• เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม

    กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง

    ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม

    จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม

    สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน

    สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย

    #Newskit
    เผยค่านิยม YOLO ทำผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่ม กลายเป็นที่วิจารณ์บนโซเชียลฯ ในมาเลเซีย เมื่อนายลูกานิสมัน อะวัง เซานี่ (Lukanisman Awang Sauni) รมช.สาธารณสุขมาเลเซีย กล่าวในการประชุมวุฒิสภา (Dewan Negara) เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ระบุว่าทัศนคติที่เรียกว่า YOLO (โยโล่) หรือ You Only Live Once (เกิดหนเดียวตายหนเดียว) อาจส่งผลต่ออัตราการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ในกลุ่มเพศชาย อายุ 20-39 ปี ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งกลายปัญหาที่น่ากังวลอย่างยิ่ง ค่านิยม YOLO ช่วยกระตุ้นให้คนรุ่นใหม่กล้าลองทำอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะการมีเพศสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งได้รับอิทธิพลจากกระแสโลก นับเป็นปัญหาของคนรุ่นต่อรุ่น ความปรารถนาที่จะทดลองอะไรใหม่ๆ รวมถึงการดูแลตัวเอง ผลักดันให้คนรุ่นใหม่ทำกิจกรรมที่นอกเหนือไปจากการมีเพศสัมพันธ์แบบชายกับหญิง โดยมักจะไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา นอกจากนี้ บทบาทของโซเชียลมีเดียที่ติดต่อกันระหว่างบุคคลมีความเสี่ยงสูง เพราะไม่มีกลไกที่มีประสิทธิภาพในการควบคุม จากข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักทะเบียนผู้ติดเชื้อเอดส์แห่งชาติ (NAR) พบว่าในปี 2567 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 90% อยู่ในกลุ่มเพศชาย โดย 75% อยู่ในกลุ่มที่มีอายุ 20-39 ปี แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลงจากปี 2545 พบผู้ติดเชื้อ 28.5 รายต่อประชากร 100,000 ราย เหลือ 3,185 รายในปี 2567 หรือ 9.4 รายต่อประชากร 100,000 ราย ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขมาเลเซียมีโครงการจัดซื้อยาป้องกันเชื้อเอชไอวีก่อนการสัมผัสโรค หรือเพร็ป (PrEP) แต่ต้องเผชิญกับการต่อต้านจากคนบางกลุ่ม สำนักข่าวเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ทฤษฎี YOLO ของ รมช.สาธารณสุขมาเลเซียถูกมองว่าแปลกประหลาด รังเกียจกลุ่ม LGBTQ ไม่ติดตามข่าวสาร และเป็นเรื่องไร้สาระที่กล่าวหาว่าเยาวชนลองมีเพศสัมพันธ์แบบเพศเดียวกันจากค่านิยม YOLO เพราะการรักร่วมเพศเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องสนุก ไม่เหมือนยาเสพติดหรือแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ยังมองว่า รัฐบาลกำลังร่วมปลุกปั่นความกลัวและหาแพะรับบาปให้กับชุมชน LGBTQ โดยชาวเน็ตเรียกร้องให้นำเสนอข้อมูลเพื่อสนับสนุนคำกล่าวอ้างของตน สำหรับประเทศมาเลเซีย มีกฎหมายอาญาและกฎหมายชารีอะห์ ห้ามมีเพศสัมพันธ์ที่ผิดธรรมชาติทั้งชายและหญิง เช่น มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน มีโทษจำคุกไม่เกิน 20 ปี หรือลงโทษด้วยการโบย นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมสิ่งที่บ่งบอกว่าเป็น LGBTQ ได้แก่ หนังสือที่มีธีม LGBTQ เคยห้ามนำเข้านาฬิกา Swatch ที่มีสีรุ้งและข้อความสนับสนุน LGBTQ และตำรวจเคยห้ามจัดการแสดง Thai Hot Guys ในงานเปิดตัวไนต์คลับที่ย่านตุนราซัก กรุงกัวลาลัมเปอร์อีกด้วย #Newskit
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🕌🇸🇦 50 ปี ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย ราชนัดดามีอาการทางจิต ปลิดชีพลุง 3 นัดซ้อน เสยคาง-ข้างหู เบื้องลึกโศกนาฏกรรมสะเทือนโลก 🕊️🔫

    📌 ย้อนเหตุการณ์สะเทือนโลก เมื่อ 50 ปี ที่ผ่านมา เหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุฯ โดยเจ้าชายผู้มีอาการทางจิต พร้อมเผยข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่เคยรู้ ผลกระทบที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน

    🕌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรมแห่งราชวงศ์ซาอุฯ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518... เช้าวันอังคารที่เงียบเหงาในกรุงริยาด กลับกลายเป็นวันแห่งโศกนาฏกรรมระดับโลก เมื่อ "สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาล บิน อับดุล อาซิซ อัล ซาอุด" ผู้นำสูงสุดแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ต้องสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของเจ้าชาย ซึ่งเป็น "หลานชายแท้ ๆ" จากการลอบยิงระยะประชิด 3 นัดซ้อน ในพระราชวังหลวง... 💔🔫

    เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความสูญเสียของราชวงศ์ หากแต่ส่งผลสะเทือนทั้งโลก โดยเฉพาะโลกมุสลิม ที่ยังคงสั่นคลอน กับคำถามที่ยังไม่มีคำตอบอย่างแท้จริงว่า...

    "ทำไมเจ้าชายจึงลั่นไก?" 🤯

    📖 เรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ "สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาล บิน อับดุล อาซิซ อัล ซาอุด" ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2507 ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะกษัตริย์ผู้มีวิสัยทัศน์ 🌍✨

    พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการลดการพึ่งพาน้ำมัน ⛽️ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 🏗️ การส่งเสริมการศึกษา 📚 และการวางแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะยาว

    นอกจากนี้ กษัตริย์ไฟซาลยังเป็นผู้นำ ในการต่อต้านอิสราเอลอย่างแข็งกร้าว ในช่วงสงคราม Yom Kippur และมีบทบาทสำคัญในการใช้ “นโยบายน้ำมันเป็นอาวุธ” (Oil Weapon Policy) กดดันตะวันตก ในช่วงวิกฤตน้ำมันปี 2516 🛢️⚖️

    พระองค์จึงเป็นทั้งผู้นำเชิงกลยุทธ์ และนักปฏิรูปผู้ทรงพลังของซาอุดีอาระเบีย

    😱 เหตุการณ์ลอบสังหาร เช้าแห่งความมืดมิด เช้าวันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518 ในพระราชวังหลวง กรุงริยาด 🇸🇦 "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด" หลานชายแท้ ๆ ของกษัตริย์ไฟซาล ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี พร้อมคณะผู้แทนจากประเทศคูเวต

    ขณะนั้นไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า…

    ทันทีที่กษัตริย์โน้มพระองค์ลง เพื่อจุมพิตเจ้าชายตามธรรมเนียม เจ้าชายกลับชักปืนพกสั้นออกมา แล้วยิงไปที่คางและข้างพระกรรณของกษัตริย์ 3 นัดซ้อน 🔫💥

    ราชองครักษ์พยายามจะโต้ตอบทันที แต่ “ชีค อาห์เมด ซากีห์ ยามานี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้ตะโกนห้ามไม่ให้สังหารเจ้าชายผู้ก่อเหตุ ทำให้เจ้าชายถูกจับกุมแทน

    👑 "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด" เป็นพระราชโอรสของเจ้าชายมูซาอิด พระอนุชาของกษัตริย์ไฟซาล เคยศึกษาที่สหรัฐอเมริกา 🇺🇸 และมีประวัติพฤติกรรมแปลกประหลาดหลายอย่าง เช่น...

    - ถูกจับที่สหรัฯอเมริกา จากคดีครอบครองยาเสพติด 💊
    - มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม และมีแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก 🌐
    - เคยมีความขัดแย้งภายในราชวงศ์ 📉

    รายงานจากนักจิตแพทย์หลายฝ่ายตรงกันว่า เจ้าชายทรงมีอาการ “โรคจิตเภท” (Schizophrenia) 😵‍💫

    อาการที่สังเกตได้คือ
    - ความหวาดระแวง (Paranoia)
    - ความคิดหลงผิด (Delusions)
    - พฤติกรรมรุนแรง และขาดการควบคุมตนเอง

    ❓ แรงจูงใจเบื้องหลังการลอบสังหาร แม้การสอบสวนจะสรุปว่า เจ้าชายไฟซาลก่อเหตุเพียงลำพัง แต่แรงจูงใจยังคงเป็นปริศนา 🤔

    ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ ได้แก่
    - แก้แค้นให้เจ้าชายคาลิด พระเชษฐาซึ่งเสียชีวิตจากการต่อสู้ กับกองกำลังรัฐในปี 2509 ⚔️
    - อาการป่วยจิตเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมรุนแรง โดยไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองชัดเจน 💭
    - ความไม่พอใจต่อราชวงศ์ เจ้าชายรู้สึกถูกจำกัดเสรีภาพ หลังกลับจากสหรัฐฯ 🗽
    - แรงกระตุ้นจากภายนอก บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมี "ตะวันตก" อยู่เบื้องหลัง 🤫 แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน

    ⚖️ หลังจากเหตุการณ์ไม่นาน "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด" ถูกนำตัวขึ้นศาล ในข้อหาลอบปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์

    ศาลตัดสินให้ บั่นพระเศียรกลางจัตุรัสสาธารณะ ในกรุงริยาด ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายชารีอะห์ ของซาอุดีอาระเบีย ✝️⚔️

    การลงโทษต่อหน้าประชาชน ถูกใช้เพื่อส่งสารถึงประชาชนว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แม้จะเป็นเจ้าชายก็ตาม 👑❌⚖️

    🧠 จิตวิทยากับโศกนาฏกรรม ความเชื่อมโยงของ "โรคจิตเภท" จากคำวินิจฉัยของคณะจิตแพทย์พบว่าเจ้าชายไฟซาลมีอาการของ "โรคจิตเภท" ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดที่หลงผิด ไม่สามารถแยกแยะความจริง จากจินตนาการได้อย่างถูกต้อง 🤯

    อาการเด่นที่สังเกตได้คือ
    - ความหวาดระแวงว่า ถูกคุกคาม
    - อารมณ์ไม่คงที่
    - มีการตัดสินใจที่ผิดเพี้ยน
    - การรับรู้ผิดปกติอย่างรุนแรง

    💡สิ่งสำคัญคือ โรคจิตเภทไม่ใช่ความผิดของผู้ป่วย แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลานั้น การวินิจฉัยและการรักษา ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร

    🕵️‍♂️ เรื่องจริงที่โลกไม่ค่อยรู้
    📌 เจ้าชายเคยถูกจับในสหรัฐอเมริกา ในคดีครอบครองยาเสพติด
    📌 กษัตริย์ไฟซาลมีเป้าหมายลดการพึ่งพาน้ำมัน พัฒนาการศึกษา
    📌 บางแหล่งข่าวสงสัยว่า ตะวันตกอาจเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร
    📌 "ชีค ยามานี" รัฐมนตรีน้ำมัน เป็นผู้หยุดราชองครักษ์ ไม่ให้สังหารเจ้าชายทันที

    🧩 โศกนาฏกรรมที่กลายเป็นบทเรียนแห่งโลก สะท้อนให้เห็นว่า... แม้จะอยู่ในพระราชวังสูงสุด หรือมีพระยศสูงส่งเพียงใด ก็ไม่อาจหนีจาก "ความเป็นมนุษย์" และ "ความเปราะบางของจิตใจ" ได้เลย

    กษัตริย์ไฟซาล อาจจากโลกนี้ไปด้วยความเจ็บปวด... แต่พระองค์ได้ทิ้งมรดกแห่งวิสัยทัศน์ ไว้ให้ซาอุดีอาระเบียก้าวหน้า ต่อมาอีกหลายทศวรรษ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251024 มี.ค. 2568

    📲 #กษัตริย์ไฟซาล #ลอบสังหารซาอุ #ประวัติศาสตร์ซาอุ #โศกนาฏกรรมซาอุดีอาระเบีย #จิตเวชในราชวงศ์ #ซาอุยุค70 #เจ้าชายไฟซาล #ราชวงศ์อาหรับ #เรื่องจริงไม่เคยรู้ #FaisalBinAbdulAziz
    🕌🇸🇦 50 ปี ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดีอาระเบีย ราชนัดดามีอาการทางจิต ปลิดชีพลุง 3 นัดซ้อน เสยคาง-ข้างหู เบื้องลึกโศกนาฏกรรมสะเทือนโลก 🕊️🔫 📌 ย้อนเหตุการณ์สะเทือนโลก เมื่อ 50 ปี ที่ผ่านมา เหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์กษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุฯ โดยเจ้าชายผู้มีอาการทางจิต พร้อมเผยข้อเท็จจริงที่หลายคนไม่เคยรู้ ผลกระทบที่ยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน 🕌 ย้อนรอยโศกนาฏกรรมแห่งราชวงศ์ซาอุฯ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518... เช้าวันอังคารที่เงียบเหงาในกรุงริยาด กลับกลายเป็นวันแห่งโศกนาฏกรรมระดับโลก เมื่อ "สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาล บิน อับดุล อาซิซ อัล ซาอุด" ผู้นำสูงสุดแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ต้องสิ้นพระชนม์ด้วยฝีมือของเจ้าชาย ซึ่งเป็น "หลานชายแท้ ๆ" จากการลอบยิงระยะประชิด 3 นัดซ้อน ในพระราชวังหลวง... 💔🔫 เหตุการณ์นี้ไม่ใช่แค่ความสูญเสียของราชวงศ์ หากแต่ส่งผลสะเทือนทั้งโลก โดยเฉพาะโลกมุสลิม ที่ยังคงสั่นคลอน กับคำถามที่ยังไม่มีคำตอบอย่างแท้จริงว่า... "ทำไมเจ้าชายจึงลั่นไก?" 🤯 📖 เรื่องราวแห่งประวัติศาสตร์ "สมเด็จพระราชาธิบดีไฟซาล บิน อับดุล อาซิซ อัล ซาอุด" ทรงขึ้นครองราชย์เมื่อปี พ.ศ. 2507 ทรงเป็นที่รู้จักในฐานะกษัตริย์ผู้มีวิสัยทัศน์ 🌍✨ พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการลดการพึ่งพาน้ำมัน ⛽️ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 🏗️ การส่งเสริมการศึกษา 📚 และการวางแผนปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศ ในระยะยาว นอกจากนี้ กษัตริย์ไฟซาลยังเป็นผู้นำ ในการต่อต้านอิสราเอลอย่างแข็งกร้าว ในช่วงสงคราม Yom Kippur และมีบทบาทสำคัญในการใช้ “นโยบายน้ำมันเป็นอาวุธ” (Oil Weapon Policy) กดดันตะวันตก ในช่วงวิกฤตน้ำมันปี 2516 🛢️⚖️ พระองค์จึงเป็นทั้งผู้นำเชิงกลยุทธ์ และนักปฏิรูปผู้ทรงพลังของซาอุดีอาระเบีย 😱 เหตุการณ์ลอบสังหาร เช้าแห่งความมืดมิด เช้าวันอังคารที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2518 ในพระราชวังหลวง กรุงริยาด 🇸🇦 "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด บิน อับดุลลาซิซ อัล ซาอุด" หลานชายแท้ ๆ ของกษัตริย์ไฟซาล ได้เข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดี พร้อมคณะผู้แทนจากประเทศคูเวต ขณะนั้นไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า… ทันทีที่กษัตริย์โน้มพระองค์ลง เพื่อจุมพิตเจ้าชายตามธรรมเนียม เจ้าชายกลับชักปืนพกสั้นออกมา แล้วยิงไปที่คางและข้างพระกรรณของกษัตริย์ 3 นัดซ้อน 🔫💥 ราชองครักษ์พยายามจะโต้ตอบทันที แต่ “ชีค อาห์เมด ซากีห์ ยามานี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงปิโตรเลียมและทรัพยากรธรรมชาติ ได้ตะโกนห้ามไม่ให้สังหารเจ้าชายผู้ก่อเหตุ ทำให้เจ้าชายถูกจับกุมแทน 👑 "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด" เป็นพระราชโอรสของเจ้าชายมูซาอิด พระอนุชาของกษัตริย์ไฟซาล เคยศึกษาที่สหรัฐอเมริกา 🇺🇸 และมีประวัติพฤติกรรมแปลกประหลาดหลายอย่าง เช่น... - ถูกจับที่สหรัฯอเมริกา จากคดีครอบครองยาเสพติด 💊 - มีพฤติกรรมต่อต้านสังคม และมีแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก 🌐 - เคยมีความขัดแย้งภายในราชวงศ์ 📉 รายงานจากนักจิตแพทย์หลายฝ่ายตรงกันว่า เจ้าชายทรงมีอาการ “โรคจิตเภท” (Schizophrenia) 😵‍💫 อาการที่สังเกตได้คือ - ความหวาดระแวง (Paranoia) - ความคิดหลงผิด (Delusions) - พฤติกรรมรุนแรง และขาดการควบคุมตนเอง ❓ แรงจูงใจเบื้องหลังการลอบสังหาร แม้การสอบสวนจะสรุปว่า เจ้าชายไฟซาลก่อเหตุเพียงลำพัง แต่แรงจูงใจยังคงเป็นปริศนา 🤔 ข้อสันนิษฐานที่เป็นไปได้ ได้แก่ - แก้แค้นให้เจ้าชายคาลิด พระเชษฐาซึ่งเสียชีวิตจากการต่อสู้ กับกองกำลังรัฐในปี 2509 ⚔️ - อาการป่วยจิตเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมรุนแรง โดยไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองชัดเจน 💭 - ความไม่พอใจต่อราชวงศ์ เจ้าชายรู้สึกถูกจำกัดเสรีภาพ หลังกลับจากสหรัฐฯ 🗽 - แรงกระตุ้นจากภายนอก บางฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมี "ตะวันตก" อยู่เบื้องหลัง 🤫 แม้ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน ⚖️ หลังจากเหตุการณ์ไม่นาน "เจ้าชายไฟซาล บิน มูซาอิด" ถูกนำตัวขึ้นศาล ในข้อหาลอบปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ ศาลตัดสินให้ บั่นพระเศียรกลางจัตุรัสสาธารณะ ในกรุงริยาด ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายชารีอะห์ ของซาอุดีอาระเบีย ✝️⚔️ การลงโทษต่อหน้าประชาชน ถูกใช้เพื่อส่งสารถึงประชาชนว่า ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แม้จะเป็นเจ้าชายก็ตาม 👑❌⚖️ 🧠 จิตวิทยากับโศกนาฏกรรม ความเชื่อมโยงของ "โรคจิตเภท" จากคำวินิจฉัยของคณะจิตแพทย์พบว่าเจ้าชายไฟซาลมีอาการของ "โรคจิตเภท" ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยมีความคิดที่หลงผิด ไม่สามารถแยกแยะความจริง จากจินตนาการได้อย่างถูกต้อง 🤯 อาการเด่นที่สังเกตได้คือ - ความหวาดระแวงว่า ถูกคุกคาม - อารมณ์ไม่คงที่ - มีการตัดสินใจที่ผิดเพี้ยน - การรับรู้ผิดปกติอย่างรุนแรง 💡สิ่งสำคัญคือ โรคจิตเภทไม่ใช่ความผิดของผู้ป่วย แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลานั้น การวินิจฉัยและการรักษา ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร 🕵️‍♂️ เรื่องจริงที่โลกไม่ค่อยรู้ 📌 เจ้าชายเคยถูกจับในสหรัฐอเมริกา ในคดีครอบครองยาเสพติด 📌 กษัตริย์ไฟซาลมีเป้าหมายลดการพึ่งพาน้ำมัน พัฒนาการศึกษา 📌 บางแหล่งข่าวสงสัยว่า ตะวันตกอาจเกี่ยวข้องกับการลอบสังหาร 📌 "ชีค ยามานี" รัฐมนตรีน้ำมัน เป็นผู้หยุดราชองครักษ์ ไม่ให้สังหารเจ้าชายทันที 🧩 โศกนาฏกรรมที่กลายเป็นบทเรียนแห่งโลก สะท้อนให้เห็นว่า... แม้จะอยู่ในพระราชวังสูงสุด หรือมีพระยศสูงส่งเพียงใด ก็ไม่อาจหนีจาก "ความเป็นมนุษย์" และ "ความเปราะบางของจิตใจ" ได้เลย กษัตริย์ไฟซาล อาจจากโลกนี้ไปด้วยความเจ็บปวด... แต่พระองค์ได้ทิ้งมรดกแห่งวิสัยทัศน์ ไว้ให้ซาอุดีอาระเบียก้าวหน้า ต่อมาอีกหลายทศวรรษ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 251024 มี.ค. 2568 📲 #กษัตริย์ไฟซาล #ลอบสังหารซาอุ #ประวัติศาสตร์ซาอุ #โศกนาฏกรรมซาอุดีอาระเบีย #จิตเวชในราชวงศ์ #ซาอุยุค70 #เจ้าชายไฟซาล #ราชวงศ์อาหรับ #เรื่องจริงไม่เคยรู้ #FaisalBinAbdulAziz
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิดีโอมุมใหม่ความยาวกว่าเดิมของการกำจัดนักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ในโอเดสซา

    คลิปเดิม
    https://thaitimes.co/posts/194376

    กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย

    นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น:
    - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย
    - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย
    - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน
    - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย

    การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    วิดีโอมุมใหม่ความยาวกว่าเดิมของการกำจัดนักเคลื่อนไหวชาตินิยมหัวรุนแรง "เดเมียน กานูล" (Demyan Ganul) ในโอเดสซา คลิปเดิม https://thaitimes.co/posts/194376 กานูล เป็นแกนนำของขบวนการชาตินิยมหัวรุนแรงของยูเครนที่มีชื่อเสียงเรื่องความโหดเหี้ยม โดยดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายความมั่นคงของกลุ่ม "Right Sector" นอกจากนี้ เขายังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในเหตุจลาจลเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2014 ซึ่งคือการวางเพลิงอาคารสหภาพแรงงาน จนทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 50 ราย นอกเหนือจากบทบาทของเขาในการสังหารหมู่ที่โอเดสซาแล้ว กานูลยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมชาตินิยมต่างๆ เช่น: - การทำลายอนุสรณ์สถาน และสัญลักษณ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย - การก่อกวนการแสดงคอนเสิร์ตของศิลปินชาวรัสเซียและการทำร้ายประชาชนที่พูดภาษารัสเซีย - สนับสนุนความพยายามระดมพลของยูเครนอย่างแข็งขันหลังจากเริ่มปฏิบัติการทางทหารพิเศษของรัสเซีย รวมถึงการ เข้าร่วมกองกำลังใต้ดินที่คอย "ปราบปราม" ฝ่ายต่อต้านการระดมพลของยูเครน - เขายังมีหมายจับจากทางรัสเซียอีกด้วย การสังหารกานูลครั้งนี้เกิดขึ้นอย่างน่าสงสัย เนื่องจากใกล้กับวันครบรอบ 11 ปีของเหตุเพลิงไหม้และการสังหารหมู่ที่ Odessa
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แนวรบอีกแนวกำลังเปิดฉากขึ้นเร็วๆนี้ : ตุรกี-อิสราเอล”

    นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเกรงของอิสราเอล เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเรื่องความมั่นคง โดยการประชุมจะเน้นไปที่การ "จำกัด" อิทธิพลของตุรกีในซีเรีย

    การเรียกประชุมฉุกเฉินของอิสราเอล เกิดขึเนหลังจากมีรายงานว่า ซีเรียกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงเพื่อมอบดินแดนบางส่วนใกล้เมืองปาลไมรา (Palmyra) ให้ตุรกีตั้งฐานทัพทหารได้

    นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อตอบโต้ โดยบอกกับสื่อมวลชนว่าการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างอิสราเอลและตุรกีในซีเรียนั้น “แทบจะแน่นอนแล้ว”

    การประท้วงต่อต้านรัฐบาลตุรกีที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายมองว่าอิสราเอลเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เนื่องจากการประท้วงลุกลามและรุนแรงเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น และหลายอย่างไม่สมเหตุสมผล
    “แนวรบอีกแนวกำลังเปิดฉากขึ้นเร็วๆนี้ : ตุรกี-อิสราเอล” นายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูเกรงของอิสราเอล เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อหารือเรื่องความมั่นคง โดยการประชุมจะเน้นไปที่การ "จำกัด" อิทธิพลของตุรกีในซีเรีย การเรียกประชุมฉุกเฉินของอิสราเอล เกิดขึเนหลังจากมีรายงานว่า ซีเรียกำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาขั้นสูงเพื่อมอบดินแดนบางส่วนใกล้เมืองปาลไมรา (Palmyra) ให้ตุรกีตั้งฐานทัพทหารได้ นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลได้เรียกประชุมฉุกเฉินเพื่อตอบโต้ โดยบอกกับสื่อมวลชนว่าการเผชิญหน้าโดยตรงระหว่างอิสราเอลและตุรกีในซีเรียนั้น “แทบจะแน่นอนแล้ว” การประท้วงต่อต้านรัฐบาลตุรกีที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายมองว่าอิสราเอลเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เนื่องจากการประท้วงลุกลามและรุนแรงเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น และหลายอย่างไม่สมเหตุสมผล
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Carl Vinson (CVN-70) ซึ่งบรรทุกเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 90 ลำ ได้เข้าสู่ทะเลแดงแล้ว โดยเข้าร่วมกับเรือ USS Harry S. Truman ซึ่งถือเป็นการรวมกำลังทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    แม้ว่าวอชิงตันจะอ้างว่าการเสริมกำลังดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านกลุ่มฮูตี แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณของการเตรียมการสำหรับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับอิหร่าน

    เมื่อไม่นานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำขาดต่ออิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ในขณะที่เตหะรานเตือนว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการกระทำรุกรานใดๆ
    เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ USS Carl Vinson (CVN-70) ซึ่งบรรทุกเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ 90 ลำ ได้เข้าสู่ทะเลแดงแล้ว โดยเข้าร่วมกับเรือ USS Harry S. Truman ซึ่งถือเป็นการรวมกำลังทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แม้ว่าวอชิงตันจะอ้างว่าการเสริมกำลังดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อต่อต้านกลุ่มฮูตี แต่บรรดานักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเป็นสัญญาณของการเตรียมการสำหรับการเผชิญหน้าทางทหารที่อาจเกิดขึ้นกับอิหร่าน เมื่อไม่นานนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกคำขาดต่ออิหร่านเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์ ในขณะที่เตหะรานเตือนว่าอิหร่านจะตอบโต้ด้วยการตอบโต้อย่างรุนแรงต่อการกระทำรุกรานใดๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    "เก็บภาพเหล่านี้ไว้ ประเทศประชาธิปไตยเค้าสลายการชุมนุมอย่างไร"

    การประท้วงต่อต้านเออร์โดกันในตุรกี ยังไม่ลดความรุนแรง และยังคงลุกลามต่อไป หลังจากที่มีคำสั่งจับกุมนายกเทศมนตรีอิสตันบูล ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญ
    2/ "เก็บภาพเหล่านี้ไว้ ประเทศประชาธิปไตยเค้าสลายการชุมนุมอย่างไร" การประท้วงต่อต้านเออร์โดกันในตุรกี ยังไม่ลดความรุนแรง และยังคงลุกลามต่อไป หลังจากที่มีคำสั่งจับกุมนายกเทศมนตรีอิสตันบูล ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 1/
    "เก็บภาพเหล่านี้ไว้ ประเทศประชาธิปไตยเค้าสลายการชุมนุมอย่างไร"

    การประท้วงต่อต้านเออร์โดกันในตุรกี ยังไม่ลดความรุนแรง และยังคงลุกลามต่อไป หลังจากที่มีคำสั่งจับกุมนายกเทศมนตรีอิสตันบูล ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญ
    1/ "เก็บภาพเหล่านี้ไว้ ประเทศประชาธิปไตยเค้าสลายการชุมนุมอย่างไร" การประท้วงต่อต้านเออร์โดกันในตุรกี ยังไม่ลดความรุนแรง และยังคงลุกลามต่อไป หลังจากที่มีคำสั่งจับกุมนายกเทศมนตรีอิสตันบูล ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองคนสำคัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง

    ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว

    ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท

    จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก?

    บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก)
    “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว
    แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย”
    ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม”

    และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง
    “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์
    เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย”
    - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง
    โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว

    ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้:
    หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค
    หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย
    และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์
    เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้
    เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม

    เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml
    http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html
    http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html
    https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx
    https://www.sohu.com/a/239647354_661147

    #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    วันนี้มาคุยกันเรื่องดอกเหมย (ดอกบ๊วย) ที่เพื่อนเพจเห็นบ่อยในวัฒนธรรมจีน เคยมีคนเขียนถึงความหมายของดอกเหมยไปไม่น้อย แต่ Storyฯ หวังว่าบทความนี้จะให้อีกมุมมองที่แตกต่าง ดอกเหมยจีนมีทั้งหมดกว่า 30 สายพันธุ์หลัก (แบ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีกรวมกว่า 300 ชนิด) ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสี่ยอดบุปผาของจีนโดยเป็นตัวแทนแห่งฤดูหนาว และเป็นดอกไม้ประจำชาติของไต้หวัน ความหมายที่มักถูกเอ่ยถึงคือความอดทนและความเพียรเพราะเป็นดอกไม้ที่บานในช่วงฤดูหนาว บานทนได้ถึง 2-3 เดือน เป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังและเป็นที่นิยมในช่วงตรุษจีนเพราะมันเป็นสัญญาณว่าใกล้ถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว ในซีรีย์หรือนิยายจีนเรามักจะเห็นดอกเหมยถูกนำมาใช้เป็นตัวแทนแห่งความรักที่มั่นคง ดังเช่นในเรื่อง <ฝ่ามิติพิชิตบัลลังก์> (ปู้ปู้จิงซิน) ที่เหมยแดงเบ่งบานกลางหิมะ เปรียบเสมือนความรักที่มั่นคงแม้อีกฝ่ายจะไม่เหลียวแล จนStoryฯ อดรู้สึกไม่ได้ว่า หลายท่านอาจไม่ทราบว่าการใช้ดอกเหมยมาเปรียบเปรยถึงความอดทนนั้น สามารถใช้ได้ในหลายบริบท จริงแล้วดอกเหมยใช้ในบริบทอื่นใดได้อีก? บทกวีโบราณหลายยุคหลายสมัยใช้ดอกเหมยเปรียบเปรยถึงการยึดมั่นในอุดมการณ์ ยกตัวอย่างมาจากบทกวีที่ชื่อว่า “เหมยฮวา” (ดอกเหมย) ผลงานของหวางอันสือในยุคสมัยซ่งเหนือ เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในฐานะนักปฏิรูปและนักเศรษฐกิจชื่อดัง ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในรัชสมัยขององค์ซ่งเสินจง (ฮ่องเต้องค์ที่หกแห่งราชวงศ์ซ่ง) แต่ภายหลังนโยบายใหม่ๆ ของเขาถูกต่อต้านอย่างแรงจากขุนนางอื่น จนสุดท้ายเขาต้องลาออกจากราชการกลับบ้านเกิดไป บทกวีนี้ถูกแต่งขึ้นในภายหลัง Storyฯ แปลและเรียบเรียงได้ดังนี้ (ขออภัยหากไม่สละสลวยนัก) “เหมยแตกกิ่งอยู่มุมรั้ว ผลิบานเดียวดายรับความหนาว แลเห็นมิใช่หิมะขาว ด้วยกรุ่นกลิ่นจางมิคลาย” ความนัยหมายถึงว่า อันอุดมการณ์สูงส่งนั้น ดำรงไว้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอับจนเพียงใด (เช่นซอกมุมรั้วมุมกำแพง) และแม้ดูแต่ไกลขาวกลมกลืนไปกับหิมะ แต่กลิ่นหอมโชยบ่งบอกถึงตัวตน ดังนั้น ดอกเหมยในบริบทนี้หมายถึงผู้ที่ยึดมั่นในอุดมคติ ชวนให้ชื่นชมจากเนื้อแท้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ถ้านึกแบบง่ายๆ Storyฯ คงนึกถึงสำนวน “เพชรในตม” และมีอีกบริบทหนึ่งของดอกเหมยที่คนไม่ค่อยกล่าวถึง นั่นคือความแร้นแค้นเดียวดาย Storyฯ ยกมาเป็นตัวอย่างอีกบทกวีหนึ่งคือ “อี้เหมย” (รำลึกเหมย) ของหลี่ซันอิ่งในสมัยถัง “จองจำอยู่ปลายฟ้า ถวิลหาความงามแห่งวสันต์ เหมันต์เหมยชวนชิงชัง เป็นบุปผาแห่งปีกลาย” - คำแปลจาก <หรูซือ... กุ้ยฮวาผลิบานในใจข้า> โดยหวินไฉ่เฟยหยาง โดยสองวรรคแรกบรรยายถึงคนที่จำเป็นต้องจากบ้านไปไกล ได้แต่รอคอยสิ่งดีๆ และสองวรรคสุดท้ายกล่าวถึงดอกเหมยที่ชูช่อให้ชมในความกันดารแห่งเหมันต์ แต่แล้วเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ ดอกเหมยกลับถูกรังเกียจว่าเป็นดอกไม้ที่บานตั้งแต่ฤดูหนาวปีที่แล้ว เป็นความเก่าไร้ความสดชื่น ผู้คนหันไปตื่นตาตื่นใจกับดอกไม้อื่นที่เริ่มผลิบานแทน เป็นบทกวีที่บ่งบอกถึงความขมขื่นของคนที่ถูกลืมหรือถูกมองว่าหมดประโยชน์แล้ว ดังนั้น Storyฯ ขอสวมวิญญาณนักประพันธ์มาสรุปให้ดังนี้: หากเปรียบรัก ดอกเหมยคือรักที่คงทนฟันฝ่าอุปสรรค หากเปรียบคน ดอกเหมยคือคนที่ยึดมั่นในคุณค่าของตนแม้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย และธรรมชาติของดอกเหมยนั้น ดูงดงามทั้งในห้วงเวลาแห่งความสุขและในยามทุกข์ เมื่อสุข ดอกเหมยคือความหวังและความแน่วแน่ที่จะผ่านความลำบากไปได้ เมื่อทุกข์ ดอกเหมยคือความเดียวดายและความขมขื่นของคนที่ถูกลืม เพื่อนเพจดูซีรีย์และอ่านนิยายแล้ว ‘อิน’ กับดอกเหมยอย่างไรบ้างไหม? มาเล่าสู่กันฟังนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://ent.sina.com.cn/v/m/2011-03-31/14353269488.shtml http://5sing.kugou.com/fc/13497084.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://www.sgss8.net/tpdq/2670634/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.cmeii.com/xinwenzhongxin/2190.html http://m.qulishi.com/article/202011/459819.html https://so.gushiwen.cn/mingju/juv_aed4fe678529.aspx https://www.sohu.com/a/239647354_661147 #ดอกบ๊วย #ดอกเหมย #เหมยฮวา #อี้เหมย #รำลึกเหมย #บุปผาปีกลาย
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????_Ӱ?????_????
    ?????????ġ?ɱ?? ????¡??ʫʫ??????ӵ?????
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 240 มุมมอง 0 รีวิว
  • จะหักใจมิให้รักมันก็หักบ่ไหว
    เป็นเพราะว่าหัวใจมันแกร่งมันแข็งขืน
    มันต่อต้านค้านคัดมันยังคงหยัดยืน
    มันไม่คืนคำรักหากไปหักมันจะงอน
    คิดหักใจจะไม่รักมันก็หักบ่ได้
    ใจมิใช่เสาหลักประเดี๋ยวปักเดี๋ยวถอน
    ใจคือเนื้อคือใจมีเอนไหวโอนอ่อน
    มันมีผ่อนหนักเบาเพราะว่ามันเข้าใจ
    หักห้ามใจอย่าให้รักอย่าไปหักไปห้าม
    ไม่ปล่อยตามที่มันรักอาจจะถึงตักษัย
    การหักห้ามความรักมันจะหนักหัวใจ
    ปล่อยมันไปให้มันรักนั่นจึงจักว่าดี
    การหักใจจะไม่รักมันก็เหมือนหักเหลี่ยม
    ช่างโหดเหี้ยมกับหัวใจกระไรนี่
    ใจจะรักกลับหักหาญไปรอนรานฤดี
    ไม่ควรที่จะทำไปก่อกรรมกับใจ
    จะหักใจมิให้รักจงอย่าหักกันเลย
    อยู่เฉยเฉยซะดีกว่าเป็นไหนไหน
    จงอย่าคิดระรานความต้องการของใจ
    คอยลุ้นให้สมรักอย่าได้หักเลยเธอ
    จะหักใจมิให้รักมันก็หักบ่ไหว เป็นเพราะว่าหัวใจมันแกร่งมันแข็งขืน มันต่อต้านค้านคัดมันยังคงหยัดยืน มันไม่คืนคำรักหากไปหักมันจะงอน คิดหักใจจะไม่รักมันก็หักบ่ได้ ใจมิใช่เสาหลักประเดี๋ยวปักเดี๋ยวถอน ใจคือเนื้อคือใจมีเอนไหวโอนอ่อน มันมีผ่อนหนักเบาเพราะว่ามันเข้าใจ หักห้ามใจอย่าให้รักอย่าไปหักไปห้าม ไม่ปล่อยตามที่มันรักอาจจะถึงตักษัย การหักห้ามความรักมันจะหนักหัวใจ ปล่อยมันไปให้มันรักนั่นจึงจักว่าดี การหักใจจะไม่รักมันก็เหมือนหักเหลี่ยม ช่างโหดเหี้ยมกับหัวใจกระไรนี่ ใจจะรักกลับหักหาญไปรอนรานฤดี ไม่ควรที่จะทำไปก่อกรรมกับใจ จะหักใจมิให้รักจงอย่าหักกันเลย อยู่เฉยเฉยซะดีกว่าเป็นไหนไหน จงอย่าคิดระรานความต้องการของใจ คอยลุ้นให้สมรักอย่าได้หักเลยเธอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️

    ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨

    เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️

    โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น

    “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร

    แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น

    ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม

    📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย

    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา
    🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน

    นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น

    🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง

    ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี

    ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน

    ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ...

    ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ
    ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน”
    ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน
    ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี

    การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น...
    🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้
    🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด”

    ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น?
    ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน
    ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน
    ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี

    ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ

    ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น

    “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568

    🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️ ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨ เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ 📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม 📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา 🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น 🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ... ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน” ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น... 🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้ 🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด” ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น? ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568 🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด

    เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน

    สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    3/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • 2/
    ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด

    เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน

    สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    2/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • 1/
    ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด

    เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน

    สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    1/ ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายของอังกฤษเริ่มทำการสืบสวนเหตุไฟไหม้สถานีไฟฟ้าย่อย (Substation)แห่งหนึ่ง ว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่ ซึ่งทำให้สนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการทั้งหมด เหตุการณ์เพลิงไม้ที่สถานีไฟฟ้าย่อยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินฮีทโธรว์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ทำให้ไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง และส่งผลถึงสนามบินฮีทโธรว์ต้องหยุดให้บริการ ส่งผลกระทบถึงเที่ยวบิน 1,357 เที่ยวต้องหยุดให้บริการ และผู้โดยสารกว่า 220,000 คนต้องติดอยู่ที่สนามบิน สื่อในอังกฤษรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต่อต้านการก่อการร้ายกำลังสืบสวนว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อวินาศกรรมครั้งนี้หรือไม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/
    โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย

    Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด

    แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก

    โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้

    วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    3/ โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้ วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 2/
    โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย

    Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด

    แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก

    โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้

    วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    2/ โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้ วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 20 0 รีวิว
  • 1/
    โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย

    Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด

    แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก

    โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้

    วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    1/ โอเดสซาเผชิญกับการโจมตีด้วยโดรนของรัสเซียครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการพิเศษทางทหาร (SMO) หลังจากยูเครนเพิ่งโจมตีฐานทัพอากาศเอนเกลส์(Engels air base) ในภูมิภาคซาราตอฟ (Saratov) ของรัสเซีย Andriy Yermak หัวหน้าสำนักงานประธานาธิบดียูเครน กล่าวถึงการโจมตีด้วยโดรนในโอเดสซาว่า เป็นครั้งรุนแรงที่สุด แหล่งข่าวในพื้นที่รายงานว่า เริ่มต้นรัสเซียใช้โดรนกลุ่มแรกเป็น “เหยื่อล่อ” เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ก่อนที่โดรนของจริงชุดใหญ่จะโจมตี โดรนบินมาจากทิศทางในทะเล รวมตัวกันเป็น “ฝูง” แล้วบินเข้ามาที่ระดับความสูงกว่า 2,000 เมตร ก่อนจะดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว ทำให้แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่โดรนจะถูกยิงตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก โควาเลนโก หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวกรองในโอเดศซา ยอมรับว่าจำนวนโดรนที่มากขนาดนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ระบบการป้องกันประเทศจะรับมือได้ วิดีโอ1- ภาพเหตุการณ์ขณะคนขับรถชาวยูเครนในโอเดสซาพยายามหลบหลีกการโจมตีของโดรนรัสเซียถึง 3 ครั้งติดต่อกันได้อย่างหวุดหวิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    จีนไม่ยอมเสียท่าเรือคลองปานามา 📌สั่งตรวจสอบดีลขาย CK Hutchison มูลค่า $22.8 พันล้าน ให้ BlackRock ดึงประเด็นความมั่นคง-กฎหมายต่อต้านการผูกขาด 📌หลังสหรัฐฯ แสดงความยินดี ฮ่องกง-ปักกิ่งประณามเป็น "การกลั่นแกล้ง" ทางเศรษฐกิจ ด้าน CK Hutchison ยืนยันเป็นธุรกรรมเชิงพาณิชย์👉รัฐบาลจีนกำลังตรวจสอบข้อตกลงการขายท่าเรือบริเวณคลองปานามาของบริษัท CK Hutchison จากฮ่องกงให้กับกลุ่มนักลงทุนที่นำโดยบริษัท BlackRock ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นดีลมูลค่า 22.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างสองประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปักกิ่งได้สั่งการให้หน่วยงานหลายแห่งดำเนินการตรวจสอบธุรกรรมดังกล่าวเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นความเสี่ยงด้านความมั่นคงและการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด ซึ่งเป็นคำสั่งจากผู้นำระดับสูงของจีน ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ได้แสดงความยินดีกับข้อตกลงนี้ก่อนหน้านี้ ทั้งที่ในอดีตเคยกล่าวหาว่าจีนพยายามควบคุมเส้นทางน้ำสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ และเรียกร้องให้ "ถอดคลองปานามาออกจากการควบคุมของจีน" อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์หลังการประกาศข้อตกลง สำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊าของจีนได้เผยแพร่บทวิจารณ์ที่เรียกการขายครั้งนี้ว่าเป็น "การทรยศต่อจีน" และละเลยผลประโยชน์ของชาติ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้กล่าวว่า "จีนคัดค้านอย่างหนักแน่นต่อการละเมิดหรือบ่อนทำลายสิทธิและผลประโยชน์อันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ด้วยการบังคับขู่เข็ญทางเศรษฐกิจและการกลั่นแกล้ง" ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของจอห์น ลี ผู้นำฮ่องกง ที่เรียกร้องให้รัฐบาลต่างประเทศจัดเตรียมสภาพแวดล้อมที่ยุติธรรมสำหรับองค์กรธุรกิจ ด้านบริษัท CK Hutchison ยืนยันว่าข้อตกลงนี้ "มีลักษณะเชิงพาณิชย์ล้วนๆ และไม่เกี่ยวข้องกับรายงานข่าวการเมืองล่าสุดเกี่ยวกับท่าเรือปานามา" และระบุว่าได้ตกลงเจรจากับกลุ่ม BlackRock แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 145 วัน แม้ข้อตกลงยังไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจีนจะสามารถใช้กลไกใดในการยับยั้งการขายนี้ได้หรือไม่ เนื่องจากธุรกิจที่ Hutchison กำลังขายมีฐานอยู่นอกประเทศจีนและฮ่องกง อีกทั้งบริษัทเองก็จดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมน #imctnews รายงาน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปปส. จับนักร้องนำ I-ZAX “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” แกนนำขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🌐⚖️

    ปลุกกระแสวงการเพลงร็อกไทยให้สั่นสะเทือน! ข่าวใหญ่ที่ทุกคนไม่คาดคิด นักร้องนำวงร็อกระดับตำนาน “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แซ็ก I-ZAX” ถูกจับในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. บุกค้นและยึดของกลาง ยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่บ้านพัก สร้างความตกตะลึงให้แฟนเพลง และวงการบันเทิงไทยอีกครั้ง 😱🎤

    📌 จุดเริ่มต้นของการจับกุม ที่สั่นสะเทือนวงการ หน่วยงานความมั่นคงจีน ได้จับกุมคนไทย ที่ลักลอบขนยาเสพติด เข้าไปในประเทศจีน และได้ประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส. ไทย อย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ได้ กลายเป็นกุญแจสำคัญ ในการขยายผลสืบสวน จนพบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ที่มีแกนนำเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงการบันเทิงไทย

    เมื่อข้อมูลจากจีนถึงมือ ป.ป.ส. ไทย เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการสืบสวนขยายผล ในเครือข่ายผู้ซื้อ-ผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ 📱💻 กระทั่งพบเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ขณะที่แซ็กทำการติดต่อซื้อยาเสพติด ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้จัดการดารา โดยพบว่าแซ็กมีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง กับการค้ายาอย่างต่อเนื่อง และเป็นขาประจำในวงการนี้มานานแล้ว

    🚨 ภารกิจบุกค้นจับกุม! พบของกลางยาเสพติดเพียบ ป.ป.ส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ “แซ็ก I-ZAX” และตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติดหลายประเภท ทั้ง

    - ยาบ้า
    - ไอซ์ เมทแอมเฟตามีน พิ้งค์โกลด์ สีทอง
    - เอ็กซ์ตาซี
    - เคตามีน
    - MDMA

    รวมไปถึงอุปกรณ์เสพ และชั่งตวงวัดน้ำหนักยา ที่บ่งชี้ถึงการกระจายสินค้า ในระดับแกนนำหัวจ่าย ของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🚔📦

    การค้นพบครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อของ “แซ็ก I-ZAX” ติดอันดับข่าวหน้าหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผล เพื่อจับกุมศิลปิน และดาราในวงการบันเทิง ที่เกี่ยวข้องกับการเสพ และค้ายาอีกหลายราย 🎭💊

    🎸 จากตำนานวงร็อก สู่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เส้นทางศิลปินของ I-ZAX วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 ในนาม ไอ-แซ็ก (I-ZAX)

    สมาชิกดั้งเดิม 5 คน ได้แก่
    - พัชรพล ปานพุ่ม หรือแซ็ก นักร้องนำ
    - พงศภัค ทองเจริญ หรือเพชร มือกีตาร์
    - ชัชวาล พูลผล หรือชัช มือเบส
    - จาตุรงค์ เนื่องจำนงค์ หรือจา มือกลอง
    - คำรณ เต่าทอง หรือยา มือคีย์บอร์ด

    มีผลงานอัลบั้มดัง เช่น
    🎶 คนรักกัน (2545)
    🎶 ใจถึงใจ (2547)
    🎶 Tag Team (2549)

    เพลงฮิตระดับชาติอย่าง "ดอกไม้กับหัวใจ", "ปวดใจ" และ "เขียนใจให้เป็นเพลง" เคยทำให้ “แซ็ก” กลายเป็นขวัญใจแฟนเพลงทั่วประเทศ

    🕵️‍♂️ ความจริงอีกด้าน ที่ซ่อนอยู่หลังไมค์ หลังจากห่างหายไปจากวงการเพลง เนื่องจากอาการป่วยไทรอยด์เป็นพิษ แซ็กได้กลับมาร่วมรายการ The Mask Mirror ในปี 2562 ใต้หน้ากาก “น้ำพริกหมู” พร้อมเล่าประสบการณ์ ที่ทุกข์ทรมานจากโรคร้าย จนแฟนเพลงหลายคน ต่างสงสารและเห็นใจ ❤️‍🩹

    แต่เบื้องหลังชีวิตใหม่ ที่ดูเหมือนจะสดใส กลับมีความลับมืดดำซ่อนอยู่! จากการสืบสวนพบว่า แซ็กกลับเข้าไปพัวพัน กับเครือข่ายยาเสพติดอีกครั้ง และในฐานะ “แกนนำระดับหัวจ่าย” ซึ่งมีเครือข่ายลูกค้ามากมาย รวมถึงศิลปิน และดาราในวงการบันเทิงด้วย 💼💸

    ⚖️ ผลกระทบต่อวงการบันเทิง และดนตรีไทย การจับกุมแซ็กในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้วงการเพลงสะเทือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนแรง ถึงวงการบันเทิงไทยว่า ยาเสพติดยังคงเป็นภัยร้าย ที่แฝงตัวในทุกแวดวงสังคม 🚫💉

    ป.ป.ส. เตรียมขยายผลการจับกุม ไปยังเครือข่ายดารา-ศิลปิน ที่เกี่ยวข้องกับแซ็ก I-ZAX อย่างละเอียด และจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม ในเร็ววันนี้

    📢 ยาเสพติดไม่เพียงแต่ ทำลายชีวิตของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังทำลายอนาคต สังคม และครอบครัวอีกด้วย ❌🧬 โทษจำคุกสูงสุดถึง โทษประหารชีวิต การครอบครองยาเสพติดประเภท 1 เช่น ไอซ์, เฮโรอีน, MDMA การจำหน่ายหรือผลิต มีโทษหนักทั้งจำคุกตลอดชีวิต และโทษปรับมหาศาล

    การเลือกเดินทางผิดของแซ็ก I-ZAX ถือเป็นกรณีศึกษาเตือนใจทุกคน ที่อาจหลงผิดในเส้นทางอันตรายนี้ 🛑

    🛡️ สรุปบทเรียนจากคดี “แซ็ก I-ZAX” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
    ✅ ไม่มีใครหนีพ้นความยุติธรรม
    ✅ ชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยปกป้องจากผลของการกระทำผิด
    ✅ วงการบันเทิงควรมีการตรวจสอบภายใน และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และจริยธรรมของศิลปิน

    ✍️ การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนปัญหาลึก ในสังคมบันเทิงไทย วง I-ZAX ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ กลับกลายเป็นข่าวฉาวระดับชาติ สังคมจึงควรตระหนัก และร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดในทุกมิติ 🚫🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181605 มี.ค. 2568

    📌 #แซ็กIZAX #ค้ายาเสพติด #ปปสจับแซ็ก #ข่าวดารา #ข่าวดังวันนี้ #IZAXวงร็อก #ข่าววงการเพลง #ยาเสพติดข้ามชาติ #ข่าวด่วนไทย #จับกุมนักร้องดัง
    ปปส. จับนักร้องนำ I-ZAX “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” แกนนำขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🌐⚖️ ปลุกกระแสวงการเพลงร็อกไทยให้สั่นสะเทือน! ข่าวใหญ่ที่ทุกคนไม่คาดคิด นักร้องนำวงร็อกระดับตำนาน “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “แซ็ก I-ZAX” ถูกจับในคดีค้ายาเสพติดข้ามชาติ โดยสำนักงาน ป.ป.ส. บุกค้นและยึดของกลาง ยาเสพติดจำนวนมหาศาลที่บ้านพัก สร้างความตกตะลึงให้แฟนเพลง และวงการบันเทิงไทยอีกครั้ง 😱🎤 📌 จุดเริ่มต้นของการจับกุม ที่สั่นสะเทือนวงการ หน่วยงานความมั่นคงจีน ได้จับกุมคนไทย ที่ลักลอบขนยาเสพติด เข้าไปในประเทศจีน และได้ประสานข้อมูลกับสำนักงาน ป.ป.ส. ไทย อย่างรวดเร็ว ข้อมูลที่ได้ กลายเป็นกุญแจสำคัญ ในการขยายผลสืบสวน จนพบเครือข่ายค้ายาข้ามชาติ ที่มีแกนนำเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ในวงการบันเทิงไทย เมื่อข้อมูลจากจีนถึงมือ ป.ป.ส. ไทย เจ้าหน้าที่จึงเริ่มดำเนินการสืบสวนขยายผล ในเครือข่ายผู้ซื้อ-ผู้ขายผ่านช่องทางออนไลน์ 📱💻 กระทั่งพบเบาะแสที่นำไปสู่การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ขณะที่แซ็กทำการติดต่อซื้อยาเสพติด ในจังหวะที่เจ้าหน้าที่จับกุมผู้จัดการดารา โดยพบว่าแซ็กมีพฤติกรรมเกี่ยวข้อง กับการค้ายาอย่างต่อเนื่อง และเป็นขาประจำในวงการนี้มานานแล้ว 🚨 ภารกิจบุกค้นจับกุม! พบของกลางยาเสพติดเพียบ ป.ป.ส. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการพิเศษ ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของ “แซ็ก I-ZAX” และตรวจยึดของกลาง เป็นยาเสพติดหลายประเภท ทั้ง - ยาบ้า - ไอซ์ เมทแอมเฟตามีน พิ้งค์โกลด์ สีทอง - เอ็กซ์ตาซี - เคตามีน - MDMA รวมไปถึงอุปกรณ์เสพ และชั่งตวงวัดน้ำหนักยา ที่บ่งชี้ถึงการกระจายสินค้า ในระดับแกนนำหัวจ่าย ของขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ 🚔📦 การค้นพบครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้ชื่อของ “แซ็ก I-ZAX” ติดอันดับข่าวหน้าหนึ่งเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายผล เพื่อจับกุมศิลปิน และดาราในวงการบันเทิง ที่เกี่ยวข้องกับการเสพ และค้ายาอีกหลายราย 🎭💊 🎸 จากตำนานวงร็อก สู่ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เส้นทางศิลปินของ I-ZAX วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นยุค 2000 ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2545 ในนาม ไอ-แซ็ก (I-ZAX) สมาชิกดั้งเดิม 5 คน ได้แก่ - พัชรพล ปานพุ่ม หรือแซ็ก นักร้องนำ - พงศภัค ทองเจริญ หรือเพชร มือกีตาร์ - ชัชวาล พูลผล หรือชัช มือเบส - จาตุรงค์ เนื่องจำนงค์ หรือจา มือกลอง - คำรณ เต่าทอง หรือยา มือคีย์บอร์ด มีผลงานอัลบั้มดัง เช่น 🎶 คนรักกัน (2545) 🎶 ใจถึงใจ (2547) 🎶 Tag Team (2549) เพลงฮิตระดับชาติอย่าง "ดอกไม้กับหัวใจ", "ปวดใจ" และ "เขียนใจให้เป็นเพลง" เคยทำให้ “แซ็ก” กลายเป็นขวัญใจแฟนเพลงทั่วประเทศ 🕵️‍♂️ ความจริงอีกด้าน ที่ซ่อนอยู่หลังไมค์ หลังจากห่างหายไปจากวงการเพลง เนื่องจากอาการป่วยไทรอยด์เป็นพิษ แซ็กได้กลับมาร่วมรายการ The Mask Mirror ในปี 2562 ใต้หน้ากาก “น้ำพริกหมู” พร้อมเล่าประสบการณ์ ที่ทุกข์ทรมานจากโรคร้าย จนแฟนเพลงหลายคน ต่างสงสารและเห็นใจ ❤️‍🩹 แต่เบื้องหลังชีวิตใหม่ ที่ดูเหมือนจะสดใส กลับมีความลับมืดดำซ่อนอยู่! จากการสืบสวนพบว่า แซ็กกลับเข้าไปพัวพัน กับเครือข่ายยาเสพติดอีกครั้ง และในฐานะ “แกนนำระดับหัวจ่าย” ซึ่งมีเครือข่ายลูกค้ามากมาย รวมถึงศิลปิน และดาราในวงการบันเทิงด้วย 💼💸 ⚖️ ผลกระทบต่อวงการบันเทิง และดนตรีไทย การจับกุมแซ็กในครั้งนี้ ไม่เพียงทำให้วงการเพลงสะเทือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญญาณเตือนแรง ถึงวงการบันเทิงไทยว่า ยาเสพติดยังคงเป็นภัยร้าย ที่แฝงตัวในทุกแวดวงสังคม 🚫💉 ป.ป.ส. เตรียมขยายผลการจับกุม ไปยังเครือข่ายดารา-ศิลปิน ที่เกี่ยวข้องกับแซ็ก I-ZAX อย่างละเอียด และจะมีการออกหมายจับเพิ่มเติม ในเร็ววันนี้ 📢 ยาเสพติดไม่เพียงแต่ ทำลายชีวิตของผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังทำลายอนาคต สังคม และครอบครัวอีกด้วย ❌🧬 โทษจำคุกสูงสุดถึง โทษประหารชีวิต การครอบครองยาเสพติดประเภท 1 เช่น ไอซ์, เฮโรอีน, MDMA การจำหน่ายหรือผลิต มีโทษหนักทั้งจำคุกตลอดชีวิต และโทษปรับมหาศาล การเลือกเดินทางผิดของแซ็ก I-ZAX ถือเป็นกรณีศึกษาเตือนใจทุกคน ที่อาจหลงผิดในเส้นทางอันตรายนี้ 🛑 🛡️ สรุปบทเรียนจากคดี “แซ็ก I-ZAX” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ✅ ไม่มีใครหนีพ้นความยุติธรรม ✅ ชื่อเสียงและความสำเร็จ ไม่ได้ช่วยปกป้องจากผลของการกระทำผิด ✅ วงการบันเทิงควรมีการตรวจสอบภายใน และให้ความสำคัญกับสุขภาพจิต และจริยธรรมของศิลปิน ✍️ การจับกุม “แซ็ก-วัชรพล ปานพุ่ม” ถือเป็นข่าวใหญ่ที่สะท้อนปัญหาลึก ในสังคมบันเทิงไทย วง I-ZAX ที่เคยเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ กลับกลายเป็นข่าวฉาวระดับชาติ สังคมจึงควรตระหนัก และร่วมมือกันต่อต้านยาเสพติดในทุกมิติ 🚫🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181605 มี.ค. 2568 📌 #แซ็กIZAX #ค้ายาเสพติด #ปปสจับแซ็ก #ข่าวดารา #ข่าวดังวันนี้ #IZAXวงร็อก #ข่าววงการเพลง #ยาเสพติดข้ามชาติ #ข่าวด่วนไทย #จับกุมนักร้องดัง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกกลุ่มฮูตีว่า “สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว” (terrifying monster) ในระหว่างการพูดกล่าวหาอิหร่านว่า : Iran has created this terrifying monster(the Houthis) and now they must take responsibility for it.

    “กลุ่มฮูตีไม่ใช่รัฐบาลของเยเมน กลุ่มฮูตีไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งที่พวกเขาทำได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอิหร่าน กลุ่มฮูตีได้เรียนรู้วิธีสร้างโดรนต่อต้านเรือขั้นสูง แต่เทคโนโลยีนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง อิหร่านกำลังช่วยเหลือกลุ่มฮูตีในการสร้างสิ่งเหล่านี้และจัดหาเงินทุนให้กับพวกเขาเพื่อดำเนินการดังกล่าว อิหร่านสร้างสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวนี้ขึ้นมา และตอนนี้พวกเขาต้องรับผิดชอบมัน”
    — มาร์โก รูบิโอมาร์โก รูบิโอ

    สิ่งที่ทุกคนควรต้องรู้ :
    ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สหรัฐและอิสราเอลร่วมมือกันสังหารชาวปาเลสไตน์ เลบานอน และซีเรียไปแล้วกว่า 100,000 ราย
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกกลุ่มฮูตีว่า “สัตว์ประหลาดที่น่ากลัว” (terrifying monster) ในระหว่างการพูดกล่าวหาอิหร่านว่า : Iran has created this terrifying monster(the Houthis) and now they must take responsibility for it. “กลุ่มฮูตีไม่ใช่รัฐบาลของเยเมน กลุ่มฮูตีไม่มีความสามารถที่จะทำสิ่งที่พวกเขาทำได้หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากอิหร่าน กลุ่มฮูตีได้เรียนรู้วิธีสร้างโดรนต่อต้านเรือขั้นสูง แต่เทคโนโลยีนี้มาจากที่ไหนสักแห่ง อิหร่านกำลังช่วยเหลือกลุ่มฮูตีในการสร้างสิ่งเหล่านี้และจัดหาเงินทุนให้กับพวกเขาเพื่อดำเนินการดังกล่าว อิหร่านสร้างสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวนี้ขึ้นมา และตอนนี้พวกเขาต้องรับผิดชอบมัน” — มาร์โก รูบิโอมาร์โก รูบิโอ สิ่งที่ทุกคนควรต้องรู้ : ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา สหรัฐและอิสราเอลร่วมมือกันสังหารชาวปาเลสไตน์ เลบานอน และซีเรียไปแล้วกว่า 100,000 ราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อ "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ข่าวที่แพร่กระจายอยุ่ตอนนี้คือข่าวปลอม
    - มาเรีย ซาคาโรวา

    เมื่อวันอาทิตย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียปฏิเสธกระแสข่าวที่อ้างว่ารัสเซียได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ โดยกล่าวว่าข่าวดังกล่าวเป็น "ข่าวปลอม"

    รายงานของ "ข่าวปลอม" ระบุว่า รัสเซียได้ยกเลิกการคว่ำบาตรรูบิโอแล้ว หลังจากการพบปะเพื่อเจรจาเหตุการณ์ในยูเครนระหว่างรูบิโอและเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย

    รูบิโอถูกรัสเซียกำหนดให้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรโดยมีมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ รวมถึงการห้ามเข้าประเทศรัสเซีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นสงครามในยูเครน ในช่วงเวลานั้นรูบิโอแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียอย่างรุนแรง
    ขณะนี้ยังไม่มีการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อ "รูบิโอ" รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ ข่าวที่แพร่กระจายอยุ่ตอนนี้คือข่าวปลอม - มาเรีย ซาคาโรวา เมื่อวันอาทิตย์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียปฏิเสธกระแสข่าวที่อ้างว่ารัสเซียได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มาร์โก รูบิโอ โดยกล่าวว่าข่าวดังกล่าวเป็น "ข่าวปลอม" รายงานของ "ข่าวปลอม" ระบุว่า รัสเซียได้ยกเลิกการคว่ำบาตรรูบิโอแล้ว หลังจากการพบปะเพื่อเจรจาเหตุการณ์ในยูเครนระหว่างรูบิโอและเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย รูบิโอถูกรัสเซียกำหนดให้อยู่ในรายชื่อถูกคว่ำบาตรโดยมีมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ รวมถึงการห้ามเข้าประเทศรัสเซีย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นสงครามในยูเครน ในช่วงเวลานั้นรูบิโอแสดงท่าทีต่อต้านรัสเซียอย่างรุนแรง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • การสังหารพลเรือนโดยสมาชิก HTS ของรัฐบาลซีเรียไม่ได้ลดลงเลย เพียงแต่พวกเขาลดการถ่ายวิดีโอลงเท่านั้น

    นี่คือการก่อเหตุสังหารหมู่ชาวชีอะห์และอลาไวย์ครั้งใหม่บนชายฝั่งซีเรียตะวันตก

    รัฐบาลของโจลานีใช้ข้ออ้างในการเข้าปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ต่อมาพวกเขาเริ่มสังหารประชาชนจากความไม่พอใจที่มีมาตั้งแต่ในอดีต
    การสังหารพลเรือนโดยสมาชิก HTS ของรัฐบาลซีเรียไม่ได้ลดลงเลย เพียงแต่พวกเขาลดการถ่ายวิดีโอลงเท่านั้น นี่คือการก่อเหตุสังหารหมู่ชาวชีอะห์และอลาไวย์ครั้งใหม่บนชายฝั่งซีเรียตะวันตก รัฐบาลของโจลานีใช้ข้ออ้างในการเข้าปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ต่อมาพวกเขาเริ่มสังหารประชาชนจากความไม่พอใจที่มีมาตั้งแต่ในอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพบางส่วนของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเซอร์เบีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ฝักใฝ่ยุโรป

    สื่อตะวันตกรวมทั้งสื่อในเซอร์เบียที่อิงแอบยุโรป ยกย่องว่านักศึกษาเหล่านี้คือฮีโร่ และเป็นอนาคตของชาติที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ หลุดพ้นอิทธิพลจากรัสเซีย
    ภาพบางส่วนของกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลเซอร์เบีย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาที่ฝักใฝ่ยุโรป สื่อตะวันตกรวมทั้งสื่อในเซอร์เบียที่อิงแอบยุโรป ยกย่องว่านักศึกษาเหล่านี้คือฮีโร่ และเป็นอนาคตของชาติที่จะมาเปลี่ยนแปลงประเทศ หลุดพ้นอิทธิพลจากรัสเซีย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 38 0 รีวิว
  • ตราบใดที่ฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยม ไม่ชนะการเลือกตั้งในเซอร์เบีย การประท้วงคงไม่จบลง!

    ภาพการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของชาวเซอร์เบียมากกว่าแสนคนกลางกรุงเบลเกรดเมืองหลวงของเซอร์เบีย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และกลุ่มคนหลากหลายอาชีพในวัยทำงาน

    การประท้วงต่อต้านรัฐบาลมีต่อเนื่องมานานหลายเดือน โดยพุ่งเป้าโจมตีไปที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช ซึ่งมีความสนิทสนมกับปูติน โดยใช้เหตุการณ์หลังคาสถานีรถไฟถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 15 คน ในการปลุกระดมผู้คนให้ออกมาประท้วง และลุกลามไปเรื่องการทุจริตของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลเซอร์เบียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาหลังคาถล่มว่าเป็นอุบัติเหตุก็ตาม
    ตราบใดที่ฝ่ายซ้าย หรือเสรีนิยม ไม่ชนะการเลือกตั้งในเซอร์เบีย การประท้วงคงไม่จบลง! ภาพการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลของชาวเซอร์เบียมากกว่าแสนคนกลางกรุงเบลเกรดเมืองหลวงของเซอร์เบีย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษา อาจารย์ และกลุ่มคนหลากหลายอาชีพในวัยทำงาน การประท้วงต่อต้านรัฐบาลมีต่อเนื่องมานานหลายเดือน โดยพุ่งเป้าโจมตีไปที่ประธานาธิบดีอเล็กซานดาร์ วูซิช ซึ่งมีความสนิทสนมกับปูติน โดยใช้เหตุการณ์หลังคาสถานีรถไฟถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 15 คน ในการปลุกระดมผู้คนให้ออกมาประท้วง และลุกลามไปเรื่องการทุจริตของรัฐบาล แม้ว่ารัฐบาลเซอร์เบียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริตและข้อกล่าวหาหลังคาถล่มว่าเป็นอุบัติเหตุก็ตาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพยูเครน (AFU) "ประสบความสำเร็จ" ในการใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรือเนปจูน (Neptune) ซึ่งมีพิสัยการยิงสูงสุดถึง 1,000 กม. ในการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันตูอัปเซ (Tuapse oil refinery) ในแคว้นครัสโนดาร์ (Krasnodar) ของรัสเซีย
    - Zelensky ประกาศแสดงความยินดี

    ขีปนาวุธดังกล่าวถูกปรับปรุงใหม่โดยกองทัพยูเครนทำให้มีพิสัยการโจมตีจากเดิม 300 กม. เป็น 1,000 กม. ทำให้ยูเครนมีขีดความสามารถในการโจมตีเข้ามาในดินแดนรัสเซียในระยะไกลขึ้น

    ทางด้านรัสเซียรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา "ศัตรู" ได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในเมืองตูอัปเซ ส่งผลให้ถังเก็บน้ำมันหนึ่งถังเกิดไฟไหม้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ อาวุธดังกล่าวยังถูกยิงตกเหนือภูมิภาคซาราตอฟและโวโรเนจอีกด้วย
    กองทัพยูเครน (AFU) "ประสบความสำเร็จ" ในการใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรือเนปจูน (Neptune) ซึ่งมีพิสัยการยิงสูงสุดถึง 1,000 กม. ในการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันตูอัปเซ (Tuapse oil refinery) ในแคว้นครัสโนดาร์ (Krasnodar) ของรัสเซีย - Zelensky ประกาศแสดงความยินดี ขีปนาวุธดังกล่าวถูกปรับปรุงใหม่โดยกองทัพยูเครนทำให้มีพิสัยการโจมตีจากเดิม 300 กม. เป็น 1,000 กม. ทำให้ยูเครนมีขีดความสามารถในการโจมตีเข้ามาในดินแดนรัสเซียในระยะไกลขึ้น ทางด้านรัสเซียรายงานว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา "ศัตรู" ได้โจมตีโรงกลั่นน้ำมันในเมืองตูอัปเซ ส่งผลให้ถังเก็บน้ำมันหนึ่งถังเกิดไฟไหม้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ อาวุธดังกล่าวยังถูกยิงตกเหนือภูมิภาคซาราตอฟและโวโรเนจอีกด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ใหญคับจักรวาล!!"

    สหรัฐมีคำสั่งไล่ออก พักงาน และเพิกถอนปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย 22 คน หลัง ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้จัดการขั้นเด็ดขาดต่อกลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านอิสราเอล
    "ใหญคับจักรวาล!!" สหรัฐมีคำสั่งไล่ออก พักงาน และเพิกถอนปริญญาของนักศึกษามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย 22 คน หลัง ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้จัดการขั้นเด็ดขาดต่อกลุ่มนักศึกษาที่ต่อต้านอิสราเอล
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts