• การทูตไทยหน่อมแน้ม ปล่อยพม่าลูบคม 18/12/67 #สส.กัณวีร์ #ทูตไทย #ชาวประมงไทย #เมียนมา
    การทูตไทยหน่อมแน้ม ปล่อยพม่าลูบคม 18/12/67 #สส.กัณวีร์ #ทูตไทย #ชาวประมงไทย #เมียนมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • สื่อสหรัสฯThe Diplomat สับรัฐบาลไทยเรื่องเรือชาวประมงไทยที่ถูกพม่ากล่าวหาว่ารุกน่านน้ำจับตัวคนไทยไป ทำให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพและขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของผู้นำที่ทำให้สับสนในช่วงเวลาที่วิกฤติ การแถลงแต่ละครั้งกลับทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบหายและเสียเปรียบ สำหรับเนื้อหาที่ระบุในDiplomatเมื่อ17ธันวาคม2567ระบุว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทยขาดตกบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แม้ว่าคำแถลงของแพทองธารจะสอดคล้องกับพิธีการในระดับสูง แต่ก็เน้นย้ำแสดงถึงความสับสนในการสื่อสารในภาวะวิกฤตของไทย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากแหล่งข่าวทางการอีกสองแหล่งเปิดเผยข้อมูลที่ไม่แน่นอนและไม่ได้รับการยืนยันต่อสาธารณชน นอกจากนี้ แม้ว่าเรือของไทยจะข้ามเข้าสู่เขตน่านน้ำเมียนมาร์ก็ตาม แต่แหล่งข่าวของรัฐบาลไทยก็ถือว่าไม่เป็นมืออาชีพและไม่มีความรับผิดชอบที่ไปยอมรับเรื่องนี้ ความจริงก็คือเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและเมียนมาร์อยู่ในเขตที่ไม่มีขอบเขตอาณาเขตและไม่ชัดเจน การประกาศอย่างเปิดเผยว่าเรือของไทยอยู่ในเขตน่านน้ำเมียนมาร์ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานอย่างเป็นทางการสำหรับการเจรจาระหว่างสองรัฐผู้เรียกร้องในภายหลัง หาก พื้นที่ใดไม่ได้ถูกกำหนดขอบเขตทางกฎหมายโดยสองรัฐ เจ้าหน้าที่จะต้องไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าดินแดนแห่งหนึ่งเป็นของรัฐอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของรัฐนั้นได้“
    สื่อสหรัสฯThe Diplomat สับรัฐบาลไทยเรื่องเรือชาวประมงไทยที่ถูกพม่ากล่าวหาว่ารุกน่านน้ำจับตัวคนไทยไป ทำให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพและขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารของผู้นำที่ทำให้สับสนในช่วงเวลาที่วิกฤติ การแถลงแต่ละครั้งกลับทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบเปรียบหายและเสียเปรียบ สำหรับเนื้อหาที่ระบุในDiplomatเมื่อ17ธันวาคม2567ระบุว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทยขาดตกบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่แม้ว่าคำแถลงของแพทองธารจะสอดคล้องกับพิธีการในระดับสูง แต่ก็เน้นย้ำแสดงถึงความสับสนในการสื่อสารในภาวะวิกฤตของไทย ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากแหล่งข่าวทางการอีกสองแหล่งเปิดเผยข้อมูลที่ไม่แน่นอนและไม่ได้รับการยืนยันต่อสาธารณชน นอกจากนี้ แม้ว่าเรือของไทยจะข้ามเข้าสู่เขตน่านน้ำเมียนมาร์ก็ตาม แต่แหล่งข่าวของรัฐบาลไทยก็ถือว่าไม่เป็นมืออาชีพและไม่มีความรับผิดชอบที่ไปยอมรับเรื่องนี้ ความจริงก็คือเขตแดนทางทะเลระหว่างไทยและเมียนมาร์อยู่ในเขตที่ไม่มีขอบเขตอาณาเขตและไม่ชัดเจน การประกาศอย่างเปิดเผยว่าเรือของไทยอยู่ในเขตน่านน้ำเมียนมาร์ถือเป็นการสร้างบรรทัดฐานอย่างเป็นทางการสำหรับการเจรจาระหว่างสองรัฐผู้เรียกร้องในภายหลัง หาก พื้นที่ใดไม่ได้ถูกกำหนดขอบเขตทางกฎหมายโดยสองรัฐ เจ้าหน้าที่จะต้องไม่ยอมรับอย่างเป็นทางการว่าดินแดนแห่งหนึ่งเป็นของรัฐอื่น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการอ้างสิทธิ์ในดินแดนของรัฐนั้นได้“
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • จำคุก4ลูกเรือไทย รุกล้ำน่านน้ำ-ลอบเข้าประเทศเมียนมาร์ (16/12/67) #news1 #จำคุก4ลูกเรือไทย #รุกล้ำน่านน้ำ
    จำคุก4ลูกเรือไทย รุกล้ำน่านน้ำ-ลอบเข้าประเทศเมียนมาร์ (16/12/67) #news1 #จำคุก4ลูกเรือไทย #รุกล้ำน่านน้ำ
    Like
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 29 0 รีวิว
  • ศาลเกาะสอง ประเทศเมียนมา ตัดสินจำคุกเจ้าของเรือประมง รวม 6 ปี และ ลูกเรือคนไทย คนละ 4 ปี มีความผิดหลายข้อหาหนัก รุกล้ำน่านน้ำ ทำประมง-ลอบเข้าประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120676

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลเกาะสอง ประเทศเมียนมา ตัดสินจำคุกเจ้าของเรือประมง รวม 6 ปี และ ลูกเรือคนไทย คนละ 4 ปี มีความผิดหลายข้อหาหนัก รุกล้ำน่านน้ำ ทำประมง-ลอบเข้าประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120676 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 657 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิธรรม ยันไร้ปัญหา 4 ประมงไทยที่ถูกเมียนมาจับไป 16/12/67 #ภูมิธรรม #ชาวประมงไทย #เมียนมา #รองนายกฯ
    ภูมิธรรม ยันไร้ปัญหา 4 ประมงไทยที่ถูกเมียนมาจับไป 16/12/67 #ภูมิธรรม #ชาวประมงไทย #เมียนมา #รองนายกฯ
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 40 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” เชื่อ หลังปีใหม่ มีข่าวดี 4 ประมงไทยในเมียนมา ชี้ เบื้องต้นต้องรับข้อกล่าวหาตามกฎหมายเขาก่อน ส่วนรุกลํ้าหรือไม่ขอรอพิสูจน์ภายหลัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120476

