• 🔥 19 ปี โศกนาฏกรรมศาลท้าวมหาพรหม หนุ่มป่วยจิตบุกทุบ รุมสกรัมดับกลางราชประสงค์! 😱

    📝 ย้อนเหตุการณ์ช็อก 19 ปี ที่ผ่านมา! หนุ่มป่วยจิตบุกทุบศาลท้าวมหาพรหม ชาวบ้านรุมสกรัมจนเสียชีวิต แรงศรัทธาและแรงแค้น ปะทะกันอย่างรุนแรง!

    📚 ✨ 19 ปี ผ่านไป กับเหตุการณ์ที่ยังฝังใจคนไทย วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🌙 เช้ามืดที่ราชประสงค์ เวลาตีหนึ่ง กลายเป็นเวทีของเหตุการณ์ ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อาจลืม... เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่ง บุกเข้าไปในศาลท้าวมหาพรหม กลางสี่แยกสำคัญ ทุบองค์พระพรหมจนแตกละเอียด ก่อนจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย จนเสียชีวิตต่อหน้าสายตาคนมากมาย 😢

    เรื่องราวครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงข่าวฆาตกรรม แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดคำถาม และข้อถกเถียงเกี่ยวกับศรัทธา ความเชื่อ และปัญหาทางสุขภาพจิตในสังคมไทย 📖

    🔎 เวลาประมาณตีหนึ่งของวันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🚨 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุ มีชายคนหนึ่งถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต หน้าทางเข้าโรงแรมเอราวัณ จุดศูนย์กลางของศรัทธาและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กลางกรุงเทพมหานคร 🏙️

    🎯 ชายคนดังกล่าว อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว พับขาขึ้นมา เขามีรอยสักคำว่า "อามีน" บริเวณแผ่นหลัง พบค้อนและเหล็กเสียบร่ม ในพื้นที่ใกล้ศพ องค์ท้าวมหาพรหมถูกทุบจนแตกละเอียด เหลือแต่ฐาน 😢 ไม่มีเอกสารแสดงตัวตน พบเพียงบุหรี่ ยาเส้น ไฟแช็ก และเงิน 8 บาท
    ต่อมา

    พ่อของชายหนุ่มได้มายืนยันตัวตน ว่าผู้เคราะห์ร้ายชื่อ นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเวชมานานกว่า 6 ปี 🧠

    🛕 ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เป็นมากกว่าสถานที่สักการะ 😇 แต่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของคนไทย และชาวต่างชาติที่ศรัทธาใน "องค์มหาพรหม" เทพผู้ประทานพรให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวัง

    📌 สร้างขึ้นปี 2499 โดยบริษัทสหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด เพื่อแก้เคล็ดฤกษ์ที่ไม่ดี ตามความเชื่อโหราศาสตร์ องค์พระพรหมปั้นจากปูนปลาสเตอร์ ปิดทอง โดยกรมศิลปากร กลายเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ ผู้คนมาขอพรเรื่องความสำเร็จ ในชีวิตและการงาน 🙏

    💥 ความเชื่อกับความกลัว ปฏิกิริยาของผู้คนต่อเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์ หน้าศาลท้าวมหาพรหม เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และตื่นตระหนก 😭 ผู้ศรัทธาหลายคนร่ำไห้ เชื่อว่านี่คือ "ลางร้าย" ที่บอกเหตุการณ์ไม่ดี ที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย 🇹🇭

    นายภิญโญ พงศ์เจริญ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า นี่เป็นสัญญาณจากฟ้าดิน ว่าเกิดสิ่งไม่เป็นมงคล ⚡

    🩺 ประเด็นปัญหาทางสังคม บทเรียนจากโศกนาฏกรรม สุขภาพจิต คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! 🧠 นายธนกรป่วยเป็นโรคจิตเวชมานาน แต่ไม่มีระบบสวัสดิการที่เพียงพอ ในการดูแลรักษา พ่อต้องพาไปโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง แต่ไม่ได้ผลถาวร 😓

    🚨 ประเด็นที่สังคมควรถาม
    - ทำไมถึงไม่มีการช่วยเหลือทันทีจากตำรวจ 191 ที่พ่อโทรแจ้งก่อนเหิดเหตุ?
    - ระบบสุขภาพจิตของไทย รองรับผู้ป่วยเรื้อรังเพียงพอหรือไม่?
    - ประชาทัณฑ์คือความยุติธรรม หรืออารมณ์ชั่ววูบ?

    🛠️ บูรณะศาลท้าวมหาพรหม เยียวยาความรู้สึกคนไทย หลังเหตุการณ์ โรงแรมเอราวัณและกรมศิลปากร เร่งบูรณะองค์ท้าวมหาพรหม 🔧 โดยใช้เทคนิคใหม่ เช่น ใยหิน ปูนเขียว แกนสเตนเลส และทองเหลืองจากสวีเดน พร้อมปิดทองใหม่ทุกจุด ✨

    📅 ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 มีพิธีบวงสรวงใหญ่ และเชิญองค์ท้าวมหาพรหม กลับประดิษฐาน ณ จุดเดิม ช่วยปลุกขวัญ และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนอีกครั้ง 🙏

    💣 เหตุการณ์ระเบิดปี 2558 ฝันร้ายซ้ำสองที่ไม่มีใครอยากจำ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. เกิดเหตุระเบิดกลางศาลท้าวมหาพรหมอีกครั้ง 🔥 ด้วยระเบิดทีเอ็นทีหนัก 5 กก. มีผู้เสียชีวิตทันที 16 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน

    แรงระเบิดทำให้องค์มหาพรหม เสียหายอย่างหนัก ต้องบูรณะด้วยงบประมาณกว่า 70,000 บาท ภายในเวลาเพียง 9 วัน ⚒️

    📉 วิเคราะห์ผลกระทบทางสังคม ศรัทธา และความมั่นคง คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้น 🤔 รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง สามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ได้แค่ไหน? ศรัทธายังเป็นพลังบวก หรือกำลังกลายเป็นเครื่องมือสร้างความหวาดกลัวในสังคม?

    💡 ทางออกที่ควรพิจารณา เพิ่มการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และสร้างระบบรับมือวิกฤตสุขภาพจิต ที่มีประสิทธิภาพ เสริมความเข้มแข็งในการป้องกันเหตุอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

    📝 ศรัทธา...ยังคงอยู่ หรือเลือนหายไป? 19 ปีผ่านไป เหตุการณ์ที่ศาลท้าวมหาพรหม ยังสอนว่า "ศรัทธา" อาจเป็นทั้งพลังสร้างสรรค์ และพลังทำลายได้ ถ้าไม่รู้จักใช้มันให้ถูกที่ถูกทาง 🙏✨

    สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากอดีต ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง 💔

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210927 มี.ค. 2568

    📣 #ท้าวมหาพรหม #ศาลเอราวัณ #ศรัทธามหาชน #เหตุการณ์ราชประสงค์ #สุขภาพจิต #รุมประชาทัณฑ์ #บูรณะศาลท้าวมหาพรหม #ระเบิดราชประสงค์ #ข่าวอาชญากรรม #สังคมไทยวันนี้
    🔥 19 ปี โศกนาฏกรรมศาลท้าวมหาพรหม หนุ่มป่วยจิตบุกทุบ รุมสกรัมดับกลางราชประสงค์! 😱 📝 ย้อนเหตุการณ์ช็อก 19 ปี ที่ผ่านมา! หนุ่มป่วยจิตบุกทุบศาลท้าวมหาพรหม ชาวบ้านรุมสกรัมจนเสียชีวิต แรงศรัทธาและแรงแค้น ปะทะกันอย่างรุนแรง! 📚 ✨ 19 ปี ผ่านไป กับเหตุการณ์ที่ยังฝังใจคนไทย วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🌙 เช้ามืดที่ราชประสงค์ เวลาตีหนึ่ง กลายเป็นเวทีของเหตุการณ์ ที่คนไทยทั้งประเทศไม่อาจลืม... เมื่อชายหนุ่มรายหนึ่ง บุกเข้าไปในศาลท้าวมหาพรหม กลางสี่แยกสำคัญ ทุบองค์พระพรหมจนแตกละเอียด ก่อนจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย จนเสียชีวิตต่อหน้าสายตาคนมากมาย 😢 เรื่องราวครั้งนั้น ไม่ใช่เพียงข่าวฆาตกรรม แต่เป็นโศกนาฏกรรมที่ก่อให้เกิดคำถาม และข้อถกเถียงเกี่ยวกับศรัทธา ความเชื่อ และปัญหาทางสุขภาพจิตในสังคมไทย 📖 🔎 เวลาประมาณตีหนึ่งของวันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2549 🚨 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ลุมพินี ได้รับแจ้งเหตุ มีชายคนหนึ่งถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิต หน้าทางเข้าโรงแรมเอราวัณ จุดศูนย์กลางของศรัทธาและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กลางกรุงเทพมหานคร 🏙️ 🎯 ชายคนดังกล่าว อายุประมาณ 30 ปี สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงขายาว พับขาขึ้นมา เขามีรอยสักคำว่า "อามีน" บริเวณแผ่นหลัง พบค้อนและเหล็กเสียบร่ม ในพื้นที่ใกล้ศพ องค์ท้าวมหาพรหมถูกทุบจนแตกละเอียด เหลือแต่ฐาน 😢 ไม่มีเอกสารแสดงตัวตน พบเพียงบุหรี่ ยาเส้น ไฟแช็ก และเงิน 8 บาท ต่อมา พ่อของชายหนุ่มได้มายืนยันตัวตน ว่าผู้เคราะห์ร้ายชื่อ นายธนกร ภักดีผล อายุ 27 ปี ป่วยเป็นโรคจิตเวชมานานกว่า 6 ปี 🧠 🛕 ศาลท้าวมหาพรหม สี่แยกราชประสงค์ เป็นมากกว่าสถานที่สักการะ 😇 แต่เป็นศูนย์รวมความเชื่อของคนไทย และชาวต่างชาติที่ศรัทธาใน "องค์มหาพรหม" เทพผู้ประทานพรให้สมปรารถนาในสิ่งที่หวัง 📌 สร้างขึ้นปี 2499 โดยบริษัทสหโรงแรมไทย และการท่องเที่ยว จำกัด เพื่อแก้เคล็ดฤกษ์ที่ไม่ดี ตามความเชื่อโหราศาสตร์ องค์พระพรหมปั้นจากปูนปลาสเตอร์ ปิดทอง โดยกรมศิลปากร กลายเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ ผู้คนมาขอพรเรื่องความสำเร็จ ในชีวิตและการงาน 🙏 💥 ความเชื่อกับความกลัว ปฏิกิริยาของผู้คนต่อเหตุการณ์ หลังเหตุการณ์ หน้าศาลท้าวมหาพรหม เต็มไปด้วยความเศร้าโศก และตื่นตระหนก 😭 ผู้ศรัทธาหลายคนร่ำไห้ เชื่อว่านี่คือ "ลางร้าย" ที่บอกเหตุการณ์ไม่ดี ที่จะเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย 🇹🇭 นายภิญโญ พงศ์เจริญ นักโหราศาสตร์ชื่อดัง กล่าวว่า นี่เป็นสัญญาณจากฟ้าดิน ว่าเกิดสิ่งไม่เป็นมงคล ⚡ 🩺 ประเด็นปัญหาทางสังคม บทเรียนจากโศกนาฏกรรม สุขภาพจิต คือเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม! 🧠 นายธนกรป่วยเป็นโรคจิตเวชมานาน แต่ไม่มีระบบสวัสดิการที่เพียงพอ ในการดูแลรักษา พ่อต้องพาไปโรงพยาบาลถึง 4 แห่ง แต่ไม่ได้ผลถาวร 😓 🚨 ประเด็นที่สังคมควรถาม - ทำไมถึงไม่มีการช่วยเหลือทันทีจากตำรวจ 191 ที่พ่อโทรแจ้งก่อนเหิดเหตุ? - ระบบสุขภาพจิตของไทย รองรับผู้ป่วยเรื้อรังเพียงพอหรือไม่? - ประชาทัณฑ์คือความยุติธรรม หรืออารมณ์ชั่ววูบ? 🛠️ บูรณะศาลท้าวมหาพรหม เยียวยาความรู้สึกคนไทย หลังเหตุการณ์ โรงแรมเอราวัณและกรมศิลปากร เร่งบูรณะองค์ท้าวมหาพรหม 🔧 โดยใช้เทคนิคใหม่ เช่น ใยหิน ปูนเขียว แกนสเตนเลส และทองเหลืองจากสวีเดน พร้อมปิดทองใหม่ทุกจุด ✨ 📅 ในวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 มีพิธีบวงสรวงใหญ่ และเชิญองค์ท้าวมหาพรหม กลับประดิษฐาน ณ จุดเดิม ช่วยปลุกขวัญ และฟื้นฟูศรัทธาประชาชนอีกครั้ง 🙏 💣 เหตุการณ์ระเบิดปี 2558 ฝันร้ายซ้ำสองที่ไม่มีใครอยากจำ วันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เวลา 18.55 น. เกิดเหตุระเบิดกลางศาลท้าวมหาพรหมอีกครั้ง 🔥 ด้วยระเบิดทีเอ็นทีหนัก 5 กก. มีผู้เสียชีวิตทันที 16 ราย และบาดเจ็บกว่า 70 คน แรงระเบิดทำให้องค์มหาพรหม เสียหายอย่างหนัก ต้องบูรณะด้วยงบประมาณกว่า 70,000 บาท ภายในเวลาเพียง 9 วัน ⚒️ 📉 วิเคราะห์ผลกระทบทางสังคม ศรัทธา และความมั่นคง คำถามใหญ่ที่เกิดขึ้น 🤔 รัฐบาลและหน่วยงานความมั่นคง สามารถป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ได้แค่ไหน? ศรัทธายังเป็นพลังบวก หรือกำลังกลายเป็นเครื่องมือสร้างความหวาดกลัวในสังคม? 💡 ทางออกที่ควรพิจารณา เพิ่มการดูแลผู้ป่วยจิตเวช และสร้างระบบรับมือวิกฤตสุขภาพจิต ที่มีประสิทธิภาพ เสริมความเข้มแข็งในการป้องกันเหตุอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ 📝 ศรัทธา...ยังคงอยู่ หรือเลือนหายไป? 19 ปีผ่านไป เหตุการณ์ที่ศาลท้าวมหาพรหม ยังสอนว่า "ศรัทธา" อาจเป็นทั้งพลังสร้างสรรค์ และพลังทำลายได้ ถ้าไม่รู้จักใช้มันให้ถูกที่ถูกทาง 🙏✨ สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้จากอดีต ไม่ให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย ในรูปแบบใหม่อีกครั้ง 💔 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210927 มี.ค. 2568 📣 #ท้าวมหาพรหม #ศาลเอราวัณ #ศรัทธามหาชน #เหตุการณ์ราชประสงค์ #สุขภาพจิต #รุมประชาทัณฑ์ #บูรณะศาลท้าวมหาพรหม #ระเบิดราชประสงค์ #ข่าวอาชญากรรม #สังคมไทยวันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • 30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา

    🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟

    📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️

    เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่?

    👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ธรรม์เป็นบุตรชายของ
    👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก
    ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง

    🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์"

    🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s

    📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น
    - กระโปรงบานขาสั้น
    - ม.6/2 ห้องครูวารี
    - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว
    - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว
    - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง

    📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫

    แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง

    ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC)

    ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น...

    🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

    🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา

    👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย

    🕵️‍♂️ ปมปริศนา
    - อุบัติเหตุพลัดตก?
    - เมาสุราจนเสียการทรงตัว?
    - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา?

    ไม่มีใครรู้ความจริง!

    💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...”

    คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้

    👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม!

    🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม?
    1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ

    2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า

    3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่?

    หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰

    🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆

    🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่
    🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี
    🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง

    ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้...

    🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่

    ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย
    ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย

    “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️

    📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568

    📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    30 ปี สิ้นดาราดาวรุ่ง “ธรรม์ โทณะวณิก” ดิ่งคอนโด 16 ชั้น ปมเสียชีวิตยังคงเป็นปริศนา 🌟 ย้อนรำลึกถึงดาวที่ลับฟ้า กับความจริงที่ยังไม่คลี่คลาย 🌟 📝 ดาวรุ่งผู้จากไป กับคำถามที่ยังไร้คำตอบ ย้อนไปในค่ำคืนอันเงียบงัน กลางดึกวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลาห้าทุ่ม 🌌 ทั่วทั้งวงการบันเทิงไทย ต้องเผชิญความสูญเสียครั้งใหญ่ เมื่อ “ธรรม์ โทณะวณิก” ดาราหนุ่มดาวรุ่งวัยเพียง 20 ปี ตกจากดาดฟ้าคอนโดสูง 16 ชั้น ที่อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ‼️ เหตุการณ์ครั้งนั้น ยังคงฝังใจผู้คนที่ติดตามข่าวสาร ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะคำถามที่ยังไม่มีคำตอบถึง "สาเหตุการเสียชีวิต" ว่าคืออุบัติเหตุ อาการซึมเศร้า หรืออาจมีเงื่อนงำบางอย่างซ่อนอยู่? 👦🏻 "ธรรม์ โทณะวณิก" ชื่อเล่นว่า ธรรม์ เป็นที่รู้จักในฐานะ นักแสดงและนายแบบชาวไทย ที่มีพรสวรรค์และอนาคตสดใสรออยู่ข้างหน้า เกิดและเติบโตที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ธรรม์เป็นบุตรชายของ 👨‍⚕️ นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก ✍🏻 นางอิราวดี นวมานนท์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ น้ำอบ นักเขียนชื่อดังระดับตำนาน ผู้เขียนนวนิยายเรื่อง “คือหัตถาครองพิภพ” ที่มีตัวละครสำคัญชื่อ “พจน์” ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจ จากบุคลิกของลูกชายคนนี้เอง 🎥 จุดเริ่มต้นในวงการบันเทิง ธรรม์เริ่มเข้าสู่วงการตั้งแต่เด็ก ด้วยงานถ่ายแบบในปี พ.ศ. 2527 ในนิตยสาร "สตรีสาร" แต่สิ่งที่ทำให้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัว คือบทพระเอกในภาพยนตร์ "กระโปรงบานขาสั้น" ปี พ.ศ. 2537 โดยประกบคู่กับนางเอก "ธัญญาเรศ รามณรงค์" 🎬 ภาพยนตร์เรื่องนี้กำกับโดย "ชาติชาย แก้วสว่าง" ผู้กำกับหน้าใหม่ในขณะนั้น แต่กลับพาธรรม์ขึ้นสู่จุดสูงสุดในฐานะ "พระเอกขวัญใจวัยรุ่น" แห่งยุค 90’s 📚 เส้นทางสายบันเทิง และชีวิตส่วนตัวที่หลายคนไม่เคยรู้ ✨ ผลงานสร้างชื่อ ธรรม์กลายเป็นขวัญใจวัยรุ่น มีผลงานทั้งในจอเงินและจอแก้ว เช่น - กระโปรงบานขาสั้น - ม.6/2 ห้องครูวารี - กระโปรงบานขาสั้น เทอม 2 ตอนแอบดูบาร์บีคิว - ขอเก็บหัวใจเธอไว้คนเดียว - สมศรี 422R ภาค 3 โปรแกรม D ปีนี้มีน้อง 📸 นายแบบยอดนิยม ธรรม์ขึ้นปกนิตยสารวัยรุ่นหลายเล่ม โดยเฉพาะ "เธอกับฉัน" ปี พ.ศ. 2536 ซึ่งธรรม์ได้รับตำแหน่ง "หนุ่มช่างฝันกิตติมศักดิ์" ด้วยคะแนนโหวตถล่มทลาย 💫 แฟนคลับในยุคนั้น ต่างหลงใหลในความหล่อเหลา และบุคลิกที่อบอุ่นเป็นกันเอง ❤️ รักแรกและรักเดียว ธรรม์มีแฟนสาวนอกวงการชื่อ น้ำฝน หรือเบญจพร ตังคานุกูลกิจ คบหากันตั้งแต่เรียนที่ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงที่ทั้งคู่ กำลังศึกษาอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) ความรักที่ดูเรียบง่ายและมั่นคงนี้เอง ที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ธรรม์ไม่มีเหตุผลที่จะคิดสั้น... 🚨 คืนสุดท้ายก่อนเสียชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่มีใครลืม กลางดึกคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2538 เวลา 23.00 น. ธรรม์พลัดตกจากดาดฟ้าคอนโด "ซีเอ็นพี คอนโดมิเนียม" ชั้น 16 ที่พักอาศัยของธรรม์ ในอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 🏢 ธรรม์ตกลงมากระแทกหลังคาบ้านเช่าหลังหนึ่ง โดยที่ "ทองม้วน พุ่มฉัตร" หญิงสาวที่เป็นแฟนคลับกำลังนอนพักผ่อนอยู่ ได้รับบาดเจ็บที่ขาขวา 👉🏻 ชันสูตรพบว่า ธรรม์ไม่มีสารเสพติดในร่างกาย และไม่มีร่องรอยการต่อสู้ หรือถูกทำร้ายร่างกาย 🕵️‍♂️ ปมปริศนา - อุบัติเหตุพลัดตก? - เมาสุราจนเสียการทรงตัว? - มีคนจงใจทำให้ต้องตกลงมา? ไม่มีใครรู้ความจริง! 💬 คำพูดสุดท้ายของ “น้ำอบ” มารดาธรรม์ “ธรรม์ไม่มีวันฆ่าตัวตาย! เพราะยังสัญญากับแม่ว่า จะดูละครตอนแรกด้วยกัน และธรรม์ไม่เคยผิดสัญญา...” คำพูดนี้จาก "น้ำอบ" ผู้เป็นแม่ ยังคงสะเทือนใจแฟนคลับและสังคมจนถึงทุกวันนี้ 👉🏻 หลายคนเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกฆาตกรรม! 🔍 สาเหตุการเสียชีวิต อุบัติเหตุ หรือฆาตกรรม? 1️⃣ อุบัติเหตุ บางคนตั้งข้อสันนิษฐานว่า ธรรม์อาจขึ้นไปบนดาดฟ้า เพื่อลดความเครียด สูบบุหรี่ และอาจเผลอพลัดตกลงมา โดยไม่ตั้งใจ 2️⃣ ฆ่าตัวตาย ข่าวลือในขณะนั้นเล่าว่า ธรรม์มีความเครียดจากชีวิตการทำงาน และเรื่องส่วนตัว แต่ครอบครัวและคนสนิท ต่างปฏิเสธว่าไม่มีพฤติกรรม หรืออาการซึมเศร้า 3️⃣ ฆาตกรรม ความสงสัยที่ไม่เคยจางหาย... ใครอยู่กับธรรม์ในคืนนั้น? และมีใครได้ยินหรือเห็นอะไรผิดปกติหรือไม่? หลายคนยังเชื่อว่า ธรรม์อาจถูกทำให้ตกลงมาอย่างตั้งใจ 😰 🕰️ 30 ปีผ่านไป ความจริงที่ยังไม่ถูกเปิดเผย แม้เวลาจะผ่านไปกว่า 30 ปี แต่คดีนี้ยังคงไร้บทสรุปชัดเจน 📆 🔸 ไม่มีพยานหลักฐานใหม่ 🔸 ไม่มีผู้ต้องสงสัยที่ถูกดำเนินคดี 🔸 ไม่มีคำอธิบายใดๆ จากผู้เกี่ยวข้อง ทุกอย่างยังคงเป็นปริศนา ที่ไม่มีใครสามารถคลี่คลายได้... 🎬 มรดกทางจิตใจ และผลงานที่ธรรม์ทิ้งไว้ แม้ชีวิตของธรรม์จะจบลงในวัยเพียง 20 ปี แต่ผลงานของธรรม์ ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ ✨ คือตัวแทนของยุคทองวงการบันเทิงไทย ✨ คือความทรงจำของใครหลายคน ที่ไม่เคยเลือนหาย “ธรรม์ โทณะวณิก ยังอยู่ในหัวใจแฟนคลับเสมอ” ❤️ 📌 “ธรรม์ โทณะวณิก” ตำนานที่ไม่มีวันลืม 30 ปีผ่านไป เหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงเป็นปริศนา ที่ก้องอยู่ในใจของแฟนๆ และผู้ติดตามข่าวสาร หลายคนอาจยังคงสงสัย ในชะตากรรมของดาวรุ่งผู้นี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เปลี่ยน คือความทรงจำที่สวยงาม และผลงานที่ธรรม์ได้ทิ้งไว้ให้คนไทย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161024 มี.ค. 2568 📲 #ธรรม์โทณะวณิก #ดารายุค90 #คดีดังในอดีต #ดาราไทยเสียชีวิต #ปริศนาดารา #วงการบันเทิงไทย #ข่าวบันเทิงย้อนหลัง #ดาวรุ่งดวงดับ #ตำนานดาราไทย #ซีเอ็นพีคอนโด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 571 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ

    ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก

    ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด
    “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา”
    “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย”

    ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา” “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย” ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวของนายโจว หมอดูจากหนานชง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ที่เคยทำนายดวงชะตาตัวเอง ว่าจะเสียชีวิตตอนวัย 50 และสุดท้ายเขาก็เสียชีวิตจริงๆ

    “ในช่วงวัยเลข 5 ผมจะพบกับหายนะที่รุนแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย”

    โดยในเดือน พ.ค.2017 ก่อนจะถึงวันเกิดครบ 60 ปี นายโจวก็เกิดป่วยหนักและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล

    แม้ว่าแพทย์จะพยายามรักษาและยื้อชีวิตเขา แต่สุดท้ายนายโจวก็เสียชีวิต โดยจากการสอบสวนพบว่านายโจวเสียชีวิตจาก "พาราควอต" สารเคมีกำจัดวัชพืช ที่มีพิษร้ายแรง ออกฤทธิ์เร็วและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลายประเทศทั่วโลกจึงแบนการใช้พาราควอต

    ภายหลังครอบครัวของนายโจวได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ เพราะสงสัยว่า นายโจวอาจถูกฆาตกรรม เนื่องจากลูกสาวของเขาพบสารพิษปนอยู่ในยาแก้ไอของนายโจว

    หลังจากการสืบสวน เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวข้องกับผู้หญิงแซ่จิง โดยในปี 2011 แม่ของจิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เธอได้ขอความช่วยเหลือจากนายโจว โดยหวังว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือแม่ของเธอได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021499

    #MGROnline #พาราควอต
    เรื่องราวของนายโจว หมอดูจากหนานชง มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ที่เคยทำนายดวงชะตาตัวเอง ว่าจะเสียชีวิตตอนวัย 50 และสุดท้ายเขาก็เสียชีวิตจริงๆ • “ในช่วงวัยเลข 5 ผมจะพบกับหายนะที่รุนแรงถึงขั้นคอขาดบาดตาย” • โดยในเดือน พ.ค.2017 ก่อนจะถึงวันเกิดครบ 60 ปี นายโจวก็เกิดป่วยหนักและเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล • แม้ว่าแพทย์จะพยายามรักษาและยื้อชีวิตเขา แต่สุดท้ายนายโจวก็เสียชีวิต โดยจากการสอบสวนพบว่านายโจวเสียชีวิตจาก "พาราควอต" สารเคมีกำจัดวัชพืช ที่มีพิษร้ายแรง ออกฤทธิ์เร็วและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ หลายประเทศทั่วโลกจึงแบนการใช้พาราควอต • ภายหลังครอบครัวของนายโจวได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ เพราะสงสัยว่า นายโจวอาจถูกฆาตกรรม เนื่องจากลูกสาวของเขาพบสารพิษปนอยู่ในยาแก้ไอของนายโจว • หลังจากการสืบสวน เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เรื่องราวทั้งหมดเกี่ยวข้องกับผู้หญิงแซ่จิง โดยในปี 2011 แม่ของจิงได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย เธอได้ขอความช่วยเหลือจากนายโจว โดยหวังว่าเขาจะสามารถช่วยเหลือแม่ของเธอได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000021499 • #MGROnline #พาราควอต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?

    📌 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต

    แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา?

    📍 ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้

    💬 เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า
    - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย
    - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต
    - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย

    แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ 🚨

    🔍 คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย?
    📌 หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย
    ✔️ ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง
    ✔️ ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง
    ✔️ ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง
    ✔️ คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน

    ❗ หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม
    ❌ เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ
    ❌ ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ
    ❌ ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ

    🔎 ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง?

    📜 ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ 🔴

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์

    💣 หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด

    ⚖️ ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน

    ⚡ ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ

    📌 สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ

    🏛️ ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️
    - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่?
    - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่?
    - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า?

    🔥 หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย?

    🔮 "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?" 📢

    ⏳ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้

    ❗ คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568

    📢 #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    ปิดตำนานถุงดำอำมหิต! เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ “ผู้กำกับโจ้” ถูกปองร้าย หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการ สภ.เมืองนครสวรรค์ ในเรือนจำกลางคลองเปรม ได้สร้างข้อกังขามากมายให้กับสังคม เกิดคำถามว่า เป็นการฆ่าตัวตายจริง หรือถูกปองร้าย? โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากประวัติ ที่เต็มไปด้วยความอื้อฉาว ทั้งคดีรีดไถ และการคลุมถุงดำผู้ต้องหาจนเสียชีวิต แม้ว่ากรมราชทัณฑ์จะออกมาแถลงว่า "ผู้กำกับโจ้เสียชีวิต จากการผูกคอภายในห้องขัง" แต่ญาติและทนายความ กลับสงสัยถึงความเป็นไปได้ ของการถูกทำร้ายในเรือนจำ เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร? และมีเงื่อนงำอะไรที่ต้องจับตา? 📍 ผู้กำกับโจ้เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2568 เวลา 20.50 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางคลองเปรมพบ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" นั่งพิงประตูห้องขังในท่าทีผิดปกติ เมื่อตรวจสอบพบว่า ใช้ผ้าขนหนูผูกคอ และไม่มีชีพจร จึงเร่งนำตัวส่งแพทย์ แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ 💬 เรือนจำกลางคลองเปรมยืนยันว่า - ไม่พบร่องรอยถูกทำร้ายบนร่างกาย - กล้องวงจรปิดไม่พบใครเข้าออกห้องขัง ในช่วงเวลาก่อนเสียชีวิต - ผู้กำกับโจ้มีประวัติ "วิตกกังวลและหวาดระแวง" เนื่องจากเป็นอดีตตำรวจ จึงถูกแยกขังเดี่ยว เพื่อความปลอดภัย แต่อีกด้านหนึ่ง ทนายความ และครอบครัวของผู้กำกับโจ้ กลับตั้งข้อสังเกตว่า การเสียชีวิตอาจมีเงื่อนงำ เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีการแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ 🚨 🔍 คำถามที่สังคมสงสัย ผู้กำกับโจ้ถูกสังหาร หรือว่า... ฆ่าตัวตาย? 📌 หลักฐานที่สนับสนุนว่า เป็นการฆ่าตัวตาย ✔️ ถูกขังเดี่ยว ไม่มีผู้ต้องขังคนอื่นในห้องขัง ✔️ ภาพจากกล้องวงจรปิด ไม่มีใครเข้าออกห้องขัง ✔️ ประวัติอาการทางจิตเวช มีภาวะเครียด วิตกกังวล และหวาดระแวง ✔️ คำให้การของเรือนจำระบุว่า ผู้กำกับโจ้มีพฤติกรรมซึมเศร้า และวิตกกังวลมานาน ❗ หลักฐานที่บ่งชี้ว่า อาจถูกฆาตกรรม ❌ เคยแจ้งความว่า ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำ มีใบรับรองแพทย์ยืนยันรอยฟกช้ำ ❌ ถูกปฏิเสธการเข้าเยี่ยมจากทนาย ก่อนเสียชีวิต ทนายของผู้กำกับโจ้ ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปพบ ❌ ปริศนาเรื่องอาวุธที่ใช้ฆ่าตัวตาย ใช้เพียง "ผ้าขนหนู" ผูกคอซึ่งอาจไม่แข็งแรงพอ 🔎 ข้อสังเกต หากการเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ เป็น "การฆ่าตัวตาย" จริง คำถามสำคัญคือ เหตุใดคนที่เคยเป็นตำรวจผู้มีอิทธิพล และมีเครือข่ายมากมาย จึงตัดสินใจเช่นนี้? หรืออาจเป็นไปได้ว่า มีผู้ไม่ต้องการให้ผู้กำกับโจ้ เปิดเผยข้อมูลบางอย่าง? 📜 ย้อนรอยคดี "ถุงดำอำมหิต" ต้นเหตุของโศกนาฏกรรม "ผู้กำกับโจ้" กับคดีฆาตกรรม ที่สะเทือนขวัญทั้งประเทศ 🔴 ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2564 เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ พันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือผู้กำกับโจ้ ถูกเปิดโปงว่า ใช้ถุงดำคลุมหัวรีดเงินผู้ต้องหาคดียาเสพติด จนเสียชีวิต ภายในห้องสอบสวน สภ.เมืองนครสวรรค์ 💣 หลักฐานสำคัญ กล้องวงจรปิดเผยให้เห็นชัดว่า ผู้ต้องหาถูกทรมานจนขาดอากาศหายใจ ซึ่งขัดแย้งกับคำชี้แจงของตำรวจ ที่อ้างว่าผู้ต้องหาเสียชีวิต เพราะเสพยาเสพติดเกินขนาด ⚖️ ศาลชั้นต้นพิพากษา "ประหารชีวิต" ผู้กำกับโจ้ แต่ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ ส่วนลูกน้องตำรวจที่ร่วมกระทำผิด ได้รับโทษแตกต่างกัน ⚡ ชีวิตในเรือนจำ ผู้กำกับโจ้ถูกคุมขังตั้งแต่ 27 สิงหาคม 2564 มีทรัพย์สินมากมายกว่า สองพันล้านบาท จากคดีทุจริตต่างๆ เคยหวังว่า จะสามารถใช้เส้นสาย และทรัพย์สินช่วยให้พ้นโทษ 📌 สุดท้ายแล้ว… แม้จะรอดพ้นจากโทษประหาร แต่ชีวิตของผู้กำกับโจ้ ก็ต้องจบลงในเรือนจำ 🏛️ ความลับที่อาจถูกฝังไปพร้อมกับ "ผู้กำกับโจ้" คำถามสำคัญที่ต้องจับตาต่อไปคือ 🕵🏻‍♂️ - ผู้กำกับโจ้กำลังซ่อนความลับอะไรอยู่? - มีใครต้องการปิดปากผู้กำกับโจ้หรือไม่? - มีเครือข่ายอำนาจ หรือกลุ่มผลประโยชน์ ที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า? 🔥 หรือท้ายที่สุดแล้ว การเสียชีวิตของผู้กำกับโจ้ จะเป็นเพียงโศกนาฏกรรมของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่เคยคิดว่า ตัวเองจะอยู่เหนือกฎหมาย? 🔮 "คดีนี้จบแล้วจริงหรือ?" การเสียชีวิตของ "ผู้กำกับโจ้" ได้สร้างคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบที่แน่ชัด แม้ว่าทางกรมราชทัณฑ์ จะยืนยันว่าเป็น "การฆ่าตัวตาย" แต่หลักฐานหลายอย่าง ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่า "มีใครบางคน อยู่เบื้องหลังหรือไม่?" 📢 ⏳ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลชันสูตรศพ ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการไขปริศนาครั้งนี้ ❗ คดีนี้ยังไม่จบ... และอาจมีเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง รอวันถูกเปิดเผย! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 081808 มี.ค. 2568 📢 #ผู้กำกับโจ้ #ถุงดำอำมหิต #ตายปริศนา #คดีดัง #ตำรวจไทย #เรือนจำคลองเปรม #ฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม #เปิดโปงความจริง #อำนาจมืด #สะเทือนขวัญ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 535 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" เรียก “แต๊ง-พงศกร” ให้ข้อมูลคดีแตงโม พร้อมนำไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าแตงโมขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงเวลา 20.40 น.

    วันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม ขั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายพงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊ง อดีตเพื่อนนักแสดง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วม 3 ชั่วโมง ว่า ข้อมูลที่ตนได้ให้กับดีเอสไอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ เพราะข้อมูลบางส่วน เจ้าหน้าที่พอมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ยืนยันจึงเตรียมนำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลทางคดีต่อ

    นายพงศกร กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาทนั้น ตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะราคารับงานรีวิวจะไม่สูงถึงหลักแสน ซึ่งการรับงานที่มีราคาสูงถึงหลักแสนส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องมีสัญญาเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก 3 ปีผ่านไปตนเองมีความคิดที่เปลี่ยนจากตอนแรกมองคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ความเห็นส่วนตัวคิดว่า คดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000022239

    #MGROnline #ดีเอสไอ #แต๊งพงศกร #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรรม
    "ดีเอสไอ" เรียก “แต๊ง-พงศกร” ให้ข้อมูลคดีแตงโม พร้อมนำไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าแตงโมขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงเวลา 20.40 น. • วันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม ขั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายพงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊ง อดีตเพื่อนนักแสดง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วม 3 ชั่วโมง ว่า ข้อมูลที่ตนได้ให้กับดีเอสไอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ เพราะข้อมูลบางส่วน เจ้าหน้าที่พอมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ยืนยันจึงเตรียมนำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลทางคดีต่อ • นายพงศกร กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาทนั้น ตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะราคารับงานรีวิวจะไม่สูงถึงหลักแสน ซึ่งการรับงานที่มีราคาสูงถึงหลักแสนส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องมีสัญญาเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก 3 ปีผ่านไปตนเองมีความคิดที่เปลี่ยนจากตอนแรกมองคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ความเห็นส่วนตัวคิดว่า คดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000022239 • #MGROnline #ดีเอสไอ #แต๊งพงศกร #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ อดีตนักแสดงและอดีตแฟนของ แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 3 ชั่วโมง ได้ให้ข้อมูลชีวิตส่วนตัวของแตงโม ซึ่งมีมุมที่เจ้าหน้าที่สามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ ที่ผ่านมาถูกขู่ทั้งโทรศัพท์ ส่งข้อความไม่ให้ยุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ให้พูดอะไรถึงแตงโม พอจะรู้ใครเป็นคนข่มขู่ เคยมีคนส่งมีดมาที่บ้าน เป็นมีดใหม่สั่งจากร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ถามร้านว่า ใครสั่งซื้อและส่งมา แต่ที่ร้านไม่ยอมบอก เชื่อคนอยู่เบื้องหลังไม่มีแค่กลุ่มเดียว ระหว่างการสืบสวนอาจมีเรื่องใต้ดินเพราะมีคนทำผิด ส่วนที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาท มองเป็นไปไม่ได้ ราคารับงานรีวิวไม่สูงถึงหลักแสน คิดว่าคดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน

    -ขาดการติดต่อ 20.40 น.
    -เชื่อคดีฮั้วฟันสว. 20 คน
    -อย่าเป็นเกมต่อรองการเมือง
    -จ่อนำต่างด้าวเข้า ม.33
    แต๊งค์ พงศกร มหาเปารยะ อดีตนักแสดงและอดีตแฟนของ แตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) กว่า 3 ชั่วโมง ได้ให้ข้อมูลชีวิตส่วนตัวของแตงโม ซึ่งมีมุมที่เจ้าหน้าที่สามารถเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ ที่ผ่านมาถูกขู่ทั้งโทรศัพท์ ส่งข้อความไม่ให้ยุ่งกับเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ให้พูดอะไรถึงแตงโม พอจะรู้ใครเป็นคนข่มขู่ เคยมีคนส่งมีดมาที่บ้าน เป็นมีดใหม่สั่งจากร้านแห่งหนึ่ง ซึ่งได้ถามร้านว่า ใครสั่งซื้อและส่งมา แต่ที่ร้านไม่ยอมบอก เชื่อคนอยู่เบื้องหลังไม่มีแค่กลุ่มเดียว ระหว่างการสืบสวนอาจมีเรื่องใต้ดินเพราะมีคนทำผิด ส่วนที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาท มองเป็นไปไม่ได้ ราคารับงานรีวิวไม่สูงถึงหลักแสน คิดว่าคดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน -ขาดการติดต่อ 20.40 น. -เชื่อคดีฮั้วฟันสว. 20 คน -อย่าเป็นเกมต่อรองการเมือง -จ่อนำต่างด้าวเข้า ม.33
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1112 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • มีใคร "ประณาม" หรือยัง!?!
    มีใครแสดงความ "กังวล" หรือยัง!?!

    “แบรด ซิกมอน” (Brad Sigmon) ปัจจุบันอายุ 67 ปี เมื่อปี 2001 ได้ก่อเหตุฆาตกรรมพ่อแม่ของแฟนเก่า ถูกศาลรัฐเซาท์แคโรไลนาตัดสินประหารชีวิตด้วยการ “ยิงเป้า” เนื่องจากนักโทษไม่ต้องการถูกฉีดสารพิษ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของสหรัฐ
    มีใคร "ประณาม" หรือยัง!?! มีใครแสดงความ "กังวล" หรือยัง!?! “แบรด ซิกมอน” (Brad Sigmon) ปัจจุบันอายุ 67 ปี เมื่อปี 2001 ได้ก่อเหตุฆาตกรรมพ่อแม่ของแฟนเก่า ถูกศาลรัฐเซาท์แคโรไลนาตัดสินประหารชีวิตด้วยการ “ยิงเป้า” เนื่องจากนักโทษไม่ต้องการถูกฉีดสารพิษ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีของสหรัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งหนึ่งในสยาม EP6 ตอน อำแดงเทียบ รักซ่อนอำมหิต

    เช้าวันหนึ่ง ในปี 2452 มีผู้พบศพชายปริศนาเสียชีวิตในสภาพไร้ศีรษะ ใกล้บริเวณเขาบันไดอิฐ ในจังหวัดเพชรบุรี ชายคนนี้เป็นใคร และเพราะเหตุใดเขาจึงถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ค้นหาปริศนาการตายของชายผู้นี้ได้ในสารคดีครั้งหนึ่งในสยาม ตอน อำแดงเทียบ รักซ่อนอำมหิต

    #ครั้งหนึ่งในสยาม #อำแดงเทียบ #รักซ่อนอำมหิต #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมปริศนา #เขาบันไดอิฐ #เพชรบุรี #อาชญากรรมในอดีต #เรื่องจริงจากอดีต #สารคดีไทย #thaitimes
    ครั้งหนึ่งในสยาม EP6 ตอน อำแดงเทียบ รักซ่อนอำมหิต เช้าวันหนึ่ง ในปี 2452 มีผู้พบศพชายปริศนาเสียชีวิตในสภาพไร้ศีรษะ ใกล้บริเวณเขาบันไดอิฐ ในจังหวัดเพชรบุรี ชายคนนี้เป็นใคร และเพราะเหตุใดเขาจึงถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ค้นหาปริศนาการตายของชายผู้นี้ได้ในสารคดีครั้งหนึ่งในสยาม ตอน อำแดงเทียบ รักซ่อนอำมหิต #ครั้งหนึ่งในสยาม #อำแดงเทียบ #รักซ่อนอำมหิต #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมปริศนา #เขาบันไดอิฐ #เพชรบุรี #อาชญากรรมในอดีต #เรื่องจริงจากอดีต #สารคดีไทย #thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค

    -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล
    -คดีจำนำข้าวจบปีนี้
    -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง
    -อเมริกากลับมาแล้ว
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล -คดีจำนำข้าวจบปีนี้ -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง -อเมริกากลับมาแล้ว
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 975 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เข้าให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไปไม่ได้ แต่ได้ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ ที่ผ่านมา 3 ปี ไม่พูดเพราะกลัวถูกฟ้องเราต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาว่าเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐานแต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่ม รับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้เลยว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน เราไม่ได้ไปลงเรือด้วยยังตามหาจนเช้า
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เข้าให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไปไม่ได้ แต่ได้ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ ที่ผ่านมา 3 ปี ไม่พูดเพราะกลัวถูกฟ้องเราต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาว่าเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐานแต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่ม รับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้เลยว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน เราไม่ได้ไปลงเรือด้วยยังตามหาจนเช้า
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 912 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า
    .
    ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว
    .
    การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่
    .
    ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20%
    .
    อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย
    .
    ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว
    .
    มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้"
    .
    นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ
    .
    "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า
    .
    คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม
    .
    ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้
    .
    ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้
    .
    ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดับความหวังข้อตกลงจวนเจียนก่อนหมดเวลากับแคนาดาและเม็กซิโก ที่จะช่วยหลีกเลี่ยงรีดภาษี ขณะเดียวกันก็ลงนามในคำสั่งบริหารขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ความเคลื่อนไหวที่ก่อความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือสงครามการค้า . ทรัมป์ เคยเปิดตัวมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจาก 2 คู่ค้าหลักอย่างแคนาดาและเม็กซิโกในเดือนกุมภาพันธ์ โดยกล่าวหาทั้ง 2 ชาติ ล้มเหลวในการสกัดคนเข้าเมืองผิดกฎหมายและขบวนการลักลอบขนยาเสพติด ก่อนระงับบังคับใช้เป็นการชั่วคราว . การระงับดังกล่าวมีกำหนดหมดอายุลงในวันอังคาร(4มี.ค.) และตลาดหุ้นสหรัฐฯดิ่งลงอย่างหนัก หลังจาก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่า "ไม่มีช่องว่าง" สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีรอบใหม่ . ขณะเดียวกันทำเนียบขาวเปิดเผยด้วยว่า ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งบริหาาร เพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน จากเดิม 10% เป็น 20% . อย่างไรก็ตามมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะกับแคนาดากับเม็กซิโก ส่อก่อผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานของภาคอุตสาหกรรมสำคัญๆ อย่างเช่นยานยนต์และวัสดุก่อสร้าง เสี่ยงทำให้ราคาผู้บริโภคดีดตัวสูงขึ้น ซึ่งมันจะก่อความยุ่งยากซับซ้อนต่อความพยายามของทรัมป์ ในการทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่รับปากจะหาทางช่วยภาคครัวเรือนลดค่าใช้จ่าย . ในวันจันทร์(3มี.ค.) ทรัมป์บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับการขึ้นภาษีสูงสุด 25% สินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก "พูดตรงๆเลย สิ่งที่พวกเขาจะจำเป็นต้องทำคือสร้างโรงงานรถยนต์ของเขาและสิ่งอื่นๆในสหรัฐฯ ซึ่งกรณีนี้พวกเขาจะไม่ถูกรีดภาษี" เขากล่าว . มาเลนี โจลี รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา บอกว่าเค้าลางการรีดภาษีของทรัมป์ เป็นตัวแทน "ภัยคุกคามการอยู่รอดของประเทศ" เนื่องจากตำแหน่งงานหลายหมื่นอัตราตกอยู่ในความเสี่ยง เธอบอกต่อว่าถ้าทรัมป์เดินหน้า "เราก็พร้อมที่จะรีดภาษีตอบโต้" . นอกเหนือจากเค้าลางการรีดภาษีในสัปดาห์นี้ ทรัมป์ยังโพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าการรีดภาษีสินค้าการเกษตรจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งบอกกับเอเอฟพีว่า มาตรการเหล่านี้มีขึ้นภายใต้แผนปัจจุบันของทรัมป์ สำหรับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่ปรับให้เหมาะสมกับคู่หูทางการค้าแต่ละชาติ . "ไม่สงสัยเลยว่ารัฐบาลพยายามคลี่คลายปัญหายาเฟนตานิลและผู้อพยพที่มีมาอย่างยาวนาน และมาตรการรีดภาษีเหล่านี้ มอบอำนาจงัดข้อแก่รัฐบาล" ไรอัน มาเจรัส อดีตเจ้าหน้าที่การค้าสหรัฐฯให้ความเห็น พร้อมระบุว่าในอีกด้านหนึ่ง วอชิงตันก็กำลังพยายามรักษาสมดุลความสัมพันธ์ทางการค้า . คลอเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ระบุในวันจันทร์(3มี.ค.) ว่าประเทศของเธอมีแผนฉุกเฉินไว้แล้ว ไม่ว่า ทรัมป์ จะตัดสินใจอย่างไรก็ตาม . ส่วน จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา อ้างว่าในบรรดายาเฟนตานิลและคนเข้าเมืองผิดกฎหมายที่ไหลบ่าเข้าสู่สหรัฐฯนั้น มีไม่ถึง 1% ที่ลักลอบผ่านชายแดนแคนาดา แต่เขาบอกด้วยว่าแคนาดนา "จะตอบโต้อย่างหนักหน่วง ชัดเจนและอย่างทัดเทียม" ถ้ามาตรการรีดภาษีของอเมริกามีผลบังคับใช้ . ที่ผ่านมา รัฐบาลของทรูโด ได้ดำเนินมาตรการต่างๆในความพยายามจัดการกับความกังวลของทรัมป์ ในนั้นรวมถึงแผนยกระดับความมั่นคงตามแนวชายแดน ที่ใช้งบประมาณกว่า 901 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังแต่งตั้งซาร์ด้านเฟนตานิล เพื่อประสานความพยายามต่อต้านยาเสพติดชนิดนี้ . ขณะเดียวกัน เม็กซิโก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งตัวเจ้าพ่อยาเสพติดชื่อเสียงโด่งดังที่สุดบางส่วน ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปยังสหรัฐฯ ในความพยายามหลีกเลี่ยงถูกรีดภาษี ในนั้นรวมถึงหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแก๊งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของอเมริกามานานหลายทศวรรษ ในข้อหาฆาตกรรมสายลับสหรัฐฯ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020862 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1464 มุมมอง 0 รีวิว
  • 39 ปี ลอบสังหารนายกสวีเดน "อูลอฟ พัลเมอ" คดีปริศนาที่ใช้เวลาสืบสวนนาน 34 ปี

    🕵️‍♂️ เหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำประเทศ ที่เป็นปริศนายาวนานที่สุดในโลก ย้อนไปเมื่อ 39 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 สวีเดนต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ "อูลอฟ พัลเมอ" (Olof Palme) นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 34 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศปิดคดี โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า "สตีก เอ็งสเตริม" (Stig Engström) เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าตัวเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543

    นี่คือหนึ่งในคดีฆาตกรรมทางการเมือง ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังคงเป็นที่ถกเถียง ในแวดวงกฎหมายและสื่อมวลชน มาจนถึงปัจจุบัน

    🔎 นายกรัฐมนตรีสวีเดน ผู้ทรงอิทธิพลและขั้วขัดแย้ง ✨ "สเวน อูลอฟ โยอาคิม พัลเมอ" (Sven Olof Joachim Palme) เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2470 เป็นนักการเมืองคนสำคัญของสวีเดน และเป็นผู้นำของพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน (Social Democrats - SAP)

    📌 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย
    - วาระแรก พ.ศ. 2512 - 2519
    - วาระที่สอง พ.ศ. 2525 - 2529

    นายกพัลเมอเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้า สนับสนุนสิทธิแรงงาน สวัสดิการสังคม และต่อต้านสงคราม มีนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ขั้วมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือสหภาพโซเวียต ทำให้ถูกมองว่า เป็นบุคคลที่ "แตกต่าง" ในเวทีการเมืองโลก

    🌍 นักการเมืองที่กล้าท้าทายอำนาจโลก นายกพัลเมอเป็นผู้นำชาวตะวันตกคนแรกที่
    ✅ เดินทางไปเยือนคิวบา และพบกับ "ฟิเดล คาสโตร" หลังการปฏิวัติคิวบา
    ✅ วิพากษ์วิจารณ์ลัทธิจักรวรรดินิยม และการปกครองแบบเผด็จการ
    ✅ ต่อต้านระบอบแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้
    ✅ เปรียบเทียบการทิ้งระเบิดฮานอยของสหรัฐฯ กับ "อาชญากรรมสงคราม"

    📢 ความกล้าของนายกพัลเมอ ทำให้มีทั้งผู้สนับสนุนและศัตรูมากมาย และนั่นอาจเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่การลอบสังหารในท้ายที่สุด

    🔫 คืนสังหาร 28 กุมภาพันธ์ 2529 คืนวันศุกร์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์สวีเดนตลอดกาล 🌃

    📍 เหตุเกิดที่ถนนสเวียแวเกน (Sveavägen) หนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุด ของกรุงสต็อกโฮล์ม

    🚶‍♂️ ไม่มีการ์ดคุ้มกัน ในคืนนั้น นายกพัลเมอและภรรยา "ลิสเบต พัลเมอ" (Lisbeth Palme) ตัดสินใจไปชมภาพยนตร์ "The Mozart Brothers" โดย ไม่ได้มีบอดี้การ์ดไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนายกพัลเมอ

    🕵️‍♂️ มือปืนลอบสังหาร เวลา 23.21 น. นายกพัลเมอและภรรยา เดินออกจากโรงภาพยนตร์ มือปืนเดินปรี่เข้ามาจากด้านหลัง และจ่อยิงนายกพัลเมอเข้ากลางหลังหนึ่งนัด ด้วยปืนลูกโม่ .357 แม็กนัม เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และจ่อยิงภรรยานายกพัลเมออีกหนึ่งนัด แล้วหลบหนีไป โดยไม่มีใครสามารถจับตัวได้

    💥 การลอบสังหารครั้งนี้ เป็นการฆาตกรรมผู้นำประเทศสวีเดนครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2335 ใช้เวลาสืบสวนที่ยาวนาน 34 ปี 🏛️

    🔍 การสอบสวนครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สวีเดน มีพยานถูกสอบปากคำหลายพันคน บุคคลที่ถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย มากกว่า 130 ราย คดีนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบตำรวจ และกฎหมายของสวีเดน

    👤 ผู้ต้องสงสัยรายแรก "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน"
    ปี 2531 ตำรวจจับกุม "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" (Christer Pettersson) ชายติดยาในพื้นที่ และศาลตัดสินว่า มีความผิดฐานฆาตกรรม

    ❌ แต่ภายหลัง ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน และปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เนื่องจาก
    1️⃣ ไม่มีหลักฐานชัดเจน
    2️⃣ อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่เคยถูกพบ
    3️⃣ แรงจูงใจในการสังหารไม่ชัดเจน

    เพ็ตเตอช็อนเสียชีวิตในปี 2547 ทำให้การสืบสวน หวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

    🛑 ปิดคดีในปี 2563: ฆาตกรคือ "สกันเดียแมน"?
    🔎 ในเดือน มิถุนายน 2563 คณะอัยการสวีเดนประกาศว่า

    👉 สตีก เอ็งสเตริม (Stig Engström) หรือ "สกันเดียแมน" เป็นผู้ต้องสงสัยหลัก

    👨‍💼 "สกันเดียแมน" เป็นนักออกแบบกราฟิก ทำงานที่บริษัท "สกันเดีย" (Skandia) ใกล้ที่เกิดเหตุ มีทักษะในการใช้ปืน ได้วิพากษ์วิจารณ์นายกพัลเมออย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีปัญหาด้านการเงิน และติดสุรา

    💀 แต่ปัญหาคือ เอ็งสเตริมเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ ไม่มีทางนำตัวมาพิจารณาคดีในชั้นศาลได้

    📢 "การสืบสวนจึงถูกปิด โดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ"

    🤔 คำถามที่ยังไร้คำตอบ
    ❓ แรงจูงใจของฆาตกรคืออะไร?
    ❓ เป็นแผนลอบสังหาร จากรัฐบาลเผด็จการหรือไม่?
    ❓ มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า?
    ❓ เหตุใดตำรวจถึงใช้เวลานานถึง 34 ปี ในการสรุปคดีนี้?

    แม้ว่าอัยการจะปิดคดีนี้ไปแล้ว แต่ข้อสงสัยมากมายยังคงอยู่ ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็น "ปริศนาแห่งสวีเดน" ที่จะถูกพูดถึงไปอีกนาน

    🔥 คดีฆาตกรรมที่สะเทือนโลก
    📌 "อูลอฟ พัลเมอ" เป็นนายกฯ ที่มีอุดมการณ์ชัดเจน
    📌 ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม ในปี 2529
    📌 คดีนี้สืบสวนนาน 34 ปี ก่อนสรุปว่า "สตีก เอ็งสเตริม" เป็นมือปืน
    📌 คดีถูกปิด แต่คำถามมากมาย ยังคงไม่มีคำตอบ

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 282037 ก.พ. 2568

    #OlofPalme #ฆาตกรรมปริศนา #ลอบสังหาร #คดีดัง #สวีเดน #TrueCrime
    39 ปี ลอบสังหารนายกสวีเดน "อูลอฟ พัลเมอ" คดีปริศนาที่ใช้เวลาสืบสวนนาน 34 ปี 🕵️‍♂️ เหตุการณ์ลอบสังหารผู้นำประเทศ ที่เป็นปริศนายาวนานที่สุดในโลก ย้อนไปเมื่อ 39 ปี ที่ผ่านมา ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2529 สวีเดนต้องเผชิญกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อ "อูลอฟ พัลเมอ" (Olof Palme) นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม คดีนี้ใช้เวลาสืบสวนนานถึง 34 ปี ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะประกาศปิดคดี โดยมีการตั้งข้อสงสัยว่า "สตีก เอ็งสเตริม" (Stig Engström) เป็นผู้ก่อเหตุ แต่เจ้าตัวเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 นี่คือหนึ่งในคดีฆาตกรรมทางการเมือง ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป และยังคงเป็นที่ถกเถียง ในแวดวงกฎหมายและสื่อมวลชน มาจนถึงปัจจุบัน 🔎 นายกรัฐมนตรีสวีเดน ผู้ทรงอิทธิพลและขั้วขัดแย้ง ✨ "สเวน อูลอฟ โยอาคิม พัลเมอ" (Sven Olof Joachim Palme) เกิดเมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2470 เป็นนักการเมืองคนสำคัญของสวีเดน และเป็นผู้นำของพรรคสังคมประชาธิปไตยสวีเดน (Social Democrats - SAP) 📌 ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2 สมัย - วาระแรก พ.ศ. 2512 - 2519 - วาระที่สอง พ.ศ. 2525 - 2529 นายกพัลเมอเป็นนักการเมืองที่มีแนวคิดก้าวหน้า สนับสนุนสิทธิแรงงาน สวัสดิการสังคม และต่อต้านสงคราม มีนโยบายที่ไม่ฝักใฝ่ขั้วมหาอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา หรือสหภาพโซเวียต ทำให้ถูกมองว่า เป็นบุคคลที่ "แตกต่าง" ในเวทีการเมืองโลก 🌍 นักการเมืองที่กล้าท้าทายอำนาจโลก นายกพัลเมอเป็นผู้นำชาวตะวันตกคนแรกที่ ✅ เดินทางไปเยือนคิวบา และพบกับ "ฟิเดล คาสโตร" หลังการปฏิวัติคิวบา ✅ วิพากษ์วิจารณ์ลัทธิจักรวรรดินิยม และการปกครองแบบเผด็จการ ✅ ต่อต้านระบอบแบ่งแยกสีผิวในแอฟริกาใต้ ✅ เปรียบเทียบการทิ้งระเบิดฮานอยของสหรัฐฯ กับ "อาชญากรรมสงคราม" 📢 ความกล้าของนายกพัลเมอ ทำให้มีทั้งผู้สนับสนุนและศัตรูมากมาย และนั่นอาจเป็นสาเหตุ ที่นำไปสู่การลอบสังหารในท้ายที่สุด 🔫 คืนสังหาร 28 กุมภาพันธ์ 2529 คืนวันศุกร์ที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์สวีเดนตลอดกาล 🌃 📍 เหตุเกิดที่ถนนสเวียแวเกน (Sveavägen) หนึ่งในถนนที่คึกคักที่สุด ของกรุงสต็อกโฮล์ม 🚶‍♂️ ไม่มีการ์ดคุ้มกัน ในคืนนั้น นายกพัลเมอและภรรยา "ลิสเบต พัลเมอ" (Lisbeth Palme) ตัดสินใจไปชมภาพยนตร์ "The Mozart Brothers" โดย ไม่ได้มีบอดี้การ์ดไปด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับนายกพัลเมอ 🕵️‍♂️ มือปืนลอบสังหาร เวลา 23.21 น. นายกพัลเมอและภรรยา เดินออกจากโรงภาพยนตร์ มือปืนเดินปรี่เข้ามาจากด้านหลัง และจ่อยิงนายกพัลเมอเข้ากลางหลังหนึ่งนัด ด้วยปืนลูกโม่ .357 แม็กนัม เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ และจ่อยิงภรรยานายกพัลเมออีกหนึ่งนัด แล้วหลบหนีไป โดยไม่มีใครสามารถจับตัวได้ 💥 การลอบสังหารครั้งนี้ เป็นการฆาตกรรมผู้นำประเทศสวีเดนครั้งแรก นับตั้งแต่ปี 2335 ใช้เวลาสืบสวนที่ยาวนาน 34 ปี 🏛️ 🔍 การสอบสวนครั้งใหญ่ที่สุด ในประวัติศาสตร์สวีเดน มีพยานถูกสอบปากคำหลายพันคน บุคคลที่ถูกสอบสวนในฐานะผู้ต้องสงสัย มากกว่า 130 ราย คดีนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงระบบตำรวจ และกฎหมายของสวีเดน 👤 ผู้ต้องสงสัยรายแรก "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" ปี 2531 ตำรวจจับกุม "คริสเตอร์ เพ็ตเตอช็อน" (Christer Pettersson) ชายติดยาในพื้นที่ และศาลตัดสินว่า มีความผิดฐานฆาตกรรม ❌ แต่ภายหลัง ศาลอุทธรณ์กลับคำตัดสิน และปล่อยตัวเขาเป็นอิสระ เนื่องจาก 1️⃣ ไม่มีหลักฐานชัดเจน 2️⃣ อาวุธที่ใช้ก่อเหตุไม่เคยถูกพบ 3️⃣ แรงจูงใจในการสังหารไม่ชัดเจน เพ็ตเตอช็อนเสียชีวิตในปี 2547 ทำให้การสืบสวน หวนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง 🛑 ปิดคดีในปี 2563: ฆาตกรคือ "สกันเดียแมน"? 🔎 ในเดือน มิถุนายน 2563 คณะอัยการสวีเดนประกาศว่า 👉 สตีก เอ็งสเตริม (Stig Engström) หรือ "สกันเดียแมน" เป็นผู้ต้องสงสัยหลัก 👨‍💼 "สกันเดียแมน" เป็นนักออกแบบกราฟิก ทำงานที่บริษัท "สกันเดีย" (Skandia) ใกล้ที่เกิดเหตุ มีทักษะในการใช้ปืน ได้วิพากษ์วิจารณ์นายกพัลเมออย่างรุนแรง อีกทั้งยังมีปัญหาด้านการเงิน และติดสุรา 💀 แต่ปัญหาคือ เอ็งสเตริมเสียชีวิตไปตั้งแต่ปี 2543 ทำให้ ไม่มีทางนำตัวมาพิจารณาคดีในชั้นศาลได้ 📢 "การสืบสวนจึงถูกปิด โดยไม่มีการตั้งข้อหาใด ๆ" 🤔 คำถามที่ยังไร้คำตอบ ❓ แรงจูงใจของฆาตกรคืออะไร? ❓ เป็นแผนลอบสังหาร จากรัฐบาลเผด็จการหรือไม่? ❓ มีองค์กรลับอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า? ❓ เหตุใดตำรวจถึงใช้เวลานานถึง 34 ปี ในการสรุปคดีนี้? แม้ว่าอัยการจะปิดคดีนี้ไปแล้ว แต่ข้อสงสัยมากมายยังคงอยู่ ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็น "ปริศนาแห่งสวีเดน" ที่จะถูกพูดถึงไปอีกนาน 🔥 คดีฆาตกรรมที่สะเทือนโลก 📌 "อูลอฟ พัลเมอ" เป็นนายกฯ ที่มีอุดมการณ์ชัดเจน 📌 ถูกลอบสังหารกลางกรุงสต็อกโฮล์ม ในปี 2529 📌 คดีนี้สืบสวนนาน 34 ปี ก่อนสรุปว่า "สตีก เอ็งสเตริม" เป็นมือปืน 📌 คดีถูกปิด แต่คำถามมากมาย ยังคงไม่มีคำตอบ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 282037 ก.พ. 2568 #OlofPalme #ฆาตกรรมปริศนา #ลอบสังหาร #คดีดัง #สวีเดน #TrueCrime
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 559 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Instagram ได้ออกมายอมรับความผิดพลาดที่ทำให้ผู้ใช้บางคนเห็นเนื้อหารุนแรงและลามกบนหน้า Reels ของพวกเขา โดย Meta ได้ขอโทษสำหรับความผิดพลาดนี้ และระบุว่าได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว

    ความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้เนื้อหาที่ไม่ควรได้รับการแนะนำ เช่น วิดีโอที่มีความรุนแรง เหตุการณ์ยิงกันในโรงเรียน การฆาตกรรม และการข่มขืนถูกแสดงขึ้นบนหน้า Reels ของผู้ใช้ เนื้อหาที่แสดงเหล่านี้มาพร้อมกับคำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาและมีผู้เข้าชมนับล้านครั้ง

    ผู้ใช้บางรายพยายามลบคลิปที่มีความรุนแรงออกโดยการเปลี่ยนการตั้งค่าควบคุมเนื้อหาที่มีความอ่อนไหว แต่หลังจากเลื่อนหน้าจอไม่กี่ครั้ง วิดีโอเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง การเลือกปุ่ม "ไม่สนใจ" บนคลิปก็ไม่ได้ช่วยป้องกันการแสดงวิดีโอที่คล้ายกัน

    Meta ระบุว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ที่แสดงไม่ควรปรากฏบน Instagram ตั้งแต่แรก เนื่องจากขัดกับนโยบายของบริษัท Meta สัญญาว่าจะลบเนื้อหาที่มีความรุนแรงที่สุด รวมถึงภาพถ่ายและวิดีโอที่มีการเปลือยกายและกิจกรรมทางเพศ อีกทั้งห้ามวิดีโอที่แสดงการหั่นศพ อวัยวะภายในที่มองเห็นได้ หรือร่างกายที่ถูกไฟไหม้ รวมถึงเนื้อหาที่มีความคิดเห็นที่มีความโหดร้ายต่อภาพที่แสดงความทุกข์ทรมานของมนุษย์และสัตว์

    https://www.techspot.com/news/106944-meta-admits-instagram-error-flooded-reels-violent-pornographic.html
    Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Instagram ได้ออกมายอมรับความผิดพลาดที่ทำให้ผู้ใช้บางคนเห็นเนื้อหารุนแรงและลามกบนหน้า Reels ของพวกเขา โดย Meta ได้ขอโทษสำหรับความผิดพลาดนี้ และระบุว่าได้แก้ไขปัญหานี้แล้ว ความผิดพลาดครั้งนี้ทำให้เนื้อหาที่ไม่ควรได้รับการแนะนำ เช่น วิดีโอที่มีความรุนแรง เหตุการณ์ยิงกันในโรงเรียน การฆาตกรรม และการข่มขืนถูกแสดงขึ้นบนหน้า Reels ของผู้ใช้ เนื้อหาที่แสดงเหล่านี้มาพร้อมกับคำเตือนเกี่ยวกับเนื้อหาและมีผู้เข้าชมนับล้านครั้ง ผู้ใช้บางรายพยายามลบคลิปที่มีความรุนแรงออกโดยการเปลี่ยนการตั้งค่าควบคุมเนื้อหาที่มีความอ่อนไหว แต่หลังจากเลื่อนหน้าจอไม่กี่ครั้ง วิดีโอเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง การเลือกปุ่ม "ไม่สนใจ" บนคลิปก็ไม่ได้ช่วยป้องกันการแสดงวิดีโอที่คล้ายกัน Meta ระบุว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ที่แสดงไม่ควรปรากฏบน Instagram ตั้งแต่แรก เนื่องจากขัดกับนโยบายของบริษัท Meta สัญญาว่าจะลบเนื้อหาที่มีความรุนแรงที่สุด รวมถึงภาพถ่ายและวิดีโอที่มีการเปลือยกายและกิจกรรมทางเพศ อีกทั้งห้ามวิดีโอที่แสดงการหั่นศพ อวัยวะภายในที่มองเห็นได้ หรือร่างกายที่ถูกไฟไหม้ รวมถึงเนื้อหาที่มีความคิดเห็นที่มีความโหดร้ายต่อภาพที่แสดงความทุกข์ทรมานของมนุษย์และสัตว์ https://www.techspot.com/news/106944-meta-admits-instagram-error-flooded-reels-violent-pornographic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta admits Instagram error flooded Reels with violent and pornographic content
    Meta has apologized for the error and says it has now fixed the problem, though it never went into specifics. This issue caused "some users to see...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.เผย คดี ”แตงโม” พ้นมือตำรวจไปแล้ว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระดับสูง หากรื้อคดีแล้วปรากฎข้อเท็จจริงเป็นเรื่องฆาตกรรม ขัดกับที่ พงส.ทำ ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ตอนนี้คงไม่สามารถตอบอะไรในอนาคตได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016879

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร.เผย คดี ”แตงโม” พ้นมือตำรวจไปแล้ว เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมระดับสูง หากรื้อคดีแล้วปรากฎข้อเท็จจริงเป็นเรื่องฆาตกรรม ขัดกับที่ พงส.ทำ ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ตอนนี้คงไม่สามารถตอบอะไรในอนาคตได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000016879 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครั้งหนึ่งในสยาม EP3 ตอน ฆ่าชิงทรัพย์เด็ก

    ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดคดีสะเทือนขวัญผู้คน เมื่อเด็กน้อยอายุเพียง 8 ขวบถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม คนร้ายที่ลงมือคือใคร! และอะไรคือเหตุจูงใจสุดสลดในครั้งนี้... ร่วมแกะรอยล่าตัวคนร้ายใจโหดได้ในสารคดีครั้งหนึ่งในสยาม ตอน ฆ่าชิงทรัพย์เด็กสมัยรัตนโกสินทร์

    #ครั้งหนึ่งในสยาม #ฆ่าชิงทรัพย์เด็ก #คดีสะเทือนขวัญ #สมัยรัชกาลที่5 #อาชญากรรมในประวัติศาสตร์ #แกะรอยคนร้าย #เรื่องจริงจากอดีต #สารคดีไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #thaitimes
    ครั้งหนึ่งในสยาม EP3 ตอน ฆ่าชิงทรัพย์เด็ก ในสมัยรัชกาลที่ 5 เกิดคดีสะเทือนขวัญผู้คน เมื่อเด็กน้อยอายุเพียง 8 ขวบถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม คนร้ายที่ลงมือคือใคร! และอะไรคือเหตุจูงใจสุดสลดในครั้งนี้... ร่วมแกะรอยล่าตัวคนร้ายใจโหดได้ในสารคดีครั้งหนึ่งในสยาม ตอน ฆ่าชิงทรัพย์เด็กสมัยรัตนโกสินทร์ #ครั้งหนึ่งในสยาม #ฆ่าชิงทรัพย์เด็ก #คดีสะเทือนขวัญ #สมัยรัชกาลที่5 #อาชญากรรมในประวัติศาสตร์ #แกะรอยคนร้าย #เรื่องจริงจากอดีต #สารคดีไทย #ประวัติศาสตร์ไทย #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • BIG Story | ฆาตกรเสื้อกาวน์: ฝัง - ซ่อน - ตาย

    เมื่อการหายตัวไปของสองสามีภรรยา นำไปสู่การค้นพบ คดีฆาตกรรมฝังดิน 3 ศพ ในพื้นที่ส่วนตัวของบุคคลที่ไม่น่าจะเป็นฆาตกร!

    📌 โศกนาฏกรรมที่ซ่อนอยู่ เบื้องหลังภาพลักษณ์อันน่าเชื่อถือ
    📌 ปริศนาแห่งการสังหาร กับแรงจูงใจที่ซับซ้อน
    📌 หลักฐานที่ถูกซุกซ่อน นำไปสู่การเปิดโปงเรื่องราวอันน่าสะพรึง

    🔍 ติดตามคดีสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนจากเรื่องราวคนหาย... สู่การไขปริศนาฆาตกรรมโหดใน BIG Story บน Thaitimes App

    #BigStory #ฆาตกรเสื้อกาวน์ #คดีสะเทือนขวัญ #อาชญากรรม #ปริศนาฆาตกรรม #ความจริงที่ถูกฝัง #เปิดโปงความลับ #ThaiTimes
    BIG Story | ฆาตกรเสื้อกาวน์: ฝัง - ซ่อน - ตาย เมื่อการหายตัวไปของสองสามีภรรยา นำไปสู่การค้นพบ คดีฆาตกรรมฝังดิน 3 ศพ ในพื้นที่ส่วนตัวของบุคคลที่ไม่น่าจะเป็นฆาตกร! 📌 โศกนาฏกรรมที่ซ่อนอยู่ เบื้องหลังภาพลักษณ์อันน่าเชื่อถือ 📌 ปริศนาแห่งการสังหาร กับแรงจูงใจที่ซับซ้อน 📌 หลักฐานที่ถูกซุกซ่อน นำไปสู่การเปิดโปงเรื่องราวอันน่าสะพรึง 🔍 ติดตามคดีสะเทือนขวัญ ที่เปลี่ยนจากเรื่องราวคนหาย... สู่การไขปริศนาฆาตกรรมโหดใน BIG Story บน Thaitimes App #BigStory #ฆาตกรเสื้อกาวน์ #คดีสะเทือนขวัญ #อาชญากรรม #ปริศนาฆาตกรรม #ความจริงที่ถูกฝัง #เปิดโปงความลับ #ThaiTimes
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 652 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • “ไทด์ เอกพันธ์” เผยคนบนเรือร้อนๆ หนาวๆ แล้วหลังจากที่ตนเข้าไปฟังข้อมูลจากทาง DSI มั่นใจใครทำอะไรกับ “แตงโม” ไว้ต้องได้รับกรรม หลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมเมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะเปิดเผยว่าแตงโมถูกฆาตกรรม

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015872

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ไทด์ เอกพันธ์” เผยคนบนเรือร้อนๆ หนาวๆ แล้วหลังจากที่ตนเข้าไปฟังข้อมูลจากทาง DSI มั่นใจใครทำอะไรกับ “แตงโม” ไว้ต้องได้รับกรรม หลักฐานต่างๆ ที่รวบรวมเมื่อถึงเวลาทุกอย่างจะเปิดเผยว่าแตงโมถูกฆาตกรรม อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000015872 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 884 มุมมอง 1 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" ลงเรือเก็บหลักฐานคดี "แตงโม" สำรวจ 8 จุดสงสัย “อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ” แฉเครือข่ายยาเสพติด เตรียมเปิดข้อมูลเด็ดเป็นฆาตกรรม

    วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 8.30 น. บ้านเรือเล็ก ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมด้วย นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำเจ้าพระยาตามเส้นทางจุดเกิดเหตุที่ยังมีข้อสงสัย 8 จุด หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน

    นายอัจฉริยะ เผยว่า ส่วนข้อมูลจากโทรศัพท์ที่กู้คืนได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องเดียวกับที่ส่งให้ตำรวจหรือไม่ โดยหลักฐานที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของน้องแตงโม ซึ่งส่งไปยังบังแจ็คที่สหรัฐฯ อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และพบว่าผู้เขียนที่อยู่บนกล่องไม่ใช่นางภนิดา นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบโทรศัพท์ที่ตำรวจคืนให้มารดาว่าเป็นเครื่องเดิมหรือไม่ โดยผลตรวจ DNA จะออกภายในสัปดาห์นี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015651

    #MGROnline #ดีเอสไอ #คดีแตงโม

    "ดีเอสไอ" ลงเรือเก็บหลักฐานคดี "แตงโม" สำรวจ 8 จุดสงสัย “อ.ปานเทพ-อัจฉริยะ” แฉเครือข่ายยาเสพติด เตรียมเปิดข้อมูลเด็ดเป็นฆาตกรรม • วันนี้ (17 ก.พ.) เวลา 8.30 น. บ้านเรือเล็ก ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม พร้อมด้วย นายไกรศรี สว่างศรี ผู้อำนวยการส่วนแผนที่และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมปฏิบัติการลงพื้นที่สำรวจแม่น้ำเจ้าพระยาตามเส้นทางจุดเกิดเหตุที่ยังมีข้อสงสัย 8 จุด หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ โดยมี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ และ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน • นายอัจฉริยะ เผยว่า ส่วนข้อมูลจากโทรศัพท์ที่กู้คืนได้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และยังต้องตรวจสอบว่าเป็นเครื่องเดียวกับที่ส่งให้ตำรวจหรือไม่ โดยหลักฐานที่นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของน้องแตงโม ซึ่งส่งไปยังบังแจ็คที่สหรัฐฯ อาจมีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง และพบว่าผู้เขียนที่อยู่บนกล่องไม่ใช่นางภนิดา นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบโทรศัพท์ที่ตำรวจคืนให้มารดาว่าเป็นเครื่องเดิมหรือไม่ โดยผลตรวจ DNA จะออกภายในสัปดาห์นี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015651 • #MGROnline #ดีเอสไอ #คดีแตงโม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ปานเทพ-อัจฉริยะ" เผยปมมือถือแตงโมถูกโคลนนิ่ง ชี้เครื่องที่ถูกส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกาไม่ใช่เครื่องต้นฉบับ รับบางจุดมีการเปลี่ยน แต่สามารถกู้ภาพคืนมาได้ 18 ก.พ.เปิดหลักฐานเด็ด

    วันนี้( 17 ก.พ.)ที่บ้านเรือเล็ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ปฏิบัติการตรวจจุดเกิดเหตุในคดี “แตงโม นิดา” โดยจะทำการล่องเรือไปยัง 8 จุดที่สำคัญและน่าสนใจในคดี เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ รวมทั้งสิ้น 40 คนที่จะลงเรือในครั้งนี้ โดยวันนี้มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน

    นายอัจฉริยะกล่าวว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เป็นของจริง แต่อีกหนึ่งเครื่องไม่ใช่ของจริง คือเครื่องที่ส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกา ไม่ใช่ต้นฉบับ โดยคนที่ส่งไปเป็นอดีตนักการเมืองที่ร่วมกับคุณแม่ของแตงโม และยังได้ข้อมูลอีกว่า อดีตนักการเมืองคนดังกล่าว ได้ส่งผ้าขาวของแตงโมไปให้บังเเจ็คด้วย โดยยังบอกให้บังแจ็คส่งผ้าขาวกลับมาให้กับแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รวมถึงมีการกระตุ้นให้บังแจ็คไลฟ์สดเกี่ยวกับผ้าขาวที่ได้รับไปด้วย

    นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า โทรศัพท์ที่ส่งให้บังแจ็คมีการโคลนนิ่งเหมือนโทรศัพท์ต้นฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าถูกสลับเครื่องตอนไหน แต่รู้ว่ามีจุดเปลี่ยนหลายจุดตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการสืบหาความจริงจนได้ เพราะเขาลืมไป 1 ข้อว่า แม้จะลบข้อมูลในโทรศัพท์ไปแล้ว แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการกู้ Gmail และเข้าไปใน iCloud เพื่อกู้ข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ภาพที่หายไปกลับคืนมาได้ ซึ่งเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ข้อมูลถูกต้องกับความเป็นจริง แต่โทรศัพท์ถูกสลับเครื่อง

    นายอัจฉริยะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ (18 ก.พ.) นายปานเทพจะมีการเปิดหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า เป็นการฆาตกรรม รวมถึงได้รู้ถึงวิธีการว่าโหดเหี้ยมขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015688

    #MGROnline #ปานเทพ #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #โคลนนิ่ง
    "ปานเทพ-อัจฉริยะ" เผยปมมือถือแตงโมถูกโคลนนิ่ง ชี้เครื่องที่ถูกส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกาไม่ใช่เครื่องต้นฉบับ รับบางจุดมีการเปลี่ยน แต่สามารถกู้ภาพคืนมาได้ 18 ก.พ.เปิดหลักฐานเด็ด • วันนี้( 17 ก.พ.)ที่บ้านเรือเล็ก กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ปฏิบัติการตรวจจุดเกิดเหตุในคดี “แตงโม นิดา” โดยจะทำการล่องเรือไปยัง 8 จุดที่สำคัญและน่าสนใจในคดี เพื่อสำรวจเส้นทาง GPS รวมถึงนำ ข้อมูลของภูมิประเทศ และ สภาพใต้น้ำมาประกอบ โดยใช้เรือทั้งสิ้น 8 ลำ เป็นเรือของกรมชลประทาน 2 ลำ และเรือของดีเอสไอ 6 ลำ รวมทั้งสิ้น 40 คนที่จะลงเรือในครั้งนี้ โดยวันนี้มี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ มาในฐานะผู้ร่วมสังเกตการณ์และเป็นสักขีพยาน • นายอัจฉริยะกล่าวว่า ข้อมูลในโทรศัพท์เป็นของจริง แต่อีกหนึ่งเครื่องไม่ใช่ของจริง คือเครื่องที่ส่งไปให้บังแจ็คที่อเมริกา ไม่ใช่ต้นฉบับ โดยคนที่ส่งไปเป็นอดีตนักการเมืองที่ร่วมกับคุณแม่ของแตงโม และยังได้ข้อมูลอีกว่า อดีตนักการเมืองคนดังกล่าว ได้ส่งผ้าขาวของแตงโมไปให้บังเเจ็คด้วย โดยยังบอกให้บังแจ็คส่งผ้าขาวกลับมาให้กับแพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รวมถึงมีการกระตุ้นให้บังแจ็คไลฟ์สดเกี่ยวกับผ้าขาวที่ได้รับไปด้วย • นายปานเทพ กล่าวเสริมว่า โทรศัพท์ที่ส่งให้บังแจ็คมีการโคลนนิ่งเหมือนโทรศัพท์ต้นฉบับ และไม่มีใครรู้ว่าถูกสลับเครื่องตอนไหน แต่รู้ว่ามีจุดเปลี่ยนหลายจุดตั้งแต่ตอนเกิดเหตุ ซึ่งในที่สุดก็ต้องทำการสืบหาความจริงจนได้ เพราะเขาลืมไป 1 ข้อว่า แม้จะลบข้อมูลในโทรศัพท์ไปแล้ว แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงคือการกู้ Gmail และเข้าไปใน iCloud เพื่อกู้ข้อมูลได้สำเร็จ ทำให้ภาพที่หายไปกลับคืนมาได้ ซึ่งเมื่อคืนนี้ (16 ก.พ.) ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ข้อมูลถูกต้องกับความเป็นจริง แต่โทรศัพท์ถูกสลับเครื่อง • นายอัจฉริยะ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า พรุ่งนี้ (18 ก.พ.) นายปานเทพจะมีการเปิดหลักฐานสำคัญที่เชื่อได้ว่า เป็นการฆาตกรรม รวมถึงได้รู้ถึงวิธีการว่าโหดเหี้ยมขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000015688 • #MGROnline #ปานเทพ #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #โคลนนิ่ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 445 มุมมอง 0 รีวิว
  • กำแพงเพชร – ตำรวจพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยฯ ปูพรมค้นหาพยานหลักฐาน คลี่คดีฆาตกรรมอำพราง ฆ่า 3 พ่อแม่ลูกหมกกระบะจอดบ้านร้างคลองขลุงแรมเดือน ไล่ดูวงจรปิด-สแกนจุดพบรถ/ศพ ด้านญาติเตรียมสถานที่งานศพที่วัดศรีภิรมย์ เผยข้อความ sms ปริศนาอ้างเป็นหนึ่งในผู้ตาย

    ความคืบหน้า คดีฆาตกรรมอำพราง ฆ่าโหด 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค.68 ยัดศพใส่รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุดีแมกซ์ (สีขาว) ป้ายทะเบียน กน 1738 กำแพงเพชร คลุมผ้าจอดหน้าบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน (ขาขึ้น) พื้นที่ ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต กำลังเตรียมสถานที่ประกอบพิธีศพที่วัดศรีภิรมย์

    เช้าวันนี้(14 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครกู้ภัย ได้ปูพรมค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมจามจุดต่างๆ บริเวณที่พบรถพร้อมร่างผู้เสียชีวิตทั้งสามศพ โดยกระจายกำลังค้นหาพื้นที่รอบๆ รวมทั้งในตัวบ้านเพื่อหาสิ่งต้องสงสัยที่จะนำมาเป็นพยานหลักฐานในคดีได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014796

    #MGROnline #คดีฆาตกรรมอำพราง #ฆ่าโหด #3พ่อแม่ลูก
    กำแพงเพชร – ตำรวจพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยฯ ปูพรมค้นหาพยานหลักฐาน คลี่คดีฆาตกรรมอำพราง ฆ่า 3 พ่อแม่ลูกหมกกระบะจอดบ้านร้างคลองขลุงแรมเดือน ไล่ดูวงจรปิด-สแกนจุดพบรถ/ศพ ด้านญาติเตรียมสถานที่งานศพที่วัดศรีภิรมย์ เผยข้อความ sms ปริศนาอ้างเป็นหนึ่งในผู้ตาย • ความคืบหน้า คดีฆาตกรรมอำพราง ฆ่าโหด 3 พ่อแม่ลูก คือ นายวงศกร หงสไกร อายุ 37 ปี ,น.ส.นันทกานต์ นาซึ อายุ 35 ปี ,ด.ช.นัทกร หงสไกร อายุ 7 ปี (น้องซันเดย์) ที่หายตัวไปตั้งแต่ 12 ม.ค.68 ยัดศพใส่รถกระบะ 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุดีแมกซ์ (สีขาว) ป้ายทะเบียน กน 1738 กำแพงเพชร คลุมผ้าจอดหน้าบ้านร้างริมถนนพหลโยธิน (ขาขึ้น) พื้นที่ ม.10 ต.คลองขลุง อ.คลองขลุง จ.กำแพงเพชร ซึ่งญาติผู้เสียชีวิต กำลังเตรียมสถานที่ประกอบพิธีศพที่วัดศรีภิรมย์ • เช้าวันนี้(14 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาสาสมัครกู้ภัย ได้ปูพรมค้นหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมจามจุดต่างๆ บริเวณที่พบรถพร้อมร่างผู้เสียชีวิตทั้งสามศพ โดยกระจายกำลังค้นหาพื้นที่รอบๆ รวมทั้งในตัวบ้านเพื่อหาสิ่งต้องสงสัยที่จะนำมาเป็นพยานหลักฐานในคดีได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000014796 • #MGROnline #คดีฆาตกรรมอำพราง #ฆ่าโหด #3พ่อแม่ลูก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม

    📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔

    📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี

    📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด

    🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย
    การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น
    - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์
    - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง
    - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ

    😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม

    🔍 ป.12 คืออะไร? 📜
    ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย

    📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12
    การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น
    ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง
    ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน

    ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง

    ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ?
    📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้
    1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ
    คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย

    2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง
    ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน

    3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน
    ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น

    🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄
    - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว
    - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย
    - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม

    🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย
    ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

    📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น
    - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV)
    - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ
    - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง

    📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย
    🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน
    - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12%
    - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18%
    - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22%

    📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม
    ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน

    ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4

    ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568

    🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม 📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔 📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี 📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด 🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์ - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ 😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม 🔍 ป.12 คืออะไร? 📜 ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย 📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12 การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ? 📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้ 1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย 2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน 3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น 🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄 - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม 🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ 📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง 📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย 🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12% - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18% - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22% 📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น 🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4 ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568 🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 716 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน

    📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥

    📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม
    จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡

    🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย

    🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง
    เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท

    🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว
    เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม

    นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫

    ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม
    🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก
    📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้

    🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์
    📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย

    🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช
    📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21
    จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์

    🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช
    📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน
    📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨
    📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส
    📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง

    ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช
    เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ...
    🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้?
    🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่?
    🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์
    🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ

    📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต
    📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ
    📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย

    🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด
    ห้างเทอร์มินอล 21
    เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง

    🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์
    📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่
    - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร
    - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร
    - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง

    📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน
    - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว
    - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ

    📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568

    📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    5 ปี โศกนาฏกรรมโคราช จ่าสรรพาวุธคลั่ง กราดยิงเสียชีวิต 31 ศพ บาดเจ็บ 58 คน 📅 ย้อนรอยเหตุการณ์ โศกนาฏกรรมกราดยิงโคราช ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ สะเทือนขวัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย จ่าสิบเอกจักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดกองพันสรรพาวุธกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ได้ก่อเหตุกราดยิงผู้บริสุทธิ์ ในตัวเมืองนครราชสีมา มีผู้เสียชีวิตรวม 31 ศพ รวมตัวผู้ก่อเหตุ และบาดเจ็บ 58 ราย เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงสร้างความสูญเสีย ให้กับครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่คำถาม เกี่ยวกับระบบสวัสดิการทหาร ความโปร่งใสของกองทัพ และการควบคุมอาวุธ ของเจ้าหน้าที่รัฐ 🔥 📌 สาเหตุที่นำไปสู่โศกนาฏกรรม จากการสอบสวน พบว่าสาเหตุหลักที่ทำให้ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ก่อเหตุในครั้งนี้ เกิดจากปัญหาการเงิน และความขัดแย้ง ในการซื้อบ้านสวัสดิการทหาร 🚪🏡 🔹 ปมปัญหาซื้อบ้านสวัสดิการ จ.ส.อ. จักรพันธ์ ซื้อบ้านจากโครงการสวัสดิการทหาร ในราคา 1,500,000 บาท และมอบหมายให้ นางอนงค์ มิตรจันทร์ ภรรยาของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ ผู้บังคับบัญชาของเขา เป็นผู้จัดการเรื่องการตกแต่งบ้าน และเอกสารการซื้อขาย 🔹 ความขัดแย้งเรื่องเงินส่วนต่าง เมื่อดำเนินเรื่องเสร็จสิ้น พบว่ามีเงินเหลือ 50,000 บาท ซึ่งถูกส่งไปให้นายหน้าที่ชื่อ นายพิทยา จ.ส.อ. จักรพันธ์ จึงเรียกร้องขอเงินคืน แต่กลับพบว่าเงินก้อนนี้หมดไปแล้ว โดยก่อนหน้านี้เขาเข้าใจว่า ตนเองจะได้เงินคืนสูงถึง 400,000 บาท 🔹 การพูดคุยที่ล้มเหลว เมื่อมีการนัดเจรจากัน นายพิทยา ขอเวลาเพื่อหาเงินคืน แต่จำนวนเงินที่ตกลงกัน ไม่ได้เป็นไปตามที่ จ.ส.อ. จักรพันธ์ คาดหวัง ทำให้เขารู้สึกว่า ตนเองถูกโกง และไม่ได้รับความเป็นธรรม นี่เป็นจุดเริ่มต้น ที่นำไปสู่การสังหารโหด... 🔫 ⏳ จากปมปัญหา สู่โศกนาฏกรรม 🔴 จุดเริ่มต้น ก่อเหตุที่บ้านพัก 📍 เวลา 15.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปบ้านของ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และใช้อาวุธปืนยิง พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ และนางอนงค์ มิตรจันทร์ จนเสียชีวิต จากนั้นไล่ยิงนายพิทยา (นายหน้า) แต่เขาหลบหนีไปได้ 🔴 จุดที่สอง ค่ายทหารสุรธรรมพิทักษ์ 📍 เวลา 16.00 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เดินทางไปที่ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ และชิงอาวุธสงคราม จากคลังแสง ซึ่งรวมถึงปืน HK33, ปืนกล M60 และกระสุนจำนวนมาก โดยในระหว่างนี้ มีการยิงทหารเวร และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บอีก 1 นาย 🔴 จุดที่สาม กราดยิงตามถนนโคราช 📍 ระหว่างทางจากค่ายทหาร ไปยังห้างเทอร์มินอล 21 จ.ส.อ. จักรพันธ์ ขับรถฮัมวี ออกจากค่ายทหาร กราดยิงผู้คนตามทาง เสียชีวิต 9 ศพ มีผู้ที่ถูกยิงขณะอยู่บนรถ และมีนักเรียนที่ขับจักรยานยนต์ถูกยิงซ้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ 🔴 จุดสุดท้าย ห้างเทอร์มินอล 21 โคราช 📍 เวลา 17.30 น. จ.ส.อ. จักรพันธ์ เข้าไปภายในห้าง และเริ่มกราดยิงผู้คน 📍 จับตัวประกันกว่า 16 คน และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ ลงบนเฟซบุ๊กของตัวเอง 😨 📍 เกิดเหตุระเบิด และไฟไหม้ภายในห้าง เนื่องจากเขายิงถังแก๊ส 📍 เวลา 09.14 น. เช้าวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563 หน่วยอรินทราช 26 วิสามัญฆาตกรรม จ.ส.อ. จักรพันธ์ ที่ ชั้นใต้ดินของห้าง ⚖️ บทเรียนจากเหตุการณ์กราดยิงโคราช เหตุการณ์นี้นำไปสู่คำถามสำคัญเกี่ยวกับ... 🔹 การจัดการอาวุธของกองทัพ เหตุใดทหารชั้นผู้น้อย สามารถเข้าถึงอาวุธสงคราม ได้ง่ายขนาดนี้? 🔹 สวัสดิการทหาร และความโปร่งใสของกองทัพ มีปัญหาเรื่อง "เงินทอน" จริงหรือไม่? 🔹 บทบาทของสื่อมวลชน การรายงานข่าว ในลักษณะที่เปิดเผยข้อมูล การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ส่งผลกระทบต่อการควบคุมสถานการณ์ 🔹 ผลกระทบทางจิตวิทยาต่อสังคม เหตุการณ์นี้ สร้างความหวาดกลัว และกระตุ้นให้เกิดคำถาม เกี่ยวกับความปลอดภัย ในที่สาธารณะ 📍 สรุปเหตุการณ์ และจำนวนผู้เสียชีวิต 📌 ผู้เสียชีวิตทั้งหมด 31 ศพ รวมผู้ก่อเหตุ 📌 ผู้บาดเจ็บ 58 ราย 🔸 พื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ห้างเทอร์มินอล 21 เส้นทางจากค่ายทหาร ไปยังตัวเมือง 🔗 มาตรการ และการเปลี่ยนแปลงหลังเหตุการณ์ 📌 กองทัพบกได้ประกาศมาตรการใหม่ - ควบคุมการเข้าถึงอาวุธของทหาร - ทบทวนโครงการสวัสดิการทหาร - สอบสวนขบวนการ "เงินทอน" ที่เกี่ยวข้อง 📌 รัฐบาลและสื่อมวลชน - กสทช. สั่งปรับสถานีโทรทัศน์ 3 ช่อง ฐานละเมิดข้อกำหนดการรายงานข่าว - เฟซบุ๊กลบวิดีโอถ่ายทอดสด และโพสต์ของผู้ก่อเหตุ 📍 ครบ 5 ปี ของเหตุการณ์นี้ ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงปัญหาหลายประเด็น ที่ต้องได้รับการแก้ไข ทั้งในเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ ระบบสวัสดิการของทหาร และบทบาทของสื่อมวลชน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 082315ก.พ. 2568 📢 #กราดยิงโคราช #KoratShooting #โศกนาฏกรรมโคราช #ความปลอดภัยในที่สาธารณะ #บทเรียนจากอดีต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 769 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัจฉริยะ” เผยมือถือแตงโมหลักฐานสำคัญถึงไทยตี 2 ศุกร์นี้ หลังกู้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย “หมอธวัชชัย” เตรียมมอบให้ดีเอสไอทันทีที่สนามบิน เผยข้อมูลคนดัง-นักการเมืองติดต่อเพียบ “กระติก” โทร.หาตอน 2 ทุ่ม 40 นาที ทั้งที่บอกว่าอยู่บนเรือด้วยกัน ซัด “เต้” กระทำกับตนมา 3 ปี แถมพูดให้เสียหายทางคดี ขวางบังแจ๊คส่งมอบมือถือแตงโม ล่าสุดถูกห้ามเข้าบ้านพระอาทิตย์แล้ว

    วันนี้(5 ก.พ.) ที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชั่น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบวินัยตามคำสั่งอัยการสูงสุดตั้งกรรมการสอบวินัยนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ ที่ไปออกสื่อโดยใช้เวลาราชการและได้ค่าตอบแทน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานและให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการดังกล่าว

    หลังจากนั้น นายอัจฉริยะ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียงชีวิตของ น.ส.ภัทรธิกา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโมว่า ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตนถูกกระทำจากนายมงคลกิตติ์มาตลอด ในตอนที่ตนฟ้องคนบนเรือเกี่ยวกับเรื่องของฆาตกรรมอําพรางที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยได้รับมอบอํานาจจากแม่ของแตงโมโดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากยื่นฟ้องเสร็จ นายมงคลกิตติ์ได้โทรศัพท์มาหา ตำหนิตนอย่างหนักว่าไปฟ้องโดยไม่มีการแจ้งแม่แตงโมให้ทราบ ทั้งที่จริงตนแจ้งแม่แตงโมให้ทราบแล้ว แล้วก็ได้นําหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องของการฆาตกรรมเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปให้แม่แตงโมดูแล้ว ต่อมานายมงคลกิตติ์ก็ไปยุยงแม่แตงโมให้มีการถอนฟ้องโดยการอ้างว่าถ้าผมฟ้องไปแม่จะถูกฟ้องกลับ ทําให้คุณต้องติดคุก ซึ่งแม่แตงโมก็ได้หลงเชื่อแล้วก็ตามมาถอนฟ้อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000011884

    #MGROnline #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #หลักฐานสำคัญ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ
    “อัจฉริยะ” เผยมือถือแตงโมหลักฐานสำคัญถึงไทยตี 2 ศุกร์นี้ หลังกู้ข้อมูลเสร็จเรียบร้อย “หมอธวัชชัย” เตรียมมอบให้ดีเอสไอทันทีที่สนามบิน เผยข้อมูลคนดัง-นักการเมืองติดต่อเพียบ “กระติก” โทร.หาตอน 2 ทุ่ม 40 นาที ทั้งที่บอกว่าอยู่บนเรือด้วยกัน ซัด “เต้” กระทำกับตนมา 3 ปี แถมพูดให้เสียหายทางคดี ขวางบังแจ๊คส่งมอบมือถือแตงโม ล่าสุดถูกห้ามเข้าบ้านพระอาทิตย์แล้ว • วันนี้(5 ก.พ.) ที่สำนักงานการสอบสวนสำนักงานอัยการสูงสุด ตลิ่งชั่น นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบคณะกรรมการตรวจสอบวินัยตามคำสั่งอัยการสูงสุดตั้งกรรมการสอบวินัยนายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม รองอธิบดีอัยการ ที่ไปออกสื่อโดยใช้เวลาราชการและได้ค่าตอบแทน โดยไม่ได้ขออนุญาตจากอัยการสูงสุด เพื่อยื่นหลักฐานและให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการดังกล่าว • หลังจากนั้น นายอัจฉริยะ เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า กรณีที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียงชีวิตของ น.ส.ภัทรธิกา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโมว่า ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ตนถูกกระทำจากนายมงคลกิตติ์มาตลอด ในตอนที่ตนฟ้องคนบนเรือเกี่ยวกับเรื่องของฆาตกรรมอําพรางที่ศาลจังหวัดนนทบุรี โดยได้รับมอบอํานาจจากแม่ของแตงโมโดยชอบด้วยกฎหมาย หลังจากยื่นฟ้องเสร็จ นายมงคลกิตติ์ได้โทรศัพท์มาหา ตำหนิตนอย่างหนักว่าไปฟ้องโดยไม่มีการแจ้งแม่แตงโมให้ทราบ ทั้งที่จริงตนแจ้งแม่แตงโมให้ทราบแล้ว แล้วก็ได้นําหลักฐานเกี่ยวกับเรื่องของการฆาตกรรมเมื่อ 3 ปีที่แล้วไปให้แม่แตงโมดูแล้ว ต่อมานายมงคลกิตติ์ก็ไปยุยงแม่แตงโมให้มีการถอนฟ้องโดยการอ้างว่าถ้าผมฟ้องไปแม่จะถูกฟ้องกลับ ทําให้คุณต้องติดคุก ซึ่งแม่แตงโมก็ได้หลงเชื่อแล้วก็ตามมาถอนฟ้อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000011884 • #MGROnline #อัจฉริยะ #มือถือแตงโม #หลักฐานสำคัญ #หมอธวัชชัย #ดีเอสไอ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 582 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts