• จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จเรตำรวจแห่งชาติ-ผู้ว่าฯตาก นำ จนท.ทั้งปกครอง-ฝ่ายความปกครองมั่นคง จัดระเบียบนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าแม่สอด สั่งตรวจสอบเข้มตั้งแต่นครสวรรค์-กำแพงเพชร-จุดตรวจ-สนามบิน ยันชายแดน ย้ำเจอคนไม่มีแผนเดินทางชัดเจนแจ้งสถานทูตทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005317 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์

    ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ

    นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้

    ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว

    ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่

    ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน

    ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์

    ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ

    ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น
    .
    .
    .
    ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง

    โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป

    แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

    นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ

    ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด

    ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง
    .
    .
    .
    ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ

    เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น

    และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน?

    คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท

    ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้ ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่ ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์ ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น . . . ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?” คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง . . . ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน? คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…. นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.สตม. ชี้เทศกาลปีใหม่นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแน่นทุกเที่ยวบิน เฉลี่ยเข้าออกวันละกว่า 150,000 คน คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินรับปีแห่งการท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศคึกคัก

    วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยคึกคัก ผู้โดยสารหนาแน่นทุกสนามบิน พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว เข้าและออกกว่า 150,000 คนต่อวัน

    พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่าในขณะเดียวกันภาพรวมตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ พบว่ากระแสการเดินทางสูงขึ้นจากการประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวนอก” จากสถิติเดือน ธ.ค. ทั้งเดือนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 3-40,000 คนต่อวัน แต่เริ่มตั้งแต่ 27-29 ธ.ค. ปริมาณคนไทยเดินทางออกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว สูงถึงวันละ 60,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ย 25,000 คนรองลงมาคือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000125046

    #MGROnline #นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ผบช.สตม. ชี้เทศกาลปีใหม่นี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยแน่นทุกเที่ยวบิน เฉลี่ยเข้าออกวันละกว่า 150,000 คน คาดจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวสร้างเม็ดเงินรับปีแห่งการท่องเที่ยว ในขณะที่นักท่องเที่ยวไทยเดินทางเที่ยวต่างประเทศคึกคัก • วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. เผยสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยคึกคัก ผู้โดยสารหนาแน่นทุกสนามบิน พร้อมรองรับนักท่องเที่ยว เข้าและออกกว่า 150,000 คนต่อวัน • พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่าในขณะเดียวกันภาพรวมตลาดคนไทยเที่ยวต่างประเทศในช่วงหยุดยาวปีใหม่นี้ พบว่ากระแสการเดินทางสูงขึ้นจากการประกาศวันหยุดยาวต่อเนื่อง 5 วัน ตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2567 ถึง 1 มกราคม 2568 ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ หรือ “ไทยเที่ยวนอก” จากสถิติเดือน ธ.ค. ทั้งเดือนเฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 3-40,000 คนต่อวัน แต่เริ่มตั้งแต่ 27-29 ธ.ค. ปริมาณคนไทยเดินทางออกเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว สูงถึงวันละ 60,000 คนต่อวัน โดยแบ่งเป็นท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฉลี่ย 25,000 คนรองลงมาคือ ท่าอากาศยานดอนเมือง เฉลี่ย 10,000 คนต่อวัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000125046 • #MGROnline #นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุมพร - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงขนยางพารา บนถนนเอเชีย 41 ช่วงทางโค้งหักศอกอันตราย ทำนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 17 ราย ตร.เผยเกิดจากคนขับก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือ

    รถทัวร์เหมาคันรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปเกาะพงัน พุ่งชนท้ายบรรทุกรถพ่วง นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บระนาว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (30 ธ.ค.) ร.ต.ท.เกรียงศักดิ์ เวชเตง รอง สว.(สอบสวน) สภ.สวี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุหมู่ รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ชนกับรถพ่วง บนถนนสายเอเชีย 41 ขาล่องใต้ ช่วง กม.ที่ 29-30 หมู 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.สวี หน่วยกู้ชีพกู้ภัยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการไปตรวจสอบ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000125036

    #MGROnline #ชุมพร #รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ชุมพร - เกิดอุบัติเหตุรถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติพุ่งชนท้ายรถบรรทุกพ่วงขนยางพารา บนถนนเอเชีย 41 ช่วงทางโค้งหักศอกอันตราย ทำนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 17 ราย ตร.เผยเกิดจากคนขับก้มลงหยิบโทรศัพท์มือถือ • รถทัวร์เหมาคันรับนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ ไปเกาะพงัน พุ่งชนท้ายบรรทุกรถพ่วง นักท่องเที่ยวต่างชาติบาดเจ็บระนาว เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น.วันนี้ (30 ธ.ค.) ร.ต.ท.เกรียงศักดิ์ เวชเตง รอง สว.(สอบสวน) สภ.สวี ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุหมู่ รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ ชนกับรถพ่วง บนถนนสายเอเชีย 41 ขาล่องใต้ ช่วง กม.ที่ 29-30 หมู 3 ต.สวี อ.สวี จ.ชุมพร มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บจำนวนมาก จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.วิษณุ สุระวดี ผกก.สภ.สวี หน่วยกู้ชีพกู้ภัยกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการไปตรวจสอบ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000125036 • #MGROnline #ชุมพร #รถทัวร์นักท่องเที่ยวต่างชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชณ์ ได้คาดการณ์
    ภาวะเศรษฐกิจไทย ในปีหน้า 2568 ดังนี้

    1.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (GDP ประเทศไทย)

    SCB EIC ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือ 2.4%
    จากเดิมที่คาดไว้ 2.6% เนื่องจากผลกระทบของนโยบาย
    "Trump 2.0" ที่อาจเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์
    และการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย
    ผ่านช่องทางการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก

    สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์
    การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 2.7% จากเดิม 2.5%
    โดยเหตุผลหลักมาจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท
    เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่เริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 3
    การใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณ
    รวมถึงการส่งออกสินค้าที่กลับมาฟื้นตัว

    นอกจากนี้ ยังมีการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

    1.2 อัตราเงินเฟ้อของไทย
    SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567
    จะอยู่ที่ 0.5% สำหรับปีหน้า (2568) จะอยู่ที่ 1%
    (ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 2567)

    1.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย
    SCB EIC คาดการณ์ว่า ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ กนง.
    จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม ตามแนวทางที่ กนง.
    สื่อสารไว้เกี่ยวกับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน
    (Policy space) เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิ
    จและการเงินของไทยในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่า กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย
    นโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2568
    เพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม
    และเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย
    Trump 2.0

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ภาวะเศรษฐกิจไทย2568
    #SCBEIC #thaitimes
    💥💥SCB EIC ศูนย์วิจัยไทยพาณิชณ์ ได้คาดการณ์ ภาวะเศรษฐกิจไทย ในปีหน้า 2568 ดังนี้ 1.1 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (GDP ประเทศไทย) SCB EIC ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2568 เหลือ 2.4% จากเดิมที่คาดไว้ 2.6% เนื่องจากผลกระทบของนโยบาย "Trump 2.0" ที่อาจเพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการกีดกันทางการค้าอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย ผ่านช่องทางการค้า การผลิต และการลงทุนเป็นหลัก สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 SCB EIC ปรับเพิ่มคาดการณ์ การขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็น 2.7% จากเดิม 2.5% โดยเหตุผลหลักมาจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เพื่อช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางที่เริ่มตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 การใช้จ่ายของภาครัฐที่เพิ่มขึ้นจากการเร่งเบิกงบประมาณ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่กลับมาฟื้นตัว นอกจากนี้ ยังมีการเร่งตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของปี ซึ่งช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม 1.2 อัตราเงินเฟ้อของไทย SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 จะอยู่ที่ 0.5% สำหรับปีหน้า (2568) จะอยู่ที่ 1% (ประเมิน ณ เดือน พ.ย. 2567) 1.3 อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย SCB EIC คาดการณ์ว่า ในการประชุมเดือน ธ.ค. นี้ กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เช่นเดิม ตามแนวทางที่ กนง. สื่อสารไว้เกี่ยวกับการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงิน (Policy space) เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิ จและการเงินของไทยในอนาคต อย่างไรก็ตาม SCB EIC มองว่า กนง. อาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย นโยบายลงอีก 0.25% ในการประชุมเดือน ก.พ. 2568 เพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพคล่องทางการเงินเพิ่มเติม และเศรษฐกิจไทยจะมีความเสี่ยงด้านลบเพิ่มขึ้นจากนโยบาย Trump 2.0 ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ภาวะเศรษฐกิจไทย2568 #SCBEIC #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงใหม่ยังฮอต นักท่องเที่ยวต่างชาติค้นหาที่พัก Airbnb เพิ่ม 30% รับเทศกาลลอยกระทงนักท่องเที่ยวชาวจีน แห่เที่ยวเชียงใหม่มากที่สุดในปี 67 ยอดจองที่พัก Airbnb พุ่งเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 คนไทยแรงไม่แผ่วจองที่พักในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ด้านนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลี เติบโตต่อเนื่อง ช่วงครึ่งปีแรกของปี 67

    ข้อมูลล่าสุดจาก Airbnb พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการเดินทางไปเชียงใหม่สูงอย่างต่อเนื่องหลังเหตุการณ์น้ำท่วมล่าสุดในภาคเหนือของไทย คนในท้องถิ่นและโฮสต์ Airbnb ต่างพร้อมต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกด้วยการบริการที่อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ของไทย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000109170

    #MGROnline #เชียงใหม่ #นักท่องเที่ยวต่างชาติ #ที่พัก #Airbnb
    เชียงใหม่ยังฮอต นักท่องเที่ยวต่างชาติค้นหาที่พัก Airbnb เพิ่ม 30% รับเทศกาลลอยกระทงนักท่องเที่ยวชาวจีน แห่เที่ยวเชียงใหม่มากที่สุดในปี 67 ยอดจองที่พัก Airbnb พุ่งเกือบ 70% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 66 คนไทยแรงไม่แผ่วจองที่พักในเชียงใหม่เพิ่มขึ้นเกือบ 30% ด้านนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น อินเดีย และเกาหลี เติบโตต่อเนื่อง ช่วงครึ่งปีแรกของปี 67 • ข้อมูลล่าสุดจาก Airbnb พบว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงให้ความสนใจในการเดินทางไปเชียงใหม่สูงอย่างต่อเนื่องหลังเหตุการณ์น้ำท่วมล่าสุดในภาคเหนือของไทย คนในท้องถิ่นและโฮสต์ Airbnb ต่างพร้อมต้อนรับนักเดินทางทั่วโลกด้วยการบริการที่อบอุ่นเป็นเอกลักษณ์ของไทย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000109170 • #MGROnline #เชียงใหม่ #นักท่องเที่ยวต่างชาติ #ที่พัก #Airbnb
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยข้อมูล
    เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี
    จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก

    🚩โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    ในไตรมาส 4 จากกลุ่มตลาดประเทศระยะไกล
    รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจะได้ปัจจัยบวก
    จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ
    ที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ
    และเมืองน่าเที่ยว

    🚩การส่งออกไทยจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีแรงหนุนสำคัญ
    จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น อย่างไรก็ดี
    ภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยยังฟื้นตัวได้ช้า
    และมีสัญญาณการฟื้นตัวไม่ชัดเจน
    ขณะที่สินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูง
    ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง
    จากสถานการณ์น้ำท่วมและค่าเงินบาทแข็ง

    🚩สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เกษตรเริ่มคลี่คลายลงบ้าง
    โดยพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบยังไม่สูงมากหากเทียบกับ
    ภัยน้ำท่วมในอดีต SCB EIC ประเมินว่า มูลค่าความเสียหาย
    ในภาคเกษตรอยู่ที่ราว 4,700 ล้านบาท (0.03% ของจีดีพี)
    โดยคาดว่าพื้นที่ปลูกข้าวจะเสียหาย 0.83 ล้านไร่

    🚩สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท
    จะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปีนี้ SCB EIC ประเมินโครงการนี้
    มีผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเม็ดเงินทั้งหมด
    อาจไม่ได้ใช้จ่ายลงเศรษฐกิจ สะท้อนจากผลสำรวจ
    SCB EIC consumer survey ที่พบว่า ผู้ได้รับสิทธิบางส่วน
    จะนำเงินไปออมหรือชำระหนี้ รวมถึงใช้จ่ายเงินนี้
    แทนรายจ่ายปกติที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว สำหรับการบริโภค
    ภาคเอกชนคาดว่าจะแผ่วลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับ
    ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง 7 เดือนติดต่อกัน
    และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #จีดีพี
    #thaitimes
    💥💥ศูนย์วิจัยไทยพาณิชย์ SCB EIC เผยข้อมูล เศรษฐกิจไทยช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี จะได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยวและส่งออก 🚩โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ในไตรมาส 4 จากกลุ่มตลาดประเทศระยะไกล รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศจะได้ปัจจัยบวก จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐ ที่จะออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ และเมืองน่าเที่ยว 🚩การส่งออกไทยจะขยายตัวดีขึ้น โดยมีแรงหนุนสำคัญ จากวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น อย่างไรก็ดี ภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทยยังฟื้นตัวได้ช้า และมีสัญญาณการฟื้นตัวไม่ชัดเจน ขณะที่สินค้าคงคลังยังอยู่ในระดับสูง ความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมปรับลดลง จากสถานการณ์น้ำท่วมและค่าเงินบาทแข็ง 🚩สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่เกษตรเริ่มคลี่คลายลงบ้าง โดยพื้นที่เกษตรที่ได้รับผลกระทบยังไม่สูงมากหากเทียบกับ ภัยน้ำท่วมในอดีต SCB EIC ประเมินว่า มูลค่าความเสียหาย ในภาคเกษตรอยู่ที่ราว 4,700 ล้านบาท (0.03% ของจีดีพี) โดยคาดว่าพื้นที่ปลูกข้าวจะเสียหาย 0.83 ล้านไร่ 🚩สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมในปีนี้ SCB EIC ประเมินโครงการนี้ มีผลบวกต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากเม็ดเงินทั้งหมด อาจไม่ได้ใช้จ่ายลงเศรษฐกิจ สะท้อนจากผลสำรวจ SCB EIC consumer survey ที่พบว่า ผู้ได้รับสิทธิบางส่วน จะนำเงินไปออมหรือชำระหนี้ รวมถึงใช้จ่ายเงินนี้ แทนรายจ่ายปกติที่ต้องจ่ายอยู่แล้ว สำหรับการบริโภค ภาคเอกชนคาดว่าจะแผ่วลงต่อเนื่อง สอดคล้องกับ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับลดลง 7 เดือนติดต่อกัน และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #เศรษฐกิจไทย #จีดีพี #thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 664 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💥💥 ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC
    ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย
    ใน 3 มิติ ดังนี้

    🚩1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย)

    SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567
    เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6%
    ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย
    ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว

    สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ
    จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน
    บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์
    ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่

    🚩2. อัตราเงินเฟ้อของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567
    จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง
    ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้
    และต่อเนื่องไปในปีหน้า

    🚩3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย

    SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง
    ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50%
    และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268
    จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น
    ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน

    ที่มา : SCBEIC

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย
    #thaitimes
    💥💥 ศูนย์วิจัยธนาคารไทยพาณิชย์ SCBEIC ได้วิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจไทย ใน 3 มิติ ดังนี้ 🚩1. ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทย (จีดีพี ประเทศไทย) SCB EIC ประเมินว่าจีดีพี ไทยจะขยายตัวต่ำอยู่ที่ 2.5% ในปี 2567 เช่นเดียวกับปี 2568 ที่จะขยายตัวอยู่ที่ 2.6% ซึ่งยังต่ำกว่าศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไทย โดยปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย ในช่วงข้างหน้า ยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว สำหรับปีหน้า 2568 SCB EIC มองว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะปรับลดลงเล็กน้อย จากมุมมองเดิมมาอยู่ที่ 39.4 ล้านคน บนความท้าทายของจำนวนนักท่องเที่ยวจีน แบบกรุ๊ปทัวร์ ที่ยังไม่กลับมาได้เต็มที่ 🚩2. อัตราเงินเฟ้อของไทย SCB EIC ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2567 จะต่ำลงมาอยู่ที่ 0.6% (จากเดิม 0.8%) และจะกลับเข้าสู่ขอบล่าง ของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% ได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ และต่อเนื่องไปในปีหน้า 🚩3. อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย SCB EIC ประเมินว่า กนง. จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ในเดือน ธันวาคม 2567 นี้ เหลือ 2.25% จากเดิม 2.50% และปรับลดอีกครั้งเหลือ 2.00 % ในช่วงต้นปี 2268 จากสัญญาณอุปสงค์ในประเทศ ชะลอตัวชัดเจนขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะการเงินตึงตัวนาน ที่มา : SCBEIC #หุ้นติดดอย #การลงทุน #สภาวะเศรษฐกิจไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1319 มุมมอง 0 รีวิว
  • สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต จากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ต

    หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่า 4 ปี ในที่สุด สยามพิวรรธน์ ไซม่อน (Siam Piwat Simon) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ กับไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศขยายการลงทุนศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต (Siam Premium Outlet) แห่งที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต แม้จะล่าช้าจากเดิมที่เคยประกาศเมื่อปี 2561 ว่าตั้งเป้า 3 ปี เปิด 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ใช้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจซบเซา

    แม้จะยังไม่เปิดเผยทำเลว่า สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ส่วนใด นอกจากระบุเพียงตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต แต่ได้ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2569 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันของจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมทั้งเป็นทำเลจุดหมายสำคัญ ที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ และผู้เช่าใหม่จำนวนมาก ต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่

    จุดเด่นของภูเก็ต ถือเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก เดินทางเข้าสู่จังหวัดต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน มีท่าอากาศยานภูเก็ต รองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง เฉลี่ย 8,355 บาทต่อคนต่อวัน รวมถึงคนไทยในพื้นที่ และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง และมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 15 แห่ง

    สำหรับการออกแบบ จะรังสรรค์ภายใต้คอนเซปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ คํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    สำหรับศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตั้งอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 300 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผลประกอบการในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100%

    #Newskit #SiamPiwat #SiamPremiumOutletsPhuket
    สยามพรีเมียมเอาท์เล็ต จากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ต หลังจากเปิดให้บริการมานานกว่า 4 ปี ในที่สุด สยามพิวรรธน์ ไซม่อน (Siam Piwat Simon) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างสยามพิวรรธน์ กับไซม่อน บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จากสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศขยายการลงทุนศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต (Siam Premium Outlet) แห่งที่ 2 ที่จังหวัดภูเก็ต แม้จะล่าช้าจากเดิมที่เคยประกาศเมื่อปี 2561 ว่าตั้งเป้า 3 ปี เปิด 3 แห่ง ในกรุงเทพฯ ภาคเหนือ และภาคใต้ ใช้งบลงทุน 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 และเศรษฐกิจซบเซา แม้จะยังไม่เปิดเผยทำเลว่า สยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต แห่งที่ 2 ตั้งอยู่ส่วนใด นอกจากระบุเพียงตั้งอยู่ใจกลางจังหวัดภูเก็ต แต่ได้ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการในปี 2569 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า ท่ามกลางการแข่งขันของจำนวนห้างค้าปลีกที่มีมากถึง 14 แห่ง ไฮเปอร์มาร์เก็ตอีก 19 แห่ง รวมทั้งเป็นทำเลจุดหมายสำคัญ ที่กลุ่มผู้ประกอบการทั้งผู้เช่าเดิมในโครงการสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ และผู้เช่าใหม่จำนวนมาก ต่างแสดงความต้องการและให้ข้อเสนอแนะให้บริษัทฯ ลงทุนขยายโครงการใหม่ จุดเด่นของภูเก็ต ถือเป็นเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ เป็นหนึ่งใน Global Destination ของนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติจากทั่วโลก เดินทางเข้าสู่จังหวัดต่อปีไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน มีท่าอากาศยานภูเก็ต รองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวค่อนข้างสูง เฉลี่ย 8,355 บาทต่อคนต่อวัน รวมถึงคนไทยในพื้นที่ และชาวต่างชาติที่มาพำนักอยู่เป็นระยะเวลานาน (Expat) มีกำลังซื้อสูง และมีโรงเรียนนานาชาติมากถึง 15 แห่ง สำหรับการออกแบบ จะรังสรรค์ภายใต้คอนเซปต์พิเศษที่พัฒนาขึ้นโดยเฉพาะ คํานึงถึงการตอบสนองความต้องการในปัจจุบันและรองรับการเติบโตของภูเก็ตอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะมีโครงการสนามบินนานาชาติอันดามัน จ.พังงา ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต สำหรับศูนย์การค้าสยาม พรีเมียม เอาท์เล็ต กรุงเทพ ตั้งอยู่ริมถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 (กรุงเทพฯ-ชลบุรี) เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2563 ประกอบด้วยร้านค้ากว่า 300 ร้าน ทั้งร้านค้าลักชัวรี่แบรนด์ แบรนด์ระดับอินเตอร์เนชั่นแนล และแบรนด์ไทยต่างๆ ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผลประกอบการในปี 2566 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เข้าใช้บริการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และอัตราการเช่าพื้นที่ของโครงการเต็ม 100% #Newskit #SiamPiwat #SiamPremiumOutletsPhuket
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1226 มุมมอง 0 รีวิว
  • VIRAL SPOT ป้าย Maybank

    เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย

    แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง

    ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ

    ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda)

    ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว

    โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

    ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล

    ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้

    #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    VIRAL SPOT ป้าย Maybank เมื่อไม่นานมานี้ ที่เมืองโคตาคินาบาลู รัฐซาบาห์ บนเกาะบอร์เนียวของประเทศมาเลเซีย มีนักท่องเที่ยวจีนรายหนึ่ง ที่มาเที่ยวเมืองแห่งนี้ ถ่ายภาพอาคารธนาคารเมย์แบงก์ (Maybank) สาขาจาลาน กายา (Jalan Gaya) ที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นสังกะสีสีครีม ลงในแพลตฟอร์มรีวิว Xiaohongshu ของจีน ผลก็คือมีนักท่องเที่ยวจีนแห่ตามไปถ่ายภาพจำนวนมากอย่างไม่ขาดสาย แม้ชาวมาเลเซียไม่ทราบเหตุผลว่า ทำไมสาขาที่ปิดตายถึงกลายเป็นจุดถ่ายภาพของนักท่องเที่ยวจีน แต่มีการวิเคราะห์กันว่า มาจากป้ายกล่องไฟสีเหลืองสะดุดตา ร่วมกับโลโก้ Maybank สีดำดูทันสมัย ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่เน้นสำรวจเมือง บางคนมีความเชื่อไปถึงโลโก้ที่ประกอบด้วยหัวเสือ และสีเหลืองเปรียบเสมือน "ออง" ในภาษาจีน หมายถึงความเจริญรุ่งเรือง ถึงกระนั้น ป้ายธนาคารเมย์แบงก์ สาขาจาลาน กายา ยังคงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวมาเลเซียเข้ามาถ่ายรูปอย่างไม่ขาดสาย ไม่เว้นแม้แต่ นายโทนี่ เฟอร์นันเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มแคปิตอล เอ เจ้าของสายการบินแอร์เอเชีย ยังตามไปถ่ายรูป ระหว่างไปรับรางวัลพิเศษด้านการท่องเที่ยวรัฐซาบาห์ แม้เจ้าตัวจะแปลกใจถึงไวรัลดังกล่าว แต่ก็ยินดีที่จะสานต่อ ขณะที่เฟซบุ๊ก Maybank ได้ทีโปรโมตสาขาที่ปิดตาย ด้วยการถ่ายภาพหน้าสาขาพร้อมโฆษณาว่า SABAH CALLING, SIOK BAH! โปรโมตโปรโมชันสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตเมย์แบงก์วีซ่า กับแพลตฟอร์ม OTA อย่างอะโกด้า (Agoda) ด้านเทศบาลโคตาคินาบาลู (Dewan Bandaraya Kota Kinabalu) เข้าทำความสะอาดแลนด์มาร์คแห่งนี้ เพื่อรองรับเป็นจุดถ่ายรูป หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไปถ่ายรูป กลายเป็นจุดถ่ายรูปยอดนิยม (Viral Spot) ไปแล้ว โคตาคินาบาลู เมืองหลวงรัฐซาบาห์ เป็นประตูสู่แหล่งท่องเที่ยวของรัฐซาบาห์ โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม อย่างยอดเขาโคตาคินาบาลู ซึ่งมีความสูงเป็นอันดับที่ 4 ของอาเซียน ได้ถูกยกให้เป็นเขตอุทยานมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ที่นี่เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการผจญภัยแบบธรรมชาติ มีทั้งภูเขาและชายทะเล และมีกิจกรรมอย่างเช่น การปีนเขาที่เรียกว่า Via Ferrata หรือการปีนเขาแนวดิ่ง กิจกรรมเดินป่าศึกษาธรรมชาติ เล่นล่องแก่งแม่น้ำคาดามายัน เที่ยวชมศูนย์อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่า แช่น้ำพุร้อนธรรมชาติ ชมฟาร์มโคนม เดินเล่นที่ไร่ชาซาบาห์ และดื่มด่ำธรรมชาติท้องทะเล ก่อนหน้านี้ สายการบินแอร์เอเชียเคยเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ (ดอนเมือง)-โคตาคินาบาลู (BKI) เมื่อปี 2561 แต่ได้ยกเลิกไปนานแล้ว ปัจจุบันการเดินทางใช้วิธีต่อเครื่องจากท่าอากาศยานในมาเลเซีย โดยเฉพาะท่าอากาศยานกัวลาลัมเปอร์ (KUL) มีเที่ยวบินให้บริการมากถึง 167 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และมีเที่ยวบินจากต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ จีน มาเยือนเมืองแห่งนี้ #Newskit #KotaKinabalu #Maybank
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1146 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปักกิ่งออกบัตร 'ปักกิ่ง พาส' เอื้อนทท.ชำระง่ายจ่ายคล่อง
    .
    เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) กรุงปักกิ่งของจีนเปิดตัว "ปักกิ่ง พาส" (Beijing Pass) บัตรอเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการชำระเงินสำหรับบริการขนส่งสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์การค้า
    .
    ปักกิ่ง พาสมีวงเงินสูงสุด 1,000 หยวน (ราว 5,000 บาท) รองรับการชำระเงินสำหรับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง และแท็กซี่ในปักกิ่ง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะในเมืองกว่า 300 แห่งทั่วจีน อาทิ จุดหมายท่องเที่ยวสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น และหนานจิง
    .
    นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถใช้บัตรดังกล่าวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปักกิ่ง 30 แห่ง อาทิ พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน และกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่ง
    .
    นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถซื้อหรือขอเงินในบัตรคืนได้ตามจุดบริการ 15 จุดในปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง และสถานีรถไฟปักกิ่ง โดยใช้เอกสารยืนยันตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป
    .
    ผู้ถือบัตรข้างต้นสามารถเติมเงินได้ที่สถานี 490 แห่งตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน 27 สายของปักกิ่งผ่านเคาน์เตอร์บริการหรือเครื่องบริการตนเอง และยังสามารถเติมเงินทางออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน "ซิลค์พาส" (SilkPass) บนมือถือ
    .
    เฟิงหย่า เจ้าหน้าที่บริษัทปักกิ่ง มูนิซิพอล แอดมินิสเทรชัน แอนด์ คอมมูนิเคชัน การ์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ออกบัตรดังกล่าว เผยว่าเราจะติดตามความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป พร้อมขยายขอบเขตการใช้งานบัตรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย
    .
    ข้อมูลทางการระบุว่าปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของจีน รองรับนักท่องเที่ยวขาเข้ามากกว่า 1.65 ล้านคนในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 245.6 เมื่อเทียบปีต่อปี
    .
    ขณะเดียวกัน เมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วจีนได้ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้ เพื่อรับรองประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวอย่างเช่น "เซี่ยงไฮ้ พาส" (Shanghai Pass) บัตรเดินทางอเนกประสงค์แบบเติมเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้ชำระเงินตามจุดท่องเที่ยว ร้านสะดวกซื้อในเซี่ยงไฮ้ และระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของจีนกว่า 330 แห่ง
    ปักกิ่งออกบัตร 'ปักกิ่ง พาส' เอื้อนทท.ชำระง่ายจ่ายคล่อง . เมื่อวันพุธ (31 ก.ค.) กรุงปักกิ่งของจีนเปิดตัว "ปักกิ่ง พาส" (Beijing Pass) บัตรอเนกประสงค์สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกการชำระเงินสำหรับบริการขนส่งสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และศูนย์การค้า . ปักกิ่ง พาสมีวงเงินสูงสุด 1,000 หยวน (ราว 5,000 บาท) รองรับการชำระเงินสำหรับรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟชานเมือง และแท็กซี่ในปักกิ่ง รวมถึงระบบขนส่งสาธารณะในเมืองกว่า 300 แห่งทั่วจีน อาทิ จุดหมายท่องเที่ยวสำคัญอย่างเซี่ยงไฮ้ กว่างโจว เซินเจิ้น และหนานจิง . นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถใช้บัตรดังกล่าวเพื่อซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในปักกิ่ง 30 แห่ง อาทิ พระราชวังฤดูร้อน หอฟ้าเทียนถาน และกำแพงเมืองจีนด่านปาต๋าหลิ่ง . นักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถซื้อหรือขอเงินในบัตรคืนได้ตามจุดบริการ 15 จุดในปักกิ่ง ซึ่งรวมถึงท่าอากาศยานนานาชาตินครหลวงปักกิ่ง ท่าอากาศยานนานาชาติปักกิ่ง ต้าซิง และสถานีรถไฟปักกิ่ง โดยใช้เอกสารยืนยันตัวตนที่ถูกต้องตามกฎหมาย เริ่มตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. เป็นต้นไป . ผู้ถือบัตรข้างต้นสามารถเติมเงินได้ที่สถานี 490 แห่งตามแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน 27 สายของปักกิ่งผ่านเคาน์เตอร์บริการหรือเครื่องบริการตนเอง และยังสามารถเติมเงินทางออนไลน์ได้ผ่านแอปพลิเคชัน "ซิลค์พาส" (SilkPass) บนมือถือ . เฟิงหย่า เจ้าหน้าที่บริษัทปักกิ่ง มูนิซิพอล แอดมินิสเทรชัน แอนด์ คอมมูนิเคชัน การ์ด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ออกบัตรดังกล่าว เผยว่าเราจะติดตามความต้องการของนักท่องเที่ยวต่างชาติต่อไป พร้อมขยายขอบเขตการใช้งานบัตรเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย . ข้อมูลทางการระบุว่าปักกิ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของจีน รองรับนักท่องเที่ยวขาเข้ามากกว่า 1.65 ล้านคนในช่วงครึ่งแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 245.6 เมื่อเทียบปีต่อปี . ขณะเดียวกัน เมืองอื่นๆ อีกหลายแห่งทั่วจีนได้ดำเนินมาตรการที่คล้ายคลึงกันนี้ เพื่อรับรองประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตัวอย่างเช่น "เซี่ยงไฮ้ พาส" (Shanghai Pass) บัตรเดินทางอเนกประสงค์แบบเติมเงินสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เปิดตัวเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถใช้ชำระเงินตามจุดท่องเที่ยว ร้านสะดวกซื้อในเซี่ยงไฮ้ และระบบขนส่งสาธารณะในเมืองของจีนกว่า 330 แห่ง
    Like
    7
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว