• ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 1

    เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ

    แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่

    มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย

    (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี
    ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา

    จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย)

    กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่

    แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917)

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 2

    หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า

    “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย

    เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา

    เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ!

    เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
    “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก

    หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง

    “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..”
    นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ

    สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า

    “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้”

    คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร

    นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง

    หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ

    นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 3

    Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild

    ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป

    เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา

    เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน

    นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้:

    ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา”
    Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง
    ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้

    นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง

    จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 4

    Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย

    เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ

    ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว
    แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย

    วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง

    New York
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 1 – 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 1 เล่าเรื่องมาถึงตอนนี้ คงจะพอเห็นกันรางๆแล้วว่า การปฏิวัติรัสเซีย โดยพวก Bolsheviks น่าจะเป็นละครลวงโลก ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งศตวรรษ ที่สามารถต้มคนได้ทั้งโลก เป็นเวลานานร่วมร้อยปีแล้ว โดยแทบจะยังไม่มีใครรู้เรื่อง เอะใจ หรือ สงสัย เพราะเอกสารที่เกี่ยวข้อง ได้ถูกทำลายไปเกือบหมด เกือบหมด แต่ไม่หมด มีนักวิชาการ นักประวัติศาสตร์ ผู้ที่สนใจความจริง และรักความเป็นธรรม และที่สำคัญ ผู้ที่ได้รับผลกระทบต่อชีวิต และประเทศชาติของเขา เริ่มทะยอยค้นคว้า หาข้อเท็จจริง จากเอกสารที่ถูกกระจายซุกซ่อน บิดเบือน และพรางตัวในรูปแบบต่างๆ แต่ความจริงไม่เคยถูกซ่อนได้มิดหมด ไม่เคยถูกเก็บ จนไร้ร่องรอยโดยสิ้นเชิง ความจริง รอให้เราตามรอย ขุดค้นขึ้นมาใหม่ มันไม่ใช่การปฏิวัติอันยิ่งใหญ่ อย่างที่เราเข้าใจกันแม้แต่น้อย แต่มันเป็นการสมคบกันของโจร ในเสื้อคลุมต่างๆ ที่จะปล้นรัสเซีย อย่างไม่ให้เหลือซาก อย่างโหดเหี้ยม และเลือดเย็น ทำลายสถาบัน ทำลายประเทศ ผ่านการสร้างฉากปฏิวัติ ซึ่งเป็นรูปแบบการปล้นที่น่าสนใจอย่างยิ่ง และมันได้ถูกนำมาพัฒนา เป็นการปล้นประเทศอื่นๆต่อไปอีกมากมาย (และก็น่าคิดว่า การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หรือการปฏิวัติของไทยเรา ในปี พ.ศ.2475 (ค.ศ.1932) ที่มีผู้สรรเสริญกันหนักหนา ก็อาจจะเป็นละครลวงโลก โดยการจัดฉากเช่นเดียวกันนี ผมมาฉุกใจคิด ตอนกำลังเขียนนิทานเรื่องนี้ เลยแวะไปหาเอกสารเก่าๆอ่าน เจอเรื่อง พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี แซร์ Francis Bowes Sayre) นักกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ที่เข้ามายังสยามประเทศ เป็นที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของไทย ในสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 (ค.ศ.1923) ในปี พ.ศ.2468 (ค.ศ.1925) มีตำแหน่งเป็น เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย มาถึงสมัยพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 นาย Sayre ถวายคำปรึกษาด้านสนธิสัญญา และร่วมร่างเค้าโครงรัฐธรรมนูญ ฉบับพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย ในชื่อ “Outline of Preliminary Draft” และเป็นผู้แทนรัฐบาลไทย ในการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาไทย- สหรัฐอเมริกา จะรู้สึกสะกิดใจกันไหมครับ ถ้าผมบอกว่า Francis B Sayre เป็นลูกเขยของประธานาธิบดี Woodrow Wilson และช่วงปี ค.ศ.1917 เขาทำงานกับ YMCA จำได้ไหมครับว่า ผมเคยเล่าว่าหน่วยงานนี้ จริงๆ ทำหน้าที่อะไร และ YMCA ไปทำอะไรที่รัสเซีย ในปี 1917 สงสัยผมคงจะต้องไปค้นหาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่อง คุณลูกเขยนี่เพิ่มเติมสักหน่อย) กลับมาที่เรื่องปล้นรัสเซียต่อ ตัวละครสำคัญคือ American International Corperation (AIC) ซึ่งตามบทละครลวงโลกครั้งยิ่งใหญ่นี้ น่าจะถูกตั้งขึ้นมา เพื่อรับบทเป็นผู้นำการปล้น โดยเป็นผู้จัดการระดมทุน ที่ต้องลงทุนค่าใช้จ่ายในการเตรียมการจัดหาพรรคพวก อาวุธยุทธภัณท์ เครื่องไม้เครื่องมือ รวมทั้งการซ้อมปล้นที่อื่นมาหลายแห่ง ตั้งแต่ เม็กซิโก อเมริกาใต้ ยันไปถึงเมืองจีน ก่อนที่จะเป็นการลงมือในฉากใหญ่ ปล้นรัสเซีย จักรวรรดิที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มีทรัพยากรมากมายซ่อนอยู่ แต่ก็ยังไม่ชัดเจน ว่าใครกันแน่ ที่เป็นคนสั่งให้มีการ “ปล้น” และใครเป็นคนวางแผนปล้น และทำไมถึงเลือกรัสเซีย มันจะมาจากสาเหตุอะไรก็ตาม มันต้องทำเป็นขบวนการ เตรียมการล่วงหน้าเป็นปีๆ (AIC ตั้งขึ้น ค.ศ.1915 การปฏิวัติรัสเซียทั้ง 2 ครั้ง เกิดขึ้นในปี ค.ศ.1917) นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 2 หนังสือพิมพ์ New York Times วันที่ 17 มีนาคม 1917 เขียนรายงานถึงนักข่าวชื่อดัง นาย George Kennan ซึ่งได้พูดในวันที่กลุ่มสังคมนิยมชาวอเมริกัน ได้จัดงานชุมนุม เพื่อฉลองการปฏิวัติรัสเซีย ว่า “นาย Kennan เล่าให้ฟัง ถึงผลงานของกลุ่ม Friends of Russian Freedom ที่เข้าไปเกี่ยว กับการปฏิวัติรัสเซีย เขาบอกว่า เรื่องมันเริ่มมาตั้งแต่ สงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นที่รบกันตั้งแต่ ค.ศ. 1904 นู่น เมื่อรบกันไปปีกว่า ญี่ปุ่นเป็นฝ่ายได้เปรียบ และจับทหารรัสเซียได้ประมาณ 12,000 เอามาขังไว้ที่ญี่ปุ่น ตอนนั้นเขาอยู่ที่โตเกียว และได้รับอนุญาตให้เข้าไปเยี่ยมนักโทษ ที่เป็นทหารรัสเซีย เขาได้รับหน้าที่ ให้เป็นคนหว่านความคิด สร้างความเกลียดชัง และต้องการปฏิวัติไล่ซาร์ของรัสเซีย เอาไว้ในหัวของพวกทหารรัสเซีย ที่ถูกจับนั้น โดยพวกญี่ปุ่นให้ความสนับสนุน เอกสารการโฆษณาชวนเชื่อ และชวนให้ปฏิวัติ ถูกจัดส่งไปที่ญี่ปุ่นจากอเมริกา หลังจากปฏิบัติภาระกิจ หว่านเมล็ดพันธ์ปฏิวัติเสร็จ เขาก็เดินทางกลับอเมริกา เขาบอกว่า ขบวนการหว่านความคิดให้ปฏิวัติซาร์ของรัสเซียนี้ นี้ได้รับการอุปถัมภ์ และสนับสนุนด้านเงินทุน จากนักการเงินใหญ่แห่งนิวยอร์ค ที่ทุกคนรู้จักดีและชื่นชม คือนาย Jacob H Schiff นั่นแหละ! เมื่อสงครามโลกเกิดขึ้น มีทหารรัสเซีย ถูกควบคุมอยู่ที่ญี่ปุ่น ประมาณ 50,000 คน ทำให้ Friends of Russian Freedom ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย “…แต่ผมไม่รู้จำนวนที่แน่นอน ของพวกเมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านไว้ และได้มาเข้าร่วมการปฏิวัติครั้งนี้… “นาย Kennan บอก หลังจากนั้น เขาก็อ่านโทรเลขจากนาย Jacob H Schiff บางส่วน ให้พวกที่มาชุมนุมฟัง “ …คุณช่วยบอกพวกเรา ที่มาฉลองกันคืนนี้ว่า ผมเสียใจอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถมาร่วมฉลองการได้รางวัลของ Friends of Russian Freedom ที่เราได้คาดหวัง และพยายามอยู่หลายปี เพื่อจะทำให้มันเกิดผลสำเร็จ..” นอกจากนี้ Schiff ยังแสดงความเห็นของเขาต่อการปฏิวัติรัสเซีย อย่างไม่ปิดบัง ผ่านบทความของเขาที่เขียนลงใน นสพ.ต่าง ๆ สำหรับ หนังสือพิมพ์ The Evening Post นั้น Schiff เขียนว่า “เพื่อตอบคำถามพวกคุณ ถึงความเห็นของผม เกี่ยวกับสถานะการเงินของรัสเซีย ผมเชื่ออย่างยิ่งว่า ด้วยการพัฒนาทรัพยากรอันมหาศาล ของรัสเซียอย่างถูกต้อง หลังจากกำจัดคนใหญ่คนโตไปแล้วนั้น(หมายถึงซาร์) รัสเซียก็สามารถจะพัฒนาสถานะการเงินของตน ให้ขึ้นมาอยู่ในกลุ่ม ที่จะสร้างประโยชน์แก่ตลาดเงินของโลกได้” คำตอบของ Schiff สะท้อนถึงความเห็น ของแวดวงการเงินในลอนดอนและนิวยอร์ค เกี่ยวกับการปฏิวัติรัสเซียได้ดีพอสมควร นาย John B. Young แห่งธนาคาร National City Bank ซึ่ง บังเอิญอยู่ที่รัสเซีย ในปี 1916 เพื่อทำหน้าที่จัดการเงินกู้ ของพวกนายทุนอเมริกันให้แก่ซาร์ว่า ได้มีการพูดถึงการปฏิวัติกันทั่วไปหมดในรัสเซียในปีนั้น เขาคิดว่า พวกที่จะทำการปฏิวัติ เป็นพวกที่เอาจริง หนังสือพิมพ์ The New York Times รายงาน ว่า ตลาดแลกเปลี่ยนเงินที่ลอนดอน คึกคักล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนการปฏิวัติ เหมือนกับทางลอนดอนรู้ว่า จะมีการปฏิวัติก่อนนิวยอร์ค และนักการเงินรุ่นใหญ่ ทั้งในตลาดเงินลอนดอนและนิวยอร์ค ต่างมีความเห็นไปในทางบวกกับการปฏิวัติของรัสเซีย พวกกลุ่มนักการเงินและกลุ่มอุตสาหกรรม มองว่าการปฏิวัตินี้ เป็นการกำจัดอิทธิพล ของกลุ่มที่ฝักฝ่ายเยอรมันในรัฐบาลรัสเซียออกไป และจะทำให้การทำสงครามกับเยอรมัน ของรัสเซียเข้มแข็งขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อฝ่ายอังกฤษ นาย Jacob H Schiff เป็นใคร และอะไรทำให้เขาลงทุนให้ นาย George Kennan ถือตะกร้า ไปหว่านเมล็ดพันธุ์ปฏิวัติถึงในโตเกียว นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 3 Jacob H Schiff เป็นลูกของนักบวชชาวยิว (Jewish Rabbi) เกิดที่เมือง Frankfurt เยอรมัน เขาถูกส่งให้มาอยู่ที่อเมริกา ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 19 ตามคำสั่งและโดยเงินทุนของตระกูลโคตรรวย เจ้าพ่อ Rothschild ภาระกิจของ Schiff คือ เข้าไปคลุกอยู่กับนักการเงินชาวอเมริกัน และรอฟังคำสั่งจากเจ้านายต่อไป เมื่ออยู่อเมริกานานพอ จนศึกษาลู่ทางเกี่ยวกับธุรกิจการเงินได้พอสมควร ด้วยทุนของ Rothschild Schiff ก็ซื้อกิจการธนาคารที่อินเดียนนา ชื่อ Kuhn and Loeb ซึ่งเป็นของ Abraham Kuhn และ Solomon Loeb พร้อมกันนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าคุมกิจการได้หมดจด Schiff ก็แต่งงานกับ Therese ลูกสาวของ Solomon หลังจากนั้นก็ซื้อหุ้นส่วนของ Kuhn มาทั้งหมด ทำให้เขาเป็นเจ้าของ Kuhn and Loeb แต่ผู้เดียว และย้ายมาทำธุรกิจที่นิวยอร์ค เป็นสูตรการซื้อกิจการที่น่าสนใจ แต่งงานกับลูกสาว แล้วได้เป็นเจ้าของกิจการของพ่อตา เมื่อมาเปิดตัวที่นิวยอร์ค ในช่วงแรกๆ เขาไม่ค่อยได้รับการต้อนรับจากเจ้าถิ่นใหญ่คือ House of Morgan ซึ่งเป็นเจ้าพ่อคุมวอลสตรีทอยู่ แต่ Schiff ในฐานะตัวแทนของเจ้าพ่อ Rothschild ก็คงไม่มีใครกล้ารังเกียจที่จะ คบค้า แล้ว Schiff กับ Morgan ก็จับมือกัน เงินมันกลิ่นเดียวกัน ข่าวบอกว่า Schiff เป็นตัวกลาง เชื่อม Rothschild กับ House of Morgan เข้าด้วยกัน นิตยสาร Truth ฉบับวันที่ 16 ธันวาคม 1912 ลงบทความ ที่เขียนโดย George R Conroy ดังนี้: ” Schiff นายใหญ่ของธุรกิจการเงิน Kuhn, Loeb & Co ซึ่งเป็นตัวแทนของ Rothschild ทางฝั่งนี้ของแอตแลนติก ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักยุทธศาสตร์การเงินตัวฉกาจ เขาเป็นผู้ให้คำแนะนำด้านการเงิน กับกิจการของ Standard Oil ที่ยิ่งใหญ่ เขามีความสนิทสนม และทำงานใกล้ชิดกับพวก Harrimans และ Rockefellers ในธุรกิจเกี่ยวกับกิจการทางรถไฟทั้งหมดของพวกนั้น จนทำให้พวกนั้น มีอำนาจควบคุมธุรกิจเกี่ยวกับทางรถไฟและการเงินของอเมริกา” Kuhn, Loeb & Co มีหุ้นส่วนอีกคน คือ น้องเขยของ Schiff ชื่อ Paul Warburg ซึ่งเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งในการวางแผน และดำเนินการให้กลุ่มวอลสตรีท สร้างระบบธนาคารกลาง ( Federal Reserve System ) ที่มีเอกชนเป็นเจ้าของ ในอเมริกาได้สำเร็จ และยังเป็นอยู่จนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ Paul มีน้องชาย ชื่อ Max Warburg ซึ่งดูแลกิจการ Kuhn, Loeb & Co อยู่ในเยอรมันและ Max ยังทำงานให้รัฐบาลเยอรมัน โดยเป็นหัวหน้าหน่วยจารกรรม ของรัฐบาลเยอรมันในช่วงสงครามโลกอีกด้วย นอกจากนี้ Paul ยังมีน้องชายอีกหนึ่งคน ชื่อ Felix ที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนการค้าของรัฐบาลเยอรมัน ประจำที่กรุงสตอกโฮม หน้าที่นี้ในยามสงคราม ไม่ต่างอะไรกับหน้าที่สืบราชการลับนั่นเอง จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลก ที่แม้จะอยู่อเมริกา แต่ Schiff ก็รู้ความเป็นไป ของอีกฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นอย่างดี ผ่านเครือข่ายธุรกิจของเขา และของกลุ่ม Rothschild นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 4 Schiff ได้ข่าวว่า ซาร์นิโคลัส ที่ 1 ของรัสเซีย รังเกียจชาวยิวอย่างยิ่ง ทำการบีบคั้นชาวยิวสาระพัด และท้ายสุด เริ่มขบวนการที่จะส่งยิวออกนอกรัสเซีย ชาวยิวชื่อ Schiff จึงหาโอกาสที่จะแก้แค้น แทนพวกพ้องชาวยิวในรัสเซีย เมื่อได้ยินข่าวว่า รัสเซียกำลังจะต้องทำสงครามกับญี่ปุ่น และต้องการเงินทุนจำนวนมาก Schiff เรียก ประชุมชาวยิวที่บ้านเขา และกล่อมไม่ให้เศรษฐีเงินกู้ชาวยิว ให้เงินกู้แก่ฝั่งรัสเซีย Schiff อ้างว่ารัสเซียร้ายกาจกับชาวยิวอย่างมาก เป็นการเสี้ยมที่ได้ผล รัสเซียหาเงินกู้ไม่สำเร็จ ขณะเดียวกัน Baron Korekiyo Takahashi ตัวแทนของทางการญี่ปุ่น ก็กำลังหน้ามืด ในการหาเงินกู้ในนิวยอร์ค เพื่อจะใช้เป็นทุนในการไปรบกับรัสเซีย เขาไม่ได้รับความสนใจแม้แต่น้อย Takahashi จึงติดต่อไปทาง Rothschild ซึ่งก็ตอบปฎิเสธมา โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากผิดใจกับซาร์เพิ่มขึ้น เนื่องจากกลุ่ม Rothschild ไปทำข้อตกลงกับกลุ่ม Rockefeller เกี่ยวกับการขุดหาน้ำมันของรัสเซีย โดยไม่ขออนุญาตซาร์ ทำให้ซาร์ไม่พอใจ Rothschild หาข้ออ้างให้พ้นตัว แต่แล้วโอกาสทองของทั้ง 2 ฝ่ายก็มาถึง เมื่อ Takahashi ได้รับเชิญไปงานเลี้ยงรายหนึ่ง ที่ลอนดอน เขาบังเอิญได้นั่งติดกับ Jacob Schiff เขาบอกกับ Schiff ว่าญี่ปุ่นต้องการเงินกู้ 30 ล้านเหรียญ เอามาเป็นทุนสู้กับรัสเซีย Jacob Schiff มองเห็นโอกาสได้รางวัลหลายต่อ ให้เงินกู้กับญี่ปุ่น เป็นการเปิดตลาดใหม่ ให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย ได้ล้างแค้นรัสเซียแทนยิว และได้หน้ารับใช้ Rothschild เจ้านาย มันมีแต่ได้กับได้ ใครจะไม่ฉวยโอกาสทองนี้ Schiff จึงตกลงรับคำ จะมาปั่นตลาดเงินในอเมริกา หาเงินทุนให้ญี่ปุ่นไปรบรัสเซีย วันที่ 12 พฤษภาคม 1904 พันธบัตรเงินกู้เพื่อญี่ปุ่น ขายคล่องยิ่งกว่าขนมปัง New York
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันเดอะแก๊งเดียวกันหมด,ทุกๆตัวในนักการเมืองนี้,มันจึงเขียนกฎหมายมาจนเปลี่ยนนายกฯมานั่งเล่นๆกันจนว่าเล่นตั้งแต่นายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรก คนสองทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา คนต่อมาเดอะแก๊งชูสามนิ้วยกมือให้มาแก้ม.112แทนตนมานั่งนายกฯเองแบบเสียงข้างน้อยหรือหนักกว่านายกฯรักษาการอุ๊งอิ๊งอีกเจตนาพูดหลุดชัดเจน คนไทยไปล้ำแผ่นดินเขมรตรงส่วนไหนบ้าง มันป่าเถื่อนทัั้งวางกับระเบิด ปล้นชิงเรียกค่าไถคนไทย 100%ไม่มีใครไปล้ำแดนมันแน่นอน,ต่างจากทหารเขมรมันเจตนาล้ำตามคำสั่งฮุนเซน ใช้ครอบครัวทหารล้ำเนียนๆมาตลอด เพื่อยึดพื้นที่สร้างแนวเขตใหม่ กะชิงทรัพยากรมีค่าจากพื้นที่ไทยที่ชิงมาได้ทั้งบนบกและลากลงทะเล,อย่าลืมว่าพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะก็เกิดจากยุคลุงยึดอำนาจปิดปากประชาชนชัดเจน แก้ม.190สำเร็จด้วย.,รธน.60นี้จึงเป็นภัยมากหากพูดกันจริง,ทำทีห้ามคนอื่นยึดอำนาจต่อโทษประหารมันเขียนปิดทางคนดีอื่นๆด้วยดักไว้,แต่ถ้ายึดแล้วฉีกทิ้งมันก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ชนะเขียนกฎใหม่ได้หมด,
    ..เรา..ประชาชนจึงคาดหวังกับทหารกองทัพไทยเราใหม่สูงมากกว่ายุคคนบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าไม่ถีบเขมรเหมือนบิ๊กกุ้งถีบออกไปอย่างชัดเจน,ผบ.สสและผบ.ทบ.เราต้องเด็ดขาดเสียทีกับนักการเมืองชั่วเลวเหล่านี้,ลุกลามพากันเลวชั่วจนถึงระดับท้องถิ่นไปหมด,แม้มีเลือกตั้งสมัยหน้าคนไทยที่ยากจนตามความจำเป็นในการใช้ตังของระบบทาสตังฝ่ายมือวางไว้จะไร้ปัญญาหนีออกจากระบบมันได้,ยิ่งเงินเถื่อนกว่าล้านล้านบาทมันพร้อมลงทุนซื้อคนนักการเมืองทุกๆระดับได้ ตั้งแต่ระดับชาติถึงผญบ.ก็ว่า มันทำแล้วด้วยในปัจจุบันที่ผ่านๆมา นักการเมืองท้องถิ่น อบต.อบจ.ส.อบต. ส.อบจ. ผญบ. ผู้ว่า นายอำเภอ ข้าราชการท้องถิ่นแต่ละที่มันสร้างเดอะแก๊งมันไว้หมด ควบคุมโดยหัวหน้าแก๊งลูกน้องมันอีก เมื่อคนมันวางไว้พร้อม ที่ๆผ่านมามันทดลองทดสอบระบบมันแล้ว กทม.พื้นที่มากมายจึงทดสอบที่หัวละ1,000-5,000บาทกันไปแล้ว,ขยายมาต่างจังหวัดแล้วด้วย,มีการเลือกตัังใหม่ มันจัดเต็มที่แน่นอน,ที่เหลือมันจะให้ใครรับบทเป็นนายกฯคนต่อไปแค่นั้น,เพราะสุดท้ายใครจะมาเป็นนายกฯคนไทย มันอยากได้อะไรมันจะสั่งให้ทำได้ทันทีนั้นเอง,แบบสั่งยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้มันครอบครองหมด,ล่าสุดสั่งให้ยกแร่เอิร์ธให้มันอีกด้วย อาจกว่าแสนล้านตัน มิใช่พันล้านตันหรือหมื่นล้านตันหรอก คือเราน้อยกว่าจีนไม่เท่าไรเองแค่นั้น,พม่า ไทย มีมากสุด และไทยง่ายปลอดภัยกว่าพม่า เขมรจีนยึดแร่เอิร์ธแล้ว.

    ..สรุปหนทางออกที่ดีคือกองทัพไทยต้องปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเราให้เด็ดขาดชัดเจน จะให้นักการเมืองชั่วเลวเจ้าสัวชั่วเลวคนข้าราชการชั่วเลวนี้มาทำลายชาติไทยเราไม่ได้,ต้องฉีกกฎคนชั่วเลวที่สร้างขึ้นทั้งหมดทันที,ยึดอำนาจมันคือคำตอบสุดท้าย.,ส่วนพิธีกรรมในชาติบ้านเมืองขณะนี้ สามารถทำแทนมันคนชั่วเลวนี้ได้หมดล่ะและดีกว่าด้วยอย่างสมพระเกียรติอีก,อย่าปล่อยผ่านเหมือนยุคอุ๊งอิ๊งอีกเลย,มันลุกลามจนชาติเสียหายประชาชนตายอีกจากสงครามเขมรยิงใส่เราก่อนเลยนะ,ทรัมป์มันอ้างสันติภาพบังหน้า ก็สะดวกที่เราจัดการให้จบจากภายในประเทศไทยเราเลย,จากนั้นยิ่งง่ายในการต่อยอดจัดการภายนอกประเทศ ,เช่นกรณีเขมรเราสามารถต่อยอดแบบสันติภาพคว่ำบาตรเขมรทั้งหมดต่อยอดได้,สันติภาพแบบคว่ำบาตรสงบสุขชาติใครชาติมันอยู่ใครอยู่มันก็ไม่ผิด,ปิดด่านถาวรตลอดแนวทั้งทางบกทางอากาศทางทะเลจริง,ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ต ห้ามดาวเทียมstarlinkข้ามวงโคจรต่ำผ่านเขตไทยห้ามอำนวยปล่อยสัญญาณให้เน็ตเขมร ,เรา..สามารถกำจัดภัยคุกคามได้เด็ดขาดด้วยผ่านสันติภาพนี้ล่ะ,แบบไม่รบด้วย ก็ให้สันติไง.
    มันเดอะแก๊งเดียวกันหมด,ทุกๆตัวในนักการเมืองนี้,มันจึงเขียนกฎหมายมาจนเปลี่ยนนายกฯมานั่งเล่นๆกันจนว่าเล่นตั้งแต่นายกฯไม่ซื่อสัตย์คนแรก คนสองทหารคือฝ่ายตรงข้ามเรา คนต่อมาเดอะแก๊งชูสามนิ้วยกมือให้มาแก้ม.112แทนตนมานั่งนายกฯเองแบบเสียงข้างน้อยหรือหนักกว่านายกฯรักษาการอุ๊งอิ๊งอีกเจตนาพูดหลุดชัดเจน คนไทยไปล้ำแผ่นดินเขมรตรงส่วนไหนบ้าง มันป่าเถื่อนทัั้งวางกับระเบิด ปล้นชิงเรียกค่าไถคนไทย 100%ไม่มีใครไปล้ำแดนมันแน่นอน,ต่างจากทหารเขมรมันเจตนาล้ำตามคำสั่งฮุนเซน ใช้ครอบครัวทหารล้ำเนียนๆมาตลอด เพื่อยึดพื้นที่สร้างแนวเขตใหม่ กะชิงทรัพยากรมีค่าจากพื้นที่ไทยที่ชิงมาได้ทั้งบนบกและลากลงทะเล,อย่าลืมว่าพรบ.ชุมนุมในที่สาธารณะก็เกิดจากยุคลุงยึดอำนาจปิดปากประชาชนชัดเจน แก้ม.190สำเร็จด้วย.,รธน.60นี้จึงเป็นภัยมากหากพูดกันจริง,ทำทีห้ามคนอื่นยึดอำนาจต่อโทษประหารมันเขียนปิดทางคนดีอื่นๆด้วยดักไว้,แต่ถ้ายึดแล้วฉีกทิ้งมันก็ทำอะไรไม่ได้ ผู้ชนะเขียนกฎใหม่ได้หมด, ..เรา..ประชาชนจึงคาดหวังกับทหารกองทัพไทยเราใหม่สูงมากกว่ายุคคนบูรพาพยัคฆ์ผีบ้าไม่ถีบเขมรเหมือนบิ๊กกุ้งถีบออกไปอย่างชัดเจน,ผบ.สสและผบ.ทบ.เราต้องเด็ดขาดเสียทีกับนักการเมืองชั่วเลวเหล่านี้,ลุกลามพากันเลวชั่วจนถึงระดับท้องถิ่นไปหมด,แม้มีเลือกตั้งสมัยหน้าคนไทยที่ยากจนตามความจำเป็นในการใช้ตังของระบบทาสตังฝ่ายมือวางไว้จะไร้ปัญญาหนีออกจากระบบมันได้,ยิ่งเงินเถื่อนกว่าล้านล้านบาทมันพร้อมลงทุนซื้อคนนักการเมืองทุกๆระดับได้ ตั้งแต่ระดับชาติถึงผญบ.ก็ว่า มันทำแล้วด้วยในปัจจุบันที่ผ่านๆมา นักการเมืองท้องถิ่น อบต.อบจ.ส.อบต. ส.อบจ. ผญบ. ผู้ว่า นายอำเภอ ข้าราชการท้องถิ่นแต่ละที่มันสร้างเดอะแก๊งมันไว้หมด ควบคุมโดยหัวหน้าแก๊งลูกน้องมันอีก เมื่อคนมันวางไว้พร้อม ที่ๆผ่านมามันทดลองทดสอบระบบมันแล้ว กทม.พื้นที่มากมายจึงทดสอบที่หัวละ1,000-5,000บาทกันไปแล้ว,ขยายมาต่างจังหวัดแล้วด้วย,มีการเลือกตัังใหม่ มันจัดเต็มที่แน่นอน,ที่เหลือมันจะให้ใครรับบทเป็นนายกฯคนต่อไปแค่นั้น,เพราะสุดท้ายใครจะมาเป็นนายกฯคนไทย มันอยากได้อะไรมันจะสั่งให้ทำได้ทันทีนั้นเอง,แบบสั่งยกบ่อน้ำมันบนแผ่นดินไทยให้มันครอบครองหมด,ล่าสุดสั่งให้ยกแร่เอิร์ธให้มันอีกด้วย อาจกว่าแสนล้านตัน มิใช่พันล้านตันหรือหมื่นล้านตันหรอก คือเราน้อยกว่าจีนไม่เท่าไรเองแค่นั้น,พม่า ไทย มีมากสุด และไทยง่ายปลอดภัยกว่าพม่า เขมรจีนยึดแร่เอิร์ธแล้ว. ..สรุปหนทางออกที่ดีคือกองทัพไทยต้องปกป้องอธิปไตยแผ่นดินไทยเราให้เด็ดขาดชัดเจน จะให้นักการเมืองชั่วเลวเจ้าสัวชั่วเลวคนข้าราชการชั่วเลวนี้มาทำลายชาติไทยเราไม่ได้,ต้องฉีกกฎคนชั่วเลวที่สร้างขึ้นทั้งหมดทันที,ยึดอำนาจมันคือคำตอบสุดท้าย.,ส่วนพิธีกรรมในชาติบ้านเมืองขณะนี้ สามารถทำแทนมันคนชั่วเลวนี้ได้หมดล่ะและดีกว่าด้วยอย่างสมพระเกียรติอีก,อย่าปล่อยผ่านเหมือนยุคอุ๊งอิ๊งอีกเลย,มันลุกลามจนชาติเสียหายประชาชนตายอีกจากสงครามเขมรยิงใส่เราก่อนเลยนะ,ทรัมป์มันอ้างสันติภาพบังหน้า ก็สะดวกที่เราจัดการให้จบจากภายในประเทศไทยเราเลย,จากนั้นยิ่งง่ายในการต่อยอดจัดการภายนอกประเทศ ,เช่นกรณีเขมรเราสามารถต่อยอดแบบสันติภาพคว่ำบาตรเขมรทั้งหมดต่อยอดได้,สันติภาพแบบคว่ำบาตรสงบสุขชาติใครชาติมันอยู่ใครอยู่มันก็ไม่ผิด,ปิดด่านถาวรตลอดแนวทั้งทางบกทางอากาศทางทะเลจริง,ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ต ห้ามดาวเทียมstarlinkข้ามวงโคจรต่ำผ่านเขตไทยห้ามอำนวยปล่อยสัญญาณให้เน็ตเขมร ,เรา..สามารถกำจัดภัยคุกคามได้เด็ดขาดด้วยผ่านสันติภาพนี้ล่ะ,แบบไม่รบด้วย ก็ให้สันติไง.
    เบื้องหลังนายกฯขอโทษคนไทย ก็เพราะมือขวาครูใหญ่ สั่งนายกฯปากไวให้แก้ปัญหาด้วยตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 1

    เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน

    ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat

    Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917

    จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ”

    แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ

    นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ

    Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน”

    ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว

    เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น

    นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน
    มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่

    ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ !

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 2

    วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี)

    หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า

    “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…”

    กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917
    แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย

    นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน

    นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม”

    คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย

    นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ”

    ตอน 3

    ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้:

    “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ”
    นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี

    นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย

    นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น

    นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน

    นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…”

    เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า

    ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….”

    สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้
    และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้

    พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 เม.ย. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – สร้างฉากปฏิวัติ 1 – 3 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 1 เดือนกันยายน ปี ค.ศ. 1916 ประมาณ 1 ปี ก่อนการปฏิวัติอันโด่งดังของรัสเซีย Russian Revolution หรือ Bolshevik Revolution นาย Leon Trotsky ซึ่งตามประวัติศาสตร์ระบุว่า เขาเป็นหนึ่งในหัวหน้าคณะปฏิวัติ กำลังถูกไล่ให้ออกจากประเทศฝรั่งเศส สาเหตุจากบทความที่เขาเขียนลงใน Nashe Slovo หนังสือพิมพ์ภาษารัสเซีย ที่ออกจำหน่ายในฝรั่งเศส มันคงเร้าใจมากขนาดฝรั่งเศส ซึ่งคุ้นเคยกับการปฏิวัติโหดมาแล้ว ยังรับไม่ไหว ตำรวจฝรั่งเศสจึงจัดการส่งตัวนาย Trotsky ออกนอกประเทศ ไปทางเขตแดนด้านประเทศสเปน ไม่กี่วัน นายTrotsky ก็มาถึงเมืองมาดริด และถูกตำรวจที่เมืองมาดริด จับใส่ห้องขัง มันเป็นห้องขังประเภทชั้นพิเศษ first class cell ซึ่งต้องมีการจ่ายเงินค่าความพิเศษ ไม่เหมือนห้องขังทั่วไป แต่เหมือนโรงแรมมากกว่า นาย Trotsky นี่น่าจะเป็นผู้ต้องขัง ชนิดมีปลอกคอ จากนั้นก็มีการส่งตัวเขาต่อมายังเมืองบาร์เซโลนา เพื่อมาลงเรือเดินสมุทรของ Spanish Transatlantic Company ชื่อ Monserrat Trosky และครอบครัวนั่งเรือ Monserrat ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก มาขึ้นบกที่เมืองนิวยอร์ค เมื่อ วันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1917 จากหนังสือชีวประวัติ ที่ Trosky เขียนเอง ชื่อ My Life คนมีปลอกคอ เล่าว่า ” อาชีพเดียวที่ผมทำ ตอนอยู่ที่นิวยอร์คคือ เป็นนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม นอกเหนือจากการเขียนบทความเป็นครั้งคราว ลงในหนังสือพิมพ์ Novy Mir ของพวกสังคมนิยม ” แต่ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เมืองของนายทุน Trosky นักสังคมนิยมและครอบครัว พักอยู่ในอพาร์ตเมนท์ ที่มีตู้เย็นและโทรศัพท์ ซึ่งถือว่าเป็นของหรูหรา ฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยเมื่อ 100 ปีก่อน นอกจากนั้นครอบครัว Trotsky ยังเดินทาง ไปมาในเมืองนิวยอร์ค ด้วยรถยนต์ ที่มีคนขับรถประจำ นี่ใช่เรื่องของ Leon Trostky ซึ่งมีชื่อปรากฎในประวัติศาสตร์ว่า เป็นนักปฏิวัติสังคมนิยมคนดัง ของรัสเซีย แน่หรือ Trotsky เขียนเล่าถึงชีวิตเขาที่นิวยอร์ค ในชีวประวัติของเขาต่อไปว่า ” ระหว่างอยู่นิวยอร์ค ช่วงปี 1916 ถึง 1917 ผมมีรายได้เพียง 310 เหรียญ ซึ่งผมได้แจกเงินดังกล่าวทั้งหมดให้แก่คนรัสเซีย 5 คน ที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อเป็นค่าเดินทางกลับบ้าน” ขณะเดียวกัน อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ ก็มีการจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า 3 เดือน เขาต้องเลี้ยงดูเมีย 1 และลูกอีก 2 เขามีรถยนต์ใช้และมีคนขับรถประจำ นี่คือวิถีชีวิตของนักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม ที่อ้างว่าดำรงชีพ ด้วยการเขียนบทความลงหนังหนังสือพิมพ์เป็นครั้งคราว เรื่องราวของเขา คงไม่ตรงไปตรงมา อย่างที่เราเคยเข้าใจกัน หรือว่าพวกนักปฏิวัติ นักปฏิรูป เขาเป็นกันอย่างนี้ทั้งนั้น นอกจากนี้ ยังมีเรื่องเงินสดจำนวน 1 หมื่นเหรียญ ที่นาย Trotsky พกติดตัวและถูกเจ้าหน้าที่ค้นพบ ระหว่างที่เขาถูกเจ้าหน้าที่แคนาดาจับ ในเดือนเมษายน 1917 ที่เมือง Halifax เมื่อ 100 ปีก่อน เงิน 1 หมื่นเหรียญ นี่เป็นเงินจำนวนไม่เล็กน้อยนะครับ นักปฏิวัติเพื่อสังคมนิยม เอาเงินจำนวนนี้มาจากไหนกัน มีข่าวลือว่า เงิน 1 หมื่นเหรียญนั้น มาจากเยอรมัน ข่าวนี้มาจากฝ่ายข่าวกรองของอังกฤษ ซึ่งรายงานว่า นาย Gregory Weinstein ซึ่งต่อมา เป็นสมาชิกที่โด่งดังของ Soviet Bureau ประจำนครนิวยอร์ค เป็นคนรับเงินมา และนำมาส่งให้นาย Trotsky ที่นิวยอร์ค เงินจำนวนนี้มาจากเยอรมัน โดยการฟอกผ่าน Volks-zeitung น.ส.พ. รายวันของเยอรมัน ที่รัฐบาลเยอรมันสนับสนุนอยู่ ขณะที่มีข่าวว่า Trotsky ได้รับเงินอุดหนุนจากเยอรมัน Trotsky กลับเคลี่อนไหวอยู่ในอเมริกา ก่อนที่เขาจะเดินทางออกจากนิวยอร์ค ไปรัสเซีย….เพื่อไปทำการปฏิวัติ ! นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 2 วันที่ 5 มีนาคม 1917 หนังสือพิมพ์อเมริกัน พากันพาดหัวข่าวตัวโต ถึงความเป็นไปได้ ที่อเมริกาจะเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตร เพื่อทำสงครามกับเยอรมัน คืนวันนั้นเอง Trotsky ก็ไปร่วมการชุมนุมของกลุ่มชาวสังคมนิยมในนิวยอร์คด้วย เขาพูดปลุกระดมให้ชาวสังคมนิยมในอเมริกา จัดการให้มีการนัดหยุดงาน และต่อต้านการเกณท์ทหาร หากอเมริกาจะเข้าร่วมทำสงครามต่อสู้กับเยอรมัน (ท่านผู้อ่านนิทาน คงพอจำกันได้ว่า ขณะที่ฝ่ายสัมพันธมิตร ที่นำโดยอังกฤษ ประกาศสงครามกับฝ่ายเยอรมัน ในปี 1914 นั้น อเมริกายังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมสงครามด้วย และมีสถานะเป็นประเทศเป็นกลางอยู่หลายปี) หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์กว่า ในวันที่ 16 มีนาคม 1917 ก็เกิดเหตุการณ์ใหญ่ในรัสเซีย ซาร์นิโคลัส ที่ 2 ถูกปฏิวัติให้ลงจากบัลลังก์ โดยกลุ่มนักปฏิวัติ ที่นำโดยนาย Aleksandre Kerensky หนังสือพิมพ์ Novy Mir ได้มาขอสัมภาษณ์ Leon Trotsky ซึ่งให้ความเห็นไว้เหมือนคนรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่า “คณะผู้บริหาร ที่ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่แทนพวกซาร์ ที่ถูกปฏิวัติไปนั้น ไม่ได้เป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ หรือทำตามวัตถุประสงค์ ของพวกที่ต้องการปฏิวัติ คณะผู้บริหารนี้คงอยู่ไม่นานหรอก อีกหน่อยก็คงลาออกไป เพื่อให้กลุ่มคนที่สามารถจะนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย มาทำหน้าที่ต่อไป…” กลุ่มคนที่สามารถนำพารัสเซียไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย ในความหมายของ Trotsky คือ พวก Bolsheviks และ Menshevik ซึ่งกำลังลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ และกำลังรีบเร่งเดินทางกลับรัส เซีย ส่วนคณะผู้บริหารนั้น หมายถึง รัฐบาลเฉพาะกาล Provisional Government ของกลุ่มนาย Aleksandr Kerensky ที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 16 มีนาคม คศ 1917 แล้วนาย Trotsky ก็ออกเดินทางจากนครนิวยอร์ค เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 1917 ด้วยเรือเดินสมุทรชื่อ S S Kristainiafjord เขาผ่านด่านตรวจ ขึ้นเรือดังกล่าวด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา เขาเดินทางพร้อมพรรคพวกอีกหลายคน เพื่อจะไปทำการปฏิวัติ นอกจากนี้ ยังมีนักการเงินจากวอลสตรีท คอมมิวนิสต์สัญชาติอเมริกัน และบุคคลน่าสนใจอีกหลายคน ร่วมเดินทางไปกับนาย Trotsky ด้วย นาย Trotsky เอาพาสปอร์ตของอเมริกามาจากไหน นาย Jennings C. Wise เขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “Woodlow Wilson : Disciple Revolution” ว่า นักประวัติศาสตร์จะต้องไม่ลืมว่า ประธานาธิบดีของอเมริกา นาย Woodlow Wilson เป็นนางฟ้า ที่มาเศกให้นาย Leon Trotsky เดินทางเข้ารัสเซียได้สำเร็จ ด้วยพาสปอร์ตของอเมริกา แม้ว่าจะมีการพยายามขัดขวางโดยตำรวจอังกฤษก็ตาม” คงเกินกว่าที่เราจะคาดคิดว่า ประธานาธิบดี Wilson เป็นนางฟ้ามาเศกให้นาย Trotsky ได้ถือพาสปอร์ตที่ออกโดยอเมริกา เพื่อเดินทางกลับไปรัสเซีย และไปดำเนินการปฏิวัติต่อให้สำเร็จ (ตามเป้าหมาย!?) และเป็นพาสปอร์ตของอเมริกา ที่สามารถผ่านเข้าออกได้ทุกด่านของอเมริกา รวมทั้งมีวีซ่าอนุญาตให้เข้าประเทศอังกฤษอีกด้วย นางฟ้าทำได้ทุกอย่างจริงๆ ตั้งแต่สมัยนั้น จนถึงเดี๋ยวนี่ แต่ควรจะเรียกว่าเป็นนางฟ้า หรือไม่ อ่านนิทานต่อไปเรื่อยๆ คนอ่านนิทาน คงนึกออกว่าควรจะเรียกว่าอะไร นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 1 “สร้างฉากปฏิวัติ” ตอน 3 ส่วนผสมของผู้โดยสาร ที่เดินทางไปในเรือ S S Kristainiafjord ได้ถูกบันทึกไว้โดยนาย Lincoln Steffens คอมมิวนิสต์ชาวอเมริกัน ดังนี้: “…รายชื่อผู้โดยสารยาวเหยียด และดูลึกลับน่าสนใจ แน่นอน Trotsky แสดงตัวเป็นหัวหน้ากลุ่มนักปฏิวัติ มีนักปฎิวัติชาวญี่ปุ่น นอนเคบินเดียวกับผม มีชาวดัชท์หลายคนที่รีบร้อนกลับเมืองชะวา พวกนี้ดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่ไม่เกี่ยวโยงกับใคร ที่เหลือดูเหมือนจะเป็นผู้ที่เกี่ยวโยงกับสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้น นอกจากนี้ มีพวกนักการเงินวอลสตรีท 2 คน มุ่งหน้าไปเยอรมัน.. ” นาย Steffens เองนั้น โดยสารไปในเรือเดินสมุทร โดยคำเชิญของ นาย Charles R Crane เจ้าของกระเป๋าทุนใบใหญ่ที่สนับสนุน ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ในการสมัครเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี นาย Crane นั้น เป็นรองประธานบริษัท Crane Company ซึ่งภายหลัง เป็นคนไปตั้งบริษัท Westinghouse สาขารัสเซีย หลังการปฏิวัติของรัสเซียรอบที่กลุ่ม Bolsheviks เป็นผู้ปฎิบัติการสำเร็จเรียบร้อย นาย Crane ยังเป็นหนึ่งในกรรมาธิการ Root Mission ที่ประธานาธิบดี Wilson ส่งไปสำรวจรัสเซียทุกตารางนิ้ว หลังการปฏิวัติอีกด้วย นาย Crane เดินทางไปรัสเซียในระหว่างช่วงปี ค.ศ.1890 ถึง 1930 ประมาณ 23 ครั้ง ลูกชายของเขา Richard Crane เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างเทศ ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างมาก ของนาย Robert Lansing รัฐมนตรีต่างเทศของอเมริกาขณะนั้น นาย William Dodd อดีตทูตอเมริกันประจำเยอรมัน พูดถึงนาย Crane ว่า เป็นผู้มีส่วนอย่างมาก ที่ทำให้การปฏิวัติในรัสเซียเมื่อเดือนมีนาคม โดยกลุ่มของ Aleksandr Kerensky กลายเป็นการปฏิวัติชั่วคราว ที่นำร่อง เปิดทางให้กับการปฏิวัติของจริง ที่เกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ในปีเดียวกัน นาย Steffens ได้บันทึกการสนทนา ที่เขาได้ยินระหว่างการเดินทางในเรือเดินสมุทรไว้ว่า “…. ดูเหมือนทุกคนจะเห็นพ้องกันว่า การปฏิวัติที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม (โดย Aleksandr Kerensky) เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้นเอง มันจะต้องมีตอนต่อไป Crane และพวกรัสเซียหัวก้าวหน้าที่อยู่ในเรือ คิดว่าพวกที่กำลังเดินทางจะไปเมือง Petrograd (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นเมือง St Petersberg ) เพื่อไปทำการปฏิวัติซ้ำ…” เมื่อนาย Crane กลับมาอเมริกาในเดือนธันวาคม 1917 หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิก Bolsheviks Revolution (หรือการปฏิวัติซ้ำ นั่นแหละ) สำเร็จเรียบร้อยแล้ว นาย Crane ก็ได้รับโทรเลข ลงวันที่ 11 ธันวาคม 1917 จากกระทรวงต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโดย นาย Maddin Summers กงสุลอเมริกันประจำกรุงมอสโคว์ พร้อมจดหมายปะหน้าจากนาย Summers ว่า ” กระผม ขออนุญาตนำเสนอรายงานที่แนบมา นี้ และสำเนาอีกหนึ่งฉบับ โดยขอให้กระทรวงฯ ได้โปรดนำส่งให้ นาย Charles Crane เพื่อทราบความคืบหน้าด้วย หวังว่าทางกระทรวงคงไม่ขัดข้อง ที่จะให้นาย Crane ได้เห็นรายงาน….” สำหรับท่านผู้อ่านนิทานเรื่องจริง เรื่องเหยื่อ คงพอจำชื่อนี้ได้ เขาคือ นาย Crane คนเดียวกันกับ เจ้าของรายงาน King Crane Report ที่ไปเดินสำรวจตะวันออกกลาง เพื่อทำประชามติว่า ชาวอาหรับต้องการจะอยู่ในความปกครอง ของใคร หลังจากถูกอังกฤษหลอก โดยให้สายลับ ที่เรารู้จักกันในนาม Lawrence of Arabia เป็นผู้นำชาวอาหรับ ไปรบกับตุรกี และยึดหลายเมืองในตะวันออกกลางได้ และเป็นนาย Crane คนเดียวกัน ที่สามารถจับมือให้กษัตริย์ซาอุดิอารเบีย ตัดสินใจเปิดประตูเมืองครั้งแรก และให้สัมปทานน้ำมันแก่อเมริกา เริ่มศักราช Petro Dollar ร่วมกันรวย ช่วยกันปั่น มาจนถึงทุกวันนี้ พอเห็นเค้าแล้วนะครับ ว่านิทานเรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุชาติ ขอบคุณ คปท. คืนพื้นที่ เผย นายกฯ มีดำริให้ดูแลเส้นทางเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ให้ปลอดภัย
    https://www.thai-tai.tv/news/22082/
    .
    #ไทยไท #คปท #สุชาติชมกลิ่น #ยุติชุมนุม #ถวายอาลัย #ยกเลิกMOU4344 #ม112
    สุชาติ ขอบคุณ คปท. คืนพื้นที่ เผย นายกฯ มีดำริให้ดูแลเส้นทางเสด็จพระบรมวงศานุวงศ์ให้ปลอดภัย https://www.thai-tai.tv/news/22082/ . #ไทยไท #คปท #สุชาติชมกลิ่น #ยุติชุมนุม #ถวายอาลัย #ยกเลิกMOU4344 #ม112
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าอนุทินคิดสลายชุมนุม 31 ต.ค. 68 นี้ เนปาลโมเดลมาแน่! (27/10/68)

    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #สลายการชุมนุม #เนปาลโมเดล #การเมืองไทย #ม็อบ31ตุลา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    ถ้าอนุทินคิดสลายชุมนุม 31 ต.ค. 68 นี้ เนปาลโมเดลมาแน่! (27/10/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #อนุทิน #สลายการชุมนุม #เนปาลโมเดล #การเมืองไทย #ม็อบ31ตุลา #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม
    “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม”

    (1)

    ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ

    ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา

    Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว

    ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง

    นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว

    เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก

    นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน
    เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร

    ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย

    แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว

    อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว

    หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ

    (2)

    ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน

    ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย

    แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น
    ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น

    เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย

    Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย

    คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน

    แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 เม.ย. 2558
    เรื่อง ปั่นหัวเสี่ยปั้ม “ปั่นหัวเสี่ยปั้ม” (1) ตะวันออกกลางร้อนระอุขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ ดิ ทนร้อนไม่ไหว ลุกออกมาไล่ถล่มพวก Houthi ในเยเมน แหม เสี่ยก็ใจร้อนไปได้ ช่วงนี้ที่ไหนๆ ก็ร้อนทั้งนั้น อุณหภูมิบ้านสมันน้อย ยังพุ่งปรืดร้อนไปถึง 44 องศาเลยคร้าบ ทำไมเสี่ยซาอุต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ที่พวก Houthi เขาจะลุกขึ้นมาขับไล่รัฐบาลมืออ่อนในบ้านของเขา Foreign Affairs นิตยสาร ของ Council on Foreign Relations (CFR) ถังขยะความคิดจอมจุ้น ลงบทความเรื่อง Houthi and the Blowback เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ 2015 นี้ บอกว่า ซาอุดิกำลังใช้กระสุนนัดเดียวยิงนกหลายตัว ซาอุดิถือว่า การที่พวก Houthi กล้าลุกหือขึ้นมาสู้กับรัฐบาลตัวก็เพราะมีลูกพี่อิหร่าน เสี่ยนิวเคลียร์ยุแยง ถ้าเสี่ยใหญ่ซาอุทำเฉย ก็เหมือนจะยอมให้อิหร่านขี่คอ แต่ถ้าปราบ Houthi ให้หมอบราบได้ บารมีของเสี่ยใหญ่ซาอุ ก็จะฉายแสงสำแดงรัศมี ให้ลูกกระเป๋งแถบอ่าว Gulf Cooperation Coucil (GCC) นับถือในความเป็นพี่ใหญ่ของเสี่ยซาอุ ที่สามารถจัดระเบียบในตะวันออกกลางได้ โดยไม่ต้องประสาทหลอนกันว่า เรื่องมันจะบานปลาย เพราะความไม่สมดุลยของอำนาจในตะวันออกกลาง ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิหร่าน หมายความว่าไม่ได้กลัวอิหร่านจนหดหมดอีกแล้ว ถังขยะความคิด CFR ซึ่งเหมือนเป็นผู้ออกใบสั่งนโยบาย ของไอ้นักล่า บอกว่า เสี่ยปั้มทำได้น่า ยิงมันแรงๆ นัดเดียว แล้วได้นกหลายตัวน่ะ ถ้าเล่นให้เป็น ยิงให้แม่น มันจะเป็นการช่วยไม่ให้สถานการณ์การเมืองในตะวันออกกลาง ร้อนฉ่าขึ้นไปอีก เพราะเสี่ยใหญ่ จะกลายเป็นผู้คุมตะวันออกกลาง นี่มันปั่นให้พวกเสี่ยตะวันออกกลางเขาขี่อูฐมาชนกันเองนี่หว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งสงสัยมีแผนชั่ว เยเมน เป็นหนามตำใจของซาอุดิ และกลุ่มประเทศที่อยู่ริมอ่าว รวมทั้งโอมาน มาตั้งแต่ เยเมนตั้งประเทศแล้ว เพราะรสนิยมเยเมน ออกไปทางชอบสีแดง ฝักฝ่ายในลัทธิมาร์กซ ฯลฯ แถมระยะหลัง ยังพ่วงเอาพวกกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง พวกอัลกออิดะ เข้าไปสามัคคีชุมนุมกันอีกด้วย ยิ่งทำให้ ซาอุดิอารเบียที่หลังบ้านติดกับเยเมน นอนหลับแบบผวา ไม่ว่านอนกลางวัน หรือนอนกลางคืน ยิ่งมาเห็น พวก Houthi ทำท่าจะชนะในการไล่รัฐบาลของตัว เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน คนรวยแต่ขวัญอ่อน ก็ยิ่งผวาหนัก นี่ถ้า Houthi ซึ่งเป็นชีอ่ะ และมีอิหร่านหนุน ยึดเยเมนไปได้ พวกเรามิควันโขมงทั้งเมืองหรือ เสี่ยซาอุจึงต้องสั่งระดมพลพรรค ลูกกระเป๋ง ทั้งหลาย เช่น บาห์เรน อียิปต์ จอร์แดน คูเวต มอรอคโค ปากีสถาน กาต้าร์ ซูดาน เอมิเรต มาช่วยกันสำแดงเดช ไม่ให้พวก Houthi ยึดครองเยเมน และมาปิดอ่าวเอเดน Gulf of Aden ด้านเยเมน เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุ โวยข้ามทะเลทรายให้เข้าหูท่านประธานาธิบดีนักล่าใบตองแห้งว่า การใช้กำลังทางอากาศของพวกเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ไม่แน่ว่าจะสามารถจัดการให้เรื่องราวในเยเมนสงบราบเรียบได้หรอกนะ และถ้ามันไม่สงบ ผลกระทบของมันจะบานไปในหลายประเทศเลย และรัศมีอิทธิพลของเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ก็จะแผ่วลงอย่างน่าใจหาย ไอ้ที่จะให้เสี่ยใหญ่ดูแลเด็กๆแถวอ่าว พวก GCC คงเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ที่สำคัญ มันจะไปกระตุ้นต่อมฮึกเหิมของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์อย่างช่วยไม่ได้ และแน่นอนเสี่ยนิวเคลียร์ก็คงแบ่งเอาความฮึกเหิมไปทิ้งใว้ใน อิรัค ซีเรีย เลบานอน เยเมน และที่อื่นๆ อีก คิดแล้วเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันก็รันทดใจ รวยซะเปล่า แต่หามีความสุขไม่ มันเป็นการรำพึงที่น่าสนใจ ว่านักล่าใบตองแห้งจะตอบรับอย่างไร ถังขยะความคิดรีบเติมเชื้อ กลัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันจะระทมไม่พอ บอกว่า อะไรกัน สัมพันธ์ระหว่าง ซาอุดิกับอเมริกาก็ยังแข็งแรง ไม่ได้สั่นคลอนเสียหน่อย ไม่ต้อง ป ส ด ไปก่อน และที่คนแถวนี้พูดกันลั่นไปหมดว่า อเมริกากำลังประะเคนข้อเสนอใส่ถาดทองให้อิหร่าน แลกกับข้อตกลงเรื่องนิวเคลียร์ มันเป็นแค่ข่าวลือเข้าใจไหม คิดมากไปได้น่าเสี่ย แม้หลายคน ในรัฐบาลใบตองแห้ง อาจจะบอกว่า เสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมัน ทำเกินไป ไม่ควรจะต้องไปยกระดับ ยกกำลัง ไปให้ความสำคัญกับพวก Houthi ถึงขนาดนี้ ซึ่งจะทำเรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ทั้งในบ้านตัวเองและในภูมิภาค แต่ในความเป็นจริงด้านยุทธศาสตร์แล้ว เสี่ยใหญ่ไม่ได้ทำพลาดเรื่องเยเมน มันสมควรแล้วที่เสี่ยใหญ่จะต้องประสาทรับประทาน สถานการณ์ในเยเมน เป็นเรื่องคอขาดบาดตายของซาอุดิอารเบียทีเดียว อันที่จริงไม่ใช่เรื่องคอขาดของเสี่ยปั้มน้ำมันฝ่ายเดียว หากเยเมน ยอมให้อิหร่านมานั่งสบายใจอยู่ที่ Bab El Mandebของเยเมน ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือระหว่าง Red sea (ทะเลแดง) อ่าวเอเดน ( Gulf of Aden) และคลองสุเอซ ซึ่งอิหร่านได้พยายามที่จะควบคุมช่องแคบฮอร์มุซ (Strait of Hormuz) ซึ่งเกือบหนึ่งในสี่ ของน้ำมันโลก จะต้องผ่าน แทนที่จะกล่าวหาว่าเสี่ยใหญ่ซาอุ ป ส ด ทางวอชิงตันนั่นแหละ ควรทบทวนท่าทีของตนบ้าง หรือทางวอชิตันมีแผนอะไร ที่เสี่ยใหญ่ไม่รู้ ไม่เฉลียวใจ (2) ไปเอาแผนที่มาดูกันหน่อย จะได้เข้าใจหัวอกเสี่ยใหญ่ซาอุว่า ขวัญแข็ง หรือขวัญอ่อน ประสาทรับประทาน ด้านเหนือของซาอุดิอารเบียติดกับจอร์แดน ซี่งเป็นเด็กอยู่ในบัญชีรายจ่าย ของเสี่ยใหญ่ซาอุ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องห่วง ตัดทิ้งไปได้ ถัดไปเป็น อิรัค และเหนืออิรัคเป็นเลบานอน ทั้ง 2 ประเทศ เสี่ยใหญ่ซาอุ กล่าวหา (หรือเป็นเรื่องจริง ! ) ว่า อยู่ในบัญชีรายจ่ายของอิหร่านเสี่ยนิวเคลียร์ ถ้าเป็นเรื่องจริง และถ้าเยเมนตกไปอยู่ในมือ Houthi ซึ่งซาอุก็ว่าอิหร่านสนับสนุนด้วย เช่นกัน ถ้าเด็กในบัญชีอิหร่าน ทั้ง 3 รายการ จับมือกัน ซาอุดิ เท่ากับถูกล็อก ทั้งข้างบนข้างล่าง และประตูออกทะเลของ ซาอุดิอารเบียจะถูกบีบเหลือให้ออกด้านเดียว คือออกได้เฉพาะทางอ่าวเปอร์เซีย แปลว่าอะไรครับ แปลว่าซาอุดิอารเบียถูกบีบให้ไป เดินผ่านปากของอิหร่าน ไปสู่ทะเลที่ อ่าวโอมานเท่านั้น ผ่านกลุ่มประเทศแถบอ่าว เช่น บาห์เรน การ์ต้า อามิเรต โอมาน ฯลฯ แล้วไปออกอ่าว แถบนั้นเต็มไปด้วยฐานทัพอากาศ และฐานทัพเรือที่ประเทศเหล่านั้น ยอมให้อเมริกาขนกองกำลัง ขนอาวุธมาตั้งอยูเต็ม เพื่อเป็นการดักคออิหร่านไว้ และด้วยความพร้อมใจของพวกเสี่ยคนรวย แต่ขวัญอ่อนทั้งหลาย ที่อยากอุ่นอยู่ในเงื้อมมือของนักล่าใบตองแห้ง เออ แดดทะเลทรายมันคงแรงจริง พวกเสี่ยเขาถึงคิดได้เพี้ยนกันแบบนั้น ดูๆก็ ไม่น่าจะเป็นปัญหากับเสี่ยใหญ่ซาอุ ที่มีฐานทัพนักล่าใบตองแห้งอยู่เต็มแถบปากอ่าว แต่เมื่อมันเยื้องอยู่กับปากอิหร่าน ก็ต้องถามเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันซาอุว่า ด่าอิหร่านเอาไว้แยะ กล้าเดินผ่านปากเขาไหม หรือว่ากล้า เพราะมีฐานทัพของยอดรักนักล่าใบตองแห้ง ต้ังฐานกระจายไว้เต็มอยู่ตรงแถบนั้น เสี่ยก็คิดให้ดีแล้วกันว่า ยามนี้มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้งอยู่ใกล้ตัว มันเป็นโชคดีหรือโชคร้าย เผลอๆจะเป็นตัวล่อเป้า ไม่ใช่เฉพาะแต่ตัวเสี่ยใหญ่ปั้มน้ำมันเท่าน้ันนะ ที่ต้องระวัง ลูกกระเป๋งที่เอาใจเจ้านายให้เขามาตั้งฐานทัพน่ะอยู่ริมอ่าวน่ะ ระวังจะโดนทะลายหายไปพร้อมกับฐานทัพด้วย Duncan Campbell สื่อกัดติดเรื่องของนาย Edward Snowden จอมแฉ รายงานว่า จากข้อมูลที่จอมแฉทะยอยปล่อยออกมา เมือง Seeb ในรัฐโอมาน เป็นชุมสายใหญ่ของสายไยแก้ว fiber optic ชื่อรหัส CIRCUIT ที่โอมานยอมให้ GCHQ (Government Communication Headquarters) ของอังกฤษ มาติดตั้งระบบ CIRCUIT ของ ECHELON เครื่องดักสัญญานสุดยอดไว้ตั้งแต่ปี 2009 เพื่อเก็บข้อมูลทุกชิ้นที่ผ่าน ไปมาในแถบนั้น และแชร์ข้อมูลกับพวก 5 ตา the Five Eyes คือ อเมริกา อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา หลังจากนั้นข้อมูลจะวิ่งขึ้นฝั่งไปถูกเก็บอยู่ที่ คอนวอล (Cornwall) ของอังกฤษ เหมือนกับที่ไปติดตั้งไว้ที่สวีเดน คอยดักข้อมูลของรัสเซีย คราวนี้ คงคอยดักข้อมูลของอิหร่านที่อยู่เยื้องกัน แถมเส้นทางเดินเรือแถบน้ัน อาเฮียของคุณพี่ปูตินเขาก็ชอบใช้ขนน้ำมันจากอาฟริกาไปจีน เรื่องดักฟังที่สวีเดน เขาว่าทำให้สวีเดนได้รับการเยี่ยมเยียน จากเรือดำน้ำรัสเซียถึงหน้ากรุงสต๊อกโฮม คราวนี้ ไม่รู้อาเฮียและอิหร่าน และ ฯลฯ จะส่งอะไรไปเยี่ยมโอมาน แค่มีฐานทัพของไอ้นักล่าใบตองแห้ง อยู่แถบอ่าว ก็เป็นเป้าล่อพอแล้ว คราวนี้ยังมี ลูกปิงปอง ECHELON เครื่องดักสัญญานเป็นสายล่อฟ้า คอยอยู่ที่โอมาน ผมก็กลุ้มใจแทนเสี่ยใหญ่ปั้มนำ้มันซาอุจริงๆ ว่าจะตัดสินใจเดินทางไหน ที่จะทำให้ไม่ต้องทุกข์ระทม แต่ดูจากเรื่องราว และบทความของ Foreign Affairs แล้ว ผมคลับคล้าย คราวนี้ เสี่ยใหญ่ซาอุ จะถูกหลอกใช้ ให้เป็นเครื่องสังเวยยังไงไม่รู้ เขามีแผนอยากได้แต่ปั้มน้ำมัน ไม่อยากได้คนคุมปั้มติดไปด้วย เสี่ยพอนึกออกไหมครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 เม.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมฮัมมัด มามุ อดีตผู้สมัครสส. พรรคก้าวไกล นำวัยรุ่นนับร้อย พร้อมเครือข่ายของ สส. รอมฎอน ชุมนุมด่าทอ กดดัน เจ้าหน้าที่ และรพ. สมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อนำศพโจรใต้ BRN ไปแห่ยกย่องโจรใต้ว่าเป็นวีรบุรุษ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    โมฮัมมัด มามุ อดีตผู้สมัครสส. พรรคก้าวไกล นำวัยรุ่นนับร้อย พร้อมเครือข่ายของ สส. รอมฎอน ชุมนุมด่าทอ กดดัน เจ้าหน้าที่ และรพ. สมเด็จพระยุพราชสายบุรี จ.ปัตตานี เพื่อนำศพโจรใต้ BRN ไปแห่ยกย่องโจรใต้ว่าเป็นวีรบุรุษ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3”
    จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น
    ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง
    ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน
    เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917
    ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก
    สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน
    Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า
    ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน
    อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ
    ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา
    ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein !
    ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน
    จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน
    ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan
    ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี
    Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947
    เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein !
    วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล
    ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล
    Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3” จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917 ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein ! ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947 เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein ! วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 431 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน
    Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน)
    และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช
    อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
    แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน !
    อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ
    แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว
    แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน
    แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน
    เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย
    ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี
    แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน) และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน ! อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 447 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อันนีัถือว่าดี ก็ว่าดี เพราะคนจนคือกลุ่มเปราะบางต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนถ้าทำจริงนะ,13-14ล้านคนเอง,ไม่เสียหายมากหรอก,ช่วยเขาได้เยอะ, ส่วนคนละครึ่งก็ช่วยได้อีกหลายคนในภาวะแบบนี้,ส่วนผลการหาเสียงก็อีกประเด็น.,วิกฤติฉุกเฉินนี้ช่วยลดภาระค่าครองชีพคนไทยไม่น้อย.
    ..แต่อย่าลืมยกเลิกmou43,44ด้วย,วันจันทร์ประกาศยกเลิกmou43,44ออกสื่อหลักหรือถ่ายทอดรายการพิเศษอย่างเป็นทางการนะ,นายกฯคนต่อไป ได้เป็นอีกแน่นอน,ลูกเนวินอย่าเสียสัตย์ ไม่ซื่อตรงด้วย,เคยพูดผ่านสื่อแบบใดๆก็ทำด้วยในการยกเลิกmou43,44ในวันจันทร์ถือว่าอย่างเป็นทางการแล้วด้วย,ร่วมกันแถลงในสภาฯก็ได้,อันตรายมากหากทรยศประชาชนอีก,เป็นนายกฯวันเดียวก็ชัดเจนในจุดยืนได้ ประกาศยกเลิกmou43,44เลย.
    ..ปิดท้าย อ.ปานเทพ จริงๆสมควรเป็นประธานกรรมาธิการยกเลิกmou43,44เลย,ไม่สมควรถูกเชิญไปเสียเหลี่ยมแบบนั้นด้วย,ลาออกมาเถอะ มาจัดชุมนุมประท้วงให้ยกเลิกmou43,44ให้ชัดเจนร่วมกับคปท.ดีกว่า.,กับอ.ทนายนกเขายังดีกว่าพวกนี้อีก.,จุดยืนพวกนี้ ไปนั่งเพื่อกอดmou43,44มากกว่า.
    ..ดีๆเราก็ชม,เหี้ยๆเราก็ด่าได้เหมือนกัน.,ค่าจริงมีหนึ่งเดียว.


    https://youtube.com/watch?v=Wy7BU9b2VWE&si=t70PvWWdeMlRup7N
    ..อันนีัถือว่าดี ก็ว่าดี เพราะคนจนคือกลุ่มเปราะบางต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนถ้าทำจริงนะ,13-14ล้านคนเอง,ไม่เสียหายมากหรอก,ช่วยเขาได้เยอะ, ส่วนคนละครึ่งก็ช่วยได้อีกหลายคนในภาวะแบบนี้,ส่วนผลการหาเสียงก็อีกประเด็น.,วิกฤติฉุกเฉินนี้ช่วยลดภาระค่าครองชีพคนไทยไม่น้อย. ..แต่อย่าลืมยกเลิกmou43,44ด้วย,วันจันทร์ประกาศยกเลิกmou43,44ออกสื่อหลักหรือถ่ายทอดรายการพิเศษอย่างเป็นทางการนะ,นายกฯคนต่อไป ได้เป็นอีกแน่นอน,ลูกเนวินอย่าเสียสัตย์ ไม่ซื่อตรงด้วย,เคยพูดผ่านสื่อแบบใดๆก็ทำด้วยในการยกเลิกmou43,44ในวันจันทร์ถือว่าอย่างเป็นทางการแล้วด้วย,ร่วมกันแถลงในสภาฯก็ได้,อันตรายมากหากทรยศประชาชนอีก,เป็นนายกฯวันเดียวก็ชัดเจนในจุดยืนได้ ประกาศยกเลิกmou43,44เลย. ..ปิดท้าย อ.ปานเทพ จริงๆสมควรเป็นประธานกรรมาธิการยกเลิกmou43,44เลย,ไม่สมควรถูกเชิญไปเสียเหลี่ยมแบบนั้นด้วย,ลาออกมาเถอะ มาจัดชุมนุมประท้วงให้ยกเลิกmou43,44ให้ชัดเจนร่วมกับคปท.ดีกว่า.,กับอ.ทนายนกเขายังดีกว่าพวกนี้อีก.,จุดยืนพวกนี้ ไปนั่งเพื่อกอดmou43,44มากกว่า. ..ดีๆเราก็ชม,เหี้ยๆเราก็ด่าได้เหมือนกัน.,ค่าจริงมีหนึ่งเดียว. https://youtube.com/watch?v=Wy7BU9b2VWE&si=t70PvWWdeMlRup7N
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา
    ==================

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    =================================

    นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น

    …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ

    ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท)

    ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ

    - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว

    - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9

    ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี

    ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่

    ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย
    ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9

    ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ

    ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน

    ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา

    ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน

    ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า

    ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง)

    ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย"

    ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้

    ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย

    ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก

    ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว

    ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ

    ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ
    ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ

    ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์
    อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    ~เปิดลับ การบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัติร์ย์ ตั้งแต่ปี2550เป็นต้นมา ================== ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ================================= นับตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา การบ่อนทำลายสถาบันสูงสุด…เกิดขึ้นมากผิดปกติ …มีการเปิดเผย… ไม่เกรงกลัว…โดย กลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์…ไม่เพียงเคลื่อนไหวในประเทศเท่านั้น …แต่ยังไปเคลื่อนไหวในต่างประเทศ …โดยเฉพาะในสหรัฐ ~ ด้วยการป้อนชุดข้อมูล…ที่ดูเหมือนจริง…แต่เป็นความเท็จ …ส่วนหนึ่งเป็นผลงานของนักล็อบบี้…จากสำนักงานกฎหมายที่มีชื่อเสียง…และบริษัทประชาสัมพันธ์ …ที่ถูกใครบางคนจ้างไว้ 3 บริษัท บริษัทละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี (ประมาณ 30.3 ล้านบาท) ~ เพื่อไปล็อบบี้…สมาชิกรัฐสภา…และรัฐบาลอเมริกัน…เพื่อผลทางการเมืองของตน… อย่างไรก็ดี …ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น… คือ เกิดกระแสต่อต้านสถาบันกษัตริย์ในหมู่นักการเมืองอเมริกันมากขึ้น…อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ~ ฝ่ายที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทยในสหรัฐ…ทวีความเข้มแข็งมากขึ้น… มีการสร้างเว็บไซต์ในรูปแบบหลากหลาย …เขียนบทความภาษาต่างๆ… ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อเขียนของคนอเมริกัน 2 คน คนหนึ่ง…คือ - เจ.เค. แห่งคณะกรรมการวิเทศสัมพันธ์ (Council on Foreign Relations) อันทรงอิทธิพลในสหรัฐ ที่ เจ.เค. ได้เขียนบทความ…โจมตีสถาบันกษัตริย์ และยกย่องเชิดชูฝ่ายตรงข้ามสถาบันกษัตริย์ว่า เป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" สลับกันมาหลายปีแล้ว - อีกคนหนึ่ง คือ เอ.เอ็ม.เอ็ม. ที่ยอมรับว่า… ได้รับการว่าจ้าง…ให้มาทำงานด้านนี้ และ…เป็นคนที่นำเอาคดีของ โจ กอร์ดอน และ อำพล ตั้งนพกุล หรือ “อากง” มาเขียนโจมตี ม.112 …เพื่อให้พาดพิงไปถึงพระมหากษัตริย์ไทย ในรัชกาลที่ 9 ~ในความเป็นจริง… คนพวกนี้…ไม่ได้มีความรู้อะไรมากมาย… แต่ได้รับข้อมูลจากนักประวัติศาสตร์ชาวไทย…สายสาธารณรัฐ…ที่คนไทยรู้จักดี ~ ในกลางปี 2556 …นักล็อบบี้พวกนี้…วางแผนผลักดันให้มีการอภิปรายเชิงวิชาการ…ในที่ประชุมประจำปี…ของสมาคมเอเชียศึกษา (Association of Asian Studies)… ซึ่งมีคนไทย…ที่ต่อต้านสถาบันกษัตริย์…มีอิทธิพลอยู่ ~ การอภิปรายดังกล่าว…มีเป้าหมาย…มุ่งโจมตีสถาบันกษัตริย์ไทย…ในรัชกาลที่ 9 เป็นการเฉพาะ …รวมทั้ง…มีแผนตีพิมพ์หนังสืออีกเล่มหนึ่ง…โดยสำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยชั้นนำของสหรัฐ ……ที่ผู้เขียนอ้างหลักฐาน…จากห้องสมุดมหาวิทยาลัย ……รัฐสภาของสหรัฐ ……ที่ดูเผินๆ แล้วน่าเชื่อถือ …หรือเลือกเฉพาะส่วนที่สนับสนุนความคิดของตน…… เพื่อหาทางทำลายความเชื่อถือพระมหากษัตริย์ไทยในรัชกาลที่ 9 ~ ก่อนหน้านี้…เมื่อปี 2554 …ในวาระครบ 7 รอบ 84 พรรษา…ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 …นักล็อบบี้อเมริกัน…ได้ส่งชุดข้อมูล…ที่ปั้นแต่งขึ้น…จนทำให้สมาชิกสภาสหรัฐหลงเชื่อ ~ สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ…พยายามหลีกเลี่ยง…ไม่ส่งหนังสือถวายพระพร…ตามที่เคยปฏิบัติมา …จนสภาสูง…ต้องส่งหนังสือถวายพระพรแทน ……สะท้อนให้เห็นว่า…… นักล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน……ทำงานให้กับนายจ้างคนไทยที่ไม่ชอบสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล ……ทำให้รัฐสภาชุดก่อนเข้าใจผิด …และต่อต้านสถาบันกษัตริย์ไทย… ตกทอดมาถึงสภาใหม่ชุดที่ 113 ในปัจจุบัน ~ ไม่เพียงแต่เท่านั้น …สถาบันบางแห่งของสหรัฐ …เช่น กองทุนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (National Endowment for Democracy) ยังจัดสรรเงินงบประมาณของรัฐ……คิดเป็นเงินไทยกว่า 1,500 ล้านบาท และ…อีกโครงการเป็นเงิน 200-300 ล้านบาท ……ให้กับกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ …ตามที่กลุ่มพวกนี้ร้องขอมา ~ โดยอ้างว่า…เพื่อนำไปใช้ในการให้ความรู้ประชาชนในการพัฒนาประชาธิไตย แต่…กลับนำไปสร้างสื่อและเว็บไซต์ ปลุกระดม โฆษณาชวนเชื่อให้คนไทยบางกลุ่มต่อต้านสถาบันกษัตริย์ว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะ เป็นสถาบันที่มีสิทธิเหนือประชาชน ~ นักล็อบบี้เหล่านี้…ได้สร้างข้อมูลขึ้นมาชุดหนึ่ง…หรือหลายชุด ……และไปเคลื่อนไหวชักจูง… ชี้นำ… โน้มน้าว…ให้สมาชิกรัฐสภา และสถาบันอื่นของสหรัฐ เชื่อในวาทะกรรมที่ว่า ~ สถาบันสูงสุดของไทย หรือ สถาบันกษัตริย์นั้น…เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประชาธิปไตย ……สถาบันกษัตริย์ไทย…ทำลายสิทธิมนุษยชน …อ้างว่า…ปัญหาของเมืองไทย……ไม่ใช่เรื่องการเมือง…… แต่เป็นปัญหาการสืบราชสมบัติ ……ที่กษัตริย์ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาน……เพื่อจะเสนอให้ใครบางคนเป็น “ทางออก” ของชาติ (จากการเลือกตั้ง เพื่อเป็นประมุขของรัฐ หรือ เป็นประธานาธิบดี นั่นเอง) ~ พวกนี้…พยายามป้อนข้อมูล…ให้รัฐสภาอเมริกันเชื่อว่า “สถาบันไม่สู้แล้ว” เพราะ…ถ้าสถาบันไม่สู้ …สหรัฐก็ไม่มีทางเป็นอื่น…นอกจากจะยืนข้างฝ่ายประชาธิปไตย…ที่อยู่ตรงข้ามกับสถาบันกษัตริย์… และเป็นการส่งสัญญานไปยังประเทศ…ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เช่น อังกฤษ ญี่ปุ่น รวมทั้งจีน…ที่สนับสนุนสถาบันสูงสุด ตลอดมา …หากสหรัฐ…และประเทศเหล่านี้…สรุปว่า ฝ่ายสถาบันกษัตริย์แพ้แน่ …สหรัฐและประเทศเหล่านี้…ซึ่งคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศเขาเป็นสำคัญ…ก็ต้องเข้าข้างฝ่ายชนะ ที่ถือเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ~ อย่างไรก็ดี …ฝ่ายสถาบันกษัตริย์…ส่งสัญญาน…มาหลายครั้งแล้วว่า “ยังสู้” และ “ไม่ยอมแพ้” โดยเฉพาะ…ในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธ.ค. 2555 ที่ประชาชนชาวไทย…ได้ไปชุมนุมที่ลานพระบรมรูปฯ อย่างมืดฟ้ามัวดิน…เพื่อเข้าเฝ้าถวายพระพร …สะท้อนให้เห็นว่า …ประชาชนพร้อมที่จะสู้เคียงข้าง แม้จะปรากฏ “แรงเฉื่อย” ในสถาบันทหาร และ รัฐบาลในยุคนั้นก็ตาม จึงมีแต่ประชาชนเท่านั้น…ที่จะเป็นกำแพงป้องกันสถาบันสูงสุดของประเทศ……ให้พ้นจากการคุกคามจากฝ่ายบ่อนทำลายในและนอกประเทศได้ ~ รัฐบาลชุดก่อน…เคยให้ทุนมหาวิทยาลัยดังในอเมริกา …อาทิ คอร์แนล วิสคอนซิน เพนซิลเวเนีย ยูซีแอลเอ. จอห์น ฮอพกินส์ วอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อสร้าง “ศูนย์ไทยศึกษา” และ “เพื่อนประเทศไทย” เพื่อให้เข้าใจสถาบันกษัตริย์ของไทย แต่…ปรากฏว่า ……ศูนย์เหล่านี้……กลายเป็นกระบอกเสียงเผยแพร่การต่อต้านสถาบันสูงสุดไปหมด ……และอาจขยายเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้น…… ไปยังออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหภาพยุโรปอีกด้วย ~ ไทยถูกคุกคาม…ด้วยสงครามยุคใหม่ …ทั้งสงครามอสมมาตร (Asymmetric Warfare) เช่น การก่อความรุนแรงช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค. 2553 และ…สถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สงครามทุน และ สงครามไซเบอร์ …สงครามทั้งสามนี้…มีศูนย์กลางอยู่ที่สหรัฐ …แต่มีสนามรบอยู่ทั่วโลก ~ ในไทย สหรัฐต้องการใช้สนามบินอู่ตะเภา…เป็น Global Transpark ตอบสนองยุทธศาสตร์ของสหรัฐ ในภูมิภาคนี้ …มีข่าวว่า สหรัฐได้ส่งทหารรับจ้าง ที่เป็นทหารผ่านศึกแบบแรมโบ้ …ที่เรียกว่า “แบล็ควอเตอร์” ประมาณ 5-6 ชุดมาประจำอยู่ในไทย …โดยแต่ละคนได้รับค่าจ้างปีละ 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ …เบี้ยเลี้ยงต่างหาก …เพื่อใช้ในการปฏิบัติการลับ (Covert Action) ตามนโยบายของสหรัฐ …ซึ่งอเมริกาถนัดในเรื่องพวกนี้มาก …และประสบความสำเร็จในละตินอเมริกามาแล้ว ~ อันตรายที่เกิดขึ้น…ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยนั้น……เป็นเรื่องจริง…และหนักหนา ……ชาติและสถาบัน……กำลังเสี่ยงอันตรายอย่างคาดไม่ถึง ……สิ่งที่เห็นทั้งในไทยและในต่างประเทศ…เป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ที่โผล่เหนือน้ำเพียง 1 ส่วน แต่อีก 9 ส่วนอยู่ใต้น้ำ ~ บทความนี้……ไม่ต้องการให้คนไทย…ไปต่อต้านสหรัฐ …เพียงแต่ขอให้เพื่อนคนไทย…อย่าปล่อยให้คนมาทำร้ายประเทศชาติ…และราชบัลลังก์เท่านั้น …ปัญหาของประเทศไทย…ต้องแก้ด้วยคนไทยเป็นหลัก …เราต้องช่วยกันเป็นปราการด่านสุดท้าย……ในการปกป้องชาติและราชบัลลังก์ ……ให้ต่างชาติได้ตระหนักว่า ……สถาบันสูงสุดยังสู้ ……และคนไทยพร้อมจะสู้เพื่อปกป้องสถาบันสำคัญยิ่งของชาติ ขอบคุณเจ้าของภาพบทความและคนโพสครับ ~ เรียบเรียงจากบทความของ คุณภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา
    .
    นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    ภาพการชุมนุมประท้วงของชาวอิตาลีในกรุงโรม มิลาน ตูริน เพื่อต่อต้านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซา และเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซา . นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลยุติการขายอาวุธให้กับอิสราเอล แล้วใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อยุติการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ศาลฎีกายกฟ้อง "เจ๊ปอง-อัญชะลี - ดร.ภูวดล-ยุทธิยง" แนวร่วมพันธมิตรชุมนุมหน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อปี 51 ส่วน "ชิติพัทธ์" จำเลยที่ 4 พิพากษาแก้ลดโทษจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089890

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ศาลฎีกายกฟ้อง "เจ๊ปอง-อัญชะลี - ดร.ภูวดล-ยุทธิยง" แนวร่วมพันธมิตรชุมนุมหน้าสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที เมื่อปี 51 ส่วน "ชิติพัทธ์" จำเลยที่ 4 พิพากษาแก้ลดโทษจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089890 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • เศษฝรั่ง ต้นแบบประชาธิปไตยที่แกนนำสามกีบ นักวิชาเกินล้มล้าง และสาวกด้อมส้มเชิดชู กำลังเผชิญวิกฤตต่อต้านรัฐบาล เพราะดันรัดเข็มขัดด้วยการ
    ตัดลดงบประมาณด้านบริการสาธารณะ ทั้งการศึกษา การแพทย์ สวัสดิการสังคม ขณะที่ค่าครองชีพพุ่ง ค่าแรงไม่ขยับ ชาวฝรั่งเศสกว่า 8 แสนคนจึงชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เศษฝรั่ง ต้นแบบประชาธิปไตยที่แกนนำสามกีบ นักวิชาเกินล้มล้าง และสาวกด้อมส้มเชิดชู กำลังเผชิญวิกฤตต่อต้านรัฐบาล เพราะดันรัดเข็มขัดด้วยการ ตัดลดงบประมาณด้านบริการสาธารณะ ทั้งการศึกษา การแพทย์ สวัสดิการสังคม ขณะที่ค่าครองชีพพุ่ง ค่าแรงไม่ขยับ ชาวฝรั่งเศสกว่า 8 แสนคนจึงชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 กันยายน 2568
    สาเหตุที่ชาวเขมรชุมนุมด้วยความเรียบร้อยวันนี้
    #บ้านหนองหญ้าแก้ว
    18 กันยายน 2568 สาเหตุที่ชาวเขมรชุมนุมด้วยความเรียบร้อยวันนี้ #บ้านหนองหญ้าแก้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ตำแหน่งที่มีการชุมนุมของเขมรเมื่อวานนี้ (17 กันยายน 2568) ที่ #บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว

    พิกัด
    13.818507414057018, 102.73619199403295
    ตำแหน่งที่มีการชุมนุมของเขมรเมื่อวานนี้ (17 กันยายน 2568) ที่ #บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว พิกัด 13.818507414057018, 102.73619199403295
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 188 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้ามีคนบุกรุกบ้านทรัมป์ พี่สี อันวาร์ รื้อกำแพง วางทุ่น โรยเรือใบ ชุมนุมขับไล่ เอาไม้ไล่ตีเจ้าของบ้าน อ้างสิทธิยึดครอง คิดว่าคนบุกรุกจะมีสภาพอย่างไร
    #7ดอกจิก
    ถ้ามีคนบุกรุกบ้านทรัมป์ พี่สี อันวาร์ รื้อกำแพง วางทุ่น โรยเรือใบ ชุมนุมขับไล่ เอาไม้ไล่ตีเจ้าของบ้าน อ้างสิทธิยึดครอง คิดว่าคนบุกรุกจะมีสภาพอย่างไร #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสภาติมอร์-เลสเต ยอมโอนอ่อนต่อแรงกดดันของประชาชนและยกเลิกแผนจัดซื้อรถเอสยูวีให้แก่บรรดา สส.ในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาติหนึ่ง ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านด้วยความเดือดดาล อย่างไรก็ตามพวกผู้ชุมนุมยังเคลือบแคลงสงสัยและไม่วางใจ กลับมาลงถนนอีกรอบ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089253

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รัฐสภาติมอร์-เลสเต ยอมโอนอ่อนต่อแรงกดดันของประชาชนและยกเลิกแผนจัดซื้อรถเอสยูวีให้แก่บรรดา สส.ในประเทศที่ยากจนที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ชาติหนึ่ง ท่ามกลางการประท้วงต่อต้านด้วยความเดือดดาล อย่างไรก็ตามพวกผู้ชุมนุมยังเคลือบแคลงสงสัยและไม่วางใจ กลับมาลงถนนอีกรอบ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000089253 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 718 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทบ.แจงเหตุการณ์มวลชนกัมพูชาชุมนุมประท้วง บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวางเครื่องกีดขวาง ต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมหลังไม่ยอมฟัง และมีการตอบโต้ด้วยไม้หินหนังสติ๊ก ก่อนจะลาถอย ทำจนท.บาดเจ็บ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089116

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    ทบ.แจงเหตุการณ์มวลชนกัมพูชาชุมนุมประท้วง บริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ระหว่างวางเครื่องกีดขวาง ต้องใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางควบคุมหลังไม่ยอมฟัง และมีการตอบโต้ด้วยไม้หินหนังสติ๊ก ก่อนจะลาถอย ทำจนท.บาดเจ็บ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089116 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 366 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอิ่มมม เขินไปดิ!

    คลิปวิดีโอที่กลายเป็นไวรัลไปชั่วข้ามคืน เกิดขึ้นที่ประเทศสเปน ระหว่างการแข่งขันจักรยานทางไกลระดับโลก (Grand Tour) ของสเปน "ลา วูเอลตา" (La Vuelta)

    แต่ปีนี้พิเศษตรงที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมารวมตัวเพื่อชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ โดยหวังจะให้สื่อทั่วโลกที่ให้ความสนใจต่อการแข่งขันจักรยาน เป็นเวทีเพื่อเรียกความสนใจ

    ท่ามกลางความวุ่นวายของการชุมนุม นักเคลื่อนไหวสาวรายหนึ่งที่กำลังยืนประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่หนุ่ม เกิดเป็นรอยยิ้มที่เขินอายของทั้งสองขึ้นมาชั่วขณะ ส่งผลให้คลิปวิดีโอนี้กลายเป็นไวรัลไปชั่วข้ามคืน
    เอิ่มมม เขินไปดิ! คลิปวิดีโอที่กลายเป็นไวรัลไปชั่วข้ามคืน เกิดขึ้นที่ประเทศสเปน ระหว่างการแข่งขันจักรยานทางไกลระดับโลก (Grand Tour) ของสเปน "ลา วูเอลตา" (La Vuelta) แต่ปีนี้พิเศษตรงที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมืองมารวมตัวเพื่อชุมนุมสนับสนุนปาเลสไตน์ โดยหวังจะให้สื่อทั่วโลกที่ให้ความสนใจต่อการแข่งขันจักรยาน เป็นเวทีเพื่อเรียกความสนใจ ท่ามกลางความวุ่นวายของการชุมนุม นักเคลื่อนไหวสาวรายหนึ่งที่กำลังยืนประจันหน้ากับเจ้าหน้าที่หนุ่ม เกิดเป็นรอยยิ้มที่เขินอายของทั้งสองขึ้นมาชั่วขณะ ส่งผลให้คลิปวิดีโอนี้กลายเป็นไวรัลไปชั่วข้ามคืน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 'อีลอน มัสก์' ถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายในสหราชอาณาจักรว่า 'ยุยงปลุกปั่น' หลังเขาเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ณ ที่ชุมนุมของฝ่ายขวาจัดที่นำโดยนักเคลื่อนไหว 'ทอมมี่ โรบินสัน' เมื่อวันเสาร์(13ก.ย.) ที่ผ่านมา ที่มีผู้ประท้วงเข้าร่วมเดินขบวนมากกว่า 100,000 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000088124

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    'อีลอน มัสก์' ถูกกล่าวหาจากหลายฝ่ายในสหราชอาณาจักรว่า 'ยุยงปลุกปั่น' หลังเขาเรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาล ณ ที่ชุมนุมของฝ่ายขวาจัดที่นำโดยนักเคลื่อนไหว 'ทอมมี่ โรบินสัน' เมื่อวันเสาร์(13ก.ย.) ที่ผ่านมา ที่มีผู้ประท้วงเข้าร่วมเดินขบวนมากกว่า 100,000 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000088124 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม"

    การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ

    โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน

    ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน"

    ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี

    กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    เมื่อวานนี้ที่อังกฤษมีการชุมนุมที่เรียกว่า "Unite the Kingdom" ซึ่งเป็นการชุมนุมที่จัดโดย "ทอมมี่ โรบินสัน" นักกิจกรรมทางการเมืองฝ่ายขวา หรือ "อนุรักษ์นิยม" การชุมนุมมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับการเปิดรับผู้อพยพมากจนเกินไป และรณรงค์เคลื่อนไหวให้ขับผู้อพยพออกนอกประเทศอังกฤษ โดยจะเริ่มจากสะพานวอเตอร์ลูและเดินไปยังไวท์ฮอลล์ รายงานจากสื่อ ระบุว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณมากกว่าแสนคน ขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มการเมืองฝ่ายซ้าย หรือพวก "เสรีนิยม" ซึ่งเป็นกลุ่ม “Stand Up To Racism” รวมตัวกันที่ปลายอีกด้านของไวท์ฮอลล์ ตามรายงานข่าวแจ้งว่ามีจำนวน "หลายพันคน" 👉ที่น่าสนใจคือ จำนวนตัวเลขของผู้มาชุมนุมฝ่ายซ้าย (อนุรักษ์นิยม) มีจำนวนมากกว่าฝ่ายขวา (เสรีนิยม) มากมายหลายเท่า บ่งบอกว่า ขณะนี้กระแสของคนอังกฤษเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะไม่ต้อนรับผู้อพยพเข้ามาในประเทศ มุ่งเป้าไปที่พัฒนาคนในชาติ และต้องการให้รัฐบาลหันมาสนใจชีวิตความเป็นอยู่ของคนอังกฤษเองมากกว่าแนวคิดฝ่ายซ้ายที่เปิดรับผู้อพยพแบบบ้าคลั่งจนเกินพอดี 👉กระแสอนุรักษ์นิยมนี้ ไม่ใช่มีแค่ในอังกฤษเท่านั้น ผลจากการเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในยุโรปหลายประเทศ หรือแม้กระทั่งสหรัฐเมริกาเอง บ่งชี้ว่าประชาชนตระหนักแล้วว่า ที่ผ่านมาการเปิดรับสิ่งต่างๆมากเกิน อย่างที่ฝ่ายขวา หรือ เสรีนิยมพยายามป้อนข้อมูลให้ประชาชนเพ้อฝันมาตลอดหลายสิบปี ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับพวกเขา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • นางราชยาลักษมี จิตราการ ภรรยาของนายจาลานาถ คานาล เสียชีวิตในวันอังคาร(9ก.ค.) หลังพวกผู้ประท้วงที่นำโดยคนวัยหนุ่มสาว Gen Z ขังเธอไว้ในบ้านแล้วจุดไฟเผา ท่ามกลางการรวมตัวขับไล่รัฐบาลและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่ลุกลามกลายเป็นจลาจล ขณะเดียวกับก็ปรากฏคลิปวิดีโอรัฐมนตรีคลังของประเทศ ถูกผู้ชุมนุมรุมทำร้ายบนท้องถนน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086504

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    นางราชยาลักษมี จิตราการ ภรรยาของนายจาลานาถ คานาล เสียชีวิตในวันอังคาร(9ก.ค.) หลังพวกผู้ประท้วงที่นำโดยคนวัยหนุ่มสาว Gen Z ขังเธอไว้ในบ้านแล้วจุดไฟเผา ท่ามกลางการรวมตัวขับไล่รัฐบาลและต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่ลุกลามกลายเป็นจลาจล ขณะเดียวกับก็ปรากฏคลิปวิดีโอรัฐมนตรีคลังของประเทศ ถูกผู้ชุมนุมรุมทำร้ายบนท้องถนน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000086504 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 793 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง”

    ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ

    เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน

    ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา

    แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น

    เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี
    เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025
    แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp
    เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม
    เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก

    การตอบสนองของประชาชน
    Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง
    แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก
    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ
    มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา
    ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง
    VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    📵 “ตุรกีปิดโซเชียลมีเดียทั่วประเทศ! X, YouTube, WhatsApp ดับกลางดึก — VPN พุ่ง 500% ท่ามกลางความตึงเครียดทางการเมือง” ลองนึกภาพว่าคุณอยู่ในอิสตันบูล คืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 แล้วจู่ๆ โซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่คุณใช้ — X (Twitter), YouTube, Instagram, Facebook, TikTok และ WhatsApp — หายไปจากหน้าจอแบบไม่มีคำอธิบาย นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในตุรกี เมื่อรัฐบาลเริ่มบล็อกการเข้าถึงแพลตฟอร์มหลักทั้งหมด ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ร้อนระอุ เหตุการณ์เริ่มต้นหลังพรรคฝ่ายค้าน CHP เรียกร้องให้ประชาชนออกมาชุมนุม หลังตำรวจปิดล้อมสำนักงานใหญ่ในอิสตันบูล โดย NetBlocks รายงานว่าการบล็อกเกิดขึ้นเฉพาะในเครือข่ายของเมืองนี้เป็นหลัก และยังคงดำเนินอยู่ในช่วงเวลาที่รายงาน ประชาชนไม่รอช้า รีบหาทางเข้าถึงโซเชียลมีเดียผ่าน VPN โดย Proton VPN รายงานว่ามีการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้นกว่า 500% ภายในหนึ่งชั่วโมงในคืนวันอาทิตย์ และแนะนำให้ใช้โหมด Stealth พร้อมการตั้งค่า alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตุรกีใช้มาตรการแบบนี้ — ก่อนหน้านี้เคยมีการบล็อกโซเชียลมีเดียหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหว การเลือกตั้ง และการจับกุมผู้นำฝ่ายค้าน โดยมีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา แม้ VPN จะเป็นทางออกที่ประชาชนใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่เว็บไซต์ของผู้ให้บริการ VPN หลายราย เช่น Proton, NordVPN, Surfshark และ ExpressVPN ก็ถูกบล็อกเช่นกัน ทำให้ต้องดาวน์โหลดแอปผ่านช่องทางสำรอง เช่น GitHub หรือ App Store เท่านั้น ✅ เหตุการณ์บล็อกโซเชียลมีเดียในตุรกี ➡️ เริ่มต้นคืนวันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน 2025 ➡️ แพลตฟอร์มที่ถูกบล็อก: X, YouTube, Instagram, Facebook, TikTok, WhatsApp ➡️ เกิดขึ้นหลังพรรค CHP เรียกร้องให้ประชาชนชุมนุม ➡️ เครือข่ายในอิสตันบูลถูกบล็อกเป็นหลัก ✅ การตอบสนองของประชาชน ➡️ Proton VPN รายงานการสมัครใช้งานเพิ่มขึ้น 500% ภายในหนึ่งชั่วโมง ➡️ แนะนำให้ใช้โหมด Stealth และ alternative routing เพื่อหลบเลี่ยงการบล็อก ➡️ ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลดแอปผ่าน App Store หรือ GitHub หากเว็บไซต์ถูกบล็อก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ตุรกีเคยบล็อกโซเชียลมีเดียในปี 2023–2024 หลังเหตุการณ์ทางการเมืองและภัยพิบัติ ➡️ มีการใช้ VPN เพิ่มขึ้นถึง 15,000% ในบางช่วงเวลา ➡️ ประเทศมีประวัติการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง ➡️ VPN เช่น Octohide ใช้เทคนิค VLESS และ REALITY เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากระบบ DPI https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/x-whatsapp-youtube-and-other-social-media-platforms-go-dark-in-turkey-and-vpn-usage-spikes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal”

    เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2

    หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน

    แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน

    นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก

    เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal
    เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน
    ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ
    มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์
    ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม
    มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน
    การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal

    การตอบสนองของรัฐบาล
    รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย
    นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต
    ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน
    ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ
    ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย

    บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ
    สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน
    UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ
    ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ
    การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    📱 “เนปาลยกเลิกแบนโซเชียลมีเดีย หลังการประท้วง Gen Z ลุกลามจนมีผู้เสียชีวิต 19 ราย!” ลองจินตนาการว่าคุณเป็นวัยรุ่นในเนปาล ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางแสดงความเห็น พูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล แล้ววันหนึ่งรัฐบาลประกาศแบน Facebook, YouTube, X และอีกกว่า 20 แพลตฟอร์ม โดยอ้างว่า “ไม่ได้ลงทะเบียนกับรัฐ” — สิ่งที่ตามมาคือการลุกฮือครั้งใหญ่ของคนรุ่นใหม่ที่เรียกตัวเองว่า “Gen Z Nepal” เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ พร้อมป้ายข้อความเช่น “หยุดคอร์รัปชัน ไม่ใช่โซเชียลมีเดีย” และ “เยาวชนต่อต้านการโกงกิน” การชุมนุมเริ่มต้นอย่างสงบ แต่กลับกลายเป็นเหตุรุนแรงเมื่อกลุ่มผู้ประท้วงบางส่วนพยายามฝ่ารั้วเข้าไปในเขตรัฐสภา ตำรวจตอบโต้ด้วยแก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน2 หลังเหตุการณ์บานปลาย รัฐบาลเนปาลโดยรัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดียทันที โดยระบุว่า “เพื่อรับฟังเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่” และจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน แม้ TikTok และ Viber จะยังใช้งานได้ตลอดช่วงแบน เพราะลงทะเบียนกับรัฐแล้ว แต่แพลตฟอร์มใหญ่อื่นๆ เช่น Facebook, X และ YouTube เพิ่งกลับมาออนไลน์หลังเที่ยงคืนของวันที่ 9 กันยายน นานาชาติรวมถึงสหรัฐฯ อังกฤษ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ออกแถลงการณ์ร่วมแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลเนปาลเคารพสิทธิการชุมนุมอย่างสงบและเสรีภาพในการแสดงออก ✅ เหตุการณ์ประท้วง Gen Z Nepal ➡️ เริ่มต้นจากการแบนโซเชียลมีเดีย 26 แพลตฟอร์มเมื่อวันที่ 4 กันยายน ➡️ ผู้ประท้วงรวมตัวหน้าอาคารรัฐสภาในกรุงกาฐมาณฑุ ➡️ มีการใช้ป้ายข้อความต่อต้านคอร์รัปชันและการเซ็นเซอร์ ➡️ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา ปืนฉีดน้ำ และกระสุนจริงในการสลายการชุมนุม ➡️ มีผู้เสียชีวิต 19 ราย และบาดเจ็บกว่า 300 คน ➡️ การชุมนุมลุกลามไปยังเมืองอื่น เช่น Pokhara, Itahari, Butwal ✅ การตอบสนองของรัฐบาล ➡️ รัฐมนตรี Prithvi Subba Gurung ประกาศยกเลิกคำสั่งแบนโซเชียลมีเดีย ➡️ นายกรัฐมนตรี KP Sharma Oli แสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ➡️ ตั้งคณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์ภายใน 15 วัน ➡️ ให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ➡️ ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจแบน แต่ต้องการ “ควบคุมและจัดระเบียบ” โซเชียลมีเดีย ✅ บริบทและปฏิกิริยาระหว่างประเทศ ➡️ สถานทูต 7 ประเทศออกแถลงการณ์ร่วมเรียกร้องให้เคารพสิทธิมนุษยชน ➡️ UNHRO เรียกร้องให้สอบสวนการใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ➡️ ประชาชนกว่า 90% ของเนปาลใช้อินเทอร์เน็ตเป็นประจำ ➡️ การแบนโซเชียลมีเดียกระทบต่อการสื่อสารและการแสดงออกของประชาชน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/09/nepal-scraps-social-media-ban-as-deadly-clashes-kill-19-people
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nepal scraps social-media ban as deadly clashes kill 19 people
    Nepal's government scrapped a days-old prohibition on social-media after the ban sparked deadly clashes between police and protesters that local media reported left 19 people dead and 347 injured.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts