• หมอรุกกลับ ปกป้องมติแพทยสภา ทุกอย่างถูกต้องตาม กม.
    .
    เวลานี้มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การมีขบวนการพยายามดิสเครดิตมติของคณะกรรมการแพทยสภาในรูปแบบโดยเฉพาะการแสดงท่าทีในเชิงต่อต้านจาก 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการมีข้ออ้างว่าแพทยสภาส่งข้อมูลให้กับคณะทำงานของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นฐานะสภานายกพิเศษ ไม่ครบ ด้วยเหตุนี้ทำให้เริ่มมีการออกปกป้องมติของแพทยสภา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050251

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    หมอรุกกลับ ปกป้องมติแพทยสภา ทุกอย่างถูกต้องตาม กม. . เวลานี้มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การมีขบวนการพยายามดิสเครดิตมติของคณะกรรมการแพทยสภาในรูปแบบโดยเฉพาะการแสดงท่าทีในเชิงต่อต้านจาก 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการมีข้ออ้างว่าแพทยสภาส่งข้อมูลให้กับคณะทำงานของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นฐานะสภานายกพิเศษ ไม่ครบ ด้วยเหตุนี้ทำให้เริ่มมีการออกปกป้องมติของแพทยสภา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050251 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซนโพสต์เฟสบุ้คเดือด ประณามผู้ก่อเหตุทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต พร้อมตอบโต้หากมีการรุกรานอีกครั้ง อ้างคล้ายกรณีปราสาทพระวิหาร หนุนรัฐบาลส่งทหาร-อาวุธหนักป้องกันชายแดน

    https://web.facebook.com/share/p/1D2MTx6TB1/

    .

    ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนาย Prinbal Ek Soun Roun จากการโจมตีของกองทัพที่รุกรานพรมแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาไม่ควรเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อการรุกรานเช่นนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึง 2554

    ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นการสู้รบเกิดขึ้น แต่ข้าพเจ้าสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งทหารและอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมการตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกรานอีกครั้ง ข้าพเจ้าหวังว่าการเจรจาที่จะทำในวันพรุ่งนี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดข้ามชายแดนระหว่างสองประเทศถึงขั้นที่ความร่วมมือในพื้นที่อื่นถูกปิดกั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ

    ข้าพเจ้าขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของเรา โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และโปรดเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ เราเกลียดสงคราม แต่เรายืนกรานที่จะทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2551 ถึง 2554 โดยใช้ลูกศร 3 ดอก คือ ทหาร การทูต และกฎหมาย
    ฮุนเซนโพสต์เฟสบุ้คเดือด ประณามผู้ก่อเหตุทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต พร้อมตอบโต้หากมีการรุกรานอีกครั้ง อ้างคล้ายกรณีปราสาทพระวิหาร หนุนรัฐบาลส่งทหาร-อาวุธหนักป้องกันชายแดน https://web.facebook.com/share/p/1D2MTx6TB1/ . ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนาย Prinbal Ek Soun Roun จากการโจมตีของกองทัพที่รุกรานพรมแดน สันติภาพ มิตรภาพ ความร่วมมือ และการพัฒนาไม่ควรเกิดขึ้น ข้าพเจ้าขอประณามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใด ๆ ที่ตัดสินใจก่อการรุกรานเช่นนี้ ซึ่งคล้ายกับการรุกรานปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2551 ถึง 2554 ข้าพเจ้าไม่อยากเห็นการสู้รบเกิดขึ้น แต่ข้าพเจ้าสนับสนุนการตัดสินใจของรัฐบาลในการส่งทหารและอาวุธหนักไปที่ชายแดนเพื่อเตรียมการตอบโต้ในกรณีที่มีการรุกรานอีกครั้ง ข้าพเจ้าหวังว่าการเจรจาที่จะทำในวันพรุ่งนี้ระหว่างผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศจะประสบผลสำเร็จ ข้าพเจ้าหวังว่าจะไม่มีความตึงเครียดข้ามชายแดนระหว่างสองประเทศถึงขั้นที่ความร่วมมือในพื้นที่อื่นถูกปิดกั้นเพื่อประโยชน์ของทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้าขอวิงวอนเพื่อนร่วมชาติของเรา โปรดอย่าทำให้ความขัดแย้งนี้บานปลายจนกลายเป็นเรื่องเหยียดเชื้อชาติ และโปรดเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาของรัฐบาลและกองทัพของทั้งสองประเทศ เราเกลียดสงคราม แต่เรายืนกรานที่จะทำสงครามต่อต้านการรุกรานจากต่างชาติ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในปี 2551 ถึง 2554 โดยใช้ลูกศร 3 ดอก คือ ทหาร การทูต และกฎหมาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอรุกกลับ ปกป้องมติแพทยสภา ทุกอย่างถูกต้องตาม กม.
    .
    เวลานี้มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การมีขบวนการพยายามดิสเครดิตมติของคณะกรรมการแพทยสภาในรูปแบบโดยเฉพาะการแสดงท่าทีในเชิงต่อต้านจาก 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการมีข้ออ้างว่าแพทยสภาส่งข้อมูลให้กับคณะทำงานของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นฐานะสภานายกพิเศษ ไม่ครบ ด้วยเหตุนี้ทำให้เริ่มมีการออกปกป้องมติของแพทยสภา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050247

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    หมอรุกกลับ ปกป้องมติแพทยสภา ทุกอย่างถูกต้องตาม กม. . เวลานี้มีความเคลื่อนไหวหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การมีขบวนการพยายามดิสเครดิตมติของคณะกรรมการแพทยสภาในรูปแบบโดยเฉพาะการแสดงท่าทีในเชิงต่อต้านจาก 'ทักษิณ ชินวัตร' อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการมีข้ออ้างว่าแพทยสภาส่งข้อมูลให้กับคณะทำงานของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นฐานะสภานายกพิเศษ ไม่ครบ ด้วยเหตุนี้ทำให้เริ่มมีการออกปกป้องมติของแพทยสภา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000050247 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด

    การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022
    - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022
    - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ
    - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย
    - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น
    - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้
    - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น
    - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่

    https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    พนักงานจำนวนมากขึ้นกำลังต่อต้านนโยบาย กลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยผลสำรวจล่าสุดจาก King's College London (KCL) พบว่า น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับข้อกำหนดนี้ โดยเฉพาะ ผู้หญิงและพ่อแม่ที่มีลูกเล็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มต่อต้านมากที่สุด การทำงานจากที่บ้าน (Remote Work) ได้รับความนิยมมากขึ้นหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19 และหลายบริษัทเลือกใช้ รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด (Hybrid Work) แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อย่างไรก็ตาม บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ เช่น Google, Intel และ Amazon กำลังผลักดันให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา โดยอ้างว่า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ว่าผลสำรวจหลายฉบับจะชี้ว่า การทำงานจากที่บ้านไม่ได้ลดประสิทธิภาพลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - 42% ของแรงงานในสหราชอาณาจักร ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ลดลงจาก 54% ในปี 2022 - 50% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะหางานใหม่แทนการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา เพิ่มขึ้นจาก 40% ในปี 2022 - 10% ของพนักงาน ระบุว่าพวกเขาจะลาออกทันทีหากถูกบังคับให้กลับเข้าออฟฟิศ - ผู้หญิงมีแนวโน้มลาออกมากกว่าผู้ชาย โดย 55% ของผู้หญิง ระบุว่าจะหางานใหม่ เทียบกับ 43% ของผู้ชาย - พ่อแม่ที่มีลูกเล็ก เป็นกลุ่มที่ต่อต้านมากที่สุด โดย เพียง 33% ของแม่ที่มีลูกเล็ก ยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - บริษัทที่บังคับให้พนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา อาจเผชิญกับอัตราการลาออกที่สูงขึ้น - แรงงานที่มีภาระครอบครัว อาจได้รับผลกระทบมากที่สุดจากนโยบายนี้ - ความไม่เท่าเทียมในสถานที่ทำงาน อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้บางกลุ่มแรงงานยอมรับการกลับเข้าออฟฟิศมากกว่ากลุ่มอื่น - บริษัทเทคโนโลยีใหญ่ๆ กำลังลดโอกาสการทำงานแบบไฮบริด ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงานในอนาคต การเปลี่ยนแปลงนโยบายการทำงานของบริษัทต่างๆ กำลังส่งผลต่อแรงงานทั่วโลก และอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พนักงานต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือหางานใหม่ https://www.techspot.com/news/108084-more-workers-theyll-quit-instead-going-back-office.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    More workers say they'll quit instead of going back to the office full time
    The report comes from researchers at King's College London (KCL) and King's Business School. They analyzed over a million data points from the UK government's Labour Force...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เพิ่งประกาศระงับวีซ่านักเรียนต่างชาติชั่วคราว หรือแม้แต่นักเรียนสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนไปอเมริกา โดยแจ้งไปยังสถานทูตต่างๆเพื่อเลื่อนสัมภาษณ์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    นอกจากนี้ จะเพิ่มความเข้มงวดในการขยายการตรวจสอบพฤติกรรมการโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ว่ามีการต่อต้านรัฐบาลทรัมป์หรือแม้แต่การต่อต้านชาวยิวด้วยหรือไม่
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสหรัฐ เพิ่งประกาศระงับวีซ่านักเรียนต่างชาติชั่วคราว หรือแม้แต่นักเรียนสำหรับโครงการแลกเปลี่ยนไปอเมริกา โดยแจ้งไปยังสถานทูตต่างๆเพื่อเลื่อนสัมภาษณ์ออกไปอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ จะเพิ่มความเข้มงวดในการขยายการตรวจสอบพฤติกรรมการโพสต์บนโซเชียลมีเดีย ว่ามีการต่อต้านรัฐบาลทรัมป์หรือแม้แต่การต่อต้านชาวยิวด้วยหรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์
    #เงินเข้าไม่มีทางออก
    #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก
    #เงินพันดูดเงินหมื่น
    #เงินหมื่นดูดเงินเเสน
    #เงินเเสนดูดเงินล้าน
    พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์
    ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด
    และรักตัวเองอย่างสูงสุด
    “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ
    พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น
    ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด…
    แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง
    จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด
    #ให้กับชีวิตของตนเอง
    ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ
    แต่คือ
    “ห้องแห่งพลังศรัทธา
    ในตนเองขั้นสูงสุด”
    👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร?
    คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง
    ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต
    ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป
    เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด
    หรือ แข่งขันกับใคร
    แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย
    อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล
    🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด)
    1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน
    จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง
    เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน
    จุดพร้อมภาวนา:
    “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล
    ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล”
    2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ
    ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ
    นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก
    รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน
    3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น
    การดูดทรัพย์จะเกิดได้
    เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข
    ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด
    หรือ ทำเพราะขาดแคลน
    หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล
    ให้หยุด! แล้วออกไป
    ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน
    เมื่อใจอิ่มจริงๆ
    จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่
    4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ
    ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี
    คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล
    ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที
    เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า
    5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา
    ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า:
    ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น
    ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต
    ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง
    เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ
    “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน”
    6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์
    ห้ามเด็ดขาด:
    ใช้เงินด้วยความกลัว
    ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ
    ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น
    ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน
    7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี
    เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด:
    🧘‍♀️ ช่วงสะสม:
    เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล
    ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น
    เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น
    💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว):
    ใช้เงินเยียวยาหัวใจ
    ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์”
    พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่
    🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์:
    "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์
    ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด
    ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์
    ด้วยความสุขอย่างแท้จริง
    และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ
    ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม"
    🔁 สรุปแก่นลึก:
    ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน...
    แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข”
    หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว
    ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน
    แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง
    ด้วยหัวใจที่สง่างาม
    พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    🔮 #ห้องพิธีดูดทรัพย์ #เงินเข้าไม่มีทางออก #ห้องดูดทรัพย์ไม่มีวันออก #เงินพันดูดเงินหมื่น #เงินหมื่นดูดเงินเเสน #เงินเเสนดูดเงินล้าน พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ ของผู้ศรัทธาในพลังเงินสด และรักตัวเองอย่างสูงสุด “ห้องพิธีดูดทรัพย์” คือ พื้นที่พิเศษสำหรับผู้มีจิตตั้งมั่น ผู้ที่ไม่ได้สะสมทรัพย์เพราะกลัวอด… แต่สะสมเพราะ รักตัวเอง จนอยากมอบอนาคตที่ดีที่สุด #ให้กับชีวิตของตนเอง ไม่ใช่ห้องแห่งความโลภ แต่คือ “ห้องแห่งพลังศรัทธา ในตนเองขั้นสูงสุด” 👁 เจ้าพิธีผู้ดูดทรัพย์ คือใคร? คือ ผู้ที่จิตมั่น… ใจนิ่ง… และรักตัวเอง ในระดับที่ลึกจนไม่อาจปล่อยชีวิต ให้รั่วไหลออกไปโดยเปล่าประโยชน์อีกต่อไป เขา คือ ผู้ที่ไม่สะสมเพื่ออวด หรือ แข่งขันกับใคร แต่สะสมเพื่อให้ตนเองปลอดภัย อิ่มเอม และมั่นคงตลอดกาล 🕯 องค์ประกอบของห้องพิธีดูดทรัพย์ (สมบูรณ์ที่สุด) 1. เทียนสีเขียว – เสาสัญญาณเรียกเงิน จุดเพื่อเปิดคลื่นพลังทรัพย์เข้าสู่ห้อง เสมือนส่งสัญญาณวิทยุเรียกทรัพย์กลับบ้าน จุดพร้อมภาวนา: “ทรัพย์จงมา เงินจงไหล ความมั่นคงจงอยู่กับข้าตลอดกาล” 2. เจ้าพิธีต้องอยู่ในห้องอย่างสงบ สม่ำเสมอ ฟังบทโปรแกรมจิตเงินซ้ำๆ นั่งสงบนิ่ง ปล่อยใจนิ่งลึก รับพลังงานทรัพย์เข้ามาโดยไม่ต่อต้าน 3. ต้องทำเมื่อจิต “อิ่มเอม” เท่านั้น การดูดทรัพย์จะเกิดได้ เฉพาะเมื่อหัวใจเปี่ยมสุข ห้ามทำเมื่อรู้สึกกลัวว่าทรัพย์จะหมด หรือ ทำเพราะขาดแคลน หากยังมีพลังงานกลัว ขาด กังวล ให้หยุด! แล้วออกไป ทำให้ตนเองมีความสุขก่อน เมื่อใจอิ่มจริงๆ จึงกลับมาเปิดห้องพิธีรอบใหม่ 4. ไอเดีย = สัญญาณทองคำ ทุกความคิดที่แวบขึ้นมาในห้องพิธี คือ คำสั่งซื้อจากจักรวาล ห้ามนิ่งเฉย ต้องลงมือทันที เพราะนั่น คือ เงินในอนาคตที่กำลังเรียกเข้า 5. การใช้เงิน = คาถาสะท้อนทรัพย์กลับมา ทุกการใช้เงิน ต้องมี “ความหมาย” ว่า: ใช้เพื่อเงินกลับมาไวขึ้น ใช้เพื่อทำให้พลังเงินโต ใช้เพื่อจ้างคลื่นพลังให้หมุนเงินคืนคลัง เงินไม่ใช่แค่จ่าย… แต่คือ “การส่งพลังงานออกไปเพื่อดึงทรัพย์กลับคืน” 6. ข้อห้ามศักดิ์สิทธิ์ ห้ามเด็ดขาด: ใช้เงินด้วยความกลัว ใช้เงินสนองอารมณ์ต่ำ ใช้เงินทำลายพลังของผู้อื่น ใช้เงินโดยไม่เห็นคุณค่าของเงิน 7. วงจรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าพิธี เจ้าพิธีจะอยู่ใน 2 โหมด: 🧘‍♀️ ช่วงสะสม: เก็บเงินนิ่งๆ ไม่รั่วไหล ไม่ใช้เลยถ้าไม่จำเป็น เติมพลังให้คลังทรัพย์หนาแน่น 💖 ช่วงเบิกใช้ (เมื่อใจอิ่มแล้ว): ใช้เงินเยียวยาหัวใจ ใช้เท่าที่ทำให้รู้สึก “สมบูรณ์” พักใจ แล้วกลับมาสะสมรอบใหม่ 🗝 คาถาเจ้าพิธีดูดทรัพย์: "ข้าพเจ้า คือ ผู้เก็บทรัพย์ ข้าพเจ้า คือ ผู้ดูแลพลังเงินสด ข้าพเจ้าจะสะสมทรัพย์ ด้วยความสุขอย่างแท้จริง และจักรวาลจะคืนเงินข้าพเจ้าเสมอ ในรูปแบบที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" 🔁 สรุปแก่นลึก: ห้องพิธีดูดทรัพย์ ไม่ได้เปิดด้วยเทียน... แต่มันเปิดด้วย “หัวใจที่เปี่ยมสุข” หากใจยังกลัว ยังขาด ยังหวั่นไหว ให้ไปเติมพลังรักตัวเองก่อน แล้วกลับมาเปิดห้องอีกครั้ง ด้วยหัวใจที่สง่างาม พร้อมรับคลื่นเงินอย่างบริบูรณ์
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้านายดี ๆ ไม่ได้เกิดจากความตามใจ แต่เกิดจากความเข้าใจคน

    เวลาพูดถึง “เจ้านายดี ๆ”
    คนจำนวนมากจะนึกถึงคนที่ให้เงินดี งานเบา
    ขอหยุดได้ตามใจ ขอเข้าเลทก็ไม่ว่า
    ทักแชตนอกเวลาแล้วเงียบ ก็ยังไม่ถือสา

    แต่...เจ้านายแบบนั้น
    อาจทำให้บริษัทเจ๊งได้ในไม่ช้า

    เพราะความจริงของ “คน” ก็คือ...
    คนส่วนใหญ่ขี้เกียจมากกว่าขยัน
    ชอบหลบงานมากกว่าวิ่งเข้าหางาน
    และหาทางต่อต้านมากกว่ายอมทำตาม
    หากไม่มีใคร “จับบังเหียน” อย่างจริงจัง

    เจ้านายดี ๆ
    จึงไม่ใช่คนตามใจจนเปื่อย
    แต่เป็นคนที่รู้ว่า “เวลาไหนควรปลอบ และเวลาไหนควรเฆี่ยน”

    เขาเคยเป็นลูกน้องมาก่อน
    เลยเข้าใจดีว่า

    บางทีคนแค่เหนื่อย ต้องการคำปลอบ

    บางทีคนเริ่มเหลิง ต้องการไม้เรียว

    บางทีคนเริ่มหลงทาง ต้องการคนสะกิดแรง ๆ

    ลูกน้องดี ๆ ที่เคยถูกดูแลมาดี
    เมื่อโตเป็นเจ้านาย
    จะเข้าใจว่าคนเรา “มีขึ้นมีลง”
    ไม่ใช่ดีได้ตลอดไป
    และไม่ใช่แย่แล้วจะไม่มีวันลุกขึ้นใหม่

    เจ้านายที่ดี
    จึงไม่ใช่คนที่ใจดีตลอดเวลา
    แต่คือคนที่ “เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์”
    และใช้ความเข้าใจนั้น ขัดเกลาให้คนในทีม “เติบโตเป็นคนจริง”
    เจ้านายดี ๆ ไม่ได้เกิดจากความตามใจ แต่เกิดจากความเข้าใจคน เวลาพูดถึง “เจ้านายดี ๆ” คนจำนวนมากจะนึกถึงคนที่ให้เงินดี งานเบา ขอหยุดได้ตามใจ ขอเข้าเลทก็ไม่ว่า ทักแชตนอกเวลาแล้วเงียบ ก็ยังไม่ถือสา แต่...เจ้านายแบบนั้น อาจทำให้บริษัทเจ๊งได้ในไม่ช้า เพราะความจริงของ “คน” ก็คือ... คนส่วนใหญ่ขี้เกียจมากกว่าขยัน ชอบหลบงานมากกว่าวิ่งเข้าหางาน และหาทางต่อต้านมากกว่ายอมทำตาม หากไม่มีใคร “จับบังเหียน” อย่างจริงจัง เจ้านายดี ๆ จึงไม่ใช่คนตามใจจนเปื่อย แต่เป็นคนที่รู้ว่า “เวลาไหนควรปลอบ และเวลาไหนควรเฆี่ยน” เขาเคยเป็นลูกน้องมาก่อน เลยเข้าใจดีว่า บางทีคนแค่เหนื่อย ต้องการคำปลอบ บางทีคนเริ่มเหลิง ต้องการไม้เรียว บางทีคนเริ่มหลงทาง ต้องการคนสะกิดแรง ๆ ลูกน้องดี ๆ ที่เคยถูกดูแลมาดี เมื่อโตเป็นเจ้านาย จะเข้าใจว่าคนเรา “มีขึ้นมีลง” ไม่ใช่ดีได้ตลอดไป และไม่ใช่แย่แล้วจะไม่มีวันลุกขึ้นใหม่ เจ้านายที่ดี จึงไม่ใช่คนที่ใจดีตลอดเวลา แต่คือคนที่ “เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์” และใช้ความเข้าใจนั้น ขัดเกลาให้คนในทีม “เติบโตเป็นคนจริง”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวียดนามสั่งบล็อก Telegram อ้างเหตุไม่ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม

    รัฐบาลเวียดนาม ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบล็อกแอปพลิเคชัน Telegram โดยให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นผ่านแอป ซึ่ง Telegram แสดงความประหลาดใจต่อคำสั่งดังกล่าว

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการบล็อก Telegram ในเวียดนาม
    ✅ กระทรวงเทคโนโลยีของเวียดนามออกคำสั่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025
    - ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ต้องดำเนินมาตรการบล็อก Telegram และรายงานผลภายในวันที่ 2 มิถุนายน

    ✅ ตำรวจเวียดนามรายงานว่า 68% ของ 9,600 ช่องและกลุ่มบน Telegram มีเนื้อหาผิดกฎหมาย
    - รวมถึง การฉ้อโกง, ค้ายาเสพติด และกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย

    ✅ รัฐบาลเวียดนามยืนยันคำสั่งบล็อก Telegram ผ่านเว็บไซต์ทางการ
    - ระบุว่า Telegram ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย

    ✅ Telegram แสดงความประหลาดใจและยืนยันว่าได้ตอบสนองต่อคำร้องขอทางกฎหมายของเวียดนาม
    - บริษัทได้รับ หนังสือแจ้งจากหน่วยงานสื่อสารของเวียดนาม และกำลังดำเนินการตอบกลับภายในวันที่ 27 พฤษภาคม

    ✅ เวียดนามเคยขอให้แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook, YouTube และ TikTok ลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าเป็น "ข้อมูลที่เป็นพิษ"
    - รวมถึง เนื้อหาที่มีลักษณะต่อต้านรัฐบาล