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ภูมิธรรม” เชื่อ หลังปีใหม่ มีข่าวดี 4 ประมงไทยในเมียนมา ชี้ เบื้องต้นต้องรับข้อกล่าวหาตามกฎหมายเขาก่อน ส่วนรุกลํ้าหรือไม่ขอรอพิสูจน์ภายหลัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000120476 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 421 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าขี้เหล็ก - อาชญกรรมฝั่งท่าขี้เหล็กยังน่ากลัว..ล่าสุดคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ขับเก๋งจอดลากปืนลักพาตัวนักธุรกิจชาวจีนห่างสถานีตำรวจแค่ 70 เมตร หนีลอยนวล

    วันนี้ (13 ธ.ค.) Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ท้องถิ่นเมีนมารายงานว่าเกิดเหตุชายชาวจีนคนหนึ่งคน ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถูกกลุ่มคนเข้าไปลักพาตัวบริเวณร้านแลกเปลี่ยนเงินตราหน้าธนาคาร KBZ ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก เพียงประมาณ 70 เมตร

    คนร้ายก่อเหตุในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น.ภายในตัวเมืองอย่างอุกอาจ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดใน จ.ท่าขี้เหล็ก บันทึกภาพคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คน ถือปืนยาวออกมาจากรถยนต์เก๋งสีขาวและเข้าไปข่มขู่พร้อมฉุดกระชากร่างของชายชาวจีน ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายอู่เยียน อายุ 78 ปี เป็นนักธุรกิจรับแลกเงิน ที่กำลังจะเดินไปยังร้านแลกเปลี่ยนเงินตราดังกล่าว ให้ขึ้นไปบนรถของตัวเอง

    ซึ่งมีรายงานว่าคนในรถที่รออยู่ยังเป็นหญิงอีก 1 คนด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะนำนายอู่เยียน ขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบเป้าหมายและมีรถยนต์อีกคันหนึ่งจอดทิ้งไว้หน้าร้านคาดว่าเป็นของนายอู่เยียน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000119825

    #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก
    ท่าขี้เหล็ก - อาชญกรรมฝั่งท่าขี้เหล็กยังน่ากลัว..ล่าสุดคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ขับเก๋งจอดลากปืนลักพาตัวนักธุรกิจชาวจีนห่างสถานีตำรวจแค่ 70 เมตร หนีลอยนวล • วันนี้ (13 ธ.ค.) Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ท้องถิ่นเมีนมารายงานว่าเกิดเหตุชายชาวจีนคนหนึ่งคน ที่อยู่ใน จ.ท่าขี้เหล็ก ประเมียนมา ติดกับ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถูกกลุ่มคนเข้าไปลักพาตัวบริเวณร้านแลกเปลี่ยนเงินตราหน้าธนาคาร KBZ ซึ่งห่างจากสถานีตำรวจ จ.ท่าขี้เหล็ก เพียงประมาณ 70 เมตร • คนร้ายก่อเหตุในช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.00 น.ภายในตัวเมืองอย่างอุกอาจ ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดใน จ.ท่าขี้เหล็ก บันทึกภาพคนร้ายเป็นชายจำนวน 3 คน ถือปืนยาวออกมาจากรถยนต์เก๋งสีขาวและเข้าไปข่มขู่พร้อมฉุดกระชากร่างของชายชาวจีน ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือนายอู่เยียน อายุ 78 ปี เป็นนักธุรกิจรับแลกเงิน ที่กำลังจะเดินไปยังร้านแลกเปลี่ยนเงินตราดังกล่าว ให้ขึ้นไปบนรถของตัวเอง • ซึ่งมีรายงานว่าคนในรถที่รออยู่ยังเป็นหญิงอีก 1 คนด้วย ก่อนที่ทั้งหมดจะนำนายอู่เยียน ขึ้นรถขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทราบเป้าหมายและมีรถยนต์อีกคันหนึ่งจอดทิ้งไว้หน้าร้านคาดว่าเป็นของนายอู่เยียน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000119825 • #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตม.1 เปิดปฏิบัติการทลายนครขอทาน สนธิกำลังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร และ สน.ลุมพินี ปูพรมตรวจพื้นที่สุขุมวิทชั้นใน รวบขอทานทั้งไทยและต่างด้าวรวม 12 ราย พบบัญชีเงินฝากหนึ่งล้านและเงินสดกว่าสามแสนบาท

    คืนวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.ฯ รักษาราชการแทน ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปฏิบัติราช รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ,พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1รักษาราชการแทน ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ,นางสาวฐาปนีย์ ศิริสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร

    สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำกำลังตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1สนธิกำลังกับ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร และ สน.ลุมพินี ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เศรษฐกิจสุขุมวิทชั้นใน ตั้งแต่แยกอโศก ไปจนถึงย่านนานา สืบเนื่องมาจากมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มขอทานจำนวนมากเข้ามากระทำการขอทานในพื้นที่ดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสามารถจับกุมคนไทยจำนวน 8 ราย ในฐานความผิด “กระทำการอันเป็นการขอทาน” และจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 2 ราย ลาว 1 ราย และ เมียนมา 1 ราย ในฐานความผิด “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและกระทำการอันเป็นการขอทาน”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000119801

    #MGROnline #ขอทาน
    ตม.1 เปิดปฏิบัติการทลายนครขอทาน สนธิกำลังศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร และ สน.ลุมพินี ปูพรมตรวจพื้นที่สุขุมวิทชั้นใน รวบขอทานทั้งไทยและต่างด้าวรวม 12 ราย พบบัญชีเงินฝากหนึ่งล้านและเงินสดกว่าสามแสนบาท • คืนวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ภายใต้การอํานวยการของ พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ รอง ผบช.ฯ รักษาราชการแทน ผบช.สตม. , พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. ,พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ รอง ผบช.สอท.ปฏิบัติราช รอง ผบช.สตม.,พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผบก.ตม.1 ,พ.ต.อ.ระพีพัฒน์ อุตสาหะ รอง ผบก.ตม.1รักษาราชการแทน ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 ,นางสาวฐาปนีย์ ศิริสมบูรณ์ ผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร • สั่งการให้ พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รอง ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 นำกำลังตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1สนธิกำลังกับ ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งกรุงเทพมหานคร และ สน.ลุมพินี ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่เศรษฐกิจสุขุมวิทชั้นใน ตั้งแต่แยกอโศก ไปจนถึงย่านนานา สืบเนื่องมาจากมีประชาชนแจ้งเบาะแสว่ามีกลุ่มขอทานจำนวนมากเข้ามากระทำการขอทานในพื้นที่ดังกล่าวส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย จากการลงพื้นที่ตรวจสอบสามารถจับกุมคนไทยจำนวน 8 ราย ในฐานความผิด “กระทำการอันเป็นการขอทาน” และจับกุมคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา 2 ราย ลาว 1 ราย และ เมียนมา 1 ราย ในฐานความผิด “เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและกระทำการอันเป็นการขอทาน” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000119801 • #MGROnline #ขอทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”ภูมิธรรม“ แจง 4 คนไทยยังกลับบ้านไม่ได้ เหตุรอรัฐบาลเมียนมาตัดสินใจ โบ้ยเป็นปัญหาการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่เกาะสองกับรัฐบาลของพม่าเอง ยืนยันฝ่ายไทยประสานแล้ว พร้อมทำทุกวิถีทางให้ปล่อยตัวเร็วที่สุด ไม่เกี่ยวกับการเมือง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118183

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ”ภูมิธรรม“ แจง 4 คนไทยยังกลับบ้านไม่ได้ เหตุรอรัฐบาลเมียนมาตัดสินใจ โบ้ยเป็นปัญหาการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่เกาะสองกับรัฐบาลของพม่าเอง ยืนยันฝ่ายไทยประสานแล้ว พร้อมทำทุกวิถีทางให้ปล่อยตัวเร็วที่สุด ไม่เกี่ยวกับการเมือง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118183 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 1 รีวิว
  • ทหารเมียนมา ยังไม่ปล่อยตัว 4 ชาวประมงไทย อ้างรอคำสั่งจากส่วนกลาง และการดำเนินการด้านกฎหมาย ด้านภรรยา เจ้าของเรือ บอกทุกคนปลอดภัยดี ขณะ ผอ.ศปชล.ทม. ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการของทางพม่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117582

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทหารเมียนมา ยังไม่ปล่อยตัว 4 ชาวประมงไทย อ้างรอคำสั่งจากส่วนกลาง และการดำเนินการด้านกฎหมาย ด้านภรรยา เจ้าของเรือ บอกทุกคนปลอดภัยดี ขณะ ผอ.ศปชล.ทม. ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการของทางพม่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117582 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1016 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐฉาน เมียนมา – กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา-กองกำลังโกกั้ง งัดมาตรการขั้นเด็ดขาด เปิดลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ประหารนักโทษคดีทางเพศ-ปล้น 6 รายรวดไม่พอ ยังจัดพื้นที่ให้เยาวชนนักศึกษา-ประชาชนทั่วไปรวมนับพันคนได้ดูด้วย

    Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา รายงานว่าวันนี้ (6 ธ.ค.) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) ซึ่งปกครองเขตปกครองตนเองโกกั้ง ติดชายแดนประเทศเมียนมา-จีน ได้ประกาศพร้อมเผยแพร่ภาพว่าได้มีการตัดสินประหารชีวิตอาชญากรทันทีจำนวน 6 คน จากทั้งหมด 14 คน

    โดยผู้ที่ถูประหารชีวิตถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีซึ่งทาง MNDAA ระบุว่าคำติดสินประหารชีวิตในที่สาธารณะดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย บริเวณลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครอง ซึ่งทาง MNDAA และพันธมิตรสามารถยึดจากผู้ปกครองเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารเมียนมา

    “ทั้ง 6 คนถูกตัดสินประหารชีวิตและได้มีการจัดให้ประหารชีวิตทันทีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรซึ่งซ่อนปืนและวางแผนจะปล้นจะถูกพาตัวไปตามถนนเพื่อแสดงต่อสาธารณะก่อนด้วย” MNDAA รายงาน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000117473

    #MGROnline #กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา #กองกำลังโกกั้ง #เมืองเล่าก์ก่าย #ประหารนักโทษ #คดีทางเพศ #ปล้น
    รัฐฉาน เมียนมา – กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา-กองกำลังโกกั้ง งัดมาตรการขั้นเด็ดขาด เปิดลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ประหารนักโทษคดีทางเพศ-ปล้น 6 รายรวดไม่พอ ยังจัดพื้นที่ให้เยาวชนนักศึกษา-ประชาชนทั่วไปรวมนับพันคนได้ดูด้วย • Tachileik News Agency สื่อออนไลน์ในประเทศเมียนมา รายงานว่าวันนี้ (6 ธ.ค.) กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมา (MNDAA) ซึ่งปกครองเขตปกครองตนเองโกกั้ง ติดชายแดนประเทศเมียนมา-จีน ได้ประกาศพร้อมเผยแพร่ภาพว่าได้มีการตัดสินประหารชีวิตอาชญากรทันทีจำนวน 6 คน จากทั้งหมด 14 คน • โดยผู้ที่ถูประหารชีวิตถูกจับกุมดำเนินคดีในหลายคดีซึ่งทาง MNDAA ระบุว่าคำติดสินประหารชีวิตในที่สาธารณะดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมาย บริเวณลานกลางเมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นเมืองเอกของเขตปกครอง ซึ่งทาง MNDAA และพันธมิตรสามารถยึดจากผู้ปกครองเดิมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทหารเมียนมา • “ทั้ง 6 คนถูกตัดสินประหารชีวิตและได้มีการจัดให้ประหารชีวิตทันทีในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กสาว ผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอาชญากรซึ่งซ่อนปืนและวางแผนจะปล้นจะถูกพาตัวไปตามถนนเพื่อแสดงต่อสาธารณะก่อนด้วย” MNDAA รายงาน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000117473 • #MGROnline #กองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยฯเมียนมา #กองกำลังโกกั้ง #เมืองเล่าก์ก่าย #ประหารนักโทษ #คดีทางเพศ #ปล้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกลาโหม แจ้งคืบหน้าช่วยเหลือ ลูกเรือประมงไทย 4 คน ระบุ คกก.ชายแดนฝั่งเมียนมา ได้รับหนังสือขอตัวแล้ว อยู่ในขั้นตอนกรรมวิธีส่งคนกลับ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117209

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกกลาโหม แจ้งคืบหน้าช่วยเหลือ ลูกเรือประมงไทย 4 คน ระบุ คกก.ชายแดนฝั่งเมียนมา ได้รับหนังสือขอตัวแล้ว อยู่ในขั้นตอนกรรมวิธีส่งคนกลับ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117209 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1075 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระนอง - ข่าวดี! เมียนมา ปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไทย หลังถูกจับกุม พร้อมเรือประมงขณะเข้าไปทำการประมง

    ขณะนี้มีรายงานความตืบหน้า กรณีการประสานขอตัวลูกเรือประมงคนไทย จำนวน 4 คน ที่ถูกเรือรบเมียนมา ยิงเรือประมงไทยและ จจับกุมลูกเรือจำนวน 31 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนไทย 4 คน พร้อมยึดเรือประมง 1 ลำ ขณะเข้าไปทำการประมง ล่าสุด ทางด้านเอกอัครราชทูตเมียนมาประจําประเทศไทย แจ้งว่า ทางเมียนมา จะปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไท ยวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น.

    สำหรับการปล่อยตัวนั้นมี จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ของตรวจคนเข้าเมืองเมียนมา เพราะต้องดู ว่า คนไทย 4 คน ถูกแจ้งความข้อหาใดบ้าง หากเป็นการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะมีขั้นตอนรับ แล้ว ส่ง สภ.ปากน้ำ เพื่อลงบันทึกประจำวัน เปรียบเทียบปรับ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/south/detail/9670000117159

    #MGROnline #เรือประมง
    ระนอง - ข่าวดี! เมียนมา ปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไทย หลังถูกจับกุม พร้อมเรือประมงขณะเข้าไปทำการประมง • ขณะนี้มีรายงานความตืบหน้า กรณีการประสานขอตัวลูกเรือประมงคนไทย จำนวน 4 คน ที่ถูกเรือรบเมียนมา ยิงเรือประมงไทยและ จจับกุมลูกเรือจำนวน 31 คน หนึ่งในนั้นเป็นคนไทย 4 คน พร้อมยึดเรือประมง 1 ลำ ขณะเข้าไปทำการประมง ล่าสุด ทางด้านเอกอัครราชทูตเมียนมาประจําประเทศไทย แจ้งว่า ทางเมียนมา จะปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไท ยวันนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. • สำหรับการปล่อยตัวนั้นมี จะต้องดำเนินการตามขั้นตอน ของตรวจคนเข้าเมืองเมียนมา เพราะต้องดู ว่า คนไทย 4 คน ถูกแจ้งความข้อหาใดบ้าง หากเป็นการหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จะมีขั้นตอนรับ แล้ว ส่ง สภ.ปากน้ำ เพื่อลงบันทึกประจำวัน เปรียบเทียบปรับ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/south/detail/9670000117159 • #MGROnline #เรือประมง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวดี! เมียนมา ปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไทย หลังถูกจับกุม พร้อมเรือประมง ขณะเข้าไปทำการประมง

    อ่านต่อ...https://news1live.com/detail/9670000117159

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ข่าวดี! เมียนมา ปล่อยตัว 4 ลูกเรือคนไทย หลังถูกจับกุม พร้อมเรือประมง ขณะเข้าไปทำการประมง อ่านต่อ...https://news1live.com/detail/9670000117159 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    ยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" CIB Nominee sweep ep.2 รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิดยุทธการการ "ทลายรังมังกรเทา" รวบ 8 นายทุนจีน เปิด 14 บริษัท กระทำผิด4 ธันวาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร. รรท.จตช. , พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.โสภณ สารพัฒน์ รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.ฐากิจจ์ โตเกียรติชูกรณ์ รอง ผบก.ปอศ.,พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร รอง ผบก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจโดยมี นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า , หม่อมหลวงภู่ทอง ทองใหญ่ รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และผู้แทนจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมแถลงข่าวด้วยสืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลให้ดำเนินการ กวาดล้างธุรกิจตัวแทนอำพรางหรือนอมินีในประเทศไทย ซึ่งประกอบอาชีพต้องห้ามตามกฎหมาย แข่งขันแย่งอาชีพคนไทย และหลีกเลี่ยงการเสียภาษี โดยพบว่าส่วนหนึ่งเป็นขบวนการที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจผิดกฎหมายและอาชญากรรมออนไลน์ ใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงิน ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน คอนโด และโครงการบ้านหรู ส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้นำนโยบายไปสู่การปฏิบัติโดยประสานความร่วมมือไปยังกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เพื่อจัดพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) “การป้องกันและปราบปรามปัญหาการเปิดบัญชีม้าของนิติบุคคล และการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE)” ระหว่างตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2567 มีการเชื่อมต่อระบบข้อมูลผู้จดทะเบียนนิติบุคคลกับระบบข้อมูลกลาง ของตำรวจสอบสวนกลาง (BIG DATA) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ข้อมูลในการป้องกันปราบปรามนิติบุคคลต้องสงสัย ที่เกี่ยวข้องกับการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล ตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคลจึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย อาทิเช่น สำนักงานบัญชี โกดัง/คลังสินค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล บริษัทอสังหาริมทรัพย์และบ้านหรูที่ถือครองโดยผิดกฎหมาย จากการตรวจค้น รวบรวมพยานหลักฐานและพยานเอกสารที่ตรวจยึด ทำให้พบแผนประทุษกรรมในการกระทำความผิด 2 รูปแบบ คือ (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) (2) การจดทะเบียนบริษัท ในลักษณะของบริษัทม้า เพื่อนำไปเปิดบัญชีธนาคารรับโอนผลประโยชน์จากอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และใช้ในการฟอกเงิน ผลการปฏิบัติ(ภาพรวม) 1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่ 2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท 3) การดำเนินคดี - นิติบุคคล จำนวน 442 ราย - บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมาร์ 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย 4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด 1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม 2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท 3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น 4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย 5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง 6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท 7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง กฎหมายที่เกี่ยวข้อง 1. พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 2. พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 3. พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิตอล พ.ศ.2561 4. พ.ร.บ.ควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตรา พ.ศ.2485 5. พ.ร.บ.การบัญชี พ.ศ.2543 6. พ.ร.ก.การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566 7. ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ.2497 8. ประมวลกฎหมายอาญา 9. พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 (1) การจดทะเบียนบริษัท โดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) ชาวต่างชาติจะว่าจ้าง บริษัทบัญชี ในการจดทะเบียนนิติบุคคลประกอบธุรกิจโดยใช้คนไทยเข้ามาเป็นตัวแทนอำพราง หรือที่เรียกว่า “นอมินี” ถือหุ้นแทนชาวต่างชาติในสัดส่วนที่ไม่เกินกว่าที่กำหนด เพื่อหลบเลี่ยงข้อกฎหมายและการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐ มาประกอบธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับคนไทย ตลอดจนการถือกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ พบนิติบุคคล 244 ราย บุคคล 319 ราย (จีน 248,ไทย 57 สัญชาติอื่น 14 ราย) เบื้องต้นตรวจพบบริษัทลักษณะเป็นนอมินีของชาวต่างชาติ จำแนกเป็นธุรกิจประเภทอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะเป็นการค้าที่ดิน, ท่องเที่ยว, ธุรกิจบริการและธุรกิจประเภทอื่นๆ มีทุนจดทะเบียนรวมกัน 891,000,000 บาท จุดตรวจค้นที่ 1 รวม 8 จุด : สำนักงานบัญชี 3 แห่ง และบริษัทนอมินี 5 ที่ถือครองบ้านหรู - พบ ชาวต่างชาติสัญชาติจีนจดทะเบียนนิติบุคคลร่วมทุนกับคนไทยโดยมีชื่อเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นในสัดส่วนที่น่าสงสัย เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบนิติบุคคลที่จดทะเบียนเพื่อถือครองอสังหาริมทรัพย์หลายรายการ เช่น โฉนดที่ดินลักษณะเป็นบ้านหรู และที่ดินเพื่อการเกษตร รวม 22 แปลง รวมมูลค่า 254 ล้านบาท รวมถึงตราประทับของบริษัทต่างๆ จำนวนกว่า 242 ชิ้น และยังพบข้อมูลการว่าจ้างบริษัทรับทำบัญชีและจดทะเบียนบริษัทที่รับทำบัญชีและจดจัดตั้งบริษัทให้กับชาวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มคนจีน โดยจะใช้ชื่อของตนเอง กลุ่มเครือญาติของตน รวมทั้งลูกจ้างของบริษัทเข้าไปถือหุ้นร่วมกับชาวต่างชาติ ในสัดส่วนของคนไทย เพื่อหลบหลีกข้อกฎหมาย จุดตรวจค้นที่ 2 รวม 7 จุด : ร้านค้า ร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน และโกดังนำเข้าสินค้าขนาดใหญ่ - ในพื้นที่กรุงเทพฯ สมุทรปราการและ สมุทรสาคร พบสินค้าที่มีแหล่งกำเนิดจากต่างประเทศจำนวนหลายแสนชิ้น จึงได้ตรวจยึดสินค้าทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เบื้องต้นพบสินค้าที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร (สินค้าต้องห้ามนำเข้า, สินค้าที่ไม่ผ่านอนุญาต อย.) จุดตรวจค้นที่ 3 รวม 8 จุด : บริษัทรับแลกเปลี่ยนเงินตราสกุลต่างประเทศ, สินทรัพย์ดิจิทัล USDT - พื้นที่กรุงเทพมหานคร ลักลอบเปิดกิจการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล (USDT) โดยผิดกฎหมาย พบสถานประกอบการที่ดำเนินการโดยใช้ชื่อคนไทย ตรวจยึด สิ่งของและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดจำนวนมาก เช่น ธนบัตรสกุลเงินต่างประเทศ เครื่องนับธนบัตร คอมพิวเตอร์ บัญชีธนาคารของคนจีน โบชัวร์รับแลกเงิน(USDT) โดยพบว่ามีชาวจีน 6 คนเป็นเจ้าของธุรกิจใชวีซาทองเที่ยวและวีซ่านักศึกษาเขามาในประเทศ (2) การจดทะเบียนบริษัทนิติบุคคล ในลักษณะของบริษัทม้า จากการวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เปลี่ยนมาใช้บัญชีบริษัทเพื่อเปิด “บัญชีม้านิติบุคคล” แทนบัญชีบุคคลเพื่อรับโอนเงิน เนื่องจากสามารถโอนเงินได้ไม่จำกัดวงเงิน ต่อครั้ง/ต่อวัน, ไม่ต้องทำการ KYC, สามารถโอนผ่าน browser (internet banking ) โดยเพียงมี User และ password ของบัญชีนิติบุคคล เท่านั้น กลุ่มมิจฉาชีพจึง ว่าจ้างสำนักงานบัญชี/สำนักงานทนายความ ในการจดทะเบียนนิติบุคคล จัดหาบัญชีหรือ “คอกม้า” โดยแอบอ้างใช้ชื่อคนไทยเข้าไปเป็นกรรมการ ผู้ถือหุ้น เพื่ออำพราง เมื่อจดทะเบียนสำเร็จ จะนำนิติบุคคลดังกล่าวไปเปิดบัญชีเพื่อรับโอนผลประโยชน์หรือฟอกเงิน โดยไม่มีการประกอบกิจการจริง และถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพในการหลอกลวงประชาชน จากการตรวจสอบข้อมูลการแจ้งความร้องทุกข์ผ่าน ระบบรับแจ้งความออนไลน์ (Thai police online) พบบริษัทที่มีลักษณะเข้าข่ายบริษัทนิติบุคคลม้าจำนวนหลายบริษัท จึงมีการวางแผนและเข้าทำการตรวจค้น 23 จุดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี 10 จุด กรุงเทพมหานคร 3 จุด เชียงใหม่ 3 ราชบุรี 2 จุด จังหวัดละ 1 จุด ประกอบด้วย ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี จุดประจวบคีรีขันธ์ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เผยว่า ผลการปฏิบัติ พบ นายทุน ชาวจีน, ชาวมาเลเซีย(สัญญาชาติจีน) รวม 8 ราย ว่าจ้างบริษัทบัญชีรวม 14 บริษัท จดทะเบียนนิติบุคคล เพื่อเปิดบัญชีธนาคาร โดยมีทนายความ ผู้ทำบัญชี ผู้รับมอบอำนาจในการจดทะเบียน เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด และจากการขยายผล พบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้อง 198 บริษัท บุคคลธรรมดา 695 ราย (เป็นต่างชาติ 37 คน คนไทย 658 คน) ตรวจยึด บัญชีธนาคาร 314 บัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท ทั้งนี้ ยังพบว่า สำนักงานบัญชี บริษัทกฎหมาย สำนักงานทนายความ มีส่วนเกี่ยวข้อง รู้เห็นกับการกระทำความผิด โดยรับรองลายมือชื่ออันเป็นเท็จ ในเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียน มีความผิดตาม พ.ร.ก. มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และประมวลกฎหมายอาญา (รับรองเอกสารอันเป็นเท็จ, แจ้งเจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่ จดข้อความอันเป็นเท็จ) จึงได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่บัญชี และ ทนายความ จำนวน 25 ราย รวมทั้งได้มีหนังสือแจ้งไปยัง สภาทนายความ และสภาวิชาชีพบัญชี เพื่อพิจารณาเพิกถอนใบอนุญาต ต่อไป ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ขอเตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 462 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าทีไทยเบาไป กมธ.มั่นคงฯเรียกแจง เหตุยิงเรือประมง 04/12/67 #รังสิมันต์ โรม #เรือประมงไทย #กมธ. #เมียนมา
    ท่าทีไทยเบาไป กมธ.มั่นคงฯเรียกแจง เหตุยิงเรือประมง 04/12/67 #รังสิมันต์ โรม #เรือประมงไทย #กมธ. #เมียนมา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 31 0 รีวิว
  • รมว.กต. เผย ภายหลังเชิญทูตเมียนมาเข้าพบ ขอเร่งปล่อย 4 คนไทย-เรือไทยที่อยู่ในการควบคุมโดยเร็ว - กำชับทางการเมียนมาติดตามเรื่องนี้ด้วย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115882

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รมว.กต. เผย ภายหลังเชิญทูตเมียนมาเข้าพบ ขอเร่งปล่อย 4 คนไทย-เรือไทยที่อยู่ในการควบคุมโดยเร็ว - กำชับทางการเมียนมาติดตามเรื่องนี้ด้วย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115882 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 639 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำเกินกว่าเหตุ 02/12/67 #ภูมิธรรม #เรือประมงไทย #เมียนมา #รัฐบาล
    ทำเกินกว่าเหตุ 02/12/67 #ภูมิธรรม #เรือประมงไทย #เมียนมา #รัฐบาล
    Haha
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 586 มุมมอง 32 0 รีวิว
  • บทวิเคราะห์เจาะลึกของ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ต่อกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทยที่อาจจะล้วงล้ำอาณาเขต ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ หรือต่อกรณีกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army: UWSA) ที่เกี่ยวพันกับขบวนการผลิตและค้ายาเสพติด และอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการล้วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทย ผมเคยเขียนวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ไปแล้วตั้งแต่ กลางปี 2023 ขอนำกลับมานำเสนอใหม่อีกรอบนะครับ.Zomia ตอนที่ 4: ประเทศไทยต้องอยู่อย่างไรกับความขัดแย้งในดินแดนแห่งนี้.https://www.the101.world/zomia-4/
    บทวิเคราะห์เจาะลึกของ ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ต่อกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทยที่อาจจะล้วงล้ำอาณาเขต ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ หรือต่อกรณีกองทัพสหรัฐว้า (United Wa State Army: UWSA) ที่เกี่ยวพันกับขบวนการผลิตและค้ายาเสพติด และอาจจะสุ่มเสี่ยงต่อการล้วงล้ำอธิปไตยของประเทศไทย ผมเคยเขียนวิเคราะห์เรื่องเหล่านี้ไปแล้วตั้งแต่ กลางปี 2023 ขอนำกลับมานำเสนอใหม่อีกรอบนะครับ.Zomia ตอนที่ 4: ประเทศไทยต้องอยู่อย่างไรกับความขัดแย้งในดินแดนแห่งนี้.https://www.the101.world/zomia-4/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ ​บอกยังไม่สรุปสาเหตุเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่​ ด้าน"ภูมิธรรม" เผย กรรมการ​ TBC ทำหนังสือท้วงปมใช้ความรุนแรงแล้ว​ จี้หาสาเหตุ​-คืนเรือปล่อยคนไทยด่วน​ ขณะ​ "มาริษ" เชิญทูตพม่าคุยพรุ่งนี้​ ยัน​ 4 ตัวประกันยังปลอดภัยดี มีสัญญาณบวกหลังเจรจาปล่อยตัว​

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115494

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกฯ ​บอกยังไม่สรุปสาเหตุเรือประมงไทยรุกล้ำน่านน้ำเมียนมาหรือไม่​ ด้าน"ภูมิธรรม" เผย กรรมการ​ TBC ทำหนังสือท้วงปมใช้ความรุนแรงแล้ว​ จี้หาสาเหตุ​-คืนเรือปล่อยคนไทยด่วน​ ขณะ​ "มาริษ" เชิญทูตพม่าคุยพรุ่งนี้​ ยัน​ 4 ตัวประกันยังปลอดภัยดี มีสัญญาณบวกหลังเจรจาปล่อยตัว​ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115494 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 989 มุมมอง 0 รีวิว
  • เร่งประสานช่วยคนไทย มั่นใจเมียนมาแค่ยิงเตือน เชื่อปัญหาไม่บานปลาย
    .
    เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ภายหลังศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) เปิดเผยว่า ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งข่าวจากเรือประมงชื่อเรือ มหาลาภธนวัฒน์ 4 บริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-เมียนมา ขณะทำการหาปลากับกลุ่มเรือประมงในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกเรือรบเมียนมาทำการใช้อาวุธ โดยตัวเรือได้รับความเสียหายน้ำเข้าเรือปริมาณมาก มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 2 ราย และเรือรบเมียนมาได้เข้าจับกุมเรือประมงไทยจำนวน 1 ลำ คือเรือ ส.เจริญชัย 8 มีลูกเรือจำนวน 31 คน โดยถูกจับกุมไปยังเกาะย่านเชือก ประเทศเมียนมา
    .
    พล.ร.ท.สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค 3) ได้รับรายงานว่ามีการดำเนินการจับกุมเรือประมงไทยจริง เนื่องจากมีกลุ่มเรือประมงไทยเข้าไปทำการประมงในเขตน่านน้ำลึกเข้าไปในเขตประเทศเมียนมา ประมาณ 4-5.7 ไมล์ และผลจากการประสาน ได้รับแจ้งจาก ผบ.สน.เรือ 58 เกาะย่านเชือก ว่าจะส่งมอบเรือประมงและลูกเรือที่ถูกจับกุมไปยังสถานีประมงเกาะสอง ในอีกประมาณ 2 วันข้างหน้า
    .
    ทั้งนี้ สรุปผลการเข้าให้การช่วยเหลือ เรือดวงทวีผล 333 (เรือในกลุ่มเรือประมงในที่เกิดเหตุ) โดยเรือ ต.274 เข้าทำการค้นหาและช่วยเหลือลูกเรือได้ครบทั้งหมด โดยเสียชีวิต 1 ราย คาดว่าเกิดจากการสำลักน้ำขณะโดดน้ำหนี นอกจากนี้ เรือ ต.274 ได้นำลูกเรือประมงชื่อเรือ มหาลาภธนวัฒน์ 4 จำนวน 2 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาส่งท่าเทียบเรือน้ำลึกจังหวัดระนอง นำส่งผู้บาดเจ็บให้กับ รพ.ระนอง เพื่อทำการรักษาต่อ
    .
    พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้อาวุธและอำนาจของเมียนมาว่าเกินขอบเขตหรือไม่ และเรามีอำนาจเข้าไปป้องกันมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญคือต้องดูว่าพื้นที่เกิดเหตุอยู่ตรงไหน จุดใด มีกฎหมายใดบังคับใช้ เราเข้าไปรุกล้ำเขา หรือเขาเข้ามาใช้อำนาจเกินขอบเขต หากเป็นอย่างหลังจะมีการตอบโต้อย่างชัดเจน
    .
    ด้านนาย​ภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ ​รมว.กลาโหม​ ยอมรับว่า เรือรบเมียนมายิงเรือประมงของไทยจริง​ แต่เป็นการยิงสัญญาณเตือน ไม่ใช่การทำร้าย​ และมีบางส่วนกระเจิดกระเจิง​และตกใจตกน้ำไป​ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานว่าเหตุการณ์​ดังกล่าวนั้นเป็นเช่นไร​
    .
    "ในเบื้องต้นทางกองทัพเรือได้มีการเจรจากับทางการเมียนมา​ เนื่องจากเจตนาในเบื้องต้นไม่ใช่ต้องการรุกล้ำน่านน้ำแต่อย่างใด​ และจะไม่ลุกลามเป็นปัญหาระหว่างสองประเทศ​ มองว่ายังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำหนังสือเตือนระหว่างรัฐบาล" รมว.กลาโหมกล่าว
    .
    พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทยว่า มองว่าการกระทำของเรือรบเมียนมา จะต้องมีการประท้วง ตามช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงคณะกรรมการชายแดน หรือ TBC ว่าได้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้น เรือรบเมียนมา ยิงเข้าไปตัวเรือประมงไทย ไม่ใช่จุดที่เป็นที่อยู่ของลูกเรือ ซึ่งกรณีผู้เสียชีวิต เกิดจากการกระโดดน้ำและจมน้ำเสียชีวิต แต่เรื่องนี้ทางการไทยไม่ยอม จะประท้วงตามช่องทางที่ทำได้ และเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต่อไป
    ..................
    Sondhi X
    เร่งประสานช่วยคนไทย มั่นใจเมียนมาแค่ยิงเตือน เชื่อปัญหาไม่บานปลาย . เกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา ภายหลังศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) เปิดเผยว่า ศรชล.ภาค 3 ได้รับแจ้งข่าวจากเรือประมงชื่อเรือ มหาลาภธนวัฒน์ 4 บริเวณพื้นที่ทับซ้อนไทย-เมียนมา ขณะทำการหาปลากับกลุ่มเรือประมงในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวได้ร้องขอความช่วยเหลือ เนื่องจากถูกเรือรบเมียนมาทำการใช้อาวุธ โดยตัวเรือได้รับความเสียหายน้ำเข้าเรือปริมาณมาก มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บอีก 2 ราย และเรือรบเมียนมาได้เข้าจับกุมเรือประมงไทยจำนวน 1 ลำ คือเรือ ส.เจริญชัย 8 มีลูกเรือจำนวน 31 คน โดยถูกจับกุมไปยังเกาะย่านเชือก ประเทศเมียนมา . พล.ร.ท.สุวัจ ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 (ผบ.ทรภ.3) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ผอ.ศรชล.ภาค 3) ได้รับรายงานว่ามีการดำเนินการจับกุมเรือประมงไทยจริง เนื่องจากมีกลุ่มเรือประมงไทยเข้าไปทำการประมงในเขตน่านน้ำลึกเข้าไปในเขตประเทศเมียนมา ประมาณ 4-5.7 ไมล์ และผลจากการประสาน ได้รับแจ้งจาก ผบ.สน.เรือ 58 เกาะย่านเชือก ว่าจะส่งมอบเรือประมงและลูกเรือที่ถูกจับกุมไปยังสถานีประมงเกาะสอง ในอีกประมาณ 2 วันข้างหน้า . ทั้งนี้ สรุปผลการเข้าให้การช่วยเหลือ เรือดวงทวีผล 333 (เรือในกลุ่มเรือประมงในที่เกิดเหตุ) โดยเรือ ต.274 เข้าทำการค้นหาและช่วยเหลือลูกเรือได้ครบทั้งหมด โดยเสียชีวิต 1 ราย คาดว่าเกิดจากการสำลักน้ำขณะโดดน้ำหนี นอกจากนี้ เรือ ต.274 ได้นำลูกเรือประมงชื่อเรือ มหาลาภธนวัฒน์ 4 จำนวน 2 คน ซึ่งได้รับบาดเจ็บมาส่งท่าเทียบเรือน้ำลึกจังหวัดระนอง นำส่งผู้บาดเจ็บให้กับ รพ.ระนอง เพื่อทำการรักษาต่อ . พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า กองทัพเรือจะเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงการใช้อาวุธและอำนาจของเมียนมาว่าเกินขอบเขตหรือไม่ และเรามีอำนาจเข้าไปป้องกันมากน้อยเพียงใด ที่สำคัญคือต้องดูว่าพื้นที่เกิดเหตุอยู่ตรงไหน จุดใด มีกฎหมายใดบังคับใช้ เราเข้าไปรุกล้ำเขา หรือเขาเข้ามาใช้อำนาจเกินขอบเขต หากเป็นอย่างหลังจะมีการตอบโต้อย่างชัดเจน . ด้านนาย​ภูมิธรรม​ เวชย​ชัย​ รองนายก​รัฐมนตรี​และ ​รมว.กลาโหม​ ยอมรับว่า เรือรบเมียนมายิงเรือประมงของไทยจริง​ แต่เป็นการยิงสัญญาณเตือน ไม่ใช่การทำร้าย​ และมีบางส่วนกระเจิดกระเจิง​และตกใจตกน้ำไป​ แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานว่าเหตุการณ์​ดังกล่าวนั้นเป็นเช่นไร​ . "ในเบื้องต้นทางกองทัพเรือได้มีการเจรจากับทางการเมียนมา​ เนื่องจากเจตนาในเบื้องต้นไม่ใช่ต้องการรุกล้ำน่านน้ำแต่อย่างใด​ และจะไม่ลุกลามเป็นปัญหาระหว่างสองประเทศ​ มองว่ายังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำหนังสือเตือนระหว่างรัฐบาล" รมว.กลาโหมกล่าว . พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีเรือรบเมียนมายิงเรือประมงไทยว่า มองว่าการกระทำของเรือรบเมียนมา จะต้องมีการประท้วง ตามช่องทางของกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงคณะกรรมการชายแดน หรือ TBC ว่าได้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุหรือไม่ และเท่าที่ได้รับรายงานเบื้องต้น เรือรบเมียนมา ยิงเข้าไปตัวเรือประมงไทย ไม่ใช่จุดที่เป็นที่อยู่ของลูกเรือ ซึ่งกรณีผู้เสียชีวิต เกิดจากการกระโดดน้ำและจมน้ำเสียชีวิต แต่เรื่องนี้ทางการไทยไม่ยอม จะประท้วงตามช่องทางที่ทำได้ และเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ต่อไป .................. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 691 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกลาโหม เผย “ภูมิธรรม” สั่ง ผบ.ทร.ประสานเมียนมาเร่งปล่อยตัวลูกเรือ 31 คน พร้อมเรือประมง 1 ลำ ของคนไทย พร้อมประท้วงทุกช่องทาง หลังถูกเรือลาดตระเวนยิง-จับกุม ชี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ยันกองทัพเรือรักษาอธิปไตย ปกป้องน่านน้ำของไทยเต็มกำลัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115356

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    โฆษกกลาโหม เผย “ภูมิธรรม” สั่ง ผบ.ทร.ประสานเมียนมาเร่งปล่อยตัวลูกเรือ 31 คน พร้อมเรือประมง 1 ลำ ของคนไทย พร้อมประท้วงทุกช่องทาง หลังถูกเรือลาดตระเวนยิง-จับกุม ชี้เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ยันกองทัพเรือรักษาอธิปไตย ปกป้องน่านน้ำของไทยเต็มกำลัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000115356 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    13
    13 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4190 มุมมอง 0 รีวิว
  • คานก่อสร้างเหล็กถล่มพระราม 2 เสียชีวิตเพิ่มเป็น 6 ราย เบื้องต้นคนไทยสอง ที่เหลืองแรงงานสัญชาติเมียนมา ส่วนตัวเลขคนเจ็บตอนนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 9 ราย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114992

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    คานก่อสร้างเหล็กถล่มพระราม 2 เสียชีวิตเพิ่มเป็น 6 ราย เบื้องต้นคนไทยสอง ที่เหลืองแรงงานสัญชาติเมียนมา ส่วนตัวเลขคนเจ็บตอนนี้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 9 ราย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114992 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Sad
    Angry
    Like
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1070 มุมมอง 0 รีวิว
  • บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม

    6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน"

    พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

    สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น

    #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน" พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 934 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

    ภาพของขุนเขาสูงตั้งตระหง่านเรียงสลับซับซ้อน ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 114 ของประเทศไทย คือสิ่งดึงดูดให้นักเดินทางหลายคนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รวมถึงมีจุดชมวิวที่เมื่อมองไปด้านหนึ่งเห็นทิวทัศน์ของขุนเขามากมาย ส่วนอีกด้านมองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ สลับกับทิวเขาแทรกเป็นฉากหน้าและฉากหลัง และยังมีจุดกางเต็นท์ในชัยภูมิดีเยี่ยม เพราะล้อมรอบไปด้วยร่มไม้เขียวครึ้ม อากาศเย็นสบาย เป็นที่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น

    อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ หรือ 1,120 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทิศใต้จดอุทยานแห่งชาติไทรโยค ทิศตะวันออกจดอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทิศตะวันตกจดเขตแดนไทย - เมียนมา
    พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอุทยานแห่งชาติทองผาจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มี "เขาช้างเผือก" เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และด้วยเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่

    ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม

    ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวกปาล์ม ข่า และเฟิร์นต่าง ๆ

    ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่าง ๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่าง ได้แก่ มอส เฟิร์นต่าง ๆ

    ป่าเบญจพรรณ (พบมากที่สุด) มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวกไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น
    นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศเมียนมา จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนัก ทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน
    อุทยานแห่งชาติ ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ภาพของขุนเขาสูงตั้งตระหง่านเรียงสลับซับซ้อน ณ อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อุทยานแห่งชาติลำดับที่ 114 ของประเทศไทย คือสิ่งดึงดูดให้นักเดินทางหลายคนอยากมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รวมถึงมีจุดชมวิวที่เมื่อมองไปด้านหนึ่งเห็นทิวทัศน์ของขุนเขามากมาย ส่วนอีกด้านมองเห็นทะเลสาบเขื่อนวชิราลงกรณ สลับกับทิวเขาแทรกเป็นฉากหน้าและฉากหลัง และยังมีจุดกางเต็นท์ในชัยภูมิดีเยี่ยม เพราะล้อมรอบไปด้วยร่มไม้เขียวครึ้ม อากาศเย็นสบาย เป็นที่อาศัยของสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด วันนี้เราเลยจะพาไปทำความรู้จักกันให้มากขึ้น อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าห้วยเขย่งและป่าเขาช้างเผือก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอทองผาภูมิ และอำเภอสังขละบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 700,000 ไร่ หรือ 1,120 ตารางกิโลเมตร โดยทิศเหนือจดเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ทิศใต้จดอุทยานแห่งชาติไทรโยค ทิศตะวันออกจดอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ทิศตะวันตกจดเขตแดนไทย - เมียนมา พื้นที่ส่วนใหญ่ภายในอุทยานแห่งชาติทองผาจะเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน โดยเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาตะนาวศรี ความสูงของพื้นที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 100-1,249 เมตร มี "เขาช้างเผือก" เป็นยอดเขาสูงสุด สูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง และด้วยเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของผืนป่าตะวันตกที่คงความสมบูรณ์ตามธรรมชาติ ทำให้สามารถจำแนกประเภทแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภท ได้แก่ ป่าดิบชื้น มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ตะเคียน ยางขาว ยางยูง ไก่เขียว เคี่ยม กันเกรา จำปาป่า มะหาด เนียง พืชพื้นล่างมีพวก หวาย เฟิน เตย และปาล์ม ป่าดิบแล้ง มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ยางขาว ยางแดง ตะเคียน ยมหอม จำปีป่า กระบาก มะม่วงป่า มะแฟน แดงดง มะไฟป่า สมพง พืชพื้นล่างมีพวกปาล์ม ข่า และเฟิร์นต่าง ๆ ป่าดิบเขา มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ก่อชนิดต่าง ๆ กำลังเสือโคร่ง มณฑาป่า พระเจ้าห้าพระองค์ กำยาน อบเชย ทะโล้ พืชพื้นล่าง ได้แก่ มอส เฟิร์นต่าง ๆ ป่าเบญจพรรณ (พบมากที่สุด) มีพันธุ์ไม้ที่สำคัญ ได้แก่ ประดู่ แดง ตะแบก เสลา ส้าน มะค่าโมง อินทนิล ตุ้มเต๋น ตะคร้อ ตะคร่ำ กระพี้เขาควาย ขะเจ๊าะ มะเกลือ กาสามปีก สมอพิเภก กระบก มะกอก พืชพื้นล่างมีพวกไผ่ไร่ ไผ่ซาง ไผ่บง ไผ่ข้าวหลาม ไผ่รวก และพืชพวกไม้หนาม เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากป่าเป็นผืนเดียวกันกับประเทศเมียนมา จึงมีการย้ายถิ่นฐานไปมาอยู่เป็นประจำ และเนื่องจากไม่มีราษฎรอยู่ในพื้นที่ป่ามากนัก ทำให้สัตว์ป่าไม่ถูกรบกวน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 356 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts