• บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ?
    .
    การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท
    .
    หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ? . การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท . หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs . #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • ถ้าEntertainment Complex หมายถึง
    1. World Class Theme Park
    2. Convention Hall ขนาด 10000 ที่นั่ง
    3. Indoor Stadium สำหรับ กีฬาในร่ม
    4. ลาน สเก๊ต ขนาดใหญ่
    5. Mega shopping Mall
    6. พิพิทธภัณฑ์ไทย
    7. Theaters โรงละคร ระดับ World class 4D
    8.Auditorium ขนาดใหญ่

    โดยกลุ่ม ลูกค้า 60% Donestic และ 40% นักท่องเที่ยวต่างชาติ

    ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมี คาสิโน แค่แก้กฏหมายเดิมเพื่อส่งเสริมการลงทุน
    8.
    ถ้าEntertainment Complex หมายถึง 1. World Class Theme Park 2. Convention Hall ขนาด 10000 ที่นั่ง 3. Indoor Stadium สำหรับ กีฬาในร่ม 4. ลาน สเก๊ต ขนาดใหญ่ 5. Mega shopping Mall 6. พิพิทธภัณฑ์ไทย 7. Theaters โรงละคร ระดับ World class 4D 8.Auditorium ขนาดใหญ่ โดยกลุ่ม ลูกค้า 60% Donestic และ 40% นักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องมี คาสิโน แค่แก้กฏหมายเดิมเพื่อส่งเสริมการลงทุน 8.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย
    .
    “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล
    .
    เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่
    .
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้”
    .
    สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท
    .
    ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด
    .
    ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
    .
    นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย
    .
    สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    "ทราย สก๊อต"ไปเหยียบตีนใคร ที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ในทะเลไทย . “ทราย สก๊อต” หรือ สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี อินฟลูเอนเซอร์หนุ่มลูกครึ่งไทย-สกอตต์แลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของคุณจำนงค์ ภิรมย์ภักดี อดีตประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ทรายเรียนจบการศึกษาปริญญาตรีทางด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกาและเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเล 30 กม.ได้รับฉายาเป็น“อควาแมนเมืองไทย” ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯนายอรรถพล เจริญชันษา เมื่อต้นปี 2567 ด้วยภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ รักษ์ทะเล จริงจังเรื่องสิ่งแวดล้อม และสื่อสารเก่งผ่านโซเชียล . เขาทำงานเชิงรุกในภาคสนามอย่างเข้มข้น ใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ผ่อนปรน ยอมหักไม่ยอมงอ ทั้งเตือนนักท่องเที่ยว ใช้กฎหมายจัดการผู้ละเมิดกฎอุทยาน ไม่เว้นแม้แต่บริษัทเรือหรือไกด์ทัวร์ที่ให้อาหารสัตว์ทะเลหรือเหยียบปะการัง จนเกิดความไม่พอใจจากบางกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ ถูกกล่าวหาว่าใช้อำนาจเกินขอบเขต ทำคอนเทนต์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว และพูดจาเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ . เหตุการณ์เริ่มต้นจากคลิป “หนีห่าว” ที่ทรายเข้าไปตักเตือนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พูดจาเหยียดคนไทย ตามด้วยคดีฟ้องหมิ่นประมาทจากบริษัทเรือ ก่อกระแสโต้กลับหนักบนโซเชียลและในวงราชการ กระทั่งวันที่ 21 เม.ย. 2568 อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาตินายอรรถพล เจริญชันษา มีคำสั่งปลดทรายออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า “มีความประพฤติไม่เหมาะสม เตือนแล้วก็ไม่แก้ไขปรับปรุง ทำงานร่วมกับใครไม่ได้” . สังคมออนไลน์กลับมองต่าง ช่วยกันติดแฮชแท็ก #Saveทราย #คืนทรายให้ทะเล พร้อมตั้งคำถามว่า “เขาไปเหยียบตีนใครหรือเปล่า?” เพราะสิ่งที่ทรายพูดอาจเป็นการสะกิดรอยรั่วของระบบอุทยานฯ โดยเฉพาะพื้นที่ “ทำเงิน”ในอุทยานทางทะเล 4 แห่งคืออุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา หมู่เกาะพีพี จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดกระบี่, อุทยานแห่งชาติแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง, อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา ก็ฟาดไปกว่าปีละ 500 ล้านบาท . ทรายยืนยันว่า “ไม่ได้ล้ำเส้น แค่ใช้กฎให้ถูกต้อง” พร้อมเปรยว่า “ผมเห็นเยอะเกินไป” เป็นประโยคที่หลายคนตีความว่า เขาอาจสัมผัสปัญหาหรือความหย่อนยานเชิงโครงสร้างในระบบราชการที่ไม่มีใครกล้าพูด . ขบวนการผลประโยชน์ที่ "ทราย สก๊อต" มองเห็นอยู่ ย่อมไม่มีผลดีต่อพวกที่คิดชั่ว ทำชั่วระบบเวียนตั๋ว-อุปถัมภ์-ผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่ใช่แค่โกงตั๋ว ยังมีการจัดซื้อจัดจ้าง ส่อแววเอื้อพวกพ้อง ทั้งที่รายได้จากอุทยานทั่วประเทศปี 2567 พุ่งถึง 2,200 ล้านบาท แต่สวัสดิการพื้นฐานของเจ้าหน้าที่อุทยาน เช่น ประกันภัยยังแทบไม่มี “ทราย สก๊อต” เคยเสนอแนวคิดใช้เงินตรงนี้ดูแลคนทำงานจริง กลับถูกต้านจากระบบ เป็นไปได้หรือไม่ว่าตัวจริงเป็น "ไอ้โม่ง" ที่อยู่ข้างหลัง คือตัวเบิ้มๆ ที่คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ . นี่ล่ะ คือเบื้องหน้าเบื้องหลังของกรณี "หนีห่าว" ของ "ทราย สก๊อต" ที่ไม่ได้จบแค่เรื่องการเหยียดคนไทยของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงระบบ ปัญหาเรื่องผลประโยชน์นับพันล้านของกรมอุทยานแห่งชาติฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในเงื้อมมือของข้าราชการและนักการเมืองที่ตัดไม่ได้ขายไม่ออกด้วย . สำหรับคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน นั้น ท่านก็เคยมีวีรกรรมของท่านมากมายเหลือเกินสมัยที่ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ แล้วก็มีเรื่องนี้ที่เกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่าการสั่งซื้อเรือราคาหลายร้อยล้านบาทนั้น มันออกมาจากคนไหน ท่านรัฐมนตรีฯ เฉลิมชัย เป็นคนกระซิบคุณอริยะ เชื้อชม ผู้อำนวยการสำนักอุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ผมไม่ทราบ ผมรู้แต่ว่า คุณเฉลิมชัย อยู่ที่ไหน ที่นั่นไม่ค่อยจะสงบสุขเลย
    Like
    Love
    19
    1 Comments 0 Shares 1236 Views 0 Reviews
  • "ร้อยนึง" ครั้งหนึ่งในเขมร

    กรณีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เรียกเก็บเงินครั้งละ 100-200 บาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว แม้จะมีการเคลื่อนไหวถึงขั้นนัดรวมตัวประท้วงที่หน้าสถานกงสุลกัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทั่งกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้ว รับทราบปัญหาและรีบดำเนินการแก้ไข แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป ใน TikTok มีคลิปที่คนไทยไปเที่ยวปอยเปตถูกเรียกเก็บเงิน แม้จะมีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม

    ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีโอกาสไปเยือนปอยเปต ตั้งใจจะไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นั่น พบเจอมากับตัว!

    จากด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว หนังสือเดินทางประเทศไทย ชั้นล่าง ประทับตราขาออกตามปกติ เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ประตู ARRIVAL ด้านขวามือขึ้นไปชั้น 2 ที่นี่ห้ามถ่ายรูปและห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ นักท่องเที่ยวจะต้องเขียนใบขาเข้าแบบกระดาษ หากเขียนไม่เป็นก็ให้เจ้าหน้าที่เขียนให้ เสียเงิน 20 บาท หลังจากนั้นจึงเข้าคิวรอเจ้าหน้าที่ ตม.ประทับตราขาเข้าลงบนหนังสือเดินทาง สังเกตว่ามีช่องให้บริการ 6 ช่อง แต่เปิดเพียง 2 ช่อง คิวยาวเหยียด เมื่อมีกรุ๊ปทัวร์ตามมาจึงเปิดเพิ่มอีก 1 ช่อง ระหว่างนั้นนักท่องเที่ยวคนหน้ายังบ่นเรื่องเสียเงิน 100 บาท

    เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ ตม. สแกนหนังสือเดินทางตามขั้นตอน คำถามแรกคือ "อยู่ที่ไหน" ตอบไปว่าอยู่ปอยเปต คำถามต่อมาคือ "มาทำอะไร" ตอบไปว่ามาเที่ยว มาเดินเล่น ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคำว่า "ร้อยนึง" ถึงตอนนั้นรู้สึกอึ้ง แต่สมองสั่งให้ควักกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรใบละ 100 บาท วางไว้ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ ตม.วางหนังสือเดินทางที่ประทับตราแล้วคืน แล้วหยิบแบงก์ร้อยออกไป เราเดินลงไปด้านล่างพร้อมคำถามในหัวว่าต้องจ่ายด้วยหรือ ทั้งที่หน้าเคาน์เตอร์มีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ส่วนเที่ยวกลับ เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่เรียกเก็บ อาจเป็นเพราะสีหน้าที่วิตกกังวลและอยากกลับบ้าน

    ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวไทยที่ผ่านด่านปอยเปต เพื่อไปเที่ยวฝั่งกัมพูชา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายกับกระบวนการ ตม. สูงถึง 100-420 บาท ทั้งที่หากเป็นประเทศอื่น เช่น สปป.ลาว จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินขาละ 20 บาท ส่วนมาเลเซียและเมียนมาไม่มีการเรียกเก็บ แต่เงินที่เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชาเรียกเก็บไม่ชัดเจนว่าเป็นค่าอะไร นอกจากคิดไปเองว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวก ทั้งหมดเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกเรียกเก็บเงินครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องของทางการกัมพูชา

    #Newskit
    "ร้อยนึง" ครั้งหนึ่งในเขมร กรณีเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา เรียกเก็บเงินครั้งละ 100-200 บาท จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวไทยเกิดขึ้นมานานแล้ว แม้จะมีการเคลื่อนไหวถึงขั้นนัดรวมตัวประท้วงที่หน้าสถานกงสุลกัมพูชา จ.สระแก้ว เพื่อเรียกร้องให้ทางการกัมพูชาแก้ไขปัญหาดังกล่าว กระทั่งกงสุลใหญ่กัมพูชาประจำจังหวัดสระแก้ว รับทราบปัญหาและรีบดำเนินการแก้ไข แต่ปัญหาก็ไม่หมดไป ใน TikTok มีคลิปที่คนไทยไปเที่ยวปอยเปตถูกเรียกเก็บเงิน แม้จะมีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ มีโอกาสไปเยือนปอยเปต ตั้งใจจะไปเที่ยวชมบรรยากาศที่นั่น พบเจอมากับตัว! จากด่านพรมแดนบ้านคลองลึก จ.สระแก้ว หนังสือเดินทางประเทศไทย ชั้นล่าง ประทับตราขาออกตามปกติ เมื่อข้ามไปฝั่งประเทศกัมพูชา ประตู ARRIVAL ด้านขวามือขึ้นไปชั้น 2 ที่นี่ห้ามถ่ายรูปและห้ามใช้โทรศัพท์มือถือ นักท่องเที่ยวจะต้องเขียนใบขาเข้าแบบกระดาษ หากเขียนไม่เป็นก็ให้เจ้าหน้าที่เขียนให้ เสียเงิน 20 บาท หลังจากนั้นจึงเข้าคิวรอเจ้าหน้าที่ ตม.ประทับตราขาเข้าลงบนหนังสือเดินทาง สังเกตว่ามีช่องให้บริการ 6 ช่อง แต่เปิดเพียง 2 ช่อง คิวยาวเหยียด เมื่อมีกรุ๊ปทัวร์ตามมาจึงเปิดเพิ่มอีก 1 ช่อง ระหว่างนั้นนักท่องเที่ยวคนหน้ายังบ่นเรื่องเสียเงิน 100 บาท เมื่อถึงคิว เจ้าหน้าที่ ตม. สแกนหนังสือเดินทางตามขั้นตอน คำถามแรกคือ "อยู่ที่ไหน" ตอบไปว่าอยู่ปอยเปต คำถามต่อมาคือ "มาทำอะไร" ตอบไปว่ามาเที่ยว มาเดินเล่น ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยคำว่า "ร้อยนึง" ถึงตอนนั้นรู้สึกอึ้ง แต่สมองสั่งให้ควักกระเป๋าสตางค์หยิบธนบัตรใบละ 100 บาท วางไว้ที่เคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ ตม.วางหนังสือเดินทางที่ประทับตราแล้วคืน แล้วหยิบแบงก์ร้อยออกไป เราเดินลงไปด้านล่างพร้อมคำถามในหัวว่าต้องจ่ายด้วยหรือ ทั้งที่หน้าเคาน์เตอร์มีข้อความ "ไม่มีการชำระเงินที่นี่" ก็ตาม ส่วนเที่ยวกลับ เจ้าหน้าที่ ตม.ไม่เรียกเก็บ อาจเป็นเพราะสีหน้าที่วิตกกังวลและอยากกลับบ้าน ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวชาวไทยที่ผ่านด่านปอยเปต เพื่อไปเที่ยวฝั่งกัมพูชา จะต้องเสียค่าใช้จ่ายกับกระบวนการ ตม. สูงถึง 100-420 บาท ทั้งที่หากเป็นประเทศอื่น เช่น สปป.ลาว จ่ายค่าเหยียบแผ่นดินขาละ 20 บาท ส่วนมาเลเซียและเมียนมาไม่มีการเรียกเก็บ แต่เงินที่เจ้าหน้าที่ ตม.กัมพูชาเรียกเก็บไม่ชัดเจนว่าเป็นค่าอะไร นอกจากคิดไปเองว่าเป็นค่าอำนวยความสะดวก ทั้งหมดเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ที่ถูกเรียกเก็บเงินครั้งหนึ่งในชีวิต ส่วนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เป็นเรื่องของทางการกัมพูชา #Newskit
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง

    สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท)

    นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท)

    แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

    สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง

    สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้

    นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน

    #Newskit
    นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท) นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท) แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้ นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 339 Views 0 Reviews
  • ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมเดินหน้าทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยแบบเซลล์บรอดแคสต์ (Cell Broadcast Service) แบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ. กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเปิดใช้งานจริง โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้ง CBS เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน

    นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มีความพร้อมเปิดใช้งาน Cell Broadcast Service (CBS) แล้ววันนี้ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual โดยได้ติดตั้งระบบ CBS ครอบคลุมทุกสถานีฐาน 4G และ 5G ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน ทั้งนี้ เราพร้อมสนับสนุน ปภ. ทดสอบระบบแบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

    ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทดสอบการรับสัญญาณ Cell Broadcast เรียบร้อยแล้วทั้งในอุปกรณ์ iPhone และ Android ที่รองรับ 4G และ 5G สามารถรับข้อความแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ทดสอบต่อสายตานักข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000038134

    #MGROnline #CellBroadcastService #ทรูคอร์ปอเรชั่น #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    ทรู คอร์ปอเรชั่น สนับสนุน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พร้อมเดินหน้าทดสอบระบบแจ้งเตือนภัยแบบเซลล์บรอดแคสต์ (Cell Broadcast Service) แบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปภ. กสทช. และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพการแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนเปิดใช้งานจริง โดย ทรู คอร์ปอเรชั่น ติดตั้ง CBS เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual ตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน • นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกิจการองค์กร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ทรู คอร์ปอเรชั่น มีความพร้อมเปิดใช้งาน Cell Broadcast Service (CBS) แล้ววันนี้ ทั้งในรูปแบบปกติและแบบ Virtual โดยได้ติดตั้งระบบ CBS ครอบคลุมทุกสถานีฐาน 4G และ 5G ทั่วประเทศเรียบร้อยแล้ว สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพตามระเบียบปฏิบัติประจำ (SOP) ที่ทุกหน่วยงานกำหนดร่วมกัน ทั้งนี้ เราพร้อมสนับสนุน ปภ. ทดสอบระบบแบบเต็มรูปแบบทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ ระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ตัวแทนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ • ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้ทดสอบการรับสัญญาณ Cell Broadcast เรียบร้อยแล้วทั้งในอุปกรณ์ iPhone และ Android ที่รองรับ 4G และ 5G สามารถรับข้อความแจ้งเตือนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้ทดสอบต่อสายตานักข่าวสัปดาห์ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/cyberbiz/detail/9680000038134 • #MGROnline #CellBroadcastService #ทรูคอร์ปอเรชั่น #กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • ตกลงเป็นอิสราเอลเหรอเคสนี้ เห็น "สื่อไทย" รายงานแค่ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ"

    https://x.com/ElysiusThor/status/1912325886080348219
    ตกลงเป็นอิสราเอลเหรอเคสนี้ เห็น "สื่อไทย" รายงานแค่ "นักท่องเที่ยวต่างชาติ" https://x.com/ElysiusThor/status/1912325886080348219
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • นายกฯ นั่งรถไฟใต้ดินดูความเรียบร้อยขนส่งสาธารณะ หลังเหตุแผ่นดินไหว ขอมั่นใจระบบขนส่งปลอดภัย สงสัยเหมือนชาวเน็ตถล่มแค่ตึกเดียว สั่งกรมโยธาฯ ตั้ง กก.สอบ ขีดเส้นใน 1 สัปดาห์

    เวลา 11.45 น. วันที่ 29 มี.ค.สถานีสนามไชย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมาขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสนามไชย เพื่อดูความเรียบร้อยด้านการคมนาคมและขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้าใต้ดิน ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อมาถึงรับฟังรายงานจาก นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รักษาการแทนผู้ว่าฯ ซึ่งรายงานว่าเมื่อเกิดเหตุได้อพยพผู้โดยสารขึ้นไปข้างบนเพื่อความปลอดภัยโดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ นายกฯยังสอบถามในวันเกิดเหตุมีส่วนใดของรถไฟฟ้าใต้ดินขัดข้องบ้าง ซึ่งได้รับรายงานว่า โครงสร้างไม่มีปัญหา มีแค่เศษฝาท่อที่อาจหลุดออกมา ซึ่งได้มีการแก้ไขแล้ว แต่ในส่วนของรถไฟสายสีชมพูและสีเหลืองยังปิดให้บริการชั่วคราวอีก 1 วันเพื่อตรวจสอบระบบความปลอดภัย เนื่องจากระบบค่อนข้างละเอียดและบอบบาง ซึ่งก่อนเปิดให้บริการจะทดลองวิ่งก่อน

    จากนั้นนายกฯ ขึ้นรถไฟใต้ดินร่วมขบวนกับประชาชน มาลงที่สถานีสีลม โดยได้ทักทายประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสนใจ เมื่อมาถึงชาวต่างชาติได้เข้ามาพูดคุย โดย น.ส.แพทองธาร ได้สอบถามถึงความรู้สึกเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029992

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    นายกฯ นั่งรถไฟใต้ดินดูความเรียบร้อยขนส่งสาธารณะ หลังเหตุแผ่นดินไหว ขอมั่นใจระบบขนส่งปลอดภัย สงสัยเหมือนชาวเน็ตถล่มแค่ตึกเดียว สั่งกรมโยธาฯ ตั้ง กก.สอบ ขีดเส้นใน 1 สัปดาห์ • เวลา 11.45 น. วันที่ 29 มี.ค.สถานีสนามไชย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะเดินทางมาขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีสนามไชย เพื่อดูความเรียบร้อยด้านการคมนาคมและขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้าใต้ดิน ภายหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อมาถึงรับฟังรายงานจาก นายวิทยา พันธุ์มงคล รองผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) รักษาการแทนผู้ว่าฯ ซึ่งรายงานว่าเมื่อเกิดเหตุได้อพยพผู้โดยสารขึ้นไปข้างบนเพื่อความปลอดภัยโดยไม่มีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ นายกฯยังสอบถามในวันเกิดเหตุมีส่วนใดของรถไฟฟ้าใต้ดินขัดข้องบ้าง ซึ่งได้รับรายงานว่า โครงสร้างไม่มีปัญหา มีแค่เศษฝาท่อที่อาจหลุดออกมา ซึ่งได้มีการแก้ไขแล้ว แต่ในส่วนของรถไฟสายสีชมพูและสีเหลืองยังปิดให้บริการชั่วคราวอีก 1 วันเพื่อตรวจสอบระบบความปลอดภัย เนื่องจากระบบค่อนข้างละเอียดและบอบบาง ซึ่งก่อนเปิดให้บริการจะทดลองวิ่งก่อน • จากนั้นนายกฯ ขึ้นรถไฟใต้ดินร่วมขบวนกับประชาชน มาลงที่สถานีสีลม โดยได้ทักทายประชาชนและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ให้ความสนใจ เมื่อมาถึงชาวต่างชาติได้เข้ามาพูดคุย โดย น.ส.แพทองธาร ได้สอบถามถึงความรู้สึกเหตุการณ์แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029992 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ไทยแผ่นดินไหว #แผ่นดินไหวไทย #กรุงเทพแผ่นดินไหว #กรุงเทพมหานคร #ประเทศไทย #เมียนมา #bkkearthquake #BangkokEarthquake #ThailandEarthquake
    0 Comments 0 Shares 695 Views 0 Reviews
  • ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่

    ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ

    นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย

    "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้"

    ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน

    ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย

    #Newskit
    ไฟเขียวบ่อนคอมเพล็กซ์ ชนวนขัดแย้งรอบใหม่ ทันทีที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (Entertainment Complex) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ และเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาตามขั้นตอน กลุ่มผู้ชุมนุมนำโดย นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ร่วมกับเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล ประกาศยกระดับเป็นขับไล่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร พร้อมปักหลักพักค้างที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ปราศรัยตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะได้รับชัยชนะ นายจตุพร กล่าวปราศรัยว่า รัฐบาลแพทองธารเสมือนหนึ่งทำอะไรก็ได้ อาจมองว่าสถานการณ์การชุมนุมไม่น่ากลัวเพราะไม่มีนายทุนสนับสนุน แต่สมัยเหตุการณ์พฤษภา 35 เริ่มต้นคนจำนวนน้อยกว่านี้ เมื่อมีแกนนำมาสมทบ ขบวนการก็ใหญ่ขึ้นในพริบตา วันนี้ไม่ได้สู้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพราะวันข้างหน้าหากบ่อนการพนันเกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน และพนันออนไลน์เข้ามาตามระบบ ต่อไปเงินที่มาจากบ่อนการพนันจะกำหนดอนาคตประเทศนี้ และเกิดสิ่งที่ชั่วช้าในบ้านเมือง ทั้งที่สมัยรัชกาลที่ ๕ ได้เลิกบ่อนการพนันถาวร เพราะเป็นห่วงพสกนิกรไม่อยากให้ตกเป็นทาสการพนัน เป็นผลให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมายมากมาย "บอกว่าจะส่งเสริมรายได้เข้าประเทศ ต้องการเอาเงินเป็นภาษีเข้าประเทศ แต่ครอบครัวตัวเองถูกยึดทรัพย์ ตัวเองก็ถูกกล่าวหาว่าหลบเลี่ยงภาษี ประมวลกฎหมายจริยธรรมนั้นได้ลงรายละเอียดไว้มากมาย ว่าการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อตัวเองและผู้อื่นนั้น เป็นเรื่องของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะกระทำมิได้" ก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวหลังประชุม ครม.ว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ไม่เท่ากับกาสิโน เพราะมีอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นฮอลล์คอนเสิร์ต อินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร อ้างว่าจะสร้างรายได้กว่า 119,000-238,000 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อปี มีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้น เกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโนและธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ อีกทั้งจะมีกฎหมายควบคุมเพื่อป้องกันติดการพนัน ส่วนที่จะต้องผ่านประชุมสภาฯ และยังมีการชุมนุมอีก จะเอาอยู่หรือไม่ เห็นว่าต้องอธิบายไปเรื่อยๆ ไม่อยากพูดว่าจัดการได้ทั้งหมด เรายินดีรับฟังความคิดเห็นทั้งหมดและพร้อมที่จะตอบ หากมีรายละเอียดอะไรที่อยากรู้เพิ่มเติมเราก็จะตอบ แล้วจะสื่อสารให้มากขึ้น ส่วนพรรคร่วมรัฐบาล ได้ฝากถึงนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังให้ช่วยชี้แจงด้วย #Newskit
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 841 Views 0 Reviews
  • #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว

    เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143

    #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    #นายกฯ เผย ครม.ไฟเขียว Entertainment Complex เรียบร้อย ขออย่ามองแค่กาสิโน เตรียมส่งต่อสภาฯ ชี้ให้มองภาพรวมธุรกิจ นักท่องเที่ยว สร้างงานครบวงจร ส่งผลเก็บภาษีเข้าประเทศ 8,000 - 35,000 ล้านบาท บอกคุยพรรคร่วมไม่มีปัญหา พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้เพิ่มขึ้น แซวสื่อถามให้มีรอยร้าว • เมื่อเวลา 10.10 น.วันที่ 27 มี.ค. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีแถลง ผลการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ร่างพระราชบัญญัติ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร Entertainment Complex โดยมีวัตถุประสงค์ สร้างการท่องเที่ยวแบบใหม่ ไม่ต้องรอการท่องเที่ยวตามฤดูกาลหรือ การท่องเที่ยวเดิมที่มีอยู่ หรือMan made tourism โดยร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการเปิดรับฟังความคิดเห็น โดยมีผู้ให้ความเห็นกว่า 80,000 ราย ซึ่ง 80% เห็นด้วย จากนั้นจะเสนอร่างดังกล่าวให้รัฐสภาพิจารณาต่อไป โดย Entertainment Complex ไม่เท่ากับกาสิโนเพราะ มีกาสิโนอยู่ไม่เกิน 10% ขณะที่ 90% จะเป็นเรื่อง ฮอคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ ความจุ 50,000 คน indoor Stadium ขนาดใหญ่สวนน้ำ โรงแรม ร้านอาหาร ที่จะสร้างรายได้กว่า 119,000 ถึง 238,000 ล้านบาท คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้น 5-10% ต่อ ปี และมีการจ้างงานในประเทศเพิ่มขึ้นเกิดอาชีพใหม่ และทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีจากกาสิโน และธุรกิจอื่นเพื่อนำมาพัฒนาประเทศ ที่สำคัญจะมีกฎหมายควบคุม เพื่อป้องกันติดการพนัน โดยจะกำกับดูแลอย่างเคร่งครัด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9680000029143 • #MGROnline #EntertainmentComplex #กาสิโน
    0 Comments 0 Shares 540 Views 0 Reviews
  • ครบ 3 ปี “สงครามยูเครน” ทำไมคนรัสเซียยังคงสบายดี ?
    .
    หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลายคนก็สงสัยว่าเรายังสามารถเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียได้ไหม เพราะว่ารัสเซียถูกมองว่าเป็นพื้นที่อันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซีย บริษัทประกันภัยก็ไม่รับทำประกันการเดินทาง
    .
    แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียก็ยังคงมีอยู่ โดยในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทย มากเป็นอันดับที่ 5 บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรจากการบอกเล่าของท่านทูตรัสเซีย และยังมีบทสัมภาษณ์จากอดีตผู้สื่อข่าว ที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวที่รัสเซียด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.tiktok.com/@thedongfangbubai/video/7479774389970406674
    ครบ 3 ปี “สงครามยูเครน” ทำไมคนรัสเซียยังคงสบายดี ? . หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลายคนก็สงสัยว่าเรายังสามารถเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียได้ไหม เพราะว่ารัสเซียถูกมองว่าเป็นพื้นที่อันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซีย บริษัทประกันภัยก็ไม่รับทำประกันการเดินทาง . แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียก็ยังคงมีอยู่ โดยในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทย มากเป็นอันดับที่ 5 บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรจากการบอกเล่าของท่านทูตรัสเซีย และยังมีบทสัมภาษณ์จากอดีตผู้สื่อข่าว ที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวที่รัสเซียด้วย . คลิกฟัง >> https://www.tiktok.com/@thedongfangbubai/video/7479774389970406674
    @thedongfangbubai

    ครบ 3 ปี “สงครามยูเครน” ทำไมคนรัสเซียยังคงสบายดี ? . หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลายคนก็สงสัยว่าเรายังสามารถเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียได้ไหม เพราะว่ารัสเซียถูกมองว่าเป็นพื้นที่อันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซีย บริษัทประกันภัยก็ไม่รับทำประกันการเดินทาง . แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียก็ยังคงมีอยู่ โดยในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทย มากเป็นอันดับที่ 5 บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรจากการบอกเล่าของท่านทูตรัสเซีย และยังมีบทสัมภาษณ์จากอดีตผู้สื่อข่าว ที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวที่รัสเซียด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=eF_SiMj_ZW8 . #บูรพาไม่แพ้ #รัสเซีย #ยูเครน

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 545 Views 0 Reviews
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.111 : 3 ปี “สงครามยูเครน” ทำไมคนรัสเซียยังคงสบายดี ?
    .
    หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลายคนก็สงสัยว่าเรายังสามารถเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียได้ไหม เพราะว่ารัสเซียถูกมองว่าเป็นพื้นที่อันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซีย บริษัทประกันภัยก็ไม่รับทำประกันการเดินทาง
    .
    แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียก็ยังคงมีอยู่ โดยในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทย มากเป็นอันดับที่ 5 พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรจากการบอกเล่าของท่านทูตรัสเซีย และยังมีบทสัมภาษณ์จากอดีตผู้สื่อข่าว ที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวที่รัสเซียด้วย
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=eF_SiMj_ZW8
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #รัสเซีย #ยูเครน
    บูรพาไม่แพ้ Ep.111 : 3 ปี “สงครามยูเครน” ทำไมคนรัสเซียยังคงสบายดี ? . หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนเปิดฉากขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อน หลายคนก็สงสัยว่าเรายังสามารถเดินทางไปที่ประเทศรัสเซียได้ไหม เพราะว่ารัสเซียถูกมองว่าเป็นพื้นที่อันตราย สายการบินหลายแห่งยกเลิกเที่ยวบินไปรัสเซีย บริษัทประกันภัยก็ไม่รับทำประกันการเดินทาง . แต่ว่าในความเป็นจริงแล้ว การเดินทางระหว่างประเทศไทยกับรัสเซียก็ยังคงมีอยู่ โดยในปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย มาเที่ยวเมืองไทยมากกว่า 1 ล้าน 8 แสนคน เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนหน้า และถือเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทย มากเป็นอันดับที่ 5 พอดแคส บูรพาไม่แพ้ ในวันนี้ เราจะเล่าว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รัสเซียยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรจากการบอกเล่าของท่านทูตรัสเซีย และยังมีบทสัมภาษณ์จากอดีตผู้สื่อข่าว ที่เพิ่งเดินทางไปเที่ยวที่รัสเซียด้วย . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=eF_SiMj_ZW8 . #บูรพาไม่แพ้ #รัสเซีย #ยูเครน
    Like
    6
    1 Comments 0 Shares 523 Views 0 Reviews
  • กลายเป็นไวรัลสุดน่ารัก ของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 ที่กำลังใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสีย ชาวเน็ตแห่ชื่นชม มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม

    วันนี้ (4 มี.ค.) สมาชิก TikTok ชื่อว่า “Sattahipbikeman" ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 สนามบินดอนเมือง - สนามหลวง ที่ใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสียระหว่างทาง

    โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่าในคลิปว่า “ในวันทรารถเมล์แอร์เสีย เห็นภาพนี้ของพี่กระเป๋าไม่มีใครโกรธเลย”

    หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ชื่นชมพนักงานรายนี้เป็นจำนวนมาก เช่น มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม , บอกเลยจากคนอยู่ต่างประเทศ แบบนี้หาได้แค่ที่ไทยเท่านั้น คนไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละที่ไม่มีใครที่ไหนเหมือนเราคือความมีน้ำใจ , น่ารักจังเลยค่ะ ชาวต่างชาติส่วนมากบอกว่าคนไทยยิ้มเก่งมีน้ำใจเขาชื่นชมเรา เราเจอต่างชาติเยอะค่ะมาไหว้พระที่อยุธยา เราว่าในคลิปนี้ต่างชาติต้องประทับใจ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020922

    #MGROnline #รถเมล์ #สายA4
    กลายเป็นไวรัลสุดน่ารัก ของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 ที่กำลังใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสีย ชาวเน็ตแห่ชื่นชม มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม • วันนี้ (4 มี.ค.) สมาชิก TikTok ชื่อว่า “Sattahipbikeman" ได้โพสต์คลิปวิดีโอสุดน่ารักของพนักงานเก็บค่าโดยสารของรถเมล์ สาย A4 สนามบินดอนเมือง - สนามหลวง ที่ใช้แผ่นป้ายยืนพัดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติตัวน้อย หลังแอร์ในรถเสียระหว่างทาง • โดยผู้โพสต์ระบุข้อความว่าในคลิปว่า “ในวันทรารถเมล์แอร์เสีย เห็นภาพนี้ของพี่กระเป๋าไม่มีใครโกรธเลย” • หลังจากโพสต์ดังกล่าวได้เผยแพร่สู่โลกออนไลน์ มีชาวเน็ตแห่คอมเมนต์ชื่นชมพนักงานรายนี้เป็นจำนวนมาก เช่น มากกว่าบริการ คือ น้ำใจที่งดงาม , บอกเลยจากคนอยู่ต่างประเทศ แบบนี้หาได้แค่ที่ไทยเท่านั้น คนไทยมีเสน่ห์ตรงนี้แหละที่ไม่มีใครที่ไหนเหมือนเราคือความมีน้ำใจ , น่ารักจังเลยค่ะ ชาวต่างชาติส่วนมากบอกว่าคนไทยยิ้มเก่งมีน้ำใจเขาชื่นชมเรา เราเจอต่างชาติเยอะค่ะมาไหว้พระที่อยุธยา เราว่าในคลิปนี้ต่างชาติต้องประทับใจ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000020922 • #MGROnline #รถเมล์ #สายA4
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 531 Views 0 Reviews
  • MOTO GP ไปต่อหรือพอแค่นี้?

    การออกมาเปิดเผยของนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่ารัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย หลังจัดการแข่งขันมา 7 ปีติดต่อกัยในนามรัฐบาล และจะไม่ต่อสัญญาอีก ก่อให้เกิดปฎิริยาต่อรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งในวันต่อมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอตัวเลข เพื่อพิจารณาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ยืนยันว่าหากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนหมู่มากก็คงต้องทำต่อ

    ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า เรื่องไม่ต่อสัญญาไม่เป็นความจริง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ชื่นชมประเทศไทย ส่วนรัฐบาลก็อยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว กกท. จะนำสถิติตัวเลขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาล และยังกล่าวอีกว่า หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อ ดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่นๆ แทน

    ทั้งนี้ การแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้ทุบสถิติมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมสูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานสูงขึ้น 12% และการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 52,000 คน สูงขึ้นประมาณ 38% ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา

    สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขัน เมื่อปี 2560 ตามที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาในขณะนั้น เป็นผู้เสนอ ตามนโยบายการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) และต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้มากขึ้น โดยรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2563 และมีภาคเอกชนระดมทุนในการดำเนินการทั้งหมด โดยนายเนวินในฐานะประธานสนาม สนับสนุนให้ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

    ต่อมาในปี 2563 ครม. มีมติเห็นชอบต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีออกไปอีก 5 ปี ระหว่างปี 2564-2569 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณค่าลิขสิทธิ์ 50% ส่วนที่เหลือ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์ จะหาผู้สนับสนุนในประเทศไทย

    #Newskit
    MOTO GP ไปต่อหรือพอแค่นี้? การออกมาเปิดเผยของนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานสนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ว่ารัฐบาลจะลงทุนจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี ปี 2026 เป็นปีสุดท้าย หลังจัดการแข่งขันมา 7 ปีติดต่อกัยในนามรัฐบาล และจะไม่ต่อสัญญาอีก ก่อให้เกิดปฎิริยาต่อรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ซึ่งในวันต่อมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า จะให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานำเสนอตัวเลข เพื่อพิจารณาว่าจะต่อสัญญาหรือไม่ ยืนยันว่าหากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนหมู่มากก็คงต้องทำต่อ ด้านนายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) เปิดเผยว่า เรื่องไม่ต่อสัญญาไม่เป็นความจริง ตอนนี้อยู่ในระหว่างการพูดคุย ซึ่งทางดอร์น่า สปอร์ต เจ้าของลิขสิทธิ์ก็ชื่นชมประเทศไทย ส่วนรัฐบาลก็อยากให้มีการแข่งขันรายการใหญ่ ที่ส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว กกท. จะนำสถิติตัวเลขต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปีนี้นำเสนอกับทางรัฐบาล และยังกล่าวอีกว่า หลายประเทศก็จ่อคิวรออยู่ ถ้าไทยไม่ตัดสินใจ ก็มีหลายประเทศรออยู่ ซึ่งทุกอย่างต้องชัดเจนก่อน 1 ปี เพราะดอร์น่าจะต้องจัดการเรื่องสนามให้ลงตัว ถ้าไทยไม่เป็นเจ้าภาพต่อ ดอร์น่าก็จะต้องไปคุยกับประเทศอื่นๆ แทน ทั้งนี้ การแข่งขันโมโตจีพีในปีนี้ทุบสถิติมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงกว่า 5,000 ล้าน จำนวนผู้ชมสูงขึ้นเกือบ 7% การสร้างงานสูงขึ้น 12% และการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 52,000 คน สูงขึ้นประมาณ 38% ถือว่าสูงที่สุดตั้งแต่เริ่มจัดงานมา สำหรับการแข่งขันโมโตจีพีที่จังหวัดบุรีรัมย์ จัดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2561 หลังจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อนุมัติงบประมาณจัดการแข่งขัน เมื่อปี 2560 ตามที่นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาในขณะนั้น เป็นผู้เสนอ ตามนโยบายการท่องเที่ยวเชิงกีฬา (Sports Tourism) และต้องการผลักดันนโยบายนี้ให้มากขึ้น โดยรัฐบาลจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันปีละ 100 ล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งสิ้น 300 ล้านบาท ระหว่างปี 2561-2563 และมีภาคเอกชนระดมทุนในการดำเนินการทั้งหมด โดยนายเนวินในฐานะประธานสนาม สนับสนุนให้ใช้สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามแข่งขันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ต่อมาในปี 2563 ครม. มีมติเห็นชอบต่อสัญญาการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันโมโตจีพีออกไปอีก 5 ปี ระหว่างปี 2564-2569 โดยรัฐบาลสนับสนุนงบประมาณค่าลิขสิทธิ์ 50% ส่วนที่เหลือ บริษัท บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จำกัด ในฐานะผู้บริหารสิทธิ์ จะหาผู้สนับสนุนในประเทศไทย #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 762 Views 0 Reviews
  • พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

    กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์

    ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ

    นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น

    ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน

    นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

    #Newskit
    พนมเปญปั้นวอล์กกิ้งสตรีท รับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กรุงพนมเปญ เมืองหลวงของกัมพูชา เปิดโครงการถนนคนเดินแห่งใหม่ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2568 ตามแนวท่าเรือสีโสวัตถิ์ ริมแม่น้ำโตนเลสาป ครอบคลุมตั้งแต่อาคารไปรษณีย์กัมพูชา ถึงพระบรมราชวัง โดยปิดถนนห้ามยานพาหนะทุกชนิดเข้า ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00-23.00 น. สัญจรได้เฉพาะคนเดินเท่านั้น พร้อมจัดให้มีห้องน้ำและจัดถนนให้เป็นระเบียบ รวมทั้งจัดให้มีการแสดงทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีพื้นเมืองเขมร พื้นที่วาดภาพ และการแสดงละครสัตว์ ในระยะแรก ถนนคนเดินใหม่ของกรุงพนมเปญ แบ่งออกเป็น 3 โซน รวมพื้นที่ 57 เฮกตาร์ ได้แก่ โซนแรก พื้นที่ 3.3 เฮกตาร์ ใกล้กับอาคารไปรษณีย์กัมพูชา เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ โซนที่สอง พื้นที่ 20 เฮกตาร์ เป็นพื้นที่ธุรกิจกลางคืน มีร้านอาหาร บาร์ โรงแรม ร้านค้าต่างๆ และโซนสุดท้าย พื้นที่ 34 เฮกตาร์ เป็นโซนใหญ่ที่สุด ประกอบไปด้วยตลาดเสื้อผ้า และพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจตามธรรมชาติพร้อมสวนสาธารณะ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ กัมพูชา พระบรมราชวัง และทุ่งพระเมรุ นายควง เซร็ง ผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ เปิดเผยกับ Khmer Times สื่อในกัมพูชาว่า กรุงพนมเปญได้วางแผนทำโครงการถนนคนเดินตั้งแต่ปี 2562 แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ต้องระงับไป ภายหลังรัฐบาลได้มีคำสั่งให้ฝ่ายบริหารของเทศบาลฯ ส่งเสริมการดำเนินงาน ทำให้กลับมาทำโครงการอีกครั้ง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติให้มาเยือนกรุงพนมเปญมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวของกัมพูชา ระบุว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมา กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 3,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 121,248 ล้านบาท โดยพบว่าคนไทยมาเที่ยวมากถึง 32% รองลงมาคือเวียดนาม 20% จีน 12.7% ลาว 5% สหรัฐอเมริกา 3.2% เกาหลีใต้ 2.9% อินโดนีเซีย 2.5% ฝรั่งเศส 2% สหราชอาณาจักร 1.7% และญี่ปุ่น 1.7% ส่วนมากเดินทางผ่านชายแดนกับทางน้ำ 4 ล้านคน และผ่านท่าอากาศยาน 2 ล้านคน นายฮวด ฮะ รมว.ท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับ Cam Ness สื่อในกัมพูชาว่า ได้ขอให้ประเทศบัลแกเรีย โรมาเนีย กรีซ ไซปรัส เบลเยียม ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ ลักเซมเบิร์ก บรูไน และฟิลิปปินส์ สนับสนุนกัมพูชาเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวชั้นนำ แม้คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมอาจลดลง แต่เหตุชาวจีนถูกลักพาตัวที่ประเทศไทย เป็นปัจจัยที่อาจดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้มาเยือนกัมพูชามากขึ้น คาดการณ์ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีน 1.1 ล้านคนในปี 2568 จากปี 2567 มีจำนวน 840,000 คน เพิ่มขึ้น 55% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 766 Views 0 Reviews
  • บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่

    มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า

    ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม

    สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา

    อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ

    #Newskit
    บลูพอร์ตเปลี่ยนซูเปอร์ฯ ใหม่ บิ๊กซีปั้นแบรนด์หัวหินมาร์เช่ มีความเปลี่ยนแปลงกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่เปิดให้บริการก้าวสู่ปีที่ 9 ของบริษัท หัวหิน แอสเสท จำกัด ในกลุ่มบริษัทพราว เรียลเอสเตท ของตระกูลลิปตพัลลภ เมื่อทางศูนย์ฯ ประกาศว่าจะมีพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ต "บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่" (BIG C Huahin Marche) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในเร็วๆ นี้ คาดว่ามาแทนกรูเมต์ มาร์เก็ต (Gourmet Market) ที่จะให้บริการวันสุดท้าย 28 ก.พ.ที่จะถึงนี้ ถือเป็นการถอนการลงทุนในธุรกิจค้าปลีกพื้นที่หัวหิน ของกลุ่มเดอะมอลล์โดยสมบูรณ์ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2559 มีการเปิดตัวศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ บนพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร โดยกลุ่มบริษัทพราวฯ ลงทุนร่วมกับกลุ่มเดอะมอลล์ 5,000 ล้านบาท แต่ปรากฎว่าสถานการณ์โควิด-19 นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไป ส่งผลให้ขาดทุนต่อเนื่อง กระทั่งต้นปี 2564 กลุ่มเดอะมอลล์ถอนตัวออกจากการร่วมทุนและบริหารงานศูนย์การค้า โดยขายหุ้นส่วนที่ถืออยู่คืนไปหมดแล้ว ส่วนพนักงานมีทั้งโอนกลับไปอยู่ที่กรุงเทพฯ และบางส่วนซึ่งเป็นคนในพื้นที่ได้เลิกจ้าง โดยจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมายแรงงาน ยังคงเหลือกรูเมต์ มาร์เก็ต สาขาบลูพอร์ต หัวหิน ที่ยังคงดำเนินกิจการในฐานะผู้เช่า ส่วนห้างสรรพสินค้าบลูพอร์ต บริหารงานโดยกลุ่มบริษัทพราว ที่ผ่านมาพยายามเพิ่มแมกเนตใหม่ๆ เข้ามาในศูนย์การค้า เช่น การเปิดตัวหัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ที่ชั้น 1 พื้นที่ 3,000 ตารางเมตร สำหรับจัดประชุมและการจัดงานทุกประเภท เมื่อเดือน ก.ย. 2567 โดยได้ใช้จัดการแข่งขันกีฬา คอนเสิร์ต และล่าสุดกับงานสมรสเท่าเทียม สำหรับบิ๊กซี มาร์เช่ เป็นพรีเมียมซูเปอร์มาร์เก็ตระดับบน (Top Tier) เปิดตัวครั้งแรกในชื่อ บิ๊กซี บางกอก มาร์เช่ ที่โครงการวัน แบงค็อก เมื่อ 15 ธ.ค. 2567 แบ่งเป็น 4 โซน ได้แก่ เดลิกา (Delica) จำหน่ายอาหารเช้า อาหารพร้อมทาน, กริลบาร์ (Grilled Bar) จำหน่ายเมนูซีฟู้ดระดับพรีเมียมและสเต็กเนื้อออสเตรเลีย, ไวน์เซลลาร์ (Wine Cellar) จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์และไวน์ และโซนซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายอาหารสด สินค้านำเข้า และสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ผ่านมาบิ๊กซีลงทุนในพื้นที่หัวหิน ได้แก่ บิ๊กซี มาร์เก็ต ถนนหัวหิน-ป่าละอู และร้านสะดวกซื้อบิ๊กซีมินิ 6 สาขา อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่หัวหินมีธุรกิจค้าปลีกระดับพรีเมียม ได้แก่ ร้านโกลเด้นเพลซ, ท็อปส์ หัวหิน ที่มีท็อปส์ไวน์เซลลาร์ และท็อปอีทเทอรี, วิลล่ามาร์เก็ต รวมไปถึงห้างโลตัสในศูนย์การค้ามาร์เก็ต วิลเลจ หัวหิน ที่เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ #Newskit
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 777 Views 0 Reviews
  • ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า

    กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์

    เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน

    ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา

    ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน

    ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน

    รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ไทยแชมป์เที่ยวลาว-กัมพูชา เวียดนามมาไทย 3 เท่า กองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในปี 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางมาเยือน 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวจีนมากที่สุด 6,733,162 คน รองลงมาคือมาเลเซีย 4,952,078 คน อินเดีย 2,129,149 คน เกาหลีใต้ 1,868,945 คน และรัสเซีย 1,745,327 คน ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ลาว ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และสิงคโปร์ เมื่อสำรวจประเทศใกล้เคียง เริ่มจากประเทศลาว เมื่อวันที่ 29 ม.ค. กรมพัฒนาการท่องเที่ยว เปิดเผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างประเทศปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวทั้งหมด 4,120,832 คน เพิ่มขึ้น 20.58% จากปี 2023 จำนวน 3,417,629 คน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวไทยมากที่สุด 1,215,553 คน รองลงมาคือจีน 1,054,204 คน เวียดนาม 1,048,034 คน เกาหลีใต้ 232,895 คน และสหรัฐอเมริกา 68,221 คน ประเทศกัมพูชา นายฮุน ดาวี ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชา เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ระบุว่า ในปี 2024 กัมพูชาต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 6.7 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับปี 2023 โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไทย เวียดนาม จีน ลาว และสหรัฐอเมริกา ประเทศเวียดนาม เมื่อวันที่ 7 ม.ค. สำนักงานสถิตแห่งชาติรายงานว่า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2024 มีจำนวน 17.6 ล้านคน เพิ่มขึ้น 39.5% จากปี 2023 และคิดเป็น 97.6% ของปี 2019 ก่อนสถานการณ์โควิด-19 ประมาณ 18 ล้านคน โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้มากที่สุด 4.57 ล้านคน รองลงมาคือจีน 3.74 ล้านคน ไต้หวัน 1.29 ล้านคน สหรัฐอเมริกา 7.8 แสนคน ญี่ปุ่น 7.11 แสนคน อินเดีย 5.01 แสนคน มาเลเซีย 4.95 แสนคน ออสเตรเลีย 4.9 แสนคน และกัมพูชา 4.74 แสนคน ส่วนชาวไทยมีจำนวน 418,054 คน แต่ชาวเวียดนามมาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นสามเท่า รวม 1.03 ล้านคน ประเทศมาเลเซีย นายเตียง คิง ซิง รมว.ท่องเที่ยว ศิลปะ และวัฒนธรรม (MOTAC) กล่าวกับสำนักข่าวคอสโม (Kosmo) เมื่อวันที่ 24 ม.ค. ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2024 สูงถึง 38 ล้านคน แต่ตัวเลขอย่างเป็นทางการเฉพาะ 11 เดือนของปี 2024 พบว่ามีนักท่องเที่ยวรวม 22,464,611 คน ส่วนคนที่เดินทางระยะสั้น (Excursionist) พบว่ามีจำนวน 11,691,568 คน รัฐบาลไทยกำลังริเริ่มนโยบาย 6 ประเทศ 1 เป้าหมายในอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา บรูไน ลาว มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ผ่านมาตรการอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างๆ และการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ โดยเริ่มจากกัมพูชาเป็นประเทศแรก #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 792 Views 0 Reviews
  • ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment

    นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ

    บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น

    ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ

    ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท

    ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    ความท้าทายใหม่พร้อมเพย์ ต่างชาติตีตลาด e-Payment นับตั้งแต่ระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) หนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.2559 โดยใช้เลขที่บัตรประชาชน หรือเบอร์โทรศัพท์มือถือผูกกับบัญชีธนาคาร เริ่มจ่ายเงินสวัสดิการภาครัฐเมื่อเดือน ธ.ค.2559 ให้โอนเงินระหว่างรายย่อยเมื่อเดือน ม.ค.2560 ก่อนพัฒนาหลากหลายบริการ โดยเฉพาะ Thai QR Payment ที่ทำให้คนไทยรู้จักสแกนจ่ายมากขึ้น และขยายบริการไปยังต่างประเทศ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด หรือ ITMX เปิดเผยสถิติการใช้งานระบบพร้อมเพย์ตลอดปี 2567 พบว่ามีผู้ลงทะเบียนพร้อมเพย์ 79.45 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็นบุคคลธรรมดา 79.09 ล้านเลขหมาย และนิติบุคคลประมาณ 360,000 เลขหมาย ปัจจุบันระบบพร้อมเพย์รองรับธุรกรรมได้สูงสุด 10,000 รายการต่อวินาที ช่วงเวลาปกติเฉลี่ยที่ 2,000 รายการต่อวินาที และเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 รายการต่อวินาทีในช่วงที่มีธุรกรรมหนาแน่น ที่น่าสนใจก็คือ เดือน ธ.ค.2567 เดือนเดียว มีธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่านระบบพร้อมเพย์สูงถึง 2,096 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 4,515 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% แต่วันที่มีธุรกรรมต่อวันสูงสุดของปี (Peak Day) คือ วันศุกร์ที่ 1 พ.ย. 2567 สูงสุด 86,781,490 รายการ ที่ผ่านมาวัน Peak Day มักเกิดขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์โดยเฉพาะต้นเดือน มักเป็นช่วงเวลาจ่ายเงินเดือนพนักงานหรือโบนัส การโอนเงินให้ครอบครัว การชำระค่าใช้จ่ายประจำเดือน เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าบริการอื่นๆ ด้านบริการ Cross-Border QR Payment ที่ช่วยให้นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถใช้แอปฯ ธนาคารประเทศตนเองสแกน QR Code ผ่านร้านค้าในไทยเพื่อชำระเงินได้สะดวก พบว่าในเดือน ธ.ค.2567 มียอดใช้จ่ายรวม 333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 176% เมื่อเทียบกับปีก่อน นักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายมากที่สุด ได้แก่ มาเลเซีย 178.54 ล้านบาท รองลงมาคืออินโดนีเซีย 39.96 ล้านบาท และสิงคโปร์ 29.65 ล้านบาท ข้อมูลจากกองเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า นักท่องเที่ยวมาเลเซีย 4 สัปดาห์ในเดือน ธ.ค.2567 รวม 422,557 ราย หากเทียบกับปริมาณธุรกรรมผ่านสแกน QR Code เท่ากับว่าชาวมาเลเซียสแกนจ่ายในไทยโดยเฉลี่ย 422.52 บาทต่อคน และเมื่อมีอาลีเพย์พลัส (Alipay+) จากจีนเข้ามาช่วงชิงบริการอีเพย์เมนต์ตามร้านค้าชั้นนำในไทย จึงเป็นอีกความท้าทายของ ITMX ในการผลักดันบริการ เพื่อยกระดับธุรกิจและการท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 676 Views 0 Reviews
  • 20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย

    ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น

    เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว

    จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้

    ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ

    ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา

    ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี

    ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้

    ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว

    ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน

    หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้

    ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ

    https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    20 ม.ค.2568-นายสมหมาย ภาษี อดีตรมว.การคลัง และอดีตประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2551 โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง“ธุรกิจสีเทาในไทยทำไมจึงเบ่งบาน” ระบุว่า คนไทยทุกวันนี้ต่างก็เคยได้ยินเรื่องธุรกิจสีเทาในประเทศเราจนชาชินกันแล้ว และส่วนใหญ่ก็เข้าใจในความหมายว่าเป็นการทำธุรกิจในประเทศไทยโดยชาวต่างชาติที่ไม่ถูกต้องตรงไปตรงมา และหลีกเลี่ยงการเสียภาษีให้กับประเทศของเราอีกด้วย ท่านผู้อ่านคงจะได้ยินข่าวใหญ่ของธุรกิจสีเทาขนาดใหญ่ของคนจีนในภูเก็ตที่เป็นเมืองท่องเที่ยวใหญ่สุดของประเทศเมื่อประมาณ 5-6 ปีที่แล้ว ก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 มีทั้งธุรกิจขายเครื่องประดับล้ำค่าให้นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากของอาคารขนาดใหญ่ที่ดูหรูหราเหมือนราชวังย่อมๆให้เห็นอยู่ 2 แห่ง ท่านคงจำได้ว่าช่วงนั้นมีทัวร์ศูนย์เหรียญเข้ามาดำเนินการอยู่ในภูเก็ต และเมืองท่องเที่ยวอื่นอย่างดาษดื่น เมื่อใดที่นักท่องเที่ยวต่างชาติจากประเทศหนึ่งประเทศใดเข้ามาเที่ยวในเมืองไทยมากในที่ใด พวกธุรกิจสีเทาก็จะเกิดขึ้นในเมืองนั้น นอกจากจีนแล้ว เราจะได้ยินได้ฟังเรื่องธุรกิจสีเทาของชาวรัสเซียในพัทยากันอย่างคุ้นหู ในช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเข้ามาที่ภูเก็ตมากก็ได้ข่าวว่าแถวหาดป่าตอง ก็มีพื้นที่บางแห่งถูกเรียกว่า “Little Moscow” ไปแล้ว จริงๆแล้วธุรกิจสีเทาในประเทศไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะ 2 เมืองท่องเที่ยวหลักนี้เท่านั้น เมืองอื่นๆก็มี ส่วนชาวต่างชาติที่มาประกอบธุรกิจสีเทาในไทยก็ไม่ใช่มีแค่ชาวจีนและชาวรัสเซีย แต่ยังมีชนชาติจากยุโรปก็ไม่ใช่น้อย เร็วๆนี้อาจจะเห็นพวกจากแอฟริกาบ้างก็ได้ ถ้าจะมีคำถามว่าทำไมธุรกิจสีเทาในไทยจึงมีมากดาษดื่นมากกว่าประเทศอื่น คำตอบมีชัดเจนครับ ประการแรก คนไทยเราเองจำนวนมากที่ประกอบธุรกิจแบบสีเทาให้ต่างชาติเขาเห็น หรือไม่ก็เข้าไปร่วมทุนกับต่างชาติที่ประกอบธุรกิจสีเทา ประการที่สอง เพราะในเมืองไทยมีกฎหมายควบคุมไม่รัดกุม และข้าราชการก็ไม่ได้ใส่ใจดูแลให้เป็นไปตามตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ได้สักอย่าง บางรัฐบาลถึงกับจะออกกฎหมายมาก่อให้เกิดธุรกิจสีเทาโดยตรงก็มี ผมต้องขออภัยที่จำเป็นต้องออกความเห็นเรื่อง “โครงการสถานบันเทิงครบวงจร” หรือ “Entertainment Complex” ที่กำลังออกตัวกันอย่างเต็มที่ในขณะนี้ ว่ามันเป็นโครงการที่จะเป็นอันตรายอย่างสุดจะพรรณนาในการเปิดทางให้เกิดธุรกิจสีเทาตามมาอย่างแน่นอน และยังหมิ่นเหม่ต่อการเพิ่มแรงกดดันให้กับปัญหาสังคมที่ย่ำแย่ของไทยเกิดความเลวร้ายทับถมตามมาแบบไม่คุ้มค่าอีกมาก และเมื่อฟังให้ชัดก็ได้เห็นความน่าหวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก เพราะที่จัดไว้ในที่ดินผืนใหญ่ของการรถไฟไม่ใช่โครงการสถานบันเทิงครบวงจรแห่งเดียวในประเทศไทยเท่านั้น แต่จะมีอีก 4-5 แห่งคล้ายกันในท้องที่ของนักการเมืองบ้านใหญ่ทั้งหลาย นี่มันอะไรกัน เอาแต่มาปั้นตัวเลข GDP ว่าจะเพิ่มเท่านั้นเท่านี้โดยสำนักงานของรัฐไหนก็ไม่รู้ ผมถามตัวเองว่านี่นักการเมืองและข้าราชการไทยเขาเพ้อฝันไปหรือไง หรือว่ามีการเสพกัญชากันมากเกินไปแล้ว เพราะถ้าจะคิดทำให้ดีแบบต่างประเทศที่เขาทำกัน เช่น ที่สิงคโปร์ก็มีเพียง “เดอะ แซนด์(The Sand)” เท่านั้น และมีข้อกำหนดไม่ให้ชาวสิงคโปร์ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเข้าไปในบ่อนโดยเด็ดขาด โดยรัฐบาลเขาจะคุมอย่างเข้มงวดมาก ที่ประเทศจีนอันใหญ่โตมีที่เกาะมาเก๊าเท่านั้น ซึ่งธุรกิจนี้นายทุนใหญ่เจ้าของบ่อนทั้งที่สิงคโปร์ มาเก๊า และลาสเวกัส ชื่อ Mr. Anderson เป็นเศรษฐีชาวอเมริกัน ผู้สนับสนุนพรรค Republican ซึ่งได้เสียชีวิตตอนอายุ 70 ปลายๆไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้ว ของไทยที่จะตั้งในหัวเมืองสำคัญ 4-5 แห่ง ถือว่าเป็นโมเดลที่แปลกเป็นพิเศษในโลก บ่อนคาสิโนนั้นใครๆก็รู้ว่าเป็นธุรกิจสีเทา โกงกันก็ได้ ฟอกเงินก็ได้ แลกเปลี่ยนเงินสกุลไหนอย่างไรก็ได้ แต่รายรับรายจ่ายที่จะทำบัญชีให้ถูกต้องไม่ได้ ใหญ่อย่างไรก็ตามสำนักงานบัญชีระดับท็อป 4 ของโลกคงไม่รับเป็นผู้สอบบัญชีให้ แล้วรัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการไปกำกับดูแลให้อยู่กับร่องกับรอยได้อย่างไรกัน หรือว่ารัฐบาลนี้จะสนับสนุนให้ธุรกิจสีเทาในประเทศเบ่งบานกันอย่างจริงจังในยุคนี้ ก็โปรดเขียนเป็นนโยบายไว้ให้ชัดๆเลยได้ไหมครับ ลูกๆหลานๆไทยจะได้รู้ว่าใครเป็นคนคิดทำ https://www.thaipost.net/hi-light/725742/#
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 955 Views 0 Reviews
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ที่ภูเก็ต ช็อกมหาดสติ นำตัวส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุการตาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005668

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ที่ภูเก็ต ช็อกมหาดสติ นำตัวส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุการตาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005668 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Like
    5
    1 Comments 0 Shares 961 Views 0 Reviews
  • นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ที่ภูเก็ต ช็อกมหาดสติ นำตัวส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุการตาย

    จากกรณีมีรายงานข่าว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ช๊อกหมดสติ ขณะเข้าร่วมงาน เทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ณ Boat Avenue Lakefront จังหวัดภูเก็ต และเสียชีวิตในเวลา ต่อมาขณะแพทย์พยายามช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งล่าสุดทราบว่า เหตุเกิดขึ้นในคืนที่ 2 ของการจัดงาน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย

    รายแรก เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 21.26 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่ รพ.ถลาง ขอให้เดินทางไปตรวจสอบ หลังรับแจ้งทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นาย ชาร์ฟาราซ มักบุล อาเหม็ด (MR.SHARFARAZ MAQBUL AHMED) อายุ 28 ปี สัญชาติแคนาดา

    ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเดินทางมากับเพื่อนๆ และเข้าพักที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ประมาณ 2 วัน โดยพักอยู่คนเดียว ในวันเกิดเหตุ ผู้ตาย เข้าร่วมงาน งานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ณ Boat Avenue Lakefront จังหวัดภูเก็ต ต่อมาผู้ตายมีอาการหมดสติ เจ้าหน้าที่พยาบาลภาคสนาม ณ จุดที่ดูแลภายในงาน นำผู้ตายส่งโรงพยาบาลถลาง เวลา 20.50 น. ในสภาพผู้ตายไม่มีสติแต่ยังมีชีพจร แพทย์ช่วยเหลือกระตุ้นหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เสียชีวิต เวลา 21.26 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000005668

    #MGROnline #ElectricDaisyCarnivalThailand2025
    นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ที่ภูเก็ต ช็อกมหาดสติ นำตัวส่งโรงพยาบาล เสียชีวิตแล้ว 2 ราย เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุการตาย • จากกรณีมีรายงานข่าว นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ช๊อกหมดสติ ขณะเข้าร่วมงาน เทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ณ Boat Avenue Lakefront จังหวัดภูเก็ต และเสียชีวิตในเวลา ต่อมาขณะแพทย์พยายามช่วยชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งล่าสุดทราบว่า เหตุเกิดขึ้นในคืนที่ 2 ของการจัดงาน โดยมีผู้เสียชีวิต 2 ราย • รายแรก เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 เวลาประมาณ 21.26 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตที่ รพ.ถลาง ขอให้เดินทางไปตรวจสอบ หลังรับแจ้งทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือ นาย ชาร์ฟาราซ มักบุล อาเหม็ด (MR.SHARFARAZ MAQBUL AHMED) อายุ 28 ปี สัญชาติแคนาดา • ซึ่งจากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเดินทางมากับเพื่อนๆ และเข้าพักที่ โรงแรมแห่งหนึ่ง ประมาณ 2 วัน โดยพักอยู่คนเดียว ในวันเกิดเหตุ ผู้ตาย เข้าร่วมงาน งานเทศกาลดนตรี Electric Daisy Carnival Thailand 2025 ณ Boat Avenue Lakefront จังหวัดภูเก็ต ต่อมาผู้ตายมีอาการหมดสติ เจ้าหน้าที่พยาบาลภาคสนาม ณ จุดที่ดูแลภายในงาน นำผู้ตายส่งโรงพยาบาลถลาง เวลา 20.50 น. ในสภาพผู้ตายไม่มีสติแต่ยังมีชีพจร แพทย์ช่วยเหลือกระตุ้นหัวใจ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้ เสียชีวิต เวลา 21.26 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000005668 • #MGROnline #ElectricDaisyCarnivalThailand2025
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    17
    1 Comments 0 Shares 1631 Views 0 Reviews
  • ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์

    ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ

    นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้

    ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว

    ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่

    ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน

    ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์

    ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ

    ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น
    .
    .
    .
    ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง

    โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป

    แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

    นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ

    ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด

    ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง
    .
    .
    .
    ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ

    เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น

    และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน?

    คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท

    ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้ ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่ ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์ ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น . . . ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?” คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง . . . ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน? คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…. นัทแนะ
    0 Comments 0 Shares 896 Views 0 Reviews
  • ผบช.สตม. ชี้เทศกาลปีใหม่นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแน่นทุกเที่ยวบิน เฉลี่ยเข้าออกวันละกว่า 150,000 คน คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินรับปีแห่งการท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศคึกคัก

    วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยคึกคัก ผู้โดยสารหนาแน่นทุกสนามบิน พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว เข้าและออกกว่า 150,000 คนต่อวัน

    พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่าในขณะเดียวกันภาพรวมตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ พบว่ากระแสการเดินทางสูงขึ้นจากการประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวนอก” จากสถิติเดือน ธ.ค. ทั้งเดือนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 3-40,000 คนต่อวัน แต่เริ่มตั้งแต่ 27-29 ธ.ค. ปริมาณคนไทยเดินทางออกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว สูงถึงวันละ 60,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ย 25,000 คนรองลงมาคือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000125046

    #MGROnline #นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ผบช.สตม. ชี้เทศกาลปีใหม่นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแน่นทุกเที่ยวบิน เฉลี่ยเข้าออกวันละกว่า 150,000 คน คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินรับปีแห่งการท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศคึกคัก • วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยคึกคัก ผู้โดยสารหนาแน่นทุกสนามบิน พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว เข้าและออกกว่า 150,000 คนต่อวัน • พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่าในขณะเดียวกันภาพรวมตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ พบว่ากระแสการเดินทางสูงขึ้นจากการประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวนอก” จากสถิติเดือน ธ.ค. ทั้งเดือนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 3-40,000 คนต่อวัน แต่เริ่มตั้งแต่ 27-29 ธ.ค. ปริมาณคนไทยเดินทางออกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว สูงถึงวันละ 60,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ย 25,000 คนรองลงมาคือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000125046 • #MGROnline #นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    0 Comments 0 Shares 620 Views 0 Reviews
  • ชุมพร - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงขนยางพารา บนถนนเอเชีย 41 ช่วงทางโค้งหักศอกอันตราย ทำนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 17 ราย ตร.เผยเกิดจากคนขับก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือ

    รถทัวร์เหมาคันรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปเกาะพงัน พุ่งชนท้ายบรรทุกรถพ่วง นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บระนาว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (30 ธ.ค.) ร.ต.ท.เกรียงศักดิ์ เวชเตง รอง สว.(สอบสวน) สภ.สวี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุหมู่ รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ชนกับรถพ่วง บนถนนสายเอเชีย 41 ขาล่องใต้ ช่วง กม.ที่ 29-30 หมู 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.สวี หน่วยกู้ชีพกู้ภัยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการไปตรวจสอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000125036

    #MGROnline #ชุมพร #รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ชุมพร - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงขนยางพารา บนถนนเอเชีย 41 ช่วงทางโค้งหักศอกอันตราย ทำนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 17 ราย ตร.เผยเกิดจากคนขับก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือ • รถทัวร์เหมาคันรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปเกาะพงัน พุ่งชนท้ายบรรทุกรถพ่วง นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บระนาว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (30 ธ.ค.) ร.ต.ท.เกรียงศักดิ์ เวชเตง รอง สว.(สอบสวน) สภ.สวี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุหมู่ รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ชนกับรถพ่วง บนถนนสายเอเชีย 41 ขาล่องใต้ ช่วง กม.ที่ 29-30 หมู 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.สวี หน่วยกู้ชีพกู้ภัยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการไปตรวจสอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000125036 • #MGROnline #ชุมพร #รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    0 Comments 0 Shares 531 Views 0 Reviews
More Results