• อุดมการณ์ชาตินิยม คือ ความอยู่รอดและความมั่นคงของประเทศ : คนเคาะข่าว 17-06-68
    : ทูตสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว #อุดมการณ์ชาตินิยม #ความมั่นคงของประเทศ #ความอยู่รอดของชาติ #ทูตสุรพงษ์ชัยนาม #การเมืองไทย #นโยบายความมั่นคง #วิเคราะห์การเมือง #ภูมิรัฐศาสตร์ #ข่าวต่างประเทศ #thaitimes #Geopolitics #ความมั่นคงแห่งรัฐ #แนวคิดชาตินิยม #นงวดีถนิมมาลย์
    อุดมการณ์ชาตินิยม คือ ความอยู่รอดและความมั่นคงของประเทศ : คนเคาะข่าว 17-06-68 : ทูตสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูต ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #อุดมการณ์ชาตินิยม #ความมั่นคงของประเทศ #ความอยู่รอดของชาติ #ทูตสุรพงษ์ชัยนาม #การเมืองไทย #นโยบายความมั่นคง #วิเคราะห์การเมือง #ภูมิรัฐศาสตร์ #ข่าวต่างประเทศ #thaitimes #Geopolitics #ความมั่นคงแห่งรัฐ #แนวคิดชาตินิยม #นงวดีถนิมมาลย์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 0 Reviews
  • 🌍 การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    ✅ รายละเอียดมาตรการใหม่
    - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ
    - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น
    - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ
    - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี
    - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ
    - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว

    🔍 ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    ✅ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา
    - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่

    ‼️ ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย
    - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า
    - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
    - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต

    🛡️ แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต
    ✅ การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น
    - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต
    - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า
    - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้
    - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง
    - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ
    - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    🌍 การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ✅ รายละเอียดมาตรการใหม่ - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้ ‼️ ข้อควรระวัง - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว 🔍 ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก ✅ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต 🛡️ แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต ✅ การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้ - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foreign students scrub social media as US expands visa vetting
    As the US halts student visa interviews, applicants are censoring their online presence for fear of being denied entry.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • ทรัมป์ร่ายยาวโจมตีเซเลนสกีอีกครั้ง!!

    โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีคือตัวอันตรายสำหรับการเจรจาสันติภาพ หลังจากเมื่อวันก่อน เซเลนสกีประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย

    "ถ้าเขาต้องการไครเมีย ทำไมพวกเขาไม่ต่อสู้เพื่อมันตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่มันถูกส่งให้รัสเซียโดยที่รัสเซียไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว"

    ... เขาสามารถทำให้เกิดสันติภาพได้ หรือเขาจะสู้ต่ออีก 3 ปี แล้วสูญเสียประเทศทั้งหมด!!"

    👉ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหรัฐกำลังจะประกาศรับรองไครเมียว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาสั้นติภาพ

    👉หลังจากนั้นเซเลนสกี ประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย โดยอ้างว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

    👉ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียว คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ออกมาประกาศเข้าข้างเซเลนสกี ว่า "ไครเมียคือยูเครน สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย"

    👉ล่าสุดวันนี้ สำนักงานประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศชัดเจนถึงสหรัฐว่า: 'บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถต่อรองได้สำหรับการเจรจาสันติภาพ'
    ทรัมป์ร่ายยาวโจมตีเซเลนสกีอีกครั้ง!! โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีคือตัวอันตรายสำหรับการเจรจาสันติภาพ หลังจากเมื่อวันก่อน เซเลนสกีประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย "ถ้าเขาต้องการไครเมีย ทำไมพวกเขาไม่ต่อสู้เพื่อมันตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่มันถูกส่งให้รัสเซียโดยที่รัสเซียไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว" ... เขาสามารถทำให้เกิดสันติภาพได้ หรือเขาจะสู้ต่ออีก 3 ปี แล้วสูญเสียประเทศทั้งหมด!!" 👉ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหรัฐกำลังจะประกาศรับรองไครเมียว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาสั้นติภาพ 👉หลังจากนั้นเซเลนสกี ประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย โดยอ้างว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ 👉ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียว คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ออกมาประกาศเข้าข้างเซเลนสกี ว่า "ไครเมียคือยูเครน สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย" 👉ล่าสุดวันนี้ สำนักงานประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศชัดเจนถึงสหรัฐว่า: 'บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถต่อรองได้สำหรับการเจรจาสันติภาพ'
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 351 Views 0 Reviews
  • "ไครเมียคือยูเครน"

    สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย

    คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวยืนยันในฐานะตัวแทนของยุโรป ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ยุโรปแสดงท่าทีต่อต้านสหรัฐ

    ขณะที่มีรายงานว่าสหรัฐจะเสนอรับรองไครเมียเป็นของรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ (23 เมษายน)

    คัลลาสยังกล่าวแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของสหรัฐที่ไม่ได้มีจุดยืนที่แข็งกร้าว และไม่ได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดเพื่อกดดันรัสเซีย และสิ่งที่แสดงออกมาเพียงแค่ “เป็นการเล่นเกม”
    "ไครเมียคือยูเครน" สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง และรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวยืนยันในฐานะตัวแทนของยุโรป ซึ่งเป็นอีกครั้งที่ยุโรปแสดงท่าทีต่อต้านสหรัฐ ขณะที่มีรายงานว่าสหรัฐจะเสนอรับรองไครเมียเป็นของรัสเซียอย่างเป็นทางการในวันพุธนี้ (23 เมษายน) คัลลาสยังกล่าวแสดงความผิดหวังต่อท่าทีของสหรัฐที่ไม่ได้มีจุดยืนที่แข็งกร้าว และไม่ได้ใช้เครื่องมือทั้งหมดเพื่อกดดันรัสเซีย และสิ่งที่แสดงออกมาเพียงแค่ “เป็นการเล่นเกม”
    Haha
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย

    ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด

    ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ

    ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก

    ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด


    ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้

    ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง

    ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    หวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti เกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของจีนและมุมมองของปักกิ่งเกี่ยวกับนโยบายปลดอาวุธ ระหว่างเยือนมอสโก ประเทศรัสเซีย ➡️ จีนยึดมั่นในยุทธศาสตร์การป้องกันตนเองด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และไม่เคยมีเจตนาแข่งขันด้านอาวุธนิวเคลียร์กับประเทศใด ➡️ ปักกิ่งยังคงรักษาคลังอาวุธนิวเคลียร์ในระดับต่ำเท่าที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงของชาติ ➡️ กองกำลังนิวเคลียร์ของจีน นับว่ามีส่วนสนับสนุนที่สำคัญต่อสันติภาพของโลก ➡️ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องดำเนินการเป็นขั้นตอน และยึดตามหลักการไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อความมั่นคงของจีนและของประเทศใด ➡️ จำนวนอาวุธนิวเคลียร์ของจีนยังห่างไกลจากจำนวนที่สหรัฐอเมริกาครอบครองไว้อย่างที่ไม่สามารถมาเปรียบเทียบกันได้ ➡️ ข้อเรียกร้องของสหรัฐฯ ที่ให้จีนเข้าร่วมการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์นั้นไม่ยุติธรรมและไม่สมจริง ➡️ สหรัฐฯ ต้องลดบทบาทของอาวุธนิวเคลียร์ในนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ หยุดสร้าง "พันธมิตรนิวเคลียร์" การป้องกันขีปนาวุธระดับโลก และติดตั้งขีปนาวุธภาคพื้นดินพิสัยกลางและกองกำลังยุทธศาสตร์อื่น ๆ ใกล้ชายแดนประเทศอื่นได้แล้ว
    0 Comments 0 Shares 400 Views 0 Reviews
  • เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

    ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย

    มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก”
    “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้”
    พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก” “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้” พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    0 Comments 0 Shares 423 Views 0 Reviews
  • 21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล

    📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️

    📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด

    ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍

    🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด
    07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha

    07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥
    ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo
    ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia
    ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha

    08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่

    08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde

    09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี

    🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี
    📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา

    📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX

    📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4

    📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6

    🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด

    ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด

    การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546

    ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง

    ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน

    ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน

    🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑

    🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์

    📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547
    🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔

    ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568

    🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล 📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️ 📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍 🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด 07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha 07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥 ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha 08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่ 08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde 09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี 🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี 📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา 📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX 📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4 📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6 🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน 🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑 🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์ 📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547 🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔 ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568 🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    0 Comments 0 Shares 1508 Views 0 Reviews
  • 7 ปี สิ้น “แม่ทัพหาญ” พลเอกหาญ ลีนานนท์ ผู้บุกเบิกนโยบายใต้ร่มเย็น ค้านเรือเหาะ เลิกปราบปราม สร้างความเข้าใจ ใช้สันติวิธี

    “ดับไฟใต้ด้วยสันติวิธี” คือแนวทางที่ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เลือกใช้ตลอดชีวิตการรับราชการ และการเมือง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผล ในการสร้างความสงบ ให้กับภาคใต้ของไทย

    📌 7 ปี แล้วที่ พลเอกหาญ ลีนานนท์ หรือ "แม่ทัพหาญ" จากไป ทิ้งไว้เพียงตำนานของแม่ทัพ ผู้เปลี่ยนนโยบายความมั่นคงของไทย จากการใช้กำลัง สู่สันติวิธี 🌿

    แม้จะจากโลกนี้ไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา แต่ชื่อของแม่ทัพหาญ ยังคงถูกกล่าวถึงในแวดวงการเมือง และกองทัพ โดยเฉพาะเรื่อง "นโยบายใต้ร่มเย็น" ที่กลายเป็นแนวทางสำคัญ ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ 🕊️

    👤 🎖️ เส้นทางสู่กองทัพ
    พลเอกหาญ ลีนานนท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2467 ที่อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เป็นบุตรของขุนด่านลีนานนท์ และนางนิตย์ ลีนานนท์

    การศึกษาของแม่ทัพหาญเริ่มจาก
    - โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย
    - โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
    - โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร
    - โรงเรียนนายร้อยทหารบก ร่วมรุ่นกับ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก และพลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์

    หลังจบการศึกษา แม่ทัพหาญไต่เต้าขึ้นสู่ ตำแหน่งสำคัญในกองทัพ จนกระทั่งได้รับแต่งตั้ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างคุณูปการ มากที่สุดในชีวิต

    🏅 🔥 ปัญหาภาคใต้ก่อนยุคแม่ทัพหาญ
    ก่อนที่แม่ทัพหาญจะเข้ารับตำแหน่ง ภาคใต้เผชิญปัญหาความรุนแรงจากหลายกลุ่ม ได้แก่
    ✅ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (พคท.)
    ✅ ขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน (ขจก.)
    ✅ โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา
    ✅ อิทธิพลท้องถิ่นและกลุ่มผู้มีอำนาจมืด

    รัฐใช้มาตรการปราบปรามอย่างหนัก แต่ไม่ได้ผล จนกระทั่งแม่ทัพหาญ เข้ามาเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหา

    ☂️ นโยบายใต้ร่มเย็น จากสงครามสู่สันติภาพ
    "ใต้ร่มเย็น" เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการเมือง มากกว่าการทหาร โดยมีหลักการสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่

    1️⃣ ปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทั้งไทยพุทธและมุสลิม
    2️⃣ ทำให้พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียปลอดภัย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
    3️⃣ กำจัดอำนาจเผด็จการ และอิทธิพลมืดด้วยสันติวิธี
    4️⃣ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน

    แม่ทัพหาญยึดหลักว่า "ต้องชนะใจประชาชน" ไม่ใช่แค่เอาชนะศัตรู ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ "นโยบาย 66/23" ที่ใช้ปราบคอมมิวนิสต์สำเร็จมาแล้ว

    📝 ผลลัพธ์ของนโยบายใต้ร่มเย็น
    ✅ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มอบตัวจำนวนมาก
    ✅ ปัญหาความรุนแรง ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
    ✅ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และประชาชนดีขึ้น

    🚢 ค้านเรือเหาะ ไม่เห็นด้วยกับการทุ่มงบประมาณ อย่างไร้ประสิทธิภาพ ⚠️
    ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กองทัพบกได้ จัดซื้อเรือเหาะมูลค่า 350 ล้านบาท เพื่อใช้เฝ้าระวังในสามจังหวัดชายแดนใต้ แต่กลับกลายเป็น ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

    แม่ทัพหาญ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญ ที่ออกมาคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า
    ❌ ภูมิประเทศภาคใต้ เต็มไปด้วยป่าดงดิบ เรือเหาะจะจับภาพได้ยาก
    ❌ ขบวนการก่อความไม่สงบ อยู่ปะปนกับชาวบ้าน ไม่ใช่ในป่าเขา
    ❌ อาวุธเทคโนโลยีแพง ไม่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ความเข้าใจประชาชน
    ❌ เป็นการใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า ขณะที่เงินเหล่านี้ สามารถนำไปพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้

    🔴 บทความ "บทเรียนจากการรบ" ของแม่ทัพหาญ ระบุว่า
    "การซื้อเรือเหาะปราบโจรนี้ แสดงว่าทั้งผู้บังคับบัญชา ไม่มีความคิดที่จะแก้ปัญหาทางยุทธศาสตร์ โจรไม่ได้อยู่ในป่า แต่เขาอยู่ในบ้าน ในหมู่บ้าน ถ้าเรือเหาะถ่ายภาพมาได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นโจร หรือเป็นชาวบ้าน?"

    ท้ายที่สุด เรือเหาะถูกปลดระวาง โดยไม่เคยใช้งานเต็มศักยภาพ ซึ่งพิสูจน์ว่า แม่ทัพหาญคิดถูก 🛑

    🌟 แม่ทัพหาญ ตำนานที่ยังมีชีวิต
    แม้ว่า พลเอกหาญ ลีนานนท์ จะจากไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา แต่แนวคิดและอุดมการณ์ ยังคงส่งอิทธิพล ต่อการแก้ปัญหาภาคใต้ จนถึงปัจจุบัน

    ✅ พิสูจน์ว่าสันติวิธีดีกว่าการใช้กำลัง
    ✅ เปลี่ยนแนวคิด "สงคราม" เป็น "การเมืองนำการทหาร"
    ✅ ต่อต้านการทุ่มงบประมาณ อย่างไร้เหตุผล
    ✅ เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ประชาชนไว้วางใจ

    🕊️ "แม่ทัพหาญ" อาจจากไป แต่แนวคิดยังคงอยู่ตลอดกาล🔥
    ✅ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ริเริ่ม "นโยบายใต้ร่มเย็น"
    ✅ เปลี่ยนจาก "การปราบปราม" เป็น "การสร้างความเข้าใจ"
    ✅ คัดค้านเรือเหาะ 350 ล้าน เพราะมองว่าสิ้นเปลือง และไม่แก้ปัญหาที่แท้จริง
    ✅ สร้างแนวทางสันติวิธี ที่กลายเป็นต้นแบบ การแก้ปัญหาภาคใต้

    🌿 "ดับไฟใต้ไม่ต้องใช้ปืน แต่ต้องใช้ใจ" พลเอกหาญ ลีนานนท์

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 111039 ก.พ. 2568

    📢 #แม่ทัพหาญ #ใต้ร่มเย็น #สันติวิธี #ดับไฟใต้ #การเมืองนำการทหาร #ค้านเรือเหาะ #ภาคใต้ #กองทัพไทย #7ปีสิ้นแม่ทัพหาญ
    7 ปี สิ้น “แม่ทัพหาญ” พลเอกหาญ ลีนานนท์ ผู้บุกเบิกนโยบายใต้ร่มเย็น ค้านเรือเหาะ เลิกปราบปราม สร้างความเข้าใจ ใช้สันติวิธี “ดับไฟใต้ด้วยสันติวิธี” คือแนวทางที่ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เลือกใช้ตลอดชีวิตการรับราชการ และการเมือง ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผล ในการสร้างความสงบ ให้กับภาคใต้ของไทย 📌 7 ปี แล้วที่ พลเอกหาญ ลีนานนท์ หรือ "แม่ทัพหาญ" จากไป ทิ้งไว้เพียงตำนานของแม่ทัพ ผู้เปลี่ยนนโยบายความมั่นคงของไทย จากการใช้กำลัง สู่สันติวิธี 🌿 แม้จะจากโลกนี้ไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา แต่ชื่อของแม่ทัพหาญ ยังคงถูกกล่าวถึงในแวดวงการเมือง และกองทัพ โดยเฉพาะเรื่อง "นโยบายใต้ร่มเย็น" ที่กลายเป็นแนวทางสำคัญ ในการแก้ปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนใต้ 🕊️ 👤 🎖️ เส้นทางสู่กองทัพ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2467 ที่อำเภอทุ่งหว้า จังหวัดสตูล เป็นบุตรของขุนด่านลีนานนท์ และนางนิตย์ ลีนานนท์ การศึกษาของแม่ทัพหาญเริ่มจาก - โรงเรียนไตรมิตรวิทยาลัย - โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย - โรงเรียนมัธยมวัดเบญจมบพิตร - โรงเรียนนายร้อยทหารบก ร่วมรุ่นกับ พลเอกอาทิตย์ กำลังเอก และพลเอกเทียนชัย ศิริสัมพันธ์ หลังจบการศึกษา แม่ทัพหาญไต่เต้าขึ้นสู่ ตำแหน่งสำคัญในกองทัพ จนกระทั่งได้รับแต่งตั้ง เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเป็นช่วงที่สร้างคุณูปการ มากที่สุดในชีวิต 🏅 🔥 ปัญหาภาคใต้ก่อนยุคแม่ทัพหาญ ก่อนที่แม่ทัพหาญจะเข้ารับตำแหน่ง ภาคใต้เผชิญปัญหาความรุนแรงจากหลายกลุ่ม ได้แก่ ✅ ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ (พคท.) ✅ ขบวนการโจรก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน (ขจก.) ✅ โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา ✅ อิทธิพลท้องถิ่นและกลุ่มผู้มีอำนาจมืด รัฐใช้มาตรการปราบปรามอย่างหนัก แต่ไม่ได้ผล จนกระทั่งแม่ทัพหาญ เข้ามาเปลี่ยนแนวทางการแก้ปัญหา ☂️ นโยบายใต้ร่มเย็น จากสงครามสู่สันติภาพ "ใต้ร่มเย็น" เป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญกับการเมือง มากกว่าการทหาร โดยมีหลักการสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่ 1️⃣ ปกป้องชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน ทั้งไทยพุทธและมุสลิม 2️⃣ ทำให้พื้นที่ชายแดนไทย-มาเลเซียปลอดภัย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 3️⃣ กำจัดอำนาจเผด็จการ และอิทธิพลมืดด้วยสันติวิธี 4️⃣ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี ระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน แม่ทัพหาญยึดหลักว่า "ต้องชนะใจประชาชน" ไม่ใช่แค่เอาชนะศัตรู ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์ "นโยบาย 66/23" ที่ใช้ปราบคอมมิวนิสต์สำเร็จมาแล้ว 📝 ผลลัพธ์ของนโยบายใต้ร่มเย็น ✅ กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ มอบตัวจำนวนมาก ✅ ปัญหาความรุนแรง ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ✅ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ และประชาชนดีขึ้น 🚢 ค้านเรือเหาะ ไม่เห็นด้วยกับการทุ่มงบประมาณ อย่างไร้ประสิทธิภาพ ⚠️ ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กองทัพบกได้ จัดซื้อเรือเหาะมูลค่า 350 ล้านบาท เพื่อใช้เฝ้าระวังในสามจังหวัดชายแดนใต้ แต่กลับกลายเป็น ประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก แม่ทัพหาญ เป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญ ที่ออกมาคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ❌ ภูมิประเทศภาคใต้ เต็มไปด้วยป่าดงดิบ เรือเหาะจะจับภาพได้ยาก ❌ ขบวนการก่อความไม่สงบ อยู่ปะปนกับชาวบ้าน ไม่ใช่ในป่าเขา ❌ อาวุธเทคโนโลยีแพง ไม่ช่วยแก้ปัญหาได้จริง สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ความเข้าใจประชาชน ❌ เป็นการใช้งบประมาณอย่างไม่คุ้มค่า ขณะที่เงินเหล่านี้ สามารถนำไปพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ได้ 🔴 บทความ "บทเรียนจากการรบ" ของแม่ทัพหาญ ระบุว่า "การซื้อเรือเหาะปราบโจรนี้ แสดงว่าทั้งผู้บังคับบัญชา ไม่มีความคิดที่จะแก้ปัญหาทางยุทธศาสตร์ โจรไม่ได้อยู่ในป่า แต่เขาอยู่ในบ้าน ในหมู่บ้าน ถ้าเรือเหาะถ่ายภาพมาได้ แล้วจะรู้ได้อย่างไร ว่าใครเป็นโจร หรือเป็นชาวบ้าน?" ท้ายที่สุด เรือเหาะถูกปลดระวาง โดยไม่เคยใช้งานเต็มศักยภาพ ซึ่งพิสูจน์ว่า แม่ทัพหาญคิดถูก 🛑 🌟 แม่ทัพหาญ ตำนานที่ยังมีชีวิต แม้ว่า พลเอกหาญ ลีนานนท์ จะจากไปเมื่อ 7 ปี ที่ผ่านมา แต่แนวคิดและอุดมการณ์ ยังคงส่งอิทธิพล ต่อการแก้ปัญหาภาคใต้ จนถึงปัจจุบัน ✅ พิสูจน์ว่าสันติวิธีดีกว่าการใช้กำลัง ✅ เปลี่ยนแนวคิด "สงคราม" เป็น "การเมืองนำการทหาร" ✅ ต่อต้านการทุ่มงบประมาณ อย่างไร้เหตุผล ✅ เป็นต้นแบบของผู้นำ ที่ประชาชนไว้วางใจ 🕊️ "แม่ทัพหาญ" อาจจากไป แต่แนวคิดยังคงอยู่ตลอดกาล🔥 ✅ พลเอกหาญ ลีนานนท์ เป็นแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ริเริ่ม "นโยบายใต้ร่มเย็น" ✅ เปลี่ยนจาก "การปราบปราม" เป็น "การสร้างความเข้าใจ" ✅ คัดค้านเรือเหาะ 350 ล้าน เพราะมองว่าสิ้นเปลือง และไม่แก้ปัญหาที่แท้จริง ✅ สร้างแนวทางสันติวิธี ที่กลายเป็นต้นแบบ การแก้ปัญหาภาคใต้ 🌿 "ดับไฟใต้ไม่ต้องใช้ปืน แต่ต้องใช้ใจ" พลเอกหาญ ลีนานนท์ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 111039 ก.พ. 2568 📢 #แม่ทัพหาญ #ใต้ร่มเย็น #สันติวิธี #ดับไฟใต้ #การเมืองนำการทหาร #ค้านเรือเหาะ #ภาคใต้ #กองทัพไทย #7ปีสิ้นแม่ทัพหาญ
    0 Comments 0 Shares 1195 Views 0 Reviews
  • "ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!"
    ซีเรียจะไม่ถูกใช้เป็นฐานยิงโจมตี "อิสราเอล" ยืนยันอีกครั้งโดยผู้นำหุ่นเชิด "โจลานี"

    โจลานี ก็แค่หุ่นเชิด ถ้าหากไม่คิดจะปกป้องดินแดนซีเรีย จะโค่นล้มอัสซาดทำไม "ปลดปล่อยซีเรีย" จึงเป็นแค่วาทะกรรมลวงโลก ของผู้ชักใยเบื้องหลัง ที่ต้องการให้รัสเซียและอิหร่านเสียผลประโยชน์ และขาดพันธมิตร

    ผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่านกล่าวว่า การขัดขวางกลุ่มก่อการร้ายโดยกองกำลังอิหร่าน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เงื่อนไขอยู่ที่กองทัพซีเรียและกองกำลังต่างชาติที่แฝงตัวมาในรูปแบบกลุ่มกบฏที่อ้างตัวว่าต้องการปลดปล่อยซีเรีย

    ล่าสุดสหภาพยุโรปโดย "คาจา คัลลาส" ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและยังเป็นถึงรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยื่นคำขาดที่ชัดเจนไปถึง "โจลานี" ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย ต้องยุติการมีอยู่ของฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของรัสเซีย มิฉะนั้นยุโรปจะคงการคว่ำบาตรไว้ และจะไม่ยอมรับรัฐบาลซีเรีย

    “รัสเซียและอิหร่านไม่ใช่เพื่อนของคุณ และจะไม่ช่วยคุณหากคุณประสบปัญหา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทิ้งระบอบการปกครองของอัสซาด และนั่นเป็นข้อความที่ชัดเจนมากที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาช่วยใครไม่ได้ เพราะความอ่อนแอของพวกเขาเอง”
    คัลลาส ไม่ได้เรียกร้องแค่นี้ แต่ยังรวมไปถึงเรียกร้องให้ซีเรียต้องเป็นพันธมิตรที่ดีกับอิสราเอล และเปิดโอกาสให้ยุโรปเข้าไปช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับซีเรีย

    เห็นได้ชัดว่า ลำพังเพียง โจลานี คงไม่สามารถโค่นล้มอัสซาดได้ และการที่เขาประกาศหลายครั้งว่าจะไม่ก่อสงครามกับอิสราเอล ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่า เขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระ
    "ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!" ซีเรียจะไม่ถูกใช้เป็นฐานยิงโจมตี "อิสราเอล" ยืนยันอีกครั้งโดยผู้นำหุ่นเชิด "โจลานี" โจลานี ก็แค่หุ่นเชิด ถ้าหากไม่คิดจะปกป้องดินแดนซีเรีย จะโค่นล้มอัสซาดทำไม "ปลดปล่อยซีเรีย" จึงเป็นแค่วาทะกรรมลวงโลก ของผู้ชักใยเบื้องหลัง ที่ต้องการให้รัสเซียและอิหร่านเสียผลประโยชน์ และขาดพันธมิตร ผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่านกล่าวว่า การขัดขวางกลุ่มก่อการร้ายโดยกองกำลังอิหร่าน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เงื่อนไขอยู่ที่กองทัพซีเรียและกองกำลังต่างชาติที่แฝงตัวมาในรูปแบบกลุ่มกบฏที่อ้างตัวว่าต้องการปลดปล่อยซีเรีย ล่าสุดสหภาพยุโรปโดย "คาจา คัลลาส" ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและยังเป็นถึงรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยื่นคำขาดที่ชัดเจนไปถึง "โจลานี" ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย ต้องยุติการมีอยู่ของฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของรัสเซีย มิฉะนั้นยุโรปจะคงการคว่ำบาตรไว้ และจะไม่ยอมรับรัฐบาลซีเรีย “รัสเซียและอิหร่านไม่ใช่เพื่อนของคุณ และจะไม่ช่วยคุณหากคุณประสบปัญหา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทิ้งระบอบการปกครองของอัสซาด และนั่นเป็นข้อความที่ชัดเจนมากที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาช่วยใครไม่ได้ เพราะความอ่อนแอของพวกเขาเอง” คัลลาส ไม่ได้เรียกร้องแค่นี้ แต่ยังรวมไปถึงเรียกร้องให้ซีเรียต้องเป็นพันธมิตรที่ดีกับอิสราเอล และเปิดโอกาสให้ยุโรปเข้าไปช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับซีเรีย เห็นได้ชัดว่า ลำพังเพียง โจลานี คงไม่สามารถโค่นล้มอัสซาดได้ และการที่เขาประกาศหลายครั้งว่าจะไม่ก่อสงครามกับอิสราเอล ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่า เขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระ
    Angry
    1
    0 Comments 0 Shares 489 Views 0 Reviews
  • 📌สหรัฐฯยังคงควบคุมอิสราเอลต่อไป แม้จะทำผิดก็ตาม📌

    อิหร่านยิงขีปนาวุธอย่างน้อย ๑๘๐ ลูก เข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันอังคาร ขณะที่ภูมิภาคนี้กำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจส่งผลให้ตะวันออกกลางเข้าสู่สงครามที่กว้างขึ้น ตามรายงานระบุว่า, ชาวอิสราเอล “รีบหาที่หลบภัยขณะที่เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นและแสงสีส้มของขีปนาวุธพุ่งผ่านท้องฟ้า,” หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้

    💬 “ผมคิดว่ากลยุทธ์ของอิสราเอลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือการพยายามดึงสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงมากขึ้นในฝั่งของอิสราเอล [ประธานาธิบดีมาซูด] เปเซชเคียนและรัฐบาลอิหร่านได้แสดงให้เห็นถึงความอดกลั้นอย่างยิ่ง ความอดกลั้นอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการโจมตีโดยตรงจากอิสราเอล,” จอห์น คิริอากู, อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอและผู้ร่วมดำเนินรายการ Sputnik’s Political Misfits, กล่าวกับ Sputnik’s Fault Lines

    อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอกล่าวเสริมว่ารัฐบาลอิหร่านอยู่ภายใต้ “แรงกดดันอย่างหนัก” จากประชาชนให้ดำเนินการเมื่อเผชิญกับความรุนแรงของอิสราเอล, ซึ่งเราต้องเริ่มคิดว่า “ปลอดภัยสำหรับรัฐบาลอิหร่าน” หรือไม่ที่จะไม่ตอบโต้

    💬 “ขอพูดให้ชัดเจนว่า, [สหรัฐฯ] พูดจากทั้งสองด้าน สหรัฐฯบอกว่าต้องการหยุดยิง, แต่, ในทางกลับกัน, สหรัฐฯยังคงให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุน, และมีการอ้างอื่นๆจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯจะสนับสนุนอิสราเอลหากอิสราเอลเข้าไปในเลบานอน,” ไมเคิล มาลูฟ อดีตนักวิเคราะห์นโยบายความมั่นคงอาวุโสในสำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม, ซึ่งให้สัมภาษณ์กับ Fault Lines อีกด้วย กล่าวเสริม

    💬 “อิสราเอลเพิกเฉยต่อคำเตือนของสหรัฐฯทั้งหมด, และพวกเขารู้ดีว่า สหรัฐฯจะไม่ทำอะไรเลย,” มาลูฟกล่าวเสริม
    .
    US continues to hand-hold Israel despite its wrongdoings

    Iran launched at least 180 missiles into Israel on Tuesday as the region has entered a growing escalation that is threatening to push the Middle East into a wider war. According to reports, Israelis “scrambled for bomb shelters as air raid sirens sounded and the orange glow of missiles streaked across the sky," following Iran's retaliatory missile launch.

    💬 “I think that the strategy on the part of the Israelis for the past many months has been to try to draw the US more directly into the conflict on Israel's side. [President Masoud] Pezeshkian and the Iranian government have shown great restraint. Great restraint in the face of direct attacks from the Israelis,” John Kiriakou, a former CIA officer and co-host of Sputnik’s Political Misfits, told Sputnik’s Fault Lines.

    The former CIA officer added that the Iranian government is under “great pressure” from its public to act in the face of Israel's violence, where one has to start thinking about whether or not it’s “safe for the Iranian government" not to respond.

    💬 “Let's be clear, [the US] speak out of both ends of their mouth. The US says it wants a ceasefire, but, on the other hand, it continues providing the assistance and backing, and with other claims made by US officials that they will back Israel should it go into Lebanon,” added Michael Maloof, a former senior security policy analyst in the Office of the Secretary of Defense, who also spoke to Fault Lines.

    💬 “The Israelis are ignoring all cautionaries from the US, and they know that the United States will do nothing,” Maloof added.
    .
    11:46 AM · Oct 4, 2024 · 3,009 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1842063800360489097
    📌สหรัฐฯยังคงควบคุมอิสราเอลต่อไป แม้จะทำผิดก็ตาม📌 อิหร่านยิงขีปนาวุธอย่างน้อย ๑๘๐ ลูก เข้าไปในอิสราเอลเมื่อวันอังคาร ขณะที่ภูมิภาคนี้กำลังเข้าสู่ภาวะตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจส่งผลให้ตะวันออกกลางเข้าสู่สงครามที่กว้างขึ้น ตามรายงานระบุว่า, ชาวอิสราเอล “รีบหาที่หลบภัยขณะที่เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นและแสงสีส้มของขีปนาวุธพุ่งผ่านท้องฟ้า,” หลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธตอบโต้ 💬 “ผมคิดว่ากลยุทธ์ของอิสราเอลในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือการพยายามดึงสหรัฐฯ เข้าสู่ความขัดแย้งโดยตรงมากขึ้นในฝั่งของอิสราเอล [ประธานาธิบดีมาซูด] เปเซชเคียนและรัฐบาลอิหร่านได้แสดงให้เห็นถึงความอดกลั้นอย่างยิ่ง ความอดกลั้นอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับการโจมตีโดยตรงจากอิสราเอล,” จอห์น คิริอากู, อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอและผู้ร่วมดำเนินรายการ Sputnik’s Political Misfits, กล่าวกับ Sputnik’s Fault Lines อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอกล่าวเสริมว่ารัฐบาลอิหร่านอยู่ภายใต้ “แรงกดดันอย่างหนัก” จากประชาชนให้ดำเนินการเมื่อเผชิญกับความรุนแรงของอิสราเอล, ซึ่งเราต้องเริ่มคิดว่า “ปลอดภัยสำหรับรัฐบาลอิหร่าน” หรือไม่ที่จะไม่ตอบโต้ 💬 “ขอพูดให้ชัดเจนว่า, [สหรัฐฯ] พูดจากทั้งสองด้าน สหรัฐฯบอกว่าต้องการหยุดยิง, แต่, ในทางกลับกัน, สหรัฐฯยังคงให้ความช่วยเหลือและการสนับสนุน, และมีการอ้างอื่นๆจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าสหรัฐฯจะสนับสนุนอิสราเอลหากอิสราเอลเข้าไปในเลบานอน,” ไมเคิล มาลูฟ อดีตนักวิเคราะห์นโยบายความมั่นคงอาวุโสในสำนักงานรัฐมนตรีกลาโหม, ซึ่งให้สัมภาษณ์กับ Fault Lines อีกด้วย กล่าวเสริม 💬 “อิสราเอลเพิกเฉยต่อคำเตือนของสหรัฐฯทั้งหมด, และพวกเขารู้ดีว่า สหรัฐฯจะไม่ทำอะไรเลย,” มาลูฟกล่าวเสริม . US continues to hand-hold Israel despite its wrongdoings Iran launched at least 180 missiles into Israel on Tuesday as the region has entered a growing escalation that is threatening to push the Middle East into a wider war. According to reports, Israelis “scrambled for bomb shelters as air raid sirens sounded and the orange glow of missiles streaked across the sky," following Iran's retaliatory missile launch. 💬 “I think that the strategy on the part of the Israelis for the past many months has been to try to draw the US more directly into the conflict on Israel's side. [President Masoud] Pezeshkian and the Iranian government have shown great restraint. Great restraint in the face of direct attacks from the Israelis,” John Kiriakou, a former CIA officer and co-host of Sputnik’s Political Misfits, told Sputnik’s Fault Lines. The former CIA officer added that the Iranian government is under “great pressure” from its public to act in the face of Israel's violence, where one has to start thinking about whether or not it’s “safe for the Iranian government" not to respond. 💬 “Let's be clear, [the US] speak out of both ends of their mouth. The US says it wants a ceasefire, but, on the other hand, it continues providing the assistance and backing, and with other claims made by US officials that they will back Israel should it go into Lebanon,” added Michael Maloof, a former senior security policy analyst in the Office of the Secretary of Defense, who also spoke to Fault Lines. 💬 “The Israelis are ignoring all cautionaries from the US, and they know that the United States will do nothing,” Maloof added. . 11:46 AM · Oct 4, 2024 · 3,009 Views https://x.com/SputnikInt/status/1842063800360489097
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews