้ โดยมี "สุริยะ" เป็นผู้นำ ครม. ก่อนมอบหมายงานรองนายกฯ ทำหน้าที่แทน

    เมื่อวันที่ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่ มีรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.แพทองธาร ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ว่า น.ส.แพทองธาร จะเก็บตัวเงียบโดยไม่มีภารกิจใด รวมถึงอาจไม่เข้าประชุมสส.พรรคเพื่อไทย ในเวลา14.30 น.ที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาน ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้นำครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฎิบัติหน้าที่

    จากนั้นนายสุริยะ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ จะนัดประชุมครม.ชุดใหม่ เพื่อพิจารณา คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง มอบหมายให้รองนายกฯรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ หรือ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือ ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เพื่อมอบหมายงานใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าจะมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นรองนายกฯลำดับที่ 1 ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061979

    #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร #สุริยะ
    "แพทองธาร" ขอเก็บตัว ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ 3 ก.ค.นี้ โดยมี "สุริยะ" เป็นผู้นำ ครม. ก่อนมอบหมายงานรองนายกฯ ทำหน้าที่แทน • เมื่อวันที่ (1 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฎิบัติหน้าที่ มีรายงานความเคลื่อนไหวของน.ส.แพทองธาร ในวันที่ 2 ก.ค.นี้ ว่า น.ส.แพทองธาร จะเก็บตัวเงียบโดยไม่มีภารกิจใด รวมถึงอาจไม่เข้าประชุมสส.พรรคเพื่อไทย ในเวลา14.30 น.ที่ทำการพรรค เพื่อเตรียมตัวก่อนที่จะเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาน ในวันที่ 3 ก.ค.นี้ โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)เป็นผู้นำครม.ชุดใหม่ เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฎิบัติหน้าที่ • จากนั้นนายสุริยะ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ จะนัดประชุมครม.ชุดใหม่ เพื่อพิจารณา คำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่อง มอบหมายให้รองนายกฯรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีและมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในกรณีที่รองนายกฯรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ไม่อยู่ หรือ ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ หรือ ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่ง เพื่อมอบหมายงานใหม่ ซึ่งมีรายงานว่าจะมอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นรองนายกฯลำดับที่ 1 ในการรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061979 • #Thaitimes #MGROnline #แพทองธาร #สุริยะ
    0 Comments 0 Shares 627 Views 0 Reviews
  • ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก
    ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องรัฐมนตรีลาออก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน

    วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม

    รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รัฐบาลออกแถลงการณ์ กรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหา ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ เมื่อปรากฏฝ่ายกัมพูชาขาดความจริงใจไม่เคารพกันและกัน • วันนี้ (19มิ.ย.) นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30น วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยทุกการดำเนินการเป็นไป ภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชาด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ทั้งนี้เจตนาดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์และน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม • รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบไปมา ที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา ซึ่งถือเป็นวิธีปฏิบัติหนึ่ง ที่ผู้นำประเทศโดยทั่วไปใช้แก้ไขปัญหาระหว่างรัฐบาล และเลือกใช้ถ้อยคำที่มุ่งโน้มน้าวให้กัมพูชาร่วมมือลดระดับการเผชิญหน้า โดยมีเป้าหมายสำคัญประการเดียว คือ ปกป้องอธิปไตย รักษาผลประโยชน์ของชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000057731 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 567 Views 0 Reviews
  • เจ้าหน้าที่ ข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งการปิดถนนรอบทำเนียบรัฐบาลพรุ่งนี้

    ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 18 มิถุนายน เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งว่า ขอประชาสัมพันธ์กรณีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้(19 มิถุนายน 2568)

    โดยรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต จะเริ่มทำการปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 08.00 น ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบต่อไป

    ก่อนหน้านี้ในโซเขียลมีเดีย หลายแพลตฟอร์ม มีการนัดชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้

    ขณะที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุว่า ปิดเส้นทางจราจร บริเวณ “แยกพณิชยการฯ(สะพานชมัยมรุเชฐ์)” และ “แยกสวนมิสกวัน” วันที่ 19 มิ.ย.68 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
    เจ้าหน้าที่ ข้าราชการสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งการปิดถนนรอบทำเนียบรัฐบาลพรุ่งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวจากทำเนียบรัฐบาลว่า ช่วงกลางดึกวันที่ 18 มิถุนายน เจ้าหน้าที่และข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้รับแจ้งว่า ขอประชาสัมพันธ์กรณีการปิดเส้นทางการจราจรบริเวณทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้(19 มิถุนายน 2568) โดยรับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต จะเริ่มทำการปิดการจราจรตั้งแต่เวลา 08.00 น ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบต่อไป ก่อนหน้านี้ในโซเขียลมีเดีย หลายแพลตฟอร์ม มีการนัดชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันพรุ่งนี้ ขณะที่สถานีตำรวจนครบาลดุสิต โพสต์แจ้งผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ระบุว่า ปิดเส้นทางจราจร บริเวณ “แยกพณิชยการฯ(สะพานชมัยมรุเชฐ์)” และ “แยกสวนมิสกวัน” วันที่ 19 มิ.ย.68 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป
    0 Comments 0 Shares 474 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ยันมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว ขออย่าขยายประเด็นให้ปัญหาซับซ้อน ยัน JBC ใช้มา 26 ปีคืบหน้าหลายเรื่อง หวัง 14 มิ.ย.กัมพูชายังร่วมมือกับไทย

    วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568) เวลา 17.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ กรณีไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้

    นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052763

    #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีไทย-กัมพูชา ยืนยันประเทศไทยไม่ยอมรับเขตอำนาจศาลโลกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบันแล้ว ยันมีกลไกทวิภาคีอยู่แล้ว ขออย่าขยายประเด็นให้ปัญหาซับซ้อน ยัน JBC ใช้มา 26 ปีคืบหน้าหลายเรื่อง หวัง 14 มิ.ย.กัมพูชายังร่วมมือกับไทย • วันนี้ (พฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน 2568) เวลา 17.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่ารัฐบาลไทยได้ออกแถลงการณ์ กรณีไทย-กัมพูชา ฉบับที่ 2 โดยมีเนื้อหาดังนี้ • นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะที่บริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ทั้งสองฝ่ายได้หารือและตกลงกันที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา ได้แก่ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Commission: JBC) คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา (General Border Committee: GBC) และคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) บนพื้นฐานของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นผลมาจากการหารือระหว่างผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองฝ่ายเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052763 • #MGROnline #ไทยกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 443 Views 0 Reviews
  • ศาล ปค.แจงเป็นหน้าที่นายกฯ-รมว.คลัง-กรมบังคับคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งใหม่บังคับให้ "ยิ่งลักษณ์" จ่ายชดใช้จำนำข้าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา หน้าที่ศาลปกครองยุติแล้ว

    วันที่ 26 พ.ค.น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาพันธ์ ศาลปกครอง เปิดเผยว่าการออกมานี้ชี้แจงนี้ เพื่อให้สังคมประชาชนเข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาลว่า เป็นพิจารณาเฉพาะประเด็นคำสั่งที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายกรัฐมนตรีกับพวกทั้ง 9 เท่านั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท เฉพาะส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน10,028,861,880.83 บาท แล้ว บทบาทหน้าที่ของศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว การดำเนินการใดใดจากนี้ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ต้องไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา

    น.ส.สายทิพย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นการฟ้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดใดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือกไป3.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาลว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้ว เห็นว่า โคงการจำนำข้าวนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน จึงวินิจฉัยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายนั้น ไม่ต้องมีความรับผิด แต่ในส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ คือเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย ดังนั้น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049199

    #MGROnline #ยิ่งลักษณ์ #จ่ายชดใช้จำนำข้าว #จำนำข้าว
    ศาล ปค.แจงเป็นหน้าที่นายกฯ-รมว.คลัง-กรมบังคับคดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกคำสั่งใหม่บังคับให้ "ยิ่งลักษณ์" จ่ายชดใช้จำนำข้าวให้เป็นไปตามคำพิพากษา หน้าที่ศาลปกครองยุติแล้ว • วันที่ 26 พ.ค.น.ส.สายทิพย์ สุคติพันธ์ ตุลาการศาลปกครองสูงสุด ในฐานะกรรมการประชาพันธ์ ศาลปกครอง เปิดเผยว่าการออกมานี้ชี้แจงนี้ เพื่อให้สังคมประชาชนเข้าใจกระบวนการพิจารณาของศาลว่า เป็นพิจารณาเฉพาะประเด็นคำสั่งที่เป็นข้อพิพาทระหว่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับ นายกรัฐมนตรีกับพวกทั้ง 9 เท่านั้น เมื่อศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งคำสั่งกระทรวงการคลัง ที่ 1351/2559 ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน เป็นเงิน 35,717,273,028.23 บาท เฉพาะส่วนที่ให้นางสาวยิ่งลักษณ์รับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกว่าจำนวน10,028,861,880.83 บาท แล้ว บทบาทหน้าที่ของศาลปกครองถือว่ายุติแล้ว การดำเนินการใดใดจากนี้ไปเป็นอำนาจหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร ต้องไปดำเนินการออกคำสั่งใหม่และปฏิบัติให้ถูกต้องตามคำพิพากษา น.ส.สายทิพย์ อธิบายเพิ่มเติมว่า คดีนี้เป็นการฟ้องของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งโดนคำสั่งของกระทรวงการคลังที่เรียกให้รับผิดใดใช้ค่าสินไหมโครงการจำนำข้าวเปลือกไป3.5 หมื่นล้านบาท จากนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์จึงเอาคำสั่งนี้มาฟ้องต่อศาลว่าคำสั่งนี้ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ศาลก็ได้ทบทวน โดยพิจารณาแล้ว เห็นว่า โคงการจำนำข้าวนั้นประกอบด้วยหลายขั้นตอน จึงวินิจฉัยว่า อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในส่วนที่ทำหน้าที่กำหนดนโยบายนั้น ไม่ต้องมีความรับผิด แต่ในส่วนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ คือเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมการปฏิบัตินโยบาย ดังนั้น การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี มีปัญหาการทุจริต มีการรายงานเข้ามาโดยหลายหน่วยงาน แต่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ติดตามกำกับดูแลตรวจสอบการทุจริตในส่วนนี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000049199 • #MGROnline #ยิ่งลักษณ์ #จ่ายชดใช้จำนำข้าว #จำนำข้าว
    0 Comments 0 Shares 816 Views 0 Reviews
  • ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี ชี้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง

    วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

    คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้องมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงการคลังยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000047914

    #MGROnline #ศาลปกครองสูงสุด #ยิ่งลักษณ์
    ศาลปกครองสูงสุด พิพากษาแก้ ให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว 10,028 ล้านบาท เฉพาะส่วนที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการระบายข้าวจีทูจี ชี้ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง • วันนี้ (22 พ.ค.) เวลา 13.30 น.ศาลปกครองสูงสุดนัดออกบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีที่กระทรวงการคลังยื่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่สั่งเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังที่ 135/2559 ลงวันที่ 13 ต.ค. 2559 ที่ให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนกรณีปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการ เป็นเงิน 35,717,273,028 บาท ในคดีที่ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และ นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามี ร่วมกันยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลัง สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงคลัง กรมบังคับคดี อธิบดีกรมบังคับคดี และเจ้าพนักงานบังคับคดี สำนักงานบังคับคดีแพ่ง กรุงเทพมหานคร กรณีที่ร่วมกันมีคำสั่งดังกล่าวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย • คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้องมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2564 เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังดังกล่าว เท่ากับว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการจำนำข้าว เนื่องจากกระทรวงการคลังยอมรับว่า ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้กระทำให้เกิดความเสียหายโดยตรง และขั้นตอนการตรวจสอบของคณะกรรมการสอบสวนความรับผิดทางละเมิดก็ไม่ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมให้เพิกถอนคำสั่งอายัดทรัพย์ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000047914 • #MGROnline #ศาลปกครองสูงสุด #ยิ่งลักษณ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 791 Views 0 Reviews
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 760 Views 0 Reviews
  • ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2
    .
    วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี
    เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ
    .
    ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา
    โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้
    1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย
    ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
    - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/
    นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power)
    - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า
    - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 . วันนี้ (15 พฤษภาคม 2568) เวลา 10.00 น. นายอิทธิพล ช่างกลึงดี ผู้ตรวจราชสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 เป็นประธานประชุมการตรวจราชการตามแผนการตรวจราชการแบบบูรณาการของผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 13 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 รอบที่ 2 ผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์(Video Conference : Zoom Meeting) ณ ห้องประชุมภูแลนคา ชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดชัยภูมิ . ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมามีนายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาพร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กพรอนิกส์ ณ ห้องประชุมหลวงพ่อคูณปริทสุทโธ ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา โดยมีประด็นการตรวจติดตามดังนี้ 1. การป้องกันและแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่อมุ่งสู่การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ - นำเสนอโดย สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชัยภูมิ/ นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 2.การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) - นำเสนอโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ/นครราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์ 3. การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด และบุหรี่ไฟฟ้า - นำเสนอโดย ที่ทำการปกครองจังหวัดชัยภูมิ/นครรราชสีมา/บุรีรัมย์/สุรินทร์
    0 Comments 0 Shares 741 Views 0 Reviews
  • นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) กระทรวงยุติธรรมส่วนกรณีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เคยมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบกระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านความมั่นคงซึ่งรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการมอบหมายอีก
    นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติมอบให้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนในการบริหารสั่งการกรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) กระทรวงยุติธรรมส่วนกรณีของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เคยมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบกระทรวงยุติธรรมอยู่แล้ว สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านความมั่นคงซึ่งรวมถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องขอมติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ในการมอบหมายอีก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 659 Views 0 Reviews
More Results