• "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม
    .
    ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม
    .
    เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ
    .
    ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้
    .
    ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม
    .
    แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ
    .
    ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป
    .
    ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป
    .
    ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง
    .
    ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก
    .
    ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก
    .
    พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้
    .
    ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย
    .
    หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน
    .
    แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    "หนูอยากเป็นนายกฯ" มันไม่ใช่แค่คำพูด แต่มีสติและปัญญามากพอไหม . ท่านนายกฯ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ครั้งนี้ แม่ไม่ต้องการให้เป็น คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร พูดกับคนใกล้ชิดหมดเลย ขอร้อง อย่าเอาอุ๊งอิ๊งค์มาเป็นนายกฯ ขอร้อง แต่ปรากฏว่าพ่อคุณ ท่านนายกฯ ต้องการให้ท่านเป็น แต่ก็ขัดแม่ไม่ได้ ทั้งสองคนผัวเมียเลยตัดสินใจว่าให้ลูกสาวตัดสินใจก็แล้วกัน ใช่หรือเปล่า อย่าโกหกผม . เมื่อท่านนายกฯ ตัดสินใจจะก้าวเข้าสู่สนามสงครามแล้ว ท่านนายกฯ ต้องยอมรับหอก ดาบ ง้าว กระสุนปืน ที่ถั่งโถมหาท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ต้องเข้มแข็ง ต้องอดทน อย่าควันออกหูเพียงเพราะว่าหนังสือพิมพ์ คอลัมน์ประจำคอลัมน์หนึ่งของนายสุรวิชช์ วีรวรรณ พาดหัวข่าวว่า "นายกฯ ฟันน้ำนม"ท่านสติแตกเลย . ท่านนายกฯ ครับ การที่พ่อท่านเลือกท่าน ท่านรู้หรือเปล่าว่าเพราะอะไร ง่ายนิดเดียว พ่อท่านไม่เคยไว้ใจใครเลย ไม่เคย ไม่เคยไว้ใจใครเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นลูกสาวตัวเอง โอเค ได้ แต่ความที่แม่ คือคุณหญิงพจมาน ขัดขวาง ไม่ยอมให้เป็น เพราะรู้ว่าจะมีปัญหา ก็เลยต้องตัดสินใจว่าโยนให้ท่านนายกฯ แพทองธารเป็นคนตัดสินใจ . ผมรู้ท่านนายกฯรักลูก คิดถึงลูก อยากจะใช้ชีวิตวันเสาร์-อาทิตย์อยู่กับลูก ในฐานะที่เป็นแม่ ไม่ผิด ถ้าเป็นอย่างนั้น ท่านอย่ามาเป็นนายกฯ เพราะประเทศไทยปัญหาชาติบ้านเมืองไม่มีวันหยุด ไม่มีวันหยุด ท่านนายกฯต้องรู้จักตัวเองบ้างว่าท่านสวมหมวกอะไรอยู่ในขณะนี้ . ผมรู้ว่าคุณพ่อคุณเป็นห่วงท่าน ส่งทีมงานมา ตั้งคณะที่ปรึกษา ที่ผมเล่าให้ฟังแล้ว ประธานคือพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เข้ามาล้อมรอบ นั่งคุยด้วย ออกมาหมอเลี้ยบก็ให้สัมภาษณ์ทันทีเลยว่าจะอยู่จนครบ 4 ปี จะทำให้ประชาชนร่ำรวยขึ้น ประเด็นไม่ใช่ปัญหาประชาชนจะร่ำรวยหรือไม่ร่ำรวย ประเด็นปัญหาอยู่ที่ว่า ท่านนายกฯเป็นตัวของตัวเองได้ไหม . แต่เผอิญการเป็นตัวของตัวเองนั้น ท่านนายกฯ‘ต้องมีปัญญา’ คำถามคือ ท่านนายกฯ มีสติและมีปัญญามากพอที่จะเป็นนายกฯ ได้ไหม ไม่ใช่ที่ท่านผิดพลาดไปในเรื่องของค่าเงินบาทแข็ง พอค่าเงินบาทแข็ง ท่านก็บอกว่า ดี ทำให้การส่งออกดีขึ้น นี่คือข้อผิดพลาดที่เรือหายไปแล้วนะ ท่านพูดมาแล้วหลายครั้งเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น แต่ผมไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์ท่านเลย ผมเฉย ผมคิดในใจว่าท่านคงไม่รู้ ไม่เข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ น่าเห็นใจ . ท่านนายกฯ ครับ การศึกษาบ้านเราจะไปอย่างไร อนาคตบ้านเราจะเป็นอย่างไร คุณพิชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทะเลาะกับคุณเศรษฐพุฒิ ท่านต้องบอกคุณพิชัยให้หยุดพูด ไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้น คุณเศรษฐพุฒิท่านจะว่าอย่างไรก็ว่าไป ตั้งใจทำงานไป . ท่านนายกฯ ครับ ผมเป็นคนที่มีเหตุมีผล ผมไม่ใช่นักเลงหัวไม้ ผมไม่รังแกคน แต่ผมจะไม่ยอมให้ใครมารังแกผม ท่านไม่ต้องกังวล ท่านทำงานไป ท่านตรวจสอบไป . ผมขอเถอะท่านนายกฯ ท่านตั้งใจทำงานเพื่อชาติ ท่านทำได้หรือเปล่า เพื่อชาติจริงๆ ท่านต้องบอกพ่อ พ่อ หนูขอทำงานเพื่อส่วนรวมได้ไหม พ่ออย่ามายุ่งกับการงานของหนูได้ไหม พ่อหาคนมาแนะนำหนูได้ แต่พ่ออย่าสอดแทรกอะไรเข้ามาให้หนูทำ เป้าหมายของหนูต้องการให้ประเทศชาติไปรอด เอาส่วนรวมเป็นตัวตั้ง เมื่อส่วนรวมเป็นตัวตั้งแล้ว หนูถือว่าหนูทำงานได้สำเร็จแล้วแต่ที่สำคัญที่สุด ท่านนายกฯ ท่านอย่าลืมตัวท่านเอง ท่านตัดสินใจจะเข้าสู่สงครามนี้ด้วยตัวท่านเอง . ถ้าท่านรับไม่ไหว ท่านก็ถอยออกมา แต่ท่านเข้าไปแล้ว ท่านต้องสู้ ท่านอย่ามาโอดครวญบนพื้นฐานที่ไม่ใช่ความจริง บอกว่าเพิ่งทำงานได้เดือนเดียว บอกคุณสนธิอย่าเพิ่งมาเดินถนนไล่ ท่านนายกฯ ท่านโกหก . ท่านนายกฯ ท่านเป็นคนรุ่นใหม่ ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องของกฎแห่งกรรม ผมอายุ 78 แล้ว ผมแก่กว่าคุณพ่อท่านนายกฯ 2 ปี โดยวัยวุฒิตามสังคมไทย ผมต้องเป็นลุงท่านนายกฯ แต่ผมไม่กล้าไปนับญาติกับท่านนายกฯ ไม่กล้า ผมอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ถ้าเป็นเรื่องชาติบ้านเมือง ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่เจียมเนื้อเจียมตัวหรอก . พฤศจิกายนนี้ ผม78 ผมตายเมื่อไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าจะตายทั้งทีให้มันลือลั่นไปทั่วในประวัติศาสตร์ ท่านนายกฯ ไม่ต้องกังวล และให้รู้ด้วยว่าถ้าผมประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ไม่ใช่ตอนนี้ ไม่มีใครอยู่เบื้องหลังผม ไม่ต้องมาหาเลยว่าจะเป็นทหารคนไหน ไม่มี ผมไม่ใช่สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำ กปปส. ที่มีกองทัพอยู่ข้างหลัง ผมตัวคนเดียว แต่ผมมีประชาชนที่รักความเป็นธรรม และเขารักผม และเขารู้ว่าผมทำงานโดยไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่ทำงานให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทำงานให้ชาติจริงๆ วันที่ผมออกไปสู้กับคุณพ่อท่านนายกฯ ผมบอกกับทุกคนเลย เฮ้ย ถ้าจะมีกูคนเดียว กูก็จะไป เพราะกูเชื่อของกูอย่างนี้ . ถ้าผมจำเป็นต้องประท้วงท่านนายกฯ ในอนาคต ซึ่งผมไม่รู้ว่าเมื่อไร สุดแล้วแต่การทำงานของท่านนายกฯ ผมมีทางเลือกอยู่ทางเดียว ผมต้องชนะ ไม่อย่างนั้นผมยอมตาย . หวังว่าสิ่งที่ผมพูดนี้จะเป็นประโยชน์ ถ้าท่านนายกฯ เปิดใจรับฟังความเห็นของผม นี่กล่าวจากความจริงใจในใจ เพราะโดยวัยวุฒิแล้วท่านก็เหมือนหลานผม แต่ผมไม่กล้านับลุงนับหลานกับท่าน แต่ผมแก่กว่าพ่อท่านนายกฯ 2 ปี ผมอยู่อีกไม่กี่ปีก็จะตายแล้ว ท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คุณพ่อท่านนายกฯ ก็ต้องตายสักวันหนึ่ง คำถาม ถ้าคุณพ่อท่านนายกฯ ตายไปวันนี้ พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้ ตายอย่างมีสง่าราศีหรือเปล่า ? ไม่มี ท่านนายกฯ ต้องเข้ามากู้ศักดิ์ศรีของคุณพ่อท่านนายก ด้วยการทำความดี ทำงานเพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่าไปใส่ใจพวกญาติพี่น้องท่าน . แล้วท่านนายกฯ ต้องไม่สติแตกง่ายๆ ถ้าตัดสินใจมาลงเล่นสงครามแล้ว ต้องพร้อมจะเจ็บ เท่านั้นล่ะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลุ้นระทึก! ชะตากรรมทางการเมือง “เอกราช ช่างเหลา" สส.พรรคภูมิใจไทย ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีบ่ายพรุ่งนี้(7 ต.ค.)ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท หลังก่อนนี้ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูล ส.ส.บัญชีรายชื่อรายนี้ของพรรคภูมิใจไทยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีถูกฟ้องคดีอาญาโกงสหกรณ์ครูฯ คดียังคาอยู่ที่ศาลฎีการอการวินิจฉัยตามขั้นตอนกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095000

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ลุ้นระทึก! ชะตากรรมทางการเมือง “เอกราช ช่างเหลา" สส.พรรคภูมิใจไทย ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดฟังคำพิพากษาตัดสินคดีบ่ายพรุ่งนี้(7 ต.ค.)ในคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่นกว่า 431 ล้านบาท หลังก่อนนี้ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูล ส.ส.บัญชีรายชื่อรายนี้ของพรรคภูมิใจไทยฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงกรณีถูกฟ้องคดีอาญาโกงสหกรณ์ครูฯ คดียังคาอยู่ที่ศาลฎีการอการวินิจฉัยตามขั้นตอนกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000095000 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Sad
    Angry
    20
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันมีนักวิเคราะห์การเมืองบางคนสมองหมอบ เอาคำพูดของคุณสนธิกับ คุณจตุพรไปบิดเบือน ถ้าประชาชนไม่ได้ฟังต้นฉบับแล้วไปฟังเขา มันจะเข้าใจผิดได้ทันทีเลย มันน่าจะโดนคุณสนธิสวนไปสักดอก เอาให้หน้าหงายไปเลย
    รศ.ดร.ที่ชอบเรียกนายใใหญ่ นายน้อย ผมถามว่า คุณเป็นขี้ข้าเขาหรอ คนอื่นคุณเรียกออกชื่อ กับสองคนนี้เรียกนายนั้นนายนี้
    มันมีนักวิเคราะห์การเมืองบางคนสมองหมอบ เอาคำพูดของคุณสนธิกับ คุณจตุพรไปบิดเบือน ถ้าประชาชนไม่ได้ฟังต้นฉบับแล้วไปฟังเขา มันจะเข้าใจผิดได้ทันทีเลย มันน่าจะโดนคุณสนธิสวนไปสักดอก เอาให้หน้าหงายไปเลย รศ.ดร.ที่ชอบเรียกนายใใหญ่ นายน้อย ผมถามว่า คุณเป็นขี้ข้าเขาหรอ คนอื่นคุณเรียกออกชื่อ กับสองคนนี้เรียกนายนั้นนายนี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ต.ค.67
    ศาลสิงคโปร์ตัดสินลงโทษอดีตรัฐมนตรี Subramnian Iswaran ข้อหาคอร์รัปชั่น รับ 'ของขวัญ' จากเอกชนในรูปของตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ฯลฯ เป็นมูลค่า S$403,000 (สิบล้านบาท) ตอบแทนการจัดงาน F1 Grand Prix

    อัยการขอให้ศาลลงโทษจำคุก 6-7 เดือน

    ผู้พิพากษาใจดี ให้เพิ่มโบนัส เป็นหนึ่งปี

    ผู้พิพากษากล่าวว่า บุคคลที่ทำงานเป็นรัฐบาลต้องมีมาตรฐานสูงกว่าคนทั่วไป ต้องซื่อสัตย์ระดับสูงสุด เพราะคนระดับนี้ย่อมมีอิทธิพลต่อองค์กรธุรกิจต่างๆ

    “Persons who accept appointments to high office take on the heavy responsibilities of their office along with the associated power and status, and should generally be regarded as having acted with greater culpability in abusing their position to obtain valuable gifts."

    ศาลว่า คนระดับรัฐมนตรีต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สูงสุด ไม่มีข้อแม้หรือคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น

    ไม่มีใครเอาปืนจี้ให้เป็นรัฐมนตรี

    คำพิพากษานี้เป็นการตั้งมาตรฐานของความอดทนต่อการคอร์รัปชั่นในประเทศสิงคโปร์เท่ากับศูนย์

    และสร้างบรรทัดฐานว่า จะเป็นรัฐมนตรีต้องสะอาดจริงๆ

    วินทร์ เลียววาริณ
    ถอดความจาก The Straits Times
    3-10-2024

    ภาพ: MIEL / The Straits Times
    3 ต.ค.67 ศาลสิงคโปร์ตัดสินลงโทษอดีตรัฐมนตรี Subramnian Iswaran ข้อหาคอร์รัปชั่น รับ 'ของขวัญ' จากเอกชนในรูปของตั๋วเครื่องบิน ค่าโรงแรม ฯลฯ เป็นมูลค่า S$403,000 (สิบล้านบาท) ตอบแทนการจัดงาน F1 Grand Prix อัยการขอให้ศาลลงโทษจำคุก 6-7 เดือน ผู้พิพากษาใจดี ให้เพิ่มโบนัส เป็นหนึ่งปี ผู้พิพากษากล่าวว่า บุคคลที่ทำงานเป็นรัฐบาลต้องมีมาตรฐานสูงกว่าคนทั่วไป ต้องซื่อสัตย์ระดับสูงสุด เพราะคนระดับนี้ย่อมมีอิทธิพลต่อองค์กรธุรกิจต่างๆ “Persons who accept appointments to high office take on the heavy responsibilities of their office along with the associated power and status, and should generally be regarded as having acted with greater culpability in abusing their position to obtain valuable gifts." ศาลว่า คนระดับรัฐมนตรีต้องมีมาตรฐานของความซื่อสัตย์สูงสุด ไม่มีข้อแม้หรือคำแก้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีใครเอาปืนจี้ให้เป็นรัฐมนตรี คำพิพากษานี้เป็นการตั้งมาตรฐานของความอดทนต่อการคอร์รัปชั่นในประเทศสิงคโปร์เท่ากับศูนย์ และสร้างบรรทัดฐานว่า จะเป็นรัฐมนตรีต้องสะอาดจริงๆ วินทร์ เลียววาริณ ถอดความจาก The Straits Times 3-10-2024 ภาพ: MIEL / The Straits Times
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้อยู่ในช่วงกินเจ ตั้งแต่วันที่ 3 และตอนนี้กำลังพยายามไม่ให้เจแตกเพราะนอกเหนือจากแค่กินเจอย่างเดียวแล้วหัวใจต้องเจ คืองดคำพูดหยาบคายและรุนแรง และระงับอารมณ์ไม่ให้เร่าร้อนเลย ส่วนตัวผมจำเป็นต้องละทิ้งเรื่องปัญหาระหว่างคนรอบข้างไว้ก่อน เพราะต้องพัฒนาฝีมือตนเองที่สมควรจะมีติดตัวสำหรับผมระหว่างถือศีลกินเจ และพยายามงดคำหยาบคายและรุนแรงไว้ก่อน ออกเจค่อยเต็มที่ครับ
    วันนี้อยู่ในช่วงกินเจ ตั้งแต่วันที่ 3 และตอนนี้กำลังพยายามไม่ให้เจแตกเพราะนอกเหนือจากแค่กินเจอย่างเดียวแล้วหัวใจต้องเจ คืองดคำพูดหยาบคายและรุนแรง และระงับอารมณ์ไม่ให้เร่าร้อนเลย ส่วนตัวผมจำเป็นต้องละทิ้งเรื่องปัญหาระหว่างคนรอบข้างไว้ก่อน เพราะต้องพัฒนาฝีมือตนเองที่สมควรจะมีติดตัวสำหรับผมระหว่างถือศีลกินเจ และพยายามงดคำหยาบคายและรุนแรงไว้ก่อน ออกเจค่อยเต็มที่ครับ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 12 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยมีปัญหาทุกอย่างเพราะความเห็นผิด จึงเชื่อคำพูดของคนอ่านหนังสือเล่มเดียว ด้านเดียว ...จึงมีความเห็นแบบม้าลำปาง
    ตัวอย่าง: กะปิบูด, ทะนาทวย, ช่อกันนิกา, รวมทั้งอาจมในสถานศึกษาบางแห่ง ล้วนเป็นคนตาบอด อ่านน้อย ไม่รู้แม้ประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งประวัติการต่อสู้ของชาติตะวันออก..พรรคสีส้มและแดง จึงควรตระหนักเรื่องนี้ให้มาก
    ประเทศไทยมีปัญหาทุกอย่างเพราะความเห็นผิด จึงเชื่อคำพูดของคนอ่านหนังสือเล่มเดียว ด้านเดียว ...จึงมีความเห็นแบบม้าลำปาง ตัวอย่าง: กะปิบูด, ทะนาทวย, ช่อกันนิกา, รวมทั้งอาจมในสถานศึกษาบางแห่ง ล้วนเป็นคนตาบอด อ่านน้อย ไม่รู้แม้ประวัติศาสตร์ชาติไทย รวมทั้งประวัติการต่อสู้ของชาติตะวันออก..พรรคสีส้มและแดง จึงควรตระหนักเรื่องนี้ให้มาก
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 4 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก แต่ผลตอบแทนดี การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับการทำบุญ หรืออาจได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น และจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับอาหารเครื่องดื่มราคาแพงๆ ความรัก:ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะคนเก่าๆ ปัญหาเก่าๆ หรือทะเลาะกันเรื่องเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข คนโสด: จะเป็นช่วงที่มีเสน่ห์ มีคนเข้ามาพูดคุยคบหาหลายคน และ อาจทำให้เกิดปัญหา สุขภาพ: โรคอ้วน ข้อเข่า การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: จะได้สะสางงานเก่าๆ งานจะสำเร็จ ต้องทำให้รอบคอบด้วย เพราะอาจจะทำให้เกิดผลเสีย หรือต้องนำไปปรับปรุงแก้ไข การเงิน: จะมีรายจ่ายจุกจิก จ่ายแบบไม่รู้จักจบ แต่ไม่ติดขัดเพราะจะมีคนคอยช่วยเหลือ ความรัก:มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรง อาจถึงขั้นเลิกรา คนโสด: จะมีคนอายุแก่กว่า หรือคนในเครื่องแบบ เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัว ระบบประสาท ขี้หลงขี้ลืม ระวังลูกไม่สบาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ระวังจะลืมของ #คนเกิดวันพุธ...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน จะมีคนเข้ามาช่วยเหลือเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเครื่องประดับ ของสวยงาม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่ถนอมน้ำใจกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ และได้สานสัมพันธ์ สุขภาพ: เบาหวาน ความดัน สายตาไม่ดี ปวดตา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกล #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน:ให้ระวังเรื่องเวลา มาสาย เพราะจะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน ของใช้ในบ้าน หรือหมดกับการลงทุน ความรัก: จะมีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับลูก มีโอกาสทะเลาะขัดแย้งกันเพราะคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องพัวพัน สุขภาพ:สิว ผิวหน้าผื่นแพ้ ปวดหลัง โรคกระดูก ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน:งานดีงานเด่น หากว่างงานอยู่จะได้งาน หรือได้งานเพิ่มงานเสริม การเงิน:จะมีผู้หลักผู้ใหญ่มาช่วยเหลือ โอกาสได้โชคลาภจากผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้อุปถัมภ์ มีรายจ่ายเกี่ยวกับรถหรือหมดกับลูก ความรัก: จะทะเลาะกันเพราะการเอาแต่ใจตัวเอง ไม่มีเหตุผล คนโสด:จะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบมาจีบ สุขภาพ: โรคตามวัย ระวังโรคประจำตัวกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมา การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัย หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ค่อนข้างเครียดทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: มีค่าใช้จ่ายมารอแล้ว จะหมดกับหนี้สิน ใครมีหนี้อยู่ต้องรีบใช้ถ้าไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาบานปลาย ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ท้องอืดท้องเฟ้อ ตับ ไต ให้ระวังอาหารการกิน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานให้ระวังเรื่องคำพูดคำจาและเรื่องอารมณ์ การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย หรือหมดกับของที่เกิดจากกิเลสเห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก:จะรักกันดี หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ ระบบประจำเดือน การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ

    เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน
    อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย

    ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้”
    ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ
    ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561”

    ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี

    “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน”

    จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้
    “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ”

    สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ
    ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี
    ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ
    อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี

    “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ

    ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด

    ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม

    นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น

    เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ

    นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว

    นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

    “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว

    จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย”

    ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย

    สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย

    จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่

    สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น

    ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน

    ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ

    แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต

    ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/

    #Thaitimes
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ – สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ เหตุการณ์รถบัสนักเรียนไฟไหม้ ซึ่งนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น สะท้อนความล้มเหลวในการป้องกัน และควบคุมการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนไทย ตอกย้ำสมญานามประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการจราจรมากที่สุด สูงเป็นอันดับ 9 ของโลก และครองแชมป์อันดับ 1 ในอาเซียน อุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยง ทั้งในด้านพฤติกรรมการขับขี่ ความรู้ในการเผชิญเหตุฉุกเฉิน ยังได้นำไปสู่การเปิดโปงข้อบกพร่องของ “ระบบตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัย” โดยเฉพาะรถทัศนาจร หรือ “รถรับจ้างไม่ประจำทาง” ที่วิ่งให้บริการขวักไขว่ อันเป็นภาพคุ้นชินตาของคนไทย ‘ทีดีอาร์ไอ’ เผยมีรถรับจ้างไม่ประจำทางเพียง 5% ผ่าน “มาตรฐานลุกไหม้” ดร.สุเมธ องกิตติกุล ผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่งและโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า แม้ว่ากรมการขนส่งทางบก จะมีความพยายามในการปรับปรุงมาตรฐานรถโดยสารขนาดใหญ่ในหลายประเด็น รวมถึงมาตรฐานด้านการลุกไหม้มาตั้งแต่ปี 2559 โดยออกประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่องกำหนดคุณสมบัติด้านการลุกไหม้การลามไฟของวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในรถโดยสาร แต่ปรากฎว่าประกาศดังกล่าวถูกเลื่อนการบังคับใช้อยู่เรื่อย ๆ ด้วยเหตุผลเพราะผู้ประกอบการ ไม่มีความพร้อมในการแบกรับต้นทุน จากการเปลี่ยนไปใช้วัสดุกันไฟที่มีราคาแพง จนกระทั่งสุดท้ายเพิ่งบังคับใช้ได้จริงในปี 2565 แต่กลับไม่มีผลย้อนหลัง ซึ่งหมายความว่าใช้บังคับได้เฉพาะกับรถที่จดทะเบียนใหม่ หรือ มีการปรับปรุงตัวถังใหม่ในปี 2565 เท่านั้น “รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นหนึ่งในกรณี ที่ไม่เข้าเงื่อนไขของประกาศฉบับนี้ เนื่องจากมีการจดเบียนใหม่ในปี 2561” ดร.สุเมธ ระบุว่าปัจจุบันรถทัศนาจรในกลุ่มมาตรฐาน 1 ซึ่งเป็นประเภทเดียวกับรถคันที่เกิดเหตุ มีจำนวน 5,896 คัน และรถมาตรฐาน 4 หรือรถ 2 ชั้น มีจำนวน 4,972 คน ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าในจำนวนทั้งหมดกว่า 1 หมื่นคัน มีจำนวนเพียง 5% เท่านั้น ที่ผ่านมาตรฐานด้านการลุกไหม้ และอนุมานได้ว่าส่วนที่เหลืออีก 95% ที่เป็นรถจดทะเบียนก่อนประกาศดังกล่าวบังคับใช้ ยังไม่ถูกกำหนดให้มีมาตรฐานนี้ ขณะที่ในต่างประเทศเวลากำหนดมาตรฐานในเรื่องเหล่านี้ จะให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลังด้วย และต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 ปี “คาดว่ามีรถที่ไม่ผ่านหรือไม่ได้มาตรฐานใหม่ ตามที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดเป็นหมื่นคัน แสดงให้เห็นถึงขนาดของปัญหาที่วิ่งอยู่บนท้องถนนตอนนี้ เสมือนกับเป็นระเบิดเวลาที่เราไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุขึ้นอีกเมื่อไหร่ ดังนั้น กรมการขนส่งทางบก ควรติดตามตรวจสอบรถในกลุ่มนี้ ที่ยังวิ่งอยู่ในระบบ เช่น ด้านมาตรฐานทนไฟ การชนด้านหน้า สภาพรถเป็นอย่างไร ติดก๊าซหรือไม่ ฯลฯ โดยเร่งกำหนดมาตรการอย่างเข้มข้นในรถกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงก่อน” จี้ ขบ.ตรวจเข้มรถเสี่ยงสูง – เสนอรัฐจัดงบฯหนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ ดร.สุเมธ เน้นย้ำว่าเหตุที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัยของรถทัศนาจร ซึ่งความเสี่ยงนี้กระทบต่อสวัสดิภาพของประชาชน โจทย์ใหญ่ของรัฐคือจะดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้รถเหล่านี้มีมาตรฐานดีขึ้นได้อย่างไร ทั้งการเปลี่ยนวัสดุไวไฟ เช่น เบาะที่นั่ง ม่าน พรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน UNECE ซึ่งคือการใช้วัสดุที่ทนไฟได้ในระดับหนึ่ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไฟลุกไหม้จะไม่เร็วและแรง สามารถช่วยซื้อเวลาให้ผู้โดยสารหนีออกภายนอกตัวรถได้ “ภาครัฐอาจจะต้องเข้ามาร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อปรับปรุงมาตรฐานให้ดีขึ้น โดยสร้างแรงจูงใจต่าง ๆ เช่น การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงไปยังผู้ประกอบการ หรือ อาจมีเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีทุนในการปรับปรุงมาตรฐานรถ” สำหรับกรณีระยะเวลาการใช้งานของรถคันเกิดเหตุ ที่พบว่ามีการจดทะเบียนมาตั้งแต่ปี 2513 นั้น ดร.สุเมธ กล่าวว่า องค์ประกอบหลักของรถจะมี 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 : โครงหลัก หรือที่เรียกว่า “แชสซี” ที่เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของรถ ซึ่งอยู่ด้านใต้ตัวรถติดกับโครงล้อ ซึ่งปกติรถขนาดใหญ่จะจดทะเบียนครั้งแรกด้วยแชสซี ซึ่งส่วนนี้มีอายุการใช้งาน 70-80 ปี ส่วนที่ 2 : ตัวถังรถ ประกอบไปด้วย หลังคา ประตู เบาะที่นั่ง โดยตัวถังรถมีอายุการใช้งาน 8-10 ปีเท่านั้น จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนเป็นระยะ อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจว่าจะปรับปรุงตัวถังรถหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการเป็นหลักว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันยังไม่มีมาตรการกำหนดอายุรถ หรือระยะเวลาการปรับปรุงสภาพรถ มีแต่การตรวจสอบตามมาตรฐานความปลอดภัย โดยกรมการขนส่งทางบก 2 ครั้งต่อปี “ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง จะมีการปรับปรุงความเสี่ยงเหล่านี้อย่างไร การตรวจสอบมีความเข้มงวดมากน้อยขนาดไหน ตรงนี้ล้วนเป็นประเด็น เพราะมาตรฐานการติดตั้ง ยังเป็นสิ่งที่มีความท้าทายในการตรวจสอบอยู่ หากการติดตั้งทำโดยช่างผู้ชำนาญการก็จะได้มาตรฐานสูง แต่ถ้าติดตั้งโดยไม่รัดกุมมากนัก ก็จะทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น ประกายไฟ ได้” ดร.สุเมธ ระบุ ยกระดับทัศนศึกษาปลอดภัย ซักซ้อม – วางแผน – ลงรายละเอียด รับมือเหตุไม่คาดคิด ด้าน นพ.ธนะพงศ์ จินวงษ์ ผู้จัดการศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) และอนุกรรมการด้านการขนส่งและยานพาหนะ สภาผู้บริโภค กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวถึงเวลาที่กระทรวงศึกษาธิการ ต้องทบทวนเชิงระบบ เพื่อสร้างแนวทางการไปทัศนศึกษาที่ปลอดภัย โดยปัจจุบันการไปทัศนศึกษาของเด็กมีอยู่ 2 รูปแบบ 1. ไปเช้า – เย็นกลับ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการทัศนศึกษาในช่วงปิดเทอมหนึ่ง ประมาณเดือนตุลาคม กับ 2. ทัศนศึกษาแบบพักค้างคืนจะอยู่ในช่วงเทอมสอง ซึ่งจะมีการเดินทางช่วงกลางคืน มีการใช้รถบัสสองชั้น การเกิดอุบัติเหตุจึงมักจะเกิดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ – มีนาคม นพ.ธนะพงศ์ กล่าวว่า คณะผู้จัดกิจกรรมไปทัศนศึกษา ต้องวางแผนโดยการลงรายละเอียด ทั้งการเตรียมครูประจำรถกี่คนต่อจำนวนเด็ก ยิ่งเป็นเด็กเล็กยิ่งต้องให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ เช่น อาจจะต้องเป็นครูหนึ่งคนต่อ 10 คน เป็นต้น หรือหากเกิดอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำ หรือเกิดเพลิงไหม้ คุณครูก็ต้องรู้จักการใช้ถังดับเพลิง และถ้าจำเป็นต้องอพยพ คุณครูจะต้องวางแผนอพยพออกทางไหน ประตูอยู่ตรงจุดไหน เป็นต้น เสนอยกเลิกรถสองชั้นเด็ดขาด – เพิ่มวงเงินประกันภัยภาคบังคับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าวถึงข้อเสนอในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ โดยเน้นย้ำการยกเลิกการใช้รถสองชั้นในการรับจ้างแบบไม่ประจำทาง อันเป็นสิ่งที่องค์กรผู้บริโภคทั่วประเทศ ได้มีข้อเสนอเป็นระยะเวลาหลายปี แต่ยังไม่ได้เห็นความเปลี่ยนแปลง รวมถึงรื้อระบบตรวจสภาพรถบริการขนส่งสาธารณะ ปัจจุบันตรวจสภาพปีละสองครั้ง แต่ในบางประเทศตรวจทุกไตรมาส ซึ่งจริง ๆ ควรจะดูตามจํานวนการใช้งาน หรือกำหนดเป็นระยะเวลาตายตัวเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ เสนอให้ขยายวงเงินประกันภัยภาคบังคับ ของรถโดยสารแบบไม่ประจำทาง โดยเพิ่มวงเงินประกันเป็น 30 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันการทำประกันภัยรถภาคบังคับตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 กำหนดความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง 500,000 บาทต่อคน แต่มีข้อกำหนดวงเงินเฉลี่ยจ่ายจากวงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อครั้ง ซึ่งไม่ครอบคลุมความเสียหายเมื่อเกิดเหตุร้ายแรงและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก “ความสูญเสียที่เกิดขึ้นต้องนำไปสู่การพัฒนากฎ ระเบียบ มาตรการต่าง ๆ และวิธีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของรถโดยสาร” เลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค กล่าว จากอุบัติเหตุรถบัสนักเรียนไฟไหม้ สู่ปัญหา “รถโรงเรียนไทยไม่ปลอดภัย” ความไม่ปลอดภัยของรถรับส่งนักเรียนไทย ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง และเปรียบเทียบมาตรฐานความปลอดภัยของไทยกับต่างประเทศ โดยล่าสุดในโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อมูล รถรับส่งนักเรียนในสหรัฐ มีการควบคุมความปลอดภัยมากกว่ารถปกติถึง 70 เท่า ขณะที่ของญี่ปุ่นกรณีรถบัสทัศนศึกษา นอกจากการตรวจสอบมาตรฐานตัวรถที่เข้มงวด ยังมีการติดตั้ง GPS ควบคุมความเร็วในการขับขี่อีกด้วย สำหรับประเทศไทย หากย้อนกลับไปที่ข้อมูลของ ศวปถ. และสภาองค์กรของผู้บริโภค ซึ่งระบุในคู่มือการจัดระบบรถโรงเรียนให้ปลอดภัยและเป็นธรรม พบว่าระหว่างปี 2562 – 2564 เกิดอุบัติเหตุกับรถโรงเรียนมากถึง 38 ครั้ง มีนักเรียนได้รับบาดเจ็บรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 431 ราย จากการสํารวจข้อมูลรถโรงเรียนทุกภูมิภาค ได้สะท้อนภาพปัญหาที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง 3 ปมปัญหาใหญ่ที่รอเวลาเกิดเหตุ ได้แก่ สภาพรถที่ไม่ได้มาตรฐาน : ดัดแปลงรถ ไม่มั่นคงแข็งแรง รวมถึงขาดอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ควรมี เช่น ค้อนทุบกระจก ถังดับเพลิง เป็นต้น ผู้ขับประมาทไม่ปฏิบัติตามกฎจราจร : ใช้ประสบการณ์ความเคยชินขับเร็วเสี่ยงอันตราย ขาดความรู้ความเข้าใจบทบาทการขับรถส่งนักเรียน ขาดระบบจัดการรถที่ดี : ขาดระบบกำกับควบคุมผู้ขับขี่ รวมถึงกลไกสนับสนุนเพื่อให้เกิดระบบจัดการที่มีประสิทธิภาพ แม้การเพิ่มมาตรการและความเข้มงวดภายหลังเกิดเหตุ จะหนีไม่พ้นคำพูดที่ว่า “วัวหายล้อมคอก” แต่ในบริบทของประเทศไทย เมื่อเกิดบทเรียนขึ้นแล้ว จำเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยงานผู้รับผิดชอบทุกภาคส่วน ต้องร่วมมือกันล้อมคอกไม่ให้เกิดเหตุสลด เช่นนี้ขึ้นอีกในอนาคต ที่มา https://thaipublica.org/2024/10/tdri-reveals-95-of-non-regular-taxis-are-ticking-time-bombs-on-thai-roads/ #Thaitimes
    THAIPUBLICA.ORG
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย
    ความเสื่อมสร้างความเสี่ยง! ‘ทีดีอาร์ไอ’ ชี้ 95% รถรับจ้างไม่ประจำทาง คือ ระเบิดเวลาบนท้องถนนไทย แนะรัฐตรวจเข้มกลุ่มรถที่มีความเสี่ยงสูง พร้อมจัดงบฯ - สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หนุนผู้ประกอบการใช้วัสดุทนไฟ
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 694 มุมมอง 0 รีวิว
  • อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ อยู่เฉยไม่ไหว ออกมาเรียกร้องให้หยุด "วัฎจักรอันน่าสะอิดสะเอียด" ของสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง พร้อมประณามอิหร่านต่อกรณีที่ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล หลังจากถูกวิจารณ์อย่างดุเดือดจากรัฐยิว ที่ถึงขั้นประกาศให้เป็น "บุคคลไม่ถึงปรารถนา"
    .
    คำกล่าวของเลขาธิการใหญ่ มีขึ้น ณ ที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจัดขึ้นตามหลัง อิหร่าน ยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันอังคาร(1ต.ค.) ในขณะที่อิสราเอล ก็ยกระดับปฏิบัติการรุกรานเลบานอน เล่นงานพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์เช่นกัน
    .
    "มันถึงเวลาแล้วที่ต้องหยุดวัฏจักรอันน่าสะอิดสะเอียนของสถานการณ์ที่ลุกลามบานหลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่กำลังนำพาผู้คนในตะวันออกกลางมุ่งหน้าสู่ขอบเหว" เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติระบุ "วัฏจักรนองเลือดของความรุนแรงตาต่อตาฟันต่อฟันนี้ต้องหยุดลง"
    .
    อิสราเอลประกาศตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งท่าทีดังกล่าวโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามในวงกว้างทั่วภูมิภาคและลุกลามบานปลาย กระตุ้นให้พวกผู้แทนทางการทูตเร่งรีบหาทางผ่อนคลายสถานการณ์ความตึงเครียด
    .
    ในทางกลับกัน อิหร่าน เตือนว่าจะเปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่กว่านี้ หากว่าอิสราเอลทำตามที่ประกาศออกมา
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว อิสราเอลเบี่ยงโฟกัสจากสงครามในกาซา ซึ่งโหมกระพือขึ้นจากการที่พวกนักรบฮามาส ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล ไปที่การคุ้มกันชายแดนทางเหนือติดกับเลบานอน
    .
    ในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังประชุมกัน กองกำลังอิสราเอลกำลังสู้รบกับพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หลังจากบุกจู่โจมข้ามชายแดนเล่นงานเป้าหมายทางภาคพื้นเมื่อวันอังคาร(8ต.ค.)
    .
    มีผู้คนมากกว่า 1,000 ราย เสียชีวิตนับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในเหตุสู้รบระหว่าง 2 ฝ่าย ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเล่นงานกรุงเบรุตและแถบชานเมืองทางใต้
    .
    แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าประเทศของเขามีแผนแก้แค้นการโจมตีของอิหร่าน บอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ในอิสราอล ไม่ใช่การป้องกันตนเอง แต่เป็นการโจมตีที่คำนวณไว้แล้ว"
    .
    คำพูดดังกล่าวกระตุ้นให้ทาง อามีร์ ซาอิด ไอราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่าน ประจำสหประชาชาติ บอกว่า "การตอบโต้ของอิหร่านเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกอบกู้ความสมดุลและเป็นการป้องปราม"
    .
    สหรัฐฯบอกว่าพวกเขาสนับสนุนปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลในการตอบโต้อิหร่าน แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุในวันพุธ(2ต.ค.) ว่าเขาไม่สนับสนุนการโจมตีใดๆของอิสราเอล ที่เล็งเป้ากำจัดที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(2ต.ค.) อิสราเอลประกาศให้ กูเตอร์เรส "เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา" ฐานไม่ยอมประณามอย่างเจาะจงต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน หลังจากในวันอังคาร(1ต.ค.) ทาง กูเตอร์เรส เพียงแค่ประณามความขัดแย้งที่กำลังลุกลามขึ้นเรื่อยๆในตะวันออกกลาง
    .
    "ใครก็ตามที่ไม่อาจประณามอย่างชัดเจนต่อการโจมตีอันชั่วร้ายของอิหร่านเล่นงานอิสราเอล คนๆนั้นก็ไม่คู่ควรก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอล" อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลระบุในถ้อยแถลง อย่างไรก็ตามสหรัฐฯไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของอิสราเอล โดยทาง แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า "มันเป็นก้าวย่างที่ไม่สร้างสรรค์"
    .
    ในวันพุธ(2ต.ค.) กูเตอร์เรส กล่าวกับพวกผู้แทนทูต ณ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บอกว่า "แน่นอนว่า คำกล่าวของผมที่แสดงออกเมื่อวานนี้ มันเป็นบริบทของการประณาม และผมขอประณามอย่างรุนแรงอีกครั้ง ต่อเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของอิหร่าน ที่ยิงเข้าใส่อิสราเอล"
    .
    นอกจากนี้แล้วเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ยังเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของเขาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว อิสราเอลปฏิบัติการในกาซา ในยุทธการทางทหารนองเลือดและทำลายล้างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ที่ผมดำรงตำแห่งเลขาธิการใหญ่"
    .
    "ในเวลาเดียวกันนั้น พวกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ก็ใช้ความรุนแรงเช่นกัน ฮามาสยังคงยิงจรวดอย่างต่อเนื่อง" เขากล่าว พร้อมระบุการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ "ไม่ใช่การสนับสนุนเหตุผลของประชาชนชาวปาเลสไตน์หรือลดความทุกข์ทรมานของพวกเขา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093361
    ..................
    Sondhi X
    อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ อยู่เฉยไม่ไหว ออกมาเรียกร้องให้หยุด "วัฎจักรอันน่าสะอิดสะเอียด" ของสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง พร้อมประณามอิหร่านต่อกรณีที่ยิงขีปนาวุธโจมตีอิสราเอล หลังจากถูกวิจารณ์อย่างดุเดือดจากรัฐยิว ที่ถึงขั้นประกาศให้เป็น "บุคคลไม่ถึงปรารถนา" . คำกล่าวของเลขาธิการใหญ่ มีขึ้น ณ ที่ประชุมฉุกเฉินของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งจัดขึ้นตามหลัง อิหร่าน ยิงห่าขีปนาวุธโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่เมื่อวันอังคาร(1ต.ค.) ในขณะที่อิสราเอล ก็ยกระดับปฏิบัติการรุกรานเลบานอน เล่นงานพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์เช่นกัน . "มันถึงเวลาแล้วที่ต้องหยุดวัฏจักรอันน่าสะอิดสะเอียนของสถานการณ์ที่ลุกลามบานหลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ที่กำลังนำพาผู้คนในตะวันออกกลางมุ่งหน้าสู่ขอบเหว" เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติระบุ "วัฏจักรนองเลือดของความรุนแรงตาต่อตาฟันต่อฟันนี้ต้องหยุดลง" . อิสราเอลประกาศตอบโต้การโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน ซึ่งท่าทีดังกล่าวโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสงครามในวงกว้างทั่วภูมิภาคและลุกลามบานปลาย กระตุ้นให้พวกผู้แทนทางการทูตเร่งรีบหาทางผ่อนคลายสถานการณ์ความตึงเครียด . ในทางกลับกัน อิหร่าน เตือนว่าจะเปิดฉากการโจมตีครั้งใหญ่กว่านี้ หากว่าอิสราเอลทำตามที่ประกาศออกมา . เมื่อเดือนที่แล้ว อิสราเอลเบี่ยงโฟกัสจากสงครามในกาซา ซึ่งโหมกระพือขึ้นจากการที่พวกนักรบฮามาส ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน บุกจู่โจมเล่นงานอิสราเอล ไปที่การคุ้มกันชายแดนทางเหนือติดกับเลบานอน . ในขณะที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติกำลังประชุมกัน กองกำลังอิสราเอลกำลังสู้รบกับพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน หลังจากบุกจู่โจมข้ามชายแดนเล่นงานเป้าหมายทางภาคพื้นเมื่อวันอังคาร(8ต.ค.) . มีผู้คนมากกว่า 1,000 ราย เสียชีวิตนับตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว ในเหตุสู้รบระหว่าง 2 ฝ่าย ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเล่นงานกรุงเบรุตและแถบชานเมืองทางใต้ . แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำสหประชาชาติ เน้นย้ำว่าประเทศของเขามีแผนแก้แค้นการโจมตีของอิหร่าน บอกว่า "สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ในอิสราอล ไม่ใช่การป้องกันตนเอง แต่เป็นการโจมตีที่คำนวณไว้แล้ว" . คำพูดดังกล่าวกระตุ้นให้ทาง อามีร์ ซาอิด ไอราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่าน ประจำสหประชาชาติ บอกว่า "การตอบโต้ของอิหร่านเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อกอบกู้ความสมดุลและเป็นการป้องปราม" . สหรัฐฯบอกว่าพวกเขาสนับสนุนปฏิบัติการแก้แค้นของอิสราเอลในการตอบโต้อิหร่าน แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุในวันพุธ(2ต.ค.) ว่าเขาไม่สนับสนุนการโจมตีใดๆของอิสราเอล ที่เล็งเป้ากำจัดที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน . ก่อนหน้านี้ในวันพุธ(2ต.ค.) อิสราเอลประกาศให้ กูเตอร์เรส "เป็นบุคคลไม่พึงปรารถนา" ฐานไม่ยอมประณามอย่างเจาะจงต่อการโจมตีด้วยขีปนาวุธของอิหร่าน หลังจากในวันอังคาร(1ต.ค.) ทาง กูเตอร์เรส เพียงแค่ประณามความขัดแย้งที่กำลังลุกลามขึ้นเรื่อยๆในตะวันออกกลาง . "ใครก็ตามที่ไม่อาจประณามอย่างชัดเจนต่อการโจมตีอันชั่วร้ายของอิหร่านเล่นงานอิสราเอล คนๆนั้นก็ไม่คู่ควรก้าวเท้าเข้าสู่แผ่นดินอิสราเอล" อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอลระบุในถ้อยแถลง อย่างไรก็ตามสหรัฐฯไม่เห็นด้วยกับความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของอิสราเอล โดยทาง แมตธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกว่า "มันเป็นก้าวย่างที่ไม่สร้างสรรค์" . ในวันพุธ(2ต.ค.) กูเตอร์เรส กล่าวกับพวกผู้แทนทูต ณ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ บอกว่า "แน่นอนว่า คำกล่าวของผมที่แสดงออกเมื่อวานนี้ มันเป็นบริบทของการประณาม และผมขอประณามอย่างรุนแรงอีกครั้ง ต่อเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของอิหร่าน ที่ยิงเข้าใส่อิสราเอล" . นอกจากนี้แล้วเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ยังเน้นย้ำเสียงเรียกร้องของเขาเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง "นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว อิสราเอลปฏิบัติการในกาซา ในยุทธการทางทหารนองเลือดและทำลายล้างรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี ที่ผมดำรงตำแห่งเลขาธิการใหญ่" . "ในเวลาเดียวกันนั้น พวกกลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ก็ใช้ความรุนแรงเช่นกัน ฮามาสยังคงยิงจรวดอย่างต่อเนื่อง" เขากล่าว พร้อมระบุการที่อิหร่านโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธ "ไม่ใช่การสนับสนุนเหตุผลของประชาชนชาวปาเลสไตน์หรือลดความทุกข์ทรมานของพวกเขา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000093361 .................. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 861 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี
    เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง
    จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา
    ไม่กี่วินาที แต่การจะเขียนหนังสือ เล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา
    อีกหลายปี

    เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ กับหนังสือเล่มหนึ่ง โดยเน้นถึงความยากและคุณค่าของการสร้างและรักษามิตรภาพ

    *"มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี
    เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง"**
    มิตรภาพที่มีเรื่องราวและความทรงจำที่ดี เปรียบเสมือนหนังสือที่มีคุณค่า แต่ละหน้าเต็มไปด้วยประสบการณ์ ความเข้าใจ ความร่วมมือ และความรักซึ่งกันและกัน การเปรียบเทียบนี้แสดงถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของมิตรภาพที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและบำรุงรักษา

    *"จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา
    ไม่กี่วินาที"**
    การทำลายมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันยาวนานทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับการเผาหนังสือที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่ามิตรภาพนั้นจะมีคุณค่าหรือมีความหมายมากเพียงใด แต่เมื่อเกิดการ
    กระทำหรือคำพูดที่ทำร้ายหรือทำลาย มิตรภาพนั้นก็สามารถพังทลายได้อย่างรวดเร็ว

    *"การจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง
    อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี"**
    ในทางตรงกันข้าม การสร้างและรักษามิตรภาพนั้นต้องใช้เวลา ความพยายาม และการทุ่มเทในระยะยาว ต้องผ่านการเรียนรู้ การให้เกียรติ และการยอมรับข้อผิดพลาดของกันและกัน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ แต่ละหน้าล้วนต้องการความใส่ใจในรายละเอียด

    สรุปคือ การสร้างมิตรภาพต้องการเวลาและความทุ่มเท แต่การทำลายมิตรภาพนั้นง่ายและรวดเร็วกว่ามาก คำกล่าวนี้จึงเป็นการเตือนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพและรักษามันอย่างถนอม
    มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา ไม่กี่วินาที แต่การจะเขียนหนังสือ เล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลา อีกหลายปี เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์หรือมิตรภาพ กับหนังสือเล่มหนึ่ง โดยเน้นถึงความยากและคุณค่าของการสร้างและรักษามิตรภาพ *"มิตรภาพบนเรื่องราวดีดี เปรียบเหมือนหนังสือเล่มหนึ่ง"** มิตรภาพที่มีเรื่องราวและความทรงจำที่ดี เปรียบเสมือนหนังสือที่มีคุณค่า แต่ละหน้าเต็มไปด้วยประสบการณ์ ความเข้าใจ ความร่วมมือ และความรักซึ่งกันและกัน การเปรียบเทียบนี้แสดงถึงความละเอียดอ่อนและความลึกซึ้งของมิตรภาพที่ต้องใช้เวลาและความพยายามในการสร้างและบำรุงรักษา *"จะเผาหนังสือเล่มหนึ่งใช้เวลา ไม่กี่วินาที"** การทำลายมิตรภาพหรือความสัมพันธ์อันยาวนานทำได้ง่ายและรวดเร็ว เช่นเดียวกับการเผาหนังสือที่สามารถทำได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่ามิตรภาพนั้นจะมีคุณค่าหรือมีความหมายมากเพียงใด แต่เมื่อเกิดการ กระทำหรือคำพูดที่ทำร้ายหรือทำลาย มิตรภาพนั้นก็สามารถพังทลายได้อย่างรวดเร็ว *"การจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง อาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี"** ในทางตรงกันข้าม การสร้างและรักษามิตรภาพนั้นต้องใช้เวลา ความพยายาม และการทุ่มเทในระยะยาว ต้องผ่านการเรียนรู้ การให้เกียรติ และการยอมรับข้อผิดพลาดของกันและกัน เช่นเดียวกับการเขียนหนังสือเล่มหนึ่งที่ต้องใช้เวลาในการสร้างสรรค์ แต่ละหน้าล้วนต้องการความใส่ใจในรายละเอียด สรุปคือ การสร้างมิตรภาพต้องการเวลาและความทุ่มเท แต่การทำลายมิตรภาพนั้นง่ายและรวดเร็วกว่ามาก คำกล่าวนี้จึงเป็นการเตือนให้เราเห็นคุณค่าของมิตรภาพและรักษามันอย่างถนอม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 3 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:ค่อนข้างหนัก จะได้รับงานที่ยาก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูกหลาน หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น ความรัก:จะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา อารมณ์ คนโสด:จะมีคนเก่าๆเข้ามาวนเวียนทำให้เกิดความทุกข์ใจ สุขภาพ: ปวดขา ความดัน หากเจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาจจะเป็นหนักต้องดูแลตัวเองให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า จะได้สะสางงานเก่าๆ การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่เกิดจากกิเลส เห็นอะไรก็อยากได้ไปหมด ความรัก: มีโอกาสทะเลาะกันรุนแรงเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาการเจ้าชู้นอกใจ คนโสด: จะมีคนลักษณะสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: โรคอ้วน เบาหวาน ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี ให้หลีกเลี่ยงเดินทางกลางคืน #คนเกิดวันพุธ...การงาน:งานค่อนข้างหนัก มีโอกาสทำงานหนักจนเสียสุขภาพ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือเสียเงินโดยเสน่หาเช่น ช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: คนรักจะจุกจิกจู้จี้ ขี้บ่น จะทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด: จะมีคนเข้ามาเปย์ มีโอกาสได้ผู้อุปถัมภ์ สุขภาพ: ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหนื่อย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะเจอคนที่เรื่องมาก จุกจิกจู้จี้ คนทำงานให้ดีอย่าให้มีข้อผิดพลาด การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน ระวังจะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ คนโสด: จะมีคนใกล้ตัวใกล้ชิดหรือ คนจากที่ทำงานเข้ามาชอบ สุขภาพ:สิว ผิวหน้า ระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: ราบเรียบดี มีความมั่นคงก้าวหน้า การเงิน:มีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ค่ายาค่าหมอ อาหารเสริม ความรัก: จะอยู่กันเหมือนเป็นคู่เวรคู่กรรมต้องอดทน คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ: ปวดหัวโรคเครียด โรคซึมเศร้า การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า งานเด่น หากส่งผลงานเข้าประกวดจะได้รับรางวัล การเงิน:รายจ่ายมาก จะได้นำเงินไปช่วยเหลือคนอื่น หรือเอาไปให้ผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือได้เดินทางด้วยกัน คนโสด: มีโอกาสพบคนถูกใจ อายุแก่กว่า สุขภาพ:ปวดขา ปวดไหล่ปวดคอ โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: จะได้รับผิดชอบงานแทนคนอื่น ให้ระวังเรื่องเวลา และกฎระเบียบ จะมีคนคอยจ้องจับผิด การเงิน: จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย หรือหมดกับลูก ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาแต่ส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ สุขภาพ:โรคในช่องท้องและระบบสืบพันธุ์ การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!!

    ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!!

    ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009)
    ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว….
    แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ
    ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์)
    เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ
    การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!!

    ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง
    คราวนี้จะมาทำโลกสวย….
    เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ……

    แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า…
    “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …”

    ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา…

    แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ
    เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด
    กัดดาฟี
    เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น

    ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม……
    เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง
    เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า…
    “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน
    ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส
    รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ
    ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้”
    ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ
    เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น
    แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……”

    (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…)

    ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!!

    แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง
    เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก

    ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California
    และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน
    เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ
    แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times
    ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่?
    เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…”
    คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!!

    ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์
    ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ …
    ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว…

    เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats
    ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย
    หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น
    และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน

    การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์
    เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป)
    และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่
    ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน
    แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย

    ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
    ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir
    มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท
    ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา
    เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
    หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน
    ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!!
    เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม
    และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “***** Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR)

    กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์
    เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง

    ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน
    ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้…
    ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป
    กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย

    จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่
    จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63%
    นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน ……
    ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง
    ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004)
    ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า
    “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ
    เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……”

    ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ
    ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!!


    Wiwanda W. Vichit
    คุณติ่งๆคะ………ที่พวกเราผ่านพบเห็นกันมาในเมืองไทย พี่ปูเขาก็ผ่านเส้นทางนี้มาเหมือนกันค่าาาา………!!! ตอนยี่สิบ……คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ………แคร์ที่ไหน..?!!! ในช่วงที่เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาเข้าขากันได้ดีกับบารัค โอบามา ที่มีการลงนามในสัญญาค้าขายต่อกัน เปิดโปรแกรมรับนักลงทุนต่างชาติใหม่ (ที่ปูตินปิดไปเมื่อ 2009) ในการประชุม World Trade Organization ที่ Davos ปลายปี 2010 เมดเวเดฟที่เตรียมคำตอบไว้มากมายเกี่ยวกับการตลาดที่จะตอบนักข่าว…. แต่…เขาโดนถามในสิ่งที่เขาไม่มีความรู้ที่จะตอบให้ นั่นคือ ทางรัสเซียมีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องการลุกฮือของกลุ่มชาติอาหรับ (Arab Spring) ที่ต่อต้าน Qaddafi (ลิเบีย) และHosni Mubarak (อียิบต์) เขาตอบไปอย่างที่นักประชาธิปไตย ควรจะตอบ นั่นคือ เพราะ การที่รัฐบาลไม่ตอบสนองกับความต้องการของประชาชน…!!! ซึ่งนั่นคือการผิดพลาดมหันต์……ในฐานะผู้นำรัสเซียที่รัฐบาลเคยผ่านการปราบม๊อบมาสารพัดชนิด และแต่ละรายก็ไม่พ้นการเข้าทุบตี และ จับเข้าคุกไปทุกครั้ง คราวนี้จะมาทำโลกสวย…. เล่นเอา……ปูตินที่กำลังวุ่นอยู่ที่ Sochi ถึงกับกุมขมับ…… แถม……ข้อความของเมดเวเดฟ……รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (ในเวลานั้น) คือ Joe Biden โดดรับลูกทันที……เขาเอาคำพูดของเมดเวเดฟไปใช้ในอภิปรายที่ Moscow State University ในเดือนมีนาคม 2011 โดยว่า… “ประชาชนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ย่อมต้องการสิทธิในการเลือกผู้นำเหมือนอย่างชาติอื่นๆ เขาต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ในประเทศที่มีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก และต้องการสื่อที่เป็นกระบอกเสียงในการที่จะต่อสู้กับการคอรัปชั่น…เพราะนั่นคือ การเป็นกิ่งใบของต้นประชาธิปไตย ผมใคร่วิงวอนนักศึกษาในวันนี้อย่ารับความเป็นประชาธิปไตยแบบครึ่งๆกลางๆ อย่าเชื่อในสัญญามาร..(Faustian bargain) …” ~~~คงไม่ต้องสงสัยเลยนะคะ ว่า ทำไมปูตินถึงได้แค้นฝังหุ่นกับโจ ไบเดน…และ อเมริกา… แต่เบื้องหลังฉาก การมาของโจ ไบเดน คือการหนีบเมดเวเดฟ เข้าไปเป็นพวกในสนธิสัญญาร่วมรบ กับกลุ่มนาโต้ เพื่อที่จะส่งทหารไปช่วยในลิเบีย และร่วมในการปิดน่านฟ้า เพื่อขจัด กัดดาฟี เมดเวเดฟ……ตกบันไดพลอยโจน เพราะคำพูดของตัวเองที่ค้ำคออยู่ จึงตกลงตามนั้น ปูตินได้มองเห็นแล้วว่าเมดเวเดฟกำลังตกหลุมพรางของกลุ่มตะวันตก เพราะเขายังอ่อนประสบการณ์ ไม่เคยเป็น KGB เป็นคนโลกสวย และ ชื่นชอบแสงสีวัฒนธรรมตะวันตกอย่าง ฝรั่งเศส อิตาลี และพอมีโอบามาเป็นเกลอเข้าหน่อย เลยเป็นปลื้ม…… เขาจึงเรียกมาดุแกมเตือนว่า……เรื่องการลุกฮือโดยการปั่นของอเมริกา จะไม่หยุดลงแค่นี้แน่นอน เพราะมันได้กลายเป็นนโนบายหลักของพญาอินทรีย์ที่จะต้องสร้างความแตกแยกในตะวันออกกลาง เขาได้บอกกับเมดเวเดฟต่อ……ว่า… “ย้อนกลับไปดูอดีตนะ ถ้ามีเวลาค้นคว้า……ว่า กลุ่มชาวอิหร่าน ที่ก่อกบฎขึ้นมา ด้วยการนำของโคไมนี่ (Khomeini) แล้วไอ้โคไมนี่คนนี้….เค้าอยู่ที่ไหน…จะบอกให้……เค้านอนเล่นเดินสบายอยู่ที่ฝรั่งเศส รอรับนโยบายจากพวกตะวันตกเอามาปั่นยุแยง……แล้วไงล่ะ ดาบนั้นคืนสนอง ตอนนี้อิหร่านมีนิวเคลียร์เป็นของตัวเอง…สมน้ำหน้า…และสิ่งที่ตะวันตกทำนั้น ไม่ใช่ว่าจะเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับประชาชนเสียเมื่อไหร่ ถ้าดูในประวัติศาสตร์ในยุคกลาง…เขาทำมาแล้ว ในเรื่องชักชวนพวกเพื่อนบ้านออกไปรวมกันแล้วไปตีบ้านอื่น……ในยุคนั้นเขาเรียกว่า Crusade….ตอนนี้ก็เหมือนเดิม เขาเรียกว่า “กองทัพนาโต้” ที่มีวัตถุประสงค์ทำเพื่อให้กัดดาฟี่หัวแข็งลงจากอำนาจ เพื่อที่จะเอากลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนขึ้นมาแทน……มันคือการปล้นประเทศโดยการเปลี่ยนผู้นำเท่านั้น แต่…ประชาธิปไตยไม่ได้คืบหน้าไปไหน ประชาชนก็ทำมาหากินแบบอดๆอยากๆเหมือนเดิม ……” (~~~ข้อความตรงนี้”โดนใจ” มากค่ะ อธิบายได้หมดถึงความเป็นอเมริกาในทุกวันนี้…) ในขณะเดียวกันปูตินก็เริ่มได้กลิ่นไอว่า…สิ่งที่เกิดขึ้นในกลุ่มตะวันออกกลาง……น่าจะเกิดขึ้นในรัสเซียไม่ช้าก็เร็ว…!!! แต่เพราะเหตุการณ์ไม่สงบที่เกิดขึ้นเรียงเป็นไข่ปลานี้ สภาได้พิจารณาแล้ว เห็นพ้องกันว่า จะขยายอายุเวลาของประธานาธิบดีไปเป็นหกปี เริ่มจากสมัยหน้าของการเลือกตั้ง เพราะรัสเซียเป็นประเทศใหญ่ มีพื้นที่ที่ยังต้องพัฒนาอีกมาก ในเดือนพฤษภาคม 2011 เป็นสามปีที่เมดเวเดฟได้อยู่ในตำแหน่ง ผลงานเด่นของเขาคือ ศูนย์เทคโนโลยี Skolkovo ที่สร้างเพื่อให้เท่าเทียมหรือเกินหน้า Silicon Valley ที่ California และได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองเป็นของตัวเอง ชื่อ All Russia People’s Front แบบรวบรวมคนรุ่นใหม่ หัวทันสมัย ใฝ่ความเจริญทางประชาธิปไตยและเศรษฐกิจขึ้นมา พุ่งเป้าที่กลุ่มคนเพิ่มเริ่มทำงาน เพียงแค่ประกาศ…สมาชิกหลั่งไหลเข้ามาสมัครกันอย่างหนาแน่น ทั้งส่วนตัวและองค์กรต่างๆ แต่เมื่อเขาถูกสัมภาษณ์ในนิตยสาร The Financial Times ที่ถูกถามว่า….เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสมัยที่สองหรือไม่? เขาตอบอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ว่า………มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ “คณะ” แต่โดยทั่วไป.……ประธานาธิบดีย่อมต้องการที่จะลงสนามต่อในครั้งต่อไป…” คำตอบกำกวมแบบนั้น ได้ชี้ชัดว่า….เมดเวเดฟ……ไม่ใช่ของจริง…!! ส่วน”ของจริง” นั้น ไม่ค่อยออกงาน หรือให้สัมภาษณ์บ่อยๆ แต่ยังคงความนิยมชื่นชอบอย่างไม่เคยจาง เพราะเป็นคนที่ถึงลูกถึงคน ยังไปลั้ลลากิจกรรมกับกลุ่มยุวชน Nashi….ไปสวดมนต์ ในโบสถ์ ……ไปดำน้ำลึกหาวัตถุโบราณ … ยังเรียกเสียงกรี๊ดสลบได้ในทุกความเคลื่อนไหว… เมื่อตอนหาเสียงการเลือกตั้งประธานาธิบดี ที่มี เมดเวเดฟ, ปูติน ,พรรคคอมมิวนิสต์ และ พรรค Liberal Democrats ที่คราวนี้ออกจะดุเดือดเลือดพล่าน เพราะ……กลุ่มใต้ดิน และ บนดินที่ต่อต้านการกลับมาของปูตินได้ผนึกกำลังกันอย่างแข็งขัน แบ่งกันเป็นก๊กเล็กก๊กน้อย หัวหน้านำคือ Boris Nemtsov นักฟิสิกส์หัวรุนแรง เคยเป็นนักการเมืองในยุคของเยลซินจนมาสู่ผู้แทนในสภาดูมา, Sergei Mironov หัวหน้าพรรค A Just Russia และ Aleksei Navalny ทนายความนักเคลื่อนไหว ต่อต้านคอร์รัปชั่น และทั้งหมด……ต่อต้านปูติน การต่อต้านได้เริ่มขยายตัวขึ้น และกล้าขึ้น ถึงขนาดกล้าโห่ไล่ปูตินในงานเปิดกีฬาชกมวยในสเตเดี้ยมที่มอสโคว์ เรื่องการต่อต้านนั้น ปูตินเจอมาเยอะ แต่คราวนี้ฝ่ายตรงข้ามถึงขั้นทำรายการวิทยุที่ใช้ชื่อรายการว่า “หมดยุคของปูตินได้แล้ว” ดำเนินรายการโดย Alexei Navalny (หรือ AN ที่จะใช้ต่อไป) และมีการจัดตั้งการชุมนุม พากันเดินขบวนไปที่นั่นที่นี่ ตำรวจได้เข้าทำการจับกุม AN ในฐานะสร้างความวุ่นวาย จำคุกไปสิบห้าวัน แต่เมื่อออกมา เขาได้จัดขบวนใหญ่กว่าเดิม ระดมคนรุ่นใหม่ นักศึกษาที่มากันมากมาย ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2012 สิบกว่าวันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ที่โบสถ์ออโธดอกซ์ Cathedral of Christ the Savoir มีผู้หญิงสาวห้าคน ที่ขึ้นไปปีนป่ายบนเสาสลัก ถอดเสื้อโค้ท ออก ข้างในแต่งกายสไตล์พั้งค์ แต่สวมหน้ากากหลากสี ……ต่างตะโกนพร้อมกับชูกำปั้นกันไปมา เสียงที่ตะโกนดังก้องด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย หนึ่งในนั้น คือ Yekaterina Samutsevich (นักดนตรี) กำลังจะเอากีตาร์ขึ้นมาดีด แต่การ์ดได้ดึงตัวเธอออกมาก่อน ทั้งหมด……ยังไม่หยุดตะโกน……ปูตินออกไป……ปูตินออกไป……!! เป็นเรื่องใหญ่ในข่าวภาคค่ำในคืนนั้น ……ที่สาวไปว่า ต้นตอเหตุมากจากกลุ่มเกย์และเลสเบี้ยนที่ต้องการความเท่าเทียม และได้มี กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “Pussy Riot” (ไปแปลกันเองนะคะ แต่ดิฉันจะเรียกว่า PR) กลุ่มนี้มีประมาณสิบกว่าคน ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง แต่พร้อมที่จะก่อความวุ่นวายต่อต้านปูตินในวันที่เขาจะประกาศตัวลงชิงประธานาธิบดี แนวการต้านคือ การวาดอวัยวะเพศในที่ต่างๆในกรุงเซนต์ และ มอสโคว์ และ การร่วมเพศ เป็นสัญญลักษณ์ เช่นออกคลิปการร่วมเพศในที่สำคัญๆอย่างโจ่งแจ้ง ปูตินแก้เกมด้วยการ…ไม่พูดถึงเรื่องต่อต้าน แต่เขาประชุมผู้นำของทุกศาสนา เช่น ออโธดอกซ์,ยิว, พุทธ, อิสลาม และ คาธอลิก แม้แต่ Seventhday Adventists ให้มาร่วมรับฟังความเห็นที่ Danilov Monastery โดยมีพระอธิการ Kirill เป็นองค์ประธาน ที่ทั้งหมดได้แสดงความเสียใจกับการต่อต้านที่หยาบคาย ลบหลู่สถานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้… ปูตินไม่ต้องทำอะไร……เพียงแต่ช่วยทำข่าวให้กระจายออกไป กลุ่มต่อต้านได้รับคำตำหนิและรังเกียจเดียดฉันท์จากประชาชนกลับไปอย่างมากมาย จากนั้น ปูตินยังใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการที่จัดกิจกรรมรักชาติ ขึ้นที่โน่นที่นี่ จนถึงวันที่ 4 มีนาคม วันเลือกตั้ง เขาได้ประกาศชัยชนะด้วยการรับคะแนนเสียงถึง 63% นั่นคือ การกลับมาอย่างสง่าผ่าเผยของปูติน …… ที่ฝ่ายก่อกวนเจ้าเก่า AN ที่นำผู้ชุมนุมกว่าสองพันคนข้างนอกนั้น ถึงกับหัวเสียด้วยความผิดหวัง ส่วน Sergei Udaltsov หัวหอกการต่อต้าน……ไม่ยอมแพ้ เขาสั่งให้ทุกคนเตรียมตัวตั้งเต้นท์นอนบนถนน (ตามแบบการประท้วงที่เคียฟ, ยูเครนในปี 2004) ข่าวทางรัฐบาลได้ออกมาอย่างน่ารัก น่าเอ็นดู ……ว่า “ผู้ชุมนุมก็เปรียบเสมือนลูกๆที่มีนิสัยเสีย ไม่ได้อะไรดังใจก็ฟาดหัวฟาดหาง เราก็เปรียบเสมือนพ่อแม่ที่ไม่ตามใจ เราไม่รีบไปซื้อของเล่นให้ …แต่จะสอนให้ไปสนใจเล่นอย่างอื่นที่มีประโยชน์แทน……” ของเล่นที่มีประโยชน์ที่พวกชุมชุมได้รับตอนที่ตั้งเต้นท์ไม่ทันเสร็จ……คือ ตำรวจพร้อมกระบองได้เข้าบุกแบบถึงพริกถึงขิง จับเข้าคุกนับร้อย บาดเจ็บหลายสิบ ถนนในมอสโคว์….โล่งสะอาดในวันต่อมา….!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 2 ตุลาคม 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า แต่งานค่อนข้างหนัก การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับเสื้อผ้า ผลไม้ ของกินของฝาก ความรัก: ระวังมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด:จะมีคนอายุแก่กว่าเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ท้องอืดท้องเฟ้อ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: ใครที่ทำงานไม่โปร่งใสจะถูกตรวจสอบ จะถูกจับได้ หรือให้ระวังการทำงานไม่รอบคอบจะทำให้ต้องมาแก้ไขใหม่ การเงิน:จะมีรายจ่ายที่จำเป็นแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ต้องบริหารจัดการให้ดี ความรัก: อยู่กันแบบคาราคาซัง ต้องอดทน ระวังจะมีปัญหาเรื่องมือที่ 3 รักซ้อนหรือคนรักอาจจะติดเที่ยวติดเพื่อน ติดอบายมุข คนโสด: จะมีคนที่อยู่ไกลเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวานความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันพุธ...การงาน:จะมีงานเข้ามาหลายทาง จะได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ การเดินทางการท่องเที่ยว ความรัก: หากทะเลาะกันมีโอกาสได้คืนดีกัน คนโสด: จะเจอแต่คนเจ้าชู้เข้ามาหลอกลวงหวังผลประโยชน์ สุขภาพ: ปวดข้อเข่า เมื่อยข้อมือเส้นเอ็น การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยให้เลื่อนเวลาเดินทางเพื่อแก้เคล็ด #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: อยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน: มีโอกาสติดขัดอาจต้องไปกู้หนี้ยืมคนอื่น ความรัก: คนรักจะเปลี่ยนแปลงไปไม่ค่อยสนใจ จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคอ้วน สายตาไม่ดี ปวดขา การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีโอกาสได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ โทรศัพท์ หรือจะจ่ายจุกจิกแบบไม่รู้จักจบ ความรัก: รักกันดีแต่ไม่ค่อยมีเวลาให้กัน คนโสด:จะมีคนสูงขาวเข้ามาชอบเข้ามาจีบ คนเก่าๆจะวนกลับมา สุขภาพ:โรคในช่องท้อง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: จะมีปัญหาขัดแย้งให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา การเงิน: จะมีรายจ่ายมากอาจหมดเงินกับลูก การเงินอาจติดขัดได้ ความรัก:หากมีความลับปกปิดต่อกันความลับนั้นจะถูกเปิดเผย คนโสด:มีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาชอบเข้ามาจีบ สุขภาพ:โรคประจำตัว หรือโรคที่เคยเป็นจะกำเริบ การเดินทาง:ไม่ค่อยปลอดภัยระวังของหายหรือเกิดอุบัติเหตุ #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: มีโอกาสได้รับงานโปรเจคใหญ่ จะมีผู้หลักผู้ใหญ่อุปถัมภ์ช่วยเหลือ การเงิน: มีโอกาสได้เงินโดยเสน่หาเช่นได้จากคนรักหรือผู้อุปถัมภ์ ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนรักจะยั่วโมโห คนโสด: จะมีคนรูปร่างหน้าตาดีเข้ามาชอบแต่จะค่อนข้างเจ้าชู้ สุขภาพ:ปวดขา เมื่อยตามตัว ปวดตา มีโอกาสเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็น การเดินทาง:ปลอดภัยดี ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • บางทีผมเจอคนมาชวนลงทุนคริปโตบ้าบอ บอกเลย ว่าผมเงินช็อตมาก และผู้ว่าจ้างผมไม่ค่อยจะจ่ายเงิน แถมโดนคนรอบข้างกดดันให้สอบบรรจุและต้องการให้ผมทำงานประจำในออฟฟิศที่โดนห้ามใส่หูฟัง ต้องทนฟังข่าวที่ไม่ต้องการฟัง ฟังแล้วรับ Toxic เข้าไปเต็มๆ
    เขาอยากให้ผมสอบบรรจุ แต่ผมอยากสอบ ก.พ. ให้ผ่านก็พอ ไม่ต้องการทำงานประจำ อยู่แล้วบางทีเวลางานแย่งเวลาหยุดยาวที่ต้องเสพอะไรให้มีความสุข แต่ต้องมาสูด Toxic จากเพื่อนร่วมงาน ไว้ใจไม่ได้จริงๆ
    บางทีเหมือนได้เจอกับคนที่พยายามจะไล่ให้ผมกลับไปอยู่ในนรกจริงๆ และเขาใช้คำเดิมๆว่า เล่นอย่างเดียว กินอย่างเดียว จนผมรู้สึกไม่อยากรับฟัง เพราะถ้ามัวแต่ซีเรียสกับคำพูดพวกนี้ มีแต่จะพาเราตกต่ำลงด้วยครับ
    บางทีผมเจอคนมาชวนลงทุนคริปโตบ้าบอ บอกเลย ว่าผมเงินช็อตมาก และผู้ว่าจ้างผมไม่ค่อยจะจ่ายเงิน แถมโดนคนรอบข้างกดดันให้สอบบรรจุและต้องการให้ผมทำงานประจำในออฟฟิศที่โดนห้ามใส่หูฟัง ต้องทนฟังข่าวที่ไม่ต้องการฟัง ฟังแล้วรับ Toxic เข้าไปเต็มๆ เขาอยากให้ผมสอบบรรจุ แต่ผมอยากสอบ ก.พ. ให้ผ่านก็พอ ไม่ต้องการทำงานประจำ อยู่แล้วบางทีเวลางานแย่งเวลาหยุดยาวที่ต้องเสพอะไรให้มีความสุข แต่ต้องมาสูด Toxic จากเพื่อนร่วมงาน ไว้ใจไม่ได้จริงๆ บางทีเหมือนได้เจอกับคนที่พยายามจะไล่ให้ผมกลับไปอยู่ในนรกจริงๆ และเขาใช้คำเดิมๆว่า เล่นอย่างเดียว กินอย่างเดียว จนผมรู้สึกไม่อยากรับฟัง เพราะถ้ามัวแต่ซีเรียสกับคำพูดพวกนี้ มีแต่จะพาเราตกต่ำลงด้วยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📜 โลกตะวันตกค่อยๆยอมรับความพ่ายแพ้ของยูเครนอย่างช้าๆ

    ยูเครนเปิดใจมากขึ้นในการหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงและการประนีประนอมที่เป็นไปได้เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง, ตามรายงานของ Financial Times

    สิ่งพิมพ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของนักการทูตยุโรปที่เข้าร่วมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ

    “เรากำลังพูดคุยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และยูเครนจะต้องเสียสละอะไรบ้างเพื่อให้ได้ข้อตกลงสันติภาพถาวร,” นักการทูตคนหนึ่ง, ที่เข้าร่วมในนิวยอร์ก กล่าว
    .
    📜 WESTERN WORLD SLOWLY ACCEPTS UKRAINE'S DEFEAT

    Ukraine is becoming more open to discussing a ceasefire and possible concessions to resolve the conflict, reports the Financial Times.

    The publication quotes European diplomats attending the UN General Assembly.

    “We’re talking more and more openly about how this ends and what Ukraine would have to give up in order to get a permanent peace deal,” says one of the diplomats, who was present in New York.
    .
    Last edited 4:09 PM · Oct 1, 2024 · 2,112 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1841042641703621054
    📜 โลกตะวันตกค่อยๆยอมรับความพ่ายแพ้ของยูเครนอย่างช้าๆ ยูเครนเปิดใจมากขึ้นในการหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงและการประนีประนอมที่เป็นไปได้เพื่อแก้ไขความขัดแย้ง, ตามรายงานของ Financial Times สิ่งพิมพ์ดังกล่าวอ้างคำพูดของนักการทูตยุโรปที่เข้าร่วมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ “เรากำลังพูดคุยกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร และยูเครนจะต้องเสียสละอะไรบ้างเพื่อให้ได้ข้อตกลงสันติภาพถาวร,” นักการทูตคนหนึ่ง, ที่เข้าร่วมในนิวยอร์ก กล่าว . 📜 WESTERN WORLD SLOWLY ACCEPTS UKRAINE'S DEFEAT Ukraine is becoming more open to discussing a ceasefire and possible concessions to resolve the conflict, reports the Financial Times. The publication quotes European diplomats attending the UN General Assembly. “We’re talking more and more openly about how this ends and what Ukraine would have to give up in order to get a permanent peace deal,” says one of the diplomats, who was present in New York. . Last edited 4:09 PM · Oct 1, 2024 · 2,112 Views https://x.com/SputnikInt/status/1841042641703621054
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.🤠

    😎เมื่อสงครามจบลงแล้ว😎

    นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก

    ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย

    แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ

    ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่

    เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท

    หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม

    หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า:

    “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล”

    มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ

    สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา

    หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า:

    “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้”

    ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน

    ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน

    เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้

    ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี!

    นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ

    😎อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง😎

    นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี

    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว

    ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา

    ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน

    ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก

    เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย

    ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา

    ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก

    ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น

    นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม

    ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน

    ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้

    นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม

    ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา

    เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี

    นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ

    ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ

    ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น

    หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย

    ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด

    ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม

    ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด

    เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก?

    แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น

    ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป

    ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ

    แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป

    ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน

    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง

    เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง

    สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น

    ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป

    ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น

    ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป

    🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.🤠 😎เมื่อสงครามจบลงแล้ว😎 นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง หนทางเดินของอเมริกาดำเนินไปอย่างราบรื่น พวกเขาเข้าควบคุมยุโรปด้วยวิธีการต่างๆ และกลายเป็นประเทศที่มีอำนาจมากที่สุดในโลก ก่อนที่สงครามเกาหลีจะปะทุขึ้น พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและคิดว่าตนเองจะชนะ แต่เมื่อหลังจากจีนส่งทหารไป สหรัฐฯ ยังคงเพิกเฉย แต่สุดท้ายจีนก็เป็นผู้ชนะ ดังนั้นจนกระทั่งมีการลงนามข้อตกลง ตัวแทนชาวอเมริกันจึงดูเหมือนยังคงฝันอยู่ เนื่องจากสหรัฐฯ มีจิตใจที่หนักอึ้ง พวกเขาจึงไม่พูดอะไรสักคำในระหว่างกระบวนการลงนามข้อตกลงสงบศึกทั้งหมด และสถานที่จัดงานก็เงียบสนิท หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายลงนามในข้อตกลง จากนั้นก็นำข้อตกลงไปให้กับ เผิงเต๋อะไหว(彭德怀) และนายพลมาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) ชาวอเมริกันเพื่อลงนาม หลังจากที่จอมพลเผิงเต๋อะไหวลงนาม เขาก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจในรายงานฉบับต่อมาว่า: “เป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผู้รุกรานชาวตะวันตกสามารถยึดครองประเทศได้โดยการวางปืนใหญ่เพียงไม่กี่กระบอกบนชายฝั่งทางตะวันออกนั้นได้หายไปตลอดกาล” มาร์ค ดับเบิลยู. คลาร์ก(Mark W. Clark马克·克拉克) คร่ำครวญว่า: เขาเป็นผู้บัญชาการคนแรกในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐฯ ที่ลงนามข้อตกลงสงบศึกโดยไม่ได้รับชัยชนะ สงครามสิ้นสุดลงแล้ว แต่ผลกระทบยังขยายวงกว้าง สงครามเกาหลีประทับเงาทางจิตวิทยาที่ร้ายแรงอย่างยิ่งทิ้งไว้ต่อสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงกับเรียกสงครามเกาหลีว่าเป็นหลุมดำในประวัติศาสตร์อเมริกา หนังสือพิมพ์อเมริกันระบุว่า: “(จีน) ใช้อาวุธจำนวนน้อยจนน่าสมเพชและระบบการจัดหาแบบดั้งเดิมที่น่าหัวเราะ แค่สามารถยับยั้งสหรัฐอเมริกามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกซึ่งมีเทคโนโลยีสมัยใหม่ อุตสาหกรรมขั้นสูง และอาวุธล้ำสมัยจำนวนมากลงได้” ความรู้สึกว่าพ่ายแพ้นี้ก่อให้เกิดผลโดยตรงสองประการ ประการแรก ความรู้สึกต่อต้านจีนในสหรัฐอเมริกามีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขานำเอาสาเหตุของความพ่ายแพ้ของสงครามเกาหลี ทั้งหมดนี้โยนให้กับจีน ในความเป็นจริงแล้วในสถานการณ์สู้รบจริงพวกเขามีความเกรงกลัวต่อจีน เป็นเวลาหลายปีต่อจากนั้น ทั้งสหรัฐอเมริกาและจีนไม่เคยมีความขัดแย้งในสนามรบโดยตรง นี่เป็นเพราะสงครามเกาหลีทำให้สหรัฐฯตระหนักว่า แม้จีนจะอ่อนแอ แต่ก็ไม่ใช่ประเทศที่สามารถรังแกได้ ประธานเหมาเคยกล่าวไว้ว่า: ในสงครามเกาหลีครั้งหนึ่งสร้างสันติภาพมาห้าสิบปี! นี่ไม่ใช่คำพูดที่ว่างเปล่าไร้สาระ แต่เป็นชัยชนะที่คนรุ่นก่อนได้แลกมาด้วยเลือดเนื้อ 😎อิทธิพลผลกระทบที่กว้างขวาง😎 นอกจากตัวเอกที่เป็นอเมริกาแล้ว ปฏิกิริยาจากประเทศอื่นๆ ก็น่าสนใจเช่นกัน ในจำนวนประเทศทั้งหมดนี้ที่มีคุณค่ากล่าวขวัญถึง คือ ญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อจีนมาโดยตลอด เมื่อเกิดสงครามระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ปฏิกิริยาของญี่ปุ่นคือการได้ดูรายการการแสดงดีๆ นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้รับประโยชน์มากมายจากสงครามเกาหลี หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เศรษฐกิจของญี่ปุ่นอยู่ในสภาพที่ซบเซา สังคมทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเงาแห่งความพ่ายแพ้สงคราม และประเทศก็ตกอยู่ในสภาวะที่บิดเบี้ยว ในเวลาขณะนี้ชาวอเมริกันก็มาถึง แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะสามารถควบคุมญี่ปุ่นไว้ได้ และใช้เป็นหุ่นเชิดทิ้งไว้ในเอเชีย แต่ญี่ปุ่นกลับต้องมีความคิดพึ่งพาต้นไม้ใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นมีจิตวิทยาที่แปลกประหลาด พวกเขาประสบความสูญเสียอย่างหนักจากระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ แต่สิ่งนี้กลับทำให้พวกเขาอยู่ใต้อำนาจของสหรัฐอเมริกาแทน ในทางการเมืองและเศรษฐกิจ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่แยกไม่ออกกับสหรัฐอเมริกา จักรพรรดิแห่งญี่ปุ่นพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้เพื่อทำให้ชาวอเมริกันพอใจ หากสหรัฐฯ ต้องการโจมตีเกาหลีเหนือและจีน ญี่ปุ่นก็จะกระตือรือร้นอย่างมาก เนื่องจากปัญหาที่คั่งค้างมาทางประวัติศาสตร์ ญี่ปุ่นจึงไม่สามารถประกาศสงครามกับเกาหลีเหนือและจีนต่อสาธารณะได้ แต่เบื้องหลังได้ช่วยเหลือสหรัฐฯมากมาย ในปี ค.ศ. 1950 ญี่ปุ่นรับหน้าที่บำรุงรักษารถบรรทุกทหารมากกว่า 6,000 คันจากสหรัฐอเมริกา และผลิตอาวุธจำนวนมากให้กับสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน ในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ดักลาส แมกอาเธอร์(Douglas MacArthur道格拉斯·麦克阿瑟) พบว่า ตัวเองขาดกำลังคน แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีกำลังทหารเพียงพอ แต่ระยะทางจากอเมริกาไปยังเอเชียนั้นห่างไหลมาก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ญี่ปุ่นจะเดินทางไปเกาหลีเหนือได้สะดวกกว่ามาก ดังนั้นในระหว่างการยกพลขึ้นบกที่อินช็อน(Incheon仁川) ในบรรดาเรือบรรทุกรถถังจำนวน 47 ลำที่กองทัพสหรัฐฯ ส่งมา จริงๆแล้วมีเรือ 30 ลำที่ขับเคลื่อนโดยคนชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้ โดยพื้นฐานแล้วสหรัฐอเมริกายังใช้ฐานทัพอากาศในญี่ปุ่นเพื่อขนส่งวัสดุและบุคลากรตลอดช่วงสงคราม ตามสถิติที่ไม่สมบูรณ์นัก ตลอดช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นช่วยสหรัฐฯ ในการขนส่งทหารมากกว่า 3 ล้านคนและเสบียงมากกว่า 700,000 ตัน ในช่วงสงครามเกาหลี ญี่ปุ่นกลายเป็นฐานทัพทหารและคลังแสงของสหรัฐอเมริกา เมื่อประเทศหนึ่งเป็นผู้ทำสงครามโดยล้างผลาญใช้ทรัพยากรของประเทศอื่น แต่ญี่ปุ่นไม่รู้สึกละอายกับสิ่งนี้ แต่กลับมีความภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ นอกจากนี้ เศรษฐกิจของพวกเขายังได้รับการฟื้นฟูโดยการทำกำไรจากสงคราม ระหว่างปี ค.ศ. 1950 ถึงค.ศ. 1953 ญี่ปุ่นมีรายได้มากกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการส่งออกอาวุธและยุทโธปกรณ์อื่นๆ ไปยังสหรัฐอเมริกา เมื่อสงครามสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1953 การส่งออกของญี่ปุ่นประมาณ 60% ถูกกำหนดไว้สำหรับสนามรบของเกาหลี นอกจากการส่งออกทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังส่งคนงานจำนวนมากไปยังสนามรบเกาหลีอย่างเงียบๆ เพื่อช่วยเหลือกองทัพสหรัฐฯ ในการสู้รบ ผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นบางคนในช่วงสงครามรุกรานจีนก็ถูกส่งไปยังสหรัฐอเมริกาเพื่อชี้แนะสหรัฐอเมริกาในการทำสงครามเชื้อโรค ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นยังได้ส่งคณะร้องเพลงและเต้นรำจำนวนมากไปยังแนวหน้าเพื่อมอบความบันเทิง และแสดงการปลอบขวัญให้กำลังใจต่อกองทัพสหรัฐฯ ญี่ปุ่นกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เกิดจากสงครามเกาหลีได้ขจัดความเศร้าโศกภายหลังความพ่ายแพ้ของกองทัพญี่ปุ่น หลังจากการลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ระงับความร่วมมือทางเศรษฐกิจพหุภาคีกับญี่ปุ่น ในเวลานี้ญี่ปุ่นมีความมั่งคั่งเพียงพอแล้ว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับมัน แม้จะเผชิญกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นก็ยังอินต่อเหตุการณ์มากกว่าชาวอเมริกันอีกด้วย ดังคำกล่าวที่ว่า เป็นเรื่องง่ายที่จะเพลิดเพลินไปกับร่มเงาโดยมีต้นไม้ใหญ่อยู่ด้านหลัง พวกเขามีชีวิตที่ดีได้เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น เนื่องมาจากเหตุการณ์สงครามที่เริ่มต้นขึ้นโดยสหรัฐอเมริกา ขณะนี้สหรัฐฯ ได้ถอนทหารออกไปแล้ว ญี่ปุ่นกังวลเรื่องความอยู่รอดของตนเองมากที่สุด ดังนั้น ก่อนที่จะลงนามข้อตกลงสงบศึก ญี่ปุ่นจึงเตรียมการหลายประการและกระชับความร่วมมือกับสหรัฐอเมริกาอย่างเข้มข้นเพื่อปูทางไปสู่ความมั่งคั่งหลังสงคราม ในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้กระตุ้นให้ญี่ปุ่นเกิดความกลัวต่อจีนในระดับลึกลงไปถึงที่สุด เมื่อสงครามต่อต้านญี่ปุ่นสิ้นสุดลง ภายในประเทศญี่ปุ่นได้เกิดมีกระแสความสงสัยในตนเองเกิดขึ้นมามากมาย พวกเขาเชื่อว่ากองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นอยู่ยงคงกระพัน แต่ทำไมจีนถึงกลายเป็นผู้ชนะในเมื่อเทคโนโลยีล้าหลังมากและประเทศก็ยากจนมาก? แต่ตอนนี้ จีนไม่เพียงแต่เอาชนะญี่ปุ่นได้เท่านั้น แม้แต่สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นอันดับหนึ่งของโลกก็ยังพ่ายแพ้อีกด้วย ญี่ปุ่นยิ่งเพิ่มความสงสัยในตัวเองมากขึ้น ต้องรู้ว่าในเวลานี้ญี่ปุ่นยังไม่สลัดรอดพ้นเงาของประเทศลัทธิรัฐเผด็จการทหาร แม้กระทั้งว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัว แต่ลัทธิรัฐเผด็จการทหารก็ยังแสดงสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้นในด้านสุดขั้วของจิตวิทยาของพวกเขาจึงทำให้พวกเขาไม่สามารถยอมรับความพ่ายแพ้ของสหรัฐอเมริกาได้เลย ในหนังสือพิมพ์ ญี่ปุ่นหลีกเลี่ยงการพูดถึงชัยชนะของจีน แต่กลับพยายามอย่างเต็มที่เพื่อค้นหาสาเหตุของความล้มเหลวของสหรัฐฯ แน่นอนว่ามีการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่น นับตั้งแต่การลงนามข้อตกลงสงบศึกในปี ค.ศ. 1953 ในภาษาเขียนของญี่ปุ่น คำว่า“จวือน่า(支那)”ชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลนนี้ค่อยๆหายไป ในความเป็นจริง ในช่วงต้นปึ ค.ศ. 1946 สหรัฐฯ สั่งให้ญี่ปุ่นไม่ให้ใช้ คำว่า“จวือน่า(支那)”และอื่นๆชื่อเรียกที่แฝงด้วยการดูถูกดูแคลน อย่างไรก็ตาม แม้จะมีกฎระเบียบอย่างเป็นทางการ คนญี่ปุ่นก็ยังคงไปตามทางของตัวเอง เพราะพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนความดูถูกภายในใจที่มีต่อจีนได้ และถึงกับเชื่ออย่างหยิ่งผยองว่ารัฐบาลจีนใหม่จะอยู่ได้ไม่นาน จนถึงสงครามเกาหลีทำให้พวกเขาตระหนักถึงความเป็นจริง สงครามครั้งนี้มีความสำคัญเป็นพิเศษต่อจีน โดยประกาศให้โลกรู้ว่าจีนกำลังผงาดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น หรือประเทศในยุโรป พวกเขาค่อยๆ ตระหนักว่าจีนไม่ใช่คนป่วยของเอเชียตะวันออกอีกต่อไป ในช่วงหลายปีหลังสงครามเกาหลี แม้ว่าโลกยังคงประสบกับความขัดแย้งอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์ที่จีนเผชิญยังคงยากลำบาก ในสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียดเช่นนี้ สถานะระหว่างประเทศของจีนยังคงดีขึ้นทีละขั้น ทั้งหมดนี้แยกออกจากรากฐานที่วางไว้โดยการการช่วยเหลือเกาหลีรบต่อต้านการรุกรานของสหรัฐฯ ดังนั้น ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของสงครามเกาหลีจึงสมควรได้รับการจดจำตลอดไปโดยคนรุ่นต่อๆ ไป 🤯โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🤯 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-10-67/01 : หมี CNN / "สัปยุทธ์ทะลุฟ้า" พลิกตำราไม่ทัน! กลยุทธเหนือเมฆ บีบจนเหี้ยนายใหญ่ต้องออกตัว! อย่าลืมน่ะ อีไก่งวง จีน โสมแดง คิวบา แอฟริกาใต้ ยังไม่ออกโรง? ตัวละครลับยังมีมาไม่สิ้นสุด อสรพิษ NATO ไส้ศึก หนอนบ่อนไส้ ยังไม่เปิดตัว ทุกอย่างรอ "คบไฟ โอลิมปัส" มาถึงก่อน ใครก้าวพลาด จะถูกรุมประณาม แล้วถูกโดดเดี่ยวจากโลกตลอดกาล ขั้วใหม่ไม่เร่งรีบ เพราะเป็นฝ่ายนำไปไกลโขอยู่ ส่วนเหี้ยไม่มีอะไรจะเสีย เพราะเสียหมาไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เวลาเห็นข่าวสารรอบโลก ให้จำเอาไว้ว่า สคริปต์มาจากที่เดียวกันทั้งหมด นั่นคือ "REUTER" ซึ่งออกจากเตา เขียนบทโดยวอชิงตัน ดังนั้น เคยเชื่อตรงกันข้ามในสิ่งที่เห็นได้ยิน นั่นคือ "บรรลุธรรม" แล้วจ๊ะ ไม่ต้องแปลเยอะ อะไรที่เหี้ยทำ แอบอ้าง แล้วฝ่ายตรงกันข้ามออกมายอมรับ นั่นให้จำเอาไว้ว่า "ผิดปกติ" ยามศึก ไม่มีใครเล่นหน้าเดียวดอกน่ะ แผนซ้อนแผนมีมาเป็น 1000 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ โลกยุคใหม่ตามโซเชี่ยล มันปั่นหัวคนง่ายดาย แค่ใช้สติ ลองคิดเองว่า หากอียิวมันฆ่าได้จริง ผู้นำทั่วโลกที่เป็นศัตรูมันมาเป็น 100 ปี คงตายห่ากันหมดโลกแล้ว เรื่องมาแดงตอน ปีเดียว ชิงกันตายห่า 3-4 คน พร้อมกัน ถามจริง "มันง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?" มรึงคิดว่าอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เยเมน ที่ไล่ขย่มเหี้ยยิวทุกวันนี้ มันจะไม่รู้ว่าอียิวมีของอะไรบ้าง? อาวุธเหี้ยมะกันเต็มคลังแสง เค้าอ่านมันออกหมดนานแล้ว ว่ามรึงจะใช้อะไร ทำยังไง? ไอ้ที่คุยระเบิดบังเกอร์ห่าเหวเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องใหม่ มรึงใช้มาตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถานแล้ว สื่อยิวตีข่าวปั่นควาย เพราะควายไม่รู้ว่า ใต้ดินของโลกอาหรับ มันลึกมากกว่านั้นเยอะ หาไม่แล้ว พวกมรึงคงฆ่าฮามาสตายห่าหมดไปนานแล้ว ยิงเป็น 100 ลูก ยังเข้าไม่ถึงเลย เพราะมันลึก และซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ไม่มีใครชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องแม่นยำ กว่าจะยิงถึง มรึงก็ถูกสกัดก่อนแล้ว ทั้งหมดคือแผนตบตา ก็เหมือนไรซี ขึ้นฮอ 2 ครั้งติดไงล่ะ โปรดสังเกตุ การตายของผู้นำ ล้วนเกิดจากภายในแผ่นดินตัวเองทั้งสิ้น หรือชาติพันธมิตร นั่นแปลว่า มันจัดฉากง่ายไงล่ะ? ก็เหมือนผีพริโกซินจะตายห่าที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมาตายเฉพาะในแผ่นดินรัสเซียเท่านั้น? มรึงโดนต้มเปื่อยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ความจำสั้นกันจัง เหมือนตอนรถถัง WAGNER ก่อกบฎ สื่อตีกันมันส์หยด แล้วเสียหมาทุกเจ้าไงล่ะ? WAGNER ไปโผล่เบลารุสเฉย แผนการมันมี ไม่มีอะไรง่ายดายขนาดนั้นดอก ไม่งั้น อิหร่านเชือดอียิวเหี้ยตายห่าไปนานแล้ว ไอ้ที่รอ คือรอทั้งโลกลงแขก? ชนะแบบไหนกันล่ะ ถึงเรียกว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริง! ไม่มีฟื้น! อัพเดท สถานการณ์ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่าย ประเมินกำลังกันพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ชาวยิวอพยพหนีตายออกจากตอนเหนือหมดแล้ว นั่นคือสัญญานสงครามเต็มรูปแบบ ขณะที่ตอนกลาง ทั้งเทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม ถูกนวดรายวัน อ่อนยวบไปเยอะ สนามบินพัง คลังแสงระเบิด ตึกบัญชาการอีมดสัดหาย ทำไมฮามาส จะไม่รู้ ว่าอียิวเหี้ย มันสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยใต้ดินไว้ที่ไหน? ใครชำนาญเป็นขอมดำดินมากกว่ากันล่ะ? ใครขุดใต้ดินให้อียิว ก็เชลยชาวปาเลสไตน์ทั้งนั้น เค้ามีนกรู้ สายลับสอดไส้คาราเมลทั้ง 2 ฝั่ง รู้ไส้ รู้พุงกันดี การจะฆ่าผู้นำอีกฝั่ง มันไม่ง่ายดายดอก การตายของคาเมเนอีในเบื้องหน้า มรึงดูเอาไว้เลย เพื่อส่งไม้ต่อให้ลูกชายคนโตชัดเจน แถวบ้านเรียก "วางมือ" แล้วจะเป็นการประกาศสงครามใหญ่ทันที ทุกอย่างมันมีแผนการรองรับทั้งหมด ไม่ใช่เดินมั่วซั่ว ผู้นำทุกคนที่แกล้งตายไป คือเดินออกจากเกมส์นี้ เพื่อไปอยู่เบื้องหลัง ชงต่อให้มือสังหารตัวจริงเข้ามาทำหน้าที่ เหตุผลคือ 1.กระแสล้างแค้น 2.ชี้ให้โลกเห็นเต็ม 2 ตา ใครคือก่อการร้ายโลกตัวจริง 3.สร้างความสามัคคีเป็นหมู่คณะในชาติมุสลิม 4.โยกย้ายเปลี่ยนฐานกำลังใหม่ แผนสับขาหลอก เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า ทำให้ศัตรูสับสน 5.หลักฐานเช็คบิลอียิว ทั้งในเวทีโลก และทั้งทวีป ส่งศาลโลกฟันซ้ำ ข้ามวิกแป๊บ : ชั่วแค่ไหน เหี้ยแค่ไหน ขายชาติแค่ไหน ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรม อีทนง จ่อเดินเข้าคุก คดีจำปีหอมหวานแดร๊กอร่อย เวลาเหี้ยมันทำเหี้ย มันสาแก่ใจ มันผยอง มันกร่างสุดติ่ง มรึงทุกข์ทรมานเหลือเกิน มรึงเจ็บช้ำน้ำใจเหลือหลาย แล้วเวลาพวกมันเดินเข้าคุก ในบั้นปลายชีวิตเนี่ย มรึงรู้มั้ยว่า "ทุกข์ยิ่งกว่า" ถั่วดำรอรับ ส้นตรีนรอเรียก หมาที่ไม่มีใครแล? แค่ระดับขี้ข้า ชดใช้กรรมไป ส่วนระดับนายใหญ่หนีอยู่แล้ว ยอมจ่ายหนักซื้อเวลาต่อชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องไปตายห่านอกแผ่นดินพ่อกู เพราะไม่ต้องมาเป็นเสนียดแผ่นดินไปตลอดกาลทั้งวงศ์ตระกูลอัปรีย์จัญไร เวลาเหี้ยมันทุกข์ มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดระแวงตลอดเวลา มันคงไม่มาบอกมรึงดอก? คนที่ยังหลงกับภาพมายา ไม่หลุดพ้นซักทีคือมีกรรม "เพราะดวงตายังไม่เห็นธรรม" จำเอาไว้ว่า คนลงโทษ ไม่ใช่มรึงหรือกู แต่เป็นสวรรค์ ไม่ว่าจะทางกฎหมาย ศาล หรือฟ้าดินลงโทษ เป็นมะเร็ง เอดส์ ตายห่า ก็เป็นวิถีแห่งสวรรค์เค้า บุญย่อมมี สะสมมาช้านาน เอามาเททิ้งชาตินี้ ชาติเดียว เพราะขาดสติ สนองตัณหาจนลืมตัว สรุปคือ "ไอ้พวกเหี้ยมันไม่คู่ควรให้มรึงกับกูต้องมานั่งทุกข์ใจแทนมันดอกน่ะ" แสงทำงานดีกว่าคน ปล่อยแสงดำเนินต่อไป ทุกอย่างมีกรอบเวลา กูเคยบอกไปแล้ว!

    ปล.ไม่สังเกตุบ้างเหรอ? ช่วงนี้ รัสเซีย จีน นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว รู้มั้ยว่า รัสเซียเขมือบแผ่นดินอียูเครนไปเท่าไหร่แล้ว กินรวบแบบไร้เสียง ไม่เป็นข่าว เพราะมันทะลวงง่าย ไม่มีใครต้าน หนีตายกันหมดแล้ว! ส่วนจีน นิ่งเป็น วางหมากล้อมเหี้ยไว้หมดทั้งแปซิฟิค เอเซียใต้ มรึงเข้ามารัศมี 3000 กม. ได้แดร๊กตงเฟิง FOR U แน่ ดีออก? อีปินส์ หายเข้ากลีบเมฆเฉย หลังรัสเซีย จีน อิหร่าน ซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ ตบขี้ข้าหางแถวเผ่นหางจุกตูด แค่เศษเสี้ยว อย่าริเสนอหน้ามาท้ากู อาเซียนไม่ยุ่ง ใครล้ำเส้นรับผิดชอบกันเอง? ทุกวันนี้ มีแต่โลกตอแหล เช้ามา เย็นมา อียิวถล่มอย่างงั้น อีเหี้ยมะกันสั่งลุยอย่างงี้ แต่โลกความเป็นจริง ข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คืออิสราเอลแตกแล้ว ชาวยิวกว่า 2 ล้านล่าสุด อพยพหนีตายหมดแล้ว เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม กลายเป็นสนามซ้อมยิงเป้าเช้าเย็น ไซเรนดังจนแบตหมด ดังยาวทั้งคืน ไม่มีดอกที่สื่อขี้ข้ายิวมันจะมาบอกเรื่องพวกนี้ ว่า "นายกู กำลังจะตายคาตรีน" ดีแต่ยิงข่าวปล่อย หลอกควายไปวันวัน ใครเชื่อ เขาก็งอกขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง? เคยบอกแล้วว่า สิ่งที่ตอแหลไม่ได้ คือให้ดูผลลัพธ์ ใครบุกใครอยู่ ใครเอาใครอยู่ ใครได้เปรียบกลศึกสงคราม ใครที่นำโลกอยู่เวลานี้? เมื่อโลกไม่มีดอลล่าร์ ยูโร เงินเยน อีก มรึงจะเดินต่อไปยังไง? ทุกอย่างขั้วใหม่เค้าวางแผนระยะยาวต่อไว้นานแล้ว ช่วงนี้ มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญ "ขั้วใหม่" พร้อมจะเด็ดหัวเหี้ยให้เด็ดขาดแล้วรึยัง? ไม่ใช่อยู่ที่อียิว เพราะเป็นฝ่ายตั้งรับ รอโดน หากจะแช่สงครามลากยาวปาหี่ไปจนถึงปีหน้า กูบอกได้เลย ตะวันตกไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้ว เพราะเครื่องบิน เดินเรือขนส่ง โลจิสติคโลก ถูกปิดเส้นทางลำเลียงสิ้นเพราะสงครามเป็นเหตุ กระทบทั้งโลก แต่เอเซียเฟื่องฟู เพราะมีทุกอย่าง พึ่งพาตัวเองได้ ทั้งโลกจึงต้องแห่มาขอร่วมเอเซียไงล่ะ ภาพใหญ่ที่จะเกิดจะมาทรงนี้ แนวทางการรบจะเริ่มเปลี่ยน ผู้คนเบื่อหน่าย ทหารตายฟรี ครอบครัวเดือดร้อน ทั้งโลกต่อต้านสงคราม ทั้งโลกต่อต้าน NATO ทั้งโลกไม่เอาอียิวสลัดหมา พ่วงอเมริกา อังกฤษ ขี้ข้าชิ่งหนีหายวับ 7 ตค. ผบตร.คนใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นายกฯ เลือกจริงแต่แต่งตั้งไม่ได้ ต้องผ่านกตร.เท่านั้น พลิกโผ บิ๊กต่ายล้างไพ่ ม้ามืดเทวดาชั้น 14 แห้วแดร๊ก แสงเริ่มเห็นชัด ล้างบางต้องมา ล้างเหี้ยต้องมี ตำหนวนเสียหมามาเป็นชาติแล้ว ถึงมือใหม่ ยุคใหม่ หัวต้องดีก่อน หางถึงจะกระดิกตาม จับตาดู การกระทำดีกว่าคำพูด! กระบวนการยุติธรรมต้นทางก็คือมรึงเนี่ยแหละ มีเหรอ ที่เบื้องบนจะไม่รู้ติ้นลึกหนาบาง ทุกอย่างเป็นไปตามมติสวรรค์ บทกลียุคมันเป็นภาคบังคับ กลียุคไม่มา โลกก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้ ทุกอย่างคือ "ภาพมายา"

    หมี CNN(อย่าต๊กกะใจ สิ่งใหม่กำลังจะเข้ามา การล้างบางสิ่งชั่วร้ายย่อมใช้เวลา เมื่อแสงทำงาน มันจะไปไวมาไวเสมอ ทุกเรื่องราวที่มรึงเจ็บช้ำน้ำใจ จะถูกปลดปล่อย ยามเมื่อแสงสีทองผ่องอำไพสาดส่องถึง พวกสัดนรกจะลงขุมนรกตามพ่อของมันไปอย่างรวดเร็ว มรึงเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้นทุกวันนี้ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ คนชั่วมันก็มีวิถีของมัน วิถีสวรรค์ก็มีหนทางของเค้าเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน บทละครพลิกได้ตลอดเวลา เพราะมันคือวิบากกรรมที่ทั้งโลกต้องชดใช้ กับการเพิกเฉยที่ผ่านมานับ 100 ปี จงดูอย่างใจสงบ เพราะไม่ว่าเรื่องมันจะหนักหนาซักแค่ไหน สุดท้าย "แล้วมันก็ผ่านไป" ดั่งชีวิตมรึงที่มีขึ้น มีลง นั่นแหละ ชั่ว 7 ที ดี 7 หน จำเอาไว้เพ่น้อง)
    01 ตุลาคม 67
    12.28 น. https://linevoom.line.me/post/1172777976310793878

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-10-67/01 : หมี CNN / "สัปยุทธ์ทะลุฟ้า" พลิกตำราไม่ทัน! กลยุทธเหนือเมฆ บีบจนเหี้ยนายใหญ่ต้องออกตัว! อย่าลืมน่ะ อีไก่งวง จีน โสมแดง คิวบา แอฟริกาใต้ ยังไม่ออกโรง? ตัวละครลับยังมีมาไม่สิ้นสุด อสรพิษ NATO ไส้ศึก หนอนบ่อนไส้ ยังไม่เปิดตัว ทุกอย่างรอ "คบไฟ โอลิมปัส" มาถึงก่อน ใครก้าวพลาด จะถูกรุมประณาม แล้วถูกโดดเดี่ยวจากโลกตลอดกาล ขั้วใหม่ไม่เร่งรีบ เพราะเป็นฝ่ายนำไปไกลโขอยู่ ส่วนเหี้ยไม่มีอะไรจะเสีย เพราะเสียหมาไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เวลาเห็นข่าวสารรอบโลก ให้จำเอาไว้ว่า สคริปต์มาจากที่เดียวกันทั้งหมด นั่นคือ "REUTER" ซึ่งออกจากเตา เขียนบทโดยวอชิงตัน ดังนั้น เคยเชื่อตรงกันข้ามในสิ่งที่เห็นได้ยิน นั่นคือ "บรรลุธรรม" แล้วจ๊ะ ไม่ต้องแปลเยอะ อะไรที่เหี้ยทำ แอบอ้าง แล้วฝ่ายตรงกันข้ามออกมายอมรับ นั่นให้จำเอาไว้ว่า "ผิดปกติ" ยามศึก ไม่มีใครเล่นหน้าเดียวดอกน่ะ แผนซ้อนแผนมีมาเป็น 1000 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ โลกยุคใหม่ตามโซเชี่ยล มันปั่นหัวคนง่ายดาย แค่ใช้สติ ลองคิดเองว่า หากอียิวมันฆ่าได้จริง ผู้นำทั่วโลกที่เป็นศัตรูมันมาเป็น 100 ปี คงตายห่ากันหมดโลกแล้ว เรื่องมาแดงตอน ปีเดียว ชิงกันตายห่า 3-4 คน พร้อมกัน ถามจริง "มันง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?" มรึงคิดว่าอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เยเมน ที่ไล่ขย่มเหี้ยยิวทุกวันนี้ มันจะไม่รู้ว่าอียิวมีของอะไรบ้าง? อาวุธเหี้ยมะกันเต็มคลังแสง เค้าอ่านมันออกหมดนานแล้ว ว่ามรึงจะใช้อะไร ทำยังไง? ไอ้ที่คุยระเบิดบังเกอร์ห่าเหวเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องใหม่ มรึงใช้มาตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถานแล้ว สื่อยิวตีข่าวปั่นควาย เพราะควายไม่รู้ว่า ใต้ดินของโลกอาหรับ มันลึกมากกว่านั้นเยอะ หาไม่แล้ว พวกมรึงคงฆ่าฮามาสตายห่าหมดไปนานแล้ว ยิงเป็น 100 ลูก ยังเข้าไม่ถึงเลย เพราะมันลึก และซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ไม่มีใครชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องแม่นยำ กว่าจะยิงถึง มรึงก็ถูกสกัดก่อนแล้ว ทั้งหมดคือแผนตบตา ก็เหมือนไรซี ขึ้นฮอ 2 ครั้งติดไงล่ะ โปรดสังเกตุ การตายของผู้นำ ล้วนเกิดจากภายในแผ่นดินตัวเองทั้งสิ้น หรือชาติพันธมิตร นั่นแปลว่า มันจัดฉากง่ายไงล่ะ? ก็เหมือนผีพริโกซินจะตายห่าที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมาตายเฉพาะในแผ่นดินรัสเซียเท่านั้น? มรึงโดนต้มเปื่อยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ความจำสั้นกันจัง เหมือนตอนรถถัง WAGNER ก่อกบฎ สื่อตีกันมันส์หยด แล้วเสียหมาทุกเจ้าไงล่ะ? WAGNER ไปโผล่เบลารุสเฉย แผนการมันมี ไม่มีอะไรง่ายดายขนาดนั้นดอก ไม่งั้น อิหร่านเชือดอียิวเหี้ยตายห่าไปนานแล้ว ไอ้ที่รอ คือรอทั้งโลกลงแขก? ชนะแบบไหนกันล่ะ ถึงเรียกว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริง! ไม่มีฟื้น! อัพเดท สถานการณ์ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่าย ประเมินกำลังกันพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ชาวยิวอพยพหนีตายออกจากตอนเหนือหมดแล้ว นั่นคือสัญญานสงครามเต็มรูปแบบ ขณะที่ตอนกลาง ทั้งเทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม ถูกนวดรายวัน อ่อนยวบไปเยอะ สนามบินพัง คลังแสงระเบิด ตึกบัญชาการอีมดสัดหาย ทำไมฮามาส จะไม่รู้ ว่าอียิวเหี้ย มันสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยใต้ดินไว้ที่ไหน? ใครชำนาญเป็นขอมดำดินมากกว่ากันล่ะ? ใครขุดใต้ดินให้อียิว ก็เชลยชาวปาเลสไตน์ทั้งนั้น เค้ามีนกรู้ สายลับสอดไส้คาราเมลทั้ง 2 ฝั่ง รู้ไส้ รู้พุงกันดี การจะฆ่าผู้นำอีกฝั่ง มันไม่ง่ายดายดอก การตายของคาเมเนอีในเบื้องหน้า มรึงดูเอาไว้เลย เพื่อส่งไม้ต่อให้ลูกชายคนโตชัดเจน แถวบ้านเรียก "วางมือ" แล้วจะเป็นการประกาศสงครามใหญ่ทันที ทุกอย่างมันมีแผนการรองรับทั้งหมด ไม่ใช่เดินมั่วซั่ว ผู้นำทุกคนที่แกล้งตายไป คือเดินออกจากเกมส์นี้ เพื่อไปอยู่เบื้องหลัง ชงต่อให้มือสังหารตัวจริงเข้ามาทำหน้าที่ เหตุผลคือ 1.กระแสล้างแค้น 2.ชี้ให้โลกเห็นเต็ม 2 ตา ใครคือก่อการร้ายโลกตัวจริง 3.สร้างความสามัคคีเป็นหมู่คณะในชาติมุสลิม 4.โยกย้ายเปลี่ยนฐานกำลังใหม่ แผนสับขาหลอก เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า ทำให้ศัตรูสับสน 5.หลักฐานเช็คบิลอียิว ทั้งในเวทีโลก และทั้งทวีป ส่งศาลโลกฟันซ้ำ ข้ามวิกแป๊บ : ชั่วแค่ไหน เหี้ยแค่ไหน ขายชาติแค่ไหน ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรม อีทนง จ่อเดินเข้าคุก คดีจำปีหอมหวานแดร๊กอร่อย เวลาเหี้ยมันทำเหี้ย มันสาแก่ใจ มันผยอง มันกร่างสุดติ่ง มรึงทุกข์ทรมานเหลือเกิน มรึงเจ็บช้ำน้ำใจเหลือหลาย แล้วเวลาพวกมันเดินเข้าคุก ในบั้นปลายชีวิตเนี่ย มรึงรู้มั้ยว่า "ทุกข์ยิ่งกว่า" ถั่วดำรอรับ ส้นตรีนรอเรียก หมาที่ไม่มีใครแล? แค่ระดับขี้ข้า ชดใช้กรรมไป ส่วนระดับนายใหญ่หนีอยู่แล้ว ยอมจ่ายหนักซื้อเวลาต่อชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องไปตายห่านอกแผ่นดินพ่อกู เพราะไม่ต้องมาเป็นเสนียดแผ่นดินไปตลอดกาลทั้งวงศ์ตระกูลอัปรีย์จัญไร เวลาเหี้ยมันทุกข์ มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดระแวงตลอดเวลา มันคงไม่มาบอกมรึงดอก? คนที่ยังหลงกับภาพมายา ไม่หลุดพ้นซักทีคือมีกรรม "เพราะดวงตายังไม่เห็นธรรม" จำเอาไว้ว่า คนลงโทษ ไม่ใช่มรึงหรือกู แต่เป็นสวรรค์ ไม่ว่าจะทางกฎหมาย ศาล หรือฟ้าดินลงโทษ เป็นมะเร็ง เอดส์ ตายห่า ก็เป็นวิถีแห่งสวรรค์เค้า บุญย่อมมี สะสมมาช้านาน เอามาเททิ้งชาตินี้ ชาติเดียว เพราะขาดสติ สนองตัณหาจนลืมตัว สรุปคือ "ไอ้พวกเหี้ยมันไม่คู่ควรให้มรึงกับกูต้องมานั่งทุกข์ใจแทนมันดอกน่ะ" แสงทำงานดีกว่าคน ปล่อยแสงดำเนินต่อไป ทุกอย่างมีกรอบเวลา กูเคยบอกไปแล้ว! ปล.ไม่สังเกตุบ้างเหรอ? ช่วงนี้ รัสเซีย จีน นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว รู้มั้ยว่า รัสเซียเขมือบแผ่นดินอียูเครนไปเท่าไหร่แล้ว กินรวบแบบไร้เสียง ไม่เป็นข่าว เพราะมันทะลวงง่าย ไม่มีใครต้าน หนีตายกันหมดแล้ว! ส่วนจีน นิ่งเป็น วางหมากล้อมเหี้ยไว้หมดทั้งแปซิฟิค เอเซียใต้ มรึงเข้ามารัศมี 3000 กม. ได้แดร๊กตงเฟิง FOR U แน่ ดีออก? อีปินส์ หายเข้ากลีบเมฆเฉย หลังรัสเซีย จีน อิหร่าน ซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ ตบขี้ข้าหางแถวเผ่นหางจุกตูด แค่เศษเสี้ยว อย่าริเสนอหน้ามาท้ากู อาเซียนไม่ยุ่ง ใครล้ำเส้นรับผิดชอบกันเอง? ทุกวันนี้ มีแต่โลกตอแหล เช้ามา เย็นมา อียิวถล่มอย่างงั้น อีเหี้ยมะกันสั่งลุยอย่างงี้ แต่โลกความเป็นจริง ข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คืออิสราเอลแตกแล้ว ชาวยิวกว่า 2 ล้านล่าสุด อพยพหนีตายหมดแล้ว เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม กลายเป็นสนามซ้อมยิงเป้าเช้าเย็น ไซเรนดังจนแบตหมด ดังยาวทั้งคืน ไม่มีดอกที่สื่อขี้ข้ายิวมันจะมาบอกเรื่องพวกนี้ ว่า "นายกู กำลังจะตายคาตรีน" ดีแต่ยิงข่าวปล่อย หลอกควายไปวันวัน ใครเชื่อ เขาก็งอกขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง? เคยบอกแล้วว่า สิ่งที่ตอแหลไม่ได้ คือให้ดูผลลัพธ์ ใครบุกใครอยู่ ใครเอาใครอยู่ ใครได้เปรียบกลศึกสงคราม ใครที่นำโลกอยู่เวลานี้? เมื่อโลกไม่มีดอลล่าร์ ยูโร เงินเยน อีก มรึงจะเดินต่อไปยังไง? ทุกอย่างขั้วใหม่เค้าวางแผนระยะยาวต่อไว้นานแล้ว ช่วงนี้ มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญ "ขั้วใหม่" พร้อมจะเด็ดหัวเหี้ยให้เด็ดขาดแล้วรึยัง? ไม่ใช่อยู่ที่อียิว เพราะเป็นฝ่ายตั้งรับ รอโดน หากจะแช่สงครามลากยาวปาหี่ไปจนถึงปีหน้า กูบอกได้เลย ตะวันตกไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้ว เพราะเครื่องบิน เดินเรือขนส่ง โลจิสติคโลก ถูกปิดเส้นทางลำเลียงสิ้นเพราะสงครามเป็นเหตุ กระทบทั้งโลก แต่เอเซียเฟื่องฟู เพราะมีทุกอย่าง พึ่งพาตัวเองได้ ทั้งโลกจึงต้องแห่มาขอร่วมเอเซียไงล่ะ ภาพใหญ่ที่จะเกิดจะมาทรงนี้ แนวทางการรบจะเริ่มเปลี่ยน ผู้คนเบื่อหน่าย ทหารตายฟรี ครอบครัวเดือดร้อน ทั้งโลกต่อต้านสงคราม ทั้งโลกต่อต้าน NATO ทั้งโลกไม่เอาอียิวสลัดหมา พ่วงอเมริกา อังกฤษ ขี้ข้าชิ่งหนีหายวับ 7 ตค. ผบตร.คนใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นายกฯ เลือกจริงแต่แต่งตั้งไม่ได้ ต้องผ่านกตร.เท่านั้น พลิกโผ บิ๊กต่ายล้างไพ่ ม้ามืดเทวดาชั้น 14 แห้วแดร๊ก แสงเริ่มเห็นชัด ล้างบางต้องมา ล้างเหี้ยต้องมี ตำหนวนเสียหมามาเป็นชาติแล้ว ถึงมือใหม่ ยุคใหม่ หัวต้องดีก่อน หางถึงจะกระดิกตาม จับตาดู การกระทำดีกว่าคำพูด! กระบวนการยุติธรรมต้นทางก็คือมรึงเนี่ยแหละ มีเหรอ ที่เบื้องบนจะไม่รู้ติ้นลึกหนาบาง ทุกอย่างเป็นไปตามมติสวรรค์ บทกลียุคมันเป็นภาคบังคับ กลียุคไม่มา โลกก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้ ทุกอย่างคือ "ภาพมายา" หมี CNN(อย่าต๊กกะใจ สิ่งใหม่กำลังจะเข้ามา การล้างบางสิ่งชั่วร้ายย่อมใช้เวลา เมื่อแสงทำงาน มันจะไปไวมาไวเสมอ ทุกเรื่องราวที่มรึงเจ็บช้ำน้ำใจ จะถูกปลดปล่อย ยามเมื่อแสงสีทองผ่องอำไพสาดส่องถึง พวกสัดนรกจะลงขุมนรกตามพ่อของมันไปอย่างรวดเร็ว มรึงเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้นทุกวันนี้ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ คนชั่วมันก็มีวิถีของมัน วิถีสวรรค์ก็มีหนทางของเค้าเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน บทละครพลิกได้ตลอดเวลา เพราะมันคือวิบากกรรมที่ทั้งโลกต้องชดใช้ กับการเพิกเฉยที่ผ่านมานับ 100 ปี จงดูอย่างใจสงบ เพราะไม่ว่าเรื่องมันจะหนักหนาซักแค่ไหน สุดท้าย "แล้วมันก็ผ่านไป" ดั่งชีวิตมรึงที่มีขึ้น มีลง นั่นแหละ ชั่ว 7 ที ดี 7 หน จำเอาไว้เพ่น้อง) 01 ตุลาคม 67 12.28 น. https://linevoom.line.me/post/1172777976310793878 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • 記住一句話
    *จี้จู้อี๋จวี้ฮว่า
    มีคำพูดนึงจงจำไว้

    如果你不吃 別人家的飯
    *หยูกั่วหนี่ปู้ชือ*ปี๋-เอ๋เหยินเจียเตอฟ่าน
    ถ้าหากเธอไม่กินข้าวของชาวบ้าน

    就別太把 別人的話放心上
    *จิ้วปี๋-เอ๋ไท่ป่า*ปี๋-เอ๋เหยินเตอฮว่าฟ่างซินซ่าง
    ก็ไม่ต้องเอาคำพูดของบ้านมาเก็บไว้ในใจ
    記住一句話 *จี้จู้อี๋จวี้ฮว่า มีคำพูดนึงจงจำไว้ 如果你不吃 別人家的飯 *หยูกั่วหนี่ปู้ชือ*ปี๋-เอ๋เหยินเจียเตอฟ่าน ถ้าหากเธอไม่กินข้าวของชาวบ้าน 就別太把 別人的話放心上 *จิ้วปี๋-เอ๋ไท่ป่า*ปี๋-เอ๋เหยินเตอฮว่าฟ่างซินซ่าง ก็ไม่ต้องเอาคำพูดของบ้านมาเก็บไว้ในใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง

    สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้

    😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎

    ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น

    เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา .

    อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า

    สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี

    อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน?

    ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน

    คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย

    บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา

    เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้

    อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง

    แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ

    เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 .

    จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา

    ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน

    อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” "

    😎เกมจิตวิทยา😎

    หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย

    จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้

    ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน

    แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้

    แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง

    ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์

    อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก

    ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ

    อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา

    วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน

    ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย

    เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน

    หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม

    เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข

    แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก

    ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน

    ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้

    นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม

    นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้

    เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา

    หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ

    ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน

    ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店)

    ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日)

    ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช

    🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน01.🤠 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา จีน และเกาหลีเหนือลงนามข้อตกลงสงบศึกที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) สงครามอันยาวนานและโหดร้ายสิ้นสุดลงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าโลกจะยังไม่ตอบสนอง สงครามครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อทุกประเทศที่เข้าร่วม จีนและเกาหลีเหนือได้รับชัยชนะในสภาพแวดล้อมที่สงบสุข สำหรับสหรัฐอเมริกา ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นความอัปยศอดสูอย่างยิ่ง ประเทศเหล่านั้นที่ปฏิบัติตามการนำของสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถเชื่อได้ว่าสหรัฐอเมริกาจะกลายเป็นผู้แพ้ 😎การเจรจาต่อรองที่ยืดเยื้อ😎 ในความเป็นจริง จีนและสหรัฐอเมริกาได้เจรจาสงบศึกมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1951 แต่สิ่งต่างๆ กลับไม่ราบรื่น เนื่องจากเป็นเรื่องยากสำหรับสหรัฐฯ ที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของตนเอง จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อความสมดุลแห่งชัยชนะในสงครามเกาหลีเอียงไปทางจีนและเกาหลีเหนือโดยสิ้นเชิง ในที่สุดสหรัฐฯ ก็ยอมรับความจริงและตกลงที่จะเจรจา . อย่างไรก็ตาม โต๊ะเจรจายังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนอันแรงกล้า สหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับใบหน้าของตนเองเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ปีค.ศ. 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่สงครามดำเนินไปในสภาพที่เลวร้าย ประธานาธิบดีแฮร์รี เอส. ทรูแมน (Harry S. Truman哈里·S·杜鲁门) ของสหรัฐฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ากองทหารสหรัฐฯ จะสามารถถอนตัวออกจากเกาหลีเหนืออย่างมีศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ก็พ่ายแพ้ ความเหมาะสมมาจากไหน? ด้วยเหตุนี้ ทรูแมน(Truman)เกิดความคิดที่อุกอาจชนิดซึ่งไม่คำนึงถึงความไม่พอใจของชาวโลก เขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขาจะใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน คำพูดที่น่าตกตะลึงของทรูแมน(Truman)ไม่เพียงทำให้จีนตกใจเท่านั้น แต่ยังทำให้คนทั้งโลกตื่นตระหนกอีกด้วย บุคคลแรกที่แสดงการต่อต้านเรื่องนี้คือสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากอังกฤษรู้ดีว่า ทันทีที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณูต่อจีน สหภาพโซเวียตก็สามารถใช้ระเบิดปรมาณูต่อประเทศในยุโรปได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลาหากประตูเมืองเกิดเพลิงไหม้และปลาในบ่อได้รับผลกระทบ ราคาค่าตอบแทนไม่ใช่สิ่งที่ประเทศในยุโรปจะสามารถยอมรับได้ อีกทั้งประกอบกับความพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของกองทหารสหประชาชาติในสนามรบเกาหลี ประเทศในยุโรปได้รับความสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอังกฤษจึงบินไปสหรัฐอเมริกาทันทีและจัดการเจรจากับทรูแมน(Truman)5 ครั้ง โดยหวังว่าทรูแมน(Truman)จะยอมรับเงื่อนไขที่จีนและเกาหลีเหนือเสนอมาและทำการอ่อนข้อลง แต่ทรูแมน(Truman)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะสามารถยอมรับการเจรจาสันติภาพและการถอนทหารได้ แต่เขาก็จะไม่มีวันละทิ้งผลประโยชน์ใดๆ เพื่อให้เป็นไปตามคำร้องขอของประธานาธิบดี คณะผู้แทนที่ส่งมาจากสหรัฐอเมริกาก็ใช้สมองอย่างหนักเช่นกัน โชคดีที่เวลานี้จีนและสหภาพโซเวียตก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะส่งเสริมการสงบศึก ดังนั้น คณะผู้แทนอเมริกาจึงส่งคำพูดข้อความสื่อสารผ่านสหภาพโซเวียต โดยหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะหยุดยิงและถอนทหารออกจากเส้นขนานที่ 38 . จีนมีข้อตอบโต้ในทางสาธารณะอย่างรวดเร็วบนหนังสือพิมพ์ โดยแสดงความเห็นด้วยกับความเห็นของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าวกลับไปเจรจา ในที่สุดก็ได้มองเห็นแสงสว่าง ทรูแมน(Truman)จึงได้แถลงการณ์ต่อสาธารณะอย่างรวดเร็วที่จะมีการเจรจาอย่างตรงไปตรงมากับจีน อย่างไรก็ตาม ประธานเหมาได้คาดการณ์ไว้แล้วถึงความไม่แน่นอนของสหรัฐอเมริกา ประธานเหมาเสนอว่ากลยุทธ์ของเราสำหรับสถานการณ์ปัจจุบันคือ: “การต่อสู้ทางการเมืองและการทหารเป็นของคู่กันให้ดำเนินการพร้อมกันสองทาง คือ มุ่งมั่นเพื่อสันติภาพ ไม่กลัวสงคราม และเตรียมพร้อมที่จะชะลอลากยาว อดทนในการเจรจา เด็ดเดี่ยวในการรบต่อสู้ และถกเถียงช่วงชิงกันอย่างมีเหตุผล จนกว่าจะมีการสงบศึกที่ยุติธรรมและสมเหตุสมผล” " 😎เกมจิตวิทยา😎 หลังสงครามครั้งที่ 5 ผลลัพธ์ก็ชัดเจนอยู่แล้ว และสหรัฐฯ ก็แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้าที่จะเจรจาอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายจึงได้สรุปสถานที่เจรจาที่พันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) อย่างไรก็ตาม พวกเขาประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะทั้งสองฝ่ายต้องแก้ไขปัญหาที่สำคัญที่สุดประการหนึ่ง ซึ่งก็คือการวาดเส้นแบ่งเขตทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่าย จีนเสนอให้ใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเขตแดน แต่สหรัฐฯ ปฏิเสธอย่างแม่นมั่น เนื่องจากเมื่อใช้เส้นขนานที่ 38 เป็นเส้นแบ่งเขต หมายความว่าผลประโยชน์ที่สหรัฐฯ เคยได้รับมาก่อนหน้านี้จะได้รับความเสียหาย ซึ่งฝ่าฝืนข้อกำหนดก่อนหน้าของทรูแมน(Truman)ซึ่งเสนอไว้ ทั้งสองฝ่ายปฏิเสธที่จะยอมต่อกัน และบรรยากาศที่โต๊ะเจรจาก็เย็นวูบลงและเงื่อนไขก็แสดงชัดเจน แล้วจากนั้นไม่มีใครพูดอะไร และพวกเขาก็เริ่มนั่งเงียบๆ เกมนี้เป็นเกมเงียบ ใครถอยก่อน คนนั้นแพ้ แล้วจากนั้นผลก็คือการนั่งนิ่งอยู่นั้นกินเวลานานกว่าสองชั่วโมง ในช่วงเวลานี้ แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะพยายามสงบสติอารมณ์อย่างเต็มที่ แต่ในใจของพวกเขาก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวแทนของฝ่ายจีนสูญเสียสมาธิความสงบ หลี่เค่อหนง(李克农)ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้ส่งจดหมายน้อยข้อความอย่างเงียบ ๆ เพื่อแนะนำให้ผู้ที่อยู่ในสถานที่สงบสติอารมณ์ อาการความสงบของฝ่ายจีนตลอดกระบวนการทั้งหมดทำให้สหรัฐอเมริกาประหลาดใจมาก ท้ายที่สุด พลโทชาร์ลส์ เทิร์นเนอร์ จอย(Charles Turner Joy查尔斯·特纳·乔伊)ผู้แทนสหรัฐฯหมดความอดทน และประกาศเลิกประชุม การเจรจาวันแรกจบลงอย่างไม่น่าพอใจ อย่างไรก็ตาม การผัดวันประกันพรุ่งเพียงแค่นั่งเฉยๆ ก็ยังไม่ได้ผล วันรุ่งขึ้นปัญหายังคงอยู่และต้องมีการเจรจา วันรุ่งขึ้น ฝ่ายเกาหลีเหนือมีหน้าที่เป็นประธานในการเจรจา ทั้งสองฝ่ายนั่งลงเป็นเวลา 25 วินาทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวแทนเกาหลีเหนือประกาศว่าหยุดการเจรจา ซึ่งทำให้แผนของกองทัพสหรัฐฯ หยุดชะงักกะทันหัน ตอนนั้นเองที่สหรัฐฯ ตระหนักได้ว่า จีนและเกาหลีเหนือไม่เพียงแต่เป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อกองทัพสหรัฐฯ ในสนามรบเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีอิทธิพลผลกระทบอย่างรุนแรงที่โต๊ะเจรจาด้วย เมื่อการเจรจาไม่ราบรื่น และทั้งสองฝ่ายยังคงเข้าสู่โหมดสงครามต่อไป ภายในเวลาไม่นาน กองทัพสหรัฐฯ สูญเสียผู้คนไปอีก 150,000 คนในสงคราม สิ่งนี้บังคับให้สหรัฐฯ พิจารณาให้ยอมอ่อนข้อมากขึ้น กล่าวคือ เห็นด้วยกับเส้นแบ่งเขตทางทหารที่เสนอโดยจีน หลังจากปัญหานี้ได้รับการแก้ไข หลี่เค่อหนง(李克农)มีความดีใจมาก และเชื่อว่าการสงบศึกโดยสมบูรณ์จะเกิดขึ้นในไม่ช้า อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครคาดคิดว่าการเจรจาครั้งนี้จะยืดเยื้อถึง 747 วันเต็ม เพื่อใช้คำพูดของคณะผู้แทนของจีนมาอธิบาย สหรัฐอเมริกาขณะเจรจาสงบศึกก็ต้องการจะรบต่อ และเมื่อพวกเขาเริ่มรบกันพวกเขาก็อยากจะเจรจาสงบศึกอีกครั้ง ทัศนคติความคิดของพวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ ความทะเยอทะยานโลภมากของพวกเขามักจะกำจัดให้หายไปได้ยาก ซึ่งทำให้ความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายไม่ได้รับการแก้ไข แม้ว่าปัญหาที่ร้ายแรงที่สุดคือเส้นแบ่งเขตทางทหารจะได้รับการแก้ไข แต่ในไม่ช้าความขัดแย้งก็เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองฝ่ายในเรื่องการกำจัดเชลยศึก ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าจำนวนเชลยศึกในมือของทั้งสองฝ่ายไม่เท่ากันในขณะนั้น ทางฝั่งจีนมีนักโทษทหารสหรัฐฯ มากกว่า 10,000 คน อย่างไรก็ตามทางฝั่งกองทัพสหรัฐฯมีนักโทษรวม 130,000 คน ตามบทบัญญัติของอนุสัญญาระหว่างประเทศเจนีวา หลังจากการสงบศึก ทั้งสองฝ่ายควรปล่อยเชลยศึกทั้งหมด แต่กองทัพสหรัฐฯ ยืนกรานให้มีการแลกเปลี่ยนแบบตัวต่อตัว ซึ่งหมายความว่าเชลยศึก 120,000 คนจะไม่สามารถปล่อยตัวได้ นี่มันจึงเป็นเรื่องไร้สาระ อเมริกากระทำแบบเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจับตัวไว้เป็นตัวประกัน ฝ่ายจีนมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ในประเด็นนี้ และสหรัฐอเมริกาก็หันไปใช้กลอุบายเก่า ๆ อีกครั้ง เมื่อการเจรจาไม่เป็นไปด้วยดี พวกเขาก็เดินออกจากเต็นท์ทันที และประกาศเลื่อนการประชุม นี่ยังคงเป็นการท้ารบทางสงครามจิตวิทยาต่อจีนเช่นเดิม คณะผู้แทนของจีนจึงหารือล่วงหน้าว่า เมื่อต้องเผชิญกับพฤติกรรมเช่นนี้ของกองทัพสหรัฐฯ จะต้องไม่ตื่นตระหนก ในทางกลับกัน จะต้องให้ทำตัวสงบและผ่อนคลาย พูดคุยอารมณ์ดี ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำลายการป้องกันทางจิตวิทยาของกองทัพสหรัฐฯ ได้ เหตุการณ์ลากยาวไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1953 เมื่อดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวร์(Dwight D. Eisenhower德怀特·艾森豪威尔) ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)ก็ตระหนักถึงปัญหาหนึ่ง ในสงครามเกาหลี สหรัฐฯ ลงทุนมากเกินไป บัดนี้ ยิ่งยืดเยื้อนานเท่าไรก็ยิ่งส่งผลเสียต่อสหรัฐฯ มากขึ้นเท่านั้น และอาจถึงขั้นสั่นคลอนการปกครองของรัฐบาลสหรัฐฯ ด้วยซ้ำ ด้วยเหตุนี้ ไอเซนฮาวร์(Eisenhower)จึงหวังที่จะยุติสงครามโดยเร็วที่สุด ดังนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น สหรัฐฯ จึงส่งข้อความสื่อสารไปยังจีนและตกลงที่จะแลกเปลี่ยนนักโทษที่บาดเจ็บบางส่วนก่อน ในเวลานี้สตาลินผู้นำสหภาพโซเวียตได้ถึงแก่กรรมแล้ว และจีนต้องแก้ไขปัญหานี้โดยเร็วที่สุด ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงบรรลุข้อตกลงในประเด็นเรื่องเชลยศึกในที่สุด ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1953 ทั้งสองฝ่ายได้จัดพิธีส่งมอบแลกเปลี่ยนนักโทษที่เมืองพันมุนจ็อม(Panmunjom板門店) ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่ายตัดสินใจลงนามข้อตกลงสงบศึกอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ค.ศ. 1953 ตัวแทนของกองทัพสหรัฐฯ คือ พลโทวิลเลียม เคลลี่ แฮร์ริสัน จูเนียร์(William Kelly Harrison Jr. 小威廉·凱利·哈里森)และตัวแทนของเกาหลีเหนือคือ นายพลนัม อิล(Nam Il南日) ขณะนั้นบรรยากาศในที่เกิดเหตุน่าอับอายมาก โดยเฉพาะฝั่งคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่น่าสังเวช 🥳โปรดติดตามบทความ #สงครามเกาหลีมีผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอย่างไร ตอน02.ที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67

    #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ

    #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ

    #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี

    #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย
    -----------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    #ดวงรายวัน 30 กันยายน 67 #คนเกิดวันจันทร์...การงาน: มีโอกาสได้เปลี่ยนแปลงระบบการทำงาน หรือจะได้ทำงานเพิ่มงานเสริม การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับค่าใช้จ่ายแบบครบรอบเช่น ค่าประกัน อาจได้เสียเงินก้อน จะหมุนเงินไม่ทัน ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา ปัญหาคนในครอบครัว คนโสด:จะมีคนทางแชททางออนไลน์เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอแต่คนเจ้าชู้ สุขภาพ: โรคในช่องท้อง หรือเกี่ยวกับระบบของเหลวในร่างกาย การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอังคาร...การงาน: การมีความราบเรียบ จะรู้สึกเบื่อๆและขี้เกียจ การเงิน:มีโอกาสได้โชคได้เงินจากผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา การโกหก คนโสด: จะมีคนที่มีเจ้าของแล้วเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพัน สุขภาพ: ปวดข้อเข่าโรคกระดูก ฟัน การเดินทาง:ให้ระวังอันตรายจากน้ำ #คนเกิดวันพุธ...การงาน:อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โอกาสได้งานไกลบ้าน หรือไปทำงานต่างประเทศ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ ต้องดูแลสุขภาพให้ดี ความรัก:ระวังจะทะเลาะกันเพราะเรื่องคำพูดคำจา การเอาแต่ใจตัวเอง คนโสด: จะมีคนเก่าๆกลับเข้ามาในความสัมพันธ์อีกครั้ง สุขภาพ: ปวดหัว เครียด ระบบประสาท โรคในช่องท้อง การเดินทาง:ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย #คนเกิดวันพฤหัสบดี...การงาน: จะมีงานคั่งค้าง ต้องรีบสะสาง การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของที่ไม่ค่อยจำเป็น หรือเสียเงินโดยเสน่หา เช่นช่วยเหลือคนอื่นเพราะความรักหรือสงสาร ความรัก: ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องการโกหก มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นต่อกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาให้ชุ่มชื่นหัวใจ แต่ยังไม่ใช่รักแท้ จะเข้ามาแล้วก็ออกไป เปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ สุขภาพ:ปวดตา สายตาไม่ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้โชคลาภ #คนเกิดวันศุกร์...การงาน: มีความอึดอัดใจในหลายๆอย่าง มีโอกาสได้เปลี่ยนงานออกงานไปทำอะไรใหม่ๆ การเงิน:จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับรถ ใครผ่อนรถหรือมีโครงการซื้อรถต้องบริหารจัดการเรื่องเงินให้ดี ความรัก: คนรักจะดูแลเป็นอย่างดี หากทะเลาะกันจะได้คืนดีกัน คนโสด: จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบและจะได้โชคได้เงินจากเขาด้วย สุขภาพ: ปวดขา ข้อเข่าปวดหลัง ให้ระวังการยกของหนักๆ การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันเสาร์...การงาน: ให้ระวังการทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล จะมีคนรู้เห็นและ นินทา ทำให้เกิดความเดือดร้อน การเงิน: มีรายจ่ายเกี่ยวกับลูก หรือได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรัก ระวังทะเลาะกันเพราะปัญหาหึงหวงคิดมาก คนโสด: จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ สุขภาพ:โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน การเดินทาง:ปลอดภัยดี #คนเกิดวันอาทิตย์...การงาน: ให้ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกับผู้ร่วมงานเรื่องคำพูดคำจา จะมีคนคอยจ้องจับผิด ควรทำงานให้ดีให้มีความรอบคอบ การเงิน: จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หากติดหนี้ใครต้องรีบใช้เพราะจะเป็นปัญหาบานปลายใหญ่โต ความรัก: มีโอกาสได้โชคได้เงินจากคนรักหรือได้บุตร คนโสด:จะมีคนเข้ามาหวังเรื่อง 18+ สุขภาพ:ปวดขา สิวผิวหน้าผื่นแพ้ ใครที่เจ็บป่วยอยู่มีโอกาสว่าอาการจะแย่ลงต้องดูแลสุขภาพให้ดี การเดินทาง:ปลอดภัยดีแต่จะรู้สึกเหน็ดเหนื่อย ----------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say

    นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา

    ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย

    ที่มา : NBT Connext

    #Thaitimes
    ผู้อยู่เบื้องหลังหมูเด้งดัง! องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ให้แก่ Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊งค์ และ Admin เพจ EDU zoo say นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เผยว่า ได้จัดพิธีมอบรางวัลยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลที่มีผลงานดีเด่น สร้างชื่อเสียง และทำคุณประโยชน์ให้กับหน่วยงาน ได้แก่ ( Admin เพจขาหมูแอนด์เดอะแก๊ง) นายอรรถพล หนุนดี พนักงานบำรุงและจัดการสวนสัตว์ ๓ งานบำรุงสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ฝ่ายบำรุงสัตว์ สังกัดสวนสัตว์เปิดเขาเขียว และ (Admin เพจ EDU zoo say) นางสาวอารีรัตน์ ทับทิม เจ้าหน้าที่สื่อการศึกษา ๓ งานสื่อการเรียนรู้ ฝ่ายการศึกษา ในฐานะที่ได้สร้างผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย อย่างโดดเด่นตลอดปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งเสิรมกำลังใจในการทำงาน สร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร ได้เห็นถึงความสำคัญของการทำงานเพื่อส่วนรวม สร้างค่านิยมและวัฒธรรมองค์กร Zoogether ไปด้วยกัน ไปได้ไกล ไปกับเรา ในการนี้ ได้รับเกียรติจาก รศ.เจษฎ์ โทณะวณิก ประธานกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย เป็นประธานมอบรางวัลในพิธีฯ พร้อมด้วย นายภัทระ คำพิทักษ์ กรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย นายชวลิต ชูขจร ที่ปรึกษาคณะกรรมการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย รวมถึงคณะผู้บริหารองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยร่วมเป็นเกียรติในพิธีด้วย ที่มา : NBT Connext #Thaitimes
    Like
    Love
    18
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1284 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์หนังสือในมือ

    เล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบครับ เป็นหนังสือที่เพิ่งเห็นในห้องสมุดไม่นานนี้ ก่อนหน้าได้เคยอ่านบ้านวิกลคนประหลาดเล่มแรกไปเมื่อหลายเดือนก่อน รู้สึกว่าผลงานนักเขียนคนนี้จะค่อนข้างมีกระแสแรงทั้งสองด้าน คนที่ชอบก็จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบมากถึงขั้นเกลียดก็มี ที่จะอยู่ตรงกลางไม่ค่อยเห็น ผมสนใจอ่านผลงานของเขาด้วยเหตุผล 2 ประการ

    1. อยากอ่านจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกทั้งการนำเสนอที่มีอะไรให้เล่นสนุกได้นอกเหนือไปจากตัวอักษรล้วน ปกติชอบหนังสือประเภทมีภาพประกอบให้ได้ใช้ความคิดวิเคราะห์อยู่แล้ว

    2 อยากทราบว่าทำไมผลงานของเขาถึงก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการนักอ่านได้อย่างรุนแรงชนิดที่เป็นขั้วตรงข้ามขนาดนั้น

    อ่านแล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองคือ ผมชอบนะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดชอบมาก ชอบในการสร้างสรรค์งานเขียนที่สร้างจุดแปลกให้แตกต่าง อาจจะไม่ได้เป็นครั้งแรก คนแรก ที่ใช้กลวิธีนำเสนอภาพกับเนื้อหาให้สอดคล้องกันไปกับเรื่องที่ต้องการเล่า ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้คนเขียนได้ออกกำลังทางความคิด ไปจนถึงความขัดแย้งทางความเห็นได้มากกว่างานเขียนอื่นที่ปรากฏสู่สายตานักอ่านในช่วงเดียวกันในเมืองไทย

    ไม่ว่าอ่านแล้ว จะมีทั้งคนชอบหรือคนไม่ชอบ ไปจนถึงรักหรือเกลียดในผลงาน หรืออาจพาไปถึงเกลียดคนเขียนด้วยหรือไม่นั้น ผมถือว่าเขาทำสำเร็จแล้วในแง่ของนักเขียนผู้สร้างปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ อย่างน้อยที่สุดการที่ได้มีการโต้แย้งทางความเห็นที่ไม่ไหลไปในทางเดียวกันทั้งหมด คือมีทั้งคนที่ชี้ข้อดี และข้อเสีย ก็น่าเป็นผลดีที่ทำให้เกิดความตื่นตัวต่อแวดวงคนอ่าน จะได้ไม่ซบเซาเหงาหงอยเกินไป

    ส่วนความเห็น ไม่ว่าจะฝั่งไหน ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าหรือสาระที่มีอยู่ในหนังสือเล่มใดให้มากขึ้น หรือลดลง เนื่องจากความเห็นยังไม่เที่ยงแท้และไม่ใช่ความจริง ด้วยขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมมากมายในแต่ละบุคคล ไม่ได้หมายความว่าความเห็นของคนที่ชอบจะต้องถูก หรือความเห็นของคนที่ไม่ชอบจะต้องผิด

    แม้แต่ความเห็นของเราเองยังเชื่อใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่แน่ว่ากาลเวลาล่วงเลยไปถึงระยะหนึ่งในวันข้างหน้า ที่เราเติบโตขึ้นต่างไปจากความรู้สึกในปัจจุบัน มุมมองความเห็นเราอาจกลายเป็นตรงข้ามกับตัวเองในตอนนี้ก็ยังได้ นั่นต่างหากคือความจริง

    #ภาพวาดปริศนากับการตามหาฆาตกร
    สนพ.Prism
    ฉบับพิมพ์ครั้ง4 ม.ค.2567
    อุเก็ตสึ เขียน
    ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล
    335 บาท 274 หน้า

    เนื้อหาอย่างคร่าว

    เริ่มต้นบทนำด้วยหญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้ศึกษามาทางด้านจิตวิเคราะห์ นำภาพวาดของเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เคยเป็นคนในความดูแลของตนช่วงเวลาหนึ่งมาฉายให้นักศึกษาที่เข้าฟังบรรยายชม และบอกว่าเด็กหญิงฆ่าแม่ตัวเองตาย เธออธิบายความหมายเบื้องหลังภาพนั้น ก่อนจะลงท้ายว่าเด็กหญิงเคยถูกแม่ทารุณกรรม แต่มีแนวโน้มพอจะเยียวยาได้ ปัจจุบันมีข่าวว่าเธอเป็นแม่คนแล้ว

    บทที่1ภาพวาดผู้หญิงยืนกลางสายลม

    เข้าสู่เรื่องราวของความแปลกด้วยการที่ นักศีกษาชมรมเรื่องลี้ลับชายคนหนึ่ง ได้รับการกระตุ้นให้เกิดสนใจในการเข้าไปอ่านในบล็อก ที่ผู้เขียนไม่เปิดเผยตัวตน แต่พิมพ์เล่าเรื่องราวในชีวิตตนเองคล้ายไดอารีให้คนที่เข้ามาอ่านทราบความเป็นไปของเขา ซึ่งมีอะไรที่ชวนฉงน อีกทั้งเจ้าของบล็อกลงรูปภาพหลายภาพ ที่ชวนให้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามีอะไรที่ไม่ปกติซ่อนเร้นอยู่ ยิ่งสุดท้ายมีการระบุว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับคนในครอบครัว และจะไม่อัปบล็อกอีกต่อไป เนื้อหาเหล่านั้นจึงค้างคาในใจของรุ่นน้อง แล้วพลอยส่งต่อความรู้สึกมายังรุ่นพี่ให้อยากรู้ตาม จนนอนไม่หลับ ใคร่จะไขปริศนาให้จงได้ จบตอน

    บทที่2 ภาพวาดหมอกปกคลุมห้อง

    กล่าวถึงหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกหาว่า หม่าม้า จากลูกชายวัย 6 ขวบ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพังในแมนชั่นแห่งหนึ่ง แม่ทำงานเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกชายนั้นเรียนที่โรงเรียนใกล้ที่พัก ระยะนี้คนเป็นแม่รู้สึกได้ว่าถูกใครสักคนลอบดูและแอบติดตามขณะเธอและลูกออกนอกแมนชั่น โดยเฉพาะช่วงเวลากลับจากรับลูกที่โรงเรียน จนมีความเครียดและกังวล ในขณะคุณครูที่ดูแลเด็กนักเรียนห้องที่ลูกชายของเธอเรียนอยู่นั้น ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับภาพวาดของเขามาหารือ เป็นภาพที่มีหัวข้อเกี่ยวกับแม่ แต่มีอะไรบางอย่างในภาพนั้นที่รบกวนใจของครูอย่างแปลกประหลาด จนภายหลังเมื่อค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์คำพูดของเพื่อนครูคนอื่น รวมถึงคำบอกเล่าของเด็กหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกันของเด็กชาย ดูเหมือนจะมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่ เกี่ยวกับแม่ลูกคู่นี้

    บทที่3 ภาพวาดในวาระสุดท้ายของครูสอนศิลปะ

    ครูหนุ่มใหญ่ซึ่งสอนในชมรมศิลปะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นคนค่อนข้างตรง และอุปนิสัยแข็งกร้าว เขามีน้ำใจชอบช่วยลูกศิษย์ และกับเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันในอดีต ชื่นชอบการวาดรูปกับปีนเขา เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่เขาขึ้นไปวาดรูปบนยอดเขาแล้วถูกพบเป็นศพในวันต่อมา สภาพศพน่าอเนจอนาถ คดีนี้มีผู้ได้รับการสอบถามจากนักข่าว 4 รายคือพนักงานที่คอยดูแลตรวจตราสภาพของภูเขา ,เมียผู้ตาย ซึ่งมีลูกชายวัยประถม ,เพื่อนสมัยเป็นนักศึกษาที่ปัจจุบันทำงานพิเศษเป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกับผู้ตาย และนักเรียนชมรมศิลปะที่ผู้ตายสอน แต่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้าย ต่อมาหนุ่มนักศึกษาที่เคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ตาย ที่หลังจบม.ปลายได้เข้าทำงานกับบริษัทหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขารักครูผู้ตายที่เคยช่วยเหลือตนสมัยเรียน จึงอยากสืบหาความจริง จากเบาะแสภาพวาดที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ทว่าเรื่องราวช่างซับซ้อนซ่อนกล และแฝงไว้ซึ่งความจริงอันน่าตื่นตระหนก

    บทที่4 ภาพวาดต้นไม้ปกป้องนกกระจอกชวา

    บทสุดท้ายที่จะขมวดทุกเหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเข้าสู่เรื่องยาวของชีวิต ๆ หนึ่ง ที่ย้อนกลับสู่บทนำในภาพแรกที่นักจิตวิเคราะห์ได้นำเสนอ โดยเล่าถึงชีวิตที่น่าสงสารและเห็นใจของเด็กหญิงที่บอกเล่าที่มาซึ่งทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรฆ่าแม่ และเรื่องราวหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่จะไปเชื่อมต่อกับเนื้อหาในบทที่ 1 2 3 ตามลำดับ เพื่อจะได้ทราบความจริงที่ถูกซ้อนทับด้วยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตหลายคดีด้วยกัน ทั้งหมดล้วนมีต้อตอมาจากคนคนเดียว

    เป็นใคร และทำไม ไปตามต่อได้ในเล่มครับ

    🖋หลังอ่านจบ

    ชอบในความอ่านง่าย ยิ่งมีภาพประกอบสลับเป็นช่วง ทำให้ได้พักสายตา จะขอไม่กล่าวถึงในแง่ต่าง ๆ ที่ทั้งคนชอบและไม่ชอบต่างวิจารณ์กันไปเยอะแล้ว แต่อยากพูดถึงในแง่ว่า ผู้เขียนฉลาดนักในการตัดสินใจเล่าอย่างตรงไปตรงมา ไม่อธิบายบรรยายฉากหรือเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์อย่างละเอียดมาก บางฉากถึงกับใช้วิธีที่ง่าย สั้น และตรง ๆ ทื่อ ๆ เลยด้วยซ้ำ

    ซึ่งมันกลับได้ผล ทรงพลัง เมื่อเราได้จินตนาการไปตามตัวอักษรเหล่านั้น เช่น

    ปั้กกก

    แล้วก็
    ปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกก...

    แค่ตอนที่อ่านถึงตรงบรรทัดนี้ ความรู้สึกเวลาหลับตานึกถึงกิริยาที่ก่อให้เกิดเสียง กับอาการที่เกิดขึ้นอันเป็นผลลัพธ์ ก็ทำเอาใจคอไม่เป็นปกติแล้ว

    เสียงชนิดเดียวที่ดังต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกชั่วระยะเวลาที่แม้นไม่นานนัก แต่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิตสำหรับความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์

    เพียงแค่ฉากนี้ฉากเดียว สามารถสื่อถึงความวิปริตผิดปกติของจิตใจคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะแสดงให้เห็นถึงสภาพคนที่มีความเก็บกด อดกลั้น ย้ำคิดย้ำทำ กังวลและเครียด ไม่สามารถจะควบคุมหรือยับยั้งความคิดหรืออารมณ์ที่ผุดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอปล่อยให้มันแสดงออกตามสบาย จึงล้นทะลักราวทำนบทลาย

    ซึ่งสังเกตได้ว่าไม่ได้ปรากฏขึ้นแค่เฉพาะฉากนี้เท่านั้น

    นี่คือความน่ากลัว และน่าขนลุกอย่างแท้จริง

    อ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสังคมไทยในปัจจุบัน เด็กหญิงชายจำนวนมากมาย ที่เติบโตขึ้นมาอย่างผู้ถูกกระทำจากคนใกล้ชิดในครอบครัว แม้บางส่วนถูกช่วยเหลือออกมาได้ และเข้าสู่ขั้นตอนช่วยเหลือเยียวยา

    ทว่า..เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเด็ก ๆ ได้รับการสะสางชำระล้างไปจนหมดสิ้น แล้วจะไม่กลายร่างเป็นดังเช่นคนร้ายที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้

    เด็กทั้งหลาย เขาได้เติบโตขึ้นมาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคม โดยที่เหมือนมีระเบิดเวลาซุกซ่อนอยู่ในตัว รอวันที่จะถูกสิ่งใดมากระตุ้นโดนจุดอ่อนนั้นให้เกิดเป็นเรื่องราวบทใหม่หรือไม่

    เป็นไปได้ว่าสักวันเหยื่อเหมือนในหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นใครบางคนที่เรารักหรือรักเรา แม้กระทั่งตัวเราเองก็เป็นได้ ใครจะรู้?!

    #บทความ
    #บทวิจารณ์
    #หนังสือน่าอ่าน
    #ฆาตกรรม
    #จิตวิทยา
    #หนังสือแปล
    #นิยายแปล
    #ความรุนแรงในครอบครีว
    #พ่อแม่รังแกฉัน
    #ปริศนา
    #ภาพวาด
    #thaitimes
    #อุเก็ตสึ
    วิเคราะห์หนังสือในมือ เล่มล่าสุดที่เพิ่งอ่านจบครับ เป็นหนังสือที่เพิ่งเห็นในห้องสมุดไม่นานนี้ ก่อนหน้าได้เคยอ่านบ้านวิกลคนประหลาดเล่มแรกไปเมื่อหลายเดือนก่อน รู้สึกว่าผลงานนักเขียนคนนี้จะค่อนข้างมีกระแสแรงทั้งสองด้าน คนที่ชอบก็จะชอบมาก ส่วนคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบมากถึงขั้นเกลียดก็มี ที่จะอยู่ตรงกลางไม่ค่อยเห็น ผมสนใจอ่านผลงานของเขาด้วยเหตุผล 2 ประการ 1. อยากอ่านจริง ๆ เพราะมีเนื้อหาที่น่าสนใจอีกทั้งการนำเสนอที่มีอะไรให้เล่นสนุกได้นอกเหนือไปจากตัวอักษรล้วน ปกติชอบหนังสือประเภทมีภาพประกอบให้ได้ใช้ความคิดวิเคราะห์อยู่แล้ว 2 อยากทราบว่าทำไมผลงานของเขาถึงก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมในวงการนักอ่านได้อย่างรุนแรงชนิดที่เป็นขั้วตรงข้ามขนาดนั้น อ่านแล้วได้ข้อสรุปกับตัวเองคือ ผมชอบนะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดชอบมาก ชอบในการสร้างสรรค์งานเขียนที่สร้างจุดแปลกให้แตกต่าง อาจจะไม่ได้เป็นครั้งแรก คนแรก ที่ใช้กลวิธีนำเสนอภาพกับเนื้อหาให้สอดคล้องกันไปกับเรื่องที่ต้องการเล่า ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้คนเขียนได้ออกกำลังทางความคิด ไปจนถึงความขัดแย้งทางความเห็นได้มากกว่างานเขียนอื่นที่ปรากฏสู่สายตานักอ่านในช่วงเดียวกันในเมืองไทย ไม่ว่าอ่านแล้ว จะมีทั้งคนชอบหรือคนไม่ชอบ ไปจนถึงรักหรือเกลียดในผลงาน หรืออาจพาไปถึงเกลียดคนเขียนด้วยหรือไม่นั้น ผมถือว่าเขาทำสำเร็จแล้วในแง่ของนักเขียนผู้สร้างปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ อย่างน้อยที่สุดการที่ได้มีการโต้แย้งทางความเห็นที่ไม่ไหลไปในทางเดียวกันทั้งหมด คือมีทั้งคนที่ชี้ข้อดี และข้อเสีย ก็น่าเป็นผลดีที่ทำให้เกิดความตื่นตัวต่อแวดวงคนอ่าน จะได้ไม่ซบเซาเหงาหงอยเกินไป ส่วนความเห็น ไม่ว่าจะฝั่งไหน ก็ไม่ได้ลดทอนคุณค่าหรือสาระที่มีอยู่ในหนังสือเล่มใดให้มากขึ้น หรือลดลง เนื่องจากความเห็นยังไม่เที่ยงแท้และไม่ใช่ความจริง ด้วยขึ้นกับปัจจัยแวดล้อมมากมายในแต่ละบุคคล ไม่ได้หมายความว่าความเห็นของคนที่ชอบจะต้องถูก หรือความเห็นของคนที่ไม่ชอบจะต้องผิด แม้แต่ความเห็นของเราเองยังเชื่อใจไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ไม่แน่ว่ากาลเวลาล่วงเลยไปถึงระยะหนึ่งในวันข้างหน้า ที่เราเติบโตขึ้นต่างไปจากความรู้สึกในปัจจุบัน มุมมองความเห็นเราอาจกลายเป็นตรงข้ามกับตัวเองในตอนนี้ก็ยังได้ นั่นต่างหากคือความจริง #ภาพวาดปริศนากับการตามหาฆาตกร สนพ.Prism ฉบับพิมพ์ครั้ง4 ม.ค.2567 อุเก็ตสึ เขียน ฉัตรขวัญ อดิศัย แปล 335 บาท 274 หน้า เนื้อหาอย่างคร่าว เริ่มต้นบทนำด้วยหญิงคนหนึ่งที่เป็นผู้ศึกษามาทางด้านจิตวิเคราะห์ นำภาพวาดของเด็กหญิงวัย 11 ปี ที่เคยเป็นคนในความดูแลของตนช่วงเวลาหนึ่งมาฉายให้นักศึกษาที่เข้าฟังบรรยายชม และบอกว่าเด็กหญิงฆ่าแม่ตัวเองตาย เธออธิบายความหมายเบื้องหลังภาพนั้น ก่อนจะลงท้ายว่าเด็กหญิงเคยถูกแม่ทารุณกรรม แต่มีแนวโน้มพอจะเยียวยาได้ ปัจจุบันมีข่าวว่าเธอเป็นแม่คนแล้ว บทที่1ภาพวาดผู้หญิงยืนกลางสายลม เข้าสู่เรื่องราวของความแปลกด้วยการที่ นักศีกษาชมรมเรื่องลี้ลับชายคนหนึ่ง ได้รับการกระตุ้นให้เกิดสนใจในการเข้าไปอ่านในบล็อก ที่ผู้เขียนไม่เปิดเผยตัวตน แต่พิมพ์เล่าเรื่องราวในชีวิตตนเองคล้ายไดอารีให้คนที่เข้ามาอ่านทราบความเป็นไปของเขา ซึ่งมีอะไรที่ชวนฉงน อีกทั้งเจ้าของบล็อกลงรูปภาพหลายภาพ ที่ชวนให้รู้สึกว่าเรื่องราวที่เขาเล่ามีอะไรที่ไม่ปกติซ่อนเร้นอยู่ ยิ่งสุดท้ายมีการระบุว่าเกิดเหตุร้ายแรงขึ้นกับคนในครอบครัว และจะไม่อัปบล็อกอีกต่อไป เนื้อหาเหล่านั้นจึงค้างคาในใจของรุ่นน้อง แล้วพลอยส่งต่อความรู้สึกมายังรุ่นพี่ให้อยากรู้ตาม จนนอนไม่หลับ ใคร่จะไขปริศนาให้จงได้ จบตอน บทที่2 ภาพวาดหมอกปกคลุมห้อง กล่าวถึงหญิงคนหนึ่งที่ถูกเรียกหาว่า หม่าม้า จากลูกชายวัย 6 ขวบ ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกันตามลำพังในแมนชั่นแห่งหนึ่ง แม่ทำงานเป็นพนักงานในซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกชายนั้นเรียนที่โรงเรียนใกล้ที่พัก ระยะนี้คนเป็นแม่รู้สึกได้ว่าถูกใครสักคนลอบดูและแอบติดตามขณะเธอและลูกออกนอกแมนชั่น โดยเฉพาะช่วงเวลากลับจากรับลูกที่โรงเรียน จนมีความเครียดและกังวล ในขณะคุณครูที่ดูแลเด็กนักเรียนห้องที่ลูกชายของเธอเรียนอยู่นั้น ก็มีเรื่องที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับภาพวาดของเขามาหารือ เป็นภาพที่มีหัวข้อเกี่ยวกับแม่ แต่มีอะไรบางอย่างในภาพนั้นที่รบกวนใจของครูอย่างแปลกประหลาด จนภายหลังเมื่อค้นพบข้อมูลเพิ่มเติมจากการวิเคราะห์คำพูดของเพื่อนครูคนอื่น รวมถึงคำบอกเล่าของเด็กหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทกันของเด็กชาย ดูเหมือนจะมีความลับที่น่าตกใจซ่อนอยู่ เกี่ยวกับแม่ลูกคู่นี้ บทที่3 ภาพวาดในวาระสุดท้ายของครูสอนศิลปะ ครูหนุ่มใหญ่ซึ่งสอนในชมรมศิลปะของโรงเรียนแห่งหนึ่ง เป็นคนค่อนข้างตรง และอุปนิสัยแข็งกร้าว เขามีน้ำใจชอบช่วยลูกศิษย์ และกับเพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันในอดีต ชื่นชอบการวาดรูปกับปีนเขา เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่งที่เขาขึ้นไปวาดรูปบนยอดเขาแล้วถูกพบเป็นศพในวันต่อมา สภาพศพน่าอเนจอนาถ คดีนี้มีผู้ได้รับการสอบถามจากนักข่าว 4 รายคือพนักงานที่คอยดูแลตรวจตราสภาพของภูเขา ,เมียผู้ตาย ซึ่งมีลูกชายวัยประถม ,เพื่อนสมัยเป็นนักศึกษาที่ปัจจุบันทำงานพิเศษเป็นครูอยู่โรงเรียนเดียวกับผู้ตาย และนักเรียนชมรมศิลปะที่ผู้ตายสอน แต่ตำรวจไม่สามารถจับคนร้าย ต่อมาหนุ่มนักศึกษาที่เคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ตาย ที่หลังจบม.ปลายได้เข้าทำงานกับบริษัทหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เขารักครูผู้ตายที่เคยช่วยเหลือตนสมัยเรียน จึงอยากสืบหาความจริง จากเบาะแสภาพวาดที่ทิ้งไว้ก่อนเสียชีวิต ทว่าเรื่องราวช่างซับซ้อนซ่อนกล และแฝงไว้ซึ่งความจริงอันน่าตื่นตระหนก บทที่4 ภาพวาดต้นไม้ปกป้องนกกระจอกชวา บทสุดท้ายที่จะขมวดทุกเหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเข้าสู่เรื่องยาวของชีวิต ๆ หนึ่ง ที่ย้อนกลับสู่บทนำในภาพแรกที่นักจิตวิเคราะห์ได้นำเสนอ โดยเล่าถึงชีวิตที่น่าสงสารและเห็นใจของเด็กหญิงที่บอกเล่าที่มาซึ่งทำให้เธอกลายเป็นฆาตกรฆ่าแม่ และเรื่องราวหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่จะไปเชื่อมต่อกับเนื้อหาในบทที่ 1 2 3 ตามลำดับ เพื่อจะได้ทราบความจริงที่ถูกซ้อนทับด้วยคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในอดีตหลายคดีด้วยกัน ทั้งหมดล้วนมีต้อตอมาจากคนคนเดียว เป็นใคร และทำไม ไปตามต่อได้ในเล่มครับ 🖋หลังอ่านจบ ชอบในความอ่านง่าย ยิ่งมีภาพประกอบสลับเป็นช่วง ทำให้ได้พักสายตา จะขอไม่กล่าวถึงในแง่ต่าง ๆ ที่ทั้งคนชอบและไม่ชอบต่างวิจารณ์กันไปเยอะแล้ว แต่อยากพูดถึงในแง่ว่า ผู้เขียนฉลาดนักในการตัดสินใจเล่าอย่างตรงไปตรงมา ไม่อธิบายบรรยายฉากหรือเรื่องที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์อย่างละเอียดมาก บางฉากถึงกับใช้วิธีที่ง่าย สั้น และตรง ๆ ทื่อ ๆ เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันกลับได้ผล ทรงพลัง เมื่อเราได้จินตนาการไปตามตัวอักษรเหล่านั้น เช่น ปั้กกก แล้วก็ ปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกกปั้กกก... แค่ตอนที่อ่านถึงตรงบรรทัดนี้ ความรู้สึกเวลาหลับตานึกถึงกิริยาที่ก่อให้เกิดเสียง กับอาการที่เกิดขึ้นอันเป็นผลลัพธ์ ก็ทำเอาใจคอไม่เป็นปกติแล้ว เสียงชนิดเดียวที่ดังต่อเนื่องซ้ำแล้วซ้ำอีกชั่วระยะเวลาที่แม้นไม่นานนัก แต่น่าจะยาวนานที่สุดในชีวิตสำหรับความรู้สึกของผู้อยู่ในเหตุการณ์ เพียงแค่ฉากนี้ฉากเดียว สามารถสื่อถึงความวิปริตผิดปกติของจิตใจคนคนนั้นได้อย่างชัดเจน เพราะแสดงให้เห็นถึงสภาพคนที่มีความเก็บกด อดกลั้น ย้ำคิดย้ำทำ กังวลและเครียด ไม่สามารถจะควบคุมหรือยับยั้งความคิดหรืออารมณ์ที่ผุดพุ่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอปล่อยให้มันแสดงออกตามสบาย จึงล้นทะลักราวทำนบทลาย ซึ่งสังเกตได้ว่าไม่ได้ปรากฏขึ้นแค่เฉพาะฉากนี้เท่านั้น นี่คือความน่ากลัว และน่าขนลุกอย่างแท้จริง อ่านแล้วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงสังคมไทยในปัจจุบัน เด็กหญิงชายจำนวนมากมาย ที่เติบโตขึ้นมาอย่างผู้ถูกกระทำจากคนใกล้ชิดในครอบครัว แม้บางส่วนถูกช่วยเหลือออกมาได้ และเข้าสู่ขั้นตอนช่วยเหลือเยียวยา ทว่า..เราจะมั่นใจได้อย่างไร ว่าสิ่งที่ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของเด็ก ๆ ได้รับการสะสางชำระล้างไปจนหมดสิ้น แล้วจะไม่กลายร่างเป็นดังเช่นคนร้ายที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ เด็กทั้งหลาย เขาได้เติบโตขึ้นมาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคม โดยที่เหมือนมีระเบิดเวลาซุกซ่อนอยู่ในตัว รอวันที่จะถูกสิ่งใดมากระตุ้นโดนจุดอ่อนนั้นให้เกิดเป็นเรื่องราวบทใหม่หรือไม่ เป็นไปได้ว่าสักวันเหยื่อเหมือนในหนังสือเล่มนี้ อาจเป็นใครบางคนที่เรารักหรือรักเรา แม้กระทั่งตัวเราเองก็เป็นได้ ใครจะรู้?! #บทความ #บทวิจารณ์ #หนังสือน่าอ่าน #ฆาตกรรม #จิตวิทยา #หนังสือแปล #นิยายแปล #ความรุนแรงในครอบครีว #พ่อแม่รังแกฉัน #ปริศนา #ภาพวาด #thaitimes #อุเก็ตสึ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1230 มุมมอง 0 รีวิว
  • หกทักษะของสุภาพบุรุษจีนโบราณ ตอน 1 ‘หลี่’

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> จะจำได้ว่าองค์หญิงหลี่หรงจัดงานเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักกับแคนดิเดทราชบุตรเขย โดยในระหว่างงานเลี้ยงได้กำหนดให้เหล่าคุณชายแสดงความสามารถตาม ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) และหกทักษะนี้ได้รับการกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณด้วยเช่นกัน

    หกทักษะนี้คือพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ อันแฝงไว้ซึ่งปรัชญาและคำสอนของขงจื๊อ เชื่อว่าเพื่อนเพจเคยผ่านตาผ่านหูว่า หกทักษะนี้คือ พิธีการ (หลี่/礼) ดนตรี (เยวี่ย/乐) ยิงธนู (เซ่อ/射) ขับขี่ (อวี้/御) อักษรศาสตร์ (ซู/书) และคำนวณ (ซู่/数) แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจคงไม่รู้ถึงรายละเอียดของมัน

    หกทักษะปรากฏอยู่ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ (เป็นบันทึกที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพื่อรวมรวมข้อมูลพิธีการและความรู้ด้านต่างๆ จากสมัยราชวงศ์โจว) ในรายละเอียดประกอบด้วย ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าธนู ห้าขับขี่ หกอักษร และเก้าคำนวณ และมีการอธิบายไว้ชัดเจนว่าองค์ประกอบของมันมีอะไรบ้าง Storyฯ อ่านแล้วก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เหนือความคาดหมาย เลยมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอแบ่งเล่าเป็นหลายตอนเพื่อไม่ให้บทความยาวเกินไป

    ทักษะแรกคือ ‘หลี่’ (礼) ซึ่งแปลได้ว่าพิธีการหรือมารยาท โดยบัณฑิตต้องรู้ถึงรายละเอียดของการเตรียมงาน ขั้นตอนในงาน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวางตัว เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ และคำพูดที่ถูกต้องเหมาะสม และห้า ‘หลี่’ ที่บัณฑิตต้องรู้คือ
    (1) จี๋หลี่ (吉礼) หมายถึงพิธีการเสริมดวงเสริมบารมี คืองานเซ่นไหว้สักการะและงานบวงสรวงทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามเทศกาลสำคัญหรือกราบไหว้บรรพบุรุษ
    (2) ซยงหลี่ (凶礼) หมายถึงพิธีการเกี่ยวกับภยันตราย โดยหลักคืองานศพ และหมายรวมถึงพิธีการขับไล่สิ่งอัปมงคลในยามที่เกิดอุทกภัยหรือโรคระบาด หรือพิธีการเซ่นไหว้ไว้อาลัยหลังสงคราม
    (3) จวินหลี่ (军礼) หมายถึงพิธีการด้านการทหาร (การจัดขบวน การเคลื่อนทัพ การบวงสรวงต่างๆ เมื่อองค์กษัตริย์ทรงยาตราทัพเอง การเยี่ยมชมและตรวจการกองทัพ และการต้อนรับกองทัพที่กลับจากสงคราม โดยพิธีการมีจำแนกว่าชนะศึกหรือพ่ายศึกกลับมา ฯลฯ) และยังรวมถึงพิธีการเกี่ยวกับงานล่าสัตว์ประจำฤดูของกษัตริย์ และหมายรวมงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมทำเช่นอารามหลวง พระราชวัง ฯลฯ
    (4) ปินหลี่ (宾礼) หมายถึงมารยาทและพิธีการในการต้อนรับแขก โดยจำแนกตามยศศักดิ์ของแขกและผู้ที่ให้การต้อนรับ เช่น กษัตริย์ต้อนรับกษัตริย์แขกเมืองหรือขุนนาง ข้าราชการต้อนรับประชาชนธรรมดา ต้อนรับแขกเมืองระดับต่างๆ ฯลฯ
    (5) เจียหลี่ (嘉礼) หมายถึงพิธีการมงคล ซึ่งจำแนกรายละเอียดตามยศศักดิ์ของเจ้าของงาน เช่นงานราชพิธีต่างๆ (พิธีราชาภิเษก งานแต่งตั้งองค์รัชทายาท งานเลือกชายาและสนม ฯลฯ) งานมงคลสมรส พิธีปักปิ่น พิธีสวมหมวกกวาน พิธีการขอบคุณ พิธีการอำลา งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไป เป็นต้น

    แน่นอนว่าแต่ละพิธีการเหล่านี้มีรายละเอียดอีกมากมายที่เราไม่ได้ลงรายละเอียดในที่นี้ (หมายเหตุ Storyฯ เคยกล่าวถึงบางพิธีการ เช่นพิธีการปักปิ่น ฯลฯ ลองค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญนะคะ) แต่โดยภาพรวมเราจะเห็นได้ว่า ทักษะว่าด้วย ‘หลี่’ นี้ หมายรวมถึงความเข้าใจอย่างละเอียดถึงพิธีการต่างๆ หลักการปฏิบัติและวางตนต่อผู้อื่นและมารยาททางสังคม โดยมาจากแนวคำสอนของขงจื๊อที่ว่า ผู้ที่บกพร่องในทักษะนี้ จะขาดการวางตนที่ดี ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อผู้อื่นหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง หรือทำให้เกิดความวุ่นวายสร้างความขุ่นเคืองหรือสับสนต่อผู้อื่นได้ และทำให้สังคมไม่สมานฉันท์

    สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันต่อค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=204949
    https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083
    https://baike.baidu.com/item/六艺/238715
    http://www.dfg.cn/gb/ssht/ly/07-junli.htm
    https://baike.baidu.com/item/五礼/491424

    #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน

    หกทักษะของสุภาพบุรุษจีนโบราณ ตอน 1 ‘หลี่’ สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดู <องค์หญิงใหญ่> จะจำได้ว่าองค์หญิงหลี่หรงจัดงานเลี้ยงเพื่อทำความรู้จักกับแคนดิเดทราชบุตรเขย โดยในระหว่างงานเลี้ยงได้กำหนดให้เหล่าคุณชายแสดงความสามารถตาม ‘จวินจื่อลิ่วอี้’ (君子六艺) หรือหกทักษะของสุภาพบุรุษ (หมายเหตุ อี้ แปลได้ว่าทักษะความสามารถ) และหกทักษะนี้ได้รับการกล่าวถึงในหลากหลายละครและนิยายจีนโบราณด้วยเช่นกัน หกทักษะนี้คือพื้นฐานความรู้ด้านต่างๆ อันแฝงไว้ซึ่งปรัชญาและคำสอนของขงจื๊อ เชื่อว่าเพื่อนเพจเคยผ่านตาผ่านหูว่า หกทักษะนี้คือ พิธีการ (หลี่/礼) ดนตรี (เยวี่ย/乐) ยิงธนู (เซ่อ/射) ขับขี่ (อวี้/御) อักษรศาสตร์ (ซู/书) และคำนวณ (ซู่/数) แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจคงไม่รู้ถึงรายละเอียดของมัน หกทักษะปรากฏอยู่ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ (เป็นบันทึกที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่นเพื่อรวมรวมข้อมูลพิธีการและความรู้ด้านต่างๆ จากสมัยราชวงศ์โจว) ในรายละเอียดประกอบด้วย ห้าพิธีการ หกดนตรี ห้าธนู ห้าขับขี่ หกอักษร และเก้าคำนวณ และมีการอธิบายไว้ชัดเจนว่าองค์ประกอบของมันมีอะไรบ้าง Storyฯ อ่านแล้วก็รู้สึกว่ามีหลายอย่างที่เหนือความคาดหมาย เลยมาเล่าสู่กันฟัง แต่ขอแบ่งเล่าเป็นหลายตอนเพื่อไม่ให้บทความยาวเกินไป ทักษะแรกคือ ‘หลี่’ (礼) ซึ่งแปลได้ว่าพิธีการหรือมารยาท โดยบัณฑิตต้องรู้ถึงรายละเอียดของการเตรียมงาน ขั้นตอนในงาน กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการวางตัว เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ และคำพูดที่ถูกต้องเหมาะสม และห้า ‘หลี่’ ที่บัณฑิตต้องรู้คือ (1) จี๋หลี่ (吉礼) หมายถึงพิธีการเสริมดวงเสริมบารมี คืองานเซ่นไหว้สักการะและงานบวงสรวงทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามเทศกาลสำคัญหรือกราบไหว้บรรพบุรุษ (2) ซยงหลี่ (凶礼) หมายถึงพิธีการเกี่ยวกับภยันตราย โดยหลักคืองานศพ และหมายรวมถึงพิธีการขับไล่สิ่งอัปมงคลในยามที่เกิดอุทกภัยหรือโรคระบาด หรือพิธีการเซ่นไหว้ไว้อาลัยหลังสงคราม (3) จวินหลี่ (军礼) หมายถึงพิธีการด้านการทหาร (การจัดขบวน การเคลื่อนทัพ การบวงสรวงต่างๆ เมื่อองค์กษัตริย์ทรงยาตราทัพเอง การเยี่ยมชมและตรวจการกองทัพ และการต้อนรับกองทัพที่กลับจากสงคราม โดยพิธีการมีจำแนกว่าชนะศึกหรือพ่ายศึกกลับมา ฯลฯ) และยังรวมถึงพิธีการเกี่ยวกับงานล่าสัตว์ประจำฤดูของกษัตริย์ และหมายรวมงานก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ต้องเกณฑ์ชาวบ้านมาร่วมทำเช่นอารามหลวง พระราชวัง ฯลฯ (4) ปินหลี่ (宾礼) หมายถึงมารยาทและพิธีการในการต้อนรับแขก โดยจำแนกตามยศศักดิ์ของแขกและผู้ที่ให้การต้อนรับ เช่น กษัตริย์ต้อนรับกษัตริย์แขกเมืองหรือขุนนาง ข้าราชการต้อนรับประชาชนธรรมดา ต้อนรับแขกเมืองระดับต่างๆ ฯลฯ (5) เจียหลี่ (嘉礼) หมายถึงพิธีการมงคล ซึ่งจำแนกรายละเอียดตามยศศักดิ์ของเจ้าของงาน เช่นงานราชพิธีต่างๆ (พิธีราชาภิเษก งานแต่งตั้งองค์รัชทายาท งานเลือกชายาและสนม ฯลฯ) งานมงคลสมรส พิธีปักปิ่น พิธีสวมหมวกกวาน พิธีการขอบคุณ พิธีการอำลา งานเลี้ยงสังสรรค์ทั่วไป เป็นต้น แน่นอนว่าแต่ละพิธีการเหล่านี้มีรายละเอียดอีกมากมายที่เราไม่ได้ลงรายละเอียดในที่นี้ (หมายเหตุ Storyฯ เคยกล่าวถึงบางพิธีการ เช่นพิธีการปักปิ่น ฯลฯ ลองค้นอ่านบทความเก่าได้จากสารบัญนะคะ) แต่โดยภาพรวมเราจะเห็นได้ว่า ทักษะว่าด้วย ‘หลี่’ นี้ หมายรวมถึงความเข้าใจอย่างละเอียดถึงพิธีการต่างๆ หลักการปฏิบัติและวางตนต่อผู้อื่นและมารยาททางสังคม โดยมาจากแนวคำสอนของขงจื๊อที่ว่า ผู้ที่บกพร่องในทักษะนี้ จะขาดการวางตนที่ดี ไม่รู้ว่าควรปฏิบัติต่อผู้อื่นหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างไร ทำให้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง หรือทำให้เกิดความวุ่นวายสร้างความขุ่นเคืองหรือสับสนต่อผู้อื่นได้ และทำให้สังคมไม่สมานฉันท์ สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันต่อค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.upmedia.mg/news_info.php?Type=196&SerialNo=204949 https://guoxue.ifeng.com/c/7qhsbaO24FU Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_20109083 https://baike.baidu.com/item/六艺/238715 http://www.dfg.cn/gb/ssht/ly/07-junli.htm https://baike.baidu.com/item/五礼/491424 #องค์หญิงใหญ่ #ทักษะสุภาพบุรุษจีน #ศิลปะสุภาพบุรุษจีน #คำสอนขงจื๊อ #จวินจื่อลิ่วอี้ #สาระจีน
    WWW.UPMEDIA.MG
    張凌赫新劇《度華年》對打王星越《墨雨雲間》 他與趙今麥演歡喜冤家3關鍵獲好評--上報
    張凌赫近年事業蒸蒸日上,他2022年擔任王鶴棣、虞書欣的爆款劇《蒼蘭訣》男配嶄露頭角,接著又在2023年與虞......
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีพบก็ต้องมีจาก ! สมดังคำพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า

    อนิจจา วต สังขารา
    สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ

    อุปปาทะวะยะธัมมิโน
    มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา

    อุปัชชิตวานิรุชฌันติ
    มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา

    เตสังวูปะสะโมสุโข
    การเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลายทั้งปวงได้ เป็นความสุข

    อะจิรัง วะตะยัง กาโย ร่างกายนี้หนอ ในไม่ช้า

    ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ
    จักนอนทับพื้นดิน

    ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ
    ถูกทอดทิ้ง ปราศจากวิญญาณ

    นิรัตถัง วะ กะลิงคะรัง
    ประดุจท่อนไม้และท่อนฟืนที่หาประโยชน์มิได้
    มีพบก็ต้องมีจาก ! สมดังคำพุทธพจน์ที่ทรงตรัสไว้ว่า อนิจจา วต สังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงหนอ อุปปาทะวะยะธัมมิโน มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา อุปัชชิตวานิรุชฌันติ มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เตสังวูปะสะโมสุโข การเข้าไปสงบระงับสังขารทั้งหลายทั้งปวงได้ เป็นความสุข อะจิรัง วะตะยัง กาโย ร่างกายนี้หนอ ในไม่ช้า ปะฐะวิง อะธิเสสสะติ จักนอนทับพื้นดิน ฉุฑโฑ อะเปตะวิญญาโณ ถูกทอดทิ้ง ปราศจากวิญญาณ นิรัตถัง วะ กะลิงคะรัง ประดุจท่อนไม้และท่อนฟืนที่หาประโยชน์มิได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ##แนวนึ้แพร่หลายขึ้นทุกวัน# #กับดักคนโลภ#
    🎃 พูดให้เข้าใจว่าเป็น พระแท้ และเป็นเนื้อทองคำ แต่ไม่ใช้คำพูดว่าทองคำ ..และปิดท้ายด้วย กระดาษข้อความไม่รับประกัน..
    ...หมดนี่ เป็นล้าน...!! ขาย 7-8 พัน แย่งกันปิดพรึบ.....
    ...อย่างที่เขียนบ่อยๆ มันต้องมีองค์ประกอบ 2 ข้อหลักๆ ที่จะดำเนินคดีฉัอโกงได้ และแน่นหนา คือ ขายในราคาของแท้ และมีการรับประกันชัดเจน ...
    ...ซึ่งคนพวกนี้ก็รู้ช่องว่างนี้..
    🪵 เพจแบบนี้มีมากมาย แต่มีข้อสังเกตุอยู่อย่างนึง มีทีมงานชุดนึง ผู้หญิงสำเนียง นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี ...แนวทางมาแนวเดียวกัน มีเรื่องราว มีหน้าม้า มีการจัดฉากถ่ายทำ ครบ.


    ##แนวนึ้แพร่หลายขึ้นทุกวัน# #กับดักคนโลภ# 🎃 พูดให้เข้าใจว่าเป็น พระแท้ และเป็นเนื้อทองคำ แต่ไม่ใช้คำพูดว่าทองคำ ..และปิดท้ายด้วย กระดาษข้อความไม่รับประกัน.. ...หมดนี่ เป็นล้าน...!! ขาย 7-8 พัน แย่งกันปิดพรึบ..... ...อย่างที่เขียนบ่อยๆ มันต้องมีองค์ประกอบ 2 ข้อหลักๆ ที่จะดำเนินคดีฉัอโกงได้ และแน่นหนา คือ ขายในราคาของแท้ และมีการรับประกันชัดเจน ... ...ซึ่งคนพวกนี้ก็รู้ช่องว่างนี้.. 🪵 เพจแบบนี้มีมากมาย แต่มีข้อสังเกตุอยู่อย่างนึง มีทีมงานชุดนึง ผู้หญิงสำเนียง นครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี ...แนวทางมาแนวเดียวกัน มีเรื่องราว มีหน้าม้า มีการจัดฉากถ่ายทำ ครบ.
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • จนท.ผู้ควบคุมอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิแจ้งความดำเนินคดีกับสาวโปแลนด์ผู้ก่อเหตุขู่วางระเบิดเที่ยวบิน VZ961เส้นทางดานัง- สุวรรณภูมิ หลังจากสายการบินไทยเวียตเจ็ท ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ

    28 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี สายการบินไทยเวียตเจ็ท ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้โดยสารชาวโปแลนด์หญิงวัย34ปี ที่ก่อเหตุขู่วางระเบิดเที่ยวบิน VZ961เส้นทางดานัง- สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ซึ่งการขู่วางระเบิดในสนามบิน หรือในอากาศยาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22

    ดังนั้น CATT จึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว โดยผู้ควบคุมอากาศยานหรือนักบินในเที่ยวบินนั้นเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งไม่ใช่สายการบินซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นผู้แจ้งความ ตามที่ปรากฏในข่าว และทางตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    คำพูดต้องห้ามที่ไม่ควรพูดทั้งในสนามบินและบนเครื่องบิน เช่น
    – ระเบิด Bomb
    – อาวุธและวัตถุอันตราย ปืน Gun or Fire Arm
    – การก่อการร้าย Terrorist
    – โรคระบาดร้ายแรง

    CAAT จึงขอแนะนำว่า ไม่ควรพูดคำต้องห้ามเหล่านี้ แม้จะเป็นการพูดเล่นกับเพื่อน หรือพูดเล่นกับเจ้าหน้าที่ เพราะอาจทำให้ผู้อื่นเกิดความไม่สบายใจ ตื่นตระหนก หรือเกิดความเข้าใจผิดจนอาจจะนำมาสู่ความวุ่นวาย และผู้พูดอาจถูกดำเนินการตามกฎหมายได้

    ภาพจากข่าวสด

    #Thaitimes
    จนท.ผู้ควบคุมอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิแจ้งความดำเนินคดีกับสาวโปแลนด์ผู้ก่อเหตุขู่วางระเบิดเที่ยวบิน VZ961เส้นทางดานัง- สุวรรณภูมิ หลังจากสายการบินไทยเวียตเจ็ท ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ 28 กันยายน 2567 -รายงานข่าวจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณี สายการบินไทยเวียตเจ็ท ไม่ได้มีการดำเนินคดีกับผู้โดยสารชาวโปแลนด์หญิงวัย34ปี ที่ก่อเหตุขู่วางระเบิดเที่ยวบิน VZ961เส้นทางดานัง- สุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 ซึ่งการขู่วางระเบิดในสนามบิน หรือในอากาศยาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 ดังนั้น CATT จึงได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุแล้ว โดยผู้ควบคุมอากาศยานหรือนักบินในเที่ยวบินนั้นเป็นผู้แจ้งความดำเนินคดี ซึ่งไม่ใช่สายการบินซึ่งเป็นนิติบุคคลเป็นผู้แจ้งความ ตามที่ปรากฏในข่าว และทางตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุ ในข้อหาแจ้งข้อความหรือส่งข่าวสารซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นเท็จ และการนั้นเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือผู้ที่อยู่ในอากาศยานในระหว่างการบินตื่นตกใจ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 มาตรา 22 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อความปลอดภัยของอากาศยานในระหว่างการบิน ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5-15 ปี หรือปรับตั้งแต่ 200,000-600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คำพูดต้องห้ามที่ไม่ควรพูดทั้งในสนามบินและบนเครื่องบิน เช่น – ระเบิด Bomb – อาวุธและวัตถุอันตราย ปืน Gun or Fire Arm – การก่อการร้าย Terrorist – โรคระบาดร้ายแรง CAAT จึงขอแนะนำว่า ไม่ควรพูดคำต้องห้ามเหล่านี้ แม้จะเป็นการพูดเล่นกับเพื่อน หรือพูดเล่นกับเจ้าหน้าที่ เพราะอาจทำให้ผู้อื่นเกิดความไม่สบายใจ ตื่นตระหนก หรือเกิดความเข้าใจผิดจนอาจจะนำมาสู่ความวุ่นวาย และผู้พูดอาจถูกดำเนินการตามกฎหมายได้ ภาพจากข่าวสด #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 913 มุมมอง 0 รีวิว
  • Do'BahtDiaw
    สหายที่ไร้วิญญาณ แต่ไม่ไร้ความรู้สึก สื่อสัมผัสที่ได้รับ จากสหายผู้บึกบึน
    .
    Do'BahtDiaw
    แห่งที่มาของชื่อ ... นั้นมีที่มา
    ยานพาหนะสี่ล้อสีดำ ที่เห็นโคลนเป็นไม่ได้
    พร้อมที่จะโผนกระโจนเข้าใส่อย่างไร้ความลังเลในทุกที่ ... ที่มีทาง
    จุดหมายข้างหน้าจะเละ จะเลอะ พร้อมเสมอมา แม้ว่าบางครั้งจะไปไม่ถึงก็ตาม
    .
    Do คือ Colorado
    BahtDiaw คือ ราคาบาทเดียว
    ว่ากันง่ายๆ คือ Chevrolet Colorado ราคาบาทเดียว
    ทำไมถึงชื่อนี้กันละ นั้นสิ ชื่อคือตัวแทนที่อยากเรียกขาน ที่รู้กันในกลุ่ม
    .
    นับจากที่ออกป้ายแดงเดิมๆ
    ชีวิตเกษตรที่ต้องใช้งานเข้าสวนในทาง Off Road
    เส้นทาง ๑๐ กิโลเมตรกว่าปลายๆ เป็นทางที่ชาวบ้านใช้รถไถ
    หน้าแล้ง คือ ฝุ่น หินลอย หน้าฝน คือ โคลน น้ำ และดินกึ่งหนังหมู
    แต่จริงๆ หน้าไหนก็โคลนเละ ป้ายแดงกับถนนเละๆ ไม่ค่อยได้ล้างคราบโคลน
    '
    เช้าเข้าตลาดเช้า ... ซื้ออาหารกินเที่ยงในสวน
    เย็นเข้าตลาดเย็น ... ซื้ออาหารกินมื้อเย็นกลับที่พักพิง
    ดูแปลกตา แปลกใจ ของคนในตลาด จนมีคำพูดของคนในตลาดที่ได้ยินเข้าหู
    '
    #ใช้รถยังกะซื้อมาบาทเดียว
    จะตั้งชื่อ #รถบาทเดียว มันดูธรรมด๊า ธรรมดา
    รถรุ่นโคโลราโด ในกลุ่มจะพูดกันง่ายๆ เราเหล่าชาว #โด้
    #โด้บาทเดียว ดูจะเหมาะสม และดูเท่จัดภาษาประกิตทับศัพท์กันเลย

    Do’BahtDiaw
    Do'BahtDiaw สหายที่ไร้วิญญาณ แต่ไม่ไร้ความรู้สึก สื่อสัมผัสที่ได้รับ จากสหายผู้บึกบึน . Do'BahtDiaw แห่งที่มาของชื่อ ... นั้นมีที่มา ยานพาหนะสี่ล้อสีดำ ที่เห็นโคลนเป็นไม่ได้ พร้อมที่จะโผนกระโจนเข้าใส่อย่างไร้ความลังเลในทุกที่ ... ที่มีทาง จุดหมายข้างหน้าจะเละ จะเลอะ พร้อมเสมอมา แม้ว่าบางครั้งจะไปไม่ถึงก็ตาม . Do คือ Colorado BahtDiaw คือ ราคาบาทเดียว ว่ากันง่ายๆ คือ Chevrolet Colorado ราคาบาทเดียว ทำไมถึงชื่อนี้กันละ นั้นสิ ชื่อคือตัวแทนที่อยากเรียกขาน ที่รู้กันในกลุ่ม . นับจากที่ออกป้ายแดงเดิมๆ ชีวิตเกษตรที่ต้องใช้งานเข้าสวนในทาง Off Road เส้นทาง ๑๐ กิโลเมตรกว่าปลายๆ เป็นทางที่ชาวบ้านใช้รถไถ หน้าแล้ง คือ ฝุ่น หินลอย หน้าฝน คือ โคลน น้ำ และดินกึ่งหนังหมู แต่จริงๆ หน้าไหนก็โคลนเละ ป้ายแดงกับถนนเละๆ ไม่ค่อยได้ล้างคราบโคลน ' เช้าเข้าตลาดเช้า ... ซื้ออาหารกินเที่ยงในสวน เย็นเข้าตลาดเย็น ... ซื้ออาหารกินมื้อเย็นกลับที่พักพิง ดูแปลกตา แปลกใจ ของคนในตลาด จนมีคำพูดของคนในตลาดที่ได้ยินเข้าหู ' #ใช้รถยังกะซื้อมาบาทเดียว จะตั้งชื่อ #รถบาทเดียว มันดูธรรมด๊า ธรรมดา รถรุ่นโคโลราโด ในกลุ่มจะพูดกันง่ายๆ เราเหล่าชาว #โด้ #โด้บาทเดียว ดูจะเหมาะสม และดูเท่จัดภาษาประกิตทับศัพท์กันเลย Do’BahtDiaw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • วลาดิมีร์ ปูติน แย้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนอร์ดสตรีม

    แม้ว่ามหาอำนาจตะวันตกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการทำลายท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีมในเดือนกันยายน ๒๐๒๒, หรือพยายามโยนความผิดให้กับแพะรับบาปที่แสนสะดวก, แต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับเผยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า รัสเซียรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่มตะวันตกกำลังเล่นเกมอะไรอยู่

    อย่าเชื่อคำพูดของเรา – ดูวิดีโอนี้แล้วดูว่าปูตินพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสุนทรพจน์ต่างๆของเขาและในบทสัมภาษณ์อันโด่งดังของเขากับ ทักเกอร์ คาร์ลสัน
    .
    Vladimir Putin hints time and again who is behind the Nord Stream terrorist attack

    While Western powers either feign ignorance about who orchestrated the destruction of the Nord Stream natural gas pipelines in September 2022, or try to pin the blame on some convenient scapegoats, Russian President Vladimir Putin repeatedly hinted that Russia knows who is responsible and what kind of game the collective West is playing.

    Don’t take our word for it – check out this video and see what Putin himself said regarding this matter in his various speeches and in his famous interview to Tucker Carlson.
    .
    11:51 PM · Sep 26, 2024 · 3,854 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1839346981115703523
    วลาดิมีร์ ปูติน แย้มซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายนอร์ดสตรีม แม้ว่ามหาอำนาจตะวันตกจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการทำลายท่อส่งก๊าซธรรมชาตินอร์ดสตรีมในเดือนกันยายน ๒๐๒๒, หรือพยายามโยนความผิดให้กับแพะรับบาปที่แสนสะดวก, แต่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับเผยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า รัสเซียรู้ว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบ และกลุ่มตะวันตกกำลังเล่นเกมอะไรอยู่ อย่าเชื่อคำพูดของเรา – ดูวิดีโอนี้แล้วดูว่าปูตินพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสุนทรพจน์ต่างๆของเขาและในบทสัมภาษณ์อันโด่งดังของเขากับ ทักเกอร์ คาร์ลสัน . Vladimir Putin hints time and again who is behind the Nord Stream terrorist attack While Western powers either feign ignorance about who orchestrated the destruction of the Nord Stream natural gas pipelines in September 2022, or try to pin the blame on some convenient scapegoats, Russian President Vladimir Putin repeatedly hinted that Russia knows who is responsible and what kind of game the collective West is playing. Don’t take our word for it – check out this video and see what Putin himself said regarding this matter in his various speeches and in his famous interview to Tucker Carlson. . 11:51 PM · Sep 26, 2024 · 3,854 Views https://x.com/SputnikInt/status/1839346981115703523
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 108 0 รีวิว
  • #ทั้งผลประโยชน์ทั้งปมในใจทั้งความป๋วยทางจิตส่งผลให้โจเป็นแบบนี้
    เอาจริงๆ โจ เป็นคนที่อยู่ในสถานะบุคคลที่น่าเวทนานะ
    แต่โจ กลับไม่ได้แค่ป๋วย แต่โจ กลับเลือกที่จะซั่วด้วย
    ซั่ว ด้วยการคุ-กคามน้องแน๊ก ด้วยการให้ร้าย
    ที่สร้างสรรปั้นแต่งจากประสบการณ์และความป๋วยรวมถึงปมของตัวเองล้วนๆ
    โจวว มีปมเรื่อง เกิดมากับการที่อยู่ในครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว
    โจ มณฑนี จึงมีปมที่อคติกับผู้ชายทุกคนบนโลก
    และโจ ได้ยัดเยียด ความเก..ียดชังผู้ชายที่ฝังในใจ
    มาโถมใส่น้องแน๊กชาลี เป็นเอาเป็นเอาตุย
    ตอนนี้ พี่คิงส์ยังไม่รู้เลยว่า ระหว่าง ปมของโจ หรือเงินของทุนดาร์ค
    ที่เป็นแรงขับเคลื่อนแรงจูงใจในการกระทำของโจมากกว่ากัน
    หรือพอๆกัน จากคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย
    -บ.ล้ม ละลาย เจ๊งงง แต่ล้างปมด้วยการสอนด้านการเงินทั้งๆที่ตัวเองไม่จบม.6 พ่อก็อุตส่าห์ส่งไปเรียนปวช.ปี 1 ก็ยังไม่จบ ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญอะไรเลย มีแต่คิดไปเองมโนไปเอง จำเค้ามาเล่า
    -เรื่องความรักเรื่องคู่ครอง ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย ใช้แต่ปมขับเคลื่อนอคติ เปลี่ยนเป็นตัวอักษรที่พิมพ์ และคำพูด และยัดเยียดให้คนอื่นคิดตาม
    พี่คิงส์ไม่อยากจะเจาะถึงเจตนาจริงๆที่โจเองอาจจะไม่รู้ตัว นั่นคือ
    โจ มีความอิจ..า ผู้หญิงทุกคนที่มีผู้ชายที่ดี โจจะแทรกเข้ามาเหมือนจะมีความอินกับความสุขนั้น แต่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เป็นความสุขเหมือนอยู่ในความฝัน และโจมักคิดว่าตัวเอง กับกามิจ คือคนเดียวกันเสมอ แล้วสุดท้าย ความดีใจที่อยู่ในเบื้องลึกของโจคือ การตอกย้ำว่า ผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซั่วร้าย และผู้หญิงทุกคนบนโลก ควรมีชีวิตเหมือนตนเอง นี่คือสิ่งที่ยุติธรรม สำหรับโจ มณฑนี
    -เรื่องอาการป๋วย ที่ยัดเยียดให้น้องแน๊ก นั่นก็เพราะตัวเอง ต้องจมดิ่งกับภาวะจิตมานานมาก ทั้งเ..พติดดราม่า และอื่นๆอีกมากมาย ที่โจเองก็ออกมายอมรับสารภาพ ทุกอย่างเพราะโจไม่เคยพบกับความสุข มีแต่ประสบการณ์ที่คั่งในใจ และพร้อมปะทุออกมาด้วยการโยนในสิ่งที่ตนเองเป็น ปมที่ตนเองซ่อนไว้ ให้ใครซักคน แบกรับไว้ เพื่อกลบเกลื่อนปมที่ตนเองมี
    -เรื่องการศึกษา เพราะโจ ฝังความคิดในหัวตัวเองว่า ตัวเองคือนางเอกชื่อกามิน เลยนำทุกอย่างที่เป็นเรื่องของกามิจ มาสวมเป็นเรื่องของตัวเอง และสร้างสารตั้งต้นความคิดว่า กามิจ จบป.โท ส่วนแน๊กจบม.6 สำนวนที่พวกทุยพลี รับไปก็จะออกมาแนวที่ว่า สงสารอิเหม็นที่ต้องมาเจอกับคนไร้การศึกษา บลาๆๆ
    ซึ่งเรื่องของเรื่องคือ โจ ไม่จบแม้กระทั่งม.6 เทอมแรก บอกพ่อเอง ไม่เรียนแล้วเว้ย พ่อก็ห่วงลูก พาลูกไปสมัครเรียนพาณิชย์ เลขานุการ เรียนยังไม่ทันไร ก็เลิก เป็นคนที่มีลักษณะตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล หาเหตุผลซัพพอตการตัดสินใจอันผิดพลาดของตัวเองเสมอ
    เอาหล่ะ เป็นไง ห-ม-อคิงส์ วินิจฉัยศ.ดร.มโนของ โจมณฑนี
    กระจ่าง สว่างวาบแล้วหรือยัง
    จิตวิทยาที่โจใช้อะ ขั้นพื้นฐานมาก
    จนพี่คิงส์และคนไทยไม่อยากเชื่อว่า
    จะมีคนเชื่อ ซึ่งก็จริง ไม่มีคน ที่เชื่อ มีแต่ทุย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ทั้งผลประโยชน์ทั้งปมในใจทั้งความป๋วยทางจิตส่งผลให้โจเป็นแบบนี้ เอาจริงๆ โจ เป็นคนที่อยู่ในสถานะบุคคลที่น่าเวทนานะ แต่โจ กลับไม่ได้แค่ป๋วย แต่โจ กลับเลือกที่จะซั่วด้วย ซั่ว ด้วยการคุ-กคามน้องแน๊ก ด้วยการให้ร้าย ที่สร้างสรรปั้นแต่งจากประสบการณ์และความป๋วยรวมถึงปมของตัวเองล้วนๆ โจวว มีปมเรื่อง เกิดมากับการที่อยู่ในครอบครัวของแม่เลี้ยงเดี่ยว โจ มณฑนี จึงมีปมที่อคติกับผู้ชายทุกคนบนโลก และโจ ได้ยัดเยียด ความเก..ียดชังผู้ชายที่ฝังในใจ มาโถมใส่น้องแน๊กชาลี เป็นเอาเป็นเอาตุย ตอนนี้ พี่คิงส์ยังไม่รู้เลยว่า ระหว่าง ปมของโจ หรือเงินของทุนดาร์ค ที่เป็นแรงขับเคลื่อนแรงจูงใจในการกระทำของโจมากกว่ากัน หรือพอๆกัน จากคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรเลย -บ.ล้ม ละลาย เจ๊งงง แต่ล้างปมด้วยการสอนด้านการเงินทั้งๆที่ตัวเองไม่จบม.6 พ่อก็อุตส่าห์ส่งไปเรียนปวช.ปี 1 ก็ยังไม่จบ ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญอะไรเลย มีแต่คิดไปเองมโนไปเอง จำเค้ามาเล่า -เรื่องความรักเรื่องคู่ครอง ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเลย ใช้แต่ปมขับเคลื่อนอคติ เปลี่ยนเป็นตัวอักษรที่พิมพ์ และคำพูด และยัดเยียดให้คนอื่นคิดตาม พี่คิงส์ไม่อยากจะเจาะถึงเจตนาจริงๆที่โจเองอาจจะไม่รู้ตัว นั่นคือ โจ มีความอิจ..า ผู้หญิงทุกคนที่มีผู้ชายที่ดี โจจะแทรกเข้ามาเหมือนจะมีความอินกับความสุขนั้น แต่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง เป็นความสุขเหมือนอยู่ในความฝัน และโจมักคิดว่าตัวเอง กับกามิจ คือคนเดียวกันเสมอ แล้วสุดท้าย ความดีใจที่อยู่ในเบื้องลึกของโจคือ การตอกย้ำว่า ผู้ชาย เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซั่วร้าย และผู้หญิงทุกคนบนโลก ควรมีชีวิตเหมือนตนเอง นี่คือสิ่งที่ยุติธรรม สำหรับโจ มณฑนี -เรื่องอาการป๋วย ที่ยัดเยียดให้น้องแน๊ก นั่นก็เพราะตัวเอง ต้องจมดิ่งกับภาวะจิตมานานมาก ทั้งเ..พติดดราม่า และอื่นๆอีกมากมาย ที่โจเองก็ออกมายอมรับสารภาพ ทุกอย่างเพราะโจไม่เคยพบกับความสุข มีแต่ประสบการณ์ที่คั่งในใจ และพร้อมปะทุออกมาด้วยการโยนในสิ่งที่ตนเองเป็น ปมที่ตนเองซ่อนไว้ ให้ใครซักคน แบกรับไว้ เพื่อกลบเกลื่อนปมที่ตนเองมี -เรื่องการศึกษา เพราะโจ ฝังความคิดในหัวตัวเองว่า ตัวเองคือนางเอกชื่อกามิน เลยนำทุกอย่างที่เป็นเรื่องของกามิจ มาสวมเป็นเรื่องของตัวเอง และสร้างสารตั้งต้นความคิดว่า กามิจ จบป.โท ส่วนแน๊กจบม.6 สำนวนที่พวกทุยพลี รับไปก็จะออกมาแนวที่ว่า สงสารอิเหม็นที่ต้องมาเจอกับคนไร้การศึกษา บลาๆๆ ซึ่งเรื่องของเรื่องคือ โจ ไม่จบแม้กระทั่งม.6 เทอมแรก บอกพ่อเอง ไม่เรียนแล้วเว้ย พ่อก็ห่วงลูก พาลูกไปสมัครเรียนพาณิชย์ เลขานุการ เรียนยังไม่ทันไร ก็เลิก เป็นคนที่มีลักษณะตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล หาเหตุผลซัพพอตการตัดสินใจอันผิดพลาดของตัวเองเสมอ เอาหล่ะ เป็นไง ห-ม-อคิงส์ วินิจฉัยศ.ดร.มโนของ โจมณฑนี กระจ่าง สว่างวาบแล้วหรือยัง จิตวิทยาที่โจใช้อะ ขั้นพื้นฐานมาก จนพี่คิงส์และคนไทยไม่อยากเชื่อว่า จะมีคนเชื่อ ซึ่งก็จริง ไม่มีคน ที่เชื่อ มีแต่ทุย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗

    คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด

    1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel

    อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ

    📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม

    จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน

    🏨

    รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น

    🏨

    เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ

    🏨

    นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้

    🏨

    ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้

    งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ

    🏨

    ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง

    ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ

    🏨

    อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ

    🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง

    เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย

    🏨

    เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ

    🏨

    แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี

    🏨

    จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ

    หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง

    บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน.

    .........................................

    2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve

    เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า

    สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท
    ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน
    อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล

    เนื้อหาย่อของเล่มนี้

    ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์

    🏨

    เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี

    🏨

    ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้

    🏨

    ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น

    🏨

    ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า

    ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง

    🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ

    เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น

    ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น

    นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ

    ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว

    ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า

    นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี

    ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย

    📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ

    ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด

    ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ

    #thaitimes
    #หนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #นิยายแปล
    #นิยายญี่ปุ่น
    #นิยายสืบสวน
    #สืบสวน
    #คดีฆาตกรรม
    #งานโรงแรม
    #พนักงานต้อนรับ
    #ตำรวจ
    #นักสืบ
    #ลูกค้า
    #งานบริการ
    #อาชีพ
    #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    🔹️แพ็กคู่ซีรีส์ชุด พิกัดต่อไปใครเป็นศพ❗ คำเตือน เนื้อหายาวมากถึงมากที่สุด 1 #พิกัดต่อไปใครเป็นศพ #masqueradehotel อ่านจนจบในวันเดียว หนาถึง 547 หน้า ดีที่ขนาดไม่เทอะทะแม้หนาแต่ไม่หนัก ตอนตัดสินใจเลือกยืมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยชมที่สร้างเป็นหนังมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน พออ่านไปได้ไม่กี่หน้าเริ่มรู้สึกฉากช่างคุ้นเคย เนื้อเรื่องเหมือนเคยรู้มาก่อน ทบทวนความทรงจำตนเองจึงค่อยจำได้ว่าคือเรื่องเดียวกับหนังที่ดูจบแล้วชอบมากนั่นเอง แต่ห้วงเวลาที่ชมนั้นไม่เคยทราบว่าสร้างจากนิยายเล่มนี้ ดูเพราะชอบนักแสดงหลักทั้งสองคนเลยคือ ทาคูยะ และมาซามิ และก็ไม่ผิดหวังทั้งคู่แสดงในบทบาทที่ได้รับได้ดีมาก พระนางมีการขัดแย้งในความเห็นอย่างที่เรียกว่าคู่กัด แต่ก็ห่วงใยช่วยเหลือกันมีความน่ารักปนน่าหมั่นไส้ โรงแรมที่ใช้เป็นฉากก็หรูหราโอ่โถงงดงามน่าใช้บริการอย่างมากครับ 📚วกกลับมาเข้าเรื่องในหนังสือ สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 425 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาในเล่มกล่าวถึงชีวิตของพนักงานโรงแรมคอร์เทเชียโตเกียวสุดหรูที่มีนามว่า ยามางิชิ นาโอมิ ซึ่งเป็นตัวเอกที่ดำเนินเรื่องหลักของนิยายเล่มนี้ ที่ฉากแรกปรากฏก็เปิดตัวอย่างสง่างามสมกับความเป็นพนักงานต้อนรับมืออาชีพยิ่ง เพราะมีลูกค้าชายประเภทที่จงใจก่อปัญหาเพื่อหวังจะได้เข้าพักในห้องราคาสูงกว่าที่ตนได้เลือกจองไว้ จนพนักงานยกกระเป๋าที่เข็นของไปให้ ต้องโทร.ลงมาปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งเธอสามารถบริหารจัดการให้ผ่านพ้นสิ่งที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าลงได้อย่างสวยงาม จากนั้นเรื่องจึงนำพาผู้อ่านเข้าสู่ประเด็นของที่มาอันกลายเป็นชื่อเรื่องคือ ทางผู้จัดการใหญ่ที่รับผิดชอบดูแลพนักงานในโรงแรมทั้งหมด ได้รับการติดต่อขอความร่วมมือจากกรมตำรวจนครบาลโตเกียว ในการสืบสวนคดีที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนี้ ที่มีแนวโน้มเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่องโดยคนร้ายรายเดียวกัน 🏨 รายละเอียดของคดีคือ มีการพบศพผู้ตาย 3 ราย ในระยะเวลาห่างกันประมาณ 6-7 วันนับจากศพแรก ทราบชื่อผู้ตายทั้งสาม เป็นชาย2หญิง1 สาเหตุเสียชีวิตจากการถูกทำร้ายด้วยการตีจากด้านหลังบ้าง รัดคอบ้าง ทุกรายพบตัวเลขปริศนา2ชุดในจุดเกิดเหตุ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเกี่ยวข้องกับการตายของเหยื่อหรือไม่อย่างไร แต่ตำรวจมั่นใจว่าคนร้ายหมายตาที่จะก่อเหตุในครั้งต่อไป โดยเล็งเป้าหมายคือโรงแรมที่นาโอมิทำงานอยู่ ปัญหาใหญ่คือไม่ทราบว่าใครที่คนร้ายหมายจะฆ่า ทำไมถึงเลือกที่นี่ และคนร้ายคือใคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้ ฝ่ายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ได้คุยตกลงกันกับผู้จัดการใหญ่ของโรงแรมแล้ว ดังนั้นจึงเรียกตัว หัวหน้าจากหลายฝ่ายให้มาร่วมประชุม ไม่ว่าฝ่ายห้องพัก ฝ่ายเข็นสัมภาระลูกค้าไปส่งห้อง ฝ่ายประชาสัมพันธ์ และในการนี้นาโอมิยังถูกระบุให้เข้าร่วมประชุมแม้จะเป็นแค่เพียง พนักงานระดับปฏิบัติการณ์ฝ่ายต้อนรับเท่านั้น 🏨 เหตุผลเพราะหัวหน้างานไว้วางใจ เชื่อมั่นในคุณสมบัติและประสบการณ์ของเธอจะสามารถเป็นพี่เลี้ยงให้กับตำรวจ ที่จะปลอมเข้ามาเป็นพนักงานเพื่อเฝ้าสังเกตบุคคลที่มาใช้บริการโรงแรม ซึ่งแผนกต้อนรับเองนาโอมิถูกเลือกให้จับคู่กับรองสารวัตรนิตตะ ส่วนแผนกอื่นก็มีตำรวจปลอมตัวเข้าไปด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็มีตำรวจส่วนหนึ่งที่ถูกสั่งการให้ปะปนเข้ามาเป็นคนใช้บริการหรือจับตาความเคลื่อนไหวบริเวณโถงรับแขก ห้องอาหาร และอื่นๆ 🏨 นั่นคือจุดเริ่มแห่งความหรรษา เพราะนิตตะไม่ชอบอะไรที่เป็นพิธีการ แต่จำใจต้องเชื่อฟังนาโอมิที่อายุน้อยกว่า ตั้งแต่เรื่องชุดพนักงาน ท่าทีการพูดจา บุคลิกภายนอกที่ต้องถูกปรับให้กลายจากความเป็นตำรวจมาเป็นพนักงานต้อนรับให้สมจริงมากที่สุด ทั้งคู่จึงมีการกระทบกระทั่งทางความคิดที่ไม่ตรงกัน จนมีการโต้เถียงบ่อยครั้ง ซึ่งเป็นความบันเทิงประการหนึ่ง ด้วยคู่นี้มีความน่ารัก น่าลุ้น ที่จะกลายมาเป็นคู่ใจในอนาคตได้ 🏨 ระหว่างนั้น นาโอมิมีข้อสงสัยมากมายหลายประการ เธอมักถามนิตตะที่ทราบรายละเอียดของคดีมากกว่าที่พนักงานโรงแรมทราบ แต่นิตตะไม่บอกเล่าโดยให้เหตุผลว่าเป็นความลับของทางราชการไม่อาจให้คนนอกทราบได้ งานบริการของนาโอมิยังคงต้องดำเนินต่อไป เกิดปัญหาจากความต้องการของลูกค้าที่แวะเวียนเข้ามาพักเป็นระยะ ซึ่งเธอและนิตตะต้องพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ผ่านพ้น ทำให้ทั้งสองเริ่มมีความเข้าใจและยอมรับในตัวตนและงานของอีกฝ่ายได้ดีขึ้นกว่าเมื่อแรกพบหน้า ลูกค้าบางคนดูไม่น่าไว้ใจและมีท่าทางแปลกจนนิตตะจับตามองเป็นพิเศษ ด้วยสัญชาตญาณของนักสืบ 🏨 ขณะที่มีตำรวจวัยเลยกลางคนไปแล้ว ซึ่งเป็นตำรวจในท้องที่เกิดเหตุคนหนึ่งที่รู้จักกับนิตตะ และได้รับการมอบหมายให้เป็นคู่หูสืบคดีก่อนที่นิตตะจะต้องปลอมตัวมาเป็นพนักงานต้อนรับนั้น มีน้ำใจที่อยากจะช่วยเหลือ จึงมักอาสาช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ จากด้านนอก ตามที่นิตตะมีความสงสัยด้วยอีกทางหนึ่ง ในที่สุดนิตตะก็ทนรบเร้าจากนาโอมิไม่ไหว อีกทั้งเริ่มมีความไว้ใจเธอมากขึ้น จนยอมเล่าให้ทราบถึงปริศนาของชุดตัวเลขที่ปรากฏทุกครั้งในสถานที่พบศพอันเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตำรวจตัดสินใจปะปนเข้ามาในโรงแรม ทำให้เธอเริ่มเกิดความตื่นตัวและทึ่งในความสามารถของเขา รวมถึงมีความกังวลถึงเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นเมื่อไรก็ได้จนส่งผลต่อสุขภาพและงานในหน้าที่ความรับผิดชอบ 🏨 อย่างไรก็ตาม สุดท้ายตัวคนร้ายคือคนที่คิดไม่ถึง ซึ่งไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าจะวางแผนการณ์ได้อย่างแยบยลขนาดนั้น แต่แรงจูงใจในการก่อคดียังรู้สึกว่ามีน้ำหนักน้อยไปสักหน่อย คงเพราะความที่คนร้ายเป็นคนประเภทมีจิตรุนแรงในพื้นนิสัย ทำให้ต้องลุ้นเอาใจช่วยนิตตะและนาโอมิในตอนที่เนื้อเรื่องเปิดเผยให้คนอ่านทราบแล้วว่าเป็นใคร ทั้งสองจะปลอดภัยหรือไม่ จะจับตัวคนร้ายได้ไหม ใครจะถูกฆ่าเป็นรายถัดไปหรือเปล่า ต้องตามอ่านต่อในพิกัดต่อไปใครเป็นศพครับ 🖋วิจารณ์หลังจบเรื่อง เป็นการเล่าในมุมมองบุคคลที่สามคือมุมมองพระเจ้า ฉากหลักตลอดทั้งเรื่องเกิดขึ้นภายในโรงแรม ตัวละครที่มีการเอ่ยชื่อและมีบทบาทสำคัญไม่เยอะจนเกินไป จึงทำให้คนอ่านจดจำและรู้สึกใกล้ชิดกับตัวเอก ไปจนตัวรองที่ถูกกล่าวถึงบ่อย ๆ ได้ไม่ยาก ความจริงในส่วนของคดีที่เกิดในเล่มนี้นั้น พูดตามจริงแล้วไม่ได้มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร รูปแบบการฆ่าก็ธรรมดาเกินกว่าจะดูน่ากลัวหรือลึกลับ เพียงแต่มีจุดเด่นตรงชุดตัวเลขปริศนาว่าหมายถึงอะไร และชวนน่าสงสัยเล็กน้อยว่าคนร้ายจะฆ่าคนไปทำไม เพราะดูเหมือนตำรวจมีข้อมูลน้อยมาก จนการสืบสวนแทบไม่เดินหน้าไปไหนเลย 🏨 เป็นความตั้งใจของผู้เขียนที่คงจะต้องการให้โทนของเรื่องออกมาในลักษณะนี้ คือไม่เน้นที่การสืบสวนคลี่คลายปมเป็นพิเศษ จึงไม่จำเป็นต้องผูกเรื่องราวของคดีที่เกิดขึ้นให้มีความอลังการ จนดึงดูดความสนใจกระหายใคร่รู้ และกระตุ้มต่อมนักสืบของคนอ่านจนพุ่งสูงด้วยความเข้มข้นของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเหยื่อ แต่กลับเลือกที่จะให้ดูเป็นคดีทั่วไป ไม่มีความโชกเลือดหรือบ้าคลั่งของฆาตกรเป็นที่ปรากฏออกมาในบรรยากาศ ซึ่งในแง่นี้ถือว่านักอ่านหลายคนอาจถูกภาพปกของหนังสือหลอกเอาได้ เพราะโทนสีดำแดง กับเลือดเปรอะกระจายบนแผนที่ อีกทั้งชื่อเรื่องชวนค้นหาว่าคงจะดำเนินไปในแนวทางน่าตื่นเต้นกับการตามสืบอะไรทำนองนั้น ซึ่งใครที่คาดหวังมากก็อาจผิดหวังเมื่อพบว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นไปในทิศทางที่ตนคาดว่าจะได้พบเจอ 🏨 แต่นี่ไม่มีปัญหากับผม ส่วนตัวชอบมาก แทบไม่ได้สนใจในคดีด้วยซ้ำว่าใครจะเป็นคนร้าย ใครเป็นเป้าหมายที่กำลังจะถูกฆ่า และทำไมต้องฆ่า คืออ่านไปได้เรื่อย ๆ อย่างเพลิดเพลิน ชอบในความที่เนื้อหาเจาะลึกถึงวงการคนโรงแรม ทำให้เราได้รู้ข้อมูลหลายอย่าง สิ่งที่พนักงานต้องแบกรับและพบเจอที่เป็นเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลัง ซึ่งคนทั่วไปไม่ค่อยได้คำนึงถึงและไม่เคยมองในมุมของคนทำงานเหล่านั้น จึงเป็นความบันเทิงที่สามารถได้รู้เรื่องราวอินไซด์โดยผ่านการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของนาโอมิ กับประเด็นต่าง ๆ ที่เข้ามามากมาย คล้ายกำลังได้ติดตามดูซีรีส์ชีวิตการทำงานในอาชีพด้านการบริหารโรงแรมดี ๆ สักเรื่องหนึ่ง ซึ่งอดีตเมื่อ 30 กว่าปีก่อน เคยได้รับชมมาบ้างทั้งของญี่ปุ่นและเกาหลี 🏨 จุดเด่นในการดำเนินเรื่องคือเราจะได้เห็นพัฒนาการความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นของสองตัวละครหลัก ในระหว่างร่วมกันแก้ไขปัญหา แม้มีความขัดแย้งจากความเห็นมุมมองที่ต่างสถานะบ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ดีเสียอีกทำให้ต่างฝ่ายได้เรียนรู้เพิ่ม เป็นประสบการณ์ใหม่และเปิดมุมมองอีกด้านที่ตนไม่เคยใส่ใจ จนเกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจ และเชื่อใจกันโดยไม่รู้ตัว แม้นภายนอกเหมือนไม่ชอบหน้ากันก็ตาม ที่สำคัญคือแม้เรื่องแนวทางการสืบหาตัวคนร้ายเหมือนไม่คืบหน้าไปไหน แต่เมื่อนาโอมิแก้ปัญหาลูกค้าไปทีละเรื่องต่อเนื่องไป ทำให้นิตตะเองสะดุดคิดได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่จะเกี่ยวโยงไปถึงคดีได้อย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งคำพูดของนาโอมิเองช่วงสนทนากับนิตตะ ไปจุดประกายให้เขาพลันนึกอะไรได้ขึ้นมาอย่างกะทันหันก็มี รวมถึงคู่หูนายตำรวจท้องที่ผู้มีอายุมากกว่าเขา ก็ยังมีส่วนช่วยอย่างคาดไม่ถึงเช่นกัน ทำให้เห็นถึงพลังของความช่วยเหลือกันและกันของความเป็นเพื่อน แม้เพิ่งทำความรู้จักกันชั่วระยะเวลาไม่นาน นี่จึงไม่ใช่นิยายสืบสวนที่เน้นความเก่งฉกาจของนักสืบที่รับผิดชอบคดีแบบฉายเดี่ยว แต่ต้องอาศัยความเชื่อใจระหว่างกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ความเห็นที่มีของตนคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอ หากพิจารณาให้ดี จะได้เห็นถึงความสำคัญของบุคคลแวดล้อมที่ดูราวกับไม่มีส่วนสำคัญ แต่แท้จริงถ้าไม่ได้ความคิดเห็นหรือความช่วยเหลือของเขา พระเอกของเราก็ยังคงไม่อาจฉุกใจได้คิด จนนำไปสู่การรู้ตัวคนร้ายในช่วงท้ายของเรื่อง บทสรุปก่อนจบ มีแนวโน้มให้คนอ่านได้ลุ้นว่านิตตะกับนาโอมิ จะมีความเป็นไปได้ในการเป็นคู่รักหรือไม่ แต่ที่มั่นใจคือน่าจะมีเล่มต่อให้ได้ติดตามกันอย่างแน่นอน. ......................................... 2. #พิกัดต่อไปใครเป็นศพตอนลางร้ายใต้หน้ากาก #masqueradeeve เล่มที่สองของซีรีส์ ที่ยังคงความสนุกได้ไม่แพ้เล่มแรก แต่ความหนาน้อยลงเหลือ 352 หน้า สำนักพิมพ์น้ำพุ ปี พ.ศ.2023 /ราคา 345 บาท ฮิงาชิโนะ เคโงะ เขียน อภิญญา เตชะบุญไพศาล แปล เนื้อหาย่อของเล่มนี้ ถึงจะออกมาเป็นเล่มที่สองของชุด แต่เหตุการณ์เป็นเรื่องก่อนหน้าคดีในเล่มแรก คือย้อนไปเล่าสมัยที่นาโอมิเพิ่งจะเข้าทำงานใน คอร์เทเชียโตเกียวได้แค่สี่ปี และย้ายแผนกมาอยู่ฝ่ายต้อนรับไม่นาน ยังเห็นถึงความผิดพลาดบกพร่องที่ไม่คล่องตัว ยังไม่มีความเชื่อมั่นในประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญดังภาพที่ปรากฏในเล่มก่อนหน้า ทว่าก็ยังคงบุคลิกที่มุ่งมั่นในการให้บริการ และมีหัวใจในการคิดถึงและเอาใจใส่ต่อลูกค้าทุกคนอย่างซื่อสัตย์ 🏨 เริ่มต้นมา นาโอมิก็ได้แสดงความสามารถที่ทำให้เห็นถึงความมีไหวพริบปฏิภาณ และช่างสังเกต อันเป็นคุณสมบัติที่ควรต้องมีในคนที่ทำอาชีพเช่นเธอ โดยมีชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งนาโอมิจดจำได้ว่าเป็นอดีตแฟนที่เคยคบหากันชั่วเวลาหนึ่งสมัยที่เธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่มีเหตุให้ต้องเลิกราแยกย้ายกันไปคนละเส้นทาง เขามากับชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นนักกีฬาเบสบอลอาชีพที่มีชื่อเสียงมาก โดยทำหน้าที่เป็นผจก.ส่วนตัวนักกีฬาชาย แล้วได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นในขณะที่ทั้งสองมาพักอยู่ในโรงแรม จนเป็นเหตุให้แฟนเก่าคนนี้โทร.ตามตัวนาโอมิจากหน้าฟรอนต์ให้มาช่วยแก้ไขปัญหา ซึ่งเธอไม่เต็มใจนักแต่ต้องตัดความรู้สึกส่วนตัวออก แล้วสวมหัวใจพนักงานฝ่ายต้อนรับที่ต้องช่วยเหลือบริการแก่ลูกค้าอย่างดีที่สุด ซึ่งสุดท้ายเธอก็สามารถจัดการกับปัญหาให้จบลงด้วยดี 🏨 ทางด้านนิตตะนั้น เพิ่งเริ่มต้นอาชีพด้วยการเข้าเป็นน้องใหม่ในสังกัดกรมตำรวจหลังกลับมาจากต่างประเทศไม่นาน โดยมีรุ่นพี่โมโตมิยะ(ปรากฏตัวในเล่มแรกด้วย โดยเป็นหนึ่งที่ปลอมตัวเข้าไปในโรงแรม) ที่เป็นคู่หูและพี่เลี้ยง ซึ่งคดีแรกที่เขาต้องคลี่คลายคือ คดีฆาตกรรมวันไวต์เดย์ โดยตำรวจได้รับแจ้งจากหญิงสาวคนหนึ่งว่าสามีของตนออกไปวิ่งออกกำลังตอนกลางดึกแต่ยังไม่กลับถึงบ้านตามเวลา สุดท้ายมีการพบว่าสามีของเธอกลายเป็นศพอยู่ในสวน ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกแทงที่ท้องและหลัง มีอะไรหลายอย่างที่พบในที่เกิดเหตุ รวมถึงข้อมูลที่ตำรวจได้สืบทราบมา ที่รบกวนใจของนิตตะ เขาได้แสดงความสามารถออกมาเป็นที่ปรากฏจนรุ่นพี่ออกจะไม่พอใจและหมั่นไส้อยู่บ้าง ด้วยสิ่งที่นิตตะคาดคะเนและวิเคราะห์ทำให้ตำรวจสามารถพบตัวของผู้ก่อเหตุได้ในเวลาไม่นาน แต่คดีนี้มีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่าสิ่งที่ตำรวจรู้ 🏨 ตัดมาที่การปฏิบัติงานของนาโอมิ ในเหตุการณ์ที่มีกลุ่มชายหลายคน มาจองห้องพักและมีพฤติการณ์ที่ทำให้เธอรู้สึกว่าแปลกพิกล ต่อมาทราบว่าที่แท้คนกลุ่มนี้หวังที่จะมาเฝ้ารอเพื่อจะได้พบเจอกับนักเขียนนิยายที่โด่งดังนามว่า ทาจิบานะ ซากุระซึ่งเขียนแนวประโลมโลก และจะเข้ามาพักที่โรงแรมเพื่อเขียนงานใหม่ เนื่องจากเหล่าสาวกที่ชื่นชอบงานเขียนของซากุระ ไปเห็นรูปที่ถูกระบุว่าเป็นนักเขียนหญิงคนดังในโซเชียลมีเดีย พอเห็นว่าเป็นสาวสวยจึงหาวิธีที่จะได้พบเจอตัวจริงให้ได้ จึงเป็นหน้าที่ของนาโอมิ ที่จะต้องรักษาความเป็นส่วนตัวรวมถึงความปลอดภัยให้แก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ความยุ่งยากจึงเกิดขึ้น 🏨 ตอนสุดท้าย นาโอมิได้รับการขอจากผู้จัดการให้ช่วยไปสอนงานให้กับพนักงานแผนกต้อนรับที่สาขาโอซาก้า ซึ่งเพิ่งเปิดโรงแรมได้ไม่นาน เธอจึงต้องไปทำงานอยู่ที่นั่นชั่วระยะเวลาหนึ่งแต่ไม่เกินครึ่งปี ในขณะที่นิตตะมีคดีใหม่ที่ต้องรับผิดชอบกับรุ่นพี่โมโตมิยะ คือการตายของอาจารย์มหาวิทยาลัย ที่กำลังทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องทางสิทยาศาสตร์ โดยพบศพในห้องทำงาน คดีนี้มีผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจค่อนข้างมั่นใจว่าน่าจะเป็นบุคคลคนหนึ่ง แต่ทว่าเขากลับมีหลักฐานยืนยันที่อยู่ชัดเจนในช่วงเวลาที่คาดว่าเหยื่อถูกฆ่าตาย ซึ่งเจ้าตัวเข้าใจว่าตนเองรอดพ้นแน่แต่แท้จริงเบื้องหลังยังมีอะไรที่ไม่เป็นดังที่คิด ที่มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากกว่า ในกรณีทีมสืบสวนเอง ผู้ใหญ่ได้สั่งการลงมาให้นิตตะจับคู่กันกับตำรวจหญิงวัยละอ่อน ที่เป็นตำรวจท้องที่มีนามว่า ริสะ ที่ถูกย้ายมาจากแผนกความปลอดภัยชุมชน ให้มาร่วมในทีมเป็นครั้งแรก นิตตะไม่พอใจนักแต่จำใจต้องทำตาม แม้จะดูเหมือนเป็นตำรวจหญิงที่อ่อนต่อโลก พูดเป็นต่อยหอย และขาดไหวพริบม แต่ริสะก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่มีความกระตือรือร้น มุ่งมั่นใส่ใจในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการที่เธอได้รับคำสั่งจากนิตตะให้ไปสืบเช็กข้อมูลจากโรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้า เพื่อยืนยันคำพูดจากปากของชายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ทำให้ริสะได้พบกับนาโอมิ อันก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากมาถึงผลลัพธ์ในภายหลัง 🖋วิเคราะห์หลังอ่านจบ เล่มนี้เล่าเรื่องโดยแยกเนื้อหาระหว่างการแก้ปัญหาในโรงแรมของนาโอมิ กับการไขคดีของนิตตะออกจากกันชัดเจนเป็นตอนที่จบในตัว เริ่มจากตอนของนาโอมิก่อน จากนั้นสลับไปเล่าฝั่งนิตตะ แต่ในตอนสุดท้ายจะผนวกสองฝั่งให้เชื่อมถึงกันในคดีที่มีผู้เกี่ยวข้องได้ไปเข้าพักที่โรงแรมคอร์เทเชียโอซาก้าซึ่งนาโอมิกำลังอยู่ในช่วงที่สอนงานให้พนักงานที่นั่น ทั้งคู่ไม่ได้พบกันเลย เพราะการพบกันครั้งแรกเกิดขึ้นในเล่มแรก แต่ผู้เขียนมีความสามารถในการผูกโยงเรื่องราวให้คนอ่านรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นคนทั้งสองอย่างใกล้ชิด และได้เห็นบุคลิกกับอุปนิสัยส่วนตัวของนาโอมิกับนิตตะมากขึ้น นิตตะในเล่มนี้ มีโอกาสได้แสดงฝีมือในการคิดวิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์กับข้อมูลที่ใช้หาตัวคนร้าย ได้เด่นชัดกว่าเล่มแรก สมกับที่เป็นระดับหัวกะทิที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่เราก็จะได้เห็นถึงข้อเสียใหญ่ของเขาที่ไม่น่ารักเช่นกัน คือเป็นคนมั่นใจในความฉลาดของตนมากจนเหมือนดูถูกคนที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะความคิดที่เห็นว่าผู้หญิงเป็นตัวถ่วง สู้ผู้ชายไม่ได้ ดังที่นิตตะแสดงออกทางสีหน้าท่าทางและคำพูดต่อเด็กใหม่อย่างริสะ ที่เหมือนเป็นได้แค่ลูกไล่ไร้ประโยชน์ ซึ่งต่างจากนาโอมิ ที่แม้จะมองออกว่าริสะเป็นตำรวจที่ความสามารถไม่ถึงขั้น แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ กลับมองเห็นถึงมุมที่เป็นความอดทน ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดของตำรวจหญิงในการพยายามค้นหาความจริงให้ได้ ความมุ่งมั่นของริสะจึงเอาชนะใจของนาโอมิ จนยอมช่วยเหลือด้วยการเปิดเผยเรื่องราวบางส่วนให้ริสะทราบ ในส่วนของการคลี่คลายคดี ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนจนเกินไป แต่เล่มนี้จะเน้นไปที่คดีที่น่าจะเป็นที่มาของชื่อตอน (ลางร้ายใต้หน้ากาก) ถึงสองคดีด้วยกันครับ ถ้าได้อ่านแล้วจะเข้าใจ และน่าจะเห็นตรงกันว่าภายใต้หน้ากากที่ภายนอกดูไม่ได้รู้เลยว่าจะกลายเป็นคนร้ายได้ สุดท้ายก็แอบซ่อนความบิดเบี้ยวของใจที่โดนกิเลสเข้าครอบงำได้อย่างน่ากลัว ตัวละครในเรื่อง สำหรับเล่มนี้ รู้สึกว่าริสะที่แม้จะมีบทบาทเพียงแค่ช่วงคดีสุดท้ายนั้น เป็นตัวละครที่เขียนมาได้น่าสนใจมาก โผล่มาทีไรก็ทำให้คนอ่านอย่างผมอดขำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปต่อในเล่มอื่น ๆ ของชุดนี้หรือไม่ ส่วนนาโอมินั้นยังคงเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์เช่นเดิม เทียบกับนิตตะแล้วส่วนตัวมีความรู้สึกชอบนาโอมิมากกว่า นอกจากนี้ยังชอบตอนจบของเรื่อง ที่มีการโยงถึงเหตุการณ์ที่เป็นต้นตอนำไปสู่ความอาฆาตแค้นของฆาตกรในคดีที่เกิดขึ้นในเล่มแรก สรุปว่าอ่านจบเล่มสองแล้วก็จะไปต่อเหตุการณ์ของเล่มแรกพอดี ใครเริ่มอ่านจากเล่มนี้ก่อน สามารถอ่านเล่มแรกต่อเนื่องได้เลย 📌คำเตือน : สำหรับคนที่ชอบการสืบคดีแบบเข้มข้น มีวิธีการฆ่าที่ค่อนข้างแปลกพิสดารหรือโหดสยอง และมีกลวิธีในการอำพรางซ่อนเร้นที่ไม่ธรรมดา ซีรีส์ชุดนี้อาจไม่ตอบโจทย์ แล้วเลยพาลจะไม่ชอบหรือหมดสนุกได้ง่าย แต่ถ้าชอบแนวได้ศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับอาชีพของตัวเอกควบคู่ไปกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการไขคดีที่ไม่โลดโผน ชุดนี้น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคุณได้ไม่ยากครับ ป.ล. มีปกใหม่ออกมาที่คิดว่าทำได้ดีตรงกับแนวเรื่องและชื่อตอนมากกว่าปกฉบับตีพิมพ์ครั้งแรกด้วย เพราะปกของเล่มสองนี้ดูเหมือนน่าจะโหดมาก แต่เนื้อในไม่ใช่อย่างที่คิด ใครอ่านตั้งแต่ต้นมาจนถึงบรรทัดสุดท้ายนี้ได้ขอได้รับความขอบคุณจากผมด้วยครับ #thaitimes #หนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #นิยายแปล #นิยายญี่ปุ่น #นิยายสืบสวน #สืบสวน #คดีฆาตกรรม #งานโรงแรม #พนักงานต้อนรับ #ตำรวจ #นักสืบ #ลูกค้า #งานบริการ #อาชีพ #ฮิงาชิโนะเคโงะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 966 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😀😀😀😀สาธุครับ
    กุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ทางกายกรรม (การกระทำทางกาย), วจีกรรม (การกระทำทางคำพูด) และมโนกรรม (การกระทำทางใจ) เมื่อรวมกันแล้วมีทั้งหมด 10 ประการดังนี้

    กุศลกรรมบถ 10 ทางกายกรรม
    1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทำลายชีวิตของผู้อื่น
    2. ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมย หรือยึดทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน
    3. ไม่ประพฤติผิดในกาม

    กุศลกรรมบถ 10 ทางวจีกรรม
    4. ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก
    5. ไม่พูดส่อเสียด
    6. ไม่พูดคำหยาบคาย
    7. ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ

    กุศลกรรมบถ 10 ทางมโนกรรม
    8. ไม่โลภคิดอยากได้ของคนอื่น
    9. ไม่พยาบาท หรือปองร้ายผู้อื่น
    10. มีความเห็นชอบตามคลองธรรม
    😀😀😀😀สาธุครับ กุศลกรรมบถ 10 สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหมู่ ได้แก่ ทางกายกรรม (การกระทำทางกาย), วจีกรรม (การกระทำทางคำพูด) และมโนกรรม (การกระทำทางใจ) เมื่อรวมกันแล้วมีทั้งหมด 10 ประการดังนี้ กุศลกรรมบถ 10 ทางกายกรรม 1. ไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือทำลายชีวิตของผู้อื่น 2. ไม่ลักทรัพย์ ไม่ลักขโมย หรือยึดทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตน 3. ไม่ประพฤติผิดในกาม กุศลกรรมบถ 10 ทางวจีกรรม 4. ไม่พูดเท็จ ไม่พูดโกหก 5. ไม่พูดส่อเสียด 6. ไม่พูดคำหยาบคาย 7. ไม่พูดวาจาเพ้อเจ้อ กุศลกรรมบถ 10 ทางมโนกรรม 8. ไม่โลภคิดอยากได้ของคนอื่น 9. ไม่พยาบาท หรือปองร้ายผู้อื่น 10. มีความเห็นชอบตามคลองธรรม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม

    ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น

    เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน

    ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่”

    หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง

    ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา

    เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป

    สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่
    ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร

    แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่

    มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย

    มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้

    ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน

    คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย

    ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน

    มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์

    มาครงมาแปลก เรียกร้องให้ปฏิรูประบบโลกในปัจจุบันที่ไม่ยุติธรรม ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เรียกร้องให้มีการปฏิรูประเบียบโลกที่ “ไม่ยุติธรรม” ในปัจจุบัน เพื่อให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติมากขึ้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เขาได้สรุปวิสัยทัศน์ของเขาในงานประชุมนานาชาติ “Imagining Peace” ที่กรุงปารีส ซึ่งนำบุคคลสำคัญทางการเมืองและศาสนามารวมตัวกัน ในการกล่าวต่อหน้าชุมชนคาทอลิกแห่งซานต์เอจิดิโอ มาครงกล่าวว่า “เราต้องมีจินตนาการมากพอที่จะคิดถึงสันติภาพของวันพรุ่งนี้ สันติภาพในยุโรปในรูปแบบใหม่” หากทวีปยุโรปต้องการมีเสถียรภาพมากขึ้น ทุกคนควรยอมรับว่า “ไม่ใช่สหภาพยุโรปหรือ NATO อย่างเด็ดขาด” เขากล่าว “เราจะต้องคิดรูปแบบใหม่ขององค์กรยุโรปและคิดทบทวนความสัมพันธ์ของเรากับรัสเซีย” หลังจากความขัดแย้งในยูเครนสิ้นสุดลง ในสุนทรพจน์ของเขา มาครงกล่าวอ้างว่าระบบโลกที่สร้างขึ้นภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น “ไม่สมบูรณ์และไม่ยุติธรรม” เนื่องจากประเทศที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากยังไม่มีอยู่จริงในเวลานั้น และไม่มีส่วนร่วมในโต๊ะเจรจา เขากล่าวว่าองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ธนาคารโลก และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ควรได้รับการปฏิรูป สิ่งที่มาครงนำเสนอก็เพียงแต่คำพูด เพราะว่าผู้ที่จะปฏิรูปโครงสร้างระบบโลกได้ก็คือสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งไม่ต้องการทำสิ่งนั้่นอยู่แล้ว เพราะว่าต้องการรักษาสถานภาพของอำนาจที่มีอยู่ ผ่านมาตรการแซงชั่น การเมือง และการทหาร แต่ในขณะเดียวกัน จีนและรัสเซียเป็นผู้นำของประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการปฏิรูประบบโลกผ่านความร่วมมือของกลุ่มBRICS เพื่อสร้างสถาปัตยกรรมทางเศรษฐกิจและการเงินของโลกใหม่ มาครงอ้างว่าต้องการสันติภาพ แต่ในทางปฏิบัติเขาเป็นพวกสายเหยี่ยวที่ต้องการให้นาโต้ทำสงครามกับรัสเซีย เท่ากับว่าเขาสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้เกิดขึ้น ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในประเทศนาโต้ที่ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในการทำสงครามกับรัสเซียผ่านการเงินและการส่งมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ นอกจากนี้มีทหารฝรั่งเศสเดินทางเข้ายูเครน พร้อมกับทหารนาโต้ชาติอื่นๆเพื่อรบกับรัสเซียโดยตรงอีกด้วย มาครงต้องการประกาศส่งทหารฝรั่งเศสเข้าช่วยยูเครนรบกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ และเรียกร้องให้นาโต้กระทำตาม โดยอ้างว่ายุโรปและนาโต้จะสูญเสียความน่าเชื่อถือถ้าหากปล่อยให้รัสเซียมีชัยชนะเหนือยูเครน แต่คำประกาศที่เป็นทางการไม่เกิดขึ้น หลังจากรัสเซียขู่ว่าจะตอบโต้ด้วยสงครามนิวเคลียร์กับนาโต้ ผู้นำยุโรปที่เรียกร้องสันติภาพที่แท้จริงไม่ใช่มาครง แต่เป็นวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีของฮังการี และโรเบิร์ต ฟิโก้ ผู้นำของสโลวาเนีย ซึ่งถูกลอบสังหารแต่รอดชีวิตมาได้ เพราะว่าแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับสงครามยูเครน คำปราศรัยของมาครงเกิดขึ้นในขณะที่นายวลาดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครนเตรียมพบกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อนำเสนอแผนที่เรียกว่า "ชัยชนะ" ซึ่งเป็นแผนงานในการกดดันให้รัสเซียยอมรับความพ่ายแพ้ เซเลนสกี้ต้องการคำอนุญาตให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกเพื่อโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซีย ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่บริจาคฮาร์ดแวร์ทางทหารดังกล่าวให้กับยูเครนในรูปแบบของขีปนาวุธร่อน SCALP/Storm Shadow ซึ่งฝรั่งเศสผลิตร่วมกับสหราชอาณาจักร เจ้าหน้าที่อังกฤษสนับสนุนคำขอของเคียฟในการโจมตีรัสเซีย แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายนั้นเข้าใจกันว่าอยู่ในมือของวอชิงตัน มาครงไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงในยุโรป หรือนาโต้ เพราะว่าเขาเป็นเพียงแค่เชียร์ลีดเดอร์
    Like
    Haha
    17
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 791 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อันนี้อึ้งจริงส่งให้แบบไม่เลือกหน้าแค่ให้ร้ายชาลีก็พอ
    คำพูด โจมณฑานีลอยมาเลย
    "นี่ก็เพิ่งได้คุยกับน้อง น้องโดนขนาดนี้น้องยังไม่เคยว่าอะไรชาลีเลย"
    อ้าว ก็เมิงส่งดอกไม้ส่งของขวัญให้ไอ่พวกที่เล่นงานแน๊กนี่
    ทำแบ๊วนะ อิเหม็น
    เบื้องหลังพฤติกรรมคลั่งของทุยตัวหลักก็มาจากสิ่งนี้นี่เอง
    ดอกไม้ของขวัญที่ส่งให้ดุจน้ำทิพย์ชะโลมกาย
    มีชีวีไปได้อีกวัน แต่ละคนก็คิดว่า
    อิเหวิงส่งให้ตัวเองคนเดียว แบบประมาณว่า
    เป็นคนพิเศษอะไรงี้
    ที่ไหนได้ ส่งให้ทุกคน
    อิฉัด ต้มได้แม้กระทั่งลุงหน้าลอย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อันนี้อึ้งจริงส่งให้แบบไม่เลือกหน้าแค่ให้ร้ายชาลีก็พอ คำพูด โจมณฑานีลอยมาเลย "นี่ก็เพิ่งได้คุยกับน้อง น้องโดนขนาดนี้น้องยังไม่เคยว่าอะไรชาลีเลย" อ้าว ก็เมิงส่งดอกไม้ส่งของขวัญให้ไอ่พวกที่เล่นงานแน๊กนี่ ทำแบ๊วนะ อิเหม็น เบื้องหลังพฤติกรรมคลั่งของทุยตัวหลักก็มาจากสิ่งนี้นี่เอง ดอกไม้ของขวัญที่ส่งให้ดุจน้ำทิพย์ชะโลมกาย มีชีวีไปได้อีกวัน แต่ละคนก็คิดว่า อิเหวิงส่งให้ตัวเองคนเดียว แบบประมาณว่า เป็นคนพิเศษอะไรงี้ ที่ไหนได้ ส่งให้ทุกคน อิฉัด ต้มได้แม้กระทั่งลุงหน้าลอย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 503 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม”
    สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน
    .
    จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ
    .
    แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ
    .
    มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ
    .
    ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง
    .
    "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่"
    .
    “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง"
    .
    "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่"
    .
    ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว
    .
    พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้
    .
    อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ฉีกหน้ากาก“ขิ่นแก้วตา”กับ“หม่องรังสิมันต์ โรม” สส.ไทยใจพม่าในพรรคประชาชน . จริงๆ แล้วผมไม่อยากพูดเรื่องนี้ แต่วันนี้ถึงจุดแตกหัก ต้องพูดแล้ว ทำไมผมถึงไม่อยากพูด รู้ไหม ? เพราะว่าคนที่ชื่อ "ธิษะณา ชุณหะวัณ" หรือที่เรียกว่า "แก้วตา" นั้น พ่อของเขาคือ "ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ" ซึ่งเป็นเพื่อนรักผม และปู่ของเขาคือ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ซึ่งผมเคารพนับถือและเราสนิทสนมกันมาก ครอบครัวนี้ แม้กระทั่งแม่ของเขา ชื่อ "โน" ก็รู้จักกันดี และเป็นหนึ่งในพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต่อสู้เพื่อล้มล้างระบอบทักษิณ . แต่วันนี้ผมคิดว่าเด็กคนนี้ล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว และมันส่อวุฒิภาวะให้เห็นหลายๆมิติ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่วันนี้พิสูจน์ให้เห็นชัดแล้วว่ามันเป็นเช่นนั้นจริงๆ . มาดูคุณสมบัติ คุณวุฒิของคุณแก้วตากันหน่อย จบมหิดลอินเตอร์ เคยไปเรียนนอกตั้งแต่เด็ก แล้วไปจบ“SOAS”( School of Oriental and African Studies) University of London แต่คุณแก้วตายังอ่านตัวเลขมั่ว ผิดแล้วผิดอีก เรื่องนี้มันเป็นเรื่องตลก แต่มันไม่ตลกสำหรับผม และมิหนำซ้ำแล้วยังมีเรื่องเก่าๆ คุณไลฟ์สดถ่อย โชว์ถ่อย ด่าดับเพลิงกู้ภัย 22 มิถุนายน 2567 มันสะท้อนวุฒิภาวะของคุณ . ล่าสุดคุณธิษะณา ชุณหะวัณ อภิปรายเรื่องพม่า คำพูดของคุณไปเผยแพร่ต่อในโซเชียลมีเดีย ทั้ง Facebook, YouTube, TikTok แล้วคนรับไม่ได้ พูดยังไง . "เรื่องพม่าอย่าหาทำครับ เอาให้คนไทยมีกิน มีใช้ คุณภาพชีวิตดีก่อน คิดจะช่วยประเทศอื่น คนไทยบางคนยังไม่มีบ้านอยู่ ยังไม่มีที่ทำมาหากิน แต่พวกคุณกลับเลือกที่จะช่วยพม่า คนไทยเป็นคนเลือกคุณให้เข้ามาทำงานให้ประชาชนชาวไทย ไม่ใช่พม่านะครับ ผมจะบอกว่าถ้ายังไม่สนใจ รอบหน้าผมไม่เลือกพวกคุณอีกแล้ว ไม่ต้องไปเลือกอีกแล้ว ไอ้พรรคส้มนี่" . “ เอาเรื่องคนภายในประเทศให้รอดก่อนดีไหม คุณ สส. ใจพม่า คุณมันคือจุดอ่อนของพรรค ทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียง" . "คนต่างด้าวเข้ามาทำงาน นายจ้างให้เงินตอบแทนค่ะ เขาไม่ได้ใช้งานฟรี อย่าเรียกร้องอะไรให้เท่าเทียมคนไทย อยากเท่าเทียมให้ไปเรียกร้องสิทธิที่บ้านตัวเอง ไม่ควรได้สวัสดิการฟรีเหมือนคนไทย อยากเข้าโรงพยาบาลต้องจ่ายค่ารักษา อยากเรียนต้องจ่ายค่าเทอม ค่าสมุด ค่าหนังสือ ค่าอาหารเอง สุดท้ายนี้ ปัญหาในประเทศก็มากจนแก้ไม่ไหวอยู่แล้ว อย่าเพิ่มปัญหาให้คนในชาติอีกเลย เพราะมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่ได้รับผลประทบจากคนต่างด้าวที่เข้ามาทำมาหากินในเมืองไทย เสียงเล็กๆ จากประชาชนที่เลือกคุณมาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่" . ที่ผมอ่านให้ฟังนี่ก็คือแฟนคลับเก่าของพรรคอนาคตใหม่ที่เลือกคุณเข้ามา แล้วคุณไม่สังเกตหรือว่าวันนี้พรรคประชาชน (พม่า) เอาตีนก่ายหน้าผาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร เลยต้องออกคำสั่งให้ "หม่องรังสิมันต์ โรม" ออกมาชี้แจงตามทุกช่องทีวีหลักๆ ที่มันพยายามแก้ตัวว่า แก้ปัญหาพม่าเพื่อคนไทย ตรงไหนวะ ไอ้หม่อง มึงแก้แบบนี้เพื่อกระทืบคนไทย และวันนี้ พรรณิการ์ (ช่อ) วานิช ก็ออกมาแจ๊ดๆๆๆ แก้ตัวว่าพวกที่โจมตีนโยบายพม่าเป็นพวก IO… ใช่ IO เหรอ แฟนคลับคุณทั้งนั้น หยุดแก้ตัวได้แล้ว . พรรคของคุณนะ คุณแก้วตา เชื่อมโยงกับพรรค NLD ของอองซาน ซูจี ที่อเมริกันและอียูสนับสนุนอยู่ ด้วยเงินด้วยทอง ด้วยกำลังคนเข้าไปฝึกอาวุธให้ แล้วแอบส่งอาวุธเข้าไปให้พวก NLD เพื่อรบกับรัฐบาลของมิน อ่อง หล่าย สำหรับผมแล้วปัญหามันอยู่ที่ว่า พม่าลี้ภัยทางการเมืองเข้ามา แล้วเชื่อผมสิ ขบวนการนี้ เบื้องหลังก็คือตะวันตก และมันรู้ว่ามี สส.(เรือหาย)อย่างคุณแก้วตา คอยหนุนหลังมัน ซึ่งเบื้องหลังก็มีธนารธร จึงรุ่งเรืองกิจ และหม่องรังสิมันต์ โรม ตลอดจนผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาชน(พม่า)คอยสนับสนุนอยู่ เฮ้ย มาเลยๆ อยู่เมืองไทย เรามี สส. พรรคนี้ช่วยเราอยู่ตอนนี้ . อะไรจะเกิดขึ้นล่ะถ้าพม่าเต็มบ้านเต็มเมือง ประเทศไทยวุ่นวาย ซึ่งมันก็สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม พวกพรรคประชาชน (พม่า) สมใจพวกคุณแล้วใช่ไหม เพราะคุณต้องการให้มีความวุ่นวาย ต้องการให้มันมีความฉิบหาย ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/N4prCnutKD6Uxh29/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    3
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 761 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว

    ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง

    เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..!

    โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น
    ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ?

    กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว

    สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!"

    ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้

    ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..!

    ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..!
    ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน

    ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย

    ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย

    ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ?
    ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด

    แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้

    ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง

    ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า
    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
    __________________
    บุคคลผู้หนึ่งซึ่งเป็นฆราวาสตื่นธรรม ท่านถามว่าทำไมต้องสร้างวัตถุมงคลเพื่อหาเงินไปสร้างวัดด้วย ? ไปอยู่ป่าก็ได้..! รู้สึกว่าท่านจะตอบแบบมักง่าย และยกตนเองว่าเป็นผู้ใฝ่สันโดษ หรือว่าปฏิบัติถูกต้องตามพระธรรมวินัยอยู่คนเดียว ตรงจุดนี้ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า แม้แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่ประทานพระบรมพุทธานุญาตตามที่พระเทวทัตขอ ว่าให้พระภิกษุทั้งหมดอยู่ป่า ห้ามอยู่ในบ้านในเมือง โดยพระองค์ตรัสว่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ป่าก็จงอยู่ป่า ผู้ที่ใคร่จะอยู่ในเมืองก็จงอยู่ในเมือง เนื่องเพราะพระองค์มีวิสัยทัศน์อันยาวไกล หรือว่ามีพระสัพพัญญุตญาณที่รู้ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต รู้ดีว่าโลกภายภาคหน้าจะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน ทำให้พระภิกษุสงฆ์ถ้าหากว่าประพฤติวัตรปฏิบัติธรรมด้วยการอยู่ป่าอย่างเดียว จะกลายเป็นไม่มีที่อยู่ก็ได้..! โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ผืนป่าต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ได้นั้นไม่มีเหลืออีกแล้ว ยกเว้นวัดต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นมาก่อน แล้วยังคงความเป็นวัดป่าอยู่ก็พอที่จะมีพื้นที่ป่าเหลืออยู่บ้าง ไม่ต้องอื่นไกลที่ไหน แค่อำเภอทองผาภูมิที่กระผม/อาตมภาพอยู่นี่แหละ บรรดาพระภิกษุผู้อยู่ป่านับร้อย ๆ ราย โดนเจ้าหน้าที่นิมนต์ออกจากป่ามาทั้งหมด เนื่องเพราะว่าสถานที่เหล่านั้นเป็นอุทยานแห่งชาติบ้าง เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าบ้าง แม้ว่าจะประกาศขึ้นทีหลัง โดยที่พระท่านไปอยู่ก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็โดนนิมนต์ออกมาจนเกือบจะหมด ยกเว้นท่านที่ได้รับการตั้งขึ้นเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์อย่างถูกต้องแล้วเท่านั้น ดังนั้น..ท่านที่พูดชุ่ย ๆ ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างวัด ให้พระภิกษุไปอยู่ป่าอย่างเดียว ถ้าอย่างนั้นตั้งแต่โบราณมา เราก็คงไม่มีพระคามวาสีคือฝ่ายที่อยู่วัด และอรัญวาสีคือฝ่ายที่อยู่ป่า ในเมื่อบ้านเรามีการแยกวัดบ้านและวัดป่าอย่างชัดเจนแบบนี้ แล้วท่านยังจะให้ปฏิบัติตามปฏิปทาของพระเทวทัตอยู่อีกหรือ ? กระผม/อาตมภาพคาดว่าไม่มีใครอยากเป็นลูกศิษย์พระเทวทัต มีแต่อยากจะเป็นลูกศิษย์พระพุทธเจ้าเท่านั้น ดังนั้น..สิ่งที่ท่านได้กล่าวมาก็ขอให้กล่าวโดยรอบคอบกว่านี้ ดูบริบทของสังคมเราด้วยว่าเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้ว สมัยพุทธกาลมีบรรดาเจ้าพระยามหากษัตริย์หรือว่ามหาเศรษฐี ท่านปวารณาสร้างวัดวาอารามให้ แม้แต่ในยุคสมัยต่อ ๆ มาในประเทศไทยของเราตั้งแต่ปรากฏประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นยุคกรุงสุโขทัย ยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี มาถึงยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น ก็มีการสร้างวัดเพื่อบุญกุศลในวิหารทาน ในขณะเดียวกันก็มีคำพูดประเภทว่า บรรดาเจ้าใหญ่นายโตนั้น "สร้างวัดเพื่อให้ลูกหลานได้มีที่สำหรับวิ่งเล่น..!" ในเมื่อยุคต่อ ๆ มา บริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไป ผู้คนได้เข้าสู่ส่วนของการใช้แรงงานต่าง ๆ มากมาย จนกระทั่งไม่มีเวลาที่จะไปช่วยเหลือวัด แม้กระทั่งผู้ที่ร่ำรวยด้วยเงินด้วยทองก็ติดหน้าที่การงานต่าง ๆ จนถึงขนาดไม่มีเวลาให้วัด ยกตัวอย่างบุคคลท่านหนึ่ง นามสกุลของท่านถ้าบอกไปแล้วต้องรู้จักกันทั้งประเทศไทย ท่านปวารณาเอาไว้ว่า กระผม/อาตมภาพจะสร้างหนี้เท่าไรก็ได้ ทุกสิ้นปีให้แจ้งไป ท่านจะจัดการ "เคลียร์หนี้" ให้ แต่เมื่อกระผม/อาตมภาพแจ้งไปแล้ว ปรากฏว่าท่านมักจะติดด้วยงานด้วยการ ไม่สามารถที่จะปลีกตัวได้ ตอนนั้นกระผม/อาตมภาพยังรับสังฆทานอยู่ที่บ้านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ท่านมีเวลาแค่โทรศัพท์มาว่าตอนนี้วิ่งมาใกล้จะถึงแล้ว ให้กระผม/อาตมภาพลงไปรอในบริเวณนั้นบริเวณนี้ เมื่อท่านมาถึงแล้วก็เปิดหน้าต่างรถ ส่งเงินให้แล้วก็วิ่งต่อไป กระผม/อาตมภาพเจอแบบนั้นเข้าสองครั้ง ก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอีกเลย..! ดังนั้น..ต่อให้ปวารณาไว้โดยที่ท่านร่ำรวยขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพก็แกล้งลืมเบอร์โทรศัพท์ไม่โทรไปหาอีก เนื่องเพราะเคยได้ยินมาว่าท่านเคยโทรสั่งโบรกเกอร์ช้าไปนาทีเดียว แล้วเสียหุ้นไป ๒๐ ล้านบาทโดยประมาณ..! ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ใครจะกล้าไปรบกวนเวลาของท่านอีก..! ในเมื่อบุคคลที่มีฐานะเพียงพอที่จะช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม ส่วนใหญ่ก็ติดด้วยภาระหน้าที่ต่าง ๆ จึงมักจะนำเงินนำทองไปมอบให้กับพระภิกษุ โดยเฉพาะหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านได้จัดการบูรณปฏิสังขรณ์วัดเอง ตรงส่วนนี้จึงทำให้สภาพสังคมเปลี่ยนแปลงไป วัดที่มีผู้ปวารณาไว้ก็ยังคงต้องทำงานด้วยตนเอง แต่วัดที่ไม่มีผู้ปวารณาไว้ ก็ต้องหาเงินหาทองมาเพื่อบูรณะก็คือทำของเก่าให้ดีขึ้น และปฏิสังขรณ์คือสร้างของใหม่ให้เพียงพอต่อการใช้งาน ไม่เช่นนั้นแล้วหลวงปู่หลวงพ่อเจ้าอาวาสนั่นแหละ ที่ท่านเป็นเจ้าพนักงานโดยกฎหมาย จะกลายเป็นละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือไม่ปกครองสอดส่องฆราวาสก็ยังพอทน แต่การไม่บูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอาราม เพื่อให้มั่นคงแข็งแรงสมกับเป็นอารามในพระพุทธศาสนา ให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าไปบำเพ็ญกุศลโดยสะดวก ก็กลายเป็นว่านอกจากจะผิดทางโลกแล้ว ยังผิดทางธรรมอีกด้วย ในทางโลกก็คือผิดกฎหมายในฐานะเจ้าพนักงานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ในทางธรรมก็คือบุคคลที่เว้นจากหน้าที่ซึ่งตนรับผิดชอบนั้น ต้องบอกว่าเป็นผู้ที่ไม่มีหลักธรรมประจำใจ ก็คือขาดไปเสียทุกส่วน ไม่เช่นนั้นแล้วอย่างน้อยก็ต้องทำความสะอาดวัดวาอารามให้น่าอยู่น่าอาศัย ประการต่อไปก็คือพุทธศาสนิกชนคนไทยของเรา ซึ่งมีอยู่ ๙๐ กว่าเปอร์เซ็นต์ ท่านผู้กล่าวว่าให้พระภิกษุสงฆ์ไปอยู่ป่า แล้วจะให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายเหล่านั้นตะเกียกตะกายเข้าป่าไปทำบุญกัน แล้วท่านคิดว่าจะใช่หรือไม่ ? ในเรื่องของธรรมะนั้น ไม่ใช่พูดชุ่ย ๆ แบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" ปราศจากความรับผิดชอบ เพราะว่าเรื่องทั้งหลายเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กำลังใจของคนแต่ละระดับไม่เท่ากัน ใครที่ชอบคำพูดดุเดือดหยาบคาย ไปฟังท่านแล้วชอบใจ ก็ถือว่ามีจริตนิสัยใกล้เคียงกัน ท่านสามารถสอนเขาให้ตื่นรู้ได้ก็สอนไปเถิด แต่ว่าบุคคลที่เป็นส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่ใช่แค่หยิบมือเดียวอย่างที่ท่านสอนอยู่ จะให้ทุกคนเป็นเหมือนกันย่อมเป็นไปไม่ได้ ท่านทำอาหารรสชาติที่เผ็ดกระโดดจนกระทั่งคนกินไปร้องไห้ไป แล้วท่านจะไปยัดเยียดให้ทุกคนกินอาหารรสชาตินั้นก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น..ในเรื่องของธรรมะ กระผม/อาตมภาพจึงได้กล่าวเอาไว้ว่า ไม่เคยให้ราคาสำหรับฆราวาสผู้สอนธรรม เนื่องเพราะว่าฆราวาสที่เก่งจริงนั้นตายไปหมดแล้ว..! เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าถ้าบุคคลที่เก่งจริง เข้าถึงธรรมจริง ๆ คุณงามความดีทั้งหลายเหล่านั้นมากเกินกว่าที่จะทรงอยู่ในร่างฆราวาสได้ เพราะว่าอาจจะเป็นทุกข์เป็นโทษให้กับผู้อื่น จึงต้องโดนตัดให้ตายลงไป ในเมื่อท่านยังทรงความเป็นฆราวาสอยู่ได้ ก็แปลว่ายังเข้าไม่ถึงธรรมอย่างแท้จริงนั่นเอง ถ้าหากว่าสิ่งที่ว่ากล่าวไปนี้ มีอะไรที่ทำให้ท่านเห็นว่าไม่ถูกต้องถูกใจ ก็สามารถที่จะโต้แย้งได้ แต่ให้โต้แย้งโดยหลักธรรม อย่าได้เอาทิฏฐิหรือว่าโทสะในส่วนความเห็นเฉพาะตนมาโต้แย้ง เพราะว่ามีแต่จะทำให้เสียเวล่ำเวลา ไปนั่งภาวนาเสียยังจะดีกว่า พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร. เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันเสาร์ที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย) __________________
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสียสัจจะ ผิดคำพูด ผิดคำสัญญาระวังจะต้องไปเข้าคิว
    เสียสัจจะ ผิดคำพูด ผิดคำสัญญาระวังจะต้องไปเข้าคิว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พี่เดขู่ววมาแบบนี้คิงส์ฯก็ว้าวุ่นเลย
    เรียนพี่เดที่ผมเคารพครับ
    สิ่งที่พี่เดพิมพ์ ที่มีการเผยแพร่ในเพจ
    และสื่อออนไลน์นั้น เป็นการถอดข้อความ
    จากคำพูดพี่เด เป็นการนำเสนอข้อมูลจริง
    แต่ถ้าพี่เดบอกว่า เป็นเ-ท็-จ
    หมายถึงสิ่งที่พี่เดพูดในคลิปนั้นเป็นเ-ท็-จ
    ซึ่งอินฟูลชื่อดังแบบพี่เด ย่อมไม่นำคำพูดเป็นเ-ท็-จ
    ออกมาพูดในคลิปอย่างแน่นอนครับ
    เดี๋ยวผมถอดคำตอบคำอีกครั้งนะครับ
    แล้วรบกวนพี่เดบอกคิงส์หน่อยว่า
    ส่วนใดที่เป็นเท็จครับ
    "นะครับ ดีครับ ด่ากันเยอะๆนะครับ
    ผมขอเป็นตัวแทนทนายความแปดหมื่นคนทั่วประเทศนะครับ
    ที่ทำให้พวกเรามีงานทำครับ
    แล้วก็กราบขอบพระคุณที่ไปใส่ร้ายกามินด้วยนะครับ
    ไปหาว่าเขาเนรคุณ ไม่นึกถึงบุญคุณหลบเลี่ยงภาษีอะไรต่างๆ
    ก็กราบขอบพระคุณด้วย
    ก็น่าจะมีคดีตามมาสักร้อยสองร้อยคดีนะครับ
    ก็ทำให้พี่่น้องทนายความแปดหมื่นคนได้หายใจคล่องคอ
    เพราะมีงานมีการทำกันนะครับ
    ก็ขอเป็นตัวแทนพี่น้องทนายความ8หมื่นคน ต้องขอบพระคุณ
    พวกที่ปากเสีย ปากหมาทั้งหลายนะครับ
    ก็ขอบพระคุณครับ ขอบพระคุณมากนะครับ
    ที่ไปด่าทอเค้าเสียๆหายๆ
    นะครับ ดีครับ ด่ากันเยอะๆ 55555555
    ปากดีกันนักนะ ฮื่ม"
    ---------------------------------------
    มีประโยคไหนที่พี่เดไม่ได้พูดครับ
    ดังนั้น ประเด็นพี่เดที่เตือนหรือขู่ววไว้นั้น
    เราถ่ายทอดจากความจริงที่พี่เดพูดจริงๆ
    นอกจาก พี่เดจะยอมรับว่า สิ่งที่พี่เดพูดในคลิป
    เป็นความเ-ท็ จ เราจะรีบดำเนินการลบให้ทันทีครับ
    เพราะถ้าลบทั้งที่เป็นความจริง
    ก็จะกลายเป็น ตอกย้ำว่าพี่เดพูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริง
    จะทำให้พี่เดเกิดความเสียหายได้ครับ
    ด้วยความเคารพอย่างสูง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #พี่เดขู่ววมาแบบนี้คิงส์ฯก็ว้าวุ่นเลย เรียนพี่เดที่ผมเคารพครับ สิ่งที่พี่เดพิมพ์ ที่มีการเผยแพร่ในเพจ และสื่อออนไลน์นั้น เป็นการถอดข้อความ จากคำพูดพี่เด เป็นการนำเสนอข้อมูลจริง แต่ถ้าพี่เดบอกว่า เป็นเ-ท็-จ หมายถึงสิ่งที่พี่เดพูดในคลิปนั้นเป็นเ-ท็-จ ซึ่งอินฟูลชื่อดังแบบพี่เด ย่อมไม่นำคำพูดเป็นเ-ท็-จ ออกมาพูดในคลิปอย่างแน่นอนครับ เดี๋ยวผมถอดคำตอบคำอีกครั้งนะครับ แล้วรบกวนพี่เดบอกคิงส์หน่อยว่า ส่วนใดที่เป็นเท็จครับ "นะครับ ดีครับ ด่ากันเยอะๆนะครับ ผมขอเป็นตัวแทนทนายความแปดหมื่นคนทั่วประเทศนะครับ ที่ทำให้พวกเรามีงานทำครับ แล้วก็กราบขอบพระคุณที่ไปใส่ร้ายกามินด้วยนะครับ ไปหาว่าเขาเนรคุณ ไม่นึกถึงบุญคุณหลบเลี่ยงภาษีอะไรต่างๆ ก็กราบขอบพระคุณด้วย ก็น่าจะมีคดีตามมาสักร้อยสองร้อยคดีนะครับ ก็ทำให้พี่่น้องทนายความแปดหมื่นคนได้หายใจคล่องคอ เพราะมีงานมีการทำกันนะครับ ก็ขอเป็นตัวแทนพี่น้องทนายความ8หมื่นคน ต้องขอบพระคุณ พวกที่ปากเสีย ปากหมาทั้งหลายนะครับ ก็ขอบพระคุณครับ ขอบพระคุณมากนะครับ ที่ไปด่าทอเค้าเสียๆหายๆ นะครับ ดีครับ ด่ากันเยอะๆ 55555555 ปากดีกันนักนะ ฮื่ม" --------------------------------------- มีประโยคไหนที่พี่เดไม่ได้พูดครับ ดังนั้น ประเด็นพี่เดที่เตือนหรือขู่ววไว้นั้น เราถ่ายทอดจากความจริงที่พี่เดพูดจริงๆ นอกจาก พี่เดจะยอมรับว่า สิ่งที่พี่เดพูดในคลิป เป็นความเ-ท็ จ เราจะรีบดำเนินการลบให้ทันทีครับ เพราะถ้าลบทั้งที่เป็นความจริง ก็จะกลายเป็น ตอกย้ำว่าพี่เดพูดในสิ่งที่ไม่เป็นจริง จะทำให้พี่เดเกิดความเสียหายได้ครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1077 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ถอดคำต่อคำเดชา ดีใจ ที่จะได้ฟ้-อ-งคนไทย
    จากเมื่อวานพบคลิปว่อนโซเชียล
    ท-นายชื่อดัง
    ได้อัดคลิปเผยแพร่ กรณีกามิน ตต.เกอร์ชาวเกาหลี
    ได้มอบอำนาจ ให้ตน ฟ้-อ-ง คนไทย
    โดยมีเนื้อหาที่ถอดคำตอบคำ ดังนี้
    -----------------------------------
    "นะครับ ดีครับ ด่-ากันเยอะๆนะครับ
    ผมขอเป็นตัวแทนทนายความแปดหมื่นคนทั่วประเทศนะครับ
    ที่ทำให้พวกเรามีงานทำครับ
    แล้วก็กราบขอบพระคุณที่ไปใ-ส่-ร้-า-ยกามินด้วยนะครับ
    ไปหาว่าเขาเนรคุณ ไม่นึกถึงบุญคุณหลบเลี่ยงภ-า-ษีอะไรต่างๆ
    "ก็กราบขอบพระคุณด้วย"
    ก็น่าจะมีค-ดีตามมาสักร้อยสองร้อยคดีนะครับ
    #ก็ทำให้พี่่น้องทนายความแปดหมื่นคนได้หายใจคล่องคอ
    #เพราะมีงานมีการทำกันนะครับ
    #ก็ขอเป็นตัวแทนพี่น้องทนายความ8หมื่นคน
    #ต้องขอบพระคุณพวกที่ "ป-า-ก-เ-สี-ย"
    # "ป-า-ก-ห-ม-า" ทั้งหลายนะครับ
    ก็ขอบพระคุณครับ ขอบพระคุณมากนะครับ
    ที่ไป "ด่-า-ท-อ-เ-ค้-า-เสียๆหายๆ
    นะครับ ดีครับ ด่-า-กั-นเยอะๆ 55555555
    ป-า-ก-ดีกันนักนะ ฮื่ม
    ---------------------------------------
    ซึ่ง ทางเพจคิงส์โพธิ์แดงเกิดข้อสงสัย
    ในคำของเดชา คำว่า "ท-น-า-ย-แปด หมื่นคน"
    ทีมงานจึงได้ทำการตรวจสอบ ท-น-า-ยความจำนวนที่เดชาได้อ้าง
    ที่แท้ คือทน-า-ยความทั่วประเทศ ในสภาท-น-า-ยความ
    ที่เดชาอ้างให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีงานทำ จึงมาร่วมกับตนในการฟ้องคนไทย
    เพื่อความอยู่รอด
    ซึ่งการอ้างดังกล่าว ได้สะเทือนความรู้สึก และมีสมาชิกสภาหลายราย
    ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจในคำพูดดังกล่าว
    บางรายยืนยันว่า
    #ถึงอย่างไรก็จะไม่เป็นเครื่องมือให้ชาวต่างชาติมาฟ้-อ-ง-คนไทยอย่างแน่นอน
    ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ได้สอบถามความคิดเห็นจากคนไทยบางส่วนหลังจากเห็นคลิปดังกล่าว
    "โดยกล่าวว่า รู้สึกเสียใจ หากสภาท-น-า-ยความ เป็นเช่นที่ทนายเดชาได้กล่าวอ้างในคลิปนั้น ภาพลักษณ์องค์กรที่เคยเป็นที่พึ่งพาของประชาชน คงเสื่อมลงโดยยากที่จะแก้ไขกลับมา
    เป็นท-น-า-ย-แบบไหน ที่อยู่รอดได้ด้วยการเป็นตัวแทนของคนช่างชาติ มาฟ้-อง-คนไทยด้วยกัน"
    ซึ่ง หากสภาทนายความมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
    ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จะมาสื่อสารให้แฟนเพจได้่ทราบกันอีกครั้ง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ถอดคำต่อคำเดชา ดีใจ ที่จะได้ฟ้-อ-งคนไทย จากเมื่อวานพบคลิปว่อนโซเชียล ท-นายชื่อดัง ได้อัดคลิปเผยแพร่ กรณีกามิน ตต.เกอร์ชาวเกาหลี ได้มอบอำนาจ ให้ตน ฟ้-อ-ง คนไทย โดยมีเนื้อหาที่ถอดคำตอบคำ ดังนี้ ----------------------------------- "นะครับ ดีครับ ด่-ากันเยอะๆนะครับ ผมขอเป็นตัวแทนทนายความแปดหมื่นคนทั่วประเทศนะครับ ที่ทำให้พวกเรามีงานทำครับ แล้วก็กราบขอบพระคุณที่ไปใ-ส่-ร้-า-ยกามินด้วยนะครับ ไปหาว่าเขาเนรคุณ ไม่นึกถึงบุญคุณหลบเลี่ยงภ-า-ษีอะไรต่างๆ "ก็กราบขอบพระคุณด้วย" ก็น่าจะมีค-ดีตามมาสักร้อยสองร้อยคดีนะครับ #ก็ทำให้พี่่น้องทนายความแปดหมื่นคนได้หายใจคล่องคอ #เพราะมีงานมีการทำกันนะครับ #ก็ขอเป็นตัวแทนพี่น้องทนายความ8หมื่นคน #ต้องขอบพระคุณพวกที่ "ป-า-ก-เ-สี-ย" # "ป-า-ก-ห-ม-า" ทั้งหลายนะครับ ก็ขอบพระคุณครับ ขอบพระคุณมากนะครับ ที่ไป "ด่-า-ท-อ-เ-ค้-า-เสียๆหายๆ นะครับ ดีครับ ด่-า-กั-นเยอะๆ 55555555 ป-า-ก-ดีกันนักนะ ฮื่ม --------------------------------------- ซึ่ง ทางเพจคิงส์โพธิ์แดงเกิดข้อสงสัย ในคำของเดชา คำว่า "ท-น-า-ย-แปด หมื่นคน" ทีมงานจึงได้ทำการตรวจสอบ ท-น-า-ยความจำนวนที่เดชาได้อ้าง ที่แท้ คือทน-า-ยความทั่วประเทศ ในสภาท-น-า-ยความ ที่เดชาอ้างให้เข้าใจได้ว่า ไม่มีงานทำ จึงมาร่วมกับตนในการฟ้องคนไทย เพื่อความอยู่รอด ซึ่งการอ้างดังกล่าว ได้สะเทือนความรู้สึก และมีสมาชิกสภาหลายราย ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจในคำพูดดังกล่าว บางรายยืนยันว่า #ถึงอย่างไรก็จะไม่เป็นเครื่องมือให้ชาวต่างชาติมาฟ้-อ-ง-คนไทยอย่างแน่นอน ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง ได้สอบถามความคิดเห็นจากคนไทยบางส่วนหลังจากเห็นคลิปดังกล่าว "โดยกล่าวว่า รู้สึกเสียใจ หากสภาท-น-า-ยความ เป็นเช่นที่ทนายเดชาได้กล่าวอ้างในคลิปนั้น ภาพลักษณ์องค์กรที่เคยเป็นที่พึ่งพาของประชาชน คงเสื่อมลงโดยยากที่จะแก้ไขกลับมา เป็นท-น-า-ย-แบบไหน ที่อยู่รอดได้ด้วยการเป็นตัวแทนของคนช่างชาติ มาฟ้-อง-คนไทยด้วยกัน" ซึ่ง หากสภาทนายความมีความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ทางเพจคิงส์โพธิ์แดง จะมาสื่อสารให้แฟนเพจได้่ทราบกันอีกครั้ง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 982 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง?

    เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม

    สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้:

    ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น

    ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง,"

    ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣

    ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌

    ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน
    .
    What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for?

    NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1.

    Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint:

    ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time.

    ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying.

    ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters.

    ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview.

    ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars.

    ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration.

    ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19.
    .
    1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    ข้อคิดเห็นใดของเลขาธิการนาโต้ สตอลเทนเบิร์ก จะถูกจดจำบ้าง? เลขาธิการนาโต้ เยนส์ สตอลเทนเบิร์ก จะส่งมอบอำนาจให้กับ มาร์ก รุตเต้ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ ๑ ตุลาคม สปุตนิกได้เล่าถึงคำพูดที่น่าจดจำบางส่วนของสตอลเทนเบิร์กที่กล่าวระหว่างดำรงตำแหน่งนาโต้: ◻️ ชัยชนะของรัสเซียในความขัดแย้งกับยูเครน "จะไม่เพียงแต่เป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ของชาวยูเครนเท่านั้น, แต่ยังเป็นความพ่ายแพ้และอันตรายสำหรับเราทุกคนด้วย," สตอลเทนเบิร์ก เน้นย้ำในเดือนตุลาคม ๒๐๒๒ คำแถลงดังกล่าวอาจถือเป็นการยอมรับความจริงที่ว่านาโต้กำลังสู้รบในยูเครน, ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกเครมลินกล่าวในขณะนั้น ◻️ สตอลเทนเบิร์ก เริ่มต้นปี 2024 ด้วยการกล่าวว่า การสนับสนุนยูเครน "ไม่ใช่การกุศล, แต่เป็นการลงทุนเพื่อความมั่นคงของเราเอง," ◻️ หัวหน้า NATO เรียกร้องให้พันธมิตรปล่อยให้เคียฟใช้อาวุธระยะไกลจากชาติตะวันตกโจมตีลึกเข้าไปในรัสเซีย "ก่อนหน้านี้ เขาได้กำหนดเส้นแบ่งไว้หลายเส้นโดย [ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย] และเขาไม่ได้เพิ่มระดับความรุนแรง," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวกับผู้สื่อข่าว ◻️ สโตลเทนเบิร์กปฏิเสธที่จะยอมรับว่ายูเครนได้ประสานงานการโจมตีพื้นที่ชายแดนรัสเซียที่เมืองเคิร์สก์กับตัวแทนจากชาติตะวันตก "ในเรื่องนี้, นาโต้ไม่ได้มีบทบาทใดๆ," สโตลเทนเบิร์ก กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสื่อของเยอรมนี ◻️ สโตลเทนเบิร์กกล่าวหาอย่างโด่งดังว่ารัสเซีย "พยายามแทรกแซงและทำลายความไว้วางใจของสถาบันประชาธิปไตยในประเทศพันธมิตรนาโตหลายแห่งและที่อื่นๆ" ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่ศูนย์การศึกษากลยุทธ์ในนิวซีแลนด์ในปี ๒๐๑๙ 🤣ในความเป็นจริง, สหรัฐฯและนาโตต่างก็อวดอ้างประวัติการทำสงครามที่ไร้เหตุผลและนองเลือด🤣 ◻️ คาบสมุทรไครเมียได้กลับมารวมกับรัสเซียอีกครั้งอันเป็นผลจาก "การแข่งขันของมหาอำนาจ," ที่เพิ่มขึ้น สโตลเทนเบิร์กกล่าว 📌ในทางปฏิบัติ, ไครเมียลงคะแนนเสียงเพื่อกลับเข้าร่วมกับรัสเซียในการลงประชามติในปี ๒๐๑๔ หลังจากการรัฐประหารที่สหรัฐฯยุยงให้โค่นล้มรัฐบาลเคียฟที่ถูกต้องตามกฎหมาย และกลายเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับความขัดแย้งในยูเครน📌 ◻️ สโตลเทนเบิร์กย้ำว่า "ประตูของนาโตเปิดอยู่ ยูเครนจะเข้าร่วม," ระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เบอร์ลินเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน . What remarks will NATO’s outgoing chief Stoltenberg be remembered for? NATO Secretary General Jens Stoltenberg is to hand over the reins to former Dutch Prime Minister Mark Rutte on October 1. Sputnik has recalled some of the memorable remarks Stoltenberg made during his NATO stint: ◻️ Russia’s victory in the Ukraine conflict would be “not only a big defeat for Ukrainians, but it will be a defeat and dangerous for all of us," Stoltenberg stressed in October 2022. The statement could be considered recognition of the fact that NATO is fighting in Ukraine, Kremlin spokesman Dmitry Peskov said at the time. ◻️ Supporting Ukraine “is not a charity, it is an investment in our own security," Stoltenberg started out 2024 by saying. ◻️ The NATO chief egged on allies to let Kiev use long-range Western weapons to strike deep inside Russia. "There have been many red lines declared by him [Russia’s President Vladimir Putin] before, and he has not escalated," Stoltenberg told reporters. ◻️ Stoltenberg refused to admit that Ukraine had coordinated its attack on the Russian border region of Kursk with its Western proxies. "In this respect, NATO played no role," Stoltenberg said in a German media interview. ◻️ Stoltenberg famously accused Russia of "trying to meddle in and undermining the trust of democratic institutions in several NATO allied countries and also elsewhere” during a speech at the Center for Strategic Studies in New Zealand in 2019. In fact, the US and NATO boast a track record of senseless and bloody wars. ◻️ The Crimean Peninsula was reunited with Russia as a result of increased "great power competition," Stoltenberg said. In effect, Crimea voted to rejoin Russia in a 2014 referendum after a US-instigated coup ousted the legitimate Kiev government and became a catalyst for the Ukraine conflagration. ◻️ Stoltenberg doubled down on the fact that “NATO’s door is open. Ukraine will join,” during a speech in Berlin on September 19. . 1:31 AM · Sep 21, 2024 · 3,210 Views https://x.com/SputnikInt/status/1837197843531968526
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 931 มุมมอง 176 0 รีวิว
  • #พริกขี้หนูสีรุ้ง

    🌐สาระและบันเทิงเบื้องหลังตัวการ์ตูน ลำดับที่ 1

    อยากเขียนถึงมังงะหรือหนังสือภาพการ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องนี้ครับ ด้วยตั้งแต่อดีตอันยาวนานสืบเนื่องมาจวบถึงปัจจุบัน หลายครั้งที่หนังสือการ์ตูนกลายเป็นนักโทษหรือสิ่งชั่วร้าย ที่ผู้ใหญ่มักนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างถึง ว่าคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดีหลายอย่างในเด็ก ๆ ซึ่งหากจะพิจารณาอย่างไม่อคติแล้ว ควรจะบอกว่าเป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุ และก็เพียงแค่บางเรื่อ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ด้วยยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายประการที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ในวัยเด็ก การ์ตูนที่ดีก็มีไม่น้อย ดังเรื่องที่กำลังจะยกมาพูดถึงนี้

    🌶

    นิจิอิโระ โตการาชิ (มีความหมายในภาษาไทยได้ว่า พริกแดงสีรุ้ง) หรือในชื่อที่เคยได้รับการตีพิมพ์ภาคภาษาไทยคือ "พริกขี้หนูสีรุ้ง" เป็นมังงะ ที่เขียนขึ้นจากปลายปากกาคอแร้งของ อ.อาดาจิ มิซึรุ ตีพิมพ์ในหนังสือ วีคลี โชเน็น ซันเดย์ สนพ.โชงะกุคัง ตั้งแต่ 5 เมษายน พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2535 รวมเล่มมีทั้งหมด 11 เล่ม ได้รับการแปลมาในภาคภาษาไทยสมัยยังไม่มีลิขสิทธิ์ โดยหลายสำนักพิมพ์ ที่คุ้นเคยนักอ่านชาวไทยที่สุดก็จะเป็นของ สนพ.วิบูลย์กิจ เป็นผลงานลำดับที่เท่าไรไม่ทราบชัด แต่ผลงานก่อนหน้าอันโด่งดังในบ้านเราก็มีหลายเรื่องอย่าง ทัชยอดรักนักกีฬา ,ราฟ รักต้องลุย ,มิยูกิที่รัก ,สโลว์สเต๊ป ฯลฯ

    🌈

    เรื่องนี้พิเศษตรงที่เป็นผลงานหนึ่งเดียวที่ผู้เขียน ฉีกแนว เปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่มักใช้พื้นหลัง และโครงเรื่องในการนำเสนอเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักวัยรุ่นชวนว้าวุ่นของช่วงมัธยมปลาย โดยโยงเข้ากับการกีฬาที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของชนชาติญี่ปุ่นคือเบสบอลเป็นหลัก บางเรื่องก็อาจจะสลับไปเป็นซอฟต์บอลบ้าง ว่ายน้ำบ้าง มวยสากลบ้าง แต่หลักๆมักไม่พ้นเบสบอล ทว่า พริกขี้หนูสีรุ้ง เรียกว่ามาในแนวที่ผู้อ่านไม่มีวันคาดถึง คือดำเนินเรื่องสมมติไปในยุคสมัยที่คล้ายกับยุคอดีตของดาวดวงหนึ่ง ที่ผู้เขียนเองก็ไม่ระบุว่าคือที่ดาวอะไร แต่เป็นอันรู้กันได้เองสำหรับนักอ่าน และดินแดนในท้องเรื่องก็มีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นในยุคโชกุนเรืองอำนาจ โดยโครงเรื่องหลักพูดถึง พี่น้อง 7 คน ที่มีแม่คนละคนกัน แต่มีบิดาคนเดียวกัน ลูกแต่ละคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีอายุห่างกันประมาณ2-3ปี ไล่ไปตามลำดับ และแต่ละคนนั้น เมื่อแม่ตายไป ก็ได้รับการบอกกล่าวโดยทางใดทางหนึ่ง ให้เดินทางไปรวมกันในสถานที่หนึ่งซึ่งมีพี่น้องต่างแม่คนอื่นอาศัยอยู่ จนมาอยู่รวมกันครบทุกคน แล้วเรื่องราวการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อพ่อที่แท้จริงของเด็กๆเหล่านี้ แท้จริงคือโชกุนผู้ที่แอบซน ออกเดินทางไปท่องเที่ยวในวัยหนุ่มละอ่อน แล้วไปมีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับหญิงงามตามเมืองต่างๆ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป โดยก่อนจากคงจะได้บอกความจริงกับสาวๆไว้ แต่แม่ๆทุกคนได้เก็บความลับนี้ไว้ให้ตายไปกับตน ไม่มีสักคนที่เล่าความจริงนี้ให้บุตรของตนได้ทราบ

    🏯

    เรื่องราวอันชวนให้ติดตาม ไปพร้อมกับรอยยิ้มจึงค่อยๆดำเนินไปตามจำนวนตอนที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นทีละน้อย คนอ่านต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยเหล่าพี่น้อง ที่ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมสุสานของแม่ๆทั้งหมด โดยร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เผื่อจะได้ค้นพบความลับของชายผู้ที่เป็นพ่อว่าแท้จริงคือใครกันแน่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในขณะที่โชกุนผู้ที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตลูกนั้น ก็คอยส่งลูกน้องไปสืบข่าว และดูแลให้การช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองลูกๆ ในยามที่เกิดภัยอันตราย

    🌶

    โดยปกติผลงานของ อ.อาดาจิ ที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะเขียนเรื่องนี้นั้น ผู้ที่ติดตามผลงานมาอย่างยาวนาน จะคุ้นเคยและทราบเป็นอย่างดีว่า ผู้เขียนมักเป็นผู้ร่ำรวยอารมณ์ขัน ขยันหยอดมุกเล็กๆน้อยๆ สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของเรื่องตลอดเป็นช่วง และเป็นมุกที่ไม่เหมือนใคร และยากจะหาคนเลียนแบบได้ คือมั่นใจได้เลยว่าถ้าอ่านงานของนักเขียนคนนี้ ปลอดภัยจากยาพิษที่อาบปนมากับตัวการ์ตูนอย่างแน่นอน งานภาพสะอาดสะอ้าน ดูสบายตา เน้นการเล่าเรื่องด้วยทัศนียภาพ วิวทิวทัศน์ อาคารสถานที่ ใช้ตัวอักษรน้อยถึงน้อยมาก เล่าเท่าที่จำเป็น ไม่บรรยายพร่ำเพรื่อ บางที 4-5 หน้า ไม่มีอักษรแม้แต่ตัวเดียว แต่สามารถสื่ออารมณ์ และดำเนินเรื่องไปโดยที่คนอ่านยังสามารถเข้าใจในความหมายที่ผู้เขียนต้องการพาไปได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นการเสพงานของผู้เขียนคนนี้ สำหรับกับผมเหมือนกำลังชื่นชมงานศิลปะในนิทรรศการหรือหอศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้

    🌈

    ความประทับใจในผลงานของอาจารย์อาดาจิ ชื่นชอบทุกเรื่องที่เคยได้อ่านมา แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความพิเศษและน่าสนใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อคราวยังอยู่ในช่วงวัยมัธยมต้นต่อมัธยมปลายนั้น ก็เพียงแต่อ่านสนุกไปตามวัย โดยยังไม่อาจจะตีความเข้าใจถึงนัยยะแฝง ที่ผู้เขียนสอดแทรกใส่ไว้ในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง ต่อเมื่อเราเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีโอกาสได้กลับมาย้อนอ่านอีกครั้ง จึงสามารถรับสารได้มากขึ้น และเข้าใจในแก๊ก มุกต่างๆ รวมถึงแนวความคิดที่ค่อนข้างล้ำสมัยในยุคนั้น คือกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีที่มีแต่ยิ่งทำให้คนติดความสะดวกสบาย และขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสร้างหายนะให้เกิดขึ้นกับโลกจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียนผ่านคำพูดของตัวการ์ตูนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงยุคโชกุนได้ โดยมีการย้ำอยู่หลายครั้งในหลายตอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้น เป็นเรื่องในยุคปัจจุบัน นี่คือกุญแจดอกสำคัญ

    🌏

    เพราะแม้กาลเวลาจะล่วงมากว่า สามทศวรรษ แต่มังงะเรื่องนี้ยังคงไม่ล้าสมัย กลับยิ่งเสนอความจริงสิ่งที่เคยสื่อสะท้อนไว้ในอดีต ว่ามนุษย์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาในการดำเนินรอยตามความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีอย่างบ้าคลั่ง แล้วในท้ายที่สุดก็คงจะต้องร่วมกันแบกรับกับผลลัพธ์อันเลวร้ายที่เราทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งซึ่งสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา

    นี่คือชะตากรรมที่มิอาจบิดพลิ้ว หรือหลีกเลี่ยงได้

    ภาพประกอบยืมมาจากเว็บการ์ตูนญี่ปุ่นครับ ส่วนข้อมูลดิบประกอบเกี่ยวกับชื่อและคำแปล ระยะเวลาตีพิมพ์ จำนวนทั้งหลาย มาจากเว็บญี่ปุ่นโดยใช้กูเกิลแปลภาษาและรวมถึง วิกิพีเดียไทย

    #การ์ตูน
    #การ์ตูนญี่ปุ่น
    #มังงะ
    #อาดาจิมิซึรุ
    #อาดาจิ
    #thaitimes
    #การ์ตูนเล่ม
    #หนังสือการ์ตูน
    #บทความ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #พริกขี้หนูสีรุ้ง 🌐สาระและบันเทิงเบื้องหลังตัวการ์ตูน ลำดับที่ 1 อยากเขียนถึงมังงะหรือหนังสือภาพการ์ตูนสัญชาติญี่ปุ่นเรื่องนี้ครับ ด้วยตั้งแต่อดีตอันยาวนานสืบเนื่องมาจวบถึงปัจจุบัน หลายครั้งที่หนังสือการ์ตูนกลายเป็นนักโทษหรือสิ่งชั่วร้าย ที่ผู้ใหญ่มักนำมาเป็นข้อกล่าวอ้างถึง ว่าคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดพฤติกรรมที่ไม่ดีหลายอย่างในเด็ก ๆ ซึ่งหากจะพิจารณาอย่างไม่อคติแล้ว ควรจะบอกว่าเป็นเพียงแค่สาเหตุหนึ่งในหลายสาเหตุ และก็เพียงแค่บางเรื่อ แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ด้วยยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายประการที่ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของมนุษย์ในวัยเด็ก การ์ตูนที่ดีก็มีไม่น้อย ดังเรื่องที่กำลังจะยกมาพูดถึงนี้ 🌶 นิจิอิโระ โตการาชิ (มีความหมายในภาษาไทยได้ว่า พริกแดงสีรุ้ง) หรือในชื่อที่เคยได้รับการตีพิมพ์ภาคภาษาไทยคือ "พริกขี้หนูสีรุ้ง" เป็นมังงะ ที่เขียนขึ้นจากปลายปากกาคอแร้งของ อ.อาดาจิ มิซึรุ ตีพิมพ์ในหนังสือ วีคลี โชเน็น ซันเดย์ สนพ.โชงะกุคัง ตั้งแต่ 5 เมษายน พ.ศ.2533 จนถึง พ.ศ. 2535 รวมเล่มมีทั้งหมด 11 เล่ม ได้รับการแปลมาในภาคภาษาไทยสมัยยังไม่มีลิขสิทธิ์ โดยหลายสำนักพิมพ์ ที่คุ้นเคยนักอ่านชาวไทยที่สุดก็จะเป็นของ สนพ.วิบูลย์กิจ เป็นผลงานลำดับที่เท่าไรไม่ทราบชัด แต่ผลงานก่อนหน้าอันโด่งดังในบ้านเราก็มีหลายเรื่องอย่าง ทัชยอดรักนักกีฬา ,ราฟ รักต้องลุย ,มิยูกิที่รัก ,สโลว์สเต๊ป ฯลฯ 🌈 เรื่องนี้พิเศษตรงที่เป็นผลงานหนึ่งเดียวที่ผู้เขียน ฉีกแนว เปลี่ยนบรรยากาศจากเดิมที่มักใช้พื้นหลัง และโครงเรื่องในการนำเสนอเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับความรักวัยรุ่นชวนว้าวุ่นของช่วงมัธยมปลาย โดยโยงเข้ากับการกีฬาที่เป็นที่นิยมอันดับหนึ่งของชนชาติญี่ปุ่นคือเบสบอลเป็นหลัก บางเรื่องก็อาจจะสลับไปเป็นซอฟต์บอลบ้าง ว่ายน้ำบ้าง มวยสากลบ้าง แต่หลักๆมักไม่พ้นเบสบอล ทว่า พริกขี้หนูสีรุ้ง เรียกว่ามาในแนวที่ผู้อ่านไม่มีวันคาดถึง คือดำเนินเรื่องสมมติไปในยุคสมัยที่คล้ายกับยุคอดีตของดาวดวงหนึ่ง ที่ผู้เขียนเองก็ไม่ระบุว่าคือที่ดาวอะไร แต่เป็นอันรู้กันได้เองสำหรับนักอ่าน และดินแดนในท้องเรื่องก็มีความคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นในยุคโชกุนเรืองอำนาจ โดยโครงเรื่องหลักพูดถึง พี่น้อง 7 คน ที่มีแม่คนละคนกัน แต่มีบิดาคนเดียวกัน ลูกแต่ละคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน มีอายุห่างกันประมาณ2-3ปี ไล่ไปตามลำดับ และแต่ละคนนั้น เมื่อแม่ตายไป ก็ได้รับการบอกกล่าวโดยทางใดทางหนึ่ง ให้เดินทางไปรวมกันในสถานที่หนึ่งซึ่งมีพี่น้องต่างแม่คนอื่นอาศัยอยู่ จนมาอยู่รวมกันครบทุกคน แล้วเรื่องราวการผจญภัยก็เริ่มต้นขึ้น เมื่อพ่อที่แท้จริงของเด็กๆเหล่านี้ แท้จริงคือโชกุนผู้ที่แอบซน ออกเดินทางไปท่องเที่ยวในวัยหนุ่มละอ่อน แล้วไปมีสัมพันธ์รักลึกซึ้งกับหญิงงามตามเมืองต่างๆ แต่อยู่ได้ไม่นานก็ต้องจากไป โดยก่อนจากคงจะได้บอกความจริงกับสาวๆไว้ แต่แม่ๆทุกคนได้เก็บความลับนี้ไว้ให้ตายไปกับตน ไม่มีสักคนที่เล่าความจริงนี้ให้บุตรของตนได้ทราบ 🏯 เรื่องราวอันชวนให้ติดตาม ไปพร้อมกับรอยยิ้มจึงค่อยๆดำเนินไปตามจำนวนตอนที่ค่อยๆไต่ระดับขึ้นทีละน้อย คนอ่านต้องคอยลุ้นเอาใจช่วยเหล่าพี่น้อง ที่ตั้งใจจะเดินทางไปเยี่ยมสุสานของแม่ๆทั้งหมด โดยร่วมเดินทางไปพร้อมกัน เผื่อจะได้ค้นพบความลับของชายผู้ที่เป็นพ่อว่าแท้จริงคือใครกันแน่ ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในขณะที่โชกุนผู้ที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตลูกนั้น ก็คอยส่งลูกน้องไปสืบข่าว และดูแลให้การช่วยเหลือ ปกป้องคุ้มครองลูกๆ ในยามที่เกิดภัยอันตราย 🌶 โดยปกติผลงานของ อ.อาดาจิ ที่ผ่านมาก่อนหน้าที่จะเขียนเรื่องนี้นั้น ผู้ที่ติดตามผลงานมาอย่างยาวนาน จะคุ้นเคยและทราบเป็นอย่างดีว่า ผู้เขียนมักเป็นผู้ร่ำรวยอารมณ์ขัน ขยันหยอดมุกเล็กๆน้อยๆ สอดแทรกอยู่ในเนื้อหาของเรื่องตลอดเป็นช่วง และเป็นมุกที่ไม่เหมือนใคร และยากจะหาคนเลียนแบบได้ คือมั่นใจได้เลยว่าถ้าอ่านงานของนักเขียนคนนี้ ปลอดภัยจากยาพิษที่อาบปนมากับตัวการ์ตูนอย่างแน่นอน งานภาพสะอาดสะอ้าน ดูสบายตา เน้นการเล่าเรื่องด้วยทัศนียภาพ วิวทิวทัศน์ อาคารสถานที่ ใช้ตัวอักษรน้อยถึงน้อยมาก เล่าเท่าที่จำเป็น ไม่บรรยายพร่ำเพรื่อ บางที 4-5 หน้า ไม่มีอักษรแม้แต่ตัวเดียว แต่สามารถสื่ออารมณ์ และดำเนินเรื่องไปโดยที่คนอ่านยังสามารถเข้าใจในความหมายที่ผู้เขียนต้องการพาไปได้อย่างน่าทึ่ง ดังนั้นการเสพงานของผู้เขียนคนนี้ สำหรับกับผมเหมือนกำลังชื่นชมงานศิลปะในนิทรรศการหรือหอศิลป์ร่วมสมัยที่จัดแสดงในช่วงเวลาหนึ่งก็ได้ 🌈 ความประทับใจในผลงานของอาจารย์อาดาจิ ชื่นชอบทุกเรื่องที่เคยได้อ่านมา แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีความพิเศษและน่าสนใจมากที่สุด ซึ่งเมื่อคราวยังอยู่ในช่วงวัยมัธยมต้นต่อมัธยมปลายนั้น ก็เพียงแต่อ่านสนุกไปตามวัย โดยยังไม่อาจจะตีความเข้าใจถึงนัยยะแฝง ที่ผู้เขียนสอดแทรกใส่ไว้ในแต่ละช่วงของเนื้อเรื่อง ต่อเมื่อเราเติบโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาถึงปัจจุบัน เมื่อมีโอกาสได้กลับมาย้อนอ่านอีกครั้ง จึงสามารถรับสารได้มากขึ้น และเข้าใจในแก๊ก มุกต่างๆ รวมถึงแนวความคิดที่ค่อนข้างล้ำสมัยในยุคนั้น คือกล่าวถึงสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ ความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและเทคโนโลยีที่มีแต่ยิ่งทำให้คนติดความสะดวกสบาย และขี้เกียจมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วสร้างหายนะให้เกิดขึ้นกับโลกจนยากที่จะเยียวยาแก้ไข ซึ่งเป็นเนื้อหาที่ค่อนข้างหนัก แต่กลับสื่อสารเรื่องราวเหล่านี้ได้อย่างแนบเนียนผ่านคำพูดของตัวการ์ตูนที่ดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงยุคโชกุนได้ โดยมีการย้ำอยู่หลายครั้งในหลายตอนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในการ์ตูนนั้น เป็นเรื่องในยุคปัจจุบัน นี่คือกุญแจดอกสำคัญ 🌏 เพราะแม้กาลเวลาจะล่วงมากว่า สามทศวรรษ แต่มังงะเรื่องนี้ยังคงไม่ล้าสมัย กลับยิ่งเสนอความจริงสิ่งที่เคยสื่อสะท้อนไว้ในอดีต ว่ามนุษย์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาในการดำเนินรอยตามความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีอย่างบ้าคลั่ง แล้วในท้ายที่สุดก็คงจะต้องร่วมกันแบกรับกับผลลัพธ์อันเลวร้ายที่เราทั้งหลาย ล้วนเป็นส่วนหนึ่งซึ่งสร้างหรือทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา นี่คือชะตากรรมที่มิอาจบิดพลิ้ว หรือหลีกเลี่ยงได้ ภาพประกอบยืมมาจากเว็บการ์ตูนญี่ปุ่นครับ ส่วนข้อมูลดิบประกอบเกี่ยวกับชื่อและคำแปล ระยะเวลาตีพิมพ์ จำนวนทั้งหลาย มาจากเว็บญี่ปุ่นโดยใช้กูเกิลแปลภาษาและรวมถึง วิกิพีเดียไทย #การ์ตูน #การ์ตูนญี่ปุ่น #มังงะ #อาดาจิมิซึรุ #อาดาจิ #thaitimes #การ์ตูนเล่ม #หนังสือการ์ตูน #บทความ #หนังสือน่าอ่าน
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1950 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อ้าวทนายตั้มทำไมพูดถึงพี่เดเค้าอย่างนั้นล่ะครับ
    พี่เดพูดเสมอว่าพี่เดของแทร่นะครับ
    พี่เดคือคนดังนะครับ คุณตั้มหิวแสงหรือเปล่า
    พี่เดเค้าจะช่วยเกาหลีฟ้องคนไทยอยู่นะครับ
    คนไทยทุกคนที่ว่ากามิจ แกจัดการหมด
    เห็นแกดีใจใหญ่เลย บอกจะได้ตังค์
    ตั้มต้องระวังคำพูดนะครับ
    ว่าแต่พี่เดของกระผมไม่เคยชนะซักคดีนี่จริงเหรอครับ
    พี่คิงส์ขอไม่เชื่อทนายตั้มนะครับ
    จริงจริ๊ง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อ้าวทนายตั้มทำไมพูดถึงพี่เดเค้าอย่างนั้นล่ะครับ พี่เดพูดเสมอว่าพี่เดของแทร่นะครับ พี่เดคือคนดังนะครับ คุณตั้มหิวแสงหรือเปล่า พี่เดเค้าจะช่วยเกาหลีฟ้องคนไทยอยู่นะครับ คนไทยทุกคนที่ว่ากามิจ แกจัดการหมด เห็นแกดีใจใหญ่เลย บอกจะได้ตังค์ ตั้มต้องระวังคำพูดนะครับ ว่าแต่พี่เดของกระผมไม่เคยชนะซักคดีนี่จริงเหรอครับ พี่คิงส์ขอไม่เชื่อทนายตั้มนะครับ จริงจริ๊ง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1601 มุมมอง 0 รีวิว
  • เราจะรู้จักคนไม่มีธรรมได้จากอะไร
    ความเห็น ความคิด เรามองไม่เห็นก็จริง
    แต่คำพูดและการกระทำทางกาย ไม่อาจจะปกปิดระดับจิตปัญญาไว้ได้นาน จะปรากฎให้เห็นเสมอ
    เราจะรู้จักคนไม่มีธรรมได้จากอะไร ความเห็น ความคิด เรามองไม่เห็นก็จริง แต่คำพูดและการกระทำทางกาย ไม่อาจจะปกปิดระดับจิตปัญญาไว้ได้นาน จะปรากฎให้เห็นเสมอ
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
  • ...ในครอบครัวหนึ่งๆ...
    สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความยากจน
    ทว่าคือวิธีพูดที่ทำให้หายใจไม่ออก

    ทั้งที่อยากแสดงความใส่ใจ
    กลับกลายเป็นการต่อว่าตำหนิ

    ทั้งที่อยากแก้ปัญหา
    กลับกลายทำให้ความขัดแย้ง
    ที่ฝุ่นจับมานานปะทุรุนแรงขึ้น

    พูดไม่เป็น ไม่พูดกันดีดี
    ครอบครัวลักษณะนี้แทบหาความสุขไม่ได้

    สื่อสารโดยการตะคอกใส่กัน
    ในถ้อยคำมีเพียงการจับผิดหาความ
    พูดไม่เกินสองคำก็ทะเลาะกัน

    บ้านคือสถานที่พูดเรื่องความรัก
    ไม่ใช่สถานที่ถกเหตุผล

    ต่อให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเพียงใด
    ก็ไม่อาจทนฟังคำพูดร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทางวาจา
    แม้จะร่ำรวยเพียงใดก็ทำให้คนอยากหลบหนี

    บ้านที่มีความสุขความหรรษา
    ต่อให้ซอมซ่อเพียงใดก็ทำให้คนรักอาลัย

    ถ้าเป็นคนที่รักบ้านจริง
    คิดจะบริหารครอบครัวให้ดีแล้ว เริ่มจากวันนี้

    ทำสิ่งที่ถนอมรักใส่ใจ กล่าววาจาที่ให้ใจสบาย
    บ้านสุข ทุกเรื่องราวจะรุ่งเรือง
    ...ในครอบครัวหนึ่งๆ... สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ความยากจน ทว่าคือวิธีพูดที่ทำให้หายใจไม่ออก ทั้งที่อยากแสดงความใส่ใจ กลับกลายเป็นการต่อว่าตำหนิ ทั้งที่อยากแก้ปัญหา กลับกลายทำให้ความขัดแย้ง ที่ฝุ่นจับมานานปะทุรุนแรงขึ้น พูดไม่เป็น ไม่พูดกันดีดี ครอบครัวลักษณะนี้แทบหาความสุขไม่ได้ สื่อสารโดยการตะคอกใส่กัน ในถ้อยคำมีเพียงการจับผิดหาความ พูดไม่เกินสองคำก็ทะเลาะกัน บ้านคือสถานที่พูดเรื่องความรัก ไม่ใช่สถานที่ถกเหตุผล ต่อให้ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเพียงใด ก็ไม่อาจทนฟังคำพูดร้ายๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครอบครัวที่เต็มไปด้วยความรุนแรงทางวาจา แม้จะร่ำรวยเพียงใดก็ทำให้คนอยากหลบหนี บ้านที่มีความสุขความหรรษา ต่อให้ซอมซ่อเพียงใดก็ทำให้คนรักอาลัย ถ้าเป็นคนที่รักบ้านจริง คิดจะบริหารครอบครัวให้ดีแล้ว เริ่มจากวันนี้ ทำสิ่งที่ถนอมรักใส่ใจ กล่าววาจาที่ให้ใจสบาย บ้านสุข ทุกเรื่องราวจะรุ่งเรือง
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม

    ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC

    ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร

    ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ

    บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก

    ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส

    สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก

    ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/

    #Thaitimes
    Ray Dalio ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ผู้ทรงอิทธิพลของโลก หวั่นเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาเสี่ยงเจอวิกฤตหนัก 5 ประการ ปัญหาหนี้ที่เพิ่มขึ้นรุมเร้าและการเมืองภายในแตกแยก ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีนทวีความรุนแรงเป็นสงครามการค้าตั้งกำแพงภาษี ท่ามกลางภัยธรรมชาติรุนแรงสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินยิ่งกว่าสงคราม ในการประชุมสุดยอดเอเชียของ Milken Institute ที่สิงคโปร์ เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับมหาเศรษฐี ได้ระบุถึงแรงขับเคลื่อนสำคัญ 5 ประการที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปัจจุบัน โดยระบุถึงลักษณะเป็นวัฏจักรและเชื่อมโยงกัน ตามรายงานของลี อิง ชาน นักข่าว CNBC ในการพูดก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ทุกคนรอคอยมานาน ดาลิโอได้เน้นย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับวิธีการที่สหรัฐฯ จะจัดการหนี้ที่เพิ่มขึ้น โดยที่อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ทศวรรษ ปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงิน 1.049 ล้านล้านดอลลาร์ในการชำระหนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี ดาลิโอตั้งคำถามว่าหนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อมูลค่าทรัพย์สินของสหรัฐฯ และบทบาทของสินทรัพย์ของสหรัฐฯ ในฐานะแหล่งเก็บความมั่งคั่งที่เชื่อถือได้อย่างไร ตามรายงานของ CNBC ดาลิโอยังได้ดึงความสนใจไปที่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ความไม่สงบภายใน" ในสหรัฐฯ โดยเฉพาะความแตกแยกทางการเมืองที่ขยายตัวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เขาเตือนว่าความแตกต่างที่ไม่อาจปรองดองได้ระหว่างฝ่ายขวาและฝ่ายซ้ายทางการเมือง ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่ง อาจขัดขวางการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ แม้ว่ารองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริสจะถูกมองว่าเป็นผู้นำ แต่ดาลิโอแนะนำว่าความไม่มั่นคงทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจของประเทศมากกว่านโยบายของผู้สมัครคนใด ๆ บนเวทีระหว่างประเทศ ดาลิโออ้างถึงความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างสหรัฐฯ และจีนว่าเป็นแหล่งความกังวลที่สำคัญ ดาลิโอกล่าวว่าปัญหาเช่นสถานะทางการเมืองของไต้หวันและภาษีศุลกากรทางเศรษฐกิจได้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจทั้งสองตึงเครียด ในขณะที่ดาลิโอตั้งข้อสังเกตว่าความกลัวต่อการทำลายล้างซึ่งกันและกันอาจป้องกันไม่ให้เกิดความขัดแย้งโดยตรง เขากล่าวว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เหล่านี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก ดาลิโอเน้นย้ำถึงผลกระทบที่เพิ่มมากขึ้นของปัญหาสิ่งแวดล้อม โดยระบุว่า "ภัยธรรมชาติ" เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม และโรคระบาด มักก่อให้เกิดการหยุดชะงักทางสังคมมากกว่าสงคราม CNBC เน้นย้ำถึงคำเตือนของเขาว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจสร้างต้นทุนทางเศรษฐกิจที่สูงกว่าในไม่ช้านี้ โดยคาดว่า GDP ทั่วโลกจะหดตัวลง 12% ต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส สุดท้าย Dalio เน้นย้ำถึงพลังการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี เขาแนะนำว่าผู้ที่สามารถใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้อย่างมีประสิทธิภาพจะได้รับประโยชน์อย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เตือนด้วยว่าเทคโนโลยีอาจทำให้ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจรุนแรงขึ้น การประเมินโดยรวมของ Dalio นั้นระมัดระวัง โดยคำพูดสุดท้ายของเขาบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญกับความเสี่ยงด้านลบมากกว่าโอกาสด้านบวก ที่มา : https://www.cryptoglobe.com/latest/2024/09/billionaire-ray-dalio-warns-of-soaring-u-s-debt-geopolitical-tensions-and-tech-wars-between-nations/ #Thaitimes
    WWW.CRYPTOGLOBE.COM
    Ray Dalio Reveals the Top Five Forces Influencing the Global Economy
    Ray Dalio foresees a dangerous convergence of forces that could reshape the global order.
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1442 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง

    ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง)

    รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง) รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชั่งใจคืออะไร

    ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้

    ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ

    ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง

    แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ

    สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต

    แตกต่างกับ "ช่างใจ"

    ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้



    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #บันทึก
    #ภาษาไทย
    #ช่าง
    #ชั่ง
    ชั่งใจคืออะไร ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้ ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต แตกต่างกับ "ช่างใจ" ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้ #ข้อคิด #thaitimes #บันทึก #ภาษาไทย #ช่าง #ชั่ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 878 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts