• ตอน 13
    มีคนมากระตุกแขนนิดๆ เอ! แล้ว พี่เบิ้มเขาทำไมเปลี๊ยนไป จากยุ่งกะสมันน้อยถึงขนาดเอาลงเปลเห่กล่อม แล้วช่วงนี้เขาหายไปไหนล่ะลุง ก็บอก แล้วไง พี่เบิ้มเขาเป็นจิ๊กโก๋๋ปากซอย ซอยไทยแลนด์นี้ เขาคุมเบ็ดเสร็จแล้ว วางแผนแล้วว่า ต้องมีวินมอเตอร์ไซด์ ตรงไหน คิวเป็นอย่างไร เขาไม่อยู่ใครดูแลแทน เส้นทางเป็นอย่างไร เก็บเงินอย่างไร ใครมาเบ่ง ตีหัวมันอย่างไร เจอสาวสวยนุ่งกระโปรงสั้นให้นั่งฟรีได้ไหม จัดไว้หมด ว่าแล้วก็ขยายไปดูซอยอื่น
    เวลาพี่เบิ้มเขาไปยุ่งกับภูมิภาคอื่น จะสังเกตง่าย ๆ ไปอยู่ที่ไหน ความ ฉ ห ก็เกิดขึ้นแถวนั้นแหละ เพราะอเมริกาหากินหรืออยู่ได้ด้วย 2 กรรมวิธี
    อย่างแรก ขโมยทรัพยากรชาวบ้าน (จิ๊กโก๋๋ขี้ขโมย)
    อย่างที่สอง สร้างสงครามเพื่อขายอาวุธ (จิ๊กโก๋๋ชวนตี)
    และทั้ง 2 เรื่อง มันก็โยงกัน
    ขบวนการก็ไม่ยาก หาเรื่องไปทะเลาะกับชาวบ้าน หรือหาเรื่องให้คนในบ้านทะเลาะกันเอง มีแค่นี้แหละ ดูไม่ยากหรอกเช่น กรณีสหภาพโซเวียต ก็ใช้วิธีปิดล้อมโซเวียต ยุโรปตะวันออก จนในที่สุดกำแพง เบอร์ลินทะลายในปี ค.ศ.1989
    สหภาพโซเวียตล่ม แตกกระจุย แล้วก็รบกันเอง จากเป็นสหภาพโซเวียต ท้ายสุดแตกเป็นหลายสิบประเทศ จนจำชื่อไม่ไหว เล่นเอาพี่เบิ้มผลิตอาวุธไป หัวร่อไป ขายแทบไม่ทัน
    สำหรับคุณอาแถวทะเลทราย พี่เบิ้มก็ยุแยง ทำให้แตกกัน วุ่นวายกัน ทะเลาะกันเองเพราะ พี่เบิ้มคิดจะขโมยน้ำมันเขา เลยใช้วิธีกล่าวหาว่าบ้านโน้นหักหลังบ้านนี้ บ้านนี้สะสมอาวุธ สารพัดจะโกหก
    แต่มันก็ได้ผลนะ อิหร่านรบกับอิรัก อิรักรบกับคูเวต อียิปต์ทะเลาะกับอิสราเอล อิสราเอลทะเลาะกับเลบานอน ซีเรียทะเลาะกันเอง ปาเลสไตน์ทะเลาะกับอิสราเอล ตุรกีทะเลาะกับอิหร่าน ตอนนี้อียิปต์กลับมาทะเลาะกันเองอีกฯลฯ
    เป็นไงฝีมือพี่เบิ้มไหม เข้าไปที่ไหนฉิบหายที่นั่น
    ยังไม่พอ เสือกต่อไปยุ่งแถวอเมริกาใต้ อาฟริกา วุ่นไปถึงอาฟกานิสถาน อันสุดท้ายนี้น่าสงสารมาก ประชาชนเขาจนจะตายอยู่แล้ว ยังไปทำให้เขาแตกแยก เพื่อฉวยโอกาสยึดทรัพยากรเขาอย่างหน้าด้านๆ ชั่วได้ใจจริงๆ
    ตัวอย่างที่เห็นชัดหมาดๆ คือ อิรัก หาว่าเขามีนิวเคลียร์ พี่เบิ้มยืนเท้ากระเอว ชี้นิ้วสั่งให้ UN ส่งคนไปตรวจไปดูเดี๋ยวนี้นะ CNN ก็ประโคมทำข่าวรายงานการตรวจทุกวัน แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรในก่อไผ่
    พี่เบิ้มเสียหน้า แก้เกี้ยว ยกทัพไปจับ ตั๊กกะแตนเองเลย รบไป 8 ปี อิรักฉิบหายทั้งประเทศ มีผู้ลี้ภัยหนีไปนอกประเทศ 4.7 ล้านคน (16% ของประชาชน)
    ประชาชนพลัดถิ่นในประเทศ 2.7 ล้านคน
    เด็ก 5 ล้านคน เป็นกำพร้า (35% ของประชาชน)
    เพียงเพราะจิ๊กโก๋๋อยากได้น้ำมันเขา แล้วไง ตอนยกทัพเข้าไปอ้างว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำแบบซัดดัมข่มเหงประชาชน พอเก็บซัดดัมได้ ยึดเมืองเขาแล้วเจอไหม นิวเคลียร์ที่อ้างน่ะ เจอแต่บ่อน้ำมัน!
    แบบนี้มันน่าส่งพี่ตุ๊ดตู่ กะป้าธิดาไปทวงถามความเป็นธรรมให้ประชาชนอิรักซะให้เข็ด ! แล้วท่านผู้อ่านอย่าลืมไปหาเรื่องสงครามอิรักมาอ่านต่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ  เผื่อมันจะมาเกิดแถวนี้จะได้รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง
    แล้วบ้านเราล่ะ พี่เบิ้มเขาใช้วิธีไหน เข้ามาเดินกร่างอยู่ในซอย!
    ขอพูดถึงอาฟกานิสถาน ต่ออีกหน่อย เพราะเป็นเหยื่อพี่เบิ้มที่นาสงสารมาก ถูกเอาประเทศเป็นสนามรบมาเกือบ 20 ปี จนบัดนี้ยังไม่เลิก ประชาชนก็จนลง จนลง อัฟกานิสถานได้ถูกระบุอยู่ในรายงานของเพนตากอน (Pentagon) ว่า เป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุสูงสุดที่ยังเหลืออยู่ในโลก (ก็ไอ้ที่มีๆ น่ะ พวกนักล่ามันเอาไปหมดแล้ว เหลือเจ้านี้หลุดตามาได้ ก็เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ)
    รัสเซียเข้าไปก่อน เพราะอยู่ใกล้กว่าพี่เบิ้มอเมริกา แบบนี้มันหักหน้ากันนี้หว่า จิ๊กโก๋๋จะทนได้ยังไง ว่าแล้วก็โดดเข้าไป ไอจะปกป้องยูเอง จากการคุกคามของรัสเซีย
    บทนี้คุ้นๆ ไหม แหม! คุณโดโนแวน เอ๊ย! จอห์น เวน มาเอง อีกแล้ว
    พี่เบิ้มลงทุนฝึกอาวุธให้ชาวอาฟกัน ต่อสู้กับรัสเซีย แถมส่งมือดีไปช่วย มือดีนั้นใคร ทายถูกไม่มีรางวัล .. มือดีก็คือ พี่บิน ลาเดน ไง เอ๊ะ อย่าทำเป็นงง พี่บินมาได้ไงกัน
    พี่บิน ลาเดน เป็นเศรษฐีอยู่ซาอุ มิตรรักของอเมริกาเขาไง ซี้ย่ำปึก ไอจะไปบุกที่ไหนยูไปด้วยไม๊ ไปไหนไปกัน พี่บินถึงได้รบเก่ง แถมรู้แกวรู้แนวการรบการจิ๊กโก๋๋หมด ก็จิ๊กโก๋๋ฝึกให้เขาเองนี่นะ อาวุธก็ส่งให้จะไปโทษใคร แล้วดันมาแตกคอกันเอง หักหลังกัน ซะหลังหักแต่ไม่รู้ใครหักกว่าใคร
    คงจำกันได้ ตอนพี่เบิ้มสั่งเก็บพี่บิน ภาพพี่บินหลังโดนถล่มยับที่บ้านลับ น่าขำมาก รูปถ่ายตอนตาย วางหน้ารูปถ่ายเหมือนตอนเป็นเปี๊ยบเลย เพียงแต่หน้าเยินกว่าเท่านั้น ไม่รู้มันจะหลอกใครกัน
    เล่าไป เล่ามา เกือบลืมเรื่องสำคัญ แร่ธาตุ ที่อาฟกานิสถานมีมาก คือโปแตส ยูเรเนียม และทองคำ 2 อย่างแรก เหมาะสำหรับทำอะไร เร็ว เข้าไปกดกูเกิลดู ก็รู้
    มันเหมาะสำหรับทำทุกอย่าง เป็นสารนำในการผลิตอุตสาหกรรมและที่สำคัญเหมาะสำหรับทำระเบิดครับผม
    แล้วใครล่ะ ผลิตอาวุธ ผลิตระเบิดขาย จนรวยล้น

    คนเล่านิทาน



    เป็นเอกสาร ต้ังแต่ปี 1951 เป็นรายงานการสนทนา ระหว่าง จอมพล ป สมัยเป็น
    นายกฯ กับ นาย Edwin Stanton ฑูดเอมริกา ประจำไทย ซึ่งฑูด มีไปถึงต้นสังกัด

    ดูจากเอกสาร เหมือนอเมริกามีความเป็นห่วงไทย ว่าจะมีน้ำมันไม่พอใช้
    ดูอีกที มันเป็นการมาล้วงตับเรา เพราะบอกให้ทางไทย แสดงรายละเอียดความต้องการของน้ำมัน ของหน่วยงานของเราแต่ละหน่วย แต่ความจรืงน่าจะเพราะ กลัวน้ำมันไปตกอยู่ในมือคอมมิวนิสต์มากกว่า

    สรุป น้ำมัน เป็นประเด็นใหญ่ของจิ๊กโก๋ ต้ังกะสมัยนั้น ถึงสมัยนี้ !?!
    ๑๓-๑
     ตอน 13 มีคนมากระตุกแขนนิดๆ เอ! แล้ว พี่เบิ้มเขาทำไมเปลี๊ยนไป จากยุ่งกะสมันน้อยถึงขนาดเอาลงเปลเห่กล่อม แล้วช่วงนี้เขาหายไปไหนล่ะลุง ก็บอก แล้วไง พี่เบิ้มเขาเป็นจิ๊กโก๋๋ปากซอย ซอยไทยแลนด์นี้ เขาคุมเบ็ดเสร็จแล้ว วางแผนแล้วว่า ต้องมีวินมอเตอร์ไซด์ ตรงไหน คิวเป็นอย่างไร เขาไม่อยู่ใครดูแลแทน เส้นทางเป็นอย่างไร เก็บเงินอย่างไร ใครมาเบ่ง ตีหัวมันอย่างไร เจอสาวสวยนุ่งกระโปรงสั้นให้นั่งฟรีได้ไหม จัดไว้หมด ว่าแล้วก็ขยายไปดูซอยอื่น เวลาพี่เบิ้มเขาไปยุ่งกับภูมิภาคอื่น จะสังเกตง่าย ๆ ไปอยู่ที่ไหน ความ ฉ ห ก็เกิดขึ้นแถวนั้นแหละ เพราะอเมริกาหากินหรืออยู่ได้ด้วย 2 กรรมวิธี อย่างแรก ขโมยทรัพยากรชาวบ้าน (จิ๊กโก๋๋ขี้ขโมย) อย่างที่สอง สร้างสงครามเพื่อขายอาวุธ (จิ๊กโก๋๋ชวนตี) และทั้ง 2 เรื่อง มันก็โยงกัน ขบวนการก็ไม่ยาก หาเรื่องไปทะเลาะกับชาวบ้าน หรือหาเรื่องให้คนในบ้านทะเลาะกันเอง มีแค่นี้แหละ ดูไม่ยากหรอกเช่น กรณีสหภาพโซเวียต ก็ใช้วิธีปิดล้อมโซเวียต ยุโรปตะวันออก จนในที่สุดกำแพง เบอร์ลินทะลายในปี ค.ศ.1989 สหภาพโซเวียตล่ม แตกกระจุย แล้วก็รบกันเอง จากเป็นสหภาพโซเวียต ท้ายสุดแตกเป็นหลายสิบประเทศ จนจำชื่อไม่ไหว เล่นเอาพี่เบิ้มผลิตอาวุธไป หัวร่อไป ขายแทบไม่ทัน สำหรับคุณอาแถวทะเลทราย พี่เบิ้มก็ยุแยง ทำให้แตกกัน วุ่นวายกัน ทะเลาะกันเองเพราะ พี่เบิ้มคิดจะขโมยน้ำมันเขา เลยใช้วิธีกล่าวหาว่าบ้านโน้นหักหลังบ้านนี้ บ้านนี้สะสมอาวุธ สารพัดจะโกหก แต่มันก็ได้ผลนะ อิหร่านรบกับอิรัก อิรักรบกับคูเวต อียิปต์ทะเลาะกับอิสราเอล อิสราเอลทะเลาะกับเลบานอน ซีเรียทะเลาะกันเอง ปาเลสไตน์ทะเลาะกับอิสราเอล ตุรกีทะเลาะกับอิหร่าน ตอนนี้อียิปต์กลับมาทะเลาะกันเองอีกฯลฯ เป็นไงฝีมือพี่เบิ้มไหม เข้าไปที่ไหนฉิบหายที่นั่น ยังไม่พอ เสือกต่อไปยุ่งแถวอเมริกาใต้ อาฟริกา วุ่นไปถึงอาฟกานิสถาน อันสุดท้ายนี้น่าสงสารมาก ประชาชนเขาจนจะตายอยู่แล้ว ยังไปทำให้เขาแตกแยก เพื่อฉวยโอกาสยึดทรัพยากรเขาอย่างหน้าด้านๆ ชั่วได้ใจจริงๆ ตัวอย่างที่เห็นชัดหมาดๆ คือ อิรัก หาว่าเขามีนิวเคลียร์ พี่เบิ้มยืนเท้ากระเอว ชี้นิ้วสั่งให้ UN ส่งคนไปตรวจไปดูเดี๋ยวนี้นะ CNN ก็ประโคมทำข่าวรายงานการตรวจทุกวัน แต่ผลปรากฏว่าไม่เจออะไรในก่อไผ่ พี่เบิ้มเสียหน้า แก้เกี้ยว ยกทัพไปจับ ตั๊กกะแตนเองเลย รบไป 8 ปี อิรักฉิบหายทั้งประเทศ มีผู้ลี้ภัยหนีไปนอกประเทศ 4.7 ล้านคน (16% ของประชาชน) ประชาชนพลัดถิ่นในประเทศ 2.7 ล้านคน เด็ก 5 ล้านคน เป็นกำพร้า (35% ของประชาชน) เพียงเพราะจิ๊กโก๋๋อยากได้น้ำมันเขา แล้วไง ตอนยกทัพเข้าไปอ้างว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ ผู้นำแบบซัดดัมข่มเหงประชาชน พอเก็บซัดดัมได้ ยึดเมืองเขาแล้วเจอไหม นิวเคลียร์ที่อ้างน่ะ เจอแต่บ่อน้ำมัน! แบบนี้มันน่าส่งพี่ตุ๊ดตู่ กะป้าธิดาไปทวงถามความเป็นธรรมให้ประชาชนอิรักซะให้เข็ด ! แล้วท่านผู้อ่านอย่าลืมไปหาเรื่องสงครามอิรักมาอ่านต่อเป็นอุทาหรณ์นะครับ  เผื่อมันจะมาเกิดแถวนี้จะได้รู้ว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง แล้วบ้านเราล่ะ พี่เบิ้มเขาใช้วิธีไหน เข้ามาเดินกร่างอยู่ในซอย! ขอพูดถึงอาฟกานิสถาน ต่ออีกหน่อย เพราะเป็นเหยื่อพี่เบิ้มที่นาสงสารมาก ถูกเอาประเทศเป็นสนามรบมาเกือบ 20 ปี จนบัดนี้ยังไม่เลิก ประชาชนก็จนลง จนลง อัฟกานิสถานได้ถูกระบุอยู่ในรายงานของเพนตากอน (Pentagon) ว่า เป็นประเทศที่มีแหล่งทรัพยากรแร่ธาตุสูงสุดที่ยังเหลืออยู่ในโลก (ก็ไอ้ที่มีๆ น่ะ พวกนักล่ามันเอาไปหมดแล้ว เหลือเจ้านี้หลุดตามาได้ ก็เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของประเทศ) รัสเซียเข้าไปก่อน เพราะอยู่ใกล้กว่าพี่เบิ้มอเมริกา แบบนี้มันหักหน้ากันนี้หว่า จิ๊กโก๋๋จะทนได้ยังไง ว่าแล้วก็โดดเข้าไป ไอจะปกป้องยูเอง จากการคุกคามของรัสเซีย บทนี้คุ้นๆ ไหม แหม! คุณโดโนแวน เอ๊ย! จอห์น เวน มาเอง อีกแล้ว พี่เบิ้มลงทุนฝึกอาวุธให้ชาวอาฟกัน ต่อสู้กับรัสเซีย แถมส่งมือดีไปช่วย มือดีนั้นใคร ทายถูกไม่มีรางวัล .. มือดีก็คือ พี่บิน ลาเดน ไง เอ๊ะ อย่าทำเป็นงง พี่บินมาได้ไงกัน พี่บิน ลาเดน เป็นเศรษฐีอยู่ซาอุ มิตรรักของอเมริกาเขาไง ซี้ย่ำปึก ไอจะไปบุกที่ไหนยูไปด้วยไม๊ ไปไหนไปกัน พี่บินถึงได้รบเก่ง แถมรู้แกวรู้แนวการรบการจิ๊กโก๋๋หมด ก็จิ๊กโก๋๋ฝึกให้เขาเองนี่นะ อาวุธก็ส่งให้จะไปโทษใคร แล้วดันมาแตกคอกันเอง หักหลังกัน ซะหลังหักแต่ไม่รู้ใครหักกว่าใคร คงจำกันได้ ตอนพี่เบิ้มสั่งเก็บพี่บิน ภาพพี่บินหลังโดนถล่มยับที่บ้านลับ น่าขำมาก รูปถ่ายตอนตาย วางหน้ารูปถ่ายเหมือนตอนเป็นเปี๊ยบเลย เพียงแต่หน้าเยินกว่าเท่านั้น ไม่รู้มันจะหลอกใครกัน เล่าไป เล่ามา เกือบลืมเรื่องสำคัญ แร่ธาตุ ที่อาฟกานิสถานมีมาก คือโปแตส ยูเรเนียม และทองคำ 2 อย่างแรก เหมาะสำหรับทำอะไร เร็ว เข้าไปกดกูเกิลดู ก็รู้ มันเหมาะสำหรับทำทุกอย่าง เป็นสารนำในการผลิตอุตสาหกรรมและที่สำคัญเหมาะสำหรับทำระเบิดครับผม แล้วใครล่ะ ผลิตอาวุธ ผลิตระเบิดขาย จนรวยล้น คนเล่านิทาน เป็นเอกสาร ต้ังแต่ปี 1951 เป็นรายงานการสนทนา ระหว่าง จอมพล ป สมัยเป็น นายกฯ กับ นาย Edwin Stanton ฑูดเอมริกา ประจำไทย ซึ่งฑูด มีไปถึงต้นสังกัด ดูจากเอกสาร เหมือนอเมริกามีความเป็นห่วงไทย ว่าจะมีน้ำมันไม่พอใช้ ดูอีกที มันเป็นการมาล้วงตับเรา เพราะบอกให้ทางไทย แสดงรายละเอียดความต้องการของน้ำมัน ของหน่วยงานของเราแต่ละหน่วย แต่ความจรืงน่าจะเพราะ กลัวน้ำมันไปตกอยู่ในมือคอมมิวนิสต์มากกว่า สรุป น้ำมัน เป็นประเด็นใหญ่ของจิ๊กโก๋ ต้ังกะสมัยนั้น ถึงสมัยนี้ !?! ๑๓-๑
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว

  • ตอน 11
    ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว

    และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง
    น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว
    เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ
    ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร
    ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน
    ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้)
    บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519
    ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย
    ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง
    หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ

    อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน
    แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ
    Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา
    ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา!
    แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ
    คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ
    โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว

    คนเล่านิทาน
     ตอน 11 ท่านผู้อ่านนิทาน อ่านกันมาถึงตรงนี้แล้ว คงพอจะรู้จักจิ๊กโก๋๋ นักล่ารุ่นใหม่ หมายเลข 1 กันบ้างแล้ว และคิดว่าจิ๊กโก๋๋เขาจะจบแค่เวียตนาม หรือ เปล่าหรอก หมดธุระเรื่องเวียตนาม เขาได้อย่างที่ต้องการ ตามใบสั่งของนายทุนผู้ค้าอาวุธ ซึ่งกุมคอหอยจิ๊กโก๋๋อีกที แล้วเขาก็เปลี่ยนเข็มทิศ มองไปทางไหนหนอ อ้อ ทางไหนก็ได้ที่มีทรัพยากรของคนอื่น ที่เขาอยากได้ไง น้ำมัน น้ำมันไง มาถึงแล้ว จิ๊กโก๋๋มันแสนรู้ จมูกไว เมื่อทุนนิยมเข้าไปที่ไหน อุตสาหกรรมก็เกิด เมื่อมีอุตสาหกรรม ก็ต้องอาศัยพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและ น้ำมัน แหม! แล้วใครล่ะ ที่มีน้ำมันมีมาก ก็พวกคุณอาทั้งหลาย แถวทะเลทรายไงล่ะ ดังนั้นแผนของนักล่า ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามเวียตนาม จึงเพ่นพ่าน ถือไม้สามง่ามเล็งหาน้ำมัน นู่นไปนู่นเลย ไปหาประวัติศาสตร์อิหร่านแตก พระเจ้าชาห์หนี ซาอุดิอารเบียจับมือกับอเมริกา สงคราม Gulf War ระหว่างคูเวต อิรัก อเมริกา จนถึงสงครามอิรัก ขอไม่เล่ารายละเอียด เพราะวันนี้จะเขียนที่เกี่ยว กับไทยแลนด์จังๆ ก่อนนะ แต่ถ้าไม่บอกเดี๋ยวท่านผู้อ่านนิทานก็จะงงว่าแล้วไง มันหายไปจากบ้านเรา แล้วมันไปไหน ไปทำอะไร ก็อย่างว่า จิ๊กโก๋๋เขาไม่ได้หายไปไหนหรอก มันก็ไปทำมาหากิน ขุดเผือกขุดมันขุดน้ำมันของคนอื่นเขาละซิ เราก็นึกว่าเขาไม่ยุ่งกะเราแล้ว เปล่าหร๊อก มันแค่เปลี่ยนแนว เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเปลี่ยนฉากน่ะ ไม่ต้องตื่นเต้น บทเขาเขียนไว้ต่อเนื่อง ตั้งกะปีมะโว้ อีกร้อยปีก็เล่นไม่จบ เว้นแต่มันจะจบกันไปคนละข้างก่อน ระหว่างที่จิ๊กโก๋๋ ย้ายซอยไปขุดเผือกขุดน้ำมันที่อื่น บ้านเราก็อ้างว่า เป็นช่วงเวลาพัฒนาประชาธิปไตย ที่จิ๊กโก๋๋หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ ทุกคนก็ร่ำร้องหาแต่ประชาธิปไตย (ตอนนี้ยังหาอยู่เลย ลูกพระยาพหล อยู่ไหมจ๊ะ ป่านนี้แก่หง่อมหรือลาขึ้นสวรรค์ไปแล้วก็ไม่รู้) บ้านเมืองเราก็เลยล้มลุก หกคะเมนตีลังกาตั้งแต่ 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 จนถึง 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 ถึงจิ๊กโก๋๋จะไปขุดน้ำมัน เขาก็ใช่ว่า จะลืมสมันน้อยนะ จิ๊กโก๋๋ชอบทหาร ก็ของมันคุ้น ของมันเคย รัฐบาลพลเรือน เจอแต่ละคน จิ๊กโก๋๋ก็มึนเหมือนกัน อย่างอาจารย์สัญญาน่ะ เหมือนเป็นพ่อพระ จะสั่งให้พระไปทิ้งระเบิดใคร มันง่ายนักเหรอ แล้วอาจารย์คึกฤทธิ์ล่ะ เล่นด่า Ugly American ใส่ แถมยืนคำขาด กำหนดวันที่พี่เบิ้มต้องถอนทหารอเมริกันให้หมดจากบ้านเราด้วย ส่วนคุณหอยธานินทร์นั้น เกินกว่าจะบรรยาย ว่าแล้วการเมืองไทยก็กลับมาอยู่ใน ความครอบงำของทหารเหมือนเดิม แปลกดีไหมคิดสิ เป็นไปตามธรรมชาติ หรือมีใบสั่ง อย่าให้ต้องเขียนรายละเอียด เหมือนสมัยคุณป๋าสฤษดิ์ คุณน้าหนอมเลยนะ เอาย่อๆว่า ไม่มีอะไรลอดสายตาพญาอินทรีหรอก เพียงแต่เขาจะกางกรงเล็บขยุมเราโดยตรง หรือใช้ “วิธีอื่น” เท่านั้นเอง หลังจากเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลา พ.ศ.2519 เราก็เลยได้ทหารกลับมาบริหารประเทศอีก พล.อ. เกรียงศักดิ์ ทำแกงเนื้อใส่บรั่นดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 – 2523 พล.อ. ป๋า เจ้าของวลีเด็ด เราเป็น Jockey ไม่ใช่เจ้าของคอก ทำหน้าที่ Jockey  ตั้งแต่ปี พ.ศ.2523 – 2531 พล.อ. น้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ ปี พ.ศ.2531- 2534 ช่วงทหารมีอำนาจบริหารบ้านเมือง ยุคหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516 ต่างกับ ช่วงก่อน 14 ตุลา พ.ศ.2516 อย่างน่าสนใจ อย่างที่เล่ามาตอนแรกก่อน 14 ตุลาคม พ.ศ.2516 เรามีจอมพลคนใส่หมวกแล้วชาติเจริญ คุณป๋ารักชาติ และเหล่านักวิ่งผลัด การพัฒนาประเทศช่วงนั้น ถูกกำกับโดยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและผู้เชี่ยวชาญต่าง ชาติมาดเข้ม เดินประกบหน้าประกบหลังไทยแลนด์ เอาผ้าห่มวัฒนธรรมอเมริกัน ห่อไทยแลนด์เสียมิด ชิด จนไทยแลนด์ลืมสนิทไปเลย ว่า ไทยแท้เป็นยังไง จำได้แต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกัน แต่ช่วงหลัง 14 ตุลา พ.ศ.2516  ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติถูกอัญเชิญออกไปแยะ จากปัจจัยภายในประเทศเราและประเทศเขา แต่พี่เบิ้มเขาก็ไม่ปล่อยเกียร์ว่าง เขาควบคุมด้วยวิธีแยบยล โดยใช้เหล่าข้าราชการที่เรียกว่า Technocrat มาช่วยคุณทหาร บริหารประเทศ Technocrat เหล่านี้เป็นใคร ก็เป็นต้นกล้าที่คุณพ่ออเมริกาหว่านเอาไว้ เขาเหล่านั้นเป็นนักเรียนนอก เติบโตมาภายใต้ระบบการศึกษาและแนวคิดของฝรั่ง เรียนแบบถ่ายสำเนาอัดก็อปบี้ออกมาเลย คุณพ่อฝรั่งว่า ขาวก็ขาวด้วย คุณพ่อว่า ดำก็ดำด้วย นี่สี่เหลี่ยม นี่กลม โอ้ย! ท่องจำกันได้หมด แล้วก็กลับเอาคำท่องจำมาใช้สอนต่อ หรือมาใช้ทำงานในบ้านเรา ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอก สมันน้อยไม่ไปไหน คุณพ่อฝรั่งไม่อยู่ คุณพ่อก็ให้พวก good boy technocratเด็กในคาถา มาทำหน้าที่ดูแลแทน นี่ยังไง นักวิชาการ ข้าราชการ สื่อฯลฯ ที่ถูกฟอกย้อมเอาไว้เรียบ ร้อยแบบไม่รู้ตัว… หรือรู้ตัวแต่ชอบ ของย้อมน่ะ… แล้วจะมีอะไรเหลือ …ไทยพันธุ์แท้หายไปไหนหมด เหลือแต่ไทยแลนด์แบรนด์อเมริกา! แต่เรื่องทุกเรื่องมันก็มีหักมุมนะ คุณน้าชาตินี้แกใช่ย่อยที่ไหน ถึงจะเป็นทหาร แกก็ไม่ได้ฟังเทคโนแครตมากนัก แกตั้งที่ปรึกษาบ้านพิษขึ้นมาเอง พวกนี้ก็มีพิษไปอีกแบบ ไทยแลนด์ก็เลยเหมือนหนีเสือปะจระเข้ หนีชะนีไปเจอค่าง อะไรอย่างนั้นแหละ รัฐบาลคุณน้าชาติ เป็นตัวแปรที่สำคัญ ต้องศึกษากันให้ดีๆ คุณน้า แกมีนโยบายล้ำเลิศ จะเปลี่ยนสนามรบ เป็นสนามค้า แกคิดโครงการแต่ละอัน เด็ดสะระตี่ทั้ง นั้น จะค้าขาย มันก็ต้องมีท่าเรือมารองรับการขนส่ง นั่นมาแล้ว Eastern Sea Board จะติดต่อค้าขายกัน การสื่อ สารมันก็ต้องทันสมัย จะใช้นกพิราบไปเรื่อยๆ ไม่ไหวมั้ง คุณน้าก็ให้คิดโครงการ 3 ล้านเลขหมาย คิดเรื่องดาว เทียม! คิดโครงการขนส่ง Hopewell ระบบทางด่วน ฯลฯ คุณน้าแกช่างคิดหาตังค์จริงๆ ต้องยอมรับ ไม่งั้นจะได้สมญารัฐบาลฟาสต์ฟูดเหรอ โครงการต่างๆ เหล่านี้ มันมูลค่ามหึมา ไอ้ 3 เกลอหัวแข็งที่มัวแต่ไปวุ่นๆ อยู่ทางอื่นของโลก ก็หันขวับจนคอเคล็ดมาดู เออ! เฮ้ย! มันกำลังจะทำอะไร สมันน้อยทำไมไม่บอกไอ นี่มันเรื่องผลประโยชน์ทั้งนั้น ไอ้พวกgood boy technocrat เด็กๆ ของเราหายไปไหนหมด ทำไม่มันไม่เตือน เขากำลังจะเข้าฮอร์สกันหมดแล้ว คนเล่านิทาน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สถานการณ์ตะวันออกกลางขณะนี้"

    สหรัฐกำลัง "สร้างข้ออ้าง" เพื่อหาทางทำลายอิหร่าน เช่นเดียวกับที่ จอร์จ บุช เคยทำกับอิรักมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าอิรักมีอาวุธเคมี!!!

    "อิหร่านไม่สามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ เราจะไม่อนุญาตให้มีมัน" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน

    ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกของสหรัฐ และอดีตทหารผ่านศึกกในสงครามอิรัก ระบุว่า "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาต้องหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว

    อิสราเอลแจ้งต่อสหรัฐ พร้อมแล้วสำหรับปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน

    สหรัฐแจ้งเตือนฐานทัพของพวกเขาทั่วโลกให้เตรียมพร้อมรับมือขั้นสูงสุด

    สหรัฐอเมริกามีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งสมาชิกครอบครัวและบุคลากรที่ไม่จำเป็น

    อิหร่านประกาศพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐทันทีทั่วทั้งตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล หากมีการดเปิดฉากโจมตีอิหร่าน

    รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าo ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธที่มีหัวรบขนาด 2 ตัน



    "สถานการณ์ตะวันออกกลางขณะนี้" สหรัฐกำลัง "สร้างข้ออ้าง" เพื่อหาทางทำลายอิหร่าน เช่นเดียวกับที่ จอร์จ บุช เคยทำกับอิรักมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยอ้างว่าอิรักมีอาวุธเคมี!!! 👉"อิหร่านไม่สามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ได้ เราจะไม่อนุญาตให้มีมัน" ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวไว้ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน 👉ทอม คอตตอน วุฒิสมาชิกของสหรัฐ และอดีตทหารผ่านศึกกในสงครามอิรัก ระบุว่า "พีท เฮกเซธ" รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ยืนยันว่าอิหร่านกำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาต้องหยุดยั้งการกระทำดังกล่าว 👉อิสราเอลแจ้งต่อสหรัฐ พร้อมแล้วสำหรับปฏิบัติการโจมตีอิหร่าน 👉สหรัฐแจ้งเตือนฐานทัพของพวกเขาทั่วโลกให้เตรียมพร้อมรับมือขั้นสูงสุด 👉สหรัฐอเมริกามีคำสั่งอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากสถานทูตในหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง รวมทั้งสมาชิกครอบครัวและบุคลากรที่ไม่จำเป็น 👉อิหร่านประกาศพร้อมโจมตีฐานทัพสหรัฐทันทีทั่วทั้งตะวันออกกลาง รวมทั้งอิสราเอล หากมีการดเปิดฉากโจมตีอิหร่าน 👉รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าo ประกาศความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธที่มีหัวรบขนาด 2 ตัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • 21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล

    เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง

    เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด

    กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น

    ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด
    07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha

    07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที
    ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo
    ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia
    ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha

    08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่

    08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde

    09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี

    จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี
    สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา

    สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX

    สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4

    Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6

    ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด

    ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด

    การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546

    ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง

    ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน

    ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน

    ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก

    บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์

    เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547
    เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม

    ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568

    #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory
    21 ปี "11-M" วินาศกรรมระเบิดรถไฟมาดริด กวาดชีวิต 200 ศพ บาดเจ็บกว่า 1,800 ราย 🚆💣 ไขปริศนาเบื้องหลัง โศกนาฏกรรมสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์สเปน ไปตลอดกาล 📝 เสียงระเบิดที่เปลี่ยนสเปนไปตลอดกาล วันพฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2547 ในช่วงช่วงชั่วโมงเร่งด่วน เช้าตรู่เหมือนทุกวัน รถไฟโดยสารสาย Cercanías ของกรุงมาดริด ประเทศสเปน กำลังวิ่งเข้าเทียบชานชาลา ที่สถานีอาโตชา (Atocha) อย่างปกติ ก่อนที่เสียงระเบิดลูกแรกจะดังขึ้น และตามด้วยระเบิดอีก 12 ลูก ในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้ขบวนรถไฟ 4 ขบวน ที่บรรทุกผู้โดยสารไปทำงานในช่วงเร่งด่วน กลายเป็นซากเศษเหล็กในพริบตา 💥 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น หรือที่ชาวสเปนเรียกกันว่า "11-M" (Once de Marzo) ถือเป็นหนึ่งในโศกนาฏกรรมก่อการร้าย ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป มีผู้เสียชีวิตถึง 200 ศพ และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,800 ราย มันไม่เพียงแต่ทำลายชีวิตผู้คน แต่ยังสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และเปลี่ยนผลการเลือกตั้งในสเปน โดยสิ้นเชิง 🗳️ 📚 เหตุการณ์ที่โลกไม่อาจลืม เหตุระเบิดรถไฟที่กรุงมาดริด หรือ 11-M เป็นปฏิบัติการก่อการร้าย ที่ประสานงานกันอย่างซับซ้อน โดยมือระเบิดใช้อุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่อง (IED) วางไว้ในกระเป๋าเป้ และนำขึ้นรถไฟ ที่มุ่งหน้าเข้าสู่สถานีหลักของกรุงมาดริด ✨ กลุ่มผู้ต้องสงสัย คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง ที่ต่อต้านการมีส่วนร่วมของสเปนใ นสงครามอิรัก เหตุการณ์นี้นับเป็นการโจมตีพลเรือน ครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรป นับตั้งแต่เหตุการณ์ ระเบิดเครื่องบิน Pan Am เที่ยวบิน 103 เมื่อปี 2531 และกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง และความมั่นคงของประเทศสเปน ในเวลานั้น 📍 🔎 ไทม์ไลน์วินาศกรรม 11-M นาทีชีวิตในกรุงมาดริด 07.01 - 07.14 น. รถไฟทั้งสี่ขบวนออกจาก Alcalá de Henares มุ่งหน้าสู่สถานี Atocha 07.37 - 07.40 น. ระเบิดลูกแรกระเบิดขึ้นที่ ขบวน 21431 บริเวณ ฃสถานี Atocha ตามด้วยอีกสองลูกในเวลาไม่ถึง 4 วินาที 🚆💥 ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ที่สถานี El Pozo ขบวน 21713 ระเบิดที่สถานีSanta Eugenia ขบวน 17305 เกิดระเบิด 4 จุด บริเวณ Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha 08.00 น. เป็นต้นไป หน่วยกู้ภัยฉุกเฉินและทีม TEDAX หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด เข้าพื้นที่ 08.30 น. ตั้งโรงพยาบาลสนามที่สนามกีฬา Daoiz y Velarde 09.00 น. ตำรวจยืนยันมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 ศพ สุดท้าย ผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 200 ราย และรายสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2557 หลังจากโคม่า 10 ปี 🚨 จุดระเบิด 13 จุด ของแต่ละสถานี 📍 สถานี Atocha ขบวน 21431 เกิดระเบิด 3 ลูก อีก 1 ลูก ถูกทีม TEDAX จุดระเบิดควบคุมในเวลาต่อมา 📍 สถานี El Pozo ขบวน 21435 ระเบิด 2 ลูก ในตู้ที่ 4 และ 5 พบระเบิดอีก 1 ลูกในตู้รถที่ 3 ถูกควบคุมระเบิดโดย TEDAX 📍 สถานี Santa Eugenia ขบวน 21713 ระเบิดลูกเดียวที่ตู้ที่ 4 📍 Calle Téllez ใกล้สถานี Atocha ขบวน 17305 ระเบิด 4 ลูกที่ตู้ 1, 4, 5 และ 6 🕵️‍♂️ ผู้ต้องสงสัย เบื้องหลังการโจมตี หลักฐานที่ค้นพบในรถตู้ Renault Kangoo ซึ่งจอดอยู่หน้าสถานี Alcalá de Henares ได้แก่ ตัวจุดชนวน เทปเสียงอัดบทกวีจากคัมภีร์อัลกุรอาน และโทรศัพท์มือถือที่ใช้จุดระเบิด ตำรวจสเปนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 5 คน ในวันเดียวกัน เป็นชาวโมร็อกโก 3 คน และปากีสถาน 2 คน โดยเฉพาะ "จามาล ซูกัม" (Jamal Zougam) ชาวโมร็อกโก ที่ถูกดำเนินคดีในที่สุด การโจมตีครั้งนี้เชื่อว่า เป็นการตอบโต้สเปนที่เข้าร่วมสงครามอิรัก กับสหรัฐอเมริกาในปี 2546 ❗ ข้อถกเถียงและการเมืองที่ลุกเป็นไฟ เหตุการณ์ 11-M เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้งทั่วไปเพียง 3 วัน พรรค Partido Popular (PP) ภายใต้การนำของ "โฆเซ มาเรีย อัซนาร์" พยายามโยงความผิดให้กลุ่ม ETA โดนพรรคฝ่ายค้าน PSOE กล่าวหาว่ารัฐบาลบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อป้องกันการเสียคะแนนเสียง ผลการเลือกตั้งพลิกล็อก พรรค PSOE ภายใต้การนำของ "โฆเซ หลุยส์ โรดริเกซ" ซาปาเตโร ได้รับชัยชนะ และขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน ⚖️ ผลการสอบสวนและคำพิพากษา หลังจากการสืบสวน 21 เดือน มีผู้ถูกตัดสินว่ามีส่วนร่วมในการโจมตีทั้งหมด 21 คน ไม่มีหลักฐานชัดเจน ที่เชื่อมโยงกับอัลกออิดะห์ วัตถุระเบิดที่ใช้คือ Goma-2 ECO ผลิตในสเปน 🌍 ผลกระทบที่สะท้อนถึงโลกใบนี้ เหตุการณ์ 11-M ถูกเปรียบเทียบกับการโจมตี 11 กันยายน 2001 (9/11) ที่สหรัฐฯ ทั้งในแง่ของขนาดของการวางแผน ผลกระทบต่อการเมืองภายในประเทศ การลุกฮือของประชาชนเรียกร้อง “ความจริง” จากรัฐบาล และยังกระตุ้นให้เกิด มาตรการความปลอดภัย ในระบบขนส่งมวลชนทั่วโลก 🚆🛑 🧠 บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 11-M ความโปร่งใสของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียความไว้วางใจ การเฝ้าระวังระบบขนส่งสาธารณะ ต้องได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง การเมืองและการก่อการร้าย เป็นเรื่องที่แยกจากกันไม่ได้ ในยุคโลกาภิวัตน์ 📌 เหตุการณ์ก่อการร้าย ที่สะท้อนภาพโศกนาฏกรรมปี 2547 🎒 เหตุการณ์เบสลัน (Beslan Siege) วันที่ 1-3 กันยายน พ.ศ. 2547 กลุ่มแบ่งแยกดินแดนเชชเนีย จับตัวประกันที่โรงเรียน มีผู้เสียชีวิตกว่า 330 ศพ ครึ่งหนึ่งเป็นเด็กนักเรียน เป็นอีกตัวอย่างของความโหดร้าย จากการก่อการร้ายที่โลกไม่มีวันลืม 💔 ✅ ความทรงจำยังคงอยู่ 21 ปีหลังเหตุการณ์ 11-M สเปนและโลกยังคงรำลึกถึงเหยื่อผู้บริสุทธิ์ ที่เสียชีวิตในวันนั้น และบทเรียนที่ได้รับ ยังคงชัดเจนอยู่ทุกวินาที การเปลี่ยนแปลงในนโยบายความมั่นคง การเลือกตั้ง และบทบาททางการเมืองที่พลิกผัน เป็นสิ่งที่ทำให้ 11 มีนาคม ไม่ใช่เพียงวันแห่งความเศร้า แต่ยังเป็นวันที่ทำให้มนุษยชาติหยุดคิด และตั้งคำถามกับความรุนแรง ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้ 🌍🙏 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 110922 มี.ค. 2568 🔖 📌 #11M #MadridBombings #ก่อการร้าย #ประวัติศาสตร์สเปน #PSOE #PP #สงครามอิรัก #ก่อการร้ายยุโรป #มาดริด #TerrorismHistory 🚆💣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1721 มุมมอง 0 รีวิว
  • เล่นใหญ่รัชดาลัย!!! ปัญหาชายแดน ต้องเจอกับหน่วยรบ 101!?!

    มีคำสั่งเคลื่อนกำลังพลของกองพันทหารสารวัตรที่ 716 (The 716th Military Police Battalion) จากกองพลส่งทางอากาศที่ 101 (101st Airborne Division) มุ่งหน้าสู่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก

    ภารกิจของพวกเขาคือ ร่วมมือกับหน่วยป้องกันชายแดนและกองกำลังทหารที่มีอยู่เพื่อรักษาความปลอดภัยชายแดนและ "ปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน"

    พันโทฟิลลิป เมสัน ผู้บังคับบัญชากองพันทหารสารวัตรที่ 716 กล่าวว่า

    "พวกเราได้รับการฝึกฝนและพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจสำคัญนี้ เจ้าหน้าที่ของเราทุกนาย มุ่งมั่นที่จะปกป้องชาวอเมริกันทุกคนและสนับสนุนพันธมิตรพลเรือนของเราในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของสหรัฐอเมริกา

    พวกเรายังภูมิใจที่ได้ระดมกำลังเพื่อภารกิจนี้โดยสวมตรา Screaming Eagle ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อกองพันทหารตำรวจที่ 716”

    กองพลส่งทางอากาศที่ 101 ของกองทัพบกสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในกำลังพลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องในความกล้าหาญจากผลงานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และทุกครั้งที่กองทัพสหรัฐฯมีภารกิจในทุกสนามรบ หน่วยทหารแห่งนี้ก็จะมีส่วนร่วมอยู่เสมอ มาตั้งแต่ปฏิบัติการพายุทะเลทรายในสงครามอิรัก และมาถึงสถานการณ์ตึงเครียดของสหรัฐฯกับอิหร่านในปัจจุบัน
    เล่นใหญ่รัชดาลัย!!! ปัญหาชายแดน ต้องเจอกับหน่วยรบ 101!?! มีคำสั่งเคลื่อนกำลังพลของกองพันทหารสารวัตรที่ 716 (The 716th Military Police Battalion) จากกองพลส่งทางอากาศที่ 101 (101st Airborne Division) มุ่งหน้าสู่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ภารกิจของพวกเขาคือ ร่วมมือกับหน่วยป้องกันชายแดนและกองกำลังทหารที่มีอยู่เพื่อรักษาความปลอดภัยชายแดนและ "ปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน" พันโทฟิลลิป เมสัน ผู้บังคับบัญชากองพันทหารสารวัตรที่ 716 กล่าวว่า "พวกเราได้รับการฝึกฝนและพร้อมที่จะสนับสนุนภารกิจสำคัญนี้ เจ้าหน้าที่ของเราทุกนาย มุ่งมั่นที่จะปกป้องชาวอเมริกันทุกคนและสนับสนุนพันธมิตรพลเรือนของเราในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของสหรัฐอเมริกา พวกเรายังภูมิใจที่ได้ระดมกำลังเพื่อภารกิจนี้โดยสวมตรา Screaming Eagle ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ต่อกองพันทหารตำรวจที่ 716” กองพลส่งทางอากาศที่ 101 ของกองทัพบกสหรัฐฯ ถือเป็นหนึ่งในกำลังพลที่มีชื่อเสียงและได้รับการยกย่องในความกล้าหาญจากผลงานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และทุกครั้งที่กองทัพสหรัฐฯมีภารกิจในทุกสนามรบ หน่วยทหารแห่งนี้ก็จะมีส่วนร่วมอยู่เสมอ มาตั้งแต่ปฏิบัติการพายุทะเลทรายในสงครามอิรัก และมาถึงสถานการณ์ตึงเครียดของสหรัฐฯกับอิหร่านในปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว