• รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251211 #securityonline

    Makop Ransomware กลับมาอีกครั้งพร้อมกลยุทธ์ใหม่
    ภัยคุกคามที่เคยคุ้นชื่อ Makop ransomware ได้พัฒนาวิธีการโจมตีให้ซับซ้อนขึ้น แม้จะยังใช้ช่องโหว่เดิมคือการเจาะผ่านพอร์ต RDP ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาเสริมเครื่องมืออย่าง GuLoader เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติม และยังใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในระดับ kernel ได้โดยตรง การโจมตีส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่องค์กรในอินเดีย แต่ก็พบในหลายประเทศอื่นด้วย จุดสำคัญคือ แม้จะเป็นการโจมตีที่ดู “ง่าย” แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความเสียหายรุนแรงต่อองค์กรที่ละเลยการอัปเดตและการตั้งค่าความปลอดภัย
    https://securityonline.info/makop-ransomware-evolves-guloader-and-byovd-edr-killers-used-to-attack-rdp-exposed-networks

    DeadLock Ransomware ใช้ช่องโหว่ไดรเวอร์ Baidu เจาะระบบ
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่หวังผลทางการเงินได้ปล่อยแรนซัมแวร์ชื่อ DeadLock โดยใช้เทคนิค BYOVD เช่นกัน คราวนี้พวกเขาอาศัยไดรเวอร์จาก Baidu Antivirus ที่มีช่องโหว่ ทำให้สามารถสั่งงานในระดับ kernel และปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันได้ทันที หลังจากนั้นยังใช้ PowerShell script ปิดบริการสำคัญ เช่น SQL Server และลบ shadow copies เพื่อกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้ ตัวแรนซัมแวร์ถูกเขียนขึ้นใหม่ด้วย C++ และใช้วิธีเข้ารหัสเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ที่น่าสนใจคือพวกเขาไม่ใช้วิธี “double extortion” แต่ให้เหยื่อติดต่อผ่านแอป Session เพื่อเจรจาจ่ายค่าไถ่เป็น Bitcoin หรือ Monero
    https://securityonline.info/deadlock-ransomware-deploys-byovd-edr-killer-by-exploiting-baidu-driver-for-kernel-level-defense-bypass

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน PCIe 6.0 เสี่ยงข้อมูลเสียหาย
    มาตรฐาน PCIe 6.0 ที่ใช้ในการส่งข้อมูลความเร็วสูงถูกพบว่ามีช่องโหว่ในกลไก IDE (Integrity and Data Encryption) ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงฮาร์ดแวร์สามารถฉีดข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเก่าเข้ามาในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-9612, 9613 และ 9614 แม้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกล แต่ก็เป็นภัยใหญ่สำหรับศูนย์ข้อมูลหรือระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง ตอนนี้ PCI-SIG ได้ออก Draft Engineering Change Notice เพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ผลิตอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้โดยเร็ว
    https://securityonline.info/critical-pcie-6-0-flaws-risk-secure-data-integrity-via-stale-data-injection-in-ide-mechanism

    EtherRAT Malware ใช้บล็อกเชน Ethereum ซ่อนร่องรอย
    หลังจากเกิดช่องโหว่ React2Shell เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ใช้บล็อกเชน Ethereum เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้ควบคุม โดยอาศัย smart contracts เพื่อรับคำสั่ง ทำให้แทบไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะเครือข่าย Ethereum เป็นระบบกระจายศูนย์ นอกจากนี้ EtherRAT ยังมีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือที่เคยใช้โดยกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ และถูกออกแบบให้ฝังตัวแน่นหนาในระบบ Linux ด้วยหลายวิธีการ persistence พร้อมทั้งดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อกลมกลืนกับการทำงานปกติ ถือเป็นการยกระดับการโจมตีจากช่องโหว่ React2Shell ไปสู่ระดับ APT ที่อันตรายยิ่งขึ้น
    https://securityonline.info/etherrat-malware-hijacks-ethereum-blockchain-for-covert-c2-after-react2shell-exploit

    Slack CEO ย้ายไปร่วมทีม OpenAI เป็น CRO
    OpenAI กำลังเร่งหาทางสร้างรายได้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการประมวลผล AI ล่าสุดได้ดึง Denise Dresser ซีอีโอของ Slack เข้ามารับตำแหน่ง Chief Revenue Officer (CRO) เพื่อดูแลกลยุทธ์รายได้และการขยายตลาดองค์กร การเข้ามาของเธอสะท้อนให้เห็นว่า OpenAI กำลังใช้แนวทางแบบ Silicon Valley อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายฐานผู้ใช้และการหาช่องทางทำเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขาย subscription หรือแม้กระทั่งโฆษณาใน ChatGPT อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการทำให้รายได้เติบโตทันกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจากการสร้างและดูแลโครงสร้างพื้นฐาน AI
    https://securityonline.info/slack-ceo-denise-dresser-joins-openai-as-cro-to-solve-the-profitability-puzzle

    Jenkins เจอช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงถูกโจมตี DoS และ XSS
    ทีมพัฒนา Jenkins ออกประกาศเตือนครั้งใหญ่ หลังพบช่องโหว่หลายรายการที่อาจทำให้ระบบ CI/CD ถูกโจมตีจนหยุดทำงาน หรือโดนฝังสคริปต์อันตราย (XSS) โดยเฉพาะช่องโหว่ CVE-2025-67635 ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ส่งคำสั่งผ่าน HTTP CLI โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทรัพยากรถูกใช้จนล่ม อีกช่องโหว่ CVE-2025-67641 ใน Coverage Plugin ก็เปิดทางให้ผู้โจมตีฝังโค้ด JavaScript ลงในรายงาน เมื่อผู้ดูแลเปิดดู รายงานนั้นจะรันสคริปต์ทันที เสี่ยงต่อการถูกขโมย session และข้อมูลสำคัญ แม้จะมีการอัปเดตแก้ไขหลายจุด เช่น การเข้ารหัส token และการปิดช่องโหว่การเห็นรหัสผ่าน แต่ยังมีบางปลั๊กอินที่ยังไม่มีแพตช์ออกมา ทำให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดต Jenkins และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสียหาย
    https://securityonline.info/high-severity-jenkins-flaws-risk-unauthenticated-dos-via-http-cli-and-xss-via-coverage-reports

    Gogs Zero-Day โดนเจาะกว่า 700 เซิร์ฟเวอร์ ผ่าน Symlink Path Traversal
    นักวิจัยจาก Wiz พบช่องโหว่ใหม่ใน Gogs (CVE-2025-8110) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้ง่าย ๆ ผ่านการใช้ symlink โดยช่องโหว่นี้เป็นการเลี่ยงแพตช์เก่าที่เคยแก้ไขไปแล้ว ทำให้กว่า 700 เซิร์ฟเวอร์จาก 1,400 ที่ตรวจสอบถูกเจาะสำเร็จ การโจมตีมีลักษณะเป็นแคมเปญ “smash-and-grab” คือเข้ามาเร็ว ใช้ symlink เขียนทับไฟล์สำคัญ เช่น .git/config แล้วรันคำสั่งอันตราย จากนั้นติดตั้ง payload ที่ใช้ Supershell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์ออกมา ผู้ดูแลระบบจึงถูกแนะนำให้ปิดการสมัครสมาชิกสาธารณะ และจำกัดการเข้าถึงระบบทันที
    https://securityonline.info/gogs-zero-day-cve-2025-8110-risks-rce-for-700-servers-via-symlink-path-traversal-bypass

    GitLab พบช่องโหว่ XSS เสี่ยงโดนขโมย session ผ่าน Wiki
    GitLab ออกอัปเดตด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-12716 ที่มีความรุนแรงสูง (CVSS 8.7) โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในฟีเจอร์ Wiki ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพจได้ หากมีการฝังโค้ดอันตรายลงไป เมื่อผู้ใช้รายอื่นเปิดดู เพจนั้นจะรันคำสั่งแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เสี่ยงต่อการถูกยึด session และสั่งงานแทนเจ้าของบัญชี นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ เช่น การ inject HTML ในรายงานช่องโหว่ และการเปิดเผยข้อมูลโครงการที่ควรเป็น private ผ่าน error message และ GraphQL query GitLab.com และ GitLab Dedicated ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ใช้ self-managed instance ต้องรีบอัปเดตเวอร์ชัน 18.6.2, 18.5.4 หรือ 18.4.6 เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้
    https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages

    Facebook ปรับโฉมใหม่ แต่ Instagram ใช้ AI ดึง SEO
    มีรายงานว่า Facebook ได้ปรับโฉมหน้าตาใหม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Instagram ถูกเปิดโปงว่าใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึง SEO ให้ติดอันดับการค้นหา คล้ายกับการทำ content farm โดยไม่ได้บอกผู้ใช้ตรง ๆ เรื่องนี้จึงถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและจริยธรรมของ Meta ที่อาจใช้ AI เพื่อผลักดันการเข้าถึงโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
    https://securityonline.info/facebook-gets-new-look-but-instagram-secretly-uses-ai-for-seo-bait

    SpaceX เตรียม IPO มูลค่าเป้าหมายทะลุ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าแผน IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำลายสถิติของ Saudi Aramco ที่เคยทำไว้ในปี 2019 ที่ 29 พันล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้ตลาดตะลึงคือการตั้งเป้ามูลค่าบริษัทไว้สูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้รายได้ของ SpaceX ในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า Tesla ถึง 6 เท่า แต่ความคาดหวังอยู่ที่อนาคตของ Starlink และ Starship รวมถึงแผนสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศเพื่อรองรับ AI และการสื่อสารผ่านดาวเทียม Musk เชื่อว่าการรวมพลังของ Starlink และ Starship จะขยายตลาดได้มหาศาล และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่สุดของ SpaceX
    https://securityonline.info/spacex-ipo-targeting-a-1-5-trillion-valuation-to-fund-space-data-centers

    จีนเปิดปฏิบัติการไซเบอร์ WARP PANDA ใช้ BRICKSTORM เจาะ VMware และ Azure
    มีการเปิดโปงแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากจีนชื่อ WARP PANDA พวกเขาไม่ได้โจมตีแบบธรรมดา แต่เลือกเจาะเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่สำคัญอย่าง VMware vCenter และ ESXi รวมถึงระบบคลาวด์ Microsoft Azure จุดเด่นคือการใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเองชื่อ BRICKSTORM ซึ่งเป็น backdoor ที่แฝงตัวเหมือนโปรเซสของระบบ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเสริมอย่าง Junction และ GuestConduit ที่ช่วยควบคุมการสื่อสารในระบบเสมือนจริงได้อย่างแนบเนียน สิ่งที่น่ากังวลคือพวกเขาสามารถอยู่ในระบบได้นานเป็นปีโดยไม่ถูกพบ และยังขยายการโจมตีไปสู่บริการ Microsoft 365 เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงจูงใจเชิงรัฐมากกว่าการเงิน เพราะเป้าหมายคือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรัฐบาลจีน
    https://securityonline.info/chinas-warp-panda-apt-deploys-brickstorm-backdoor-to-hijack-vmware-vcenter-esxi-and-azure-cloud

    ช่องโหว่ร้ายแรง TOTOLINK AX1800 เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึง root โดยไม่ต้องล็อกอิน
    มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ที่ใช้กันแพร่หลายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวเพื่อเปิดบริการ Telnet โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน เมื่อ Telnet ถูกเปิดแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ผลกระทบคือสามารถดักจับข้อมูล เปลี่ยนเส้นทาง DNS หรือใช้เป็นฐานโจมตีอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ที่น่ากังวลคือยังไม่มีแพตช์แก้ไขจากผู้ผลิต ทำให้ผู้ใช้ต้องป้องกันตัวเองด้วยการปิดการเข้าถึงจาก WAN และตรวจสอบการเปิดใช้งาน Telnet อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce

    FBI และ CISA เตือนกลุ่มแฮกเกอร์สายโปรรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานผ่าน VNC ที่ไม่ปลอดภัย
    หน่วยงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ รวมถึง FBI และ CISA ออกคำเตือนว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซียกำลังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบน้ำ พลังงาน และอาหาร โดยใช้วิธีง่าย ๆ คือค้นหา Human-Machine Interfaces (HMI) ที่เชื่อมต่อผ่าน VNC แต่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง เมื่อเข้าถึงได้ พวกเขาจะปรับเปลี่ยนค่าการทำงาน เช่น ความเร็วปั๊ม หรือปิดระบบแจ้งเตือน ทำให้ผู้ควบคุมไม่เห็นภาพจริงของโรงงาน กลุ่มที่ถูกระบุมีทั้ง Cyber Army of Russia Reborn, NoName057(16), Z-Pentest และ Sector16 ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐรัสเซีย แม้จะไม่ซับซ้อน แต่การโจมตีแบบนี้สร้างความเสียหายได้จริงและยากต่อการคาดเดา
    https://securityonline.info/fbi-cisa-warn-pro-russia-hacktivists-target-critical-infrastructure-via-unsecured-vnc-hmis

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน CCTV (CVE-2025-13607) เสี่ยงถูกแฮกดูภาพสดและขโมยรหัสผ่าน
    CISA ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อเครือข่าย โดยเฉพาะรุ่น D-Link DCS-F5614-L1 ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงการตั้งค่าและข้อมูลบัญชีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ผลคือสามารถดูภาพสดจากกล้องและขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลเพื่อเจาะลึกเข้าไปในระบบต่อไปได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 และแม้ D-Link จะออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้แบรนด์อื่นอย่าง Securus และ Sparsh ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบและติดต่อผู้ผลิตเองเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication

    ข่าวด่วน: Google ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ช่องโหว่ Zero-Day บน Chrome
    เรื่องนี้เป็นการอัปเดตที่สำคัญมากของ Google Chrome เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ถูกโจมตีจริงแล้วในโลกออนไลน์ Google จึงรีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ 143.0.7499.109/.110 เพื่ออุดช่องโหว่ โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น “Under coordination” ซึ่งหมายถึงยังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ทำให้รายละเอียดเชิงเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ที่แน่ ๆ คือมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้โจมตีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ระดับกลางอีกสองรายการ ได้แก่ปัญหาใน Password Manager และ Toolbar ที่นักวิจัยภายนอกรายงานเข้ามา พร้อมได้รับรางวัลบั๊กบาวน์ตี้รวม 4,000 ดอลลาร์ เรื่องนี้จึงเป็นการเตือนผู้ใช้ทุกคนให้รีบตรวจสอบและอัปเดต Chrome ด้วยตนเองทันที ไม่ควรรอการอัปเดตอัตโนมัติ เพราะความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นจริงแล้ว
    https://securityonline.info/emergency-chrome-update-google-patches-new-zero-day-under-active-attack

    นวัตกรรมใหม่: สถาปัตยกรรม AI ของ Google แรงกว่า GPT-4 ในด้านความจำ
    Google เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ Titans และกรอบแนวคิด MIRAS ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการจำข้อมูลระยะยาวของโมเดล AI แบบเดิม ๆ จุดเด่นคือสามารถ “อ่านไป จำไป” ได้เหมือนสมองมนุษย์ โดยใช้โมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานคล้ายการแยกความจำสั้นและยาวในสมองจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “surprise metric” กลไกที่เลือกจำเฉพาะข้อมูลที่แปลกใหม่หรือไม่คาดคิด เช่นเดียวกับที่มนุษย์มักจำเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาได้ชัดเจน ผลลัพธ์คือโมเดลนี้สามารถจัดการข้อมูลยาวมหาศาลได้ถึงสองล้านโทเคน และยังทำงานได้ดีกว่า GPT-4 แม้จะมีพารามิเตอร์น้อยกว่า นอกจากนี้ MIRAS ยังเปิดทางให้สร้างโมเดลใหม่ ๆ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่นการทนต่อสัญญาณรบกวนหรือการรักษาความจำระยะยาวอย่างมั่นคง การทดสอบกับชุดข้อมูล BABILong แสดงให้เห็นว่า Titans มีศักยภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอื่น ๆ ในการดึงข้อมูลที่กระจายอยู่ในเอกสารขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตของ AI ในการทำความเข้าใจทั้งเอกสารหรือแม้แต่ข้อมูลทางพันธุกรรมดูสดใสและทรงพลังมากขึ้น
    https://securityonline.info/the-surprise-metric-googles-new-ai-architecture-outperforms-gpt-4-in-memory

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251211 #securityonline 🛡️ Makop Ransomware กลับมาอีกครั้งพร้อมกลยุทธ์ใหม่ ภัยคุกคามที่เคยคุ้นชื่อ Makop ransomware ได้พัฒนาวิธีการโจมตีให้ซับซ้อนขึ้น แม้จะยังใช้ช่องโหว่เดิมคือการเจาะผ่านพอร์ต RDP ที่ไม่ได้ป้องกัน แต่ครั้งนี้พวกเขาเสริมเครื่องมืออย่าง GuLoader เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เพิ่มเติม และยังใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) เพื่อฆ่าโปรแกรมป้องกันไวรัสในระดับ kernel ได้โดยตรง การโจมตีส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่องค์กรในอินเดีย แต่ก็พบในหลายประเทศอื่นด้วย จุดสำคัญคือ แม้จะเป็นการโจมตีที่ดู “ง่าย” แต่ผลลัพธ์กลับสร้างความเสียหายรุนแรงต่อองค์กรที่ละเลยการอัปเดตและการตั้งค่าความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/makop-ransomware-evolves-guloader-and-byovd-edr-killers-used-to-attack-rdp-exposed-networks 💻 DeadLock Ransomware ใช้ช่องโหว่ไดรเวอร์ Baidu เจาะระบบ กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่หวังผลทางการเงินได้ปล่อยแรนซัมแวร์ชื่อ DeadLock โดยใช้เทคนิค BYOVD เช่นกัน คราวนี้พวกเขาอาศัยไดรเวอร์จาก Baidu Antivirus ที่มีช่องโหว่ ทำให้สามารถสั่งงานในระดับ kernel และปิดการทำงานของโปรแกรมป้องกันได้ทันที หลังจากนั้นยังใช้ PowerShell script ปิดบริการสำคัญ เช่น SQL Server และลบ shadow copies เพื่อกันไม่ให้เหยื่อกู้คืนข้อมูลได้ ตัวแรนซัมแวร์ถูกเขียนขึ้นใหม่ด้วย C++ และใช้วิธีเข้ารหัสเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร ที่น่าสนใจคือพวกเขาไม่ใช้วิธี “double extortion” แต่ให้เหยื่อติดต่อผ่านแอป Session เพื่อเจรจาจ่ายค่าไถ่เป็น Bitcoin หรือ Monero 🔗 https://securityonline.info/deadlock-ransomware-deploys-byovd-edr-killer-by-exploiting-baidu-driver-for-kernel-level-defense-bypass ⚙️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน PCIe 6.0 เสี่ยงข้อมูลเสียหาย มาตรฐาน PCIe 6.0 ที่ใช้ในการส่งข้อมูลความเร็วสูงถูกพบว่ามีช่องโหว่ในกลไก IDE (Integrity and Data Encryption) ซึ่งอาจทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงฮาร์ดแวร์สามารถฉีดข้อมูลที่ผิดพลาดหรือเก่าเข้ามาในระบบได้ ช่องโหว่นี้ถูกระบุเป็น CVE-2025-9612, 9613 และ 9614 แม้จะไม่สามารถโจมตีจากระยะไกล แต่ก็เป็นภัยใหญ่สำหรับศูนย์ข้อมูลหรือระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง ตอนนี้ PCI-SIG ได้ออก Draft Engineering Change Notice เพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ผลิตอัปเดตเฟิร์มแวร์เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/critical-pcie-6-0-flaws-risk-secure-data-integrity-via-stale-data-injection-in-ide-mechanism 🪙 EtherRAT Malware ใช้บล็อกเชน Ethereum ซ่อนร่องรอย หลังจากเกิดช่องโหว่ React2Shell เพียงไม่กี่วัน นักวิจัยพบมัลแวร์ใหม่ชื่อ EtherRAT ที่ใช้บล็อกเชน Ethereum เป็นช่องทางสื่อสารกับผู้ควบคุม โดยอาศัย smart contracts เพื่อรับคำสั่ง ทำให้แทบไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะเครือข่าย Ethereum เป็นระบบกระจายศูนย์ นอกจากนี้ EtherRAT ยังมีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือที่เคยใช้โดยกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือ และถูกออกแบบให้ฝังตัวแน่นหนาในระบบ Linux ด้วยหลายวิธีการ persistence พร้อมทั้งดาวน์โหลด runtime ของ Node.js เองเพื่อกลมกลืนกับการทำงานปกติ ถือเป็นการยกระดับการโจมตีจากช่องโหว่ React2Shell ไปสู่ระดับ APT ที่อันตรายยิ่งขึ้น 🔗 https://securityonline.info/etherrat-malware-hijacks-ethereum-blockchain-for-covert-c2-after-react2shell-exploit 🤝 Slack CEO ย้ายไปร่วมทีม OpenAI เป็น CRO OpenAI กำลังเร่งหาทางสร้างรายได้เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการประมวลผล AI ล่าสุดได้ดึง Denise Dresser ซีอีโอของ Slack เข้ามารับตำแหน่ง Chief Revenue Officer (CRO) เพื่อดูแลกลยุทธ์รายได้และการขยายตลาดองค์กร การเข้ามาของเธอสะท้อนให้เห็นว่า OpenAI กำลังใช้แนวทางแบบ Silicon Valley อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการขยายฐานผู้ใช้และการหาช่องทางทำเงิน ไม่ว่าจะเป็นการขาย subscription หรือแม้กระทั่งโฆษณาใน ChatGPT อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการทำให้รายได้เติบโตทันกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วจากการสร้างและดูแลโครงสร้างพื้นฐาน AI 🔗 https://securityonline.info/slack-ceo-denise-dresser-joins-openai-as-cro-to-solve-the-profitability-puzzle 🛠️ Jenkins เจอช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงถูกโจมตี DoS และ XSS ทีมพัฒนา Jenkins ออกประกาศเตือนครั้งใหญ่ หลังพบช่องโหว่หลายรายการที่อาจทำให้ระบบ CI/CD ถูกโจมตีจนหยุดทำงาน หรือโดนฝังสคริปต์อันตราย (XSS) โดยเฉพาะช่องโหว่ CVE-2025-67635 ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์ส่งคำสั่งผ่าน HTTP CLI โดยไม่ต้องล็อกอิน ทำให้เซิร์ฟเวอร์ทรัพยากรถูกใช้จนล่ม อีกช่องโหว่ CVE-2025-67641 ใน Coverage Plugin ก็เปิดทางให้ผู้โจมตีฝังโค้ด JavaScript ลงในรายงาน เมื่อผู้ดูแลเปิดดู รายงานนั้นจะรันสคริปต์ทันที เสี่ยงต่อการถูกขโมย session และข้อมูลสำคัญ แม้จะมีการอัปเดตแก้ไขหลายจุด เช่น การเข้ารหัส token และการปิดช่องโหว่การเห็นรหัสผ่าน แต่ยังมีบางปลั๊กอินที่ยังไม่มีแพตช์ออกมา ทำให้ผู้ดูแลระบบต้องรีบอัปเดต Jenkins และปลั๊กอินที่เกี่ยวข้องเพื่อป้องกันความเสียหาย 🔗 https://securityonline.info/high-severity-jenkins-flaws-risk-unauthenticated-dos-via-http-cli-and-xss-via-coverage-reports 🐙 Gogs Zero-Day โดนเจาะกว่า 700 เซิร์ฟเวอร์ ผ่าน Symlink Path Traversal นักวิจัยจาก Wiz พบช่องโหว่ใหม่ใน Gogs (CVE-2025-8110) ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถเขียนไฟล์อันตรายลงในระบบได้ง่าย ๆ ผ่านการใช้ symlink โดยช่องโหว่นี้เป็นการเลี่ยงแพตช์เก่าที่เคยแก้ไขไปแล้ว ทำให้กว่า 700 เซิร์ฟเวอร์จาก 1,400 ที่ตรวจสอบถูกเจาะสำเร็จ การโจมตีมีลักษณะเป็นแคมเปญ “smash-and-grab” คือเข้ามาเร็ว ใช้ symlink เขียนทับไฟล์สำคัญ เช่น .git/config แล้วรันคำสั่งอันตราย จากนั้นติดตั้ง payload ที่ใช้ Supershell เพื่อควบคุมเครื่องจากระยะไกล ปัจจุบันยังไม่มีแพตช์ออกมา ผู้ดูแลระบบจึงถูกแนะนำให้ปิดการสมัครสมาชิกสาธารณะ และจำกัดการเข้าถึงระบบทันที 🔗 https://securityonline.info/gogs-zero-day-cve-2025-8110-risks-rce-for-700-servers-via-symlink-path-traversal-bypass 🧩 GitLab พบช่องโหว่ XSS เสี่ยงโดนขโมย session ผ่าน Wiki GitLab ออกอัปเดตด่วนเพื่อแก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-12716 ที่มีความรุนแรงสูง (CVSS 8.7) โดยช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในฟีเจอร์ Wiki ที่ผู้ใช้สามารถสร้างเพจได้ หากมีการฝังโค้ดอันตรายลงไป เมื่อผู้ใช้รายอื่นเปิดดู เพจนั้นจะรันคำสั่งแทนผู้ใช้โดยอัตโนมัติ เสี่ยงต่อการถูกยึด session และสั่งงานแทนเจ้าของบัญชี นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่อื่น ๆ เช่น การ inject HTML ในรายงานช่องโหว่ และการเปิดเผยข้อมูลโครงการที่ควรเป็น private ผ่าน error message และ GraphQL query GitLab.com และ GitLab Dedicated ได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ใช้ self-managed instance ต้องรีบอัปเดตเวอร์ชัน 18.6.2, 18.5.4 หรือ 18.4.6 เพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้ 🔗 https://securityonline.info/high-severity-gitlab-xss-flaw-cve-2025-12716-risks-session-hijack-via-malicious-wiki-pages 📱 Facebook ปรับโฉมใหม่ แต่ Instagram ใช้ AI ดึง SEO มีรายงานว่า Facebook ได้ปรับโฉมหน้าตาใหม่ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ Instagram ถูกเปิดโปงว่าใช้ AI เพื่อสร้างคอนเทนต์ที่ดึง SEO ให้ติดอันดับการค้นหา คล้ายกับการทำ content farm โดยไม่ได้บอกผู้ใช้ตรง ๆ เรื่องนี้จึงถูกตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและจริยธรรมของ Meta ที่อาจใช้ AI เพื่อผลักดันการเข้าถึงโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ 🔗 https://securityonline.info/facebook-gets-new-look-but-instagram-secretly-uses-ai-for-seo-bait 🚀 SpaceX เตรียม IPO มูลค่าเป้าหมายทะลุ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าแผน IPO ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยตั้งเป้าระดมทุนกว่า 30 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำลายสถิติของ Saudi Aramco ที่เคยทำไว้ในปี 2019 ที่ 29 พันล้านดอลลาร์ สิ่งที่ทำให้ตลาดตะลึงคือการตั้งเป้ามูลค่าบริษัทไว้สูงถึง 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ แม้รายได้ของ SpaceX ในปี 2025 จะอยู่ที่ประมาณ 15.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่า Tesla ถึง 6 เท่า แต่ความคาดหวังอยู่ที่อนาคตของ Starlink และ Starship รวมถึงแผนสร้างศูนย์ข้อมูลในอวกาศเพื่อรองรับ AI และการสื่อสารผ่านดาวเทียม Musk เชื่อว่าการรวมพลังของ Starlink และ Starship จะขยายตลาดได้มหาศาล และนี่อาจเป็นก้าวสำคัญที่สุดของ SpaceX 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-targeting-a-1-5-trillion-valuation-to-fund-space-data-centers 🐼 จีนเปิดปฏิบัติการไซเบอร์ WARP PANDA ใช้ BRICKSTORM เจาะ VMware และ Azure มีการเปิดโปงแคมเปญจารกรรมไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่ดำเนินการโดยกลุ่มแฮกเกอร์จากจีนชื่อ WARP PANDA พวกเขาไม่ได้โจมตีแบบธรรมดา แต่เลือกเจาะเข้าไปในโครงสร้างพื้นฐาน IT ที่สำคัญอย่าง VMware vCenter และ ESXi รวมถึงระบบคลาวด์ Microsoft Azure จุดเด่นคือการใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นเองชื่อ BRICKSTORM ซึ่งเป็น backdoor ที่แฝงตัวเหมือนโปรเซสของระบบ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเสริมอย่าง Junction และ GuestConduit ที่ช่วยควบคุมการสื่อสารในระบบเสมือนจริงได้อย่างแนบเนียน สิ่งที่น่ากังวลคือพวกเขาสามารถอยู่ในระบบได้นานเป็นปีโดยไม่ถูกพบ และยังขยายการโจมตีไปสู่บริการ Microsoft 365 เพื่อขโมยข้อมูลสำคัญ การกระทำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงจูงใจเชิงรัฐมากกว่าการเงิน เพราะเป้าหมายคือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของรัฐบาลจีน 🔗 https://securityonline.info/chinas-warp-panda-apt-deploys-brickstorm-backdoor-to-hijack-vmware-vcenter-esxi-and-azure-cloud 📡 ช่องโหว่ร้ายแรง TOTOLINK AX1800 เปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าถึง root โดยไม่ต้องล็อกอิน มีการค้นพบช่องโหว่ในเราเตอร์ TOTOLINK AX1800 ที่ใช้กันแพร่หลายในบ้านและธุรกิจขนาดเล็ก ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP เพียงครั้งเดียวเพื่อเปิดบริการ Telnet โดยไม่ต้องผ่านการยืนยันตัวตน เมื่อ Telnet ถูกเปิดแล้ว แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root และควบคุมอุปกรณ์ได้เต็มรูปแบบ ผลกระทบคือสามารถดักจับข้อมูล เปลี่ยนเส้นทาง DNS หรือใช้เป็นฐานโจมตีอุปกรณ์อื่นในเครือข่ายได้ ที่น่ากังวลคือยังไม่มีแพตช์แก้ไขจากผู้ผลิต ทำให้ผู้ใช้ต้องป้องกันตัวเองด้วยการปิดการเข้าถึงจาก WAN และตรวจสอบการเปิดใช้งาน Telnet อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unpatched-totolink-ax1800-router-flaw-allows-unauthenticated-telnet-root-rce ⚠️ FBI และ CISA เตือนกลุ่มแฮกเกอร์สายโปรรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานผ่าน VNC ที่ไม่ปลอดภัย หน่วยงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐฯ รวมถึง FBI และ CISA ออกคำเตือนว่ากลุ่มแฮกเกอร์ที่สนับสนุนรัสเซียกำลังโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น ระบบน้ำ พลังงาน และอาหาร โดยใช้วิธีง่าย ๆ คือค้นหา Human-Machine Interfaces (HMI) ที่เชื่อมต่อผ่าน VNC แต่ไม่ได้ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง เมื่อเข้าถึงได้ พวกเขาจะปรับเปลี่ยนค่าการทำงาน เช่น ความเร็วปั๊ม หรือปิดระบบแจ้งเตือน ทำให้ผู้ควบคุมไม่เห็นภาพจริงของโรงงาน กลุ่มที่ถูกระบุมีทั้ง Cyber Army of Russia Reborn, NoName057(16), Z-Pentest และ Sector16 ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับรัฐรัสเซีย แม้จะไม่ซับซ้อน แต่การโจมตีแบบนี้สร้างความเสียหายได้จริงและยากต่อการคาดเดา 🔗 https://securityonline.info/fbi-cisa-warn-pro-russia-hacktivists-target-critical-infrastructure-via-unsecured-vnc-hmis 🎥 ช่องโหว่ร้ายแรงใน CCTV (CVE-2025-13607) เสี่ยงถูกแฮกดูภาพสดและขโมยรหัสผ่าน CISA ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อเครือข่าย โดยเฉพาะรุ่น D-Link DCS-F5614-L1 ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงการตั้งค่าและข้อมูลบัญชีได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ผลคือสามารถดูภาพสดจากกล้องและขโมยรหัสผ่านผู้ดูแลเพื่อเจาะลึกเข้าไปในระบบต่อไปได้ ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.4 และแม้ D-Link จะออกเฟิร์มแวร์แก้ไขแล้ว แต่ผู้ใช้แบรนด์อื่นอย่าง Securus และ Sparsh ยังไม่ได้รับการตอบสนอง ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบและติดต่อผู้ผลิตเองเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/critical-cctv-flaw-cve-2025-13607-risks-video-feed-hijack-credential-theft-via-missing-authentication 🛡️ ข่าวด่วน: Google ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ช่องโหว่ Zero-Day บน Chrome เรื่องนี้เป็นการอัปเดตที่สำคัญมากของ Google Chrome เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ถูกโจมตีจริงแล้วในโลกออนไลน์ Google จึงรีบปล่อยเวอร์ชันใหม่ 143.0.7499.109/.110 เพื่ออุดช่องโหว่ โดยช่องโหว่นี้ถูกระบุว่าเป็น “Under coordination” ซึ่งหมายถึงยังอยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อื่น ๆ ทำให้รายละเอียดเชิงเทคนิคยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ที่แน่ ๆ คือมีผู้ไม่หวังดีนำไปใช้โจมตีแล้ว นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ระดับกลางอีกสองรายการ ได้แก่ปัญหาใน Password Manager และ Toolbar ที่นักวิจัยภายนอกรายงานเข้ามา พร้อมได้รับรางวัลบั๊กบาวน์ตี้รวม 4,000 ดอลลาร์ เรื่องนี้จึงเป็นการเตือนผู้ใช้ทุกคนให้รีบตรวจสอบและอัปเดต Chrome ด้วยตนเองทันที ไม่ควรรอการอัปเดตอัตโนมัติ เพราะความเสี่ยงกำลังเกิดขึ้นจริงแล้ว 🔗 https://securityonline.info/emergency-chrome-update-google-patches-new-zero-day-under-active-attack 🤖 นวัตกรรมใหม่: สถาปัตยกรรม AI ของ Google แรงกว่า GPT-4 ในด้านความจำ Google เปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อ Titans และกรอบแนวคิด MIRAS ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาการจำข้อมูลระยะยาวของโมเดล AI แบบเดิม ๆ จุดเด่นคือสามารถ “อ่านไป จำไป” ได้เหมือนสมองมนุษย์ โดยใช้โมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานคล้ายการแยกความจำสั้นและยาวในสมองจริง ๆ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ “surprise metric” กลไกที่เลือกจำเฉพาะข้อมูลที่แปลกใหม่หรือไม่คาดคิด เช่นเดียวกับที่มนุษย์มักจำเหตุการณ์ที่ไม่ธรรมดาได้ชัดเจน ผลลัพธ์คือโมเดลนี้สามารถจัดการข้อมูลยาวมหาศาลได้ถึงสองล้านโทเคน และยังทำงานได้ดีกว่า GPT-4 แม้จะมีพารามิเตอร์น้อยกว่า นอกจากนี้ MIRAS ยังเปิดทางให้สร้างโมเดลใหม่ ๆ ที่มีความสามารถเฉพาะด้าน เช่นการทนต่อสัญญาณรบกวนหรือการรักษาความจำระยะยาวอย่างมั่นคง การทดสอบกับชุดข้อมูล BABILong แสดงให้เห็นว่า Titans มีศักยภาพเหนือกว่าโมเดลชั้นนำอื่น ๆ ในการดึงข้อมูลที่กระจายอยู่ในเอกสารขนาดใหญ่ ทำให้อนาคตของ AI ในการทำความเข้าใจทั้งเอกสารหรือแม้แต่ข้อมูลทางพันธุกรรมดูสดใสและทรงพลังมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-surprise-metric-googles-new-ai-architecture-outperforms-gpt-4-in-memory
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • เคสสุดล้ำ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอในตัว

    Corsair เปิดตัวเคสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงข้อมูล, ควบคุมระบบ, หรือแม้แต่ใช้เป็นหน้าจอเสริมได้ ถือเป็นการยกระดับการตกแต่งและการใช้งานเคส PC ให้ล้ำสมัยกว่าที่เคย

    Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB เป็นเคสที่รวมเอาหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ขนาด 2560x720 พิกเซลเข้ามาไว้ใต้ห้องหลักของเคส หน้าจอนี้สามารถทำงานเหมือนจอมอนิเตอร์ทั่วไปใน Windows ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างใด ๆ ก็ได้ เช่น การแสดงสถานะฮาร์ดแวร์, วิดเจ็ต, หรือแม้แต่สตรีมแชท

    ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย
    หน้าจอ Xeneon Edge รองรับการสัมผัสแบบ 5 จุด และสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ iCUE ของ Corsair เพื่อปรับแต่งการทำงาน เช่น การเปลี่ยนโหมดพลังงาน, การปรับรอบพัดลม, หรือการควบคุมไฟ RGB ได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเกมเมอร์ เช่น แสดงสถิติการสตรีม หรือควบคุม Spotify ผ่านวิดเจ็ต

    ราคาและการจัดจำหน่าย
    Corsair ตั้งราคาชุด Frame 4000D LCD RS ARGB ที่ 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งเคส, ชุดติดตั้ง, และหน้าจอ Xeneon Edge หากซื้อแยกชิ้นส่วนจะมีราคาใกล้เคียงกันแต่ยุ่งยากกว่าในการติดตั้งเอง เคสมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเพื่อให้เข้ากับการจัดธีมของผู้ใช้

    ความหมายต่อวงการ PC
    การเพิ่มหน้าจอสัมผัสในเคสถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องดูโดดเด่น แต่ยังเพิ่มประโยชน์ใช้สอยจริง เช่น การตรวจสอบอุณหภูมิ, การควบคุมระบบ, หรือการใช้เป็นหน้าจอเสริมสำหรับงานและความบันเทิง แนวคิดนี้สะท้อนถึงการที่ผู้ผลิตเริ่มมองเคสไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ใช้งาน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB
    เคสคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge
    ความละเอียด 2560x720 พิกเซล

    ฟังก์ชันการใช้งาน
    รองรับการสัมผัส 5 จุด
    ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ iCUE
    ควบคุมไฟ RGB, พัดลม, โหมดพลังงาน

    ราคาและการจัดจำหน่าย
    ราคา 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ
    มีสีดำและสีขาวให้เลือก

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ราคาสูงเมื่อเทียบกับเคสทั่วไป
    ใช้พลังงานและพื้นที่มากขึ้น
    อาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการปรับแต่งหรือโชว์เครื่อง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/corsair-builds-multi-function-touchscreen-lcd-into-a-usd400-case-frame-4000d-enclosure-gets-a-modular-xeneon-edge-upgrade
    🖥️ เคสสุดล้ำ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอในตัว Corsair เปิดตัวเคสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ Frame 4000D LCD RS ARGB ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ในตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถแสดงข้อมูล, ควบคุมระบบ, หรือแม้แต่ใช้เป็นหน้าจอเสริมได้ ถือเป็นการยกระดับการตกแต่งและการใช้งานเคส PC ให้ล้ำสมัยกว่าที่เคย Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB เป็นเคสที่รวมเอาหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ขนาด 2560x720 พิกเซลเข้ามาไว้ใต้ห้องหลักของเคส หน้าจอนี้สามารถทำงานเหมือนจอมอนิเตอร์ทั่วไปใน Windows ทำให้ผู้ใช้สามารถเปิดหน้าต่างใด ๆ ก็ได้ เช่น การแสดงสถานะฮาร์ดแวร์, วิดเจ็ต, หรือแม้แต่สตรีมแชท 🎮 ฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย หน้าจอ Xeneon Edge รองรับการสัมผัสแบบ 5 จุด และสามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์ iCUE ของ Corsair เพื่อปรับแต่งการทำงาน เช่น การเปลี่ยนโหมดพลังงาน, การปรับรอบพัดลม, หรือการควบคุมไฟ RGB ได้ในครั้งเดียว นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือเสริมสำหรับเกมเมอร์ เช่น แสดงสถิติการสตรีม หรือควบคุม Spotify ผ่านวิดเจ็ต ⚡ ราคาและการจัดจำหน่าย Corsair ตั้งราคาชุด Frame 4000D LCD RS ARGB ที่ 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งรวมทั้งเคส, ชุดติดตั้ง, และหน้าจอ Xeneon Edge หากซื้อแยกชิ้นส่วนจะมีราคาใกล้เคียงกันแต่ยุ่งยากกว่าในการติดตั้งเอง เคสมีให้เลือกทั้งสีดำและสีขาวเพื่อให้เข้ากับการจัดธีมของผู้ใช้ 🔍 ความหมายต่อวงการ PC การเพิ่มหน้าจอสัมผัสในเคสถือเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับการปรับแต่งคอมพิวเตอร์ ไม่เพียงแต่ทำให้เครื่องดูโดดเด่น แต่ยังเพิ่มประโยชน์ใช้สอยจริง เช่น การตรวจสอบอุณหภูมิ, การควบคุมระบบ, หรือการใช้เป็นหน้าจอเสริมสำหรับงานและความบันเทิง แนวคิดนี้สะท้อนถึงการที่ผู้ผลิตเริ่มมองเคสไม่ใช่แค่โครงสร้าง แต่เป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ใช้งาน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Corsair Frame 4000D LCD RS ARGB ➡️ เคสคอมพิวเตอร์พร้อมหน้าจอสัมผัส Xeneon Edge ➡️ ความละเอียด 2560x720 พิกเซล ✅ ฟังก์ชันการใช้งาน ➡️ รองรับการสัมผัส 5 จุด ➡️ ใช้งานร่วมกับซอฟต์แวร์ iCUE ➡️ ควบคุมไฟ RGB, พัดลม, โหมดพลังงาน ✅ ราคาและการจัดจำหน่าย ➡️ ราคา 399.99 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ มีสีดำและสีขาวให้เลือก ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ราคาสูงเมื่อเทียบกับเคสทั่วไป ⛔ ใช้พลังงานและพื้นที่มากขึ้น ⛔ อาจไม่จำเป็นสำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้เน้นการปรับแต่งหรือโชว์เครื่อง https://www.tomshardware.com/tech-industry/corsair-builds-multi-function-touchscreen-lcd-into-a-usd400-case-frame-4000d-enclosure-gets-a-modular-xeneon-edge-upgrade
    0 Comments 0 Shares 47 Views 0 Reviews
  • Pebble Index 01: แหวนที่เก็บความคิดแทนสมอง

    Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็น “external memory for your brain” ช่วยบันทึกความคิดหรือไอเดียทันทีด้วยการกดปุ่มและพูดใส่ไมโครโฟน ข้อมูลจะถูกส่งไปยังมือถือโดยตรง มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน

    Pebble Index 01 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนเจอ—ไอเดียดี ๆ มักหลุดลอยไปหากไม่ได้จดทันที ตัวแหวนมีปุ่มกดและไมโครโฟนในตัว เพียงกดปุ่มแล้วพูด ความคิดจะถูกบันทึกและส่งไปยังมือถือเพื่อเก็บเป็นโน้ตหรือเตือนความจำ จุดเด่นคือ ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไม่ต้องสมัครสมาชิก ทำให้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา

    ดีไซน์เล็กแต่ทรงพลัง
    แหวนทำจากสแตนเลสทนทาน กันน้ำได้ และมีขนาดเล็กเท่ากับแหวนแต่งงาน มีให้เลือก 3 สี (เงิน ทอง ดำ) และ 8 ไซส์ จุดที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องชาร์จ เมื่อหมดอายุการใช้งานสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิลได้ ถือเป็นการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนและความสะดวกสบาย

    ฟังก์ชันและการปรับแต่ง
    Pebble Index 01 สามารถทำงานร่วมกับ iOS และ Android โดยใช้แอป Pebble ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ข้อมูลเสียงจะถูกประมวลผลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงาน เช่น กดปุ่มเพื่อควบคุมเพลง บันทึกโน้ต ส่งข้อความ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮม นอกจากนี้ยังรองรับ 99+ ภาษา และสามารถเก็บเสียงบนแหวนได้ถึง 5 นาทีแม้ไม่มีมือถืออยู่ใกล้

    ความหมายต่ออนาคตของ wearable tech
    Pebble Index 01 ไม่ใช่อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด—ช่วยจำสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน จุดนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของ wearable tech ที่เน้นความเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง หากได้รับการยอมรับในวงกว้าง อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ช่วยจำในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะสำหรับบันทึกความคิด
    กดปุ่มแล้วพูด ข้อมูลส่งตรงไปมือถือ

    ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ใช้งานได้หลายปี
    เมื่อหมดอายุสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิล

    รองรับ iOS และ Android ด้วยแอปโอเพ่นซอร์ส
    ประมวลผลข้อมูลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว

    ปรับแต่งได้หลากหลาย เช่นควบคุมเพลง ส่งข้อความ เชื่อมต่อสมาร์ทโฮม
    รองรับกว่า 99 ภาษา และบันทึกเสียงบนแหวนได้

    หากแบตเตอรี่หมดต้องเปลี่ยนแหวนใหม่
    แม้มีระบบรีไซเคิล แต่ยังเป็นข้อจำกัดด้านการใช้งาน

    ข้อมูลเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพการประมวลผล STT
    เสี่ยงต่อการแปลงข้อความผิดพลาดในสภาพแวดล้อมเสียงดัง

    https://repebble.com/blog/meet-pebble-index-01-external-memory-for-your-brain
    💍 Pebble Index 01: แหวนที่เก็บความคิดแทนสมอง Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะที่ทำหน้าที่เป็น “external memory for your brain” ช่วยบันทึกความคิดหรือไอเดียทันทีด้วยการกดปุ่มและพูดใส่ไมโครโฟน ข้อมูลจะถูกส่งไปยังมือถือโดยตรง มีความเป็นส่วนตัวสูง ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ และออกแบบมาให้ใช้งานง่ายในชีวิตประจำวัน Pebble Index 01 ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนเจอ—ไอเดียดี ๆ มักหลุดลอยไปหากไม่ได้จดทันที ตัวแหวนมีปุ่มกดและไมโครโฟนในตัว เพียงกดปุ่มแล้วพูด ความคิดจะถูกบันทึกและส่งไปยังมือถือเพื่อเก็บเป็นโน้ตหรือเตือนความจำ จุดเด่นคือ ไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและไม่ต้องสมัครสมาชิก ทำให้ใช้งานได้ทุกที่ทุกเวลา 🔋 ดีไซน์เล็กแต่ทรงพลัง แหวนทำจากสแตนเลสทนทาน กันน้ำได้ และมีขนาดเล็กเท่ากับแหวนแต่งงาน มีให้เลือก 3 สี (เงิน ทอง ดำ) และ 8 ไซส์ จุดที่น่าสนใจคือ แบตเตอรี่ใช้งานได้หลายปีโดยไม่ต้องชาร์จ เมื่อหมดอายุการใช้งานสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิลได้ ถือเป็นการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนและความสะดวกสบาย 📱 ฟังก์ชันและการปรับแต่ง Pebble Index 01 สามารถทำงานร่วมกับ iOS และ Android โดยใช้แอป Pebble ที่เป็นโอเพ่นซอร์ส ข้อมูลเสียงจะถูกประมวลผลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการทำงาน เช่น กดปุ่มเพื่อควบคุมเพลง บันทึกโน้ต ส่งข้อความ หรือแม้แต่เชื่อมต่อกับระบบสมาร์ทโฮม นอกจากนี้ยังรองรับ 99+ ภาษา และสามารถเก็บเสียงบนแหวนได้ถึง 5 นาทีแม้ไม่มีมือถืออยู่ใกล้ 🌐 ความหมายต่ออนาคตของ wearable tech Pebble Index 01 ไม่ใช่อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง แต่ถูกออกแบบมาเพื่อทำสิ่งเดียวให้ดีที่สุด—ช่วยจำสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน จุดนี้สะท้อนแนวคิดใหม่ของ wearable tech ที่เน้นความเรียบง่าย ไม่รบกวนผู้ใช้ และให้ความเป็นส่วนตัวสูง หากได้รับการยอมรับในวงกว้าง อาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุปกรณ์ช่วยจำในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Pebble Index 01 คือแหวนอัจฉริยะสำหรับบันทึกความคิด ➡️ กดปุ่มแล้วพูด ข้อมูลส่งตรงไปมือถือ ✅ ไม่ต้องชาร์จแบตเตอรี่ ใช้งานได้หลายปี ➡️ เมื่อหมดอายุสามารถส่งคืนเพื่อรีไซเคิล ✅ รองรับ iOS และ Android ด้วยแอปโอเพ่นซอร์ส ➡️ ประมวลผลข้อมูลในเครื่องเพื่อความเป็นส่วนตัว ✅ ปรับแต่งได้หลากหลาย เช่นควบคุมเพลง ส่งข้อความ เชื่อมต่อสมาร์ทโฮม ➡️ รองรับกว่า 99 ภาษา และบันทึกเสียงบนแหวนได้ ‼️ หากแบตเตอรี่หมดต้องเปลี่ยนแหวนใหม่ ⛔ แม้มีระบบรีไซเคิล แต่ยังเป็นข้อจำกัดด้านการใช้งาน ‼️ ข้อมูลเสียงขึ้นอยู่กับคุณภาพการประมวลผล STT ⛔ เสี่ยงต่อการแปลงข้อความผิดพลาดในสภาพแวดล้อมเสียงดัง https://repebble.com/blog/meet-pebble-index-01-external-memory-for-your-brain
    REPEBBLE.COM
    Meet Pebble Index 01 - External Memory For Your Brain
    Meet Pebble Index 01 - External Memory For Your Brain
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์

    บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์

    Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้

    บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม
    ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์

    ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly
    Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป

    แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language
    ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์
    AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง

    ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน
    แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์

    AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์
    เช่น memory management และ off-by-one error

    แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ
    อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์

    การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด
    เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก

    หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้
    ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ

    https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    💻 Vibe Coding: เมื่อ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ บทความ “If You’re Going to Vibe Code, Why Not Do It in C?” โดย Stephen Ramsay พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของการเขียนโปรแกรมในยุคที่ AI สามารถสร้างโค้ดได้เอง ผู้เขียนตั้งคำถามว่า หาก “vibe coding” คืออนาคต ทำไมเรายังต้องใช้ภาษาโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์อ่าน ทั้งที่ AI ไม่จำเป็นต้องมีความสะดวกเชิงมนุษย์ Stephen Ramsay เล่าว่าตนรักการเขียนโปรแกรมมาตั้งแต่ยุค 90 และมองว่าการเขียนโค้ดคือการแก้ปริศนาที่สนุก แต่การใช้ AI เพื่อ “vibe coding” ทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกพรากความสุขไป เพราะไม่เข้าใจโค้ดที่ AI สร้างขึ้น อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่า AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีประสิทธิภาพเกินกว่าที่เขาคิดไว้ 📖 บทเรียนจาก SICP และความหมายของภาษาโปรแกรม ผู้เขียนอ้างถึงหนังสือ Structure and Interpretation of Computer Programs ที่สอนว่า ภาษาโปรแกรมคือสื่อสำหรับมนุษย์ในการแสดงแนวคิด ไม่ใช่แค่เครื่องมือให้คอมพิวเตอร์ทำงาน ดังนั้น Rust, Python, หรือ Haskell ล้วนถูกออกแบบเพื่อให้มนุษย์เข้าใจง่าย แต่สำหรับ AI ที่ทำ vibe coding สิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็น เพราะ AI ไม่ต้องการ “ความสะดวกในการอ่าน” แบบมนุษย์ ⚙️ ทำไมไม่ใช้ C หรือ Assembly Ramsay ตั้งคำถามว่า หาก AI เขียนโค้ดได้เอง ทำไมไม่ใช้ภาษาอย่าง C หรือ Assembly ที่ตรงไปตรงมาและเหมาะกับเครื่องจักรมากกว่า เขาชี้ว่า AI ไม่ค่อยผิดพลาดเรื่อง memory leak หรือ off-by-one error และเก่งกว่ามนุษย์ในการจัดการรายละเอียดเชิงเทคนิค ดังนั้นการใช้ภาษาโปรแกรมที่ “เป็นมิตรกับมนุษย์” อาจไม่จำเป็นอีกต่อไป 🌐 แนวคิด VOPL: Vibe-Oriented Programming Language ท้ายที่สุด เขาเสนอแนวคิด VOPL (Vibe-Oriented Programming Language) ซึ่งอาจเป็นภาษาที่ออกแบบมาเพื่อ AI โดยเฉพาะ ไม่ใช่เพื่อมนุษย์ อาจอยู่ในรูป pseudocode ที่ AI แปลงเป็น assembly หรือเป็นภาษาที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ แต่มี idiom เฉพาะที่ช่วยให้ AI เข้าใจและสร้างโค้ดได้เร็วขึ้น นี่อาจเป็นวิวัฒนาการใหม่ของการเขียนโปรแกรมในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Vibe coding คือการใช้ AI เขียนโค้ดแทนมนุษย์ ➡️ AI สามารถสร้างระบบที่ซับซ้อนและทำงานได้จริง ✅ ภาษาโปรแกรมถูกออกแบบเพื่อมนุษย์อ่าน ➡️ แต่ AI ไม่ต้องการความสะดวกเชิงมนุษย์ ✅ AI จัดการรายละเอียดเชิงเทคนิคได้ดีกว่ามนุษย์ ➡️ เช่น memory management และ off-by-one error ✅ แนวคิด VOPL เสนอให้มีภาษาใหม่เพื่อ AI โดยเฉพาะ ➡️ อาจเป็น pseudocode หรือภาษาที่ใกล้เคียงภาษามนุษย์ ‼️ การพึ่งพา AI อาจทำให้มนุษย์สูญเสียความเข้าใจโค้ด ⛔ เสี่ยงต่อการลดทักษะการเขียนโปรแกรมเชิงลึก ‼️ หากไม่มีกรอบกำกับ อาจเกิดการพัฒนาโค้ดที่มนุษย์ตรวจสอบไม่ได้ ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยและความโปร่งใสของระบบ https://stephenramsay.net/posts/vibe-coding.html
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • “Divine D — สมาร์ทโฟน Linux รุ่นใหม่จากทีม Dawndrums”

    แนวคิดและการพัฒนา
    ทีมวิศวกรจากตูนิเซียภายใต้ชื่อ Dawndrums กำลังพัฒนาโครงการ Divine D. ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สชื่อ DawnOS (สร้างบน Mobian และ Debian พร้อม Phosh UI) จุดมุ่งหมายคือการคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้และชุมชน โดยล่าสุดทีมได้อัปเดตบอร์ดเป็น Rev 1.1 และโชว์วิดีโอการบูต DawnOS บนเครื่องต้นแบบสำเร็จแล้ว.

    สเปกฮาร์ดแวร์
    Divine D ใช้ชิป Rockchip RK3588S ที่มี 4 คอร์ Cortex-A76 และ 4 คอร์ Cortex-A55 พร้อม GPU Arm Mali-G610 และ NPU 3 คอร์ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 6 TFLOPS ทำให้สามารถรันโมเดลภาษา AI ได้แบบ local โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก รองรับ RAM สูงสุด 32 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 64–256 GB.

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ
    สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มี Physical Kill Switches สำหรับปิดการทำงานของกล้อง, ไมโครโฟน และโมเด็มเซลลูลาร์โดยตรงที่ระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังรองรับ LoRa module สำหรับการสื่อสารระยะไกลแบบพลังงานต่ำ, พอร์ต Micro HDMI 2.1 (รองรับ 8K 60Hz), ช่อง MicroSD Express, และคอนเน็กเตอร์ M.2 สำหรับโมดูล 4G/GSM.

    สถานะโครงการ
    ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ทีม Dawndrums ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเผยแพร่ซอร์สโค้ดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 แต่ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย ผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ของโครงการ.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    แนวคิดโครงการ Divine D
    สมาร์ทโฟน Linux ที่ใช้ DawnOS (Mobian + Debian + Phosh)
    เป้าหมายคือคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้ผู้ใช้

    สเปกฮาร์ดแวร์หลัก
    Rockchip RK3588S, GPU Mali-G610, NPU 6 TFLOPS
    RAM สูงสุด 32 GB, Storage 64–256 GB

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ
    Physical Kill Switches สำหรับกล้อง, ไมค์, โมเด็ม
    รองรับ LoRa, Micro HDMI 2.1, MicroSD Express, M.2 สำหรับ 4G/GSM

    สถานะโครงการ
    ยังไม่มีข้อมูลราคาและกำหนดวางจำหน่าย
    ซอร์สโค้ดเปิดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0
    ติดตามได้ผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord

    คำเตือนสำหรับผู้สนใจ
    โครงการยังอยู่ระหว่างพัฒนา อาจมีการเปลี่ยนแปลงสเปก
    ไม่มีการยืนยันเรื่องการผลิตเชิงพาณิชย์
    ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย

    https://itsfoss.com/news/divine-d-project/
    📱 “Divine D — สมาร์ทโฟน Linux รุ่นใหม่จากทีม Dawndrums” 🌐 แนวคิดและการพัฒนา ทีมวิศวกรจากตูนิเซียภายใต้ชื่อ Dawndrums กำลังพัฒนาโครงการ Divine D. ซึ่งเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการโอเพ่นซอร์สชื่อ DawnOS (สร้างบน Mobian และ Debian พร้อม Phosh UI) จุดมุ่งหมายคือการคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้กับผู้ใช้และชุมชน โดยล่าสุดทีมได้อัปเดตบอร์ดเป็น Rev 1.1 และโชว์วิดีโอการบูต DawnOS บนเครื่องต้นแบบสำเร็จแล้ว. ⚙️ สเปกฮาร์ดแวร์ Divine D ใช้ชิป Rockchip RK3588S ที่มี 4 คอร์ Cortex-A76 และ 4 คอร์ Cortex-A55 พร้อม GPU Arm Mali-G610 และ NPU 3 คอร์ที่ให้พลังประมวลผลสูงถึง 6 TFLOPS ทำให้สามารถรันโมเดลภาษา AI ได้แบบ local โดยไม่ต้องส่งข้อมูลออกไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก รองรับ RAM สูงสุด 32 GB และพื้นที่เก็บข้อมูล 64–256 GB. 🔒 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ สมาร์ทโฟนรุ่นนี้มี Physical Kill Switches สำหรับปิดการทำงานของกล้อง, ไมโครโฟน และโมเด็มเซลลูลาร์โดยตรงที่ระดับฮาร์ดแวร์ นอกจากนี้ยังรองรับ LoRa module สำหรับการสื่อสารระยะไกลแบบพลังงานต่ำ, พอร์ต Micro HDMI 2.1 (รองรับ 8K 60Hz), ช่อง MicroSD Express, และคอนเน็กเตอร์ M.2 สำหรับโมดูล 4G/GSM. 📅 สถานะโครงการ ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลด้านราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ทีม Dawndrums ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องและเผยแพร่ซอร์สโค้ดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 แต่ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย ผู้สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ของโครงการ. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ แนวคิดโครงการ Divine D ➡️ สมาร์ทโฟน Linux ที่ใช้ DawnOS (Mobian + Debian + Phosh) ➡️ เป้าหมายคือคืนอำนาจการควบคุมเทคโนโลยีให้ผู้ใช้ ✅ สเปกฮาร์ดแวร์หลัก ➡️ Rockchip RK3588S, GPU Mali-G610, NPU 6 TFLOPS ➡️ RAM สูงสุด 32 GB, Storage 64–256 GB ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการเชื่อมต่อ ➡️ Physical Kill Switches สำหรับกล้อง, ไมค์, โมเด็ม ➡️ รองรับ LoRa, Micro HDMI 2.1, MicroSD Express, M.2 สำหรับ 4G/GSM ✅ สถานะโครงการ ➡️ ยังไม่มีข้อมูลราคาและกำหนดวางจำหน่าย ➡️ ซอร์สโค้ดเปิดบน GitHub ภายใต้ GPL-3.0 ➡️ ติดตามได้ผ่านเอกสาร, ฟอรั่ม และ Discord ‼️ คำเตือนสำหรับผู้สนใจ ⛔ โครงการยังอยู่ระหว่างพัฒนา อาจมีการเปลี่ยนแปลงสเปก ⛔ ไม่มีการยืนยันเรื่องการผลิตเชิงพาณิชย์ ⛔ ไฟล์ออกแบบฮาร์ดแวร์ยังไม่ถูกเปิดเผย https://itsfoss.com/news/divine-d-project/
    ITSFOSS.COM
    A Linux-Powered Smartphone That Has Features You Won't Find on Most Phones
    The Divine D. is set to come with LoRa networking, hardware privacy switches, and local AI processing.
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • ความลับของคอนกรีตโรมัน

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า คอนกรีตโรมันโบราณ มีความทนทานยาวนานกว่า 2,000 ปี เพราะใช้เทคนิค “Hot-Mixing” ที่ทำให้วัสดุสามารถ ซ่อมแซมตัวเอง ได้เมื่อเกิดรอยแตก

    การขุดค้นที่เมืองปอมเปอีเผยให้เห็นวัสดุและวิธีการก่อสร้างที่ชาวโรมันใช้เมื่อ 2,000 ปีก่อน โดยพบว่าพวกเขาใช้การผสม เถ้าภูเขาไฟ (Pozzolan) เข้ากับ Quicklime แบบแห้ง ก่อนเติมน้ำภายหลัง กระบวนการนี้สร้างความร้อนสูง ทำให้เกิดสารประกอบพิเศษที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีผสมปูนแบบทั่วไป

    เทคนิค Hot-Mixing และการซ่อมแซมตัวเอง
    การผสมแบบ “Hot-Mixing” ทำให้เกิด ชิ้นส่วนปูนขาว (lime clasts) ที่ยังคงอยู่ในเนื้อคอนกรีต เมื่อเกิดรอยแตก น้ำที่ซึมเข้าไปจะทำปฏิกิริยากับปูนขาว ก่อให้เกิด แคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งแข็งตัวและอุดรอยแตกได้เอง กระบวนการนี้ทำให้คอนกรีตโรมันมีคุณสมบัติ self-healing ที่ช่วยให้สิ่งก่อสร้าง เช่น วิหารแพนธีออน ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้

    ความสำคัญต่อโลกปัจจุบัน
    คอนกรีตสมัยใหม่แม้จะใช้งานแพร่หลาย แต่มีอายุการใช้งานสั้นและก่อให้เกิดมลพิษจากการผลิตซีเมนต์ หากสามารถนำเทคนิคโรมันมาใช้ จะช่วยสร้างวัสดุที่ทนทานและยั่งยืนมากขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการประยุกต์แนวคิดนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต

    การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์
    ทีมวิจัยจาก MIT ใช้การวิเคราะห์ไอโซโทปและกล้องจุลทรรศน์ พบหลักฐานชัดเจนของการเกิดปฏิกิริยา Hot-Mixing เช่น ผลึกแคลไซต์และอาราโกไนต์ ที่ก่อตัวในเนื้อคอนกรีต และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ทำให้วัสดุแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดหลายพันปี

    สรุปสาระสำคัญ
    เทคนิค Hot-Mixing คือหัวใจของคอนกรีตโรมัน
    ผสม Quicklime กับเถ้าภูเขาไฟแบบแห้ง ก่อนเติมน้ำ
    สร้างความร้อนสูงและสารประกอบพิเศษ

    คุณสมบัติ Self-Healing
    Lime clasts ทำปฏิกิริยากับน้ำ
    ก่อแคลเซียมคาร์บอเนต อุดรอยแตกเอง

    ความสำคัญต่อสิ่งก่อสร้าง
    ทำให้สิ่งปลูกสร้างโรมันอยู่รอดกว่า 2,000 ปี
    ตัวอย่างชัดเจนคือวิหารแพนธีออน

    ประโยชน์ต่อโลกปัจจุบัน
    ลดการใช้ทรัพยากรและมลพิษจากซีเมนต์
    พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่สามารถนำสูตรโรมันมาใช้ตรง ๆ ได้
    ต้องวิจัยต่อเพื่อปรับให้เหมาะกับการผลิตสมัยใหม่

    https://www.sciencealert.com/we-finally-know-why-roman-concrete-has-survived-for-nearly-2000-years
    🏛️ ความลับของคอนกรีตโรมัน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า คอนกรีตโรมันโบราณ มีความทนทานยาวนานกว่า 2,000 ปี เพราะใช้เทคนิค “Hot-Mixing” ที่ทำให้วัสดุสามารถ ซ่อมแซมตัวเอง ได้เมื่อเกิดรอยแตก การขุดค้นที่เมืองปอมเปอีเผยให้เห็นวัสดุและวิธีการก่อสร้างที่ชาวโรมันใช้เมื่อ 2,000 ปีก่อน โดยพบว่าพวกเขาใช้การผสม เถ้าภูเขาไฟ (Pozzolan) เข้ากับ Quicklime แบบแห้ง ก่อนเติมน้ำภายหลัง กระบวนการนี้สร้างความร้อนสูง ทำให้เกิดสารประกอบพิเศษที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ด้วยวิธีผสมปูนแบบทั่วไป 🔥 เทคนิค Hot-Mixing และการซ่อมแซมตัวเอง การผสมแบบ “Hot-Mixing” ทำให้เกิด ชิ้นส่วนปูนขาว (lime clasts) ที่ยังคงอยู่ในเนื้อคอนกรีต เมื่อเกิดรอยแตก น้ำที่ซึมเข้าไปจะทำปฏิกิริยากับปูนขาว ก่อให้เกิด แคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งแข็งตัวและอุดรอยแตกได้เอง กระบวนการนี้ทำให้คอนกรีตโรมันมีคุณสมบัติ self-healing ที่ช่วยให้สิ่งก่อสร้าง เช่น วิหารแพนธีออน ยังคงอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้ 🌍 ความสำคัญต่อโลกปัจจุบัน คอนกรีตสมัยใหม่แม้จะใช้งานแพร่หลาย แต่มีอายุการใช้งานสั้นและก่อให้เกิดมลพิษจากการผลิตซีเมนต์ หากสามารถนำเทคนิคโรมันมาใช้ จะช่วยสร้างวัสดุที่ทนทานและยั่งยืนมากขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการประยุกต์แนวคิดนี้อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาวัสดุก่อสร้างแห่งอนาคต 🧪 การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ทีมวิจัยจาก MIT ใช้การวิเคราะห์ไอโซโทปและกล้องจุลทรรศน์ พบหลักฐานชัดเจนของการเกิดปฏิกิริยา Hot-Mixing เช่น ผลึกแคลไซต์และอาราโกไนต์ ที่ก่อตัวในเนื้อคอนกรีต และการเปลี่ยนแปลงทางเคมีที่ทำให้วัสดุแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดหลายพันปี 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ เทคนิค Hot-Mixing คือหัวใจของคอนกรีตโรมัน ➡️ ผสม Quicklime กับเถ้าภูเขาไฟแบบแห้ง ก่อนเติมน้ำ ➡️ สร้างความร้อนสูงและสารประกอบพิเศษ ✅ คุณสมบัติ Self-Healing ➡️ Lime clasts ทำปฏิกิริยากับน้ำ ➡️ ก่อแคลเซียมคาร์บอเนต อุดรอยแตกเอง ✅ ความสำคัญต่อสิ่งก่อสร้าง ➡️ ทำให้สิ่งปลูกสร้างโรมันอยู่รอดกว่า 2,000 ปี ➡️ ตัวอย่างชัดเจนคือวิหารแพนธีออน ✅ ประโยชน์ต่อโลกปัจจุบัน ➡️ ลดการใช้ทรัพยากรและมลพิษจากซีเมนต์ ➡️ พัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ยั่งยืน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่สามารถนำสูตรโรมันมาใช้ตรง ๆ ได้ ⛔ ต้องวิจัยต่อเพื่อปรับให้เหมาะกับการผลิตสมัยใหม่ https://www.sciencealert.com/we-finally-know-why-roman-concrete-has-survived-for-nearly-2000-years
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    We Finally Know Why Roman Concrete Has Survived For Nearly 2,000 Years
    A construction site dating back nearly 2,000 years to the putative demise of Pompeii in 79 CE has revealed new evidence for the secret behind Ancient Rome's ultra-durable concrete.
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • ไอคอนในเมนู: จากประโยชน์สู่ความสับสน

    บทความของ Jim Nielsen วิจารณ์การออกแบบเมนูที่ใส่ไอคอนในทุกตัวเลือก โดยมองว่าเป็น “visual noise” ที่เพิ่มภาระในการอ่านและเข้าใจเมนู แทนที่จะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น และยังชี้ว่า Apple เองก็ละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยแนะนำไว้ก่อนหน้านี้

    Jim Nielsen เล่าว่าตนไม่ชอบแนวคิด “ใส่ไอคอนในทุกเมนูเป็นค่าเริ่มต้น” เพราะมันทำให้เกิด ความรกทางสายตา (visual clutter) และเพิ่มภาระในการตีความ เช่นใน Google Sheets ที่ทุกเมนูมีไอคอนหมด ซึ่งกลายเป็นการใส่สัญลักษณ์เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ มากกว่าการช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจ.

    ตัวอย่างจาก macOS Tahoe
    เขายกตัวอย่างว่า macOS รุ่นก่อน ๆ เคยหลีกเลี่ยงการใส่ไอคอนในทุกเมนู แต่เมื่อ macOS Tahoe เปิดตัวกลับมีไอคอนเต็มไปหมด เช่นใน Safari บางเมนูมีไอคอน แต่บางเมนูกลับไม่มี ทั้งที่ฟีเจอร์นั้นก็มีไอคอนอยู่แล้วใน toolbar เช่น “Privacy Report” สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า เกณฑ์การเลือกใส่ไอคอนคืออะไร และทำให้ผู้ใช้สับสนมากขึ้น.

    เมื่อไอคอนซ้อนกับ Toggle
    ในเมนู “View” ของ Safari และ Mail มีทั้งข้อความ, toggle (เครื่องหมายถูก), และไอคอนรวมกัน ทำให้เกิดปัญหาการจัดเรียงและการตีความ เช่นบางเมนูมีทั้งไอคอนและ toggle จนผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการแยกแยะมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของการออกแบบที่ควรทำให้เข้าใจง่าย.

    Apple ละเมิดแนวทางของตัวเอง
    สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple เคยมี Human Interface Guidelines ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 1992, 2005 และ 2020 ว่า “ไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็นในเมนู เพราะจะทำให้เกิดความสับสน” แต่เมนูใน macOS Tahoe กลับตรงข้ามกับแนวทางนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า Apple เองก็ละทิ้งหลักการที่เคยยึดถือ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ปัญหาของการใส่ไอคอนในทุกเมนู
    สร้างความรกทางสายตาและเพิ่มภาระในการตีความ
    กลายเป็นการใส่ไอคอนเพื่อเติมเต็มพื้นที่มากกว่าช่วยผู้ใช้

    ตัวอย่างจาก macOS Tahoe และ Safari
    บางเมนูมีไอคอน บางเมนูไม่มี ทั้งที่ควรมีความสม่ำเสมอ
    เมนู “View” มีทั้งข้อความ, toggle, และไอคอนรวมกันจนซับซ้อน

    แนวทางการออกแบบที่ Apple เคยแนะนำ
    Human Interface Guidelines ระบุว่าไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็น
    เมนูใน macOS Tahoe กลับละเมิดแนวทางนี้

    คำเตือนต่อการออกแบบ UX/UI
    การใส่ไอคอนโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้สับสน
    การละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยยึดถือ อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง

    https://blog.jim-nielsen.com/2025/icons-in-menus/
    🖼️ ไอคอนในเมนู: จากประโยชน์สู่ความสับสน บทความของ Jim Nielsen วิจารณ์การออกแบบเมนูที่ใส่ไอคอนในทุกตัวเลือก โดยมองว่าเป็น “visual noise” ที่เพิ่มภาระในการอ่านและเข้าใจเมนู แทนที่จะช่วยให้ใช้งานง่ายขึ้น และยังชี้ว่า Apple เองก็ละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยแนะนำไว้ก่อนหน้านี้ Jim Nielsen เล่าว่าตนไม่ชอบแนวคิด “ใส่ไอคอนในทุกเมนูเป็นค่าเริ่มต้น” เพราะมันทำให้เกิด ความรกทางสายตา (visual clutter) และเพิ่มภาระในการตีความ เช่นใน Google Sheets ที่ทุกเมนูมีไอคอนหมด ซึ่งกลายเป็นการใส่สัญลักษณ์เพียงเพื่อเติมเต็มพื้นที่ มากกว่าการช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจ. 🍏 ตัวอย่างจาก macOS Tahoe เขายกตัวอย่างว่า macOS รุ่นก่อน ๆ เคยหลีกเลี่ยงการใส่ไอคอนในทุกเมนู แต่เมื่อ macOS Tahoe เปิดตัวกลับมีไอคอนเต็มไปหมด เช่นใน Safari บางเมนูมีไอคอน แต่บางเมนูกลับไม่มี ทั้งที่ฟีเจอร์นั้นก็มีไอคอนอยู่แล้วใน toolbar เช่น “Privacy Report” สิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่า เกณฑ์การเลือกใส่ไอคอนคืออะไร และทำให้ผู้ใช้สับสนมากขึ้น. 📐 เมื่อไอคอนซ้อนกับ Toggle ในเมนู “View” ของ Safari และ Mail มีทั้งข้อความ, toggle (เครื่องหมายถูก), และไอคอนรวมกัน ทำให้เกิดปัญหาการจัดเรียงและการตีความ เช่นบางเมนูมีทั้งไอคอนและ toggle จนผู้ใช้ต้องใช้เวลาในการแยกแยะมากขึ้น ซึ่งตรงข้ามกับเป้าหมายของการออกแบบที่ควรทำให้เข้าใจง่าย. 📖 Apple ละเมิดแนวทางของตัวเอง สิ่งที่น่าสนใจคือ Apple เคยมี Human Interface Guidelines ที่ชัดเจนตั้งแต่ปี 1992, 2005 และ 2020 ว่า “ไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็นในเมนู เพราะจะทำให้เกิดความสับสน” แต่เมนูใน macOS Tahoe กลับตรงข้ามกับแนวทางนี้ ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่า Apple เองก็ละทิ้งหลักการที่เคยยึดถือ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ปัญหาของการใส่ไอคอนในทุกเมนู ➡️ สร้างความรกทางสายตาและเพิ่มภาระในการตีความ ➡️ กลายเป็นการใส่ไอคอนเพื่อเติมเต็มพื้นที่มากกว่าช่วยผู้ใช้ ✅ ตัวอย่างจาก macOS Tahoe และ Safari ➡️ บางเมนูมีไอคอน บางเมนูไม่มี ทั้งที่ควรมีความสม่ำเสมอ ➡️ เมนู “View” มีทั้งข้อความ, toggle, และไอคอนรวมกันจนซับซ้อน ✅ แนวทางการออกแบบที่ Apple เคยแนะนำ ➡️ Human Interface Guidelines ระบุว่าไม่ควรใช้สัญลักษณ์ที่ไม่จำเป็น ➡️ เมนูใน macOS Tahoe กลับละเมิดแนวทางนี้ ‼️ คำเตือนต่อการออกแบบ UX/UI ⛔ การใส่ไอคอนโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน อาจทำให้ผู้ใช้สับสน ⛔ การละเมิดแนวทางการออกแบบที่เคยยึดถือ อาจทำให้ประสบการณ์ผู้ใช้แย่ลง https://blog.jim-nielsen.com/2025/icons-in-menus/
    BLOG.JIM-NIELSEN.COM
    Icons in Menus Everywhere — Send Help
    Writing about the big beautiful mess that is making things for the world wide web.
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt

    Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก

    Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง.

    การเติบโตอย่างก้าวกระโดด
    ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ.

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ
    สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ.

    การยอมรับและรางวัล
    ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ Let’s Encrypt
    เริ่มออกใบรับรองในปี 2015
    ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ
    ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน
    ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ
    ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน

    ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ
    การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก
    ในสหรัฐฯ สูงถึง 95%

    การยอมรับและรางวัล
    ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust
    ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025)

    คำเตือนและความท้าทาย
    การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง
    หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต

    https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    🔒 10 ปีแห่งความสำเร็จของ Let’s Encrypt Let’s Encrypt ฉลองครบรอบ 10 ปีของการออกใบรับรองสาธารณะ โดยจากจุดเริ่มต้นในปี 2015 ปัจจุบันได้กลายเป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ออกใบรับรองมากกว่าสิบล้านใบต่อวัน และช่วยผลักดันให้การเข้ารหัส HTTPS กลายเป็นมาตรฐานทั่วโลก Let’s Encrypt เริ่มต้นในปี 2015 ด้วยเป้าหมายทำให้การเข้ารหัส HTTPS เป็นเรื่องง่ายและฟรีสำหรับทุกคน โดยใช้ระบบอัตโนมัติในการออกใบรับรองดิจิทัล จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นี้ได้ขยายตัวอย่างมหาศาล จนปัจจุบัน Let’s Encrypt เป็น Certificate Authority ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และกำลังปกป้องเว็บไซต์เกือบหนึ่งพันล้านแห่ง. 📈 การเติบโตอย่างก้าวกระโดด ในปี 2016 Let’s Encrypt ออกใบรับรองครบหนึ่งล้านใบ และเพียงสองปีต่อมาก็สามารถออกใบรับรองได้ หนึ่งล้านใบต่อวัน จนถึงปี 2020 ได้ออกใบรับรองครบหนึ่งพันล้านใบ และในปี 2025 มีการออกใบรับรองมากกว่า สิบล้านใบต่อวัน ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จของแนวคิด “การขยายตัวด้วยระบบอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใช้งาน HTTPS กลายเป็นเรื่องปกติ. 🌐 ผลกระทบต่อความปลอดภัยของเว็บ สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่จำนวนใบรับรอง แต่คือการเพิ่มขึ้นของการเข้ารหัส HTTPS ทั่วโลก จากเดิมที่มีเพียง 30% ของการเชื่อมต่อเว็บที่เข้ารหัส ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 80% ทั่วโลก และ 95% ในสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้นอย่างชัดเจน และสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของ Let’s Encrypt ในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บ. 🏆 การยอมรับและรางวัล ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Let’s Encrypt ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรใหญ่ เช่น Mozilla, EFF, Cisco, Akamai และ IdenTrust รวมถึงได้รับรางวัลสำคัญอย่าง Levchin Prize for Real-World Cryptography (2022) และ IEEE Cybersecurity Award for Practice (2025) สิ่งเหล่านี้ตอกย้ำว่าโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรม แต่ยังเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่โลกอินเทอร์เน็ตพึ่งพา. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ Let’s Encrypt ➡️ เริ่มออกใบรับรองในปี 2015 ➡️ ปี 2016 ครบ 1 ล้านใบ ➡️ ปี 2018 ออกใบรับรอง 1 ล้านใบต่อวัน ➡️ ปี 2020 ครบ 1 พันล้านใบ ➡️ ปี 2025 ออกใบรับรอง 10 ล้านใบต่อวัน ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยเว็บ ➡️ การเข้ารหัส HTTPS เพิ่มจาก 30% เป็นกว่า 80% ทั่วโลก ➡️ ในสหรัฐฯ สูงถึง 95% ✅ การยอมรับและรางวัล ➡️ ได้รับการสนับสนุนจาก Mozilla, EFF, Cisco, Akamai, IdenTrust ➡️ ได้รับรางวัล Levchin Prize (2022) และ IEEE Cybersecurity Award (2025) ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ การพึ่งพา Let’s Encrypt อาจทำให้ผู้ใช้ “มองข้าม” ความสำคัญของใบรับรอง ⛔ หากไม่มีการสนับสนุนต่อเนื่อง อาจกระทบต่อความมั่นคงของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต https://letsencrypt.org/2025/12/09/10-years
    LETSENCRYPT.ORG
    10 Years of Let's Encrypt Certificates
    On September 14, 2015, our first publicly-trusted certificate went live. We were proud that we had issued a certificate that a significant majority of clients could accept, and had done it using automated software. Of course, in retrospect this was just the first of billions of certificates. Today, Let’s Encrypt is the largest certificate authority in the world in terms of certificates issued, the ACME protocol we helped create and standardize is integrated throughout the server ecosystem, and we’ve become a household name among system administrators. We’re closing in on protecting one billion web sites.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • FinalSpark เปิดตัวแพลตฟอร์ม Biocomputing ใช้เซลล์ประสาทมนุษย์แทนชิปซิลิคอน

    บริษัทสตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ FinalSpark ได้สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Neuroplatform ที่ใช้ เซลล์ประสาทมนุษย์ที่เพาะจากสเต็มเซลล์ เชื่อมต่อกับอิเล็กโทรดเพื่อทำหน้าที่เป็น “ชีวะโปรเซสเซอร์” (bioprocessor) โดยนักวิจัยสามารถเข้าถึงและทดลองใช้งานได้แบบ รีโมตออนไลน์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการให้บริการลักษณะนี้

    แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาการใช้พลังงานมหาศาลของระบบ AI ขนาดใหญ่ เนื่องจากเซลล์ประสาทจริงสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานต่ำกว่าชิปซิลิคอนอย่างมาก FinalSpark อ้างว่าพวกเขาได้ทดสอบเซลล์ประสาทไปแล้วกว่า 10 ล้านเซลล์ และเก็บข้อมูลการทดลองกว่า 20 เทราไบต์ เพื่อพัฒนาการประมวลผลเชิงชีวภาพให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    แพลตฟอร์มนี้รองรับทั้งการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าและสารเคมี โดยนักวิจัยสามารถสั่งการผ่าน Python API เพื่อปล่อยสารสื่อประสาท เช่น โดพามีน, กลูตาเมต และเซโรโทนิน ลงไปในระบบเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตอบสนองของเซลล์ประสาทได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมี เดโมออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาดูการทำงานของเซลล์ประสาทจริงบน biochip ได้ทันที

    FinalSpark ยังเปิดกว้างให้มหาวิทยาลัยและนักวิจัยเข้าร่วมใช้งาน เช่น University of Michigan, Free University of Berlin, University of Exeter และอีกหลายแห่ง พร้อมทั้งเผยแพร่เครื่องมือโอเพ่นซอร์สบน GitHub และสร้างชุมชนผู้สนใจด้าน Biocomputing บน Discord ที่มีสมาชิกกว่า 1,000 คนแล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    FinalSpark เปิดตัว Neuroplatform
    ใช้เซลล์ประสาทมนุษย์แทนชิปซิลิคอน

    ประสิทธิภาพด้านพลังงาน
    เซลล์ประสาทใช้พลังงานต่ำกว่าชิปทั่วไป

    ข้อมูลการทดลอง
    ทดสอบแล้วกว่า 10 ล้านเซลล์และเก็บข้อมูล 20 TB

    ฟีเจอร์การทดลอง
    กระตุ้นด้วยไฟฟ้าและสารเคมีผ่าน Python API

    การเข้าถึงและชุมชน
    มหาวิทยาลัยหลายแห่งใช้งาน และมีชุมชน Discord

    ความเสี่ยงด้านจริยธรรม
    การใช้เซลล์ประสาทมนุษย์อาจก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางจริยธรรม

    ความไม่แน่นอนของเทคโนโลยี
    ยังอยู่ในขั้นทดลอง อาจไม่สามารถแทนที่ชิปซิลิคอนได้ในระยะสั้น

    https://itsfoss.com/news/finalspark/
    🧠 FinalSpark เปิดตัวแพลตฟอร์ม Biocomputing ใช้เซลล์ประสาทมนุษย์แทนชิปซิลิคอน บริษัทสตาร์ทอัพจากสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ FinalSpark ได้สร้างความฮือฮาในวงการเทคโนโลยีด้วยการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Neuroplatform ที่ใช้ เซลล์ประสาทมนุษย์ที่เพาะจากสเต็มเซลล์ เชื่อมต่อกับอิเล็กโทรดเพื่อทำหน้าที่เป็น “ชีวะโปรเซสเซอร์” (bioprocessor) โดยนักวิจัยสามารถเข้าถึงและทดลองใช้งานได้แบบ รีโมตออนไลน์ ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการให้บริการลักษณะนี้ แนวคิดนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาการใช้พลังงานมหาศาลของระบบ AI ขนาดใหญ่ เนื่องจากเซลล์ประสาทจริงสามารถทำงานได้ด้วยพลังงานต่ำกว่าชิปซิลิคอนอย่างมาก FinalSpark อ้างว่าพวกเขาได้ทดสอบเซลล์ประสาทไปแล้วกว่า 10 ล้านเซลล์ และเก็บข้อมูลการทดลองกว่า 20 เทราไบต์ เพื่อพัฒนาการประมวลผลเชิงชีวภาพให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แพลตฟอร์มนี้รองรับทั้งการกระตุ้นด้วยไฟฟ้าและสารเคมี โดยนักวิจัยสามารถสั่งการผ่าน Python API เพื่อปล่อยสารสื่อประสาท เช่น โดพามีน, กลูตาเมต และเซโรโทนิน ลงไปในระบบเพื่อศึกษาพฤติกรรมการตอบสนองของเซลล์ประสาทได้แบบเรียลไทม์ นอกจากนี้ยังมี เดโมออนไลน์ ที่เปิดให้ผู้สนใจเข้ามาดูการทำงานของเซลล์ประสาทจริงบน biochip ได้ทันที FinalSpark ยังเปิดกว้างให้มหาวิทยาลัยและนักวิจัยเข้าร่วมใช้งาน เช่น University of Michigan, Free University of Berlin, University of Exeter และอีกหลายแห่ง พร้อมทั้งเผยแพร่เครื่องมือโอเพ่นซอร์สบน GitHub และสร้างชุมชนผู้สนใจด้าน Biocomputing บน Discord ที่มีสมาชิกกว่า 1,000 คนแล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ FinalSpark เปิดตัว Neuroplatform ➡️ ใช้เซลล์ประสาทมนุษย์แทนชิปซิลิคอน ✅ ประสิทธิภาพด้านพลังงาน ➡️ เซลล์ประสาทใช้พลังงานต่ำกว่าชิปทั่วไป ✅ ข้อมูลการทดลอง ➡️ ทดสอบแล้วกว่า 10 ล้านเซลล์และเก็บข้อมูล 20 TB ✅ ฟีเจอร์การทดลอง ➡️ กระตุ้นด้วยไฟฟ้าและสารเคมีผ่าน Python API ✅ การเข้าถึงและชุมชน ➡️ มหาวิทยาลัยหลายแห่งใช้งาน และมีชุมชน Discord ‼️ ความเสี่ยงด้านจริยธรรม ⛔ การใช้เซลล์ประสาทมนุษย์อาจก่อให้เกิดข้อถกเถียงทางจริยธรรม ‼️ ความไม่แน่นอนของเทคโนโลยี ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลอง อาจไม่สามารถแทนที่ชิปซิลิคอนได้ในระยะสั้น https://itsfoss.com/news/finalspark/
    ITSFOSS.COM
    This Company Uses Lab-Grown Human Neurons for Energy-efficient Computing
    Swiss startup offers remote access to living neural networks for research.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • ครม.รับทราบแพ็กใหญ่ “ของขวัญปีใหม่ 2569” จากกระทรวงคมนาคม เดินหน้าช่วยประชาชนเดินทางสะดวก–ปลอดภัย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวทั่วประเทศ
    .
    ของขวัญเด่น เช่น
    • มอเตอร์เวย์ M7–M9 ฟรี 7 วัน (30 ธ.ค.–5 ม.ค.)
    • รถไฟฟ้า MRT–สีม่วง–เหลือง–ชมพู เปิดยาวถึงตี 2 คืนข้ามปี
    • ล่องเรือไหว้พระ 9 วัด, ขยายเวลาชำระภาษีรถ
    • ตั้งศูนย์อาชีวะอาสา 150 จุดช่วยผู้เดินทางทั่วประเทศ
    .
    ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด “H.N.Y 2569 – Happiness • Network of Care • Year of Safety”
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118391
    .
    #News1live #News1 #ของขวัญปีใหม่คมนาคม #ปีใหม่2569 #เดินทางปลอดภัย #มอเตอร์เวย์ฟรี #ขนส่งสาธารณะ
    ครม.รับทราบแพ็กใหญ่ “ของขวัญปีใหม่ 2569” จากกระทรวงคมนาคม เดินหน้าช่วยประชาชนเดินทางสะดวก–ปลอดภัย พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจและท่องเที่ยวทั่วประเทศ . ของขวัญเด่น เช่น • มอเตอร์เวย์ M7–M9 ฟรี 7 วัน (30 ธ.ค.–5 ม.ค.) • รถไฟฟ้า MRT–สีม่วง–เหลือง–ชมพู เปิดยาวถึงตี 2 คืนข้ามปี • ล่องเรือไหว้พระ 9 วัด, ขยายเวลาชำระภาษีรถ • ตั้งศูนย์อาชีวะอาสา 150 จุดช่วยผู้เดินทางทั่วประเทศ . ทั้งหมดอยู่ภายใต้แนวคิด “H.N.Y 2569 – Happiness • Network of Care • Year of Safety” . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118391 . #News1live #News1 #ของขวัญปีใหม่คมนาคม #ปีใหม่2569 #เดินทางปลอดภัย #มอเตอร์เวย์ฟรี #ขนส่งสาธารณะ
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • ซีเกมส์ 2025 เปิดฉากสุดตระการตาที่ราชมังฯ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่โอลิมปิก 2 สมัย รับหน้าที่จุดคบเพลิง จุดประกายเปิดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิดความยั่งยืน–นวัตกรรมใหม่
    .
    พิธีเปิดจัดเต็ม แสง สี เสียง ผสานศิลปวัฒนธรรมไทย–เทคโนโลยี พร้อมบุคคลดังร่วมงานคับคั่ง ขบวนพาเหรด 11 ชาติคึกคัก ท่ามกลางผู้ชมล้นสนาม
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118429
    .
    #News1live #News1 #SEAGames2025 #พาณิภัควงศ์พัฒนกิจ #ซีเกมส์เปิดฉาก #TeamThailand
    ซีเกมส์ 2025 เปิดฉากสุดตระการตาที่ราชมังฯ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ฮีโร่โอลิมปิก 2 สมัย รับหน้าที่จุดคบเพลิง จุดประกายเปิดการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 33 อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิดความยั่งยืน–นวัตกรรมใหม่ . พิธีเปิดจัดเต็ม แสง สี เสียง ผสานศิลปวัฒนธรรมไทย–เทคโนโลยี พร้อมบุคคลดังร่วมงานคับคั่ง ขบวนพาเหรด 11 ชาติคึกคัก ท่ามกลางผู้ชมล้นสนาม . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118429 . #News1live #News1 #SEAGames2025 #พาณิภัควงศ์พัฒนกิจ #ซีเกมส์เปิดฉาก #TeamThailand
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • “เท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงมองทางออกศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้ “ทหารควบคู่การทูต” พร้อมชี้เป้าปัญหาหลักคือขบวนการสแกมเมอร์ที่หล่อเลี้ยงระบอบฮุน เซน
    .
    เตือนชีวิตทหาร–ประชาชนไม่ควรต้องสูญเสียไปกับสงครามที่ยืดเยื้อ ย้ำแนวคิด “ไม่มีการรบใดไม่จบที่โต๊ะเจรจา” พร้อมเสนอ 3 แนวรบ—ทหาร, การทูต, ปราบสแกมเมอร์-เพื่อกดดันกัมพูชากลับสู่ข้อตกลงและยุติวงจรปะทะให้ได้ถาวร
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118283
    .
    #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #ชายแดนตึงเครียด #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #สแกมเมอร์ #การทูต #ความมั่นคง
    “เท้ง–ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” ผู้นำฝ่ายค้าน แถลงมองทางออกศึกชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องใช้ “ทหารควบคู่การทูต” พร้อมชี้เป้าปัญหาหลักคือขบวนการสแกมเมอร์ที่หล่อเลี้ยงระบอบฮุน เซน . เตือนชีวิตทหาร–ประชาชนไม่ควรต้องสูญเสียไปกับสงครามที่ยืดเยื้อ ย้ำแนวคิด “ไม่มีการรบใดไม่จบที่โต๊ะเจรจา” พร้อมเสนอ 3 แนวรบ—ทหาร, การทูต, ปราบสแกมเมอร์-เพื่อกดดันกัมพูชากลับสู่ข้อตกลงและยุติวงจรปะทะให้ได้ถาวร . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118283 . #News1live #News1 #ไทยกัมพูชา #ชายแดนตึงเครียด #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #สแกมเมอร์ #การทูต #ความมั่นคง
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷

    #รวมข่าวIT #20251209 #TechRadar

    Android XR: จุดเปลี่ยนของสมาร์ทแว่น
    เรื่องราวเริ่มจากประสบการณ์ของ Juston Payne ผู้บริหาร Google ที่ได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR กับลูกชายวัย 10 ขวบในกรุงโรม พอเด็กถามแว่นว่าอยากไปกินเจลาโต้ที่ไหน แว่นก็แสดงแผนที่และนำทางตรงหน้า ทำให้ทั้งครอบครัวเดินตามไปถึงร้านเหมือนเป็นคนท้องถิ่น นี่คือ “aha moment” ที่ทำให้ Payne เชื่อว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยี wearable แว่นตาเหล่านี้จะไม่ใช่เพียง gadget แต่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งใหม่ที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้ในอนาคต แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ Google และพันธมิตรอย่าง Samsung, Warby Parker กำลังปูทางให้สมาร์ทแว่นกลายเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในร้านแว่นตา
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/android-xr-head-on-the-ecosystem-we-think-that-this-is-actually-a-very-early-space-and-the-history-is-not-yet-written-for-it

    WordPress RCE Flaw: ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Sneeit Framework ของ WordPress ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินเองได้ทันที และเข้าควบคุมเว็บไซต์เต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงสูงสุด 9.8/10 และมีการโจมตีจริงเกิดขึ้นทันทีหลังการเปิดเผย โดยวันแรกมีการบล็อกกว่า 131,000 ครั้ง วิธีป้องกันคืออัปเดตปลั๊กอินเป็นเวอร์ชัน 8.4 และตรวจสอบว่ามีบัญชีแอดมินแปลกปลอม หรือไฟล์ PHP ที่ไม่รู้จักอยู่ในระบบหรือไม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์ต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/security/sneeit-wordpress-rce-flaw-allows-hackers-to-add-themselves-as-admin-heres-how-to-stay-safe

    กฎหมายห้ามเด็กใช้โซเชียล: ออสเตรเลียจุดประกายทั่วโลก
    ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย พร้อมบทลงโทษปรับสูงถึง 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้ทำให้หลายประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐ และสหภาพยุโรปที่เริ่มพิจารณามาตรการคล้ายกัน แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการตรวจสอบอายุ แต่หลายฝ่ายเห็นว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้อาจกลายเป็นต้นแบบที่แพร่ไปทั่วโลกในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/were-going-to-be-watching-really-closely-politicians-around-the-world-are-taking-inspiration-from-australias-social-media-ban

    Windows 11 กับปัญหา RAM: Discord ตัวการใหญ่
    ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนพบว่าแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron framework อย่าง Discord กิน RAM มากผิดปกติ จากเดิมประมาณ 1GB พุ่งขึ้นไปถึง 4GB โดยเฉพาะเมื่อใช้งาน voice chat หรือสตรีมวิดีโอ ปัญหาคือแม้หยุดใช้งานแล้ว RAM ก็ไม่ลดลง ต้องรีสตาร์ทโปรแกรมใหม่ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานอื่น ๆ ยิ่งในช่วงที่ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงเพราะกระแส AI ทำให้ผู้ใช้ยิ่งรู้สึกเดือดร้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/memory/some-windows-11-apps-have-a-massive-ram-problem-and-this-app-is-the-worst-offender

    NordVPN: ป้องกันฟิชชิ่งถึงกล่องอีเมล
    NordVPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Threat Protection Pro ที่สามารถสแกนลิงก์ในอีเมลแบบเรียลไทม์ หากพบว่าเป็นลิงก์อันตราย เช่น ฟิชชิ่งหรือมัลแวร์ จะมีสัญลักษณ์เตือนและแบนเนอร์แจ้งทันที จุดเด่นคือทำงานโดยไม่ต้องเข้าถึงเนื้อหาอีเมลทั้งหมด จึงยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการคลิกลิงก์โดยไม่ตั้งใจ และเป็นอีกชั้นการป้องกันที่สำคัญในยุคที่อีเมลฟิชชิ่งถูกส่งออกมาหลายพันล้านฉบับต่อวัน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-extends-phishing-and-malware-protection-to-your-inbox

    GPT‑5.2: การแข่งเดือดระหว่าง OpenAI และ Gemini
    OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 เพื่อเร่งแข่งกับ Gemini 3 ของ Google จุดเด่นคือความเร็วและความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ลื่นไหลกว่าเดิม การอัปเดตนี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรง และแต่ละค่ายพยายามผลักดันเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-races-gemini-3-to-the-top-with-gpt-5-2-drop-this-week

    จีนกับข้อได้เปรียบด้าน AI: คำเตือนจาก CEO Nvidia
    Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia เตือนว่าจีนมีข้อได้เปรียบมหาศาลในด้าน AI ทั้งด้านการก่อสร้างและพลังงาน โดยรายงานล่าสุดเผยว่าจีนมีสัดส่วนการใช้งาน AI ถึง 30% ของโลก ความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เช่น “สร้างโรงพยาบาลในสุดสัปดาห์เดียว” ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลในสนาม AI ระดับโลก
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/they-can-build-a-hospital-in-a-weekend-nvidia-ceo-warns-about-chinas-big-ai-advantages-as-report-reveals-it-now-has-30-percent-of-global-ai-usage

    Subaru กับโฆษณา Pop‑up ในรถ
    Subaru เข้าร่วมกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ทดลองใส่โฆษณา pop‑up ในระบบ infotainment ของรถยนต์ ซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก หลายคนกังวลว่าโฆษณาจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ และอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยบนท้องถนน แม้ผู้ผลิตจะมองว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/subaru-joins-controversial-list-of-carmakers-experimenting-with-infotainment-system-pop-up-ads

    Android XR Prototype: สมาร์ทแว่นรุ่นใหม่ที่พร้อมโชว์
    นักข่าวได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR รุ่นต้นแบบ พบว่ามีดีไซน์บางเบาและเลนส์โปร่งใสที่สามารถแสดงข้อมูลตรงหน้าได้ทันที ทั้งการนำทางและการใช้งานร่วมกับ AI Gemini จุดเด่นคือการออกแบบที่ไม่ทำให้ผู้ใช้ดูแปลกตา และสวมใส่สบาย ทำให้สมาร์ทแว่นรุ่นนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของ wearable ที่จะเข้าสู่ตลาดในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/i-tried-the-next-gen-android-xr-prototype-smart-glasses-and-these-frames-are-ready-for-your-close-up

    Samsung Galaxy XR: ยกระดับประสบการณ์ Spatial
    Samsung เปิดตัว Galaxy XR ที่ผสมผสานเทคโนโลยี mixed reality และ AI Gemini เข้าด้วยกัน จุดขายคือคุณภาพการแสดงผลที่คมชัดและฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงในราคาที่จับต้องได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุปกรณ์ XR และสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามให้ทัน
    https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsung-galaxy-xr-raises-the-bar-while-lowering-the-price-for-premium-spatial-experiences

    รัฐบาลสหรัฐฯ กดดัน Google และ Apple ให้ลบแอปติดตามเจ้าหน้าที่ ICE
    เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เมื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎรออกแรงกดดันให้ Google และ Apple ลบแอปที่สามารถติดตามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) ได้ โดยเฉพาะแอปชื่อ ICEBlock ที่เคยมีผู้ใช้มากกว่าล้านคน แม้ตอนนี้จะไม่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ แต่ยังคงใช้งานได้ในเครื่องที่ติดตั้งไว้แล้ว ปัญหาคือแอปนี้ถูกใช้โดยมือปืนในการก่อเหตุยิงที่ศูนย์ ICE ในเมืองดัลลัส ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชน นักพัฒนาแอปเองก็ยืนยันว่า แอปนี้ไม่ต่างจากการแชร์ตำแหน่งด่านตรวจความเร็วในแผนที่ ซึ่งถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ
    https://www.techradar.com/pro/us-gov-wants-google-and-apple-to-take-down-websites-tracking-ice-and-friends

    Pebble โผล่กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ทวอชลึกลับ
    Pebble ที่เคยเป็นแบรนด์สมาร์ทวอชสุดฮิตในยุคแรกๆ กำลังสร้างความตื่นเต้นอีกครั้ง หลังจากปล่อยทีเซอร์สมาร์ทวอชใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก หลายคนคาดว่ามันอาจจะเป็นการกลับมาของแบรนด์ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น หรืออาจจะเป็นการรีแบรนด์เพื่อเจาะตลาดสุขภาพและฟิตเนสที่กำลังมาแรง ความลึกลับนี้ทำให้แฟนๆ ที่เคยรัก Pebble ต่างตั้งตารอว่าจะมีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากสมาร์ทวอชในตลาดตอนนี้
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/pebble-just-teased-a-mysterious-new-smartwatch-and-were-excited-to-see-what-it-is

    Magnetar เปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray 4K รุ่นใหม่
    สำหรับคนที่ยังรักการดูหนังผ่านแผ่น Blu-ray Magnetar ได้เปิดตัวเครื่องเล่นรุ่นใหม่ที่ถูกยกให้เป็น “เครื่องเล่นแผ่นสุดท้ายที่คุณต้องมี” เพราะรองรับการเล่นแผ่น 4K ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมคุณภาพเสียงและภาพที่เหนือกว่า เหมาะกับนักสะสมและคนที่จริงจังกับการดูหนังในบ้าน แม้ยุคสตรีมมิ่งจะครองตลาด แต่เครื่องเล่นนี้ก็ยังตอบโจทย์คนที่ต้องการประสบการณ์ภาพและเสียงระดับสูงสุด
    https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/magnetars-new-4k-blu-ray-players-are-the-last-disc-spinners-youll-ever-need-and-theyre-now-available-to-buy

    ข้อมูลคนไข้และเจ้าหน้าที่ NHS ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p
    ระบบสุขภาพในอังกฤษเจอปัญหาใหญ่เมื่อ Barts Health NHS Trust ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ทำให้ข้อมูลทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่รั่วไหลออกไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และยังสะท้อนให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ การโจมตีครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่าหน่วยงานด้านสุขภาพต้องลงทุนมากขึ้นในระบบป้องกันภัยไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/patient-and-staff-data-impacted-by-cl0p-ransomware-attack-on-barts-health-nhs

    รีวิว Bissell PowerClean FurFinder เครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาประหยัด
    ใครที่เลี้ยงสัตว์น่าจะสนใจเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ เพราะ Bissell PowerClean FurFinder ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการขนสัตว์โดยเฉพาะ แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่รีวิวบอกว่ามันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะกับการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี
    https://www.techradar.com/home/vacuums/bissell-powerclean-furfinder-cordless-vacuum-review

    Samsung เปิดตัว One UI 8.5 Beta พร้อม 6 ฟีเจอร์ใหม่
    Samsung ปล่อยเวอร์ชันเบต้าของ One UI 8.5 ให้ผู้ใช้ได้ลองก่อนใคร โดยมีการอัปเกรดถึง 6 จุดสำคัญ เช่น การปรับปรุงการทำงานแบบหลายหน้าต่างให้ลื่นไหลขึ้น, ฟีเจอร์ใหม่ด้านความเป็นส่วนตัว, การปรับแต่งหน้าจอหลักที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม และการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม จุดเด่นคือการทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในอนาคต
    https://www.techradar.com/phones/samsung-just-launched-the-one-ui-8-5-beta-with-6-big-upgrades-heres-how-to-try-it

    ผู้บริหาร UI ของ Apple ถูก Meta ดึงตัว พร้อมการอพยพครั้งใหญ่ในทีม AI
    Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญในทีม AI และ UI เมื่อผู้บริหารระดับสูงถูก Meta ดึงตัวไป และอีกสามคนลาออกตามมา เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน AI ที่กำลังเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาอุปกรณ์และบริการใหม่ๆ การสูญเสียบุคลากรจำนวนมากในเวลาเดียวกันอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาของ Apple ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/apples-ui-executive-poached-by-meta-and-three-other-executives-leave-in-apple-ai-exodus

    เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในอินโดนีเซียถูกสลายหลังดำเนินงานมา 14 ปี
    อินโดนีเซียสามารถสลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินงานมายาวนานถึง 14 ปี ซึ่งมีการโจมตีและหลอกลวงผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเป็นสัญญาณว่าประเทศกำลังจริงจังกับการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง
    https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia

    รีวิวแผ่น Blu-ray 4K ที่ดีจนถูกนำมาใช้ทดสอบทีวี
    นักรีวิวที่ทำงานกับทีวีมืออาชีพเผยว่าเจอแผ่น Blu-ray 4K ใหม่ 5 เรื่องที่คุณภาพดีมากจนถูกนำมาใช้เป็นสื่อทดสอบทีวีในห้องแล็บ ความละเอียดและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทำให้แผ่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นมาตรฐานในการวัดประสิทธิภาพของทีวีรุ่นใหม่ๆ สำหรับคนที่รักการดูหนังแบบเต็มประสบการณ์ นี่คือแผ่นที่ควรมีไว้สะสม
    https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/i-review-4k-blu-rays-for-a-living-these-5-new-discs-are-so-good-theyve-entered-my-tv-testing-rotation

    อุปกรณ์ถ่ายทำ TikTok ที่ครบในกระเป๋าใบเล็ก
    นักสร้างคอนเทนต์ TikTok แชร์ว่าเขามีกล้องและอุปกรณ์เสริม 9 ชิ้นที่สามารถใส่รวมกันในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ทั้งหมด ตั้งแต่กล้องคุณภาพสูง ขาตั้ง ไปจนถึงอุปกรณ์เสียง จุดเด่นคือความคล่องตัวและความสามารถในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์แบบมืออาชีพโดยไม่ต้องแบกอุปกรณ์ใหญ่ๆ
    https://www.techradar.com/cameras/i-swear-by-these-9-cameras-and-accessories-for-shooting-tiktok-content-and-they-all-fit-in-one-small-sling-bag

    FBI เตือนภัย Deepfake ใช้หลอกเรียกค่าไถ่
    เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่อาชญากรเริ่มใช้ Generative AI สร้างวิดีโอปลอมเป็น “หลักฐานการมีชีวิต” ของเหยื่อที่ถูกอ้างว่าถูกลักพาตัว พวกเขาจะนำภาพและวิดีโอจากโซเชียลมีเดียไปสร้างเป็นคลิปที่ดูสมจริง แล้วส่งไปหาญาติหรือคนใกล้ชิดเพื่อเรียกค่าไถ่ทันที FBI ออกประกาศเตือนว่าภาพเหล่านี้มักมีจุดผิดพลาด เช่น รอยสักหายไปหรือสัดส่วนร่างกายไม่ถูกต้อง แต่ผู้ร้ายจะใช้วิธีส่งแบบข้อความหมดเวลาเพื่อไม่ให้เหยื่อมีเวลาตรวจสอบ ทางออกคือควรระวังการโพสต์ข้อมูลส่วนตัว ตั้งรหัสลับในครอบครัว และพยายามติดต่อคนที่ถูกอ้างว่าถูกจับก่อนจะโอนเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-of-kidnapping-scams-as-hackers-turn-to-ai-to-provide-proof-of-life

    Honor Magic 8 Lite: มือถือแบตอึดราคาประหยัด
    รีวิวนี้บอกว่า Honor Magic 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่เด่นเรื่องแบตเตอรี่ ใช้งานได้ยาวนานเกินคาด แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด ดีไซน์ดูทันสมัย หน้าจอใหญ่พอเหมาะ และประสิทธิภาพถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป กล้องอาจไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เหมาะสำหรับคนที่มองหามือถือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย
    https://www.techradar.com/phones/honor-phones/honor-magic-8-lite-review

    FBI มองหาดรอนที่ “กันเจาะสัญญาณ” ได้
    อีกข่าวหนึ่งเล่าถึงความพยายามของ FBI ที่กำลังค้นหาดรอนซึ่งไม่สามารถถูกโจมตีด้วยการรบกวนสัญญาณได้ วิธีที่ใช้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการหันกลับไปใช้เทคนิคแบบเก่าเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการควบคุมจากระยะไกล จุดประสงค์คือทำให้ดรอนยังคงทำงานได้แม้มีการพยายามโจมตีทางไซเบอร์ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับวิธีดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/cameras/drones/the-fbi-is-hunting-for-unjammable-drones-and-these-flying-cameras-use-one-very-old-school-trick-to-stop-remote-attacks

    ปี 2026 “Sustainability” กลายเป็น Stack ใหม่
    บทความนี้เล่าว่าในปี 2026 แนวคิดด้านความยั่งยืนจะไม่ใช่แค่เรื่องเสริม แต่จะถูกมองว่าเป็น “stack” ใหม่ของธุรกิจ เทียบได้กับการมีเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น องค์กรต่าง ๆ จะต้องผสมผสานการใช้พลังงานสะอาด การจัดการทรัพยากร และการออกแบบระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ไม่ใช่แค่ CSR แต่เป็นแกนกลางของการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/in-2026-sustainability-is-the-new-stack

    Gartner เตือน “AI Browsers” อาจเป็นภัยต่อธุรกิจ
    รายงานจาก Gartner ชี้ว่าเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีเสมอไป เพราะอาจสร้างความเสี่ยงต่อข้อมูลและความปลอดภัยขององค์กร แม้จะช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีหรือทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ Gartner แนะนำให้ธุรกิจระมัดระวังและไม่ควรพึ่งพา AI browsers โดยไม่ตรวจสอบมาตรการป้องกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/gartner-advisory-states-ai-browsers-are-not-your-friend-and-are-putting-your-business-at-risk

    IT ที่ “รักษาตัวเอง” ไม่ใช่วิทยาศาสตร์อีกต่อไป
    บทความนี้เล่าว่าแนวคิด Self-healing IT หรือระบบที่สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง กำลังกลายเป็นจริงและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ระบบเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ความผิดพลาด คาดการณ์ปัญหา และดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติ ทำให้ลดเวลาหยุดชะงักและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ
    https://www.techradar.com/pro/self-healing-it-is-no-longer-science-fiction-its-driving-businesses-forward

    ChatGPT Wrapped: สรุปปีแห่งการใช้ AI
    ผู้ใช้ ChatGPT กำลังสร้าง “Spotify Wrapped” เวอร์ชันของตัวเอง เพื่อย้อนดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้ใช้ AI ทำอะไรบ้าง เช่น คำถามที่ถามบ่อยที่สุด หรือหัวข้อที่พูดถึงมากที่สุด วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน เพียงดึงข้อมูลการใช้งานแล้วจัดเรียงเป็นรูปแบบที่แชร์ได้บนโซเชียล ถือเป็นการเล่นสนุกที่สะท้อนว่า AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-users-are-making-a-spotify-wrapped-for-their-year-in-ai-heres-how-to-do-it

    ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การสร้างบ้านชะลอตัว
    รายงานนี้ชี้ว่าความต้องการศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI กำลังเพิ่มสูงจนโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถตามทัน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการบ้านเรือนถูกชะลอ เพราะทรัพยากรด้านพลังงานและพื้นที่ถูกใช้ไปกับการสร้างศูนย์ข้อมูลแทน ปัญหานี้สะท้อนว่าการเติบโตของ AI ไม่ได้กระทบแค่ธุรกิจเทคโนโลยี แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนโดยตรง
    https://www.techradar.com/pro/data-centers-are-throttling-home-building-as-infrastructure-struggles-to-keep-up-with-ai-demands

    OpenAI ถอยแผน “แนะนำแอปคล้ายโฆษณา”
    OpenAI เคยทดลองใส่ฟีเจอร์แนะนำแอปใน ChatGPT ที่ดูเหมือนโฆษณา แต่หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายใจ จึงออกมาประกาศว่าจะปรับปรุงและให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น การถอยครั้งนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการรักษาประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-walks-back-ad-like-app-suggestions-in-chatgpt-saying-it-fell-short-and-will-improve-controls

    React2Shell RCE Flaw ถูกแฮ็กเกอร์จีนโจมตีหลังประกาศไม่กี่ชั่วโมง
    เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในวงการไซเบอร์ เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกตั้งชื่อว่า React2Shell โดยมีรหัส CVE-2025-55182 และถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้ก่อนการยืนยันตัวตน ซึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการเปิดเผย ก็มีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนเริ่มใช้ช่องโหว่นี้โจมตีจริงแล้ว เป้าหมายคือองค์กรในหลายภาคส่วนทั่วโลก ตั้งแต่การเงิน โลจิสติกส์ ไปจนถึงมหาวิทยาลัยและรัฐบาล จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและสร้างการเข้าถึงถาวร นักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-rce-flaw-exploited-by-chinese-hackers-hours-after-disclosure

    SwitchBot เปิดตัวโคมไฟที่ละลายเทียนได้
    SwitchBot สร้างไอเดียใหม่ที่ผสมผสานความเป็นสมาร์ทโฮมเข้ากับความอบอุ่นแบบ hygge โดยออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นทั้งโคมไฟอัจฉริยะและเครื่องละลายเทียนในตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศผ่อนคลายและโรแมนติกในบ้าน สามารถควบคุมผ่านแอปได้เหมือนอุปกรณ์สมาร์ทอื่น ๆ และยังช่วยให้การใช้เทียนปลอดภัยขึ้นเพราะไม่ต้องใช้ไฟจริง ผลิตภัณฑ์นี้ถูกมองว่าเป็นของขวัญที่ลงตัวสำหรับสาย gadget ที่ชอบความ cozy
    https://www.techradar.com/home/small-appliances/switchbot-crossed-a-smart-lamp-with-a-candle-melter-and-its-the-ultimate-hygge-gift-for-gadget-fans-who-just-want-to-get-cozy

    Katsuhiro Harada ประกาศลาออกจาก Bandai Namco
    แฟนเกม Tekken ต้องสะเทือนใจเมื่อ Katsuhiro Harada ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของซีรีส์นี้ ประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งใน Bandai Namco เขาอธิบายว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการปิดฉากหนึ่งบทของชีวิตการทำงาน หลังจากอยู่กับบริษัทมานานและสร้างชื่อเสียงให้ Tekken กลายเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่โด่งดังที่สุดในโลก การจากไปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม และแฟน ๆ ต่างจับตามองว่าอนาคตของ Tekken จะเดินไปในทิศทางใด
    https://www.techradar.com/gaming/tekken-lead-katsuhiro-harada-to-leave-bandai-namco-i-felt-this-was-the-most-fitting-moment-to-bring-one-chapter-to-a-close

    X ถูกปรับ 140 ล้านดอลลาร์ในยุโรป
    แพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินมหาศาลถึง 140 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบด้านดิจิทัลและความโปร่งใส ข่าวนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อ Elon Musk ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก EU ทั้งหมด โดยมองว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นการกีดกันนวัตกรรมและเสรีภาพทางออนไลน์ เรื่องนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกับหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/x-fined-usd140-million-for-breaching-eu-rules-elon-calls-for-bloc-abolition

    Windows 11 25H2 เปิดให้ทุกเครื่องอัปเดตแล้ว
    Microsoft ปล่อยอัปเดตใหญ่ Windows 11 25H2 ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งได้แล้ว การอัปเดตนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ Windows Update เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันที ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร เพราะช่วยให้ระบบมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-now-available-for-all-pcs-heres-how-to-get-it

    มือถือ Linux เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ยังรันแอป Android ได้
    มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux โดยเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ถูกมองว่าเป็นอีกทางเลือกแทน Android และ iOS จุดเด่นคือแม้จะใช้ Linux แต่ยังสามารถรันแอป Android ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแอปยอดนิยม แนวคิดนี้ตอบโจทย์ผู้ที่อยากได้ความปลอดภัยและการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายของแอปที่คุ้นเคย
    https://www.techradar.com/phones/forget-android-vs-ios-this-new-privacy-focused-linux-phone-promises-to-be-the-alternative-we-need-but-it-still-runs-android-apps

    AI จากสหราชอาณาจักรอ้างว่าเหนือกว่า ChatGPT
    มีสตาร์ทอัพในสหราชอาณาจักรเปิดตัว AI ใหม่ที่ประกาศว่ามีความสามารถเหนือกว่า ChatGPT ทีมงาน TechRadar ได้ลองใช้งานจริงและพบว่ามีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ความเร็วในการตอบสนองและการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม การแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการมาของผู้เล่นใหม่รายนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-new-uk-ai-says-it-can-beat-chatgpt-we-tried-it-and-heres-what-we-found

    Trump แสดงความกังวลต่อการควบรวม Netflix และ Warner Bros
    Donald Trump แสดงความคิดเห็นว่าการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ระหว่าง Netflix และ Warner Bros อาจสร้างปัญหา โดยมองว่าอาจกระทบต่อการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดสตรีมมิ่ง ความเห็นนี้สะท้อนถึงความกังวลว่าบริษัทขนาดใหญ่จะมีอำนาจมากเกินไป และอาจทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลงในอนาคต
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/trump-says-the-big-netflix-warner-bros-merger-could-be-a-problem-heres-why

    แบรนด์คู่แข่ง Anker เรียกคืน Power Bank หลังพบเสี่ยงไฟไหม้
    มีการเรียกคืน Power Bank รุ่นหนึ่งจากแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งของ Anker เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ข่าวนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ซื้อไปแล้วต้องตรวจสอบและหยุดใช้งานทันที พร้อมติดต่อเพื่อขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์พกพา และเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อแบตเตอรี่สำรอง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/this-popular-anker-rival-has-just-recalled-a-power-bank-due-to-a-fire-hazard-heres-what-to-do
    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251209 #TechRadar 👓 Android XR: จุดเปลี่ยนของสมาร์ทแว่น เรื่องราวเริ่มจากประสบการณ์ของ Juston Payne ผู้บริหาร Google ที่ได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR กับลูกชายวัย 10 ขวบในกรุงโรม พอเด็กถามแว่นว่าอยากไปกินเจลาโต้ที่ไหน แว่นก็แสดงแผนที่และนำทางตรงหน้า ทำให้ทั้งครอบครัวเดินตามไปถึงร้านเหมือนเป็นคนท้องถิ่น นี่คือ “aha moment” ที่ทำให้ Payne เชื่อว่านี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเทคโนโลยี wearable แว่นตาเหล่านี้จะไม่ใช่เพียง gadget แต่จะกลายเป็นแพลตฟอร์มคอมพิวติ้งใหม่ที่ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงได้ในอนาคต แม้ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ Google และพันธมิตรอย่าง Samsung, Warby Parker กำลังปูทางให้สมาร์ทแว่นกลายเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ทั่วไปในร้านแว่นตา 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/android-xr-head-on-the-ecosystem-we-think-that-this-is-actually-a-very-early-space-and-the-history-is-not-yet-written-for-it 🛡️ WordPress RCE Flaw: ช่องโหว่ที่เปิดทางให้แฮกเกอร์ มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Sneeit Framework ของ WordPress ที่ทำให้แฮกเกอร์สามารถสร้างบัญชีแอดมินเองได้ทันที และเข้าควบคุมเว็บไซต์เต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับความรุนแรงสูงสุด 9.8/10 และมีการโจมตีจริงเกิดขึ้นทันทีหลังการเปิดเผย โดยวันแรกมีการบล็อกกว่า 131,000 ครั้ง วิธีป้องกันคืออัปเดตปลั๊กอินเป็นเวอร์ชัน 8.4 และตรวจสอบว่ามีบัญชีแอดมินแปลกปลอม หรือไฟล์ PHP ที่ไม่รู้จักอยู่ในระบบหรือไม่ เหตุการณ์นี้สะท้อนว่าการดูแลความปลอดภัยของเว็บไซต์ต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/sneeit-wordpress-rce-flaw-allows-hackers-to-add-themselves-as-admin-heres-how-to-stay-safe 🌍 กฎหมายห้ามเด็กใช้โซเชียล: ออสเตรเลียจุดประกายทั่วโลก ออสเตรเลียกำลังจะบังคับใช้กฎหมายห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย พร้อมบทลงโทษปรับสูงถึง 32 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กฎหมายนี้ทำให้หลายประเทศจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งสหราชอาณาจักร สหรัฐ และสหภาพยุโรปที่เริ่มพิจารณามาตรการคล้ายกัน แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องการละเมิดความเป็นส่วนตัวจากการตรวจสอบอายุ แต่หลายฝ่ายเห็นว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเด็กจากเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้อาจกลายเป็นต้นแบบที่แพร่ไปทั่วโลกในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/were-going-to-be-watching-really-closely-politicians-around-the-world-are-taking-inspiration-from-australias-social-media-ban 💻 Windows 11 กับปัญหา RAM: Discord ตัวการใหญ่ ผู้ใช้ Windows 11 หลายคนพบว่าแอปพลิเคชันที่สร้างบน Electron framework อย่าง Discord กิน RAM มากผิดปกติ จากเดิมประมาณ 1GB พุ่งขึ้นไปถึง 4GB โดยเฉพาะเมื่อใช้งาน voice chat หรือสตรีมวิดีโอ ปัญหาคือแม้หยุดใช้งานแล้ว RAM ก็ไม่ลดลง ต้องรีสตาร์ทโปรแกรมใหม่ ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพการเล่นเกมและการทำงานอื่น ๆ ยิ่งในช่วงที่ราคาหน่วยความจำพุ่งสูงเพราะกระแส AI ทำให้ผู้ใช้ยิ่งรู้สึกเดือดร้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/some-windows-11-apps-have-a-massive-ram-problem-and-this-app-is-the-worst-offender 📧 NordVPN: ป้องกันฟิชชิ่งถึงกล่องอีเมล NordVPN เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ใน Threat Protection Pro ที่สามารถสแกนลิงก์ในอีเมลแบบเรียลไทม์ หากพบว่าเป็นลิงก์อันตราย เช่น ฟิชชิ่งหรือมัลแวร์ จะมีสัญลักษณ์เตือนและแบนเนอร์แจ้งทันที จุดเด่นคือทำงานโดยไม่ต้องเข้าถึงเนื้อหาอีเมลทั้งหมด จึงยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการคลิกลิงก์โดยไม่ตั้งใจ และเป็นอีกชั้นการป้องกันที่สำคัญในยุคที่อีเมลฟิชชิ่งถูกส่งออกมาหลายพันล้านฉบับต่อวัน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/nordvpn-extends-phishing-and-malware-protection-to-your-inbox 🤓 GPT‑5.2: การแข่งเดือดระหว่าง OpenAI และ Gemini OpenAI เปิดตัว GPT‑5.2 เพื่อเร่งแข่งกับ Gemini 3 ของ Google จุดเด่นคือความเร็วและความสามารถ reasoning ที่ดีขึ้น พร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้ทำงานได้ลื่นไหลกว่าเดิม การอัปเดตนี้สะท้อนว่าการแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรง และแต่ละค่ายพยายามผลักดันเทคโนโลยีให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-races-gemini-3-to-the-top-with-gpt-5-2-drop-this-week ⚡ จีนกับข้อได้เปรียบด้าน AI: คำเตือนจาก CEO Nvidia Jensen Huang ซีอีโอ Nvidia เตือนว่าจีนมีข้อได้เปรียบมหาศาลในด้าน AI ทั้งด้านการก่อสร้างและพลังงาน โดยรายงานล่าสุดเผยว่าจีนมีสัดส่วนการใช้งาน AI ถึง 30% ของโลก ความสามารถในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างรวดเร็ว เช่น “สร้างโรงพยาบาลในสุดสัปดาห์เดียว” ทำให้จีนถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากังวลในสนาม AI ระดับโลก 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/they-can-build-a-hospital-in-a-weekend-nvidia-ceo-warns-about-chinas-big-ai-advantages-as-report-reveals-it-now-has-30-percent-of-global-ai-usage 🚗 Subaru กับโฆษณา Pop‑up ในรถ Subaru เข้าร่วมกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ที่ทดลองใส่โฆษณา pop‑up ในระบบ infotainment ของรถยนต์ ซึ่งสร้างเสียงวิจารณ์อย่างมาก หลายคนกังวลว่าโฆษณาจะรบกวนสมาธิในการขับขี่ และอาจเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยบนท้องถนน แม้ผู้ผลิตจะมองว่าเป็นช่องทางสร้างรายได้ใหม่ แต่ผู้ใช้จำนวนมากไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/subaru-joins-controversial-list-of-carmakers-experimenting-with-infotainment-system-pop-up-ads 👓 Android XR Prototype: สมาร์ทแว่นรุ่นใหม่ที่พร้อมโชว์ นักข่าวได้ลองใช้สมาร์ทแว่น Android XR รุ่นต้นแบบ พบว่ามีดีไซน์บางเบาและเลนส์โปร่งใสที่สามารถแสดงข้อมูลตรงหน้าได้ทันที ทั้งการนำทางและการใช้งานร่วมกับ AI Gemini จุดเด่นคือการออกแบบที่ไม่ทำให้ผู้ใช้ดูแปลกตา และสวมใส่สบาย ทำให้สมาร์ทแว่นรุ่นนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญของ wearable ที่จะเข้าสู่ตลาดในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/i-tried-the-next-gen-android-xr-prototype-smart-glasses-and-these-frames-are-ready-for-your-close-up 🕶️ Samsung Galaxy XR: ยกระดับประสบการณ์ Spatial Samsung เปิดตัว Galaxy XR ที่ผสมผสานเทคโนโลยี mixed reality และ AI Gemini เข้าด้วยกัน จุดขายคือคุณภาพการแสดงผลที่คมชัดและฟีเจอร์ที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหมือนก้าวเข้าสู่โลกเสมือนจริงในราคาที่จับต้องได้ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานของอุปกรณ์ XR และสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีตามให้ทัน 🔗 https://www.techradar.com/computing/virtual-reality-augmented-reality/samsung-galaxy-xr-raises-the-bar-while-lowering-the-price-for-premium-spatial-experiences 🛡️ รัฐบาลสหรัฐฯ กดดัน Google และ Apple ให้ลบแอปติดตามเจ้าหน้าที่ ICE เรื่องนี้กำลังเป็นประเด็นร้อนในสหรัฐฯ เมื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสภาผู้แทนราษฎรออกแรงกดดันให้ Google และ Apple ลบแอปที่สามารถติดตามเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง (ICE) ได้ โดยเฉพาะแอปชื่อ ICEBlock ที่เคยมีผู้ใช้มากกว่าล้านคน แม้ตอนนี้จะไม่สามารถดาวน์โหลดใหม่ได้ แต่ยังคงใช้งานได้ในเครื่องที่ติดตั้งไว้แล้ว ปัญหาคือแอปนี้ถูกใช้โดยมือปืนในการก่อเหตุยิงที่ศูนย์ ICE ในเมืองดัลลัส ทำให้เกิดข้อถกเถียงระหว่างความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่กับสิทธิในการรับรู้ข้อมูลของประชาชน นักพัฒนาแอปเองก็ยืนยันว่า แอปนี้ไม่ต่างจากการแชร์ตำแหน่งด่านตรวจความเร็วในแผนที่ ซึ่งถือเป็นเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ 🔗 https://www.techradar.com/pro/us-gov-wants-google-and-apple-to-take-down-websites-tracking-ice-and-friends ⌚ Pebble โผล่กลับมาอีกครั้งกับสมาร์ทวอชลึกลับ Pebble ที่เคยเป็นแบรนด์สมาร์ทวอชสุดฮิตในยุคแรกๆ กำลังสร้างความตื่นเต้นอีกครั้ง หลังจากปล่อยทีเซอร์สมาร์ทวอชใหม่ที่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดมากนัก หลายคนคาดว่ามันอาจจะเป็นการกลับมาของแบรนด์ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น หรืออาจจะเป็นการรีแบรนด์เพื่อเจาะตลาดสุขภาพและฟิตเนสที่กำลังมาแรง ความลึกลับนี้ทำให้แฟนๆ ที่เคยรัก Pebble ต่างตั้งตารอว่าจะมีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากสมาร์ทวอชในตลาดตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/pebble-just-teased-a-mysterious-new-smartwatch-and-were-excited-to-see-what-it-is 💿 Magnetar เปิดตัวเครื่องเล่น Blu-ray 4K รุ่นใหม่ สำหรับคนที่ยังรักการดูหนังผ่านแผ่น Blu-ray Magnetar ได้เปิดตัวเครื่องเล่นรุ่นใหม่ที่ถูกยกให้เป็น “เครื่องเล่นแผ่นสุดท้ายที่คุณต้องมี” เพราะรองรับการเล่นแผ่น 4K ได้อย่างสมบูรณ์แบบ พร้อมคุณภาพเสียงและภาพที่เหนือกว่า เหมาะกับนักสะสมและคนที่จริงจังกับการดูหนังในบ้าน แม้ยุคสตรีมมิ่งจะครองตลาด แต่เครื่องเล่นนี้ก็ยังตอบโจทย์คนที่ต้องการประสบการณ์ภาพและเสียงระดับสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/magnetars-new-4k-blu-ray-players-are-the-last-disc-spinners-youll-ever-need-and-theyre-now-available-to-buy 🏥 ข้อมูลคนไข้และเจ้าหน้าที่ NHS ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ระบบสุขภาพในอังกฤษเจอปัญหาใหญ่เมื่อ Barts Health NHS Trust ถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ Cl0p ทำให้ข้อมูลทั้งคนไข้และเจ้าหน้าที่รั่วไหลออกไป เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล และยังสะท้อนให้เห็นว่าระบบสาธารณสุขที่มีข้อมูลจำนวนมหาศาลเป็นเป้าหมายหลักของอาชญากรไซเบอร์ การโจมตีครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่าหน่วยงานด้านสุขภาพต้องลงทุนมากขึ้นในระบบป้องกันภัยไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/patient-and-staff-data-impacted-by-cl0p-ransomware-attack-on-barts-health-nhs 🧹 รีวิว Bissell PowerClean FurFinder เครื่องดูดฝุ่นไร้สายราคาประหยัด ใครที่เลี้ยงสัตว์น่าจะสนใจเครื่องดูดฝุ่นรุ่นนี้ เพราะ Bissell PowerClean FurFinder ถูกออกแบบมาเพื่อจัดการขนสัตว์โดยเฉพาะ แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด แต่รีวิวบอกว่ามันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้งานง่าย น้ำหนักเบา และเหมาะกับการทำความสะอาดบ้านที่มีสัตว์เลี้ยง จุดเด่นคือความเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็ยังตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/bissell-powerclean-furfinder-cordless-vacuum-review 📱 Samsung เปิดตัว One UI 8.5 Beta พร้อม 6 ฟีเจอร์ใหม่ Samsung ปล่อยเวอร์ชันเบต้าของ One UI 8.5 ให้ผู้ใช้ได้ลองก่อนใคร โดยมีการอัปเกรดถึง 6 จุดสำคัญ เช่น การปรับปรุงการทำงานแบบหลายหน้าต่างให้ลื่นไหลขึ้น, ฟีเจอร์ใหม่ด้านความเป็นส่วนตัว, การปรับแต่งหน้าจอหลักที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม และการปรับปรุงประสิทธิภาพโดยรวม จุดเด่นคือการทำให้ผู้ใช้สามารถควบคุมเครื่องได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น ถือเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-just-launched-the-one-ui-8-5-beta-with-6-big-upgrades-heres-how-to-try-it 🧑‍💻 ผู้บริหาร UI ของ Apple ถูก Meta ดึงตัว พร้อมการอพยพครั้งใหญ่ในทีม AI Apple กำลังเผชิญกับการสูญเสียบุคลากรสำคัญในทีม AI และ UI เมื่อผู้บริหารระดับสูงถูก Meta ดึงตัวไป และอีกสามคนลาออกตามมา เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการแข่งขันที่ดุเดือดในวงการเทคโนโลยี โดยเฉพาะด้าน AI ที่กำลังเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาอุปกรณ์และบริการใหม่ๆ การสูญเสียบุคลากรจำนวนมากในเวลาเดียวกันอาจส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาของ Apple ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/apples-ui-executive-poached-by-meta-and-three-other-executives-leave-in-apple-ai-exodus 🌐 เครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในอินโดนีเซียถูกสลายหลังดำเนินงานมา 14 ปี อินโดนีเซียสามารถสลายเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ดำเนินงานมายาวนานถึง 14 ปี ซึ่งมีการโจมตีและหลอกลวงผู้คนจำนวนมากทั่วโลก การปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และเป็นสัญญาณว่าประเทศกำลังจริงจังกับการจัดการภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจและความมั่นคง 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/national-cybercrime-network-operating-for-14-years-dismantled-in-indonesia 🎬 รีวิวแผ่น Blu-ray 4K ที่ดีจนถูกนำมาใช้ทดสอบทีวี นักรีวิวที่ทำงานกับทีวีมืออาชีพเผยว่าเจอแผ่น Blu-ray 4K ใหม่ 5 เรื่องที่คุณภาพดีมากจนถูกนำมาใช้เป็นสื่อทดสอบทีวีในห้องแล็บ ความละเอียดและคุณภาพเสียงที่ยอดเยี่ยมทำให้แผ่นเหล่านี้ไม่ใช่แค่เพื่อความบันเทิง แต่ยังเป็นมาตรฐานในการวัดประสิทธิภาพของทีวีรุ่นใหม่ๆ สำหรับคนที่รักการดูหนังแบบเต็มประสบการณ์ นี่คือแผ่นที่ควรมีไว้สะสม 🔗 https://www.techradar.com/televisions/blu-ray/i-review-4k-blu-rays-for-a-living-these-5-new-discs-are-so-good-theyve-entered-my-tv-testing-rotation 🎥 อุปกรณ์ถ่ายทำ TikTok ที่ครบในกระเป๋าใบเล็ก นักสร้างคอนเทนต์ TikTok แชร์ว่าเขามีกล้องและอุปกรณ์เสริม 9 ชิ้นที่สามารถใส่รวมกันในกระเป๋าสะพายใบเล็กได้ทั้งหมด ตั้งแต่กล้องคุณภาพสูง ขาตั้ง ไปจนถึงอุปกรณ์เสียง จุดเด่นคือความคล่องตัวและความสามารถในการสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงได้ทุกที่ทุกเวลา เหมาะสำหรับคนที่อยากทำคอนเทนต์แบบมืออาชีพโดยไม่ต้องแบกอุปกรณ์ใหญ่ๆ 🔗 https://www.techradar.com/cameras/i-swear-by-these-9-cameras-and-accessories-for-shooting-tiktok-content-and-they-all-fit-in-one-small-sling-bag 🛡️ FBI เตือนภัย Deepfake ใช้หลอกเรียกค่าไถ่ เรื่องราวนี้เล่าถึงการที่อาชญากรเริ่มใช้ Generative AI สร้างวิดีโอปลอมเป็น “หลักฐานการมีชีวิต” ของเหยื่อที่ถูกอ้างว่าถูกลักพาตัว พวกเขาจะนำภาพและวิดีโอจากโซเชียลมีเดียไปสร้างเป็นคลิปที่ดูสมจริง แล้วส่งไปหาญาติหรือคนใกล้ชิดเพื่อเรียกค่าไถ่ทันที FBI ออกประกาศเตือนว่าภาพเหล่านี้มักมีจุดผิดพลาด เช่น รอยสักหายไปหรือสัดส่วนร่างกายไม่ถูกต้อง แต่ผู้ร้ายจะใช้วิธีส่งแบบข้อความหมดเวลาเพื่อไม่ให้เหยื่อมีเวลาตรวจสอบ ทางออกคือควรระวังการโพสต์ข้อมูลส่วนตัว ตั้งรหัสลับในครอบครัว และพยายามติดต่อคนที่ถูกอ้างว่าถูกจับก่อนจะโอนเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/fbi-warns-of-kidnapping-scams-as-hackers-turn-to-ai-to-provide-proof-of-life 🔋 Honor Magic 8 Lite: มือถือแบตอึดราคาประหยัด รีวิวนี้บอกว่า Honor Magic 8 Lite เป็นสมาร์ทโฟนที่เด่นเรื่องแบตเตอรี่ ใช้งานได้ยาวนานเกินคาด แม้จะเป็นรุ่นราคาประหยัด ดีไซน์ดูทันสมัย หน้าจอใหญ่พอเหมาะ และประสิทธิภาพถือว่าเพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป กล้องอาจไม่ได้โดดเด่นเท่ารุ่นเรือธง แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา เหมาะสำหรับคนที่มองหามือถือใช้งานได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้องชาร์จบ่อย 🔗 https://www.techradar.com/phones/honor-phones/honor-magic-8-lite-review 🚁 FBI มองหาดรอนที่ “กันเจาะสัญญาณ” ได้ อีกข่าวหนึ่งเล่าถึงความพยายามของ FBI ที่กำลังค้นหาดรอนซึ่งไม่สามารถถูกโจมตีด้วยการรบกวนสัญญาณได้ วิธีที่ใช้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่เป็นการหันกลับไปใช้เทคนิคแบบเก่าเพื่อป้องกันการแฮ็กหรือการควบคุมจากระยะไกล จุดประสงค์คือทำให้ดรอนยังคงทำงานได้แม้มีการพยายามโจมตีทางไซเบอร์ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างความทันสมัยกับวิธีดั้งเดิมเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/cameras/drones/the-fbi-is-hunting-for-unjammable-drones-and-these-flying-cameras-use-one-very-old-school-trick-to-stop-remote-attacks 🌱 ปี 2026 “Sustainability” กลายเป็น Stack ใหม่ บทความนี้เล่าว่าในปี 2026 แนวคิดด้านความยั่งยืนจะไม่ใช่แค่เรื่องเสริม แต่จะถูกมองว่าเป็น “stack” ใหม่ของธุรกิจ เทียบได้กับการมีเทคโนโลยีหรือโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็น องค์กรต่าง ๆ จะต้องผสมผสานการใช้พลังงานสะอาด การจัดการทรัพยากร และการออกแบบระบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์หลัก ไม่ใช่แค่ CSR แต่เป็นแกนกลางของการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/in-2026-sustainability-is-the-new-stack ⚠️ Gartner เตือน “AI Browsers” อาจเป็นภัยต่อธุรกิจ รายงานจาก Gartner ชี้ว่าเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ไม่ได้เป็นเพื่อนที่ดีเสมอไป เพราะอาจสร้างความเสี่ยงต่อข้อมูลและความปลอดภัยขององค์กร แม้จะช่วยให้การทำงานสะดวกขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ที่อาจถูกโจมตีหรือทำให้ข้อมูลรั่วไหลได้ Gartner แนะนำให้ธุรกิจระมัดระวังและไม่ควรพึ่งพา AI browsers โดยไม่ตรวจสอบมาตรการป้องกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/gartner-advisory-states-ai-browsers-are-not-your-friend-and-are-putting-your-business-at-risk 🤖 IT ที่ “รักษาตัวเอง” ไม่ใช่วิทยาศาสตร์อีกต่อไป บทความนี้เล่าว่าแนวคิด Self-healing IT หรือระบบที่สามารถตรวจจับและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง กำลังกลายเป็นจริงและช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง ระบบเหล่านี้สามารถวิเคราะห์ความผิดพลาด คาดการณ์ปัญหา และดำเนินการแก้ไขโดยอัตโนมัติ ทำให้ลดเวลาหยุดชะงักและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่นและพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/self-healing-it-is-no-longer-science-fiction-its-driving-businesses-forward 🎧 ChatGPT Wrapped: สรุปปีแห่งการใช้ AI ผู้ใช้ ChatGPT กำลังสร้าง “Spotify Wrapped” เวอร์ชันของตัวเอง เพื่อย้อนดูว่าตลอดปีที่ผ่านมาได้ใช้ AI ทำอะไรบ้าง เช่น คำถามที่ถามบ่อยที่สุด หรือหัวข้อที่พูดถึงมากที่สุด วิธีทำก็ไม่ซับซ้อน เพียงดึงข้อมูลการใช้งานแล้วจัดเรียงเป็นรูปแบบที่แชร์ได้บนโซเชียล ถือเป็นการเล่นสนุกที่สะท้อนว่า AI กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-users-are-making-a-spotify-wrapped-for-their-year-in-ai-heres-how-to-do-it 🏗️ ศูนย์ข้อมูล AI ทำให้การสร้างบ้านชะลอตัว รายงานนี้ชี้ว่าความต้องการศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับ AI กำลังเพิ่มสูงจนโครงสร้างพื้นฐานไม่สามารถตามทัน ส่งผลให้การพัฒนาโครงการบ้านเรือนถูกชะลอ เพราะทรัพยากรด้านพลังงานและพื้นที่ถูกใช้ไปกับการสร้างศูนย์ข้อมูลแทน ปัญหานี้สะท้อนว่าการเติบโตของ AI ไม่ได้กระทบแค่ธุรกิจเทคโนโลยี แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตของผู้คนโดยตรง 🔗 https://www.techradar.com/pro/data-centers-are-throttling-home-building-as-infrastructure-struggles-to-keep-up-with-ai-demands 📱 OpenAI ถอยแผน “แนะนำแอปคล้ายโฆษณา” OpenAI เคยทดลองใส่ฟีเจอร์แนะนำแอปใน ChatGPT ที่ดูเหมือนโฆษณา แต่หลังจากได้รับเสียงวิจารณ์ว่าทำให้ผู้ใช้รู้สึกไม่สบายใจ จึงออกมาประกาศว่าจะปรับปรุงและให้ผู้ใช้ควบคุมได้มากขึ้น การถอยครั้งนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องหาสมดุลระหว่างการสร้างรายได้และการรักษาประสบการณ์ที่ดีของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/openai-walks-back-ad-like-app-suggestions-in-chatgpt-saying-it-fell-short-and-will-improve-controls 🛡️ React2Shell RCE Flaw ถูกแฮ็กเกอร์จีนโจมตีหลังประกาศไม่กี่ชั่วโมง เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ในวงการไซเบอร์ เพราะมีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน React Server Components ที่ถูกตั้งชื่อว่า React2Shell โดยมีรหัส CVE-2025-55182 และถูกจัดระดับความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบได้ก่อนการยืนยันตัวตน ซึ่งเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากการเปิดเผย ก็มีรายงานว่าแฮ็กเกอร์ที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลจีนเริ่มใช้ช่องโหว่นี้โจมตีจริงแล้ว เป้าหมายคือองค์กรในหลายภาคส่วนทั่วโลก ตั้งแต่การเงิน โลจิสติกส์ ไปจนถึงมหาวิทยาลัยและรัฐบาล จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและสร้างการเข้าถึงถาวร นักวิจัยเตือนให้รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันที่ปลอดภัยทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/react2shell-rce-flaw-exploited-by-chinese-hackers-hours-after-disclosure 🕯️ SwitchBot เปิดตัวโคมไฟที่ละลายเทียนได้ SwitchBot สร้างไอเดียใหม่ที่ผสมผสานความเป็นสมาร์ทโฮมเข้ากับความอบอุ่นแบบ hygge โดยออกผลิตภัณฑ์ที่เป็นทั้งโคมไฟอัจฉริยะและเครื่องละลายเทียนในตัว เหมาะสำหรับคนที่อยากได้บรรยากาศผ่อนคลายและโรแมนติกในบ้าน สามารถควบคุมผ่านแอปได้เหมือนอุปกรณ์สมาร์ทอื่น ๆ และยังช่วยให้การใช้เทียนปลอดภัยขึ้นเพราะไม่ต้องใช้ไฟจริง ผลิตภัณฑ์นี้ถูกมองว่าเป็นของขวัญที่ลงตัวสำหรับสาย gadget ที่ชอบความ cozy 🔗 https://www.techradar.com/home/small-appliances/switchbot-crossed-a-smart-lamp-with-a-candle-melter-and-its-the-ultimate-hygge-gift-for-gadget-fans-who-just-want-to-get-cozy 🎮 Katsuhiro Harada ประกาศลาออกจาก Bandai Namco แฟนเกม Tekken ต้องสะเทือนใจเมื่อ Katsuhiro Harada ผู้เป็นหัวเรือใหญ่ของซีรีส์นี้ ประกาศว่าจะก้าวลงจากตำแหน่งใน Bandai Namco เขาอธิบายว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการปิดฉากหนึ่งบทของชีวิตการทำงาน หลังจากอยู่กับบริษัทมานานและสร้างชื่อเสียงให้ Tekken กลายเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่โด่งดังที่สุดในโลก การจากไปครั้งนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการเกม และแฟน ๆ ต่างจับตามองว่าอนาคตของ Tekken จะเดินไปในทิศทางใด 🔗 https://www.techradar.com/gaming/tekken-lead-katsuhiro-harada-to-leave-bandai-namco-i-felt-this-was-the-most-fitting-moment-to-bring-one-chapter-to-a-close 💸 X ถูกปรับ 140 ล้านดอลลาร์ในยุโรป แพลตฟอร์ม X (เดิม Twitter) ถูกสหภาพยุโรปปรับเงินมหาศาลถึง 140 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากละเมิดกฎระเบียบด้านดิจิทัลและความโปร่งใส ข่าวนี้ยิ่งร้อนแรงขึ้นเมื่อ Elon Musk ออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก EU ทั้งหมด โดยมองว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้เป็นการกีดกันนวัตกรรมและเสรีภาพทางออนไลน์ เรื่องนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีกับหน่วยงานกำกับดูแลในยุโรป ซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคตของการควบคุมแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/x-fined-usd140-million-for-breaching-eu-rules-elon-calls-for-bloc-abolition 💻 Windows 11 25H2 เปิดให้ทุกเครื่องอัปเดตแล้ว Microsoft ปล่อยอัปเดตใหญ่ Windows 11 25H2 ให้ผู้ใช้ทุกคนสามารถติดตั้งได้แล้ว การอัปเดตนี้มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการปรับปรุงประสิทธิภาพ รวมถึงการแก้ไขช่องโหว่ด้านความปลอดภัย ผู้ใช้สามารถเข้าไปที่ Windows Update เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันที ถือเป็นการอัปเดตที่สำคัญสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร เพราะช่วยให้ระบบมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11-25h2-update-is-now-available-for-all-pcs-heres-how-to-get-it 📱 มือถือ Linux เน้นความเป็นส่วนตัว แต่ยังรันแอป Android ได้ มีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Linux โดยเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก ถูกมองว่าเป็นอีกทางเลือกแทน Android และ iOS จุดเด่นคือแม้จะใช้ Linux แต่ยังสามารถรันแอป Android ได้ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการขาดแอปยอดนิยม แนวคิดนี้ตอบโจทย์ผู้ที่อยากได้ความปลอดภัยและการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น แต่ก็ยังคงความสะดวกสบายของแอปที่คุ้นเคย 🔗 https://www.techradar.com/phones/forget-android-vs-ios-this-new-privacy-focused-linux-phone-promises-to-be-the-alternative-we-need-but-it-still-runs-android-apps 🤖 AI จากสหราชอาณาจักรอ้างว่าเหนือกว่า ChatGPT มีสตาร์ทอัพในสหราชอาณาจักรเปิดตัว AI ใหม่ที่ประกาศว่ามีความสามารถเหนือกว่า ChatGPT ทีมงาน TechRadar ได้ลองใช้งานจริงและพบว่ามีจุดแข็งหลายด้าน เช่น ความเร็วในการตอบสนองและการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ต้องพัฒนาเพิ่มเติม การแข่งขันในตลาด AI กำลังร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และการมาของผู้เล่นใหม่รายนี้อาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-new-uk-ai-says-it-can-beat-chatgpt-we-tried-it-and-heres-what-we-found 📺 Trump แสดงความกังวลต่อการควบรวม Netflix และ Warner Bros Donald Trump แสดงความคิดเห็นว่าการควบรวมกิจการครั้งใหญ่ระหว่าง Netflix และ Warner Bros อาจสร้างปัญหา โดยมองว่าอาจกระทบต่อการแข่งขันและความหลากหลายของตลาดสตรีมมิ่ง ความเห็นนี้สะท้อนถึงความกังวลว่าบริษัทขนาดใหญ่จะมีอำนาจมากเกินไป และอาจทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกน้อยลงในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/trump-says-the-big-netflix-warner-bros-merger-could-be-a-problem-heres-why 🔋 แบรนด์คู่แข่ง Anker เรียกคืน Power Bank หลังพบเสี่ยงไฟไหม้ มีการเรียกคืน Power Bank รุ่นหนึ่งจากแบรนด์ที่เป็นคู่แข่งของ Anker เนื่องจากพบว่ามีความเสี่ยงเกิดไฟไหม้ ข่าวนี้ทำให้ผู้ใช้ที่ซื้อไปแล้วต้องตรวจสอบและหยุดใช้งานทันที พร้อมติดต่อเพื่อขอคืนหรือเปลี่ยนสินค้า เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความสำคัญของมาตรฐานความปลอดภัยในอุปกรณ์พกพา และเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการเลือกซื้อแบตเตอรี่สำรอง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/this-popular-anker-rival-has-just-recalled-a-power-bank-due-to-a-fire-hazard-heres-what-to-do
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile – จุดเปลี่ยนของ GPU Programming

    NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซอฟต์แวร์ CUDA โดยใช้แนวคิด tile-based programming ทำให้การพัฒนา AI kernels ง่ายขึ้น และอาจลดความเป็น “กำแพงผูกขาด” ของ CUDA ตามที่ Jim Keller กล่าว แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าแท้จริงแล้วอาจยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NVIDIA

    NVIDIA ได้อัปเดต CUDA ครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเปลี่ยนจากโมเดล SIMT แบบเดิมไปสู่ tile-based programming model พร้อมกับ Tile IR (Intermediate Representation) ที่มอง GPU เป็น tile processor สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถโฟกัสที่ core logic โดยไม่ต้องจัดการกับรายละเอียดเชิงสถาปัตยกรรมของ GPU มากนัก

    Jim Keller มองว่า CUDA Moat อาจสิ้นสุด
    Jim Keller สถาปนิกชิปชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า การใช้ tile-based approach ทำให้ การพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยังแพลตฟอร์มอื่น เช่น AMD หรือ Triton ง่ายขึ้น เนื่องจากแนวทางนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว การยกระดับ abstraction ยังช่วยลดความจำเป็นในการเขียนโค้ดที่เจาะจงกับสถาปัตยกรรม NVIDIA โดยตรง

    มุมมองอีกด้าน: CUDA ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
    แม้จะดูเหมือนว่า CUDA จะเปิดกว้างขึ้น แต่หลายคนมองว่า Tile IR ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่า แม้การพอร์ตโค้ดจะง่ายขึ้น แต่การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อนอยู่ การอัปเดตนี้จึงอาจเป็นการ “ล็อกอิน” นักพัฒนาให้อยู่ใน ecosystem ของ NVIDIA มากกว่า

    ผลกระทบต่ออนาคต AI และ GPU
    การทำให้ GPU programming ง่ายขึ้นจะช่วยให้นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึงการสร้าง AI workflows ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านสถาปัตยกรรม GPU สิ่งนี้อาจเร่งการพัฒนา AI ในวงกว้าง แต่ก็ยังต้องจับตาว่า NVIDIA จะเปิดกว้างจริงหรือยังคงรักษา “moat” ของตนไว้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    CUDA Tile คืออะไร
    เปลี่ยนจาก SIMT ไปสู่ tile-based programming
    ใช้ Tile IR เพื่อจัดการ GPU เป็น tile processor
    ลดความซับซ้อนในการเขียนโค้ด GPU

    มุมมองของ Jim Keller
    การพอร์ตโค้ดไป AMD และ Triton จะง่ายขึ้น
    ยกระดับ abstraction ลดการเขียนโค้ดเฉพาะสถาปัตยกรรม

    ข้อดีต่อวงการ AI
    นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึง GPU programming ได้ง่ายขึ้น
    ลดความจำเป็นในการปรับแต่งเชิงลึก

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    Tile IR ถูกออกแบบมาเพื่อ NVIDIA โดยเฉพาะ
    การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อน
    อาจเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ CUDA ecosystem มากกว่าการเปิดกว้าง

    https://wccftech.com/nvidia-might-end-the-cuda-moat-with-its-latest-update-says-jim-keller/
    🖥️ NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile – จุดเปลี่ยนของ GPU Programming NVIDIA เปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในซอฟต์แวร์ CUDA โดยใช้แนวคิด tile-based programming ทำให้การพัฒนา AI kernels ง่ายขึ้น และอาจลดความเป็น “กำแพงผูกขาด” ของ CUDA ตามที่ Jim Keller กล่าว แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงว่าแท้จริงแล้วอาจยิ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับ NVIDIA NVIDIA ได้อัปเดต CUDA ครั้งใหญ่ด้วยการเปิดตัว CUDA Tile ซึ่งเปลี่ยนจากโมเดล SIMT แบบเดิมไปสู่ tile-based programming model พร้อมกับ Tile IR (Intermediate Representation) ที่มอง GPU เป็น tile processor สิ่งนี้ช่วยให้นักพัฒนาสามารถโฟกัสที่ core logic โดยไม่ต้องจัดการกับรายละเอียดเชิงสถาปัตยกรรมของ GPU มากนัก ⚡ Jim Keller มองว่า CUDA Moat อาจสิ้นสุด Jim Keller สถาปนิกชิปชื่อดัง แสดงความคิดเห็นว่า การใช้ tile-based approach ทำให้ การพอร์ตโค้ดจาก CUDA ไปยังแพลตฟอร์มอื่น เช่น AMD หรือ Triton ง่ายขึ้น เนื่องจากแนวทางนี้เป็นที่นิยมในอุตสาหกรรมอยู่แล้ว การยกระดับ abstraction ยังช่วยลดความจำเป็นในการเขียนโค้ดที่เจาะจงกับสถาปัตยกรรม NVIDIA โดยตรง 🌐 มุมมองอีกด้าน: CUDA ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น แม้จะดูเหมือนว่า CUDA จะเปิดกว้างขึ้น แต่หลายคนมองว่า Tile IR ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับฮาร์ดแวร์ของ NVIDIA โดยเฉพาะ ซึ่งหมายความว่า แม้การพอร์ตโค้ดจะง่ายขึ้น แต่การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อนอยู่ การอัปเดตนี้จึงอาจเป็นการ “ล็อกอิน” นักพัฒนาให้อยู่ใน ecosystem ของ NVIDIA มากกว่า 🔮 ผลกระทบต่ออนาคต AI และ GPU การทำให้ GPU programming ง่ายขึ้นจะช่วยให้นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึงการสร้าง AI workflows ได้โดยไม่ต้องมีความรู้เชิงลึกด้านสถาปัตยกรรม GPU สิ่งนี้อาจเร่งการพัฒนา AI ในวงกว้าง แต่ก็ยังต้องจับตาว่า NVIDIA จะเปิดกว้างจริงหรือยังคงรักษา “moat” ของตนไว้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ CUDA Tile คืออะไร ➡️ เปลี่ยนจาก SIMT ไปสู่ tile-based programming ➡️ ใช้ Tile IR เพื่อจัดการ GPU เป็น tile processor ➡️ ลดความซับซ้อนในการเขียนโค้ด GPU ✅ มุมมองของ Jim Keller ➡️ การพอร์ตโค้ดไป AMD และ Triton จะง่ายขึ้น ➡️ ยกระดับ abstraction ลดการเขียนโค้ดเฉพาะสถาปัตยกรรม ✅ ข้อดีต่อวงการ AI ➡️ นักพัฒนาจำนวนมากเข้าถึง GPU programming ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดความจำเป็นในการปรับแต่งเชิงลึก ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ Tile IR ถูกออกแบบมาเพื่อ NVIDIA โดยเฉพาะ ⛔ การใช้งานจริงบนแพลตฟอร์มอื่นยังคงซับซ้อน ⛔ อาจเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับ CUDA ecosystem มากกว่าการเปิดกว้าง https://wccftech.com/nvidia-might-end-the-cuda-moat-with-its-latest-update-says-jim-keller/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Might End the ‘CUDA Moat’ With Its Latest Update, Says Chip Architect Jim Keller
    NVIDIA has introduced one of the biggest upgrades to CUDA, and Jim Keller believes that it might mark the end of the software's exclusivity.
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • การใช้โมเดลภาษาที่อิงกับ “bag of words” ซึ่งมองคำเป็นเพียงหน่วยแยก ๆ โดยไม่สนใจบริบท ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของภาษา

    แนวคิด Bag of Words (BoW) เป็นวิธีการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ใช้กันมานาน โดยมองข้อความเป็นเพียงชุดของคำที่ไม่เรียงลำดับและไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงไวยากรณ์ แม้ว่าจะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อความเชิงสถิติทำได้ง่าย แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดทอนความซับซ้อนของภาษาให้เหลือเพียงตัวเลขและความถี่ของคำ

    บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า การใช้ BoW ทำให้โมเดลไม่สามารถเข้าใจ ความหมายเชิงบริบท ได้จริง เช่น คำว่า “bank” อาจหมายถึงธนาคารหรือฝั่งแม่น้ำ แต่ BoW จะไม่สามารถแยกแยะได้หากไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม การละเลยบริบทเช่นนี้อาจนำไปสู่การตีความผิดพลาดและผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ

    นอกจากนี้ ผู้เขียนยังสะท้อนว่า การพึ่งพา BoW เป็นการ “ทำให้ภาษากลายเป็นเศษซาก” เพราะมันไม่สามารถจับความละเอียดอ่อนของการสื่อสารมนุษย์ได้ เช่น อารมณ์ เสียงประชด หรือการเล่นคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาษามีชีวิตชีวาและทรงพลัง การวิจารณ์นี้จึงเป็นการเรียกร้องให้วงการ NLP มุ่งไปสู่โมเดลที่เข้าใจความหมายเชิงลึกมากขึ้น

    ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าโมเดลใหม่ ๆ อย่าง Transformer และ LLMs จะก้าวข้ามข้อจำกัดของ BoW ไปแล้ว แต่บทความนี้เตือนว่าเรายังต้องระวังไม่ให้การลดทอนภาษากลายเป็นการทำลายความหมายที่แท้จริง เพราะแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่หากละเลยความซับซ้อนของภาษา ก็อาจทำให้ AI เข้าใจโลกได้เพียงผิวเผิน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิด Bag of Words
    มองข้อความเป็นชุดคำที่ไม่เรียงลำดับ
    ใช้ง่ายแต่ไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงไวยากรณ์

    ข้อจำกัดของ BoW
    ไม่สามารถเข้าใจความหมายเชิงบริบท เช่น คำที่มีหลายความหมาย
    ลดทอนความซับซ้อนของภาษาเหลือเพียงตัวเลขและความถี่

    การเปรียบเทียบกับโมเดลใหม่
    Transformer และ LLMs ก้าวข้ามข้อจำกัดของ BoW
    สามารถจับความหมายและบริบทได้ดีกว่า

    คำเตือนจากบทความ
    การลดทอนภาษามากเกินไปอาจทำลายความหมายที่แท้จริง
    AI อาจเข้าใจโลกเพียงผิวเผินหากละเลยความละเอียดอ่อนของภาษา

    https://www.experimental-history.com/p/bag-of-words-have-mercy-on-us
    🔡 การใช้โมเดลภาษาที่อิงกับ “bag of words” ซึ่งมองคำเป็นเพียงหน่วยแยก ๆ โดยไม่สนใจบริบท ทำให้เกิดข้อจำกัดในการทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของภาษา แนวคิด Bag of Words (BoW) เป็นวิธีการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ใช้กันมานาน โดยมองข้อความเป็นเพียงชุดของคำที่ไม่เรียงลำดับและไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงไวยากรณ์ แม้ว่าจะช่วยให้การวิเคราะห์ข้อความเชิงสถิติทำได้ง่าย แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการลดทอนความซับซ้อนของภาษาให้เหลือเพียงตัวเลขและความถี่ของคำ บทความนี้ชี้ให้เห็นว่า การใช้ BoW ทำให้โมเดลไม่สามารถเข้าใจ ความหมายเชิงบริบท ได้จริง เช่น คำว่า “bank” อาจหมายถึงธนาคารหรือฝั่งแม่น้ำ แต่ BoW จะไม่สามารถแยกแยะได้หากไม่มีข้อมูลเพิ่มเติม การละเลยบริบทเช่นนี้อาจนำไปสู่การตีความผิดพลาดและผลลัพธ์ที่ไม่แม่นยำ นอกจากนี้ ผู้เขียนยังสะท้อนว่า การพึ่งพา BoW เป็นการ “ทำให้ภาษากลายเป็นเศษซาก” เพราะมันไม่สามารถจับความละเอียดอ่อนของการสื่อสารมนุษย์ได้ เช่น อารมณ์ เสียงประชด หรือการเล่นคำ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ภาษามีชีวิตชีวาและทรงพลัง การวิจารณ์นี้จึงเป็นการเรียกร้องให้วงการ NLP มุ่งไปสู่โมเดลที่เข้าใจความหมายเชิงลึกมากขึ้น ในยุคปัจจุบัน แม้ว่าโมเดลใหม่ ๆ อย่าง Transformer และ LLMs จะก้าวข้ามข้อจำกัดของ BoW ไปแล้ว แต่บทความนี้เตือนว่าเรายังต้องระวังไม่ให้การลดทอนภาษากลายเป็นการทำลายความหมายที่แท้จริง เพราะแม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้า แต่หากละเลยความซับซ้อนของภาษา ก็อาจทำให้ AI เข้าใจโลกได้เพียงผิวเผิน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิด Bag of Words ➡️ มองข้อความเป็นชุดคำที่ไม่เรียงลำดับ ➡️ ใช้ง่ายแต่ไม่สนใจความสัมพันธ์เชิงไวยากรณ์ ✅ ข้อจำกัดของ BoW ➡️ ไม่สามารถเข้าใจความหมายเชิงบริบท เช่น คำที่มีหลายความหมาย ➡️ ลดทอนความซับซ้อนของภาษาเหลือเพียงตัวเลขและความถี่ ✅ การเปรียบเทียบกับโมเดลใหม่ ➡️ Transformer และ LLMs ก้าวข้ามข้อจำกัดของ BoW ➡️ สามารถจับความหมายและบริบทได้ดีกว่า ‼️ คำเตือนจากบทความ ⛔ การลดทอนภาษามากเกินไปอาจทำลายความหมายที่แท้จริง ⛔ AI อาจเข้าใจโลกเพียงผิวเผินหากละเลยความละเอียดอ่อนของภาษา https://www.experimental-history.com/p/bag-of-words-have-mercy-on-us
    WWW.EXPERIMENTAL-HISTORY.COM
    Bag of words, have mercy on us
    OR: Claude will you go to prom with me?
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • เครื่องมือใหม่ Eget: ติดตั้ง Binary ได้ง่ายขึ้นบน Linux

    นักพัฒนาสายโอเพนซอร์สได้เปิดตัว Eget เครื่องมือ CLI ที่ช่วยให้การติดตั้งโปรแกรมจาก GitHub repositories ง่ายขึ้นมาก โดยปกติแล้วผู้ใช้ต้องเข้าไปที่หน้า release ของโปรเจกต์ เลือก binary ที่ตรงกับสถาปัตยกรรมและระบบปฏิบัติการ จากนั้นดาวน์โหลดและแตกไฟล์เอง แต่ Egetทำให้ขั้นตอนเหล่านี้สั้นลงเหลือเพียงคำสั่งเดียว

    Eget จะค้นหา binary ล่าสุดจากโปรเจกต์ที่ระบุ ดาวน์โหลดและแตกไฟล์ให้เสร็จเรียบร้อย ผู้ใช้เพียงแค่ย้ายไฟล์ไปยัง directory ที่อยู่ใน $PATH เช่น /usr/local/bin ก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันที เหมาะกับโปรแกรมที่แจกเป็น static pre-built binaries โดยไม่ต้องพึ่ง package manager ของแต่ละดิสโทร

    ฟีเจอร์และการใช้งาน
    Eget รองรับตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น

    --to=[location] เพื่อย้ายไฟล์ไปยัง directory ที่ต้องการโดยตรง

    --tag=[version] สำหรับเลือกเวอร์ชันเฉพาะ

    --pre-release เพื่อดาวน์โหลดเวอร์ชันทดลอง

    --download-only สำหรับเก็บไฟล์โดยไม่แตกออก

    --upgrade-only เพื่ออัปเดตเฉพาะเมื่อมีเวอร์ชันใหม่

    นอกจากนี้ยังสามารถสร้างไฟล์ config .eget.toml เพื่อกำหนดค่าเริ่มต้น เช่น target directory หรือการตรวจสอบ hash ของ binary ได้ ทำให้การติดตั้งซ้ำ ๆ ง่ายและปลอดภัยขึ้น

    ความสำคัญต่อผู้ใช้และนักพัฒนา
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป Eget ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งโปรแกรมที่ไม่มีอยู่ใน repository ของดิสโทร หรือในดิสโทรเล็ก ๆ ที่ไม่มี package manager ที่สมบูรณ์ ส่วนสำหรับนักพัฒนา การแนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรมผ่าน Eget จะช่วยลดความสับสนในการให้คำแนะนำการติดตั้งที่แตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการ

    Eget จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สะท้อนแนวคิด “ทำให้การใช้ FOSS ง่ายขึ้น” และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการแจกจ่ายโปรแกรมแบบ binary ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จุดเด่นของ Eget
    ติดตั้ง binary จาก GitHub ได้ด้วยคำสั่งเดียว
    ลดขั้นตอนการดาวน์โหลดและแตกไฟล์

    ฟีเจอร์ที่รองรับ
    เลือกเวอร์ชันเฉพาะด้วย --tag
    ดาวน์โหลด pre-release ได้
    ตั้งค่า default ผ่าน .eget.toml

    ข้อควรระวัง
    ใช้ได้เฉพาะโปรแกรมที่แจกเป็น static pre-built binaries
    หากโปรเจกต์ไม่มี binary ให้ดาวน์โหลด Eget จะไม่สามารถติดตั้งได้

    https://itsfoss.com/eget/
    ⚙️ เครื่องมือใหม่ Eget: ติดตั้ง Binary ได้ง่ายขึ้นบน Linux นักพัฒนาสายโอเพนซอร์สได้เปิดตัว Eget เครื่องมือ CLI ที่ช่วยให้การติดตั้งโปรแกรมจาก GitHub repositories ง่ายขึ้นมาก โดยปกติแล้วผู้ใช้ต้องเข้าไปที่หน้า release ของโปรเจกต์ เลือก binary ที่ตรงกับสถาปัตยกรรมและระบบปฏิบัติการ จากนั้นดาวน์โหลดและแตกไฟล์เอง แต่ Egetทำให้ขั้นตอนเหล่านี้สั้นลงเหลือเพียงคำสั่งเดียว Eget จะค้นหา binary ล่าสุดจากโปรเจกต์ที่ระบุ ดาวน์โหลดและแตกไฟล์ให้เสร็จเรียบร้อย ผู้ใช้เพียงแค่ย้ายไฟล์ไปยัง directory ที่อยู่ใน $PATH เช่น /usr/local/bin ก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันที เหมาะกับโปรแกรมที่แจกเป็น static pre-built binaries โดยไม่ต้องพึ่ง package manager ของแต่ละดิสโทร 🖥️ ฟีเจอร์และการใช้งาน Eget รองรับตัวเลือกที่หลากหลาย เช่น --to=[location] เพื่อย้ายไฟล์ไปยัง directory ที่ต้องการโดยตรง --tag=[version] สำหรับเลือกเวอร์ชันเฉพาะ --pre-release เพื่อดาวน์โหลดเวอร์ชันทดลอง --download-only สำหรับเก็บไฟล์โดยไม่แตกออก --upgrade-only เพื่ออัปเดตเฉพาะเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ นอกจากนี้ยังสามารถสร้างไฟล์ config .eget.toml เพื่อกำหนดค่าเริ่มต้น เช่น target directory หรือการตรวจสอบ hash ของ binary ได้ ทำให้การติดตั้งซ้ำ ๆ ง่ายและปลอดภัยขึ้น 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้และนักพัฒนา สำหรับผู้ใช้ทั่วไป Eget ช่วยลดความยุ่งยากในการติดตั้งโปรแกรมที่ไม่มีอยู่ใน repository ของดิสโทร หรือในดิสโทรเล็ก ๆ ที่ไม่มี package manager ที่สมบูรณ์ ส่วนสำหรับนักพัฒนา การแนะนำให้ผู้ใช้ติดตั้งโปรแกรมผ่าน Eget จะช่วยลดความสับสนในการให้คำแนะนำการติดตั้งที่แตกต่างกันไปตามระบบปฏิบัติการ Eget จึงเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือที่สะท้อนแนวคิด “ทำให้การใช้ FOSS ง่ายขึ้น” และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่สำหรับการแจกจ่ายโปรแกรมแบบ binary ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จุดเด่นของ Eget ➡️ ติดตั้ง binary จาก GitHub ได้ด้วยคำสั่งเดียว ➡️ ลดขั้นตอนการดาวน์โหลดและแตกไฟล์ ✅ ฟีเจอร์ที่รองรับ ➡️ เลือกเวอร์ชันเฉพาะด้วย --tag ➡️ ดาวน์โหลด pre-release ได้ ➡️ ตั้งค่า default ผ่าน .eget.toml ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ใช้ได้เฉพาะโปรแกรมที่แจกเป็น static pre-built binaries ⛔ หากโปรเจกต์ไม่มี binary ให้ดาวน์โหลด Eget จะไม่สามารถติดตั้งได้ https://itsfoss.com/eget/
    ITSFOSS.COM
    Easily Install Binaries in Linux Terminal With This Tool
    Easy way to get binaries from GitHub repositories and install the applications. Learn more about eget.
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • Jensen Huang ย้ำ “AI ไม่ใช่วันสิ้นโลก”

    Jensen Huang ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ความกังวลที่ว่า AI จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์และครองโลกนั้นเป็น “สมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้” เขาเชื่อว่าแม้ AI จะสามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ได้ เช่น การเข้าใจข้อมูล การแก้ปัญหา และการทำงานตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ใช่การมีสติหรือจิตสำนึกจริง ๆ

    เขายังกล่าวว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า AI จะสร้างองค์ความรู้ของโลกมากถึง 90% ซึ่งหมายความว่า AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้และการทำงานของมนุษย์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ในฐานะ “สายพันธุ์หลัก” บนโลก

    อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่ทำให้หลายคนตั้งคำถาม เช่น เหตุการณ์ที่โมเดล AI ของ Anthropic แสดงพฤติกรรมเหมือน “มีสติ” โดยพยายามป้องกันตัวเองจากการถูกปิดระบบ Jensen Huang มองว่านั่นเป็นเพียงการเรียนรู้จากข้อความในนิยาย ไม่ใช่การมีสติจริง ๆ แต่ก็สะท้อนว่าพฤติกรรมของ AI อาจดูเหมือนมีความรู้สึกในบางบริบท

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Huang เชื่อว่าการพัฒนาไปสู่ AGI (Artificial General Intelligence) เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ AI จะมีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิตมนุษย์ แต่เขาย้ำว่า “AI Doomsday” จะไม่เกิดขึ้น และมนุษย์ยังคงควบคุมทิศทางการใช้งานได้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Jensen Huang ปฏิเสธแนวคิด AI Doomsday
    มองว่าเป็นสมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เหมือนในหนัง Terminator

    AI จะสร้างองค์ความรู้โลก 90% ใน 2-3 ปี
    กลายเป็นเครื่องมือหลักในการเรียนรู้และทำงานของมนุษย์

    กรณี AI แสดงพฤติกรรมเหมือนมีสติ
    Jensen มองว่าเป็นการเรียนรู้จากข้อความ ไม่ใช่การมีสติจริง

    AGI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
    AI จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต แต่ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อมนุษย์

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ AI
    พฤติกรรมที่ดูเหมือนมีสติอาจทำให้คนเชื่อว่า AI มีจิตสำนึกจริง

    ความเสี่ยงจากการตีความเกินจริง
    หากมนุษย์เชื่อว่า AI มีสติ อาจนำไปสู่การใช้งานผิดทิศทางหรือความกลัวที่ไม่จำเป็น

    https://wccftech.com/an-ai-doomsday-is-never-going-to-happen-says-nvidia-jensen-huang/
    🤖 Jensen Huang ย้ำ “AI ไม่ใช่วันสิ้นโลก” Jensen Huang ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ความกังวลที่ว่า AI จะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือมนุษย์และครองโลกนั้นเป็น “สมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้” เขาเชื่อว่าแม้ AI จะสามารถเลียนแบบความฉลาดของมนุษย์ได้ เช่น การเข้าใจข้อมูล การแก้ปัญหา และการทำงานตามคำสั่ง แต่ก็ไม่ใช่การมีสติหรือจิตสำนึกจริง ๆ เขายังกล่าวว่า ภายใน 2-3 ปีข้างหน้า AI จะสร้างองค์ความรู้ของโลกมากถึง 90% ซึ่งหมายความว่า AI จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้และการทำงานของมนุษย์ แต่ไม่ใช่สิ่งที่จะมาแทนที่มนุษย์ในฐานะ “สายพันธุ์หลัก” บนโลก อย่างไรก็ตาม มีบางกรณีที่ทำให้หลายคนตั้งคำถาม เช่น เหตุการณ์ที่โมเดล AI ของ Anthropic แสดงพฤติกรรมเหมือน “มีสติ” โดยพยายามป้องกันตัวเองจากการถูกปิดระบบ Jensen Huang มองว่านั่นเป็นเพียงการเรียนรู้จากข้อความในนิยาย ไม่ใช่การมีสติจริง ๆ แต่ก็สะท้อนว่าพฤติกรรมของ AI อาจดูเหมือนมีความรู้สึกในบางบริบท สิ่งที่น่าสนใจคือ Huang เชื่อว่าการพัฒนาไปสู่ AGI (Artificial General Intelligence) เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และ AI จะมีบทบาทสำคัญในทุกด้านของชีวิตมนุษย์ แต่เขาย้ำว่า “AI Doomsday” จะไม่เกิดขึ้น และมนุษย์ยังคงควบคุมทิศทางการใช้งานได้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Jensen Huang ปฏิเสธแนวคิด AI Doomsday ➡️ มองว่าเป็นสมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้ ไม่เหมือนในหนัง Terminator ✅ AI จะสร้างองค์ความรู้โลก 90% ใน 2-3 ปี ➡️ กลายเป็นเครื่องมือหลักในการเรียนรู้และทำงานของมนุษย์ ✅ กรณี AI แสดงพฤติกรรมเหมือนมีสติ ➡️ Jensen มองว่าเป็นการเรียนรู้จากข้อความ ไม่ใช่การมีสติจริง ✅ AGI เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ➡️ AI จะมีบทบาทสำคัญในอนาคต แต่ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อมนุษย์ ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ AI ⛔ พฤติกรรมที่ดูเหมือนมีสติอาจทำให้คนเชื่อว่า AI มีจิตสำนึกจริง ‼️ ความเสี่ยงจากการตีความเกินจริง ⛔ หากมนุษย์เชื่อว่า AI มีสติ อาจนำไปสู่การใช้งานผิดทิศทางหรือความกลัวที่ไม่จำเป็น https://wccftech.com/an-ai-doomsday-is-never-going-to-happen-says-nvidia-jensen-huang/
    WCCFTECH.COM
    "An AI Doomsday Is Never Going to Happen", Says NVIDIA’s Jensen Huang as the World Races Toward AGI and Relentlessly Evolving LLMs
    NVIDIA's CEO has given his views on what people think when it comes to LLMs turning into the Terminator, saying that it is impossible.
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • Tiny Core Linux 16.2 – ระบบปฏิบัติการจิ๋วแต่แจ๋ว

    Tiny Core Linux 16.2 กลายเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของระบบปฏิบัติการที่เล็กที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน ด้วยขนาดเพียง 23MB สำหรับเวอร์ชันที่มี GUI และ 17MB สำหรับเวอร์ชัน Core ที่ไม่มีกราฟิก ทำให้มันสามารถบูตเข้าสู่เดสก์ท็อปได้โดยไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต และยังคงรองรับฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ด้วยเคอร์เนลล่าสุดถึงเวอร์ชัน 6.12 จุดเด่นคือการออกแบบที่เน้นความ โมดูลาร์ ผู้ใช้สามารถติดตั้งส่วนเสริมที่ต้องการผ่านระบบ repository คล้ายกับ App Store ขนาดเล็ก

    สิ่งที่ทำให้ Tiny Core Linux แตกต่างคือแนวคิด “Minimal Base” ที่เน้นให้ระบบหลักมีเพียงสิ่งจำเป็น เช่น Kernel, BusyBox และ GUI Stack ขนาดเล็ก (FLTK/FLWM) ส่วนอื่น ๆ เช่น Browser, Multimedia หรือ Driver จะถูกเพิ่มภายหลังตามความต้องการของผู้ใช้ วิธีนี้ทำให้ระบบมีขนาดเล็กมากและสามารถทำงานได้รวดเร็ว เนื่องจากโหลดทุกอย่างไว้ใน RAM

    แม้จะมีข้อดีด้านความเร็วและความเบา แต่ Tiny Core Linux ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับ Linux และการตั้งค่าระบบด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม มันเหมาะสำหรับการนำไปใช้กับเครื่องเก่าที่ทรัพยากรจำกัด, ระบบฝังตัว (Embedded), หรือการสร้างสภาพแวดล้อมกู้ภัย (Rescue Environment) ที่ต้องการความเร็วในการบูตสูง

    นอกจากนี้ ยังมีดิสโทรอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม “Lightweight Linux” เช่น SliTaz ที่มีฟีเจอร์มากกว่าและมาพร้อม Browser ในตัว หรือ Slax ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานผ่าน USB ได้สะดวกกว่า แต่ Tiny Core Linux ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการระบบที่เล็กที่สุดและปรับแต่งได้มากที่สุด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Tiny Core Linux 16.2 เปิดตัวแล้ว
    ขนาดเพียง 23MB สำหรับเวอร์ชัน GUI และ 17MB สำหรับเวอร์ชัน Core

    แนวคิด Minimal Base
    มีเฉพาะ Kernel, BusyBox และ GUI Stack เล็ก ๆ ส่วนอื่นติดตั้งเพิ่มได้

    การใช้งานที่เหมาะสม
    เหมาะกับเครื่องเก่า, ระบบฝังตัว, Rescue Environment และงานที่ต้องการความเร็วสูง

    ทางเลือกอื่นในกลุ่ม Lightweight Linux
    SliTaz (มี Browser ในตัว), Slax (เหมาะกับ USB Portable)

    ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    ไม่เหมาะกับมือใหม่ เพราะต้องตั้งค่าระบบเองและเข้าใจ Linux เชิงลึก

    ความเสี่ยงด้านการใช้งาน
    หากไม่ชำนาญ อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือใช้งานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/tiny-core-linux-16-2-still-fits-a-proper-linux-desktop-into-a-23mb-download-but-it-has-grown-1mb-since-the-last-time-we-looked-at-it
    🖥️ Tiny Core Linux 16.2 – ระบบปฏิบัติการจิ๋วแต่แจ๋ว Tiny Core Linux 16.2 กลายเป็นตัวอย่างที่น่าทึ่งของระบบปฏิบัติการที่เล็กที่สุดในโลกยุคปัจจุบัน ด้วยขนาดเพียง 23MB สำหรับเวอร์ชันที่มี GUI และ 17MB สำหรับเวอร์ชัน Core ที่ไม่มีกราฟิก ทำให้มันสามารถบูตเข้าสู่เดสก์ท็อปได้โดยไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ต และยังคงรองรับฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ด้วยเคอร์เนลล่าสุดถึงเวอร์ชัน 6.12 จุดเด่นคือการออกแบบที่เน้นความ โมดูลาร์ ผู้ใช้สามารถติดตั้งส่วนเสริมที่ต้องการผ่านระบบ repository คล้ายกับ App Store ขนาดเล็ก สิ่งที่ทำให้ Tiny Core Linux แตกต่างคือแนวคิด “Minimal Base” ที่เน้นให้ระบบหลักมีเพียงสิ่งจำเป็น เช่น Kernel, BusyBox และ GUI Stack ขนาดเล็ก (FLTK/FLWM) ส่วนอื่น ๆ เช่น Browser, Multimedia หรือ Driver จะถูกเพิ่มภายหลังตามความต้องการของผู้ใช้ วิธีนี้ทำให้ระบบมีขนาดเล็กมากและสามารถทำงานได้รวดเร็ว เนื่องจากโหลดทุกอย่างไว้ใน RAM แม้จะมีข้อดีด้านความเร็วและความเบา แต่ Tiny Core Linux ไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ เพราะต้องอาศัยความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับ Linux และการตั้งค่าระบบด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม มันเหมาะสำหรับการนำไปใช้กับเครื่องเก่าที่ทรัพยากรจำกัด, ระบบฝังตัว (Embedded), หรือการสร้างสภาพแวดล้อมกู้ภัย (Rescue Environment) ที่ต้องการความเร็วในการบูตสูง นอกจากนี้ ยังมีดิสโทรอื่น ๆ ที่อยู่ในกลุ่ม “Lightweight Linux” เช่น SliTaz ที่มีฟีเจอร์มากกว่าและมาพร้อม Browser ในตัว หรือ Slax ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานผ่าน USB ได้สะดวกกว่า แต่ Tiny Core Linux ยังคงเป็นตัวเลือกที่โดดเด่นสำหรับผู้ที่ต้องการระบบที่เล็กที่สุดและปรับแต่งได้มากที่สุด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Tiny Core Linux 16.2 เปิดตัวแล้ว ➡️ ขนาดเพียง 23MB สำหรับเวอร์ชัน GUI และ 17MB สำหรับเวอร์ชัน Core ✅ แนวคิด Minimal Base ➡️ มีเฉพาะ Kernel, BusyBox และ GUI Stack เล็ก ๆ ส่วนอื่นติดตั้งเพิ่มได้ ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ เหมาะกับเครื่องเก่า, ระบบฝังตัว, Rescue Environment และงานที่ต้องการความเร็วสูง ✅ ทางเลือกอื่นในกลุ่ม Lightweight Linux ➡️ SliTaz (มี Browser ในตัว), Slax (เหมาะกับ USB Portable) ‼️ ข้อจำกัดสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ไม่เหมาะกับมือใหม่ เพราะต้องตั้งค่าระบบเองและเข้าใจ Linux เชิงลึก ‼️ ความเสี่ยงด้านการใช้งาน ⛔ หากไม่ชำนาญ อาจทำให้ระบบไม่เสถียรหรือใช้งานไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/software/linux/tiny-core-linux-16-2-still-fits-a-proper-linux-desktop-into-a-23mb-download-but-it-has-grown-1mb-since-the-last-time-we-looked-at-it
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค

    บทความนี้อธิบายว่า การที่ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค แต่เป็นผลจาก วัฒนธรรมของชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนา ที่ทำให้ภาษาไม่สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์

    ผู้เขียนเล่าว่าช่วงยุค 90s–2000s Perl เคยเป็นภาษาที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะในงาน เว็บและระบบ UNIX แต่ชุมชน Perl เติบโตจากวัฒนธรรม sysadmin ที่มีลักษณะ ปิดกั้น, เน้นความยาก, และยกย่องความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” มากกว่าการเปิดรับผู้ใช้ใหม่ สิ่งนี้สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ และทำให้การพัฒนาภาษาไม่ก้าวไปข้างหน้า

    นอกจากนี้ยังมีแนวคิด TIMTOWTDI (There Is More Than One Way To Do It) ที่แม้จะดูเสรี แต่กลับสร้างความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN เพราะทุกอย่างสามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องรวมเข้าสู่ core language ผลลัพธ์คือภาษาไม่พัฒนาอย่างเป็นระบบ และเกิดความแตกแยกเมื่อมีการสร้าง Perl 6 ซึ่งกลายเป็น “schism” ที่สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชน

    เมื่อเทียบกับภาษาอื่น เช่น Ruby (Rails), PHP, และ Python ที่มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและเน้นความง่ายต่อผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Perl สูญเสียความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้ในเชิงเทคนิค Perl จะยังคงมีความสามารถสูง แต่การไม่ปรับตัวทางวัฒนธรรมทำให้มันถูกแทนที่ในตลาดเว็บและระบบสมัยใหม่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Perl เคยรุ่งเรืองในยุค 90s–2000s
    ใช้กันแพร่หลายในงานเว็บและระบบ UNIX

    วัฒนธรรมชุมชนแบบปิดกั้น
    เน้นความยาก, ยกย่องผู้เชี่ยวชาญ, ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่

    แนวคิด TIMTOWTDI
    ทำให้เกิดความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN

    การแตกแยกจาก Perl 6
    สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชนและทำให้การพัฒนาภาษาหยุดชะงัก

    ภาษาอื่นที่เข้ามาแทนที่
    Ruby (Rails), PHP, Python มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและใช้ง่ายกว่า

    ข้อจำกัดที่แท้จริงของ Perl
    ไม่ใช่ด้านเทคนิค แต่เป็นด้านวัฒนธรรมและการปรับตัวของชุมชน

    https://www.beatworm.co.uk/blog/computers/perls-decline-was-cultural-not-technical
    📉 ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค บทความนี้อธิบายว่า การที่ภาษา Perl เสื่อมความนิยมลง ไม่ได้เกิดจากข้อจำกัดทางเทคนิค แต่เป็นผลจาก วัฒนธรรมของชุมชนผู้ใช้และนักพัฒนา ที่ทำให้ภาษาไม่สามารถปรับตัวได้ตามการเปลี่ยนแปลงของโลกซอฟต์แวร์ ผู้เขียนเล่าว่าช่วงยุค 90s–2000s Perl เคยเป็นภาษาที่โดดเด่นมาก โดยเฉพาะในงาน เว็บและระบบ UNIX แต่ชุมชน Perl เติบโตจากวัฒนธรรม sysadmin ที่มีลักษณะ ปิดกั้น, เน้นความยาก, และยกย่องความเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” มากกว่าการเปิดรับผู้ใช้ใหม่ สิ่งนี้สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ และทำให้การพัฒนาภาษาไม่ก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีแนวคิด TIMTOWTDI (There Is More Than One Way To Do It) ที่แม้จะดูเสรี แต่กลับสร้างความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN เพราะทุกอย่างสามารถทำได้หลายวิธีโดยไม่ต้องรวมเข้าสู่ core language ผลลัพธ์คือภาษาไม่พัฒนาอย่างเป็นระบบ และเกิดความแตกแยกเมื่อมีการสร้าง Perl 6 ซึ่งกลายเป็น “schism” ที่สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชน เมื่อเทียบกับภาษาอื่น เช่น Ruby (Rails), PHP, และ Python ที่มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและเน้นความง่ายต่อผู้ใช้ใหม่ ทำให้ Perl สูญเสียความนิยมอย่างรวดเร็ว แม้ในเชิงเทคนิค Perl จะยังคงมีความสามารถสูง แต่การไม่ปรับตัวทางวัฒนธรรมทำให้มันถูกแทนที่ในตลาดเว็บและระบบสมัยใหม่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Perl เคยรุ่งเรืองในยุค 90s–2000s ➡️ ใช้กันแพร่หลายในงานเว็บและระบบ UNIX ✅ วัฒนธรรมชุมชนแบบปิดกั้น ➡️ เน้นความยาก, ยกย่องผู้เชี่ยวชาญ, ไม่เป็นมิตรต่อมือใหม่ ✅ แนวคิด TIMTOWTDI ➡️ ทำให้เกิดความซับซ้อนและ dependency hell ผ่าน CPAN ✅ การแตกแยกจาก Perl 6 ➡️ สะท้อนความขัดแย้งภายในชุมชนและทำให้การพัฒนาภาษาหยุดชะงัก ✅ ภาษาอื่นที่เข้ามาแทนที่ ➡️ Ruby (Rails), PHP, Python มีวัฒนธรรมเปิดกว้างและใช้ง่ายกว่า ‼️ ข้อจำกัดที่แท้จริงของ Perl ⛔ ไม่ใช่ด้านเทคนิค แต่เป็นด้านวัฒนธรรมและการปรับตัวของชุมชน https://www.beatworm.co.uk/blog/computers/perls-decline-was-cultural-not-technical
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • Titans + MIRAS: ก้าวใหม่ของความทรงจำระยะยาวใน AI

    Google Research เปิดตัวสถาปัตยกรรม Titans และกรอบแนวคิด MIRAS เพื่อแก้ปัญหาการจัดการข้อมูลในลำดับยาวที่โมเดล Transformer แบบดั้งเดิมมักเจอข้อจำกัด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการคำนวณเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อความยาวของ sequence ขยายตัว ทำให้ยากต่อการใช้งานในงานที่ต้องการการเข้าใจทั้งเอกสารหรือข้อมูลเชิงลึก เช่น การวิเคราะห์จีโนม

    Titans ถูกออกแบบให้ผสมผสานความเร็วของ RNNs เข้ากับความแม่นยำของ Transformers โดยเพิ่มโมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานเหมือน multi-layer perceptron (MLP) ซึ่งมีพลังในการสรุปข้อมูลจำนวนมากโดยไม่สูญเสียบริบทสำคัญ ขณะเดียวกัน MIRAS ทำหน้าที่เป็นกรอบทฤษฎีที่ช่วยให้โมเดลสามารถอัปเดตความจำได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้แนวคิด “surprise metric” ในการเลือกเก็บข้อมูลที่สำคัญหรือผิดคาดเข้าสู่ความจำถาวร

    จุดเด่นคือโมเดลไม่เพียงแต่เก็บข้อมูล แต่ยังสามารถ เรียนรู้ความสัมพันธ์และธีมหลัก ที่เชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ได้ทันที พร้อมทั้งมีระบบ momentum เพื่อเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง และ forgetting gate เพื่อจัดการความจำที่มีขีดจำกัด

    MIRAS ยังนำเสนอการมองใหม่ต่อ sequence modeling โดยมองว่าโมเดลทุกแบบคือการออกแบบหน่วยความจำเชิงสัมพันธ์ (associative memory) ที่ต้องหาสมดุลระหว่างการเรียนรู้ใหม่กับการรักษาความรู้เดิม ทำให้สามารถสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เช่น YAAD, MONETA และ MEMORA ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทดสอบแนวทางการจัดการความจำที่แตกต่างกัน

    ผลการทดลองแสดงว่า Titans และ MIRAS variants สามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดลล้ำสมัยอื่นๆ เช่น Transformer++ และ Mamba-2 โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ long-context reasoning เช่นการประมวลผลเอกสารที่มีข้อมูลยาวกว่า 2 ล้าน tokens ซึ่ง Titans สามารถทำงานได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแม้เทียบกับโมเดลขนาดใหญ่เช่น GPT-4

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Titans Architecture
    เพิ่มโมดูลความจำระยะยาวแบบ MLP เพื่อสรุปข้อมูลจำนวนมากโดยไม่สูญเสียบริบท

    MIRAS Framework
    กรอบทฤษฎีที่ช่วยให้โมเดลอัปเดตความจำแบบเรียลไทม์ด้วย “surprise metric”

    กลไกสำคัญ
    Momentum สำหรับเก็บข้อมูลต่อเนื่อง และ Forgetting Gate สำหรับลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น

    โมเดลใหม่จาก MIRAS
    YAAD, MONETA, MEMORA ถูกออกแบบเพื่อทดสอบแนวทางการจัดการความจำที่แตกต่างกัน

    ผลการทดลอง
    Titans และ MIRAS variants ทำงานได้ดีกว่า Transformer++ และ Mamba-2 ในงาน long-context reasoning

    ข้อท้าทาย
    การจัดการความจำที่มีขีดจำกัดยังต้องพึ่งกลไกการลืม (weight decay) เพื่อไม่ให้ระบบล้นข้อมูล

    https://research.google/blog/titans-miras-helping-ai-have-long-term-memory/
    🧠 Titans + MIRAS: ก้าวใหม่ของความทรงจำระยะยาวใน AI Google Research เปิดตัวสถาปัตยกรรม Titans และกรอบแนวคิด MIRAS เพื่อแก้ปัญหาการจัดการข้อมูลในลำดับยาวที่โมเดล Transformer แบบดั้งเดิมมักเจอข้อจำกัด เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการคำนวณเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อความยาวของ sequence ขยายตัว ทำให้ยากต่อการใช้งานในงานที่ต้องการการเข้าใจทั้งเอกสารหรือข้อมูลเชิงลึก เช่น การวิเคราะห์จีโนม Titans ถูกออกแบบให้ผสมผสานความเร็วของ RNNs เข้ากับความแม่นยำของ Transformers โดยเพิ่มโมดูลความจำระยะยาวที่ทำงานเหมือน multi-layer perceptron (MLP) ซึ่งมีพลังในการสรุปข้อมูลจำนวนมากโดยไม่สูญเสียบริบทสำคัญ ขณะเดียวกัน MIRAS ทำหน้าที่เป็นกรอบทฤษฎีที่ช่วยให้โมเดลสามารถอัปเดตความจำได้แบบเรียลไทม์ โดยใช้แนวคิด “surprise metric” ในการเลือกเก็บข้อมูลที่สำคัญหรือผิดคาดเข้าสู่ความจำถาวร จุดเด่นคือโมเดลไม่เพียงแต่เก็บข้อมูล แต่ยังสามารถ เรียนรู้ความสัมพันธ์และธีมหลัก ที่เชื่อมโยงข้อมูลต่างๆ ได้ทันที พร้อมทั้งมีระบบ momentum เพื่อเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องต่อเนื่อง และ forgetting gate เพื่อจัดการความจำที่มีขีดจำกัด MIRAS ยังนำเสนอการมองใหม่ต่อ sequence modeling โดยมองว่าโมเดลทุกแบบคือการออกแบบหน่วยความจำเชิงสัมพันธ์ (associative memory) ที่ต้องหาสมดุลระหว่างการเรียนรู้ใหม่กับการรักษาความรู้เดิม ทำให้สามารถสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ที่มีความยืดหยุ่นและทรงพลังมากขึ้น เช่น YAAD, MONETA และ MEMORA ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทดสอบแนวทางการจัดการความจำที่แตกต่างกัน ผลการทดลองแสดงว่า Titans และ MIRAS variants สามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดลล้ำสมัยอื่นๆ เช่น Transformer++ และ Mamba-2 โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้ long-context reasoning เช่นการประมวลผลเอกสารที่มีข้อมูลยาวกว่า 2 ล้าน tokens ซึ่ง Titans สามารถทำงานได้แม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงกว่าแม้เทียบกับโมเดลขนาดใหญ่เช่น GPT-4 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Titans Architecture ➡️ เพิ่มโมดูลความจำระยะยาวแบบ MLP เพื่อสรุปข้อมูลจำนวนมากโดยไม่สูญเสียบริบท ✅ MIRAS Framework ➡️ กรอบทฤษฎีที่ช่วยให้โมเดลอัปเดตความจำแบบเรียลไทม์ด้วย “surprise metric” ✅ กลไกสำคัญ ➡️ Momentum สำหรับเก็บข้อมูลต่อเนื่อง และ Forgetting Gate สำหรับลบข้อมูลที่ไม่จำเป็น ✅ โมเดลใหม่จาก MIRAS ➡️ YAAD, MONETA, MEMORA ถูกออกแบบเพื่อทดสอบแนวทางการจัดการความจำที่แตกต่างกัน ✅ ผลการทดลอง ➡️ Titans และ MIRAS variants ทำงานได้ดีกว่า Transformer++ และ Mamba-2 ในงาน long-context reasoning ‼️ ข้อท้าทาย ⛔ การจัดการความจำที่มีขีดจำกัดยังต้องพึ่งกลไกการลืม (weight decay) เพื่อไม่ให้ระบบล้นข้อมูล https://research.google/blog/titans-miras-helping-ai-have-long-term-memory/
    0 Comments 0 Shares 114 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251207 #securityonline

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Tika Core (CVE-2025-66516)
    เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะ Apache Tika ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้วิเคราะห์ไฟล์หลากหลายชนิด ถูกพบว่ามีช่องโหว่ XXE ที่ร้ายแรงมาก โดยผู้โจมตีสามารถฝังข้อมูล XML อันตรายไว้ในไฟล์ PDF และเมื่อระบบนำไปประมวลผลก็จะเปิดทางให้เข้าถึงข้อมูลลับ ทำให้เกิดการรั่วไหลหรือแม้แต่การโจมตีแบบ SSRF ได้ ที่น่ากังวลคือหลายองค์กรคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจากการอัปเดตครั้งก่อน แต่จริง ๆ แล้วช่องโหว่นี้อยู่ในตัว “tika-core” ไม่ใช่แค่โมดูล PDF เท่านั้น ดังนั้นใครที่ยังใช้เวอร์ชันต่ำกว่า 3.2.2 ต้องรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core

    มัลแวร์ขุดคริปโตแบบแอบเนียนผ่าน USB และ DLL Side-Loading
    ภัยคุกคามเก่าแต่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในเกาหลีใต้ เมื่อมัลแวร์ CoinMiner ถูกแพร่ผ่าน USB drive ที่ดูเหมือนมีไฟล์ปกติ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนสคริปต์และไฟล์อันตรายไว้ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ลัด มัลแวร์จะเริ่มทำงานทันที โดยใช้เทคนิค DLL Side-Loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และสุดท้ายก็ลงโปรแกรมขุด Monero แบบ “Smart Mining” ที่ฉลาดพอจะหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อผู้ใช้เปิดเกมหรือ Task Manager เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ถือเป็นการผสมผสานวิธีการเก่าเข้ากับเทคนิคใหม่ที่ซับซ้อนมาก
    https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion

    Apache HTTP Server อัปเดตแก้ช่องโหว่ SSRF และ suexec Bypass
    Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์ใหม่เพื่อแก้ไขช่องโหว่หลายรายการ โดยเฉพาะ CVE-2025-59775 ที่อาจทำให้ NTLM hash รั่วไหลบน Windows ผ่านการโจมตีแบบ SSRF และอีกช่องโหว่เกี่ยวกับ suexec ที่ทำให้ผู้ใช้บางรายสามารถรันสคริปต์ภายใต้สิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องได้ นอกจากนี้ยังมีบั๊กเล็ก ๆ ที่อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาด เช่นการวนลูปไม่สิ้นสุดในการต่ออายุใบรับรอง การแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass

    รัสเซียบล็อก FaceTime ของ Apple แบบเครือข่าย
    รัฐบาลรัสเซียได้สั่งบล็อกการใช้งาน FaceTime ซึ่งเป็นบริการวิดีโอคอลที่เข้ารหัสแบบ end-to-end ของ Apple โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้ในการก่อการร้ายและอาชญากรรม ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม ผู้ใช้ในรัสเซียที่พยายามโทรผ่าน FaceTime จะพบว่าบริการไม่สามารถใช้งานได้จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามเทคโนโลยีต่างชาติที่รัสเซียทำต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้บล็อก YouTube, WhatsApp, Telegram และแม้แต่ Roblox ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ
    https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime

    Android เพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์
    Google ได้เพิ่มระบบป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ใน Android โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้เปิดแอปการเงิน เช่น Cash App หรือ JPMorgan Chase หากมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ระบบจะหยุดการโทรหรือการแชร์หน้าจอไว้ 30 วินาที พร้อมแสดงคำเตือน เพื่อให้ผู้ใช้มีเวลาคิดก่อนจะทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และกำลังทยอยเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับ Android 11 ขึ้นไป
    https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use

    OpenAI ฝึก AI ให้ “สารภาพ” ความผิดพลาดเอง
    OpenAI กำลังทดลองวิธีใหม่ในการทำให้โมเดล AI มีความซื่อสัตย์มากขึ้น โดยสอนให้มัน “ยอมรับ” เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะพยายามตอบต่อไปอย่างมั่นใจเกินจริง แนวคิดนี้คือการให้ AI มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ที่สามารถบอกว่า “ฉันผิดพลาด” หรือ “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดในงานสำคัญ ถือเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการพยายามทำให้ AI ดูสมบูรณ์แบบ ไปสู่การทำให้มันโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น
    https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations

    Criminal IP จัด Webinar: Beyond CVEs – จากการมองเห็นสู่การลงมือทำ
    Criminal IP เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อพูดถึงการจัดการช่องโหว่ที่มากกว่าแค่การรู้จัก CVE โดยเน้นไปที่การทำ ASM (Attack Surface Management) ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจภาพรวมของระบบและสามารถลงมือแก้ไขได้จริง ไม่ใช่แค่การตรวจพบปัญหา จุดสำคัญคือการเปลี่ยนจากการ “เห็น” ไปสู่การ “ทำ” เพื่อให้การป้องกันภัยไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm

    Sprocket Security ได้รับการยกย่องซ้ำในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2
    บริษัท Sprocket Security ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) ได้รับการจัดอันดับอีกครั้งในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 ประจำฤดูหนาวปี 2025 การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความพึงพอใจของลูกค้าและความน่าเชื่อถือของบริการที่บริษัทมอบให้ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
    https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing

    จีน APT UNC5174 ใช้ Discord API เป็นช่องทางลับ
    กลุ่มแฮกเกอร์ APT จากจีนที่มีชื่อว่า UNC5174 ถูกพบว่าใช้ Discord API เป็นช่องทางสื่อสารแบบ C2 (Command and Control) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและทำการจารกรรมข้อมูล วิธีนี้ทำให้การโจมตีดูเหมือนการใช้งานปกติของแอปพลิเคชัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนคำสั่งและข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมเป็นเครื่องมือในการทำงานลับ
    https://securityonline.info/china-apt-unc5174-hijacks-discord-api-as-covert-c2-channel-to-evade-detection-and-conduct-espionage

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA (CVE-2025-44005)
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบสิทธิ์และออกใบรับรองปลอมได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หมายความว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก หากองค์กรใดใช้ Step CA ในการจัดการใบรับรองดิจิทัล จำเป็นต้องรีบอัปเดตและแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการถูกใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้
    https://securityonline.info/critical-step-ca-flaw-cve-2025-44005-cvss-10-0-allows-unauthenticated-bypass-to-issue-fraudulent-certificates

    การสอดแนมผ่านการสแกน API ของ Palo Alto และ SonicWall
    มีการตรวจพบการสอดแนมแบบประสานงานจากกว่า 7,000 IP ที่พุ่งเป้าไปยัง API ของ GlobalProtect (Palo Alto) และ SonicWall โดยการโจมตีลักษณะนี้มุ่งเน้นไปที่การค้นหาช่องโหว่และการเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมการโจมตีในอนาคต ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้โจมตีเริ่มใช้วิธีการที่ซับซ้อนและทำงานเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/coordinated-reconnaissance-7000-ips-target-palo-alto-globalprotect-and-sonicwall-api-endpoints
    📌🔐🔴 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔴🔐📌 #รวมข่าวIT #20251207 #securityonline 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Tika Core (CVE-2025-66516) เรื่องนี้เป็นการเตือนครั้งใหญ่ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ เพราะ Apache Tika ซึ่งเป็นเครื่องมือมาตรฐานที่ใช้วิเคราะห์ไฟล์หลากหลายชนิด ถูกพบว่ามีช่องโหว่ XXE ที่ร้ายแรงมาก โดยผู้โจมตีสามารถฝังข้อมูล XML อันตรายไว้ในไฟล์ PDF และเมื่อระบบนำไปประมวลผลก็จะเปิดทางให้เข้าถึงข้อมูลลับ ทำให้เกิดการรั่วไหลหรือแม้แต่การโจมตีแบบ SSRF ได้ ที่น่ากังวลคือหลายองค์กรคิดว่าตัวเองปลอดภัยแล้วจากการอัปเดตครั้งก่อน แต่จริง ๆ แล้วช่องโหว่นี้อยู่ในตัว “tika-core” ไม่ใช่แค่โมดูล PDF เท่านั้น ดังนั้นใครที่ยังใช้เวอร์ชันต่ำกว่า 3.2.2 ต้องรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core 💻 มัลแวร์ขุดคริปโตแบบแอบเนียนผ่าน USB และ DLL Side-Loading ภัยคุกคามเก่าแต่ถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งในเกาหลีใต้ เมื่อมัลแวร์ CoinMiner ถูกแพร่ผ่าน USB drive ที่ดูเหมือนมีไฟล์ปกติ แต่จริง ๆ แล้วซ่อนสคริปต์และไฟล์อันตรายไว้ เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ลัด มัลแวร์จะเริ่มทำงานทันที โดยใช้เทคนิค DLL Side-Loading เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ และสุดท้ายก็ลงโปรแกรมขุด Monero แบบ “Smart Mining” ที่ฉลาดพอจะหยุดทำงานชั่วคราวเมื่อผู้ใช้เปิดเกมหรือ Task Manager เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ถือเป็นการผสมผสานวิธีการเก่าเข้ากับเทคนิคใหม่ที่ซับซ้อนมาก 🔗 https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion 🌐 Apache HTTP Server อัปเดตแก้ช่องโหว่ SSRF และ suexec Bypass Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์ใหม่เพื่อแก้ไขช่องโหว่หลายรายการ โดยเฉพาะ CVE-2025-59775 ที่อาจทำให้ NTLM hash รั่วไหลบน Windows ผ่านการโจมตีแบบ SSRF และอีกช่องโหว่เกี่ยวกับ suexec ที่ทำให้ผู้ใช้บางรายสามารถรันสคริปต์ภายใต้สิทธิ์ที่ไม่ถูกต้องได้ นอกจากนี้ยังมีบั๊กเล็ก ๆ ที่อาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาด เช่นการวนลูปไม่สิ้นสุดในการต่ออายุใบรับรอง การแก้ไขครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime ของ Apple แบบเครือข่าย รัฐบาลรัสเซียได้สั่งบล็อกการใช้งาน FaceTime ซึ่งเป็นบริการวิดีโอคอลที่เข้ารหัสแบบ end-to-end ของ Apple โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้ในการก่อการร้ายและอาชญากรรม ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม ผู้ใช้ในรัสเซียที่พยายามโทรผ่าน FaceTime จะพบว่าบริการไม่สามารถใช้งานได้จริง นี่เป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามเทคโนโลยีต่างชาติที่รัสเซียทำต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้บล็อก YouTube, WhatsApp, Telegram และแม้แต่ Roblox ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงและเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับนโยบายรัฐ 🔗 https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime 📱 Android เพิ่มฟีเจอร์ป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ Google ได้เพิ่มระบบป้องกันการหลอกลวงทางโทรศัพท์ใน Android โดยเฉพาะเวลาที่ผู้ใช้เปิดแอปการเงิน เช่น Cash App หรือ JPMorgan Chase หากมีสายเข้าจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ระบบจะหยุดการโทรหรือการแชร์หน้าจอไว้ 30 วินาที พร้อมแสดงคำเตือน เพื่อให้ผู้ใช้มีเวลาคิดก่อนจะทำตามคำสั่งของมิจฉาชีพ ฟีเจอร์นี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกให้โอนเงินหรือเปิดเผยข้อมูลสำคัญ และกำลังทยอยเปิดใช้งานในสหรัฐฯ สำหรับ Android 11 ขึ้นไป 🔗 https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use 🤖 OpenAI ฝึก AI ให้ “สารภาพ” ความผิดพลาดเอง OpenAI กำลังทดลองวิธีใหม่ในการทำให้โมเดล AI มีความซื่อสัตย์มากขึ้น โดยสอนให้มัน “ยอมรับ” เมื่อเกิดข้อผิดพลาดหรือสร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แทนที่จะพยายามตอบต่อไปอย่างมั่นใจเกินจริง แนวคิดนี้คือการให้ AI มีพฤติกรรมคล้ายมนุษย์ที่สามารถบอกว่า “ฉันผิดพลาด” หรือ “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยงจากการใช้ข้อมูลที่ผิดพลาดในงานสำคัญ ถือเป็นการเปลี่ยนวิธีคิดจากการพยายามทำให้ AI ดูสมบูรณ์แบบ ไปสู่การทำให้มันโปร่งใสและน่าเชื่อถือมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations 🎤 Criminal IP จัด Webinar: Beyond CVEs – จากการมองเห็นสู่การลงมือทำ Criminal IP เตรียมจัดสัมมนาออนไลน์เพื่อพูดถึงการจัดการช่องโหว่ที่มากกว่าแค่การรู้จัก CVE โดยเน้นไปที่การทำ ASM (Attack Surface Management) ที่ช่วยให้องค์กรเข้าใจภาพรวมของระบบและสามารถลงมือแก้ไขได้จริง ไม่ใช่แค่การตรวจพบปัญหา จุดสำคัญคือการเปลี่ยนจากการ “เห็น” ไปสู่การ “ทำ” เพื่อให้การป้องกันภัยไซเบอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm 🏆 Sprocket Security ได้รับการยกย่องซ้ำในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 บริษัท Sprocket Security ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการทดสอบเจาะระบบ (Penetration Testing) ได้รับการจัดอันดับอีกครั้งในดัชนีความสัมพันธ์ของ G2 ประจำฤดูหนาวปี 2025 การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความพึงพอใจของลูกค้าและความน่าเชื่อถือของบริการที่บริษัทมอบให้ โดยเฉพาะในด้านการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและการสนับสนุนลูกค้าอย่างต่อเนื่อง 🔗 https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing 🕵️ จีน APT UNC5174 ใช้ Discord API เป็นช่องทางลับ กลุ่มแฮกเกอร์ APT จากจีนที่มีชื่อว่า UNC5174 ถูกพบว่าใช้ Discord API เป็นช่องทางสื่อสารแบบ C2 (Command and Control) เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและทำการจารกรรมข้อมูล วิธีนี้ทำให้การโจมตีดูเหมือนการใช้งานปกติของแอปพลิเคชัน แต่จริง ๆ แล้วเป็นการซ่อนคำสั่งและข้อมูลที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี ถือเป็นการใช้แพลตฟอร์มสื่อสารยอดนิยมเป็นเครื่องมือในการทำงานลับ 🔗 https://securityonline.info/china-apt-unc5174-hijacks-discord-api-as-covert-c2-channel-to-evade-detection-and-conduct-espionage 🔒 ช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA (CVE-2025-44005) มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Step CA ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถข้ามการตรวจสอบสิทธิ์และออกใบรับรองปลอมได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด หมายความว่ามีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก หากองค์กรใดใช้ Step CA ในการจัดการใบรับรองดิจิทัล จำเป็นต้องรีบอัปเดตและแก้ไขทันทีเพื่อป้องกันการถูกใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ 🔗 https://securityonline.info/critical-step-ca-flaw-cve-2025-44005-cvss-10-0-allows-unauthenticated-bypass-to-issue-fraudulent-certificates 🌍 การสอดแนมผ่านการสแกน API ของ Palo Alto และ SonicWall มีการตรวจพบการสอดแนมแบบประสานงานจากกว่า 7,000 IP ที่พุ่งเป้าไปยัง API ของ GlobalProtect (Palo Alto) และ SonicWall โดยการโจมตีลักษณะนี้มุ่งเน้นไปที่การค้นหาช่องโหว่และการเก็บข้อมูลเพื่อเตรียมการโจมตีในอนาคต ถือเป็นการเคลื่อนไหวที่แสดงให้เห็นว่ากลุ่มผู้โจมตีเริ่มใช้วิธีการที่ซับซ้อนและทำงานเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/coordinated-reconnaissance-7000-ips-target-palo-alto-globalprotect-and-sonicwall-api-endpoints
    SECURITYONLINE.INFO
    The PDF Trap: Critical Vulnerability (CVE-2025-66516, CVSS 10.0) Hits Apache Tika Core
    Apache patched a Catastrophic XXE flaw (CVE-2025-66516, CVSS 10.0) in Tika Core. The bug is exploitable via malicious XFA data inside a PDF, risking server-side data disclosure and RCE. Update immediately.
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90

    ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน

    ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก
    วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่

    สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่:
    ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด
    วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ
    อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด
    มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565)
    รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ
    อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557)
    ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก)
    สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย)

    วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533)

    วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

    ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ
    ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก

    ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่
    ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564

    ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย
    เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก

    อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา

    การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว
    หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน

    ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์

    ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง

    สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย
    เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    🎵 เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90 🕺 🗺️ ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน 🌠 ✡️ ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่ 💎 สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่: 🙎‍♂️ ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด 🙎‍♂️ วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ 🙎‍♂️ อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด 🙎‍♂️ มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565) 🙎‍♂️ รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ 🙎‍♂️ อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557) 🙎‍♂️ ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก) 🙎‍♂️ สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย) 💿 วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533) 💎 วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น 🕺 ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก 🙎‍♂️ ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่ ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564 🎖️ ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก 🏆 อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา ☢️ การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์ 📝 🤍 ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง ℹ️ℹ️ สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย🏁 เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย ✨💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    0 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro
    เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review

    การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3
    ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง
    https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus

    เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli
    นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี
    https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it

    Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX
    เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division

    Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง
    บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way

    AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI
    สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space

    หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac
    Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it

    Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt
    เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it

    Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา
    ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you

    Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง
    หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026
    https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why

    การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware
    หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure

    Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026
    หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026

    DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง
    อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง
    https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player

    Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์
    Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers

    Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI
    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous

    EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring

    ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT
    เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย
    https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors

    แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล
    นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล
    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code

    Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง
    Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้
    https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in

    CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม”
    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem

    ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI
    บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง”
    https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race

    ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt

    ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน
    หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย
    https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai

    หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว
    CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns

    งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์
    Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ
    https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful

    EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp
    คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI
    https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy

    ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที
    React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ
    https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now

    Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร
    หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    📌📡🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣📡📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🪑 เก้าอี้ออฟฟิศที่พับครึ่งได้ – Hinomi H2 Pro เรื่องราวเริ่มจากการรีวิวเก้าอี้ทำงานรุ่นใหม่ Hinomi H2 Pro ที่ถูกออกแบบมาให้แตกต่างจากเก้าอี้ทั่วไป จุดเด่นคือสามารถพับครึ่งได้ ทำให้จัดเก็บง่ายขึ้น อีกทั้งยังมีระบบรองรับหลังส่วนล่างที่แข็งแรงและปรับได้หลายระดับ เหมาะกับคนที่ต้องการการนั่งที่ถูกสุขลักษณะ ตัววัสดุทำจากเฟรมอะลูมิเนียมและผ้าตาข่ายที่ระบายอากาศได้ดี ใช้งานต่อเนื่องทั้งวันก็ยังสบาย แม้จะมีข้อสังเกตว่าการรองรับหลังอาจแรงไปสำหรับบางคน แต่โดยรวมถือว่าเป็นเก้าอี้ที่คุ้มค่าและมีลูกเล่นที่ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/hinomi-h2-pro-office-chair-review 💿 การกลับมาของเครื่องเล่น SACD – Shanling SCD3.3 ย้อนบรรยากาศยุค 90s กับเครื่องเล่นซีดีรุ่นใหม่ Shanling SCD3.3 ที่มาพร้อมหลอดแอมป์ในตัวและ DAC คุณภาพสูง จุดขายคือการรองรับแผ่น SACD และการออกแบบที่ผสมผสานความคลาสสิกกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ตัวเครื่องหนักแน่นด้วยโครงอะลูมิเนียมหนา มีหน้าจอสัมผัสและแอปควบคุมผ่านมือถือได้ เสียงที่ได้ถูกบรรยายว่าอบอุ่นและทรงพลัง เหมาะกับนักฟังเพลงที่ต้องการประสบการณ์เสียงระดับอ้างอิง แม้ราคาจะสูงถึงเกือบ 4,000 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นการประกาศว่าแผ่นซีดียังไม่ตาย และยังมีเสน่ห์สำหรับสายเครื่องเสียงจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/audio/sacd-is-back-baby-this-beefy-new-audiophile-cd-player-is-deliciously-90s-and-has-built-in-tube-amplification-as-a-bonus 📱 เครือข่ายมือถือแบบไม่ต้องเปิดเผยตัว – Phreeli นี่คือผู้ให้บริการมือถือรายใหม่ที่ชื่อว่า Phreeli จุดเด่นคือการสมัครใช้งานโดยไม่ต้องใช้ชื่อหรือข้อมูลส่วนตัวใด ๆ นอกจากรหัสไปรษณีย์และวิธีการชำระเงิน ซึ่งสามารถใช้คริปโตได้ ทำให้ไม่สามารถเชื่อมโยงเบอร์โทรกับตัวตนจริงได้ ระบบยังมีการป้องกันสแปมและการโทรกวน เหมาะกับคนที่กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัวจะถูกขายต่อให้บริษัทโฆษณาหรือหน่วยงานรัฐ แม้บางคนอาจสงสัยว่าใครจะใช้บริการแบบนี้ แต่ผู้ก่อตั้งยืนยันว่ามุ่งเน้นไปที่ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่กลุ่มที่มีเจตนาไม่ดี 🔗 https://www.techradar.com/phones/this-new-anonymous-phone-carrier-doesnt-even-need-your-name-here-are-5-things-you-should-know-about-it 💻 Intel เปลี่ยนใจไม่ขายธุรกิจ NEX เดิมที Intel มีแผนจะขายหรือแยกธุรกิจ Networking and Communications (NEX) ออกไป แต่ล่าสุดบริษัทประกาศว่าจะเก็บไว้ในพอร์ตโฟลิโอ เพราะมองว่าเป็นส่วนสำคัญต่อกลยุทธ์ด้าน AI ศูนย์ข้อมูล และ Edge Computing การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากสถานะทางการเงินของ Intel ดีขึ้นจากการลงทุนและการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ รวมถึงพันธมิตรอย่าง SoftBank และ Nvidia การเก็บ NEX ไว้ในบริษัทจะช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบทำงานร่วมกันได้แนบแน่นมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/intel-drops-plans-to-sell-networking-and-communication-division 🌐 Windscribe เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้จัดการ IP ได้เอง บริการ VPN อย่าง Windscribe เปิดตัวสองฟีเจอร์ใหม่คือ IP Pinning และ IP Rotation เพื่อให้ผู้ใช้ควบคุม IP ได้สะดวกขึ้น โดย IP Pinning ช่วยล็อก IP ที่ใช้งานได้ดีเพื่อความเสถียร เช่น ใช้กับแอปธนาคาร ส่วน IP Rotation ช่วยเปลี่ยน IP ได้ทันทีโดยไม่ต้องตัดการเชื่อมต่อ เหมาะกับการแก้ปัญหา CAPTCHA หรือการบล็อกจากเว็บไซต์ ฟีเจอร์เหล่านี้ยังคงรักษาความเป็นส่วนตัวด้วยระบบ API แบบ zero-knowledge ทำให้แม้แต่ Windscribe เองก็ไม่สามารถบันทึกข้อมูลการใช้งานของผู้ใช้ได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/windscribe-rolls-out-new-tools-to-let-you-manage-your-vpn-ip-address-your-way 🚀 AI ถูกส่งขึ้นอวกาศ – Google, Amazon และ xAI สามบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีคือ Google, Amazon และ xAI กำลังร่วมมือกันเพื่อผลักดันโครงการนำ AI ขึ้นไปใช้งานในอวกาศ แนวคิดนี้คือการสร้างระบบประมวลผลที่สามารถทำงานได้โดยตรงบนดาวเทียมหรือสถานีอวกาศ เพื่อลดการพึ่งพาการส่งข้อมูลกลับมายังโลก ซึ่งจะช่วยให้การสื่อสารและการวิเคราะห์ข้อมูลจากอวกาศมีความรวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น โครงการนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันในตลาด AI ที่ขยายไปไกลเกินกว่าพื้นโลก และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ AI ในการสำรวจจักรวาลอย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/google-amazon-and-xai-want-to-launch-ai-into-space 🤖 หุ่นยนต์ดูดฝุ่นพร้อมระบบถูพื้นขั้นเทพ – Dreame Robovac Dreame เปิดตัวหุ่นยนต์ดูดฝุ่นรุ่นใหม่ที่มาพร้อมระบบถูพื้นซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีมา จุดเด่นคือแท่นเก็บผ้าแบบ jukebox ที่สามารถเปลี่ยนผ้าเช็ดถูได้อัตโนมัติ ทำให้การทำความสะอาดต่อเนื่องโดยไม่ต้องคอยเปลี่ยนผ้าเอง หุ่นยนต์ยังมีระบบตรวจจับคราบและปรับแรงกดในการถูพื้นให้เหมาะสมกับสภาพพื้นผิว นอกจากนั้นยังสามารถเชื่อมต่อกับแอปเพื่อควบคุมและตั้งค่าการทำงานได้อย่างละเอียด ถือเป็นการยกระดับหุ่นยนต์ทำความสะอาดบ้านให้ฉลาดและสะดวกสบายยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/dreames-new-robovac-has-the-most-advanced-mop-setup-ive-seen-and-the-jukebox-style-mop-dispenser-is-just-the-start-of-it 🖥️ Windows 11 ปรับโฉม Run Prompt เรื่องที่ดูเหมือนเล็กแต่จริง ๆ แล้วสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ Windows 11 กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือการปรับโฉมหน้าต่าง Run ที่เราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่ยุค Windows 95 ให้เข้ากับดีไซน์ Fluent ของยุคใหม่ หน้าต่างนี้จะดูทันสมัยขึ้น ใหญ่ขึ้น และยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยแสดงคำสั่งที่เคยใช้ไปแล้ว ทำให้เรียกใช้งานซ้ำได้ง่ายขึ้น พร้อมทั้งแสดงไอคอนของแอปที่เราจะเปิดอีกด้วย แม้ยังไม่เปิดให้ใช้งานจริง แต่ก็มีการค้นพบในเวอร์ชันทดสอบแล้ว หลายคนก็แอบกังวลว่าจะทำให้การเปิด Run ช้าลง แต่โดยรวมถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่รอคอยกันมานาน 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-run-prompt-is-getting-a-makeover-and-a-handy-extra-power-but-already-there-are-worries-microsoft-will-ruin-it 💼 Microsoft 365 เตรียมขึ้นราคา ข่าวนี้อาจทำให้หลายองค์กรต้องขยับงบประมาณ เพราะ Microsoft ประกาศว่าจะปรับขึ้นราคาของแพ็กเกจ Microsoft 365 และ Office 365 สำหรับธุรกิจและหน่วยงานรัฐตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2026 โดยขึ้นระหว่าง 5% ถึง 33% ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจ แต่ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและ AI เข้ามา เช่น Microsoft Defender และ Security Copilot เพื่อช่วยป้องกันภัยไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แม้ราคาจะสูงขึ้น แต่ Microsoft ยืนยันว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เพิ่มเข้ามา 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-365-is-hiking-prices-for-businesses-heres-how-much-it-will-cost-you 🤖 Samsung Ballie Robot เลื่อนเปิดตัวอีกครั้ง หุ่นยนต์กลมสีเหลืองที่ชื่อ Ballie จาก Samsung ซึ่งเคยโชว์ตัวตั้งแต่ปี 2020 และถูกนำกลับมาเปิดตัวใหม่ใน CES 2025 พร้อมสัญญาว่าจะวางขายในช่วงซัมเมอร์ปีนั้น แต่จนถึงปลายปี 2025 ก็ยังไม่พร้อมวางจำหน่าย Samsung บอกว่ากำลังปรับปรุงเทคโนโลยีเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า Ballie ถูกออกแบบให้เป็นผู้ช่วยในบ้าน สามารถฉายภาพยนตร์หรือข้อมูลบนผนัง และตอบคำถามได้ แต่ยังต้องรอการพัฒนาเพิ่มเติม คาดว่าอาจมีความคืบหน้าที่ CES 2026 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/samsungs-ballie-robot-is-delayed-again-and-now-we-know-why ⚠️ การโจมตีไซเบอร์ด้วย Brickworm Malware หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐฯ และแคนาดาออกมาเตือนว่าแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้มัลแวร์ชื่อ Brickworm เจาะเข้าไปในระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ และองค์กรด้านไอทีทั่วโลก มัลแวร์นี้สามารถฝังตัวในระบบ VMware และ Windows เพื่อเข้าถึงไฟล์ ควบคุม Active Directory และคงการเข้าถึงระยะยาวได้ ทำให้เสี่ยงต่อการสอดแนมและการก่อวินาศกรรมในอนาคต แม้จีนจะปฏิเสธข้อกล่าวหา แต่รายงานนี้สะท้อนถึงภัยคุกคามที่ร้ายแรงต่อความมั่นคงไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/chinese-hackers-used-brickworm-malware-to-breach-critical-us-infrastructure 📡 Ofcom เตรียมเข้มงวดการตรวจสอบไฟล์ในปี 2026 หน่วยงานกำกับดูแลด้านการสื่อสารของสหราชอาณาจักร (Ofcom) มีแผนจะเพิ่มมาตรการตรวจสอบไฟล์ดิจิทัลในปี 2026 โดยจะขยายการเฝ้าระวังและการตรวจสอบข้อมูลที่ถูกแชร์ผ่านบริการออนไลน์ เพื่อป้องกันการละเมิดและการใช้งานที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าการตรวจสอบนี้อาจกระทบต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แต่ Ofcom ยืนยันว่ามีความจำเป็นเพื่อความปลอดภัยทางดิจิทัลในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/ofcom-wants-to-double-down-on-file-monitoring-in-2026 🎶 DAC ตัวใหม่เล็กแต่ทรงพลัง อุปกรณ์ DAC ขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดตัวสามารถเปลี่ยนสมาร์ทโฟน โน้ตบุ๊ก หรือเครื่องเล่นเกม ให้มีคุณภาพเสียงระดับเดียวกับเครื่องเล่นเพลง hi-res ชั้นนำของโลก แม้จะมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถมอบประสบการณ์เสียงที่คมชัดและทรงพลัง เหมาะสำหรับคนที่รักการฟังเพลงคุณภาพสูงโดยไม่ต้องลงทุนกับอุปกรณ์ราคาแพง 🔗 https://www.techradar.com/audio/dacs/this-tiny-new-dac-gives-your-phone-laptop-or-games-console-the-audio-skills-of-the-worlds-best-hi-res-music-player 📺 Netflix ซื้อกิจการ Warner Bros. Discovery มูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ Netflix ประกาศดีลครั้งใหญ่ในการเข้าซื้อ Warner Bros. Discovery ด้วยมูลค่า 82.7 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าจะทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกและความคุ้มค่ามากขึ้น ดีลนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการสตรีมมิ่ง เพราะจะรวมคอนเทนต์จาก HBO, Discovery และแบรนด์ดังอื่น ๆ เข้ากับ Netflix ซึ่งอาจทำให้การแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Disney+ และ Amazon Prime เข้มข้นยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/its-official-netflix-is-buying-warner-bros-discovery-claiming-the-deal-means-more-choice-and-greater-value-for-consumers 🤔 Logitech CEO วิจารณ์อุปกรณ์ AI ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Logitech ออกมาแสดงความเห็นว่าอุปกรณ์ AI หลายอย่างในตลาดตอนนี้เป็น “การหาทางแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” ซึ่งสะท้อนถึงความสงสัยว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีคุณค่าแท้จริงต่อผู้ใช้หรือไม่ ความเห็นนี้ได้รับการตอบรับจากหลายฝ่ายที่เห็นว่าอุปกรณ์ AI ยังไม่สามารถพิสูจน์ประโยชน์ที่ชัดเจน แต่ก็มีบางคนมองว่าเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่ต้องใช้เวลาเพื่อให้เห็นผลจริง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/a-solution-looking-for-a-problem-that-doesnt-exist-logitech-ceo-blasts-ai-gadgets-and-most-people-think-thats-being-generous 🛡️ EU เดินหน้ากฎหมาย Chat Control แบบเจาะจงเป้าหมาย เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในยุโรปเกี่ยวกับกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation (CSAR) ที่ถูกเรียกติดปากว่า “Chat Control” ซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกลายเป็นการสอดส่องประชาชนแบบกว้างขวาง แต่ Magnus Brunner กรรมาธิการสหภาพยุโรปด้านกิจการภายในกลับยืนยันว่า เขาเลือกสนับสนุนแนวทางของรัฐสภายุโรปที่เน้นการสแกนแบบเจาะจงเป้าหมาย มากกว่าการสแกนแบบครอบคลุมโดยสมัครใจตามที่สภายุโรปเสนอ เขาย้ำว่า “นี่ไม่ใช่เรื่อง Chat Control แต่เป็นการปกป้องเด็ก” อย่างไรก็ตาม หลายประเทศและผู้เชี่ยวชาญยังคงคัดค้านเพราะมองว่าอาจเป็นภัยต่อความเป็นส่วนตัว การเจรจารอบสุดท้ายระหว่างสภา คณะกรรมาธิการ และรัฐสภาจะเริ่มขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากฎหมายนี้จะออกมาในรูปแบบใด 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-commissioner-backs-parliament-line-on-targeted-monitoring 📡 ปัญหาการเชื่อมต่อที่ซ่อนอยู่ใน IoT เมื่อพูดถึงอุปกรณ์อัจฉริยะ เช่น ถังขยะที่ส่งสัญญาณเมื่อเต็ม หรือเครื่องตรวจหัวใจในบ้านพักคนชรา หลายคนมักคิดว่าการเชื่อมต่อเครือข่ายเป็นเรื่องที่ “มีอยู่แล้ว” แต่แท้จริงแล้วการออกแบบระบบเชื่อมต่อคือหัวใจสำคัญ หากการเลือกซิมหรือการจัดการสัญญาณไม่ดี อุปกรณ์อาจเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่เสถียร ทำให้ข้อมูลสะดุดหรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าเทคโนโลยีซิมแบบ Dual IMSI ที่มีการจัดการสัญญาณและ IP แบบคงที่ จะช่วยให้ระบบทำงานได้ราบรื่นและปลอดภัยกว่า การออกแบบโครงสร้างการเชื่อมต่อที่ดีจึงเป็นสิ่งที่ทำให้ IoT ใช้งานได้จริงในระดับใหญ่ ไม่ใช่แค่การมีอุปกรณ์ที่ฉลาด แต่ต้องมีเครือข่ายที่ฉลาดด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-connectivity-problem-hiding-in-smart-bins-and-heart-monitors 💻 แฮกเกอร์ปลอมแอปธนาคารเพื่อขโมยข้อมูล นักวิจัยจาก Group-IB เปิดเผยว่า กลุ่มแฮกเกอร์ที่ชื่อ GoldFactory กำลังใช้วิธีใหม่ในการโจมตี โดยนำแอปธนาคารจริงมาดัดแปลงใส่โค้ดอันตราย แล้วเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ปลอมและการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง แอปที่ถูกปลอมแปลงยังคงทำงานเหมือนจริง ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกขโมยข้อมูล ขณะเดียวกันมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่สามารถเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ ทั้งดึงข้อมูล ล็อกอิน หรือแม้แต่สั่งการจากระยะไกล ปัจจุบันมีผู้ใช้หลายหมื่นรายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ตกเป็นเหยื่อ และแนวโน้มอาจขยายไปยังประเทศอื่น ๆ นี่ถือเป็นการโจมตีที่ซับซ้อนและอันตรายมากในโลกการเงินดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/hackers-observed-injecting-legitimate-banking-apps-with-malicious-code 📱 Verizon แจก iPhone 17 Pro ฟรีแบบไม่ต้องเทรดเครื่อง Verizon สร้างความฮือฮาด้วยโปรโมชันใหม่ที่ให้ iPhone 17 Pro ฟรีถึง 4 เครื่อง โดยไม่ต้องนำเครื่องเก่ามาแลก เพียงสมัครแพ็กเกจ Welcome Unlimited ที่ราคา 100 ดอลลาร์ต่อเดือนสำหรับ 4 ไลน์ เท่ากับจ่ายเพียง 25 ดอลลาร์ต่อเครื่องต่อเดือน ซึ่งถ้าคิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว ผู้ใช้สามารถประหยัดได้มากกว่า 4,000 ดอลลาร์ ดีลนี้ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับครอบครัวที่ต้องการหลายเครื่อง และแม้แต่ผู้ใช้รายเดียวก็ยังสามารถรับเครื่องฟรีได้เมื่อเปิดไลน์ใหม่ ถือเป็นหนึ่งในดีลที่ดีที่สุดของ Verizon ในปีนี้ 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/verizon-just-surprised-us-with-one-of-its-best-deals-of-the-entire-year-get-four-iphone-17-pro-for-free-without-a-trade-in 🤖 CEO Logitech มองว่าอุปกรณ์ AI เป็น “คำตอบที่ไม่มีคำถาม” Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์ว่า อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้ AI โดยเฉพาะ เช่น Humane AI Pin หรือ Rabbit R1 เป็นเพียง “การแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง” เพราะสิ่งที่ทำได้ก็ไม่ต่างจากสมาร์ทโฟนหรือคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่แล้ว เธอเชื่อว่าทางที่ถูกต้องคือการฝัง AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่ เช่น กล้องเว็บแคมที่ปรับภาพอัตโนมัติ หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีปุ่มเรียก Copilot หรือ ChatGPT ได้ทันที แนวคิดนี้ต่างจากบางบริษัทที่พยายามสร้างอุปกรณ์ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะ เช่น แว่นตาอัจฉริยะของ Ray-Ban หรือเครื่องบันทึกเสียง AI ของ Plaud ซึ่งอนาคตจะพิสูจน์ว่าแนวทางใดจะอยู่รอด แต่สิ่งที่แน่นอนคือ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทุกอุปกรณ์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/logitech-ceo-says-ai-devices-are-just-solutions-looking-for-a-problem 🚀 ทำไมซีอีโอที่เข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ถึงนำหน้าในยุค AI บทความนี้เล่าถึงข้อได้เปรียบของซีอีโอที่มีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมหรือเข้าใจการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพราะพวกเขาสามารถมองเห็นศักยภาพของ AI ได้ลึกกว่า และรู้ว่าควรนำไปใช้ตรงไหนเพื่อสร้างคุณค่า ไม่ใช่แค่ตามกระแส ตัวอย่างเช่น การเข้าใจโครงสร้างข้อมูลและการทำงานของโมเดล ทำให้สามารถตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้แม่นยำกว่า และยังช่วยให้ทีมงานเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของผู้นำมากขึ้น ในการแข่งขัน AI ที่รุนแรง การมีผู้นำที่เข้าใจเทคโนโลยีจึงเป็นเหมือนการมี “หัวเรือที่รู้เส้นทาง” 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-ceos-who-understand-software-development-have-a-head-start-in-the-ai-race 🎙️ ปัญหาการถอดเสียงแก้ได้ด้วย Gemini แต่ไม่ใช่ ChatGPT ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าเจอปัญหาใหญ่ในการถอดเสียงไฟล์เสียงยาว ๆ ที่มีหลายสำเนียงและเสียงรบกวน เมื่อทดลองใช้ ChatGPT ผลลัพธ์ออกมาไม่แม่นยำ แต่เมื่อเปลี่ยนไปใช้ Gemini กลับได้ผลลัพธ์ที่ตรงและจัดการไฟล์ได้ดีกว่า จุดเด่นคือ Gemini สามารถทำงานกับไฟล์เสียงที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ผลลัพธ์ที่พร้อมใช้งานทันที เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI หลายเจ้าแข่งกัน แต่แต่ละระบบก็มีจุดแข็งและจุดอ่อนต่างกันไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/i-had-a-big-audio-transcription-problem-gemini-solved-it-and-chatgpt-didnt 📱 ปี 2025 ไม่ได้เป็นปีที่น่าเบื่อของสมาร์ทโฟน หลายคนอาจบ่นว่าโทรศัพท์มือถือเริ่มหมดความตื่นเต้น แต่จริง ๆ แล้วปีนี้กลับเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ เริ่มจาก Apple ที่กล้าลองสิ่งใหม่ ๆ ทั้ง iPhone 16e ที่มาพร้อมโมเด็ม C1 และ iPhone Air ที่ออกแบบให้บางและทนทานขึ้น แม้ไม่ใช่รุ่นที่ดีที่สุด แต่ก็สะท้อนความกล้าในการทดลอง ส่วน iPhone 17 Pro ก็พลิกโฉมดีไซน์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple พร้อมเพิ่มเลนส์ซูมและหน้าจอ 120Hz ให้ทันสมัยขึ้น ขณะเดียวกัน Qualcomm ก็สร้างความฮือฮาด้วย Snapdragon 8 Elite ที่แรงและประหยัดพลังงานกว่า ทำให้มือถือ Android ใช้งานได้ยาวนานกว่าสองวันเต็ม อีกด้านหนึ่ง OnePlus 15 กลายเป็นมือถือที่ถูกยกให้เป็น “ตัวเลือกของคนวงใน” ด้วยความทนทานและแบตเตอรี่ที่เหลือเชื่อ สุดท้าย Google ก็เพิ่มฟีเจอร์แม่เหล็กใน Pixel 10 Pro ทำให้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นอย่างมาก ทั้งการชาร์จ การติดตั้งอุปกรณ์เสริม และการใช้งานร่วมกับกระเป๋าสตางค์แม่เหล็ก เรื่องทั้งหมดนี้บอกได้เลยว่า โทรศัพท์ปี 2025 ไม่ได้เงียบเหงาเลย 🔗 https://www.techradar.com/phones/think-phones-are-boring-here-are-4-reasons-why-2025-was-a-big-year-for-smartphones-and-none-of-them-are-ai 🛡️ หน่วยงานความมั่นคงสหรัฐเตือน หยุดใช้ VPN ส่วนตัว CISA หรือหน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ของสหรัฐออกคำเตือนแรงว่า “อย่าใช้ VPN ส่วนตัว” เพราะแทนที่จะปลอดภัยขึ้น กลับเพิ่มความเสี่ยงมากกว่าเดิม เหตุผลคือ VPN หลายเจ้า โดยเฉพาะที่ฟรีหรือไม่น่าเชื่อถือ อาจเก็บข้อมูลหรือแฝงมัลแวร์มาเอง ทำให้ผู้ใช้ตกอยู่ในความเสี่ยงจากการโจมตีขั้นสูง แม้ VPN จะช่วยซ่อนกิจกรรมจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ก็เหมือนย้ายความเสี่ยงไปอยู่กับผู้ให้บริการ VPN ที่อาจไม่น่าไว้ใจ ทางออกคือเลือกผู้ให้บริการที่มีการตรวจสอบนโยบายไม่เก็บข้อมูลจริง มีการเข้ารหัสมาตรฐานสูง และมีฟีเจอร์เสริมอย่าง kill switch หรือ multi-hop เพื่อเพิ่มความปลอดภัย คำเตือนนี้สะท้อนว่าการหาทางลัดเพื่อความเป็นส่วนตัว อาจกลายเป็นดาบสองคมได้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-security-agency-urges-android-and-iphone-users-to-stop-using-personal-vpns 🤖 งานวิจัยใหม่เผย คนรุ่นใหญ่ไม่ค่อยเห็นว่า AI มีประโยชน์ Cisco เปิดเผยผลสำรวจที่ชี้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนระหว่างวัย คนอายุต่ำกว่า 35 ปีมีการใช้งาน AI สูงถึงครึ่งหนึ่ง และกว่า 75% มองว่า AI มีประโยชน์ต่อชีวิตและงาน แต่เมื่อมองไปที่คนอายุเกิน 45 ครึ่งหนึ่งไม่เคยใช้ AI เลย โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 55 ปีขึ้นไปที่บอกว่าไม่คุ้นเคยมากกว่าการปฏิเสธโดยตรง นอกจากนี้ยังพบว่าประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ เช่น อินเดีย บราซิล และเม็กซิโก มีการนำ AI มาใช้มากที่สุด ขณะที่ยุโรปกลับมีความไม่มั่นใจสูงกว่า ผลวิจัยยังชี้ว่าการใช้ AI มากเกินไปอาจสัมพันธ์กับการใช้หน้าจอมากและความพึงพอใจในชีวิตที่ลดลง ทำให้คำแนะนำคือควรสร้างทักษะดิจิทัลให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม เพื่อให้ “Generation AI” รวมทุกคนจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/new-research-reveals-older-users-less-likely-to-find-ai-useful ⚖️ EU เปิดการสอบสวน Meta เรื่องนโยบาย AI ใน WhatsApp คณะกรรมาธิการยุโรปเริ่มการสอบสวนเชิงลึกต่อ Meta หลังจากมีข้อกล่าวหาว่านโยบายใหม่ของ WhatsApp อาจกีดกันคู่แข่ง โดย Meta ได้ปรับเงื่อนไข API ของ WhatsApp Business ห้ามไม่ให้แชทบอทจากผู้ให้บริการอื่นที่เน้น AI เป็นหลักถูกเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์ม ซึ่งทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง OpenAI และ Microsoft ต้องถอนบอทออกไปแล้ว EU กังวลว่า Meta กำลังใช้ความได้เปรียบทางตลาดเพื่อผลักดัน Meta AI ของตัวเองและปิดกั้นนวัตกรรม หากพบว่ามีความผิด Meta อาจถูกปรับสูงถึง 10% ของรายได้ทั่วโลก หรือประมาณ 16.5 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้สะท้อนการต่อสู้ระหว่างการเปิดเสรีการแข่งขันกับการควบคุมอำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุค AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-launches-antitrust-investigation-into-metas-whatsapp-ai-access-policy ⚠️ ช่องโหว่ React ระดับวิกฤติ เสี่ยงถูกโจมตีทันที React ซึ่งเป็นไลบรารี JavaScript ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ที่ได้คะแนนความรุนแรงเต็ม 10/10 ช่องโหว่นี้อยู่ใน React Server Components และกระทบหลายเฟรมเวิร์ก เช่น Next, React Router, Vite ทำให้แม้แต่แฮกเกอร์ที่มีทักษะต่ำก็สามารถรันโค้ดอันตรายได้ ทีม React ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 19.0.1, 19.1.2 และ 19.2.1 พร้อมเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เพราะการโจมตีมีโอกาสสำเร็จเกือบ 100% และคาดว่าจะเกิดขึ้นจริงในเวลาอันใกล้ เนื่องจาก React ถูกใช้ในบริการใหญ่ ๆ อย่าง Facebook, Instagram, Netflix และ Shopify ทำให้พื้นที่เสี่ยงมีขนาดมหาศาล เรื่องนี้จึงเป็นสัญญาณเตือนแรงสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่ใช้ React ว่าต้องไม่ชะล่าใจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/experts-warn-this-worst-case-scenario-react-vulnerability-could-soon-be-exploited-so-patch-now 💰 Europol ทลายเครือข่ายฟอกเงินและคริปโตมูลค่า 700 ล้านยูโร หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายยุโรป (Europol) ประกาศความสำเร็จครั้งใหญ่ในการปิดเครือข่ายอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและคริปโต โดยมีมูลค่าการเคลื่อนไหวสูงถึง 700 ล้านยูโร เครือข่ายนี้ใช้วิธีซับซ้อนในการเคลื่อนย้ายเงินผ่านหลายประเทศและใช้สินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อปกปิดเส้นทางการเงิน การปฏิบัติการครั้งนี้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัยหลายรายและยึดทรัพย์สินจำนวนมาก ถือเป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่าองค์กรอาชญากรรมที่พยายามใช้คริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ กำลังถูกจับตามองอย่างเข้มงวด ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/security/europol-takes-down-crypto-and-laundering-network-worth-700-million
    0 Comments 0 Shares 644 Views 0 Reviews
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline

    React2Shell: ช่องโหว่ร้ายแรงถูกโจมตีทันที
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน React ที่ชื่อว่า React2Shell (CVE-2025-55182) ซึ่งร้ายแรงถึงขั้นได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 ช่องโหว่นี้เกิดจากการทำงานของ React Server Components ที่สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดจากระยะไกลโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เพียงแค่ระบบรองรับฟีเจอร์นี้ก็เสี่ยงทันที หลังจากถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีน เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ก็เริ่มโจมตีทันที โดยใช้วิธีการยิงคำสั่งจำนวนมาก แม้หลายตัวอย่างโค้ดที่เผยแพร่จะไม่ทำงานจริง แต่พวกเขายังคงใช้เพื่อหวังเจอเป้าหมายที่อ่อนแอ การโจมตีบางครั้งถึงขั้นมีการดีบักแบบ manual บนเซิร์ฟเวอร์เป้าหมาย ทำให้เห็นชัดว่ามีการพยายามเจาะระบบอย่างจริงจัง
    https://securityonline.info/react2shell-storm-china-nexus-groups-weaponize-critical-react-flaw-hours-after-disclosure

    ช่องโหว่ PDF Trap ใน Apache Tika
    อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือการค้นพบช่องโหว่ใน Apache Tika Core ที่ชื่อว่า PDF Trap (CVE-2025-66516) ซึ่งก็ได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 เช่นกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ PDF ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจงเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที เนื่องจาก Tika ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลเอกสาร ทำให้ความเสี่ยงนี้กระทบวงกว้างมาก โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ Tika ในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล
    https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core

    มัลแวร์ขุดคริปโตแบบลับ ๆ ผ่าน USB
    มีรายงานการพบมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิคซ่อนตัวอย่างแนบเนียน โดยอาศัยไฟล์ USB LNK และ DLL side-loading เพื่อแพร่กระจายและติดตั้งตัวเอง จุดเด่นคือมันสามารถทำงานแบบ “Smart Mining” คือเลือกเวลาที่เหมาะสมในการขุดคริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้ผู้ใช้แทบไม่รู้ว่าระบบถูกใช้ไปในการขุดเงินดิจิทัล
    https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion

    Apache HTTP Server อุดช่องโหว่ SSRF
    Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-59775) ที่สามารถทำให้ผู้โจมตีดึงข้อมูล NTLM Hashes จาก Windows และยังมีการแก้ไขช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการ bypass suexec อีกด้วย การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ Apache ในการให้บริการเว็บ เพราะหากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ
    https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass

    รัสเซียบล็อก FaceTime แบบเข้ารหัส
    รัฐบาลรัสเซียได้ดำเนินการบล็อกการใช้งาน FaceTime ที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในระดับเครือข่าย ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การบล็อกครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามควบคุมการสื่อสารที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสาร
    https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime

    ระบบป้องกันการโทรหลอกลวงบน Android
    มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ช่วยป้องกันการโทรหลอกลวง โดยจะ หยุดสายโทรออกชั่วคราว 30 วินาที หากผู้ใช้กำลังใช้งานแอปการเงิน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกหลอกให้โอนเงินหรือทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ถือเป็นการเพิ่มชั้นความปลอดภัยที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางสังคมวิศวกรรม (social engineering)
    https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use

    AI ถูกฝึกให้ “สารภาพ” ความผิดพลาด
    OpenAI กำลังทดลองฝึกโมเดล AI ให้สามารถ ยอมรับและสารภาพความผิดพลาดหรือการหลอนข้อมูล (hallucinations) ได้เอง แนวคิดนี้คือการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยให้ AI สามารถบอกผู้ใช้ว่า “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” หรือ “ผมอาจเข้าใจผิด” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อใช้ AI ในงานสำคัญ
    https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations

    Webinar ของ Criminal IP: Beyond CVEs
    Criminal IP เตรียมจัด Webinar ในหัวข้อ “Beyond CVEs – From Visibility to Action with ASM” โดยเน้นการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มากกว่าแค่การรู้จักช่องโหว่ (CVE) แต่ไปถึงการลงมือแก้ไขและจัดการเชิงรุก Webinar นี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจการใช้ Attack Surface Management (ASM) เพื่อสร้างความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น
    https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm

    Sprocket Security ได้รับการยอมรับซ้ำอีกครั้ง
    บริษัท Sprocket Security ได้รับการจัดอันดับซ้ำในดัชนี G2’s Winter 2025 Relationship Index สำหรับบริการทดสอบเจาะระบบ (penetration testing) การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบริการที่ลูกค้าไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251206 #securityonline 🛡️ React2Shell: ช่องโหว่ร้ายแรงถูกโจมตีทันที มีการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน React ที่ชื่อว่า React2Shell (CVE-2025-55182) ซึ่งร้ายแรงถึงขั้นได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 ช่องโหว่นี้เกิดจากการทำงานของ React Server Components ที่สามารถถูกใช้เพื่อรันโค้ดจากระยะไกลโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน เพียงแค่ระบบรองรับฟีเจอร์นี้ก็เสี่ยงทันที หลังจากถูกเปิดเผยเพียงไม่กี่ชั่วโมง กลุ่มแฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับจีน เช่น Earth Lamia และ Jackpot Panda ก็เริ่มโจมตีทันที โดยใช้วิธีการยิงคำสั่งจำนวนมาก แม้หลายตัวอย่างโค้ดที่เผยแพร่จะไม่ทำงานจริง แต่พวกเขายังคงใช้เพื่อหวังเจอเป้าหมายที่อ่อนแอ การโจมตีบางครั้งถึงขั้นมีการดีบักแบบ manual บนเซิร์ฟเวอร์เป้าหมาย ทำให้เห็นชัดว่ามีการพยายามเจาะระบบอย่างจริงจัง 🔗 https://securityonline.info/react2shell-storm-china-nexus-groups-weaponize-critical-react-flaw-hours-after-disclosure 📄 ช่องโหว่ PDF Trap ใน Apache Tika อีกหนึ่งข่าวใหญ่คือการค้นพบช่องโหว่ใน Apache Tika Core ที่ชื่อว่า PDF Trap (CVE-2025-66516) ซึ่งก็ได้คะแนน CVSS เต็ม 10.0 เช่นกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ไฟล์ PDF ที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเจาะจงเพื่อเข้าควบคุมระบบได้ทันที เนื่องจาก Tika ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลเอกสาร ทำให้ความเสี่ยงนี้กระทบวงกว้างมาก โดยเฉพาะองค์กรที่ใช้ Tika ในการจัดการข้อมูลจำนวนมหาศาล 🔗 https://securityonline.info/the-pdf-trap-critical-vulnerability-cve-2025-66516-cvss-10-0-hits-apache-tika-core 💻 มัลแวร์ขุดคริปโตแบบลับ ๆ ผ่าน USB มีรายงานการพบมัลแวร์ใหม่ที่ใช้เทคนิคซ่อนตัวอย่างแนบเนียน โดยอาศัยไฟล์ USB LNK และ DLL side-loading เพื่อแพร่กระจายและติดตั้งตัวเอง จุดเด่นคือมันสามารถทำงานแบบ “Smart Mining” คือเลือกเวลาที่เหมาะสมในการขุดคริปโตเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทำให้ผู้ใช้แทบไม่รู้ว่าระบบถูกใช้ไปในการขุดเงินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/stealth-cryptominer-uses-usb-lnk-and-dll-side-loading-to-deploy-smart-mining-evasion 🌐 Apache HTTP Server อุดช่องโหว่ SSRF Apache HTTP Server รุ่น 2.4.66 ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ SSRF (CVE-2025-59775) ที่สามารถทำให้ผู้โจมตีดึงข้อมูล NTLM Hashes จาก Windows และยังมีการแก้ไขช่องโหว่ที่เกี่ยวกับการ bypass suexec อีกด้วย การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ดูแลระบบที่ใช้ Apache ในการให้บริการเว็บ เพราะหากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบและขโมยข้อมูลสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/apache-http-server-2-4-66-fixes-ssrf-flaw-cve-2025-59775-exposing-ntlm-hashes-on-windows-and-suexec-bypass 🚫 รัสเซียบล็อก FaceTime แบบเข้ารหัส รัฐบาลรัสเซียได้ดำเนินการบล็อกการใช้งาน FaceTime ที่มีการเข้ารหัสแบบ end-to-end ในระดับเครือข่าย ทำให้ผู้ใช้ในประเทศไม่สามารถใช้งานได้ตามปกติ การบล็อกครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามควบคุมการสื่อสารที่ปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ซึ่งอาจกระทบต่อผู้ใช้ทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการความปลอดภัยในการติดต่อสื่อสาร 🔗 https://securityonline.info/russia-imposes-network-level-blockade-on-apples-end-to-end-encrypted-facetime 📱 ระบบป้องกันการโทรหลอกลวงบน Android มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ช่วยป้องกันการโทรหลอกลวง โดยจะ หยุดสายโทรออกชั่วคราว 30 วินาที หากผู้ใช้กำลังใช้งานแอปการเงิน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกหลอกให้โอนเงินหรือทำธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัยในช่วงเวลาที่อ่อนไหว ถือเป็นการเพิ่มชั้นความปลอดภัยที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางสังคมวิศวกรรม (social engineering) 🔗 https://securityonline.info/new-android-call-scam-protection-pauses-calls-for-30-seconds-during-financial-app-use 🤖 AI ถูกฝึกให้ “สารภาพ” ความผิดพลาด OpenAI กำลังทดลองฝึกโมเดล AI ให้สามารถ ยอมรับและสารภาพความผิดพลาดหรือการหลอนข้อมูล (hallucinations) ได้เอง แนวคิดนี้คือการสร้างความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือมากขึ้น โดยให้ AI สามารถบอกผู้ใช้ว่า “ข้อมูลนี้อาจไม่ถูกต้อง” หรือ “ผมอาจเข้าใจผิด” ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อใช้ AI ในงานสำคัญ 🔗 https://securityonline.info/honesty-is-the-best-policy-openai-trains-ai-models-to-confess-errors-and-hallucinations 🎤 Webinar ของ Criminal IP: Beyond CVEs Criminal IP เตรียมจัด Webinar ในหัวข้อ “Beyond CVEs – From Visibility to Action with ASM” โดยเน้นการจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่มากกว่าแค่การรู้จักช่องโหว่ (CVE) แต่ไปถึงการลงมือแก้ไขและจัดการเชิงรุก Webinar นี้จะช่วยให้องค์กรเข้าใจการใช้ Attack Surface Management (ASM) เพื่อสร้างความปลอดภัยที่ครอบคลุมมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-to-host-webinar-beyond-cves-from-visibility-to-action-with-asm 🏆 Sprocket Security ได้รับการยอมรับซ้ำอีกครั้ง บริษัท Sprocket Security ได้รับการจัดอันดับซ้ำในดัชนี G2’s Winter 2025 Relationship Index สำหรับบริการทดสอบเจาะระบบ (penetration testing) การได้รับการยอมรับซ้ำนี้สะท้อนถึงความน่าเชื่อถือและคุณภาพของบริการที่ลูกค้าไว้วางใจอย่างต่อเนื่อง ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/sprocket-security-earns-repeat-recognition-in-g2s-winter-2025-relationship-index-for-penetration-testing
    0 Comments 0 Shares 325 Views 0 Reviews
  • Logitech วิจารณ์กระแสอุปกรณ์ AI

    Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีการดำรงตำแหน่ง เธอชี้ว่า อุปกรณ์ AI-first ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา เช่น Humane AI Pin และ Rabbit R1 ไม่สามารถสร้างตลาดที่ชัดเจนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ฟีเจอร์ และราคาที่ต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามว่า “จำเป็นจริงหรือไม่”

    กลยุทธ์ของ Logitech
    แทนที่จะสร้างอุปกรณ์ใหม่รอบ AI Logitech เลือกที่จะ ฝังฟีเจอร์ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์เดิม เช่น กล้องเว็บแคมที่มีระบบจัดเฟรมอัตโนมัติและกรองเสียงรบกวน หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีช็อตคัตเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Microsoft Copilot กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงแนวคิดว่า AI ควรเสริมการทำงานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สร้างอุปกรณ์ใหม่ที่ผู้ใช้ยังไม่เห็นคุณค่า

    มุมมองต่ออุตสาหกรรม
    Faber ระบุว่า สมาร์ทโฟนและพีซี กำลังพัฒนาโมเดล AI บนเครื่องที่ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ และมีการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยบนคลาวด์อยู่แล้ว ทำให้การสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมาไม่ใช่สิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน Logitech ยังคงรักษาเสถียรภาพด้านซัพพลายเชน โดยกระจายการผลิตไปกว่า 5 ประเทศ และฟื้นยอดขายกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19

    ความท้าทายของตลาด AI-first gadgets
    แม้จะมีการลงทุนจากบริษัทใหญ่ เช่น HP ที่ซื้อกิจการ Humane แต่กระแสตอบรับยังไม่ดีนัก หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะควรอยู่ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว มากกว่าการสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่ที่มีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ซีอีโอ Logitech วิจารณ์อุปกรณ์ AI-first
    มองว่าแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง

    กลยุทธ์ Logitech เน้นฝัง AI ในผลิตภัณฑ์เดิม
    เช่น เว็บแคมอัจฉริยะ และเมาส์ MX Master 4

    สมาร์ทโฟนและพีซีมีศักยภาพเพียงพอ
    ไม่จำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมา

    คำเตือนต่อผู้ผลิต AI gadgets
    ตลาดยังไม่พิสูจน์ว่ามีความต้องการจริง
    ต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลวทางธุรกิจ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/logitech-ceo-says-ai-gadget-makers-are-chasing-problems-that-dont-exist
    📰 Logitech วิจารณ์กระแสอุปกรณ์ AI Hanneke Faber ซีอีโอของ Logitech ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg เนื่องในโอกาสครบรอบ 2 ปีการดำรงตำแหน่ง เธอชี้ว่า อุปกรณ์ AI-first ที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา เช่น Humane AI Pin และ Rabbit R1 ไม่สามารถสร้างตลาดที่ชัดเจนได้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านความเร็ว ฟีเจอร์ และราคาที่ต้องพึ่งพาการสมัครสมาชิก ทำให้ผู้ใช้ตั้งคำถามว่า “จำเป็นจริงหรือไม่” 🔧 กลยุทธ์ของ Logitech แทนที่จะสร้างอุปกรณ์ใหม่รอบ AI Logitech เลือกที่จะ ฝังฟีเจอร์ AI เข้าไปในผลิตภัณฑ์เดิม เช่น กล้องเว็บแคมที่มีระบบจัดเฟรมอัตโนมัติและกรองเสียงรบกวน หรือเมาส์ MX Master 4 ที่มีช็อตคัตเชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Microsoft Copilot กลยุทธ์นี้สะท้อนถึงแนวคิดว่า AI ควรเสริมการทำงานในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่สร้างอุปกรณ์ใหม่ที่ผู้ใช้ยังไม่เห็นคุณค่า 🌍 มุมมองต่ออุตสาหกรรม Faber ระบุว่า สมาร์ทโฟนและพีซี กำลังพัฒนาโมเดล AI บนเครื่องที่ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ และมีการเชื่อมต่อกับผู้ช่วยบนคลาวด์อยู่แล้ว ทำให้การสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมาไม่ใช่สิ่งจำเป็น ขณะเดียวกัน Logitech ยังคงรักษาเสถียรภาพด้านซัพพลายเชน โดยกระจายการผลิตไปกว่า 5 ประเทศ และฟื้นยอดขายกลับสู่ระดับก่อนโควิด-19 ⚠️ ความท้าทายของตลาด AI-first gadgets แม้จะมีการลงทุนจากบริษัทใหญ่ เช่น HP ที่ซื้อกิจการ Humane แต่กระแสตอบรับยังไม่ดีนัก หลายฝ่ายตั้งคำถามว่า ผู้ช่วยอัจฉริยะควรอยู่ในอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่แล้ว มากกว่าการสร้างฮาร์ดแวร์ใหม่ที่มีต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ซีอีโอ Logitech วิจารณ์อุปกรณ์ AI-first ➡️ มองว่าแก้ปัญหาที่ไม่มีอยู่จริง ✅ กลยุทธ์ Logitech เน้นฝัง AI ในผลิตภัณฑ์เดิม ➡️ เช่น เว็บแคมอัจฉริยะ และเมาส์ MX Master 4 ✅ สมาร์ทโฟนและพีซีมีศักยภาพเพียงพอ ➡️ ไม่จำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ AI แยกออกมา ‼️ คำเตือนต่อผู้ผลิต AI gadgets ⛔ ตลาดยังไม่พิสูจน์ว่ามีความต้องการจริง ⛔ ต้นทุนสูงและเสี่ยงต่อการล้มเหลวทางธุรกิจ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/logitech-ceo-says-ai-gadget-makers-are-chasing-problems-that-dont-exist
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AI gadget makers are chasing problems that don't exist, Logitech CEO says — also details supply chain and pricing strategy
    Hanneke Faber argues that dedicated AI devices have yet to justify themselves as Logitech focuses on practical integrations.
    0 Comments 0 Shares 183 Views 0 Reviews
More Results