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/vietnam-acts-to-block-messaging-app-telegram--government-document-seen-by-reuters-shows
    เวียดนามสั่งบล็อก Telegram อ้างเหตุไม่ร่วมมือปราบปรามอาชญากรรม รัฐบาลเวียดนาม ออกคำสั่งให้ผู้ให้บริการโทรคมนาคมบล็อกแอปพลิเคชัน Telegram โดยให้เหตุผลว่า แพลตฟอร์มนี้ไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอาชญากรรมที่เกิดขึ้นผ่านแอป ซึ่ง Telegram แสดงความประหลาดใจต่อคำสั่งดังกล่าว 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการบล็อก Telegram ในเวียดนาม ✅ กระทรวงเทคโนโลยีของเวียดนามออกคำสั่งเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025 - ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ต้องดำเนินมาตรการบล็อก Telegram และรายงานผลภายในวันที่ 2 มิถุนายน ✅ ตำรวจเวียดนามรายงานว่า 68% ของ 9,600 ช่องและกลุ่มบน Telegram มีเนื้อหาผิดกฎหมาย - รวมถึง การฉ้อโกง, ค้ายาเสพติด และกิจกรรมที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ✅ รัฐบาลเวียดนามยืนยันคำสั่งบล็อก Telegram ผ่านเว็บไซต์ทางการ - ระบุว่า Telegram ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต้องตรวจสอบและลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ✅ Telegram แสดงความประหลาดใจและยืนยันว่าได้ตอบสนองต่อคำร้องขอทางกฎหมายของเวียดนาม - บริษัทได้รับ หนังสือแจ้งจากหน่วยงานสื่อสารของเวียดนาม และกำลังดำเนินการตอบกลับภายในวันที่ 27 พฤษภาคม ✅ เวียดนามเคยขอให้แพลตฟอร์มอื่น เช่น Facebook, YouTube และ TikTok ลบเนื้อหาที่รัฐบาลมองว่าเป็น "ข้อมูลที่เป็นพิษ" - รวมถึง เนื้อหาที่มีลักษณะต่อต้านรัฐบาล https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/23/vietnam-acts-to-block-messaging-app-telegram--government-document-seen-by-reuters-shows
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Telegram 'surprised' as Vietnam orders messaging app to be blocked
    HANOI (Reuters) -Vietnam's technology ministry has ordered telecommunication service providers to block the messaging app Telegram for not cooperating in combating alleged crimes committed by its users, in a move that Telegram said was surprising.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน
    .
    ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด
    .
    ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ
    .
    หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน
    .
    ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น
    .
    ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้
    .
    ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว
    .
    ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว
    .
    หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน
    .
    ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา
    .
    ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ
    .
    ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น..
    .
    การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์
    .
    Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ
    .
    เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว...
    .
    พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง
    .
    หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น
    .
    ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว
    .
    แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย
    .
    เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected"
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) -
    .
    https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    ตั้งแต่ปี 2004... ผมได้พบกุญแจไขสิ่งที่ผมอยากรู้จากคำเพียงคำเดียว "Cultural Transmission" มันนำพาผมไปพบกับงานของศาสตราจารย์ Luigi Luca Cavalli-Sforza และลูกศิษย์ของเขาที่ Standford ชื่อ Spencer Wells… มันได้เปิดโลกทัศน์ของผมในการมองสิ่งต่างๆ ผ่านการพิจารณาหลายๆ ศาสตร์ควบคู่กับความรู้เกี่ยวกับพันธุกรรมมนุษย์และการอพยพย้ายถิ่น เมื่อเรารู้ว่าที่แท้แล้วเราเป็นใคร สิ่งต่างๆ ก็เชื่อมโยงกัน . ในปีเดียวกันนั้น Bill Clinton ประกาศที่ทำเนียบขาวถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ทางวิทยาศาสตร์ แผนที่ดีเอ็นเออันแรกของมนุษย์ถูกทำสำเร็จ ความลับของสายพันธุ์มนุษย์ถูกไข ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะวิสัยทัศน์ของศาสตราจารย์ลูกา ที่มุ่งมั่นเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอมาก่อนหน้านั้นกว่าสามสิบปีเพราะเชื่อมั่นว่ามันซ่อนความลับของมนุษย์ไว้ ทันทีที่แผนที่ดีเอ็นเอสำเร็จ เสปนเซอร์ซึ่งเป็นทายาทรับช่วงงานวิจัยต่อจาก ศจ.ลูกา ก็นำเสนออีกแผนที่หนึ่ง คือแผนที่การอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์ย้อนหลังกว่าแสนปีจากแอฟริกา และสาแหรกพันธุกรรมมนุษย์ย้อนถอยไปถึงบรรพบุรุษคนแรกที่เป็นรากลึกที่สุด . ในเวลานั้น ไม่มีใครหรือสาขาวิชาใดมองความรู้ของมนุษย์ผ่านวิสัยทัศน์นี้ มันเป็นเรื่องใหม่ แต่ความฉงนสนเท่ห์ของผมที่มีกับตัวอย่างดนตรีของไท-ไทยและชาติพันธ์อื่นๆ ในเอเชีย โดยเฉพาะในจีนตอนใต้และประเทศไทย ทำให้ผมเอามานั่งคิด ผลจากการคิดวิเคราะห์ ผมรู้สึกว่ามันเป็นดนตรีชนิดเดียวหรือพูดให้ชัดกว่านั้น มันน่าจะเป็นวัฒนธรรมที่มีรากเหง้าร่วมกัน อาจจัดเป็นสกุลเดียวกันคล้ายๆ กับภาษา และถ้าสิ่งที่นักมานุษยวิทยาเชื่อกันมาเนิ่นนานจนบัดนี้ว่า ดนตรีเกิดมาจากภาษา ว่ามันเริ่มมาจากจุดนั้น มันก็จะต้องมีส่วนสัมพันธ์กับการส่งต่อทางวัฒนธรรม ซึ่งผมแบ่งได้ง่ายๆ ออกเป็นสามลักษณะหลักๆ . หนึ่งคือ สืบทอดกันมาจากบรรพบุรุษรุ่นสู่รุ่น เป็นเหมือนมรดกทางวัฒนธรรม จารีต ประเพณี / สองคือ รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากดินแดนอื่น-ชนชาติอื่นที่รุ่งเรืองกว่าหรือต่างดินแดนที่คบค้าไปมาหาสู่กันยาวนาน จึงรับเอาธรรมเนียมเขามานิยม / สามคือ เกิดจากการถูกพิชิตให้อยู่ในอาณัตหรือถูกบังคับให้รับวัฒนธรรมผู้อื่นมาเป็นของตน อาจจะยังดำเนินขนบทางวัฒนธรรมเดิมอยู่ได้ขณะที่ต้องยอมรับวัฒนธรรมอื่นเป็นหลัก หรืออาจถูกบังคับให้เลิกวัฒนธรรมของตนแล้วรับเอาวัฒนธรรมของชาติที่พิชิตเป็นของตนแทน . ในกรณีแรก วัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาจะมีอัตลักษณ์ที่จำแนกได้ชัดเจนเหมือนภาษาที่จัดเป็นสกุลหรือ phyla ได้ | กรณีที่สอง ย่อมมีการแทรกของวัฒนธรรมสกุลอื่นเข้ามาผสมผสาน แต่เนื่องจากการเชื่อมโยงกันเป็นไปอย่างละมุนละม่อมจึงไม่มีอะไรถูกทำลาย จะนำไปสู่ความหลากหลายมากขึ้นได้หลายปัจจัย แต่จะยังคงแยกแยะลักษณะของอัตลักษณ์แต่ละสกุลได้ | กรณีที่สาม ไม่ต่างอะไรกับขุดรากถอนโคน วัฒนธรรมสกุลเดิมถูกทำลายไป อาจมีบางคนที่ต่อต้านและต้องการรักษาขนบเก่าไว้อย่างหลบซ่อน ซึ่งจะทำให้กลายเป็นสิ่งต้องห้ามหรือตาบู แต่ก็อาจมีโอกาสที่วันหนึ่งจะถูกฟื้นฟูขึ้น . ตั้งแต่ปี 2004 ผมหมกมุ่นเรื่องนี้นานนับสิบปี อ่านหนังสือมากมาย ไปเก็บตัวอย่างจากภาคสนาม เสาะหาข้อมูลเสียงจากทุกที่ที่ได้เบาะแส ผมนึกอยู่เวียนวนจนได้สมมุติฐานอันนึงขึ้นมา "เป็นไปได้ไหมว่า ถ้าเรามีสายเลือดที่เชื่อมโยงกันทั้งโลกอย่างที่ ศจ.ลูกา และ เสปนเซอร์ นำเสนอ เราก็น่าจะมีวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกันโดยที่สอดคล้องกับสาแหรกพันธุกรรมด้วย และเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็น่าจะแยกแยะดนตรีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมมนุษย์ออกเป็นวงศ์ตระกูลได้ในลักษณะเดียวกัน ในเวลาต่อมา ผมพบบทความหนึ่งที่เขียนโดย ศจ. Victor Grauer หัวข้อเรื่อง Music Family ผมจำชื่อเขาได้ทันที เพราะผมเรียนหนังสือเล่มหนึ่งของ Alan Lomax นักมานุษยวิทยาดนตรีที่เป็นตำนานของโลก มันเกี่ยวกับระบบวิเคราะห์ดนตรีพื้นเมืองที่เขาคิดค้นขึ้นเรียกว่า Cantomatrics และอาจารย์วิคเตอร์ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของอลันมีส่วนในการคิดค้นนี้ . ผมเขียนอีเมล์ไปหาอาจารย์วิคเตอร์ตามอีเมล์ที่ปรากฏบนบทความของแก บอกว่าผมอ่าน Music Family แล้วคิดว่าน่าจะเดินไปในทิศทางเดียวกับที่ผมคิด แล้วเล่า Hypothesis ของผมให้แกฟัง บอกว่าผมจะเทรซจากดีเอ็นเอและการอพยพย้ายถิ่นของมนุษย์เป็นวิธีวิจัย แกตอบมาว่าเห็นด้วย นี่เป็นเรื่องใหม่และตื่นเต้นมาก อยากให้ผมแชร์ข้อมูลกับแก จากจุดนี้ไปคือการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นของผมกับโครงการ Genomusicology ตั้งแต่วันนั้นมาจนบัดนี้ ยี่สิบปีแล้ว . ผมเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความสนใจของผมในเรื่องนี้มาเรื่อย และบางครั้งมันไม่ได้เกี่ยวกับดนตรีแต่เป็นเรื่องอื่น ผมรู้แต่ตอนนั้นว่าความรู้อะไรก็ตามหากมันขัดกับวิทยาศาสตร์นี้ ไม่ว่าจะสาขาวิชาอะไร มันมีแนวโน้มจะผิดพลาด ตัวอย่างเช่นประวัติศาสตร์ ยิ่งถ้าคุณเปิดหน้าต่างหลายๆ ศาสตร์พร้อมกันโดยไม่ยึดติดกับทัศนะของสำนักคิดเดิม คุณจะพบกับหนทางที่กว้างไกลกว่า ยกตัวอย่างเช่นเมื่อคุณหาคำตอบทางประวัติศาสตร์ คุณลองทาบมันกับชีววิทยาพันธุกรรม ขณะเดียวกันก็ทาบมันกับโบราณคดี ภาษาศาสตร์ ธรณีวิทยา นิรุกติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ปรัมปราคติ ศาสนาเทววิทยา...ฯลฯ มันจะนำคุณไปสู่คำตอบที่หนักแน่นกว่าที่คุณจะจมอยู่กับข้อมูลทางประวัติศาสตร์เพียงอย่างเดียว . หลายปีที่ผ่านมา เริ่มมีหลายสาขาวิชาที่หันมาใช้แผนที่แผ่นเดียวกับผม ที่ผมเห็นคือนักภาษาศาสตร์ในต่างประเทศมาก่อนเป็นพวกแรก ในไทยที่เริ่มก่อนคือนักโบราณคดีอย่างเช่น อาจารย์รัศมี ชูทรงเดช ท่านล้ำมาก ศึกษาซากบรรพชีวินแล้วเริ่มใช้ข้อมูลดีเอ็นเอมาก่อนที่จะมีนักชีววิทยารุ่นใหม่ที่สนใจด้านนี้เริ่มเอามาใช้ผนวกกับสาขามานุษยวิทยา ช่วงสี่ห้าปีหลังเริ่มมีงานวิจัยเกี่ยวกับดีเอ็นเอของคนไทยออกมาให้เห็นจากนักวิชาการไทยหลายคน . ถ้าจำเรื่องเก่าๆ ที่ผมเคยเขียนได้บ้างจะเห็นว่าผมพูดอยู่หลายครั้ง "ความแบ่งแยกเป็นความคิดของปีศาจ" และมันเป็นต้นตอความขัดแย้งที่ลุกลามกลายเป็นสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ได้ ผมชี้ให้เห็นเสมอๆ ว่าคนเอเชียนั้นเป็นพี่น้องครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นลูกหลานของทายาทแห่งอาดัม (ในทางวิทยาศาสตร์) สองคนคือ Hg O และ Hg C และทายาทแห่งอีฟ (ในทางวิทยาศาสตร์) สี่คนคือ Hg B-M-F-D ดังนั้นพวกเขาไม่ว่าจะเรียกชื่อสมมุติตัวเองว่าอะไร ข้อเท็จจริงก็คือพวกเขาคือพี่น้องกันทั้งสิ้น เก่าใหม่ อ่อนแก่ ตามกาลเวลา . ด้วยเหตุนี้ ในปี 2008 ผมเขียนบทความหนึ่ง เรื่อง "ชื่อและชนเผ่า" และผมพยายามอธิบายความสมมุติที่ว่านี้ด้วยความพยายามยิ่งที่จะบอกความเป็นมาเป็นไปและความเกี่ยวโยงของแต่ละชาติพันธ์ ผมแบ่งกลุ่มพวกเขาออกเป็นสองกลุ่มง่ายๆ คือพวกเท้าเปียกและพวกเท้าแห้ง พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันและทั้งหมดอยู่บนดินแดนเอเชียนี้มาตั้งแต่สามหมื่นกว่าปีที่แล้ว แต่พวกเท้าเปียกคือพวกที่อยู่บนซุนดาตอนล่าง ต้องผจญชะตากรรมน้ำท่วมโลกซึ่งหนักกว่าโนอาห์แน่นอน เพราะธรณีวิทยาบอกว่ามีที่เดียวบนโลกในประวัติศาสตร์มนุษย์แสนกว่าปี ที่คุณจะเรียกว่าน้ำท่วมโลกได้จริงๆ คือดินแดนซุนดาแห่งนี้ ไม่ใช่ในดินแดนเสี้ยวจันทร์หรือแถวเทือกเขาอารารัต มันท่วมที่นี่สามครั้งหลังยุคน้ำแข็งสิ้นสุด ทั้งสามครั้งรวมแล้วประมาณร้อยยี่สิบเมตร!.. ส่วนพวกเท้าแห้งก็คือพวกที่อยู่เหนือขึ้นไปในเมนแลนด์เอเชีย ซึ่งก็ได้เป็นสักขีพยานภัยพิบัตินี้เช่นกัน แต่มีเพียงส่วนน้อยที่ได้รับผลจากภัยพิบัติ . ดังนั้น สำหรับผม ไม่ว่าจะเอ่ยชื่อไหนมันก็คือสิ่งสมมุติ บรรดาพี่น้องในสาแหรกเท้าเปียกในอุษาคเนย์นับจากโบราณจนกระทั่งบัดนี้ อย่างที่บอก พวกเขาล้วนมาจากอัสเลียน แม้ต่อมาพวกเขาทั้งหลายจะกลายเป็นมอญ เป็นข่า เป็นละว้า เป็นขอมทวารวดี เป็นขอมละโว้ เป็นพนม เป็นสยาม เป็นศรีโพธิ์ เป็นมลายู เป็นนุสันทารา เป็นลาว เป็นจามปา เป็นเจนละ เป็นเขมร เป็นญวน... แต่หากคุณแล่เนื้อเถือหนังออกมา โครงสร้างทางโปรตีนของพวกเขาก็มีดีเอ็นเอที่มาจากบรรพบุรุษจากสาแหรกเดียวกันทั้งสิ้น.. . การที่คุณแครี่วายโครโมโซมแฮพโพลกรุ๊พโอ หมายถึงคุณคลานตามกันมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน การย่อยออกเป็น sub group ต่างๆ เช่น O1 O1a O1b O1c O2 O2a O2b O2c... คือซับมิวเทชั่นในสกุลเดียวกัน แม้แตกแขนงออกไปแต่คุณยังคงมีสายเลือดที่โยงใยกันอยู่ จีนที่ซึ่งในการวิจัยช่วงแรกถูกจัดเป็น O3 (ปัจจุบันปรับเป็น O2) ยอมรับกันว่าเป็นชนชาติที่มีระบบบันทึกประวัติศาสตร์ดีที่สุดและเก่ากว่าทุกชนชาติในเอเชีย ถอยหลังไปถึงสี่พันกว่าปี แต่พันธุกรรมบอกว่าพวกเขาเป็นน้องเล็กที่สุด มียีนอายุน้อยที่สุดในสาแหรกวงศ์ตระกูล (เรียงจากหลักน้อยไปหามาก O > O1 > O2 หลักน้อยคือเก่ากว่า) ข้อนี้ยิ่งยืนยันว่าสาแหรก Y DNA Hg O มีรากเหง้าที่เก่าแก่ยาวไกลเพียงใด ในโลกนี้พวกเขาเก่ารองจากพวกออสตราอะบอริจิ้น และพวกซาฮารันโบราณ มียีนเป็นพี่ของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยกเว้นพวกบาสก์ในอุสกาดี สเปน และพวกซามิแถวแลปแลนด์ ฟินด์แลนด์ . Cultural Transmission ที่ส่งผ่านกันไปมานานนับหมื่นปี ทำให้ลักษณะที่ร่วมกันแต่โบราณจากวัฒนธรรมที่พื้นฐานที่สุดไปสู่วัฒนธรรมที่ซับซ้อนที่สุด ยังคงทิ้งเบาะแสความเกี่ยวโยงของพวกเขาเอาไว้ในทุกมิติทุกบริบท มันไม่ได้หายไปไหนและเรามองเห็นมันได้ แบบเดียวกับที่ผมเห็นผ่านดนตรี ตัวอย่างเช่น เราเป็นมนุษย์ที่ยุคบรรพกาลนับถือแม่เป็นใหญ่ เราจึงมีเทวี เจ้าแม่ พระแม่เต็มไปหมด ในดนตรีพื้นเมืองของเราผู้หญิงร้องเสียงสูงและดังทะลุทะลวง เพราะนางมีสถานะที่ได้รับการเคารพไม่ใช่ถูกกดไว้ นอกจากนั้นพวกนางยังมีการประสานเสียง มีพลังแข็งแรงและมั่นใจขณะขับร้อง นางสามารถยืนหยัดเป็นกลุ่มที่มีความสำคัญได้ภายในสังคม แม้ทุกวันนี้ ผู้หญิงก็ยังคงเป็นใหญ่ในบ้าน ทุกบาททุกสตางค์ที่ผมหาได้ก็ต้องส่งมอบให้ภรรยาด้วยความเคารพ . เวลาที่มองภาพต่อทางประวัติศาสตร์ มุมมองของผมจึงเปลี่ยนไป ผมหยิบความรู้อื่นๆ เท่าที่อ้างอิงเชื่อถือได้มาประกบเข้าด้วยกันเสมอ... ทำไมกษัตริย์เขมรโบราณจะขึ้นครองราชย์ต้องแต่งกับนาค? สำหรับผม นี่คือปรัมปราคติที่สะท้อนการเมืองโบราณ เศรษฐีจากต่างถิ่น (ตัวขาวใส่เสื้อผ้าสวยงาม) จะมาปกครองคนท้องถิ่นที่เป็นคนพื้นเมือง (แก้ผ้า อยู่กับป่าฝนและมรสุม) ก็ต้องดองกับคนท้องถิ่น หลักฐานเจเนติคก็พบว่าพ้องกันว่า ผู้ชายบรรพบุรุษของพวกเรา (Y DNA Hg O) ซึ่งอพยพมาด้วยเส้นทางสายเอเชียกลาง อากาศดี อาหารสมบูรณ์ตลอดทาง พวกเขาคงหล่อเร้าใจไม่น้อยเมื่อเดินทางมาถึงซุนดา พวกผู้หญิงอะบอริจิ้น (mt DNA Hg B / M) พากันเลือกบรรพบุรุษของเราเป็นพ่อพันธ์ อุปมาดังหงส์ทองครองคู่กับนาคยังไงยังงั้น ทำให้ผู้ชายอะบอริจิ้นต้องถอยห่างออกไปจากแผ่นดินใหญ่ การได้แม่สายงูมาเป็นแม่พันธ์อีกสองแม่ ทำให้ลูกหลานพวก Hg O ออกลูกมาเต็มดินแดน มันคือการผสมกันของนกกับงู แต่พวก Hg C ที่ผู้หญิงไม่เลือกลูกหลานก็เลยน้อยกว่า แรงงานที่จะพัฒนาชุมชนและเป็นกำลังรบจึงน้อย ถ้าผู้หญิงของเขาไม่เลือกพวก Hg O และมีจำนวนประชากรพอๆ กัน พวกอัสเลียนกับอะบอริจิ้นคงรบกันแหลกราญตายไปข้างหนึ่ง นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว... . พระนางจามเทวีแห่งละโว้ หรือจะเรียกละโว้ ละว้า ว้า ลั๊วะ ก็คือกัน เป็นข่า เป็นอัสเลียนที่ยังมีความเป็นชนพื้นเมือง เมื่อเทียบชายหนุ่มในเผ่าของนางกับหนุ่มเท้าแห้งพี่น้องสาแหรกเดียวกันแต่ขาวผ่องกว่าเพราะอาศัยอยู่ดินแดนทางเหนือขึ้นไป อากาศแสนดี แต่งตัวหล่อ เหตุฉะนี้ พระนางทำเหมือนบรรพบุรุษอะบอริจิ้นข้างแม่ ไม่เลือกพวกเดียวกันเอง แต่ไปเลือกหนุ่มทางเหนือแถวหริภุญชัยสายไป่เยว่ ทำเอานักรบหนุ่มละว้าถึงกับไม่พอใจทำไมไม่เลือกฉันไปเลือกไอ้ละอ่อนสำอางทางเหนือ เลยท้าพระนางจามพุ่งหอกแข่งกัน ถ้าแพ้ต้องแต่งกับเขา และพระนางจามเทวีชนะนักรบนะ! แปลว่าพระนางจามของเรานี้ก็ยังคงมีทักษะแบบที่ชนเผ่าในสมัยบรรพกาลมี คือโตมานี่ยังรบและล่าสัตว์อยู่ แม่หญิงธรรมดาที่ไหนจะพุ่งหอกชนะ พระนางคงเห็นว่าการแต่งกับหนุ่มทางเหนือเป็นการปรับปรุงสายพันธุ์และทำให้การเมืองมีหนทางที่ก้าวหน้าขึ้นกว่าที่เคยเป็น เพราะการดองลักษณะนี้ พวกเท้าเปียกและเท้าแห้งก็จะมี Cultural Transmission ที่ถ่ายเทต่อกันอย่างละมุนละม่อม ต่างกับพวกยุโรปที่ไปปล้นพวกเมาริ ยึดแผ่นดินพวกเขา แล้วบังคับให้ดีดอะคูเลเล่และเข้าโบสถ์ไปร้องประสานเสียง . หันมองเครือญาติข้างบ้าน ยุคสมัยแห่งเขมรพระนครนั้นล่มสลายไปนานแล้ว กัมพูชาอยู่ในปกครองของอยุธยายาวนานมาจนรัตนโกสินทร์ ตอนที่พวกอาณานิคมฝรั่งเศสบุกมายึดครอง แล้วฝรั่งพวกนี้ไปเจอนครวัดอยู่ในป่าดงดิบ คนเขมรส่วนใหญ่ในตอนนั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีปราสาทโบราณอยู่ตรงนั้น มันถูกต้นไม้กลืนจนหายไป รากและกิ่งใบเลื้อยพันฝังรากลงไปในตัวปราสาทจนมองไม่เห็น หลังเป็นอิสระจากอาณานิคมฝรั่งเศสพวกกษัตริย์เขมรนั้นมาโตมาเรียนอยู่ที่สยามทั้งนั้น ประวัติศาสตร์บอกชัดไม่ต้องบรรยายอีก Cultural Transmission ถูกส่งผ่านอย่างละมุนละม่อม ไม่ใช่เพราะถูกพิชิตถูกบังคับให้ทำตาม แต่เพราะรากเหง้าเดิมของเขมรเสื่อมสลายไปหมดนานแล้ว และเจ้านายเขมรนิยมชมชอบในขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมแบบไทยจึงรับและเรียนไป จนกระทั่งมันวินาศย่อยยับไปอีกครั้งในยุคเขมรแดง เพราะศิลปิน ปราชญ์ราชบัณฑิต ครู กวี ปัญญาชน...ถูกเขมรแดงฆ่าจนสิ้น . ผมก็รำคาญนะ พวกเขมรเคลมโบเดียน่ะ แต่ก็คิดว่ามันน่าสงสาร ยังไงก็พี่น้องสาแหรกเดียวกัน แล้วคนฉลาดๆ ของเขาก็ตายไปหมดแล้วตอนยุคเขมรแดงทุ่งสังหาร ที่พอจะรอดมาได้ก็หนีไปอเมริกา-ยุโรปไม่กลับมาอีก อย่างไรก็ตามประวัติศาสตร์ที่บันทึกอยู่ในโลกก็บอกเรื่องราวของสยามและเขมรชัดแจ้งอยู่ มันจะเคลมยังไงก็ไม่มีใครเขาเชื่อ แล้วก็ไม่มีพิษสงอะไรหรอก นอกจากสร้างความรำคาญ ส่งพวกทหารพรานไปเป่าข้าวหลามสักสิบบ้องก็คงหยุดแล้ว . แต่ไอ้ที่เลวแท้ก็คือไอ้พวกตัวเป็นไทยใจเป็นเขมรนี่แหละ ไอ้ที่ส่งลูกไปปี้กับเขมรก็พอเข้าใจที่มันเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน แต่ไอ้พวกที่ไม่ได้ดองอะไรแต่เสือกไปรับใช้เขมร อันนี้เรียกขายชาติ ในดีเอ็นเอมีพันธุกรรมสุนัขแทรกอยู่เลยเลือกกินอาจม ไม่กินผัดไทย . เรื่องที่ผมเขียนให้อ่านนี่มันยาก ผมเข้าใจนะ แต่หากคนเราในทุกวันนี้เข้าใจในข้อนี้ตรงกัน บางทีความขัดแย้งในโลกอาจลดลงจนหมดไปได้ และเราอาจก้าวไปสู่สังคมอุดมคติแบบที่เราไฝ่ฝันถึง "We're All Connected" . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (2568) - . https://youtu.be/RdW1HNA5uSc?si=3E1WAUxHdLhSdVsw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า
    “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย
    แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า”
    .
    ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร
    [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665]
    แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้
    ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา
    พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้
    .
    .
    เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน
    .
    อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง
    .
    ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่
    .
    ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ
    .
    อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร
    .
    เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ
    .
    ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้
    .
    คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา
    .
    บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด
    .
    กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้
    .
    คิสซิงเจอร์เคยพูดไว้ว่า “การเป็นศัตรูของสหรัฐฯ เป็นเรื่องอันตราย แต่การเป็นเพื่อนกับสหรัฐฯ น่ากลัวยิ่งกว่า” . ความห่วงใยของปราชญ์ สามสี ในบทความเรื่องไต้หวันและยูเครน เป็นสิ่งพึงสังวร [https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1239830264171665] แต่เด็กรุ่นหลังไม่เข้าใจภัยที่ต้องสังวรนี้ ขณะที่คนรุ่นเก่าพยายามใช้เวลาที่เหลือในชีวิตเพื่อป้องกันภัยนี้ให้พวกเขา พวกเขากลับเรียกร้องที่จะเป็นผู้จงรักต่อภัยคุกคามจากต่างชาติเหล่านี้ . . เหล่าหมู่เกาะในอุษาสมุทร มีเกาะหนึ่งชื่อฟอโมซา พวกปอร์ตุเกสเป็นคนเรียกชื่อนี้และเขียนลงบนแผนที่ เกาะแห่งนี้เป็นบ้านของชนเผ่าหลายเผ่าที่พูดภาษาออสโตรนีเชียน (มาลาโย-โพลีนีเชียน) ในเลือดพวกเขามียีนที่เกี่ยวพันกับบรรพบุรุษอัสเลียนเช่นเดียวกับเราและกลุ่มที่กระจายอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ ในอุษาสมุทร พวกเขาประกอบด้วยชนเผ่าหลายเผ่า เช่น อตายาล พูยูมะ อาหมี ไพวัน ตาว เถา บูนัน ฮลาวาลัว กาวาลัน กานากานาวู รูไก ไซซิแยต ซากิซายะ ซีดิก ทาโรโก มากาเตา สิรายา บาบูจา บาเซ เกตากาลัน ปาโปรา.... พวกเขาคือเจ้าของแท้จริงของดินแดนที่ซึ่งวันนี้รู้จักกันว่า ไต้หวัน . อย่างที่รู้ ไต้หวันทุกวันนี้ถูกปกครองโดยคนจีนพลัดถิ่นที่แรกเริ่มนำมาโดยเจียงไคเช็คซึ่งหนีกองทัพรัฐบาลกลางมาตั้งมั่นที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์เหล่านี้หาอ่านได้ จึงไม่ขอกล่าวถึง . ย้อนหลังไปในประวัติศาสตร์จีน บันทึกจีนสมัยสามก๊กเขียนถึงเกาะแห่งหนึ่ง จีนเรียกชื่อว่าหยี่โจว.. ในยุคต่อๆมาพ่อค้าจีนเรียกว่า เสี่ยวตงเต้า บ้าง.. ต้าฮุยกัว บ้าง.. มีการติดต่อค้าขายระหว่างคนจีนและคนพื้นเมืองมาตั้งแต่ราชวงศ์สุย เรื่อยมาจนถึงราชวงศ์หยวน มีชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ศตวรรษที่สิบหก ทะเลในแถบนี้คนจีนถือเป็นบริเวณที่สำคัญของปลากระบอก ขุนนางคนหนึ่งชื่อเฉินตี้เดินทางมากับกองทหารปราบโจรสลัดในทะเลตะวันออกและมาเยือนเกาะแห่งนี้ เฉินตี้เขียนบันทึกเล่มหนึ่งชื่อตงฟานจี (แปลว่าบันทึกของชาวป่าเถื่อนตะวันออก) บรรยายถึงชาวพื้นเมืองและวิถีชีวิตของพวกเขา รวมทั้งบันทึกถึงถิ่นฐานต่างๆ ที่ชาวจีนมาตั้งรกรากอยู่บนเกาะแห่งนี้ พ่อค้าจีนค้าขายเหล็กและสิ่งทอ แลกกับถ่านหิน กำมะถัน ทองคำและเนื้อกวางกับคนพื้นเมือง คนจีนจึงรับรู้ตัวตนของพวกเขาและยอมรับสถานะพวกเขามาแต่โบราณ ถือเป็นดินแดนหนึ่งในอาณัตของจีน เมื่อโชกุนโทกูกาวายกทัพมาเพื่อพยายามจะยึดเกาะแห่งนี้ จีนจึงส่งกองกำลังมาขับไล่ . ผมเคยเขียนถึงเพื่อนศิลปินคนหนึ่งจากเผ่าพูยูมะ เธอชื่อซามิงัน เธอเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกในฐานะชนเผ่าที่เป็นเจ้าของแผ่นดินแต่ไม่เคยมีศักดิ์ฐานะเช่นเจ้าของแผ่นดินเลยเมื่อเทียบกับคนจีนที่มาปกครอง ศิลปะวัฒนธรรมของชนเผ่าต่างๆ ถูกละเลยและเสื่อมลงเรื่อยๆ . อย่างที่ทราบ รัฐบาลไต้หวันทุกวันนี้เป็นชาวจีนอพยพ แต่พวกเขาไม่ยอมรับจีนแผ่นดินใหญ่ คณะปกครองปัจจุบันพยายามที่จะแยกว่าไต้หวันเป็นอิสระจากจีนและอาศัยอเมริกาเป็นโล่ห์กำบังทั้งที่อเมริกาและสหประชาชาติตกลงยอมรับความเป็นจีนเดียว ไต้หวันทำทุกอย่างที่อเมริกาสั่งเพื่อเป็นฐานในการต่อต้านจีนในแปซิฟิค และอย่างที่ทุกคนรู้ ชะตากรรมของไต้หวันนั้นล่อแหลมอย่างมากและโดยแท้แล้วอเมริกาไม่แยแสพวกเขา แต่จะใช้ประโยชน์เท่าที่ใช้ได้ และในที่สุดแล้วไม่มีทางเลยที่ไต้หวันจะแยกตัวออกไปจากจีนแผ่นดินใหญ่ได้ พวกเขาจะถูกบดขยี้ถ้าเลือกหนทางที่ต่อต้านขัดขืนด้วยการใช้กำลังทหาร . เอาจริงๆ ประชาชนจีนพลัดถิ่นในไต้หวัน ไม่ได้รู้สึกว่ามันจะเลวร้ายหรอกถ้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ทุกวันนี้จากข่าวก็เห็นกันไปทั้งโลกว่าจีนก้าวหน้าเพียงใด และไต้หวันจะก้าวหน้าไปไกลกว่านี้ถ้ากลับไปสู่จีน แต่ชนชั้นปกครองไม่ต้องบอกก็รู้ว่าล้วนรับใช้อเมริกัน คนพวกนี้จะลงเอยในฐานกบฏ . ในความรู้สึกของผม คนจีนพลัดถิ่นในไต้หวันควรที่จะคืนศักดิ์ฐานะให้ชาวพื้นเมืองเจ้าของแผ่นดินตัวจริง ให้พวกเขามีส่วนในการปกครองและตัดสินใจในอนาคตของประชากรบนเกาะแห่งนี้ . คงไม่ต้องบอก ผู้ชายชาวไต้หวันไม่ว่าจะชนพื้นเมืองหรือคนจีนอพยพล้วนอยู่ในสาแหรก Hg O พวกชนพื้นเมืองมียีนที่เก่ากว่ามากเมื่อเทียบกับคนจีนแม้ในแผ่นดินใหญ่ ยีนแม่ของพวกเขามีสายใยเชื่อมโยงกับคนไทยอย่างเราทาง mt Hg F และ D พวกเขามีความเกี่ยวพันใกล้ชิดกับชนเผ่าไทอย่างหลี ก้ำ สุ่ย ในไห่หนานและชนเผ่าฮักกา เกี่ยวพันกับชนเผ่าในฟิลิปปินส์ และยังเกี่ยวพันกับชนพื้นเมืองบนเกาะโอกินาวา . บทความของ ปราชญ์ สามสี ที่ผมเอาลิ๊งก์มาแนบนี้ น่าจะทำให้คนไทยคิดให้มากขึ้น ยูเครนนั้นเดินไปสู่หนทางสิ้นชาติแล้วอย่างแน่นอน แต่ไต้หวันจะไม่แย่ขนาดนั้น สำหรับจีน ชนพื้นเมืองต่างๆ ถือเป็นทรัพยากรอันมีคุณต่อเศรษฐกิจ เป็นซอฟพาวเวอร์สำหรับโลกยุคปัจจุบัน ไทยควรจะต้องรู้ว่าการสังเวยตัวเองไปอยู่ระหว่างคมหอกของมหาอำนาจอย่างที่ไต้หวันกำลังทำนั้นเป็นความโง่เขลาสิ้นคิด อย่าได้ถลำไปในทางนั้นอย่างเด็ดขาด . กรณีของไต้หวัน หากจะยึดถือจุดยืนตรงข้ออ้างที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีน มีทางเดียว คนจีนทั้งหมดต้องยุติบทบาทการปกครองแล้วมอบสิทธิ์คืนแก่คนพื้นเมือง คนจีนอพยพทั้งหมดต้องถอยไปในจุดที่เป็นแค่ผู้อาศัยเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าคงยอมไม่ได้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น
    .
    ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ
    .
    อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้
    .
    ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน
    .
    [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้]
    .
    เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus)
    .
    นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี
    .
    อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland
    .
    เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่
    .
    ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่
    .
    และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก
    .
    ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย)
    .
    ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด
    .
    คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน?
    .
    บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน
    .
    หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า
    .
    ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน
    .
    เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก
    .
    สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน
    ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้
    .
    คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที
    .
    เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น
    ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี
    ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“
    แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม
    .
    นี่รู้ไหม...
    มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า?
    .
    - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] -
    .
    เขียนเล่าเรื่องพันธุกรรมมนุษย์มาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่ความรู้นี้โลกเขารับรู้มาตั้งแต่ปี 2004 แล้ว ปัจจุบันนักวิชาการไทยหลายคนก็ทำวิจัยเรื่องนี้ตีพิมพ์ออกมาพอสมควร แต่ก็ยังมีบางพวกบางกลุ่มที่ยังตะแบงติดกับดักวังวนของสำนักคิดเก่าๆ อยู่อย่างนั้น ไอ้ที่แย่กว่าคือ จำต้องยอมรับวิทยาศาสตร์นี้โดยปริยายทั้งที่ไปกันไม่ได้กับเรื่องที่ตนเขียน แต่ความที่เคยพูดเคยเขียนหนังสือขายหาเงินรับประทานมาไม่น้อยกับความรู้ผิดๆ ครึ่งๆกลางๆ งูๆปลาๆ ก็เลยยังต้องยืนยันความคิดเดิมตะแบงต่อไป ถ้าไอ้ส่วนที่ความรู้ใหม่มันไปกันได้กับที่เคยเขียนก็จะหยิบมาอ้าง แต่ส่วนที่มันฟ้องว่าเอ็งเข้าใจผิดแล้วก็จะเลี่ยงเสีย เช่นกรณีเฒ่าเจ๊กปนลาวชังชาตินั่น . ความแบ่งแยกอันเป็นความคิดของปีศาจ นำมาซึ่งชื่อสมมุติ ที่โดยมากมักอุปโลกน์ขึ้นมาเพื่อปฏิเสธความเกี่ยวเนื่อง เพื่อสร้างอัตลักษณ์ใหม่ เพื่อให้ดูแตกต่างกับผู้คนหรือบรรพบุรุษที่เคยเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเครื่องแต่งกายก็ตาม ความเชื่อ ภาษาพูดก็ตาม สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์องค์ประกอบของตัวมนุษย์แต่ละผู้ว่าเป็นใครหรือเผ่าพันธุ์ไหน เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าความเป็นเจ๊กปนลาวที่พูดไทยหากินกับภาษาไทยของเฒ่าผู้นั้น อาจเป็นเรื่องเลื่อนลอยไปได้ ลาวที่เขาคิดว่าเป็นพ่ออาจเป็นกัมมุ และเจ๊กที่เขาคิดว่าเป็นแม่อาจเป็นชนเผ่าฮักกา ที่ซึ่งไม่ใช่เจ๊ก แต่เป็นเยว่ ก็เป็นได้... อยากจะแน่ใจก็ไปตรวจซะ . อย่างที่ทราบ (เอ๊ะ หรือใครยังไม่ทราบ?) มนุษย์ที่เป็นชนชาติต่างๆในโลกนี้ อพยพออกมาจากแอฟริกาเมื่อแสนกว่าปีก่อน เป็นหน่อเนื้อลูกหลานของบรรพบุรุษที่อาศัยในบริเวณที่ปัจจุบันเรียกว่าซาฮาร่า ดังนั้นนักวิชาการเลย "นิยามชื่อ" พวกเขาว่าพวก "ซาฮารันโบราณ" ผู้ชายทุกคนในโลกนี้ไม่ว่าคนออสตราอะบอริจิ้น คนเอเชีย คนตะวันออกกลาง คนยุโรป คนเมโสอเมริกา ล้วนมียีนของอาดัมทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวายโครโมโซม M168 นี้ทุกคน ยกเว้นพวกแอฟริกาบางเผ่าที่บรรพบุรุษไม่ได้อพยพออกมาและยังคงอยู่รอดในแอฟริกาจนถึงปัจจุบันนี้ . ด้วยภาพใหญ่นี้ สาแหรกพันธุกรรมแสดงให้เห็น "DEEP ANCESTOR" โคตรเหง้าที่ลึกที่สุดของมนุษย์โลก "การที่พวกอาหรับพูดภาษาสกุลเซมิติคส่วนคนไทยอย่างเราพูดภาษาสกุลจ้วง-ไท ความแตกต่างนี้ไม่อาจลบล้างข้อเท็จจริงทางพันธุกรรมที่ทั้งคู่มี Deep Ancestor ร่วมกันไปได้". ทุกวันนี้มนุษย์ที่มียีนของ M168 เก่าแก่กว่าใครในโลกคือพวก San Bushman พวกเขาพูดภาษาสกุลกอยซานที่ในทาง Linguistic ถือว่าเป็นภาษาลูกของภาษาซาฮารันโบราณที่ยอมรับกันว่าคือ Global Early Language * หมายถึงภาษาแรกของโลก เมื่อพิจารณาจากวิทยาศาสตร์ข้อนี้ มนุษย์ทุกชนชาติที่มีชื่อสมมุติกันไปต่างๆ จะว่าไปก็ถือเป็นคนกอยซานทั้งสิ้น ดังนั้นคุณจงอย่าได้ยึดติดว่าภาษาพูดของชาติพันธ์หนึ่ง จะบ่งบอกว่าเขาคือชาติพันธ์นั้นเสมอไป... คนจีนอพยพตั้งแต่รุ่นที่สองที่อยู่ในเมืองไทยพูดภาษาไทยชัดทุกคน คนอเมริกันที่เกิดที่นี่ คนอินเดียที่เกิดที่นี่พูดไทยสำเนียงไทยชัดทุกคน และเป็นไปได้ว่าวันหนึ่งเขาอาจย้ายไปอยู่ที่ภูฏานเป็นการถาวรจนลูกหลานเขาเกิดที่นั่น แล้วพูดภาษาภูฏานชัดเจน . [* ภาษากอยซาน : นักภาษาศาสตร์ลงความเห็นว่าคือภาษาที่เก่าที่สุดในโลก มีลักษณะพิเศษคือมีเสียงคลิ๊กอยู่ในคำ ซึ่งได้หายไปจากภาษาอื่นๆ ที่เกิดภายหลัง นักวิชาการเชื่อว่า เมื่อบรรพบุรุษของเราอพยพออกจากแอฟริกาเมื่อแสนปีก่อน พวกเขามีภาษาพูดแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าเช่นนี้ต้องทำงานเป็นทีม ไม่มีภาษาก็ทำงานเป็นทีมไม่ได้] . เมื่อมนุษย์มาจากแอฟริกาและเรามีเชื้อสายซาฮารันมาก่อน ทำไมเราจึงพูดกันไม่รู้เรื่อง พูดกันคนละภาษา ผมเคยเขียนบทความหนึ่งชื่อ บาเบล สืบเนื่องจากคัมภีร์ปฐมกาลบทที่ชื่อบาเบล เล่าว่า “พระเจ้าทรงเห็นว่ามนุษย์สร้างหอคอยใหญ่เทียมฟ้าขึ้นมาได้ พวกเขาอยากจะทำอะไรก็จะสำเร็จได้ อย่ากระนั้นเลย เราจะบันดาลให้เขาพูดกันไม่รู้เรื่อง ผู้คนก็แยกย้ายกันไป เป็นชนชาติต่างๆ ภาษาต่างๆ” นี่...ใครสักคนป้ายสีพระผู้เป็นเจ้าว่าเป็นมูลเหตุให้มนุษย์พูดกันไม่รู้เรื่อง. ใครสักคนในที่นี้มีอย่างน้อยสามคน นักภาษาศาสตร์ยุคใหม่วิเคราะห์ลักษณะการเขียน สำนวน คำศัพท์ที่ใช้ซึ่งบ่งบอกรากฐานและยุคสมัยได้ ทำการวิเคราะห์พระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับคิงเจมส์ พวกเขาลงความเห็นว่า คัมภีร์ไบเบิ้ลมีผู้เขียนราวสามคน มีลักษณะการเขียนที่แตกต่างกันสามสำนวน คละเคล้ากันไปในแต่ละบท บางบทมีการปนกันมากกว่าหนึ่งสำนวน และยังลงความเห็นว่ารูปแบบการเขียนของบทปฐมกาล (genesis) เขียนทีหลังบทอพยพ (exodus) . นอกจากนี้นักภาษาศาสตร์ยุคหลังมานี่เชื่อว่าภาษาอินโดยูโรเปี้ยนนี้ คือผลของการทุบทำลายภาษาแม่ครั้งสำคัญในโลก เมื่อคุณพิจารณาพันธุกรรม คุณจะต้องทราบว่าผู้ชายชาวยุโรปและตะวันออกกลางแชร์สาแหรกพันธุกรรมในเครือเดียวกันคือ R / J / E อย่างที่ผมเขียนเรื่องยิวและปาเลสไตน์ไปก่อนนี้.. พวกคนยุโรป เปอร์เซีย อารยัน (ที่ภายหลังไปบุกอินเดียโบราณ) ล้วนเป็นสาแหรกเดียวกัน อย่าว่าแต่ยิวซึ่งเป็น semitic speaker ฆ่าปาเลสไตน์ที่เป็นพี่น้องใกล้ชิดเลย หากคนกรีก คนโรมัน ไปฆ่าคนเปอร์เซียหรือกลับกัน ก็คือพี่น้องฆ่ากันอยู่ดีนั่นแหละ อยู่มาวันหนึ่ง ไม่แน่ชัดว่าอะไรเป็นเหตุ หลังสงครามเทวีที่เกิดการต่อต้านปฏิเสธความเชื่อที่นับถือแม่เป็นใหญ่ เทวรูปของเทพีมากมาย เช่น Artemis เทวีผู้มอบความอุดมสมบูรณ์ ต่างพากันถูกทุบจมูกทุบใบหน้าทิ้งให้ดูน่าเกลียด ชนชาติที่เคยเกี่ยวดองกัน พลันแยกออกจากกันเป็นชนชาติใหม่ พูดภาษาใหม่ เด็กที่เกิดใหม่นับแต่นั้นจะถูกฝึกให้พูดภาษาที่สร้างขึ้นมา จากนั้นก็ตามมาด้วยชื่อสมมุติอย่างเช่น อัสซีเรีย อัคเคเดียน ฮิตไทท์... จากนั้นก็ตามมาด้วยสงครามพี่น้องฆ่ากัน ทั้งที่ชีววิทยาพันธุกรรมบอกว่าพวกเขาคือพี่น้องคลานตามกันมาทั้งนั้น และถ้าอ้างไบเบิ้ล อย่างเช่นกรณีของบุตรหลานของ Sam ลูกหลานของโนอาห์ ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้ว ความแบ่งแยกทำให้พวกเขาปฏิเสธสายใยที่มี . อย่างที่ชี้ให้เห็นนี่ ดีเอ็นเอบอกเราถึงความเป็นพี่น้องร่วมสาแหรก แต่พวกเขาปฏิเสธกันเองแล้วแบ่งแยก ทุบทำลายภาษาแม่ทิ้งไปพร้อมๆ กันในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ใช่เพราะฝีมือพระเจ้าหรอก มนุษย์นี่แหละ นักภาษาศาสตร์โบราณคดีทำการค้นคว้าเรื่องนี้แล้วทำการโยงภาษาในสกุลอินโดยูโรเปี้ยนทั้งหมด ย้อนกลับไปสู่ภาษาซาฮารันโบราณ ด้วยพจนานุกรมคำศัพท์ของพวก Basque (กลุ่มคนที่ isolated อยู่ในสเปนซึ่งเชื่อว่าเป็นภาษาลูกที่เหลืออยู่ของภาษาซาฮารัน).. เรื่องนี้ยาวนะ ผมเคยเล่าไว้ในบทความชื่อบาเบลที่ผมเกริ่นไปข้างบน ใครอยากลงลึกให้ไปอ่าน Linguistic Archaeology เขียนโดย Edo Nyland . เวลาเจอบทความอะไรจากเฒ่าเจ๊กปนลาวผู้นี้ รวมทั้งจากพวกสาวกกระดูกอ่อนของเขาก็เลยออกจะรำคาญ ด้วยการอ้างชื่อต่างๆ พวกเขาเชื่อมโยงยกแม่น้ำเป็นตุเป็นตะ ไอ้นั่นมาจากไหน ไอ้นี่มาจากไหน โดยไม่มีหลักฐานอะไรที่หนักแน่นพอมารองรับ… ยกตัวอย่างเช่นใช้กลองสำริดบ้าง ใช้ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณบ้าง มาอ้างอิงทั้งที่ไม่เข้าใจว่าดูอะไรอยู่ . ภาพเขียนสีผนังถ้ำโบราณแต่ละแห่งที่พบในโลกที่รังสรรค์โดยบรรพบุรุษยุคแรก ถ้าคุณทาบข้อมูลทางโบราณคดีของมันกับข้อมูลอื่น เช่น พันธุกรรมและการอพยพย้ายถิ่น ธรณีวิทยา ภาษาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ มานุษยวิทยา วิทยาศาสตร์.. ก็จะรู้อะไรที่ต่างไปจากที่เคยมีคนสันนิษฐานกันออกมาก่อนหน้านี้ได้ เช่น ภูมิศาสตร์บอกว่าลักษณะภูมิประเทศแบบใดที่มนุษย์โบราณในยุคนั้นชอบใช้เป็นที่อาศัยและหลบภัย ลักษณะทางภูมิศาสตร์แบบไหนที่พบภาพเขียนสี ทำไมมันจึงถูกเลือกเป็นที่จัดทำนิทรรศการ.. ธรณีวิทยาบอกว่า พบดินแบบเดียวกันถูกใช้เป็นสีเขียนผนังถ้ำทุกแห่ง.. วิทยาศาสตร์บอกองค์ประกอบธาตุของสีที่ใช้เขียนว่าเป็นแบบเดียวกัน ซึ่งแปลได้ว่าพวกเขาเรียนหนังสือมาจากที่เดียวกัน คือเรียนรู้เทคนิคในการทำแบบนี้ซ้ำต่อๆ กันมาเหมือนๆ กัน.. มานุษยวิทยาเห็นการสะท้อนธรรมเนียมนิยมทางวัฒนธรรมบรรพกาลของพวกเขา เช่น เอาสีใส่ปากพ่นผ่านมือให้เป็นรูปมือ เขียนรูปคนและสัตว์ที่มีลักษณะทาง figure ที่คล้ายคลึงกัน มีจินตนาการในการสร้างลักษณะของบุคคลที่พิเศษออกไปจากคนปกติเพื่อแสดงว่าเป็นผีสางเทวดาที่เขานับถือ... มีการวิเคราะห์คุณสมบัติทางวิทยาศาสตร์ของสภาวะแวดล้อมของพื้นที่ศักดิ์สิทธ์ที่พวกเขาไปเขียนรูปไว้ เช่น คุณสมบัติการก้องสะท้อนเสียงของสถานที่ . และเมื่อทาบพันธุกรรมลงไปดูความสอดคล้องกัน เริ่มจากพวกเผ่า San Bushman ที่มียีนของอดัมที่เก่าที่สุดในโลก พบว่าพวกเขาทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันทุกด้านดังที่ได้กล่าวไปนั่น พวกอัสเลียนโบราณก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกันกับที่กล่าวไปเช่นกัน เอาภาพเขียนสีเช่นที่ถ้ำเขาจันทร์งาม สีคิ้ว ไปเปรียบกับภาพเขียนสีในแอฟริกาที่พวกกอยซานทำ ทุกองค์ประกอบที่ว่านั่นก็จะเห็นว่าเหมือนกัน... พวกปาปัว-ออสตราอะบอริจิ้น ก็ทำภาพเขียนสีผนังถ้ำด้วยคุณสมบัติเดียวกับที่กล่าวไป นี่เป็นนวัตกรรมที่เป็นมรดกโคตรยาวนานของมนุษย์ จากแอฟริกาไปสู่จุดต่างๆในโลก ในวันนี้ พวกเขาเหล่านี้พูดกันคนละภาษา มันดูไม่มีความกี่ยวข้องกันใช่ไหมล่ะ? แต่วิทยาศาสตร์ไม่ได้บอกเช่นนั้น ในพันธุกรรมมี mutation ในวัฒนธรรมมี cultural transmission ถ้าเราขยับไปดูสิ่งที่คุ้นเคยกว่านั้นอีกสักอย่าง เช่น "กลอง".. มนุษย์ทุกแห่ง ตั้งแต่พวกที่อยู่ในแอฟริกา แม้แต่พวกชนเผ่าที่ไม่ได้อพยพไปไหนเลยจนกระทั่งยุคล่าอาณานิคม กับมนุษย์ทุกชนชาติที่กระจายอยู่ในทุกมุมโลก พวกเขาต่างทำกลองเหมือนกัน วิธีการคือ ด้วยการขึงหนังสัตว์ (membrane) ลงบนปากทรงกลมของวัตถุทรงกระบอก (cylinder) ขึงให้ตึงและตีให้สั่น นี่คือนวัตกรรมที่เรียก Membranophones คนทั้งโลกไม่ได้ต่างคนต่างทำเหมือนกันโดยบังเอิญ มันคือมรดกที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่ก่อนอพยพเมื่อแสนปีที่แล้วและเก่าพอๆ กับภาษาแรก . ซากบรรพชีวินที่นักวิชาการไทยอย่างที่อาจารย์รัศมีท่านสำรวจและค้นคว้าอยู่ กรอบเวลาเท่าไหร่? โนนนกทา? บ้านเชียง? พวกนั้นเป็นใคร? โฮโมเซเปี้ยนส์แน่นอน ชีววิทยาบอกชัดว่าเซเปี้ยนส์ เราไม่ได้วิวัฒน์มาจากโฮโมอีเร็คตัส พวกนั้นสูญพันธ์ไปแล้วก็จบ ยีนพ่อไม่เคยหายไปจากมนุษย์และเราไม่มียีนของอีเร็คตัสอยู่ในตัวเรา เมื่อราวเจ็ดหมื่นปีก่อน เกิด super eruption ขึ้นที่ภูเขาโทบาในสุมาตราโบราณ [https://geographical.co.uk/.../explainer-the-toba...] ทิ้งบาดแผลไว้เป็นทะเลสาปโทบาให้ดูในทุกวันนี้ ภัยพิบัตินี้รุนแรง มันตามมาด้วยฤดูหนาวนิวเคลียร์ (นักวิชาการว่าเช่นนี้) เถ้าภูเขาไฟปกคลุมโลกนานหลายปีและลอยไปไกลถึงกรีนแลนด์ โฮโมอีเร็คตัสในเอเชียถ้ายังมีชีวิตอยู่จะต้องตายหมด ดังนั้นไม่ว่าจะมนุษย์ปักกิ่ง มนุษย์ชวาอะไร ไม่เกี่ยวกับเราทั้งนั้น กรอบเวลาของบรรพบุรุษเราที่มาถึงที่นี่คือห้าหมื่นและสามหมื่นปีมาแล้ว มากันสองระลอก และคนพื้นเมืองที่บุกเบิกดินแดนนี้ไม่ได้แปะยี่ห้ออะไรเมื่อมาถึง นอกจากเรียกตัวเองว่า กอย หมายถึง คน… (ข่า ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย.. ลาว ก็เรียกตัวเองว่า ข้อย) . ในความเป็นจริง มนุษย์โบราณที่เป็นบรรพบุรุษของชายชาวเอเชียราว 75 เปอร์เซ็นต์ล้วนเป็น Y DNA Hg O คือครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก พวกเขามิวเททมาจากสาแหรกของพ่อ Y DNA Hg K ซึ่งมาถึงเอเชียกลางเมื่อราวสี่หมื่นปีและกระจายออกไป ทั้งที่ข้ามโกบีและไซบีเรีย ข้ามเบริงเจียไปอเมริกา (Hg Q) กลายเป็นพวกนาวาโฮ... ทั้งที่ย้อนกลับเข้าไปในยุโรปเผชิญความทารุณของยุคน้ำแข็งกลายเป็นพวกยุโรป (Hg R)… บรรพบุรุษพวกนี้ เมื่อตั้งถิ่นฐานตรงจุดใด ก็มักอยู่ตรงนั้น ลองนึกถึงความเป็นจริงว่า การย้ายถิ่นฐานใช้เวลายาวนานหลายชั่วคน เมื่อผู้อาวุโสหรือพ่อของเขาแก่เฒ่าไร้เรี่ยวแรงที่จะเดินทางบุกเบิกต่อไป บางส่วนของพวกเขาจะหยุดการเดินทางและตั้งหลักแหล่งโดยเฉพาะเมื่อพบสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์พอจะดำรงชีพ คนหนุ่มจะเดินทางผจญภัยต่อไปเพื่อหาที่ของตนที่จะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำ ได้มองโลกด้วยทัศนะของพวกเขาเอง พวกเขาจะพบปัญหาใหม่ จะได้หาทางแก้ไขสถานะการณ์ที่ไม่เคยพบ ดังนั้นพวกเขาจะมีเทคโนโลยีที่ดีขึ้นไปเองโดยธรรมชาติ จนเมื่อพวกเขาพบว่าได้เจอสถานที่ที่พึงพอใจหรือไปต่อไม่ได้แล้ว การเดินทางก็จะหยุด . คุณคิดว่ามีมนุษย์จำนวนเท่าไหร่ เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินซุนดาเมื่อสามหมื่นปีก่อน? . บรรพบุรุษของเรา เดินทางมาตามซุปเปอร์ไฮเวย์โบราณสายเอเชียกลางที่เป็นทุ่งหญ้าอันอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยกวางแอนทีโลฟและช้างแมมมอธ ท้องอิ่ม อบอุ่น และอันตรายน้อย เมื่อมาถึงซุนดา คุณคิดว่าพวกเขาจะอยู่อาศัยกันที่ไหน? บนภูเขา ในป่า หรือที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ? ไปคิดดูเป็นการบ้าน . หากพิจารณาดูปัจจัยต่างๆ เราจะรู้ได้ว่าชุมชนบรรพกาล มักจะตั้งอยู่บนที่ที่เหมาะสมในการผดุงชีพ อ.สุเมธ ชุมสาย ณ อยุธยา ให้ความเห็นว่า เนื่องเพราะบรรพบุรุษพวกนี้ต้องเผชิญกับน้ำท่วมซุนดาถึงสามครั้ง พวกเขานิยมสร้างบ้านที่มีเสาสูงและมีไต้ถุนสูง ทำแพและมีทักษะในการเดินทางด้วยแพ ซึ่งพร้อมที่จะอพยพหนีโดยล่องด้วยแพขึ้นไปเรื่อยๆ สู่ทิศทางต้นน้ำ ไม่เดินเท้าเพราะไม่รู้ว่าน้ำจะมาทางไหน เมื่อเห็นและแน่ใจว่าน้ำหยุดท่วมแล้วก็ปักหลักตั้งถิ่นฐานใหม่ เพราะพวกเขารู้ดีว่าไม่มีจุดไหนที่มีทรัพยากรอุดมไปกว่าริมแม่น้ำ ทั้งสัตว์น้ำและดินที่เหมาะแก่การเพาะปลูก ในป่านั้นมีโรคมากมายและสัตว์ร้าย พวกเขาจะเข้าไปต่อเมื่อต้องการล่าหรือหาของป่า . ชุมชนบรรพกาลเหล่านี้ เมื่อพบพื้นที่ที่พวกเขาพึงพอใจแล้วก็มักจะปักหลักอยู่เช่นนั้น สืบต่อกันไปหลายชั่วคน หลักฐานทางโบราณคดีก็ชี้ชัดเช่นนั้น ทำให้เกิดชุมชนโบราณขึ้นตรงนั้นตรงนี้มากมายและขยายตัวออกไป เกษตรกรรมเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้เลิกเร่ร่อนแล้วหยุดตั้งหลักแหล่ง ผลที่เก็บเกี่ยวแน่นอนตามฤดูกาลทำให้ปัจจัยทางอาหารมั่นคง ดังนั้นพวกเขาจะไม่ย้ายไปไหนโดยง่ายถ้าไม่ใช่เพราะภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือสงครามจากคนกลุ่มอื่นมาบีบบังคับให้ย้ายไปที่อื่น ชุมชนบรรพกาลซึ่งประชากรมีอยู่น้อย ย่อมต้องการปริมาณแรงงานไว้เพื่อสร้างชุมชนของตนให้เติบโตรุ่งเรืองขึ้น ถ้าไม่เกิดปัญหาที่ว่านี้ พวกเขาก็จะไม่ย้ายไปไหน พวกเขาจำฤดูกาลประจำถิ่น ทิศทางลม เวลาน้ำขึ้นลง ยาอยู่ที่ไหน อะไรเป็นยา จำต้นไม้ได้ทุกต้นและรู้ว่าอะไรใช้ทำอะไรได้บ้าง สัตว์อยู่ที่ไหน หาเจอยังไง จับยังไง... ความรู้ในภูมิลำเนาพวกนี้ใช้เวลาสั่งสมยาวนาน . เราต่างได้เรียนรู้กันมามากพอสมควรเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่บางครั้งนิยามหรือความสมมุติในความเป็นชนชาติบ้านเมืองต่างๆ มักพาให้ไขว้เขว บางถิ่นฐาน ผู้ปกครองเป็นผู้มีศักดิ์ฐานะ มีทรัพยากรมาก แต่เป็นคนต่างถิ่นมาจากที่อื่น ไม่ต่างกับทุกวันนี้ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดหัวเมืองเช่นเชียงราย อาจเป็นลูกเศรษฐีตระกูลใหญ่จากกรุงเทพ สมัยโบราณก็เช่นกัน ประชากรเป็นคนพื้นเมืองท้องถิ่น อาจอยู่ที่นั่นมาแปดชั่วคนแล้ว เขาไม่ย้ายไปที่อื่นเพียงเพราะผู้ปกครองไม่ใช่คนพื้นเมืองเหมือนตน ถ้าปกครองดี ทุกคนยังกินอิ่ม ไม่รีดภาษี ไม่ก่อกรรมทำเข็ญ ข่มเหงรังแก พวกเขาก็จะอยู่อย่างนั้นต่อไปในรุ่นลูกรุ่นหลาน จักรวรรดิจีนโบราณดินแดนกว้างใหญ่ ประชากรไม่ได้มีแต่จีนฮั่นเท่านั้น ยังมีประชากรที่เป็นชนเผ่าอื่นๆในปกครองหลายสิบเผ่า แล้วก็มีผู้ปกครองที่มาจากถิ่นอื่นมาปกครอง เคยมีกษัตริย์ที่เป็นมองโกล กษัตริย์ที่เป็นแมนจูมานั่งบัลลังก์ฮ่องเต้ ยิ่งรูปงามผิวพรรณผุดผ่องมาพร้อมโปรโมชั่นว่าเป็นเทพลงมาเกิดก็จะทำให้รู้สึกนับถืออยากพึ่งพาบารมี ดังนั้นผู้ปกครองก็อาจเป็นชาติพันธุ์หนึ่งขณะที่ประชากรในดินแดนเป็นอีกชาติพันธุ์หนึ่งได้ เช่น ผู้ปกครองมีชื่อสมมุติว่าเป็นชาติพันธุ์ลาว ผู้ใต้ปกครองอาจเป็นชาวพื้นเมืองมีชื่อสมมุติว่าชาติพันธุ์ข่า เป็นต้น.. ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่พูดนี่ เป็นคนละเรื่องกับแนวความคิดเรื่องชาติ ประเทศ รัฐ ชนชาติและสัญชาติ ซึ่งเป็นความคิดใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลังตามคติของอาณานิคมตะวันตก . สำหรับผมมันเป็นเรื่องตลก ที่พูดว่าคนโคราชไม่ใช่คนอีสาน ความยึดมั่นของผู้พูดผูกโยงกับภูมิลำเนา ผูกกับสำเนียงภาษาที่ใช้ แล้วเอามามัดให้ประชากรนั้นเป็นเผ่าพันธ์ตามที่ตนผูกไว้ . คนอีสานคือใครในทัศนะวิทยาศาสตร์ คนอีสานอาจประกอบด้วยพลเมืองจากทางเหนือที่มาไกลจากจีน มาจากหยุนหนาน หรืออาจมาจากเวียตนาม ได้มากพอกับมีพลเมืองที่มีชื่อสมมุติว่า "ลาว" ที่เฒ่างี่เง่านี้นิยามให้สาวกเชื่อว่าเป็นคนท้องถิ่นโดยแท้แล้วก็ปฏิเสธในเชิงที่รู้สึกได้ว่าพยายามจะบอกใครๆ ว่าคนโคราชเป็น "สิ่งแปลกปลอมในท่ามกลางคนอีสาน" ผมรู้สึกอย่างนั้น แล้วเขาก็โยงเรื่องโยงชื่อ ทั้งคนทั้งสถานที่ มั่วไปหมดชนแพะชนแกะชนควาย อนุมานเอาตามความเชื่อตน ทั้งที่ความเป็นจริงทุกมนุษย์ที่อ้างอิงมานั่นไม่ว่าจะด้วยคำ สยาม ทวารวดี มอญ อยุธยา สุพรรณ โคราช ศรีโคตรบูรณ์ เวียงจันทร์ ชัยวรมัน.... บลาๆๆ... ล้วนคือ Y Chromosome DNA Haplogroup O (O2 เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์สูงสุด) ทั้งนั้น ต่อให้หมู่บ้านนึงมันดันพูดได้สามภาษา ทั้งลาวทั้งอังกฤษทั้งเกาหลีสำเนียงเป๊ะทั้งหมู่บ้านก็ตามที . เขย่าไว้ไม่ให้นอนก้น ข้าว่าพวกเอ็งมันนอนก้นถอยหลังไปสองร้อยปี ฟังวนอยู่ห้าคำสิบคำ เต็มไปด้วยคำว่า “สันนิษฐานว่า…“ แปลเป็นไทยคือ คาดว่า เดาว่า... คือเอ็งไม่รู้ไง เชื่อเองเออเองแล้วมาชวนคนอื่นให้เชื่อตาม . นี่รู้ไหม... มีไม่น้อยนะที่สันนิษฐานว่ามนุษย์เซเปี้ยนส์นี่น่ะ มาจากเชื้อพันธุ์มนุษย์ต่างดาวชื่อ อนูนากิ แกเชื่อไหมเล่า? . - พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา [2568] - .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กอ้วน" ชี้เป็นสิทธิ์​ "จตุพร" จับมือ​ "สนธิ" ต่อต้านรัฐบาล แต่ขอให้ทำตามกฎหมาย​ รัฐบาลพร้อมรับฟังทำหน้าที่ให้สมบูรณ์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048909

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "บิ๊กอ้วน" ชี้เป็นสิทธิ์​ "จตุพร" จับมือ​ "สนธิ" ต่อต้านรัฐบาล แต่ขอให้ทำตามกฎหมาย​ รัฐบาลพร้อมรับฟังทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000048909 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    14
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศยูเครนยอมรับว่าระบบแพทริออตมีปัญหาในการต่อต้านขีปนาวุธที่อัปเกรดใหม่ของรัสเซีย

    คำสารภาพนี้มาจากยูริ อิห์นัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครน หลังจากที่รัสเซียโจมตีกรุงเคียฟเมื่อคืนนี้

    ขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียได้รับการอัปเกรดแล้ว ทำให้ยากต่อการสกัดกั้นอย่างมาก แม้แต่กับระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออตของอเมริกา

    ตามคำกล่าวของอิห์นัต ขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซียติดตั้งเรดาร์ล่อเป้าที่ปล่อยออกมาในช่วงสุดท้ายของการบิน ทำให้การสกัดกั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น

    นอกจากนี้ ขีปนาวุธเหล่านี้ไม่ได้บินตามเส้นทางขีปนาวุธแบบธรรมดาอีกต่อไป แต่กลับเปลี่ยนแปลงเส้นทางระหว่างการบินเข้าสู่เป้าหมาย ทำให้ระบบแพทริออตคำนวณจุดสกัดกั้นได้ยากขึ้น
    กองทัพอากาศยูเครนยอมรับว่าระบบแพทริออตมีปัญหาในการต่อต้านขีปนาวุธที่อัปเกรดใหม่ของรัสเซีย คำสารภาพนี้มาจากยูริ อิห์นัต โฆษกกองทัพอากาศยูเครน หลังจากที่รัสเซียโจมตีกรุงเคียฟเมื่อคืนนี้ ขีปนาวุธพิสัยไกลของรัสเซียได้รับการอัปเกรดแล้ว ทำให้ยากต่อการสกัดกั้นอย่างมาก แม้แต่กับระบบป้องกันภัยทางอากาศแพทริออตของอเมริกา ตามคำกล่าวของอิห์นัต ขีปนาวุธ Iskander-M ของรัสเซียติดตั้งเรดาร์ล่อเป้าที่ปล่อยออกมาในช่วงสุดท้ายของการบิน ทำให้การสกัดกั้นมีความซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ ขีปนาวุธเหล่านี้ไม่ได้บินตามเส้นทางขีปนาวุธแบบธรรมดาอีกต่อไป แต่กลับเปลี่ยนแปลงเส้นทางระหว่างการบินเข้าสู่เป้าหมาย ทำให้ระบบแพทริออตคำนวณจุดสกัดกั้นได้ยากขึ้น
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • ชาวยูเครนเริ่มต่อต้านเจ้าหน้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ

    สถานการณ์ในยูเครนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ

    เจ้าหน้าที่ยูเครนเหล่านี้มีหน้าที่บังคับจับตัวชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า
    ชาวยูเครนเริ่มต่อต้านเจ้าหน้าที่มากขึ้นเรื่อยๆ สถานการณ์ในยูเครนจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ เจ้าหน้าที่ยูเครนเหล่านี้มีหน้าที่บังคับจับตัวชายชาวยูเครนเข้าสู่แนวหน้า
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • Broadcom อาจเผชิญค่าปรับจากสหภาพยุโรป กรณีสัญญา VMware ที่ไม่เป็นธรรม

    Broadcom กำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป หลังจากที่ บริษัทถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้เงื่อนไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า VMware ซึ่งอาจนำไปสู่ ค่าปรับด้านการต่อต้านการผูกขาดที่มีมูลค่าสูง

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณี Broadcom และ VMware
    ✅ Broadcom ถูกกล่าวหาว่าบังคับให้ลูกค้า VMware เปลี่ยนไปใช้ระบบสมัครสมาชิกออนไลน์
    - ส่งผลให้ ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อเนื่องแทนการซื้อไลเซนส์แบบถาวร

    ✅ European Cloud Competition Observatory (ECCO) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาของ Broadcom
    - พบว่า Broadcom ใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดและไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป

    ✅ Broadcom ส่งจดหมายแจ้งหยุดให้บริการแก่ลูกค้า VMware ที่ใช้ไลเซนส์แบบถาวร
    - ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพื่อรับการสนับสนุนต่อไป มิฉะนั้นอาจเผชิญผลทางกฎหมาย

    ✅ องค์กร VOICE ของเยอรมนียื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป
    - เรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินมาตรการต่อต้าน Broadcom

    ✅ ECCO สนับสนุนให้ Broadcom ปรับปรุงแนวทางการดำเนินธุรกิจ
    - รวมถึง การกำหนดราคาที่โปร่งใสและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า

    https://www.techspot.com/news/108041-broadcom-could-face-eu-antitrust-fines-over-punitive.html
    Broadcom อาจเผชิญค่าปรับจากสหภาพยุโรป กรณีสัญญา VMware ที่ไม่เป็นธรรม Broadcom กำลังถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป หลังจากที่ บริษัทถูกกล่าวหาว่าบังคับใช้เงื่อนไขสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับลูกค้า VMware ซึ่งอาจนำไปสู่ ค่าปรับด้านการต่อต้านการผูกขาดที่มีมูลค่าสูง 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับกรณี Broadcom และ VMware ✅ Broadcom ถูกกล่าวหาว่าบังคับให้ลูกค้า VMware เปลี่ยนไปใช้ระบบสมัครสมาชิกออนไลน์ - ส่งผลให้ ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมต่อเนื่องแทนการซื้อไลเซนส์แบบถาวร ✅ European Cloud Competition Observatory (ECCO) เผยแพร่รายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสัญญาของ Broadcom - พบว่า Broadcom ใช้เงื่อนไขที่เข้มงวดและไม่เป็นธรรมกับผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานในยุโรป ✅ Broadcom ส่งจดหมายแจ้งหยุดให้บริการแก่ลูกค้า VMware ที่ใช้ไลเซนส์แบบถาวร - ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพื่อรับการสนับสนุนต่อไป มิฉะนั้นอาจเผชิญผลทางกฎหมาย ✅ องค์กร VOICE ของเยอรมนียื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการยุโรป - เรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินมาตรการต่อต้าน Broadcom ✅ ECCO สนับสนุนให้ Broadcom ปรับปรุงแนวทางการดำเนินธุรกิจ - รวมถึง การกำหนดราคาที่โปร่งใสและการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้า https://www.techspot.com/news/108041-broadcom-could-face-eu-antitrust-fines-over-punitive.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Broadcom could face EU antitrust fines over 'punitive' VMware contract terms
    The European Cloud Competition Observatory (ECCO) is a monitoring group founded by CISPE, a non-profit trade association of European cloud providers. Created as part of CISPE's antitrust...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tesla Cybertruck ยอดขายร่วงหนัก พร้อมรับเทรดอินด้วยราคาตกต่ำ

    Tesla กำลังเผชิญกับปัญหายอดขายที่ลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะ Cybertruck ซึ่งมีอัตราการเสื่อมราคาสูงถึง 34% ภายในปีแรก ส่งผลให้ บริษัทเริ่มรับเทรดอิน แต่ให้ราคาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับยอดขาย Cybertruck
    ✅ Tesla มียอดขายลดลงอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2025
    - ยอดขายในยุโรปลดลง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
    - ในเยอรมนี ยอดขายลดลงถึง 70%
    - ในจีน ลดลง 49% และเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่ปี 2022

    ✅ Cybertruck มีสต็อกค้างขายมากกว่า 10,000 คัน มูลค่ารวมกว่า 808 ล้านดอลลาร์
    - บ่งชี้ถึง ความต้องการที่ลดลงอย่างมาก

    ✅ Ford F-150 Lightning แซงหน้า Cybertruck เป็นรถกระบะไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025
    - แสดงให้เห็นว่า Tesla กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถกระบะไฟฟ้า

    ✅ Tesla เริ่มรับเทรดอิน Cybertruck แต่ให้ราคาต่ำมาก
    - เจ้าของรถรายหนึ่งได้รับข้อเสนอ $65,400 สำหรับรุ่นปี 2024 ที่วิ่งไปแล้ว 6,211 ไมล์
    - เท่ากับ อัตราการเสื่อมราคาถึง 34% ภายในปีเดียว

    ✅ ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขาย Tesla ได้แก่ การเมืองของ Elon Musk
    - Musk มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดี Donald Trump
    - การดำเนินนโยบายของ Musk ทำให้เกิดกระแสต่อต้าน Tesla ในหลายประเทศ

    https://www.techspot.com/news/108032-tesla-sales-plummet-company-begins-accepting-cybertruck-trade.html
    Tesla Cybertruck ยอดขายร่วงหนัก พร้อมรับเทรดอินด้วยราคาตกต่ำ Tesla กำลังเผชิญกับปัญหายอดขายที่ลดลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะ Cybertruck ซึ่งมีอัตราการเสื่อมราคาสูงถึง 34% ภายในปีแรก ส่งผลให้ บริษัทเริ่มรับเทรดอิน แต่ให้ราคาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับยอดขาย Cybertruck ✅ Tesla มียอดขายลดลงอย่างมากในไตรมาสแรกของปี 2025 - ยอดขายในยุโรปลดลง 50% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว - ในเยอรมนี ยอดขายลดลงถึง 70% - ในจีน ลดลง 49% และเป็นตัวเลขต่ำสุดตั้งแต่ปี 2022 ✅ Cybertruck มีสต็อกค้างขายมากกว่า 10,000 คัน มูลค่ารวมกว่า 808 ล้านดอลลาร์ - บ่งชี้ถึง ความต้องการที่ลดลงอย่างมาก ✅ Ford F-150 Lightning แซงหน้า Cybertruck เป็นรถกระบะไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในไตรมาสแรกของปี 2025 - แสดงให้เห็นว่า Tesla กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มรถกระบะไฟฟ้า ✅ Tesla เริ่มรับเทรดอิน Cybertruck แต่ให้ราคาต่ำมาก - เจ้าของรถรายหนึ่งได้รับข้อเสนอ $65,400 สำหรับรุ่นปี 2024 ที่วิ่งไปแล้ว 6,211 ไมล์ - เท่ากับ อัตราการเสื่อมราคาถึง 34% ภายในปีเดียว ✅ ปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขาย Tesla ได้แก่ การเมืองของ Elon Musk - Musk มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดี Donald Trump - การดำเนินนโยบายของ Musk ทำให้เกิดกระแสต่อต้าน Tesla ในหลายประเทศ https://www.techspot.com/news/108032-tesla-sales-plummet-company-begins-accepting-cybertruck-trade.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Tesla Cybertruck sales collapse, company accepts trade-ins with extreme depreciation
    Multiple signs from the last two quarters indicate that sales of Tesla vehicles are declining more sharply than ever. The company is struggling to sell the Cybertruck...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ
    โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568

    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ


    พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน!

    บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์
    ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง

    ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้
    คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ


    สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม
    ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ
    คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
    การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่


    สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด
    เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ
    ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า
    การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์●


    ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน
    ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก●
    ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ
    การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก


    THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST
    ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ
    ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง
    การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ


    การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง
    คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง
    แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า
    การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ●



    รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ
    เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี
    ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว
    การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ●


    ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE
    เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ
    นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่●
    การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้


    สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร
    มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง
    พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน
    การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา


    สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร?
    ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก
    แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา
    การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน





    หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ โดย เมเดีย กรีเร่15 พฤษภาคม 2568 หลักฐานที่เปิดเผย: บูม! คุณเป็นสินทรัพย์ของกองทุนทรัสต์ — สูติบัตรของคุณสร้างบัญชี CESTUI QUE VIE ลับและไม่มีใครบอกคุณ พร้อมที่จะเปิดเผยความจริงแล้วหรือยัง? ป่วยจากการโกหก? เข้าร่วมกับเรา ช่องโทรเลข ตอนนี้ ถึงเวลาสําหรับเรื่องจริง! ขอขอบคุณผู้อ่านทุกคน! บทความนี้เปิดเผยระบบที่ซ่อนอยู่ซึ่งทุกคนกลายเป็นสินทรัพย์ทางการเงินตั้งแต่แรกเกิด ผ่านสูติบัตรของคุณ ชื่อของคุณจะถูกแปลงเป็นนิติบุคคลใน หมวกทั้งหมดS — ไม่ใช่คุณ แต่เป็นเวอร์ชันองค์กรที่คุณเคยเปิดความลับ เซสตุย เก วี ทรัสต์ ธนาคาร ศาล รัฐบาล และเรือนจํา ทุกคนเข้าถึงความไว้วางใจนี้และผลกําไรอย่างมหาศาลจากการดํารงอยู่ของคุณ — ในขณะที่คุณใช้ชีวิตอยู่ในความไม่รู้ เมื่อคุณซื้อบ้าน ถูกปรับ กู้ยืมเงิน หรือแม้แต่ถูกจับกุม ทรัสต์ของคุณจะจ่ายก่อน แล้วคุณจะจ่ายอีกครั้ง ชื่อของคุณมีการซื้อขายเหมือนสินค้าโภคภัณฑ์แรงงานของคุณเป็นหลักประกันชีวิตของคุณคือแหล่งรายได้ คุณไม่ใช่ลูกหนี้ — คุณคือทรัพย์สิน และพวกเขาไม่เคยบอกคุณ สัญญาที่คุณไม่เคยลงนาม ตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเกิดก็เกิดธุรกรรมขึ้น ไม่ใช่การเฉลิมฉลองชีวิต แต่เป็นการแปลงการดํารงอยู่ของคุณให้เป็นทรัพย์สินตามกฎหมาย กระดาษที่คุณเรียกว่าสูติบัตรไม่ได้เป็นเพียงรูปแบบที่ไม่เป็นอันตราย — แต่ยังเป็นเครื่องมือทางการเงินที่จะลงทะเบียนคุณเข้าสู่ระบบการเป็นเจ้าของ หนี้ และผลกําไรอย่างเงียบๆ คุณไม่เห็นด้วย คุณไม่รู้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นและนั่นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ การวิเคราะห์:บทนํานี้เผยให้เห็นถึงแก่นแท้ของระบบ: คุณทําสัญญาตั้งแต่แรกเกิด — ไม่ใช่ในฐานะพลเมือง แต่เป็นทรัพย์สินที่มีป้ายราคา เป้าหมายที่นี่คือการปลุกผู้อ่านให้ตื่นสู่ความเป็นจริงที่ว่า ระบบทํางานตามสัญญาที่ไม่ได้พูด และกลไกการควบคุมที่ซ่อนอยู่ สูติบัตร – มูลค่าของคุณที่กําหนด เมื่อแม่คลอดลูกออกมา เธอลงนามในเอกสารโดยใช้นามสกุลเดิมของเธอโดยไม่รู้ตัว, ประกาศว่าคุณเป็นเด็กที่มีชีวิต, เกิดนอกสมรส ในหลายรัฐของสหรัฐอเมริกา สถานะดังกล่าวจะโดยอัตโนมัติ มอบหมายให้เด็กเป็นผู้พิทักษ์ของรัฐ● รัฐบาลอ้างสิทธิ์ในการดูแล — ไม่ใช่แค่เหนือร่างกายของคุณ แต่เหนือตัวตนทางกฎหมายของคุณ ชื่อของคุณปรากฏใน ตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมด, การปฏิบัติที่สอดคล้องกับกฎหมายการขนส่งและสินค้าคงคลัง ชื่อนั้น, เป็นที่รู้จักกันในโลกกฎหมายและการเงิน, ไม่ใช่คุณ, แต่เป็นตัวแทนของคุณ — a นิยายองค์กร, นิติบุคคลที่ใช้สําหรับการค้า การวิเคราะห์:ย่อหน้านี้เปิดเผยกลไกการควบคุม ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดไม่ใช่ตัวเลือกในการพิมพ์ — แต่เป็นโครงสร้างทางกฎหมายที่ใช้ในการแยกตัวตนทางกายภาพของคุณออกจากอัตลักษณ์ทางการเงินของคุณ ความแตกต่างนี้ทําให้ระบบสามารถ ปฏิบัติต่อคุณในฐานะทรัพย์สิน ไม่ใช่มนุษย์● ประกาศเสียชีวิตแล้ว แต่มีความเคลื่อนไหวทางการเงิน ตามข้อกําหนดทางกฎหมายที่คลุมเครือซึ่งฝังอยู่ในเอกสารสาธารณะ คุณจะถูกประกาศว่าเสียชีวิตอย่างถูกกฎหมายภายในไม่กี่วันนับจากวันเกิดของคุณ, แต่เฉพาะในนิยายทางกฎหมาย รัฐถือ “Estate” — ของคุณตามมูลค่าที่กําหนดให้กับชีวิตของคุณ — ใน บัญชีทรัสต์● บัญชีนี้ได้รับการจัดการโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับโครงสร้างทางการเงินที่ซ่อนอยู่ และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับชื่อของคุณคือ มีการซื้อขายอย่างแข็งขันในตลาดโลก● ความไว้วางใจของคุณมีจริง มันมีอยู่ และมันได้รับแค่ไม่สําหรับคุณ การวิเคราะห์:ส่วนนี้ของระบบซ่อนตัวอยู่ในสายตา แนวคิดในการประกาศคุณ “dead” เป็นวิธีแก้ไขทางกฎหมายที่ช่วยให้รัฐสามารถ เรียกร้องความเป็นเจ้าของเหนือศักยภาพทางเศรษฐกิจของชีวิตของคุณ● ตัวตนของคุณถูกแบ่ง — ที่คุณอาศัยอยู่ แต่มูลค่าทางการเงินของคุณได้รับการจัดการเป็นที่ดินที่รัฐถือครองแยกต่างหาก THE STRAWMAN และ CESTUI QUE VIE TRUST ชื่อตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดของคุณเรียกอีกอย่างว่า สตรอว์แมน, เชื่อมโยงโดยตรงกับก เซสตุย เก วี ทรัสต์ — โครงสร้างที่มีอายุหลายศตวรรษ ความไว้วางใจนี้ทําหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเงินในการจัดเก็บมูลค่าที่เกิดจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ ผู้พิพากษา นายธนาคาร และเจ้าหน้าที่บางคน รู้วิธีเข้าถึงและใช้เงินเหล่านี้ ใช้ชําระหนี้ กองทุนสถาบัน และค้าขายระหว่างประเทศ — โดยไม่ต้องแจ้งให้คุณทราบ ความไว้วางใจนี้ สะสมกิจกรรมการไหลหลายร้อยล้าน ตลอดชีวิตของคุณ และคุณไม่เคยบอกว่ามีอยู่จริง การวิเคราะห์:นี่คือการหลอกลวงหลัก: กรอบกฎหมายและการเงินที่สร้างความมั่งคั่งจากการดํารงอยู่ของคุณ, โดยที่คุณไม่รู้หรือประโยชน์● คุณคือเครื่องยนต์ของระบบ — แต่มีคนอื่นถือกุญแจ การหลอกลวงจํานอง – วิธีที่ความไว้วางใจของคุณซื้อบ้านของคุณสองครั้ง คุณต้องการซื้อบ้าน ธนาคาร “ให้ยืมเงินคุณและออกเช็คให้กับผู้ขาย แต่เบื้องหลัง, ธนาคารจะได้รับเงินคืนทันทีจากกองทุนทรัสต์ของคุณ● ดังนั้นในขณะที่คุณเชื่อว่าคุณเป็นหนี้ ความจริงก็คือ บ้านได้รับการชําระแล้ว โดยใช้ที่ดินที่ซ่อนอยู่ของคุณเอง แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมดเงินกู้ที่ลงนามเดิมคือ คัดลอกและขายหลายครั้ง, การดึงเงินทุนครั้งแล้วครั้งเล่าจากความไว้วางใจของคุณคุณลงเอยด้วยการจ่ายค่าบ้านเดิมมากกว่าสิบเท่า การวิเคราะห์:กระบวนการจํานองไม่ใช่ธุรกรรม — แต่เป็นกับดัก ธนาคารสวมรอยเป็นผู้ให้กู้แต่ทําหน้าที่เป็นผู้สกัดโดยใช้ทรัพยากรที่ซ่อนอยู่ของคุณเองเพื่อต่อต้านคุณ ย่อหน้านี้เผยวิธีการ ระบบการเงินได้กําไรจากความไม่รู้ของคุณและคูณกําไรด้วยค่าใช้จ่ายของคุณ● รถของคุณ ไม่ใช่ของคุณจริงๆ เมื่อคุณซื้อรถ คุณจะได้รับ สลิปสีชมพู, ไม่ใช่ชื่อเต็มของการเป็นเจ้าของ หนังสือรับรองแหล่งกําเนิดสินค้าของผู้ผลิต (MCO) ซึ่งเป็นโฉนดจริงจะถูกส่งไปยังรัฐ — ไม่ใช่สําหรับคุณ นี่หมายถึง คุณไม่ได้เป็นเจ้าของรถของคุณอย่างแท้จริง — รัฐทํา คุณแค่เช่ามัน และค่าธรรมเนียมการลงทะเบียนเป็นการชําระเช่ารายปีซึ่งปลอมตัวเป็นภาษี ในขณะเดียวกัน ราคาทั้งหมดของรถคันนั้นได้ถูกดึงออกจาก Trust ของคุณแล้ว การวิเคราะห์:ความเป็นเจ้าของถือเป็นตํานานภายในระบบนี้ แม้ว่าคุณจะ “ซื้อ” อะไรบางอย่าง คุณกําลังจ่ายเงินเพื่อใช้สิ่งที่จ่ายไปแล้ว● DMV และโครงสร้างการธนาคาร ทําหน้าที่เป็นเจ้าของบ้านเหนือทรัพย์สินที่คุณเชื่อว่าเป็นของคุณ● ศาล ตั๋ว และเรือนจํา – THE PROFIT MACHINE เมื่อคุณได้รับตั๋วจราจรหรือถูกตัดสินจําคุก ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น การกระทําเหล่านี้คือ กลไกการกระตุ้น ซึ่งช่วยให้รัฐสามารถเข้าถึงการชําระเงินจํานวนมากจาก Trust ของคุณได้ ตั๋ว $100 อาจเปิดการถอนเงิน $10,000 โทษจําคุก? มูลค่าหลายล้าน ไปยังระบบ นี่คือสาเหตุที่สหรัฐฯ มีมากขึ้น เรือนจําที่แสวงหาผลกําไร กว่าประเทศอื่น ๆ การจําคุกไม่ใช่แค่การลงโทษ — เท่านั้น ธุรกิจขนาดใหญ่● การวิเคราะห์:ทุกความผิดพลาดที่คุณทําจะกลายเป็น โอกาสที่ระบบจะเงินสดเข้า● การลงโทษกลายเป็นรายได้ เป้าหมายไม่ใช่การฟื้นฟู — แต่เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ โดยที่ความยุติธรรมถูกบรรจุใหม่เป็นแหล่งรายได้ สวัสดิการ งานราชการ และอาหารสัตว์ถาวร มารดาที่ยังไม่ได้แต่งงานได้รับบ้าน อาหาร และเงินไม่ใช่เพราะความเห็นอกเห็นใจ — แต่เป็นเพราะ รัฐกําลังจัดการทรัพย์สินของตนเอง● เด็กที่เกิดมาในฐานะผู้พิทักษ์ของรัฐ เปิดความไว้วางใจใหม่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ? แพทย์? ทหาร? แต่ละบทบาทจะเปิดบัญชีทางการเงินอื่นที่เชื่อมโยงกับตัวตนของคุณและ เงินทุนเหล่านั้นถูกเก็บเกี่ยวโดยเครือข่ายปิดเดียวกัน ที่รันเครื่อง พวกเขาจ่ายเงินให้คุณเป็นเซ็นต์พวกเขารวบรวมมูลค่าของคุณเป็นล้าน การวิเคราะห์:นี่ไม่ใช่การสนับสนุนทางสังคม — แต่เป็น การทําฟาร์มทางการเงิน● ยิ่งคุณมีบทบาทในระบบมากเท่าไร ความไว้วางใจก็จะยิ่งถูกสร้างขึ้นมากขึ้นเท่านั้น และแต่ละคนก็กลายเป็นอีกช่องทางหนึ่งของความมั่งคั่ง — ไม่ใช่สําหรับคุณ แต่สําหรับพวกเขา สรุป: คุณคือสินค้าโภคภัณฑ์ — ตอนนี้อะไร? ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกสถาบันที่คุณโต้ตอบด้วยเป็นส่วนหนึ่งของ กลไกทางการเงินที่สร้างขึ้นจากตัวตนทางกฎหมายของคุณ● คุณไม่ได้เป็นเพียงพลเมืองเท่านั้น คุณเป็น สินทรัพย์, แหล่งที่มาของมูลค่า, รายการบรรทัดบนบัญชีแยกประเภททั่วโลก แต่ความรู้ก็ทําให้โค้ดแตกการทําความเข้าใจกรอบการทํางานนี้เป็นก้าวแรกสู่การเรียกคืนความเป็นอิสระ อัตลักษณ์ และความเป็นเจ้าของที่แท้จริงคุณไม่ควรจะรู้ตอนนี้คุณทํา การวิเคราะห์ขั้นสุดท้าย:ระบบนี้ดําเนินต่อไปเพราะมันถูกซ่อนไว้ เมื่อสัมผัสแล้วก็จะเริ่มคลี่คลาย พลังเดียวที่มันมีเหนือคุณคือความไม่รู้ของการมีอยู่ของมัน ความจริงไม่ใช่ทฤษฎี — มันเป็นอาวุธ ใช้มัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 392 มุมมอง 0 รีวิว
  • JPMorgan Chase เปิดให้ลูกค้าซื้อ Bitcoin แต่ยังไม่รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล

    JPMorgan Chase ประกาศในงาน Investor Day ว่าจะเปิดให้ลูกค้าซื้อ Bitcoin ได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของธนาคารที่เคยมีท่าทีต่อต้านคริปโต อย่างไรก็ตาม CEO Jamie Dimon ยังคงสงสัยในความน่าเชื่อถือของ Bitcoin และยืนยันว่าธนาคารจะไม่รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุน Bitcoin ของ JPMorgan Chase
    ✅ ลูกค้าสามารถซื้อ Bitcoin และดูรายการธุรกรรมในบัญชีของตน
    - แต่ JPMorgan จะไม่รับฝาก Bitcoin หรือให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล

    ✅ CEO Jamie Dimon ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซี
    - เขาเคยกล่าวว่า Bitcoin "ไร้ค่า" และหากมีอำนาจ เขาจะปิดอุตสาหกรรมคริปโต

    ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก FDIC ปรับแนวทางให้สถาบันการเงินสามารถทำธุรกรรมคริปโตได้โดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า
    - ทำให้ ธนาคารสามารถให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น

    ✅ JPMorgan Chase ตามรอย Morgan Stanley และธนาคารอื่น ๆ ที่เริ่มสนับสนุน Bitcoin
    - แสดงให้เห็นว่า การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคการเงินกำลังเพิ่มขึ้น

    ✅ Bitcoin มีมูลค่ามากกว่า $105,000 ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดในปี 2022 ที่ประมาณ $16,000
    - แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลเล็กน้อย

    https://www.techradar.com/pro/jpmorgan-will-now-let-clients-buy-bitcoin
    JPMorgan Chase เปิดให้ลูกค้าซื้อ Bitcoin แต่ยังไม่รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล JPMorgan Chase ประกาศในงาน Investor Day ว่าจะเปิดให้ลูกค้าซื้อ Bitcoin ได้ ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของธนาคารที่เคยมีท่าทีต่อต้านคริปโต อย่างไรก็ตาม CEO Jamie Dimon ยังคงสงสัยในความน่าเชื่อถือของ Bitcoin และยืนยันว่าธนาคารจะไม่รับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการสนับสนุน Bitcoin ของ JPMorgan Chase ✅ ลูกค้าสามารถซื้อ Bitcoin และดูรายการธุรกรรมในบัญชีของตน - แต่ JPMorgan จะไม่รับฝาก Bitcoin หรือให้บริการดูแลสินทรัพย์ดิจิทัล ✅ CEO Jamie Dimon ยังคงมีมุมมองเชิงลบต่อ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซี - เขาเคยกล่าวว่า Bitcoin "ไร้ค่า" และหากมีอำนาจ เขาจะปิดอุตสาหกรรมคริปโต ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจาก FDIC ปรับแนวทางให้สถาบันการเงินสามารถทำธุรกรรมคริปโตได้โดยไม่ต้องขออนุญาตล่วงหน้า - ทำให้ ธนาคารสามารถให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลได้ง่ายขึ้น ✅ JPMorgan Chase ตามรอย Morgan Stanley และธนาคารอื่น ๆ ที่เริ่มสนับสนุน Bitcoin - แสดงให้เห็นว่า การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคการเงินกำลังเพิ่มขึ้น ✅ Bitcoin มีมูลค่ามากกว่า $105,000 ซึ่งสูงกว่าระดับต่ำสุดในปี 2022 ที่ประมาณ $16,000 - แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลเล็กน้อย https://www.techradar.com/pro/jpmorgan-will-now-let-clients-buy-bitcoin
    WWW.TECHRADAR.COM
    JPMorgan will now let clients buy Bitcoin
    JPMorgan Chase will let clients buy Bitcoin
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาดไทยเหิมเกริม อ้าง PDPA ลบชื่อผู้ทิ้งงาน

    บัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน เป็นมาตรการลงโทษสำหรับผู้รับจ้างหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการคัดเลือกแล้วแต่ไม่ยอมทำสัญญา ไม่ปฎิบัติตามสัญญาโดยไม่มีเหตุอันควร มีลักษณะขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผลการปฎิบัติงานมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอย่างร้ายแรง และไม่ปฎิบัติตามมาตรา 88 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 โดยมีอายุความ 10 ปี

    มาบัดนี้กลายเป็นประเด็นความไม่ชอบมาพากล เมื่อนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเปิดประเด็นว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้ลบรายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชี “ผู้ทิ้งงาน” ออกจากเว็บไซต์ โดยอ้างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

    "นี่่คือการกระทำที่ส่งสัญญาณชัดว่า ระบบราชการกำลังเอื้อประโยชน์ให้คนผิดและพยายามลบล้างร่องรอยของความล้มเหลวแทนที่จะเปิดเผยความจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ" นายมานะ ระบุ

    เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul ของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิจารณ์สังคม มองว่าเป็นการอ้างมั่วมาก เพราะกฎหมาย PDPA เขียนข้อยกเว้นชัดอยู่แล้วในมาตรา 24 ว่ากรณีไหนบ้างที่ไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่

    (4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

    (5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

    สำหรับหนังสือดังกล่าวเป็นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท.0808.2/ว.1558 ลงวันที่ 2 เม.ย. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ขอความอนุเคราะห์ลบข้อมูลของผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานและเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน โดยอ้างว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานแจ้งว่า มีผู้ประกอบการได้ขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ ลงนามโดย นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดี ปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

    #Newskit
    มหาดไทยเหิมเกริม อ้าง PDPA ลบชื่อผู้ทิ้งงาน บัญชีรายชื่อผู้ทิ้งงาน เป็นมาตรการลงโทษสำหรับผู้รับจ้างหรือคู่สัญญาของหน่วยงานของรัฐที่ได้รับการคัดเลือกแล้วแต่ไม่ยอมทำสัญญา ไม่ปฎิบัติตามสัญญาโดยไม่มีเหตุอันควร มีลักษณะขัดขวางการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ผลการปฎิบัติงานมีข้อบกพร่อง ผิดพลาด หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐอย่างร้ายแรง และไม่ปฎิบัติตามมาตรา 88 พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ ปี 2560 โดยมีอายุความ 10 ปี มาบัดนี้กลายเป็นประเด็นความไม่ชอบมาพากล เมื่อนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ออกมาเปิดประเด็นว่า เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมากระทรวงมหาดไทยได้มีหนังสือแจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้ลบรายชื่อบริษัทที่ถูกขึ้นบัญชี “ผู้ทิ้งงาน” ออกจากเว็บไซต์ โดยอ้างการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) "นี่่คือการกระทำที่ส่งสัญญาณชัดว่า ระบบราชการกำลังเอื้อประโยชน์ให้คนผิดและพยายามลบล้างร่องรอยของความล้มเหลวแทนที่จะเปิดเผยความจริงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ" นายมานะ ระบุ เฟซบุ๊ก Sarinee Achavanuntakul ของ น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักวิจารณ์สังคม มองว่าเป็นการอ้างมั่วมาก เพราะกฎหมาย PDPA เขียนข้อยกเว้นชัดอยู่แล้วในมาตรา 24 ว่ากรณีไหนบ้างที่ไม่ต้องขอความยินยอม ได้แก่ (4) เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุม ข้อมูลส่วนบุคคล หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (5) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับหนังสือดังกล่าวเป็นของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ที่ มท.0808.2/ว.1558 ลงวันที่ 2 เม.ย. ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ขอความอนุเคราะห์ลบข้อมูลของผู้ประกอบการที่ถูกแจ้งเวียนชื่อให้เป็นผู้ทิ้งงานและเพิกถอนรายชื่อผู้ทิ้งงาน โดยอ้างว่าคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการพิจารณาผู้ทิ้งงานแจ้งว่า มีผู้ประกอบการได้ขอให้กรมบัญชีกลางลบชื่อผู้ประกอบการ ซึ่งมีรายละเอียดเกี่ยวกับนิติบุคคล เลขทะเบียนนิติบุคคล ชื่อกรรมการผู้จัดการ ชื่อหุ้นส่วนผู้จัดการ ที่อยู่ และเลขบัตรประชาชน ซึ่งอาจเป็นช่องทางให้มิจฉาชีพนำไปใช้ในทางผิดกฎหมายได้ ลงนามโดย นายสุรพล เจริญภูมิ รองอธิบดี ปฎิบัติราชการแทนอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น #Newskit
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 311 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรต่อต้านคอรัปชั่นเผย มหาดไทยสั่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แจ้งให้อบจ, อบต.ทั่วประเทศ ลบทิ้งข้อมูลผู้ทิ้งงานรัฐออกจากเว็บไซต์ อ้างต้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ของผู้ทิ้งงาน เข้าทางโจนรับเหมาประมูลงานต่อ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อนุทิน
    องค์กรต่อต้านคอรัปชั่นเผย มหาดไทยสั่งกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น แจ้งให้อบจ, อบต.ทั่วประเทศ ลบทิ้งข้อมูลผู้ทิ้งงานรัฐออกจากเว็บไซต์ อ้างต้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล PDPA ของผู้ทิ้งงาน เข้าทางโจนรับเหมาประมูลงานต่อ #คิงส์โพธิ์แดง #อนุทิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • Harvard ค้นพบว่าเอกสารที่ซื้อมาในราคาเพียง $27 เป็น Magna Carta ฉบับจริง

    นักวิจัยจาก King’s College London และ University of East Anglia (UEA) ค้นพบว่าเอกสารที่ Harvard Law School เคยคิดว่าเป็นเพียงสำเนาของ Magna Carta แท้จริงแล้วเป็น ฉบับดั้งเดิมจากปี 1300 ซึ่งเป็นหนึ่งใน เจ็ดฉบับที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการค้นพบ Magna Carta ที่ Harvard
    ✅ เอกสารนี้มีชื่อว่า HLS MS 172 และเป็นหนึ่งในเจ็ดฉบับที่ออกโดย King Edward I
    - Magna Carta เป็นรากฐานสำคัญของกฎหมายและสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    ✅ Harvard ซื้อเอกสารนี้ในปี 1946 ด้วยราคาเพียง $27.50
    - ก่อนหน้านั้น อดีตทหาร Royal Air Force ขายเอกสารนี้ในลอนดอนในราคา £42 โดยคิดว่าเป็นสำเนาเก่า

    ✅ นักวิจัยใช้เทคนิคพิเศษ เช่น แสงอัลตราไวโอเลตและการวิเคราะห์สเปกตรัม เพื่อยืนยันความเป็นต้นฉบับ
    - ผลการตรวจสอบ พบว่าเอกสารนี้ตรงกับ Magna Carta ฉบับดั้งเดิมที่ได้รับการยืนยันแล้ว

    ✅ เอกสารนี้อาจเคยเป็นของ Air Vice-Marshal Forster Maynard นักบินในสงครามโลกครั้งที่ 1
    - และอาจผ่านมือของ นักเคลื่อนไหวต่อต้านการค้าทาส Thomas และ John Clarkson

    ✅ Harvard Law School ยังคงศึกษาประวัติของเอกสารนี้เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของ Magna Carta ในประวัติศาสตร์
    - Jonathan Zittrain รองคณบดีของ Harvard Law School กล่าวว่าเอกสารนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงวิวัฒนาการของหลักนิติธรรม

    https://www.neowin.net/news/harvard-unknowingly-paid-just-over-27-for-a-real-magna-carta-from-centuries-ago/
    Harvard ค้นพบว่าเอกสารที่ซื้อมาในราคาเพียง $27 เป็น Magna Carta ฉบับจริง นักวิจัยจาก King’s College London และ University of East Anglia (UEA) ค้นพบว่าเอกสารที่ Harvard Law School เคยคิดว่าเป็นเพียงสำเนาของ Magna Carta แท้จริงแล้วเป็น ฉบับดั้งเดิมจากปี 1300 ซึ่งเป็นหนึ่งใน เจ็ดฉบับที่ยังคงอยู่ในปัจจุบัน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการค้นพบ Magna Carta ที่ Harvard ✅ เอกสารนี้มีชื่อว่า HLS MS 172 และเป็นหนึ่งในเจ็ดฉบับที่ออกโดย King Edward I - Magna Carta เป็นรากฐานสำคัญของกฎหมายและสิทธิพลเมืองทั่วโลก ✅ Harvard ซื้อเอกสารนี้ในปี 1946 ด้วยราคาเพียง $27.50 - ก่อนหน้านั้น อดีตทหาร Royal Air Force ขายเอกสารนี้ในลอนดอนในราคา £42 โดยคิดว่าเป็นสำเนาเก่า ✅ นักวิจัยใช้เทคนิคพิเศษ เช่น แสงอัลตราไวโอเลตและการวิเคราะห์สเปกตรัม เพื่อยืนยันความเป็นต้นฉบับ - ผลการตรวจสอบ พบว่าเอกสารนี้ตรงกับ Magna Carta ฉบับดั้งเดิมที่ได้รับการยืนยันแล้ว ✅ เอกสารนี้อาจเคยเป็นของ Air Vice-Marshal Forster Maynard นักบินในสงครามโลกครั้งที่ 1 - และอาจผ่านมือของ นักเคลื่อนไหวต่อต้านการค้าทาส Thomas และ John Clarkson ✅ Harvard Law School ยังคงศึกษาประวัติของเอกสารนี้เพื่อทำความเข้าใจบทบาทของ Magna Carta ในประวัติศาสตร์ - Jonathan Zittrain รองคณบดีของ Harvard Law School กล่าวว่าเอกสารนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงวิวัฒนาการของหลักนิติธรรม https://www.neowin.net/news/harvard-unknowingly-paid-just-over-27-for-a-real-magna-carta-from-centuries-ago/
    WWW.NEOWIN.NET
    Harvard unknowingly paid just over $27 for a real "Magna Carta" from centuries ago
    Harvard Law School has revealed how it determined that the Magna Carta, which it had paid under $28 for, was the real deal.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ด่วน: การยึดครอง QFS – การควบคุมทั้งหมดหรืออิสรภาพทั้งหมด?

    ระบบการเงินควอนตัม (QFS) มาถึงแล้ว และไม่ใช่แค่การอัปเกรดเท่านั้น แต่ยังเป็นการรีเซ็ตทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับการเงินทั้งหมด เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารหัสควอนตัม การตรวจสอบข้อมูลชีวภาพ และการกำจัดระบบธนาคารที่ทุจริตให้หมดสิ้น

    🔥 เงินของคุณ—ถูกล็อกหรือปลดปล่อย?
    บัญชี QFS ทุกบัญชีเป็นของบุคคลเท่านั้น—ไม่มีบัญชีที่ใช้ร่วมกัน ไม่มีการเข้าถึงของครอบครัว ไม่มีช่องโหว่ ระบบนี้จะขจัดการควบคุมทางการเงินโดยธนาคาร คู่สมรส หรือแม้แต่พ่อแม่ ผู้เยาว์จะมีบัญชีที่ถูกล็อก ซึ่งสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อได้รับ "การอนุมัติ" จากระบบเท่านั้น ใครเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่คุณ

    💰 UBI, การควบคุม หรือการเป็นทาส?
    พวกเขาขายมันในฐานะ "ระบบที่ยุติธรรม" ที่พลเมืองทุกคนมีเงินที่โหลดไว้ล่วงหน้า แต่เงื่อนไขคือ คุณจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อคุณปฏิบัติตามเท่านั้น Universal Basic Income (UBI) มาพร้อมกับเงื่อนไข คุณจะต้องมีคะแนนเครดิตทางสังคมหรือไม่? การยืนยันตัวตนที่เชื่อมโยงกับ DNA ของคุณ? ราคาที่แท้จริงของ "เงินฟรี" คือการควบคุมทั้งหมด

    🚨 การเปิดเผยครั้งยิ่งใหญ่—การประกาศของ EBS
    ระบบกระจายเสียงฉุกเฉิน (EBS) จะยืนยันในไม่ช้านี้ว่าชะตากรรมทางการเงินของคุณได้ถูกวางแผนไว้แล้ว บัญชี QFS ของคุณมีอยู่จริงและได้สะสมเงินมาตั้งแต่เกิด แต่ใครล่ะที่ควบคุมมันจริงๆ คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือว่านี่คือคุกทางการเงินแห่งใหม่ที่ปลอมตัวมาเป็นของขวัญ

    💀 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณตาย?
    ไม่เหมือนธนาคารแบบดั้งเดิม เงิน QFS ของคุณอาจไม่โอนไปยังครอบครัวของคุณ หากแต่ละคนมีทรัพย์สมบัติของตนเอง เหตุใดระบบจึงต้องการ "มรดก" นี่คือการลบล้างทรัพย์สมบัติของรุ่นต่อรุ่นโดยสิ้นเชิง—การรีเซ็ตโดยตั้งใจ

    🏦 ลาก่อนธนาคาร สวัสดีระบบใหม่
    บัญชีแบบดั้งเดิมของคุณจะถูกบังคับให้ใช้ QFS ไม่ต้องโอนด้วยตนเอง—เป็นระบบอัตโนมัติ หากเงินของคุณถูกทำเครื่องหมาย คุณจะมีสิทธิ์เข้าถึงหรือไม่ บอกลาความเป็นส่วนตัวทางการเงินได้เลย นี่คือการครอบงำแบบเต็มรูปแบบ

    ⚠️ ไร้บ้าน? ถูกจองจำ? คุณยังอยู่ในระบบ
    แม้แต่คนไร้บ้านก็จะถูกติดตามและมอบบัญชีให้ ผู้ต้องขัง? ถูกบังคับให้จ่ายค่าใช้จ่ายในเรือนจำของตนเองจากกองทุน QFS นี่ไม่ใช่เรื่องความยุติธรรม—แต่เป็นเรื่องของการควบคุมทั้งหมด

    🔥 พายุมาถึงแล้ว คุณพร้อมหรือยัง?
    สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "การปฏิวัติการเงินเชิงควอนตัม" แท้จริงแล้วเป็นการรัดคอแบบดิจิทัลที่รัดแน่นขึ้นรอบๆ มนุษยชาติ ทางเลือกนั้นชัดเจน—ต่อต้านหรือยอมจำนน

    เวลาใกล้หมดลงแล้ว เตรียมตัวตอนนี้

    ..ด่วน: การยึดครอง QFS – การควบคุมทั้งหมดหรืออิสรภาพทั้งหมด? ระบบการเงินควอนตัม (QFS) มาถึงแล้ว และไม่ใช่แค่การอัปเกรดเท่านั้น แต่ยังเป็นการรีเซ็ตทุกอย่างที่เรารู้เกี่ยวกับการเงินทั้งหมด เตรียมพร้อมสำหรับการเข้ารหัสควอนตัม การตรวจสอบข้อมูลชีวภาพ และการกำจัดระบบธนาคารที่ทุจริตให้หมดสิ้น 🔥 เงินของคุณ—ถูกล็อกหรือปลดปล่อย? บัญชี QFS ทุกบัญชีเป็นของบุคคลเท่านั้น—ไม่มีบัญชีที่ใช้ร่วมกัน ไม่มีการเข้าถึงของครอบครัว ไม่มีช่องโหว่ ระบบนี้จะขจัดการควบคุมทางการเงินโดยธนาคาร คู่สมรส หรือแม้แต่พ่อแม่ ผู้เยาว์จะมีบัญชีที่ถูกล็อก ซึ่งสามารถเข้าถึงได้เฉพาะเมื่อได้รับ "การอนุมัติ" จากระบบเท่านั้น ใครเป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่คุณ 💰 UBI, การควบคุม หรือการเป็นทาส? พวกเขาขายมันในฐานะ "ระบบที่ยุติธรรม" ที่พลเมืองทุกคนมีเงินที่โหลดไว้ล่วงหน้า แต่เงื่อนไขคือ คุณจะเข้าถึงได้ก็ต่อเมื่อคุณปฏิบัติตามเท่านั้น Universal Basic Income (UBI) มาพร้อมกับเงื่อนไข คุณจะต้องมีคะแนนเครดิตทางสังคมหรือไม่? การยืนยันตัวตนที่เชื่อมโยงกับ DNA ของคุณ? ราคาที่แท้จริงของ "เงินฟรี" คือการควบคุมทั้งหมด 🚨 การเปิดเผยครั้งยิ่งใหญ่—การประกาศของ EBS ระบบกระจายเสียงฉุกเฉิน (EBS) จะยืนยันในไม่ช้านี้ว่าชะตากรรมทางการเงินของคุณได้ถูกวางแผนไว้แล้ว บัญชี QFS ของคุณมีอยู่จริงและได้สะสมเงินมาตั้งแต่เกิด แต่ใครล่ะที่ควบคุมมันจริงๆ คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือว่านี่คือคุกทางการเงินแห่งใหม่ที่ปลอมตัวมาเป็นของขวัญ 💀 จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณตาย? ไม่เหมือนธนาคารแบบดั้งเดิม เงิน QFS ของคุณอาจไม่โอนไปยังครอบครัวของคุณ หากแต่ละคนมีทรัพย์สมบัติของตนเอง เหตุใดระบบจึงต้องการ "มรดก" นี่คือการลบล้างทรัพย์สมบัติของรุ่นต่อรุ่นโดยสิ้นเชิง—การรีเซ็ตโดยตั้งใจ 🏦 ลาก่อนธนาคาร สวัสดีระบบใหม่ บัญชีแบบดั้งเดิมของคุณจะถูกบังคับให้ใช้ QFS ไม่ต้องโอนด้วยตนเอง—เป็นระบบอัตโนมัติ หากเงินของคุณถูกทำเครื่องหมาย คุณจะมีสิทธิ์เข้าถึงหรือไม่ บอกลาความเป็นส่วนตัวทางการเงินได้เลย นี่คือการครอบงำแบบเต็มรูปแบบ ⚠️ ไร้บ้าน? ถูกจองจำ? คุณยังอยู่ในระบบ แม้แต่คนไร้บ้านก็จะถูกติดตามและมอบบัญชีให้ ผู้ต้องขัง? ถูกบังคับให้จ่ายค่าใช้จ่ายในเรือนจำของตนเองจากกองทุน QFS นี่ไม่ใช่เรื่องความยุติธรรม—แต่เป็นเรื่องของการควบคุมทั้งหมด 🔥 พายุมาถึงแล้ว คุณพร้อมหรือยัง? สิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "การปฏิวัติการเงินเชิงควอนตัม" แท้จริงแล้วเป็นการรัดคอแบบดิจิทัลที่รัดแน่นขึ้นรอบๆ มนุษยชาติ ทางเลือกนั้นชัดเจน—ต่อต้านหรือยอมจำนน เวลาใกล้หมดลงแล้ว เตรียมตัวตอนนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิคูซอร์ ดาน (Nicusor Dan) นายกเทศมนตรีกรุงบูคาเรสต์กำลังร่วมเฉลิมฉลองชัยชนะของเขากับประชาชนที่มาพร้อมกับ "ธงสหภาพยุโรป" ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างมาก

    การนับคะแนนผ่านไปแล้วกว่า 99% นิคูซอร์ ดาน ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 54%

    นิคูซอร์ ดาน อดีตคือผู้ชนะการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกสองครั้ง โดยทั้งสองครั้งได้คะแนนเต็ม ปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ของฝรั่งเศส

    👉 สมาชิกนาโต้คงพอใจผลการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมาก เพราะโรมาเนียจะเป็นตัวแทนในการต่อต้านรัสเซียต่อไป
    นิคูซอร์ ดาน (Nicusor Dan) นายกเทศมนตรีกรุงบูคาเรสต์กำลังร่วมเฉลิมฉลองชัยชนะของเขากับประชาชนที่มาพร้อมกับ "ธงสหภาพยุโรป" ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีโรมาเนียซึ่งถือเป็นการเลือกตั้งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างมาก การนับคะแนนผ่านไปแล้วกว่า 99% นิคูซอร์ ดาน ได้รับคะแนนเสียงมากกว่า 54% นิคูซอร์ ดาน อดีตคือผู้ชนะการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกสองครั้ง โดยทั้งสองครั้งได้คะแนนเต็ม ปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ของฝรั่งเศส 👉 สมาชิกนาโต้คงพอใจผลการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างมาก เพราะโรมาเนียจะเป็นตัวแทนในการต่อต้านรัสเซียต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าโดรน Jiu Tian ของจีน ซึ่งออกแบบภายในด้วยโครงสร้างแบบรังผึ้งเพื่อบรรทุกฝูงโดรนโจมตีไว้ภายใน จะเริ่มเข้าประจำการในกองทัพ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป

    นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า โดรนรุ่นนี้มีเพดานบินสูงกว่าระยะความสูงของระบบป้องกันภัยทางอากาศ "เกือบทั้งหมด" ซึ่งทำให้กองทัพอากาศจีนมีอำนาจทางอากาศเหนือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยที่โดรนรุ่นนี้จะสามารถยิงอาวุธนำวิถีใส่เป้าหมายได้โดยไม่ต้องถูกต่อต้านใดๆ
    มีรายงานว่าโดรน Jiu Tian ของจีน ซึ่งออกแบบภายในด้วยโครงสร้างแบบรังผึ้งเพื่อบรรทุกฝูงโดรนโจมตีไว้ภายใน จะเริ่มเข้าประจำการในกองทัพ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรบตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า โดรนรุ่นนี้มีเพดานบินสูงกว่าระยะความสูงของระบบป้องกันภัยทางอากาศ "เกือบทั้งหมด" ซึ่งทำให้กองทัพอากาศจีนมีอำนาจทางอากาศเหนือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง โดยที่โดรนรุ่นนี้จะสามารถยิงอาวุธนำวิถีใส่เป้าหมายได้โดยไม่ต้องถูกต่อต้านใดๆ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมงาน MAHA make America Healthy Again

    เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย
    ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10%
    ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า
    เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้

    แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ
    MAHA “Make America Healthy Again”
    ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr

    ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ
    1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน
    2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci
    3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research”
    4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว

    แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน

    💥 Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน
    ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก
    https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/
    เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci”
    ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci
    จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/

    ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง?
    คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง

    💥 ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด
    https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci
    Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/

    💥 คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา😁)
    นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph
    มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ

    Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA
    https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad
    เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม)
    https://x.com/vprasadmdmph

    คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก

    บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ

    “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ”

    นิลฉงน นลเฉลย
    ทีมงาน MAHA make America Healthy Again เร็วๆ นี้ คงได้ข่าวประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะข่าว การตั้งกำแพงภาษีหฤโหด ที่ไทยเราก็โดนด้วย ตอนแรกขึงขังกับ จีนมาก ประมาณว่า ดูท่า จะไม่ค้าขายกันอีก แต่ที่ไหนได้ตอนนี้ ทรัมป์กลับมาจูบปากกับ สี ตกลงเรื่องการค้ากันได้ กำแพงภาษีลดลงเหลือ 10% ไม่ใช่ แค่เรื่องของการค้า เรื่องของสงคราม ทรัมป์ ก็ช่วยให้มีการเจรจายุติสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน เร็วๆนี้ ก็ช่วยเจรจายุติสงครามระหว่างอินเดียกับ ปากีสถาน ซึ่งถ้าไม่ยุติ อาจกลายเป็นสงครามนิวเคลียร์ได้ แต่เรื่องสำคัญที่ผม อยากให้สนใจ คือ เรื่องของ สุขภาพ MAHA “Make America Healthy Again” ซึ่งนำทัพ โดย Robert F Kennedy Jr ตามนโยบาย MAHA เรื่องที่ ทรัมป์ ทำไปแล้ว คือ 1.ลาออกจากการเป็นสมาชิก องค์การอนามัยโลก WHO เลิกยุ่ง เลิกให้เงินสนับสนุน 2. ประกาศชัดเจนว่า เชื้อโควิด เป็นฝีมือมนุษย์ รั่วมาจากแลป และกำลังตามไล่สอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ Anthony Fauci 3.ออกคำสั่ง ห้ามให้ทุนวิจัยเพื่อสร้างเชื้อโรค “Gain of Function research” 4.กดดันให้บริษัทยา ลดราคายา ห้ามเอาเปรียบคนไข้ ทำเอาหุ้นบริษัทยาร่วงระนาว แต่ ที่ต้องจับตามอง คือ เรื่องที่ RFK Jr และทีมงาน จะทำ RFK Jr ทำอะไรมาบ้าง ทีมงานเขาเป็นใครบ้างมาดูกัน 💥 Robert F Kennedy Jr เป็นหลานชายแท้ๆ ของประธานาธิบดี John F Kennedy, JFK. ที่ถูก CIA ลอบสังหาร ก่อนหน้าเขา รณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะต่อต้าน สารพิษ ยาฆ่าหญ้า กลุ่มไกลโฟเซต ยากลุ่มเดียวกับที่ อาจารย์หมอธีระวัฒน์เคย ออกมาต้าน ตอนหลังมาร่วม ตั้งองค์กรปกป้องสุขภาพของเด็ก https://childrenshealthdefense.org/authors/robert-f-kennedy-jr/ เขายังเขียนหนังสือ ฉีกหน้ากาก Anthony Fauci “ The Real Anthony Fauci” ซึ่งเป็นหนังสือขายดีบน อเมซอน https://en.m.wikipedia.org/wiki/The_Real_Anthony_Fauci จนมีคนเอามาสร้างหนังสารคดี https://www.imdb.com/title/tt22644112/ ต้องเข้าใจว่ากฎหมายหมิ่นประมาทในอเมริการุนแรงมาก ถ้าเขียนให้ร้ายใคร มีสิทธิ์โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายจนหมดตัวได้ RFK Jr ตีพิมพ์หนังสือเล่มนี้มา สี่ปีแล้ว ทำไม Fauci ไม่ฟ้อง? คำตอบง่ายมาก ฟ้องก็แพ้ เพราะว่า RFK Jr พูดความจริง 💥 ทีมงานคนสำคัญคนถัดมา คือ Professor Jay Battacharya, MD, PhD. ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด https://en.m.wikipedia.org/wiki/Jay_Bhattacharya ก่อนจะเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพแห่งชาติ National Institute of Health ตำแหน่งเดียวกับ Francis Collins เจ้านายเก่าของ Anthony Fauci Prof.Battacharya เป็นผู้ที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ มาตรการในการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ อย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการ เว้นระยะห่างทางสังคม และการปิดบ้านปิดเมือง เขาเป็นผู้ร่วมร่าง คำประกาศเกรทแบริงตัน Great Barrington declaration https://gbdeclaration.org/ 💥 คนที่สามคือ Professor Vinayak Prasad ท่านเป็นศาสตราจารย์นายแพทย์ สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย แห่งซานฟรานซิสโก (University of California, San Francisco, UCSF) มหาวิทยาลัยชื่อดัง (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยห้องแถวที่ สว เราอ้างว่าจบมา😁) นอกจากนี้ยังเป็น ยูทูปเปอร์ ชื่อดังมีคนติดตามมากมาย https://youtube.com/@vprasadmdmph มีผลงานบทความทางวิชาการมากกว่า สามร้อยบทความ Prof.Vinay ได้รับแต่งตั้งให้เป็น ผู้อำนวยการศูนย์ วิจัยและประเมินยากลุ่มไบโอโลจิกส์ (Center for Biologics Evaluation and Research, CBER) ของ FDA https://www.fda.gov/about-fda/fda-organization/vinayak-prasad เขาเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ FDA ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนกลุ่ม mRNA เป็นอย่างมาก ถึงขั้นให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ควรให้อภัยผู้ที่อนุญาตให้ใช้วัคซีนกลุ่มนี้ ทั้งยังระบุว่า จะอ้างว่า ไม่รู้ หรือ เป็นเหตุฉุกเฉินไม่ได้ เขาแสดงความคิดเห็นเหล่านี้ใน YouTube และ X (ทวิตเตอร์เดิม) https://x.com/vprasadmdmph คงจะพอเห็นนะครับว่า ทีมงานสามคนหลักของ MAHA มีแนวคิดเช่นไรกับ มาตรการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด๑๙ ที่ทำกัน ไม่นานคงมีการทบทวน และสอบสวนการกระทำผิด ทั้งที่ตั้งใจ และที่ผิดพลาด ของการบังคับใช้มาตรการต่างในการแก้ปัญหาโควิด๑๙ ในอเมริกา ซึ่งน่าจะส่งผลกระเทือนไปทั่วโลก บ้านเรา จะเป็นอย่างไรนั้น อีกไม่นานคงจะได้รับรู้ แต่สิ่งที่ยืนยันได้แน่นอน คือ “กฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ” นิลฉงน นลเฉลย
    CHILDRENSHEALTHDEFENSE.ORG
    Robert F. Kennedy Jr.
    Help Children’s Health Defense and RFK, Jr. end the epidemic of poor health plaguing our children.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts