นิทานเรื่องจริง ” เรื่องมายากลยุทธ ”
ตอนที่ 3 : ถุงยางแลกอาหาร
นาย Kissinger เสนอต่อที่ประชุมที่ดูแลนโยบาย ด้านความมั่นคงของชาติว่าการชลอการเจริญเติบโตของประชากร จะต้องเป็นนโยบายด้านความมั่นคง ในระดับจำเป็นสูงสุดของอเมริกา ที่จะใช้กับหลายประเทศในโลกที่สาม เพราะเศรษฐกิจของอเมริกา จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าทรัพยากรจากประเทศดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ถ้าปล่อยให้ประเทศเหล่านั้น มีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะกระทบกับความมั่นคงของอเมริกา
ข้อเสนอของนาย Kissinger ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง จากผู้มีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายความมั่นคงของประเทศ เช่น นายพล Alexander Haig นาย Cyrus Vance และนาย Ed Muskie นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความคิดของอดีตประธาน World Bank คือ นาย Robert Mcnamara ซึ่งบอกว่า ปัญหาเรื่องประชากรล้นโลกนี้ กระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา มากกว่าเรื่องระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก
เมื่อได้ไฟเขียวอย่างนั้น นาย Kissinger ก็เดินแผนต่อ แต่ความที่มันเหลี่ยมจัด ถ้าอเมริกาจะทำเรื่องนี้เองอาจตกเป็นเป้า ว่าอเมริกามีความคิดที่จะจำกัดพลเมืองโลก (Depopulation) เป็นพี่เบิ้ม เล่นบทนี้คงไม่สวยแน่ การตอแหลเพื่อชาติ จึงเกิดขึ้น
อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงได้ยื่นข้อเสนอต่อสหประชาชาติว่า การที่ประเทศยากจน ขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถช่วยตัวเองได้ แต่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในอัตราสูง จำเป็นที่โลกจะต้องให้ความสนใจ และสิ่งที่ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี จะสามารถและควรช่วยได้คือ การให้ความช่วยเหลือทางด้านอาหาร (Food Aids) แต่ประเทศเหล่านั้น ก็ควรที่จะรับรู้ปัญหาของตนเอง และให้ความร่วมมือเป็นการแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือ ด้วยการดำเนินการชลอการเจริญเติบโตประชากรของตน ด้วยการวางแผนครอบครัว (Family Planning) ฟังแล้วนุ่มหู เหลือเกินนะ
แต่ถ้าพูดภาษาจิกโก๋ ก็หมายความว่า ไม่อยากอดอยาก ก็อย่ามีลูกมาก ลูกมากจะยากจน อะไรทำนองนี้ คนจนไม่มีทางเลือกมาก จำไว้ แล้วในที่สุด UN ก็รับข้อเสนอของพี่เบิ้ม มาอยู่ในความสนับสนุนเป็นโครงการของ UN โดยมีองค์กรของ UN และประเทศสมาชิกต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลืออย่างดี
แต่ที่อเมริกาไม่ได้แจงต่อ UN คือ ชื่อประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศของอเมริกา และประเทศใดอยู่ในกลุ่มใด และที่ยิ่งกว่าแน่ อเมริกาไม่มีวันบอกว่า มีความเกี่ยวโยงกับความต้องการของอเมริกา ต่อทรัพยากรของประเทศเหล่านั้นอย่างไร เอกสารนี้จึงต้องเก็บเป็นเอกสารประเภทลับสุดยอด อยู่ถึง 15 ปี
แล้วท่านผู้อ่านนิทาน คิดว่าไทยแลนด์ สมันน้อยของเรา อยู่ในประเภทไหน?
คนเล่านิทาน
ตอนที่ 3 : ถุงยางแลกอาหาร
นาย Kissinger เสนอต่อที่ประชุมที่ดูแลนโยบาย ด้านความมั่นคงของชาติว่าการชลอการเจริญเติบโตของประชากร จะต้องเป็นนโยบายด้านความมั่นคง ในระดับจำเป็นสูงสุดของอเมริกา ที่จะใช้กับหลายประเทศในโลกที่สาม เพราะเศรษฐกิจของอเมริกา จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าทรัพยากรจากประเทศดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ถ้าปล่อยให้ประเทศเหล่านั้น มีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะกระทบกับความมั่นคงของอเมริกา
ข้อเสนอของนาย Kissinger ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง จากผู้มีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายความมั่นคงของประเทศ เช่น นายพล Alexander Haig นาย Cyrus Vance และนาย Ed Muskie นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความคิดของอดีตประธาน World Bank คือ นาย Robert Mcnamara ซึ่งบอกว่า ปัญหาเรื่องประชากรล้นโลกนี้ กระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา มากกว่าเรื่องระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก
เมื่อได้ไฟเขียวอย่างนั้น นาย Kissinger ก็เดินแผนต่อ แต่ความที่มันเหลี่ยมจัด ถ้าอเมริกาจะทำเรื่องนี้เองอาจตกเป็นเป้า ว่าอเมริกามีความคิดที่จะจำกัดพลเมืองโลก (Depopulation) เป็นพี่เบิ้ม เล่นบทนี้คงไม่สวยแน่ การตอแหลเพื่อชาติ จึงเกิดขึ้น
อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงได้ยื่นข้อเสนอต่อสหประชาชาติว่า การที่ประเทศยากจน ขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถช่วยตัวเองได้ แต่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในอัตราสูง จำเป็นที่โลกจะต้องให้ความสนใจ และสิ่งที่ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี จะสามารถและควรช่วยได้คือ การให้ความช่วยเหลือทางด้านอาหาร (Food Aids) แต่ประเทศเหล่านั้น ก็ควรที่จะรับรู้ปัญหาของตนเอง และให้ความร่วมมือเป็นการแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือ ด้วยการดำเนินการชลอการเจริญเติบโตประชากรของตน ด้วยการวางแผนครอบครัว (Family Planning) ฟังแล้วนุ่มหู เหลือเกินนะ
แต่ถ้าพูดภาษาจิกโก๋ ก็หมายความว่า ไม่อยากอดอยาก ก็อย่ามีลูกมาก ลูกมากจะยากจน อะไรทำนองนี้ คนจนไม่มีทางเลือกมาก จำไว้ แล้วในที่สุด UN ก็รับข้อเสนอของพี่เบิ้ม มาอยู่ในความสนับสนุนเป็นโครงการของ UN โดยมีองค์กรของ UN และประเทศสมาชิกต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลืออย่างดี
แต่ที่อเมริกาไม่ได้แจงต่อ UN คือ ชื่อประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศของอเมริกา และประเทศใดอยู่ในกลุ่มใด และที่ยิ่งกว่าแน่ อเมริกาไม่มีวันบอกว่า มีความเกี่ยวโยงกับความต้องการของอเมริกา ต่อทรัพยากรของประเทศเหล่านั้นอย่างไร เอกสารนี้จึงต้องเก็บเป็นเอกสารประเภทลับสุดยอด อยู่ถึง 15 ปี
แล้วท่านผู้อ่านนิทาน คิดว่าไทยแลนด์ สมันน้อยของเรา อยู่ในประเภทไหน?
คนเล่านิทาน
นิทานเรื่องจริง ” เรื่องมายากลยุทธ ”
ตอนที่ 3 : ถุงยางแลกอาหาร
นาย Kissinger เสนอต่อที่ประชุมที่ดูแลนโยบาย ด้านความมั่นคงของชาติว่าการชลอการเจริญเติบโตของประชากร จะต้องเป็นนโยบายด้านความมั่นคง ในระดับจำเป็นสูงสุดของอเมริกา ที่จะใช้กับหลายประเทศในโลกที่สาม เพราะเศรษฐกิจของอเมริกา จำเป็นต้องพึ่งพาการนำเข้าทรัพยากรจากประเทศดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี ถ้าปล่อยให้ประเทศเหล่านั้น มีประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก็จะกระทบกับความมั่นคงของอเมริกา
ข้อเสนอของนาย Kissinger ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวาง จากผู้มีอิทธิพลในการกำหนดนโยบายความมั่นคงของประเทศ เช่น นายพล Alexander Haig นาย Cyrus Vance และนาย Ed Muskie นอกจากนี้ ยังสอดคล้องกับความคิดของอดีตประธาน World Bank คือ นาย Robert Mcnamara ซึ่งบอกว่า ปัญหาเรื่องประชากรล้นโลกนี้ กระทบต่อความมั่นคงของอเมริกา มากกว่าเรื่องระเบิดนิวเคลียร์เสียอีก
เมื่อได้ไฟเขียวอย่างนั้น นาย Kissinger ก็เดินแผนต่อ แต่ความที่มันเหลี่ยมจัด ถ้าอเมริกาจะทำเรื่องนี้เองอาจตกเป็นเป้า ว่าอเมริกามีความคิดที่จะจำกัดพลเมืองโลก (Depopulation) เป็นพี่เบิ้ม เล่นบทนี้คงไม่สวยแน่ การตอแหลเพื่อชาติ จึงเกิดขึ้น
อเมริกาในฐานะพี่เบิ้ม จึงได้ยื่นข้อเสนอต่อสหประชาชาติว่า การที่ประเทศยากจน ขาดแคลนอาหาร และไม่สามารถช่วยตัวเองได้ แต่มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นในอัตราสูง จำเป็นที่โลกจะต้องให้ความสนใจ และสิ่งที่ประเทศที่มีฐานะทางเศรษฐกิจดี จะสามารถและควรช่วยได้คือ การให้ความช่วยเหลือทางด้านอาหาร (Food Aids) แต่ประเทศเหล่านั้น ก็ควรที่จะรับรู้ปัญหาของตนเอง และให้ความร่วมมือเป็นการแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือ ด้วยการดำเนินการชลอการเจริญเติบโตประชากรของตน ด้วยการวางแผนครอบครัว (Family Planning) ฟังแล้วนุ่มหู เหลือเกินนะ
แต่ถ้าพูดภาษาจิกโก๋ ก็หมายความว่า ไม่อยากอดอยาก ก็อย่ามีลูกมาก ลูกมากจะยากจน อะไรทำนองนี้ คนจนไม่มีทางเลือกมาก จำไว้ แล้วในที่สุด UN ก็รับข้อเสนอของพี่เบิ้ม มาอยู่ในความสนับสนุนเป็นโครงการของ UN โดยมีองค์กรของ UN และประเทศสมาชิกต่าง ๆ ให้ความช่วยเหลืออย่างดี
แต่ที่อเมริกาไม่ได้แจงต่อ UN คือ ชื่อประเทศเป้าหมาย 13 ประเทศของอเมริกา และประเทศใดอยู่ในกลุ่มใด และที่ยิ่งกว่าแน่ อเมริกาไม่มีวันบอกว่า มีความเกี่ยวโยงกับความต้องการของอเมริกา ต่อทรัพยากรของประเทศเหล่านั้นอย่างไร เอกสารนี้จึงต้องเก็บเป็นเอกสารประเภทลับสุดยอด อยู่ถึง 15 ปี
แล้วท่านผู้อ่านนิทาน คิดว่าไทยแลนด์ สมันน้อยของเรา อยู่ในประเภทไหน?
คนเล่านิทาน
0 Comments
0 Shares
38 Views
0 Reviews