• "ลนลานติดคุก!" 'จตุพร' ชี้ 'ทักษิณ' เคลื่อนไหวหนัก สัญญาณคดีชั้น 14- ม.112 จี้ 'จักรภพ' แฉปมอาวุธสงครามปี 53
    https://www.thai-tai.tv/news/20432/
    .
    #จตุพรพรหมพันธุ์ #ทักษิณ #คดีชั้น14 #มาตรา112 #อุ๊งอิ๊ง #จักรภพเพ็ญแข #ชายชุดดำ #ฮุนเซน #การเมืองไทย #ชุมนุม

    "ลนลานติดคุก!" 'จตุพร' ชี้ 'ทักษิณ' เคลื่อนไหวหนัก สัญญาณคดีชั้น 14- ม.112 จี้ 'จักรภพ' แฉปมอาวุธสงครามปี 53 https://www.thai-tai.tv/news/20432/ . #จตุพรพรหมพันธุ์ #ทักษิณ #คดีชั้น14 #มาตรา112 #อุ๊งอิ๊ง #จักรภพเพ็ญแข #ชายชุดดำ #ฮุนเซน #การเมืองไทย #ชุมนุม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีต ส.ว. 'ดิเรกฤทธิ์' ฝากสื่อฯ จี้ 'ทักษิณ' และ "วุ้นเส้น" ตอบปมความจริงม็อบเสื้อแดง-อาวุธสงคราม
    https://www.thai-tai.tv/news/20420/
    .
    #ดิเรกฤทธิ์ #ทักษิณ #ม็อบเสื้อแดง #เผาบ้านเผาเมือง #อาวุธสงคราม #มาตรา112 #สถาบันสุจริตไทย #การเมืองไทย #ความจริง

    อดีต ส.ว. 'ดิเรกฤทธิ์' ฝากสื่อฯ จี้ 'ทักษิณ' และ "วุ้นเส้น" ตอบปมความจริงม็อบเสื้อแดง-อาวุธสงคราม https://www.thai-tai.tv/news/20420/ . #ดิเรกฤทธิ์ #ทักษิณ #ม็อบเสื้อแดง #เผาบ้านเผาเมือง #อาวุธสงคราม #มาตรา112 #สถาบันสุจริตไทย #การเมืองไทย #ความจริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน

    “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า)

    ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ"

    .........................................................

    - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก

    1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด

    2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น

    3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง

    4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา

    5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้

    - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้

    ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล เล่าถึงเหตุการณ์เจอมือยิงสนธิที่พนมเปญที่เป็นทหาร อยู่ในกลุ่มเดียวกับชายชุดดำที่ซุ่มยิงพลเอกร่มเกล้าโดยระยุว่าได้อาวุธสงครามจากฮุนเซน “ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า) ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ "มือปืน" ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า "ชายชุดดำ" คนเหล่านี้เป็นคนไทย "เสื้อแดง" ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่"ชายชุดดำ" คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ ที่ผ่านมาผมเข้าใจมาโดยตลอดว่า กลุ่มที่ยิงสนธิ เป็นพวกลูกน้อง "พระบรมฯ" ......................................................... - ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก 1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด 2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น 3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง 4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา 5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุนเซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุนเซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้ - กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ “ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระ บะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้ ที่มา : https://www.facebook.com/photo?fbid=2307139029757258&set=a.537421386729040
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!!
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . แล้วที่ไทยจำเป็นต้องทำเลยคือ หาตลาดใหม่ ไปเจารจา ไปพูดคุย เพื่อ เปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ทดแทนส่วนที่จะหายไปจาก อเมริกา เลิกพึ่งพา อเมริกา ได้แล้วครับ . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนำเข้าสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . นี่ล่าสุด RAND Corporation มีรายงานการวิจัยออกมาว่า ไทย เป็น หนึ่งใน พันธมิตร Indo-Pacific ที่ อเมริกา ต้องเขามาหาทาง ติดตั้ง ฐานยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์พิสัยกลาง ซึ่งสามารถยิงไปถึงจีน ให้ได้...!!! . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ##
    ..
    ..
    ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ...
    .
    เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก...
    .
    ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน...
    .
    อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ...
    .
    ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่...
    .
    ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ
    .
    สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย...
    .
    แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ
    ....
    ....
    ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา
    .
    Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ...
    .
    รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย
    .
    ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ...
    .
    ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...???
    .
    การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก....
    .
    จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม
    .
    เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!!
    .
    ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0...
    .
    โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น..
    .
    1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง)
    2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย)
    3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย)
    4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา)
    5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ)
    .
    ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน
    .
    สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป...
    .
    มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!!
    .
    ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว...
    .
    สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา
    ....
    ....
    สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!!
    .
    ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!!
    .
    กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    ## สงครามภาษี แค่ข้ออ้างบังหน้า...!!! ## .. .. ความจริงแล้ว อเมริกา ก็เป็นประเทศ เกษตรกรรม ครับ... . เพียงแต่ เขาใช้ เทคโนโลยี เข้ามาช่วย ดังนั้น การผลิต ทุกๆอย่างที่เขาขาย จึงมีต้นทุนที่ต่ำกว่า เกษตรกรไทยมากนัก... . ถ้า รัฐบาลไทย บอกจะให้เขา ภาษี 0% อย่างว่า และ จะนำเข้าเพิ่มขึ้น เกษตรกรไทย ตายแล้วตายอีก ตายอย่างเดียวครับ วิกฤตซ้ำซ้อน... . อีกอย่าง สินค้า Local ของไทยจริงๆ ไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น สินค้าสวมตอซะเยอะครับ... . ความจริง อเมริกา แค่อยากปิดกั้นจีน ขณะเดียวกันก็บีบไทย เอาผลประโยชน์ และ บีบไทย เพื่อยอมให้เชาใช้พื้นที่... . ผมว่า เราไม่สู้ ปิดสถานกงสุลหมื่นล้านที่เชียงใหม่ดู เจรจาภาษี จะต่อรองได้มากขึ้นหล่ะครับ . สุดท้าย อเมริกา ต้องการ พื้นที่สำหรับสอดแนมจีน และ ฐานทัพ ไว้คอยจัดการจีน มากว่า ภาษีจากประเทศเล็กๆอย่างไทย... . แต่ แน่นอนว่า ถ้ารัฐบาลโง่ เจรจาไม่เป็น ไถจากเราได้เท่าไหร่เขาก็เอาครับ .... .... ความจริง เรื่องภาษี ไทยไม่จำเป็นต้อง เจรจาแค่กับ อเมริกา . Local Content ของไทยจริงๆมีไม่มาก ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นของ จีน และ อื่นๆ... . รัฐบาลไทย ก็ไปคุยกับเขาสิครับ ว่าเนี่ยประเทศไทย โดยภาษี 36% เพราะ สินค้าพวกคุณสวมตอเราเข้าไปขาย อเมริกา เขารู้จึง โยนภาษี 36% ใส่หัวประเทศไทย . ดังนั้น นอกจากประเทศไทยจะต้องแบกส่วน Local Content ของ ไทยไว้แล้ว คุณก็ต้องช่วย ต้องมีแบก ส่วน ของพวกคุณเองด้วยนะ... . ถ้าเป็นไปได้ ขอให้ จีน ช่วยนำเข้าสินค้า Local Content ของไทย เพิ่มขึ้นหน่อยได้หรือไม่...??? . การที่ รัฐ จะสนับสนุน สิ้นค้าส่งออกที่เป็น Local Content ของไทย อย่างเดียว และ จำนวนไม่มาก.... . จะคุ้มค่ากว่าการที่ ประเทศไทยจะปล่อยให้ ภาษีนำเข้าจาก อเมริกา เป็น 0 และ ต้องนับสินค้า การเกษตร จาก อเมริกา เข้ามาเพิ่ม . เพราะ เกษตรกรไทย จะ วินาศสิ้น วิกฤตซ้อนวิกฤต...!!! . ไม่พอ ไทยยังต้อง ทยอยลดการขาดดุล ให้ อเมริกา จนกระทั่งเหลือ 0... . โดยที่ประเทศไทย อาจจะต้อง ซื้อของ จาก อเมริกา เพิ่ม เช่น.. . 1.อาวุธสงคราม (ตกรุ่น ราคาแพง) 2.ฝูงบินโบอิ้ง (ที่มีปัญหาด้านความปลอดภัย) 3.สินค้าทางการเกษตร (ซึ่งต้นทุนถูกกว่าของประเทศไทย) 4.เนื้อหมู (ซึ่งสารเร่งเนื้อแดง ที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่กลับไม่ผิดกฎหมายใน อเมริกา) 5.พันธบัตร อเมริกา (เท่ากับ ประเทศไทย ต้อง ตุน ดอลลาร์ เป็นเจ้าหนี้ให้ อเมริกา กู้เงิน เพิ่ม ดอกต่ำๆ) . ที่สำคัญเลย ผมเชื่อว่า อเมริกา ต้องขอใช้ พื้นที่ในประเทศไทย เป็นฐานทัพ เช่นเดียวกันกับที่ อเมริกา มีฐานทัพทั่วโลก อยู่กว่า 800 แห่ง และ ที่ไทย มีไว้เพื่อจัดการ จีน . สิ่งพวกนี้คือ ที่ประเทศไทย ต้องแลกมาเพื่อ ให้ได้ภาษี ต่ำกว่า 36% ย้ำว่า "แค่ต่ำกว่า 36%" ไม่ใช่ 0% ด้วยซ้ำไป... . มันได้ไม่คุ้ม กับที่เราจะเสีย ครับ ไม่เลย...!!! . ประเทศไทย ควรหลุดออกจากกรอบที่ว่า ต้องเป็น เด็กว่านอนสอนง่าย ของ อเมริกา ได้แล้ว... . สิ่งไหนเป็นประโยชน์ของประเทศ ก็ต้องเลือกสิ่งนั้น ตัดสินใจด้วยสมองของตัวเอง ไม่ใช่ยอมให้เขาจูงจมูกอยู่ตลอดเวลา .... .... สุดท้ายต้องไม่ลืมไปดู 4 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย...!!! . ไอ้นิทาน รัฐปาตานี และ นโยบายพรรคการเมืองบางพรรค ที่ว่า ปกครองตนเอง ทรัพยากรท้องถิ่น เก็บกันเอง ใช้กันเองเนี่ย เผลอๆ อาจจะเรื่องเดียวกันก็ได้ครับ...!!! . กลิ่น ไซออนิสต์ และ ขี้ข้า เป็นฝูง มันทำงานเชื่อมโยงกัน และ มีพวกลงไปอยู่ในพื้นที่ และ หนุน BRN อย่างรอบด้าน อยู่ตรงนั้นด้วย...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • หรือว่าตระกูลฮุน ใกล้จะถึงวันอวสานแล้ว

    ช่วงนี้ผมว่ากองทัพไทยทำงานกันดีมาก ฉลาดและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขมรไปทุกด้าน ตั้งแต่กองทัพประกาศกฏอัยการศึกออกมา จากที่ไทยเสียเปรียบเขมรทุกอย่าง จากการทำงานไม่ได้เรื่องของแพรทองธารกับนายภูมิธรรม ก็ปรากฏว่าในปัจจุบัน ไทยขึ้นมาคุมความได้เปรียบเขมร แทบจะเบ็ดเสร็จทุกอย่าง ***ผมอยากเห็นจริงๆว่า เป็นฝีมือกุนซือจากกองทัพไทยคนไหน ท่านนี้หรือกลุ่มนี้ในอนาคตต้องเป็นที่พึ่งของประเทศชาติได้แน่นอน***

    ความฉลาดแรก คือการตอบโต้สองพ่อลูกตระกูลฮุน แบบเหนือชั้นก็คือ ยังคงตรึงกำลังเอาไว้จำนวนมาก แม้ทหารเขมรจะถอยออกมาถึงนอกเขตต้นพญาสัตยบรรณแล้วก็ตาม เพราะเหมือนรู้ว่า ฮุนเซน จะต้องโพสต์ข้อความหลอกชาวเขมรต่อไปว่า ไม่ได้ถอยทัพ แค่ปรับกำลังพลใหม่ การตรึงกำลังทหารไทยเอาไว้จำนวนมากและเตรียมความพร้อมเรื่องอาวุธ พรอมตอบโต้ตลอด ทำให้คนเขมรได้เห็นภาพความจริงที่ชัดเจน ว่าทหารฝ่ายตนเองได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆ และกองทัพไทยก็ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว

    ความฉลาดครั้งที่สอง การสั่งปิดพรมแดน ที่เป็นจุดกล่องดวงใจของรายได้หลักของตระกูลฮุน คือห้ามคนไทย เข้าไปเล่นบ่อนคาสิโนในเขมร งดการส่งอาหารและสินค้าอุปโภคทั้งหมดเข้าไปในจุดสำคัญของเขมร ทำให้ฮุนเซนเดือดดาลอย่างหนัก เลยออกมาตรฐการณ์งดเวลาวีซ่าของไทยให้พำนักในเขมรได้แค่เหลือ 7 วัน จาก29วัน

    กองทัพไทยก็ตอบโต้ ด้วยการผลักดันแรงงานเถื่อนเขมรจำนวนมากกลับเขมรในทันที และสั่งตรวจสอบวีซ่าคนเขมร ให้เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทยได้แค่ 7 วันเหมือนกัน จากที่เคยฟรีวีซ่า และถือโอกาสส่งเสริมการกวาดล้างและผลักดันแรงงานเถื่อนของเขมรจำนวนนับล้านคนออกจากราชอาณาจักรไทย ส่งกลับคืนประเทศเขมร ทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนขาดรายได้อย่างหนัก และต้องแบกรับภาระคนตกงานในประเทศเพิ่มขึ้น

    ความฉลาดครั้งที่สาม นำฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศ เข้าร่วมประชุมรับรู้ถึงพฤติกรรมของฝ่ายเขมร ต่อกรณีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และมีเจตนาชั่วร้ายที่คิดจะนำกองทัพเขมรบุกเข้ามายึดตัวปราสาทของไทย ทำให้ฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กองทัพไทยจำเป็นต้องตัดไฟฟ้าและตัดสัญญานอินเตอร์เนต และงดการส่งอาหารและเชื้อเพลิงพลังงาน เข้าไปยังเมืองเขตเศรษฐกิจสำคัญของเขมร เพราะตรวจทราบชัดเจนว่า เป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ เปิดบ่อนคาสิโน เพื่อสร้างอาชญากรรมทางไซเบอร์ และเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิจฉาชีพทางการเงินขนาดใหญ่ ทั้งค้าอาวุธสงคราม และเป็นทุนใหญ่หนุนกองทัพเขมร ให้บุกเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย

    นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม EU ถึงได้ออกมาตำหนินายฮุนมาเนต เมื่อวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก EU ว่า ระวังจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นมาอีกครั้ง จากพฤติกรรมของตระกูลตนเองได้

    นี่คือเหตุผลว่า ทำไมสถานฑูตจีน ถึงเปลี่ยนท่าทีไม่สนับสนุนเขมรอีกต่อไป เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าเขมรมีเจตนารุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง และเห็นชอบที่ไทยจะตัดไฟตัดความช่วยเหลือเขมรทุกทาง จากการยกประเด็นเรื่องรัฐบาลเขมรอยู่เบื้องหลังอาชญกรรมทางไซเบอร์ ที่ผู้นำจีน เกลียดเข้าไส้

    ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ไม่พูดมาก พร้อมสนับสนุนไทยทุกด้าน หากไทยเปิดสงครามกับเขมรแบบจริงจัง

    ความฉลาดครั้งที่สี่ การกดดันเขมรทุกทางและตัดความช่วยเหลือทุกอย่างของกองทัพไทย คือการบีบให้ตระกูลฮุน ให้ไปเผชิญหน้าตามลำพังกับฝ่ายค้านของตนเอง และข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเขมรว่า ประชาชนเริ่มลุกฮือ ไม่เอาตระกูลฮุน เพราะแพ้สงครามกับไทย ไม่ได้ยึดตัวปราสาทและเกาะกูดของไทย เหมือนอย่างที่คุยเอาไว้ และข่าวลือเริ่มระบาดหนักว่า ตระกูลเตีย ที่มีเชื้อสายคนไทย ที่คุมกำลังทหารทั้งหมดของเขมร จะปฏิวัติรัฐประหารตระกูลฮุน แบบนี้เท่ากับว่า กองทัพไทยเตรียมตัดหางตระกูลฮุนแบบถาวร และให้เขมรไปจัดการปัญหาภายในของตนเอง และงดความร่วมมือทุกอย่างกับตระกูลฮุน

    เขมรเพิ่งมีปัญหากับ สปป.ลาว เรื่องพรมแดน นี่คือรอยร้าวที่เกิดขึ้นใหม่ของเขมรกับ สปป.ลาว

    เขมรคือประเทศที่ติดหนี้จีน เป็นอันดับต้นๆของโลกและเงินสกุลเรียว ไม่สามารถใช้ได้ในอาเซี่ยนและทั่วโลก ต่างจากสกุลเงินบาทไทย ที่ในอาเซี่ยนและทั่วโลกยอมรับกันหมด ปัญหาของตระกูลฮุนก็คือ ไม่มีเครดิต ที่จะขอกู้เงินจากที่ไหนได้อีก หากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ นั่นก็หมายความว่า ทรัพยากรทั้งหมดของเขมรและทุกพื้นที่ของเขมร จะต้องถูกนำมาจำนองหรือถูกขายแบบถาวรให้สองมหาอำนาจนี้ และนั่นคงจะเป็นจุดจบของตระกูลฮุน ที่อาจจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์กันเองขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเวียดนามส่งทหารเข้ามาช่วยตระกูลฮุน ในขณะที่จีนจะกลับมาสนับสนุนปลุกผีเขมรแดงอีกรอบให้ขึ้นมาจากหลุม

    ในขณะที่ประเทศไทย จะจำบทเรียนสำคัญให้ขึ้นใจ ก็คือต้องหยุดความสงสารต่อคนเขมร เมื่อหากมีการอพยพหนีตายขึ้นมาอีกครั้ง

    แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อกองทัพได้ประกาศกฏอัยการศึกออกมาแล้ว ปัญหาเรื่องเขมรกับไทย กองทัพก็ได้ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทยเท่านั้น เหตุใดยังเห็นภาพของนายภูมิธรรมกับแพรทองธาร เที่ยวออกมาพูดวุ่นวายไปทั่ว แถมออกมาตีเนียนและเคลมว่า เป็นผลงานของตนเอง ที่แอบเจรจากับเขมรมาตลอด แถมยังยกมือกราบไหว้ขอบคุณสรรเสริญต่อผู้นำเขมร ที่ยอมถอยทหารออกไป

    นี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของตระกูลชิน ที่ต้องการช่วยเหลือญาติทางฝั่งเขมรของตนเอง.

    เดชา นฤนารท.
    10/6/68 08.45 น.

    #ไทยต้องไม่ถอย
    #หยุดเขมรรุกแดน
    #รักชาติพิสูจน์ด้วยการกระทำ
    #พร้อมรบเพื่อแผ่นดิน
    #ศึกนี้เพื่ออธิปไตย
    #ไม่เอา2ตระกูลหนักแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม
    #ThammasatPitakTham
    หรือว่าตระกูลฮุน ใกล้จะถึงวันอวสานแล้ว ช่วงนี้ผมว่ากองทัพไทยทำงานกันดีมาก ฉลาดและรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของเขมรไปทุกด้าน ตั้งแต่กองทัพประกาศกฏอัยการศึกออกมา จากที่ไทยเสียเปรียบเขมรทุกอย่าง จากการทำงานไม่ได้เรื่องของแพรทองธารกับนายภูมิธรรม ก็ปรากฏว่าในปัจจุบัน ไทยขึ้นมาคุมความได้เปรียบเขมร แทบจะเบ็ดเสร็จทุกอย่าง ***ผมอยากเห็นจริงๆว่า เป็นฝีมือกุนซือจากกองทัพไทยคนไหน ท่านนี้หรือกลุ่มนี้ในอนาคตต้องเป็นที่พึ่งของประเทศชาติได้แน่นอน*** ความฉลาดแรก คือการตอบโต้สองพ่อลูกตระกูลฮุน แบบเหนือชั้นก็คือ ยังคงตรึงกำลังเอาไว้จำนวนมาก แม้ทหารเขมรจะถอยออกมาถึงนอกเขตต้นพญาสัตยบรรณแล้วก็ตาม เพราะเหมือนรู้ว่า ฮุนเซน จะต้องโพสต์ข้อความหลอกชาวเขมรต่อไปว่า ไม่ได้ถอยทัพ แค่ปรับกำลังพลใหม่ การตรึงกำลังทหารไทยเอาไว้จำนวนมากและเตรียมความพร้อมเรื่องอาวุธ พรอมตอบโต้ตลอด ทำให้คนเขมรได้เห็นภาพความจริงที่ชัดเจน ว่าทหารฝ่ายตนเองได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆ และกองทัพไทยก็ได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้ทั้งหมดแล้ว ความฉลาดครั้งที่สอง การสั่งปิดพรมแดน ที่เป็นจุดกล่องดวงใจของรายได้หลักของตระกูลฮุน คือห้ามคนไทย เข้าไปเล่นบ่อนคาสิโนในเขมร งดการส่งอาหารและสินค้าอุปโภคทั้งหมดเข้าไปในจุดสำคัญของเขมร ทำให้ฮุนเซนเดือดดาลอย่างหนัก เลยออกมาตรฐการณ์งดเวลาวีซ่าของไทยให้พำนักในเขมรได้แค่เหลือ 7 วัน จาก29วัน กองทัพไทยก็ตอบโต้ ด้วยการผลักดันแรงงานเถื่อนเขมรจำนวนมากกลับเขมรในทันที และสั่งตรวจสอบวีซ่าคนเขมร ให้เข้ามาพำนักในราชอาณาจักรไทยได้แค่ 7 วันเหมือนกัน จากที่เคยฟรีวีซ่า และถือโอกาสส่งเสริมการกวาดล้างและผลักดันแรงงานเถื่อนของเขมรจำนวนนับล้านคนออกจากราชอาณาจักรไทย ส่งกลับคืนประเทศเขมร ทำให้สองพ่อลูกตระกูลฮุนขาดรายได้อย่างหนัก และต้องแบกรับภาระคนตกงานในประเทศเพิ่มขึ้น ความฉลาดครั้งที่สาม นำฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศ เข้าร่วมประชุมรับรู้ถึงพฤติกรรมของฝ่ายเขมร ต่อกรณีการรุกล้ำอธิปไตยของไทย และมีเจตนาชั่วร้ายที่คิดจะนำกองทัพเขมรบุกเข้ามายึดตัวปราสาทของไทย ทำให้ฑูตทหารฝ่ายความมั่นคงของทุกประเทศเข้าใจอย่างถูกต้องว่า กองทัพไทยจำเป็นต้องตัดไฟฟ้าและตัดสัญญานอินเตอร์เนต และงดการส่งอาหารและเชื้อเพลิงพลังงาน เข้าไปยังเมืองเขตเศรษฐกิจสำคัญของเขมร เพราะตรวจทราบชัดเจนว่า เป็นแหล่งฟอกเงินขนาดใหญ่ เปิดบ่อนคาสิโน เพื่อสร้างอาชญากรรมทางไซเบอร์ และเป็นศูนย์รวมของแก๊งมิจฉาชีพทางการเงินขนาดใหญ่ ทั้งค้าอาวุธสงคราม และเป็นทุนใหญ่หนุนกองทัพเขมร ให้บุกเข้ามารุกล้ำอธิปไตยของไทย นี่คือเหตุผลสำคัญว่า ทำไม EU ถึงได้ออกมาตำหนินายฮุนมาเนต เมื่อวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก EU ว่า ระวังจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์ ขึ้นมาอีกครั้ง จากพฤติกรรมของตระกูลตนเองได้ นี่คือเหตุผลว่า ทำไมสถานฑูตจีน ถึงเปลี่ยนท่าทีไม่สนับสนุนเขมรอีกต่อไป เพราะมีหลักฐานชัดเจนว่าเขมรมีเจตนารุกล้ำอธิปไตยของไทยจริง และเห็นชอบที่ไทยจะตัดไฟตัดความช่วยเหลือเขมรทุกทาง จากการยกประเด็นเรื่องรัฐบาลเขมรอยู่เบื้องหลังอาชญกรรมทางไซเบอร์ ที่ผู้นำจีน เกลียดเข้าไส้ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและญี่ปุ่น ไม่พูดมาก พร้อมสนับสนุนไทยทุกด้าน หากไทยเปิดสงครามกับเขมรแบบจริงจัง ความฉลาดครั้งที่สี่ การกดดันเขมรทุกทางและตัดความช่วยเหลือทุกอย่างของกองทัพไทย คือการบีบให้ตระกูลฮุน ให้ไปเผชิญหน้าตามลำพังกับฝ่ายค้านของตนเอง และข่าวลือเริ่มแพร่กระจายไปทั่วเขมรว่า ประชาชนเริ่มลุกฮือ ไม่เอาตระกูลฮุน เพราะแพ้สงครามกับไทย ไม่ได้ยึดตัวปราสาทและเกาะกูดของไทย เหมือนอย่างที่คุยเอาไว้ และข่าวลือเริ่มระบาดหนักว่า ตระกูลเตีย ที่มีเชื้อสายคนไทย ที่คุมกำลังทหารทั้งหมดของเขมร จะปฏิวัติรัฐประหารตระกูลฮุน แบบนี้เท่ากับว่า กองทัพไทยเตรียมตัดหางตระกูลฮุนแบบถาวร และให้เขมรไปจัดการปัญหาภายในของตนเอง และงดความร่วมมือทุกอย่างกับตระกูลฮุน เขมรเพิ่งมีปัญหากับ สปป.ลาว เรื่องพรมแดน นี่คือรอยร้าวที่เกิดขึ้นใหม่ของเขมรกับ สปป.ลาว เขมรคือประเทศที่ติดหนี้จีน เป็นอันดับต้นๆของโลกและเงินสกุลเรียว ไม่สามารถใช้ได้ในอาเซี่ยนและทั่วโลก ต่างจากสกุลเงินบาทไทย ที่ในอาเซี่ยนและทั่วโลกยอมรับกันหมด ปัญหาของตระกูลฮุนก็คือ ไม่มีเครดิต ที่จะขอกู้เงินจากที่ไหนได้อีก หากจีนและสหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยเหลือ นั่นก็หมายความว่า ทรัพยากรทั้งหมดของเขมรและทุกพื้นที่ของเขมร จะต้องถูกนำมาจำนองหรือถูกขายแบบถาวรให้สองมหาอำนาจนี้ และนั่นคงจะเป็นจุดจบของตระกูลฮุน ที่อาจจะเกิดสงครามล้างเผ่าพันธุ์กันเองขึ้นมาอีกรอบ เมื่อเวียดนามส่งทหารเข้ามาช่วยตระกูลฮุน ในขณะที่จีนจะกลับมาสนับสนุนปลุกผีเขมรแดงอีกรอบให้ขึ้นมาจากหลุม ในขณะที่ประเทศไทย จะจำบทเรียนสำคัญให้ขึ้นใจ ก็คือต้องหยุดความสงสารต่อคนเขมร เมื่อหากมีการอพยพหนีตายขึ้นมาอีกครั้ง แต่ผมยังสงสัยอยู่ว่า เมื่อกองทัพได้ประกาศกฏอัยการศึกออกมาแล้ว ปัญหาเรื่องเขมรกับไทย กองทัพก็ได้ประกาศออกมาชัดเจนแล้วว่า ให้เป็นหน้าที่ของกองทัพไทยเท่านั้น เหตุใดยังเห็นภาพของนายภูมิธรรมกับแพรทองธาร เที่ยวออกมาพูดวุ่นวายไปทั่ว แถมออกมาตีเนียนและเคลมว่า เป็นผลงานของตนเอง ที่แอบเจรจากับเขมรมาตลอด แถมยังยกมือกราบไหว้ขอบคุณสรรเสริญต่อผู้นำเขมร ที่ยอมถอยทหารออกไป นี่คือความพยายามเฮือกสุดท้ายของตระกูลชิน ที่ต้องการช่วยเหลือญาติทางฝั่งเขมรของตนเอง. เดชา นฤนารท. 10/6/68 08.45 น. #ไทยต้องไม่ถอย #หยุดเขมรรุกแดน #รักชาติพิสูจน์ด้วยการกระทำ #พร้อมรบเพื่อแผ่นดิน #ศึกนี้เพื่ออธิปไตย #ไม่เอา2ตระกูลหนักแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #ธรรมศาสตร์พิทักษ์ธรรม #ThammasatPitakTham
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำลังรบกองเรือยุทธการ พร้อมปกป้องอธิปไตย : [NEWS UPDATE]

    พลเรือเอกณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เผยถึงการฝึกซ้อมรบของกองทัพเรือกัมพูชา ได้รวบรวมข้อมูลข่าวกรองทราบว่าไม่ใช่การฝึกประเทศเดียว ย้ำ ขีดความสามารถของกองทัพเรือ มีความพร้อมทั้งเรือ อาวุธสงคราม โดยหน่วยรบหลักของกองทัพเรือ มีเรือ อากาศยาน และหน่วยซีล ซึ่งได้ผ่านการฝึกแก้ปัญหาในที่บังคับการ ฝึกภาคทะเล ฝึกร่วมกับต่างประเทศ เช่น คอบร้าโกลด์ ฝึกร่วมกับสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ จึงมีประสบการณ์ และมีความพร้อม กำลังพลมีความกล้าหาญ เสียสละ ไม่กลัวตาย เราฝึกให้กำลังพลรู้จักหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อประเทศชาติและประชาชน

    ตราดเตรียมแผนอพยพ

    กัมพูชาซ้อมกระสุนจริง

    ไม่เชื่อกาสิโนหนุนท่องเที่ยว

    ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสารพิษ
    กำลังรบกองเรือยุทธการ พร้อมปกป้องอธิปไตย : [NEWS UPDATE] พลเรือเอกณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ เผยถึงการฝึกซ้อมรบของกองทัพเรือกัมพูชา ได้รวบรวมข้อมูลข่าวกรองทราบว่าไม่ใช่การฝึกประเทศเดียว ย้ำ ขีดความสามารถของกองทัพเรือ มีความพร้อมทั้งเรือ อาวุธสงคราม โดยหน่วยรบหลักของกองทัพเรือ มีเรือ อากาศยาน และหน่วยซีล ซึ่งได้ผ่านการฝึกแก้ปัญหาในที่บังคับการ ฝึกภาคทะเล ฝึกร่วมกับต่างประเทศ เช่น คอบร้าโกลด์ ฝึกร่วมกับสหรัฐฯ เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ จึงมีประสบการณ์ และมีความพร้อม กำลังพลมีความกล้าหาญ เสียสละ ไม่กลัวตาย เราฝึกให้กำลังพลรู้จักหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราดเตรียมแผนอพยพ กัมพูชาซ้อมกระสุนจริง ไม่เชื่อกาสิโนหนุนท่องเที่ยว ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสารพิษ
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 663 มุมมอง 27 0 รีวิว
  • ..เอาจริงๆนะ ระหว่างโรงงานจีนกับโรงงานญี่ปุ่นในไทย,ไม่ต่างกันเพราะค้ากำไรมหาศาลในไทยและประชาชนคนไทยไม่ได้อะไรมากนักแค่ชนชั้นแรงงานสร้างยอดขายกำไรแก่โรงงานนั้นๆ,จริงๆต้องผลักดันออกไปให้หมดและส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยพัฒนาศักยภาพเอง คนไทยสร้างโรงงานบนแผ่นดินไทยเอง สร้างเม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเข้ามาประเทศเราเอา กำหนดเงื่อนไขกติกาสวัสดิการที่ดีๆแก่คนไทยเอง คิดสร้างสรรสุขภาพงานคู่ขนานสุขภาพร่างกายจิตใจคนร่วมงานกันเองได้สบาย แบบ30บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจริงๆแทบไม่ต้องเสียอะไร พื้นฐานโครงการคือฟรีทุกๆโรคแต่ยังไม่เล่นมุก30บาทรักษาทุกๆโรคอยู่ สมควรยกเลิกและรักษาฟรีเฉพาะคนไทยเราจริงๆ.
    ..สรุปรัฐบาลนี้สร้างหายนะมากมายจริงๆจะเปิดบ่อนคาสิโนนี้ล่ะคือตัวชี้วัดได้เลย,ไม่มีในนโยบายหาเสียงหลักใดๆช่วงเลือกตัังเลยของพรรคการเมืองและมันคือเรื่องอบายมุขด้วย พรรคไม่ซื่อสัตย์ต่อการหาเสียงเพื่อวางนโยบายบริหารจัดการประเทศ ถือว่าสามารถถูกยุบพรรคหมดสถานะแบบอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์นั้นหลุดจากการเป็นนายกเลย,เมื่อพรรคถูกยุบ จริงๆเมื่อสส.ก่อกำเนิดมาจากพรรคคือใช้พรรคสมัครเป็นสส.ก็คือมีตัวตนจากพรรค มิใช่อิสระจากพรรค สมัครสส.ในนามพรรคนั้นๆเสมือนเนื้อเดียวกัน,เมื่อพรรคถูกยุบ สถานะสภาพสส.ต้องหมดสถานะและคุณสมบัติทันทีเช่นอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หมดสถานะนายกฯ จริงๆพรรคต้องรับผิดชอบความผิดอย่างเต็มที่ร่วมด้วยที่พรรคมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ประจำพรรคทำหน้าที่สำคัญหัวหอกนำพาประเทศแต่กลับไม่ได้รับการลงโทษอะไร อยู่ดีมีสุขเหมือนเล่นขายของขายชาติง่ายๆชาติประเทศไทยเป็นของเล่นนั้นเอง,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดขนาดใหญ่,ไม่แปลกใจที่ชาติไทยเราสามารถพบหายนะหลากหลายทิศทางจากต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยอิสระเหยียบย้ำสัมมาอาชีพและวิถีดำรงชีวิตที่สงบสุขบนแผ่นดินไทยตนเอง,
    ..นายกฯผู้นำประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนใหม่ทันทีและอย่างรวดเร็วจะรอเดือนหน้าไม่ได้รอ,ชีวิตคนไทยเสี่ยงสูงมา2ปีแล้วและภาวะสงครามตังดุเดือดวิกฤติระดับโลกด้วย,อดีตอาวุธคือการทำสงคราม,ปัจจุบันคือตังเป็นอาวุธสงครามโดยประชาชนคนไทยยังตระหนักน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่ร้ายแรงจริงต่อสงครามตังนี้ที่บิดเบือนว่าสงครามเศรษฐกิจที่ใช้กันเรื่อยๆมา,ไม่เจาะชี้ให้คนไทยเห็นภัยร้ายชัดเจนจริงเข้าใจจริงตรงกันอย่างรวดเร็วและร่วมกันสร้างแม่ทัพผู้นำรบเป็นนายกมากฝีมือเข้าสู้รบในสนามสงครามโลกของยุคใหม่นี้,เสือกบ้าบอเขียนกฎหมายเลือกตั้งปัญญาอ่อน เด็กเล่นขายของในลานบ้านกลางแจ้ง,กำเนิดผู้นำที่ไร้ฝีมือเรื่อยมาตลอดจนขายชาติขายบ้านขายเมืองขายที่ดินไทยขายแผ่นดินประเทศไทยอย่างสนุกสนาน กำเนิดก่อเกิดอบายมุขมากมายทำลายคนไทยในชาติตนเองเองเช่นจีนสูบฝิ่น,คนจีนทั้งชาติขี้ยาเสื่อมสภาพอ่อนแอต่อข้าศึกศัตรูต่างชาติแบบพวกฝรั่งต่างแดนทันที.
    ..ภัยร้ายแรงตอนนี้คือต้องสร้างผู้นำคนใหม่เท่านั้นจริงๆและแทนที่ทันที.
    ..
    ..https://youtube.com/shorts/VG5XkXrdYRA?si=csmRQ4bIvdBJsYyH
    ..เอาจริงๆนะ ระหว่างโรงงานจีนกับโรงงานญี่ปุ่นในไทย,ไม่ต่างกันเพราะค้ากำไรมหาศาลในไทยและประชาชนคนไทยไม่ได้อะไรมากนักแค่ชนชั้นแรงงานสร้างยอดขายกำไรแก่โรงงานนั้นๆ,จริงๆต้องผลักดันออกไปให้หมดและส่งเสริมสนับสนุนให้คนไทยพัฒนาศักยภาพเอง คนไทยสร้างโรงงานบนแผ่นดินไทยเอง สร้างเม็ดเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วยเข้ามาประเทศเราเอา กำหนดเงื่อนไขกติกาสวัสดิการที่ดีๆแก่คนไทยเอง คิดสร้างสรรสุขภาพงานคู่ขนานสุขภาพร่างกายจิตใจคนร่วมงานกันเองได้สบาย แบบ30บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจริงๆแทบไม่ต้องเสียอะไร พื้นฐานโครงการคือฟรีทุกๆโรคแต่ยังไม่เล่นมุก30บาทรักษาทุกๆโรคอยู่ สมควรยกเลิกและรักษาฟรีเฉพาะคนไทยเราจริงๆ. ..สรุปรัฐบาลนี้สร้างหายนะมากมายจริงๆจะเปิดบ่อนคาสิโนนี้ล่ะคือตัวชี้วัดได้เลย,ไม่มีในนโยบายหาเสียงหลักใดๆช่วงเลือกตัังเลยของพรรคการเมืองและมันคือเรื่องอบายมุขด้วย พรรคไม่ซื่อสัตย์ต่อการหาเสียงเพื่อวางนโยบายบริหารจัดการประเทศ ถือว่าสามารถถูกยุบพรรคหมดสถานะแบบอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์นั้นหลุดจากการเป็นนายกเลย,เมื่อพรรคถูกยุบ จริงๆเมื่อสส.ก่อกำเนิดมาจากพรรคคือใช้พรรคสมัครเป็นสส.ก็คือมีตัวตนจากพรรค มิใช่อิสระจากพรรค สมัครสส.ในนามพรรคนั้นๆเสมือนเนื้อเดียวกัน,เมื่อพรรคถูกยุบ สถานะสภาพสส.ต้องหมดสถานะและคุณสมบัติทันทีเช่นอดีตนายกฯไม่ซื่อสัตย์หมดสถานะนายกฯ จริงๆพรรคต้องรับผิดชอบความผิดอย่างเต็มที่ร่วมด้วยที่พรรคมีนายกฯไม่ซื่อสัตย์ประจำพรรคทำหน้าที่สำคัญหัวหอกนำพาประเทศแต่กลับไม่ได้รับการลงโทษอะไร อยู่ดีมีสุขเหมือนเล่นขายของขายชาติง่ายๆชาติประเทศไทยเป็นของเล่นนั้นเอง,นี้คือวิถีการปกครองที่ล้มเหลวและผิดพลาดขนาดใหญ่,ไม่แปลกใจที่ชาติไทยเราสามารถพบหายนะหลากหลายทิศทางจากต่างชาติเข้ามาอยู่อาศัยอิสระเหยียบย้ำสัมมาอาชีพและวิถีดำรงชีวิตที่สงบสุขบนแผ่นดินไทยตนเอง, ..นายกฯผู้นำประเทศไทยเราต้องเปลี่ยนใหม่ทันทีและอย่างรวดเร็วจะรอเดือนหน้าไม่ได้รอ,ชีวิตคนไทยเสี่ยงสูงมา2ปีแล้วและภาวะสงครามตังดุเดือดวิกฤติระดับโลกด้วย,อดีตอาวุธคือการทำสงคราม,ปัจจุบันคือตังเป็นอาวุธสงครามโดยประชาชนคนไทยยังตระหนักน้อย ไม่เข้าใจความหมายที่ร้ายแรงจริงต่อสงครามตังนี้ที่บิดเบือนว่าสงครามเศรษฐกิจที่ใช้กันเรื่อยๆมา,ไม่เจาะชี้ให้คนไทยเห็นภัยร้ายชัดเจนจริงเข้าใจจริงตรงกันอย่างรวดเร็วและร่วมกันสร้างแม่ทัพผู้นำรบเป็นนายกมากฝีมือเข้าสู้รบในสนามสงครามโลกของยุคใหม่นี้,เสือกบ้าบอเขียนกฎหมายเลือกตั้งปัญญาอ่อน เด็กเล่นขายของในลานบ้านกลางแจ้ง,กำเนิดผู้นำที่ไร้ฝีมือเรื่อยมาตลอดจนขายชาติขายบ้านขายเมืองขายที่ดินไทยขายแผ่นดินประเทศไทยอย่างสนุกสนาน กำเนิดก่อเกิดอบายมุขมากมายทำลายคนไทยในชาติตนเองเองเช่นจีนสูบฝิ่น,คนจีนทั้งชาติขี้ยาเสื่อมสภาพอ่อนแอต่อข้าศึกศัตรูต่างชาติแบบพวกฝรั่งต่างแดนทันที. ..ภัยร้ายแรงตอนนี้คือต้องสร้างผู้นำคนใหม่เท่านั้นจริงๆและแทนที่ทันที. .. ..https://youtube.com/shorts/VG5XkXrdYRA?si=csmRQ4bIvdBJsYyH
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป การเจรจาสิ่งใหม่ๆจะได้พบในสิ่งที่ดี จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ ติดตามมา ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ งานติดต่อประสานงาน ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อ ระดมสมองแสดงความคิดเห็นจะมีชื่อเสียง แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกล เพื่อนใหม่ๆจะเข้า มาเยี่ยมเยือน ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป การเจรจาสิ่งใหม่ๆจะได้พบในสิ่งที่ดี จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ ติดตามมา ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ งานติดต่อประสานงาน ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อ ระดมสมองแสดงความคิดเห็นจะมีชื่อเสียง แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกล เพื่อนใหม่ๆจะเข้า มาเยี่ยมเยือน ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน! 08.00 น. มีชายถืออาวุธสงครามกราดยิง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน หน้าเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก ขณะนี้ จนท.กำลังปิดล้อม
    https://www.thai-tai.tv/news/18521/
    ด่วน! 08.00 น. มีชายถืออาวุธสงครามกราดยิง ที่บริเวณปั๊มน้ำมัน หน้าเทศบาลนครแม่สอด จ.ตาก ขณะนี้ จนท.กำลังปิดล้อม https://www.thai-tai.tv/news/18521/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร

    เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี!

    ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี...

    เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย...

    เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม...

    ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี

    ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท

    เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย...

    จุดเริ่มต้นการสืบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ

    จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?

    หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา

    ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข

    การสารภาพอันเลือดเย็น ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง

    วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด

    ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้”

    คดีความ โทษที่ได้รับ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์

    ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง

    จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป

    แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้

    อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง

    วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน

    "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง

    อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555

    ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล

    หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน

    แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ...

    สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น

    คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ

    คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552

    คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557

    แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย

    เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ

    แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568

    #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    28 ปี คดีโหด “ศักดิ์ ปากรอ” ฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี นายหน้าค้าที่ดินแห่งสิงหนคร เรื่องจริงสุดสยอง คดีฆ่ายกครัว 5 ศพ ตระกูลบุญทวี สะเทือนขวัญสังคมไทยไม่เสื่อมคลาย แม้ผ่านมา 28 ปี! 🔥 ✨ ย้อนกลับไปในวันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2540 ณ บ้านเลขที่ 162 หมู่ที่ 8 บ้านบ่อสระ ตำบลชิงโค อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา เกิดเหตุสะเทือนขวัญ ที่ทำให้ทั้งประเทศต้องตกตะลึง เมื่อครอบครัวบุญทวี ถูกฆ่ายกครัวถึง 5 ศพ ❗ เหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เพียงแต่โหดเหี้ยม แต่ยังเต็มไปด้วยเงื่อนงำ ที่ทำให้ผู้คนขวัญผวานานนับสิบปี... เหตุการณ์สลดที่ไม่มีใครคาดคิด 🧓 นางกิ้มอิ้น บุญทวี อายุ 71 ปี ตื่นขึ้นมาในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ พร้อมกับความหวังว่าจะได้พบหลานๆ ทั้ง 3 คนตามปกติ แต่เช้าวันนั้นกลับผิดสังเกต ไม่มีหลานคนไหนโผล่มาเลย... เมื่อเดินไปที่บ้านของนายประภาส บุญทวี ลูกชาย ซึ่งอยู่ห่าง 150 เมตร เธอก็พบว่าประตูบ้านไม่ได้ล็อก ❗ และเมื่อเปิดเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้เธอแทบเป็นลม... ภายในบ้าน มีศพแขวนเรียงรายอยู่ที่ราวบันได นายประภาส บุญทวี อายุ 42 ปี, ด.ช.กัมปนาท บุญทวี อายุ 13 ปี, ด.ช.ปราบ บุญทวี อายุ 12 ปี และ ด.ช.ชัชวาลย์ บุญทวี อายุ 10 ปี ในห้องนอนชั้นสอง ยังพบศพของ นางเจียมจิต บุญทวี ภรรยาของประภาส ถูกมัดมือเท้า ปิดปาก และรัดคอด้วยเนกไท 🧣 เจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่า เหยื่อทั้ง 5 ราย ถูกทำร้ายร่างกายก่อนเสียชีวิต และ ไม่พบสารพิษหรือยานอนหลับ ในกระเพาะอาหารเลย... จุดเริ่มต้นการสืบสวน 🔎 เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งเดินทางมายังที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในบ้านมีร่องรอยการรื้อค้น 📦 และทรัพย์สินหลายอย่างหายไป เช่น พระเครื่องจำนวนมาก ทรัพย์สินมีค่า ทองคำ จากการสอบปากคำญาติและเพื่อนบ้าน พบว่า นายประภาสเป็นคนมีฐานะดี จากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน มีทรัพย์สินจำนวนมาก 🏡💵 สมมติฐานแรก คือ คดีนี้น่าจะเป็นฆ่าชิงทรัพย์ แต่ทำไมต้องโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้? 🕵️ หลังจากการสืบสวนกว่า 23 วัน ตำรวจพบเบาะแสสำคัญ จากการขายพระเครื่อง ที่หายไปจากบ้านเหยื่อ ❗ ผู้ขายพระเครื่องให้ข้อมูลว่า ได้รับมาจาก "เรืองศักดิ์ ทองกุล" หรือ "ศักดิ์ ปากรอ" ชายวัย 22 ปี ชาวปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา 🧢 ต่อมา วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัว "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ที่จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมของกลาง ได้แก่ พลอยแดง 9 เม็ด นิล 5 เม็ด เข็มกลัดสัญลักษณ์กระทรวงสาธารณสุข การสารภาพอันเลือดเย็น 😈 ศักดิ์ให้การรับสารภาพ อย่างไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับยิ้มบางๆ 😐 ว่าวางแผนฆ่าครั้งนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง โดยมีผู้สมรู้ร่วมคิดคือ "สงกรานต์ แก้วอุบล" หรือ "จ้อง" เพื่อนซึ่งทำหน้าที่ดูต้นทาง วิธีการก่อเหตุ เย็นวันศุกร์ ศักดิ์ขับรถจักรยานยนต์มาซุ่ม เมื่อเห็นในบ้านมีเฉพาะเด็ก ๆ แค่ 3 คน จึงทำทีขอน้ำดื่ม แล้วใช้ปืนขู่ลูกๆ ของประภาส จับมัดมือ มัดเท้า ขังไว้ในห้อง รอจนพ่อแม่เด็กกลับมา แล้วจับตัวทั้งหมด ศักดิ์พยายามใช้ไฟฟ้าช็อตเหยื่อ แต่ไม่สำเร็จเพราะบ้านมีอุปกรณ์ตัดไฟเซฟทีคัท จึงเปลี่ยนแผนมาใช้ เชือกแขวนคอทีละคน บริเวณราวบันได นางเจียมจิตถูกฆ่าอย่างทารุณ หลังจากขัดขืนการล่วงละเมิดทางเพศ สาเหตุที่ต้องฆ่าเหยื่อทั้งหมด เพราะ “จำหน้าได้” ‼️ คดีความ โทษที่ได้รับ ⚖️ ศาลชั้นต้นตัดสินประหารชีวิตศักดิ์ และจำคุกตลอดชีวิตจ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน แต่ศาลฎีกาลดโทษศักดิ์ เหลือจำคุกตลอดชีวิต เพราะให้การเป็นประโยชน์ ศักดิ์ติดคุก 13 ปี ก่อนพ้นโทษในปี พ.ศ. 2553 หลังออกจากคุก ศักดิ์ชุบตัวใหม่ เปลี่ยนชื่อและนามสกุลเป็น "เนติราษฎร์ นพวงศ์" และเข้าไปพัวพันกับซุ้มมือปืนรับจ้าง 🏴‍☠️ จุดจบของ "ศักดิ์ ปากรอ" 🚫 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 เนติราษฎร์ถูกลอบยิงเสียชีวิต ที่หน้าบ้านพักในอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ขณะกำลังจะขึ้นรถจักรยานยนต์ 🏍️ คนร้ายใช้รถเก๋งสีขาวเข้ามาจอด และยิงใส่หลัง 2 นัด ก่อนหลบหนีไป ❗ แม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสงสัยว่า เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ แต่จนถึงปัจจุบัน ก็ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ อาวุธลับที่เชื่อมโยงศักดิ์กับคดีใหญ่ 🌪️ หลังการเสียชีวิตของศักดิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงตามสืบคดีต่างๆ ที่เชื่อมโยงถึง 🚨 วันที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 ตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านของ "พิมล ทองกุล" พี่ชายของศักดิ์ ที่ตำบลปากรอ อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา และพบอาวุธสงครามจำนวนมาก เช่น ปืนอาก้า 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด 5.56 มม. และ 7.62 มม. ปืนยาวติดกล้อง .22 แม็กกาซีน และซองกระสุน 🛡️ "เพิ่มศีล" ผู้เป็นพี่ชายให้การว่า อาวุธทั้งหมดเป็นของศักดิ์ ไม่ใช่ของตนเอง อาวุธปืนที่เกี่ยวข้องกับอีกหนึ่งคดีฆ่า 🔥 การตรวจสอบพบว่า อาวุธปืนอาก้าที่ยึดมาได้ ตรงกับปืนที่ใช้ยิง "พงศกร หวานแก้ว" รองนายกเทศมนตรีตำบลนาสีทอง เสียชีวิตบนรถจี๊ปเชอโรกี ในปี พ.ศ. 2555 ❗ ทำให้ตำรวจเริ่มสงสัยว่า ศักดิ์อาจมีเอี่ยวกับคดีฆาตกรรมรายนี้ด้วย แต่จนถึงวันนี้... 🕵️‍♂️ ตัวคนร้ายในคดียิงพงศกร ก็ยังคงลอยนวล 🧠 หากพูดถึงคดีฆ่ายกครัวที่โหดเหี้ยมที่สุดในไทย คงไม่มีใครลืม "ศักดิ์ ปากรอ" ได้ ❗ ฆ่าเด็ก 3 คน ด้วยการแขวนคอ ฆ่าพ่อแม่ของเด็กอย่างทารุณ จิตใจแข็งกระด้าง ไม่สะทกสะท้านแม้ในวันทำแผน แม้จะผ่านไปเกือบ 3 ทศวรรษ ความโหดร้ายในวันนั้น ยังคงเป็นฝันร้ายของผู้ที่ได้ยินข่าวนี้อยู่เสมอ... สังคมไทยกับคดี "ฆ่ายกครัว" สะเทือนขวัญ 🩸 นอกจากคดี "ศักดิ์ ปากรอ" ไทยเรายังเคยมีคดีฆ่ายกครัว สะเทือนใจอื่นๆ เช่น คดีฆ่ายกครัวอ่าวลึก จ.กระบี่ ปี 2560 ตายหมู่ 8 ศพ คดีฆ่าโหด 5 ศพ ร้านอาหารไวท์เฮาส์ จ.สระบุรี ปี 2552 คดีฆ่ายกครัว "หอมชง" ย่านบางแค กทม. ปี 2557 แต่คดีของศักดิ์ โหดเหี้ยมแบบที่ใช้ "การแขวนคอ" เป็นวิธีฆ่าอย่างช้าๆ และทรมานที่สุด ซึ่งนับว่าเป็น 1 ในคดีสะเทือนขวัญที่สุดของประเทศไทย 🇹🇭 🛑 เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นว่า... ความโลภ ความโกรธ ความหลง สามารถผลักดันคนธรรมดา ให้กลายเป็นปีศาจ ในคราบมนุษย์ได้จริงๆ 🩸😈 แม้ศักดิ์จะจบชีวิตไปแล้ว แต่บาดแผลในใจของผู้ที่สูญเสีย ยังคงอยู่ และเป็นบทเรียนราคาแพง ที่สังคมไทยไม่มีวันลืม... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 260900 เม.ย. 2568 📢 #ศักดิ์ปากรอ #ฆ่ายกครัว #ตระกูลบุญทวี #คดีฆ่ายกครัว #ฆ่าหมู่5ศพ #สิงหนคร #สงขลา #คดีโหด #ฆ่าแขวนคอ #เรื่องจริงไม่อิงนิยาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1208 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 ปี ทุ่งสังหาร “พะโค” ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หงสาวดี 82 ศพ แสงไฟฉายจากมือถือ ฤาจะสู้เปลวไฟจากไรเฟิล บทบาทของโลกที่เงียบงัน

    เหตุการณ์ที่พะโคเมื่อ 9 เมษายน 2564 คือหนึ่งในความรุนแรง หลังรัฐประหารเมียนมา ที่โลกไม่ควรลืม กับการสังหารหมู่พลเรือน 82 ราย ภายใต้เงียบสงัดของประชาคมโลก และการประท้วงด้วยแสงไฟจากมือถือ ที่ไม่อาจสู้เปลวไฟจากปืนไรเฟิลได้ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม

    เสียงเงียบที่กลบเสียงปืน เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ประชาชนในเมืองพะโค ประเทศเมียนมา ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น ไม่นานจากเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กองทัพพม่าเริ่มปฏิบัติการ กวาดล้างการต่อต้านอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่เมืองพะโคในวันนั้น กลายเป็นการสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงหลังรัฐประหาร ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 ศพ ในวันเดียว

    แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากระสุน คือ “ความเงียบ” ของโลก ที่ไม่มีเสียงเรียกร้องความยุติธรรมที่เพียงพอ

    "พะโค" (Bago) หรือหงสาวดี เป็นเมืองสำคัญทางภาคใต้ของเมียนมา ห่างจากย่างกุ้งเพียง 91 กิโลเมตร เคยเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรมอญและตองอู ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สำคัญ อยู่ใกล้เส้นทางยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพ

    จุดยุทธศาสตร์นี้เอง ทำให้พะโคกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ประชาชนใช้ประท้วง และกองทัพใช้เพื่อ “แสดงพลัง”

    เหตุการณ์ 9 เมษายน 2564 วันที่ไฟจากไรเฟิลกลืนชีวิต

    เวลาเริ่มต้น ตี 4 กองทัพเมียนมาส่งทหาร 250 นาย เข้าบุกบ้านเรือนในย่านชินสอบู, นันตอว์ยา, มอว์กัน และปนนาซู ใกล้พระราชวังกัมโพชธานี

    เวลา 05.00 น. ทหาร 5 หน่วย เริ่มกราดยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกหน้า ใช้อาวุธสงครามเต็มรูปแบบ ประชาชนสู้กลับด้วยระเบิดปิงปอง และขว้างสิ่งของ

    เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วง 10.00 น.

    ผลที่ตามมา มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 82 ราย บุคลากรแพทย์ถูกขัดขวาง ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ บางศพถูกกองรวมไว้ในเจดีย์เสยะมุนี บางศพถูกเผาทิ้ง...เพื่อปิดบังหลักฐาน

    ลำดับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    9 เม.ย. 64 ช่วงเช้า ทหารบุกบ้านเรือน ยิงสดประชาชน
    9 เม.ย. 64 ช่วงสาย นำศพมากองรวมในเจดีย์ ปิดล้อมพื้นที่
    10 เม.ย. 64 เอเอพีพีรายงานยอดเสียชีวิต 82 ราย
    11 เม.ย. 64 UN เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันที

    อาวุธที่ใช้: ปืนไรเฟิล, ระเบิดแรงสูง, ยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบสุ่ม

    วิดีโอจาก AFP แสดงให้เห็นผู้ชุมนุม ใช้กระสอบทรายเป็นเกราะกำบัง

    บทบาทของชาวพะโค และการต่อต้านด้วย “แสงไฟ” เมื่ออาวุธหนักเป็นของทหาร... แต่ประชาชนมีเพียงโทรศัพท์มือถือ พวกเขาเลือกใช้ แสงไฟแฟลช เป็นเครื่องมือแห่งการต่อต้าน Flash Strike หรือ “การชุมนุมเงียบ” ในช่วงค่ำคืน

    คนเมียนมาเปิดไฟฉายมือถือ ร้องเพลงต้านรัฐประหาร เป็นสัญลักษณ์ของ “แสงแห่งเสรีภาพ” ที่สู้กับ “เปลวไฟจากกระสุน” แม้รู้ว่าจะโดนยิง...แต่ยังคงยืนหยัด

    การตอบสนองของรัฐบาลทหาร ปฏิเสธข้อเท็จจริง

    ทางการเมียนมารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง “1 ราย” ในเหตุการณ์พะโค

    อินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด ข้อมูลถูกปิดกั้น

    ความจริงที่พยายามลบล้าง ขัดขวางไม่ให้หน่วยแพทย์เข้าถึงพื้นที่ ขนศพขึ้นรถบรรทุกไปซ่อน เผาศพทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นี่คือการบิดเบือนความจริง อย่างเป็นระบบ

    ความเงียบของประชาคมโลก = การสมรู้ร่วมคิด? แม้มีหลักฐานจำนวนมากจากคลิปวิดีโอ และรายงานจาก NGOs แต่… ประชาคมโลกกลับเลือก “นิ่งเงียบ” 🫥

    คำถามที่คาใจ
    ทำไมไม่มีการแทรกแซงจาก UN?
    การเรียกร้องความช่วยเหลือถูกละเลยหรือไม่?
    การคว่ำบาตรเศรษฐกิจเพียงพอหรือเปล่า?

    เสียงจากคนตาย...อาจเงียบ แต่ “ความเงียบของโลก” ดังกว่า

    องค์กรสิทธิมนุษยชน และความพยายามในการเปิดโปงความจริง องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น AAPP หรือสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง, Myanmar Now, AFP, BBC Burmese, Amnesty International ได้รายงานเหตุการณ์นี้ให้โลกได้รับรู้ แต่ยังขาด “กลไกที่มีผลบังคับ” ในการดำเนินคดี ต่อผู้นำกองทัพเมียนมา

    พะโคในความทรงจำของชาวเมียนมา “แสงจากมือถือ...อาจไม่ชนะไฟจากปืน แต่แสงนั้นจะไม่มีวันดับในใจเรา” ผู้ประท้วงนิรนามในพะโค

    พะโคกลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งการเสียสละ” เป็นคำเตือนว่า เสรีภาพไม่ได้ได้มาโดยง่าย และไม่ควรถูกลืม

    พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 4 ปีผ่านไป...ความยุติธรรมยังไม่มา แต่ความหวังยังอยู่ในแสงแฟลชของประชาชน

    พะโคไม่ใช่แค่ “เหตุการณ์” แต่คือ “หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเขียนด้วยความจริง”

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090953 เม.ย. 2568

    #พะโค #เมียนมา #FlashStrike #รัฐประหารเมียนมา #สังหารหมู่ #สิทธิมนุษยชน #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #UN #SaveMyanmar #BagoMassacre
    4 ปี ทุ่งสังหาร “พะโค” ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หงสาวดี 82 ศพ แสงไฟฉายจากมือถือ ฤาจะสู้เปลวไฟจากไรเฟิล บทบาทของโลกที่เงียบงัน ✍️ เหตุการณ์ที่พะโคเมื่อ 9 เมษายน 2564 คือหนึ่งในความรุนแรง หลังรัฐประหารเมียนมา ที่โลกไม่ควรลืม กับการสังหารหมู่พลเรือน 82 ราย ภายใต้เงียบสงัดของประชาคมโลก และการประท้วงด้วยแสงไฟจากมือถือ ที่ไม่อาจสู้เปลวไฟจากปืนไรเฟิลได้ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 🔥 🧭 เสียงเงียบที่กลบเสียงปืน เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 ประชาชนในเมืองพะโค ประเทศเมียนมา ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงปืนดังสนั่น 🚨 ไม่นานจากเหตุการณ์รัฐประหารในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ กองทัพพม่าเริ่มปฏิบัติการ กวาดล้างการต่อต้านอย่างรุนแรง เหตุการณ์ที่เมืองพะโคในวันนั้น กลายเป็นการสังหารหมู่ที่ร้ายแรงที่สุดในช่วงหลังรัฐประหาร ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 82 ศพ ในวันเดียว 😢 แต่สิ่งที่เจ็บปวดยิ่งกว่ากระสุน คือ “ความเงียบ” ของโลก 🌍 ที่ไม่มีเสียงเรียกร้องความยุติธรรมที่เพียงพอ 🏞️ "พะโค" (Bago) หรือหงสาวดี เป็นเมืองสำคัญทางภาคใต้ของเมียนมา ห่างจากย่างกุ้งเพียง 91 กิโลเมตร 🌏 เคยเป็นเมืองหลวง ของอาณาจักรมอญและตองอู ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และวัฒนธรรมที่สำคัญ อยู่ใกล้เส้นทางยุทธศาสตร์ และง่ายต่อการเคลื่อนย้ายกำลังพลของกองทัพ จุดยุทธศาสตร์นี้เอง ทำให้พะโคกลายเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ประชาชนใช้ประท้วง และกองทัพใช้เพื่อ “แสดงพลัง” 💣 🔫 เหตุการณ์ 9 เมษายน 2564 วันที่ไฟจากไรเฟิลกลืนชีวิต ⏰ เวลาเริ่มต้น ตี 4 กองทัพเมียนมาส่งทหาร 250 นาย เข้าบุกบ้านเรือนในย่านชินสอบู, นันตอว์ยา, มอว์กัน และปนนาซู ใกล้พระราชวังกัมโพชธานี ⚔️ เวลา 05.00 น. ทหาร 5 หน่วย เริ่มกราดยิงผู้ชุมนุมโดยไม่เลือกหน้า ใช้อาวุธสงครามเต็มรูปแบบ ประชาชนสู้กลับด้วยระเบิดปิงปอง และขว้างสิ่งของ ✊ เจ้าหน้าที่ทหาร เข้าควบคุมสถานการณ์ได้ในช่วง 10.00 น. 🩸 ผลที่ตามมา มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 82 ราย บุคลากรแพทย์ถูกขัดขวาง ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ บางศพถูกกองรวมไว้ในเจดีย์เสยะมุนี บางศพถูกเผาทิ้ง...เพื่อปิดบังหลักฐาน 📈 ลำดับเหตุการณ์การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 9 เม.ย. 64 ช่วงเช้า ทหารบุกบ้านเรือน ยิงสดประชาชน 9 เม.ย. 64 ช่วงสาย นำศพมากองรวมในเจดีย์ ปิดล้อมพื้นที่ 10 เม.ย. 64 เอเอพีพีรายงานยอดเสียชีวิต 82 ราย 11 เม.ย. 64 UN เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทันที 💣 อาวุธที่ใช้: ปืนไรเฟิล, ระเบิดแรงสูง, ยิงใส่ผู้ชุมนุมแบบสุ่ม 📷 วิดีโอจาก AFP แสดงให้เห็นผู้ชุมนุม ใช้กระสอบทรายเป็นเกราะกำบัง 💡 บทบาทของชาวพะโค และการต่อต้านด้วย “แสงไฟ” เมื่ออาวุธหนักเป็นของทหาร... แต่ประชาชนมีเพียงโทรศัพท์มือถือ พวกเขาเลือกใช้ แสงไฟแฟลช 📱 เป็นเครื่องมือแห่งการต่อต้าน ✨ Flash Strike หรือ “การชุมนุมเงียบ” ในช่วงค่ำคืน คนเมียนมาเปิดไฟฉายมือถือ ร้องเพลงต้านรัฐประหาร เป็นสัญลักษณ์ของ “แสงแห่งเสรีภาพ” ที่สู้กับ “เปลวไฟจากกระสุน” แม้รู้ว่าจะโดนยิง...แต่ยังคงยืนหยัด 🧯 การตอบสนองของรัฐบาลทหาร ปฏิเสธข้อเท็จจริง 📺 ทางการเมียนมารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตเพียง “1 ราย” ในเหตุการณ์พะโค 📵 อินเทอร์เน็ตถูกตัดขาด ข้อมูลถูกปิดกั้น ⛔ ความจริงที่พยายามลบล้าง ขัดขวางไม่ให้หน่วยแพทย์เข้าถึงพื้นที่ ขนศพขึ้นรถบรรทุกไปซ่อน เผาศพทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน นี่คือการบิดเบือนความจริง อย่างเป็นระบบ 🧠 🧊 ความเงียบของประชาคมโลก = การสมรู้ร่วมคิด? แม้มีหลักฐานจำนวนมากจากคลิปวิดีโอ 📹 และรายงานจาก NGOs แต่… ประชาคมโลกกลับเลือก “นิ่งเงียบ” 🫥 🌐 คำถามที่คาใจ ทำไมไม่มีการแทรกแซงจาก UN? การเรียกร้องความช่วยเหลือถูกละเลยหรือไม่? การคว่ำบาตรเศรษฐกิจเพียงพอหรือเปล่า? เสียงจากคนตาย...อาจเงียบ แต่ “ความเงียบของโลก” ดังกว่า 🌍 องค์กรสิทธิมนุษยชน และความพยายามในการเปิดโปงความจริง องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น AAPP หรือสมาคมช่วยเหลือนักโทษการเมือง, Myanmar Now, AFP, BBC Burmese, Amnesty International 📣 ได้รายงานเหตุการณ์นี้ให้โลกได้รับรู้ แต่ยังขาด “กลไกที่มีผลบังคับ” ในการดำเนินคดี ต่อผู้นำกองทัพเมียนมา 🕯️ พะโคในความทรงจำของชาวเมียนมา “แสงจากมือถือ...อาจไม่ชนะไฟจากปืน แต่แสงนั้นจะไม่มีวันดับในใจเรา” ผู้ประท้วงนิรนามในพะโค พะโคกลายเป็น “สัญลักษณ์แห่งการเสียสละ” เป็นคำเตือนว่า เสรีภาพไม่ได้ได้มาโดยง่าย และไม่ควรถูกลืม ✅ พะโคต้องไม่ใช่แค่บทเรียนที่ถูกลืม 4 ปีผ่านไป...ความยุติธรรมยังไม่มา 🕰️ แต่ความหวังยังอยู่ในแสงแฟลชของประชาชน พะโคไม่ใช่แค่ “เหตุการณ์” แต่คือ “หน้าหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่ต้องเขียนด้วยความจริง” ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 090953 เม.ย. 2568 📱 #พะโค #เมียนมา #FlashStrike #รัฐประหารเมียนมา #สังหารหมู่ #สิทธิมนุษยชน #ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ #UN #SaveMyanmar #BagoMassacre
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1030 มุมมอง 0 รีวิว
  • 08-04-68/03 : หมี CNN / ตอแหลไม่เลิกน่ะมรึง? อ้างไม่ส่งอาวุธปืนให้อียิว เพราะกลัวหากอียิวหัวรุนแรงจะนำเอาไปใช้ก่อเหตุ จุดไฟสงครามไม่เลิก อ๋อ..เหรอ? ดูดี มีสถุนน่ะมรึงเนี่ย? ทุกวันนี้ในอิสราเอล เหลือทหารยิวแท้ๆ กี่ตัวกันจ๊ะ? ส่วนใหญ่ ตุยกันไปเยอะ ล่อกันเป็นกองพัน ไอ้ที่มรึงเห็นวันนี้ ทหารรับจ้างทั้งนั้น พวกรับจ็อบมาตายห่าฟรี 6 เดือนแรก แห่กันมาขนดอลล่าร์ พอผ่านไปแค่ 2 เดือน ห่อถุงดำกลับบ้านเพี๊ยบ เงินไม่ได้แตะซะงั้น เพราะ 3 ฮอ ล่อลูกยาวทั้งวัน ทั้งคืน ไหนจะซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ดาหน้าถล่มขีปนาวุธร่อน โดรนพิฆาต เข้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางทหารสำคัญหมดเกลี้ยง แม้แต่ที่ราบสูงโกลานก็ไม่รอดสายตา อยู่สูงกว่านิดหน่อย คิดว่าระเบิดไปไม่ถึงเหรอจ๊ะ? อย่าเพิ่งอ๊วก หากมรึงได้อ่านบทความข่าวแปลนี้ แล้วสะอิดสะเอียน พูดเอาดีเข้าตัว เอาเหี้ยใส่คนอื่น ถามจริง? ไอ้ที่ทหารมะกันไปตายโหง ตายห่าในตะวันออกกลางเนี่ย มรึงคิดว่าชาวโลกเค้าสงสารมรึงรึไง? ภาพปล้นทองคำในอิรัก ยึดทรัพย์สินซัดดัม นี่ไง เป้าหมายแท้จริงที่เข้ามาขุดทองในโลกอาหรับ แหล่งบ่อน้ำมันทั่วอิรัก อาวุธอะไรก็ตามที่ส่งเข้ามาช่วยอียิว มันไร้ประโยชน์ เพราะกว่า3 ฮอ และพันธมิตรจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้นั้น แปลว่าพวกมรึงได้ตายห่ากันไปหมดแล้วนั่นเอง ลูกยาว โดรน ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศมรึงยับเยิน ล่าสุด อียิว กำลังถูกล้อมหน้า ล้อมหลัง หลังเปิดพื้นที่ฉนวนกาซ่า ให้การช่วยเหลือเข้าถึง หลังเปิดโต๊ะเจรจาหยุดยิง แลกตัวประกัน ยังไม่ถึงสัปดาห์ แม่งล่อกันเละเทะต่อ ภาพส่วนใหญ่ในสื่อหลักเหี้ยโลก จะไม่พูดถึงความเสียหายหนักของอิสราเอล แต่มรึงจะเห็นแต่ภาพชาวปาเลสไตน์ถูกยิวไล่ฆ่า เพราะนั่นคือศิลปะของการโฆษณาชวนเชื่อ บริษัทค้าอาวุธยิวจะขายออกเหรอ หากโลกรู้ความจริงว่า แพ้เค้ายับ แค่กองโจรกระจอกที่พวกมรึงเคยเรียก แต่มรึงตายห่าเรียบวุธน่ะจ๊ะ อียิวอาวุธเกลี้ยงแล้ว เพราะถูกโจมตีหนัก ทำลายคลังแสง สนามบิน กองบัญชาการ กองหนุน และฝ่ายซ่อมบำรุง ล้วนถูกไฮเปอร์โซนิคอิหร่าน แจกจ่ายไปทั่ว ยิงไม่ต้องเยอะ เน้นๆ เนื้อๆ เข้าเป้าหมายทุกดอก แม่นยำสุดขีด ที่มาว่ายอดขายอาวุธอิหร่าน รัสเซีย จีน โสมแดง พุ่งทะลุมิติไปแล้ว ขณะนี้ ยานยนต์ บินรบ รถถัง โดรน ราคาแพงและโคตรห่วยของฝั่งตะวันตก ขายไม่ออก เพราะทั้งเงื่อนไขเยอะเกิน ราคาแพงเกินจริงไปเยอะ แถมประสิทธิภาพโคตรกระจอก ถูกนำอาวุธที่ถูกนักรบค่ายอาหรับถล่มมาหมาดๆ ออกมาประจานออกเต็มโซเชี่ยลโลก จากประเทศผลิตอาวุธสงครามส่งออก กลายมาเป็นรับบริจาคซะงั้น? คำตอบว่า ใครกันแน่ ที่ชนะสงครามครูเสดครั้งสุดท้ายตัวจริง แค่อาวุธไม่สามารถชนะศึกได้ กึ๋นของผู้วางแผน การเตรียมพร้อม และความตั้งใจจริง มันต่างกันเยอะ ผู้รุกรานเค้า กับผู้ปกป้องแผ่นดินเกิด ใจมันผิดกันเยอะ ชัยชนะของโลกอาหรับมีชัวร์ แต่จะชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ อยู่ที่ขั้วใหม่ ว่ายังจะเดินเกมส์ต่อแค่ไหน ทั้งเส้นทางท่อแก็ส โลจิสติค สินค้าผ่านมืออาหรับเข้าสู่แอฟริกา ลาติน จุดเปลี่ยนโมเมตั่มโลกคือตรงนี้ ดังนั้น สัญญานจากอีฟาโรห์ อีจอร์แดน มันคือการย้ายขั้วใหม่ที่เตรียมการรอไว้นานแล้ว แทงหลังอียิว มันไม่ปล่อยมรึงไว้แน่ เพราะอียิวมันคือสัดเดรัจฉานผู้เครียดแค้นไม่เลิก เหมือนที่ครั้งนึง ลุงหนวดจิ๋มเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวมาก่อน มันถึงรอวันเอาคืน หลังอีป้าแมร์เคิลหมดวาระไป อีโอลาฟโง่ก็เข้ามาตามใบสั่ง แล้วมรึงก็ได้รู้เช่นเห็นชาติทันที 10 ปี อีป้าสร้าง แค่ปีเดียว อีโง่ทำลายเกลี้ยง ที่สำคัญ เสือกจะไปท้ารบรัสเซีย นั่นคือถึงขั้นสิ้นชาติน่ะจ๊ะ?

    U.S. sending Israel more than 20,000 assault rifles that Biden had delayed แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐจะส่งปืนยาวมากกว่า 20,000 กระบอกที่ล่าช้าจากสมัยอดีตประธานาธิบดีไบเดน

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐจะส่งปืนยาวมากกว่า 20,000 กระบอกที่ล่าช้าจากสมัยอดีตประธานาธิบดีไบเดน

    รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนการขายปืนยาว 20,000 กระบอกให้อิสราเอลเมื่อเดือนที่แล้วตามเอกสารจากสำนักข่าวรอยเตอร์สและแหล่งข่าวเรื่องอาวุธซึ่งระบุว่า การขายอาวุธที่อดีตรัฐบาลนายไบเดนชะลอการขายจากความกังวลว่า กลุ่มหัวรุนแรงอิสราเอลอาจนำไปใช้

    กระทรวงต่างประเทศส่งคำเตือนให้สภาคองเกรส เมื่อวันที่ 6 มีนาคมเรื่องการขายอาวุธปืนยาว Colt Carbine ขนาด 5.56 มม. เป็นเงิน 24 ล้านดอลลาร์ซึ่งผู้ที่ใช้อาจเป็นตำรวจอิสราเอล

    การขายอาวุธดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินจำนวนน้อยหลังการผลิตอาวุธหลายพันล้านของสหรัฐให้อิสราเอล

    ก่อนหน้านี้ รัฐบาลนายไบเดนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคลและบริษัทที่อ้างว่าปฏิบัติการอย่างรุนแรงในเขตเวสต์แบ๊งค์ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีเพิ่มขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์

    คำเตือนเมื่อวันที่ 6 มีนาคมระบุว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญต่อ “การเมือง กองทัพ เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และการควบคุมอาวุธ”

    กระทรวงต่างประเทศไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับที่รัฐบาลต้องการความมั่นใจจากอิสราเอลในเรื่องการใช้อาวุธ

    ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างนาย เนทันยาฮูและนายทรัมป์

    ตั้งแต่สงครามระหว่างอาหรับและอิสราเอลในปี 1967 อิสราเอลยึดครองเขตเวสต์แบ๊งค์และสร้างชุมชนที่หลายประเทศมองว่าผิดกฎหมาย อิสราเอลโต้แย้งซึ่งอ้างถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และคัมภีร์ไบเบิลต่อบริเวณดังกล่าว

    ความรุนแรงจากผู้ที่มาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นก่อนที่สงครามกาซ่าจะเกิดขึ้นและแย่ลงตั้งแต่ที่สงครามเริ่มขึ้นในปีที่แล้ว

    นายทรัมป์พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูซึ่งให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกาซ่า รัฐบาลขายอาวุธให้อิสราเอลแม้จะมีคำร้องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรค เดโมแครตทว่า ให้หยุดการขายจนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติม

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สภาสูงสหรัฐปฏิเสธการประมูลเพื่อขัดขวางการขายอาวุธ 8.8 พันล้านดอลลาร์ให้อิสราเอลจากความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีการลงคะแนนเสียง 82 ต่อ 15 และ 83-15 ที่ไม่ยอมรับ 2 มติเรื่องการไม่อนุมัติการขายระเบิดขนาดใหญ่แลถเครื่องมือป้องกันภัยทางทหาร

    มีการชะลอการขายปืนยาวหลังสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรคเดโมแครตคัดค้านและพบข้อมูลแผนการใช้อาวุธของอิสราเอล คณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตัดสินใจขายอาวุธแต่รัฐบาลนายไบเดนไม่อนุมัติ

    Itamar Ben-Gvir รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลดูแลกองทัพของตำรวจอิสราเอล หนังสือพิมพ์ The Times of Israel รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งอิสราเอล “ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการติดอาวุธให้กองกำลังความมั่นคงของประชาชน” จากควันหลงของการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม

    https://www.cbc.ca/news/world/trump-administration-assault-rifles-sale-israel-1.7501926

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    08-04-68/03 : หมี CNN / ตอแหลไม่เลิกน่ะมรึง? อ้างไม่ส่งอาวุธปืนให้อียิว เพราะกลัวหากอียิวหัวรุนแรงจะนำเอาไปใช้ก่อเหตุ จุดไฟสงครามไม่เลิก อ๋อ..เหรอ? ดูดี มีสถุนน่ะมรึงเนี่ย? ทุกวันนี้ในอิสราเอล เหลือทหารยิวแท้ๆ กี่ตัวกันจ๊ะ? ส่วนใหญ่ ตุยกันไปเยอะ ล่อกันเป็นกองพัน ไอ้ที่มรึงเห็นวันนี้ ทหารรับจ้างทั้งนั้น พวกรับจ็อบมาตายห่าฟรี 6 เดือนแรก แห่กันมาขนดอลล่าร์ พอผ่านไปแค่ 2 เดือน ห่อถุงดำกลับบ้านเพี๊ยบ เงินไม่ได้แตะซะงั้น เพราะ 3 ฮอ ล่อลูกยาวทั้งวัน ทั้งคืน ไหนจะซีเรีย อิรัก เลบานอน เยเมน ดาหน้าถล่มขีปนาวุธร่อน โดรนพิฆาต เข้าพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางทหารสำคัญหมดเกลี้ยง แม้แต่ที่ราบสูงโกลานก็ไม่รอดสายตา อยู่สูงกว่านิดหน่อย คิดว่าระเบิดไปไม่ถึงเหรอจ๊ะ? อย่าเพิ่งอ๊วก หากมรึงได้อ่านบทความข่าวแปลนี้ แล้วสะอิดสะเอียน พูดเอาดีเข้าตัว เอาเหี้ยใส่คนอื่น ถามจริง? ไอ้ที่ทหารมะกันไปตายโหง ตายห่าในตะวันออกกลางเนี่ย มรึงคิดว่าชาวโลกเค้าสงสารมรึงรึไง? ภาพปล้นทองคำในอิรัก ยึดทรัพย์สินซัดดัม นี่ไง เป้าหมายแท้จริงที่เข้ามาขุดทองในโลกอาหรับ แหล่งบ่อน้ำมันทั่วอิรัก อาวุธอะไรก็ตามที่ส่งเข้ามาช่วยอียิว มันไร้ประโยชน์ เพราะกว่า3 ฮอ และพันธมิตรจะเข้าไปเคลียร์พื้นที่ได้นั้น แปลว่าพวกมรึงได้ตายห่ากันไปหมดแล้วนั่นเอง ลูกยาว โดรน ทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศมรึงยับเยิน ล่าสุด อียิว กำลังถูกล้อมหน้า ล้อมหลัง หลังเปิดพื้นที่ฉนวนกาซ่า ให้การช่วยเหลือเข้าถึง หลังเปิดโต๊ะเจรจาหยุดยิง แลกตัวประกัน ยังไม่ถึงสัปดาห์ แม่งล่อกันเละเทะต่อ ภาพส่วนใหญ่ในสื่อหลักเหี้ยโลก จะไม่พูดถึงความเสียหายหนักของอิสราเอล แต่มรึงจะเห็นแต่ภาพชาวปาเลสไตน์ถูกยิวไล่ฆ่า เพราะนั่นคือศิลปะของการโฆษณาชวนเชื่อ บริษัทค้าอาวุธยิวจะขายออกเหรอ หากโลกรู้ความจริงว่า แพ้เค้ายับ แค่กองโจรกระจอกที่พวกมรึงเคยเรียก แต่มรึงตายห่าเรียบวุธน่ะจ๊ะ อียิวอาวุธเกลี้ยงแล้ว เพราะถูกโจมตีหนัก ทำลายคลังแสง สนามบิน กองบัญชาการ กองหนุน และฝ่ายซ่อมบำรุง ล้วนถูกไฮเปอร์โซนิคอิหร่าน แจกจ่ายไปทั่ว ยิงไม่ต้องเยอะ เน้นๆ เนื้อๆ เข้าเป้าหมายทุกดอก แม่นยำสุดขีด ที่มาว่ายอดขายอาวุธอิหร่าน รัสเซีย จีน โสมแดง พุ่งทะลุมิติไปแล้ว ขณะนี้ ยานยนต์ บินรบ รถถัง โดรน ราคาแพงและโคตรห่วยของฝั่งตะวันตก ขายไม่ออก เพราะทั้งเงื่อนไขเยอะเกิน ราคาแพงเกินจริงไปเยอะ แถมประสิทธิภาพโคตรกระจอก ถูกนำอาวุธที่ถูกนักรบค่ายอาหรับถล่มมาหมาดๆ ออกมาประจานออกเต็มโซเชี่ยลโลก จากประเทศผลิตอาวุธสงครามส่งออก กลายมาเป็นรับบริจาคซะงั้น? คำตอบว่า ใครกันแน่ ที่ชนะสงครามครูเสดครั้งสุดท้ายตัวจริง แค่อาวุธไม่สามารถชนะศึกได้ กึ๋นของผู้วางแผน การเตรียมพร้อม และความตั้งใจจริง มันต่างกันเยอะ ผู้รุกรานเค้า กับผู้ปกป้องแผ่นดินเกิด ใจมันผิดกันเยอะ ชัยชนะของโลกอาหรับมีชัวร์ แต่จะชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาดหรือไม่ อยู่ที่ขั้วใหม่ ว่ายังจะเดินเกมส์ต่อแค่ไหน ทั้งเส้นทางท่อแก็ส โลจิสติค สินค้าผ่านมืออาหรับเข้าสู่แอฟริกา ลาติน จุดเปลี่ยนโมเมตั่มโลกคือตรงนี้ ดังนั้น สัญญานจากอีฟาโรห์ อีจอร์แดน มันคือการย้ายขั้วใหม่ที่เตรียมการรอไว้นานแล้ว แทงหลังอียิว มันไม่ปล่อยมรึงไว้แน่ เพราะอียิวมันคือสัดเดรัจฉานผู้เครียดแค้นไม่เลิก เหมือนที่ครั้งนึง ลุงหนวดจิ๋มเคยไล่ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวมาก่อน มันถึงรอวันเอาคืน หลังอีป้าแมร์เคิลหมดวาระไป อีโอลาฟโง่ก็เข้ามาตามใบสั่ง แล้วมรึงก็ได้รู้เช่นเห็นชาติทันที 10 ปี อีป้าสร้าง แค่ปีเดียว อีโง่ทำลายเกลี้ยง ที่สำคัญ เสือกจะไปท้ารบรัสเซีย นั่นคือถึงขั้นสิ้นชาติน่ะจ๊ะ? U.S. sending Israel more than 20,000 assault rifles that Biden had delayed แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐจะส่งปืนยาวมากกว่า 20,000 กระบอกที่ล่าช้าจากสมัยอดีตประธานาธิบดีไบเดน ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐจะส่งปืนยาวมากกว่า 20,000 กระบอกที่ล่าช้าจากสมัยอดีตประธานาธิบดีไบเดน รัฐบาลสหรัฐสนับสนุนการขายปืนยาว 20,000 กระบอกให้อิสราเอลเมื่อเดือนที่แล้วตามเอกสารจากสำนักข่าวรอยเตอร์สและแหล่งข่าวเรื่องอาวุธซึ่งระบุว่า การขายอาวุธที่อดีตรัฐบาลนายไบเดนชะลอการขายจากความกังวลว่า กลุ่มหัวรุนแรงอิสราเอลอาจนำไปใช้ กระทรวงต่างประเทศส่งคำเตือนให้สภาคองเกรส เมื่อวันที่ 6 มีนาคมเรื่องการขายอาวุธปืนยาว Colt Carbine ขนาด 5.56 มม. เป็นเงิน 24 ล้านดอลลาร์ซึ่งผู้ที่ใช้อาจเป็นตำรวจอิสราเอล การขายอาวุธดังกล่าวเป็นการจ่ายเงินจำนวนน้อยหลังการผลิตอาวุธหลายพันล้านของสหรัฐให้อิสราเอล ก่อนหน้านี้ รัฐบาลนายไบเดนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อบุคคลและบริษัทที่อ้างว่าปฏิบัติการอย่างรุนแรงในเขตเวสต์แบ๊งค์ซึ่งทำให้เกิดการโจมตีเพิ่มขึ้นต่อชาวปาเลสไตน์ คำเตือนเมื่อวันที่ 6 มีนาคมระบุว่า รัฐบาลสหรัฐให้ความสำคัญต่อ “การเมือง กองทัพ เศรษฐกิจ สิทธิมนุษยชน และการควบคุมอาวุธ” กระทรวงต่างประเทศไม่ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับที่รัฐบาลต้องการความมั่นใจจากอิสราเอลในเรื่องการใช้อาวุธ ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างนาย เนทันยาฮูและนายทรัมป์ ตั้งแต่สงครามระหว่างอาหรับและอิสราเอลในปี 1967 อิสราเอลยึดครองเขตเวสต์แบ๊งค์และสร้างชุมชนที่หลายประเทศมองว่าผิดกฎหมาย อิสราเอลโต้แย้งซึ่งอ้างถึงความสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์และคัมภีร์ไบเบิลต่อบริเวณดังกล่าว ความรุนแรงจากผู้ที่มาตั้งถิ่นฐานเพิ่มขึ้นก่อนที่สงครามกาซ่าจะเกิดขึ้นและแย่ลงตั้งแต่ที่สงครามเริ่มขึ้นในปีที่แล้ว นายทรัมป์พยายามสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮูซึ่งให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนอิสราเอลในสงครามกาซ่า รัฐบาลขายอาวุธให้อิสราเอลแม้จะมีคำร้องจากสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรค เดโมแครตทว่า ให้หยุดการขายจนกว่าจะได้รับข้อมูลเพิ่มเติม เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สภาสูงสหรัฐปฏิเสธการประมูลเพื่อขัดขวางการขายอาวุธ 8.8 พันล้านดอลลาร์ให้อิสราเอลจากความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนซึ่งมีการลงคะแนนเสียง 82 ต่อ 15 และ 83-15 ที่ไม่ยอมรับ 2 มติเรื่องการไม่อนุมัติการขายระเบิดขนาดใหญ่แลถเครื่องมือป้องกันภัยทางทหาร มีการชะลอการขายปืนยาวหลังสมาชิกสภานิติบัญญัติพรรคเดโมแครตคัดค้านและพบข้อมูลแผนการใช้อาวุธของอิสราเอล คณะกรรมาธิการสภาคองเกรสตัดสินใจขายอาวุธแต่รัฐบาลนายไบเดนไม่อนุมัติ Itamar Ben-Gvir รัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอลดูแลกองทัพของตำรวจอิสราเอล หนังสือพิมพ์ The Times of Israel รายงานเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2023 ว่า กระทรวงความมั่นคงแห่งอิสราเอล “ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการติดอาวุธให้กองกำลังความมั่นคงของประชาชน” จากควันหลงของการโจมตีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม https://www.cbc.ca/news/world/trump-administration-assault-rifles-sale-israel-1.7501926 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.CBC.CA
    U.S. sending Israel more than 20,000 assault rifles that Biden had delayed: sources | CBC News
    The Trump administration moved ahead with the sale of more than 20,000 U.S.-made assault rifles to Israel last month — a sale the administration of former president Joe Biden had delayed over concerns they could be used by extremist Israeli settlers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1009 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1696 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน

    ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ

    สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
    จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร

    ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย

    ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง
    เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท

    การพูดคุยที่ล้มเหลว
    เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม

    นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด...

    จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม
    จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก
    เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้

    จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์
    เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย

    จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช
    ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์

    จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช
    เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน
    จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง
    เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส
    เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง

    บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช
    เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ...
    การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้?
    สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่?
    บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์
    ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ

    สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต
    ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ
    ผู้บาดเจ็บ 58 ราย

    พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
    ห้างเทอร์มินอล 21
    เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง

    มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่
    - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร
    - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร
    - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง

    รัฐบาลและสื่อมวลชน
    - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว
    - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ

    ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568

    #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน 📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥 📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡 🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย 🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท 🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫 ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม 🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก 📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้ 🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ 📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย 🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช 📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21 จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ 🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช 📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน 📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨 📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส 📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ... 🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้? 🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่? 🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์ 🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ 📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต 📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ 📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย 🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ห้างเทอร์มินอล 21 เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง 🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ 📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่ - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง 📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ 📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568 📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊ตุ้ม" นายหน้าค้าอาวุธสงครามให้กองทัพกะเหรี่ยงชายแดนตาก พบรับซื้อปืน M 16 ที่ถูกตำรวจนอกรีตขโมยมาจากคลัง ตชด.จำนวน 43 กระบอก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005532

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกรวบ "เจ๊ตุ้ม" นายหน้าค้าอาวุธสงครามให้กองทัพกะเหรี่ยงชายแดนตาก พบรับซื้อปืน M 16 ที่ถูกตำรวจนอกรีตขโมยมาจากคลัง ตชด.จำนวน 43 กระบอก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000005532 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1329 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบอดีตตำรวจ ตชด. ลอบขายอาวุธสงครามกลางห้างย่านไทรน้อย ยึดปืน M16-M4 รวม 3 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004571

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รวบอดีตตำรวจ ตชด. ลอบขายอาวุธสงครามกลางห้างย่านไทรน้อย ยึดปืน M16-M4 รวม 3 กระบอก ปืนสั้น 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004571 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Angry
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1318 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลีจีน วิญญาณผู้กล้าหวนคืนมาตุภูมิ

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนหลายบทความถึง ‘วลีเด็ด’ จากบทกวีจีนโบราณและวรรณกรรมจีนโบราณที่ถูกนำมาใช้ในหลายซีรีส์และนวนิยายจีน แต่จริงๆ แล้วก็มี ‘วลีเด็ด’ จากยุคปัจจุบันที่เคยถูกยกไปใช้ในซีรีส์หรือนิยายจีนโบราณด้วยเหมือนกัน

    วันนี้เรามาคุยกันถึงตัวอย่างหนึ่งจากซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> เพื่อนเพจที่ได้ดูอาจพอจำได้ว่าในระหว่างการเดินทางของคณะฑูตแคว้นอู๋ไปยังแคว้นอันเพื่อช่วยกษัตริย์แคว้นอู๋นั้น พวกเขาพบซากศพและป้ายห้อยคอประจำตัวของเหล่าทหารจากหน่วยหกวิถีที่พลีชีพก่อนหน้านี้ในศึกที่แคว้นอู๋พ่ายแพ้ และได้จัดพิธีเผาศพให้กับพวกเขา (รูปประกอบ1) ในฉากนี้ หลี่อ๋องเซ่นสุราและกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์” (หมายเหตุ คำแปลตามซับไทย)

    ประโยคดังกล่าว ต้นฉบับภาษาจีนคือ ‘魂兮归来 维莫永伤 (หุนซีกุยหลาย เหวยม่อหย่งซัง)’ เป็นประโยคที่มาจากสุทรพจน์เมื่อปี 2021 เพื่อสดุดีทหารอาสาสมัครจีน โดยวรรคแรกถูกยกมาจากบทประพันธ์โบราณ

    ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ วรรคนี้มาจากบทประพันธ์ที่มีชื่อว่า ‘เรียกดวงวิญญาณ’ (招魂 /จาวหุน) บ้างว่าเป็นผลงานของชวีหยวน ขุนนางและกวีแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินชื่อจากตำนานบ๊ะจ่าง บ้างว่าเป็นผลงานของซ่งอวี้ ขุนนางจากแคว้นฉู่เช่นกัน

    บทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ เป็นบทประพันธ์ที่ยาวมาก ลักษณะคล้ายเล่านิทาน ใจความของบทประพันธ์เป็นการเรียกและหว่านล้อมดวงวิญญาณให้กลับมาบ้าน อย่าได้ไปหยุดรั้งอยู่ในดินแดน ณ ทิศต่างๆ โดยบรรยายถึงภยันตรายและความยากลำบากในดินแดนนั้นๆ ที่อาจทำให้ดวงวิญญาณอาจดับสูญได้ และกล่าวถึงความคิดถึงของคนที่บ้านที่รอคอยให้ดวงวิญญาณนั้นหวนคืนมา ซึ่งสะท้อนถึงธรรมเนียมโบราณที่ต้องทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของผู้ที่ตายในต่างแดนให้กลับบ้าน

    ว่ากันว่าบทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ นี้มีที่มาจากเรื่องราวของกษัตริย์ฉู่หวยหวางที่เสียท่าให้กับกุศโลบายของแคว้นฉิน ถูกจับเป็นตัวประกันหลังพ่ายศึกและพลีชีพที่นั่น ต่อมาสามปีให้หลังเมื่อสองแคว้นสงบศึกกันแล้วจึงมีการจัดพิธีศพให้แต่กษัตริย์ฉู่หวยหวาง และแม้ว่ากษัตริย์ฉู่หวยหวางจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด แต่ในช่วงที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้นได้แสดงถึงความกล้าหาญยอมหักไม่ยอมงอ บทกวีนี้จึงถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญาณอันหาญกล้าของผู้ที่พลีชีพในต่างแดนเพื่อแผ่นดินเกิด

    และวลี ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ ได้ถูกนำมาใช้ในสุนทรพจน์สดุดีทหารจีนในงานพิธีฝังศพทหารอาสาสมัครจีนชุดที่ 8 จำนวน 109 นายที่พลีชีพในสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้วและเพิ่งได้รับการส่งคืนจากเกาหลีใต้ในเดือนกันยายน 2021 มันเป็นสุนทรพจน์ของนายซุนส้าวเฉิงในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการทหารผ่านศึก (Ministry of Veteran Affairs) ในสมัยนั้น โดยประโยคเต็ม ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์’ นี้คือประโยคจบของสุนทรพจน์ (รูปประกอบ2)

    บทสุนทรพจน์ดังกล่าวยาวและใช้ทักษะภาษาชั้นสูงถ้อยคำงดงาม ใจความโดยสรุปคือยกย่องเหล่าทหารอาสาสมัครที่ออกไปร่วบรบเพื่อเสถียรภาพของสาธารณรัฐจีนที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่ สดุดีความกล้าหาญของพวกเขาที่ต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธสงครามที่ร้ายกาจ สุดท้ายพลีชีพอยู่ต่างแดนไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิดจวบจนวันนี้ ขอให้เหล่าดวงวิญญาณกลับมาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของประชาชนที่รักเขาและยังไม่ลืมความเสียสละของพวกเขา ได้กลับมาเห็นความเจริญเข้มแข็งของประเทศที่เขาพลีกายปกปักษ์รักษา ขอเหล่าวิญญาณผู้กล้าจงกลับคืนสู่มาตุภูมิ กลับมาสู่ความสงบ ไม่ต้องเจ็บช้ำหรือโศกเศร้าอีกต่อไป

    สุนทรพจน์นี้ได้รับการยกย่องด้วยภาษาที่งดงามและความหมายลึกซึ้งกินใจ ไม่เพียงสดุดีความกล้าหาญ แต่ยังกระตุ้นอารมณ์รักและเคารพในผู้ฟังอีกด้วย และประโยคนี้เป็นคำพูดในยุคจีนปัจจุบันที่สะท้อนวัฒนธรรมที่สั่งสมผ่านกาลเวลาจากวลีจีนโบราณ กลายมาเป็นอีกประโยคหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/584621129_114988
    http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html
    https://mgronline.com/china/detail/9670000114488
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://m.shangshiwen.com/71990.html
    https://www.gushiwen.cn/mingju_991.aspx
    https://baike.baidu.com/item/招魂/8176058
    http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #เรียกดวงวิญญาณ #ชวีหยวน #ทหารอาสาสมัครจีน #สาระจีน
    วลีจีน วิญญาณผู้กล้าหวนคืนมาตุภูมิ สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนหลายบทความถึง ‘วลีเด็ด’ จากบทกวีจีนโบราณและวรรณกรรมจีนโบราณที่ถูกนำมาใช้ในหลายซีรีส์และนวนิยายจีน แต่จริงๆ แล้วก็มี ‘วลีเด็ด’ จากยุคปัจจุบันที่เคยถูกยกไปใช้ในซีรีส์หรือนิยายจีนโบราณด้วยเหมือนกัน วันนี้เรามาคุยกันถึงตัวอย่างหนึ่งจากซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> เพื่อนเพจที่ได้ดูอาจพอจำได้ว่าในระหว่างการเดินทางของคณะฑูตแคว้นอู๋ไปยังแคว้นอันเพื่อช่วยกษัตริย์แคว้นอู๋นั้น พวกเขาพบซากศพและป้ายห้อยคอประจำตัวของเหล่าทหารจากหน่วยหกวิถีที่พลีชีพก่อนหน้านี้ในศึกที่แคว้นอู๋พ่ายแพ้ และได้จัดพิธีเผาศพให้กับพวกเขา (รูปประกอบ1) ในฉากนี้ หลี่อ๋องเซ่นสุราและกล่าวออกมาประโยคหนึ่งว่า “ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์” (หมายเหตุ คำแปลตามซับไทย) ประโยคดังกล่าว ต้นฉบับภาษาจีนคือ ‘魂兮归来 维莫永伤 (หุนซีกุยหลาย เหวยม่อหย่งซัง)’ เป็นประโยคที่มาจากสุทรพจน์เมื่อปี 2021 เพื่อสดุดีทหารอาสาสมัครจีน โดยวรรคแรกถูกยกมาจากบทประพันธ์โบราณ ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ วรรคนี้มาจากบทประพันธ์ที่มีชื่อว่า ‘เรียกดวงวิญญาณ’ (招魂 /จาวหุน) บ้างว่าเป็นผลงานของชวีหยวน ขุนนางและกวีแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินชื่อจากตำนานบ๊ะจ่าง บ้างว่าเป็นผลงานของซ่งอวี้ ขุนนางจากแคว้นฉู่เช่นกัน บทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ เป็นบทประพันธ์ที่ยาวมาก ลักษณะคล้ายเล่านิทาน ใจความของบทประพันธ์เป็นการเรียกและหว่านล้อมดวงวิญญาณให้กลับมาบ้าน อย่าได้ไปหยุดรั้งอยู่ในดินแดน ณ ทิศต่างๆ โดยบรรยายถึงภยันตรายและความยากลำบากในดินแดนนั้นๆ ที่อาจทำให้ดวงวิญญาณอาจดับสูญได้ และกล่าวถึงความคิดถึงของคนที่บ้านที่รอคอยให้ดวงวิญญาณนั้นหวนคืนมา ซึ่งสะท้อนถึงธรรมเนียมโบราณที่ต้องทำพิธีเรียกดวงวิญญาณของผู้ที่ตายในต่างแดนให้กลับบ้าน ว่ากันว่าบทประพันธ์ ‘เรียกดวงวิญญาณ’ นี้มีที่มาจากเรื่องราวของกษัตริย์ฉู่หวยหวางที่เสียท่าให้กับกุศโลบายของแคว้นฉิน ถูกจับเป็นตัวประกันหลังพ่ายศึกและพลีชีพที่นั่น ต่อมาสามปีให้หลังเมื่อสองแคว้นสงบศึกกันแล้วจึงมีการจัดพิธีศพให้แต่กษัตริย์ฉู่หวยหวาง และแม้ว่ากษัตริย์ฉู่หวยหวางจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด แต่ในช่วงที่ถูกจับเป็นตัวประกันนั้นได้แสดงถึงความกล้าหาญยอมหักไม่ยอมงอ บทกวีนี้จึงถูกประพันธ์ขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงจิตวิญญาณอันหาญกล้าของผู้ที่พลีชีพในต่างแดนเพื่อแผ่นดินเกิด และวลี ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา’ ได้ถูกนำมาใช้ในสุนทรพจน์สดุดีทหารจีนในงานพิธีฝังศพทหารอาสาสมัครจีนชุดที่ 8 จำนวน 109 นายที่พลีชีพในสงครามเกาหลีเมื่อกว่า 70 ปีที่แล้วและเพิ่งได้รับการส่งคืนจากเกาหลีใต้ในเดือนกันยายน 2021 มันเป็นสุนทรพจน์ของนายซุนส้าวเฉิงในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงการทหารผ่านศึก (Ministry of Veteran Affairs) ในสมัยนั้น โดยประโยคเต็ม ‘ดวงวิญญาณจงกลับมา อย่าได้โศกเศร้าไปชั่วนิรันดร์’ นี้คือประโยคจบของสุนทรพจน์ (รูปประกอบ2) บทสุนทรพจน์ดังกล่าวยาวและใช้ทักษะภาษาชั้นสูงถ้อยคำงดงาม ใจความโดยสรุปคือยกย่องเหล่าทหารอาสาสมัครที่ออกไปร่วบรบเพื่อเสถียรภาพของสาธารณรัฐจีนที่เพิ่งถูกก่อตั้งขึ้นใหม่ สดุดีความกล้าหาญของพวกเขาที่ต้องเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่มีอาวุธสงครามที่ร้ายกาจ สุดท้ายพลีชีพอยู่ต่างแดนไม่มีโอกาสได้กลับบ้านเกิดจวบจนวันนี้ ขอให้เหล่าดวงวิญญาณกลับมาสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นของประชาชนที่รักเขาและยังไม่ลืมความเสียสละของพวกเขา ได้กลับมาเห็นความเจริญเข้มแข็งของประเทศที่เขาพลีกายปกปักษ์รักษา ขอเหล่าวิญญาณผู้กล้าจงกลับคืนสู่มาตุภูมิ กลับมาสู่ความสงบ ไม่ต้องเจ็บช้ำหรือโศกเศร้าอีกต่อไป สุนทรพจน์นี้ได้รับการยกย่องด้วยภาษาที่งดงามและความหมายลึกซึ้งกินใจ ไม่เพียงสดุดีความกล้าหาญ แต่ยังกระตุ้นอารมณ์รักและเคารพในผู้ฟังอีกด้วย และประโยคนี้เป็นคำพูดในยุคจีนปัจจุบันที่สะท้อนวัฒนธรรมที่สั่งสมผ่านกาลเวลาจากวลีจีนโบราณ กลายมาเป็นอีกประโยคหนึ่งที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/584621129_114988 http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html https://mgronline.com/china/detail/9670000114488 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://m.shangshiwen.com/71990.html https://www.gushiwen.cn/mingju_991.aspx https://baike.baidu.com/item/招魂/8176058 http://www.81.cn/tp_207717/10086482.html #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #เรียกดวงวิญญาณ #ชวีหยวน #ทหารอาสาสมัครจีน #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1434 มุมมอง 0 รีวิว
  • 11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร
    On 2025-01-10
    สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568

    และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน

    รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง

    ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว

    แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย

    หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น

    ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว

    ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี

    สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่

    1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ

    2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด

    แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน

    สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี

    ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก

    อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก

    สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

    แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ

    ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี

    แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย

    นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้

    สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา

    ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย

    อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น

    (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้)

    ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    11 มกราคม 2568-รายงานพิเศษของเว็บไซต์ The Structure เกี่ยวกับประเด็นเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย โดยรศ. ดร.ปณิธาน วัฒนายากร ได้สะท้อนภาพจากเหตุการณ์ลอบสังหาร “ลิม กิมยา”กลางกรุงเทพมหานครว่า เกิดอะไรขึ้น กับประเทศไทย? ‘รศ.ดร.ปณิธาน’ สะท้อนภาพที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ ลอบสังหาร ‘ลิม กินยา’ กลางกรุงเทพมหานคร On 2025-01-10 สืบเนื่องจากกรณีการลอบสังหาร ลิม กิมยา อดีต สส. พรรคสงเคราะห์ชาติกัมพูชา (Cambodia National Rescue Party) และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกลอบยิงที่บริเวณเกาะกลางถนน วงเวียนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร ในช่วงค่ำของวันที่ 7 ม.ค. 2568 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย สามารถระบุตัวคนร้ายจนพบว่าเป็นจ่าเอ็ม-เอกลักษณ์ แพน้อย อดีตทหารนาวิกโยธินของไทย ซึ่งถูกให้ออกจากราชการไปตั้งแต่ปี 2566 แล้ว และสามารถตามจับตัวจ่าเอ็มได้ที่จังหวัดพระตะบอง ประเทศกัมพูชา ในช่วงค่ำวันที่ 8 ม.ค. 2568 และในเวลานี้ จ่าเอ็มยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวเพื่อสอบสวนของทางการกัมพูชา เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาจะมีการดำเนินคดีกับจ่าเอ็มในข้อหาลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายก่อน รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ได้กล่าวว่ากรณีนี้นั้น สะท้อนให้เห็นว่าได้เกิดช่องว่าง หรืออุปสรรค์ในการรักษาความปลอดภัยของฝ่ายความมั่นคงของไทย ทั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, ตำรวจสันติบาล, ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ, สำนักข่าวกรอง หรือแม้แต่สภาความมั่นคงเอง ที่อาจจะต้องทำงานให้สอดประสานกันเพื่อการกำหนดแนวทางการคุ้มกันบุคคลสำคัญ ซึ่งจริง ๆ แล้วมีการกำหนดหลักปฎิบัติ หรือระเบียบปฎิบัติประจำ (รปจ.) อยู่แล้ว แต่สำหรับกรณีนี้ ถึงแม้ว่าตัวผู้ถูกลอบสังหารจะไม่ได้ทำการร้องขอการคุ้มกันจากฝ่ายไทย จึงทำให้การจัดชุดรักษาความปลอดภัยนั้นอาจจะทำได้ไม่เต็มที่ แต่ในเมื่อพิจารณาดูแล้วว่า ลิม กินยานั้นเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจจะถูกคุกคาม จนมีความไม่ปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อความมั่นคง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็สามารถใช้ดุลยพินิจในการตัดสินใจส่งชุดรักษาความปลอดภัยไปดูแลลิม กินยา ตั้งแต่เข้าเมือง หรืออาจจะปฎิเสธการให้เข้าเมืองตั้งแต่แรกเลยก็ทำได้ ถ้าพิจารณาแล้วว่าอาจจะคุ้มครองเขาไม่ได้ ซึ่งกรณีนี้จะต้องมีการพิจารณาในรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ทางการไทยนั้นมีประสบการณ์ในการให้ความคุ้มครองบุคคลสำคัญจากประเทศเพื่อนบ้านมามากพอสมควร ไม่ว่าจะจากลาว, กัมพูชา, มาเลเซีย และเมียนมา ไทยก็เคยให้การดูแลคุ้มกันมาแล้ว ทางการไทยจะต้องมีการดำเนินการเพื่อการป้องกันเหตุการณ์ที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของไทย ว่าเป็นพื้นที่สังหารบุคคลสำคัญ, ไม่มีความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว หรือมีการซ่องสุมกองกำลังติดอาวุธต่าง ๆ โดยมีการใช้คนไทยเข้ามาเป็นเครือข่ายในการปฏิบัติการหลายอย่าง ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญที่จะต้องดูแลกันให้ดี สำหรับแนวทางในการนำตัวจ่าเอ็ม ผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น มีอยู่ 2 แนวทาง ได้แก่ 1 การดำเนินการตามช่องทางปกติ โดยจะต้องมีการดำเนินคดีในฝั่งกัมพูชาก่อนสักระยะหนึ่ง ซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร โดยจะมีการพิจารณาลงโทษ-ลดโทษ-อภัยโทษ แล้วส่งคืนมายังไทยตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ทั้งนี้ได้มีการตั้งข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายแล้ว แต่อาจจะมีการกล่าวโทษในคดีอื่นเพิ่มเช่น พกพาอาวุธ และความมีส่วนเกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามแดน ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลานานและสร้างความคลุมเครือ 2 การดำเนินการในช่องทางพิเศษ ด้วยวิธีต่างตอบแทน โดยการแลกตัว หรือร้องขอให้ทางกัมพูชาส่งตัวผู้ก่อเหตุให้มาถูกดำเนินคดีในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่กรณีนี้จะต้องระมัดระวังว่าจะกระทบต่อสิทธิมนุษยชน และต้องพิจารณาความตั้งใจจริงของฝ่ายกัมพูชาด้วย เพราะว่าเรื่องนี้นั้นจะเป็นการสะท้อนถึงระดับความสัมพันธ์ หรือเรื่องราวมีความซับซ้อนมากน้อยเพียงใด แต่ทั้งนี้นั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการผ่านกลไกของอาเซียน และตำรวจสากล ที่มีข้อตกลงที่ค่อนข้างชัดเจน และเป็นทางการ แทนการใช้ระบบต่างตอบแทน เพื่อป้องกันข้อครหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดหรือห่างเหินระหว่างผู้นำทั้ง 2 ประเทศในบางสมัย ซึ่งจะต้องมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงในเรื่องเหล่านี้ผ่านทางอาเซียน สำหรับคำถามที่ว่า ประเทศไทยมีขีดความสามารถในการคุ้มครองผู้เห็นต่างทางการเมืองจากประเทศอื่นที่เข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยหรือไม่ รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่า ในบางช่วงประเทศไทยก็มีขีดความสามารถในการดำเนินการในเรื่องนี้ได้ดี ไทยเคยสามารถจับกุมตัวผู้ก่อการร้ายระหว่างประเทศได้หลายครั้ง อย่างกรณี “ฮัม บาลี” ผู้ก่อเหตุวางระเบิดในอินโดนีเซีย หรือกรณีของ วิกเตอร์ บุช ผู้ค้าอาวุธสงครามชาวรัสเซีย และมีการส่งตัวกลับไปยังประเทศต้นทางได้ และได้รับความชื่นชมจากนานาชาติเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเคยสามารถสกัดกั้นไม่ให้กลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้าประเทศ อย่างเช่นกลุ่มจากประเทศเกาหลีเหนือ และกลุ่มอื่น ๆ ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อกว่า 30 กลุ่ม ซึ่งบางครั้งเราก็ทำได้ดี แต่บางครั้งเราก็มีปัญหา ซึ่งในภาพรวมแล้วเราควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก และกรณีนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีที่พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชากล่าวหาฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น รศ.ดร. ปณิธานกล่าวว่าเรื่องนี้นั้นถือเป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ที่จะต้องมีการพิสูจน์ทราบกันให้ชัดเจน ก่อนที่จะมีการกระทบในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ทั้งนี้การที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้านกล่าวหาพุ่งเป้าใส่กัน โดยมีการดึงประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่เลย อีกทั้งตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ทางการกัมพูชาได้ทำเรื่องร้องขอให้มีการส่งตัวนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลกัมพูชา เช่น สม รังสี อดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านกัมพูชากลับ ซึ่งก็มีทั้งกรณีที่ทางการไทยส่งตัวกลับ และไม่ส่งตัวกลับ ดังนั้นเรื่องนี้นั้น ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ และหน่วยงานราชการไทย และฝ่ายความมั่นคงนั้นมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ไทยต้องดำเนินการป้องกันให้มากกว่านี้ เพื่อการป้องกันไม่ให้ไทยถูกดึงเข้าไปอยู่ในวงความขัดแย้ง ซึ่งกรณีนี้ไม่ได้มีเฉพาะกับกัมพูชาเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับลาว, เมียนมา และมาเลเซียด้วย นอกจากนี้ ทางการไทยเองก็มีการดำเนินการขอตัวแกนนำสั่งการต่าง ๆ ที่อยู่ในมาเลเซีย มาดำเนินคดีในประเทศไทย ซึ่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง บางกรณีมีการเสียชีวิตในระหว่างทาง ซึ่งเรื่องนี้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการจัดระเบียบกันอย่างจริงจัง ก่อนที่จะเกิดความเสียหายกับประเทศไทยไปมากกว่านี้ สำหรับการสืบสาวหาต้นตอ/ขบวนการ/ผู้จ้างวาน ให้มีการลอบสังหารในครั้งนี้นั้น ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ยากนัก เพราะทราบมาว่าฝ่ายนั้นมีการดำเนินการสื่อสารผ่านระบบสมัยใหม่ ซึ่งทางเราสามารถดักจับ และบันทึกอยู่ในฐานข้อมูลของเรา ดังนั้นการดำเนินการสืบค้นเพื่อเอาหลักฐานเหล่านั้นมาพิสูจน์ในทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นก็คงไม่ยากเท่าไรนัก แต่ทั้งนี้จะต้องได้รับความร่วมมือจากทางกัมพูชาด้วย อย่างไรก็ดี การที่ลิม กินยานั้น เป็นผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วยนั้น ทำให้ฝรั่งเศส, สหภาพยุโรป และนานาชาติต่างก็จับตาดูกรณีนี้เป็นพิเศษ และก็คงจะมีการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภรรยาของลิม กินยา ซึ่งถือสัญชาติฝรั่งเศสด้วย และอาจจะเข้ามาร่วมประสานงานกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้เรื่องราวมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น (ทางการฝรั่งเศสได้ประกาศว่าจะมีการติดตามการสืบสวนของฝ่ายไทยอย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้) ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงต่างประเทศจะต้องมีการตั้งชุดทำงานขึ้นมา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบมากไปกว่านี้ และในขณะนี้เกิดความแปรปรวนขึ้นพอสมควร เนื่องจากเกิดความเชื่อหลายอย่างขึ้นในโลกออนไลน์ ซึ่งก็อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1299 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศ ณ 24 ธันวาคม 2567
    ร่วมลงชื่อ
    https://forms.gle/dM75jew76W59eDjo6
    เสนอให้มีกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันเชื้อชีวภาพที่ร้ายแรง

    สืบเนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบันไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติ แต่มีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างเชื้อรุนแรงให้เกิดการระบาดได้ง่าย ดังเช่น เชื้อไวรัสโควิดจากห้องแล็บ( Lab)ที่เมือง อู่ฮั่น ในประเทศจีนและ ที่สิงคโปร์
    เชื้อโรคร้ายที่สร้างขึ้นจะเกิดขึ้นอีกได้ถ้าไม่มีการควบคุม
    เมื่อเชื้อถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ขายวัคซีนและบังคับใช้ mRNA วัคซีนที่ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นยีนบำบัด(gene therapy)
    ส่งผลรุนแรงแรงต่อร่างกาย ปัจจุบันมีการลงทุนสร้างโรงงานหลายแห่งแล้ว
    ที่อเมริกาอุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFKJr. ว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุข และประธานาธิบดีTrump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพอันตรายอย่างใหญ่หลวง ทางไทยอาจจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีกได้เช่นกัน

    ปัจจุบันมีการเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่งเช่นที่โรงพยาบาลจุฬา และยังคงดำเนินการอยู่
    ในประเทศไทย บุคคลากรในมหาวิทยาลัยบางแห่งยังทำวิจัย พัฒนาดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้อย่างอิสระ ไม่มีการควบคุม
    จัดว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงเช่นเดียวกับที่สิงคโปร์

    เรามีกฎหมายควบคุมอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด แต่เรายังไม่มีกฎหมายควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA วัคซีนก็ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนบำบัด(Gene therapy) ต้องนำมาอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติ ตามกฎหมายก่อนที่เชื้อโรคชีวภาพดัดแปลงจะส่งผลร้ายต่อประชาชนและทำลายความมั่นคงของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้าวัคซีน

    รัฐบาลอเมริกากำลังเร่งแก้ไขแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมในเรื่องดังกล่าว
    ดังนั้นจึงต้องขอให้มีการลงชื่อเป็นจำนวน 50,000 คน เพื่อให้มีการพิจารณาเป็น"พระราชบัญญัติการป้องกันเชื้อชีวภาพร้ายแรงอย่างเร่งด่วนที่สุด
    🌟ประกาศ ณ 24 ธันวาคม 2567 📣 ร่วมลงชื่อ https://forms.gle/dM75jew76W59eDjo6 เสนอให้มีกฎหมายพระราชบัญญัติป้องกันเชื้อชีวภาพที่ร้ายแรง สืบเนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบันไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติ แต่มีการตัดต่อพันธุกรรมสร้างเชื้อรุนแรงให้เกิดการระบาดได้ง่าย ดังเช่น เชื้อไวรัสโควิดจากห้องแล็บ( Lab)ที่เมือง อู่ฮั่น ในประเทศจีนและ ที่สิงคโปร์ เชื้อโรคร้ายที่สร้างขึ้นจะเกิดขึ้นอีกได้ถ้าไม่มีการควบคุม เมื่อเชื้อถูกปล่อยออกมาเพื่อให้ขายวัคซีนและบังคับใช้ mRNA วัคซีนที่ไม่ใช่วัคซีน แต่เป็นยีนบำบัด(gene therapy) ส่งผลรุนแรงแรงต่อร่างกาย ปัจจุบันมีการลงทุนสร้างโรงงานหลายแห่งแล้ว ที่อเมริกาอุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFKJr. ว่าที่รัฐมนตรีสาธารณสุข และประธานาธิบดีTrump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นอาวุธชีวภาพอันตรายอย่างใหญ่หลวง ทางไทยอาจจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีกได้เช่นกัน ปัจจุบันมีการเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติเกิดขึ้นหลายแห่งเช่นที่โรงพยาบาลจุฬา และยังคงดำเนินการอยู่ ในประเทศไทย บุคคลากรในมหาวิทยาลัยบางแห่งยังทำวิจัย พัฒนาดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้อย่างอิสระ ไม่มีการควบคุม จัดว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงเช่นเดียวกับที่สิงคโปร์ เรามีกฎหมายควบคุมอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด แต่เรายังไม่มีกฎหมายควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA วัคซีนก็ไม่ใช่วัคซีนแต่เป็นยีนบำบัด(Gene therapy) ต้องนำมาอยู่ภายใต้ พระราชบัญญัติ ตามกฎหมายก่อนที่เชื้อโรคชีวภาพดัดแปลงจะส่งผลร้ายต่อประชาชนและทำลายความมั่นคงของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้าวัคซีน รัฐบาลอเมริกากำลังเร่งแก้ไขแล้ว แต่ประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมในเรื่องดังกล่าว ดังนั้นจึงต้องขอให้มีการลงชื่อเป็นจำนวน 50,000 คน เพื่อให้มีการพิจารณาเป็น"พระราชบัญญัติการป้องกันเชื้อชีวภาพร้ายแรงอย่างเร่งด่วนที่สุด
    FORMS.GLE
    ร่วมลงชื่อเพื่อขอให้มีกฎหมายพรบ.การป้องกันทางชีวภาพ
    พรบ.การป้องกันทางชีวภาพ เนื่องจากโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อไวรัสปัจจุบัน​ไม่ใช่เชื้อตามธรรมชาติแต่ถูกนำมาดัดแปลงเพิ่มความรุนแรงให้ข้ามจากสัตว์เข้าสู่คนได้ง่าย ในห้อง Laboratory​ ในต่างประเทศเช่นที่ Wuhan ประเทศจีนและ Singapore เชื้อโรคร้ายจะเกิดขึ้นอีกถ้าไม่มีการควบคุม เมื่อไวรัสถูกปล่อยออกมาเพื่อขายวัคซีนและการบังคับใช้ mRNA​ vaccine​ ที่ไม่ใช่วัคซีน​แต่เป็น gene therapy ก็จะเกิดขึ้นอีกเพราะพบว่าได้มีการลงทุนสร้างโรงงานไปเยอะมากหลายแห่งแล้ว อเมริกา​อุตสาหกรรมวัคซีนกำลังถูกเพิกถอนความคุ้มกันทางกฎหมายเพราะ RFK​Jr. รัฐมนตรีสาธารณะสุข​และประธานาธิบดี Trump รู้ว่าไม่ได้มีการทดลองเพื่อยืนยันความปลอดภัยและการนำเชื้อโรคในธรรมชาติมาดัดแปลงเพื่อเป็นอาวุธมีอันตรายอย่างใหญ่หลวง ไทยคงจะโดนโรคระบาดจากไวรัสที่ถูกดัดแปลงอีก ปัจจุบัน​การเก็บเชื้อโรคอันตรายจากธรรมชาติ เกิดขึ้น​หลายแห่งเช่นที่จุฬา และยังคงมีการดำเนินการอยู่ในประเทศไทย พร้อมกับบุคคลากรในมหาวิทยาลัย บางแห่งก็ยังทำวิจัย การพัฒนา​ดัดแปลงเชื้อจากธรรมชาติเหล่านี้กันอย่างอิสระไม่มีการควบคุมซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาอาวุธชีวภาพที่ร้ายแรงรวมถึงเพื่อนบ้านเรา Singapore​ ด้วย เรามีกฎหมายเกี่ยวกัอาวุธสงคราม วัตถุระเบิด ทำไมเราไม่มีกฎหมาบควบคุมเชื้อโรคชีวภาพเหล่านี้ mRNA vaccine​ ก็ไม่ใช่วัคซีน​แต่เป็น Gene therapy ต้องเอาเข้ามาอยู่ภายใต้ พรบ.นี้ก่อนที่สิ่งเหล่านี้จะทำลายประเทศไทยและทำลายเสถียรภาพ​ของประเทศโดยเป้าหมายทางการค้า วัคซีนและบ่อนทำลายความมั่นคง รัฐบาล อเมริกา กำลังเร่งแก้ไขแล้วแต่ไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะควบคุมกิจกรรมที่อันตรายอย่างยิ่งเหล่านี้ เพื่อการขอให้มีกฎหมาย พระราชบัญญัติ​การป้องกันทางชีวภาพนี้ ต้องขอให้มีคนลงชื่อ 50,000 คนเพื่อขอให้มีการพิจารณาเป็น พรบ.การป้องกันทางชีวภาพอย่างเร่งด่วน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 526 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## สุขภาพ กับ ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset ##
    ..
    ..
    โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย แต่ จะมีความสุข Own nothing and be happy.
    .
    ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ
    .
    World Economic Forum (WEF) , Deep State , BlackRock , State Street , Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่ม Elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และ มีเครือข่ายใน บริษัทยาวัคซีนยักใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer , Moderna , GSK , Sanofi และ อื่นๆ
    .
    และ ในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุม ได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่เป็น "พาร์ทเนอร์" อย่างเป็นทางการ ของ World Economic Forum (WEF) ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้ และ เป้าหมาย รายละเอียด ของ World Economic Forum (WEF) ได้ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้น แต่ครอบคลุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา (รวมทั้งบริษัทค้าอาวุธสงครามด้วย)
    ...
    ...
    "ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset" โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4"
    ## สุขภาพ กับ ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset ## .. .. โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย แต่ จะมีความสุข Own nothing and be happy. . ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ . World Economic Forum (WEF) , Deep State , BlackRock , State Street , Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่ม Elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และ มีเครือข่ายใน บริษัทยาวัคซีนยักใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer , Moderna , GSK , Sanofi และ อื่นๆ . และ ในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุม ได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่เป็น "พาร์ทเนอร์" อย่างเป็นทางการ ของ World Economic Forum (WEF) ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้ และ เป้าหมาย รายละเอียด ของ World Economic Forum (WEF) ได้ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้น แต่ครอบคลุมความมั่นคงทางเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา (รวมทั้งบริษัทค้าอาวุธสงครามด้วย) ... ... "ระเบียบโลกใหม่ The Great Reset" โดย ศาสตราจารย์ นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ในงาน "ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 869 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น

    อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั

    ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป

    ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา

    ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป

    การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น

    และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป

    และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป

    อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป

    แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย

    ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ

    เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น

    เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น

    และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น

    ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย

    กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้

    นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย

    ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา

    แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง

    จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย

    ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน

    ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

    จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี

    ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้

    1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

    2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ

    3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง

    4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก

    5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก

    แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย

    คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    10 ตุลาคม 2567
    ดอลลาร์สหรัฐจะเสื่อมค่าลง ถึงแม้จะพยายามก่อสงครามและโรคระบาดก็ตาม / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สถานการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อ ดอลลาร์สหรัฐ มี 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.การพิมพ์แบงค์ก่อหนี้ไม่หยุดและไม่สามารถชำระหนี้ได้ และ 2. การยึดทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซีย ทำให้ทั่วโลกกำลังหาสินทรัพย์อย่างอื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงจุดที่ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถใช้นโยบายดอกเบี้ยสูงได้ต่อไป ก็ยิ่งทำให้เงินทั่วโลกเทขายพันธบัตรและเงินดอลลาร์หันไปลงทุนสินทรัพย์อย่างอื่น โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย (ซึ่งแปลงเป็นเงินสกุลอื่น) คริปโตเคอเรนซี่ และทองคำ ประเทศใดไม่ทันระวังตัว หลงเพลินกับดัชนีราคาหุ้นที่สูงขึ้น ก็อาจจะได้รับผลกระทบทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเสื่อมค่าลงด้วยเพราะดอลลาร์ที่ท่วมในทุนสำรองระหว่างประเทศกำลังเสื่อมค่าลงเช่นกั ด้วยเหตุผลนี้ธนาคารกลางของหลายประเทศที่มีเงินทุนไหลเข้าจำนวนมาก ก็มีแนวโน้มจะซื้อทองคำมากขึ้น เพื่อรักษามูลค่าของทุนสำรองระหว่างประเทศให้มั่นคง กว่าการมีสินทรัพย์ที่มีเงินดอลลาร์มากเกินไป ด้วยเหตุผลนี้ทองคำมีแนวโน้มจะมีราคาสูงขึ้นต่อไปเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ดังนั้นในรอบหลายปีที่ผ่านมา การระบาดของโรคโควิด-19 ได้ช่วยทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกได้รับความเสียหาย อีกทั้งต้องสั่งซื้อวัคซีนและยารักษาโรคในรูปของเงินดอลลาร์สหรัฐจากอเมริกา และยุโรป การก่อหนี้สาธารณอันมหาศาลเพื่อรับมือกับโรคโควิด-19 ในการหาซื้อยา วัคซีน เวชภัณฑ์ รวมถึงการเยียวยาความเสียหายทางเศรษฐกิจ ทำให้หลายประเทศต่อก่อหนี้เพิ่มมากขึ้น บางประเทศที่ขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่แล้ว ก็ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF มากขึ้น และการที่ประเทศที่ได้รับความเสียหายจากสงครามหรือโรคระบาดที่ต้องกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศมากขึ้น ก็คือการรักษาความต้องการเงินดอลลาร์ให้ยังคงอยู่ต่อไป และต้องถูกแลกมาด้วยการสูบทรัพยากรจากประเทศลูกหนี้เหล่านั้นให้มาชดใช้หนี้ด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาและยุโรป และนี่คือเหตุผลสำคัญที่กระทรวงกลาโหมต้องออกมาปล่อยข่าวปลอมในการใส่ร้ายและทำลายวัคซีนจากจีน เพื่อต้องการสูบความมั่งคั่งจากทั่วโลกให้มาเพิ่งเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป อย่างไรก็ตาม เมื่อมาถึงจุดที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะดำรงได้ต่อไป จึงถูกสถานการณ์ทางเศรษฐกิจบีบคั้นให้ลดอัตราดอกเบี้ยและมีแนวโน้มจะลดลงไปเรื่อยๆ โดยหวังว่าทำให้เศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป แต่การลดดอกเบี้ยธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ก็แลกกลับมาด้วยเงินทุนไหลออกจากดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว ไปสู่สินทรัพย์อื่นที่ปลอดภัยมากกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งทองคำ เงินดิจิตอลคริปโตเคอเรนซี่ หุ้นในประเทศในเอเชีย ส่งผลทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มจะเสื่อมค่าลงเรื่อยๆ เมื่อนโยบายอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาไม่สามารถจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรักษาดอลลาร์อย่างสันติวิธีได้ ประชาคมโลกจึงมีความเสี่ยงที่จะได้เห็นปรากฏการณ์เร่งทำสงครามให้บานปลายมากขึ้น หรืออาจมีความเสี่ยงการก่อโรคระบาดใหม่ได้มากขึ้น เพราะการก่อสงครามของประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ได้ทำให้สหรัฐอเมริกาต้องเผชิญความเสี่ยงในการสูญเสียในสมรภูมิสงครามโดยตรง ทำให้หลายประเทศต้องซื้ออาวุธสงครามด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้น และการปฏิบัติการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ต่อสู้กันนั้น ก็ย่อมทำให้ต้องการใช้น้ำมันมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันที่เพิ่มมูลค่ามากขึ้น ย่อมทำให้สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์ทำกำไรมากขึ้น และรักษาเงินดอลลาร์ได้มากขึ้นเช่นกัน เพราะทำให้สหรัฐอเมริการมีรายได้มาช่วยชำระหนี้มากขึ้น ยังไม่นับความเสี่ยงประเทศคู่กรณีกับสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะถูกประเทศสหรัฐอเมริกาชักดาบ ไม่ต้องชำระหนี้พันธบัตรสหรัฐ และยึดทุนสำรองระหว่างประเทศมาชดใช้หนี้ให้สหรัฐอเมริการหรือให้มาซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของสหรัฐอเมริกาได้ด้วย กรณีศึกษาที่ชัดเจนว่าฝ่ายรักษาเงินดอลลาร์ที่ได้ทำลายการขนส่งก๊าซของรัสเซียในยุโรปก็ดี การมีเป้าหมายทำลายบ่อน้ำมันหรือโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านก็ดี มีเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำลายปิโตรเลียมของชาติอื่นๆ ที่จะไม่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐในการซื้อขายน้ำมัน(ปิโตรดอลลาร์) เพื่อหวังจะทำให้ปิโตรเลียมที่ค้าขายด้วยดอลลาร์สหรัฐเท่านั้นที่จะครองสัดส่วนหลักของโลกได้ต่อไป ซึ่งเป็นวิธีดิ้นเฮือกสุดท้ายที่มีความเสี่ยงสูง เป็นการเดิมพันเพื่อรักษาเงินดอลลาร์เอาไว้ให้ได้ นั่นหมายความว่า “ราคาน้ำมัน” มีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปด้วย ดังนั้นลักษณะสงครามโลก หรือหากจะมีสงครามโรคเพื่อรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นไปในลักษณะ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ”ไม่ให้เป็นสงครามที่มีผลกระทบต่อแผ่นดินของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ใช่ว่าแนวทางรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่ไม่ใช่แนวทางสันติวิธีแบบนี้จะทำได้ตามอำเภอใจ เพราะประเทศคู่กรณีอย่างจีน รัสเซีย ที่มีสมาชิก BRICS เข้าร่วมมากขึ้นเรื่อยๆ ที่กำลังลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐให้ลดน้อยลง จีน รัสเซีย เกาหลีเหนือ อิหร่าน อินเดีย ซึ่งกำลังทยอยลดการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ต่างมีอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยี ที่ไม่เพียงจะไม่แพ้สหรัฐอเมริกาและยุโรปเท่านั้น แต่ยังอาจจะเหนือกว่าสหรัฐอเมริกาแล้วด้วย ดังนั้นการทำสงครามแบบ “จำกัดพื้นที่” และ “ยืดเยื้อ” อาจถูกโต้กลับด้วยแสนยานุภาพทำให้สงครามสิ้นสุดลงได้เช่นกัน ในขณะที่การทำสงครามโรคระบาดก็อาจจะไม่ง่ายอีกเช่นกัน เพราะหลังจากการเกิดโรคระบาดโควิด-19 เริ่มทำให้หลายประเทศได้ตระหนักถึงความเสียหายรอบด้าน และมีการเตรียมความพร้อมมากขึ้น ทั้งยารักษาโรค การพึ่งพาตัวเองได้สมุนไพร การเร่งรัดงานวิจัย หรือแม้กระทั่งการผลิตวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศจีนได้ถ่วงอำนาจทางเศรษฐกิจไปทั่วโลก ด้วยการปล่อยกู้และลงทุนอันมหาศาลให้กับหลายประเทศที่ติดหนี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังขยายบทบาทการพึ่งพาทางเศรษฐกิจให้กับหลายประเทศทั่วโลกมากกว่าสหรัฐอเมริกา และทำให้ความจำเป็นในการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐอเมริกาลดลงไปด้วย และยังลงทุนก่อสร้างไปในธุรกิจพลังงาน และเหมืองแร่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสินทรัพย์ที่เป็นตัวเปลี่ยนเทคโนโลยีของจีน ที่เหนือกว่าการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น แนวโน้มดอลลาร์สหรัฐจะไม่สามารถรักษามูลค่าต่อไปได้ ต่อให้ปั่นกระแสข่าวการทำสงคราม การขึ้นภาษีกีดกันทางการค้า ต่างก็มีข้อจำกัดด้วยแสนยานุภาพของประเทศมหาอำนาจคู่กรณี ในสถานการณ์เช่นนี้ประเทศไทยจะต้องคำนึงถึงเรื่องดังต่อไปนี้ 1.ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่จะต้องปรับเปลี่ยนสัดส่วนของสินทรัพย์ให้ทันพลวัตต่อเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว 2.ต้องมีการบริหารจัดการรักษา “เสถียรภาพ” ค่าเงินบาทไม่ให้เกิดการ “ผันผวน” ผิดปกติเมื่อเทียบกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ควบคู่ไปกับการพิจารณาเรื่องเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ กับความสามารถในการแข่งขันในเวทีการส่งออกและการนำเข้าระหว่างประเทศ 3.ต้องบริหารจัดการให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก โดยเฉพาะการส่งเสริมโซลาร์เซลล์ และรถไฟฟ้าทั่วไทยอย่างจริงจัง 4.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางอาหารให้พึ่งพาตัวเองได้ ในภาวะสงครามทั่วโลก 5.ต้องเร่งสร้างความมั่นคงทางยาด้านสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตัวเอง ในภาวะสงครามทั่วโลก แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เห็นรัฐบาลได้ตระหนักหรือมีวิสัยทัศน์กับปัญหาเหล่านี้เลย คงเหลือแต่ประชาชนเท่านั้นที่ได้อ่านบทความนี้ต้องเริ่มแสวงหาแนวทางการพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น ทั้งการพึ่งพาตัวเองด้านพลังงาน อาหาร และสมุนไพร หรือปรัชญาพระราชทานเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 10 ตุลาคม 2567
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    110
    5 ความคิดเห็น 9 การแบ่งปัน 4624 มุมมอง 5 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศใต้

    เดือนนี้ ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ จะมีชื่อเสียง งานติดต่อประสานงาน การเจรจาสิ่งใหม่ๆจะได้พบในสิ่งที่ดี แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อระดมสมองแสดงความคิดเห็น จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ติดตามมา หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกลเพื่อนใหม่ๆจะเข้ามาเยี่ยมเยือน ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศใต้ เดือนนี้ ธุรกิจส่งออก ร้านอาหาร งานบริการ จะมีชื่อเสียง งานติดต่อประสานงาน การเจรจาสิ่งใหม่ๆจะได้พบในสิ่งที่ดี แต่ค้าเหล็กโลหะ อาวุธสงคราม หม้อต้มไฟฟ้า หรือถังแก๊ส ระวังจะเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้อย่างรุนแรง ควรหากิจกรรมต่างๆหรือประชุมเพื่อระดมสมองแสดงความคิดเห็น จะได้เกิดแนวความคิดใหม่ๆสร้างสรรค์ให้กับองค์กรจึงก่อเกิดผลประโยชน์ติดตามมา หากเดินทางจะมีโชคลาภได้รับข่าวจากแดนไกลเพื่อนใหม่ๆจะเข้ามาเยี่ยมเยือน ปัญหาเก่าเก็บจะคลี่คลาย แต่ความลับในเรื่องชู้สาวที่ปกปิดจะถูกเปิดเผยให้เป็นที่รับรู้โดยทั่วไป ระวังจะเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียเลือดเสียเนื้อจากโลหะของมีคม ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์"
    .
    ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น
    .
    ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี
    .
    ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย
    .
    -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป
    .
    เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก
    .
    ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ
    .
    แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย
    .
    แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง……“จากสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์" . ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" เมื่อวันพุธที่2ตุลาคมที่ผ่านมา ผมพูดจาโดยตรงกับท่านนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ที่ท่านพูดโอดครวญว่าทำงานยังไม่ถึงเดือนเลย ผมจะมาไล่ท่านแล้วหรือ ท่านใช้ความเป็นเด็ก ความน่าสงสาร ทำให้ตัวท่านเหมือนกับถูกผู้ใหญ่อย่างผมรังแก ฟังเสียก่อนแล้วจะรู้ว่าผมไม่ได้รังแกอะไรเขา เขาทำตัวเขาเองทั้งสิ้น . ท่านนายกฯ แพทองธารครับ ถึงเวลาแล้วที่ท่านจะต้องใช้สติปัญญาในการพิจารณาข้อความ เรื่องราวต่างๆ ของท่าน ท่านอย่าไปเที่ยวให้นักข่าวถามท่าน หรือว่าให้คนใกล้ชิดใส่ร้ายป้ายสี . ในรายการ "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ผมบอกว่าผมจะทำ 3 เรื่อง -เรื่องแรกที่ผมจะทำก็คือว่า ไม่เกินสิ้นปีนี้ผมจะไปยื่นขอความเป็นธรรมกับกรณีที่ผมโดนลอบสังหาร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 โดนยิง 200 นัด บาดเจ็บสาหัส จากวันนั้นถึงวันนี้คดีความไม่ไปไหนเลย . -เรื่องที่สอง เรื่องปริมาณพม่าลี้ภัยเข้ามาในเมืองไทยเยอะเหลือเกิน สมุทรปราการ มหาชัย แม่สอดกลายเป็นเมืองพม่า พม่าเริ่มเข้ามาเป็นเจ้าของกิจการหลายกิจการ อันนี้เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ พรรคภูมิใจไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง 3 แห่ง กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงแรงงาน และ กระทรวงมหาดไทย แล้วเรามีพรรคการเมือง คือ พรรคประชาชน (พม่า) หนุนหลังพวกลี้ภัยพม่าพวกนี้ทั้งหมดเลย นี่คือความเป็นห่วงที่ผมมีอยู่ นั่นคือจดหมายคำร้องเรียนเรื่องที่สองที่จะตามไป . เรื่องสุดท้ายผมบอกว่าผมจะติดตามการทำงานของท่านนายกฯ แพทองธารตลอดเวลา แล้วถ้าท่านทำถูกต้อง ผมให้กำลังใจ แต่ถ้าทำอะไรไม่ถูกต้อง มีการฉ้อราษฎร์บังหลวง ขายชาติ ขายแผ่นดิน ยกเกาะกูดให้กับเขมร ซึ่งท่านนายกฯ แพทองธารก็ต้องรู้ว่า ตระกูล "ชินวัตร" โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณพ่อของท่าน มีความสนิทสนมกับสมเด็จฮุน เซน มาก . ตรงนี้ถ้าท่านนายกฯ ไม่ลงมาจัดการหรือระมัดระวังตัว แล้วเราต้องยกชาติยกแผ่นดิน ยกพื้นที่ให้กับเขมร ขโมยพื้นที่เกาะกูดไป รวมเบ็ดเสร็จ รวมทั้งฉ้อราษฎร์บังหลวง ช่วยเหลือผู้คนในเครือข่ายตัวเอง ผมบอกว่า ถ้ามันเป็นอย่างนี้ ผมจะขอลงถนนเพื่อที่จะไล่ท่าน แต่ผมไม่ได้บอกว่าทันที ผมบอกจะรอจนถึงปีหน้า ขึ้นอยู่กับการกระทำของท่านนายกฯ . แต่ถ้าท่านยังรักพ่อมากกว่ารักชาติ ซึ่งเป็นอย่างนั้นผมก็ไม่ประหลาดใจ ทิศทางมันน่าจะไปทางด้านนั้น แต่ผมบอกท่านนายกฯแล้วหลายเรื่องนะ การคอร์รัปชัน ความไม่โปร่งใสในการทำงาน ความที่ประชาชนไม่ได้รับความยุติธรรมที่ควรจะได้รับ เหมือนผมโดนยิงไปแล้ว 12 ปี ไม่ได้รับความยุติธรรม ผมกำลังจะทดสอบท่านว่าท่านจะหาความยุติธรรมให้ผมได้หรือเปล่า มีที่ไหน โดนลอบสังหารด้วยอาวุธสงคราม 200 นัด 12 ปีแล้ว เรื่องราวไม่ได้ไปไหนเลย . แต่ที่สำคัญที่สุด นอกเหนือกว่าสิ่งอื่นใด ท่านต้องไม่ขายชาติ ท่านต้องไม่ยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมร เพื่อแลกกับสิทธิในการขุดน้ำมันด้วยกัน พื้นที่ทับซ้อนในทะเลเขมรยอมรับว่าที่นี้เป็นที่ของไทย ไม่รุกเข้ามา เมื่อยอมรับแล้ว การเจรจาเพื่อที่จะลงทุนร่วมกันในที่นั้นย่อมเป็นไปได้ ถูกไหมท่านนายกฯ แต่ไม่ใช่มาตัดให้เขมรเพื่อให้เขมรมีสิทธิ์ นี่คือสิ่งที่ผมจะยอมให้ไม่ได้
    Like
    Love
    25
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2660 มุมมอง 0 รีวิว