• ..ยอมรับว่าเบื่อหน่ายทัังระบบข้าราชการพลเรือนและข้าราชการแบบส่วนท้องถิ่นมา อบต.อบท.อบจ.เหี้ยหมด ตลอดผู้ใหญ่บ้านก็ด้วย ซื้อเสียงหมด พรรคการเมืองระดับชาติคุมหมด,กำนันผีบ้าก็ไม่เลือกตั้งตรงอีก,สมบัติชาติ ทรัพยากรระดับท้องถิ่นใครมันสมควรไปสร้างประโยชน์สาธารณะระดับประเทศแบบบ่อน้ำมันในพื้นที่ อบต.อบท.อบจ.อำเภอ จังหวัดนั้นๆอะไรจะไม่เห็นจริงได้ไง,นำพาประชาชนเรียกร้องห้ามเปืดสัมปทานยกให้ต่างชาติสิ,เอาสื่อหลักมาตีแผ่ความจริงก็ไม่ทำ ทั้งผู้ว่า นายอำเภอนั้นๆ ปิดปากเงียบร่วมกับอบต.อบท.อบจ.นัันๆอีก,ไม่รวมบ่อทองคำด้วย,ถ้าค่ายบางระจันมีจริง แต่ละอบต.อบท.อบจ.นายอำเภอผู้ว่านั้นๆต้องเปิดค่ายบางระจันรบเลย เต็มตรึมทั่วบนแผ่นดิน สร้างกองทัพมวลชนปลุกคนไทยพื้นที่อื่นๆมารู้จะมากมายขนาดไหน,นี้คือวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลว,ชาติไทยดำรงมั่นคงดักดานในความยากจนเกินพอแล้วจริงๆ ร.5เราคือตัวอย่างที่ดีชัดเจน จนต่างชาติหวาดกลัวในภูมิภาคนี้ เกินหน้าชาติใดๆก็ว่า เกาหลีใต้ยังขี้เล็บเราเลยสมัยนั้น.,ฝรั่งมันกลัวเราจึงตัดขาเราทุกๆรูปแบบ.จึงฝรั่งได้มุกสำเร็จในยุคกบฎคณะ2475 ประชุมกองโจรกบฎก็ทำที่ชาติฝรั่งมันอำนวยสถานที่ทัังประสานงานและก่อการอำนวยสร้าง,
    ..แม้ข้ามเดือนนี้ไปก็ไม่ต้องการข้าม ถีบๆลงไปเถอะทั้งหมดพวกหนักแผ่นดินไทย.,ทุบทิ้งกลางเดือนนี้ยิ่งดี.

    https://youtube.com/shorts/NLiCRW-2iG4?si=9YNOkJvL7sfljW3Y
    ..ยอมรับว่าเบื่อหน่ายทัังระบบข้าราชการพลเรือนและข้าราชการแบบส่วนท้องถิ่นมา อบต.อบท.อบจ.เหี้ยหมด ตลอดผู้ใหญ่บ้านก็ด้วย ซื้อเสียงหมด พรรคการเมืองระดับชาติคุมหมด,กำนันผีบ้าก็ไม่เลือกตั้งตรงอีก,สมบัติชาติ ทรัพยากรระดับท้องถิ่นใครมันสมควรไปสร้างประโยชน์สาธารณะระดับประเทศแบบบ่อน้ำมันในพื้นที่ อบต.อบท.อบจ.อำเภอ จังหวัดนั้นๆอะไรจะไม่เห็นจริงได้ไง,นำพาประชาชนเรียกร้องห้ามเปืดสัมปทานยกให้ต่างชาติสิ,เอาสื่อหลักมาตีแผ่ความจริงก็ไม่ทำ ทั้งผู้ว่า นายอำเภอนั้นๆ ปิดปากเงียบร่วมกับอบต.อบท.อบจ.นัันๆอีก,ไม่รวมบ่อทองคำด้วย,ถ้าค่ายบางระจันมีจริง แต่ละอบต.อบท.อบจ.นายอำเภอผู้ว่านั้นๆต้องเปิดค่ายบางระจันรบเลย เต็มตรึมทั่วบนแผ่นดิน สร้างกองทัพมวลชนปลุกคนไทยพื้นที่อื่นๆมารู้จะมากมายขนาดไหน,นี้คือวิถีปกครองที่ผิดพลาดและล้มเหลว,ชาติไทยดำรงมั่นคงดักดานในความยากจนเกินพอแล้วจริงๆ ร.5เราคือตัวอย่างที่ดีชัดเจน จนต่างชาติหวาดกลัวในภูมิภาคนี้ เกินหน้าชาติใดๆก็ว่า เกาหลีใต้ยังขี้เล็บเราเลยสมัยนั้น.,ฝรั่งมันกลัวเราจึงตัดขาเราทุกๆรูปแบบ.จึงฝรั่งได้มุกสำเร็จในยุคกบฎคณะ2475 ประชุมกองโจรกบฎก็ทำที่ชาติฝรั่งมันอำนวยสถานที่ทัังประสานงานและก่อการอำนวยสร้าง, ..แม้ข้ามเดือนนี้ไปก็ไม่ต้องการข้าม ถีบๆลงไปเถอะทั้งหมดพวกหนักแผ่นดินไทย.,ทุบทิ้งกลางเดือนนี้ยิ่งดี. https://youtube.com/shorts/NLiCRW-2iG4?si=9YNOkJvL7sfljW3Y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดสงขลาไม่ให้ประกันตัว สจ.กอล์ฟและลูกน้องทั้ง 7 คน เหตุเป็นคดีใหญ่ กระทำการอุกอาจทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ คุมตัวส่งเรือนจำจังหวัดสงขลาทันที

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045035

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดสงขลาไม่ให้ประกันตัว สจ.กอล์ฟและลูกน้องทั้ง 7 คน เหตุเป็นคดีใหญ่ กระทำการอุกอาจทำร้ายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ คุมตัวส่งเรือนจำจังหวัดสงขลาทันที อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000045035 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร
    .
    วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี
    .
    นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ##
    #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สร้างอาชีพ สร้างชีวิต มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพมูลค่ากว่า 3 แสนบาท แก่สตรี แม่เลี้ยงเดี่ยวหรือด้อยโอกาส ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี และกรุงเทพมหานคร . วันนี้ (วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก พร้อมด้วย นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ และ นางสาวศุภรัตน์ สมบัติเจริญไทย หัวหน้าแผนกส่งเสริมการศึกษาและอาชีพ นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนนทบุรี มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้แก่สตรีที่มีรายได้น้อยมีภาระหน้าที่ดูแลคนในครอบครัว เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หรือด้อยโอกาสทางสังคม ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี และสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร รวม 2 แห่ง 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 393,570 บาท (สามแสนเก้าหมื่นสามพันห้าร้อยเจ็ดสิบบาทถ้วน) โดยมี นางสาวราภรณ์ พงศ์พนิตานนท์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านครอบครัว (ผู้แทนอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว) พร้อมด้วย นางสาวศุภวรรณ ขูดแก้ว ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ นางสาวพรมณี พุ่มอิ่ม ผู้อำนวยการศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง นางอภิรดี สุสุทธิ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ บ้านเกร็ดตระการ กรุงเทพมหานคร ร่วมในพิธี ณ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวภาคกลาง จังหวัดนนทบุรี . นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร กรรมการและรองเลขาธิการ เปิดเผยว่า โครงการ “ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” มีวัตถุประสงค์เพื่อมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพ แก่ สตรี บุรุษ พ่อเลี้ยงเดี่ยว หรือผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ ที่มีความรู้และความสามารถ ฐานะยากจน ขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ในการประกอบอาชีพ โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวและสถานคุ้มครองและพัฒนาอาชีพ จำนวน 12 แห่ง ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ ขอนแก่น ลำพูน ลำปาง เชียงราย และพิษณุโลก โดยมูลนิธิฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินการโครงการดังกล่าวนี้ จะมีส่วนสนับสนุน ช่วยสร้างอาชีพ สร้างรายได้ เลี้ยงตนเองและครอบครัว ลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืนต่อไป . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## #แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน.พรรคส้ม รับคลิปเสียงหลุดคุย "กฤษฎิ์" ของจริง ท้า "ธรรมนัส" มั่นใจข้อมูลเปิดชื่อมาใครย้ายอีก ถามกลับใช้วิธีดูดสส.แบบนี้เหมาะหรือไม่ ไม่รู้คนปล่อยมีเจตนาอะไรเหตุปชน.ไม่เสียหายเลย เผย หน่วยงานแรก ที่ยื่นตีความหนังสือยุติบทบาท คือกกต.

    วันที่ (14 พ.ค. 2568) ที่จังหวัดขอนแก่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงระหว่างตนเอง และนางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน โดยยืนยันว่า เป็นบทสนทนาของตนและนางสาวกฤษฎิ์จริง ซึ่งเมื่อตนได้ไปพูดคุย ก็ไม่ได้ทราบเช่นเดียวกันว่า ใครแอบอัด และคงตอบแทนนางสาวกฤษฎิ์ไม่ได้

    นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ภายหลังการทราบข่าว ไม่ได้มีความกังวลใจใดๆ เพราะตนรู้ตัวอยู่เสมอว่าเข้าไปพูดคุยอะไรบ้าง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้พูดคุยกันไป ไม่มีอะไรต่อขัดต่อหลักการของพรรค และเชื่อมั่นว่า เป็นการเข้าไปพูดคุย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวของนางสาวกฤษฎิ์ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจกับ สส.เขต 6 จังหวัดชลบุรี ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044978

    #MGROnline #กฤษฎิ์ #ธรรมนัส #พรรคประชาชน
    หน.พรรคส้ม รับคลิปเสียงหลุดคุย "กฤษฎิ์" ของจริง ท้า "ธรรมนัส" มั่นใจข้อมูลเปิดชื่อมาใครย้ายอีก ถามกลับใช้วิธีดูดสส.แบบนี้เหมาะหรือไม่ ไม่รู้คนปล่อยมีเจตนาอะไรเหตุปชน.ไม่เสียหายเลย เผย หน่วยงานแรก ที่ยื่นตีความหนังสือยุติบทบาท คือกกต. • วันที่ (14 พ.ค. 2568) ที่จังหวัดขอนแก่น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงระหว่างตนเอง และนางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน โดยยืนยันว่า เป็นบทสนทนาของตนและนางสาวกฤษฎิ์จริง ซึ่งเมื่อตนได้ไปพูดคุย ก็ไม่ได้ทราบเช่นเดียวกันว่า ใครแอบอัด และคงตอบแทนนางสาวกฤษฎิ์ไม่ได้ • นายณัฐพงษ์ ย้ำว่า ภายหลังการทราบข่าว ไม่ได้มีความกังวลใจใดๆ เพราะตนรู้ตัวอยู่เสมอว่าเข้าไปพูดคุยอะไรบ้าง เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ได้พูดคุยกันไป ไม่มีอะไรต่อขัดต่อหลักการของพรรค และเชื่อมั่นว่า เป็นการเข้าไปพูดคุย เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด แต่ที่ผ่านมา ในการแถลงข่าวของนางสาวกฤษฎิ์ ในฐานะที่ตนเป็นหัวหน้าพรรคประชาชน ที่ประชาชนให้ความไว้วางใจกับ สส.เขต 6 จังหวัดชลบุรี ก็ต้องให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000044978 • #MGROnline #กฤษฎิ์ #ธรรมนัส #พรรคประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ 14 พ.ค. 2568 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมาย ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา สนง.ปภ จังหวัดนครราชสีมา , อำเภอเมืองนครราชสีมา , องค์การบริหารส่วนตำบลจอหอ เทศบาลตำบลตลาด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายสถานีรถไฟบ้านเกาะ และเจ้าหน้าที่นายตรวจทางรถไฟ ลงพื้นที่ตรวจสอบอุโมงค์ทางลอดรถไฟ บริเวณบ้านหนองกะดังงา ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา กรณีน้ำท่วมขังจากฝนที่ตกหนัก เนื่องจากถูกขโมยตัดสายไฟที่ต่อไปยังเครื่องสูบน้ำ
    จากการตรวจสอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการแก้ไขในระยะเร่งด่วน ดังนี้
    1. การรถไฟ ได้ต่อสายไฟเข้ากับเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากอุโมงค์ คาดว่าในช่วงบ่ายจะสามารถระบายน้ำออกได้แล้วเสร็จ
    2. องค์การบริหารส่วนตำบลจอหอ และเทศบาลตำบลตลาด จะได้นำรถไถ และรถบรรทุกน้ำ เข้าล้างทำความสะอาดอุโมงค์
    3. การรถไฟ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขโมยสายไฟ กับสถานีตำรวจภูธรจอหอ เพื่อสืบหาผู้กระทำความผิด
    4. อำเภอเมืองนครราชสีมา ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรจอหอ ออกตรวจร้านขายของเก่าในพื้นที่ และแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกตรวจพื้นที่ เพื่อป้องกันการลักขโมยสายไฟ
    ระยะยาว นายตรวจทางรถไฟ ได้ของบประมาณจากการรถไฟ เพื่อวางสายไฟใต้ดินเชื่อมกับเครื่องสูบน้ำ และติดตั้งกล้องวงจรปิด ในบริเวณดังกล่าว
    วันนี้ 14 พ.ค. 2568 นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมาย ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครราชสีมา สนง.ปภ จังหวัดนครราชสีมา , อำเภอเมืองนครราชสีมา , องค์การบริหารส่วนตำบลจอหอ เทศบาลตำบลตลาด กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายสถานีรถไฟบ้านเกาะ และเจ้าหน้าที่นายตรวจทางรถไฟ ลงพื้นที่ตรวจสอบอุโมงค์ทางลอดรถไฟ บริเวณบ้านหนองกะดังงา ตำบลจอหอ อำเภอเมืองนครราชสีมา กรณีน้ำท่วมขังจากฝนที่ตกหนัก เนื่องจากถูกขโมยตัดสายไฟที่ต่อไปยังเครื่องสูบน้ำ จากการตรวจสอบ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการแก้ไขในระยะเร่งด่วน ดังนี้ 1. การรถไฟ ได้ต่อสายไฟเข้ากับเครื่องสูบน้ำ เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากอุโมงค์ คาดว่าในช่วงบ่ายจะสามารถระบายน้ำออกได้แล้วเสร็จ 2. องค์การบริหารส่วนตำบลจอหอ และเทศบาลตำบลตลาด จะได้นำรถไถ และรถบรรทุกน้ำ เข้าล้างทำความสะอาดอุโมงค์ 3. การรถไฟ ได้แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ขโมยสายไฟ กับสถานีตำรวจภูธรจอหอ เพื่อสืบหาผู้กระทำความผิด 4. อำเภอเมืองนครราชสีมา ร่วมกับสถานีตำรวจภูธรจอหอ ออกตรวจร้านขายของเก่าในพื้นที่ และแจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ออกตรวจพื้นที่ เพื่อป้องกันการลักขโมยสายไฟ ระยะยาว นายตรวจทางรถไฟ ได้ของบประมาณจากการรถไฟ เพื่อวางสายไฟใต้ดินเชื่อมกับเครื่องสูบน้ำ และติดตั้งกล้องวงจรปิด ในบริเวณดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานและจัดสัมมนา ระหว่างวันพุธที่ 14 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา
    .
    คณะกรรมาธิการศึกษาดูงานเรื่อง "การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยประชุมกับส่วนราชการของจังหวัดนคราชสีมา ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชั้น 4 ในประเด็น ดังนี้
    1) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณของ จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มจังหวัด”
    2) ประชุม เรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหาร งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและ ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา”
    3) ประชุม เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา”
    4) ประชุม เรื่อง “โครงการก่อสร้างศูนย์การประชุม นานาชาติและการแสดงสินค้าขนาดใหญ่”
    5) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา ๒๕๗๒ "
    6) เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการรถไฟ ความเร็วสูงไทย - จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -นครราชสีมา"
    คณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ศึกษาดูงานและจัดสัมมนา ระหว่างวันพุธที่ 14 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา . คณะกรรมาธิการศึกษาดูงานเรื่อง "การจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ ของจังหวัดนครราชสีมา โดยประชุมกับส่วนราชการของจังหวัดนคราชสีมา ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดชั้น 4 ในประเด็น ดังนี้ 1) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณของ จังหวัดนครราชสีมาและกลุ่มจังหวัด” 2) ประชุม เรื่อง “ศึกษาและติดตามการบริหาร งบประมาณขององค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมาและ ท้องถิ่นจังหวัดนครราชสีมา” 3) ประชุม เรื่อง “การบริหารจัดการน้ำเพื่อแก้ไขปัญหา ภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา” 4) ประชุม เรื่อง “โครงการก่อสร้างศูนย์การประชุม นานาชาติและการแสดงสินค้าขนาดใหญ่” 5) ประชุม เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณ โครงการมหกรรมพืชสวนโลกนครราชสีมา ๒๕๗๒ " 6) เรื่อง “ติดตามการบริหารงบประมาณโครงการรถไฟ ความเร็วสูงไทย - จีน ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร -นครราชสีมา"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พระนิพพานแดนอมตะ

    ในเมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาท่านตรัสว่า
    นิพพานเป็นเอกันตบรมสุข
    ชื่อว่าเป็นสุขอย่างยิ่ง เราก็เข้าหาแดนของพระนิพพาน ต่อไป
    แดนของพระนิพพานจะได้แก่อะไรบ้าง ได้แก่

    ๑. ทาน
    การให้ เป็นการตัดโลภะ ความโลภ
    ๒. ศีล
    ทรงอารมณ์ดีมีเมตตาเป็นปกติ เป็นการตัดความโกรธ
    ๓. ภาวนา
    ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายกำลังทำอยู่

    อันนี้ชื่อว่าเป็นปรมัตถปฏิบัติ เป็นการปฏิบัติสูงอย่างยิ่ง
    อันดับแรกทำจิตใจของเราให้สบาย ด้วยอารมณ์ใจเป็นสมาธิ
    ยึดอารมณ์ที่เป็นกุศลเป็นสำคัญ
    แล้วนอกจากนั้น
    ก็พิจารณาไว้เสมอว่าเรากับโลกนี้
    เราจะต้องจากไปแน่วันหนึ่งข้างหน้า
    เมื่อจากไปแล้ว เราจะไม่กลับมาพบโลกนี้อีก
    ไม่พบเทวโลก แล้วก็ไม่พบพรหมโลก
    สิ่งที่เราปรารถนานั่นก็คือพระนิพพาน

    ถ้าบรรดาจิตของท่านพุทธบริษัททุกท่าน
    ค่อย ๆ คิดไว้อย่างนี้ทุก ๆ วัน
    วันละเล็กละน้อย
    แล้วก็คอยระวังจิต
    ว่าจิตถ้ามันจะมีความโลภ
    อยากจะยื้อแย่งทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน
    ก็ห้ามปรามมันไว้

    ถ้าอาการหากินด้วยความสุจริตธรรม
    องค์สมเด็จพระจอมไตรไม่ถือว่าเป็นความโลภ
    เป็นสัมมาอาชีวะ
    มีอยู่ ๑๐ บาท
    จะสร้างตัวให้ได้ ๑๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท
    ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท
    ด้วยสัมมาอาชีวะ
    อย่างนี้พระพุทธเจ้าไม่ถือว่าเป็นโลภ

    อยากจะแย่งเขา อย่างนี้เป็น โลภะ ความโลภ

    ประการที่ ๒ พยายามระงับ ความโกรธ
    ด้วยอาศัยศีล ๕ เป็นปกติ
    เพราะศีล ๕ นี่จะทรงได้เฉพาะอาศัยเมตตา กรุณา
    ทั้งสองประการนี่เป็นปัจจัยตัดความโกรธ
    ถ้าจิตทรงศีล ๕ ได้เป็นปกติ
    ก็ชื่อว่าท่านเป็นผู้ชนะความโกรธทีละน้อยละน้อย
    ในที่สุดความโกรธก็จะหายไป

    ประการที่ ๓ องค์สมเด็จพระจอมไตรบอกให้ตัด ความหลง
    ก็หมายความว่า พิจารณาว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา
    มันแก่ไปทุกวันไม่ช้ามันก็ตาย
    ตายแล้วเราคือจิตก็ไม่สามารถจะอาศัยร่างกายนี้ต่อไปได้
    ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า
    เป็นอันว่า เราไม่ต้องการมันอีก
    สภาวะที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนอย่างนี้
    ต้องการสภาวะที่เที่ยงจริง ๆ ที่เป็นแดนอมตะ

    คำว่าอมตะ แปลว่าไม่ตาย ไม่เคลื่อน
    ก็ได้แก่ พระนิพพาน

    ถ้าจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท คอยระวังไว้ว่า

    หนึ่ง เราจะไม่ยอมให้ความโลภ คือ
    อยากจะได้ทรัพย์สมบัติของชาวบ้านมาเป็นของเรา
    โดยไม่ชอบธรรม เก็บมันเข้าไว้
    ถ้าจิตมันคิดมาเมื่อไร
    มันเผลอก็อาจจะเป็นไปได้
    แต่ต่อไปคิดบ่อย ๆ มันก็ไม่เผลอ
    เพราะมีอารมณ์ชิน

    ประการที่สอง
    ถ้ามันจะละเมิดศีลก็ระมัดระวังไว้ว่า
    เวลาจะนอนก็คิดไว้
    วันนี้เราละเมิดศีล ๕ ข้อไหนบ้าง
    ถ้าหากว่ามันพลั้งพลาดไปบ้าง
    ก็ตั้งใจไว้ใหม่ว่าวันพรุ่งนี้
    เราจะไม่ยอมทำอย่างนี้
    แต่ก็มันอาจเผลอได้หมือนกันใหม่ ๆ
    ต่อไปไม่ช้าอาการก็จะชิน
    ชินก็จะทรงตัว
    เมื่อศีลทรงตัว แล้วก็เหลืออีกจุดเดียว คือ
    ทำจิตให้บริสุทธิ์ ก็เป็นของง่าย

    เอาล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย
    ต่อแต่นี้ไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น
    กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก
    ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย
    จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา


    หนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๓๒
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    วัดจันทาราม(ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี
    #พระนิพพานแดนอมตะ ในเมื่อองค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาท่านตรัสว่า นิพพานเป็นเอกันตบรมสุข ชื่อว่าเป็นสุขอย่างยิ่ง เราก็เข้าหาแดนของพระนิพพาน ต่อไป แดนของพระนิพพานจะได้แก่อะไรบ้าง ได้แก่ ๑. ทาน การให้ เป็นการตัดโลภะ ความโลภ ๒. ศีล ทรงอารมณ์ดีมีเมตตาเป็นปกติ เป็นการตัดความโกรธ ๓. ภาวนา ที่บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายกำลังทำอยู่ อันนี้ชื่อว่าเป็นปรมัตถปฏิบัติ เป็นการปฏิบัติสูงอย่างยิ่ง อันดับแรกทำจิตใจของเราให้สบาย ด้วยอารมณ์ใจเป็นสมาธิ ยึดอารมณ์ที่เป็นกุศลเป็นสำคัญ แล้วนอกจากนั้น ก็พิจารณาไว้เสมอว่าเรากับโลกนี้ เราจะต้องจากไปแน่วันหนึ่งข้างหน้า เมื่อจากไปแล้ว เราจะไม่กลับมาพบโลกนี้อีก ไม่พบเทวโลก แล้วก็ไม่พบพรหมโลก สิ่งที่เราปรารถนานั่นก็คือพระนิพพาน ถ้าบรรดาจิตของท่านพุทธบริษัททุกท่าน ค่อย ๆ คิดไว้อย่างนี้ทุก ๆ วัน วันละเล็กละน้อย แล้วก็คอยระวังจิต ว่าจิตถ้ามันจะมีความโลภ อยากจะยื้อแย่งทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน ก็ห้ามปรามมันไว้ ถ้าอาการหากินด้วยความสุจริตธรรม องค์สมเด็จพระจอมไตรไม่ถือว่าเป็นความโลภ เป็นสัมมาอาชีวะ มีอยู่ ๑๐ บาท จะสร้างตัวให้ได้ ๑๐๐ บาท ๑,๐๐๐ บาท ๑๐๐,๐๐๐ บาท ๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท ด้วยสัมมาอาชีวะ อย่างนี้พระพุทธเจ้าไม่ถือว่าเป็นโลภ อยากจะแย่งเขา อย่างนี้เป็น โลภะ ความโลภ ประการที่ ๒ พยายามระงับ ความโกรธ ด้วยอาศัยศีล ๕ เป็นปกติ เพราะศีล ๕ นี่จะทรงได้เฉพาะอาศัยเมตตา กรุณา ทั้งสองประการนี่เป็นปัจจัยตัดความโกรธ ถ้าจิตทรงศีล ๕ ได้เป็นปกติ ก็ชื่อว่าท่านเป็นผู้ชนะความโกรธทีละน้อยละน้อย ในที่สุดความโกรธก็จะหายไป ประการที่ ๓ องค์สมเด็จพระจอมไตรบอกให้ตัด ความหลง ก็หมายความว่า พิจารณาว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันแก่ไปทุกวันไม่ช้ามันก็ตาย ตายแล้วเราคือจิตก็ไม่สามารถจะอาศัยร่างกายนี้ต่อไปได้ ต้องก้าวต่อไปข้างหน้า เป็นอันว่า เราไม่ต้องการมันอีก สภาวะที่ไม่เที่ยงแท้แน่นอนอย่างนี้ ต้องการสภาวะที่เที่ยงจริง ๆ ที่เป็นแดนอมตะ คำว่าอมตะ แปลว่าไม่ตาย ไม่เคลื่อน ก็ได้แก่ พระนิพพาน ถ้าจิตใจของบรรดาท่านพุทธบริษัท คอยระวังไว้ว่า หนึ่ง เราจะไม่ยอมให้ความโลภ คือ อยากจะได้ทรัพย์สมบัติของชาวบ้านมาเป็นของเรา โดยไม่ชอบธรรม เก็บมันเข้าไว้ ถ้าจิตมันคิดมาเมื่อไร มันเผลอก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ต่อไปคิดบ่อย ๆ มันก็ไม่เผลอ เพราะมีอารมณ์ชิน ประการที่สอง ถ้ามันจะละเมิดศีลก็ระมัดระวังไว้ว่า เวลาจะนอนก็คิดไว้ วันนี้เราละเมิดศีล ๕ ข้อไหนบ้าง ถ้าหากว่ามันพลั้งพลาดไปบ้าง ก็ตั้งใจไว้ใหม่ว่าวันพรุ่งนี้ เราจะไม่ยอมทำอย่างนี้ แต่ก็มันอาจเผลอได้หมือนกันใหม่ ๆ ต่อไปไม่ช้าอาการก็จะชิน ชินก็จะทรงตัว เมื่อศีลทรงตัว แล้วก็เหลืออีกจุดเดียว คือ ทำจิตให้บริสุทธิ์ ก็เป็นของง่าย เอาล่ะบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ต่อแต่นี้ไปขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัย จนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา หนังสือ ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๓๒ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทาราม(ท่าซุง) จังหวัดอุทัยธานี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • แลกเปลี่ยน รับรู้ เข้าใจ
    พัฒนาการศึกษาไทยที่เท่าเทียม

    วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามความก้าวหน้าการบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG4) และพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG4) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อแลกเปลี่ยน สร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา ระดับพื้นที่ ตามหลักการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเป้าหมายที่ 4 คือการสร้างหลักประกันว่าทุกคนต้องมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุม และเท่าเทียม สนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    แลกเปลี่ยน รับรู้ เข้าใจ พัฒนาการศึกษาไทยที่เท่าเทียม วันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ โรงแรมโคราชโฮเต็ล #นายธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายก อบจ.นครราชสีมา ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการติดตามความก้าวหน้าการบรรลุเป้าหมายของการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG4) และพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา (SDG4) ของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครราชสีมา ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 เพื่อแลกเปลี่ยน สร้างความตระหนักรู้ ความเข้าใจการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนด้านการศึกษา ระดับพื้นที่ ตามหลักการขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในเป้าหมายที่ 4 คือการสร้างหลักประกันว่าทุกคนต้องมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุม และเท่าเทียม สนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสะพานมหาสวัสดิ์ แก้คอขวดราชพฤกษ์

    ถนนราชพฤกษ์ เส้นทางหลักจากย่านที่อยู่อาศัยบางใหญ่ บางบัวทอง จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ไปยังสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน สู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจสาทรและสีลม ปัจจุบันการใช้ที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีปริมาณการจราจรมากกว่า 120,000 คันต่อวัน แมัจะมีการขยายถนนเป็น 10 ช่องจราจร แต่ก็มีบางจุดมีลักษณะเป็นคอขวด ทำให้การจราจรติดขัดในช่วงเช้าและเย็น หนึ่งในนั้นคือบริเวณสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ รอยต่อระหว่างเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี

    กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักก่อสร้างสะพาน จึงดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ช่วง กม. 12+850 ถึง กม. 15+100 งบประมาณ 1,181.515 ล้านบาท ลักษณะเป็นสะพานยกระดับขนาด 2 ช่องจราจร ขนานไปกับสะพานเดิม กว้าง 8.50 เมตร ฝั่งขาเข้ายาว 2.10 กิโลเมตร และฝั่งขาออกยาว 1.90 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และงานเบ็ดเตล็ด เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2566 เป็นต้นมา โดยมีผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 30 ก.ย.2565 สิ้นสุดสัญญา 18 ธ.ค.2568

    ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เปิดใช้สะพานฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ แล้ว รับรถจากวงเวียนราชพฤกษ์ มุ่งหน้าไปยังทางพิเศษประจิมรัถยา ด่านตลิ่งชัน และทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี ส่วนสะพานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ จากสาทรมุ่งหน้าวงเวียนราชพฤกษ์ มีกำหนดจะเปิดในวันที่ 20 มิ.ย. ช่วยเพิ่มศักยภาพในการคมนาคมให้คล่องตัว ส่งเสริมและพัฒนาโครงข่ายถนนให้ครอบคลุมกับความต้องการในการเดินทาง อีกทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย

    สะพานดังกล่าวออกแบบมาพิเศษคล้ายทางยกระดับ เนื่องจากเขตทางเดิมไม่เพียงพอที่จะก่อสร้างทางขนานกับสะพานเดิมในรูปแบบทั่วไปได้ โดยใช้โครงสร้างเสาและส่วนบนเป็นโครงสร้างเหล็ก เพื่อให้งานก่อสร้างรวดเร็ว และกระทบกับการจราจรบนถนนราชพฤกษ์ให้น้อยที่สุด โดยทางขนานขนาด 2 ช่องจราจร วางตัวอยู่เหนือสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ (ทางหลัก) เดิม ซึ่งทำให้บริเวณนี้ไม่เกิดสภาพเป็นคอขวด

    ถนนราชพฤกษ์ ระยะทาง 42 กิโลเมตร จากแยกตากสินเชื่อมกับถนนเพชรเกษม ถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ถนนบรมราชชนนี ถนนนครอินทร์ (ไปตัวเมืองนนทบุรี) ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนชัยพฤกษ์ (ไปสะพานพระราม 4 และถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนสาย 345 และจังหวัดปทุมธานี เป็นย่านที่อยู่อาศัยชานเมือง นอกจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งแล้ว ยังมีศูนย์การค้าและคอมมูนิตีมอลล์อีกด้วย

    #Newskit
    เปิดสะพานมหาสวัสดิ์ แก้คอขวดราชพฤกษ์ ถนนราชพฤกษ์ เส้นทางหลักจากย่านที่อยู่อาศัยบางใหญ่ บางบัวทอง จ.นนทบุรี และ จ.ปทุมธานี ไปยังสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน สู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจสาทรและสีลม ปัจจุบันการใช้ที่ดินในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยามีการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว มีปริมาณการจราจรมากกว่า 120,000 คันต่อวัน แมัจะมีการขยายถนนเป็น 10 ช่องจราจร แต่ก็มีบางจุดมีลักษณะเป็นคอขวด ทำให้การจราจรติดขัดในช่วงเช้าและเย็น หนึ่งในนั้นคือบริเวณสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ รอยต่อระหว่างเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ และ ต.มหาสวัสดิ์ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี กรมทางหลวงชนบท โดยสำนักก่อสร้างสะพาน จึงดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ ช่วง กม. 12+850 ถึง กม. 15+100 งบประมาณ 1,181.515 ล้านบาท ลักษณะเป็นสะพานยกระดับขนาด 2 ช่องจราจร ขนานไปกับสะพานเดิม กว้าง 8.50 เมตร ฝั่งขาเข้ายาว 2.10 กิโลเมตร และฝั่งขาออกยาว 1.90 กิโลเมตร พร้อมก่อสร้างระบบระบายน้ำ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง และงานเบ็ดเตล็ด เริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. 2566 เป็นต้นมา โดยมีผู้รับจ้างก่อสร้าง คือ บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 30 ก.ย.2565 สิ้นสุดสัญญา 18 ธ.ค.2568 ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พ.ค. เปิดใช้สะพานฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ แล้ว รับรถจากวงเวียนราชพฤกษ์ มุ่งหน้าไปยังทางพิเศษประจิมรัถยา ด่านตลิ่งชัน และทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี ส่วนสะพานฝั่งขาออกกรุงเทพฯ จากสาทรมุ่งหน้าวงเวียนราชพฤกษ์ มีกำหนดจะเปิดในวันที่ 20 มิ.ย. ช่วยเพิ่มศักยภาพในการคมนาคมให้คล่องตัว ส่งเสริมและพัฒนาโครงข่ายถนนให้ครอบคลุมกับความต้องการในการเดินทาง อีกทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย สะพานดังกล่าวออกแบบมาพิเศษคล้ายทางยกระดับ เนื่องจากเขตทางเดิมไม่เพียงพอที่จะก่อสร้างทางขนานกับสะพานเดิมในรูปแบบทั่วไปได้ โดยใช้โครงสร้างเสาและส่วนบนเป็นโครงสร้างเหล็ก เพื่อให้งานก่อสร้างรวดเร็ว และกระทบกับการจราจรบนถนนราชพฤกษ์ให้น้อยที่สุด โดยทางขนานขนาด 2 ช่องจราจร วางตัวอยู่เหนือสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ (ทางหลัก) เดิม ซึ่งทำให้บริเวณนี้ไม่เกิดสภาพเป็นคอขวด ถนนราชพฤกษ์ ระยะทาง 42 กิโลเมตร จากแยกตากสินเชื่อมกับถนนเพชรเกษม ถนนพรานนก-พุทธมณฑล สาย 4 ถนนบรมราชชนนี ถนนนครอินทร์ (ไปตัวเมืองนนทบุรี) ถนนรัตนาธิเบศร์ ถนนชัยพฤกษ์ (ไปสะพานพระราม 4 และถนนแจ้งวัฒนะ) ถนนสาย 345 และจังหวัดปทุมธานี เป็นย่านที่อยู่อาศัยชานเมือง นอกจากโครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งแล้ว ยังมีศูนย์การค้าและคอมมูนิตีมอลล์อีกด้วย #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี

    ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป
    บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร
    บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา

    และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร
    ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร 

    พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย

    ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน

    นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ 

    แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ 

    แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล
    การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด 

    แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว

    ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้

    ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี

    เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย 
    แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ
    จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง

    แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น 

    และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า
    ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580 

    ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

    https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    "เกาะโลซิน"  เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ที่มีมูลค่าแสนล้าน  ขึ้นอยู่กับจังหวัด ปัตตานี ลักษณะของตัวเกาะโผล่พ้นน้ำขึ้นมาไม่เกิน 50 ตารางเมตร สภาพส่วนใหญ่เป็นหินล้วนไม่มีต้นไม้ใบหญ้า รอบเกาะน้ำตื้น หากจะขึ้นเกาะต้องนำเรือเล็กเข้าไป บนเกาะมีประภาคาร ที่ส่งไฟสัญญาณเตือนอยู่บนยอด และตัวประภาคารตั้งอยู่บนหินโผล่น้ำที่มีขนาดประมาณ 10 เมตร บริเวณรอบเกาะเป็นแหล่งปะการังที่อุดมสมบูรณ์กินพื้นที่ยาวหนึ่งกิโลเมตร มีพืชใต้น้ำและฝูงปลานานาชนิดโดยเฉพาะฉลามวาฬ ด้วยเหตุนี้เกาะโลซินเป็นที่นิยมของนักดำน้ำและนักตกปลา และเพราะเกาะโลซินนี่เอง ทำให้เรามี 'น่านน้ำอาณาเขต' ขยายออกไปจากชายฝั่งอีก 22.2 กิโลเมตร ในวิกิพีเดียอธิบายน่านน้ำอาณาเขต (Territorial Waters) หรือทะเลอาณาเขต (Territorial Sea) ว่าเป็นแนวน่านน้ำชายฝั่งวัดจากเส้นฐาน ปกติของน้ำทะเลในช่วงลงเต็มที่จนถึงปานกลางของชายฝั่งไปไกลสุดที่ 22.2 กิโลเมตร  พูดง่ายๆ ก็คือ ตำแหน่งไหนที่เป็นปลายทางที่อยู่ติดกับทะเลหรือในทะเล ถ้าใครได้เป็นเจ้าของ ประเทศนั้นก็จะได้ครอบครองน่านน้ำเพิ่มออกไปจากจุดนั้นอีก 22.2 กิโลเมตร รวมถึงบนฟ้าและใต้ดินที่อยู่ในอาณาเขตด้วย ก็แปลว่าประเทศไทย นอกจากจะเป็นเจ้าของพื้นที่รูปขวานใน Map โลกแล้ว หลายๆ เกาะในที่อยู่ไกลจากผืนดินมากที่สุด บวกเพิ่มไปอีก 22.2 กิโลเมตร ก็นับเป็นโซนของประเทศไทยเหมือนกัน นั่นแปลว่า พื้นที่ใต้น่านน้ำอาณาเขต หากมีทรัพยากรธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น แหล่งก๊าซธรรมชาติ ทรัพยากรธรรมชาติใต้น้ำนั้นจะเป็นของประเทศนั้น ๆ  แต่ก่อนทั้งไทยและมาเลเซียต่างก็เคยออกมาอ้างสิทธิในพื้นที่ทะเล ทำให้เกิดข้อถกเถียงกันขึ้น จนต้องเจรจากันอย่างจริงจังใน พ.ศ. 2515 โดยมีข้อสรุปในครั้งนั้น คือ  แบ่งเขตแดนทางทะเลด้วยวิธีการลากเส้นตั้งฉากจากแนวโค้งของผืนดินแต่ละฝ่าย หรือเรียกว่าเขตไหล่ทวีปตามหลักสากล การแบ่งด้วยวิธีนั้นทำให้พื้นที่แหล่งก๊าซธรรมชาติกลายเป็นของมาเลเซียทั้งหมด  แต่โชคดีของไทย ที่ยังมีเกาะโลซิน โดยไทยยืนยันว่าได้ก่อสร้างประภาคารไว้บนเกาะนี้เพื่อแสดงอาณาเขตไว้แล้ว ตามอนุสัญญาเจนีวา กฎหมายทางทะเล ค.ศ.1958 ที่ไทยเป็นสมาชิกในอนุสัญญา ได้ระบุความหมายของเกาะไว้ว่า "แผ่นดินที่มีน้ำล้อมรอบ" ซึ่งหมายถึงเกาะที่เป็นหิน หรือกองหินโผล่จากน้ำขึ้นมาด้วย ดังนั้น เกาะโลซินก็เลยกลายเป็นเกาะสุดท้ายของประเทศไทยที่ทำให้ฝ่ายมาเลเซียต้องยอมให้ ในปี 2522 ประเทศไทยและมาเลเซียเจรจาตกลงกำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วม (Joint Development Area) ครอบคลุมประมาณ 7,250 ตร.กม. โดยตั้งองค์กรขึ้นมาบริหารจัดการร่วมกันแล้วแบ่งผลประโยชน์คนละครึ่ง เป็นระยะเวลา 50 ปี เมื่อมีการสำรวจขุดเจาะก๊าซธรรมชาติขึ้นมาก็พบว่า แหล่งก๊าซที่มีปริมาณมากถึงราว 75% นั้น อยู่ในซีกพื้นที่ใกล้ชายฝั่งมาเลเซีย  แต่ไทยเราได้รับผลประโยชน์ไปด้วย เพราะ การอ้างอาณาเขตจากเกาะโลซินที่เป็นแค่กองหินเล็กๆ ขนาดไม่เกิน 50 ตร.ม. นั้นแหละ จนหลายคนตั้งชื่อเกาะโลซินใหม่ว่า "กองหินแสนล้าน" ตามมูลค่าของแหล่งก๊าซธรรมชาติที่สำรวจพบใต้น่านน้ำอาณาเขตนั่นเอง แต่ในปี 2572 ข้อตกลงเจรจาระหว่างไทย-มาเลเซีย ที่กำหนดพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลให้เป็นพื้นที่พัฒนาร่วมจะหมดอายุลง เกาะโลซินยังจะถูกเรียกเหมือนเดิมไหมไม่รู้ เพื่อนบ้านของเรา จะเปิดการเจรจาเพื่อตกลงผลประโยชน์ใหม่หรือเปล่า คงต้องรอกันจนถึงวันนั้น  และหากเรามาดูเป้าหมายของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่อยากจะแบ่งแยกตั้งตัวเองเป็นรัฐใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และอีกสามอำเภอของสงขลา โดยตั้งเป้าเอาไว้ว่า ในปี 2570 จะทำให้เกิดสงครามกลางเมือง จนแบ่งแยกดินแดนสำเร็จ ด้วยความช่วยเหลือจากนานาชาติ และนักการเมืองแนวร่วม ในปี 2580  ซึ่งหากกระทำการสำเร็จ เราจะไม่ได้เสียแค่ดินแดนบนผืนแผ่นดิน แต่เราจะสูญเสียเกาะโลซินที่รวมอยู่กับจังหวัดปัตตานี รวมถึงทรัพยากรแสนล้านใต้น่านน้ำอาณาเขต ที่เราได้จากการเป็นเจ้าของเกาะโลซินแห่งนี้ด้วยเช่นกัน https://www.facebook.com/share/p/1BdTQSpXHd/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค้นหาจนวินาทีสุดท้าย จบภารกิจกู้ภัยตึก สตง. : [NEWS UPDATE]

    น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าการกู้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ยุติการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งในวันที่ 13 พ.ค. นี้ สุนัข K9 จะสำรวจกองเศษวัสดุทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีชิ้นส่วนผู้สูญหายหลงเหลืออยู่ เพื่อถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทั้งเครื่องจักร ตู้คอนเทนเนอร์ และส่งมอบพื้นที่คืนให้ผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ จากยอดผู้ประสบเหตุ 109 ราย รอดชีวิต 9 ราย มีผู้ไม่ได้มาทำงานในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว 4 ราย นิติเวชระบุร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 89 ราย ซึ่งหลังยุติการค้นหาจะเป็นกระบวนของนิติเวชในการระบุตัวตนของชิ้นส่วนที่เหลือ 296 ชิ้น และตำรวจจะดำเนินการเกี่ยวกับคดี เตรียม ปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์พักคอยสำหรับญาติผู้สูญหาย แต่สำนักงานเขตจตุจักรยังจัดศูนย์พักพิงหากมีญาติประสงค์จะพักคอยอยู่

    -ประณามข่มขู่ทนายความ

    -ทดสอบเตือนภัย 5 จังหวัด

    -ท้องถิ่นสนใจตัวบุคคล

    -พายุเศรษฐกิจมาแน่
    ค้นหาจนวินาทีสุดท้าย จบภารกิจกู้ภัยตึก สตง. : [NEWS UPDATE] น.ส.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เผยความคืบหน้าการกู้ซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ได้ยุติการค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งในวันที่ 13 พ.ค. นี้ สุนัข K9 จะสำรวจกองเศษวัสดุทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีชิ้นส่วนผู้สูญหายหลงเหลืออยู่ เพื่อถอนกำลังออกจากพื้นที่ ทั้งเครื่องจักร ตู้คอนเทนเนอร์ และส่งมอบพื้นที่คืนให้ผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ จากยอดผู้ประสบเหตุ 109 ราย รอดชีวิต 9 ราย มีผู้ไม่ได้มาทำงานในวันเกิดเหตุแผ่นดินไหว 4 ราย นิติเวชระบุร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 89 ราย ซึ่งหลังยุติการค้นหาจะเป็นกระบวนของนิติเวชในการระบุตัวตนของชิ้นส่วนที่เหลือ 296 ชิ้น และตำรวจจะดำเนินการเกี่ยวกับคดี เตรียม ปิดศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และศูนย์พักคอยสำหรับญาติผู้สูญหาย แต่สำนักงานเขตจตุจักรยังจัดศูนย์พักพิงหากมีญาติประสงค์จะพักคอยอยู่ -ประณามข่มขู่ทนายความ -ทดสอบเตือนภัย 5 จังหวัด -ท้องถิ่นสนใจตัวบุคคล -พายุเศรษฐกิจมาแน่
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 26 0 รีวิว
  • กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา

    เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน)

    รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้

    ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที

    ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    กรณีมายาเกวซ (Mayaguez incident) เป็นปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ที่รวดเร็ว เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12-15 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) ในเกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองพระสีหนุ/กำปงโสม (ក្រុងព្រះសីហនុ,កំពង់សោម;Sihanoukville) จังหวัดพระสีหนุ (ព្រះសីហនុ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 15.20 น. ของวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2518 (ค.ศ.1975) เรือบรรทุกสินค้าซึ่งใช้บรรทุกเวชภัณฑ์และเสบียงสัญชาติอเมริกาชื่อ เอสเอส มายาเกวซ (SS Mayaguez) ซึ่งแล่นระหว่างฮ่องกงกับประเทศไทย ขณะที่แล่นอยู่ห่างจากชายฝั่งของประเทศกัมพูชา 60 ไมล์ ซึ่งถือเป็นเขตน่านน้ำสากล ได้ถูกเรือปืนจำนวนหลายลำของเขมรแดง (ខ្មែរក្រហម,Khmer Rouge) เข้าล้อมและบุกยึด จับตัวประกันซึ่งเป็นกัปตันและลูกเรือไว้ได้ทั้งหมด 39 คน จากนั้นได้ลากไปจอดลอยลำทิ้งสมอไว้ที่เกาะตาง (កោះតាង,Koh Tang) ใกล้กับเมืองกำปงโสม (เมืองพระสีหนุในปัจจุบัน) รัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำโดยน.ท.เจอรัลด์ ฟอร์ด (Gerald Rudolph Ford Jr.) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 38 (9 สิงหาคม พ.ศ.2517-20 มกราคม พ.ศ.2520) ได้ตัดสินใจอย่างเร่งด่วนส่งกองกำลังทหารซึ่งส่วนมากเป็นนาวิกโยธินสหรัฐฯ ประมาณ 1,000 นาย (ประกอบด้วยกองพันที่ 1,กรมนาวิกโยธินที่ 4,กองพันที่ 2,กรมนาวิกโยธินที่ 9,กองบินปฏิบัติการพิเศษที่ 21,ฝูงบินกู้ภัยและฟื้นฟูการบินและอากาศที่ 40,ฝูงบินสนับสนุนทางอากาศทางยุทธวิธีที่ 23,กองบินรบทางยุทธวิธีที่ 3,เรือยูเอสเอส เฮนรี่ บี. วิลสัน,เรือยูเอสเอส แฮโรลด์ อี. โฮลต์,เรือยูเอสเอส คอรัลซี ฝูงบินบรรทุกเรือเครื่องบินที่ 15) จากเกาะโอกินาว่าและอ่าวซูบิก เข้าประจำการที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา (U-Tapao Rayong-Pattaya International Airport) ในพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อใช้เป็นฐานในการปฏิบัติการบุกยึดเรือและตัวประกันคืน ในวันที่ 13 พฤษภาคม โดยปฏิบัติการเริ่มขึ้นในเช้ามืดของวันที่ 14 พฤษภาคม โดยมีเครื่องบินรบจากฐานทัพสหรัฐฯที่จังหวัดอุดรธานีและนครราชสีมา (โคราช) ออกปฏิบัติการร่วมด้วย และประสบความสำเร็จในเวลาประมาณ 11.00 น. โดยสามารถจมเรือปืนของเขมรแดงลงได้ 3 ลำ มีความสูญเสียด้วยกันของทั้งสองฝ่าย แต่สามารถช่วยเหลือตัวประกัน รวมถึงลูกเรือประมงของไทยจำนวน 5 คนออกมาได้ ทว่าปฏิบัติการดังกล่าว ทางการสหรัฐใช้ฐานบินอู่ตะเภาทั้งที่รัฐบาลไทยขณะนั้นไม่อนุญาตอย่างชัดแจ้ง ในวันที่ 17 พฤษภาคม ได้มีกลุ่มนักศึกษาและประชาชน 30,000 คน นำโดยธีรยุทธ บุญมี ประท้วงที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย (Embassy of the United States, Bangkok) ฝ่ายรัฐบาลไทยเรียกว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของไทย และให้สหรัฐถอนทหารออกจากอู่ตะเภาในทันที ในที่สุดเหตุการณ์จบลงในวันที่ 19 พฤษภาคม หลังจากการชุมนุมยืดเยื้อนานถึง 3 วัน เมื่ออุปทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทยได้ส่งสาสน์แสดงความเสียใจต่อการกระทำดังกล่าว สุดท้ายสหรัฐฯถอนกำลังทหารออกจากประเทศไทยหมดสิ้นในปี 2519 (1976)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง
    เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า"
    เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย
    "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"......
    .
    พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า
    ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว
    ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน
    ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก
    พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน
    เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน
    พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ
    แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย
    และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป
    .
    ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ
    นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า
    .
    ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น
    .
    เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น
    .
    เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ
    .
    รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น
    .
    เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..."
    .
    กลับไปที่จั่วหัว...
    อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู
    .
    สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง...
    - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์
    - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน
    - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่
    - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ
    จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน
    -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว
    - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด
    - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร
    - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald...
    - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ?
    - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก
    - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่
    - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก
    - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า
    - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน
    - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป
    - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา
    - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน
    - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง
    - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น
    blablablabla......
    .
    ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ
    ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก
    แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม
    เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น
    ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน
    เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง
    ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ
    และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ
    ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว
    ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ
    ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ
    ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง
    มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    ในท่ามกลางความตึงเครียดของการขึ้นภาษีของทรัมพ์ต่อชาวโลก โดยเฉพาะกับจีนที่ตามมาด้วยการตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิง เขาพูดกัน "นี่คือสงครามการค้า" เหล่าบรรดาข้าทาสผู้สวามิภักดิ์ใต้อุ้งตีนอเมริกาพากันถ่มถุย "จีนจะต้องย่อยยับในคราวนี้"...... . พวกนี้ไม่ได้สำเหนียกในข้อเท็จจริงที่ว่า ประชากรจีนโพ้นทะเล กระจายไปในโลกตั้งแต่ยุคกลางของยุโรปแล้ว ก่อนยุคการล่าอาณานิคม ประชากรจีนโพ้นทะเลก็อยู่ในทุกแห่งหน ทำงานหนักและขยันขันแข็ง อดทน ไม่เกี่ยงความลำบาก พรสวรรค์ในด้านการค้าขายเป็นที่ประจักษ์เพราะฝังรากลึกอยู่ในทุกดินแดน เส้นทางการค้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกยุคโบราณคือเส้นทางสายไหมของจีน พวกเขาไม่ได้ไปด้วยการรุกราน ยึดครองดินแดนต่างๆ ด้วยแสนยานุภาพ แต่พวกเขาแพร่กระจายไปพร้อมกับแรงงานและการค้าขาย และมักตั้งตัวขึ้นมากลายเป็นนักธุรกิจที่มั่งคั่งกว่าชนชาติอื่นอยู่ในทุกทวีป . ก่อนการออกท่องสมุทรไปของพ่อค้าชาวยุโรปและอาหรับ นายพลเรือผู้หนึ่งของจีนนาม เจิ้งเหอ ออกเดินทางสมุทรยาตราด้วยกองเรือมหาสมบัติที่มีขนาดมหึมากว่าสามร้อยลำ ออกค้าขายไปทั่วทุกคาบสมุทร นักวิชาการหลายคนสันนิษฐานว่ากองเรือของเขาอาจไปถึงทวีปอเมริกาก่อนใคร แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ไม่ใช่เรื่องสำคัญ หลักฐานเชิงประจักษ์ที่ปรากฏในประวัติศาสตร์จีนและประวัติศาสตร์ดินแดนที่เขาเดินทางไปถึงก็ชัดเจนแจ่มแจ้งมากพอถึงความยิ่งใหญ่ของความรู้และพรสวรรค์ทางการค้า . ตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 1405 ในรัชกาลจักรพรรดิหย่งเล่อแห่งราชวงศ์หมิง.. เจิ้งเหอ ออกเดินทางเพื่อทำการค้าและสำรวจโลกทั้งสิ้น 7 ครั้ง ยาวนานและกินเวลาราว 28 ปี ไปถึงดินแดนต่างๆ ราว 37 ประเทศ ท่องมหาสมุทรไปมากกว่า 50,000 กิโลเมตร เรือสำเภา "เป่าฉวน" หรือที่เรียกว่าเรือมหาสมบัติของเขา ต่อขึ้นที่เมืองนานกิง มันมีขนาดราว 400 ฟุต ใหญ่กว่าเรือซานตามาเรียของโคลัมบัสซึ่งยาวแค่ 85 ฟุตถึง 5 เท่า กองเรือของเขาประกอบด้วยเรือขนาดใหญ่ 60 ลำ และเรือขนาดเล็กอีก 255 ลำ ประมาณว่ามีลูกเรือทั้งหมดกว่า 27,870 คน เดินทางผ่านชายฝั่งฟุเกี้ยน ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆ เช่น จามปา เสียนหลอ (สยาม) มะละกา สมุทรา ชวา สุมาตรา ลังกา กาลิกัต... ผ่านทะเลอันดามัน เลาะฝั่งทะเลตะวันออกของชมพูทวีปเพื่อซื้อขายเครื่องเทศ ไปจนถึงเปอร์เซียและแอฟริกา หลักฐานปรากฏให้เห็นจากบันทึก ภาพเขียน และจากเครื่องบรรณาการที่เขานำกลับไปถวายจักรพรรดิหย่งเล่อ ซึ่งได้รวมเอา สิงโต เสือดาว นกกระจอกเทศ ม้าลาย และยีราฟ ซึ่งเป็นสัตว์จากดินแดนเหล่านั้น . เจิ้งเหอ เดิมแช่หม่า เป็นมุสลิมเชื้อสายตระกูลขุนนางใหญ่จากอุซเบกที่อาศัยในยูนนาน มีชื่อมุสลิมว่า มูฮัมมัด อับดุลญับบารฺ ต่อมาจักรพรรดิหย่งเล่อพระราชทานแซ่เจิ้ง จากบันทึกประมาณเวลาว่าเขามาถึงอยุธยาราวรัชสมัยสมเด็จพระรามราชาธิราช แต่คนไทยรู้จักในอีกชื่อว่า เจ้าพ่อซำปอกง ซึ่ง ซำปอกง นี้เป็นอีกชื่อหนึ่งของเขา วัดที่มีชื่อว่าวัดซำปอกงหรือวัดพนัญเชิงวรวิหารในจังหวัดอยุธยานี้ เขาเป็นผู้สร้างขึ้น นอกจากนั้นยังพบหลักฐานว่าเจิ้งเหอมีความเลื่อมใสในศาสนาพุทธด้วยการถวายพระสูตรให้แก่วัดเก้าแห่ง แต่กระนั้น เจิ้งเหอเมื่อวายชนม์ก็ยังมีสถานะเป็นมุสลิม เพราะมีสุสานอย่างมุสลิมอยู่บนภูเขาที่นานกิง เขาเสียชีวิตที่อินเดียในปี 1432 เชื่อกันว่า อาจเป็นเพราะทัศนคติที่เปิดกว้างทางศาสนาของเขา จึงทำให้เขาเข้าไปมีส่วนในการยุติความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างศาสนาอิสลามของพ่อค้าและศาสนาพื้นถิ่นตามเมืองท่าต่างๆ ที่เขาผ่านไปหลายแห่ง ทำให้เมืองท่าเหล่านั้นยอมรับในความหลากหลายทางศาสนามากขึ้น . เจิ้งเหอแม้จะเป็นขันที แต่พี่ชายของเขาได้ยกลูกชายและลูกสาวให้แก่เขา ปัจจุบันนี้มีทายาทในสกุลเจิ้งของเขาบางส่วนจากครอบครัวของทายาทรุ่นหลังที่ชื่อ เจิ้งชงหลิ่ง ยังอาศัยอยู่ในประเทศไทย พวกเขายังคงเป็นมุสลิม ในหลวงรัชกาลที่หกพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้ เจิ้งชงหลิ่ง ว่า ขุนชวงเลียงฦๅเกียรติ ลูกหลานของเขาใช้นามสกุล วงศ์ลือเกียรติ . รูปปั้นหินที่เห็นจากภาพประกอบ เป็นอนุสาวรีย์ของเจิ้งเหอที่มะละกา ประเทศมาเลเซีย อย่างที่เคยเล่า มีหลักฐานว่าเมืองท่าโบราณแห่งนี้เขาเป็นคนตั้งขึ้น . เรื่องของเจิ้งเหอ ยังถูกหยิบมาค้นคว้าเพิ่มเติมโดยนายพลเรือดำน้ำคนหนึ่งของราชนาวีอังกฤษ ชื่อ Gavin Menzies ที่ซึ่งปกติเรือดำน้ำของเขามีหน้าที่ลาดตระเวณไปทั่วโลกด้วยการดำอย่างเงียบเชียบ แต่คิดว่าเขาคงจะว่างมากนั่นแหละในภาวะที่โลกในช่วงนั้นไม่มีความตึงเครียด เขาจึงเปลี่ยนมาลอยลำวิ่งบนผิวน้ำแล้วเริ่มวิเคราะห์ทัศนียภาพชายฝั่งเทียบกับแผนที่โบราณต่างๆ ซึ่งต่อมามันนำมาด้วยสมมุติฐานของเขาที่เขย่าโลกว่า นักเดินเรือฝรั่งในยุคแรกๆ ของ Maritime เช่น วาสโกเดอกามา เจ้าชายเฮนรี่ โคลัมบัส..ฯ ล้วนเดินเรือด้วยแผนที่ที่คัดลอกมาจากแผนที่ของกองเรือเจิ้งเหอ เขาเขียนหนังสือยาว 500 หน้าชื่อ 1421 และแน่นอนว่า นี่เป็นการทำให้ประวัติศาสตร์การท่องสมุทรของชาวยุโรปเสื่อมเสียไปจากค่านิยมเดิม เกวิน เมนซีส์ถูกถล่มจากนักวิชาการตะวันตกแบบรุมสกรัม แต่น้าแกไม่สน หนังสือของแกติดอันดับขายดีมากอย่างรวดเร็ว และเขายักไหล่ใส่ "พวกคุณจะต่อต้านอย่างไรก็ว่าไป แต่ประชาชนอยู่กับผม..." . กลับไปที่จั่วหัว... อย่างที่เห็น พรสวรรค์ในด้านการค้าของจีนนั้น เป็นที่ประจักษ์ในประวัติศาสตร์โลกนับพันปี ชาติยุโรปลืมข้อเท็จจริงว่านวัตกรรมมากมายที่พวกเขาใช้ มีต้นกำเนิดมาจากจีน โดยเฉพาะแสนยานุภาพที่พวกฝรั่งนำไปใช้พิชิตชนชาติที่อ่อนแอกว่าอย่างเช่น ดินปืน ถ้าไม่มีดินปืน ก็ไม่มีปืน ไม่มีระเบิด นอกจากนั้นพวกตะวันตกยังโขมยความรู้จากจีนทุกวิถีทางตั้งแต่ยุคของมาร์โคโปโล โขมยแม้กระทั่งใบชา และพวกยุโรปรู้ดีว่าไม่อาจเอาชนะจีนอย่างขาวสะอาดได้ จึงใช้กลยุทธอันต่ำช้าด้วยการมอมเมาจีนด้วยฝิ่น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่จีนไม่เคยลืม และเตรียมตัวให้พร้อมมาตลอดนับสิบปีของการปิดประเทศเพื่อฟื้นฟู . สงครามการค้าในตอนนี้ ที่ซึ่ง... - จีนถือครองพันธบัตรสหรัฐอยู่ 759,000 ล้านดอลลาร์ - สหรัฐเป็นหนี้จีนอยู่อีกมหาศาลและไม่มีปัญญาใช้คืน - ซัพพลายเชนมากมายของสหรัฐมาจากจีนเป็นส่วนใหญ่ - แรงงานในสหรัฐแทบไม่มีเลย แถมราคาแพงและไม่มีคุณภาพ จะผลิตอะไรเองก็ต้องใช้เวลาในการพัฒนาทักษะอีกนาน -ใครจะมาลงทุนเปิดโรงงานในอเมริกา ในเมื่อค่าแรงจะแพงมากแต่ด้อยทักษะ ง่อยและทำอะไรเองไม่เป็นมานานแล้ว - ถ้าแกผลิตเองไม่ได้แต่เที่ยวโขกภาษีจากคู่ค้าชาติอื่น สิ่งของที่คนอเมริกันต้องใช้ จะต้องจ่ายแพงทบทวี แม้กระทั่งกระดาษเช็ดขี้ที่พวกเอ็งเคยชักดิ้นชักงอเมื่อมันขาดตลาดตอนช่วงโควิดระบาด - ไอ้เบื้อกพวกนี้คงจำไม่ได้ว่าช่วงโควิด จีนห้ามเรือสินค้าต่างชาติเข้าเทียบท่า จนพวกนี้ไปออกันอยู่กลางทะเลหลายพันลำ เดือดร้อนชิบหายวายป่วง แต่จีนไม่เดือดร้อนอะไร - จีนมีประชากร 1400 ล้านคน เขาซื้อขายกันเองก็พอจะอยู่กันได้แล้ว แต่วันนี้จีนแบนไม่ให้หนังฮอลลีวู๊ดเข้าฉายในประเทศ ลูกค้า 1400 ล้านคนหายไปกับตา เดี๋ยวคงตามมาด้วยการแบนแบรนด์อื่นอย่าง KFC McDonald... - กลายเป็นว่า คนอเมริกันจะกลายเป็นผู้ใช้ iPhone ที่ต้องจ่ายแพงกว่าใครในโลก เพราะมันผลิตในจีน คิดว่าอินเดียจะพร้อมในการเปิดโรงงานใหม่ในปีนี้หรือ? - จีนผลิตไมโครชิพเองแล้ว มีขนาดเล็กกว่า มีประสิทธิภาพและความเร็วเหนือกว่าชิพของตะวันตก - จีนมีระบบปฏิบัติการโมบายล์ของจีนเองที่ทำงานได้ดีกว่าแอนดรอยด์เรียกว่า ฮาร์โมนี่ - จีนพัฒนาระบบเชื่อมต่อดาวเทียมเป๋ยโต่ที่ล้ำหน้ากว่าจีพีเอสของตะวันตกมาก - จีนพัฒนาระบบชื่อ Near Link ที่ล้ำหน้าระบบ Bluetooth ไปไกลกว่าหลายเท่า - เอไอจีนแซงเอไอของตะวันตกไปแล้วเช่นกัน - แสนยานุภาพจีนกำลังแซงตะวันตกทุกนาทีที่ผ่านไป - เส้นทางการค้าใหม่ที่เรียก One Belt One Road ครอบคลุมเครือข่ายการค้าที่กว้างขวางที่สุดในโลก โดยที่จีนไม่จำเป็นต้องค้าขายกับอเมริกา - ความก้าวหน้าทางโลจิสติกของจีนแซงอเมริกาไปนานแล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครมีระบบรถไฟความเร็วสูงที่ดีเท่าจีน - ตลาดรถไฟฟ้าในโลก จีนคืออันดับหนึ่ง - เทคโนโลยีอวกาศของจีนแซงนาซ่าไปแล้ว จีนมีสถานีอวกาศของตัวเองที่ทันสมัยและก้าวหน้ากว่าชาติตะวันตก ในเวลาเดียวกันนี้พวกเขากำลังสำรวจด้านมืดของดวงจันทร์ที่โลกไม่เคยมองเห็น blablablabla...... . ที่ร่ายมานี่ สงครามนี้จะลงเอยยังไง คนไทยก็ซวยอยู่ดี ขอให้รู้ไว้เถอะ ยิ่งไปเลียมัน พวกแกก็ยิ่งเจ็บตัวหนัก แจกฟรีแล้วยังไม่ได้อะไรแบบเวียตนามเอาไหม เจ็บปวดหน่อย มันไม่ซื้อเรา ก็ไปขายคนอื่น ก็ให้มันเจ็บปวดบ้าง ด้วยการไม่ซื้อมัน เราตัวเล็ก ยักษ์ตีกันย่อมต้องโดนลูกหลง ต้องเอาความตัวเล็กมาเป็นความได้เปรียบ และเรามีความอุดมสมบูรณ์เป็นทรัพย์สมบัติ ใครมีไก่ มีไข่ มีผัก มีปลา คุณรอดแล้ว ให้พรุ่งนี้แม่งยิงปรมาณูกันก็เถอะ ส่วนไอ้พวกโง่ ไอ้พวกเด็กเมื่อวาน เชื่อแต่เรื่องไร้สาระ ไม่ดูแลป้องกันประเทศ ชักนำภัยเข้าสู่ชาติบ้านเมือง มึงตายแน่ มีสาเหตุให้มึงตายเป็นร้อยเหตุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้

    ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง

    1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่

    พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ

    ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน

    การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย

    2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง

    แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม

    พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง

    ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง

    3 ความท้าทายของพรรคประชาชน

    ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก

    การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น

    4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต
    พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น

    สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่

    การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น

    5 สรุป
    การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    12 พฤษภาคม 2568- รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์สำคัญเรื่อง การเลือกตั้งเทศบาลในปี 2568 สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของการเมืองท้องถิ่นในประเทศไทยที่ยังคงมีลักษณะผสมผสานระหว่างความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจเดิมและสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มปรากฏในบางพื้นที่ จากข้อมูลสามารถวิเคราะห์เบื้องต้นได้ดังนี้ ภาพรวมพฤติกรรมการเลือกตั้ง 1 ความต่อเนื่องของระบบอุปถัมภ์และบ้านใหญ่ พฤติกรรมการเลือกตั้งของประชาชนส่วนใหญ่ยังคงยึดโยงกับนักการเมืองท้องถิ่นที่มีอิทธิพล หรือ “บ้านใหญ่” ซึ่งใช้อำนาจผ่านระบบอุปถัมภ์ (patronage system) และการซื้อเสียงเพื่อรักษาฐานอำนาจ ผลการเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่า “แชมป์เก่า” หรือผู้ดำรงตำแหน่งเดิมส่วนใหญ่ยังคงรักษาเก้าอี้ได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีตระกูลการเมืองครอบงำมายาวนาน การซื้อเสียงยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยมีการร้องเรียนและหลักฐานที่ปรากฏในบางพื้นที่ เช่น ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งมีรายงานการจ่ายเงินหัวละ 3,000 บาท การซื้อเสียงนี้ถูกมองว่าเป็น “ความปกติ” ในบริบทการเลือกตั้งท้องถิ่นไทย 2 สัญญาณการเปลี่ยนแปลง แม้ระบบบ้านใหญ่จะยังครองอำนาจ แต่บางพื้นที่เริ่มแสดงถึงความต้องการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่สนับสนุนพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ซึ่งมีฐานจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ไม่พอใจกับการเมืองแบบเดิม พรรคประชาชนได้รับชัยชนะในเทศบาลเมือง 5 แห่ง และเทศบาลตำบล 9 แห่ง จากทั้งหมด 95 แห่งที่ส่งผู้สมัคร คิดเป็นประมาณ 15% ของพื้นที่ที่ลงแข่ง ชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ เช่น สมุทรปราการ สะท้อนถึงฐานสนับสนุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งสอดคล้องกับผลการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566 ที่พรรคนี้มีคะแนนนิยมสูง 3 ความท้าทายของพรรคประชาชน ผลการเลือกตั้งที่ได้เพียง 15% จากพื้นที่ที่ลงสมัคร แสดงว่าพรรคประชาชนยังเผชิญความท้าทายในการเจาะฐานคะแนนในพื้นที่ที่มีระบบอุปถัมภ์ฝังรากลึก การเลือกตั้งท้องถิ่นเน้นที่ตัวบุคคลและความสัมพันธ์ในชุมชนมากกว่านโยบายระดับชาติ ซึ่งพรรคประชาชนอาจต้องใช้เวลาในการสร้างความยึดโยงกับชุมชนให้มากขึ้น 4 ข้อสังเกตและแนวโน้มในอนาคต พฤติกรรมการเลือกตั้งแบบคู่ขนาน: ประชาชนบางส่วนแยกการตัดสินใจระหว่างการเลือกตั้งระดับชาติ (เน้นพรรคและนโยบาย) และระดับท้องถิ่น (เน้นตัวบุคคลและผลงาน) ส่งผลให้พรรคที่แข็งแกร่งในระดับชาติ เช่น พรรคประชาชน อาจไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในระดับท้องถิ่น สัญญาณการเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้น: การที่พรรคประชาชนได้รับชัยชนะใน 14 เทศบาลจาก 95 แห่งที่ลงสมัคร แม้จะไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็แสดงถึงการเริ่มต้นของการท้าทายอำนาจเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีฐานสนับสนุนจากคนรุ่นใหม่และผู้ที่ต่อต้านการเมืองบ้านใหญ่ การซื้อเสียง: การซื้อเสียงยังคงเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาการเมืองท้องถิ่นที่โปร่งใส การร้องเรียนในพื้นที่อย่างกาฬสินธุ์และสงขลา บ่งชี้ถึงความจำเป็นในการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น 5 สรุป การเลือกตั้งเทศบาล 2568 แสดงให้เห็นถึงความทนทานของโครงสร้างอำนาจแบบบ้านใหญ่และระบบอุปถัมภ์ที่ยังครองการเมืองท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงเริ่มปรากฏผ่านชัยชนะของพรรคประชาชนในบางพื้นที่ ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางกลุ่มที่มองหาทางเลือกใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจต้องใช้เวลาและการทำงานในระดับชุมชนที่เข้มข้นขึ้นเพื่อทลายโครงสร้างอำนาจเดิม ในอนาคต การเลือกตั้งท้องถิ่นจะยังคงเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนพลวัตระหว่างความเก่ากับความใหม่ของการเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางครอบครัวรวยจากสีเทา..ลงเล่นการเมืองระดับอำเภอ จังหวัด ใจถึงคือแจกหญ้าหวาน หวานเมล็ดหญ้าหวานมาหลายปี ..จนวัวควายติดใจ หากถามเรื่องการทำงานก็ไม่เข้าขั้นใดๆ ก็ใช้อำนาจ อิทธิพลไปกับหญ้าหวาน แจกไปหวานไป
    แล้วฟอกตัวด้วยหญ้าหวานทั้งครอบครัว ..สัตวมันหญ้าหวานมันก็ชอบสิ เพราะคิดอะไรไม่เป็นเห็นหญ้าหวานก็กินหญ้าหวาน..
    บางครอบครัวรวยจากสีเทา..ลงเล่นการเมืองระดับอำเภอ จังหวัด ใจถึงคือแจกหญ้าหวาน หวานเมล็ดหญ้าหวานมาหลายปี ..จนวัวควายติดใจ หากถามเรื่องการทำงานก็ไม่เข้าขั้นใดๆ ก็ใช้อำนาจ อิทธิพลไปกับหญ้าหวาน แจกไปหวานไป แล้วฟอกตัวด้วยหญ้าหวานทั้งครอบครัว ..สัตวมันหญ้าหวานมันก็ชอบสิ เพราะคิดอะไรไม่เป็นเห็นหญ้าหวานก็กินหญ้าหวาน..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท

    วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344

    #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท • วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344 • #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ

    กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว

    ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป

    ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้

    #Newskit
    อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย

    การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568

    ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย

    การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว

    นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท

    #Newskit
    ถึงเวลาปลดล็อก รถทัวร์ไทย-มาเลเซีย การเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายแอนโทนี่ โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เมื่อวันที่ 2 พ.ค. อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจก็คือ ไทยและมาเลเซียกำลังพิจารณาร่างบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2 ฉบับ ได้แก่ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTG) และ ร่างเอ็มโอยูว่าด้วยการขนส่งผู้โดยสารข้ามพรมแดนระหว่างไทยและมาเลเซีย (CBTP) เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาการขนส่งสินค้า อำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ และเกิดสิทธิในการขนส่งทางถนนที่เท่าเทียมกัน คาดว่าจะได้ข้อยุติและลงนามเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับภายในเดือน ก.ค.2568 ที่ผ่านมารถโดยสารจากมาเลเซีย เดินรถเข้ามาในจังหวัดสงขลาได้ เพราะมีประกาศจังหวัดสงขลา ลงวันที่ 25 ส.ค. 2557 อนุญาตนำรถโดยสารที่จดทะเบียนต่างประเทศเข้ามาใน จ.สงขลา สามารถเข้าถึงทุกอำเภอได้ จากเดิมเฉพาะ อ.หาดใหญ่ แต่ถ้าจะไปจังหวัดอื่นต้องขออนุญาตต่อกรมการขนส่งทางบกล่วงหน้า ซึ่งที่ผ่านมามีรถทัวร์ให้บริการจากหาดใหญ่ไปยังประเทศมาเลเซียหลายบริษัท ได้แก่ ปีนัง มีทั้งรถตู้และรถทัวร์ ราคาประมาณ 600-800 บาท กัวลาลัมเปอร์ ราคาประมาณ 500-1,000 บาท และยะโฮร์บาห์รู ราคาประมาณ 1,300-1,500 บาท ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.การขนส่งทางบก ปี 2522 มาตรา 26 แต่รถโดยสารของฝ่ายไทยวิ่งเข้าไปในประเทศมาเลเซียไม่ได้ ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบมาเลเซีย ทำลายธุรกิจการขนส่งในประเทศไทย การลงนามเอ็มโอยูดังกล่าวจะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถประกอบธุรกิจเดินรถไปยังประเทศมาเลเซียได้ หนึ่งในนั้นคือ บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. รัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงคมนาคม ที่มีประสบการณ์เดินรถโดยสารระหว่างประเทศกับลาวและกัมพูชา 12 เส้นทาง รวม 61 เที่ยววิ่งต่อวัน สามารถร่วมกับผู้ประกอบการจากมาเลเซีย ให้บริการเดินรถโดยสารจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ไปยังจุดหมายปลายทางยอดนิยมในมาเลเซีย เช่น ปีนัง กัวลาลัมเปอร์ หรือยะโฮร์บาห์รู โดยไม่ปล่อยให้ผูกขาดเฉพาะรถโดยสารจากมาเลเซียแต่เพียงฝ่ายเดียว นอกจากนี้ ยังส่งผลดีต่อการเดินทางของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเที่ยวหาดใหญ่ หรือคนไทยมาเที่ยวมาเลเซีย นักท่องเที่ยวแบบประหยัด (Budget Travelers) ชาวไทย สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบินไปยังหาดใหญ่ แล้วต่อรถโดยสารไปยังประเทศมาเลเซีย เช่นเดียวกับเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังอุดรธานี แล้วต่อรถโดยสารไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ ประเทศลาว ช่วยให้ประหยัดค่าเดินทาง จากเดิมต้องจ่ายภาษีสนามบินระหว่างประเทศ 730 บาท เหลือแค่ภาษีสนามบินในประเทศ 130 บาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..กฎหมายเราเองมีปัญหา&ตามระวังข้าศึกศัตรูไม่ทันเกมส์ทันหมากเข้าบวกคนในระบบข้าราชการเราเองไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ปกป้องผลประโยชน์คนไทยตนเอง,ร่วมกันปิดประตูปิดช่องทางต่างๆมิให้ศัตรูข้าศึกมาแย่งชิงสัมมาอาชีพสร้างรายได้แทนคนไทยได้สะดวกสบายอิสระเสรีหรือเปิดเปิดเผยขนาดนี้,อาจแค่สามารถจัดแบบตลาดนัดวันสัมพันธุ์เชื่อมอาหารไทยจีนได้ไม่กี่วันกี่ช่วงเท่านั้นมิใช่ปล่อยต่างชาติอื่นใดๆบุกเราขนาดนี้,จะจีนจะอเมริกฝรั่งตะวันตกตะวันออกใดๆขึ้นชื่อต่างชาติทั้งหมด ,ต้องสัมมาอาชีพภายในคนไทยเองต้องมาก่อนเสมอ เมื่อทุกๆคนไทยไม่ถูกแย่งอาชีพค้าขายไป ตังทองก็หมุนเวียนจริงในชุมชนสังคมเราในท้องถิ่นนั้นทันที วัตถุดิบแหล่งผลิตก็ขับเคลื่อนจับจ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วยเงินตราสาระพัดสะพัดตังในประเทศเราอย่างมั่นคงและเพิ่มขึ้นทวีคูณต่อเนื่องได้อีก,ต้นน้ำก็ขายวัตถุดิบได้ ปลายน้ำก็มีลูกค้าตอบสนองแลกเปลี่ยนซื้อขายบริการกันพอมีรายได้กำไรเลี้ยงตนเองและครอบครัวใครมันนั้นๆ,ถ้าผู้นำยังเลอะเทอะผิดพลาดว่ายังประโยชน์ต่อต่างชาติให้ดีเชื่อมสายสัมพันธ์แต่คนไทยตนภายในประเทศ0บาทตายเรียบ จะมีผู้นำผู้ปกครองไว้ทำซากอะไร,ไม่ว่าจีนแขกแกวยุ่นพม่าแขมร์ลาวมลายูขอมจามเจ๊กฝรั่ง&ต่างชาติใดๆ คนไทยเท่านั้นต้องประกอบสัมมาอาชีพเหล่าใดมากกว่าต่างชาติจะมาทำเช่นนี้เองได้บนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นคนทั่วโลกไม่เสรีย้ายฐานมาทำอาชีพที่แผ่นดินไทยเต็มเหรอโดยสามารถอ้างว่ามาท่องเที่ยวเยอะนะ มาอยู่เลยดีมั้ย ชาติต่างๆสร้างมุกมาสักปี2ปีมิซวยเหรอ,เช่นdeep stateใช่เศษตังให้แขกประเทศละ10ล้านล้านบาทต่อปี พาคนแขกชาติต่างๆมาท่องเที่ยวหมุนเวียนสัก10ประเทศมุสลิม,เปิดร้านอาหาร ร้านนั้นร้านนี้ทั่วไทยอ้างว่าแขกชอบไปตรึม ยึดเหนือยึดอีสานยึดใต้ในท้องถิ่นต่างๆเปิดร้านค้าแขกสาระพัด ผสมจีนdeep state ccpจีนส่งมายึดเปิดร้านค้าปกติแบบนี้อีกทั่วอีสาน ทั่วตะวันออก&ตก ทั่วเหนือเมืองหลักๆทั่วไทยนอกจากกทม.กระจายทุกๆชาติทั่วโลกยึดทุกๆจังหวัดดินแดนที่ดินเปิดร้านค้ากิจการต่าง เดิมเต็มตรึมด้วยคนต่างชาติอ้างมาท่องเที่ยวเต็มประเทศนะ แต่ตังทั้งหมดมุกแบบ0เหรียญของจีนของแขกของฝรั่งและของต่างชาตินั้นๆของสมุนขี้ข้าdeep stateส่งเข้าบัญชีdeep stateทั้งหมด,ประเทศไทยไม่ได้ห่าอะไรเลย มีแต่ป้ายภาษาแขกต่างๆ ป้ายภาษาจีน ป้ายภาษาอื่นๆเต็มแผ่นดินไทยหมด มิมีภาษาไทยเขียนเหนือทุกๆภาษาห่านี้กำกับแบบเข้มข้นควบคุมอย่างละเอียดห่าอะไร แล้ววิถีการปกครองมันจะไม่เหี้ยมโหฬารมั้ยล่ะ,วิถีปกครองบรรลัยเลยล่ะ คนไทยชาติตนร่ำรวยโคตรๆทุกๆคนจะไม่ว่าห่าอะไรหรอกในการค้าขายเสรีปล่อยห่าเหวแบบนี้ แต่คนไทยยังเสือกยากจนมั่นคงอยู่นี้สิมันบัดสบมั้ยล่ะ,สัมมาอาชีพคนไทยเปิดกว้างให้ต่างชาติยึดครองผีบ้าอะไรแบบนี้,ตรวจพบมามุกนอมินีทันเกมส์ก็สั่งปิดทันทีได้,รัานค้าไทยยืนหนึ่งบนแผ่นดินไทยสิ,มิใช่ให้มีร้านค้าจากชาติอื่นมาเปิดตรึม จะของฝรั่งก็ตามเถอะ ,กฎหมายต้องปรับปรุงเขียนให้ทันสงครามตังสงครามเศรษฐกิจของต่างชาติ,กิจการต่างชาติใดๆสามารถเปิดได้เพียงในนามบริษัทมหาชนเท่านั้นและมีสำนักงานเพียงสถานที่แห่งเดียวเลือกแห่งใดแห่งหนึ่งดำเนินการและในแต่ละเขตอำเภอจังหวัดตำบลตบจะสามารถมีไม่เกิน1ที่รวมกันทั้งประเทศ,ห้ามเปิดสาขา,ตรวจพบว่ามีเจ้าของหรือเป็นเจ้าของคนเดียวกันสั่งยึดกิจการและเงินทุน&ทรัพย์สินทั้งหมดทันที.,นี้สามารถเป็นอีกมุกๆหนึ่งตัดตอนต่างชาติหัวหมอมาแย่งชิงสัมมาอาชีพคนไทยแย่งชิงรายได้พอเลี้ยงชีวิตครอบครัวคนไทยเราภายในประเทศได้,จีนคนกว่า1,400ล้านคน คนมีตังแค่100ล้านคนหอบตังลงทุนนิดหน่อยคนละ100ล้านหยวนก็ทำลายสัมมาอาชีพต่างๆภายในประเทศไทยเราได้สบาย ไม่รวมแขกอินเดียแจกอาหรับฝรั่งผู้ดีชอบปล้นชิงล่าวัตถุดิบ&อาณานิคมอีกกว่า100ล้านคนบินมาสัมมาอาชีพช่วนเหลือขยายอาชีพภายในประเทศไทย คนไทยจะมีรายได้ทางสัมมาอาชีพอะไรอีก เขาเสือกซื้อบริการใช้จ่ายกับแค่ร้านค้าขายคนของประเทศเขาอีก วัตถุดิบก็สั่งตรงจากชาติมัน ไม่ซื้อวัตถุดิบใดๆจากคนไทย ซวยแน่นอน.,เหมือนผีบ้าบางคนไปท่องเที่ยวเหี้ยพกไปเองหมด ไม่เสียตังสักบาทในบริเวณธรรมชาติอิสระเสรีนั้นๆ,นึกดูสิ,อันเดียวกัน มันใช้ไทยแบบนั้นล่ะ,แล้วก็ทิ้งขยะสร้างภาระให้พื้นที่นั้นๆกำจัดอีก,กำไรรายได้อิ่มท้องอิ่มตามันเอาไปเต็มๆแบบกินเองด้วย พกมาขายมากๆด้วย ใครมาเที่ยวที่นั้นไปซื้อของมันอีก ตังเต็มๆเอากลับบ้านไปนอนหลับสบาย อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อครั้งโน้นก็ว่าออกนอกประเทศ ,คนต่างชาติย่อมยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ.

    https://youtube.com/watch?v=8RD6KfYIMbw&si=p7Jpl4NYhI5B8Sdv

    ..กฎหมายเราเองมีปัญหา&ตามระวังข้าศึกศัตรูไม่ทันเกมส์ทันหมากเข้าบวกคนในระบบข้าราชการเราเองไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่ปกป้องผลประโยชน์คนไทยตนเอง,ร่วมกันปิดประตูปิดช่องทางต่างๆมิให้ศัตรูข้าศึกมาแย่งชิงสัมมาอาชีพสร้างรายได้แทนคนไทยได้สะดวกสบายอิสระเสรีหรือเปิดเปิดเผยขนาดนี้,อาจแค่สามารถจัดแบบตลาดนัดวันสัมพันธุ์เชื่อมอาหารไทยจีนได้ไม่กี่วันกี่ช่วงเท่านั้นมิใช่ปล่อยต่างชาติอื่นใดๆบุกเราขนาดนี้,จะจีนจะอเมริกฝรั่งตะวันตกตะวันออกใดๆขึ้นชื่อต่างชาติทั้งหมด ,ต้องสัมมาอาชีพภายในคนไทยเองต้องมาก่อนเสมอ เมื่อทุกๆคนไทยไม่ถูกแย่งอาชีพค้าขายไป ตังทองก็หมุนเวียนจริงในชุมชนสังคมเราในท้องถิ่นนั้นทันที วัตถุดิบแหล่งผลิตก็ขับเคลื่อนจับจ่ายแลกเปลี่ยนซื้อขายด้วยเงินตราสาระพัดสะพัดตังในประเทศเราอย่างมั่นคงและเพิ่มขึ้นทวีคูณต่อเนื่องได้อีก,ต้นน้ำก็ขายวัตถุดิบได้ ปลายน้ำก็มีลูกค้าตอบสนองแลกเปลี่ยนซื้อขายบริการกันพอมีรายได้กำไรเลี้ยงตนเองและครอบครัวใครมันนั้นๆ,ถ้าผู้นำยังเลอะเทอะผิดพลาดว่ายังประโยชน์ต่อต่างชาติให้ดีเชื่อมสายสัมพันธ์แต่คนไทยตนภายในประเทศ0บาทตายเรียบ จะมีผู้นำผู้ปกครองไว้ทำซากอะไร,ไม่ว่าจีนแขกแกวยุ่นพม่าแขมร์ลาวมลายูขอมจามเจ๊กฝรั่ง&ต่างชาติใดๆ คนไทยเท่านั้นต้องประกอบสัมมาอาชีพเหล่าใดมากกว่าต่างชาติจะมาทำเช่นนี้เองได้บนแผ่นดินไทยเรา,เช่นนั้นคนทั่วโลกไม่เสรีย้ายฐานมาทำอาชีพที่แผ่นดินไทยเต็มเหรอโดยสามารถอ้างว่ามาท่องเที่ยวเยอะนะ มาอยู่เลยดีมั้ย ชาติต่างๆสร้างมุกมาสักปี2ปีมิซวยเหรอ,เช่นdeep stateใช่เศษตังให้แขกประเทศละ10ล้านล้านบาทต่อปี พาคนแขกชาติต่างๆมาท่องเที่ยวหมุนเวียนสัก10ประเทศมุสลิม,เปิดร้านอาหาร ร้านนั้นร้านนี้ทั่วไทยอ้างว่าแขกชอบไปตรึม ยึดเหนือยึดอีสานยึดใต้ในท้องถิ่นต่างๆเปิดร้านค้าแขกสาระพัด ผสมจีนdeep state ccpจีนส่งมายึดเปิดร้านค้าปกติแบบนี้อีกทั่วอีสาน ทั่วตะวันออก&ตก ทั่วเหนือเมืองหลักๆทั่วไทยนอกจากกทม.กระจายทุกๆชาติทั่วโลกยึดทุกๆจังหวัดดินแดนที่ดินเปิดร้านค้ากิจการต่าง เดิมเต็มตรึมด้วยคนต่างชาติอ้างมาท่องเที่ยวเต็มประเทศนะ แต่ตังทั้งหมดมุกแบบ0เหรียญของจีนของแขกของฝรั่งและของต่างชาตินั้นๆของสมุนขี้ข้าdeep stateส่งเข้าบัญชีdeep stateทั้งหมด,ประเทศไทยไม่ได้ห่าอะไรเลย มีแต่ป้ายภาษาแขกต่างๆ ป้ายภาษาจีน ป้ายภาษาอื่นๆเต็มแผ่นดินไทยหมด มิมีภาษาไทยเขียนเหนือทุกๆภาษาห่านี้กำกับแบบเข้มข้นควบคุมอย่างละเอียดห่าอะไร แล้ววิถีการปกครองมันจะไม่เหี้ยมโหฬารมั้ยล่ะ,วิถีปกครองบรรลัยเลยล่ะ คนไทยชาติตนร่ำรวยโคตรๆทุกๆคนจะไม่ว่าห่าอะไรหรอกในการค้าขายเสรีปล่อยห่าเหวแบบนี้ แต่คนไทยยังเสือกยากจนมั่นคงอยู่นี้สิมันบัดสบมั้ยล่ะ,สัมมาอาชีพคนไทยเปิดกว้างให้ต่างชาติยึดครองผีบ้าอะไรแบบนี้,ตรวจพบมามุกนอมินีทันเกมส์ก็สั่งปิดทันทีได้,รัานค้าไทยยืนหนึ่งบนแผ่นดินไทยสิ,มิใช่ให้มีร้านค้าจากชาติอื่นมาเปิดตรึม จะของฝรั่งก็ตามเถอะ ,กฎหมายต้องปรับปรุงเขียนให้ทันสงครามตังสงครามเศรษฐกิจของต่างชาติ,กิจการต่างชาติใดๆสามารถเปิดได้เพียงในนามบริษัทมหาชนเท่านั้นและมีสำนักงานเพียงสถานที่แห่งเดียวเลือกแห่งใดแห่งหนึ่งดำเนินการและในแต่ละเขตอำเภอจังหวัดตำบลตบจะสามารถมีไม่เกิน1ที่รวมกันทั้งประเทศ,ห้ามเปิดสาขา,ตรวจพบว่ามีเจ้าของหรือเป็นเจ้าของคนเดียวกันสั่งยึดกิจการและเงินทุน&ทรัพย์สินทั้งหมดทันที.,นี้สามารถเป็นอีกมุกๆหนึ่งตัดตอนต่างชาติหัวหมอมาแย่งชิงสัมมาอาชีพคนไทยแย่งชิงรายได้พอเลี้ยงชีวิตครอบครัวคนไทยเราภายในประเทศได้,จีนคนกว่า1,400ล้านคน คนมีตังแค่100ล้านคนหอบตังลงทุนนิดหน่อยคนละ100ล้านหยวนก็ทำลายสัมมาอาชีพต่างๆภายในประเทศไทยเราได้สบาย ไม่รวมแขกอินเดียแจกอาหรับฝรั่งผู้ดีชอบปล้นชิงล่าวัตถุดิบ&อาณานิคมอีกกว่า100ล้านคนบินมาสัมมาอาชีพช่วนเหลือขยายอาชีพภายในประเทศไทย คนไทยจะมีรายได้ทางสัมมาอาชีพอะไรอีก เขาเสือกซื้อบริการใช้จ่ายกับแค่ร้านค้าขายคนของประเทศเขาอีก วัตถุดิบก็สั่งตรงจากชาติมัน ไม่ซื้อวัตถุดิบใดๆจากคนไทย ซวยแน่นอน.,เหมือนผีบ้าบางคนไปท่องเที่ยวเหี้ยพกไปเองหมด ไม่เสียตังสักบาทในบริเวณธรรมชาติอิสระเสรีนั้นๆ,นึกดูสิ,อันเดียวกัน มันใช้ไทยแบบนั้นล่ะ,แล้วก็ทิ้งขยะสร้างภาระให้พื้นที่นั้นๆกำจัดอีก,กำไรรายได้อิ่มท้องอิ่มตามันเอาไปเต็มๆแบบกินเองด้วย พกมาขายมากๆด้วย ใครมาเที่ยวที่นั้นไปซื้อของมันอีก ตังเต็มๆเอากลับบ้านไปนอนหลับสบาย อาจกว่า100ล้านล้านบาทต่อครั้งโน้นก็ว่าออกนอกประเทศ ,คนต่างชาติย่อมยิ้มอย่างมีความสุขล่ะ. https://youtube.com/watch?v=8RD6KfYIMbw&si=p7Jpl4NYhI5B8Sdv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระขุนแผนขี่โหงพรายอุ้มกุมาร หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท
    พระขุนแผนขี่โหงพรายอุ้มกุมาร เนื้อดิน หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท //พระดี พิธีขลัง ปลุกเสกขึ้นในยุคต้นปี 2500 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณสูง เมตตามหานิยม ส่งเสริมหน้าที่การงาน มหาเสน่ห์ดีนักแล ให้รักให้หลงเรา ให้โชคลาภ ป้องกันภัย ส่งเสริมหน้าที่การงาน เมตตามหานิยมสูงมาก และมหาเสน่ห์ดีนักแล หายาก....ใครมีพระหลวงพ่อกวย จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน >>

    ** หลวงพ่อกวย พระเกจิชื่อดังของจังหวัดชัยนาท ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง วัตถุมงคล หลวงพ่อกวย มวลสาร ท่านปลุกเสกไว้อย่างดีพุทธคุณเข้มขลัง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ ราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์ด้านทำมาค้าขายดีเยี่ยม และด้านโชคลาภเมตตามหานิยมก็โดดเด่น ยิ่งนัก ขอไหว้ ได้รับ พุทธคุณโดดเด่น เน้นด้านเมตตามหานิยม >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระขุนแผนขี่โหงพรายอุ้มกุมาร หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท พระขุนแผนขี่โหงพรายอุ้มกุมาร เนื้อดิน หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท //พระดี พิธีขลัง ปลุกเสกขึ้นในยุคต้นปี 2500 //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณสูง เมตตามหานิยม ส่งเสริมหน้าที่การงาน มหาเสน่ห์ดีนักแล ให้รักให้หลงเรา ให้โชคลาภ ป้องกันภัย ส่งเสริมหน้าที่การงาน เมตตามหานิยมสูงมาก และมหาเสน่ห์ดีนักแล หายาก....ใครมีพระหลวงพ่อกวย จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน >> ** หลวงพ่อกวย พระเกจิชื่อดังของจังหวัดชัยนาท ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง วัตถุมงคล หลวงพ่อกวย มวลสาร ท่านปลุกเสกไว้อย่างดีพุทธคุณเข้มขลัง กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์ ราคาขยับขึ้นเรื่อยๆ ประสบการณ์ด้านทำมาค้าขายดีเยี่ยม และด้านโชคลาภเมตตามหานิยมก็โดดเด่น ยิ่งนัก ขอไหว้ ได้รับ พุทธคุณโดดเด่น เน้นด้านเมตตามหานิยม >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลือกตั้งเทศบาล บ้านใหญ่ยึดเรียบ ซื้อเสียงไม่กลัวกฎหมาย
    .
    ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งระดับเทศบาล หลายสนามก็ไม่ได้มีอะไรผิดคาดเพราะบ้านใหญ่สามารถรักษาพื้นที่ได้ตามเดิม อันเป็นการแสดงให้เห็นว่ากระแสของการเมืองภาพใหญ่ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมากนัก โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งที่เทศบาลเมืองนนทบุรี และ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044173

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลือกตั้งเทศบาล บ้านใหญ่ยึดเรียบ ซื้อเสียงไม่กลัวกฎหมาย . ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งระดับเทศบาล หลายสนามก็ไม่ได้มีอะไรผิดคาดเพราะบ้านใหญ่สามารถรักษาพื้นที่ได้ตามเดิม อันเป็นการแสดงให้เห็นว่ากระแสของการเมืองภาพใหญ่ไม่ได้มีผลต่อการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมากนัก โดยเฉพาะผลการเลือกตั้งที่เทศบาลเมืองนนทบุรี และ ธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000044173 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 671 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่ทวดย้อนยุค 2497 วัดช้างให้ วัดทุ่งคา จ.นราธิวาส
    เนื้อว่าน หลวงปู่ทวดย้อนยุค 2497 วัดช้างให้ จัดสร้าง วัดทุ่งคา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส //พระเก่า พศ.ลึก พระดีพิธีใหญ่ พระประสบการณ์ดีมาก มีประสบการณ์มาแล้ว มีทหารหลายคนผ่านประสบการณ์รอดปาฏิหาริย์มาหลายครั้ง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ คุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง @@

    ** พ่อท่านขวัญ วัดทุ่งคา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาสานขวัญ ท่านปลุกเสกพระหลวงพ่อทวดช่วยชีวิตทหารหาญ ประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือ เนื่องจากทางวัดไม่มีงบเพียงพอที่จะสร้างพระเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวสำหรับคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงไปหาซื้อพระที่ทำเสร็จแล้ว ทางวัดทำพิธี และแจกจ่ายให้ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญ และเจ้าอาวาส วัดทุ่งคา บอกว่า เข้าพิธีแล้วซึ่งที่วัดทำเอง และมีประสบการณ์มาแล้วด้วย >>>

    ** ทหารบางท่านนำมาห้อยคอ บางท่านเจอเหตุการรุนแรงแต่ก็รอดมาได้ มีประสบการณ์มาก สภาพสวยเดิมๆ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวดย้อนยุค 2497 วัดช้างให้ วัดทุ่งคา จ.นราธิวาส เนื้อว่าน หลวงปู่ทวดย้อนยุค 2497 วัดช้างให้ จัดสร้าง วัดทุ่งคา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส //พระเก่า พศ.ลึก พระดีพิธีใหญ่ พระประสบการณ์ดีมาก มีประสบการณ์มาแล้ว มีทหารหลายคนผ่านประสบการณ์รอดปาฏิหาริย์มาหลายครั้ง //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ คุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง @@ ** พ่อท่านขวัญ วัดทุ่งคา อ.ยี่งอ จ.นราธิวาสานขวัญ ท่านปลุกเสกพระหลวงพ่อทวดช่วยชีวิตทหารหาญ ประสบการณ์เป็นที่เลื่องลือ เนื่องจากทางวัดไม่มีงบเพียงพอที่จะสร้างพระเพื่อให้เป็นที่ยึดเหนี่ยวสำหรับคน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงไปหาซื้อพระที่ทำเสร็จแล้ว ทางวัดทำพิธี และแจกจ่ายให้ญาติโยมที่มาร่วมทำบุญ และเจ้าอาวาส วัดทุ่งคา บอกว่า เข้าพิธีแล้วซึ่งที่วัดทำเอง และมีประสบการณ์มาแล้วด้วย >>> ** ทหารบางท่านนำมาห้อยคอ บางท่านเจอเหตุการรุนแรงแต่ก็รอดมาได้ มีประสบการณ์มาก สภาพสวยเดิมๆ >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่ทวดหลังเตารีดจิ๋ว เนื้อนวะโลหะ พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา ปี2540
    หลวงปู่ทวดหลังเตารีดจิ๋ว เนื้อนวะโลหะ ( หลังตอกโค๊ด ) พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา ปี2540 // พระดีพิธีใหญ่ พระมีขนาดเล็ก จิ๋วแต่แจ๋ว หายากครับ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พระขนาดเล็กจิ๋ว ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก จิ๋ว นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >>

    ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >>

    ** พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา๐๘.๔๕ น. พ่อท่านฉิ้น โชติโก เป็นประธาน พร้อมด้วยพระสังฆาธิการในจังหวัดยะลาทุกรูป ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์สวดพระปริตรมนต์พิธี ตลอดจนร่วมกันอธิษฐานจิตประจุกฤตยาคมด้วยจิตอันบริสุทธิ์ (วันนี้ยามศรี-นวางค์ศรี-ตรียางค์มูละ) ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๓๙ น. ประธานจุเทียนชัย โดยพ่อท่านแดง วัดโคกทราย พระในพิธีเริ่มสวดพระคาถาพุทธาภิเษก และพระคณาจารย์สายใต้สายเขาอ้อ ร่วมพลังนั่งปรกปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดเมืองยะลา ในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา ๐๕.๔๙ น. พ่อท่านฉิ้น พร้อมด้วยพระคณาจารย์ร่วมประจุกฤตยาคมปลุกเสกกันเดี่ยวๆ ดับเทียนชัยในวันรุ่นขึ้น เวลา ๖.๐๙ น. >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงปู่ทวดหลังเตารีดจิ๋ว เนื้อนวะโลหะ พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา ปี2540 หลวงปู่ทวดหลังเตารีดจิ๋ว เนื้อนวะโลหะ ( หลังตอกโค๊ด ) พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา ปี2540 // พระดีพิธีใหญ่ พระมีขนาดเล็ก จิ๋วแต่แจ๋ว หายากครับ ปลุกเสกโดยพระเกจิสายหลวงพ่อทวด - สายเขาอ้อ ร่วมปลุกเสกหลายท่าน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พระขนาดเล็กจิ๋ว ไม่ค่อยเจอแล้วครับ เป็นอีกรุ่นที่น่าบูชามาก จะไว้บูชาเอง หรือให้ลูกหลานคล้องคอบูชาก็ดีเยี่ยมครับ !! เหมาะสำหรับ ท่านที่นิยม พระขนาดเล็ก จิ๋ว นำไปใส่กรอบทอง สำหรับสุภาพสตรีและเด็กๆ ไว้เป็นพระเครื่องมงคลประจำตัว ลูกๆ หลานๆ .. รุ่นนี้มีประสบกาณ์มากครับ เหมาะสำหรับคนพิเศษ เล็กๆน่ารัก >> ** พุทธคุณ เจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง การเงิน โชคลาภค้าขาย เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย มหาอุด ประสบการณ์มากมาย ทั้งระเบิดด้าน รถคว่ำ กันภูตผี และใช้กันเสนียดจัญไรได้อีกด้วย >> ** พระดีพิธีใหญ่ พิธีพุทธาภิเษก ในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา๐๘.๔๕ น. พ่อท่านฉิ้น โชติโก เป็นประธาน พร้อมด้วยพระสังฆาธิการในจังหวัดยะลาทุกรูป ร่วมกันเจริญพระพุทธมนต์สวดพระปริตรมนต์พิธี ตลอดจนร่วมกันอธิษฐานจิตประจุกฤตยาคมด้วยจิตอันบริสุทธิ์ (วันนี้ยามศรี-นวางค์ศรี-ตรียางค์มูละ) ในวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา ๐๘.๓๙ น. ประธานจุเทียนชัย โดยพ่อท่านแดง วัดโคกทราย พระในพิธีเริ่มสวดพระคาถาพุทธาภิเษก และพระคณาจารย์สายใต้สายเขาอ้อ ร่วมพลังนั่งปรกปลุกเสก ณ พระอุโบสถวัดเมืองยะลา ในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๐ เวลา ๐๕.๔๙ น. พ่อท่านฉิ้น พร้อมด้วยพระคณาจารย์ร่วมประจุกฤตยาคมปลุกเสกกันเดี่ยวๆ ดับเทียนชัยในวันรุ่นขึ้น เวลา ๖.๐๙ น. >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • หน่อย ร่วมพิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิคทศมราชบพิตร” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้เชิญไปปลูกใน 77 จังหวัด ทั่วประเทศไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ณ มณฑลปลูกพระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร วัดแจ้งใน อ.เมืองนครราชสีมา

    ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล
    นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา
    11 พฤษภาคม 2568

    #หน่อยยลดา
    #นายกหน่อย
    #อบจโคราช
    #พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร
    หน่อย ร่วมพิธีปลูก “พระศรีมหาโพธิคทศมราชบพิตร” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้เชิญไปปลูกใน 77 จังหวัด ทั่วประเทศไทย เพื่อความเป็นสิริมงคล และเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคลพระชนมายุเท่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระปฐมบรมกษัตริยาธิราชแห่งพระราชวงศ์จักรี พุทธศักราช 2568 ณ มณฑลปลูกพระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร วัดแจ้งใน อ.เมืองนครราชสีมา ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา 11 พฤษภาคม 2568 #หน่อยยลดา #นายกหน่อย #อบจโคราช #พระศรีมหาโพธิทศมราชบพิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้.

    ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า.
    ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย,
    ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน.
    ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ,
    ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย.

    ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ.

    ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    ..จริงๆคลิปนี้สามารถทำลายกำลังใจคนรุ่นต่อไปเพื่อพึ่งพาตนเอง สร้างรายได้ทางการเกษตรกันเลยก็ว่า,อาจภาพเกษตรพอเพียงเสียเลยด้วยเพื่อพอจะมีรายได้มีกำไรพอยังชีพ ทำเกษตรขาดทุนหมดตังหมดกำลังใจกันเลย พ่อแม่ด่าอีกแฟนเมียเหยียบซ้ำด้วย พอจะเท่จะซื้อของใช้ซื้อพืชผักอื่นๆมาต่อยอดปลูกทำอีก&ซื้อข้าวของสินค้าอื่นๆสนองวัตถุธาตุอารมณ์ความรู้สึกตนแบบมนุษย์คนธรรมดาสามัญทั่วไปแบบเราๆได้,ทำไปก็ขาดทุน ตังลงทุนไปจมหายทิ้งละลายหมด เวลาที่เสียไป ชีวิตที่สั้นลงอีกแก่ชราไปภายหน้า สังขารเสื่อมลง กับเงินกับตังเฉลี่ยไม่พอจ่ายในภาระต่างๆแต่ละวันเดือนปีรอตรึมที่ตั้งด่านรอรับตัง&ไถ่ตังไถ่เงินอยู่โดยเฉพาะยิ่งภาระหนี้นอกระบบ, พืชผลการเกษตรตายด้วยโรคด้วยภัยธรรมชาติอีก เสี่ยงสูงในการขาดทุน,บวกรายได้ประจำแบบกินเงินเดือนสไตล์ข้าราชการรัฐก็ไม่มี,พอรอเก็บผลผลิตได้ก็ไม่มีทุกๆเดือนด้วยพอหักกลบลบหนี้ขาดทุนได้หรือลุกสู้ใหม่ปรับปรุงขยายสายงานพืชผลตัวใหม่เสริมผสมผสานกันต่อได้แบบไร่นาสวนผสมนั้น,แต่เหี้ยทั้งหมดมันจ่ายด้วยตังด้วยเงินทั้งหมดนะอะไรๆต้องซื้อมาลงทุนทำเกษตรก็ว่าในสถานะการณ์เวลายุคปัจจุบันนี้. ..คนไทบ้านปกติไม่มีเงินไม่มีทุนไม่มีตังปกติอยู่บวกกู้ตังธกส.จ่ายต้นจ่ายดอกเบี้ยแบงค์อีก ไม่รวมนอกระบบอื่นๆอีกนะ จะขนาดไหน,วงจรคนชาวเกษตรจึงไม่ร่ำรวยไง บวกยุคนีัค่าใช้จ่ายรอบด้านต้นทุนแพงรอบทิศรอบตัวอีก ไม่พอกินพอใช้อะไรหรอก ส่วนน้อยมากจะยืนได้ที่ออกมาโชว์ออฟช่องต่างๆ แต่ส่วนที่ล้มเหลวมันใต้ภูเขาน้ำแข็งเลยล่ะ เห็นปลายยอดภูเขาเปรียบพวกนั่งอยู่หอคอยงาช้างก็ได้ อาทิเช่นพวกข้าราชการมีเงินเดือนประจำพอโยกตังนั้นนี้ทันจนเดินได้ก็ว่า,พวกได้รับทุนโครงการเงินทุนเบื้องต้นสนับสนุนสาระพัดด้านการเกษตรช่วยงานการเข้าร่วมโครงการหลวงโครงการรัฐได้ทันเช่นโคกหนองนาโมเดล ทุนขุดสระทุนขุดคลองคอดไก่คนละกว่าแสนสองแสนบาทโน้นในอดีตและทางเกษตรช่วยต่างๆจนยืนได้ ใครได้อีกฝันเลยจะไทบ้าน ส่วนมากผู้นำชุมชนคณะกรรมการชุมชนหรือข้าราชการรัฐหลวงชิงตัดหน้าลงทะเบียนได้โครงการไปก่อนหรือในเครือญาติพี่น้องพวกนี้เพราะรับรู้ข่าวสารข้อมูลก่อนชิงตัดหน้ารับไปทำก่อน,เนียนๆก็ว่า ทำให้ดูเป็นตัวอย่างชาวบ้านแต่เหี้ยแค่ตังขุดสระเป็นหมื่นเป็นแสนสไตล์โมเดลโคกหนองนา ชาวบ้านมีตังที่ไหน และพวกนี้ก็ใช้ตังเริ่มต้นจริงด้วยตังตนเองที่ไหน ก็โครงการช่วยเหลือหมดเช่นกันตอนเริ่มต้น,หรือผีบ้าบ้าคนมีตังหน่อย ร่ำรวยเกินชาวบ้านหน่อยโชว์สักหน่อยก็ว่ามีตังเหลือหลายจากการค้าการทำธุรกืจกิจการอื่นสำเร็จ ตังไร้หนี้บีบหลัง เงินเย็นๆรอผลผลิตได้ ทำสบายๆสไตล์คนเกษตรยุคโบราณไม่ดิ้นรนอะไรมากตามหนี้กดดันต้องใช้ให้เร็วก็ว่า. ..ปัญหาชาวเกษตรแก้ง่ายมาก คือลดต้นทุนคนเกษตรจากรัฐส่งเสริมจริงจัง น้ำมันแพงคือต้นทุนหลักไม่ต่างจากทุกๆภาคกิจการธุรกิจอุตสาหกรรมหรอก,ชาวเกษตรหากรัฐไม่ช่วยในการลดต้นทุนทางตรงจากพ่อค้าที่ขายอุปกรณ์วัตถุดิบทางการเกษตรต่างๆลงได้ ตลอดต้นทุนเครื่องจักรทุ่นแรงราคาต่ำจริงเข้าถึงง่าย ราคาเสรีไม่กดราคาปั่นราคา,สาระพัดวิถีเกษตรจะมีค่าใช้จ่ายทำเกษตรไม่แพงอะไรเลย, ..รถไถ่นาเติมน้ำมันลิตรละ1บาท เติมถัง20-50ลิตร ใช้ตลอด50-100ไร่ไถ่นาสบาย,ค่าจ้างจะไม่แพง,ราคารถไถไทยทำเองจากโรงงานรัฐบาลส่งเสริมผลทำช่วยนำเข้าเสรีไม่แพงอีกในวัตถุดิบผลิตรถไถนาหรือสาระพัดเครื่องจักรทุ่นแรงต่างๆอาจคันละไม่กี่4-5หมื่นบาทเลยจากรถไถราคาปกติที่คันละ4-5แสนบาทหรือรถไถเดินตามปกติ2-3หมื่นบาทอาจเหลือแค่2-3พันบาทเลย,เพราะรัฐส่งเสริมจัดหาเต็มที่ทำทุกๆวิถีทางลดต้นทุนช่วยชาวเกษตรไทย,หรือยึดบ่อน้ำมัน บ่อน้ำมันส่งเข้าโรงกลั่น กลั่นได้ปุ๋ยมา ก็แจกจ่ายฟรีๆแก่คนไทยหรือมุ่งตรงคนเกษตรให้ได้รับมากหน่อยคนละ1กระสอบต่อไร่ทุกๆปีฟรีๆก็ได้,หรือนำเข้าปุ๋ยเสรี ราคาอาจเหลือแค่กระสอบละ20-30บาทก็ได้,ต้นทุนเราถูก รวมตัวเป็นสมาคม ทั้งระดับชุมชนตำบลอำเภอจังหวัดสู่ระดับภาคระดับชาติส่งออกเป็นเครือข่ายตรงผ่านสมาคม ราคาส่งออกนอก มิใช่ราคาภายในประเทศ ข้าวปกติขายตันละ400-800$ก็ได้ที่ต่างประเทศราคาตลาดโลกก็ว่า,แต่ขายจริงในไทยแค่ตันละ2-3พันบาทกันเองจะเป็นอะไรหรือถุง5-10กก.ถุงละ5-10บาทเราก็ขายได้,ซึ่งสมาคมเราจัดสรรบริหารจัดการเอง ชาวนาส่งขายข้าวทั้งหมดเองแก่สมาคม เก็บไว้กินเองตามสบายใจ สมาคมรับซื้อเพื่อแปรรูปข้าวส่งนอกก็ให้ราคาสูงแก่ชาวนาทันทีได้ตามราคาตลาดโลกเลย,เช่น60%รับซื้อราคาตลาดโลกขายนอก,40%รับซื้อแปรรูปขายในไทยเองราคาถูกๆช่วยคนไทยเราด้านความมั่นคงทางอาหารเลี้ยงในชาติไทยเราเอง,ชาวบ้านขายข้าว10ตัน 6ตันคิดตันละ40,000บาท,4ตันคิดตันละ2,000บาท ก็ว่า,หากคลังสมดุลข้าวภายในประเทศมากก็ลดเป็น80:20 ,รับซื้อจากชาวนา8ตันส่งนอกละ40,000บาท=320,000บาท,รับซื้อขายในประเทศ2ตันๆละ2,000บาท=4,000บาท รวมชาวนาได้324,000บาทก็ยังกำไรดีกว่าเมื่อ เทียบตันละ15,000สูงสุดแบบมโนๆในยุคปัจจุบันคือ150,000บาทต่อ10ตัน มันก็คนละเรื่องเช่นกัน 2ตันคือเสียสละเฉลี่ยเลี้ยงคนไทยลูกหลานเราเองในการสร้างชาติพัฒนาชาติให้มีแรงกำลังกายด้านอาหารข้าวปลาสร้างชาติไทยร่วมกันต่อไปนั้นเองสนับสนุนสัมมาอาชีพอื่นร่วมกัน. ..ไม่ว่าจะอาชีพเกษตรด้านไหน นี้คือสงครามภายในประเทศไทยตนเองกับผู้ปกครองชาติไทยตนเองชัดเจน ที่กำลังมองคนเกษตรไทยคือภัยอันตรายของประเทศเอง ขัดขวางภาคเหล็กปูนอิฐเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมต่างๆผลิตสินค้าที่สร้างกำไรน้อยมันว่า,พอเกษตรกรจะขายข้าวสักกก.ละแสนบาท อาจต้องมาควบคุมพะนะ,ทองคำบาทละ4-5หมื่นกินไม่ได้เสือกแพง,ข้าวกินได้เสือกถูก,พืชผักถั่วเสือกถูก,จริงๆวิธีแก้ตาแก้มัดพวกนี้ต้องผูกค่าอ้างอิงใส่มันเลย เช่นทองคำ1บาท ราคา50,000บาทคือฐาน,ข้าว1ตันราคา50,000บาทคือฐานด้วย,อนาคตราคาลดราคาลงหรือเพิ่มขึ้นให้ใช้ราคาทองคำเป็นฐานให้อ้างอิงกำหนดราคาข้าวขายในตลาดด้วยเรียลไทม์เลย,ทองคำราคาลงที่1บาท25,000บาท,ข้าวก็จะลดลงทันทีเช่นกันที่1ตัน ราคา25,000บาท.นี้ต้องแก้แบบนี้,สินค้าเกษตรจะไม่ถูกด้อยค่าอีก,มีฐานอ้างอิงด้วย,โลกเรามันผีบ้า หาว่าขายข้าวราคาต่ำๆเป็นจิตสำนึกรักกันเองในประเทศ สินค้าควบคุมป้องกันความเดือดร้อนแก่คนหมู่มากที่ต้องจำเป็นกินข้าวกันทุกๆวัน,แต่จิตสำนึกห่วงใยชาวนาผู้ผลิตข้าวให้คนกินกลับไม่สนใจในความทุกข์ยากเดือดร้อนจนยากจนในความเสียสละของชาวนานั้น เอาเปรียบตัวนำการเอาเปรียบเองด้วยซ้ำคือรัฐบาลเองไม่ข่วย ไม่ควบคุม ไม่ลดต้นทุนวัตถุดิบรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับที่ชาวนาใช้ปลูกข้าวเพื่อผลิตข้าวให้คนทั้งประเทศกิน,อนาคตอวยนำเข้าข้าวจากต่างประเทศมากินเมื่อเจอวิกฤติเขาไม่ส่งข้าวมาให้ชาติไทยตนเองแดกจะเกิดอะไรขึ้น,ทั้งประเทศเลิกเป็นคนชาวนาชาวเกษตรอีกเพราะทำธุรกิจกิจการภาคอื่นๆอุตสาหกรรมอื่นที่มิใช้ภาคเกษตรย่อลงมาย่อยคือชาวนาก็ซวยบรรลัยไร้แดกทั้งประเทศ,ความมั่นคงทางอาหารไม่มีตัดเสบียงทางการรบเห็นๆแพ้ศึกสงครามแน่นอนเพราะผีบ้าตามแต่อุตสาหกรรมหรือเทคโนโลยีAIหุ่นยนต์ ตนเสือกคือคนแท้ๆต้อกแดกข้าวแดกอาหารมิใช่ไฟฟ้าแบบหุ่นยนต์หรือAIในเน็ตในออนไลน์ พินาศคือเราคนเป็นๆนี้ล่ะ, ..ผู้นำจึงสำคัญจริงๆ ปลดปล่อยอิสระวัตถุดิบสมบัติชาติทรัพยากรชาติที่มีค่ามากมายคืนสู่สามัญแผ่นดินไทยเราดั่งเดิม เราจะมีวิถีชีวิตที่ดีแน่นอน แม้จะสัมมาอาชีพใดๆก็ไม่ต้องแบกภาระต้นทุนสูงใดๆอีกต่อไป เพราะทุกๆคนช่วยกันคิดอ่านร่วมแก้ไขขจัดปัญหาต่างๆออกไป,กำไรแค่100-200บาทอาจมีความสุขโคตรมหาศาลก็ว่า เพราะไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาใช้หนี้ ไม่ต้องดิ้นรนหาตังมาชำระค่าใช้จ่ายสาระพัดทาง อาทิเปิดเทอมลูกหลาน รัฐบาลส่งเสริมเรียนฟรีหมด ชุดนักเรียน อุปกรณ์การศึกษา ค่าใช้จ่ายใดๆผู้ปกครองไม่ต้องจ่าย,เรียนคอมฯเรียนภาษาเรียนAIนวัตกรรมล้ำไหนฟรีหมด อาหารที่พักฟรี รถรับส่งไปกลับฟรี,ใช้กายใจตั้งใจเรียนรู้องค์รู้ต่างๆแค่นั้น จบมามีตังมีทุนเริ่มต้นสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีอีกฟรีเป็นต้น ค่างานศพใครตายก็ไม่ต้องเรี่ยไรจ่ายในแต่ละหมู่บ้าน รัฐรันระบบตรวจพบเจออำเภอคีย์แจ้งทราบ เคลมจ่ายศพมรณะทุกๆกรณีรายละ1ล้านบาทเรียลไทม์ก็ยังได้ ชาติไทยโคตรร่ำรวยจริงๆนะ แต่วิถีปกครองเรามันกาก&ผู้ปกครองกากเขลาโง่กระจอก,จนยกทรัพยากรมีค่ามากมายมหาศาลแก่คนอื่นชาติอื่นไปยึดครองแทนคนไทย. ..วิถีเกษตรเราล้มเหลวก็ได้ ดูหน่วยงานรัฐเราสิ ขี้ข้าคนเจ้าสัวตรึม,สมัยประท้วงพรบ.ผูกขาดเมล็ดพันธุ์ นักวิชการเกษตรต่างๆทั่วไทยกลับไม่เร่งรีบลุกนำประท้วงความอยุติธรรมให้แก่คนภาคชาวเกษตรจริงอะไร จนเขาต้องนำทัพประท้วงช่วยเหลือกันเอง การยุบทุบทิ้งกระทรวงทบวงกรมสายงานเกษตรของภาครัฐทั้งหมดถูกต้องที่สุด มันคือวิถีทางเดียวจะล้างทำลายเผาไหม้จริงในรากเหง้าอิทธิอำนาจหยั่งลึกทุกๆมิติในวงการนี้ทั้งแผ่นดินไทยได้จริงทั้งหมด ย้ำมันวางรากลึกกัดกันวงจรชาวเกษตรไทยจนพินาศถึงปัจจุบันนีัจริงๆ. ..https://youtube.com/watch?v=topV7JVUnmE&si=mhL49JRpZO7BJ7BR
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts