• สั่งลบข้อมูล 1.2 ล้านราย สแกนม่านตาแลกเหรียญ

    ในช่วงกลางปี 2568 มีประชาชนจำนวนมาก รวมตัวกันที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่นับร้อยแห่ง เพื่อรอคิวสแกนม่านตา แล้วจะได้รับเหรียญคริปโทเคอเรนซีที่ชื่อว่า เวิลด์คอยน์ เพื่อแลกเป็นเงินสด หรือเพื่อเก็งกำไรและใช้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน บางคนบอกว่าสแกนเสร็จแล้วจะได้รับเงินโอนประมาณ 500-1,000 บาท กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งกรมการปกครองไม่มีนโยบายให้ประชาชนสแกนม่านตา เกรงว่าอาจกลายเป็นการหลอกลวงประชาชน

    ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) มีคำสั่งทางปกครองให้ World ประเทศไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระงับหรืองดสแกนม่านตา เพื่อรับเหรียญคริปโทเคอเรนซีเพิ่มเติมโดยทันที และรายงานผลการดำเนินการแก่ สคส.ภายใน 7 วัน หลังจากตรวจสอบพบว่าใช้วิธีแจกเหรียญคริปโทฯ จูงใจประชาชน เพื่อแลกกับความยินยอมเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา ซึ่งไม่เป็นไปโดยอิสระตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งผู้ที่เคยสแกนม่านตาไปแล้ว ไม่สามารถสแกนซ้ำได้ จึงเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ขอความยินยอมเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น

    อีกทั้งสั่งให้ลบทำลายข้อมูลม่านตา และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของประชาชน 1.2 ล้านคนทั้งหมด เพื่อป้องกันการโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยไม่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานอื่นๆ ตรวจสอบประเด็นที่น่าสงสัยอื่นๆ เช่น กรณีมีขบวนการจ้างคนมาสแกนม่านตาแลกเหรียญ เพื่อนำไปให้บุคคคอื่นใช้ ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.และตำรวจไซเบอร์ตรวจพบ และจับกุมผู้รับแลกเหรียญดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้วหลายราย และพบว่าประเทศอื่นมีคำสั่งระงับชัดเจน 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และบราซิล

    ด้าน World ประเทศไทย ชี้แจงว่าได้ระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริงในประเทศไทยชั่วคราว แม้ได้ให้ข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานกํากับดูแลอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน ซึ่งยังคงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สคส. เพื่อร่วมกันกําหนดแนวทางดําเนินงานที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ขณะที่สมาชิกที่เคยสแกนม่านตาไปแล้วบางส่วน ออกมาคัดค้านการสั่งลบข้อมูลแบบเหมาเข่ง อ้างว่ามีเพียง IrisCode และภาพถ่ายใบหน้าเท่านั้น และเกรงว่าจะกระทบกับเวิลด์คอยน์ที่ตนเองมีอยู่

    #Newskit
    สั่งลบข้อมูล 1.2 ล้านราย สแกนม่านตาแลกเหรียญ ในช่วงกลางปี 2568 มีประชาชนจำนวนมาก รวมตัวกันที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่นับร้อยแห่ง เพื่อรอคิวสแกนม่านตา แล้วจะได้รับเหรียญคริปโทเคอเรนซีที่ชื่อว่า เวิลด์คอยน์ เพื่อแลกเป็นเงินสด หรือเพื่อเก็งกำไรและใช้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน บางคนบอกว่าสแกนเสร็จแล้วจะได้รับเงินโอนประมาณ 500-1,000 บาท กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งกรมการปกครองไม่มีนโยบายให้ประชาชนสแกนม่านตา เกรงว่าอาจกลายเป็นการหลอกลวงประชาชน ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) มีคำสั่งทางปกครองให้ World ประเทศไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระงับหรืองดสแกนม่านตา เพื่อรับเหรียญคริปโทเคอเรนซีเพิ่มเติมโดยทันที และรายงานผลการดำเนินการแก่ สคส.ภายใน 7 วัน หลังจากตรวจสอบพบว่าใช้วิธีแจกเหรียญคริปโทฯ จูงใจประชาชน เพื่อแลกกับความยินยอมเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา ซึ่งไม่เป็นไปโดยอิสระตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งผู้ที่เคยสแกนม่านตาไปแล้ว ไม่สามารถสแกนซ้ำได้ จึงเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ขอความยินยอมเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น อีกทั้งสั่งให้ลบทำลายข้อมูลม่านตา และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของประชาชน 1.2 ล้านคนทั้งหมด เพื่อป้องกันการโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยไม่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานอื่นๆ ตรวจสอบประเด็นที่น่าสงสัยอื่นๆ เช่น กรณีมีขบวนการจ้างคนมาสแกนม่านตาแลกเหรียญ เพื่อนำไปให้บุคคคอื่นใช้ ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.และตำรวจไซเบอร์ตรวจพบ และจับกุมผู้รับแลกเหรียญดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้วหลายราย และพบว่าประเทศอื่นมีคำสั่งระงับชัดเจน 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และบราซิล ด้าน World ประเทศไทย ชี้แจงว่าได้ระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริงในประเทศไทยชั่วคราว แม้ได้ให้ข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานกํากับดูแลอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน ซึ่งยังคงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สคส. เพื่อร่วมกันกําหนดแนวทางดําเนินงานที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ขณะที่สมาชิกที่เคยสแกนม่านตาไปแล้วบางส่วน ออกมาคัดค้านการสั่งลบข้อมูลแบบเหมาเข่ง อ้างว่ามีเพียง IrisCode และภาพถ่ายใบหน้าเท่านั้น และเกรงว่าจะกระทบกับเวิลด์คอยน์ที่ตนเองมีอยู่ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิเล่าเรื่อง 24-11-68
    .
    เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมพร้อมรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ โดยเมนูเป็นข้าวผัดปู กับ ต้มยำกุ้งน้ำใส แม้เมื่อวานนี้จะมีเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งสุดท้ายของปี 2568 แต่คุณสนธิก็ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างมาเล่าให้ท่านผู้ฟังได้รับทราบในรายการ ทั้ง "แขกพิเศษ" ที่มาหาคุณสนธิที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อวานนี้ , ประเด็นเกี่ยวกับทองคำของ "โจ๊ก" สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่เจ้าตัวออกมาแก้ตัวแล้วว่าเป็นทองคำของภรรยา และเตรียมจะชี้แจงเพิ่มเติมในวันพุธที่ 26 พ.ย. นี้ด้วย แต่ยิ่งพูดมาก ยิ่งแก้ตัวมาก หลักฐานยิ่งมัดตัว มัดตัวอย่างไรต้องติดตาม นอกจากนี้สนธิเล่าเรื่องในวันนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ... โปรดติดตามโดยพลัน
    .
    คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=jIIR1WesIGc
    .
    #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    สนธิเล่าเรื่อง 24-11-68 . เช้าวันจันทร์ หลังจากประชุมพร้อมรับประทานอาหารเช้ากับทีมงานบ้านพระอาทิตย์ โดยเมนูเป็นข้าวผัดปู กับ ต้มยำกุ้งน้ำใส แม้เมื่อวานนี้จะมีเวทีความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งสุดท้ายของปี 2568 แต่คุณสนธิก็ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจหลายอย่างมาเล่าให้ท่านผู้ฟังได้รับทราบในรายการ ทั้ง "แขกพิเศษ" ที่มาหาคุณสนธิที่บ้านพระอาทิตย์เมื่อวานนี้ , ประเด็นเกี่ยวกับทองคำของ "โจ๊ก" สุรเชชษฐ์ หักพาล ที่เจ้าตัวออกมาแก้ตัวแล้วว่าเป็นทองคำของภรรยา และเตรียมจะชี้แจงเพิ่มเติมในวันพุธที่ 26 พ.ย. นี้ด้วย แต่ยิ่งพูดมาก ยิ่งแก้ตัวมาก หลักฐานยิ่งมัดตัว มัดตัวอย่างไรต้องติดตาม นอกจากนี้สนธิเล่าเรื่องในวันนี้ยังมีประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ... โปรดติดตามโดยพลัน . คลิกชม >> https://www.youtube.com/watch?v=jIIR1WesIGc . #สนธิเล่าเรื่อง #SondhiTalk
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ปฏิเสธข่าวลือ Gmail ถูกใช้ฝึก AI

    Google ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Gmail ของผู้ใช้ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI Gemini โดยยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และ Gmail ยังคงทำงานด้วยระบบ Smart Features ที่ใช้การประมวลผลอัตโนมัติเท่านั้น ไม่ได้ใช้เนื้อหาอีเมลเพื่อฝึก AI

    เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือแพร่บนโซเชียลมีเดียว่า Google ได้ปรับนโยบายเพื่อใช้ข้อความและไฟล์แนบใน Gmail ไปฝึกโมเดล AI Gemini แต่ Google ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน โดยระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น “misleading” และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการตั้งค่าของผู้ใช้

    Smart Features ของ Gmail
    Google ชี้แจงว่า Gmail มีฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น spell-check, การติดตามพัสดุ, และการเพิ่มข้อมูลเที่ยวบินลงใน Google Calendar ซึ่งทั้งหมดทำงานด้วยการประมวลผลอัตโนมัติภายในระบบ ไม่ได้ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล Gemini การอนุญาตที่ผู้ใช้ให้กับ Smart Features เป็นเพียงการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานใน Google Workspace เท่านั้น

    ความเข้าใจผิดจากการตั้งค่า
    บางรายงานระบุว่าผู้ใช้พบการตั้งค่าบางอย่างถูกเปิดใช้งานใหม่โดยไม่ตั้งใจ ซึ่ง Google ชี้แจงว่าเป็นผลจากการอัปเดตการแยกการตั้งค่าระหว่าง Workspace และบริการอื่น ๆ เช่น Maps และ Wallet ไม่ใช่การบังคับให้ข้อมูล Gmail ถูกนำไปใช้ฝึก AI

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    แม้ Google จะยืนยันว่าไม่มีการใช้ Gmail ในการฝึก AI แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้ใช้เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปสาระสำคัญ
    Google ปฏิเสธข่าวลือ
    ยืนยันว่า Gmail ไม่ถูกใช้ฝึกโมเดล Gemini
    ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายผู้ใช้

    Smart Features ของ Gmail
    ใช้ประมวลผลอัตโนมัติ เช่น spell-check และการติดตามพัสดุ
    ข้อมูลถูกใช้เพื่อปรับปรุง Workspace เท่านั้น

    ความเข้าใจผิดจากการตั้งค่า
    การอัปเดตแยกการตั้งค่าระหว่าง Workspace และบริการอื่น ๆ
    ไม่ใช่การบังคับให้ Gmail ถูกใช้ฝึก AI

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สะท้อนความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวในยุค AI
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าบัญชีให้ตรงกับความต้องการ

    https://securityonline.info/google-denies-rumors-gmail-messages-not-used-to-train-gemini-ai-models/
    📧 Google ปฏิเสธข่าวลือ Gmail ถูกใช้ฝึก AI Google ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข่าวลือที่ว่า Gmail ของผู้ใช้ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล AI Gemini โดยยืนยันว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย และ Gmail ยังคงทำงานด้วยระบบ Smart Features ที่ใช้การประมวลผลอัตโนมัติเท่านั้น ไม่ได้ใช้เนื้อหาอีเมลเพื่อฝึก AI เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวลือแพร่บนโซเชียลมีเดียว่า Google ได้ปรับนโยบายเพื่อใช้ข้อความและไฟล์แนบใน Gmail ไปฝึกโมเดล AI Gemini แต่ Google ได้ออกมาปฏิเสธอย่างชัดเจน โดยระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น “misleading” และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในการตั้งค่าของผู้ใช้ ⚙️ Smart Features ของ Gmail Google ชี้แจงว่า Gmail มีฟีเจอร์อัจฉริยะ เช่น spell-check, การติดตามพัสดุ, และการเพิ่มข้อมูลเที่ยวบินลงใน Google Calendar ซึ่งทั้งหมดทำงานด้วยการประมวลผลอัตโนมัติภายในระบบ ไม่ได้ถูกนำไปใช้ฝึกโมเดล Gemini การอนุญาตที่ผู้ใช้ให้กับ Smart Features เป็นเพียงการปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานใน Google Workspace เท่านั้น 🔍 ความเข้าใจผิดจากการตั้งค่า บางรายงานระบุว่าผู้ใช้พบการตั้งค่าบางอย่างถูกเปิดใช้งานใหม่โดยไม่ตั้งใจ ซึ่ง Google ชี้แจงว่าเป็นผลจากการอัปเดตการแยกการตั้งค่าระหว่าง Workspace และบริการอื่น ๆ เช่น Maps และ Wallet ไม่ใช่การบังคับให้ข้อมูล Gmail ถูกนำไปใช้ฝึก AI 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ แม้ Google จะยืนยันว่าไม่มีการใช้ Gmail ในการฝึก AI แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความกังวลของผู้ใช้เกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในยุคที่ AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Google ปฏิเสธข่าวลือ ➡️ ยืนยันว่า Gmail ไม่ถูกใช้ฝึกโมเดล Gemini ➡️ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายผู้ใช้ ✅ Smart Features ของ Gmail ➡️ ใช้ประมวลผลอัตโนมัติ เช่น spell-check และการติดตามพัสดุ ➡️ ข้อมูลถูกใช้เพื่อปรับปรุง Workspace เท่านั้น ✅ ความเข้าใจผิดจากการตั้งค่า ➡️ การอัปเดตแยกการตั้งค่าระหว่าง Workspace และบริการอื่น ๆ ➡️ ไม่ใช่การบังคับให้ Gmail ถูกใช้ฝึก AI ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ สะท้อนความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวในยุค AI ➡️ ผู้ใช้ควรตรวจสอบการตั้งค่าบัญชีให้ตรงกับความต้องการ https://securityonline.info/google-denies-rumors-gmail-messages-not-used-to-train-gemini-ai-models/
    SECURITYONLINE.INFO
    Google Denies Rumors: Gmail Messages NOT Used to Train Gemini AI Models
    Google firmly denied misleading rumors that it changed its policy to use Gmail content for training Gemini AI models, stressing private data is not used for AI.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) กำลังสอบสวนบริษัทจีน Bitmain

    รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องขุดจาก Bitmain สามารถถูกควบคุมจากระยะไกลโดยรัฐบาลจีนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ดภายใน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ความกังวลนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน

    กรณีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า
    ในปี 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งปิดการดำเนินการขุด Bitcoin ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base เนื่องจากใช้เครื่อง Antminer ของ Bitmain นับพันเครื่อง และถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง นอกจากนี้ รายงานของคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังระบุว่าเครื่องขุดของ Bitmainสามารถถูก “ควบคุมจากระยะไกล” ได้

    การตอบโต้ของ Bitmain
    Bitmain ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรม บริษัทชี้แจงว่าการที่สินค้าบางส่วนถูกยึดโดย FCC เป็นเพียงการตรวจสอบมาตรฐานสัญญาณเท่านั้น และไม่พบสิ่งผิดปกติ

    ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์
    Bitmain ครองตลาดเครื่องขุด Bitcoin กว่า 80% ทั่วโลก แต่การที่สหรัฐฯ กังวลต่อบริษัทจีนรายใหญ่เช่นนี้ สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงาน โดยเฉพาะหลังจีนออกกฎหมายข่าวกรัฐในปี 2017 ที่บังคับให้บริษัทต้องร่วมมือกับหน่วยข่าวกรอง

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การสอบสวนของ DHS
    ปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” ตรวจสอบเครื่องขุด Bitmain
    ยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ด

    กรณีที่เคยเกิดขึ้น
    ปี 2024 สหรัฐฯ ปิดการขุดใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base
    รายงานวุฒิสภาระบุว่าเครื่อง Bitmain อาจถูกควบคุมจากระยะไกล

    การตอบโต้ของ Bitmain
    ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสอดแนมและก่อวินาศกรรม
    ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ และมาตรฐาน FCC

    ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์
    Bitmain ครองตลาดเครื่องขุดกว่า 80%
    ความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีนเพิ่มขึ้นหลังมีกฎหมายข่าวกรัฐจีน

    คำเตือนจากกรณีนี้
    เครื่องขุดอาจถูกใช้เป็นช่องทางสอดแนมหรือโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน
    ความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงานยังคงสูง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/homeland-security-thinks-chinese-firms-bitcoin-mining-chips-could-be-used-for-espionage-or-to-sabotage-the-power-grid-bitmain-probed-by-u-s-govt-over-national-security-concerns
    ‼️‼️ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐฯ (DHS) กำลังสอบสวนบริษัทจีน Bitmain รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” เพื่อตรวจสอบว่าเครื่องขุดจาก Bitmain สามารถถูกควบคุมจากระยะไกลโดยรัฐบาลจีนหรือไม่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ดภายใน แม้ผลการตรวจสอบยังไม่ถูกเปิดเผย แต่ความกังวลนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดทางเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีน 🔋 กรณีที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้า ในปี 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ เคยสั่งปิดการดำเนินการขุด Bitcoin ขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base เนื่องจากใช้เครื่อง Antminer ของ Bitmain นับพันเครื่อง และถูกมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคง นอกจากนี้ รายงานของคณะกรรมาธิการข่าวกรองวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังระบุว่าเครื่องขุดของ Bitmainสามารถถูก “ควบคุมจากระยะไกล” ได้ 🛡️ การตอบโต้ของ Bitmain Bitmain ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่า ปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ อย่างเคร่งครัด และไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอดแนมหรือก่อวินาศกรรม บริษัทชี้แจงว่าการที่สินค้าบางส่วนถูกยึดโดย FCC เป็นเพียงการตรวจสอบมาตรฐานสัญญาณเท่านั้น และไม่พบสิ่งผิดปกติ 🌐 ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์ Bitmain ครองตลาดเครื่องขุด Bitcoin กว่า 80% ทั่วโลก แต่การที่สหรัฐฯ กังวลต่อบริษัทจีนรายใหญ่เช่นนี้ สะท้อนถึงความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงาน โดยเฉพาะหลังจีนออกกฎหมายข่าวกรัฐในปี 2017 ที่บังคับให้บริษัทต้องร่วมมือกับหน่วยข่าวกรอง 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การสอบสวนของ DHS ➡️ ปฏิบัติการ “Operation Red Sunset” ตรวจสอบเครื่องขุด Bitmain ➡️ ยึดและถอดเครื่องเพื่อตรวจสอบชิปและโค้ด ✅ กรณีที่เคยเกิดขึ้น ➡️ ปี 2024 สหรัฐฯ ปิดการขุดใกล้ฐานทัพ Warren Air Force Base ➡️ รายงานวุฒิสภาระบุว่าเครื่อง Bitmain อาจถูกควบคุมจากระยะไกล ✅ การตอบโต้ของ Bitmain ➡️ ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องสอดแนมและก่อวินาศกรรม ➡️ ยืนยันว่าปฏิบัติตามกฎหมายสหรัฐฯ และมาตรฐาน FCC ✅ ความหมายเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ➡️ Bitmain ครองตลาดเครื่องขุดกว่า 80% ➡️ ความตึงเครียดสหรัฐฯ–จีนเพิ่มขึ้นหลังมีกฎหมายข่าวกรัฐจีน ‼️ คำเตือนจากกรณีนี้ ⛔ เครื่องขุดอาจถูกใช้เป็นช่องทางสอดแนมหรือโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน ⛔ ความเสี่ยงด้านความมั่นคงไซเบอร์และพลังงานยังคงสูง https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptomining/homeland-security-thinks-chinese-firms-bitcoin-mining-chips-could-be-used-for-espionage-or-to-sabotage-the-power-grid-bitmain-probed-by-u-s-govt-over-national-security-concerns
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 ธ.ค. เปิดรถไฟ ETS3 ยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์

    เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) นายแอนโธนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริการรถไฟ ETS3 ระหว่างสถานียะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย จะเริ่มให้บริการในวันที่ 12 ธ.ค. โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย จะเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิด ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ในวันที่ 11 ธ.ค. ก่อนที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันถัดไป เบื้องต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral เป็นหลัก ส่วนเส้นทางไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) และ ปาดังเบซาร์ (Padang Besar) มีกำหนดให้บริการในระยะต่อไป

    ด้านการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ชี้แจงว่า กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับบริการรถไฟ ETS3 โดยได้เตรียมกำหนดเวลาเดินรถ ระบบตั๋วโดยสาร และการจัดสรรพนักงานให้บริการในเส้นทางดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงรอการอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากหน่วยงานขนส่งสาธารณะทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ขณะที่ขบวนรถไฟ ETS3 รุ่นใหม่ล่าสุด 4 ขบวน จากทั้งหมด 10 ขบวน ผ่านการตรวจสอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย (PCA) ซึ่งได้รับการรับรองและพร้อมใช้งานแล้ว เริ่มต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral รวม 4 เที่ยวต่อวัน ซึ่งจะเพิ่มความถี่ในการเดินทางควบคู่ไปกับการส่งมอบขบวนรถไฟเพิ่มเติม

    ส่วนเส้นทาง JB Sentral มุ่งหน้าไปยังรัฐทางเหนือ จะดำเนินการเป็นขั้นตอนตามความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ข้อกำหนดด้านการจัดตารางเวลาเดินรถ และความพร้อมของสินทรัพย์ในการดำเนินงาน

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) นายโมฮัมหมัด ฟาซลี โมฮัมหมัด ซัลเลห์ ประธานคณะกรรมการด้านงานก่อสร้าง ขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารของรัฐยะโฮร์ กล่าวต่อสภานิติบัญญัติของรัฐยะโฮร์ ว่า โครงการรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร มูลค่า 8,900 ล้านริงกิต (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) ที่รอคอยกันมายาวนาน มีความคืบหน้าไปแล้ว 99.94% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือน พ.ย.

    โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2559 ผ่านเมืองเซกามัต คลวง กูไล และยะโฮร์บาห์รู โดยงานโยธาในขั้นสุดท้ายกำลังดำเนินการอยู่ ก่อนที่เส้นทางรถไฟจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งรูปแบบการให้บริการรถไฟ ETS จะให้บริการวันละ 12 เที่ยว ภายใต้ตารางเดินรถเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ 8 เที่ยวต่อวัน เส้นทางยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์ 2 เที่ยวต่อวัน และเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวอร์ธ 2 เที่ยวต่อวัน

    #Newskit
    12 ธ.ค. เปิดรถไฟ ETS3 ยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (22 พ.ย.) นายแอนโธนี โลค รมว.คมนาคมมาเลเซีย เปิดเผยว่า บริการรถไฟ ETS3 ระหว่างสถานียะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ กับกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย จะเริ่มให้บริการในวันที่ 12 ธ.ค. โดยสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านอิบราฮิมแห่งมาเลเซีย จะเสด็จพระราชดำเนินในพิธีเปิด ที่เมืองยะโฮร์บาห์รู ในวันที่ 11 ธ.ค. ก่อนที่จะเปิดให้บริการแก่ประชาชนในวันถัดไป เบื้องต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral เป็นหลัก ส่วนเส้นทางไปยังสถานีบัตเตอร์เวอร์ธ (Butterworth) และ ปาดังเบซาร์ (Padang Besar) มีกำหนดให้บริการในระยะต่อไป ด้านการรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ชี้แจงว่า กำลังเตรียมความพร้อมสำหรับบริการรถไฟ ETS3 โดยได้เตรียมกำหนดเวลาเดินรถ ระบบตั๋วโดยสาร และการจัดสรรพนักงานให้บริการในเส้นทางดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงรอการอนุมัติขั้นตอนสุดท้ายจากหน่วยงานขนส่งสาธารณะทางบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ขณะที่ขบวนรถไฟ ETS3 รุ่นใหม่ล่าสุด 4 ขบวน จากทั้งหมด 10 ขบวน ผ่านการตรวจสอบรายละเอียดขั้นสุดท้าย (PCA) ซึ่งได้รับการรับรองและพร้อมใช้งานแล้ว เริ่มต้นจะให้บริการเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral รวม 4 เที่ยวต่อวัน ซึ่งจะเพิ่มความถี่ในการเดินทางควบคู่ไปกับการส่งมอบขบวนรถไฟเพิ่มเติม ส่วนเส้นทาง JB Sentral มุ่งหน้าไปยังรัฐทางเหนือ จะดำเนินการเป็นขั้นตอนตามความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ข้อกำหนดด้านการจัดตารางเวลาเดินรถ และความพร้อมของสินทรัพย์ในการดำเนินงาน ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 พ.ย.) นายโมฮัมหมัด ฟาซลี โมฮัมหมัด ซัลเลห์ ประธานคณะกรรมการด้านงานก่อสร้าง ขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานและการสื่อสารของรัฐยะโฮร์ กล่าวต่อสภานิติบัญญัติของรัฐยะโฮร์ ว่า โครงการรถไฟทางคู่ติดระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู (EDTP) ระยะทาง 192 กิโลเมตร มูลค่า 8,900 ล้านริงกิต (ประมาณ 70,000 ล้านบาท) ที่รอคอยกันมายาวนาน มีความคืบหน้าไปแล้ว 99.94% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในสิ้นเดือน พ.ย. โครงการนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2559 ผ่านเมืองเซกามัต คลวง กูไล และยะโฮร์บาห์รู โดยงานโยธาในขั้นสุดท้ายกำลังดำเนินการอยู่ ก่อนที่เส้นทางรถไฟจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ ซึ่งรูปแบบการให้บริการรถไฟ ETS จะให้บริการวันละ 12 เที่ยว ภายใต้ตารางเดินรถเต็มรูปแบบ ประกอบด้วยเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-กัวลาลัมเปอร์ 8 เที่ยวต่อวัน เส้นทางยะโฮร์บาห์รู-ปาดังเบซาร์ 2 เที่ยวต่อวัน และเส้นทางยะโฮร์บาห์รู-บัตเตอร์เวอร์ธ 2 เที่ยวต่อวัน #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์”

    Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า

    ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%”

    Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ

    สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า

    สรุปสาระสำคัญ
    ข้อกล่าวหาจาก Rebble
    กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง
    ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน

    การชี้แจงของ Eric/Core Devices
    ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง
    จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์

    ประเด็นขัดแย้งหลัก
    สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด
    Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน

    แผนอนาคตของ Core Devices
    พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ
    ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก
    เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ

    คำเตือนต่อชุมชน Pebble
    ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก
    หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย

    https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    📰 “สงครามชุมชน Pebble – Core Devices ปะทะ Rebble เรื่องสิทธิ์ข้อมูลและอนาคตสมาร์ทวอทช์” Eric Migicovsky เขียนบล็อกเพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาที่ Rebble ออกมาโจมตี โดย Rebble กล่าวหาว่า Core Devices “ขโมยงาน” และ “ละเมิดข้อตกลง” ในการใช้ข้อมูลและโค้ดที่เกี่ยวข้องกับ PebbleOS และ Appstore อย่างไรก็ตาม Eric ยืนยันว่า ทุกการพัฒนาเป็นโอเพนซอร์ส และ Core Devices ได้ลงทุนเอง เช่น จ่ายเงินให้บริษัท CodeCoup เพื่อแก้ไขบั๊ก BLE stack ที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งอุปกรณ์ใหม่และ Pebble รุ่นเก่า ความขัดแย้งหลักอยู่ที่ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore ของ Pebble ซึ่งมีแอปและหน้าปัดกว่า 13,000 รายการที่ถูก Rebble เก็บไว้ตั้งแต่ปี 2017 Eric เชื่อว่าข้อมูลเหล่านี้ควรถูกเผยแพร่สาธารณะเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้พัฒนาเดิม ไม่ควรถูกกักไว้เป็น “walled garden” ขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง ขณะที่ Rebble ยืนยันว่าข้อมูลทั้งหมดเป็น “ของ Rebble 100%” Eric ยังเล่าถึงความพยายามร่วมมือกับ Rebble เช่น การจ้างคนจาก Rebble มาทำงานใน Core Devices และการตกลงจ่ายเงินสนับสนุน $0.20 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน แต่ความสัมพันธ์กลับล้มเหลวเพราะความเห็นต่างเรื่องการเปิดเผยข้อมูล เขาจึงเสนอให้สร้าง Archive สาธารณะบนแพลตฟอร์มกลาง เช่น Archive.org เพื่อให้ชุมชนเข้าถึงได้อย่างอิสระ สำหรับอนาคต Core Devices วางแผนพัฒนา Pebble Appstore ใหม่ในรูปแบบ native บนมือถือ โดยยังใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับให้ผู้ใช้สมัครสมาชิกหรือจ่ายเงิน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ เพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดีกว่า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ข้อกล่าวหาจาก Rebble ➡️ กล่าวหาว่า Core Devices ขโมยงานและละเมิดข้อตกลง ➡️ ชี้ว่า Core ใช้ข้อมูลและโค้ดที่ Rebble สนับสนุน ✅ การชี้แจงของ Eric/Core Devices ➡️ ยืนยันว่าโค้ดทั้งหมดเป็นโอเพนซอร์ส และ Core ลงทุนเอง ➡️ จ่ายเงินแก้บั๊ก BLE stack เพื่อประโยชน์ต่อทุกอุปกรณ์ ✅ ประเด็นขัดแย้งหลัก ➡️ สิทธิ์ในข้อมูล Appstore 13,000 แอปและหน้าปัด ➡️ Eric ต้องการเปิดเผยสาธารณะ แต่ Rebble ยืนยันว่าเป็นของตน ✅ แผนอนาคตของ Core Devices ➡️ พัฒนา Appstore แบบ native บนมือถือ ➡️ ใช้ API ของ Rebble แต่ไม่บังคับสมัครสมาชิก ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ฟรี เช่น voice-to-text และข้อมูลสภาพอากาศ ‼️ คำเตือนต่อชุมชน Pebble ⛔ ความขัดแย้งอาจทำให้ผู้ใช้เสียความเชื่อมั่นและเกิดการแตกแยก ⛔ หากข้อมูลถูกกักไว้โดยองค์กรเดียว อาจขัดต่อหลักการโอเพนซอร์สและเสี่ยงต่อการสูญหาย https://ericmigi.com/blog/pebble-rebble-and-a-path-forward
    ERICMIGI.COM
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    Pebble, Rebble, and a Path Forward
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กรมคุก" ชี้แจงหลังบุกค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบผู้ต้องขังจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังอื่น และพบเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำผิด สั่งย้าย ผบ.เรือนจำ–เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งทีมสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110778

    #กรมราชทัณฑ์ #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #ผู้ต้องขังจีน #ราชทัณฑ์ #คดีร้ายแรง #News1live #News1
    "กรมคุก" ชี้แจงหลังบุกค้นเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ พบผู้ต้องขังจีนบางรายมีอิทธิพลเหนือผู้ต้องขังอื่น และพบเจ้าหน้าที่ร่วมกระทำผิด สั่งย้าย ผบ.เรือนจำ–เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งทีมสอบข้อเท็จจริงทุกประเด็น • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000110778 • #กรมราชทัณฑ์ #เรือนจำพิเศษกรุงเทพ #ผู้ต้องขังจีน #ราชทัณฑ์ #คดีร้ายแรง #News1live #News1
    Sad
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรอยทองบิ๊กสีกากี ได้แต่ใดมา ทำสิ่งใดมา?, ปมส่วยตำรวจเดือดต่อเนื่อง บิ๊กโจ๊ก–อัจฉริยะถูกเรียกชี้แจง กมธ.รอบสาม พร้อมประเด็นทองคำ–ทรัพย์สินที่ถูกกล่าวหา

    อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000110438

    #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สีกากี #ส่วยตำรวจ #ปปง
    ตามรอยทองบิ๊กสีกากี ได้แต่ใดมา ทำสิ่งใดมา?, ปมส่วยตำรวจเดือดต่อเนื่อง บิ๊กโจ๊ก–อัจฉริยะถูกเรียกชี้แจง กมธ.รอบสาม พร้อมประเด็นทองคำ–ทรัพย์สินที่ถูกกล่าวหา • อ่านต่อ…..https://news1live.com/detail/9680000110438 • #News1live #News1 #ปมร้อนข่าวลึก #truthfromthailand #newsupdate #สีกากี #ส่วยตำรวจ #ปปง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤติ Cloudflare สะเทือนทั่วโลก: จาก X ถึง McDonald’s

    การล่มของระบบ Cloudflare ล่าสุดสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการออนไลน์ทั่วโลก ตั้งแต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง X (Twitter เดิม) ไปจนถึงระบบสั่งอาหารของ McDonald’s และแม้แต่บริการ AI อย่าง ChatGPT ก็ได้รับผลกระทบด้วย เหตุการณ์นี้เกิดจาก “traffic spike” ที่ผิดปกติ จนทำให้ระบบเครือข่ายของ Cloudflareล้มเหลวในหลายส่วน แม้จะมีการยืนยันว่าไม่ใช่การโจมตี แต่ความผิดพลาดจากการปรับแต่งระบบภายในกลับสร้างความเสียหายครั้งใหญ่

    เบื้องหลังปัญหา: Bug ที่ซ่อนอยู่ในระบบ
    CTO ของ Cloudflare ออกมายอมรับตรงไปตรงมาว่าเป็นความผิดพลาดจากการปรับค่าการทำงานของระบบ bot mitigation ที่มี bug แฝงอยู่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ทำให้ระบบ crash และลุกลามไปทั่วเครือข่าย ผลที่ตามมาคือการหยุดชะงักของบริการจำนวนมาก ทั้งเว็บไซต์ข่าว, เกมออนไลน์อย่าง RuneScape, ไปจนถึงเครื่องมือทำงานอย่าง Canva และ VPN หลายเจ้า

    ผลกระทบที่ไม่คาดคิด: จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึงโรงเรียนอนุบาล
    สิ่งที่น่าตกใจคือระบบ PADS ซึ่งใช้ตรวจสอบบุคลากรในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ได้รับผลกระทบ ทำให้การเข้าถึงบุคลากรต้องหยุดชะงัก แม้จะไม่กระทบต่อการเดินเครื่อง แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน ขณะเดียวกันในชีวิตประจำวัน เช่น ศูนย์เด็กเล็กที่เคยใช้แอปเชื่อมต่อกับผู้ปกครอง ก็ต้องหันกลับไปใช้วิธีบันทึกด้วยมือเหมือนยุค 90

    บทเรียนและอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต
    เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความเปราะบางของระบบอินเทอร์เน็ตที่พึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า แม้ Cloudflare จะเร่งแก้ไขและสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดซ้ำ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าธุรกิจและสังคมควรมีระบบสำรองและแผนรับมือที่ดีกว่าเดิม เพื่อไม่ให้การหยุดชะงักของผู้ให้บริการรายเดียวส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    สาเหตุของการล่ม
    เกิดจาก bug ในระบบ bot mitigation หลังการปรับค่าการทำงาน
    ไม่ใช่การโจมตี DDoS แต่เป็นความผิดพลาดภายใน

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    บริการออนไลน์ทั่วโลก เช่น X, ChatGPT, McDonald’s, Canva, RuneScape ได้รับผลกระทบ
    ระบบตรวจสอบบุคลากรโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (PADS) หยุดชะงักชั่วคราว
    ศูนย์เด็กเล็กและธุรกิจรายย่อยต้องหันกลับไปใช้วิธี manual

    การแก้ไขและคำชี้แจง
    Cloudflare ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและระบบเริ่มกลับมาทำงาน
    CTO ออกมาขอโทษและสัญญาว่าจะปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายเดียวเสี่ยงต่อการหยุดชะงักวงกว้าง
    ธุรกิจและองค์กรควรมีระบบสำรองและแผนรับมือกรณีฉุกเฉิน
    เหตุการณ์นี้สะท้อนความเปราะบางของอินเทอร์เน็ตโลกที่อาจเกิดซ้ำได้

    https://www.tomshardware.com/news/live/cloudflare-outage-under-investigation-as-twitter-downdetector-go-down-company-confirms-global-network-issue-clone
    🌐 วิกฤติ Cloudflare สะเทือนทั่วโลก: จาก X ถึง McDonald’s การล่มของระบบ Cloudflare ล่าสุดสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างต่อบริการออนไลน์ทั่วโลก ตั้งแต่แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง X (Twitter เดิม) ไปจนถึงระบบสั่งอาหารของ McDonald’s และแม้แต่บริการ AI อย่าง ChatGPT ก็ได้รับผลกระทบด้วย เหตุการณ์นี้เกิดจาก “traffic spike” ที่ผิดปกติ จนทำให้ระบบเครือข่ายของ Cloudflareล้มเหลวในหลายส่วน แม้จะมีการยืนยันว่าไม่ใช่การโจมตี แต่ความผิดพลาดจากการปรับแต่งระบบภายในกลับสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ ⚙️ เบื้องหลังปัญหา: Bug ที่ซ่อนอยู่ในระบบ CTO ของ Cloudflare ออกมายอมรับตรงไปตรงมาว่าเป็นความผิดพลาดจากการปรับค่าการทำงานของระบบ bot mitigation ที่มี bug แฝงอยู่ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยก็ทำให้ระบบ crash และลุกลามไปทั่วเครือข่าย ผลที่ตามมาคือการหยุดชะงักของบริการจำนวนมาก ทั้งเว็บไซต์ข่าว, เกมออนไลน์อย่าง RuneScape, ไปจนถึงเครื่องมือทำงานอย่าง Canva และ VPN หลายเจ้า 🏭 ผลกระทบที่ไม่คาดคิด: จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ถึงโรงเรียนอนุบาล สิ่งที่น่าตกใจคือระบบ PADS ซึ่งใช้ตรวจสอบบุคลากรในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็ได้รับผลกระทบ ทำให้การเข้าถึงบุคลากรต้องหยุดชะงัก แม้จะไม่กระทบต่อการเดินเครื่อง แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน ขณะเดียวกันในชีวิตประจำวัน เช่น ศูนย์เด็กเล็กที่เคยใช้แอปเชื่อมต่อกับผู้ปกครอง ก็ต้องหันกลับไปใช้วิธีบันทึกด้วยมือเหมือนยุค 90 🔮 บทเรียนและอนาคตของโครงสร้างพื้นฐานอินเทอร์เน็ต เหตุการณ์นี้ตอกย้ำความเปราะบางของระบบอินเทอร์เน็ตที่พึ่งพาผู้ให้บริการรายใหญ่เพียงไม่กี่เจ้า แม้ Cloudflare จะเร่งแก้ไขและสัญญาว่าจะไม่ให้เกิดซ้ำ แต่ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าธุรกิจและสังคมควรมีระบบสำรองและแผนรับมือที่ดีกว่าเดิม เพื่อไม่ให้การหยุดชะงักของผู้ให้บริการรายเดียวส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ สาเหตุของการล่ม ➡️ เกิดจาก bug ในระบบ bot mitigation หลังการปรับค่าการทำงาน ➡️ ไม่ใช่การโจมตี DDoS แต่เป็นความผิดพลาดภายใน ✅ ผลกระทบที่เกิดขึ้น ➡️ บริการออนไลน์ทั่วโลก เช่น X, ChatGPT, McDonald’s, Canva, RuneScape ได้รับผลกระทบ ➡️ ระบบตรวจสอบบุคลากรโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ (PADS) หยุดชะงักชั่วคราว ➡️ ศูนย์เด็กเล็กและธุรกิจรายย่อยต้องหันกลับไปใช้วิธี manual ✅ การแก้ไขและคำชี้แจง ➡️ Cloudflare ยืนยันว่ากำลังแก้ไขและระบบเริ่มกลับมาทำงาน ➡️ CTO ออกมาขอโทษและสัญญาว่าจะปรับปรุงเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำ ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานจากผู้ให้บริการรายเดียวเสี่ยงต่อการหยุดชะงักวงกว้าง ⛔ ธุรกิจและองค์กรควรมีระบบสำรองและแผนรับมือกรณีฉุกเฉิน ⛔ เหตุการณ์นี้สะท้อนความเปราะบางของอินเทอร์เน็ตโลกที่อาจเกิดซ้ำได้ https://www.tomshardware.com/news/live/cloudflare-outage-under-investigation-as-twitter-downdetector-go-down-company-confirms-global-network-issue-clone
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคส้มชอบจี้ให้คนอื่นชี้แจง แต่โดนจี้บ้างกลับเป็นแบบนี้! (18/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #พรรคสีส้ม #การเมืองไทย #ดราม่าการเมือง #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    พรรคส้มชอบจี้ให้คนอื่นชี้แจง แต่โดนจี้บ้างกลับเป็นแบบนี้! (18/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #พรรคสีส้ม #การเมืองไทย #ดราม่าการเมือง #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก”
    ตอน 1
    อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต
    ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง
    เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง
    ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ
    เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ…
    นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน
    นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน
    มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด..
    นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า
    แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา
    ##############
    ตอน 2
    นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย
    สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน
    นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย
    เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…”
    ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก
    เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด
    นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ
    หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้
    นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ
    ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย
    แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท
    ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko
    “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มิ.ย. 2558
    เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก” ตอน 1 อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ… นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด.. นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา ############## ตอน 2 นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…” ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้ นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 561 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าเนียนเปลี่ยนประเด็น! ไทยเชิญผู้ช่วยทูตทหาร 18 ประเทศดูหลักฐาน , เปิดคลิปจากมือถือทหารเขมร “สอนวางทุ่นระเบิด PMN-2” ชี้ชัดเป็นทุ่นใหม่ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย
    .
    กองทัพไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดน พร้อมเปิดหลักฐานต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ทั้งคลิปและภาพจากโทรศัพท์ทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ ยืนยันผลพิสูจน์ของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ที่ถูกนำมาวาง
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109005
    .
    #News1live #News1 #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #PMN2 #ความมั่นคง #MAC #AOT #ศรีสะเกษ #ThailandNews #newsupdate
    อย่าเนียนเปลี่ยนประเด็น! ไทยเชิญผู้ช่วยทูตทหาร 18 ประเทศดูหลักฐาน , เปิดคลิปจากมือถือทหารเขมร “สอนวางทุ่นระเบิด PMN-2” ชี้ชัดเป็นทุ่นใหม่ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย . กองทัพไทยชี้แจงสถานการณ์ชายแดน พร้อมเปิดหลักฐานต่อคณะผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศ ทั้งคลิปและภาพจากโทรศัพท์ทหารกัมพูชาที่ถูกทิ้งไว้ ยืนยันผลพิสูจน์ของศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดว่าเป็น “ทุ่นระเบิดใหม่” ที่ถูกนำมาวาง . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109005 . #News1live #News1 #กองทัพไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทุ่นระเบิด #PMN2 #ความมั่นคง #MAC #AOT #ศรีสะเกษ #ThailandNews #newsupdate
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 416 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด

    เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว

    นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่

    AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี

    สรุปประเด็น
    พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง
    เกิดจากบริการ AMD External Events Utility

    การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก
    SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง

    การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync
    ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD

    การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ
    ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    🖥️ AMD และปัญหา SSD เขียนข้อมูลไม่หยุด เรื่องนี้เริ่มจากผู้ใช้รายหนึ่งพบว่าไดรเวอร์ของ AMD มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือทุกครั้งที่ขยับหรือปรับขนาดหน้าต่างบนจอ ระบบจะเขียนข้อมูลลงไฟล์ log อย่างต่อเนื่องราวกับ “ยิงกระสุนข้อมูล” ไปที่ SSD ตลอดเวลา แม้จะเป็นข้อมูลเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของ SSD ได้ในระยะยาว นักวิศวกรบางคนอธิบายว่า การเขียนข้อมูลลักษณะนี้อาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะ SSD สมัยใหม่มีระบบ cache ที่ช่วยลดการเขียนจริงลงแผ่น NAND แต่สิ่งที่น่าสนใจคือไฟล์ log นี้เกี่ยวข้องกับบริการที่ชื่อว่า AMD External Events Utility ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับฟีเจอร์ FreeSync หากปิดบริการนี้ก็จะหยุดการเขียนไฟล์ได้ แต่ก็ยังไม่แน่ชัดว่าจะกระทบกับการทำงานของ FreeSync หรือไม่ AMD ยังไม่ได้ออกคำชี้แจงอย่างเป็นทางการ แต่ผู้ใช้บางรายก็หาทางแก้ชั่วคราว เช่น redirect การเขียนไฟล์ไปที่ nul: เพื่อไม่ให้ข้อมูลถูกบันทึกลง SSD จริง ๆ อย่างไรก็ตาม วิธีนี้ก็มีความเสี่ยง เพราะอาจทำให้ระบบทำงานผิดพลาดในบางกรณี 📌 สรุปประเด็น ✅ พฤติกรรมไดรเวอร์ AMD เขียนไฟล์ log ทุกครั้งที่ขยับหน้าต่าง ➡️ เกิดจากบริการ AMD External Events Utility ✅ การเขียนข้อมูลมีขนาดเล็กและอาจไม่กระทบ SSD มากนัก ➡️ SSD รุ่นใหม่มีระบบ cache ลดการเขียนจริง ‼️ การปิดบริการอาจกระทบ FreeSync ⛔ ยังไม่มีการยืนยันผลกระทบจาก AMD ‼️ การ redirect ไฟล์ไป nul: อาจเสี่ยงต่อระบบ ⛔ ผู้ใช้ควรระวังและทดสอบก่อนใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/software/windows/amd-users-flag-heavy-ssd-write-activity-tied-to-chipset-driver-incessant-log-file-writes-observed-every-time-a-window-is-moved-or-resized
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD users flag heavy SSD write activity tied to chipset driver — incessant log file writes observed every time a window is moved or resized
    Disabling the AMD External Events Utility service appears to be a workaround, but with modern disk caching, we aren’t sure there’s a tangible problem.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • เบื้องหลัง “บิ๊กอรรถ-พล.ต.ท.ไตรรงค์" -บ้านพระอาทิตย์-สนธิ" แบ็กทำความจริงให้ปรากฏ สู้ความเท็จ "โจ๊ก" ! ** “เสี่ยหนู” ฝันอร่อย! ขออนุมัติทิ้งทวนเมกะโปรเจกต์บริหารจัดการน้ำแสนล้าน ก่อนยุบสภา
    .
    พล.ต.ท.ไตรรงค์เปิดใจชี้แจงคดีต่างๆ ที่บ้านพระอาทิตย์ ชี้สู้ข้อมูลเท็จของ “โจ๊ก” ด้วยหลักฐานจริง พร้อมย้ำจ่อดำเนินคดีผู้กล่าวหา
    .
    ด้าน “อนุทิน” เดินหน้าผลักดันเมกะโปรเจกต์ป่าสัก–อ่าวไทย หวังแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว ก่อนยุบสภา
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108303
    .
    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #ข่าว
    #การเมือง #ตำรวจ #เว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    เบื้องหลัง “บิ๊กอรรถ-พล.ต.ท.ไตรรงค์" -บ้านพระอาทิตย์-สนธิ" แบ็กทำความจริงให้ปรากฏ สู้ความเท็จ "โจ๊ก" ! ** “เสี่ยหนู” ฝันอร่อย! ขออนุมัติทิ้งทวนเมกะโปรเจกต์บริหารจัดการน้ำแสนล้าน ก่อนยุบสภา . พล.ต.ท.ไตรรงค์เปิดใจชี้แจงคดีต่างๆ ที่บ้านพระอาทิตย์ ชี้สู้ข้อมูลเท็จของ “โจ๊ก” ด้วยหลักฐานจริง พร้อมย้ำจ่อดำเนินคดีผู้กล่าวหา . ด้าน “อนุทิน” เดินหน้าผลักดันเมกะโปรเจกต์ป่าสัก–อ่าวไทย หวังแก้ปัญหาน้ำท่วมระยะยาว ก่อนยุบสภา . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108303 . #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #ข่าว #การเมือง #ตำรวจ #เว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ พยักหน้ารับ เตรียมกำลังทหารพร้อมแล้ว ไทยมีศักยภาพไม่กังวล "ภาษีทรัมป์" ไม่ต้องชี้แจง "อันวาร์" “อนุทิน” ยืนยันไทยพร้อมรับทุกสถานการณ์ ลั่น Do it My Way ไม่มีสัญญา 4 ข้อแล้ว ไม่จำเป็นต้องชี้แจงมาเลเซีย ย้ำมีแผนปฏิบัติด้านความมั่นคงครบ พร้อมปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108007

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว #การเมือง #ความมั่นคง #ภาษีทรัมป์ #อนุทิน #truthfromthailand #newsupdate
    นายกฯ พยักหน้ารับ เตรียมกำลังทหารพร้อมแล้ว ไทยมีศักยภาพไม่กังวล "ภาษีทรัมป์" ไม่ต้องชี้แจง "อันวาร์" “อนุทิน” ยืนยันไทยพร้อมรับทุกสถานการณ์ ลั่น Do it My Way ไม่มีสัญญา 4 ข้อแล้ว ไม่จำเป็นต้องชี้แจงมาเลเซีย ย้ำมีแผนปฏิบัติด้านความมั่นคงครบ พร้อมปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชน อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000108007 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว #การเมือง #ความมั่นคง #ภาษีทรัมป์ #อนุทิน #truthfromthailand #newsupdate
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.21

    คำให้การ ไม่ได้เป็นเพียงข้อความ แต่คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจของการแสวงหาความจริงในกระบวนการยุติธรรม คำให้การที่จำเลยหรือพยานนำเสนอต่อศาลนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าการให้ข้อมูลทั่วไป เพราะมันเป็นเครื่องมือหลักที่ศาลใช้ในการพิจารณาไต่สวนและประกอบการวินิจฉัยชี้ขาดคดีความต่างๆ การกล่าวถ้อยคำอย่างถี่ถ้วนตามความเป็นจริง จึงถือเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เนื่องจากคำพูดทุกคำมีน้ำหนัก มีผลกระทบโดยตรงต่อรูปคดี ชะตากรรมของคู่ความ และความถูกต้องเที่ยงธรรมที่จะเกิดขึ้นในสังคม การที่จำเลยได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของตน ขณะที่พยานได้ให้ข้อมูลที่รับรู้มาตามหน้าที่ ย่อมเป็นการสร้างภาพที่สมบูรณ์ขึ้นเพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดรอบด้าน คำให้การจึงเป็นตัวแทนของเสียงของผู้เกี่ยวข้อง เป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นหลักฐานทางวาจาที่ทรงพลังที่สุดในการพิสูจน์หรือหักล้างข้อกล่าวหา บทบาทนี้ทำให้คำให้การเป็นมากกว่าแค่ถ้อยคำ แต่คือรากฐานของการตัดสินใจที่ยุติธรรม

    ด้วยเหตุนี้ การเตรียมคำให้การจึงต้องทำด้วยความรอบคอบและเข้าใจในสาระสำคัญของคดีอย่างถ่องแท้ นักกฎหมายและคู่ความต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อกลั่นกรองข้อเท็จจริงและลำดับเรื่องราวให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่นที่ปรากฏในสำนวนคดี ความน่าเชื่อถือของคำให้การขึ้นอยู่กับความจริงใจ ความสม่ำเสมอ และความสอดคล้องกันของข้อมูลที่นำเสนอในทุกขั้นตอนของการพิจารณา การใช้ถ้อยคำที่ชัดเจน ตรงประเด็น และปราศจากความคลุมเครือจะช่วยให้ศาลสามารถทำความเข้าใจในเจตนาและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำหรือข้อกล่าวหาต่างๆ ได้โดยง่าย แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจมีความกดดันหรือความซับซ้อนทางอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลักการสำคัญที่สุดของคำให้การคือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีเหตุผลและเที่ยงธรรม การเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของคำให้การจึงเป็นการเคารพต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมในองค์รวม

    ดังนั้น คำให้การที่จำเลยหรือพยานมอบต่อศาลจึงเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการพิจารณาคดี เป็นเครื่องมือในการค้นหาความจริงที่สำคัญยิ่ง เป็นพันธะสัญญาที่จะต้องกล่าวแต่สิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้บรรลุผลแห่งความยุติธรรมสูงสุด บทบาทนี้ทำให้คำให้การเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมาย และเป็นสิ่งยืนยันว่าทุกฝ่ายมีสิทธิและโอกาสในการนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องสิทธิของตนอย่างเต็มที่ภายใต้ร่มเงาของกฎหมาย

    #กฎหมาย #ทนายความ
    #จันทศิษฐ์ทนายความ
    บทความกฎหมาย EP.21 คำให้การ ไม่ได้เป็นเพียงข้อความ แต่คือองค์ประกอบสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นหัวใจของการแสวงหาความจริงในกระบวนการยุติธรรม คำให้การที่จำเลยหรือพยานนำเสนอต่อศาลนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าการให้ข้อมูลทั่วไป เพราะมันเป็นเครื่องมือหลักที่ศาลใช้ในการพิจารณาไต่สวนและประกอบการวินิจฉัยชี้ขาดคดีความต่างๆ การกล่าวถ้อยคำอย่างถี่ถ้วนตามความเป็นจริง จึงถือเป็นความรับผิดชอบอันใหญ่หลวง เนื่องจากคำพูดทุกคำมีน้ำหนัก มีผลกระทบโดยตรงต่อรูปคดี ชะตากรรมของคู่ความ และความถูกต้องเที่ยงธรรมที่จะเกิดขึ้นในสังคม การที่จำเลยได้มีโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงในมุมของตน ขณะที่พยานได้ให้ข้อมูลที่รับรู้มาตามหน้าที่ ย่อมเป็นการสร้างภาพที่สมบูรณ์ขึ้นเพื่อให้ศาลเห็นข้อเท็จจริงทั้งหมดรอบด้าน คำให้การจึงเป็นตัวแทนของเสียงของผู้เกี่ยวข้อง เป็นภาพสะท้อนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเป็นหลักฐานทางวาจาที่ทรงพลังที่สุดในการพิสูจน์หรือหักล้างข้อกล่าวหา บทบาทนี้ทำให้คำให้การเป็นมากกว่าแค่ถ้อยคำ แต่คือรากฐานของการตัดสินใจที่ยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ การเตรียมคำให้การจึงต้องทำด้วยความรอบคอบและเข้าใจในสาระสำคัญของคดีอย่างถ่องแท้ นักกฎหมายและคู่ความต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อกลั่นกรองข้อเท็จจริงและลำดับเรื่องราวให้มีความชัดเจน สอดคล้องกับพยานหลักฐานอื่นที่ปรากฏในสำนวนคดี ความน่าเชื่อถือของคำให้การขึ้นอยู่กับความจริงใจ ความสม่ำเสมอ และความสอดคล้องกันของข้อมูลที่นำเสนอในทุกขั้นตอนของการพิจารณา การใช้ถ้อยคำที่ชัดเจน ตรงประเด็น และปราศจากความคลุมเครือจะช่วยให้ศาลสามารถทำความเข้าใจในเจตนาและเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการกระทำหรือข้อกล่าวหาต่างๆ ได้โดยง่าย แม้ว่าในทางปฏิบัติอาจมีความกดดันหรือความซับซ้อนทางอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่หลักการสำคัญที่สุดของคำให้การคือการเป็นสะพานเชื่อมระหว่างข้อเท็จจริงกับข้อกฎหมาย เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นไปอย่างมีเหตุผลและเที่ยงธรรม การเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ของคำให้การจึงเป็นการเคารพต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการยุติธรรมในองค์รวม ดังนั้น คำให้การที่จำเลยหรือพยานมอบต่อศาลจึงเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการพิจารณาคดี เป็นเครื่องมือในการค้นหาความจริงที่สำคัญยิ่ง เป็นพันธะสัญญาที่จะต้องกล่าวแต่สิ่งที่ถูกต้องเพื่อให้บรรลุผลแห่งความยุติธรรมสูงสุด บทบาทนี้ทำให้คำให้การเป็นเสาหลักที่ค้ำจุนความน่าเชื่อถือของระบบกฎหมาย และเป็นสิ่งยืนยันว่าทุกฝ่ายมีสิทธิและโอกาสในการนำเสนอข้อเท็จจริงเพื่อปกป้องสิทธิของตนอย่างเต็มที่ภายใต้ร่มเงาของกฎหมาย #กฎหมาย #ทนายความ #จันทศิษฐ์ทนายความ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว”

    เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์!

    ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก

    32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF

    หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4

    โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler
    เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039
    อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด
    กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น

    การค้นพบข้อผิดพลาด
    คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1
    ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF
    CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง

    การแก้ไขเพิ่มเติม
    ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป
    เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF
    เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz
    อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ

    ความสำเร็จของโปรเจกต์
    ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4
    แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga
    เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์

    https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    🎛️ “แก้ปริศนา 32 ปี! ช่างอิเล็กทรอนิกส์ย้อนรอยโปรเจกต์ Amiga Sampler ที่เคยล้มเหลว” เรื่องราวสุดประทับใจของ Rob Smith ผู้หลงใหลในคอมพิวเตอร์ Amiga และอิเล็กทรอนิกส์ DIY เขาย้อนกลับไปแก้ไขโปรเจกต์เก่าจากปี 1993 ที่เคยทำไม่สำเร็จ—การสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga ตามคู่มือจากนิตยสาร CU Amiga ซึ่งภายหลังพบว่ามีข้อผิดพลาดสำคัญในสเปกอุปกรณ์! ย้อนกลับไปในยุค 90s Rob Smith เคยพยายามสร้างอุปกรณ์ Sound Sampler สำหรับ Amiga โดยอิงจากคู่มือในนิตยสาร CU Amiga ฉบับที่ 039 แต่แม้จะพยายามอย่างเต็มที่ อุปกรณ์กลับไม่ทำงาน และยังทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ค้างเมื่อใช้งาน เขาจึงต้องยอมแพ้และเก็บชิ้นส่วนไว้เป็นที่ระลึก 32 ปีผ่านไป ด้วยประสบการณ์และความรู้ที่เพิ่มขึ้น เขาตัดสินใจกลับมาทำโปรเจกต์นี้อีกครั้ง โดยใช้ชิ้นส่วนเดิมและคู่มือเดิม ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม—อุปกรณ์ไม่ทำงาน! จนกระทั่งเขาค้นพบว่าในคู่มือมีการพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ที่ควรเป็น 47uF แต่กลับพิมพ์ว่า 7uF หลังจากเปลี่ยนคาปาซิเตอร์แล้ว อุปกรณ์ก็ยังไม่ทำงาน เขาจึงตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา (clock signal) และพบว่าความถี่ต่ำผิดปกติ จากนั้นจึงเปลี่ยนคาปาซิเตอร์อีกตัวจาก 470nF เป็น 20pF ซึ่งช่วยเพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz และทำให้อุปกรณ์ทำงานได้จริงกับซอฟต์แวร์อย่าง ProTracker และ Audition 4 ✅ โปรเจกต์ DIY Amiga Sampler ➡️ เริ่มต้นในปี 1993 โดยใช้คู่มือจาก CU Amiga ฉบับที่ 039 ➡️ อุปกรณ์ไม่ทำงานแม้ทำตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด ➡️ กลับมาทำใหม่ในปี 2025 ด้วยประสบการณ์และความรู้เพิ่มขึ้น ✅ การค้นพบข้อผิดพลาด ➡️ คู่มือพิมพ์ผิดเรื่องค่าคาปาซิเตอร์ C1 ➡️ ควรใช้ 47uF แต่กลับระบุเป็น 7uF ➡️ CU Amiga ฉบับที่ 040 มีการแก้ไขและชี้แจง ✅ การแก้ไขเพิ่มเติม ➡️ ตรวจสอบสัญญาณนาฬิกา พบว่าความถี่ต่ำเกินไป ➡️ เปลี่ยนคาปาซิเตอร์จาก 470nF เป็น 20pF ➡️ เพิ่มความถี่จาก 287Hz เป็น 1.6MHz ➡️ อุปกรณ์เริ่มทำงานกับซอฟต์แวร์ Amiga ได้สำเร็จ ✅ ความสำเร็จของโปรเจกต์ ➡️ ใช้งานได้กับ ProTracker และ Audition 4 ➡️ แสดงผล waveform บนหน้าจอ Amiga ➡️ เป็นการแก้ไขโปรเจกต์ในวัยเด็กอย่างสมบูรณ์ https://www.tomshardware.com/pc-components/sound-cards/diy-amiga-sound-sampler-circuit-mystery-solved-32-years-later-magazine-instructions-had-key-component-spec-typos
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    DIY Amiga sound sampler circuit mystery solved 32 years later — Magazine instructions had key component spec typos
    An electronics enthusiast remade a 1993 DIY project from his youth, but hard-earned skills and experience ironed out errors in the printed instructions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ทน ‘ทินกร’ รองผบช.ไซเบอร์ ปฏิเสธไม่เคยร่วมจับ 'ชนนพัฒฐ์‘ บิ๊กโจ๊ก ใส่ร้ายให้สังคมเข้าใจผิด พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ โพสต์ชี้แจงแรง ยืนยันไม่เกี่ยวคดีจับ ส.ส.ชนนพัฒฐ์ ลั่นทำงานตรงไปตรงมาตามหลักฐาน ซัด “บิ๊กโจ๊ก” บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำสังคมสับสน

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106898

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว
    #บิ๊กโจ๊ก #ทินกรรังมาตย์ #ตำรวจไซเบอร์ #คดีเว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    ไม่ทน ‘ทินกร’ รองผบช.ไซเบอร์ ปฏิเสธไม่เคยร่วมจับ 'ชนนพัฒฐ์‘ บิ๊กโจ๊ก ใส่ร้ายให้สังคมเข้าใจผิด พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ โพสต์ชี้แจงแรง ยืนยันไม่เกี่ยวคดีจับ ส.ส.ชนนพัฒฐ์ ลั่นทำงานตรงไปตรงมาตามหลักฐาน ซัด “บิ๊กโจ๊ก” บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำสังคมสับสน อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106898 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว #บิ๊กโจ๊ก #ทินกรรังมาตย์ #ตำรวจไซเบอร์ #คดีเว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 1 รีวิว
  • “อนุทิน” แถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภาฯ รู้ตัวดีเป็น รบ.เสียงข้างน้อย ยันเดินหน้าตาม MOA ไม่มีจับ รธน.เป็นตัวประกัน แต่หากมียื่นซักฟอกพร้อมชี้แจง ย้ำปัญหาสแกมเมอร์ มีมาตั้งแต่ รบ.ก่อนหน้านี้ ปัดสร้างปัญหา แต่มาเพื่อแก้ปัญหา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106566

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “อนุทิน” แถลงการณ์สยบข่าวชิงยุบสภาฯ รู้ตัวดีเป็น รบ.เสียงข้างน้อย ยันเดินหน้าตาม MOA ไม่มีจับ รธน.เป็นตัวประกัน แต่หากมียื่นซักฟอกพร้อมชี้แจง ย้ำปัญหาสแกมเมอร์ มีมาตั้งแต่ รบ.ก่อนหน้านี้ ปัดสร้างปัญหา แต่มาเพื่อแก้ปัญหา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000106566 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าละเว้นพวกเดียวกันละ เชิญใครต่อใครมาชี้แจง อย่าลืมลากพวกเดียวกันมาตอบในกรรมาธิการด้วย ทั้งเรื่องตั้งเด็กมัธยมเป็นผู้ช่วยสส.และน้ำล้างตีนดื่มได้สวมเลขอย.
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อย่าละเว้นพวกเดียวกันละ เชิญใครต่อใครมาชี้แจง อย่าลืมลากพวกเดียวกันมาตอบในกรรมาธิการด้วย ทั้งเรื่องตั้งเด็กมัธยมเป็นผู้ช่วยสส.และน้ำล้างตีนดื่มได้สวมเลขอย. #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenAI ถอยคำขอ ‘แบ็คสต็อป’ จากรัฐบาล – ชี้รัฐควรมีบทบาทสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI”

    เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการเงินของโลก AI! Sarah Friar, CFO ของ OpenAI ออกมาแก้ไขคำพูดของตนเองหลังจากให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่า OpenAI “ไม่ได้ขอให้รัฐบาลเป็นแบ็คสต็อป” สำหรับเงินกู้ที่ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ แต่ต้องการให้รัฐบาล “มีบทบาท” ในการสร้างขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมร่วมกับภาคเอกชน

    ในบทสัมภาษณ์เดิม Friar พูดถึงแนวคิดการสร้าง “ecosystem” ที่รวมธนาคาร, private equity และ “รัฐบาล” เพื่อช่วยลดต้นทุนการเงินและเพิ่มความสามารถในการกู้ยืม โดยใช้คำว่า “backstop” ซึ่งหมายถึงการค้ำประกันเงินกู้ แต่หลังจากเกิดความเข้าใจผิด เธอได้โพสต์ชี้แจงใน LinkedIn ว่า “คำว่า backstop ทำให้ประเด็นคลุมเครือ” และยืนยันว่า OpenAI ไม่ได้ขอการค้ำประกันจากรัฐบาลโดยตรง

    เธอยังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐมีความเข้าใจว่า AI เป็น “สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์” และควรมีบทบาทในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงงานผลิตชิปและศูนย์ข้อมูล เพื่อให้สหรัฐสามารถแข่งขันกับจีนได้

    OpenAI ชี้แจงว่าไม่ได้ขอ “backstop” จากรัฐบาล
    Sarah Friar ใช้คำว่า “backstop” ในบทสัมภาษณ์
    ต่อมาโพสต์ชี้แจงว่าไม่ได้หมายถึงการค้ำประกันเงินกู้
    ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน

    แนวคิดการสร้าง ecosystem ด้านการเงิน
    รวมธนาคาร, private equity และภาครัฐ
    ช่วยลดต้นทุนการเงินและเพิ่ม loan-to-value
    เพิ่มความสามารถในการลงทุนในชิปและศูนย์ข้อมูล

    รัฐบาลสหรัฐมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์
    เข้าใจว่า AI เป็นสินทรัพย์สำคัญระดับประเทศ
    มีการเชิญ OpenAI เข้าร่วมให้ข้อมูลกับทำเนียบขาว
    ยังไม่มีข้อตกลงหรือประกาศอย่างเป็นทางการ

    ความคลุมเครือจากการใช้คำว่า “backstop”
    ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า OpenAI ขอค้ำประกันจากรัฐบาล
    สร้างแรงกดดันทางการเมืองและสื่อ

    ความท้าทายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI
    ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อชิปและสร้างศูนย์ข้อมูล
    การแข่งขันกับจีนต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-walks-back-statement-it-wants-a-government-backstop-for-its-massive-loans-company-says-government-playing-its-part-critical-for-industrial-ai-capacity-increases
    🏛️ “OpenAI ถอยคำขอ ‘แบ็คสต็อป’ จากรัฐบาล – ชี้รัฐควรมีบทบาทสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI” เรื่องเล่าจากเบื้องหลังการเงินของโลก AI! Sarah Friar, CFO ของ OpenAI ออกมาแก้ไขคำพูดของตนเองหลังจากให้สัมภาษณ์กับ Wall Street Journal ว่า OpenAI “ไม่ได้ขอให้รัฐบาลเป็นแบ็คสต็อป” สำหรับเงินกู้ที่ใช้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาดใหญ่ แต่ต้องการให้รัฐบาล “มีบทบาท” ในการสร้างขีดความสามารถด้านอุตสาหกรรมร่วมกับภาคเอกชน ในบทสัมภาษณ์เดิม Friar พูดถึงแนวคิดการสร้าง “ecosystem” ที่รวมธนาคาร, private equity และ “รัฐบาล” เพื่อช่วยลดต้นทุนการเงินและเพิ่มความสามารถในการกู้ยืม โดยใช้คำว่า “backstop” ซึ่งหมายถึงการค้ำประกันเงินกู้ แต่หลังจากเกิดความเข้าใจผิด เธอได้โพสต์ชี้แจงใน LinkedIn ว่า “คำว่า backstop ทำให้ประเด็นคลุมเครือ” และยืนยันว่า OpenAI ไม่ได้ขอการค้ำประกันจากรัฐบาลโดยตรง เธอยังกล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐมีความเข้าใจว่า AI เป็น “สินทรัพย์เชิงยุทธศาสตร์” และควรมีบทบาทในการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงงานผลิตชิปและศูนย์ข้อมูล เพื่อให้สหรัฐสามารถแข่งขันกับจีนได้ ✅ OpenAI ชี้แจงว่าไม่ได้ขอ “backstop” จากรัฐบาล ➡️ Sarah Friar ใช้คำว่า “backstop” ในบทสัมภาษณ์ ➡️ ต่อมาโพสต์ชี้แจงว่าไม่ได้หมายถึงการค้ำประกันเงินกู้ ➡️ ต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทร่วมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ✅ แนวคิดการสร้าง ecosystem ด้านการเงิน ➡️ รวมธนาคาร, private equity และภาครัฐ ➡️ ช่วยลดต้นทุนการเงินและเพิ่ม loan-to-value ➡️ เพิ่มความสามารถในการลงทุนในชิปและศูนย์ข้อมูล ✅ รัฐบาลสหรัฐมีบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ เข้าใจว่า AI เป็นสินทรัพย์สำคัญระดับประเทศ ➡️ มีการเชิญ OpenAI เข้าร่วมให้ข้อมูลกับทำเนียบขาว ➡️ ยังไม่มีข้อตกลงหรือประกาศอย่างเป็นทางการ ‼️ ความคลุมเครือจากการใช้คำว่า “backstop” ⛔ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่า OpenAI ขอค้ำประกันจากรัฐบาล ⛔ สร้างแรงกดดันทางการเมืองและสื่อ ‼️ ความท้าทายในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน AI ⛔ ต้องใช้เงินมหาศาลในการซื้อชิปและสร้างศูนย์ข้อมูล ⛔ การแข่งขันกับจีนต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน https://www.tomshardware.com/tech-industry/openai-walks-back-statement-it-wants-a-government-backstop-for-its-massive-loans-company-says-government-playing-its-part-critical-for-industrial-ai-capacity-increases
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย

    ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ

    ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต

    คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง

    หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน

    คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี
    Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด
    คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์
    หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี
    ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน
    ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด
    ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ

    การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ
    Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก
    Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว
    Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้

    ความสำคัญของคดีนี้
    เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด
    อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม
    เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี

    คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป
    การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม
    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    📱 เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน ✅ คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี ➡️ Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด ➡️ คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์ ➡️ หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน ➡️ ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด ➡️ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ ✅ การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ ➡️ Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก ➡️ Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว ➡️ Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้ ✅ ความสำคัญของคดีนี้ ➡️ เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด ➡️ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม ➡️ เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี ‼️ คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย ⛔ เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป ⛔ การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Social media giants must stand trial on addiction claims
    Meta Platforms Inc, ByteDance Ltd, Alphabet Inc and Snap Inc must face trial over claims that they designed social media platforms to addict youths, a judge ruled, clearing the way for the first of thousands of cases to be presented to juries.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 340 มุมมอง 0 รีวิว
  • "รังสิมันต์" แย้มพบเส้นเงินเข้าบัญชีม้า-นายตำรวจใหญ่ และ "นักการเมืองพรรคอื่น" เตรียมเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจงใน กมธ. สัปดาห์
    https://www.thai-tai.tv/news/22247/
    .
    #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #เส้นเงินเว็บพนัน #องค์กรตำรวจเน่าเฟะ #PCT4 #นักการเมืองเอี่ยว
    "รังสิมันต์" แย้มพบเส้นเงินเข้าบัญชีม้า-นายตำรวจใหญ่ และ "นักการเมืองพรรคอื่น" เตรียมเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องชี้แจงใน กมธ. สัปดาห์ https://www.thai-tai.tv/news/22247/ . #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #เส้นเงินเว็บพนัน #องค์กรตำรวจเน่าเฟะ #PCT4 #นักการเมืองเอี่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • Akira Ransomware อ้างเจาะระบบ OpenOffice — แต่ Apache ปฏิเสธ พร้อมชี้แจงว่า “ไม่มีข้อมูลให้ขโมย”

    กลุ่มแฮกเกอร์ Akira Ransomware ได้อ้างว่าเจาะระบบของ Apache OpenOffice และขโมยข้อมูลกว่า 23GB ซึ่งรวมถึงข้อมูลพนักงาน, รายงานปัญหา, และไฟล์ลับภายในองค์กร พร้อมประกาศว่าจะปล่อยข้อมูลเหล่านี้ในเร็วๆ นี้

    แต่ทาง Apache Software Foundation ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ไม่มีการโจมตีเกิดขึ้น และสิ่งที่ Akira อ้างนั้น “ไม่สมเหตุสมผล” เพราะ OpenOffice เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ไม่มีพนักงานประจำ และไม่มีข้อมูลส่วนตัวหรือไฟล์ลับใดๆ ให้ขโมย

    โครงการโอเพ่นซอร์สที่โปร่งใส
    Apache OpenOffice เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดยอาสาสมัครทั่วโลก ไม่มีพนักงานประจำ ไม่มีฐานข้อมูลส่วนตัว และทุกการพูดคุยเกี่ยวกับบั๊กหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็ถูกเผยแพร่ผ่านเมลลิสต์สาธารณะอยู่แล้ว

    ทาง Apache ยังระบุว่าไม่มีการเรียกค่าไถ่เกิดขึ้น และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่ามีการเจาะระบบจริง จึงไม่ได้แจ้งตำรวจหรือดำเนินการใดๆ นอกจากการตรวจสอบภายใน

    Akira Ransomware อ้างเจาะระบบ OpenOffice
    อ้างว่าขโมยข้อมูล 23GB รวมถึงข้อมูลพนักงานและไฟล์ลับ
    เตรียมปล่อยข้อมูลในเร็วๆ นี้

    Apache ปฏิเสธการโจมตี
    ไม่มีพนักงานประจำหรือข้อมูลส่วนตัวให้ขโมย
    ไม่มีการเรียกค่าไถ่หรือหลักฐานการเจาะระบบ

    โครงการโอเพ่นซอร์สที่โปร่งใส
    พัฒนาโดยอาสาสมัคร ไม่มีโครงสร้างองค์กรแบบบริษัท
    การพูดคุยเรื่องบั๊กและฟีเจอร์เป็นสาธารณะ

    ความเสี่ยงจากการอ้างเท็จของแฮกเกอร์
    อาจสร้างความเข้าใจผิดในสาธารณะ
    ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความกังวลโดยไม่จำเป็น

    ความท้าทายในการตรวจสอบความจริง
    ต้องใช้เวลาตรวจสอบภายในเพื่อยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบ
    การตอบโต้ข่าวลือต้องใช้ความชัดเจนและโปร่งใส

    https://www.techradar.com/pro/security/apache-openoffice-says-it-wasnt-hit-by-cyberattack-despite-hacker-claims
    🛡️💻 Akira Ransomware อ้างเจาะระบบ OpenOffice — แต่ Apache ปฏิเสธ พร้อมชี้แจงว่า “ไม่มีข้อมูลให้ขโมย” กลุ่มแฮกเกอร์ Akira Ransomware ได้อ้างว่าเจาะระบบของ Apache OpenOffice และขโมยข้อมูลกว่า 23GB ซึ่งรวมถึงข้อมูลพนักงาน, รายงานปัญหา, และไฟล์ลับภายในองค์กร พร้อมประกาศว่าจะปล่อยข้อมูลเหล่านี้ในเร็วๆ นี้ แต่ทาง Apache Software Foundation ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธอย่างชัดเจนว่า ไม่มีการโจมตีเกิดขึ้น และสิ่งที่ Akira อ้างนั้น “ไม่สมเหตุสมผล” เพราะ OpenOffice เป็นโครงการโอเพ่นซอร์สที่ไม่มีพนักงานประจำ และไม่มีข้อมูลส่วนตัวหรือไฟล์ลับใดๆ ให้ขโมย 🔍 โครงการโอเพ่นซอร์สที่โปร่งใส Apache OpenOffice เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดยอาสาสมัครทั่วโลก ไม่มีพนักงานประจำ ไม่มีฐานข้อมูลส่วนตัว และทุกการพูดคุยเกี่ยวกับบั๊กหรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ก็ถูกเผยแพร่ผ่านเมลลิสต์สาธารณะอยู่แล้ว ทาง Apache ยังระบุว่าไม่มีการเรียกค่าไถ่เกิดขึ้น และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่ามีการเจาะระบบจริง จึงไม่ได้แจ้งตำรวจหรือดำเนินการใดๆ นอกจากการตรวจสอบภายใน ✅ Akira Ransomware อ้างเจาะระบบ OpenOffice ➡️ อ้างว่าขโมยข้อมูล 23GB รวมถึงข้อมูลพนักงานและไฟล์ลับ ➡️ เตรียมปล่อยข้อมูลในเร็วๆ นี้ ✅ Apache ปฏิเสธการโจมตี ➡️ ไม่มีพนักงานประจำหรือข้อมูลส่วนตัวให้ขโมย ➡️ ไม่มีการเรียกค่าไถ่หรือหลักฐานการเจาะระบบ ✅ โครงการโอเพ่นซอร์สที่โปร่งใส ➡️ พัฒนาโดยอาสาสมัคร ไม่มีโครงสร้างองค์กรแบบบริษัท ➡️ การพูดคุยเรื่องบั๊กและฟีเจอร์เป็นสาธารณะ ‼️ ความเสี่ยงจากการอ้างเท็จของแฮกเกอร์ ⛔ อาจสร้างความเข้าใจผิดในสาธารณะ ⛔ ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความกังวลโดยไม่จำเป็น ‼️ ความท้าทายในการตรวจสอบความจริง ⛔ ต้องใช้เวลาตรวจสอบภายในเพื่อยืนยันว่าไม่มีการเจาะระบบ ⛔ การตอบโต้ข่าวลือต้องใช้ความชัดเจนและโปร่งใส https://www.techradar.com/pro/security/apache-openoffice-says-it-wasnt-hit-by-cyberattack-despite-hacker-claims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยกรณีนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ได้อธิบายเหตุผลข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้าทุกอย่างอยู่ในขอบเขต พร้อมชี้แจงทุกเวที
    ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ
    แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่า ศาลไม่เคยมีคำพิพากษาและเรียกร้องให้นำหลักฐานมาแสดง ขอให้ไปฟังคำพูดตนเองคำต่อคำ ตรวจสอบข้อมูลสาธารณะที่มีก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้มองเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เขาถามเราก็ชี้แจง คนเป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้ ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน
    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยกรณีนิสิตจุฬาฯ ชูป้ายกล่าวหาสั่งฆ่าประชาชน ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองปี 2553 ได้อธิบายเหตุผลข้อเท็จจริง ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ ถ้าทุกอย่างอยู่ในขอบเขต พร้อมชี้แจงทุกเวที ส่วนที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ระบุว่า ศาลไม่เคยมีคำพิพากษาและเรียกร้องให้นำหลักฐานมาแสดง ขอให้ไปฟังคำพูดตนเองคำต่อคำ ตรวจสอบข้อมูลสาธารณะที่มีก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่ได้มองเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง เขาถามเราก็ชี้แจง คนเป็นนักการเมืองต้องตรวจสอบได้ ต้องมีความรับผิดชอบ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้เสียสมาธิในการทำงาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 0 รีวิว
Pages Boosts