• การใช้งานเมนูนำทางในแอป Thaitimes

    ในแอป Thaitimes การเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนูนำทางที่อยู่ทางมุมซ้ายบนของหน้าจอ ซึ่งเป็น ไอคอนขีดสามขีด (Hamburger Menu) เมื่อกดที่ไอคอนนี้ เมนูจะขยายออกมาให้คุณสามารถเลือกสำรวจเนื้อหาหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ทันที

    - News Feed (ฟีดข่าว): คุณสามารถดูโพสต์ล่าสุดจากเพื่อนหรือเพจที่คุณติดตาม
    รวมถึงโพสต์ยอดนิยมผ่านตัวเลือกเหล่านี้:
    - Recent Updates: แสดงโพสต์ที่อัปเดตล่าสุด
    - Popular Posts: โพสต์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับสูง
    - Discover Posts: ค้นหาและสำรวจโพสต์ใหม่ ๆ จากผู้ใช้ที่คุณอาจไม่เคยติดตามมาก่อน

    - Saved Posts (โพสต์ที่บันทึกไว้): ตรวจสอบโพสต์ที่คุณเคยบันทึกไว้เพื่อกลับมาดูภายหลัง

    - Memories (ความทรงจำ): ดูโพสต์เก่าหรือเนื้อหาที่คุณเคยโพสต์ในช่วงวันเดียวกันในอดีต

    - Explore (สำรวจเนื้อหา): คุณสามารถสำรวจและเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันต่อไปนี้:
    - People: ค้นหาผู้ใช้คนอื่นในแอป
    - Pages: ดูเพจต่าง ๆ ที่คุณสนใจและเลือกติดตามเพจ
    - Groups: เข้าร่วมกลุ่มที่สนใจเพื่อสนทนาและแชร์เนื้อหา
    - Events: ตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น
    - Watch: ดูวิดีโอที่ถูกโพสต์ในแพลตฟอร์ม

    เมนูเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และช่วยให้ทุกท่านเข้าถึงเนื้อหาในแอป Thaitimes ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
    การใช้งานเมนูนำทางในแอป Thaitimes ในแอป Thaitimes การเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนูนำทางที่อยู่ทางมุมซ้ายบนของหน้าจอ ซึ่งเป็น ไอคอนขีดสามขีด (Hamburger Menu) เมื่อกดที่ไอคอนนี้ เมนูจะขยายออกมาให้คุณสามารถเลือกสำรวจเนื้อหาหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ทันที - News Feed (ฟีดข่าว): คุณสามารถดูโพสต์ล่าสุดจากเพื่อนหรือเพจที่คุณติดตาม รวมถึงโพสต์ยอดนิยมผ่านตัวเลือกเหล่านี้: - Recent Updates: แสดงโพสต์ที่อัปเดตล่าสุด - Popular Posts: โพสต์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับสูง - Discover Posts: ค้นหาและสำรวจโพสต์ใหม่ ๆ จากผู้ใช้ที่คุณอาจไม่เคยติดตามมาก่อน - Saved Posts (โพสต์ที่บันทึกไว้): ตรวจสอบโพสต์ที่คุณเคยบันทึกไว้เพื่อกลับมาดูภายหลัง - Memories (ความทรงจำ): ดูโพสต์เก่าหรือเนื้อหาที่คุณเคยโพสต์ในช่วงวันเดียวกันในอดีต - Explore (สำรวจเนื้อหา): คุณสามารถสำรวจและเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันต่อไปนี้: - People: ค้นหาผู้ใช้คนอื่นในแอป - Pages: ดูเพจต่าง ๆ ที่คุณสนใจและเลือกติดตามเพจ - Groups: เข้าร่วมกลุ่มที่สนใจเพื่อสนทนาและแชร์เนื้อหา - Events: ตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น - Watch: ดูวิดีโอที่ถูกโพสต์ในแพลตฟอร์ม เมนูเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และช่วยให้ทุกท่านเข้าถึงเนื้อหาในแอป Thaitimes ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
    Like
    Love
    6
    1 Comments 1 Shares 512 Views 1 Reviews
  • หาดทรายรี จ.ชุมพร กราบสักการะเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บันทึกไว้ว่า ท่านประชวรเป็นไข้หวัด เพียง 3 วัน ท่านก็สวรรคต ที่นี่ เมื่อ วันที่19พค.2466
    8 กย 67
    หาดทรายรี จ.ชุมพร กราบสักการะเสด็จเตี่ย กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บันทึกไว้ว่า ท่านประชวรเป็นไข้หวัด เพียง 3 วัน ท่านก็สวรรคต ที่นี่ เมื่อ วันที่19พค.2466 🙏🙏🙏 8 กย 67
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง

    ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง)

    รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    ชื่อพระ : เหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาภูหลักนครศรีธรรมราช รุ่น 2 ปี 2509 เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง ราคา : 2,500 บาท (รวมส่ง) รายละเอียด : เหรียญมหาอุดคงกะพัน สภาพสวยกะไหล่ทองเดิมๆ จัดสร้างและประกอบพิธีปลุกเสกอันลือลั่นในอุโบสถมหาอุตม์ หลวงพ่อแดงท่านเป็นศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกับ พ่อท่านคล้าย วัดสวนขัน และ หลวงพ่อตุด วัดพรุกง ซึ่งพระอาจารย์ของพวกท่านคือ พระอุปัชฌาย์กลาย วัดหาดสูง นั่นเอง .. หลวงพ่อแดง ท่านเป็นเจ้าของสมญานาม "เหรียญแลกชีวิต" สำหรับมูลเหตุ สมญานาม เหรียญแลกชีวิต มีเรื่องราวบันทึกไว้ว่า "มีชาวบ้านแขวนเหรียญรุ่นแรกของท่าน ขับรถมอเตอร์ไซค์ ผ่านไปบนถนนสายเอเชีย บริเวณเวียงสระ - ถ้ำพรรณรา ซึ่งสมัยก่อนเป็นดงคอมมิวนิสต์ .. จึงถูกดักยิงด้วยปืน M16 แต่ไม่เป็นอะไร ทว่าลูกปืนไปถูกเครื่องยนต์ดับ เหล่า ผกค. จึงตามไปยิงซ้ำ แต่กระสุนไม่ลั่น ผกค. จึงขอเหรียญในคอ โดยแลกกับการไม่เอาชีวิต ซึ่งเป็นจังหวะที่ชุดทหารลาดตระเวนการผ่านมา กลุ่ม ผกค. จึงหนีไป" เป็นเหรียญแห่งประสบการณ์เมืองคอน หนึ่งในเหรียญที่นักสะสมวัตถุมงคล ต้องมี ประวัติโดยย่อ หลวงพ่อแดง อิสสโร วัดภูเขาหลัก “พระธรรมิสรานุวัตร” (ศิษย์น้องหลวงพ่อคล้าย วาจาสิทธิ์ วัดสวนขัน จังหวัดนครศรีธรรมราช) พระเครื่องของท่านล้วนแล้วประสบการณ์สูงด้านคงกระพันชาตรี เหรียญหลวงพ่อแดง รุ่นแรก สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓ ถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคำพูดกล่าวขานกันถึง ประสบการณ์พระเครื่องหลวงพ่อแดง วัดภูเขาหลัก แห่งอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เกี่ยวกับคำพูดที่ว่า “เหรียญแลกชีวิต” หลวงพ่อแดง อิสสโร ชื่อเดิม แดง ต่างศรี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๓๐ ตรงกับวันขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑ (อ้าย) ปีชวด ณ บ้านเหลียงเล้า ตำบลน้ำดำ อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ นามบิดานายบุญช่วย นามมารดานางพุ่ม มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน เมื่อครั้งยามเยาว์วัย เด็กชายแดง ได้ย้ายตามครอบครัวของบิดามารดามาอยู่บ้านโคกมัน ตำบลท่ายาง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นเด็กเงียบขรึมแต่มีนิสัยช่างทำ แม้ทำงานหนักเด็กชายแดงก็ไม่เคยเอ่ยปากบ่นแต่ไม่ยอมคนง่ายๆตามนิสัยเด็ก เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นท่านได้ออกจากบ้านเพื่อแสวงหาโชคความก้าวหน้าในชีวิตท่านได้เข้าทำงานที่ชะมาย เป็นผู้ดูแลสร้างทางรถไฟอยู่ประมาณปีกว่าๆเกิดความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ท่านจึงได้เข้าไปอยู่ ที่ วัดหาดสูง เมื่อครั้นยามบวชเรียนหลวงพ่อแดง บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันพุธที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๔๔๖ ตรงกับวันแรม๑๐ค่ำ เดือน๑๐ ปีเถาะ อายุ๑๖ปี ณ วัดหาดสูง ตำบลไม้เรียง อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพระอธิการกลาย (หลวงปู่กลาย) เป็นพระอุปัฌาย์ ชีวิตการศึกษา ท่านเล่าว่า เริ่มต้นตั้งแต่โสตนอโม อันเป็นอักษรโบราณทั้งภาษาขอม ไทย และบาลีเขียนกันที่กระดานชนวน ลบไปเขียนไป จนเข้าใจ ท่านได้เล่าเรียนคาถาพุทธาคม (ไสยศาสตร์ เลข ยันต์ตลอดถึงหมอโบราณ) จนมีความชำนิชำนาญ ท่านมีความสามารถในด้านความจำดีเยี่ยม (นี้เป็นคำพูดของหลวงพ่อท่านคล้ายได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง ครั้งไปกราบท่านที่วัดพระธาตุน้อย ในครั้งหนึ่ง) ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนอยู่นานถึง ๓ ปีกว่า จน (หลวงพ่อแดง) มีอายุพรรษาครบอุปสมบทได้ (วิชา“ นอโม” นี้เป็นวิชาสำคัญวิชาหนึ่งในทางไสยศาสตร์ โดยเฉพาะในภาคใต้ คือสำนักเขาอ้อ ที่สืบทอดมาตั้งแต่ครั้งอาณาจักรศรีวิชัย ยังรุ่งเรืองแม้ทางภาคกลางเองก็มีวิชาจำพวก ” นอโม” นี้ด้วยเหมือนกันเพียงแต่ไม่พิสดารเท่าทางสายเขาอ้อ อันว่า ” นอโม” นี้คือปฐมอักขระมีความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง อักษรแต่ละตัวมีวิธีใช้ได้มากมายคนโบราณที่สำเร็จท่านใช้แค่ อะ หรือ โอ เท่านี้ก็มีอานุภาเหลือคณานับ โดยไม่ต้องว่าคาถายาวๆ) สามเณรแดงได้อุปสมบทเมื่อ วันพุธที่ ๒๐ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๕๐ ตรงกับวันขึ้น๑๑ค่ำ เดือน๗ ปีมะแม ณ วัดหาดสูง โดยมีพระอธิการกลายเป็นพระอุปัชฌาย์และพระอาจารย์สังข์สิริรตโน เจ้าอาวาสวัดไม้เรียง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ชีวิตเป็นสมณะเมื่ออุปสมบทแล้วพระแดงอิสสโรก็ได้จำพรรษาที่วัดหาดสูง ๑ พรรษา และใน พ.ศ.๒๔๕๒ ท่านจึงออกจากวัดหาดสูง และได้ไปจำพรรษาที่ วัดท่ายาง พ.ศ.๒๔๕๓ เดินทางไปอยู่ที่ วัดอรัญคามวารี (วัดกะชุม) ต.พ่วงพรมคร อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ท่านอยู่ที่นี้จนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ตำแหน่งฐานานุกรมพระใบฎีกาแดง อิสสโรเป็นเวลานานถึง ๒๙ พรรษา หลวงพ่อแดง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจทั้งด้านการปกครองงานการศึกษาและงานด้านสาธารณูปการได้อบรมกุลบุตรกุลธิดาให้ตั้งอยู่ในความดีงามให้มีการเล่าเรียนทั้งทางโลกและทางธรรมได้อุปการะและส่งไปเล่าเรียนในสำนักต่างๆด้านการก่อสร้างท่านได้ก่อสร้างกุฏิศาลาการเปรียญอุโบสถ ที่วัดกระชุมจนเป็นวัดโดยสมบูรณ์ทุกประการ พ.ศ.๒๔๘๐ หลวงพ่อแดง ท่านจึงได้เดินทางกลับมารักษาการเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก แทนพระครูนนทสิกกิจ ที่ได้มรณภาพลง ตั้งแต่”หลวงพ่อแดง”ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาหลัก ได้จัดสร้างศาลาโรงธรรม กุฏิ หอสวดมนต์ และท้ายสุดในปลายชีวิตของท่านได้ก่อสร้างอุโบสถ และท่านยังเป็นประธานในการสร้างวัดต่างๆ ใว้หลายแห่งเช่น วัดควนสระบัว สร้างโรงเรียนวัดควนสระบัวให้ 1หลัง วัดธรรมิการาม ที่บ้านวังหิน เป็นต้น สมณศักดิ์ หลวงพ่อแดง “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๔๘๕ ได้รับฐานานุกรม ที่ พระปลัดแดง ของพระครูถาวรบุญรัตน์ พ.ศ.๒๔๙๖ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นโท ในราชทินนามว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” พ.ศ.๒๕๑๕ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ชั้นเอก ในราชทินนามเดิมว่า “พระครูธรรมิสรานุวัตร” หลวงพ่อแดงท่านมรณภาพใน ปี พ.ศ.๒๕๑๕ รวมสิริอายุ ๘๙ ปี “ เมื่อใจมีศรัทธา ปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นเสมอ “
    0 Comments 0 Shares 113 Views 0 Reviews
  • ชั่งใจคืออะไร

    ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้

    ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ

    ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง

    แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ

    สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต

    แตกต่างกับ "ช่างใจ"

    ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้



    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #บันทึก
    #ภาษาไทย
    #ช่าง
    #ชั่ง
    ชั่งใจคืออะไร ปกติเวลาไปตลาดซื้อของ หยิบของที่เราต้องการแล้วส่งให้แม่ค้าพ่อค้า เพื่อให้ทราบว่าน้ำหนักเท่าใด จะได้รู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร แต่ก็เคยใช่ไหม ที่พอรู้ว่าเกินที่ต้องการบางครั้งก็ให้แม่ค้าหยิบออก หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนใจกะทันกัน ไม่เอาดีกว่า ซึ่งนั่นอาจโดนแม่ค้าสดุดีให้พรได้ ก็คล้ายการชั่งสิ่งของที่จะซื้อ คือก่อนจะทำอะไร ทั้งเขียน พูด แสดงออกทางกาย เราควรมีสกิลพิเศษ "การชั่งใจ" ไว้กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ก่อนจะปล่อยคำพูด ตัวอักษร หรือการกระทำทางกายออกไปสู่สาธารณะ ถ้าใคร่ครวญแล้วเห็นว่ามันไม่เหมาะ ไม่น่าคุ้ม ไม่ดีพอ มีความบกพร่อง มีข้อเสีย ก็ตัด ก็แต่ง ปรับเปลี่ยน เพิ่มหรือลด ให้มันพอดีๆ ไม่เกินตัว ไม่เกิดผลร้ายภายหลัง แม้นกระทั่ง ตัดสินใจไม่ทำ ไม่เขียน ไม่พูด น่าจะดีกว่า ก็ควรทำ สิ่งนี้แหละคือการชั่งใจ ทำใจให้มีน้ำหนัก ไม่วูบวาบ วู่วาม ง่ายดายเกินไปกับสิ่งต่างๆที่เข้ามาในชีวิต แตกต่างกับ "ช่างใจ" ถ้าใคร "ไม่ชั่งใจ" แต่ใช้ "ช่างใจ" แทน อันนี้ไม่ดี จะเสียคนเอาได้ เพราะยอมตามกิเลส กลายเป็นเสียนิสัย จนถึงนิสัยเสีย เป็นคนประเภทอะไรก็ "ช่างมันเถอะ" ซึ่งแท้จริงไม่ใช่ว่าปล่อยวางได้ แต่เป็นการไม่อยากยุ่งเกี่ยวให้ตนลำบากต่อไป จึงปล่อยปละละเลย ทำเป็นไม่สนใจ ลืม ๆ มันซะ หนีปัญหาก็ว่าได้ #ข้อคิด #thaitimes #บันทึก #ภาษาไทย #ช่าง #ชั่ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 725 Views 0 Reviews
  • ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย

    17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021

    กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China

    PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม

    "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก

    สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC

    คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน
    PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“

    PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก
    PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง

    “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป

    PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว

    การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก

    Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC”
    ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน

    กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande

    กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda

    PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม

    PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC

    ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้

    #Thaitimes
    ทางการจีนลงโทษสั่งแบนบริษัท PwC China เป็นเวลา 6 เดือนและปรับเงิน 441 ล้านหยวน (62 ล้านดอลลาร์) หลังจากที่ พบหลักฐานว่า PwC ที่ตรวจสอบบัญชี บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ผิดพลาดร้ายแรง จนส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินมหาศาล และละเมิดกฎระเบียบ เจ้าหน้าที่ระบุว่าพนักงาน "ปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอม" ให้เกิดการฉ้อโกงในการตรวจสอบบัญชีบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ Evergrande ที่ล้มละลาย 17 กันยายน 2567-รายงานไฟแนนซ์เชียลไทม์ระบุว่ ทางการจีนดำเนินการกับBig Four บริษัทตรวจสอบบัญชีชั้นนำของโลกสี่อันดับแรก โดยเกิดขึ้นหลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนประกาศเมื่อเดือนมีนาคมว่า PwC China ได้อนุมัติบัญชีของ Evergrande แล้ว แม้ว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์Evergrandeรายนี้จะมีรายได้เกือบ 8 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงสองปีก่อนจะผิดนัดชำระหนี้ในปี 2021 กระทรวงการคลังของจีนกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า PwC Zhong Tian ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ PwC China และสาขาที่กว่างโจวทราบถึง "ข้อผิดพลาดสำคัญ" ในการตรวจสอบบัญชีของ Evergrande ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 แต่ไม่ยอมชี้แจงให้ชัดเจน โดยกระทรวงฯ สั่งให้ปิดสาขาที่กว่างโจวของ PwC China PwC China มี "ข้อบกพร่องร้ายแรง" ในกระบวนการตรวจสอบบัญชีของ Hengda Real Estate ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Evergrande ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งนำไปสู่ ​​"ข้อสรุปที่ผิดพลาดมากมาย" กระทรวงฯ กล่าว บริษัท "สูญเสียความเป็นอิสระ" และ "เพิ่มผลกำไร" ผ่านการตรวจสอบบัญชี เจ้าหน้าที่กล่าวเสริม "พฤติกรรมของ PwC ไม่ใช่แค่ความล้มเหลวในการตรวจสอบบัญชีเท่านั้น พวกเขาปกปิดหรือแม้กระทั่งยินยอมให้มีการฉ้อโกงทางการเงินและการออกพันธบัตรของบริษัทโดยฉ้อโกงของ Hengda Real Estate" สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนกล่าวในแถลงการณ์แยกต่างหาก สำนักงานกำกับดูแลหลักทรัพย์พบว่าบันทึกของ PwC เกี่ยวกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ Hengda ถึง 88 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้สะท้อน "สภาพที่แท้จริง" ในพื้นที่ โดยระบุว่ากระบวนการคัดเลือกตัวอย่างของ PwC "อยู่นอกเหนือการควบคุม" โดยที่ทรัพย์สินที่ผู้พัฒนาโครงการระบุว่า "ห้ามเข้า" จะไม่รวมอยู่ในการเยี่ยมชมไซต์ของ PwC คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของจีนได้สั่งปรับ PwC China เป็นเงิน 116 ล้านหยวน และ 325 ล้านหยวน PwC ระบุในแถลงการณ์ว่า “เราผิดหวังกับการตรวจสอบบัญชีของ PwC Zhong Tian (หรือ ‘PwC ZT’) ของ Hengda ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่เราคาดหวังจากบริษัทสมาชิกเครือข่าย PwC อย่างไม่สามารถยอมรับได้“ PwC ระบุว่าได้เลิกจ้างหุ้นส่วน 6 คน และสั่งปลด พนักงาน 5 คนที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบบัญชีโดยตรงให้ลาออก PwC กล่าวว่า Daniel Li ซึ่งเพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งหุ้นส่วนอาวุโสของ PwC China เมื่อเดือนกรกฎาคม และคาดว่าจะดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 4 ปี ได้ตกลงที่จะลาออกจากตำแหน่ง “เนื่องจากความรับผิดชอบเดิมของเขา” ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายตรวจสอบของบริษัท โดยเขาจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบัญชีของบริษัทต่อไป PwC กล่าวว่า Hemione Hudson หุ้นส่วนอาวุโสในสหราชอาณาจักร จะเข้ามาดูแลธุรกิจในประเทศจีนเป็นการชั่วคราว และPwC ดึงพันธมิตรจากอังกฤษเข้ามาบริหารธุรกิจในจีนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาว การเคลื่อนไหวดังกล่าวตอกย้ำถึงระดับความกังวลภายในกลุ่ม Big Four เกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในจีน ซึ่งแตกต่างจากบริษัทข้ามชาติอื่นๆ PwC มักดำเนินงานเป็นเครือข่ายของหุ้นส่วนที่เป็นเจ้าของในท้องถิ่นอย่างอิสระ ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลภายนอกจึงถือเป็นก้าวที่แปลกมาก Mohamed Kande ประธาน PwC ระดับโลกกล่าวว่า “งานที่ดำเนินการโดยทีมตรวจสอบบัญชี Hengda ของ PwC Zhong Tian ต่ำกว่าความคาดหวังสูงของเราอย่างมาก และเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง ซึ่งไม่สะท้อนถึงสิ่งที่เรายึดมั่นในฐานะเครือข่าย และไม่มีที่ว่างสำหรับสิ่งนี้ที่ PwC” ค่าปรับPwCดังกล่าว 31 ล้านดอลลาร์และคำสั่งห้ามดำเนินธุรกิจบางส่วนเป็นเวลาสามเดือนที่บังคับใช้กับ Deloitte เมื่อปีที่แล้วสำหรับ “ข้อบกพร่องในการตรวจสอบบัญชีที่ร้ายแรง” ที่เกี่ยวข้องกับงานของบริษัทกับ China Huarong Asset Management ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้จัดการหนี้เสียรายใหญ่ที่สุดในจีน กระทรวงการคลังยังกล่าวอีกว่าจะดำเนินการสอบสวน "การละเมิดที่เกี่ยวข้อง" ของหน่วยงาน PwC ในฮ่องกง ซึ่งทำการตรวจสอบบัญชีของกลุ่มบริษัทแม่ Evergrande กระทรวงได้เพิกถอนใบอนุญาตการบัญชีของพนักงาน PwC 4 คนที่ลงนามในงบการเงินของ Hengda ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2020 และปรับเงินบุคคลอื่นอีก 7 คนที่เกี่ยวข้องกับการจัดทำเอกสารบัญชีของ Hengda PwC สูญเสียรายได้จากการบัญชีไปแล้วประมาณสองในสามจากลูกค้าที่จดทะเบียนในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งเปลี่ยนผู้ตรวจสอบบัญชีจาก PwC ในปีนี้ เนื่องจากคดีความขัดแย้งเกี่ยวกับ Evergrande ที่เพิ่มมากขึ้น ธนาคารแห่งประเทศจีน ซึ่งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดรายหนึ่ง ได้เปลี่ยนมาใช้คู่แข่งอย่าง EY ในเดือนสิงหาคม PwC พยายามรักษาลูกค้าไว้โดยให้คำมั่นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่าสามารถทำการตรวจสอบบัญชีในปี 2024 ได้สำเร็จแม้จะมีการห้ามก็ตาม ลูกค้ารายใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศ ได้แก่ บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba และ Tencent รวมถึงบริษัทประกันภัย AIA ซึ่งยังคงทำงานร่วมกับ PwC ตามกฎหมายในจีน รัฐวิสาหกิจของจีนไม่สามารถใช้ผู้ตรวจสอบบัญชีที่ได้รับผลกระทบจากการคว่ำบาตรร่วมกับลูกค้าในแผ่นดินใหญ่จำนวนมากได้ #Thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 759 Views 0 Reviews
  • การเป็นคนธรรมดา คนเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนี้แหละ ง่ายที่สุดแล้วต่อการที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีหรือประโยชน์ใด ทั้งต่อตนและสาธารณชนคนอื่น ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถในเรื่องใด และมีใจที่คิดและต้องการจะทำเพื่อคนทุกคนจริง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีคนจำนวนมากมาชื่นชม เชิดชูยกขึ้นไว้ในตำแหน่งอันเขาอุปโลกน์จึงจะค่อยทำได้ ขอเพียงแค่ลงมือปฏิบัติตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่างเดียวเท่านั้นที่พึงระวังคือ

    ให้แน่ใจว่าการกระทำที่เราเชื่อว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งตรงกันข้าม ไม่ใช่การหลอกตนเองและหลอกคนอื่น

    ดูอย่างคนบ้าปลูกต้นไม้นั่นไง มีหลายคนที่ทำทั้งที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น และไม่ได้ต้องการให้ใครรู้เห็นด้วย เขาทำด้วยสำนึกในใจตนว่าควรทำ และไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่ชุมชนสังคมประเทศ จวบไปถึงโลกใบนี้อย่างแน่นอน

    หากสิ่งที่ทำดีจริง สักวันจะมีคนเห็นและเพิ่มจำนวนคนสานต่อไปเองอย่างยั่งยืน แต่ถ้าสิ่งที่ทำนั้นดีไม่จริง ย่อมอยู่ได้ชั่วคราวไม่ยาวนาน เพราะไม่มีคนช่วยรักษา สืบต่อคุณความดีนั้น ที่สุดจะค่อยๆเลือนลางจางหายไปในห้วงเวลา

    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #ความดี
    #จิตสาธารณะ
    #ชวนคิด
    #บันทึก
    การเป็นคนธรรมดา คนเล็กๆที่ไม่ใหญ่โตนี้แหละ ง่ายที่สุดแล้วต่อการที่จะบำเพ็ญคุณงามความดีหรือประโยชน์ใด ทั้งต่อตนและสาธารณชนคนอื่น ถ้าเรามีความรู้ ความสามารถในเรื่องใด และมีใจที่คิดและต้องการจะทำเพื่อคนทุกคนจริง ไม่จำเป็นต้องรอให้มีคนจำนวนมากมาชื่นชม เชิดชูยกขึ้นไว้ในตำแหน่งอันเขาอุปโลกน์จึงจะค่อยทำได้ ขอเพียงแค่ลงมือปฏิบัติตั้งแต่เดี๋ยวนี้ อย่างเดียวเท่านั้นที่พึงระวังคือ ให้แน่ใจว่าการกระทำที่เราเชื่อว่าเป็นคุณประโยชน์ต่อสาธารณะนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งซึ่งตรงกันข้าม ไม่ใช่การหลอกตนเองและหลอกคนอื่น ดูอย่างคนบ้าปลูกต้นไม้นั่นไง มีหลายคนที่ทำทั้งที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น และไม่ได้ต้องการให้ใครรู้เห็นด้วย เขาทำด้วยสำนึกในใจตนว่าควรทำ และไม่สร้างปัญหาความเดือดร้อนแก่ชุมชนสังคมประเทศ จวบไปถึงโลกใบนี้อย่างแน่นอน หากสิ่งที่ทำดีจริง สักวันจะมีคนเห็นและเพิ่มจำนวนคนสานต่อไปเองอย่างยั่งยืน แต่ถ้าสิ่งที่ทำนั้นดีไม่จริง ย่อมอยู่ได้ชั่วคราวไม่ยาวนาน เพราะไม่มีคนช่วยรักษา สืบต่อคุณความดีนั้น ที่สุดจะค่อยๆเลือนลางจางหายไปในห้วงเวลา #ข้อคิด #thaitimes #ความดี #จิตสาธารณะ #ชวนคิด #บันทึก
    0 Comments 0 Shares 475 Views 0 Reviews
  • บันทึกเปิดผนึก

    กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา

    คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง

    แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า

    ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ

    อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้

    เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด

    ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ

    ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร

    คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง

    และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป

    หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น

    เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน

    เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่

    เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด

    เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา

    ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ

    เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น

    เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว

    เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที

    แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์

    ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด

    ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง

    หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง

    ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง

    คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง

    เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว
    เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา

    #thaitimes
    #ความเมตตา
    #ข้อคิด
    #บทความ

    บันทึกเปิดผนึก 📝 กระบวนการทางความคิดนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก มากที่สุดที่มีอิทธิพลส่งผลต่อพฤติกรรมของคนคนหนึ่ง ซึ่งจะแสดงออกมาทางกาย วาจา คุณเคยสงสัยไหม เหตุใดคนจำนวนมากเขาสามารถทำในสิ่งที่คนปกติโดยทั่วไปมองแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องโง่ที่สุด เช่น ขโมยของในร้านสะดวกซื้อ และก็ถูกจับได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายอ้างความจน ไม่มีเงินบ้างละ มีลูกเล็กต้องเลี้ยงบ้างละ หาค่านมลูกบ้างละ สารพัดข้ออ้างตามแต่จะนึกขึ้นได้ ณ ตอนนั้น จริงหรือเท็จก็เป็นอีกเรื่อง แต่..ทำไมก่อนหน้าที่จะลงมือขโมย ถึงคิดไม่ได้เลยเชียวหรือว่า 🟢ขโมยเนี่ยคือความชั่ว ความเลว ผิดทั้งทางกฎหมายต้องได้รับโทษ ผิดทั้งทางธรรม สะสมเวรกรรมใส่ตัว บาปเกิดขึ้นย่อมได้รับผล ไม่ต้องรอตาย ได้ตอนยังมีชีวิตนี้แหละ 🟢อย่างไรก็หนีไม่รอด สุดท้ายถูกจับเป็นคดีติดคุก แล้วใครจะเลี้ยงลูกให้ 🟢เป็นแม่คนแล้ว ไม่ทำความดีไว้ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูก แต่กลับเลือกทำความผิด ต่อให้หนีรอดมือกฎหมายได้ ในอนาคต ลูกจะเติบโตมาอย่างไร เพราะเห็นแม่ขโมยมาให้ตนตลอด 🟢ตัวเองเดือดร้อนย่อมรู้ถึงความทุกข์ที่ตนได้รับ แล้วเจ้าของที่ตนไปขโมยของเขาจะไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเราหรือ เขาไม่ทุกข์หรือ 🟢ทางเลือกอื่นที่ไม่ต้องทำผิดล่วงละเมิดกับใครย่อมมีอยู่ แต่ไฉนเลือกที่จะทำความไม่ดี เพราะการเลือกทำความไม่ดีง่ายกว่าหรือไร 🟢คนจนคือพลเมืองส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ไม่ใช่คนจนทุกคนที่เลือกทำสิ่งผิดเพื่อให้ตนเองมีอยู่มีกิน ดังนั้นความจนไม่ใช่ข้ออ้าง และอีกมากมายหากจะไตร่ตรองก่อนลงมือกระทำสิ่งใดลงไป หรือยกอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นเป็นประจำ ชัดเจนมาก นั่นคือบรรดาคนรักสัตว์ส่วนใหญ่ เรียกว่าเกือบทั้งหมด ที่ปากก็เอาแต่ท่องวนซ้ำเป็นแผ่นเสียงตกร่อง ว่าฉันรักสัตว์ จึงทนเห็นหมาแมวหิวโหยไม่ได้ เจอหมาแมวจรจัดที่ไหน ต่อมความเมตตาจะพลุ่งพล่าน หลั่งสารที่ทำให้เกิดอาการใจสั่นพลิ้ว ต้องเอาอาหารอะไรก็ได้ไปให้หมาแมวที่หิวเหล่านั้นให้ได้ โดยไม่สนใจอื่นใดทั้งสิ้น 🟢เขาจะไม่สนว่าสถานที่นั้นคือที่ไหน 🟢เขาจะไม่สนว่าการให้อาหารจะนำพาซึ่งความลำบาก ทุกข์ร้อน มาสู่ผู้คน เจ้าของที่ ซึ่งอาศัยในบริเวณนั้นหรือไม่ 🟢เขาจะเข้าใจอยู่มุมเดียวในชุดความคิดที่ไม่เหลือที่พอให้ใส่ความจริงชุดอื่นเข้าไปในกลีบสมองเลยว่า เขาสิที่เมตตาสูง ใครอื่นที่ไม่เห็นด้วย ขัดกับสิ่งที่เขาต้องการ คือคนที่ใจดำ ไร้เมตตา ไม่รักสัตว์ทั้งหมด 🟢เขาจะมืดบอดมองไม่เห็นว่าตนกำลังเบียดเบียนคนด้วยกันจำนวนมากโดยไม่รู้ตัวเองสักนิด เพราะคิดอยู่เพียงว่า เขากำลังทำบุญช่วยเหลือหมาแมวที่น่าเวทนา 🟢ทั้งที่เขาสร้างบาปอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่ให้อาหารหมาแมวจรตามที่สาธารณะ และที่ซึ่งไม่ใช่ที่ของตน แต่เขากลับภาคภูมิใจในความดีที่เขากระทำ ในขณะที่เขาเมตตากับสัตว์ผู้ยาก แต่วันเดียวกันเขากลับเอาแต่หากินอาหารที่ชอบ ซึ่งล้วนแล้วแต่ปรุงมาจากสัตว์ผู้ยากเช่นกันที่โดนฆ่ามาอย่างโหดเหี้ยม แต่เมตตาของเขามีข้อจำกัดอยู่เพียงกรอบของสัตว์สองชนิด ที่เหลือเขาจะอ้างว่าก็มันอร่อย, เขาไม่ได้ฆ่า, สัตว์เหล่านั้นเกิดมาเพื่อให้คนกิน ฯลฯ 🟢เขาจะให้อาหารเสร็จก็สะบัดก้นจากไป ไม่สนใจว่าถุงพลาสติก ห่อกระดาษ ภาชนะใดก็ตามที่วางไว้ จะมีเศษอาหารเหลือ เป็นความสกปรกเลอะเทอะต่อสถานที่อย่างไร เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคหรือไม่ ใครต้องมาเก็บกวาดหลังจากนั้น 🟢เขาไม่เคยต้องมาทนทุกข์กับกลิ่นของอึ ฉี่ และกองปฏิกูลมูลสัตว์ที่ปล่อยเรี่ยราดอยู่ในพื้นที่ ซากของเสียเหล่านั้นรบกวนคน สร้างความสกปรก ไม่เจริญตาเจริญใจ ก่อโรค ไหลปนกับน้ำฝนลงแหล่งน้ำสาธารณะ ฟุ้งลอยไปในอากาศอย่างไร เขาไม่ได้คิดไปถึง เสียงเห่าหอนรบกวนคนที่อาจป่วยต้องการพักผ่อน หนูน้อยกำลังหลับเพลิน คนชรากำลังหลับพัก ชาวบ้านเข้านอนยามดึก เขาไม่ใส่ใจ คนผ่านทางถูกไล่กวด ถูกรุมล้อมทำร้าย บาดเจ็บต้องเสียค่ารักษา ตื่นกลัวตกใจ แต่เขาไม่อนาทร เพราะเขาอยู่ไกลจากจุดนั้น เขาไม่เดือดร้อน เขาสบายใจแล้วที่ได้ถมความต้องการอันบ้าคลั่งจนเต็มเป็นการชั่วคราว 🟢เขาไม่เคยมาแสดงตนรับผิดชอบ หรือกล้าเสนอหน้าผ่าเผย ยามเมื่อมีคนถูกหมาแมวจรที่เขาให้อาหารทำร้าย หรือทำลายทรัพย์สินเสียหาย เขาจะมุดลงรู หลบเข้าถ้ำ นิ่งสนิท เงียบเหมือนอมสาก ไม่ปากเก่งดังเช่นตอนไม่เกิดเรื่อง หมาแมวถูกทำร้าย ถูกจับออกไป เขาจะรีบโผล่ขึ้นจากหลุมมาอย่างไว เพื่อพิทักษ์สิทธิให้ แต่คนถูกทำร้าย เขาจะดำดินหนีหายไวกว่า ไหนเลยเคยพิทักษ์สิทธิให้ผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต 🟢ความเมตตาของเขามันจะทะแม่งประหลาดพิกล มาเป็นพัก ๆ แบบกะปริดกะปรอยในบางช่วง และล้นทะลักในบางคราว ขึ้นกับสภาพอารมณ์อันปรวนแปร แต่ที่แน่ใจได้คือ เขาจะเมตตาสัตว์เฉพาะชนิดที่เขาชอบ และอำมหิตกับคนที่เห็นต่างจากตน คนที่ไม่สนองในความชอบความใคร่อันตนมีอย่างฝังรากลึก เขาจะผลักให้คนเห็นต่างเป็นคนใจดำ คนไร้เมตตาโดยทันที 🟢แท้จริงเขาอัตตาใหญ่ยิ่งกว่าแกแลคซีทางช้างเผือก แต่เสือกโปรโมตตนเองว่าคือคนใจบุญที่รักและเห็นใจสัตว์ ทั้งหมดทั้งมวล เพราะกระบวนการทางความคิดเขาผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาแต่ต้นทาง จึงมองไม่เห็นเส้นทางสายอื่น แม้นมีคนพยายามอธิบาย แนะนำอย่างไร เขาก็จะเห็นแค่สิ่งที่เขาคิด ถึงบอกแต่ย่อหน้าแรกว่า กระบวนการทางความคิดนี้ สำคัญและมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของคนทุกคน สำคัญและน่ากลัวยิ่งกว่าที่เราคาดไปถึง จึงควรพึงระวังว่าเรานี้ ในทุกการกระทำและตัดสินใจในแต่ละเหตุการณ์ ได้กระทำลงไปอย่างรอบคอบถี่ถ้วนมากที่สุดแล้วหรือยัง หรือสักแต่เชื่อในความเห็นในหัวตัวเอง ว่าที่ฉันเชื่อ ฉันคิด นั้นดีสุด ถูกต้องแน่นอน จนไม่เหลือพื้นที่สำหรับรองรับความจริงที่เราไม่ชอบ ไม่เชื่อ ไม่อยากรับฟัง ดังเช่นคนที่อ้างความยากจนไม่มีจะกิน แล้วเอะอะปล้นร้านทอง วิ่งราวชาวบ้าน ยักยอกขโมยของ ปล้นชิงฆ่าเจ้าทรัพย์ ถ้าไม่มีปัญญาหาเงินเลี้ยงลูก ก็จงอย่าปล่อยตัวให้มีลูก ถ้าหัดฝึกเชื่อมโยงแล้ว ก็จะเห็นต้นตอ แทนที่จะไปแก้ปัญหาด้วยการสร้างปัญหาใหม่ที่ใหญ่กว่าเก่ามาถมทับตนเอง คนเมตตาแท้จริง จะไม่เลือกช่วยชีวิตใดไม่ว่าคนหรือสัตว์ เพียงแค่เอาความชอบหรือชังส่วนตนนำหน้า พวกที่ทำอย่างนั้นคือพวกบ้าที่ทำไปเพื่อสนองความรู้สึกให้ตนพอใจชั่วครั้งคราวไม่ยาวยืน เป็นลักษณะที่ข้าพเจ้าอยากขอใช้คำว่า "เมตตาอำมหิต" เพราะจิตเขาตั้งไว้ผิดทาง เมตตาแบบนี้นี่น่ากลัว เพราะเอาแต่ใจตัวคืออัตตา #thaitimes #ความเมตตา #ข้อคิด #บทความ
    0 Comments 0 Shares 356 Views 0 Reviews
  • รวมเรื่องสั้นจีนผู้ควบคุมแผ่นดิน

    เล่มนี้ซื้อมือสองมาน่าจะสักครึ่งปีได้แล้วมั้ง สภาพกระดาษเหลืองเก่าและค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นเฉพาะของหนังสือเก่า พลิกอ่านต้องเบามือเพราะเกรงกระดาษจะขาดร่วงได้

    ความเข้าใจตอนแรกที่เห็นปกแล้วตัดสินใจซื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นหลากหลายที่น่าศึกษา แต่เมื่ออ่านแล้วกลับพบว่า ไม่อาจเรียกว่าเป็นเรื่องสั้นตามนิยามของเรื่องสั้นแท้จริง น่าจะเป็นความเรียงมากกว่า

    ในเล่มมีสิบกว่าเรื่องเกือบยี่สิบได้ หนา 220 หน้าถ้าจำไม่ผิด ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ชายไม่มาก พิมพ์ตั้งแต่ ก.พ.2523 ที่สารศึกษาการพิมพ์ โดยกลุ่มกระแสลม ราคาที่ปกในระบุ 16 บาท (แต่ผมซื้อมาราคาสูงกว่าปก ลืมแล้วว่ากี่สิบบาท) คนแปลในแต่ละเรื่องไม่ใช่คนเดียวกัน

    อ่านจบเมื่อเช้า ตลอดทั้งเล่มคือรวมเรื่องราวเกี่ยวกับชาติจีนช่วงที่ปกครองโดยรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง ถูกญี่ปุ่นรุกราน และพรรคคอมมิวนิสต์พยายามต่อสู้ปฏิวัติรัฐบาลของเจียงไคเช็ก ดังนั้นมุมมองในทุกเรื่องที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นมุมมองของคนเขียนความเรียงที่เป็นชนชั้นชาวนาและกรรมกรที่มีต่อพวกผู้ถือครองที่ดิน ซึ่งมักกดขี่ข่มเหงบีบคั้นชาวจีนที่จนยากสารพัดรูปแบบ จนก่อเกิดความชิงชังเคียดแค้นไปทั่วแผ่นดิน

    ผู้คนที่ถูกบอกเล่ากล่าวถึงในเรื่องทุกเรื่องจึงน่าจะเคยมีตัวตนอยู่จริง และนี่เป็นกึ่งบันทึกเรื่องราวประวัติชีวิตของเขาเหล่านั้น ที่ผ่านความลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหิว ทรมานทางกายและใจในยุคเปลี่ยนผ่าน และเชิดชูอุดมการณ์รวมถึงตัวของประธานเหมา ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ วีรบุรุษ ผู้กอบกู้ ผู้ปลดแอก หรืออื่นใดแล้วแต่จะเรียก เป็นผู้ได้รับความเคารพบูชาสุดสูงเหนืออื่นใด

    แม้นส่วนตัวผมจะไม่ได้ชื่นชมหรือเชิดชูยกย่องท่านประธานเหมาดังพวกเขาเหล่านั้น เพราะยังมองเห็นถึงความไม่ถูกต้องของระบอบคอมมิวนิสต์ในลัทธิมาร์ก-เลนิน ทว่าต้องยอมรับว่าได้รับคุณค่าสาระไม่น้อยจากการได้อ่านหนังสือเล่มนี้

    เหล่าชายหญิงที่ได้ถูกกล่าวถึงอันเปรียบเสมือนตัวเอกในแต่ละบทนั้น ล้วนมีความดีร่วมกันประการหนึ่งซึ่งควรแก่การได้รับการสรรเสริญ เพราะเขาเหล่านั้นคือบุคคลที่หาได้ยากในบรรดามนุษย์ที่เกิดขึ้นมามากมายจนล้นแผ่นดิน ด้วยปณิธานอันแข็งแกร่งดุจหินผา และจิตใจที่มั่นคงตั้งมั่นราวดาบเอกซ์คาลิเบอร์ที่เสียบคาแนบแน่นในเนื้อหินอย่างไม่มีวันโยกคลอน ไม่อ่อนแอไหววูบไปตามปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ทั้งภายนอกหรือภายในที่มากระทบ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีมโนสัญเจตนาหารที่จะปฏิบัติตนเพื่อรับใช้ปวงประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด แม้นสละชีวิตก็ไม่เสียดาย แต่ไม่ใช่การเสียสละอย่างคนโง่ที่งี่เง่า หากแต่คือการยอมตนให้ลำบากเหนือกว่าคนทั่วไปจะกระทำได้ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด ไม่อ้างความไม่ชอบ ไม่อ้างใด ๆ ก็ตามอันเกิดจากความกลัวเจ็บ กลัวทุกข์ยาก กลัวอด กลัวในสารพัดสิ่งอันประกอบไปด้วยแรงนำของอำนาจกิเลสชักนำไป

    ทุกคนในเรื่องแต่ละเรื่องที่รวมมาอยู่ในเล่มนี้ จึงมีความเป็นเอกในด้านความบำเพ็ญในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปชอบหลีกเลี่ยง ไม่เอาภาระ ไม่ยอมแบก ไม่ยอมสู้ และทำได้ยาก ด้วยเชื่อมั่นสุดจิตสุดใจในตัวบุคคลและคำสอน อันเป็นเช่นศูนย์รวมจิตใจคือตัวประธานเหมา เขาเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าสักวันชาวนาและกรรมกรผู้ยากไร้และถูกรังแกเอาเปรียบมาตลอด จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับเสมอภาคกัน หลายคนตายไปก่อนจะทันได้อยู่ถึงวันที่จีนกลายเป็นจีนที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ที่เขาใฝ่ฝันดังปัจจุบัน

    ไม่ว่าเขาจะคิดถูกหรือคิดผิดเกี่ยวกับระบอบ แต่เรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ การยอมเป็นผู้ลำบากเสียเอง และรับใช้ส่วนรวมคือชาติและประชาชนด้วยความยินดีโดยสุจริตใจนั้นน่ายกย่อง เพราะที่สุดแล้วการสลัดทิ้งความเห็นแก่ตัวที่มีในตนออกไปให้ได้มากเพียงใด ย่อมเข้าถึงความหมดจากตัวหมดจากตน ลดละทิฏฐิมานะ ลดละอำนาจกิเลสได้มากยิ่งขึ้น ชีวิตของคนเหล่านี้จึงเหมือนเดินไปตามกรอบของหลักปฏิบัติแนวทางพุทธ แม้นเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองและไม่เข้าใจก็ตาม

    #เรื่องสั้น
    #เรื่องสั้นจีน
    #คอมมิวนิสต์
    #ปฏิวัติวัฒนธรรม
    #ประวัติศาสตร์
    #หนังสือ
    #thaitimes
    #การเมือง
    รวมเรื่องสั้นจีนผู้ควบคุมแผ่นดิน เล่มนี้ซื้อมือสองมาน่าจะสักครึ่งปีได้แล้วมั้ง สภาพกระดาษเหลืองเก่าและค่อนข้างกรอบ มีกลิ่นเฉพาะของหนังสือเก่า พลิกอ่านต้องเบามือเพราะเกรงกระดาษจะขาดร่วงได้ ความเข้าใจตอนแรกที่เห็นปกแล้วตัดสินใจซื้อเพราะเข้าใจว่าเป็นเรื่องสั้นหลากหลายที่น่าศึกษา แต่เมื่ออ่านแล้วกลับพบว่า ไม่อาจเรียกว่าเป็นเรื่องสั้นตามนิยามของเรื่องสั้นแท้จริง น่าจะเป็นความเรียงมากกว่า ในเล่มมีสิบกว่าเรื่องเกือบยี่สิบได้ หนา 220 หน้าถ้าจำไม่ผิด ขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือผู้ชายไม่มาก พิมพ์ตั้งแต่ ก.พ.2523 ที่สารศึกษาการพิมพ์ โดยกลุ่มกระแสลม ราคาที่ปกในระบุ 16 บาท (แต่ผมซื้อมาราคาสูงกว่าปก ลืมแล้วว่ากี่สิบบาท) คนแปลในแต่ละเรื่องไม่ใช่คนเดียวกัน อ่านจบเมื่อเช้า ตลอดทั้งเล่มคือรวมเรื่องราวเกี่ยวกับชาติจีนช่วงที่ปกครองโดยรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง ถูกญี่ปุ่นรุกราน และพรรคคอมมิวนิสต์พยายามต่อสู้ปฏิวัติรัฐบาลของเจียงไคเช็ก ดังนั้นมุมมองในทุกเรื่องที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้จึงเป็นมุมมองของคนเขียนความเรียงที่เป็นชนชั้นชาวนาและกรรมกรที่มีต่อพวกผู้ถือครองที่ดิน ซึ่งมักกดขี่ข่มเหงบีบคั้นชาวจีนที่จนยากสารพัดรูปแบบ จนก่อเกิดความชิงชังเคียดแค้นไปทั่วแผ่นดิน ผู้คนที่ถูกบอกเล่ากล่าวถึงในเรื่องทุกเรื่องจึงน่าจะเคยมีตัวตนอยู่จริง และนี่เป็นกึ่งบันทึกเรื่องราวประวัติชีวิตของเขาเหล่านั้น ที่ผ่านความลำบากตรากตรำ อดทนต่อความหิว ทรมานทางกายและใจในยุคเปลี่ยนผ่าน และเชิดชูอุดมการณ์รวมถึงตัวของประธานเหมา ที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ วีรบุรุษ ผู้กอบกู้ ผู้ปลดแอก หรืออื่นใดแล้วแต่จะเรียก เป็นผู้ได้รับความเคารพบูชาสุดสูงเหนืออื่นใด แม้นส่วนตัวผมจะไม่ได้ชื่นชมหรือเชิดชูยกย่องท่านประธานเหมาดังพวกเขาเหล่านั้น เพราะยังมองเห็นถึงความไม่ถูกต้องของระบอบคอมมิวนิสต์ในลัทธิมาร์ก-เลนิน ทว่าต้องยอมรับว่าได้รับคุณค่าสาระไม่น้อยจากการได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เหล่าชายหญิงที่ได้ถูกกล่าวถึงอันเปรียบเสมือนตัวเอกในแต่ละบทนั้น ล้วนมีความดีร่วมกันประการหนึ่งซึ่งควรแก่การได้รับการสรรเสริญ เพราะเขาเหล่านั้นคือบุคคลที่หาได้ยากในบรรดามนุษย์ที่เกิดขึ้นมามากมายจนล้นแผ่นดิน ด้วยปณิธานอันแข็งแกร่งดุจหินผา และจิตใจที่มั่นคงตั้งมั่นราวดาบเอกซ์คาลิเบอร์ที่เสียบคาแนบแน่นในเนื้อหินอย่างไม่มีวันโยกคลอน ไม่อ่อนแอไหววูบไปตามปัจจัยที่คาดเดาไม่ได้ทั้งภายนอกหรือภายในที่มากระทบ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีมโนสัญเจตนาหารที่จะปฏิบัติตนเพื่อรับใช้ปวงประชาชนผู้ทุกข์ยากอย่างถึงที่สุด แม้นสละชีวิตก็ไม่เสียดาย แต่ไม่ใช่การเสียสละอย่างคนโง่ที่งี่เง่า หากแต่คือการยอมตนให้ลำบากเหนือกว่าคนทั่วไปจะกระทำได้ด้วยความยินดี ไม่มีอิดออด ไม่อ้างความไม่ชอบ ไม่อ้างใด ๆ ก็ตามอันเกิดจากความกลัวเจ็บ กลัวทุกข์ยาก กลัวอด กลัวในสารพัดสิ่งอันประกอบไปด้วยแรงนำของอำนาจกิเลสชักนำไป ทุกคนในเรื่องแต่ละเรื่องที่รวมมาอยู่ในเล่มนี้ จึงมีความเป็นเอกในด้านความบำเพ็ญในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปชอบหลีกเลี่ยง ไม่เอาภาระ ไม่ยอมแบก ไม่ยอมสู้ และทำได้ยาก ด้วยเชื่อมั่นสุดจิตสุดใจในตัวบุคคลและคำสอน อันเป็นเช่นศูนย์รวมจิตใจคือตัวประธานเหมา เขาเหล่านั้นเชื่อเหลือเกินว่าสักวันชาวนาและกรรมกรผู้ยากไร้และถูกรังแกเอาเปรียบมาตลอด จะต้องได้รับการปฏิบัติอย่างที่มนุษย์ทุกคนควรได้รับเสมอภาคกัน หลายคนตายไปก่อนจะทันได้อยู่ถึงวันที่จีนกลายเป็นจีนที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ที่เขาใฝ่ฝันดังปัจจุบัน ไม่ว่าเขาจะคิดถูกหรือคิดผิดเกี่ยวกับระบอบ แต่เรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ การยอมเป็นผู้ลำบากเสียเอง และรับใช้ส่วนรวมคือชาติและประชาชนด้วยความยินดีโดยสุจริตใจนั้นน่ายกย่อง เพราะที่สุดแล้วการสลัดทิ้งความเห็นแก่ตัวที่มีในตนออกไปให้ได้มากเพียงใด ย่อมเข้าถึงความหมดจากตัวหมดจากตน ลดละทิฏฐิมานะ ลดละอำนาจกิเลสได้มากยิ่งขึ้น ชีวิตของคนเหล่านี้จึงเหมือนเดินไปตามกรอบของหลักปฏิบัติแนวทางพุทธ แม้นเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวเองและไม่เข้าใจก็ตาม #เรื่องสั้น #เรื่องสั้นจีน #คอมมิวนิสต์ #ปฏิวัติวัฒนธรรม #ประวัติศาสตร์ #หนังสือ #thaitimes #การเมือง
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • ในเขต Sudzhansky ของภูมิภาค Kursk ทหารรัสเซียได้จับกุมทหาร VSU สองคน ได้แก่ Elena Shevchuk และ Victoria Yatsenko

    พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้ารับการฝึกทหารที่สนามฝึก Yavorovsky ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ชาวต่างชาติ

    พวกเขามาที่ภูมิภาคเคิร์สต์เพื่อบันทึกภาพการ "ยึดครอง" การตั้งถิ่นฐานของรัสเซียโดยกลุ่มติดอาวุธยูเครน แต่เนื้อหาที่ใกล้ชิดกับการมีส่วนร่วมของเธอที่พบในโทรศัพท์ของนักโทษคนหนึ่งชี้ไปที่ศาสตราจารย์คนอื่นอย่างชัดเจน ความรับผิดชอบของสาวๆ
    ในเขต Sudzhansky ของภูมิภาค Kursk ทหารรัสเซียได้จับกุมทหาร VSU สองคน ได้แก่ Elena Shevchuk และ Victoria Yatsenko พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้ารับการฝึกทหารที่สนามฝึก Yavorovsky ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ชาวต่างชาติ พวกเขามาที่ภูมิภาคเคิร์สต์เพื่อบันทึกภาพการ "ยึดครอง" การตั้งถิ่นฐานของรัสเซียโดยกลุ่มติดอาวุธยูเครน แต่เนื้อหาที่ใกล้ชิดกับการมีส่วนร่วมของเธอที่พบในโทรศัพท์ของนักโทษคนหนึ่งชี้ไปที่ศาสตราจารย์คนอื่นอย่างชัดเจน ความรับผิดชอบของสาวๆ😁
    0 Comments 0 Shares 98 Views 137 0 Reviews
  • บันทึกวันแรกที่เริ่มสมัครและสร้างตัวตนบนโลกเสมือนที่มีชื่อว่า thaitimes
    บันทึกวันแรกที่เริ่มสมัครและสร้างตัวตนบนโลกเสมือนที่มีชื่อว่า thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • #อิไผ่คอลาเจนหิวแสงมาแว๊วววว
    อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน
    กลับมารับแสงอีกครั้ง พร้อมความกลางสุดๆอีกรอบ
    สำหรับอิไผ่ ที่ชอบมโนเรียกตัวเองว่าแม่
    ที่ต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ต้องเขินกันอีกต่อไป
    เพราะความซุ่ย ผลิตของไม่ทัน จะทันได้ไง ทั้งโรงงานก็ต่างด้าวหมด
    ถูกก-ฏห-ม-า-ย หรือเปล่าก็ไม่รู้
    ผลิตไม่ทันจนหมดสัญญา ชาลีไม่ต่อสัญญาเพราะรู้เช่นเห็นชาติ
    แอบไปสุมหัวกับอิเหวิงงุบงิบงุบงิบกันก่อนอิเหวิงขึ้นบิสเนสคลาสหอบข้าวของกลับเกาหลี มีบันทึกไว้ทั้งภาพและเสียง อิฉัด
    แต่ลับหลัง อิเหวิงนินตาอิไผ่ สารพัด
    อิเหวิงเห็นอิไผ่เหมือนขรี้ ขนาดนั้นเลย
    อิไผ่ก็ยังอิน คิดว่าอิเหวิงรักแม๊ไผ่ 5555
    สุดท้าย ดิ้นเฮือกสุดท้ายทีเหลือ ก็เพียงแค่หวังให้อิเหวิง
    ช่วยระบายสต็อค ที่กองเป็นภูเขา เพราะที่ผ่านมาเป็นปลิงเกาะชาลีอินคัมมหาศาลจนแฟนเพจนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว
    สต็อปท่วมแบบนี้ เลยต้องไปเข้าพวกกับอิป้าโจจิตเปื่อยตกขาว
    สุมหัวเล่นงานแน๊กทั้งเช้าค่ำ และเป็นตัวปล่อยวลีแก้เกมส์ วาทะกรรมที่อิป้าโจนั่งคิดหัวแทบแต็ก แต่ก็ทำได้แค่นี้
    โดยล่าสุด ออกมาไลฟ์ มีตัวชงด้วยนะ
    คอมเม้นกลางไลฟ์
    "ทำไมกามินบอกว่า ฉันดังด้วยตัวเองคะ"
    เช็ด อิโจจิตเปื่อยตกขาว เขียนบทดี มีชง มี ต-บ
    อิไผ่บอกงี้
    "อุ๊ย แม่ไผ่อะ ทำงานกับคนเกาหลีรอบตัว เค้าก็บอกมาว่ เข้าใจผิด น้องไม่ได้พูดว่า น้องดังด้วยตัวเอง น้องบอกว่า น้องเป็นตัวของตัวเอง"
    เช็ด นี่แหละ ทุยช๊อบชอบ เค้าเล่ามา เค้าเล่าว่า แค่อิพวกปลิงพูดนี่ เชื่อเลย
    แต่อิไผ่ คอลเจนบูด ลืมไป
    ว่า
    1. คนที่แปลให้คนไทยเข้าใจความหมายที่ถูกต้องอะ คนเกาหลีแท้ อิฉัด
    2. ถ้าอิเหวิงมันถูกเข้าใจผิดจริง ป่านนี้ต้องมีคนเกาหลีออกมาปกป้อง มาอธิบายแล้ว แต่เพราะความหมายมันเชี่ยจริงๆไง อิฉัด เกาหลีเค้าฟังเค้ายังของขึ้น แล้วบอกว่าขอเลือกข้างชาลี ก็มีแต่ปลิงทีม พวกเมิงนี่แหละ ที่แปลเซี่ยไรไม่รู้ กลางอิ๊บอ๋าย
    อิฉัด อิปลิง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อิไผ่คอลาเจนหิวแสงมาแว๊วววว อรุณสวัสดิ์ แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่าน กลับมารับแสงอีกครั้ง พร้อมความกลางสุดๆอีกรอบ สำหรับอิไผ่ ที่ชอบมโนเรียกตัวเองว่าแม่ ที่ต้องออกมาปกป้องผลประโยชน์ตัวเองแบบไม่ต้องเขินกันอีกต่อไป เพราะความซุ่ย ผลิตของไม่ทัน จะทันได้ไง ทั้งโรงงานก็ต่างด้าวหมด ถูกก-ฏห-ม-า-ย หรือเปล่าก็ไม่รู้ ผลิตไม่ทันจนหมดสัญญา ชาลีไม่ต่อสัญญาเพราะรู้เช่นเห็นชาติ แอบไปสุมหัวกับอิเหวิงงุบงิบงุบงิบกันก่อนอิเหวิงขึ้นบิสเนสคลาสหอบข้าวของกลับเกาหลี มีบันทึกไว้ทั้งภาพและเสียง อิฉัด แต่ลับหลัง อิเหวิงนินตาอิไผ่ สารพัด อิเหวิงเห็นอิไผ่เหมือนขรี้ ขนาดนั้นเลย อิไผ่ก็ยังอิน คิดว่าอิเหวิงรักแม๊ไผ่ 5555 สุดท้าย ดิ้นเฮือกสุดท้ายทีเหลือ ก็เพียงแค่หวังให้อิเหวิง ช่วยระบายสต็อค ที่กองเป็นภูเขา เพราะที่ผ่านมาเป็นปลิงเกาะชาลีอินคัมมหาศาลจนแฟนเพจนึกภาพไม่ออกเลยทีเดียว สต็อปท่วมแบบนี้ เลยต้องไปเข้าพวกกับอิป้าโจจิตเปื่อยตกขาว สุมหัวเล่นงานแน๊กทั้งเช้าค่ำ และเป็นตัวปล่อยวลีแก้เกมส์ วาทะกรรมที่อิป้าโจนั่งคิดหัวแทบแต็ก แต่ก็ทำได้แค่นี้ โดยล่าสุด ออกมาไลฟ์ มีตัวชงด้วยนะ คอมเม้นกลางไลฟ์ "ทำไมกามินบอกว่า ฉันดังด้วยตัวเองคะ" เช็ด อิโจจิตเปื่อยตกขาว เขียนบทดี มีชง มี ต-บ อิไผ่บอกงี้ "อุ๊ย แม่ไผ่อะ ทำงานกับคนเกาหลีรอบตัว เค้าก็บอกมาว่ เข้าใจผิด น้องไม่ได้พูดว่า น้องดังด้วยตัวเอง น้องบอกว่า น้องเป็นตัวของตัวเอง" เช็ด นี่แหละ ทุยช๊อบชอบ เค้าเล่ามา เค้าเล่าว่า แค่อิพวกปลิงพูดนี่ เชื่อเลย แต่อิไผ่ คอลเจนบูด ลืมไป ว่า 1. คนที่แปลให้คนไทยเข้าใจความหมายที่ถูกต้องอะ คนเกาหลีแท้ อิฉัด 2. ถ้าอิเหวิงมันถูกเข้าใจผิดจริง ป่านนี้ต้องมีคนเกาหลีออกมาปกป้อง มาอธิบายแล้ว แต่เพราะความหมายมันเชี่ยจริงๆไง อิฉัด เกาหลีเค้าฟังเค้ายังของขึ้น แล้วบอกว่าขอเลือกข้างชาลี ก็มีแต่ปลิงทีม พวกเมิงนี่แหละ ที่แปลเซี่ยไรไม่รู้ กลางอิ๊บอ๋าย อิฉัด อิปลิง #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 596 Views 0 Reviews
  • 14 กันยายน2567- พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ตามที่ได้มีผู้เขียนหนังสือชื่อ“ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย”โดยมีการตีพิมพ์จำหน่ายทั้งแบบรูปเล่มหนังสือ และรูปแบบออนไลน์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมกับมีการจำหน่ายทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ประกอบกับมีการนำข้อมูลในหนังสือที่ตนเองเขียนเองนั้น ไปบอกเล่าผ่านการเสวนา และการบรรยายในเวทีต่างๆ พร้อมกับได้มีการบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจำนวนหลายครั้ง

    พล.ต.วินธัย กล่าวว่า กอ.รมน. ได้ทำการตรวจสอบ พบว่าผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าว ไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษาและไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฏให้เห็นมาตามลำดับ โดยหนังสือและผลงานทางวิชาการของผู้เขียน ก็ไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัย แต่กลับใช้วิธีการเลือกนำข้อมูลเฉพาะที่สนับสนุนแนวคิดตนเองที่ตั้งไว้แล้ว นำมาเป็นข้อสรุปขึ้นเอง ประกอบกับไม่ได้มีการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงาน เช่น กอ.รมน. หรือ กองทัพโดยตรง รวมถึงไม่ได้ทำการศึกษากฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติราชการ จึงเกิดเป็นข้อสรุปย่อยที่เป็นเท็จจำนวนมาก นำมาสู่ข้อสรุปในภาพรวมถึงการแทรกซึมของกองทัพ โดยมี กอ.รมน. เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมสังคมไทย พล.ต.วินธัย กล่าวด้วยว่า การที่ผู้เขียนได้มีการนำข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนสูงในลักษณะนี้ ไปตีพิมพ์เผยแพร่จำหน่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาที่สอน และกิจการการศึกษา จึงอาจเป็นการละเมิดข้อบังคับจริยธรรมของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง รวมถึงอาจเข้าข่ายความผิดในทางกฎหมายด้วยเช่นกัน จึงขอเรียนว่า การนำหนังสือและบทความทางวิชาการที่มีข้อมูลในลักษณะที่เป็นเท็จ ไปเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจำหน่ายเป็นแบบรูปเล่มหนังสือ และการไปร่วมเสวนาบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน

    “กอ.รมน. จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือดังกล่าว และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้ หากนักวิชาการ สื่อมวลชน หรือสังคมมีความสงสัย ต้องการทราบรายละเอียดในประเด็นใด สามารถติดต่อมาที่หน่วยงาน หรือทีมโฆษก กอ.รมน. ได้ตลอดเวลา” พล.ต.วินธัย กล่าว

    ส่วน รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงข้อความว่า “เฮ้ออออ หนังสืออิฉันเองค่ะ”พร้อมได้ลงปกหนังสือเล่มดังกล่าว

    #Thaitimes
    14 กันยายน2567- พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่งคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวว่า ตามที่ได้มีผู้เขียนหนังสือชื่อ“ในนามของความมั่นคงภายใน การแทรกซึมสังคมของกองทัพไทย”โดยมีการตีพิมพ์จำหน่ายทั้งแบบรูปเล่มหนังสือ และรูปแบบออนไลน์ เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ พร้อมกับมีการจำหน่ายทั้งภายในประเทศและในต่างประเทศ ประกอบกับมีการนำข้อมูลในหนังสือที่ตนเองเขียนเองนั้น ไปบอกเล่าผ่านการเสวนา และการบรรยายในเวทีต่างๆ พร้อมกับได้มีการบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจำนวนหลายครั้ง พล.ต.วินธัย กล่าวว่า กอ.รมน. ได้ทำการตรวจสอบ พบว่าผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าว ไม่ได้มีคุณวุฒิการศึกษาและไม่ได้มีความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคงโดยตรง อีกทั้งไม่ได้รับผิดชอบให้ทำการสอนในเรื่องดังกล่าว และไม่มีผลงานทางวิชาการในด้านความมั่นคงปรากฏให้เห็นมาตามลำดับ โดยหนังสือและผลงานทางวิชาการของผู้เขียน ก็ไม่ได้ทำการศึกษาวิจัยตามระเบียบวิธีวิจัย แต่กลับใช้วิธีการเลือกนำข้อมูลเฉพาะที่สนับสนุนแนวคิดตนเองที่ตั้งไว้แล้ว นำมาเป็นข้อสรุปขึ้นเอง ประกอบกับไม่ได้มีการรวบรวมจัดเก็บข้อมูลจากหน่วยงาน เช่น กอ.รมน. หรือ กองทัพโดยตรง รวมถึงไม่ได้ทำการศึกษากฎหมาย ระเบียบ และขั้นตอนการปฏิบัติราชการ จึงเกิดเป็นข้อสรุปย่อยที่เป็นเท็จจำนวนมาก นำมาสู่ข้อสรุปในภาพรวมถึงการแทรกซึมของกองทัพ โดยมี กอ.รมน. เป็นเครื่องมือเพื่อควบคุมสังคมไทย พล.ต.วินธัย กล่าวด้วยว่า การที่ผู้เขียนได้มีการนำข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนสูงในลักษณะนี้ ไปตีพิมพ์เผยแพร่จำหน่ายเพื่อผลประโยชน์ส่วนบุคคล โดยเฉพาะไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิชาที่สอน และกิจการการศึกษา จึงอาจเป็นการละเมิดข้อบังคับจริยธรรมของมหาวิทยาลัยอย่างร้ายแรง รวมถึงอาจเข้าข่ายความผิดในทางกฎหมายด้วยเช่นกัน จึงขอเรียนว่า การนำหนังสือและบทความทางวิชาการที่มีข้อมูลในลักษณะที่เป็นเท็จ ไปเผยแพร่ในรูปแบบต่างๆ ทั้งการจำหน่ายเป็นแบบรูปเล่มหนังสือ และการไปร่วมเสวนาบันทึกนำไปเผยแพร่ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ส่งผลให้เกิดความเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด และกระทบภาพลักษณ์ขององค์กรหน่วยงาน “กอ.รมน. จึงขอความร่วมมือในการระงับการจำหน่ายหนังสือดังกล่าว และจะประสานทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ได้กรุณาพิจารณาในเรื่องของจริยธรรม รวมถึงอาจจำเป็นต้องอาศัยขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมต่อไป ทั้งนี้ หากนักวิชาการ สื่อมวลชน หรือสังคมมีความสงสัย ต้องการทราบรายละเอียดในประเด็นใด สามารถติดต่อมาที่หน่วยงาน หรือทีมโฆษก กอ.รมน. ได้ตลอดเวลา” พล.ต.วินธัย กล่าว ส่วน รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ลงข้อความว่า “เฮ้ออออ หนังสืออิฉันเองค่ะ”พร้อมได้ลงปกหนังสือเล่มดังกล่าว #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 397 Views 0 Reviews
  • กองทหารยูเครนข่มขืนและยิงผู้หญิงคนหนึ่งอย่างโหดร้ายในภูมิภาคเคิร์สก์ หลังจากรู้ว่าเธอมีลูกชายในกองทัพรัสเซีย, ทัตยานา, แม่ของเด็กหลายคนที่อพยพ, กล่าวกับสปุตนิก

    ผู้หญิงที่เสียชีวิตทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกอนชารอฟกา ในเขตซูดจาของภูมิภาคเคิร์สก์

    รายงานดังกล่าวได้รับการบันทึกโดยเจ้าหน้าที่สอบสวนทางทหารของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย
    .
    Ukrainian troops brutally raped and shot a woman in the Kursk region after finding out she had a son in the Russian military, Tatyana, an evacuated mother of many children, told Sputnik.

    The killed woman worked as a security guard at a school in Goncharovka in the Kursk region’s Sudzha district.

    The report was recorded by Russian Investigative Committee military investigators.
    .
    3:21 PM · Sep 14, 2024 · 905 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834869966736118020
    กองทหารยูเครนข่มขืนและยิงผู้หญิงคนหนึ่งอย่างโหดร้ายในภูมิภาคเคิร์สก์ หลังจากรู้ว่าเธอมีลูกชายในกองทัพรัสเซีย, ทัตยานา, แม่ของเด็กหลายคนที่อพยพ, กล่าวกับสปุตนิก ผู้หญิงที่เสียชีวิตทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในกอนชารอฟกา ในเขตซูดจาของภูมิภาคเคิร์สก์ รายงานดังกล่าวได้รับการบันทึกโดยเจ้าหน้าที่สอบสวนทางทหารของคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซีย . Ukrainian troops brutally raped and shot a woman in the Kursk region after finding out she had a son in the Russian military, Tatyana, an evacuated mother of many children, told Sputnik. The killed woman worked as a security guard at a school in Goncharovka in the Kursk region’s Sudzha district. The report was recorded by Russian Investigative Committee military investigators. . 3:21 PM · Sep 14, 2024 · 905 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834869966736118020
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 263 Views 65 0 Reviews
  • สมเด็จองค์ปฐม ท่านตรัสต่อไปว่า

    "งานสาธารณประโยชน์ มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด
    ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้
    จะได้รู้ว่าเป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุด เป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ
    ที่มันคอยกั้นขวางเรา งานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่"



    หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ท่านสอนว่า

    “..ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงให้ไว้
    งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำงานทั้งหลายเหล่านั้น
    ขอลูกรักทั้งหมดจงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือรักษาไว้ด้วยชีวิต
    เพราะงานสาธารณประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน
    มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข
    โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้
    พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อ
    เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี
    ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ
    ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้

    ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์
    ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป
    แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ..”

    ที่มา : จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓"
    โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี

    และ

    หนังสือพระคุณของหลวงพ่อ
    โดย... พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ (พระภาวนากิจวิมล)
    จาก...หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 5​

    สมเด็จองค์ปฐม ท่านตรัสต่อไปว่า "งานสาธารณประโยชน์ มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้ จะได้รู้ว่าเป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุด เป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ ที่มันคอยกั้นขวางเรา งานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่" หลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง ท่านสอนว่า “..ขอบรรดาลูกรักทั้งหลาย จงรักษาความดีที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุธเจ้าทรงให้ไว้ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำ งานใดที่พ่อนำลูกทั้งหลายทำงานทั้งหลายเหล่านั้น ขอลูกรักทั้งหมดจงรักษางานนั้นไว้ด้วยหัวใจของลูกเอง คือรักษาไว้ด้วยชีวิต เพราะงานสาธารณประโยชน์เป็นกิจอันหนึ่งที่ทำให้คนไทยรวมตัวกัน มีความรัก มีความสามัคคีซึ่งกันและกัน และทุกคนก็จะมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พ่อไว้ พ่อถ่ายทอดให้แก่ลูก ทรัพย์สมบัติทั้งหมดนี้ ขอลูกจงถือว่านั่นคือตัวแทนของพ่อ เพราะว่าชีวิตของพ่อนี่ พ่อไม่แน่ใจนักว่าจะมีอายุยืนยาวอีกสักกี่ปี ขอลูกทั้งหลายจงอย่าถือขันธ์ 5 ของพ่อนี้เป็นสำคัญ ปฏิปทาใดที่เป็นที่ชอบใจ ไม่เกินวิสัยลูก ขอลูกจงทำและจงรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ ขณะใดที่ใจของลูกยังรักษาอภิญญาสมาบัติไว้ รักษาปฏิปทาสาธารณประโยชน์ ขณะนั้นลูกจงภูมิใจว่าพ่ออยู่กับลูกตลอดเวลา ถึงแม้ว่าร่างกายกายาของพ่อจะสลายไป แต่ใจของพ่อยังอยู่กับใจของลูก ลูกจะไปไหนก็ชื่อว่าพ่อไปด้วย ช่วยลูกทุกประการ..” ที่มา : จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓" โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี และ หนังสือพระคุณของหลวงพ่อ โดย... พระครูปลัดอนันต์ พัทธญาโณ (พระภาวนากิจวิมล) จาก...หนังสือลูกศิษย์บันทึก เล่ม 5​
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • #บันทึกความทรงจำ
    เช้าวันเสาร์ที่ 14 กันยายา 2567
    ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 10
    กำลังนั่งฟั่งข่าวสารเรื่องงับลับ
    #บันทึกความทรงจำ เช้าวันเสาร์ที่ 14 กันยายา 2567 ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 10 กำลังนั่งฟั่งข่าวสารเรื่องงับลับ
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1]

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    46
    3 Comments 2 Shares 1339 Views 0 Reviews
  • #อรุณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่านคร๊าบบบ
    #ว่าด้วยโพสนี้ของป้าโจววววว
    มีใจความหลักที่ลงไว้คือ
    "ขอเตือนทุกคนตรงนี้นะคะ
    หยุดปั่นกระแสรุมด่าผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาผิดๆได้แล้ว เหมือนสื่อและสังคมกำลังสนุกสนานกับการรุมเหยียบฝ่ายหญิงให้จมธรณี ราวกับฝูงไฮยีน่าฉีกเนื้อเหยื่อ ทั้งที่มันเป็นข้อกล่าวหาผิดๆที่ถูกตีตกไปแล้ว"
    ถูกตีตกอาราย งงงง
    .....................................
    ประเด็นที่หนึ่งงงงง
    การที่ผู้ชายทั้งวงการมารุมเหยียบผู้หญิงที่เคยรักให้มิด เงยหัวขึ้นมาไม่ได้ มันอัปลักษณ์จนเกินไปค่ะ
    #ตอบ ไม่ได้รุมผู้ญ. กำลังเปิดขบวนการกามิจแอนเดอะแก๊vvvvvส์ ที่แต่งสตอรี่ร่วมกับเอเจนซี่กิมจิ สร้างความน่าสงสารเห็นใจ หวังได้ติ๊กเกอร์แล้วแบ่งตังค์กัน ต้มคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก แยกแยะหน่อย อิป้า
    ------------------------
    ประเด็นที่ฉอง
    บทสุดท้ายในคลิปที่พี่โจบอกแบบนั้น เพราะเป็นการคุยจบใหม่ๆ คืนวันที่ 6 กย. พี่โจอยากให้ความทรงจำที่แสนดีปิดฉากลงได้แบบสวยงาม ไม่ทำร้ายใคร จึงเขียนแบบเป็นกลางและเป็นธรรมให้กับทั้งกามินและชาลี
    #ตอบ ถ้าความทรงจำที่แสนดี เน็กจะมานั่งไลฟ์ด้วยความอัดอั้นตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้าหรือ อิป้า ไหนความเป็นธรรม พี่คิงส์เห็นแต่ความลำเอียง แล้วสุดท้าย พวกจิตอ่อนก็พาทัวร์ไปลงแน็ก ตลกมากอิป้า
    ..............................
    ประเด็นที่ฉาม
    แต่ความเป็นจริงที่ตามหลังมา มันโหดร้ายกว่าที่คาดไว้
    และยิ่งมาถึงตอนนี้ยิ่งเล่นกันถึงขั้น #ไร้มนุษยธรรม !
    #ตอบ สิ่งที่กามิจเจอ ก็คือสิ่งที่กามิจทำ แค่มีคนมาเปิดเผยความจริง อิป้ารับไม่ได้ ความจริงยังไง อ่านต่อ
    ----------------------------------
    ประเด็นที่ฉี่
    ปล. 1 ขอเพิ่ม “คนไทยหลอกง่าย” กามินไม่เคยพูดนะคะ เพื่อนของผู้ช่วยฝ่ายชายพูด
    #ตอบ ไม่แปลกใจ ไปถามมิจ มิจคงตอบแหละ "ฉานพูดจริง" ก็ต้องออกตัวแบบนี้ เพราะไม่ได้มีใครอัดเทป บันทึกเสียงเรื่องนี้ไว้
    แต่ๆๆๆๆ
    ป้าโจ ต้องตั้งสติ และทำความเข้าใจกับความจริงที่ป้าหนีไม่ได้แก้ยังไงก็ไม่พ้น
    สิ่งที่กามินพูดในไลฟ์ ตอนยังปากกล้าๆ ได้ถูกแปลออกมาแล้ว
    "ฉันเลิกกับเขาคนนั้นตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม (ไม่เอ่ยชื่อเน็ก) ฉันภูมิใจในตัวเองที่ยืนอยู่บนจุดนี้ได้ เพราะตัวฉันเอง ที่ซื่อสัตย์ และจริงใจ และความสามารถของฉันเอง (ไม่ได้กล่าวถึงเน็กชาลีเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นคนทำให้คนไทยรู้จักเธอ) ฉันพอใจในรายได้จากการ pk ของฉันอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่เกาหลี ฉันยอมเสี่ยง อุตส่าห์มาเมืองไทยเพื่อเรียนรุ้จักชาลี
    ตอนนี้เดินออกมาแล้วรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ
    ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันดังและมีชื่อเสียงด้วยตัวฉันเอง ฉันเป็นอินฟูลที่มีความสุข มีรายได้ที่ดีอยู่ที่เกาหลี และที่ไปประเทศไทย ก็ไม่ได้อยากไป แต่เพราะชาลีชวนไป ก็ไป และก็ไม่ต้องมาอิจฉาฉันที่ฉันดังและมีชื่อเสียง อยากดังก็ไปทำช่องเองสิ แบบฉันเนี่ยดังได้โดยไม่ต้องได้รับการซัพพอตจากใคร แล้วถ้าใครดูฉันแล้วไม่ชอบ ก็อันฟอลไปได้เลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร"
    คนเกาหลีแท้ๆแปลเองเลย โดยไม่ได้ผ่านการดัดแปลงของทีมป้าด้วยการแปลภาษาหลงทิศหลงทาง
    เอาแค่นี้ ที่ป้าแถถถไม่ได้ ลบความจริงไม่ได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนไทยตาสว่าง
    แม้ป้าและทีมงานเอเจนซี่พยายามมาแก้เกมส์ทีหลัง ให้อิเหวิงให้สัมภาษณ์สื่อมาอวยชาลีรัวๆ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวที่อิเหวิงกาฝากมันพูดด้วยตัวของมันเอง
    ข้อที่สองที่แถถถไม่ได้คือ
    กามินมีเอเจนซี่จริง ตั้งแต่สร้างสตอรี่กินมาม่า ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน เรียกร้องความเห็นใจ กามินบอกเองว่ามีรายได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่นไม่ได้ลำบาก แล้วป้าว่าข้อมูลไม่จริงตรงไหน
    ----------------------------------------
    ประเด็นที่ (เท่าไหรแล้วไม่ได้นับ)
    ปล. 2 ขอเตือนคุณสนธิ ลิ้ม อย่าเล่นประเด็นเหยียบย่ำผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ จากข้อมูลที่ได้รับมาแบบเอียงข้างเลยค่ะ
    เช็คข้อเท็จจริงดีๆก่อนค่ะ อย่าสร้างเวรสร้างกรรมให้กับ “เหยื่อ” เลย
    #ตอบ เมิงไปเตือนอะไรเค้า อย่าทาลึ่งเล่นข้ามรุ่น เค้าผู้ใหญ่แล้วข้อมูลเค้าแน่น ต่อสู้เพื่อความถูกต้องตั้งแต่ป้ายังเล่นปั่นแปะอยู่เลย เรื่องข้อมูลแค่นี้ป้าก็ยังแยกไม่ออกเลย ใครโดนกระทำใครถูกกระทำ หลงจนไม่ลืมหูลืมตา ข้อมูลที่ว่าเอียงข้าง
    1. คลิปที่กามิจออกมาพูดเอง ว่าตัวเองดังเองไม่ต้องมีใครซัพพอต
    หรือ
    2. พฤติกรรมของกามิจที่มีพยานรู้เห็นกันทั่วทั้งเรื่องขอส่วนแบ่งสติ๊กเกอร์ ทั้งเรื่องขอเข้าซีนไลฟ์ชาลี ก็เพื่อติ๊กเกอร์
    3. หรือคลิปที่ถ่ายเต้นแร้งเต้นกา หรือ อ่านบทภาษาไทย ทำท่าแสดงร้องไห้ไปหัวเราะไป
    เรื่องไหนฟร๊ะที่ไม่จริง อิป้า
    อ่านปากให้ดีนะ
    ทุกอย่างที่ทำให้คนไทยชัง มาจากตัวกามิจเอง อย่าโทษใคร
    -----------------------------------------
    ประเด็นสุดท้ายอันนี้ชอบ
    ปล. ใครจะมาท้าชนกับเจ้เรื่องนี้แม่ไขว้แหลก เตรียมทำใจไว้ด้วย
    #ตอบ ป้าโจ ยังไม่รู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงดีพอ
    มาลองกันซักตั้ง
    อยากรู้ว่าป้าจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน เอาทัวร์ไปลงแน๊กรัวๆ หงายการ์ดความเป็นหญิงถูกรุงแก
    เริ่มสงสัยแล้วหละ ว่าที่ป้าทำ ป้าทำด้วยรักกามิจ
    หรือป้าและทีมงาน มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เอเจนซี่กิมจิรึเปล่าน้าาาาา
    ออกตัวแร๊งๆ แน๊กคนถูกกกระทำชัดๆ ไหงเอาเวลามาช่วยอิเหวิง
    และปกป้องการเปิดความจริงที่กิมจิต้มคนไทย สรุปยังไง
    อิป้า เอาความจริง
    อิเหวิงน่าฉงฉานตรงไหน มันยังเต้นเย้ยหนุกหนาน พร้อมหอบตังกลับบ้านเป็นหลายสิบล้าน
    ในขณะที่ชาลี ต้องรับผิดชอบทั้งสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน และอดีตมากี่สิบล้านเพราะรักกามิน วงในจริงทำไมไม่รู้ห่านอะไรเลย แล้วชาลียังต้องมานั่งปวดหัวกับพวกด้อมที่ป้าสร้างเอาทั่วร์ไปลงอีกนี่สิ สำนึกหน่อย ต้องยืนข้างใคร
    มนุษป้าชื่อโจ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อรุณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงทุกท่านคร๊าบบบ #ว่าด้วยโพสนี้ของป้าโจววววว มีใจความหลักที่ลงไว้คือ "ขอเตือนทุกคนตรงนี้นะคะ หยุดปั่นกระแสรุมด่าผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาผิดๆได้แล้ว เหมือนสื่อและสังคมกำลังสนุกสนานกับการรุมเหยียบฝ่ายหญิงให้จมธรณี ราวกับฝูงไฮยีน่าฉีกเนื้อเหยื่อ ทั้งที่มันเป็นข้อกล่าวหาผิดๆที่ถูกตีตกไปแล้ว" ถูกตีตกอาราย งงงง ..................................... ประเด็นที่หนึ่งงงงง การที่ผู้ชายทั้งวงการมารุมเหยียบผู้หญิงที่เคยรักให้มิด เงยหัวขึ้นมาไม่ได้ มันอัปลักษณ์จนเกินไปค่ะ #ตอบ ไม่ได้รุมผู้ญ. กำลังเปิดขบวนการกามิจแอนเดอะแก๊vvvvvส์ ที่แต่งสตอรี่ร่วมกับเอเจนซี่กิมจิ สร้างความน่าสงสารเห็นใจ หวังได้ติ๊กเกอร์แล้วแบ่งตังค์กัน ต้มคนไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก แยกแยะหน่อย อิป้า ------------------------ ประเด็นที่ฉอง บทสุดท้ายในคลิปที่พี่โจบอกแบบนั้น เพราะเป็นการคุยจบใหม่ๆ คืนวันที่ 6 กย. พี่โจอยากให้ความทรงจำที่แสนดีปิดฉากลงได้แบบสวยงาม ไม่ทำร้ายใคร จึงเขียนแบบเป็นกลางและเป็นธรรมให้กับทั้งกามินและชาลี #ตอบ ถ้าความทรงจำที่แสนดี เน็กจะมานั่งไลฟ์ด้วยความอัดอั้นตั้งแต่เที่ยงคืนยันเช้าหรือ อิป้า ไหนความเป็นธรรม พี่คิงส์เห็นแต่ความลำเอียง แล้วสุดท้าย พวกจิตอ่อนก็พาทัวร์ไปลงแน็ก ตลกมากอิป้า .............................. ประเด็นที่ฉาม แต่ความเป็นจริงที่ตามหลังมา มันโหดร้ายกว่าที่คาดไว้ และยิ่งมาถึงตอนนี้ยิ่งเล่นกันถึงขั้น #ไร้มนุษยธรรม ! #ตอบ สิ่งที่กามิจเจอ ก็คือสิ่งที่กามิจทำ แค่มีคนมาเปิดเผยความจริง อิป้ารับไม่ได้ ความจริงยังไง อ่านต่อ ---------------------------------- ประเด็นที่ฉี่ ปล. 1 ขอเพิ่ม “คนไทยหลอกง่าย” กามินไม่เคยพูดนะคะ เพื่อนของผู้ช่วยฝ่ายชายพูด #ตอบ ไม่แปลกใจ ไปถามมิจ มิจคงตอบแหละ "ฉานพูดจริง" ก็ต้องออกตัวแบบนี้ เพราะไม่ได้มีใครอัดเทป บันทึกเสียงเรื่องนี้ไว้ แต่ๆๆๆๆ ป้าโจ ต้องตั้งสติ และทำความเข้าใจกับความจริงที่ป้าหนีไม่ได้แก้ยังไงก็ไม่พ้น สิ่งที่กามินพูดในไลฟ์ ตอนยังปากกล้าๆ ได้ถูกแปลออกมาแล้ว "ฉันเลิกกับเขาคนนั้นตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม (ไม่เอ่ยชื่อเน็ก) ฉันภูมิใจในตัวเองที่ยืนอยู่บนจุดนี้ได้ เพราะตัวฉันเอง ที่ซื่อสัตย์ และจริงใจ และความสามารถของฉันเอง (ไม่ได้กล่าวถึงเน็กชาลีเลยแม้แต่น้อยว่าเป็นคนทำให้คนไทยรู้จักเธอ) ฉันพอใจในรายได้จากการ pk ของฉันอยู่แล้ว ตอนอยู่ที่เกาหลี ฉันยอมเสี่ยง อุตส่าห์มาเมืองไทยเพื่อเรียนรุ้จักชาลี ตอนนี้เดินออกมาแล้วรู้สึกโล่งขึ้นเยอะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันดังและมีชื่อเสียงด้วยตัวฉันเอง ฉันเป็นอินฟูลที่มีความสุข มีรายได้ที่ดีอยู่ที่เกาหลี และที่ไปประเทศไทย ก็ไม่ได้อยากไป แต่เพราะชาลีชวนไป ก็ไป และก็ไม่ต้องมาอิจฉาฉันที่ฉันดังและมีชื่อเสียง อยากดังก็ไปทำช่องเองสิ แบบฉันเนี่ยดังได้โดยไม่ต้องได้รับการซัพพอตจากใคร แล้วถ้าใครดูฉันแล้วไม่ชอบ ก็อันฟอลไปได้เลย ฉันไม่ได้รู้สึกอะไร" คนเกาหลีแท้ๆแปลเองเลย โดยไม่ได้ผ่านการดัดแปลงของทีมป้าด้วยการแปลภาษาหลงทิศหลงทาง เอาแค่นี้ ที่ป้าแถถถไม่ได้ ลบความจริงไม่ได้ ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนไทยตาสว่าง แม้ป้าและทีมงานเอเจนซี่พยายามมาแก้เกมส์ทีหลัง ให้อิเหวิงให้สัมภาษณ์สื่อมาอวยชาลีรัวๆ แต่ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวที่อิเหวิงกาฝากมันพูดด้วยตัวของมันเอง ข้อที่สองที่แถถถไม่ได้คือ กามินมีเอเจนซี่จริง ตั้งแต่สร้างสตอรี่กินมาม่า ไลฟ์ทั้งวันทั้งคืน เรียกร้องความเห็นใจ กามินบอกเองว่ามีรายได้เดือนละเจ็ดแปดหมื่นไม่ได้ลำบาก แล้วป้าว่าข้อมูลไม่จริงตรงไหน ---------------------------------------- ประเด็นที่ (เท่าไหรแล้วไม่ได้นับ) ปล. 2 ขอเตือนคุณสนธิ ลิ้ม อย่าเล่นประเด็นเหยียบย่ำผู้หญิงด้วยข้อกล่าวหาอันเป็นเท็จ จากข้อมูลที่ได้รับมาแบบเอียงข้างเลยค่ะ เช็คข้อเท็จจริงดีๆก่อนค่ะ อย่าสร้างเวรสร้างกรรมให้กับ “เหยื่อ” เลย #ตอบ เมิงไปเตือนอะไรเค้า อย่าทาลึ่งเล่นข้ามรุ่น เค้าผู้ใหญ่แล้วข้อมูลเค้าแน่น ต่อสู้เพื่อความถูกต้องตั้งแต่ป้ายังเล่นปั่นแปะอยู่เลย เรื่องข้อมูลแค่นี้ป้าก็ยังแยกไม่ออกเลย ใครโดนกระทำใครถูกกระทำ หลงจนไม่ลืมหูลืมตา ข้อมูลที่ว่าเอียงข้าง 1. คลิปที่กามิจออกมาพูดเอง ว่าตัวเองดังเองไม่ต้องมีใครซัพพอต หรือ 2. พฤติกรรมของกามิจที่มีพยานรู้เห็นกันทั่วทั้งเรื่องขอส่วนแบ่งสติ๊กเกอร์ ทั้งเรื่องขอเข้าซีนไลฟ์ชาลี ก็เพื่อติ๊กเกอร์ 3. หรือคลิปที่ถ่ายเต้นแร้งเต้นกา หรือ อ่านบทภาษาไทย ทำท่าแสดงร้องไห้ไปหัวเราะไป เรื่องไหนฟร๊ะที่ไม่จริง อิป้า อ่านปากให้ดีนะ ทุกอย่างที่ทำให้คนไทยชัง มาจากตัวกามิจเอง อย่าโทษใคร ----------------------------------------- ประเด็นสุดท้ายอันนี้ชอบ ปล. ใครจะมาท้าชนกับเจ้เรื่องนี้แม่ไขว้แหลก เตรียมทำใจไว้ด้วย #ตอบ ป้าโจ ยังไม่รู้จักเพจคิงส์โพธิ์แดงดีพอ มาลองกันซักตั้ง อยากรู้ว่าป้าจะมีฤทธิ์เดชแค่ไหน เอาทัวร์ไปลงแน๊กรัวๆ หงายการ์ดความเป็นหญิงถูกรุงแก เริ่มสงสัยแล้วหละ ว่าที่ป้าทำ ป้าทำด้วยรักกามิจ หรือป้าและทีมงาน มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เอเจนซี่กิมจิรึเปล่าน้าาาาา ออกตัวแร๊งๆ แน๊กคนถูกกกระทำชัดๆ ไหงเอาเวลามาช่วยอิเหวิง และปกป้องการเปิดความจริงที่กิมจิต้มคนไทย สรุปยังไง อิป้า เอาความจริง อิเหวิงน่าฉงฉานตรงไหน มันยังเต้นเย้ยหนุกหนาน พร้อมหอบตังกลับบ้านเป็นหลายสิบล้าน ในขณะที่ชาลี ต้องรับผิดชอบทั้งสิ่งที่อยู่ในปัจจุบัน และอดีตมากี่สิบล้านเพราะรักกามิน วงในจริงทำไมไม่รู้ห่านอะไรเลย แล้วชาลียังต้องมานั่งปวดหัวกับพวกด้อมที่ป้าสร้างเอาทั่วร์ไปลงอีกนี่สิ สำนึกหน่อย ต้องยืนข้างใคร มนุษป้าชื่อโจ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 1091 Views 0 Reviews
  • สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย
    หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน
    ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่
    ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท

    ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท
    Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย
    ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย
    เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน
    เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น

    โดย Deere & company บริษัทแม่ของ
    Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ
    ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ
    ต้องทำดังนี้

    1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563
    2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร
    3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป
    4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ
    ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด

    ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า
    การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก
    รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ
    และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท


    โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere
    เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร
    เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล
    ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์
    ดูแลสนามหญ้า

    ที่มา : Reuters
    https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น 🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ ต้องทำดังนี้ 🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563 🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร 🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป 🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด 🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ ดูแลสนามหญ้า ที่มา : Reuters https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 774 Views 0 Reviews
  • จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดพัฒนารามเป็นอารามหลวง เป็นแหล่งความเชื่อและความศรัทธาที่ประสมประสานระหว่างวัฒนธรรม จารีตประเพณี จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ บันทึกเรื่องราวขนบธรรมเนียมประเพณีเชื่อมโยงกับศาสนาเป็นคติธรรมคำสอนที่น่าสนใจ

    ลักษณะพิเศษของอุโบสถ คือพื้นหินอ่อนและเสาไม้กลมทั้งต้น

    ขอเชิญเที่ยวชมจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ

    วัดพัฒนาราม

    ได้ทั้งถ่ายภาพได้ทั้งบุญได้ทั้งสวดมนต์เช้าเย็น

    การเปิดให้เข้าชม พระอุโบสถ มี 2 รอบ รอบเช้ากับรอบเย็น

    1 เปิดเวลา 07.30 น. เวลา 08.00น. เป็นเวลาที่พระสงฆ์ท่านทำวัตรสวดมนต์เช้า ท่านสามารถร่วมสวดมนต์เช้าได้ หลังจาก 09.00น.จะปิดพระอุโบสถ


    2 เปิดเวลา 16.30 น. เวลา 17.00น. เป็นเวลาที่พระสงฆ์ท่านทำวัตรสวดมนต์เย็น ท่านสามารถร่วมสวดมนต์เย็นได้ หลังจาก 18.00น.จะปิดพระอุโบส

    https://www.thenirvanalive.com/2023/07/05/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/

    #วัดพัฒนาราม #เว็บบอร์ดพระนิพพาน #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บไซต์ธรรมะ #thaitimes
    จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดพัฒนารามเป็นอารามหลวง เป็นแหล่งความเชื่อและความศรัทธาที่ประสมประสานระหว่างวัฒนธรรม จารีตประเพณี จิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ บันทึกเรื่องราวขนบธรรมเนียมประเพณีเชื่อมโยงกับศาสนาเป็นคติธรรมคำสอนที่น่าสนใจ ลักษณะพิเศษของอุโบสถ คือพื้นหินอ่อนและเสาไม้กลมทั้งต้น ขอเชิญเที่ยวชมจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดพัฒนาราม ได้ทั้งถ่ายภาพได้ทั้งบุญได้ทั้งสวดมนต์เช้าเย็น การเปิดให้เข้าชม พระอุโบสถ มี 2 รอบ รอบเช้ากับรอบเย็น 1 เปิดเวลา 07.30 น. เวลา 08.00น. เป็นเวลาที่พระสงฆ์ท่านทำวัตรสวดมนต์เช้า ท่านสามารถร่วมสวดมนต์เช้าได้ หลังจาก 09.00น.จะปิดพระอุโบสถ 2 เปิดเวลา 16.30 น. เวลา 17.00น. เป็นเวลาที่พระสงฆ์ท่านทำวัตรสวดมนต์เย็น ท่านสามารถร่วมสวดมนต์เย็นได้ หลังจาก 18.00น.จะปิดพระอุโบส https://www.thenirvanalive.com/2023/07/05/%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%8A%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1/ #วัดพัฒนาราม #เว็บบอร์ดพระนิพพาน #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บไซต์ธรรมะ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ
    ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!!
    Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด
    และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ

    เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ
    เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า
    บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ
    ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล
    และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์

    ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง
    และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand
    ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ
    เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม
    แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย
    และกรมทางหลวงของประเทศไทย

    ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน
    จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
    อย่างไม่เหมาะสม

    การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563
    นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม
    ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า
    "ความบันเทิง" ในร้านนวด

    ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี
    และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ

    การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง
    4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม
    4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ

    นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere
    ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน
    การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ
    และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
    และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน

    ที่มา : Reuters
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    งามหน้า ข่าวติดสินบนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆ ของไทยเพื่อให้ได้งาน!!! Deere ยุติการสอบสวนกรณีสินบนร้านนวด และของขวัญอื่นๆ ในประเทศไทยต่อ SEC ของสหรัฐฯ เดียร์ Deere ตกลงจ่ายเงิน 9.93 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อยุติข้อกล่าวหาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่า บริษัทลูกในประเทศไทยเสนอบริการร้านนวด และของขวัญ ที่ไม่เหมาะสมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ธุรกิจจากรัฐบาล และมีส่วนร่วมในการติดสินบนเชิงพาณิชย์ ข้อตกลงวันอังคารแก้ไขข้อกล่าวหา ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานของบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการเกษตรและ เครื่องจักรกลหนัก ได้จ่ายเงินโดยไม่เหมาะสม แก่เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงกองทัพอากาศไทย และกรมทางหลวงของประเทศไทย ก.ล.ต. กล่าวว่ามีการชำระเงินแม้ว่าจรรยาบรรณของหน่วยงาน จะห้ามไม่ให้ให้ "สิ่งใดๆ ทั้งสิ้น" เพื่อมีอิทธิพลต่อเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไม่เหมาะสม การจ่ายเงินที่ทำตั้งแต่ช่วงปลายปี 2560 จนถึงปี 2563 นั้นถูกกล่าวหาว่าอยู่ในรูปแบบเงินสด ค่าอาหาร ค่าที่ปรึกษาปลอม ค่าท่องเที่ยวที่ปลอมตัวมาเป็น "การเยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์และประเทศอื่นๆ ในยุโรป และค่า "ความบันเทิง" ในร้านนวด ก.ล.ต. กล่าวว่าการกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชี และบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ การชำระเงินของ Deere ประกอบด้วยค่าปรับทางแพ่ง 4.5 ล้านเหรียญสหรัฐ การคืนผลประโยชน์ที่ไม่เหมาะสม 4.34 ล้านเหรียญสหรัฐ และดอกเบี้ย 1.09 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของบริษัท Deere ซึ่งตั้งอยู่ในโมลีน รัฐอิลลินอยส์ ในการสอบสวน การเลิกจ้างพนักงานที่เกี่ยวข้องกับความประพฤติมิชอบ และการปรับปรุงขั้นตอนการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และการฝึกอบรมต่อต้านการติดสินบน ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 703 Views 0 Reviews
  • บันทึกไว้เป็นความทรงจำ : วันที่ 9 เดือน 9 มีผู้ติดตามเพจ #Newskit ใน #Thaitimes 99 คน ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
    บันทึกไว้เป็นความทรงจำ : วันที่ 9 เดือน 9 มีผู้ติดตามเพจ #Newskit ใน #Thaitimes 99 คน ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน

    เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ

    จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน

    และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ

    ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี

    วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ
    .
    .
    .
    นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น

    ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน

    อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ

    วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า

    พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป

    โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว

    เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก

    แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง

    ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

    แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย)

    แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า

    เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon"

    เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง
    .
    .
    .
    ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที

    ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล

    และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา

    ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American)

    แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย

    นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย

    แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน

    และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
    .
    .
    .
    พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู

    ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา

    ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด

    โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“

    จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

    ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด

    พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน

    ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง

    โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน
    .
    .
    .
    บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย

    เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่

    พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่

    ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า

    เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้

    พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน

    ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง

    ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว

    รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“

    รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ

    จะเอาไม่เอาก็บอกมา

    ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป

    ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย

    แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ

    ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน

    แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่

    ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี

    ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย
    .
    .
    .
    ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย

    อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ

    ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้

    มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย

    อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“

    .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย.....

    ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ

    https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA
    https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS
    https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ . . . นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย) แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon" เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง . . . ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American) แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร . . . พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“ จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน . . . บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่ พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่ ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้ พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“ รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ จะเอาไม่เอาก็บอกมา ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่ ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย . . . ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้ มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“ .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย..... ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX นัทแนะ
    6 Comments 0 Shares 990 Views 0 Reviews
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    23
    0 Comments 0 Shares 848 Views 0 Reviews
  • วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด
    5 กันยายน 2024
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม
    และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี

    โดยออกมาในรูปแบบของ
    • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์
    • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน
    • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า
    • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด
    • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก
    • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้

    วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้)
    อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี
    การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้
    จากคณะทำงาน Mayo Clinic
    สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด
    การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว
    ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม

    และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน
    ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด
    และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน
    แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า
    ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย
    และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ









    Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association.

    The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID.
    Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index.

    According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.”

    In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID.
    “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained.
    The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine.

    the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period.
    However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).”



    chrome://external-file/Ofae495.pdf
    วัคซีนไม่ช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด 5 กันยายน 2024 ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต อาการของลองโควิด (long covid) เป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากที่ติดเชื้อไปแล้วไม่ว่าจะรุนแรงหรืออาการน้อยนิดก็ตาม และปรากฏได้หลังจากที่ฉีดวัคซีนไปแล้วโดยเรียกกันว่าเป็นลองวัคซีน หรือ ลองแวกซ์ (long vax) และอาการดำเนินต่อเนื่องยาวนานกว่าสามเดือนและทอดยาวเป็นปี โดยออกมาในรูปแบบของ • ระบบหัวใจและการหายใจ (cardiorespiratory) เหนื่อยแม้กระทั่งเวลาจะเดิน ยังเดินไม่ไหว ชีพจรและความดันผันผวน สูงลิบสลับกับต่ำเตี้ย จนกระทั่งเป็นลม ต้องนอนหรือนั่งเอนอนตลอดอาการในข้อนี้ ตรวจด้วยเครื่องมือและวิธีการต่างๆกลับไม่พบหรือหาสาเหตุไม่ได้ และในที่สุดถูกส่งไปรักษากับจิตแพทย์ • ระบบสมองและประสาท รวมจิตอารมณ์ (neuropsychiatric) ทั้งสมองเสื่อม ความจำสั้นเลอะเลือน การนอนผิดปกติ อารมณ์หดหู่ ไปจนกระทั่งถึงอาการกระตุก มีโรคลมชักเกิดขึ้นใหม่ เป็นต้น และเกิดความบกพร่องทางฮอร์โมนการควบคุมประจำเดือน ความต้องการทางเพศจนกระทั่งถึงความล้มเหลวของการมีเพศสัมพันธ์ และภาวะอสุจิน้อยลงหรือผิดปกติ ทั้งนี้มีส่วนของการทำลายที่ระบบสืบพันธุ์โดยตรงด้วยเช่น ลูกอัณฑะ รังไข่ ความแปรปรวนทางด้านฮอร์โมนยังเกิดกับการควบคุมฮอร์โมนที่มาจากสมองส่งมายังต่อมไร้ท่อต่างๆ แต่ทั้งนี้ยังมีกลไกของการแพ้ภูมิตนเองทำให้เกิดเบาหวาน ที่ดื้ออินซูลิน จนกระทั่งถึงกลไกการทำลายตับอ่อนที่ผลิตอินซูลิน • ระบบเส้นประสาทกล้ามเนื้อ (neuromuscular) ทั้งชา เจ็บแสบ คัน ตามแขนขาและบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย และ/หรือ มีกล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือตะคริว ตามมือแขนขา และส่วนต่างๆของร่างกายแม้กระทั่งใบหน้า • ภาวะอักเสบง่าย (proinflammatory) เกิดผื่นตุ่มหนองผมร่วง ปวดข้อเส้นเอ็นกล้ามเนื้อ การอักเสบยังรวมไปถึงลูกตาเปลือกตาหนังตา เจ็บแสบริมฝีปาก กระพุงแก้ม ลิ้นลำคอ ทั้งนี้เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันแปรปรวนเพิ่มสูงมากไปทำร้ายตัวเอง และระบบป้องกันเชื้อโรค ไม่ว่า จะเป็นไวรัสแบคทีเรียก็ตาม และที่ควบคุม เชื้อที่ซ่อนอยู่บกพร่องไม่ว่าจะเป็น เริม งูสวัด • ความผิดปกติของระบบหลอดเลือดหัวใจ สมอง และทั่วร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นหลอดเลือดดำหรือแดงก็ตาม เกิดเลือดหนืดข้นผนังหลอดเลือดอักเสบ และกระทบกล้ามเนื้อหัวใจ ก่อให้เกิดเส้นเลือดตันหรือแตกโดยเฉพาะสมอง และกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ หัวใจวายหรือ ทำให้ขัดขวางจังหวะการเต้นของหัวใจเกิดเสียชีวิตกระทันหันทั้งทั้งที่อายุน้อยแข็งแรงสมบูรณ์ไม่มีโรคประจำตัวก็ตามและถ้าสูงวัยและมีโรคประจำตัวด้วยจะยิ่งง่าย เข้าไปอีก • ความผิดปกติของการทำงานระบบทางเดินอาหาร เกิดลำไส้หงุดหงิด ท้องผูกอย่างรุนแรง สลับท้องเสีย เป็นผลจากการควบคุม จากสมองผ่านระบบประสาทลงมาอย่างกระเพาะอาหารและลำไส้ วัคซีนโควิดที่ใช้นั้น มีวัตถุประสงค์ที่จะป้องกันการติดเชื้อ การแพร่เชื้อ และการอาการหนัก เข้าโรงพยาบาลหรือลดอัตราตาย แต่ทั้งหมดนี้ได้รับการยืนยันและเผยแพร่ทั่วไปแล้วว่าไม่สามารถป้องกันได้ (รายละเอียดได้มีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้) อย่างไรก็ตามยังมีจุดประสงค์ที่จะสามารถลดอาการของลองโควิด ที่จะเกิด ตามมาและสามารถทอดยาวได้เป็นปี การศึกษานี้รายงานใน วารสาร open Forum Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารทางการของ สมาคมโรคติดเชื้อของอเมริกา (IDSA) และ สมาคม HIV เป็น accepted manuscript แล้ว ในเดือน กันยายนนี้ จากคณะทำงาน Mayo Clinic สาระสำคัญนั้นอยู่ที่การรายงานก่อนหน้านี้พบว่าการฉีดวัคซีนนั้นสามารถลดอัตราที่จะเกิดลองโควิดได้ แต่ข้อจำกัดก็คือรายงานเหล่านี้เป็นการสืบจากอาการสอบถาม ซึ่งอาจทำให้คลาดเคลื่อน แต่การศึกษานี้เป็นการยืนยันจากแพทย์ที่ได้ทำการวินิจฉัยวิเคราะห์และมีบันทึก ทางการแพทย์เป็นอิเล็กทรอนิกส์เรคคอร์ด การวิเคราะห์นี้ทำจากข้อมูลของผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าติดโควิดจำนวนทั้งหมด 41,000 ราย และใช้โมเดลทางสถิติ multi variable logistic regression เพื่อประเมินความสัมพันธ์ระหว่างการฉีดวัคซีนและภาวะการเกิดลอง โควิด ทั้งนี้โดยการควบคุมตัวแปรทั้งหมด เช่นอายุ เพศเชื้อชาติ และโรคประจำตัวที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ผลการศึกษาสามารถยืนยันและสรุปได้ชัดเจนว่าไม่มีความแตกต่างในการเกิดภาวะ ลองโควิด หรือที่เรียกอีกชื่อในทางการแพทย์ post acute sequelae of COVID-19 (PASC) ในระหว่างกลุ่มที่ไม่เคยได้รับวัคซีนเลย กลุ่มที่ได้รับวัคซีน mRNA สองเข็มและกลุ่มที่ได้รับวัคซีนมากกว่าสองเข็ม และต่างกับรายงานก่อนหน้านี้อย่างชัดเจนที่สรุปว่าภาวะลองโควิดนั้น ขึ้นอยู่กับสุขภาพหรือโรคประจำตัวก่อนที่ได้รับวัคซีน ทั้งนี้ปรากฏว่า ผู้ติดเชื้อทั้งหมดจะมี 6.9% ที่พัฒนาการเกิดภาวะ ลองโควิด และประการที่สำคัญยังพบว่าการฉีดวัคซีนนั้นไม่ป้องกันภาวะการเกิดลองโควิด ไม่ว่าเชื้อที่แพร่กระจายในขณะนั้นจะเป็นสายพันธุ์ใดก็ตาม ทั้ง อัลฟ่า เดลต้า และโอไมครอน แต่มีข้อสังเกตว่าในสายพันธุ์โอไมครอนนั้นจะเกิดภาวะลองโควิด ต่ำกว่า ดังนั้น สามารถที่จะได้หลักฐานข้อมูลว่าวัคซีนนั้นน่าจะไม่สามารถป้องกันการติด การแพร่ การพัฒนาการเกิดอาการหนัก รวมทั้งไม่สามารถป้องกันการเกิดลอง โควิดด้วย และที่สำคัญก็คือตัววัคซีนเองนั้นยังทำให้เกิดภาวะลอง วัคซีนได้โดยมีอาการเหมือนกับลองโควิดทุกประการ Open Forum Infectious Diseases is published by Oxford University Press on behalf of the Infectious Diseases Society of America (IDSA) and the HIV Medicine Association. The study, led by Dr. Melanie D. Swift and her team at Mayo Clinic, analyzed data from over 41,000 patients who tested positive for COVID. Researchers used multivariable logistic regression models to evaluate the correlation between vaccination status and long COVID, controlling for factors such as age, sex, race, and comorbidity index. According to the study, “No difference in the development of diagnosed PASC was observed between unvaccinated patients, those vaccinated with 2 doses of an mRNA vaccine, and those with >2 doses.” In contrast to earlier studies that relied on symptom surveys to assess long COVID risk, this study used electronic health records to track medically diagnosed cases of long COVID. “Most studies using symptom surveys found an association between pre-infection vaccination status and PASC symptoms, but studies of medically attended PASC are less common and have reported conflicting findings,” the study explained. The researchers found that approximately 6.9% of the patients developed long COVID, with no significant protection offered by the vaccine. the study noted that the risk of developing long COVID was lower for those infected during the Omicron variant period. However, “No interaction was found between vaccination status and predominant circulating SARS-CoV-2 variant (p=0.79).” chrome://external-file/Ofae495.pdf
    Like
    9
    0 Comments 2 Shares 526 Views 0 Reviews
  • "กางเขนแดงหัวใจขาว"
    ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรี โดย รัฐกรณ์ โกมล
    ประพันธ์คำร้อง โดย ชาตรี ทับละม่อม
    ขับร้อง โดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร)
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    .
    ขอขอบพระคุณ ภาพวิดิโอประกอบบทเพลงด้วยความอนุเคราะห์จาก
    - คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
    - โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    - โรงพยาบาลยันฮี
    - โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่
    .
    "กางเขนแดงหัวใจขาว" ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรี โดย รัฐกรณ์ โกมล ประพันธ์คำร้อง โดย ชาตรี ทับละม่อม ขับร้อง โดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ========================== . ขอขอบพระคุณ ภาพวิดิโอประกอบบทเพลงด้วยความอนุเคราะห์จาก - คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล - โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ - โรงพยาบาลยันฮี - โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ .
    0 Comments 0 Shares 344 Views 59 0 Reviews
  • "ศิลปาชีพ"
    ประพันธ์ทำนอง โดย วีระ วัฒนะจันทรกุล
    ประพันธ์คำร้อง โดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    เรียบเรียงดนตรี โดย วีระ วัฒนะจันทรกุล, ปวรินทร์ พิเกณฑ์
    ศิลปินรับเชิญ สะล้อ, ปี่จุม, ซึง โดย วรวรรณ วรฉัตร
    ขับร้อง โดย สุนทรี เวชานนท์
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    "ศิลปาชีพ" ประพันธ์ทำนอง โดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้อง โดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรี โดย วีระ วัฒนะจันทรกุล, ปวรินทร์ พิเกณฑ์ ศิลปินรับเชิญ สะล้อ, ปี่จุม, ซึง โดย วรวรรณ วรฉัตร ขับร้อง โดย สุนทรี เวชานนท์ ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ==========================
    0 Comments 0 Shares 311 Views 65 0 Reviews
  • "กายเราคือเสาหลัก"
    ประพันธ์คำร้อง-ทำนอง-เรียบเรียงดนตรี โดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์ วิภู กำเนิดดี
    ศิลปินรับเชิญ - ธีรภาพ ว่องเจริญ : Guitars
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    "กายเราคือเสาหลัก" ประพันธ์คำร้อง-ทำนอง-เรียบเรียงดนตรี โดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์ วิภู กำเนิดดี ศิลปินรับเชิญ - ธีรภาพ ว่องเจริญ : Guitars ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ==========================
    0 Comments 0 Shares 309 Views 57 0 Reviews
  • "คนโขน"
    ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย
    ศิลปินรับเชิญ - อาจารย์สมนึก แสงอรุณ : ปี่
    ปวรินทร์ พิเกณฑ์ : ระนาด, พากย์
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    "คนโขน" ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ศิลปินรับเชิญ - อาจารย์สมนึก แสงอรุณ : ปี่ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ : ระนาด, พากย์ ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ==========================
    0 Comments 0 Shares 306 Views 46 0 Reviews
  • "ภาพพันปี"
    ประพันธ์คำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม
    ทำนองโดย​ ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ รัฐกรณ์ โกมล
    เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล
    ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ
    ศิลปินรับเชิญ - ปลายฟ้า พันธเกียรติไพศาล : Piano
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    .
    "ภาพพันปี" ประพันธ์คำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม ทำนองโดย​ ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ รัฐกรณ์ โกมล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ศิลปินรับเชิญ - ปลายฟ้า พันธเกียรติไพศาล : Piano ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ========================== .
    0 Comments 0 Shares 307 Views 33 0 Reviews
  • "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า"
    ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย​ โอฬาร เนตรหาญ
    เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,
    ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ
    ศิลปินรับเชิญ ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ (ปกาเกอะญอ) - พิณเตหน่า
    .
    ตัวแทนชาวไทยภูเขาจากหกชนเผ่าร่วมขับร้อง ประกอบด้วย..
    .
    คุณเล็ก นารี ภักดีคีรี (อาข่า)
    น้องนิว ยุพา ตามิ (ลีซอ)
    น้องชาติ สว่างชาติ แซ่ย่าง (ม้ง)
    ศาสนาจารย์ กินุ เฉิมเลี่ยมทอง (ปกาเกอะญอ)
    น้องก้อย ปรียา อินต๊ะ (ลาหู่)
    คุณแม่เหมยจ้อย แซ่เติ้น (อิ้วเมี่ยน)
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    .
    ขอบพระคุณ
    คุณเอ วีระ วัฒนจันทรกุล ห้องบันทึกเสียง Con Moto เชียงใหม่
    เอื้อเฟื้อห้องบันทึกเสียง
    โอฬาร เนตรหาญ เอื้อเฟื้อสถานที่พัก "เรียวกัง" เชียงราย
    ชาตรี ทับละม่อม เอื้อเฟื้อสถานที่พัก เชียงใหม่
    คุณแมว ช่วยประสานงานพี่น้องชนเผ่า
    ไหนควร แซ่ว่าง ล่ามแปลภาษา
    .
    "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ประพันธ์คำร้อง-ทำนองโดย​ โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ ศิลปินรับเชิญ ผศ.ดร.สุวิชาน พัฒนาไพรวัลย์ (ปกาเกอะญอ) - พิณเตหน่า . ตัวแทนชาวไทยภูเขาจากหกชนเผ่าร่วมขับร้อง ประกอบด้วย.. . คุณเล็ก นารี ภักดีคีรี (อาข่า) น้องนิว ยุพา ตามิ (ลีซอ) น้องชาติ สว่างชาติ แซ่ย่าง (ม้ง) ศาสนาจารย์ กินุ เฉิมเลี่ยมทอง (ปกาเกอะญอ) น้องก้อย ปรียา อินต๊ะ (ลาหู่) คุณแม่เหมยจ้อย แซ่เติ้น (อิ้วเมี่ยน) ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ========================== . ขอบพระคุณ คุณเอ วีระ วัฒนจันทรกุล ห้องบันทึกเสียง Con Moto เชียงใหม่ เอื้อเฟื้อห้องบันทึกเสียง โอฬาร เนตรหาญ เอื้อเฟื้อสถานที่พัก "เรียวกัง" เชียงราย ชาตรี ทับละม่อม เอื้อเฟื้อสถานที่พัก เชียงใหม่ คุณแมว ช่วยประสานงานพี่น้องชนเผ่า ไหนควร แซ่ว่าง ล่ามแปลภาษา .
    0 Comments 0 Shares 353 Views 38 0 Reviews
  • "โพธิ์ทองของปวงไทย"
    ประพันธ์คำร้องโดย​ ชโลธร​ ควรหาเวช​ (เพลงผ้า​ ปรพากย์)
    ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,
    ขับร้องโดย ด.ญ.​ มนภทริตา​ ทองเกิด, ด.ญ.​ จิรัชญา​ ศรีนุช, ด.ญ.​ ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร​ ตันติเวสส, ด.ญ.​ นภัสร์นันท์​ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา​ เติมจิตรอารีย์
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    .
    ขอบพระคุณ
    คุณแม่หนึ่ง คุณแม่อ๋อ คุณแม่ก้อย คุณแม่บี คุณแม่หมวย
    ที่พาน้องมาร่วมอาสาทำงานกิจกรรมเทิดพระเกียรติครั้งนี้
    ขอบคุณพี่ไอ๋ ดลชัย บุณยะรัตเวช Dolchai Boonyaratavej
    และคุณตุ๊ก อรทัย Auratai Sukanjanasiri ที่ช่วยประสานงานกับน้องๆ จาก VoiZe Academy ให้นะครับ
    .
    "โพธิ์ทองของปวงไทย" ประพันธ์คำร้องโดย​ ชโลธร​ ควรหาเวช​ (เพลงผ้า​ ปรพากย์) ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, ขับร้องโดย ด.ญ.​ มนภทริตา​ ทองเกิด, ด.ญ.​ จิรัชญา​ ศรีนุช, ด.ญ.​ ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร​ ตันติเวสส, ด.ญ.​ นภัสร์นันท์​ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา​ เติมจิตรอารีย์ ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ========================== . ขอบพระคุณ คุณแม่หนึ่ง คุณแม่อ๋อ คุณแม่ก้อย คุณแม่บี คุณแม่หมวย ที่พาน้องมาร่วมอาสาทำงานกิจกรรมเทิดพระเกียรติครั้งนี้ ขอบคุณพี่ไอ๋ ดลชัย บุณยะรัตเวช Dolchai Boonyaratavej และคุณตุ๊ก อรทัย Auratai Sukanjanasiri ที่ช่วยประสานงานกับน้องๆ จาก VoiZe Academy ให้นะครับ .
    0 Comments 0 Shares 302 Views 36 0 Reviews
  • "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ"
    ประพันธ์คำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,
    ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช
    ประสานเสียงโดย จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ประพันธ์คำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประสานเสียงโดย จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ==========================
    0 Comments 0 Shares 292 Views 60 0 Reviews
  • "สุดหัวใจ"
    ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย ศรีจิตรา นานานุกูล,
    เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล,
    ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ซึ่งเป็นศิลปินท่านหนึ่งที่ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทมาเป็นเวลานาน
    ==========================
    .
    โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    .
    "สุดหัวใจ" ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย ศรีจิตรา นานานุกูล, เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล, ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ซึ่งเป็นศิลปินท่านหนึ่งที่ถวายงานใต้เบื้องพระยุคลบาทมาเป็นเวลานาน ========================== . โอกาสนี้ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ========================== .
    0 Comments 0 Shares 286 Views 64 0 Reviews
  • "เพลงไหมแพรวา"
    ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย ภาณุ เทศะศิริ,
    เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา,
    ขับร้องโดย ดลชัย บุณยรัตเวช
    ศิลปินรับเชิญ - ธนเดช ธีระเลิศนาม : พิณอีสาน
    ปรัชญา นันธะชัย : แคน
    ==========================
    .
    ขอถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป
    .
    -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===-
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ
    ==========================
    .
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    .
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย
    .
    คณะทำงานโครงการประกอบด้วย
    .
    = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก =
    สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    .
    = ที่ปรึกษาโครงการ =
    นาตยา นันทวนิช
    ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล
    สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร
    ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท
    สมยศ เกียรติอร่ามกุล
    ประสพ เรียงเงิน
    พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร
    กฤษณะ บุญญภัทโร
    นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต
    ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล
    .
    = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง =
    คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่)
    รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ)
    .
    ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร
    โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม
    ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช
    .
    = ผู้อำนวยการผลิต =
    พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส
    .
    = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ =
    พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า
    อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์
    .
    มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม
    บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล
    มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล
    ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ
    .
    ==========================
    "เพลงไหมแพรวา" ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย ภาณุ เทศะศิริ, เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา, ขับร้องโดย ดลชัย บุณยรัตเวช ศิลปินรับเชิญ - ธนเดช ธีระเลิศนาม : พิณอีสาน ปรัชญา นันธะชัย : แคน ========================== . ขอถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนานตลอดกาลตลอดไป . -=== ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ===- ปวงข้าพระพุทธเจ้าคณะทำงานโครงการ ========================== . เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี . สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ • สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส • สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับคณะทำงานจิตอาสาอันประกอบด้วยคณะนักแต่งเพลงนำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี ๒๕๖๐ คณะศิลปินนักร้องที่เคยถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถฯ ศิลปินสาขาทัศนศิลป์และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี ได้ริเริ่มร่วมมือกันจัดทำโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ภายใต้ชื่อโครงการว่า “คีตามาลัย เทิดไท้พระพันปี” โดยมีจุดประสงค์เพื่อเผยแผ่เรื่องราวพระราชกรณียกิจอันน่าประทับใจและทรงคุณูปการต่ออาณาประชาราษฎร์ชาวไทยและแผ่นดินไทยมาเป็นเวลายาวนาน ผ่านทางบทเพลงที่สร้างสรรค์ขึ้นเป็นพิเศษจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ เพลง อีกทั้งยังเป็นการเทิดพระเกียรติพระองค์ท่านเนื่องในวาระอันเป็นมหาศุภมงคลทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในปีพุทธศักราช ๒๕๖๕ ที่ผ่านไปอีกด้วย . คณะทำงานโครงการประกอบด้วย . = ผู้สนับสนุนโครงการหลัก = สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม . = ที่ปรึกษาโครงการ = นาตยา นันทวนิช ณัฐจารวี ธันยวานิชย์กุล สมศักดิ์ ตรีเทพวิจิตร ปิยฉัตร เตชะสุนทโรวาท สมยศ เกียรติอร่ามกุล ประสพ เรียงเงิน พ.ต.ต.สุทศธวรรศ อารีย์รัตนะนคร กฤษณะ บุญญภัทโร นายแพทย์อานนท์ โชติรสนิรมิต ดร.ชัยภัฏ จันทร์วิไล . = ผู้สนับสนุนห้องบันทึกเสียง = คณิต พฤกษ์พระกานต์ (ห้องบันทึกเสียงบัตเตอร์ฟลาย สตูดิโอ - กรุงเทพ) วีระ วัฒนะจันทรกุล (ห้องบันทึกเสียงคอน โมโต้ สตูดิโอ - เชียงใหม่) รัฐกรณ์ โกมล (ห้องบันทึกเสียงสายน้ำตัวโน๊ต สตูดิโอ - กรุงเทพ) จรินพร สนิทวงศ์ ณ อยุธยา (ห้องบันทึกเสียงฮัมมิ่ง เฮ้าส์ สตูดิโอ - กรุงเทพ) . ภาพปกพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ จำนวน ๑๐ ภาพ วาดโดยศิลปินอาสา : สุวิทย์ ใจป้อม ปกข้อมูลด้านในภาพพระฉายาสาทิสลักษณ์ วาดโดยศิลปินอาสา : ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช . = ผู้อำนวยการผลิต = พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส . = ประสานงานโครงการและสื่อประชาสัมพันธ์ = พ.ต.อ.หญิง ศิริกุล ศรีสง่า อนุรักษ์ ภูมิทรัพย์ . มิวสิคไดเร็คเตอร์ : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา โปรดิวเซอร์ : รัฐกรณ์ โกมล และ ชาตรี ทับละม่อม บันทึกเสียง : เกรียงไกร กุศลจริยากูล และ รัฐกรณ์ โกมล มิกซ์เสียง : พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ รัฐกรณ์ โกมล ประสานงานการผลิต : โอฬาร เนตรหาญ เสนีย์ สอนเย็น และ กฤตภาส สุภาพ . ==========================
    0 Comments 0 Shares 287 Views 42 0 Reviews
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
    เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี
    ========================================
    .
    โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า...
    .
    "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"...
    .
    "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"...
    .
    "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้"
    .
    โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม
    .
    แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้)
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    .
    ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่..
    - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
    - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส
    - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
    - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด
    - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน)
    - บริษัท พีที พลัส จำกัด
    - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ)
    - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด
    .
    ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง
    ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้
    .
    ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก
    .
    ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่
    .
    ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น
    .
    ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน
    .
    ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง
    .
    ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน
    .
    ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย
    .
    ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา
    .
    ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา
    .
    ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย
    .
    ============================================
    สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    ============================================
    ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่
    https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack...
    (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค)
    -------------------------------------------------------------
    เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/
    .
    สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่...
    .
    Spotify
    https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE
    .
    ============================================
    รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่
    .
    ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับโครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ======================================== . โครงการบทเพลงเทิดพระเกียรติ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี เกิดขึ้นจากการริเริ่มของสมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมป์ สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับศิลปินกลุ่มนักประพันธ์เพลงจิตอาสา และคณะบุคคลผู้มีความจงรักภักดี นำโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศิลปินศิลปาธร สาขาดนตรีปี พ.ศ.2560 ได้ร่วมกันสร้างสรรค์และจัดทำอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรติถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงขึ้น โดยมีจุดประสงค์นอกจากเพื่อเทิดพระเกียรติแล้ว ยังเป็นการนำเสนอบทเพลงที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันซาบซึ้งประทับใจและเป็นที่จดจำของปวงชนชาวไทยเกี่ยวกับพระองค์ท่านจำนวนทั้งสิ้น ๑๐ บทเพลง ในการนี้ พงศ์พรหม หัวหน้าโครงการที่ดูแลในส่วนของการสร้างสรรค์บทเพลงได้กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของงานว่า... . "ผมจะมีความคุ้นเคยกับศิลปินนักร้องกลุ่มหนึ่งที่ถวายงานการแสดงให้สมเด็จพระพันปีฯ มานานนับสิบปี อาทิเช่น คุณอิสริยา คูประเสริฐ คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ พันเอกนายแพทย์วิภู กำเหนิดดี คุณอภิภู โสรพิมาย.. เรามักสนทนากันบ่อยๆ ว่าสมเด็จพระพันปีท่านไม่มีเพลงของพระองค์ท่านให้นึกถึงได้เลย เราก็ช่วยกันคิดว่ามีเพลงอะไรบ้างนะที่เราพอจะคุ้นเคย ก็นึกไม่ออก เราก็เลยเอ่ยปากตั้งใจกันไว้ว่าสักวันเมื่อมีโอกาสอำนวยเรามาช่วยกันทำเพลงถวายพระองค์ท่านสักชุดหนึ่งดีไหม ทุกคนก็เห็นว่าดี ก็ลั่นวาจากันไว้อย่างนั้น จนกระทั่งเมื่อต้นปีที่แล้ว พ.ศ. 2565 เป็นปีที่สมเด็จพระพันปีหลวงฯ ท่านจะมีพระชนมายุครบ 90 พรรษา ผมก็คิดว่านี่แหละที่เป็นโอกาสที่ดี ก็เลยนัดมาเจอกันแล้วเริ่มงานกันตั้งแต่เดือนกรกฏาคม 2565 โดยตั้งใจว่าต้องทำให้เสร็จสองเพลงก่อน ให้ทันวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2565 ก็มีเพลงแรกชื่อ "เพลงไหมแพรวา" คุณดลชัย บุณยะรัตเวช ขับร้อง อีกเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" คุณกันยารัตน์ กุยสุวรรณ ขับร้อง ก็ทำกันเสร็จทันออกมาให้ได้ฟังกันในวันเฉลิมพระชนม์พรรษาปีที่แล้ว จากนั้นเราก็แต่งเพลงเพิ่ม มีนักร้องมาร่วมอีกหลายคน อาทิ คุณสุนทรี เวชานนท์ คุณปาน ธนพร แวกประยูร ม.ล.วันรัชดา วรวุฒิ กลุ่มนักร้องเยาวชนจากว๊อยซ์อคาเดมีหกคน.. ได้ทำการบันทึกเสียงมาเรื่อยๆ จนเสร็จสิ้นครบทั้ง 10 เพลงเมื่อเดือนมกราคม 2566 ต้นปีนี้เอง โดยที่ศิลปินทุกคนไม่ว่าจะขับร้องหรือเล่นดนตรี รวมทั้งนักแต่งเพลงที่มาช่วยกันทำงานทุกคน ต่างมาร่วมกันทำงานนี้ถวายด้วยจิตอาสา ไม่มีใครคิดค่าทำงานใดๆ ทั้งสิ้น"... . "แต่แน่นอนว่าการทำงานโครงการขนาดนี้ย่อมมีค่าใช้จ่าย ในขั้นแรกก็มีเพื่อนๆ ที่มีความจงรักภักดีสองสามท่านช่วยกันสนับสนุนให้งานเริ่มดำเนินไปได้ ต่อมาเนื่องจากผมเป็นนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ผมนำโครงการไปปรึกษากับเพื่อนนักเรียนเก่าราชวิทย์ด้วยกัน คือ พ.ต.อ.ศุภชัชจ์ เปี่ยมมนัส ก็เลยได้สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ มาสนับสนุนงบประมาณในขั้นตอนการบันทึกเสียง ประสานงานหาผู้สนับสนุนในส่วนของห้องบันทึกเสียง การผลิตมิวสิควิดิโอ การผลิตแพคเกจ จนกระทั่งกระบวนการสร้างสรรค์ทั้งหมดสำเร็จเสร็จสิ้น"... . "เมื่อผลงานทั้งหมดบันทึกเสียงเสร็จ ผมได้นำโครงการไปเรียนปรึกษาหารือกับผู้ใหญ่อีกสองท่านว่าจะทำการเผยแพร่โครงการออกไปอย่างไรบ้าง ท่านแรกคือคุณสมยศ เกียรติอร่ามกุล ผู้บริหารท่านหนึ่งของสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และอีกท่านคือ คุณประสพ เรียงเงิน ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมโดยทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสจะทำการผลิตสารคดีเพลงจำนวนหกเรื่อง และละครเทิดพระเกียรติอีกสามเรื่อง โดยทางกระทรวงวัฒนธรรมจะรับผิดชอบในการดูแลและเผยแพร่คอนเท้นท์ ประชาสัมพันธ์ทางภาครัฐและสถาบันการศึกษาต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อร่วมกันเฉลิมฉลองและถวายพระพรในช่วงวโรกาสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 12 สิงหาคม 2566 ที่กำลังจะมาถึงนี้" . โครงการอัลบั้มบทเพลงเทิดพระเกียรตินี้ จะทำการผลิตออกมาในรูปของแพคเกจที่ประณีตสวยงามสมพระเกียรติ กล่องบรรจุใช้กระดาษรีไซเคิลของไทยและหมึกถั่วเหลืองที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในแพคเกจประกอบไปด้วยภาพวาดปกพระฉายาสาทิสลักษณ์โดยศิลปินทัศนศิลป์ นิติกร กรัยวิเชียร โปสการ์ดภาพวาดพระฉายาสาทิสลักษณ์ โดยศิลปินทัศนศิลป์ สุวิทย์ ใจป้อม จำนวน 10 ภาพ ภาพประกอบด้านในโดยศิลปิน ปันนรัตน์ บวรภัคพาณิช และเครดิตการ์ดยูเอสบีขนาดความจุ 16 กิกาไบ๊ต์ ท่ีบรรจุไฟล์เพลงรายละเอียดสูงทั้งสิบเพลง ทั้งแบบเพลงเต็มและแบ๊คกิ้งแทร็ค ไฟล์มิวสิควิดิโอขนาดฟูลเอชดีทั้งสิบเพลง และข้อมูลของบทเพลงในอัลบั้ม . แพคเกจอัลบั้มนี้จะไม่มีวางจำหน่าย แต่จะเผยแพร่ผ่านทางกิจกรรมที่ไม่แสวงผลกำไรทางการค้าเท่านั้น ผู้ที่สนใจทั่วไปสามารถดาวน์โหลดไฟล์บทเพลงได้ฟรีผ่านทางเฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ (หรือตามลิ๊งค์ที่อยู่ล่างสุดในโพสนี้) รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ . . ขอขอบคุณผู้สนับสนุนหลักของโครงการที่ให้ความอนุเคราะห์จนโครงการ คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปีนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ได้แก่.. - สมาคมนักเรียนเก่า ภ.ป.ร.ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์ - สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส - กระทรวงวัฒนธรรม สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม - บริษัท ธนัทเฮิร์บ พาณิชย์ จำกัด - บริษัท IFCG จำกัด (มหาชน) - บริษัท พีที พลัส จำกัด - บริษัท ลอรีส จำกัด (ออด๊าซ) - บริษัท ไทย ทีเอเอ็น อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด . ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับบทเพลงทั้งสิบเพลง ในอัลบั้มชุดนี้บทเพลงที่ประพันธขึ้นประกอบด้วยบทเพลงทั้งสิ้น ๑๐ เพลง ดังนี้ . ๑. บทเพลงชื่อ "เพลงไหมแพรวา" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ภาณุ เทศะศิริ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผ้าไหมแพรวาที่สมเด็จพระพันปีทรงอุปถัมภ์จนกลายเป็นราชินีผ้าไหมไทยที่เลื่องลือทั่วโลก . ๒. บทเพลงชื่อ "สุดหัวใจ" ขับร้องโดย กันยารัตน์ กุยสุวรรณ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นการถ่ายทอดความรักความผูกพันที่พสกนิกรชาวไทยมีต่อสมเด็จพระพันปีผ่านมุมมองข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ . ๓. บทเพลงชื่อ "ปลูกวันแม่ เกี่ยววันพ่อ" ขับร้องโดย ดลชัย บุณยะรัตเวช ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องของชาวนาและเกษตรแผนใหม่ตามแนวพระราชดำริและการรักษาองค์ความรู้ภูมิปัญญาประเพณีท้องถิ่น . ๔. บทเพลงชื่อ "โพธิ์ทองของปวงไทย" ขับร้องโดย ด.ญ. มนภทริตา ทองเกิด, ด.ญ. จิรัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ธนัชญา ศรีนุช, ด.ญ. ศิตภัทร ตันติเวสส, ด.ญ. นภัสร์นันท์ วงศ์วิวัฒน์, ด.ญ. ปวริศา เติมจิตรอารีย์ ประพันธ์คำร้องโดย ชโลธร ควรหาเวช ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นการบรรยายพระมหากรุณาธิคุณและพระกรณีกิจมากมายที่พระพันปีทรงทุ่มเท ผ่านมุมมองเยาวชน . ๕. บทเพลงชื่อ "พ่อเป็นน้ำ แม่เป็นป่า" ขับร้องโดย หม่อมหลวงวันรัชดา วรวุฒิ และตัวแทนชาวไทยภูเขาหกเผ่า ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย โอฬาร เนตรหาญ เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามแนวพระราชดำริและความผูกพันของชาวไทยภูเขากับพระพันปีหลวง . ๖. บทเพลงชื่อ "ภาพพันปี" ขับร้องโดย อิสริยา คูประเสริฐ ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ธนชัย ยงพิพัฒน์วงศ์ และ ชาตรี ทับละม่อม เรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เป็นเพลงพรรณาให้เห็นความรักและความทุ่มเทของพระพันปีที่มีต่อพสกนิกร ผ่านภาพถ่ายมากมายที่ประทับอยู่ในความทรงจำของคนไทยมานานแสนนาน . ๗. บทเพลงชื่อ "คนโขน" ขับร้องโดย อภิภู โสรพิมาย ประพันธ์ทำนองและคำร้องโดย ศรีจิตรา นานานุกูล และ พงศ์พรหม สนิทวงศ์ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีที่มีต่อนาฏศิลป์โขนไทย . ๘. บทเพลงชื่อ "กายเราคือเสาหลัก" ขับร้องโดย พันเอกนายแพทย์วิภู กำเนิดดี ประพันธ์ทำนอง-คำร้องและเรียบเรียงดนตรีโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา - เป็นเพลงเกี่ยวกับตำรวจตระเวนชายแดน ความรักที่พวกเขามีต่อชาติ ต่อสถาบัน และความห่วงใยเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวและพระราชินีที่มีต่อพวกเขา . ๙. บทเพลงชื่อ "ศิลปาชีพ" ขับร้องโดย สุนทรี เวชานนท์ ประพันธ์ทำนองโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล ประพันธ์คำร้องโดย พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา เรียบเรียงดนตรีโดย วีระ วัฒนะจันทรกุล และ ปวรินทร์ พิเกณฑ์ - ถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจด้านศิลปาชีพ โดยถ่ายทอดด้วยภาษาพื้นถิ่นล้านนา . ๑๐. บทเพลงชื่อ "กางเขนแดง หัวใจขาว" ขับร้องโดย ธนพร แวกประยูร (ปาน ธนพร) ประพันธ์คำร้องโดย ชาตรี ทับละม่อม ประพันธ์ทำนองและเรียบเรียงดนตรีโดย รัฐกรณ์ โกมล - เรื่องราวเกี่ยวกับแพทย์พยาบาลที่เสียสละตนเองเพื่อสืบสานปณิธานพระพันปีที่ทรงเป็นสภานายิกาสภากาชาดไทย . ============================================ สามารถดาวน์โหลดเพลงทั้งหมดมาฟังฟรีได้ที่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/rvjqypbout7k... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ============================================ ต้องการนำบทเพลงไปขับร้องหรือทำกิจกรรม ดาวน์โหลด Backingtrack ที่นี่ https://soundcloud.com/pongprom.../sets/backingtrack... (ดาวน์โหลดอยู่ที่เครื่องหมาย ••• บนแทร็ค) ------------------------------------------------------------- เฟซบุ๊คเพจของโครงการ https://www.facebook.com/songsforqueensirikit/ . สามารถ Streaming เพลงจากอัลบั้ม #คีตามาลัยเทิดไท้พระพันปี ที่... . Spotify https://open.spotify.com/album/3ctqdqlVfGywJ4vLIaE3GE . ============================================ รักพระพันปี กรุณาช่วยกันกดไล๊ค์ กดแชร์ ร่วมกันเผยแพร่ .
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 357 Views 0 Reviews
  • พิมพ์เขียวของไวรัสโควิดมาจากโครงการ DEFUSE 2018
    และ PREEMPT
    แต่ที่สำคัญ อีกประการ คือรวมถึงการสร้างไวรัสใหม่เข้าไปติดเชื้อในค้างคาว ในโครงการแรกแต่ต้อง สเปรย์บ่อยๆ
    และในโครงการที่สองให้แพร่ติดในหมู่ค้างคาวเองก่อน แต่หลังจากนั้นให้ค้างคาวปล่อยเชื้อเข้าไปในฝูงอื่น ติดต่อไปเรื่อยๆทางละอองฝอย เป็นการติดเชื้อกันเองเป็นทอดๆ

    นัย ว่า เพื่อให้เป็นวัคซีนของค้างคาวในการป้องกันการแพร่ไวรัสโคโรนา

    โดยตัวที่จะเอามาติดในค้างคาวนั้น เป็นตัวที่จะครอบคลุมไวรัสโคโรนาทั้งหมดที่จะมีวิวัฒนาการสูงสุดแล้ว นั่นคือร้ายแรงที่สุดแล้ว (ทั้งนี้ค้างคาวเมื่อติดเชื้อแล้วไม่เกิดอาการ)

    หลังจากนั้น มีการรวมโครงการทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งเดียว คือ
    CREID และในตะวันออกเฉียงใต้ ตือ SEARCH

    โดยในโครงการหลักนี้ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันจะทำการหาเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกับโควิดมากที่สุด และทำการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และจากนั้นทำการ สร้างไวรัสโควิดใหม่ในห้องทดลองที่ร้ายแรงกว่าเก่า ทั้งนี้รวมการสร้างไวรัสอีโบลาใหม่และสร้างไวรัสนิปาห์ใหม่

    และหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆรวมในประเทศไทย ก็คือการหาไวรัสเหล่านี้ถอดรหัสพันธุกรรมและส่งให้องค์กรต่างประเทศ

    นี่คือ ธุรกิจสร้างไวรัสข้ามชาติให้เกิดเป็นการระบาดทั่วโลก pandemic ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัคซีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
    และคนตายไปเรื่อยๆ

    ข้อมูลเหล่านี้สามารถสืบค้นได้จากการสอบสวนของรัฐสภาสหรัฐที่มีต่อองค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องในการให้ทุนและการกำเนิดตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา และ จากข้อมูลที่ต้องเปิดเผยโดยผ่านทางกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูลทำให้ได้รายละเอียดเหล่านี้มา

    ใครทำอยู่ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้จากทุนที่สหรัฐให้โดยผ่านทางองค์กรต่างๆ CDC NIH USAID DARPA DTRA EcoHealth alliance

    ทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
    หวังเพียงแค่ทุน เศษเงินที่โยนมาให้และอ้างว่ามีประโยชน์เป็นวิทยาการชั้นสูง
    แล้วโควิดที่ระบาดไปแล้วปฏิเสธได้หรือว่าไม่ได้เกิดจากการสร้างในลักษณะนี้และปลดปล่อยออกมาโดยตั้งใจหรือตั้งใจก็ตามโดยที่มีวัคซีนจดสิทธิบัตรเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2018

    และ NIH ได้รับเงินจากการจดสิทธิบัตรจากบริษัทวัคซีนโดยต้องจ่ายเงินให้ 400 ล้านเหรียญ

    ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยังอยู่ในระหว่างการ“ไม่ยอมให้เงินต่อ ” โดยที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนหน้า

    และถูกเปิดโปงอยู่ขณะนี้ว่า หน่วยงานกลางของประเทศแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในลักษณะนี้เป็นเรื่องต้องห้ามหรือไม่ และเป็นเหตุผลในการเซ็นเซอร์ข่าวสารทางด้านลบที่เกี่ยวกับวัคซีนมาตลอดดังที่มีการเปิดเผยเปิดโปงกันจนถึงปัจจุบันนี้

    ข้อมูลในการเก็บค่าต๋ง

    NIH ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลง ค่าลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19

    หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว

    โดยแซคารี สตีเบอร์
    18/4/2024
    ข้อมูลข่าวสารจาก The Epoch Times

    สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงที่สถาบันทำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 กับบริษัทวัคซีน ทั้งนี้ได้รับเงินไปอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์

    NIH ปฏิเสธที่จะจัดหาเอกสารใดๆ ต่อคำขอ
    ตามกฏหมายข้อมูลความโปร่งใส

    กอร์กา การ์เซีย-มาลีน เจ้าหน้าที่ NIH บอกกับ The Epoch Times ในจดหมาย
    “NIH ระงับบันทึกทั้งหมด อ้างว่าได้รับการปกป้องไม่ให้ปล่อย”

    ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 Moderna ประกาศว่าได้จ่ายเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ให้กับ NIH และจะชำระเงินเพิ่มเติมในอนาคต โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใบอนุญาตสำหรับโปรตีนขัดขวางที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท

    Epoch Times ได้รับสำเนาของสัญญา ซึ่งยืนยันการชำระเงิน แต่แก้ไขรายละเอียดการชำระเงินในอนาคตใหม่

    จากนั้น The Epoch Times ได้ยื่นคำขอใหม่โดยมองหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินในอนาคต ซึ่งกล่าวกันว่าขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จำหน่ายได้
    นางสาวการ์เซีย-มาลีนกำลังตอบสนองต่อคำขอใหม่

    เจมส์ เลิฟ ผู้อำนวยการ Knowledge Ecology International ที่ไม่แสวงหากำไรกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวควรได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ

    “NIH ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องค่าลิขสิทธิ์กับ Moderna และตอนนี้พวกเขาไม่ควรอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง ในเมื่อเกี่ยวกับเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์
    ผลประโยชน์สาธารณะในเรื่องความโปร่ง เป็นเรื่องสำคัญ

    นายเลิฟบอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล
    “มีเจ้าหน้าที่ NIH จำนวนมากที่ไม่พอใจกับเรื่องความโปร่งใส” เขากล่าวเสริม

    Epoch Times วางแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของ NIH

    NIH เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งที่ได้รับค่าลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่นั่น ต่อสู้กับความพยายามที่จะรับข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเหล่านี้ ในปี 2566 พวกเขาเปิดเผยค่าลิขสิทธิ์จำนวน 325 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจนถึง 2563 หลังจากถูกฟ้อง
    ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายคนควรหยุดลง
    “ทั้งรัฐบาลและพนักงานของรัฐไม่ควรมีผลประโยชน์ทางการเงินในผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลมีส่วนร่วมในการออกใบอนุญาตหรือการส่งเสริม” Aaron Siri หุ้นส่วนผู้จัดการของ Siri & Glimstad LLP บอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เป็นอันตราย”
    เดินหน้าต่อไป BioNTech

    NIH กำลังพยายามหาเงินเพิ่มเติมจากผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามเอกสารที่ยื่นล่าสุด
    BioNTech ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของไฟเซอร์ กล่าวในรูปแบบที่ NIH แจ้งไว้ล่วงหน้า เนื่องจากจุดยืนของ NIH คือ BioNTech เป็นหนี้เงินจากการขายวัคซีนโควิด-19

    BioNTech กล่าวว่าไม่คิดว่าจะเป็นหนี้เงินของ NIH แต่ "ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องเหล่านี้ไม่แน่นอน และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการตีความข้อตกลงใบอนุญาตเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่า หรือในที่สุดเราจะไม่ต้องจ่ายบางส่วนหรือทั้งหมด ค่าภาคหลวงและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่เป็นข้อพิพาท”
    NIH ไม่ได้ตอบกลับการสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นต่อ BioNTech
    NIH เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าได้ออกใบอนุญาตเทคโนโลยีโปรตีนขัดขวางให้กับ BioNTech สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech
    Epoch Times ได้ส่งคำขอพระราชบัญญัติเสรีภาพด้านข้อมูลสำหรับการแจ้งการผิดนัดและเอกสารที่เกี่ยวข้อง คำขออื่นจะค้นหาข้อมูลว่า NIH ได้ข่มขู่หรือให้บริการไฟเซอร์ด้วยการแจ้งเตือนที่คล้ายกันหรือไม่
    ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับค่าลิขสิทธิ์เท่าใด ก็จะน้อยกว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายสำหรับวัคซีนมากเพียงใด รัฐบาลใช้จ่ายไปแล้ว
    กว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
    พิมพ์เขียวของไวรัสโควิดมาจากโครงการ DEFUSE 2018 และ PREEMPT แต่ที่สำคัญ อีกประการ คือรวมถึงการสร้างไวรัสใหม่เข้าไปติดเชื้อในค้างคาว ในโครงการแรกแต่ต้อง สเปรย์บ่อยๆ และในโครงการที่สองให้แพร่ติดในหมู่ค้างคาวเองก่อน แต่หลังจากนั้นให้ค้างคาวปล่อยเชื้อเข้าไปในฝูงอื่น ติดต่อไปเรื่อยๆทางละอองฝอย เป็นการติดเชื้อกันเองเป็นทอดๆ นัย ว่า เพื่อให้เป็นวัคซีนของค้างคาวในการป้องกันการแพร่ไวรัสโคโรนา โดยตัวที่จะเอามาติดในค้างคาวนั้น เป็นตัวที่จะครอบคลุมไวรัสโคโรนาทั้งหมดที่จะมีวิวัฒนาการสูงสุดแล้ว นั่นคือร้ายแรงที่สุดแล้ว (ทั้งนี้ค้างคาวเมื่อติดเชื้อแล้วไม่เกิดอาการ) หลังจากนั้น มีการรวมโครงการทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งเดียว คือ CREID และในตะวันออกเฉียงใต้ ตือ SEARCH โดยในโครงการหลักนี้ที่ดำเนินอยู่ในปัจจุบันจะทำการหาเชื้อไวรัสที่ใกล้เคียงกับโควิดมากที่สุด และทำการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัว และจากนั้นทำการ สร้างไวรัสโควิดใหม่ในห้องทดลองที่ร้ายแรงกว่าเก่า ทั้งนี้รวมการสร้างไวรัสอีโบลาใหม่และสร้างไวรัสนิปาห์ใหม่ และหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆรวมในประเทศไทย ก็คือการหาไวรัสเหล่านี้ถอดรหัสพันธุกรรมและส่งให้องค์กรต่างประเทศ นี่คือ ธุรกิจสร้างไวรัสข้ามชาติให้เกิดเป็นการระบาดทั่วโลก pandemic ซ้ำแล้วซ้ำเล่า วัคซีนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยาซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคนตายไปเรื่อยๆ ข้อมูลเหล่านี้สามารถสืบค้นได้จากการสอบสวนของรัฐสภาสหรัฐที่มีต่อองค์กรและสถาบันที่เกี่ยวข้องในการให้ทุนและการกำเนิดตั้งแต่โควิดเป็นต้นมา และ จากข้อมูลที่ต้องเปิดเผยโดยผ่านทางกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูลทำให้ได้รายละเอียดเหล่านี้มา ใครทำอยู่ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้จากทุนที่สหรัฐให้โดยผ่านทางองค์กรต่างๆ CDC NIH USAID DARPA DTRA EcoHealth alliance ทั้งๆที่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวังเพียงแค่ทุน เศษเงินที่โยนมาให้และอ้างว่ามีประโยชน์เป็นวิทยาการชั้นสูง แล้วโควิดที่ระบาดไปแล้วปฏิเสธได้หรือว่าไม่ได้เกิดจากการสร้างในลักษณะนี้และปลดปล่อยออกมาโดยตั้งใจหรือตั้งใจก็ตามโดยที่มีวัคซีนจดสิทธิบัตรเรียบร้อยตั้งแต่ปี 2018 และ NIH ได้รับเงินจากการจดสิทธิบัตรจากบริษัทวัคซีนโดยต้องจ่ายเงินให้ 400 ล้านเหรียญ ในขณะที่อีกบริษัทหนึ่งยังอยู่ในระหว่างการ“ไม่ยอมให้เงินต่อ ” โดยที่ได้จ่ายไปแล้วก่อนหน้า และถูกเปิดโปงอยู่ขณะนี้ว่า หน่วยงานกลางของประเทศแต่มีผลประโยชน์ทับซ้อนในลักษณะนี้เป็นเรื่องต้องห้ามหรือไม่ และเป็นเหตุผลในการเซ็นเซอร์ข่าวสารทางด้านลบที่เกี่ยวกับวัคซีนมาตลอดดังที่มีการเปิดเผยเปิดโปงกันจนถึงปัจจุบันนี้ ข้อมูลในการเก็บค่าต๋ง NIH ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลง ค่าลิขสิทธิ์วัคซีนโควิด-19 หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ อ้างว่าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว โดยแซคารี สตีเบอร์ 18/4/2024 ข้อมูลข่าวสารจาก The Epoch Times สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อตกลงที่สถาบันทำเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 กับบริษัทวัคซีน ทั้งนี้ได้รับเงินไปอย่างน้อย 400 ล้านดอลลาร์ NIH ปฏิเสธที่จะจัดหาเอกสารใดๆ ต่อคำขอ ตามกฏหมายข้อมูลความโปร่งใส กอร์กา การ์เซีย-มาลีน เจ้าหน้าที่ NIH บอกกับ The Epoch Times ในจดหมาย “NIH ระงับบันทึกทั้งหมด อ้างว่าได้รับการปกป้องไม่ให้ปล่อย” ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566 Moderna ประกาศว่าได้จ่ายเงินจำนวน 400 ล้านดอลลาร์ให้กับ NIH และจะชำระเงินเพิ่มเติมในอนาคต โดยเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงใบอนุญาตสำหรับโปรตีนขัดขวางที่ใช้ในวัคซีนโควิด-19 ของบริษัท Epoch Times ได้รับสำเนาของสัญญา ซึ่งยืนยันการชำระเงิน แต่แก้ไขรายละเอียดการชำระเงินในอนาคตใหม่ จากนั้น The Epoch Times ได้ยื่นคำขอใหม่โดยมองหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชำระเงินในอนาคต ซึ่งกล่าวกันว่าขึ้นอยู่กับจำนวนวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่จำหน่ายได้ นางสาวการ์เซีย-มาลีนกำลังตอบสนองต่อคำขอใหม่ เจมส์ เลิฟ ผู้อำนวยการ Knowledge Ecology International ที่ไม่แสวงหากำไรกล่าวว่าข้อมูลดังกล่าวควรได้รับการเปิดเผยต่อสาธารณะ “NIH ได้ออกแถลงการณ์หลายฉบับเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องค่าลิขสิทธิ์กับ Moderna และตอนนี้พวกเขาไม่ควรอ้างว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับบางอย่าง ในเมื่อเกี่ยวกับเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์ ผลประโยชน์สาธารณะในเรื่องความโปร่ง เป็นเรื่องสำคัญ นายเลิฟบอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มีเจ้าหน้าที่ NIH จำนวนมากที่ไม่พอใจกับเรื่องความโปร่งใส” เขากล่าวเสริม Epoch Times วางแผนที่จะอุทธรณ์คำตัดสินของ NIH NIH เป็นหนึ่งในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งที่ได้รับค่าลิขสิทธิ์ เจ้าหน้าที่ที่นั่น ต่อสู้กับความพยายามที่จะรับข้อมูลเกี่ยวกับการชำระเงินเหล่านี้ ในปี 2566 พวกเขาเปิดเผยค่าลิขสิทธิ์จำนวน 325 ล้านดอลลาร์ที่ได้รับจนถึง 2563 หลังจากถูกฟ้อง ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าการจ่ายเงินให้กับหน่วยงานและนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำหลายคนควรหยุดลง “ทั้งรัฐบาลและพนักงานของรัฐไม่ควรมีผลประโยชน์ทางการเงินในผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลมีส่วนร่วมในการออกใบอนุญาตหรือการส่งเสริม” Aaron Siri หุ้นส่วนผู้จัดการของ Siri & Glimstad LLP บอกกับ The Epoch Times ทางอีเมล “มันก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่เป็นอันตราย” เดินหน้าต่อไป BioNTech NIH กำลังพยายามหาเงินเพิ่มเติมจากผู้ผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามเอกสารที่ยื่นล่าสุด BioNTech ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของไฟเซอร์ กล่าวในรูปแบบที่ NIH แจ้งไว้ล่วงหน้า เนื่องจากจุดยืนของ NIH คือ BioNTech เป็นหนี้เงินจากการขายวัคซีนโควิด-19 BioNTech กล่าวว่าไม่คิดว่าจะเป็นหนี้เงินของ NIH แต่ "ผลลัพธ์สุดท้ายของเรื่องเหล่านี้ไม่แน่นอน และเราไม่สามารถรับประกันได้ว่าการตีความข้อตกลงใบอนุญาตเหล่านี้จะมีผลเหนือกว่า หรือในที่สุดเราจะไม่ต้องจ่ายบางส่วนหรือทั้งหมด ค่าภาคหลวงและจำนวนเงินที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ที่เป็นข้อพิพาท” NIH ไม่ได้ตอบกลับการสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ยื่นต่อ BioNTech NIH เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าได้ออกใบอนุญาตเทคโนโลยีโปรตีนขัดขวางให้กับ BioNTech สำหรับวัคซีนโควิด-19 ของ Pfizer-BioNTech Epoch Times ได้ส่งคำขอพระราชบัญญัติเสรีภาพด้านข้อมูลสำหรับการแจ้งการผิดนัดและเอกสารที่เกี่ยวข้อง คำขออื่นจะค้นหาข้อมูลว่า NIH ได้ข่มขู่หรือให้บริการไฟเซอร์ด้วยการแจ้งเตือนที่คล้ายกันหรือไม่ ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐฯ จะได้รับค่าลิขสิทธิ์เท่าใด ก็จะน้อยกว่าที่รัฐบาลสหรัฐฯ จ่ายสำหรับวัคซีนมากเพียงใด รัฐบาลใช้จ่ายไปแล้ว กว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์
    Like
    6
    0 Comments 1 Shares 419 Views 0 Reviews
  • โบอิ้งคาดฝูงบินพาณิชย์ของ 'จีน'
    เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าภายในปี 2586
    .
    รายงานแนวโน้มตลาดการบินเชิงพาณิชย์ของจีน ปี 2567 จากโบอิ้ง (Boeing) ซึ่งคาดการณ์ความต้องการเครื่องบินพาณิชย์และการบริการที่เกี่ยวข้องในระยะยาว ระบุว่าจำนวนเครื่องบินเชิงพาณิชย์ของจีนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2586 ตามการขยายตัวและการสร้างความทันสมัยของอุตสาหกรรมการบินจีนเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าอากาศที่เพิ่มขึ้น
    .
    ดาร์เรน ฮัลสท์ รองประธานฝ่ายการตลาดเชิงพาณิชย์ของโบอิ้ง กล่าวว่าตลาดการบินเชิงพาณิชย์สำหรับขนส่งผู้โดยสารและสินค้าของจีนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องด้วยแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสายการบินต่างๆ ที่สร้างเครือข่ายการบินภายในประเทศ โดยความต้องการใช้บริการสายการบินของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องการเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้านเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
    .
    รายงานระบุว่าจำนวนเครื่องบินเชิงพาณิชย์ของจีนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ต่อปี จาก 4,345 เป็น 9,740 ลำ ภายในปี 2043 ขณะปริมาณผู้โดยสารหมุนเวียนต่อปีของจีนจะอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ซึ่งสูงเกินค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 4.7
    .
    การสัญจรทางอากาศของจีนจะมีปริมาณมากที่สุดในโลก ทำให้จำนวนเครื่องบินลำตัวแคบเติบโตจนคิดเป็นมากกว่าสามในสี่ของการส่งมอบ และจีนจะมีเครื่องบินลำตัวกว้างมากที่สุดในโลก โดยมีความต้องการเครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่ม 1,575 ลำ
    .
    สำหรับจำนวนเครื่องบินขนส่งสินค้าของจีน ซึ่งครอบคลุมเครื่องบินที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะและที่ดัดแปลงมาจากเครื่องบินโดยสาร จะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตามความต้องการจากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโต
    .
    ด้านกลุ่มสายการบินของจีนจะต้องการการบริการทางการบิน มูลค่า 7.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 27 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาทางดิจิทัล การซ่อมบำรุง และการดัดแปลง ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมสายการบินจะต้องการจ้างงานและฝึกอบรมบุคลากรใหม่เกือบ 4.3 แสนคน เพื่อสนับสนุนตำแหน่งนักบิน ช่างเทคนิคฝ่ายซ่อมบำรุง และลูกเรือ
    .
    อนึ่ง เครื่องบินของโบอิ้งถือเป็นหลักสำคัญของระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางการบินพลเรือนของจีนมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว และโบอิ้งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการผลิตทางการบินของจีน โดยเครื่องบินของโบอิ้งใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยจีนมากกว่า 10,000 ลำ
    .
    บรรยายภาพ - C919 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง ทำลายสถิติจำนวนผู้โดยสารที่ขนส่งได้เกิน 500,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ถึงปัจจุบัน เครื่องบิน C919 ได้บันทึกชั่วโมงบินมากกว่า 10,000 ชั่วโมง และทำการบินเชิงพาณิชย์สำเร็จมากกว่า 3,700 เที่ยวบิน
    โบอิ้งคาดฝูงบินพาณิชย์ของ 'จีน' เพิ่มขึ้นอีก 2 เท่าภายในปี 2586 . รายงานแนวโน้มตลาดการบินเชิงพาณิชย์ของจีน ปี 2567 จากโบอิ้ง (Boeing) ซึ่งคาดการณ์ความต้องการเครื่องบินพาณิชย์และการบริการที่เกี่ยวข้องในระยะยาว ระบุว่าจำนวนเครื่องบินเชิงพาณิชย์ของจีนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าภายในปี 2586 ตามการขยายตัวและการสร้างความทันสมัยของอุตสาหกรรมการบินจีนเพื่อตอบสนองความต้องการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าอากาศที่เพิ่มขึ้น . ดาร์เรน ฮัลสท์ รองประธานฝ่ายการตลาดเชิงพาณิชย์ของโบอิ้ง กล่าวว่าตลาดการบินเชิงพาณิชย์สำหรับขนส่งผู้โดยสารและสินค้าของจีนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องด้วยแรงขับเคลื่อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและสายการบินต่างๆ ที่สร้างเครือข่ายการบินภายในประเทศ โดยความต้องการใช้บริการสายการบินของจีนจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้พวกเขาต้องการเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพด้านเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น . รายงานระบุว่าจำนวนเครื่องบินเชิงพาณิชย์ของจีนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.1 ต่อปี จาก 4,345 เป็น 9,740 ลำ ภายในปี 2043 ขณะปริมาณผู้โดยสารหมุนเวียนต่อปีของจีนจะอยู่ที่ร้อยละ 5.9 ซึ่งสูงเกินค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 4.7 . การสัญจรทางอากาศของจีนจะมีปริมาณมากที่สุดในโลก ทำให้จำนวนเครื่องบินลำตัวแคบเติบโตจนคิดเป็นมากกว่าสามในสี่ของการส่งมอบ และจีนจะมีเครื่องบินลำตัวกว้างมากที่สุดในโลก โดยมีความต้องการเครื่องบินลำตัวกว้างเพิ่ม 1,575 ลำ . สำหรับจำนวนเครื่องบินขนส่งสินค้าของจีน ซึ่งครอบคลุมเครื่องบินที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะและที่ดัดแปลงมาจากเครื่องบินโดยสาร จะเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าตามความต้องการจากภาคธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เติบโต . ด้านกลุ่มสายการบินของจีนจะต้องการการบริการทางการบิน มูลค่า 7.8 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 27 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาทางดิจิทัล การซ่อมบำรุง และการดัดแปลง ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมสายการบินจะต้องการจ้างงานและฝึกอบรมบุคลากรใหม่เกือบ 4.3 แสนคน เพื่อสนับสนุนตำแหน่งนักบิน ช่างเทคนิคฝ่ายซ่อมบำรุง และลูกเรือ . อนึ่ง เครื่องบินของโบอิ้งถือเป็นหลักสำคัญของระบบขนส่งผู้โดยสารและสินค้าทางการบินพลเรือนของจีนมานานมากกว่า 50 ปีแล้ว และโบอิ้งเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมการผลิตทางการบินของจีน โดยเครื่องบินของโบอิ้งใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยจีนมากกว่า 10,000 ลำ . บรรยายภาพ - C919 เครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ที่จีนพัฒนาขึ้นเอง ทำลายสถิติจำนวนผู้โดยสารที่ขนส่งได้เกิน 500,000 คนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2566 ทั้งนี้ถึงปัจจุบัน เครื่องบิน C919 ได้บันทึกชั่วโมงบินมากกว่า 10,000 ชั่วโมง และทำการบินเชิงพาณิชย์สำเร็จมากกว่า 3,700 เที่ยวบิน
    Like
    Wow
    8
    0 Comments 1 Shares 424 Views 0 Reviews
  • #เรื่องมันเป็นแบบนี้พี่คิงส์จะเหลาให้ฟัง
    ที่เสรีพิศุทธิ์อ้างเปิดหลักฐานจะยืนยันว่าโทนี่ป่วยติ๊บ
    มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก
    เพราะเรื่องโทนี่ป๋วยติ๊บ พยานหนะไม่ได้มีแค่เฒ่าเสรีกับเพื่อนที่ไปชั้น 14 อีก 1 คน คนมันเห็นกันทั้งประเทศ ทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เดินฉุยฉาย บินไปทั่ว ถ้าไม่เห็นเชิงประจักษ์แบบนี้ ถามหน่อย ปปช.เค้าจะตั้งเรื่องได้ยังไง
    เรื่องนี้ เสรี ก็ ปญอ.จริงๆ เน้นแต่อยากจะให้แม๊วโทรมาง้อ
    คิดเหรอว่า ทำแบบนี้เค้าจะเอา ยิ่งปิดประตูเหมือนไม่รู้จักแม๊วดีพอ
    ...แต่คนที่ซ-ว-ย ตัวจริงคือทวี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และนพ.รพ.ตร
    เพราะอะไร พี่คิงส์จะแจงให้
    1. เสรีไม่พุ๊ดไม่พูด ว่าแม๊วเปื่อยหรือไม่เปื่อยตอนที่ไปเจอชั้น 14 เอาจริงๆ แม๊วไม่ได้เชิญนะ เสรีขอไปพบ เพราะโทนี่สั่งให้เซ็นเอกสารถอนเรื่องร้องเรียนนายกนิด ตาเสรีทำเท่ห์บอกว่า ต้องให้ไปพบสิ ผมจะเซ็นต์ให้ นั่นแน่
    ...แต่สิ่งที่เสรีพูดคือ "ไปไม่เห็นมีใครเฝ้าหน้าห้องซักคน แม้แต่หมายังไม่มี" แอ่นแอ๊น ผิดระเบียบราชทัณฑ์ดอกที่ 1
    2. เสรีแถลงว่า ตัวเองไปพบโทนี่สองครั้ง ซึ่งกรณีที่แม๊วยังเป็น นช. และอยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวนั้น จะมีเพียงญาติใกล้ชิดเพียบ 10 คน ที่เป็นคนในครอบครัว ที่มีระบุอยู่ในเอกสารของราชทัณฑ์ ว่าใครจะเข้าไปได้บ้าง รวมถึงบันทึกวัน และเวลาในการเข้าเยี่ยมอย่างละเอียด
    แต่..ไม่มีชื่อเสรี ป๊าดดดดดด โดนดอกที่สองเรียบร้อย
    3. นพ.รพ.ตร. ก็ถูกปปชสอบ เพราะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนที่อยู่ใน รพ. ที่ปปช ขอกล้องวงจรปิดไปนานมาก แต่ไม่ส่งซักที เป็นปกปิดข้อมูลแบบโจ่งแจ้ง มาอีกดอกที่สาม
    ซึ่ง สุดท้าย ทวี สอดส่อง ที่เป็นรมต ยุติธรรม ดูแลกรมราชทัณฑ์ คือคนที่จะเจอดอกที่สี่ ที่แรงที่สุด โดยเฉพาะการแถลงข่าวของเสรีเฒ่า คือการสร้างงานเข้าให้ทั้งกระบวนการ ที่เดือดร้อนยิ่งกว่าแม๊ว และเร็วกว่าแม๊วเยอะ
    ดังนั้น วันนี้ กรมราชทัณฑ์ถึงไปไม่เป็น ต้องรีบแถลงข่าวด่วน ว่าไม่มีรายชื่อเสรีในการเข้าเยี่ยม
    แต่ที่จะ ซ-ว-ย คือ ถึงแม้กล้องวงจรปิดอ้างว่าเสีย บลาๆๆๆ
    แต่เสรี บันทีกไว้หมดแล้ว คนที่ไปด้วยบันทีกวิดิโอ ส่วนเสรีบันทึกเสียง
    แปลว่า ถ้าเสรีออกมาโต้ ด้วยวิดิโอ ที่หาจับมือใครดมไม่ได้ไปโพส
    ก็แปลว่า ราชทัณฑ์ โ-ก-หก นี่คือความอิ๊บหายที่ไม่รอดแน่นวล
    ฮ่าดี ชอบๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #เรื่องมันเป็นแบบนี้พี่คิงส์จะเหลาให้ฟัง ที่เสรีพิศุทธิ์อ้างเปิดหลักฐานจะยืนยันว่าโทนี่ป่วยติ๊บ มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรนักหรอก เพราะเรื่องโทนี่ป๋วยติ๊บ พยานหนะไม่ได้มีแค่เฒ่าเสรีกับเพื่อนที่ไปชั้น 14 อีก 1 คน คนมันเห็นกันทั้งประเทศ ทั้งว่ายน้ำ ตีกอล์ฟ เดินฉุยฉาย บินไปทั่ว ถ้าไม่เห็นเชิงประจักษ์แบบนี้ ถามหน่อย ปปช.เค้าจะตั้งเรื่องได้ยังไง เรื่องนี้ เสรี ก็ ปญอ.จริงๆ เน้นแต่อยากจะให้แม๊วโทรมาง้อ คิดเหรอว่า ทำแบบนี้เค้าจะเอา ยิ่งปิดประตูเหมือนไม่รู้จักแม๊วดีพอ ...แต่คนที่ซ-ว-ย ตัวจริงคือทวี เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และนพ.รพ.ตร เพราะอะไร พี่คิงส์จะแจงให้ 1. เสรีไม่พุ๊ดไม่พูด ว่าแม๊วเปื่อยหรือไม่เปื่อยตอนที่ไปเจอชั้น 14 เอาจริงๆ แม๊วไม่ได้เชิญนะ เสรีขอไปพบ เพราะโทนี่สั่งให้เซ็นเอกสารถอนเรื่องร้องเรียนนายกนิด ตาเสรีทำเท่ห์บอกว่า ต้องให้ไปพบสิ ผมจะเซ็นต์ให้ นั่นแน่ ...แต่สิ่งที่เสรีพูดคือ "ไปไม่เห็นมีใครเฝ้าหน้าห้องซักคน แม้แต่หมายังไม่มี" แอ่นแอ๊น ผิดระเบียบราชทัณฑ์ดอกที่ 1 2. เสรีแถลงว่า ตัวเองไปพบโทนี่สองครั้ง ซึ่งกรณีที่แม๊วยังเป็น นช. และอยู่ในระหว่างการถูกควบคุมตัวนั้น จะมีเพียงญาติใกล้ชิดเพียบ 10 คน ที่เป็นคนในครอบครัว ที่มีระบุอยู่ในเอกสารของราชทัณฑ์ ว่าใครจะเข้าไปได้บ้าง รวมถึงบันทึกวัน และเวลาในการเข้าเยี่ยมอย่างละเอียด แต่..ไม่มีชื่อเสรี ป๊าดดดดดด โดนดอกที่สองเรียบร้อย 3. นพ.รพ.ตร. ก็ถูกปปชสอบ เพราะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนที่อยู่ใน รพ. ที่ปปช ขอกล้องวงจรปิดไปนานมาก แต่ไม่ส่งซักที เป็นปกปิดข้อมูลแบบโจ่งแจ้ง มาอีกดอกที่สาม ซึ่ง สุดท้าย ทวี สอดส่อง ที่เป็นรมต ยุติธรรม ดูแลกรมราชทัณฑ์ คือคนที่จะเจอดอกที่สี่ ที่แรงที่สุด โดยเฉพาะการแถลงข่าวของเสรีเฒ่า คือการสร้างงานเข้าให้ทั้งกระบวนการ ที่เดือดร้อนยิ่งกว่าแม๊ว และเร็วกว่าแม๊วเยอะ ดังนั้น วันนี้ กรมราชทัณฑ์ถึงไปไม่เป็น ต้องรีบแถลงข่าวด่วน ว่าไม่มีรายชื่อเสรีในการเข้าเยี่ยม แต่ที่จะ ซ-ว-ย คือ ถึงแม้กล้องวงจรปิดอ้างว่าเสีย บลาๆๆๆ แต่เสรี บันทีกไว้หมดแล้ว คนที่ไปด้วยบันทีกวิดิโอ ส่วนเสรีบันทึกเสียง แปลว่า ถ้าเสรีออกมาโต้ ด้วยวิดิโอ ที่หาจับมือใครดมไม่ได้ไปโพส ก็แปลว่า ราชทัณฑ์ โ-ก-หก นี่คือความอิ๊บหายที่ไม่รอดแน่นวล ฮ่าดี ชอบๆ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 345 Views 0 Reviews
  • พระราชินี ทรงฉายพระรูปกับทีมวายุ
    ก่อนลงแข่งขันวันที่ 3

    วันนี้ 30 ส.ค.67 เวลา 10.35 น.ตามเวลาราชอาณาจักรสเปน ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 5 ชั่วโมง สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือ Puerto Portals เกาะมายอร์กา เพื่อฉายพระรูปร่วมกับสมาชิกทีมวายุ และทรงร่วมการแข่งขันเรือใบ รายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week TP 52 Super Series 2024 เพื่อเก็บคะแนน Race ที่ 5 และ6เป็นวันที่ 3

    การนี้ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันเรือใบ ทรงฉายพระรูปร่วมกับสมาชิกทีมเรือใบวายุ Vayu ที่ท่าเทียบเรือ

    เพื่อเป็นกำลังใจอันสำคัญให้การแข่งขันในวันนี้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย โดยมีทีมงานของ 52 Super Series Sailing Week TP 52 Super Series 2024 มาร่วมบันทึกภาพทในครั้งนี้ด้วย

    #TP52SuperSeries2024
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB: MGROnline
    พระราชินี ทรงฉายพระรูปกับทีมวายุ ก่อนลงแข่งขันวันที่ 3 • วันนี้ 30 ส.ค.67 เวลา 10.35 น.ตามเวลาราชอาณาจักรสเปน ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 5 ชั่วโมง สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปยังท่าเรือ Puerto Portals เกาะมายอร์กา เพื่อฉายพระรูปร่วมกับสมาชิกทีมวายุ และทรงร่วมการแข่งขันเรือใบ รายการ Puerto Portals 52 Super Series Sailing Week TP 52 Super Series 2024 เพื่อเก็บคะแนน Race ที่ 5 และ6เป็นวันที่ 3 • การนี้ก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันเรือใบ ทรงฉายพระรูปร่วมกับสมาชิกทีมเรือใบวายุ Vayu ที่ท่าเทียบเรือ • เพื่อเป็นกำลังใจอันสำคัญให้การแข่งขันในวันนี้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย โดยมีทีมงานของ 52 Super Series Sailing Week TP 52 Super Series 2024 มาร่วมบันทึกภาพทในครั้งนี้ด้วย #TP52SuperSeries2024 #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB: MGROnline
    Like
    Love
    5
    1 Comments 0 Shares 293 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567

    “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน

    ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว)

    แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม

    แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้

    หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ

    อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว

    ผลเป็นไงคงพอจำกันได้

    บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ

    แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที

    อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้

    แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ

    ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร

    ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ

    แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ

    ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน

    สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้

    ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน

    ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ

    สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ

    ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป

    แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป

    นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย

    ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน

    แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก

    ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า

    วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้

    อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ

    งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้

    นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที

    ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว

    ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ

    อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน

    เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้

    ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว

    เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ

    การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว

    จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ

    ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง

    เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท

    รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท

    นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท

    อันนี้น่าสนใจ

    ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป

    แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต

    เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ

    แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้

    แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที

    แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้

    ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน

    พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้

    แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น

    แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย

    เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย

    ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต

    แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย

    พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่

    เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก

    แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที

    การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ


    ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้

    การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน

    ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย

    สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ

    งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ

    บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง

    ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

    แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย


    วีระ ธีรภัทร
    วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567”

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E

    Thaitimes
    รีโพสต์ทัศนะของ วีระ ธีรภัทร จากเพจเฟซบุ๊ก สำนักพิมพ์โรนิน 25 สิงหาคม 2567 “ คอลัมน์ ปากท้องชาวบ้าน ไม่มีอะไรจะเละไปกว่านี้(แล้ว) แม้ว่าผมจะไม่ห่วงเรื่องอุทกภัยที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือในขณะนี้ก็ตาม แต่ก็อดคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ ไม่ได้ หลังการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมในปีนั้น พรรคเพื่อไทยเอาชนะพรรคประชาธิปัตย์แบบถล่มทลายสามารถจัดตั้งรัฐบาลโดยมีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีได้สำเร็จ อุทกภัยน้ำท่วมใหญ่ตามมาพร้อมกับการเป็นรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นั่นเลยกลายเป็นบททดสอบความสามารถในการบริหารจัดการของรัฐบาลใหม่แบบชนิดไม่ทันได้ตั้งตัว ผลเป็นไงคงพอจำกันได้ บัดนี้เราได้รัฐบาลใหม่ มีคุณแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าในขณะนี้ยังยุ่งขิงอยู่กับการสรรหาบุคคลมาเป็นรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลไม่เสร็จ (อันนี้เละเทะมาก) ยังไม่สามารถเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินและปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มรูปแบบ แต่น้ำเหนือก็หลากมาแล้ว แม้จะไม่น่ากลัวสำหรับคนกรุงเทพและปริมณฑลเหมือนกับเมื่อสิบสามปีก่อนหน้านี้ก็ตามที อะไรมันจะซ้ำซากกันได้ถึงขนาดนี้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ประเด็นข้อใหญ่ในความของเรื่องที่ผมจะคุยอะไรให้ฟังวันนี้ ครับ ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีอะไรต่อมิอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลายเรื่องไม่คิดว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น แม้ผมจะพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุพอสมควร ผมเลยอยากจะเล่าอะไรต่อมิอะไรให้คุณฟังแบบเพลินๆ เท่าที่จะคิดได้เป็นสำคัญ แน่นอนล่ะครับว่ารายการ Vision For Thailand ในช่วงหัวค่ำของคืนวันพฤหัสบดีที่ ๒๒ สิงหาคมที่คุณทักษิณ ชินวัตร ไปแสดงวิสัยทัศน์ท่ามกลางคนมีอำนาจในแวดวงการเมืองและธุรกิจภาคเอกชนจำนวนมากนั้น ย่อมอยู่ในความสนใจของผู้คน จนลืมกันไปหมดว่าวันดังกล่าวตรงกับวันครบรอบหนึ่งปีของการเดินทางกลับประเทศไทยของคุณทักษิณ ความเป็นคุณทักษิณ ความเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทย และด้วยอำนาจวาสนาบารมีที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน แม้จะพร่องไปบ้างในช่วงสิบห้าปีที่ลี้ภัยทางการเมืองในต่างแดน สิ่งที่คุณทักษิณคิดจึงมองข้ามไม่ได้ ทักษิณคิดเพื่อไทยทำอย่างที่รู้ๆ กัน ผมและคนอื่นๆ อีกไม่น้อยจึงเสียยอมเวลาฟังสิ่งที่คุณทักษิณคิดและอยากให้เกิดกับสังคมไทยในอนาคตตลอดหนึ่งชั่วโมงเศษที่แกคุยอยู่คนเดียวด้วยความตั้งอกตั้งใจ สำหรับผมสิ่งที่คุณทักษิณคิดออกมาดังๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่เป็นประเด็นปัญหาที่เราพอรู้พอทราบกันอยู่ แต่ความน่าสนใจอยู่ตรงที่ว่าสิ่งที่คุณทักษิณ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะเอาไปทำหรืออย่างน้อยก็เอาไปคิดต่อว่าจะทำต่อไปเป็นประเด็นที่น่าสนใจมากเป็นพิเศษ ตรงนี้จึงมีความหมายมากกว่าการแสดงความคิดเห็นของคนทั่วไป แม้ว่าข้อเสนอจำนวนมากเป็นเรื่องที่ผมพอทราบมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โครงการดิจิทัลวอลเลต การชี้นำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยลดดอกเบี้ยและเพิ่มการให้สินเชื่อเพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับภาคเศรษฐกิจ โครงการแลนด์บริดจ์ โครงการค่าโดยสารรถไฟฟ้า ๒๐ บาทตลอดสาย โครงการเอ็นเทอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ กองทุนวายุภักษ์ ฯลฯ ล้วนเป็นประเด็นที่จะต้องมีการตัดสินใจและขับเคลื่อนกันต่อไปในรัฐบาลของคุณแพทองธาร ชินวัตร ต่อไป นี่จึงเป็นข้อเสนอคำแนะนำที่ไม่ธรรมดาเพราะสามารถจะกลายเป็นนโยบายของรัฐบาลได้อย่างแยบคาย ผมจะไม่วิพากษ์วิจารณ์อะไรในเรื่องที่ว่าในตอนนี้ อยากจะรอดูก่อนว่าข้อเสนอดังกล่าวจะกลายเป็นนโยบายและมาตรการของรัฐบาลคุณแพทองธารในเนื้อหารายละเอียดอย่างไรให้ชัดเจนเสียก่อน แถมอันที่จริงแล้วในช่วงนี้ต้องบอกว่า ผมอยู่ในช่วงที่ผ่อนคลายมากมีเวลาเหลือมากขึ้น แถมได้ทำสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานมากแล้วอีกต่างหาก ลำดับแรกเลย งานในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งผมต้องไปประชุมรวมกันถึง ๔๐ ครั้งตลอดระยะเวลาสองเดือนเต็มๆ ที่ผ่านมา (นับหนึ่งวันจันทร์ที่ ๒๔ มิถุนายน) ถือว่าจบสิ้นแล้วในแง่ของกระบวนการพิจารณา แม้ยังไม่จบเสียทีเดียวเพราะต้องมีพิธีกรรมอีกเล็กน้อยในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า วันพุธที่ ๒๘ สิงหาคมจะเป็นการประชุมครั้งที่ ๔๑ ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของกรรมาธิการเพื่อตรวจทานและลงมติรับร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ ว่าจะเอาแบบไหน? อย่างไร? โดยมีกรรมาธิการและสส.จำนวนไม่น้อย ได้สงวนความเห็นและขอแปรญัตติเพื่อจะไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่จะมีการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระที่ ๒ และ ๓ ในช่วงวันที่ ๓-๕ กันยายนที่จะถึงนี้ อันนี้น่าสนใจติดตามฟังกันครับ งานที่ว่านี้ดำเนินไปโดยยังไม่มีรัฐบาลใหม่ มีแต่เพียงนายกรัฐมนตรีที่ยังไม่สามารถเข้าปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินได้ นี่ต้องบอกว่าเป็นเรื่องแปลก แม้ผมจะเข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นก็ตามที ลำดับถัดมา ผมไปร่วมรายการ BOT Press Trip 2024 ที่โรงแรม Andaz แถวหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี แม้จะห่างเหินจากการไปร่วมงานในฐานะสื่อมวลชนกับธนาคารแห่งประเทศไทยแบบนี้มานานมากแล้ว แต่ที่ผมอยากไปก็เพราะว่างานนี้มีประเด็นที่ผมอยากสอบถามให้แน่ใจว่าอะไรเป็นอะไรจากปากของผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทยด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นโอกาสดีมากเพราะว่าไปกันครบถ้วนเกือบทั้งหมด เหมือนเราไปเดินห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของที่ต้องการได้ทั้งหมดในสถานที่เพียงแห่งเดียว ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย นำโดยคุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ปีหน้าครบวาระห้าปีเป็นต่อไม่ได้) พร้อมกับรองผู้ว่าการและผู้ช่วยผู้ว่าการ ๑๑ คนโดยไม่รวมระดับผู้บริหารระดับปฏิบัติการในฝ่ายต่างๆ ที่มากันเป็นกองทัพ อะไรที่ผมสงสัยไม่แน่ใจในเรื่องนโยบายการเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทยบริหารจัดการอยู่ในเวลานี้ จึงถือโอกาสไปร่วมงานนี้ สอบถามพูดคุยกับคนที่ดูแลนโยบายและคนที่ลงมือปฏิบัติการจริงเพื่อให้เกิดความชัดเจนและได้ข้อมูลที่ต้องการครบถ้วน เอาเป็นว่าเรื่องระหว่างรัฐบาล กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ที่เคยปีนเกลียวกันในช่วงรัฐบาลคุณเศรษฐา ทวีสิน ที่ผ่านมาและที่อาจจะมีการปะทะปะทั่งกันในช่วงรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมพอเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว เรื่องหลายเรื่องที่รัฐบาลอยากทำแล้วทำไม่ได้ เรื่องหลายเรื่องที่ถกเถียงกันระหว่างรัฐบาลกับธนาคารแห่งประเทศไทย ว่าควรทำแบบไหนไม่ควรทำแบบไหน ไม่ว่าจะเป็นโครงการดิจิตอลวอลเลต การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโบบาย ฯลฯ การได้พูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องโดยตรง ทำให้ผมพอปะติดปะต่อภาพได้เกือบครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว จะเอาไปทำอะไรต่อที่ไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? เดี๋ยวค่อยมาว่ากันครับ ผมยังมีเรื่องอยากจะเล่าให้ฟังเพิ่มเติมแบบลงรายละเอียดสักหน่อย เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ตรงนี้เพื่อให้คุณๆ ได้ติดตามความเป็นไปของสถานการณ์ทางด้านเศรษฐกิจการเงินการคลังได้อย่างครบถ้วนอยู่เรื่องหนึ่งที่สำคัญและจำเป็นควรรู้ควรทราบอย่างยิ่ง เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงสุดท้ายของการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ.๒๕๖๘ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางรัฐบาลโดยสำนักงบประมาณได้เสนอขอเปลี่ยนแปลงรายการจัดสรรเงินงบประมาณให้กับรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งเป็นเงินรวมกัน ๓๕,๐๐๐ ล้านบาท รายการที่ว่านั้นเป็นการตั้งงบประมาณชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ให้หน่วยงานของรัฐออกเงินไปให้ก่อนตามมาตรา ๒๘ ของพรบ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงโดยโอนย้ายไปเป็นรายการในงบกลางแทน โดยระบุว่าเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข็มแข็งของเศรษฐกิจ (อันนี้เป็นชื่อของโครงการดิจิตอลวอลเลตที่รัฐบาลจะทำในเอกสารงบประมาณ) เพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้ว ๑๕๒,๗๐๐ ล้านบาท นั่นเลยทำให้ค่าใช้จ่ายสำหรับโครงการดิจิตอลวอลเลตในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๘ เพิ่มเป็น ๑๘๗,๗๐๐ ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว แต่จะหาจากไหนสำหรับส่วนที่เหลืออีก ๙๗,๓๐๐ ล้านบาทเพื่อให้ครบ ๒๘๕,๐๐๐ ล้านบาท อันนี้น่าสนใจ ผมอยากให้ข้อมูลตรงนี้เพิ่มเติมว่า การเปลี่ยนแปลงโอนย้ายรายจ่ายที่จะจัดสรรให้รัฐวิหาหกิจที่เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ๕ แห่งที่ว่าไปไว้ที่อื่นนั้น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดูเหมือนจะเจอหนักกว่าใครเพื่อน เพราะเงินที่คาดว่าจะได้รับการชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยที่ธ.ก.ส.แบกรับภาระอยู่ประมาณ ๓๑,๒๐๐ ล้านบาท (จากยอดทั้งหมดประมาณ ๗๐๐,๐๐๐ ล้านบาท) จะถูกเลื่อนออกไป แบบนี้อธิบายแบบชาวบ้านก็คือรัฐบาลขอต๊ะหนี้ที่มีกับธ.ก.ส.ไว้ก่อน ส่วนจะชำระคืนเงินต้นและชดเชยดอกเบี้ยให้เมื่อไหร่? ค่อยไปว่ากันในอนาคต เรื่องนี้ผมคัดค้านอย่างเต็มที่ตอนที่ถกเถียงกันในที่ประชุมของคณะกรรมาธิการฯ แต่เมื่อเสียงข้างมากของกรรมาธิการวิสามัญฯ โดยเฉพาะกรรมาธิการที่มาในสัดส่วนของคณะรัฐมนตรีและพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลได้ลงมติให้เป็นไปตามนั้น ผมจึงกลายเป็นกรรมาธิการเสียงข้างน้อยในกรณีนี้ แม้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบจะต้องไปว่ากันต่อในที่ประชุมวาระที่ ๒ และ ๓ เพื่อให้สส.ลงมติให้ความเห็นชอบสุดท้ายก็ตามที แต่เรื่องนี้บอกเราได้อย่างหนึ่งว่าโครงการดิจิตอลวอลเลตยังเดินหน้าเต็มตัว แม้จะปรับเปลี่ยนไปเป็นการจ่ายเงินสดให้กลุ่มเปราะบางไปก่อนในเฟสแรกหรือระลอกแรก (หลักๆ คือผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้มีรายได้น้อย) ทั้งเพื่อให้ทันใช้เงินให้หมดภายในปีงบประมาณรายจ่ายปี ๒๕๖๗ ซึ่งจะสิ้นสุดภายในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ ส่วนจะเป็นเท่าไหร่กันแน่ระหว่างวงเงิน ๑๔๕,๐๐๐ หรือ ๑๖๕,๐๐๐ ล้านบาทนั้นคงต้องรอรัฐบาลแถลงนโยบายรัฐสภาต่อไปถึงจะชัดเจน พายุหมุนทางเศรษฐกิจที่พูดๆ กันก่อนหน้านี้คงไม่ใช่แล้วสำหรับตอนนี้ แต่ก็อย่างที่บอกมาโดยตลอดแหละครับว่า ผมจะไม่หมกมุ่นอยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งนานเกินความจำเป็น แม้จะมีเรื่องอะไรต่อมิอะไรมากมายอย่างที่ว่าก็จริง แต่ผมก็แบ่งเวลาเพื่อทำงานที่ผมชอบอยู่เสมอ โชคดีว่าเมื่อวันศุกร์ก่อนที่จะเดินทางมาหาดจอมเทียน เพื่อร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย ทางสำนักพิมพ์โรนินได้ส่งต้นฉบับหนังสือสองเล่มมาให้ผมตรวจทานรอบสุดท้าย เที่ยวเขมรฉบับพกพา และ ส่องภาพเขียนที่รัสเซีย ผมก็เลยเพลิดเพลินกับการอ่านหนังสือเล่มตัวอย่างก่อนที่จะส่งไปให้สำนักพิมพ์ไปจัดการให้ทางโรงพิมพ์ดำเนินการพิมพ์เพื่อจำหน่ายจ่ายแจกต่ออีกทอดในอนาคต แต่ที่น่ายินดีเป็นที่สุดก็คือเมื่อจบการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปีพ.ศ.๒๕๖๘ ในช่วงต้นเดือนกันยายน (วันที่ ๓-๕ กันยายน) ก็ได้เวลาที่ผมจะไปพักผ่อนปลีกวิเวกเป็นการชั่วคราวที่ญี่ปุ่น (ดูภาพเขียน-ออนเซน) พร้อมกับวางแผนเดินทางไปรัสเซีย (ดูภาพเขียนกับเที่ยวชมเมือง) ในช่วงต้นเดือนตุลาคม และเตรียมการจะไปเที่ยวเขมรนครวัด-นครธมในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ไปพร้อมกันด้วย พ้นจากนั้นจะไปทำอะไรที่ไหนค่อยว่ากันใหม่ เมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี ๒๕๖๗ มาจนถึงตอนนี้ ต้องบอกเลยว่าปีนี้เป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของผม ได้ทำอะไรเยอะแยะไปหมด สะสางงานเก่าเริ่มงานใหม่และก้าวเข้าไปในพรมแดนใหม่ที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอีกต่างหาก แม้ว่าบ้านเมืองของเรายามนี้ จะไม่มีอะไรให้เละมากไปกว่านี้ได้แล้วก็ตามที การเจริญอุเบกขาธรรมจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดครับ ป.ล. เรื่องการฟอร์มคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร นี่ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยครับ งานนี้เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของการเมืองไทย อย่าเพิ่งรำคาญอย่าไปหงุดหงิด แม้จะดูแล้วเละตุ้มเป๊ะได้ถึงขนาดนี้ พรรคพลังประชารัฐกับพรรคประชาธิปัตย์จะพาตัวเองให้รอดจากสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความขัดแย้งรุนแรงในภายพรรคในเวลานี้ เพราะประเด็นการร่วมรัฐบาลของพรรคและการเป็นรัฐมนตรีของผู้บริหารของพรรคได้อย่างไร คงจะมีคำตอบภายในเร็ววันนี้ การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในช่วงวันที่ ๑๗-๑๘ กันยายนที่จะถึงนี้ ถ้าหากฟังจากที่นายเจอโรม พาวเวล (Jerome Powell) ประธานธนาคารกลางไปพูดที่เมืองตากอากาศแจคสันโฮล ในรัฐไวโอมิงว่าถึงเวลาต้องปรับนโยบายการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายได้แล้ว เพราะหมดห่วงเรื่องเงินเฟ้อแล้ว แต่มาห่วงเรื่องการว่างงานแทนจึงทำให้ต้องลดดอกเบี้ย นั่นก็หมายความว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐที่กำหนดไว้ร้อยละ ๕.๒๕-๕.๕๐ ในปัจจุบันจะเริ่มแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป จะลดมากน้อยลดเร็วช้าแค่ไหนไม่สำคัญเท่ากับทิศทางของดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างชัดเจน ค่าเงิน หุ้น และอะไรที่ผูกโยงกับนโยบายการเงินของสหรัฐคงต้องปรับตัวตามไปด้วย สำหรับบ้านเราอัตราดอกเบี้ยนโยบายซึ่งในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ ๒.๕๐ นั้น เท่าที่ฟังจากเกณฑ์ในการตัดสินเรื่องนี้จากผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกรรมการเสียงข้างน้อยในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่เจอกันสุดสัปดาห์นี้ คิดว่าคงยังไม่ถึงเวลาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายครับ งานนี้คงต้องมีเรื่องมีราวเรื่องลดไม่ลดดอกเบี้ยระหว่างรัฐบาลคุณแพทองธาร ชินวัตร กับธนาคารแห่งประเทศไทยไปอีกสักระยะหนึ่งครับ บันทึกเอาไว้กันลืมว่าเดือนสิงหาคม มีผู้นำสามประเทศในเอเชียต้องเผชิญชะตากรรมที่ทำให้พ้นจากตำแหน่งแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นบังกลาเทศ (เหมือน ๑๔ ตุลาคมปี ๒๕๑๖ ในบ้านเรา) ไทย (คงไม่ต้องบอกอะไรเพิ่มเติม) และญี่ปุ่น ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีฟูมิโอ คิชิดะ (Fumio Kishida) ได้ประกาศวางมือลงจากตำแหน่ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกคนมาเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของเขาน่าสนใจครับ ถ้ามีเวลาจะหาโอกาสมาคุยให้ฟัง ขอจบลงตรงนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบว่าพรบ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณพ.ศ๒๕๖๗ วงเงิน ๑๒๒,๐๐๐ ล้านบาทมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ ๒๓ สิงหาคม หลังจากได้นำประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาในวันที่ ๒๒ สิงหาคมที่ผ่านมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครที่รอแจกเงินสดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่โครงการดิจิตอลเลตเตรียมรับได้เลย วีระ ธีรภัทร วันอาทิตย์ที่ ๒๕ สิงหาคม 2567” ที่มา https://www.facebook.com/share/p/ZPvoLGVkV5QkhJNR/?mibextid=CTbP7E Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 742 Views 0 Reviews
  • ตั้งพรรคด้วยสูตรเปลี่ยนฉลากน้ำดื่มและฉลากน้ำเมา เลขประจำตัวผู้เสียภาษียังชื่อ "พรรคถิ่นกาขาว" แต่ใบบันทึกรับเงินบริจาคชื่อ "พรรคประชาชน"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ประชาชวยยุบแน่
    ตั้งพรรคด้วยสูตรเปลี่ยนฉลากน้ำดื่มและฉลากน้ำเมา เลขประจำตัวผู้เสียภาษียังชื่อ "พรรคถิ่นกาขาว" แต่ใบบันทึกรับเงินบริจาคชื่อ "พรรคประชาชน" #คิงส์โพธิ์แดง #ประชาชวยยุบแน่
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • พื้นที่สุสานในกาซาขาดแคลนเนื่องจากการรุกรานของเอล
    ยอดผู้ถูกดับชีพที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลใน
    กาซาพุ่งสูง
    เกิน 40,000 รายเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่มีพื้นที่ในสุสานให้ครอบครัวต่างๆ ฝังร่างอันไร้วิญญาณคนที่ตนรัก
    ชาวปาเลสในกาซาต้องดิ้นรนหาพื้นที่ว่างในสุสานสำหรับสมาชิกครอบครัวที่ถูกดับชีพในความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคกลางของดินแดนที่ถูกปิดล้อม
    ซาอัด ฮัสซัน บารากัต พนักงานสุสานแห่งหนึ่งในเมืองกาซา กล่าวว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในการทำงานในสุสาน แต่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน
    บารากัตกล่าวว่าก่อนเกิดการรุกรานอย่างไร่มนุษยธรรมจากเอล เขาจะฝังร่างเพียงไม่กี่ร่างในแต่ละวัน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เขาก็ฝังไปแล้วถึง 70, 80, 100 หรือแม้กระทั่ง 300 ในวันเดียว
    “ปัญหาคือไม่มีพื้นที่เหลือให้ขุดหลุมฝังแล้ว ผมจึงต้องวางหลุมซ้อนกัน” สำนักข่าว Anadolu อ้างคำพูดของเขา “ที่นี่ไม่ใช่หลุมแค่ชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่เป็นสามชั้น”
    .
    #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews
    #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง
    -------------------------------
    สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    พื้นที่สุสานในกาซาขาดแคลนเนื่องจากการรุกรานของเอล ยอดผู้ถูกดับชีพที่สามารถบันทึกเอาไว้ได้จากการโจมตีอย่างต่อเนื่องของเอลใน กาซาพุ่งสูง เกิน 40,000 รายเข้าไปแล้ว ทำให้ไม่มีพื้นที่ในสุสานให้ครอบครัวต่างๆ ฝังร่างอันไร้วิญญาณคนที่ตนรัก ชาวปาเลสในกาซาต้องดิ้นรนหาพื้นที่ว่างในสุสานสำหรับสมาชิกครอบครัวที่ถูกดับชีพในความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคกลางของดินแดนที่ถูกปิดล้อม ซาอัด ฮัสซัน บารากัต พนักงานสุสานแห่งหนึ่งในเมืองกาซา กล่าวว่า เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตในการทำงานในสุสาน แต่ไม่เคยเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้มาก่อน บารากัตกล่าวว่าก่อนเกิดการรุกรานอย่างไร่มนุษยธรรมจากเอล เขาจะฝังร่างเพียงไม่กี่ร่างในแต่ละวัน แต่ตั้งแต่เดือนตุลาคมเป็นต้นมา เขาก็ฝังไปแล้วถึง 70, 80, 100 หรือแม้กระทั่ง 300 ในวันเดียว “ปัญหาคือไม่มีพื้นที่เหลือให้ขุดหลุมฝังแล้ว ผมจึงต้องวางหลุมซ้อนกัน” สำนักข่าว Anadolu อ้างคำพูดของเขา “ที่นี่ไม่ใช่หลุมแค่ชั้นเดียวหรือสองชั้น แต่เป็นสามชั้น” . #WAYTNEWS #WayTNews #waytnews #ข่าวสารอัพเดท #ติดตามข่าว #สถานการณ์ปัจจุบัน #ข่าวสารความจริง ------------------------------- สนใจโปรไวต้า คลิก▶ https://www.facebook.com/TPIPolene?locale=t
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • ออสเตรเลีย=รัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ?
    โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย

    ผมได้ยินชื่อของพอล คีทติ้ง บ่อย เพราะแกเป็นอดีตหัวหน้าพรรคแรงงานของออสเตรเลีย

    สมัยก่อนตอนโน้น เคยมีผู้สมัคร สส.ของพรรคแรงงานมาพักที่บ้านเราที่กรุงเทพฯ และเล่าเรื่องของนายคีทติ้งให้พวกเราฟังบ่อย

    ช่วงที่พ่อของผมเรียนอยู่ที่ St. Arnaud High School รัฐวิคตอเรีย ตอนนั้นนายคีทติ้งดังมาก แกเป็น สส.มาตั้งแต่ ค.ศ.1969 จนถึง 1996 เปิดทีวีดูหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็จะเจอเรื่องราวของ สส.คีทติ้ง

    ต่อมาคีทติ้งเป็นรัฐมนตรีคลัง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคแรงงาน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของออสเตรเลีย

    ครอบครัวผมตามการทำงานของนายคีทติ้งมานานกว่า 45 ปี ทำให้เราทราบว่านายคีทติ้งมองโลกอย่างคนที่ตกผลึกมีประสบการณ์ที่ชั่วเคยมีดีเคยผ่านมาก่อน

    ออสเตรเลียเป็นประเทศของพวกฝรั่งมังค่าผิวขาวที่มาลงหลักปักฐานในซีกโลกใต้ อยู่ใกล้กับจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกหลายแห่ง

    ดูเหมือนนายคีทติ้งมองว่าออสเตรเลียควรรักษาความสัมพันธ์กับประเทศใกล้บ้านไว้เพื่อความสุขสงบในปัจจุบันและในภายภาคหน้า

    นโยบายของสหรัฐฯคือต้องยับยั้งการเจริญเติบโตของจีนให้ได้ สหรัฐฯจึงสร้างกลุ่มขึ้นมาหลายกลุ่มเพื่อต่อต้านจีน ที่น่าสนใจคือ AUKUS หรือออคัส ซึ่งเป็นอักษรย่อจากชื่อของออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

    เป็นกติกาสัญญาความมั่นคงไตรภาคี ภายใต้กติกาออคัส สหรัฐฯและอังกฤษจะช่วยออสเตรเลียพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการเพิ่มบทบาททางการทหารของชาติตะวันตกในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

    ในการประกาศร่วมของนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน (ออสเตรเลีย) นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน (อังกฤษ) และประธานาธิบดีไบเดน (สหรัฐฯ) แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าตั้งกลุ่มออคัสขึ้นมาเพื่อจะต่อต้านอิทธิพลของใครในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

    แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 3 ประเทศตะวันตกมีเป้าหมายที่จะเหยียบจีน ทั้ง 3 ประเทศรอจังหวะความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันเพื่อจะใช้สร้างความชอบธรรมในการลุยกับจีน

    ออคัสยังครอบคลุมอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ สงครามไซเบอร์ สมรรถนะใต้น้ำ สมรรถนะในการโจมตีระยะไกล ฯลฯ

    สหรัฐฯเข้ามาสร้างกลุ่มหลายกลุ่มในภูมิภาคนี้เพื่อเตรียมลุยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นกติกาสัญญาแอนซัส (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ไฟฟ์อายส์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตร แบ่งปันข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่มีเกาหลีใต้และญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย

    มีนาคม 2023 ออสเตรเลียประกาศจะซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯจำนวน 5 ลำ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสมัยนั้นคือ นายอัลบาเนซี ประกาศว่า ‘นี่คือการยกระดับการทหารครั้งใหญ่สุดของประเทศ’ ส่วนประธานาธิบดีไบเดนโม้ว่า ‘นี่จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกมีความเปิดกว้างและเสรี’

    ขณะที่นักการเมืองออสเตรเลียจำนวนหนึ่งเอาเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่จะซื้อจากสหรัฐฯไปโม้กับประชาชน ผู้ที่อยู่กับการเมืองมายาวนานกว่า 55 ปี เป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ และนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลานานถึง 21 ปี อย่างนายคีทติ้งกลับบอกว่า “นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่”

    “ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่านี่เป็นความหายนะ” นายคีทติ้งพูดต่อว่า “หลายคนบอกว่าจีนต้องการครอบครองซิดนีย์และเมลเบิร์น ผมขอถามว่าเพื่ออะไร เพื่อการทหารอย่างนั้นหรือ” “นี่เป็นการเดินทางที่อันตรายและไม่จำเป็น และจะนำผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา เมื่อประเทศถูกนำไปพัวพันกับความขัดแย้งในอนาคต”

    8 สิงหาคม 2024 นายคีทติ้งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ว่า ข้อตกลงออคัสจะทำให้สหรัฐฯเข้ามาประจำการแทนที่ทหารของเรา (ออสเตรเลีย) และล้อมประเทศของเราด้วยฐานทัพ

    แคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) ต้องสละสิทธิ์ในการตัดสินใจนโยบายต่างประเทศและกลาโหมของตนเอง ออสเตรเลียจะสูญเสียความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์โดยสิ้นเชิง

    “นี่คือการควบคุมออสเตรเลียทางด้านการทหาร” และ “เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนออสเตรเลียให้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ”

    ผู้นำที่จัดเจนโลกอย่างคีทติ้งพยายามทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับประเทศอื่น (อย่างเช่นจีน) เบาลง

    แต่สหรัฐฯจะไม่มีวันยอม.

    ที่มา : เฟซบุ๊ก นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย
    https://www.facebook.com/share/p/pssHLmKwqPJRatV4/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    ออสเตรเลีย=รัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ? โดย นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย ผมได้ยินชื่อของพอล คีทติ้ง บ่อย เพราะแกเป็นอดีตหัวหน้าพรรคแรงงานของออสเตรเลีย สมัยก่อนตอนโน้น เคยมีผู้สมัคร สส.ของพรรคแรงงานมาพักที่บ้านเราที่กรุงเทพฯ และเล่าเรื่องของนายคีทติ้งให้พวกเราฟังบ่อย ช่วงที่พ่อของผมเรียนอยู่ที่ St. Arnaud High School รัฐวิคตอเรีย ตอนนั้นนายคีทติ้งดังมาก แกเป็น สส.มาตั้งแต่ ค.ศ.1969 จนถึง 1996 เปิดทีวีดูหรืออ่านหนังสือพิมพ์ก็จะเจอเรื่องราวของ สส.คีทติ้ง ต่อมาคีทติ้งเป็นรัฐมนตรีคลัง รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคแรงงาน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 24 ของออสเตรเลีย ครอบครัวผมตามการทำงานของนายคีทติ้งมานานกว่า 45 ปี ทำให้เราทราบว่านายคีทติ้งมองโลกอย่างคนที่ตกผลึกมีประสบการณ์ที่ชั่วเคยมีดีเคยผ่านมาก่อน ออสเตรเลียเป็นประเทศของพวกฝรั่งมังค่าผิวขาวที่มาลงหลักปักฐานในซีกโลกใต้ อยู่ใกล้กับจีน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และประเทศในกลุ่มอาเซียนอีกหลายแห่ง ดูเหมือนนายคีทติ้งมองว่าออสเตรเลียควรรักษาความสัมพันธ์กับประเทศใกล้บ้านไว้เพื่อความสุขสงบในปัจจุบันและในภายภาคหน้า นโยบายของสหรัฐฯคือต้องยับยั้งการเจริญเติบโตของจีนให้ได้ สหรัฐฯจึงสร้างกลุ่มขึ้นมาหลายกลุ่มเพื่อต่อต้านจีน ที่น่าสนใจคือ AUKUS หรือออคัส ซึ่งเป็นอักษรย่อจากชื่อของออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา เป็นกติกาสัญญาความมั่นคงไตรภาคี ภายใต้กติกาออคัส สหรัฐฯและอังกฤษจะช่วยออสเตรเลียพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สำหรับการเพิ่มบทบาททางการทหารของชาติตะวันตกในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในการประกาศร่วมของนายกรัฐมนตรีมอร์ริสัน (ออสเตรเลีย) นายกรัฐมนตรีจอห์นสัน (อังกฤษ) และประธานาธิบดีไบเดน (สหรัฐฯ) แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยชื่อว่าตั้งกลุ่มออคัสขึ้นมาเพื่อจะต่อต้านอิทธิพลของใครในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า 3 ประเทศตะวันตกมีเป้าหมายที่จะเหยียบจีน ทั้ง 3 ประเทศรอจังหวะความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวันเพื่อจะใช้สร้างความชอบธรรมในการลุยกับจีน ออคัสยังครอบคลุมอีกหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญญาประดิษฐ์ สงครามไซเบอร์ สมรรถนะใต้น้ำ สมรรถนะในการโจมตีระยะไกล ฯลฯ สหรัฐฯเข้ามาสร้างกลุ่มหลายกลุ่มในภูมิภาคนี้เพื่อเตรียมลุยกับจีน ไม่ว่าจะเป็นกติกาสัญญาแอนซัส (สหรัฐฯ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์) ไฟฟ์อายส์ ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตร แบ่งปันข่าวกรองระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ยังมีกลุ่มอื่นๆ ที่มีเกาหลีใต้และญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย มีนาคม 2023 ออสเตรเลียประกาศจะซื้อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯจำนวน 5 ลำ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียสมัยนั้นคือ นายอัลบาเนซี ประกาศว่า ‘นี่คือการยกระดับการทหารครั้งใหญ่สุดของประเทศ’ ส่วนประธานาธิบดีไบเดนโม้ว่า ‘นี่จะทำให้ภูมิภาคแปซิฟิกมีความเปิดกว้างและเสรี’ ขณะที่นักการเมืองออสเตรเลียจำนวนหนึ่งเอาเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ที่จะซื้อจากสหรัฐฯไปโม้กับประชาชน ผู้ที่อยู่กับการเมืองมายาวนานกว่า 55 ปี เป็นรัฐมนตรี รองนายกฯ และนายกรัฐมนตรี รวมระยะเวลานานถึง 21 ปี อย่างนายคีทติ้งกลับบอกว่า “นี่เป็นหายนะครั้งใหญ่” “ประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่มองว่านี่เป็นความหายนะ” นายคีทติ้งพูดต่อว่า “หลายคนบอกว่าจีนต้องการครอบครองซิดนีย์และเมลเบิร์น ผมขอถามว่าเพื่ออะไร เพื่อการทหารอย่างนั้นหรือ” “นี่เป็นการเดินทางที่อันตรายและไม่จำเป็น และจะนำผลกระทบที่ร้ายแรงตามมา เมื่อประเทศถูกนำไปพัวพันกับความขัดแย้งในอนาคต” 8 สิงหาคม 2024 นายคีทติ้งให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอบีซี นิวส์ว่า ข้อตกลงออคัสจะทำให้สหรัฐฯเข้ามาประจำการแทนที่ทหารของเรา (ออสเตรเลีย) และล้อมประเทศของเราด้วยฐานทัพ แคนเบอร์รา (ออสเตรเลีย) ต้องสละสิทธิ์ในการตัดสินใจนโยบายต่างประเทศและกลาโหมของตนเอง ออสเตรเลียจะสูญเสียความเป็นอิสระเชิงยุทธศาสตร์โดยสิ้นเชิง “นี่คือการควบคุมออสเตรเลียทางด้านการทหาร” และ “เป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนออสเตรเลียให้กลายเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐฯ” ผู้นำที่จัดเจนโลกอย่างคีทติ้งพยายามทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างออสเตรเลียกับประเทศอื่น (อย่างเช่นจีน) เบาลง แต่สหรัฐฯจะไม่มีวันยอม. ที่มา : เฟซบุ๊ก นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย https://www.facebook.com/share/p/pssHLmKwqPJRatV4/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 571 Views 0 Reviews
  • สุดยอด "ธรรมาสน์สังเค็ด" ศิลปะอยุธยา ที่ควรค่าแก่การชมด้วยตาเนื้อ ธรรมาสน์สังเค็ดไม้หลังนี้เป็นของเก่าแก่จากวัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จทอดพระเนตร ณ วัดใหญ่สุวรรณาราม และทรงบันทึกเอาไว้ว่าเป็นธรรมาสน์สังเค็ดที่งามยิ่ง

    #misctoday
    สุดยอด "ธรรมาสน์สังเค็ด" ศิลปะอยุธยา ที่ควรค่าแก่การชมด้วยตาเนื้อ ธรรมาสน์สังเค็ดไม้หลังนี้เป็นของเก่าแก่จากวัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี ในสมัยรัชกาลที่ ๕ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จทอดพระเนตร ณ วัดใหญ่สุวรรณาราม และทรงบันทึกเอาไว้ว่าเป็นธรรมาสน์สังเค็ดที่งามยิ่ง #misctoday
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • สิ้นแล้ว ! เพลิน พรหมแดน ศิลปินแห่งชาติ ปี2555 อดีตนักร้องลูกทุ่งยอดนิยมสมญานาม“ราชาเพลงพูด” สิริอายุ 85ปี

    3 สิงหาคม 2567- นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) แจ้งข่าวว่า ได้รับการประสานงานจากคุณชัยธนา พรมธนารัช เลขานุการของนายสมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย ลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2555 ว่า เพลิน พรหมแดน ถึงแก่กรรม ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลศิริราช เวลาประมาณ 11.10 น. โดยเลขานุการของครูเพลิน พรมแดน แจ้งว่า ครูเป็นลมล้มเมื่อช่วง 11.00 น. ที่ผ่านมาของวันนี้ แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช เข้าห้องฉุกเฉิน ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต จนกระทั่งเสียชีวิต ขณะนี้กำลังรอผลการวินิจฉัยถึงการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลศิริราช และกำลังวางแผนในการนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นที่ไหนอย่างไร

    สำหรับศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิตจะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตามกฎกระทรวงกําหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ดังนี้ เงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิต จำนวน 20,000 บาท ค่าเครื่องเคารพศพ จำนวน 3,000 บาท เงินค่าจัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่ผลงาน จำนวน 150,000 บาท

    ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า สมส่วน พรหมสว่าง หรือ เพลิน พรหมแดน เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทย
    เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ที่บ้านกิโลสอง อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันแยกออกมาเป็นจังหวัดสระแก้ว ) มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงเป็นที่รู้จักในเพลง "ชมทุ่ง", "บุญพี่ที่น้องรัก", "คนเดินดิน", "คนไม่มีดาว", "อย่าลืมเมืองไทย", "ข่าวสดๆ", "อาตี๋สักมังกร", "ให้พี่รวยเสียก่อน" ซึ่งส่วนมากเป็นเพลงพูด จึงได้รับสมญานาม ราชาเพลงพูด และได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ประจำปี พ.ศ. 2555

    คลิปเพลงชมทุ่ง https://youtu.be/4O93FAGU6cQ?si=KJ0LagZkagCWA5da

    #Thaitimes

    สิ้นแล้ว ! เพลิน พรหมแดน ศิลปินแห่งชาติ ปี2555 อดีตนักร้องลูกทุ่งยอดนิยมสมญานาม“ราชาเพลงพูด” สิริอายุ 85ปี 3 สิงหาคม 2567- นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) แจ้งข่าวว่า ได้รับการประสานงานจากคุณชัยธนา พรมธนารัช เลขานุการของนายสมส่วน พรหมสว่าง (เพลิน พรหมแดน) ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทย ลูกทุ่ง) พุทธศักราช 2555 ว่า เพลิน พรหมแดน ถึงแก่กรรม ด้วยอาการหัวใจล้มเหลว ณ โรงพยาบาลศิริราช เวลาประมาณ 11.10 น. โดยเลขานุการของครูเพลิน พรมแดน แจ้งว่า ครูเป็นลมล้มเมื่อช่วง 11.00 น. ที่ผ่านมาของวันนี้ แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลศิริราช เข้าห้องฉุกเฉิน ปั๊มหัวใจยื้อชีวิต จนกระทั่งเสียชีวิต ขณะนี้กำลังรอผลการวินิจฉัยถึงการเสียชีวิตอย่างเป็นทางการของโรงพยาบาลศิริราช และกำลังวางแผนในการนำร่างกลับไปบำเพ็ญกุศลซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นที่ไหนอย่างไร สำหรับศิลปินแห่งชาติที่เสียชีวิตจะได้รับสวัสดิการช่วยเหลือจากกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตามกฎกระทรวงกําหนดสาขา คุณสมบัติ หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือก และประโยชน์ตอบแทนของศิลปินแห่งชาติ พ.ศ. 2555 ดังนี้ เงินช่วยเหลือเมื่อเสียชีวิต จำนวน 20,000 บาท ค่าเครื่องเคารพศพ จำนวน 3,000 บาท เงินค่าจัดพิมพ์หนังสือเผยแพร่ผลงาน จำนวน 150,000 บาท ประวัติจากวิกิพีเดียระบุว่า สมส่วน พรหมสว่าง หรือ เพลิน พรหมแดน เป็นนักร้องเพลงลูกทุ่งชาวไทย เกิดเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2482 ที่บ้านกิโลสอง อำเภออรัญประเทศ จังหวัดปราจีนบุรี (ปัจจุบันแยกออกมาเป็นจังหวัดสระแก้ว ) มีผลงานบันทึกแผ่นเสียงเป็นที่รู้จักในเพลง "ชมทุ่ง", "บุญพี่ที่น้องรัก", "คนเดินดิน", "คนไม่มีดาว", "อย่าลืมเมืองไทย", "ข่าวสดๆ", "อาตี๋สักมังกร", "ให้พี่รวยเสียก่อน" ซึ่งส่วนมากเป็นเพลงพูด จึงได้รับสมญานาม ราชาเพลงพูด และได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยลูกทุ่ง) ประจำปี พ.ศ. 2555 คลิปเพลงชมทุ่ง https://youtu.be/4O93FAGU6cQ?si=KJ0LagZkagCWA5da #Thaitimes
    Sad
    1
    1 Comments 0 Shares 466 Views 0 Reviews
  • สิ้นแล้ว “อาจารย์ทองแถม นาถจำนง” เจ้าของนามปากกา “โชติช่วง นาดอน” มีผลงานด้านจีนศึกษา ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมจีนจำนวนมาก นักแปลบทภาพยนตร์โทรทัศน์ “สามก๊ก” สิริอายุ 69 ปี

    2 สิงหาคม 2567 - เพจเฟซบุ๊ก “สามก๊ก 1994 三国演义” โพสต์อาลัย “อาจารย์ทองแถม” นักแปลชื่อดัง อดีตบรรณาธิการสยามรัฐ เสียชีวิตแล้ว สิริอายุ 69 ปี โดยระบุข้อความว่า

    “อำลาอาลัย อาจารย์ทองแถม นาถจำนง

    ทองแถม นาถจำนง (๒๔๙๘-๒๕๖๗)

    滚滚长江东逝水,
    น้ำแยงซี รี่ไหล ไปบูรพา

    浪花淘尽英雄。
    คลื่นซัดกวาดพา วีรชน หล่นลับหาย

    是非成败转头空。
    ถูกผิดแพ้ชนะ วัฏจักร เวียนว่างดาย

    青山依旧在,几度夕阳红。
    สิงขรยังคง ตาวันยังฉาย นานเท่านาน

    บทกวีนำวรรณกรรมสามก๊กและบทเพลงเปิดภาพยนตร์โทรทัศน์ สามก๊ก 1994 แปลโดย อ.ทองเเถม นาถจำนง

    อาจารย์ทองแถม นาถจำนง นามปากกา “โชติช่วง นาดอน” มีผลงานด้านจีนศึกษา ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมจีนจำนวนมาก ผลงานหนึ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งสำหรับวงการสามก๊กในประเทศไทย คือการแปลบทภาพยนตร์โทรทัศน์ สามก๊ก 1994 三国演义 เป็นภาษาไทย ซึ่งนับเป็นงานใหญ่และยากยิ่ง แต่ท่านสามารถแปลและใช้คำได้อย่างไพเราะสละสลวยอย่างที่สุด ไม่สามารถพบได้ในสื่อหรือบทแปลภาพยนตร์และภาพยนตร์โทรทัศน์ใดในสมัยนี้ ทางผมเองได้เคยพูดคุยกับอาจารย์ทาง Messenger หลายครั้ง และเคยร่วมงานพิธีลงนามและแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-จีน

    ในการเผยแพร่ภาพยนตร์โทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์จีนชุด “สามก๊ก” 《三国演义》1994 ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันนั้นได้มีโอกาสเดินทางร่วมกับอาจารย์ทองแถมอย่างใกล้ชิด ได้สนทนาพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานแปลสามก๊ก 1994 ได้รับความรู้และเรื่องราวต่าง ๆ จากท่าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่มีการจดบันทึก เป็นข้อมูลที่เกิดจากประสบการณ์และได้รับการถ่ายทอดด้วยการพูดคุยกับท่านโดยตรง นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และประทับใจจนทุกวันนี้“

    กราบคารวะอาจารย์ทองแถมสู่สุคติในสัมปรายภพ

    บทสัมภาษณ์พิเศษ อ.ทองแถมที่ผู้จัดการออนไลน์บันทึกไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว 10 ก.ค.2558 https://mgronline.com/china/detail/9580000078184#lzcmbn1540ec6hyp8mj บ่งบอกความลึกซึ้งในวิถีศรัทธาของอาจารย์ทองแถมในปรัชญาเต๋า เถายวนหมิง และแปลปรัชญาเต๋าของเล่าจื๊อ ที่ถือเป็นสุดยอดมรดกทางปัญญาของจีน

    หลักคิดของอาจารย์บนเส้นทางที่ยากลำบากของนักแปลปรัชญาวรรณกรรมจีนที่ให้ไว้กับคนรุ่นหลัง

    หนึ่ง-การเป็นนักเขียนอาชีพที่จะพึ่งรายได้ จากการแปลภาษาจีน มันยากมาก เราต้องมีความสามารถในเชิงวรรณศิลป์มาก ๆ สำนักพิมพ์จึงจะกล้าพิมพ์หนังสือให้เรา

    สอง-ต้องเข้าใจตลาดด้วย ต้องวิเคราะห์ให้เป็นว่า แนวเรื่องแบบใดจะขายได้ในตลาด เพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงชีพ

    สาม-เราควรมี “กล่อง” ไว้บ้าง คือมีงานมาสเตอร์พีซที่จะทำให้เราได้รับการยอมรับ แล้วสร้างแนวเรื่องของตนเองได้สำเร็จ เช่นว่าถ้าเรื่องกลยุทธ์บริหารโดยพิชัยสงครามจีนแล้ว อ่านงานของเราแล้วไม่ผิดหวัง

    สี่-ควรมีทั้งงานแปลและงานค้นคว้าเขียนเอง

    “ “ผมปรารถนาชีวิตสมถะ สงบสุข แบบเถายวนหมิง แม้จะรู้ว่าบางช่วงก็ต้องมีปัญหาด้านเศรษฐกิจบ้าง”อาจารยทองแถมกล่าว

    พิธีศพจัดที่ ศาลา 4 วัดภคินีนาถวรวิหาร ซอยราชวิถี 21 พิธีสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศล2-6 ส.ค.และพิธีฌาปนกิจในวันที่ 7 ส.ค.2567

    #Thaitimes
    สิ้นแล้ว “อาจารย์ทองแถม นาถจำนง” เจ้าของนามปากกา “โชติช่วง นาดอน” มีผลงานด้านจีนศึกษา ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมจีนจำนวนมาก นักแปลบทภาพยนตร์โทรทัศน์ “สามก๊ก” สิริอายุ 69 ปี 2 สิงหาคม 2567 - เพจเฟซบุ๊ก “สามก๊ก 1994 三国演义” โพสต์อาลัย “อาจารย์ทองแถม” นักแปลชื่อดัง อดีตบรรณาธิการสยามรัฐ เสียชีวิตแล้ว สิริอายุ 69 ปี โดยระบุข้อความว่า “อำลาอาลัย อาจารย์ทองแถม นาถจำนง ทองแถม นาถจำนง (๒๔๙๘-๒๕๖๗) 滚滚长江东逝水, น้ำแยงซี รี่ไหล ไปบูรพา 浪花淘尽英雄。 คลื่นซัดกวาดพา วีรชน หล่นลับหาย 是非成败转头空。 ถูกผิดแพ้ชนะ วัฏจักร เวียนว่างดาย 青山依旧在,几度夕阳红。 สิงขรยังคง ตาวันยังฉาย นานเท่านาน บทกวีนำวรรณกรรมสามก๊กและบทเพลงเปิดภาพยนตร์โทรทัศน์ สามก๊ก 1994 แปลโดย อ.ทองเเถม นาถจำนง อาจารย์ทองแถม นาถจำนง นามปากกา “โชติช่วง นาดอน” มีผลงานด้านจีนศึกษา ประวัติศาสตร์และวรรณกรรมจีนจำนวนมาก ผลงานหนึ่งที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งสำหรับวงการสามก๊กในประเทศไทย คือการแปลบทภาพยนตร์โทรทัศน์ สามก๊ก 1994 三国演义 เป็นภาษาไทย ซึ่งนับเป็นงานใหญ่และยากยิ่ง แต่ท่านสามารถแปลและใช้คำได้อย่างไพเราะสละสลวยอย่างที่สุด ไม่สามารถพบได้ในสื่อหรือบทแปลภาพยนตร์และภาพยนตร์โทรทัศน์ใดในสมัยนี้ ทางผมเองได้เคยพูดคุยกับอาจารย์ทาง Messenger หลายครั้ง และเคยร่วมงานพิธีลงนามและแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือทางวัฒนธรรมไทย-จีน ในการเผยแพร่ภาพยนตร์โทรทัศน์อิงประวัติศาสตร์จีนชุด “สามก๊ก” 《三国演义》1994 ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ วันนั้นได้มีโอกาสเดินทางร่วมกับอาจารย์ทองแถมอย่างใกล้ชิด ได้สนทนาพูดคุยเกี่ยวกับการทำงานแปลสามก๊ก 1994 ได้รับความรู้และเรื่องราวต่าง ๆ จากท่าน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่มีการจดบันทึก เป็นข้อมูลที่เกิดจากประสบการณ์และได้รับการถ่ายทอดด้วยการพูดคุยกับท่านโดยตรง นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง และประทับใจจนทุกวันนี้“ กราบคารวะอาจารย์ทองแถมสู่สุคติในสัมปรายภพ บทสัมภาษณ์พิเศษ อ.ทองแถมที่ผู้จัดการออนไลน์บันทึกไว้เมื่อสิบปีที่แล้ว 10 ก.ค.2558 https://mgronline.com/china/detail/9580000078184#lzcmbn1540ec6hyp8mj บ่งบอกความลึกซึ้งในวิถีศรัทธาของอาจารย์ทองแถมในปรัชญาเต๋า เถายวนหมิง และแปลปรัชญาเต๋าของเล่าจื๊อ ที่ถือเป็นสุดยอดมรดกทางปัญญาของจีน หลักคิดของอาจารย์บนเส้นทางที่ยากลำบากของนักแปลปรัชญาวรรณกรรมจีนที่ให้ไว้กับคนรุ่นหลัง หนึ่ง-การเป็นนักเขียนอาชีพที่จะพึ่งรายได้ จากการแปลภาษาจีน มันยากมาก เราต้องมีความสามารถในเชิงวรรณศิลป์มาก ๆ สำนักพิมพ์จึงจะกล้าพิมพ์หนังสือให้เรา สอง-ต้องเข้าใจตลาดด้วย ต้องวิเคราะห์ให้เป็นว่า แนวเรื่องแบบใดจะขายได้ในตลาด เพื่อให้มีรายได้พอเลี้ยงชีพ สาม-เราควรมี “กล่อง” ไว้บ้าง คือมีงานมาสเตอร์พีซที่จะทำให้เราได้รับการยอมรับ แล้วสร้างแนวเรื่องของตนเองได้สำเร็จ เช่นว่าถ้าเรื่องกลยุทธ์บริหารโดยพิชัยสงครามจีนแล้ว อ่านงานของเราแล้วไม่ผิดหวัง สี่-ควรมีทั้งงานแปลและงานค้นคว้าเขียนเอง “ “ผมปรารถนาชีวิตสมถะ สงบสุข แบบเถายวนหมิง แม้จะรู้ว่าบางช่วงก็ต้องมีปัญหาด้านเศรษฐกิจบ้าง”อาจารยทองแถมกล่าว พิธีศพจัดที่ ศาลา 4 วัดภคินีนาถวรวิหาร ซอยราชวิถี 21 พิธีสวดอภิธรรมบำเพ็ญกุศล2-6 ส.ค.และพิธีฌาปนกิจในวันที่ 7 ส.ค.2567 #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 547 Views 0 Reviews
  • วันที่2สิงหาคม2567 ฝนพรำมาทั้งคืนตอนเช้าท้องฟ้าเต็มไปด้วยละอองฝน ว่างสอน โน้ตบุ๊คเจ๊งจอดำ หยิบมือถือเข้าเฟสเจอคุณสนธิ ไลฟ์สดสถานการณ์โลก แล้วก็เจอคุณสนธิแนะนำThaitime สมัครเลยของคนไทยสนับสนุนเสมอครับ
    #บันทึกไว้เตือนความทรงจำ..
    วันที่2สิงหาคม2567 ฝนพรำมาทั้งคืนตอนเช้าท้องฟ้าเต็มไปด้วยละอองฝน ว่างสอน โน้ตบุ๊คเจ๊งจอดำ หยิบมือถือเข้าเฟสเจอคุณสนธิ ไลฟ์สดสถานการณ์โลก แล้วก็เจอคุณสนธิแนะนำThaitime สมัครเลยของคนไทยสนับสนุนเสมอครับ #บันทึกไว้เตือนความทรงจำ..
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • https://www.youtube.com/watch?v=AxAeZYoHtvY

    With Canva Create 2024 came exciting new Canva updates and we're covering the most important ones in this video! In today's Canva tutorial for beginners, you'll learn how to use the Canva update with Blend, Video Mockups, new video features and much more. We've been blessed with new Canva video editing features like Enhance Audio for content creators who record content with phone but want better audio quality, Highlights for key video moments and then some. If you want to get better at design with Canva, then this video is going to help you a lot! The Canva glowup along with these new features have been introduced at Canva Create 2024 back in May and it's coming to all of us very soon.

    Canva Create 2024 มาพร้อมกับการอัปเดต Canva ใหม่ที่น่าตื่นเต้น และเราจะพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในวิดีโอนี้ ในบทช่วยสอน Canva สำหรับผู้เริ่มต้นในวันนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้การอัปเดต Canva กับ Blend, วิดีโอจำลอง, ฟีเจอร์วิดีโอใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย เราได้รับพรด้วยฟีเจอร์การแก้ไขวิดีโอ Canva ใหม่ เช่น การปรับปรุงเสียงสำหรับผู้สร้างเนื้อหาที่บันทึกเนื้อหาด้วยโทรศัพท์แต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไฮไลท์สำหรับช่วงเวลาสำคัญของวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณต้องการพัฒนาการออกแบบด้วย Canva ให้ดีขึ้น วิดีโอนี้จะช่วยคุณได้มาก! Canva Glowup พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการเปิดตัวใน Canva Create 2024 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเปิดตัวให้ทุกคนได้ใช้งานเร็วๆ นี้
    https://www.youtube.com/watch?v=AxAeZYoHtvY With Canva Create 2024 came exciting new Canva updates and we're covering the most important ones in this video! In today's Canva tutorial for beginners, you'll learn how to use the Canva update with Blend, Video Mockups, new video features and much more. We've been blessed with new Canva video editing features like Enhance Audio for content creators who record content with phone but want better audio quality, Highlights for key video moments and then some. If you want to get better at design with Canva, then this video is going to help you a lot! The Canva glowup along with these new features have been introduced at Canva Create 2024 back in May and it's coming to all of us very soon. Canva Create 2024 มาพร้อมกับการอัปเดต Canva ใหม่ที่น่าตื่นเต้น และเราจะพูดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดในวิดีโอนี้ ในบทช่วยสอน Canva สำหรับผู้เริ่มต้นในวันนี้ คุณจะได้เรียนรู้วิธีใช้การอัปเดต Canva กับ Blend, วิดีโอจำลอง, ฟีเจอร์วิดีโอใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย เราได้รับพรด้วยฟีเจอร์การแก้ไขวิดีโอ Canva ใหม่ เช่น การปรับปรุงเสียงสำหรับผู้สร้างเนื้อหาที่บันทึกเนื้อหาด้วยโทรศัพท์แต่ต้องการคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น ไฮไลท์สำหรับช่วงเวลาสำคัญของวิดีโอ และอื่นๆ อีกมากมาย หากคุณต้องการพัฒนาการออกแบบด้วย Canva ให้ดีขึ้น วิดีโอนี้จะช่วยคุณได้มาก! Canva Glowup พร้อมด้วยฟีเจอร์ใหม่เหล่านี้ได้รับการเปิดตัวใน Canva Create 2024 เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และจะเปิดตัวให้ทุกคนได้ใช้งานเร็วๆ นี้
    0 Comments 1 Shares 462 Views 0 Reviews
  • 61.วันที่ 24 ก.พ.2567 CMUL Live สด อ.ทีน่า อ.เกรซ ครูหนึ่ง จาก สถาบัน CMUL สัมภาษณ์อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://fb.watch/qHUSo1JsoU/?
    62.วันที่ 29 ก.พ. 2567 อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เปิด 7 ประเด็นสำคัญในผลกระทบจากวัคซีน อันตรายและอำมหิตกว่าที่คิด!!
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/934445731382461/?
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5093
    63.วันที่ 1 มี.ค. 2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นหนังสือที่แพทยสภาขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณปลัดกระทรวงสาธารณสุข
    ในกรณีให้ข้อมูลอันเป็นเท็จในใบยินยอม
    โดยเสนอต่อนายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ และเลขาธิการแพทยสภา พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ
    รับเรื่องร้องเรียนโดย นักกฎหมาย ๒คน นาย พชร ศรีพน,นาย เชิดธวัช ชัยปัน ซึ่งจะนำไปดำเนินการตามขั้นตอน
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5040
    64.วันที่ 3 มี.ค. 2567 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยข้อมูลผลชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343
    65.วันที่ 4 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้จัดทำจดหมายเปิดผนึก ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy)
    เรียน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว,ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช,อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร
    https://www.facebook.com/share/p/KeWvtFzf97iegnXt/?mibextid=A7sQZp
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5060
    66.วันที่ 4 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
    ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ
    เรื่อง ขอให้ดำเนินการสอบสวนการกระทำผิดตามมาตรา ๑๔ (๑) (๒) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช ๒๕๕๐
    สิ่งที่ส่งมาด้วย
    ๑. เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอมปล่อยข่าวปลอมซะเอง
    https://drive.google.com/file/d/1i9sbg-QYtz6FThsC6fF3I11cZAGEob4a/view?usp=drivesdk
    ๒. จดหมายเปิดผนึกถึงกรมควบคุมโรค
    https://drive.google.com/file/d/1XH99tQSkWEYfNzkndd2F641pTSyGZEVW/view?usp=drivesdk
    ภาพหน้าจอของลิงก์ https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=24829
    บันทึกเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๒๐.๕๖ น.

    ภาพหน้าจอของลิงก์ “ข่าวปลอม อย่าแชร์! อย. แพ้คดี หลังไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน” บันทึกเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๒๐.๔๓ น.
    https://www.facebook.com/share/p/gRACNPyjcYW2L2cF/?mibextid=A7sQZp
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5058
    67.วันที่ 4 มี.ค. 2567 คุยกับอ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    CDC Webinar Live Talk หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine
    https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html
    68.วันที่ 8 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้จัดทำจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการแพทยสภา นพ.อิทธิพร คณะเจริญ
    ขอข้อมูลข่าวสารผลพิจารณา, ความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการลงมติของคณะกรรมการแพทยสภา
    กรณีร้องเรียนแพทยสภา ให้ตรวจสอบจรรยาบรรณทางการแพทย์กับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารระดับสูง
    ที่รณรงค์ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก แต่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จในใบยินยอมฉีดวัคซีน
    แต่ทางมติแพทยสภาไม่สามารถรับคำร้องไว้พิจารณาได้
    https://www.facebook.com/share/p/P96Z7cAkerZWkSnr/?mibextid=A7sQZp
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5140
    69.วันที่ 9 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ยื่นหนังสือ ให้อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียบร้อย (จนท.ขอไม่ให้ถ่ายภาพตอนยื่น) ลงวันที่ 9/3/67
    เรื่อง ขอให้ทบทวนยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และทั่วไป
    เรียน ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5202
    70.วันที่ 11 มี.ค. 2567 นายสมัครสุนทรเวช ปรีชาชัยวัฒน์ ยื่นหนังสือ ขอให้ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ชี้แจงข้อคำถามต่อไปนี้กับสังคม
    เรียน ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย/นายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย
    นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา
    สำเนาเรียน อุปนายกคนที่ ๑ นายยง ภู่วรวรรณ
    เลขาธิการ ศาสตราจารย์นายแพทย์วิฐารณ บุญสิทธิ
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5204
    https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna?sort=13&direction=a
    71.วันที่ 12 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ทำหนังสือ ขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ดำเนินการสอบสวนพฤติกรรมของบุคลากรในสังกัด
    ว่าการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบ จากวัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty)
    https://www.facebook.com/share/p/YW3rYQBZAr4cw6iE/?mibextid=xfxF2i
    เรียน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์
    https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna?sort=15&direction=
    72.วันที่ 14 มี.ค.2567 กลุ่มฯได้ยื่นหนังสือ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งหน่วยราชการในจังหวัดของท่าน ระงับการฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA
    เรื่อง ขอให้แจ้งหน่วยราชการในจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA ให้กับเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปในจังหวัดของท่าน
    เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย สำเนาเรียน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย,ศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย,นายอำเภอทุกอำเภอในประเทศไทย
    https://www.facebook.com/share/p/B56DSSQvcwuQR27C/?mibextid=A7sQZp
    ลิงค์เอกสารที่ส่งมาด้วย
    ๑. https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk
    ๒. https://drive.google.com/file/d/13c5JdUlMtDcgySLZcJza-B9-Ggz7O631/view?usp=drivesdk
    ๓. https://drive.google.com/file/d/1yRQbr1wo8rKGHuZ-aVcbkJ6HIAj7FFG8/view?usp=drivesdk
    ๔. https://drive.google.com/file/d/1ylQPQt7tqlMRxy9Vw7LDR37mFshpr8uQ/view?usp =drivesdk
    ๕. https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp =drivesdk
    ๖. https://drive.google.com/file/d/1IY7VTDFMvnHpdBwfjH4f-1CVTnSnomzq/view?usp =drivesdk
    73.วันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เปิดเผยความจริงจากแท่ง มหัศจรรย์นวัตกรรมสูงสุดก่อให้เกิดความเจ็บป่วยและเสียชีวิต ตอบทุกประเด็นที่มีการโต้แย้งหรือบิดเบือนกลบเกลื่อนความจริงทั้งหมดก่อนหน้านี้ ในงาน ”ความจริงมีหนึ่งเดียว“
    และผู้คนที่ออกมาต่อต้านควรจะได้รับการเปิดเผยว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างใดกับธุรกิจข้ามชาติ ตั้งแต่การ ได้รับทุนจากต่างประเทศ (ข้อมูลมีชัดเจน)
    สร้างความจริงเป็นเท็จ โดย ทั้งๆที่ไวรัสเป็นสิ่งประดิษฐ์หลุดออกมา
    และปัจจุบัน ยังหาไวรัสที่ใกล้ตัวร้ายแรงที่เคยระบาด ทั้งโควิด อีโบลา นิปาห์
    มาถอดรหัสพันธุกรรม และเพื่อสร้างไวรัสใหม่ในห้องทดลอง ที่ร้ายแรงกว่าเก่า เพื่อทำ ผลิตภัณฑ์ป้องกันและรักษา ด้วยนวัตกรรมเลื้อยดุ ขายต่อไม่จบไม่สิ้น ต่อยอดไปเรื่อยๆ
    รวยบนซากศพ ชีวิตและน้ำตา
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=809100071258309&id=100064749694453
    74.วันที่ 20 มีนาคม 2567 กลุ่มฯทำหนังสือ ขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่
    https://www.facebook.com/share/p/R8VqhhGLe7Vi2DoS/?mibextid=A7sQZp
    75.วันที่ 26 มีนาคม 2567 กลุ่มฯได้ทำหนังสือถึงประธานบริหารราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ง
    ประเทศไทย ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ เรื่อง ขอให้ประธานบริหารราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย
    ทบทวนการฉีดวัคซีน mRNA ในสตรีมีครรภ์
    https://www.facebook.com/share/p/WUvcdygvepHAxDrZ/?mibextid=A7sQZp
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5358
    76.วันที่ 27 มีนาคม 2567 กลุ่มฯ ได้ทำหนังสือถึง นายกสภาเภสัชกรรม รศ.(พิเศษ) เภสัชกร กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ ขอให้ควบคุมดูแลให้เภสัชกรปฎิบิติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเภสัชกรรม ในกรณีของวัคซีน mRNA
    https://www.facebook.com/share/p/VgRv8wCW9BMVt3Js/?mibextid=A7sQZp
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5379
    77. วันที่ 17 เมษายน 2567 กลุ่มฯ ได้ทำหนังสือถึง นายกแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ขอให้นายกแพทยสภาดำเนินการสอบสวนจริยธรรม
    นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์
    ปลัดกระทรวงสาธารณสุข
    https://www.facebook.com/share/p/aCwfr47a3tHBkbuk/?mibextid=A7sQZp
    ตามที่กรมควบคุมโรคโดย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ออก “แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับเด็กอายุ 5-11ปี” นั้น
    ( https://ddc.moph.go.th/vaccine-covid19/getFiles/11/1645689088942.pdf )
    ข้อบังคับแพทยสภา​ พ.ศ.2563
    https://www.tmc.or.th/download/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%202563.PDF
    https://t.me/ThaiPitaksithData/5528
    78.วันที่ 25 เมษายน 2567 รายการ สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 พูดคุยกับ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรุดตัวไว?
    [https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x](https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x)
    79.วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพจัดเสวนาครั้งที่ 2
    แฉความจริง*อันตรายจากวัคซีนCovid-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด
    ณ หอศิลป์ฯ กทม. โดยมีวิทยากรรับเชิญ อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.สุภาพร มีลาภ นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา คลิปไลฟ์4 ชม.เต็มถูกแบนทุกช่องทางต้องตามไปเทเลแกรมครับ [https://t.me/goodthaidoctorclip/1399](https://t.me/goodthaidoctorclip/1399) [https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647](https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647) [https://t.me/ThaiPitaksithData/5579](https://t.me/ThaiPitaksithData/5579)
    80.วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    ร่วมกันนำฎีกาและรายชื่อประชาชนผู้ร่วมลงนามจำนวนร่วม ๑,๕๐๐ คน
    ยื่นให้กับ ผู้แทนสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย
    เพื่อกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท
    ขอพึ่งพระบารมี ในการจัดให้มีเวทีสาธารณะรับฟังความเดือนร้อนของพสกนิกรเกี่ยวกับปัญหาจากผลกระทบของวัคซีนโควิด
    ฎีกาที่กราบบังคมทูล
    [https://drive.google.com/drive/folders/1yUMGln9Bx7hOaQsXYvIA9usarjHcr_Cu](https://drive.google.com/drive/folders/1yUMGln9Bx7hOaQsXYvIA9usarjHcr_Cu)
    [https://www.facebook.com/share/p/XehnjRn5DqBw3uzb/?mibextid=qi2Omg](https://www.facebook.com/share/p/XehnjRn5DqBw3uzb/?mibextid=qi2Omg)
    81.วันที่ 6 พ.ค.2567 รายการปากซอย105 เปิดโปง ขบวนการโควิด 19 กับไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ตัวช่วยและวิธีป้องกันความอันตรายจากพิษของวัคซีน
    สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา โดย คุณวาสนพงศ์ วิชัยยะ ติดตามฟังได้ที่ FB,YT,TT 105smilethailand หรือ 105mhz
    https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g
    82.วันที่ 24 พ.ค.2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ร่วมประชุมสภาทนายความ ตอนบ่าย ไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นค้านwho และไปรัฐสภาในโอกาสต่อไป
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7531694456949258&id=100003263348565
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7535672753182589&id=100002198164704
    https://mgronline.com/crime/photo-gallery/9670000044933?fbclid=IwY2xjawC_U5RleHRuA2FlbQIxMQABHUz8F-utRjLEufLzGYWsV7sN98bG0g78Psib91ZaadfaoEvffsoz1tLqKA_aem_ATUQHMX3GIFwGyexSg6SGw_xxNJIZvmoOoUKM88jenPe7LvAYyRUuR7L0Mg7zICDnwEBBAGT8ZeAOzm9kCIh9qd4
    83.วันที่ 30 พ.ค.2567 รายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 สัมภาษณ์คุณอดิเทพ จาวลาห์ นักวิชาการอิสระ หัวข้อ “โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก!”
    เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W
    https://www.rookon.com/?p=1176 หมอดื้อแฉ https://mgronline.com/qol/detail/9670000045489 วันที่ 1 มิ.ย.2567 การประชุมสมัชชาอนามัยโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว สรุปการเปลี่ยนแปลง IHR และ Pandemic Treaty https://www.rookon.com/?p=1180
    84.วันที่ 1 มิ.ย.2567 ประชาชนที่รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด- 19สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสภาทนายความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้โดยการแจ้งหรือให้มาพบทนายความอาสาที่มีประสบการณ์ดำเนินคดีทางการแพทย์ ณ ที่ทำการสภาทนายความ เลขที่ 249 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-522-7124 -28 ต่อ 135 หรืออีเมล president@lawyerscouncil.or.th
    https://www.facebook.com/share/p/dtVBu5V6cvyC3kuc/?mibextid=WaXdOe
    85.วันที่ 4 มิ.ย. 2567 หลักฐาน เฟาซี ถูกสอบสวนที่รัฐสภา พูดว่า ต้องทำให้ประชาชนดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบากถ้าไม่ฉีดวัคซีน Making life difficult for unvaccinated ต้องจัดการประชาชนที่มีอุดมการณ์ขี้หมาออกไป Ideological bullshit
    https://youtu.be/b9MRAtY1zpM?si=Id3YmJDIxAW1P_RR
    86.วันที่ 5 มิ.ย. 2567 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธ์ ยื่นเรื่อง ที่รัฐสภา ขอให้สอบสวนกรณีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้บริษัทยาในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19
    ทั้งนี้จะมีการส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสอบสวนร่วมกับกระทรวงยุติธรรม
    https://www.facebook.com/share/p/RpqysNHgAzmKqt35/?mibextid=A7sQZp
    87.วันที่ 5 มิ.ย.2567 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ พร้อมด้วย สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์
    ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย
    ร่วมแถลงเรียกร้องให้สภาทนายความดำเนินคดีเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะเกี่ยวกับการอนุญาตผลิตยาในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 จนเป็นเหตุให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้รับผลกระทบเสียชีวิตพิการและเจ็บป่วยจำนวนมาก
    https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html
    88.วันที่ 19 มิ.ย.2567 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และ นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ยื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่รัฐสภา ยื่นหนังสือที่ทางกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ผู้ป่วย และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนป้องกันโควิด รวมทั้ง เครือข่ายพันธมิตร เช่น สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย,ตัวแทน สภาทนายความแห่งประเทศไทย ,ตัวแทน สมาคมแพทย์ทางร่วมนานาชาติ ,สมาคมแพทย์แผนไทย ส่งให้ทางรัฐมนตรีว่าการสธ. และขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทวัคซีน
    https://www.hfocus.org/content/2024/06/30839
    https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/466060772776252/?
    89.วันที่ 5 ก.ค.2567 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 สัมภาษณ์ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และคุณประสิทธิชัย หนูนวล หัวข้อ ฟังความเป็นจริงของสถานการณ์ กัญชา และ ระบบทรราชทางการแพทย์ (Medical Tyranny)
    https://www.youtube.com/live/kBdl3ud3RDE
    90.วันที่ 8 ก.ค.2567 ประชาชนและเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ร่วมชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อทวงสิทธิทางกัญชาเพื่อประชาชน
    https://www.amarintv.com/news/detail/224142
    https://ch3plus.com/news/social/morning/407582
    รวมภาพ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7779990835431195&id=100002610663072 ไลฟ์จากอาจารย์เดชา ศิริภัทร และม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3689122691344973&id=100007418351447
    🇹🇭61.วันที่ 24 ก.พ.2567 CMUL Live สด อ.ทีน่า อ.เกรซ ครูหนึ่ง จาก สถาบัน CMUL สัมภาษณ์อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://fb.watch/qHUSo1JsoU/? 🇹🇭62.วันที่ 29 ก.พ. 2567 อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เปิด 7 ประเด็นสำคัญในผลกระทบจากวัคซีน อันตรายและอำมหิตกว่าที่คิด!! https://www.facebook.com/100044511276276/posts/934445731382461/? https://t.me/ThaiPitaksithData/5093 🇹🇭63.วันที่ 1 มี.ค. 2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ยื่นหนังสือที่แพทยสภาขอทวงถามการสอบสวนจรรยาบรรณปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในกรณีให้ข้อมูลอันเป็นเท็จในใบยินยอม โดยเสนอต่อนายกแพทยสภา พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ และเลขาธิการแพทยสภา พล.อ.ต. นพ.อิทธพร คณะเจริญ รับเรื่องร้องเรียนโดย นักกฎหมาย ๒คน นาย พชร ศรีพน,นาย เชิดธวัช ชัยปัน ซึ่งจะนำไปดำเนินการตามขั้นตอน https://t.me/ThaiPitaksithData/5040 🇹🇭64.วันที่ 3 มี.ค. 2567 ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เผยข้อมูลผลชันสูตรศพผู้ตายจากวัคซีนโควิด 326 ราย https://mgronline.com/qol/detail/9670000019343 🇹🇭65.วันที่ 4 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้จัดทำจดหมายเปิดผนึก ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy) เรียน นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว,ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช,อธิบดีกรมควบคุมโรค นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร https://www.facebook.com/share/p/KeWvtFzf97iegnXt/?mibextid=A7sQZp https://t.me/ThaiPitaksithData/5060 🇹🇭66.วันที่ 4 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ เรื่อง ขอให้ดำเนินการสอบสวนการกระทำผิดตามมาตรา ๑๔ (๑) (๒) ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทําความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช ๒๕๕๐ สิ่งที่ส่งมาด้วย ๑. เมื่อศูนย์ต้านข่าวปลอมปล่อยข่าวปลอมซะเอง https://drive.google.com/file/d/1i9sbg-QYtz6FThsC6fF3I11cZAGEob4a/view?usp=drivesdk ๒. จดหมายเปิดผนึกถึงกรมควบคุมโรค https://drive.google.com/file/d/1XH99tQSkWEYfNzkndd2F641pTSyGZEVW/view?usp=drivesdk ภาพหน้าจอของลิงก์ https://ddc.moph.go.th/brc/news.php?news=24829 บันทึกเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๒๐.๕๖ น. ภาพหน้าจอของลิงก์ “ข่าวปลอม อย่าแชร์! อย. แพ้คดี หลังไฟเซอร์ถูกบังคับให้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงของวัคซีน” บันทึกเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๗ เวลา ๒๐.๔๓ น. https://www.facebook.com/share/p/gRACNPyjcYW2L2cF/?mibextid=A7sQZp https://t.me/ThaiPitaksithData/5058 🇹🇭67.วันที่ 4 มี.ค. 2567 คุยกับอ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง CDC Webinar Live Talk หัวข้อ ภัยของ Covid Vaccine https://rumble.com/v4hcoae--covid-vaccine.html 🇹🇭68.วันที่ 8 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้จัดทำจดหมายเปิดผนึกถึงเลขาธิการแพทยสภา นพ.อิทธิพร คณะเจริญ ขอข้อมูลข่าวสารผลพิจารณา, ความเห็นแย้งและคำสั่งที่เกี่ยวข้องในการลงมติของคณะกรรมการแพทยสภา กรณีร้องเรียนแพทยสภา ให้ตรวจสอบจรรยาบรรณทางการแพทย์กับปลัดกระทรวงสาธารณสุขและผู้บริหารระดับสูง ที่รณรงค์ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ในเด็ก แต่ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จในใบยินยอมฉีดวัคซีน แต่ทางมติแพทยสภาไม่สามารถรับคำร้องไว้พิจารณาได้ https://www.facebook.com/share/p/P96Z7cAkerZWkSnr/?mibextid=A7sQZp https://t.me/ThaiPitaksithData/5140 🇹🇭69.วันที่ 9 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ยื่นหนังสือ ให้อธิการบดี มหาวิทยาลัยรามคำแหง เรียบร้อย (จนท.ขอไม่ให้ถ่ายภาพตอนยื่น) ลงวันที่ 9/3/67 เรื่อง ขอให้ทบทวนยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในงานรับปริญญาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง และทั่วไป เรียน ผศ.วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาราชการแทน อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง https://t.me/ThaiPitaksithData/5202 🇹🇭70.วันที่ 11 มี.ค. 2567 นายสมัครสุนทรเวช ปรีชาชัยวัฒน์ ยื่นหนังสือ ขอให้ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ชี้แจงข้อคำถามต่อไปนี้กับสังคม เรียน ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย/นายกสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย นายแพทย์สมศักดิ์ โล่ห์เลขา สำเนาเรียน อุปนายกคนที่ ๑ นายยง ภู่วรวรรณ เลขาธิการ ศาสตราจารย์นายแพทย์วิฐารณ บุญสิทธิ https://t.me/ThaiPitaksithData/5204 https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna?sort=13&direction=a 🇹🇭71.วันที่ 12 มี.ค. 2567 กลุ่มฯได้ทำหนังสือ ขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ดำเนินการสอบสวนพฤติกรรมของบุคลากรในสังกัด ว่าการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบ จากวัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty) https://www.facebook.com/share/p/YW3rYQBZAr4cw6iE/?mibextid=xfxF2i เรียน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์ https://drive.google.com/drive/mobile/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna?sort=15&direction= 🇹🇭72.วันที่ 14 มี.ค.2567 กลุ่มฯได้ยื่นหนังสือ ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด แจ้งหน่วยราชการในจังหวัดของท่าน ระงับการฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA เรื่อง ขอให้แจ้งหน่วยราชการในจังหวัดระงับการฉีดวัคซีนโควิดชนิด mRNA ให้กับเด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไปในจังหวัดของท่าน เรียน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย สำเนาเรียน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย,ศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย,นายอำเภอทุกอำเภอในประเทศไทย https://www.facebook.com/share/p/B56DSSQvcwuQR27C/?mibextid=A7sQZp ลิงค์เอกสารที่ส่งมาด้วย ๑. https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk ๒. https://drive.google.com/file/d/13c5JdUlMtDcgySLZcJza-B9-Ggz7O631/view?usp=drivesdk ๓. https://drive.google.com/file/d/1yRQbr1wo8rKGHuZ-aVcbkJ6HIAj7FFG8/view?usp=drivesdk ๔. https://drive.google.com/file/d/1ylQPQt7tqlMRxy9Vw7LDR37mFshpr8uQ/view?usp =drivesdk ๕. https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp =drivesdk ๖. https://drive.google.com/file/d/1IY7VTDFMvnHpdBwfjH4f-1CVTnSnomzq/view?usp =drivesdk 🇹🇭73.วันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่หอประชุมเล็กมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เปิดเผยความจริงจากแท่ง มหัศจรรย์นวัตกรรมสูงสุดก่อให้เกิดความเจ็บป่วยและเสียชีวิต ตอบทุกประเด็นที่มีการโต้แย้งหรือบิดเบือนกลบเกลื่อนความจริงทั้งหมดก่อนหน้านี้ ในงาน ”ความจริงมีหนึ่งเดียว“ และผู้คนที่ออกมาต่อต้านควรจะได้รับการเปิดเผยว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างใดกับธุรกิจข้ามชาติ ตั้งแต่การ ได้รับทุนจากต่างประเทศ (ข้อมูลมีชัดเจน) สร้างความจริงเป็นเท็จ โดย ทั้งๆที่ไวรัสเป็นสิ่งประดิษฐ์หลุดออกมา และปัจจุบัน ยังหาไวรัสที่ใกล้ตัวร้ายแรงที่เคยระบาด ทั้งโควิด อีโบลา นิปาห์ มาถอดรหัสพันธุกรรม และเพื่อสร้างไวรัสใหม่ในห้องทดลอง ที่ร้ายแรงกว่าเก่า เพื่อทำ ผลิตภัณฑ์ป้องกันและรักษา ด้วยนวัตกรรมเลื้อยดุ ขายต่อไม่จบไม่สิ้น ต่อยอดไปเรื่อยๆ รวยบนซากศพ ชีวิตและน้ำตา https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=809100071258309&id=100064749694453 🇹🇭74.วันที่ 20 มีนาคม 2567 กลุ่มฯทำหนังสือ ขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายโอภาส การย์กวินพงศ์ ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่ https://www.facebook.com/share/p/R8VqhhGLe7Vi2DoS/?mibextid=A7sQZp 🇹🇭75.วันที่ 26 มีนาคม 2567 กลุ่มฯได้ทำหนังสือถึงประธานบริหารราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่ง ประเทศไทย ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ เรื่อง ขอให้ประธานบริหารราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ทบทวนการฉีดวัคซีน mRNA ในสตรีมีครรภ์ https://www.facebook.com/share/p/WUvcdygvepHAxDrZ/?mibextid=A7sQZp https://t.me/ThaiPitaksithData/5358 🇹🇭76.วันที่ 27 มีนาคม 2567 กลุ่มฯ ได้ทำหนังสือถึง นายกสภาเภสัชกรรม รศ.(พิเศษ) เภสัชกร กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ ขอให้ควบคุมดูแลให้เภสัชกรปฎิบิติตามจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพเภสัชกรรม ในกรณีของวัคซีน mRNA https://www.facebook.com/share/p/VgRv8wCW9BMVt3Js/?mibextid=A7sQZp https://t.me/ThaiPitaksithData/5379 🇹🇭77. วันที่ 17 เมษายน 2567 กลุ่มฯ ได้ทำหนังสือถึง นายกแพทยสภา ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ขอให้นายกแพทยสภาดำเนินการสอบสวนจริยธรรม นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข https://www.facebook.com/share/p/aCwfr47a3tHBkbuk/?mibextid=A7sQZp ตามที่กรมควบคุมโรคโดย อธิบดีกรมควบคุมโรค นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ (ตำแหน่งในขณะนั้น) ได้ออก “แนวทางการให้บริการวัคซีนโควิด 19 (ไฟเซอร์ฝาสีส้มสูตรสำหรับเด็ก) สำหรับเด็กอายุ 5-11ปี” นั้น ( https://ddc.moph.go.th/vaccine-covid19/getFiles/11/1645689088942.pdf ) ข้อบังคับแพทยสภา​ พ.ศ.2563 https://www.tmc.or.th/download/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%202563.PDF https://t.me/ThaiPitaksithData/5528 🇹🇭78.วันที่ 25 เมษายน 2567 รายการ สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 พูดคุยกับ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ ทำไม พระสงฆ์ คนหนุ่มสาว ป่วยทรุดตัวไว? [https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x](https://www.youtube.com/live/4BHNF3zpCz0?si=nzF8PfAMNCo_mS8x) 🇹🇭79.วันที่ 3 พฤษภาคม 2567 หมอธีระวัฒน์-อ.ปานเทพจัดเสวนาครั้งที่ 2 แฉความจริง*อันตรายจากวัคซีนCovid-19 ร้ายแรงกว่าที่คิด ณ หอศิลป์ฯ กทม. โดยมีวิทยากรรับเชิญ อ.หมออรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง พญ.สุภาพร มีลาภ นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา คลิปไลฟ์4 ชม.เต็มถูกแบนทุกช่องทางต้องตามไปเทเลแกรมครับ [https://t.me/goodthaidoctorclip/1399](https://t.me/goodthaidoctorclip/1399) [https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647](https://mgronline.com/qol/detail/9670000035647) [https://t.me/ThaiPitaksithData/5579](https://t.me/ThaiPitaksithData/5579) 🇹🇭80.วันที่ 4 พฤษภาคม 2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ร่วมกันนำฎีกาและรายชื่อประชาชนผู้ร่วมลงนามจำนวนร่วม ๑,๕๐๐ คน ยื่นให้กับ ผู้แทนสำนักตรวจราชการและเรื่องราวร้องทุกข์ สถาบันดำรงราชานุภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอพึ่งพระบารมี ในการจัดให้มีเวทีสาธารณะรับฟังความเดือนร้อนของพสกนิกรเกี่ยวกับปัญหาจากผลกระทบของวัคซีนโควิด ฎีกาที่กราบบังคมทูล [https://drive.google.com/drive/folders/1yUMGln9Bx7hOaQsXYvIA9usarjHcr_Cu](https://drive.google.com/drive/folders/1yUMGln9Bx7hOaQsXYvIA9usarjHcr_Cu) [https://www.facebook.com/share/p/XehnjRn5DqBw3uzb/?mibextid=qi2Omg](https://www.facebook.com/share/p/XehnjRn5DqBw3uzb/?mibextid=qi2Omg) 🇹🇭81.วันที่ 6 พ.ค.2567 รายการปากซอย105 เปิดโปง ขบวนการโควิด 19 กับไวรัสตัดต่อพันธุกรรม ตัวช่วยและวิธีป้องกันความอันตรายจากพิษของวัคซีน สัมภาษณ์ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา โดย คุณวาสนพงศ์ วิชัยยะ ติดตามฟังได้ที่ FB,YT,TT 105smilethailand หรือ 105mhz https://youtu.be/44uwz3X0Gh4?si=_qNy29hSXEYptH4g 🇹🇭82.วันที่ 24 พ.ค.2567 ตัวแทนกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ร่วมประชุมสภาทนายความ ตอนบ่าย ไปทำเนียบรัฐบาล ยื่นค้านwho และไปรัฐสภาในโอกาสต่อไป https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7531694456949258&id=100003263348565 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7535672753182589&id=100002198164704 https://mgronline.com/crime/photo-gallery/9670000044933?fbclid=IwY2xjawC_U5RleHRuA2FlbQIxMQABHUz8F-utRjLEufLzGYWsV7sN98bG0g78Psib91ZaadfaoEvffsoz1tLqKA_aem_ATUQHMX3GIFwGyexSg6SGw_xxNJIZvmoOoUKM88jenPe7LvAYyRUuR7L0Mg7zICDnwEBBAGT8ZeAOzm9kCIh9qd4 🇹🇭83.วันที่ 30 พ.ค.2567 รายการสภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 สัมภาษณ์คุณอดิเทพ จาวลาห์ นักวิชาการอิสระ หัวข้อ “โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก!” เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176 หมอดื้อแฉ https://mgronline.com/qol/detail/9670000045489 วันที่ 1 มิ.ย.2567 การประชุมสมัชชาอนามัยโลกได้สิ้นสุดลงแล้ว สรุปการเปลี่ยนแปลง IHR และ Pandemic Treaty https://www.rookon.com/?p=1180 🇹🇭84.วันที่ 1 มิ.ย.2567 ประชาชนที่รับความเสียหายจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด- 19สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสภาทนายความพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ ดังนั้น สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายจากสภาทนายความได้โดยการแจ้งหรือให้มาพบทนายความอาสาที่มีประสบการณ์ดำเนินคดีทางการแพทย์ ณ ที่ทำการสภาทนายความ เลขที่ 249 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร หรือหมายเลขโทรศัพท์ 02-522-7124 -28 ต่อ 135 หรืออีเมล president@lawyerscouncil.or.th https://www.facebook.com/share/p/dtVBu5V6cvyC3kuc/?mibextid=WaXdOe 🇹🇭85.วันที่ 4 มิ.ย. 2567 หลักฐาน เฟาซี ถูกสอบสวนที่รัฐสภา พูดว่า ต้องทำให้ประชาชนดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบากถ้าไม่ฉีดวัคซีน Making life difficult for unvaccinated ต้องจัดการประชาชนที่มีอุดมการณ์ขี้หมาออกไป Ideological bullshit https://youtu.be/b9MRAtY1zpM?si=Id3YmJDIxAW1P_RR 🇹🇭86.วันที่ 5 มิ.ย. 2567 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธ์ ยื่นเรื่อง ที่รัฐสภา ขอให้สอบสวนกรณีพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ให้บริษัทยาในการแก้ปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 ทั้งนี้จะมีการส่งเรื่องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสอบสวนร่วมกับกระทรวงยุติธรรม https://www.facebook.com/share/p/RpqysNHgAzmKqt35/?mibextid=A7sQZp 🇹🇭87.วันที่ 5 มิ.ย.2567 กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ พร้อมด้วย สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ร่วมแถลงเรียกร้องให้สภาทนายความดำเนินคดีเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะเกี่ยวกับการอนุญาตผลิตยาในสถานการณ์ฉุกเฉินโดยการนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด-19 จนเป็นเหตุให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ได้รับผลกระทบเสียชีวิตพิการและเจ็บป่วยจำนวนมาก https://rumble.com/v4zrij6--05-06-2024.html 🇹🇭88.วันที่ 19 มิ.ย.2567 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา และ นพ.มนตรี เศรษฐบุตร ยื่นหนังสือถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่รัฐสภา ยื่นหนังสือที่ทางกลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ผู้ป่วย และญาติของผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนป้องกันโควิด รวมทั้ง เครือข่ายพันธมิตร เช่น สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย,ตัวแทน สภาทนายความแห่งประเทศไทย ,ตัวแทน สมาคมแพทย์ทางร่วมนานาชาติ ,สมาคมแพทย์แผนไทย ส่งให้ทางรัฐมนตรีว่าการสธ. และขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทวัคซีน https://www.hfocus.org/content/2024/06/30839 https://m.facebook.com/groups/374786411903689/permalink/466060772776252/? 🇹🇭89.วันที่ 5 ก.ค.2567 รายการสภากาแฟ ช่อง News1 สัมภาษณ์ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และคุณประสิทธิชัย หนูนวล หัวข้อ ฟังความเป็นจริงของสถานการณ์ กัญชา และ ระบบทรราชทางการแพทย์ (Medical Tyranny) https://www.youtube.com/live/kBdl3ud3RDE 🇹🇭90.วันที่ 8 ก.ค.2567 ประชาชนและเครือข่ายเขียนอนาคตกัญชาไทย ร่วมชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ที่สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อทวงสิทธิทางกัญชาเพื่อประชาชน https://www.amarintv.com/news/detail/224142 https://ch3plus.com/news/social/morning/407582 รวมภาพ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7779990835431195&id=100002610663072 ไลฟ์จากอาจารย์เดชา ศิริภัทร และม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=3689122691344973&id=100007418351447
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1306 Views 0 Reviews
More Results