• สมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง สุดทนแฉ ตำรวจภูเก็ตไถนักท่องเที่ยว 1-2 หมื่น แลกไม่ต้องไปโรงพัก ชี้ สุดทน คอร์รัปชั่นผุดทั่วไทย มหันตภัยที่เกินแก้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024571
    สมหมาย ภาษี อดีต รมว.คลัง สุดทนแฉ ตำรวจภูเก็ตไถนักท่องเที่ยว 1-2 หมื่น แลกไม่ต้องไปโรงพัก ชี้ สุดทน คอร์รัปชั่นผุดทั่วไทย มหันตภัยที่เกินแก้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024571
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นปรับปรุง Arrow Lake-S Refresh สำหรับเดสก์ท็อปในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป็นการนำซีพียู Arrow Lake รุ่นปัจจุบันมาปรับปรุงประสิทธิภาพบางส่วน จุดเด่นของรุ่นใหม่นี้คือการใช้สถาปัตยกรรม NPU5 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 18-50 TOPS ซึ่งเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า NPU4 ที่ทำได้ 40-48 TOPS นอกจากนี้ยังมีการรองรับ AI และประสิทธิภาพการเล่นเกมที่สูงขึ้น

    Intel ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี NPU ต่อเนื่อง โดยในอนาคตมีแผนจะเปิดตัวสถาปัตยกรรม NPU6 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 75 TOPS ซึ่งจะกลายเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี AI และการประมวลผลยุคใหม่

    อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Arrow Lake-S Refresh จะยังคงใช้แพลตฟอร์มเดิม LGA 1851 ที่รองรับหน่วยความจำ DDR5 และ PCIe 5.0 ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวซีพียูรุ่นปรับปรุงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ Nova Lake ในปี 2026 ซึ่งอาจสร้างคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของ Intel ในการปล่อย Arrow Lake-S Refresh

    https://wccftech.com/intel-arrow-lake-s-desktop-cpu-refresh-back-on-the-menu-minor-upgrades-faster-npu/
    Intel เตรียมเปิดตัวซีพียูรุ่นปรับปรุง Arrow Lake-S Refresh สำหรับเดสก์ท็อปในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 โดยเป็นการนำซีพียู Arrow Lake รุ่นปัจจุบันมาปรับปรุงประสิทธิภาพบางส่วน จุดเด่นของรุ่นใหม่นี้คือการใช้สถาปัตยกรรม NPU5 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 18-50 TOPS ซึ่งเหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า NPU4 ที่ทำได้ 40-48 TOPS นอกจากนี้ยังมีการรองรับ AI และประสิทธิภาพการเล่นเกมที่สูงขึ้น Intel ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยี NPU ต่อเนื่อง โดยในอนาคตมีแผนจะเปิดตัวสถาปัตยกรรม NPU6 ที่สามารถประมวลผลได้ถึง 75 TOPS ซึ่งจะกลายเป็นก้าวสำคัญในการปรับตัวให้ทันต่อการแข่งขันในตลาดเทคโนโลยี AI และการประมวลผลยุคใหม่ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ Arrow Lake-S Refresh จะยังคงใช้แพลตฟอร์มเดิม LGA 1851 ที่รองรับหน่วยความจำ DDR5 และ PCIe 5.0 ทำให้ผู้ใช้งานไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เสริมใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวซีพียูรุ่นปรับปรุงนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการเปิดตัวซีพียูรุ่นใหม่ Nova Lake ในปี 2026 ซึ่งอาจสร้างคำถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของ Intel ในการปล่อย Arrow Lake-S Refresh https://wccftech.com/intel-arrow-lake-s-desktop-cpu-refresh-back-on-the-menu-minor-upgrades-faster-npu/
    WCCFTECH.COM
    Intel Arrow Lake-S Desktop CPU Refresh Is Back On The Menu - Minor Upgrades Including Faster NPU
    Intel is once again planning to release a refresh of its Arrow Lake-S Desktop lineup which will offer some minor upgrades.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซิร์ฟเวอร์ที่มีชื่อว่า "Global Special Forces" ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Chaoyue Technology ได้รับรางวัล iF Design Award ซึ่งถือเป็นรางวัลระดับนานาชาติที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ

    คุณสมบัติเด่นของเซิร์ฟเวอร์นี้ได้แก่:
    - การป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Shielding) ที่ครอบคลุมช่วง 10K-10GHz
    - ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกที่สูงถึง 50g
    - กันความชื้นระดับ IP66 พร้อมรองรับความชื้นได้ถึง 95%
    - การทำงานในอุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -55°C ถึง 70°C โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ
    - ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือ (Salt Spray) ได้นานถึง 10 ปี

    เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น การใช้งานบนยานพาหนะ เครื่องบิน หรือเรือ และสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องมีดีไซน์โมดูลาร์ที่สามารถถอดประกอบได้ง่าย พร้อมฟังก์ชันการควบคุมด้วย AI และการจัดเก็บข้อมูลในตัว

    ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเซิร์ฟเวอร์ LRM (Lightweight Rackmount) ที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีเฉพาะด้าน เช่น การสลับเมทริกซ์แบบ DVI+USB ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองบริษัทในจีนที่สามารถทำได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ก่อนเปิดตัวในปี 2023 และได้รับความสนใจจากหลากหลายวงการ

    การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความงามและประสิทธิภาพอย่างลงตัว แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นใช้งานในงานด้านเทคนิคและการป้องกันประเทศ แต่ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรม

    https://www.techradar.com/pro/ai-server-designed-for-chinese-military-use-wins-major-global-design-award-in-europe
    เซิร์ฟเวอร์ที่มีชื่อว่า "Global Special Forces" ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Chaoyue Technology ได้รับรางวัล iF Design Award ซึ่งถือเป็นรางวัลระดับนานาชาติที่มอบให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้านการออกแบบ คุณสมบัติเด่นของเซิร์ฟเวอร์นี้ได้แก่: - การป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Shielding) ที่ครอบคลุมช่วง 10K-10GHz - ความทนทานต่อการสั่นสะเทือนและแรงกระแทกที่สูงถึง 50g - กันความชื้นระดับ IP66 พร้อมรองรับความชื้นได้ถึง 95% - การทำงานในอุณหภูมิที่หลากหลาย ตั้งแต่ -55°C ถึง 70°C โดยไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพ - ทนต่อการกัดกร่อนจากไอเกลือ (Salt Spray) ได้นานถึง 10 ปี เซิร์ฟเวอร์นี้ถูกออกแบบให้รองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทาย เช่น การใช้งานบนยานพาหนะ เครื่องบิน หรือเรือ และสามารถทำงานได้อย่างเสถียร แม้ในพื้นที่ที่มีความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อม ตัวเครื่องมีดีไซน์โมดูลาร์ที่สามารถถอดประกอบได้ง่าย พร้อมฟังก์ชันการควบคุมด้วย AI และการจัดเก็บข้อมูลในตัว ผลิตภัณฑ์นี้เป็นเซิร์ฟเวอร์ LRM (Lightweight Rackmount) ที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งใช้เทคโนโลยีเฉพาะด้าน เช่น การสลับเมทริกซ์แบบ DVI+USB ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสองบริษัทในจีนที่สามารถทำได้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้เวลาถึงหนึ่งปีเต็ม ก่อนเปิดตัวในปี 2023 และได้รับความสนใจจากหลากหลายวงการ การออกแบบเซิร์ฟเวอร์ในลักษณะนี้สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความงามและประสิทธิภาพอย่างลงตัว แม้จะเป็นอุปกรณ์ที่เน้นใช้งานในงานด้านเทคนิคและการป้องกันประเทศ แต่ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจในด้านการออกแบบเชิงอุตสาหกรรม https://www.techradar.com/pro/ai-server-designed-for-chinese-military-use-wins-major-global-design-award-in-europe
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง

    เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ

    แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’?

    สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才)

    เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ

    Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html
    https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子
    https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/
    https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D
    http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html
    https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593

    #สำนวนจีน #เสาหลัก
    สวัสดีค่ะ สืบเนื่องจากอาทิตย์ที่แล้วเราคุยกันเรื่องปรัชญาขงจื๊อว่าด้วย ‘วิญญูชน’ วันนี้เลยมาคุยกันสั้นๆ เกี่ยวกับสำนวนจีนที่เกี่ยวข้อง เชื่อว่ามีเพื่อนเพจไม่น้อยที่เคยผ่านหูและผ่านตาในซีรีส์และนิยายจีนถึงสำนวน ‘เสาหลักของชาติ’ ซึ่งสำนวนนี้มีใช้ในภาษาไทยและภาษาอังกฤษอย่างแพร่หลายจวบจนปัจจุบัน วันนี้เลยมาพร้อมรูปกระกอบของเหล่าตัวละครที่ได้รับการขนานนามในเรื่องนั้นๆ ว่าเป็นเสาหลักของชาติ แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า จริงๆ แล้วในสำนวนจีนที่มีมาแต่โบราณนี้ เขาใช้คำว่า ‘คานหลัก’ ไม่ใช่ ‘เสาหลัก’? สำนวนนี้มักใช้ว่า ‘国之栋梁’(กั๋วจือโต้งเหลียง) ซึ่งเป็นสำนวนที่มีมาแต่โบราณ ปัจจุบันสำนวนที่ถูกต้องคือ ‘国家栋梁’ (กั๋วเจียโต้งเหลียง) โดยคำว่า ‘โต้งเหลียง’นี้แปลว่าคานหลัก และมีสำนวนกล่าวชมคนที่มีคุณสมบัติที่จะมาเป็นผู้นำและมีบทบาทสำคัญในกิจการบ้านเมืองนั้นว่า ‘โต้งเหลียงจือฉาย’(栋梁之才) เหตุใดในสำนวนนี้จึงใช้คำว่า ‘คาน’ ไม่ใช่ ‘เสา’ เหมือนชาติอื่น? เรื่องนี้ไม่ปรากฏคำอธิบายชัดเจน Storyฯ เองก็ไม่ใช่วิศวกรหรือสถาปนิก แต่พอจะจับใจความได้ดังนี้ค่ะ: คานคือส่วนของบ้านที่รับน้ำหนักจากข้างบนลงมาแล้วค่อยกระจายไปตามเสา และยังเป็นตัวช่วยยึดให้เสาตั้งตรงไม่เอนเอียงไปตามกาลเวลา ในการออกแบบจะคำนวณการกระจายน้ำหนักจากบนลงล่าง (แม้ในการก่อสร้างจริงจะเริ่มจากล่างก่อน) และคานหลักเป็นคานที่ใหญ่ที่สุดและเป็นตัวหลักในการรับน้ำหนัก ในสมัยโบราณมีการทำพิธีบวงสรวงเวลายกคานหลักขึ้นตั้งด้วย แสดงให้เห็นถึงความสำคัญในสายตาของคนโบราณ Storyฯ ลองคิดตามก็รู้สึก ‘เออ...ใช่!’ ด้วยวัฒนธรรมที่จัดลำดับความสำคัญจากบนลงล่าง การเปรียบคนคนหนึ่งเป็นเสมือนคานหลักของบ้านเป็นการอุปมาอุปไมยอย่างชัดเจนว่าคนคนนี้ต้องรับภาระอันมากมายและมีหน้าที่สำคัญในการดำรงไว้ซึ่งความสมดุลของบ้าน และมีหน้าที่กระจายน้ำหนักไปสู่ส่วนประกอบอื่นของบ้าน ... ซึ่ง Storyฯ คิดว่านี่ก็คือบทบาทหน้าที่ของผู้นำ อดคิดไม่ได้ว่า สำนวนจีนเขาก็เปรียบเทียบได้ถูกต้องดี เพื่อนเพจว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.tupianzj.com/mingxing/juzhao/20211209/236147.html https://www.pixnet.net/tags/我就是這般女子 https://www.facebook.com/Nsplusengineering/posts/2897265593641850/ https://ettchk.wordpress.com/2017/12/22/3175/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://chengyu.qianp.com/cy/%E6%A0%8B%E6%A2%81%E4%B9%8B%E6%89%8D http://chengyu.kaishicha.com/in8q.html https://baike.baidu.com/item/%E6%A0%8B%E6%A2%81/6433593 #สำนวนจีน #เสาหลัก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงความน่าสนใจของโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก AMD รุ่น Ryzen 9 9950X3D ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับนักเล่นเกมและนักสร้างคอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม การทดสอบล่าสุดพบว่าชิปนี้กลับทำงานได้ดีกว่าบน Windows 10 เมื่อเทียบกับ Windows 11 โดยเฉพาะในเกมที่ต้องใช้การประมวลผลจาก CPU อย่างเข้มข้น

    การทดสอบโดย Tech YES City พบว่า Ryzen 9 9950X3D ทำเฟรมเรตได้สูงกว่าใน Windows 10 ในเกมยอดนิยม เช่น CS2 ที่ความละเอียด 1080p โดยใน Windows 10 เฉลี่ยที่ 745fps แต่ใน Windows 11 เฉลี่ยลดลงมาเป็น 729fps และตกลงไปถึง 710fps เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ VBS (Virtualization-based Security) ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างถึง 9.2% ในบางกรณี เช่น เกม Fortnite ในการตั้งค่าต่ำสุด

    ปัญหานี้เกิดขึ้นแม้แต่กับ Windows 11 รุ่นปรับแต่ง (custom-tuned version) แสดงให้เห็นว่าปัญหาความเข้ากันได้นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในระดับที่ดีพอ ข่าวนี้จึงสะท้อนถึงความกังวลว่า Windows 11 อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงปีเศษก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในปี 2025

    https://www.techradar.com/computing/cpu/amds-most-powerful-processor-ever-actually-runs-better-on-windows-10-than-windows-11
    ข่าวนี้พูดถึงความน่าสนใจของโปรเซสเซอร์ใหม่ล่าสุดจาก AMD รุ่น Ryzen 9 9950X3D ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นโปรเซสเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับนักเล่นเกมและนักสร้างคอนเทนต์ อย่างไรก็ตาม การทดสอบล่าสุดพบว่าชิปนี้กลับทำงานได้ดีกว่าบน Windows 10 เมื่อเทียบกับ Windows 11 โดยเฉพาะในเกมที่ต้องใช้การประมวลผลจาก CPU อย่างเข้มข้น การทดสอบโดย Tech YES City พบว่า Ryzen 9 9950X3D ทำเฟรมเรตได้สูงกว่าใน Windows 10 ในเกมยอดนิยม เช่น CS2 ที่ความละเอียด 1080p โดยใน Windows 10 เฉลี่ยที่ 745fps แต่ใน Windows 11 เฉลี่ยลดลงมาเป็น 729fps และตกลงไปถึง 710fps เมื่อเปิดใช้งานฟีเจอร์ VBS (Virtualization-based Security) ซึ่งแสดงถึงความแตกต่างถึง 9.2% ในบางกรณี เช่น เกม Fortnite ในการตั้งค่าต่ำสุด ปัญหานี้เกิดขึ้นแม้แต่กับ Windows 11 รุ่นปรับแต่ง (custom-tuned version) แสดงให้เห็นว่าปัญหาความเข้ากันได้นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไขในระดับที่ดีพอ ข่าวนี้จึงสะท้อนถึงความกังวลว่า Windows 11 อาจจะยังไม่พร้อมสำหรับผู้ใช้บางกลุ่ม แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกเพียงปีเศษก่อนที่ Microsoft จะยุติการสนับสนุน Windows 10 ในปี 2025 https://www.techradar.com/computing/cpu/amds-most-powerful-processor-ever-actually-runs-better-on-windows-10-than-windows-11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เล่าถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่เกี่ยวกับ Framework Desktop ที่นำขุมพลังจากชิป AMD Ryzen AI Max มาพัฒนาจนกลายเป็นระบบที่ทรงพลังสำหรับเกม การทำงานระดับสูง และการประมวลผล AI โดยเฉพาะ

    จุดเด่นของ Ryzen AI Max คือการผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำในสามด้าน ได้แก่ Zen 5 CPU แบบ 16 คอร์ที่ประมวลผลเร็วสุดขั้ว, GPU RDNA 3.5 พร้อมหน่วยคำนวณถึง 40 ชุดที่รองรับกราฟิกคุณภาพสูง และ LPDDR5x Memory Bus 256 บิต ที่รองรับความจุได้สูงถึง 128GB ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างน่าประทับใจ ความสามารถนี้เหมาะสำหรับการจัดการโหลดงาน AI อย่างการฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ซึ่งจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำที่รวดเร็วและทรงพลัง

    Framework Desktop ยังมาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม โดยใช้ชุดฮีตไปป์ 6 เส้นและพัดลมขนาด 120 มม. ทำให้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของ Ryzen AI Max ได้อย่างเต็มที่โดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงเกินไป นอกจากนี้ ระบบยังมีการเชื่อมต่อที่ครบครัน เช่น USB4, DisplayPort และ PCIe เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย

    สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    - การเลือกใช้ RAM แบบบัดกรีเพื่อรองรับความเร็วสูง แม้จะแลกมากับการลดความยืดหยุ่นในการอัปเกรด แต่ก็ยังมีข้อดีในแง่ของประสิทธิภาพ
    - ตัวผลิตภัณฑ์ออกแบบมาในรูปแบบโมดูล ที่สามารถถอดประกอบและใส่เข้ากับโครงเคส Mini-ITX ได้อย่างง่ายดาย

    https://www.techpowerup.com/334069/framework-dives-deep-into-desktop-models-deployment-of-ryzen-ai-max
    ข่าวนี้เล่าถึงนวัตกรรมทางเทคโนโลยีครั้งใหญ่เกี่ยวกับ Framework Desktop ที่นำขุมพลังจากชิป AMD Ryzen AI Max มาพัฒนาจนกลายเป็นระบบที่ทรงพลังสำหรับเกม การทำงานระดับสูง และการประมวลผล AI โดยเฉพาะ จุดเด่นของ Ryzen AI Max คือการผสมผสานเทคโนโลยีสุดล้ำในสามด้าน ได้แก่ Zen 5 CPU แบบ 16 คอร์ที่ประมวลผลเร็วสุดขั้ว, GPU RDNA 3.5 พร้อมหน่วยคำนวณถึง 40 ชุดที่รองรับกราฟิกคุณภาพสูง และ LPDDR5x Memory Bus 256 บิต ที่รองรับความจุได้สูงถึง 128GB ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างน่าประทับใจ ความสามารถนี้เหมาะสำหรับการจัดการโหลดงาน AI อย่างการฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ซึ่งจำเป็นต้องใช้หน่วยความจำที่รวดเร็วและทรงพลัง Framework Desktop ยังมาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม โดยใช้ชุดฮีตไปป์ 6 เส้นและพัดลมขนาด 120 มม. ทำให้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของ Ryzen AI Max ได้อย่างเต็มที่โดยไม่เกิดปัญหาความร้อนสูงเกินไป นอกจากนี้ ระบบยังมีการเชื่อมต่อที่ครบครัน เช่น USB4, DisplayPort และ PCIe เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย สาระที่น่าสนใจเพิ่มเติม: - การเลือกใช้ RAM แบบบัดกรีเพื่อรองรับความเร็วสูง แม้จะแลกมากับการลดความยืดหยุ่นในการอัปเกรด แต่ก็ยังมีข้อดีในแง่ของประสิทธิภาพ - ตัวผลิตภัณฑ์ออกแบบมาในรูปแบบโมดูล ที่สามารถถอดประกอบและใส่เข้ากับโครงเคส Mini-ITX ได้อย่างง่ายดาย https://www.techpowerup.com/334069/framework-dives-deep-into-desktop-models-deployment-of-ryzen-ai-max
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Framework Dives Deep into Desktop Model's Deployment of Ryzen AI Max
    We dedicated a lot of our launch presentation of Framework Desktop to the Ryzen AI Max processor it uses, and for a good reason. These truly unique, ultra-high-performance parts are the culmination of decades of technology and architecture investments that AMD has made, going all the way back to the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงความสำเร็จล่าสุดของ Intel กับการพัฒนากระบวนการผลิตชิป 18A node ซึ่งถูกมองว่าเป็น "ความหวังใหม่" ของบริษัท หลังจากที่ต้องเผชิญความท้าทายจากคู่แข่งในตลาดที่ดุเดือด กระบวนการผลิตนี้เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบการทดลองที่โรงงานในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์

    18A node ใช้เทคโนโลยี GAA-FET (Gate-All-Around Field-Effect Transistor) ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน โดยการทดสอบแผ่นเวเฟอร์ได้เริ่มต้นและได้รับความสนใจจากลูกค้าหลักที่กำลังใช้กระบวนการนี้ในการพัฒนาชิปต้นแบบ

    ความสำคัญของการเปิดตัวในครั้งนี้อยู่ที่ว่า Intel ไม่เพียงแค่พัฒนาผลิตภัณฑ์ในบ้าน แต่ยังดำเนินกลยุทธ์แบบสองทาง โดยผสมผสานระหว่างการเป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทอื่น (foundry services) และการสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง กลยุทธ์นี้ได้รับการผลักดันโดย CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ซึ่งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ด้านการผลิตที่มุ่งเน้นการบูรณาการที่แข็งแกร่ง

    จุดเด่นที่น่าสนใจคือ โรงงานในรัฐแอริโซนาเป็นโรงงานที่รองรับเทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) และเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตปริมาณสูง (high-volume manufacturing) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งอาจเริ่มเร็วกว่ากำหนดเดิม เหตุการณ์นี้ยังแสดงถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมการผลิตชิปในสหรัฐฯ ซึ่งกลับมามีบทบาทสำคัญในตลาดโลก

    https://www.techpowerup.com/334063/initial-intel-18a-node-wafer-run-lands-in-arizona-site-high-volume-manufacturing-could-start-earlier-than-expected
    ข่าวนี้พูดถึงความสำเร็จล่าสุดของ Intel กับการพัฒนากระบวนการผลิตชิป 18A node ซึ่งถูกมองว่าเป็น "ความหวังใหม่" ของบริษัท หลังจากที่ต้องเผชิญความท้าทายจากคู่แข่งในตลาดที่ดุเดือด กระบวนการผลิตนี้เปิดตัวครั้งแรกในรูปแบบการทดลองที่โรงงานในรัฐแอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ 18A node ใช้เทคโนโลยี GAA-FET (Gate-All-Around Field-Effect Transistor) ที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของทรานซิสเตอร์และลดการใช้พลังงาน โดยการทดสอบแผ่นเวเฟอร์ได้เริ่มต้นและได้รับความสนใจจากลูกค้าหลักที่กำลังใช้กระบวนการนี้ในการพัฒนาชิปต้นแบบ ความสำคัญของการเปิดตัวในครั้งนี้อยู่ที่ว่า Intel ไม่เพียงแค่พัฒนาผลิตภัณฑ์ในบ้าน แต่ยังดำเนินกลยุทธ์แบบสองทาง โดยผสมผสานระหว่างการเป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทอื่น (foundry services) และการสร้างผลิตภัณฑ์ของตัวเอง กลยุทธ์นี้ได้รับการผลักดันโดย CEO คนใหม่ Lip-Bu Tan ซึ่งยังคงสานต่อวิสัยทัศน์ด้านการผลิตที่มุ่งเน้นการบูรณาการที่แข็งแกร่ง จุดเด่นที่น่าสนใจคือ โรงงานในรัฐแอริโซนาเป็นโรงงานที่รองรับเทคโนโลยี EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) และเตรียมพร้อมสำหรับการผลิตปริมาณสูง (high-volume manufacturing) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 ซึ่งอาจเริ่มเร็วกว่ากำหนดเดิม เหตุการณ์นี้ยังแสดงถึงความพร้อมของอุตสาหกรรมการผลิตชิปในสหรัฐฯ ซึ่งกลับมามีบทบาทสำคัญในตลาดโลก https://www.techpowerup.com/334063/initial-intel-18a-node-wafer-run-lands-in-arizona-site-high-volume-manufacturing-could-start-earlier-than-expected
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Initial Intel 18A Node Wafer Run Lands in Arizona Site, High-Volume Manufacturing Could Start Earlier Than Expected
    Intel's 18A node, often referred to as Intel's silver lining, has just produced tangible result. In a LinkedIn post of Intel's engineering manager Pankaj Marria, we learn that Intel's 18A node is now being produced in initial wafer lots for testing and evaluation by Intel's customers. This means tha...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท KIOXIA ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88 เทราไบต์ (TB) ซึ่งเป็น SSD ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี BiCS FLASH generation 8 และหน่วยความจำ QLC แบบ 3D ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการข้อมูลมหาศาล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ SSD รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 128 GT/s พร้อมทั้งมี dual-port capability ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่ระบบมีความผิดพลาด และสามารถเชื่อมต่อกับหลายระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบ hybrid cloud และ multi-cloud

    SSD ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ เช่น การฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) การจัดการฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ และการดึงข้อมูลมาใช้สำหรับการปรับปรุงโมเดล AI อย่างรวดเร็ว

    อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ KIOXIA ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AiSAQ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานแบบ Retrieval Augmented Generation (RAG) โดยลดการพึ่งพาหน่วยความจำแบบ DRAM ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงลง และยังช่วยประหยัดพลังงานต่อเทราไบต์เมื่อเทียบกับ SSD ขนาดเล็กกว่า

    แน่นอนว่า SSD ตัวนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการ ความจุสูงขึ้นและความเร็วในการประมวลผลที่มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

    https://www.techpowerup.com/334049/kioxia-unveils-high-capacity-lc9-series-122-88-tb-nvme-ssds-for-ai-applications
    บริษัท KIOXIA ได้เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ที่มีความจุสูงถึง 122.88 เทราไบต์ (TB) ซึ่งเป็น SSD ตัวแรกที่ใช้เทคโนโลยี BiCS FLASH generation 8 และหน่วยความจำ QLC แบบ 3D ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่เกี่ยวข้องกับ AI และการจัดการข้อมูลมหาศาล สิ่งที่น่าสนใจคือ SSD รุ่นนี้รองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 5.0 ซึ่งให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงถึง 128 GT/s พร้อมทั้งมี dual-port capability ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในกรณีที่ระบบมีความผิดพลาด และสามารถเชื่อมต่อกับหลายระบบคอมพิวเตอร์ได้พร้อมกัน ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานในระบบ hybrid cloud และ multi-cloud SSD ตัวนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI โดยเฉพาะ เช่น การฝึกฝนโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) การจัดการฐานข้อมูลแบบเวกเตอร์ และการดึงข้อมูลมาใช้สำหรับการปรับปรุงโมเดล AI อย่างรวดเร็ว อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ KIOXIA ยังพัฒนาเทคโนโลยีที่ชื่อว่า AiSAQ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในงานแบบ Retrieval Augmented Generation (RAG) โดยลดการพึ่งพาหน่วยความจำแบบ DRAM ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงลง และยังช่วยประหยัดพลังงานต่อเทราไบต์เมื่อเทียบกับ SSD ขนาดเล็กกว่า แน่นอนว่า SSD ตัวนี้ถือเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของตลาดที่ต้องการ ความจุสูงขึ้นและความเร็วในการประมวลผลที่มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์งานด้าน AI ซึ่งกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว https://www.techpowerup.com/334049/kioxia-unveils-high-capacity-lc9-series-122-88-tb-nvme-ssds-for-ai-applications
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    KIOXIA Unveils High-Capacity LC9 Series 122.88 TB NVMe SSDs for AI Applications
    KIOXIA America, Inc. today announced the development of its new LC9 Series 122.88 terabyte (TB) capacity NVMe SSD in a 2.5-inch form factor - the first SSD built with the company's BiCS FLASH generation 8 3D flash memory technology QLC 2 terabit (Tb) die. As AI systems become increasingly sophist...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM)

    AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1

    จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต

    การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1 จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD RDNA 3 professional GPUs with 48GB can beat Nvidia 24GB cards in AI — putting the 'Large' in LLM
    Radeon Pro W7800/7900 48GB up to 7x faster in DeepSeek R1 benchmarks, but don't ask about the 5090.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม! นักวิจัยจากกลุ่ม Quantum Internet Alliance (QIA) ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง TU Delft และ QuTech ได้พัฒนา QNodeOS ระบบปฏิบัติการตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเครือข่ายควอนตัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายเชิงควอนตัมในอนาคต

    QNodeOS มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น
    1) ไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ – นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบฮาร์ดแวร์เชิงลึกก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับเครือข่ายควอนตัมได้
    2) รองรับภาษาระดับสูง – ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสะดวกขึ้น เหมือนกับการเขียนโปรแกรมทั่วไป
    3) รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) – ช่วยใช้ทรัพยากรของฮาร์ดแวร์ให้คุ้มค่าที่สุด

    ในการทดลอง ทีมวิจัยได้ใช้งาน QNodeOS กับเครือข่ายควอนตัมที่เชื่อมต่อด้วย diamond color centers ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ศูนย์ไนโตรเจนในเพชรในการจัดเก็บควอนตัมบิต (qubit)

    สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเครือข่ายควอนตัมไม่ได้มีหน้าที่คำนวณเหมือนคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่จะช่วยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้หลักการควอนตัม เช่น การพัวพัน (entanglement) และ การซ้อนทับ (superposition) โดยมีระบบจัดการที่ฉลาดขึ้น เพื่อช่วยให้เครือข่ายทำงานได้ราบรื่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/qnodeos-claims-to-be-the-first-operating-system-for-quantum-networks-paving-the-way-for-future-quantum-applications
    ข่าวนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับวงการคอมพิวเตอร์เชิงควอนตัม! นักวิจัยจากกลุ่ม Quantum Internet Alliance (QIA) ซึ่งรวมถึงมหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยชั้นนำอย่าง TU Delft และ QuTech ได้พัฒนา QNodeOS ระบบปฏิบัติการตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อรองรับเครือข่ายควอนตัมโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นอีกก้าวสำคัญในการสร้างเครือข่ายเชิงควอนตัมในอนาคต QNodeOS มีจุดเด่นที่น่าสนใจหลายอย่าง เช่น 1) ไม่ขึ้นกับฮาร์ดแวร์ – นักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเข้าใจระบบฮาร์ดแวร์เชิงลึกก็สามารถสร้างแอปพลิเคชันสำหรับเครือข่ายควอนตัมได้ 2) รองรับภาษาระดับสูง – ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันสะดวกขึ้น เหมือนกับการเขียนโปรแกรมทั่วไป 3) รองรับการทำงานหลายอย่างพร้อมกัน (Multitasking) – ช่วยใช้ทรัพยากรของฮาร์ดแวร์ให้คุ้มค่าที่สุด ในการทดลอง ทีมวิจัยได้ใช้งาน QNodeOS กับเครือข่ายควอนตัมที่เชื่อมต่อด้วย diamond color centers ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่ใช้ศูนย์ไนโตรเจนในเพชรในการจัดเก็บควอนตัมบิต (qubit) สิ่งนี้สำคัญมากเพราะเครือข่ายควอนตัมไม่ได้มีหน้าที่คำนวณเหมือนคอมพิวเตอร์ควอนตัม แต่จะช่วยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ควอนตัมและจัดการการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ใช้หลักการควอนตัม เช่น การพัวพัน (entanglement) และ การซ้อนทับ (superposition) โดยมีระบบจัดการที่ฉลาดขึ้น เพื่อช่วยให้เครือข่ายทำงานได้ราบรื่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/qnodeos-claims-to-be-the-first-operating-system-for-quantum-networks-paving-the-way-for-future-quantum-applications
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft กับก้าวกระโดดครั้งใหม่ของ TypeScript หากคุณเป็นนักพัฒนาที่ใช้ TypeScript คุณอาจเคยเจอปัญหาโหลดโค้ดนานหรือคอมไพล์ที่กินเวลานาน โดยเฉพาะในโครงการที่มีขนาดใหญ่ ตอนนี้ Microsoft มีคำตอบด้วยการพัฒนา TypeScript ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยอาศัยการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไปใช้กับภาษา Go แทน JavaScript ในปัจจุบัน

    ประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุด:
    1) ความเร็ว: Startup time ของโปรแกรมและเวลาในการคอมไพล์โค้ดลดลง 10 เท่า
    2) การใช้หน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพ: หน่วยความจำลดลงเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเก่า
    3) รองรับโครงการใหญ่: ปัญหาการโหลดโค้ดขนาดใหญ่จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป

    Microsoft ยังเน้นการปรับปรุงเพื่อช่วยนักพัฒนาที่ทำงานกับ AI ซึ่งต้องการเครื่องมือที่รวดเร็วเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาสั้นๆ ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีกว่าที่เคย

    ตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจ เช่น เมื่อทดสอบกับโปรเจ็กต์ยอดนิยมใน GitHub อย่าง TypeORM ผลลัพธ์ที่ได้แสดงถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นถึง 13.5 เท่า!

    ในอนาคต Microsoft มีแผนเปิดตัว TypeScript เวอร์ชัน 7.0 ที่พัฒนาใน Go เพื่อช่วยนักพัฒนาให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังคงสนับสนุน TypeScript เวอร์ชันเก่าสำหรับการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น

    https://www.techspot.com/news/107139-microsoft-making-typescript-10x-faster-native-implementation-go.html
    Microsoft กับก้าวกระโดดครั้งใหม่ของ TypeScript หากคุณเป็นนักพัฒนาที่ใช้ TypeScript คุณอาจเคยเจอปัญหาโหลดโค้ดนานหรือคอมไพล์ที่กินเวลานาน โดยเฉพาะในโครงการที่มีขนาดใหญ่ ตอนนี้ Microsoft มีคำตอบด้วยการพัฒนา TypeScript ให้สามารถทำงานได้เร็วขึ้นโดยอาศัยการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานไปใช้กับภาษา Go แทน JavaScript ในปัจจุบัน ประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุด: 1) ความเร็ว: Startup time ของโปรแกรมและเวลาในการคอมไพล์โค้ดลดลง 10 เท่า 2) การใช้หน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพ: หน่วยความจำลดลงเกือบครึ่งเมื่อเทียบกับเวอร์ชันเก่า 3) รองรับโครงการใหญ่: ปัญหาการโหลดโค้ดขนาดใหญ่จะไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป Microsoft ยังเน้นการปรับปรุงเพื่อช่วยนักพัฒนาที่ทำงานกับ AI ซึ่งต้องการเครื่องมือที่รวดเร็วเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ในเวลาสั้นๆ ผลลัพธ์คือประสิทธิภาพในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ดีกว่าที่เคย ตัวอย่างความสำเร็จที่น่าสนใจ เช่น เมื่อทดสอบกับโปรเจ็กต์ยอดนิยมใน GitHub อย่าง TypeORM ผลลัพธ์ที่ได้แสดงถึงความเร็วที่เพิ่มขึ้นถึง 13.5 เท่า! ในอนาคต Microsoft มีแผนเปิดตัว TypeScript เวอร์ชัน 7.0 ที่พัฒนาใน Go เพื่อช่วยนักพัฒนาให้ทำงานได้ง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งยังคงสนับสนุน TypeScript เวอร์ชันเก่าสำหรับการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น https://www.techspot.com/news/107139-microsoft-making-typescript-10x-faster-native-implementation-go.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Microsoft is making TypeScript 10x faster with native implementation in Go
    TypeScript should soon become 10x faster on average. Anders Hejlsberg's team at Microsoft is working on a radical improvement to its performance with a new native port...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในขณะที่เทคโนโลยี GenAI ถูกมองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่การนำมาใช้งานกลับเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเองโดยตรง แต่เกิดจาก "การขาดการฝึกอบรมพนักงาน" ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลัก

    จากการสำรวจพบว่า มีเพียง 45% ขององค์กรที่ให้การอบรมพื้นฐานเกี่ยวกับ GenAI และแค่ 40% ที่เสนอการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีนี้ สิ่งนี้ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มักต้องเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่ลองใช้เลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมวิธีการทำงาน

    ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม:
    - การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน: GenAI ไม่ได้เป็นแค่การปรับปรุงเล็กๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด
    - ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: แม้บางองค์กรจะมีการฝึกอบรม แต่ก็พบว่าพนักงานมักยึดติดกับการใช้เครื่องมือเดิมๆ เช่น Microsoft Office หรือ Google Workspace ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว
    - การปรับปรุงอินเทอร์เฟซ: อินเทอร์เฟซของ GenAI ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังดูเหมือนไม่สมบูรณ์และใช้งานยาก เช่น การใช้ข้อความสั่งงานที่ไม่สะดวกหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ราบรื่น

    การนำ GenAI มาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง องค์กรควรมีแผนการศึกษาและการพัฒนาที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานเข้าใจและสามารถใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ควรเน้นการสร้างระบบที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107136-biggest-barrier-enterprise-ai-adoption-isnt-technology-training.html
    ในขณะที่เทคโนโลยี GenAI ถูกมองว่าเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับองค์กรในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน แต่การนำมาใช้งานกลับเผชิญกับอุปสรรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเองโดยตรง แต่เกิดจาก "การขาดการฝึกอบรมพนักงาน" ซึ่งกลายเป็นปัญหาหลัก จากการสำรวจพบว่า มีเพียง 45% ขององค์กรที่ให้การอบรมพื้นฐานเกี่ยวกับ GenAI และแค่ 40% ที่เสนอการฝึกอบรมเฉพาะทางสำหรับแอปพลิเคชันที่ใช้เทคโนโลยีนี้ สิ่งนี้ทำให้พนักงานส่วนใหญ่มักต้องเรียนรู้วิธีใช้เครื่องมือด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เลือกที่จะไม่ลองใช้เลย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมสำหรับเทคโนโลยีที่มีศักยภาพในการพลิกโฉมวิธีการทำงาน ประเด็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม: - การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงาน: GenAI ไม่ได้เป็นแค่การปรับปรุงเล็กๆ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการทำงานใหม่ทั้งหมด - ความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม: แม้บางองค์กรจะมีการฝึกอบรม แต่ก็พบว่าพนักงานมักยึดติดกับการใช้เครื่องมือเดิมๆ เช่น Microsoft Office หรือ Google Workspace ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปรับตัว - การปรับปรุงอินเทอร์เฟซ: อินเทอร์เฟซของ GenAI ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังดูเหมือนไม่สมบูรณ์และใช้งานยาก เช่น การใช้ข้อความสั่งงานที่ไม่สะดวกหรือการเชื่อมต่อที่ไม่ราบรื่น การนำ GenAI มาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดจำเป็นต้องเริ่มจากการลงทุนในการฝึกอบรมพนักงานอย่างจริงจัง องค์กรควรมีแผนการศึกษาและการพัฒนาที่ชัดเจน เพื่อให้พนักงานเข้าใจและสามารถใช้งานเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพ นอกจากนี้ ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ควรเน้นการสร้างระบบที่ใช้ง่ายและเข้าถึงได้ดียิ่งขึ้น https://www.techspot.com/news/107136-biggest-barrier-enterprise-ai-adoption-isnt-technology-training.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The biggest barrier to enterprise AI adoption isn't technology - it's training
    One of the biggest questions currently facing the tech industry is how quickly and extensively enterprises worldwide will adopt GenAI applications and services. My in-depth research report...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จทางการแพทย์ครั้งสำคัญครับ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในออสเตรเลียได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดตั้ง "หัวใจเทียมไทเทเนียม" (BiVACOR Total Artificial Heart) ช่วยให้ผู้ป่วยชายวัย 40 ปีมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 วันก่อนจะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจจริงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

    หัวใจเทียมนี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยใช้ การลอยด้วยแม่เหล็ก (magnetic levitation) ซึ่งเหมือนกับเทคโนโลยีของรถไฟหัวกระสุน เพื่อลดการสึกหรอและทำงานแทนหัวใจทั้งสองห้องที่ล้มเหลว มันถูกออกแบบให้ใช้ไทเทเนียมเนื่องจากเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนการกัดกร่อน และเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์

    การผ่าตัดที่กินเวลา 6 ชั่วโมงนี้ดำเนินการที่โรงพยาบาล St. Vincent's ในซิดนีย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย Artificial Heart Frontiers Program นำโดย Monash University โครงการนี้มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวจำนวนมากทั่วโลก

    น่าสนใจที่อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยต่ออายุขณะรอการปลูกถ่ายหัวใจ แต่ยังอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการปลูกถ่ายได้ด้วย ในสหรัฐฯ มีการทดลองในเฟสเริ่มต้น (Early Feasibility Study) โดยติดตั้งให้กับผู้ป่วย 5 ราย ซึ่งอุปกรณ์สามารถสนับสนุนชีวิตของพวกเขาได้ในระยะเวลาหลายสัปดาห์ และการทดลองนี้กำลังขยายจำนวนผู้เข้าร่วม

    https://www.techspot.com/news/107125-man-lives-100-days-artificial-titanium-heart-world.html
    นี่เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งเกี่ยวกับความสำเร็จทางการแพทย์ครั้งสำคัญครับ นักวิทยาศาสตร์และแพทย์ในออสเตรเลียได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการติดตั้ง "หัวใจเทียมไทเทเนียม" (BiVACOR Total Artificial Heart) ช่วยให้ผู้ป่วยชายวัย 40 ปีมีชีวิตอยู่ได้ถึง 100 วันก่อนจะได้รับการปลูกถ่ายหัวใจจริงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หัวใจเทียมนี้ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ โดยใช้ การลอยด้วยแม่เหล็ก (magnetic levitation) ซึ่งเหมือนกับเทคโนโลยีของรถไฟหัวกระสุน เพื่อลดการสึกหรอและทำงานแทนหัวใจทั้งสองห้องที่ล้มเหลว มันถูกออกแบบให้ใช้ไทเทเนียมเนื่องจากเป็นวัสดุที่แข็งแรง ทนการกัดกร่อน และเข้ากันได้ดีกับร่างกายมนุษย์ การผ่าตัดที่กินเวลา 6 ชั่วโมงนี้ดำเนินการที่โรงพยาบาล St. Vincent's ในซิดนีย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัย Artificial Heart Frontiers Program นำโดย Monash University โครงการนี้มีเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวจำนวนมากทั่วโลก น่าสนใจที่อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยต่ออายุขณะรอการปลูกถ่ายหัวใจ แต่ยังอาจเป็นทางเลือกสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับการปลูกถ่ายได้ด้วย ในสหรัฐฯ มีการทดลองในเฟสเริ่มต้น (Early Feasibility Study) โดยติดตั้งให้กับผู้ป่วย 5 ราย ซึ่งอุปกรณ์สามารถสนับสนุนชีวิตของพวกเขาได้ในระยะเวลาหลายสัปดาห์ และการทดลองนี้กำลังขยายจำนวนผู้เข้าร่วม https://www.techspot.com/news/107125-man-lives-100-days-artificial-titanium-heart-world.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Man lives 100 days with artificial titanium heart in world-first medical success
    The patient, a man in his 40s from New South Wales, received the BiVACOR Total Artificial Heart (TAH) during a six-hour procedure at St. Vincent's Hospital in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง

    รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง

    ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง

    แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
    ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้สร้างสถิติใหม่ด้วยการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มขึ้นถึง 50 กิกะวัตต์ ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี! โดยพลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้สามารถรองรับบ้านเรือนได้ประมาณ 8.5 ล้านหลังเลยทีเดียว นอกจากนี้ อุตสาหกรรมการผลิตแผงโซลาร์ภายในประเทศยังเติบโตขึ้นมาก โดยโรงงานในสหรัฐฯ สามารถรองรับความต้องการในประเทศได้เกือบทั้งหมด และเริ่มกลับมาผลิตเซลล์แสงอาทิตย์ในประเทศอีกครั้ง รัฐเท็กซัสเป็นผู้นำในด้านนี้ โดยเพิ่มพลังงานแสงอาทิตย์มากถึง 11.6 กิกะวัตต์ในปีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจ อย่างไรก็ตาม ตลาดโซลาร์สำหรับที่อยู่อาศัยกลับชะลอตัวลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น แต่คาดว่าอีก 10 ปีข้างหน้า สถานการณ์นี้จะพลิกฟื้นและเติบโตอีกครั้ง ในขณะเดียวกัน กลุ่มเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, Google และ Meta ได้หันมาลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์ด้วยการสนับสนุนให้เพิ่มกำลังการผลิตทั่วโลกให้ได้สามเท่าภายในปี 2050 โดยเฉพาะเทคโนโลยี "เครื่องปฏิกรณ์โมดูลาร์ขนาดเล็ก" ซึ่งมีความยืดหยุ่นและต้นทุนต่ำกว่าการสร้างเครื่องปฏิกรณ์แบบเดิม บริษัทเหล่านี้ยังมองว่านิวเคลียร์เป็นทางเลือกที่ดี เพราะช่วยตอบโจทย์ความต้องการพลังงานที่ต่อเนื่องเพื่อรองรับศูนย์ข้อมูลและระบบ AI ที่ต้องการพลังงานสูง แม้พลังงานแสงอาทิตย์จะมีศักยภาพสูงในการลดการปล่อยคาร์บอน แต่นิวเคลียร์ยังคงมีความสำคัญในด้านความเสถียรของพลังงานในระยะยาว การผสมผสานพลังงานทั้งสองรูปแบบนี้ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือความท้าทายด้านพลังงานของโลกในอนาคต https://www.techspot.com/news/107123-solar-energy-booms-tech-giants-back-nuclear-expansion.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Solar power sets record in the US with 50 GW added, meanwhile Big Tech bets on nuclear
    According to the US Solar Market Insight 2024 Year in Review report by the Solar Energy Industries Association (SEIA) and Wood Mackenzie, solar and storage together accounted...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร

    จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต

    นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    DeepSeek เป็นแชทบอท AI ที่ก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีผู้มุ่งหวังสร้างนวัตกรรมมากกว่าการหากำไรเชิงพาณิชย์ โดยบริษัทนี้เพิ่งเริ่มมีรายได้เพียงพอครอบคลุมค่าใช้จ่ายเมื่อเดือนที่ผ่านมา การตัดสินใจนี้เป็นการแตกต่างจากบริษัทเทคโนโลยีใน Silicon Valley ที่มักเน้นความรวดเร็วในการสร้างยอดขายและผลกำไร จุดที่น่าสนใจคือ ทัศนคติของ DeepSeek ที่มุ่งเน้นด้านการพัฒนาองค์ความรู้และคุณภาพของ AI ในระยะยาว โดยเห็นว่าความยั่งยืนและการวิจัยที่เข้มแข็งเป็นหัวใจสำคัญในการแข่งขันในอนาคต นอกจากนี้ เรื่องราวของ DeepSeek ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างทางวัฒนธรรมในโลกเทคโนโลยี ขณะที่บริษัทใน Silicon Valley มุ่งเน้นการตอบสนองต่อตลาดและนักลงทุน บริษัทจีนอย่าง DeepSeek กลับเลือกที่จะเน้นเป้าหมายทางวิทยาศาสตร์และการสร้างผลกระทบที่มีความหมายมากกว่า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/deepseek-to-focus-on-research-over-revenue-in-contrast-to-silicon-valley-ft-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    DeepSeek to focus on research over revenue in contrast to Silicon Valley, FT reports
    (Reuters) - Chinese AI chatbot DeepSeek is choosing to focus on research over revenue, as its billionaire founder has decided not to follow Silicon Valley rivals by taking advantage of a sudden jump in sales, the Financial Times reported on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้

    เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์

    นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง

    ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    ข่าวนี้น่าสนใจมากครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการที่กรุงปักกิ่งเตรียมนำหลักสูตรเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้สำหรับนักเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษาในปีนี้ ซึ่งแสดงถึงความพยายามของจีนในการเร่งพัฒนาศักยภาพด้าน AI และสร้างบุคลากรที่เชี่ยวชาญในสาขานี้ เรื่องเริ่มจากที่ทุกโรงเรียนในปักกิ่งจะจัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับ AI อย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อปี โดยเริ่มในเดือนกันยายนนี้ หลักสูตรดังกล่าวอาจเป็นวิชาหลักหรือบูรณาการร่วมกับวิชาอื่น เช่น เทคโนโลยีสารสนเทศหรือวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งนำเทคนิคการสอนแบบใหม่มาใช้ เช่น การใช้ AI เป็นผู้ช่วยวิจัยและเครื่องมือเรียนรู้ผ่านการสนทนากับคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและโรงเรียนมัธยม เพื่อช่วยปั้นนักเรียนให้เป็น "คนเก่งด้านนวัตกรรมตั้งแต่วัยเยาว์" และยังสอดคล้องกับทิศทางของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยี AI อย่างจริงจัง ในมุมของเทคโนโลยีเอง จีนยังคงพัฒนารูปแบบ AI ใหม่ๆ เช่น Manus ซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าแชทบอททั่วไป ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba ก็ได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้งบประมาณและข้อมูลน้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการแข่งขันระดับโลก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/beijing-to-roll-out-ai-lessons-for-primary-secondary-students
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Beijing to roll out AI lessons for primary, secondary students
    China's AI industry has gained international attention this year after DeepSeek released a new version of its AI chatbot in January, sending shockwaves across global markets.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bluesky ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างโลกที่ไม่มี "จักรพรรดิ" หรือผู้ควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จบนโซเชียลมีเดีย แนวคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจจากความไม่พอใจในแพลตฟอร์มปัจจุบันที่มักถูกควบคุมโดยบุคคลหรือองค์กรที่มีอำนาจเหนือการตัดสินใจ

    Bluesky ก่อตั้งโดย Jay Graber พร้อมกับทีมที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่า ผู้ใช้งานควรมีอิสระในการควบคุมและย้ายข้อมูลของตัวเองระหว่างแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่าง Twitter (หรือ X) และ Meta ที่ผู้ควบคุมมักใช้อำนาจในทางที่ผู้ใช้ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่

    Bluesky ให้ความสำคัญกับผู้ใช้และนักพัฒนา โดยการสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้สร้างฟีดส่วนตัวได้ตามความสนใจ เช่น การทำสวน กีฬา หรือการศึกษา ครีเอเตอร์ที่เคยถูกจำกัดโดยอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเดิมจะมีพื้นที่ที่เสรีและควบคุมการนำเสนอเนื้อหาได้ดีขึ้น ต่างจาก Mastodon ที่มีกระบวนการซับซ้อน Bluesky มีระบบที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

    แม้ว่า Bluesky จะยังมีผู้ใช้น้อยเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ แต่พวกเขากลับมองว่านี่เป็น "ปีแห่งการเปิดตัว" ที่จะทำให้ผู้คนได้รู้จักพื้นที่ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างแท้จริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/bluesky-wants-039a-world-without-caesars039-for-social-media
    Bluesky ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างโลกที่ไม่มี "จักรพรรดิ" หรือผู้ควบคุมอำนาจเบ็ดเสร็จบนโซเชียลมีเดีย แนวคิดนี้เป็นแรงบันดาลใจจากความไม่พอใจในแพลตฟอร์มปัจจุบันที่มักถูกควบคุมโดยบุคคลหรือองค์กรที่มีอำนาจเหนือการตัดสินใจ Bluesky ก่อตั้งโดย Jay Graber พร้อมกับทีมที่มีจุดมุ่งหมายชัดเจนว่า ผู้ใช้งานควรมีอิสระในการควบคุมและย้ายข้อมูลของตัวเองระหว่างแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน ซึ่งต่างจากแพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่าง Twitter (หรือ X) และ Meta ที่ผู้ควบคุมมักใช้อำนาจในทางที่ผู้ใช้ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ Bluesky ให้ความสำคัญกับผู้ใช้และนักพัฒนา โดยการสร้างระบบที่เปิดโอกาสให้สร้างฟีดส่วนตัวได้ตามความสนใจ เช่น การทำสวน กีฬา หรือการศึกษา ครีเอเตอร์ที่เคยถูกจำกัดโดยอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มเดิมจะมีพื้นที่ที่เสรีและควบคุมการนำเสนอเนื้อหาได้ดีขึ้น ต่างจาก Mastodon ที่มีกระบวนการซับซ้อน Bluesky มีระบบที่เข้าใจง่ายสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แม้ว่า Bluesky จะยังมีผู้ใช้น้อยเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ แต่พวกเขากลับมองว่านี่เป็น "ปีแห่งการเปิดตัว" ที่จะทำให้ผู้คนได้รู้จักพื้นที่ที่ปลอดภัยและเป็นมิตรสำหรับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างแท้จริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/bluesky-wants-039a-world-without-caesars039-for-social-media
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเทคโนโลยีควอนตัมเริ่มขยายตัวในโลกของการลงทุน ตลาดหุ้นก็ตื่นตัวกับศักยภาพอันมหาศาลของมัน วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทคอมพิวเตอร์ควอนตัมหลายแห่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยที่ D-Wave Quantum เป็นหัวใจหลักในความสนใจนี้ หลังจากคาดการณ์รายได้ในไตรมาสนี้ที่จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงถึง 15% ภายในวันเดียว

    ยิ่งไปกว่านั้น D-Wave ยังได้รับความสนใจจากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของคอมพิวเตอร์ควอนตัมในการแซงหน้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมในแง่ของประสิทธิภาพ

    ในทางกลับกัน ตลาดเองยังต้องการสร้างสมดุลระหว่างความหวังกับความเสี่ยง Jake Dollarhide ผู้บริหารจาก Longbow Asset Management อธิบายว่า "ถ้า AI ยังอยู่ในวัยทารก ควอนตัมก็เหมือนอยู่ในครรภ์ ความเป็นไปได้ในอนาคตนั้นยิ่งใหญ่ แต่เรายังอยู่ในยุคเริ่มต้นที่เหมือนดินแดนตะวันตกในนิยาย"

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีความตื่นตัวจากบริษัทอย่าง D-Wave แต่บริษัทอื่นๆ อย่าง IonQ กลับเผชิญปัญหาและราคาหุ้นตกลง 5.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดนี้ยังคงมีความไม่แน่นอน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/quantum-computing-company-shares-jump-after-d-wave039s-upbeat-forecast
    เมื่อเทคโนโลยีควอนตัมเริ่มขยายตัวในโลกของการลงทุน ตลาดหุ้นก็ตื่นตัวกับศักยภาพอันมหาศาลของมัน วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หุ้นของบริษัทคอมพิวเตอร์ควอนตัมหลายแห่งมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ โดยที่ D-Wave Quantum เป็นหัวใจหลักในความสนใจนี้ หลังจากคาดการณ์รายได้ในไตรมาสนี้ที่จะสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ ทำให้หุ้นของบริษัทพุ่งสูงถึง 15% ภายในวันเดียว ยิ่งไปกว่านั้น D-Wave ยังได้รับความสนใจจากผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Science ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของคอมพิวเตอร์ควอนตัมในการแซงหน้าซูเปอร์คอมพิวเตอร์แบบดั้งเดิมในแง่ของประสิทธิภาพ ในทางกลับกัน ตลาดเองยังต้องการสร้างสมดุลระหว่างความหวังกับความเสี่ยง Jake Dollarhide ผู้บริหารจาก Longbow Asset Management อธิบายว่า "ถ้า AI ยังอยู่ในวัยทารก ควอนตัมก็เหมือนอยู่ในครรภ์ ความเป็นไปได้ในอนาคตนั้นยิ่งใหญ่ แต่เรายังอยู่ในยุคเริ่มต้นที่เหมือนดินแดนตะวันตกในนิยาย" สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้จะมีความตื่นตัวจากบริษัทอย่าง D-Wave แต่บริษัทอื่นๆ อย่าง IonQ กลับเผชิญปัญหาและราคาหุ้นตกลง 5.3% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดนี้ยังคงมีความไม่แน่นอน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/14/quantum-computing-company-shares-jump-after-d-wave039s-upbeat-forecast
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Quantum computing company shares jump after D-Wave's upbeat forecast
    NEW YORK (Reuters) - Shares of some quantum computing companies rallied on Thursday, adding to gains from the previous session and bucking the broader market's trend after D-Wave Quantum forecast stronger-than-expected quarterly revenue.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในยุคที่องค์กรต่างๆ กำลังหันมาปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation) ไปสู่การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจฟังดูท้าทาย แต่หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างถูกวิธี ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้

    1. สร้างความร่วมมือกับผู้บริหารระดับสูง: Gabriela Vogel จาก Gartner ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของ AI ขึ้นอยู่กับการที่ผู้นำด้านดิจิทัลหรือ CIO เข้าใจถึงมูลค่าของเทคโนโลยีนี้ และจับมือร่วมกับ CFO ในการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้ AI เพิ่มรายได้หรือปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร

    2. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ: James Fleming จาก Francis Crick Institute เสนอให้ตั้งกลุ่มทำงานที่รวมบุคลากรจากหลายแผนก เช่น ฝ่ายกฎหมาย, ทรัพยากรบุคคล และฝ่ายวิทยาศาสตร์ เพื่อร่วมกันประเมินการใช้ AI ในองค์กรและพิจารณากรณีลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ

    3. การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด: Bruno Marie-Rose จาก Paris 2024 Organising Committee เปิดเผยว่า AI สามารถช่วยวางแผนการใช้ทรัพยากรในการจัดโอลิมปิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดสรรพื้นที่ Media Center ตามความต้องการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา

    4. ลดความกังวลของพนักงาน: Ollie Wildeman จาก Big Bus Tours อธิบายว่าการนำ AI เข้ามาใช้งานต้องเริ่มจากการสื่อสารเพื่อให้พนักงานเข้าใจถึงประโยชน์ เช่น การช่วยลดงานซ้ำซ้อน ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่ามากขึ้น เช่น การขายหรือการตอบคำถามลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง

    5. การจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบ: Jon Grainger จาก DWF เน้นย้ำว่า การดูแลคุณภาพของข้อมูลให้ถูกต้องและพร้อมใช้งานเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานกับ AI ข้อมูลที่มีคุณภาพและถูกจัดการอย่างดี จะช่วยให้องค์กรได้รับผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีความแม่นยำ

    https://www.zdnet.com/article/your-ai-transformation-depends-on-these-5-business-tactics/
    ในยุคที่องค์กรต่างๆ กำลังหันมาปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation) ไปสู่การนำ AI มาใช้อย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจฟังดูท้าทาย แต่หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างถูกวิธี ก็สามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจได้ 1. สร้างความร่วมมือกับผู้บริหารระดับสูง: Gabriela Vogel จาก Gartner ชี้ให้เห็นว่า ความสำเร็จของ AI ขึ้นอยู่กับการที่ผู้นำด้านดิจิทัลหรือ CIO เข้าใจถึงมูลค่าของเทคโนโลยีนี้ และจับมือร่วมกับ CFO ในการสร้างผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม เช่น การใช้ AI เพิ่มรายได้หรือปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กร 2. ตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ: James Fleming จาก Francis Crick Institute เสนอให้ตั้งกลุ่มทำงานที่รวมบุคลากรจากหลายแผนก เช่น ฝ่ายกฎหมาย, ทรัพยากรบุคคล และฝ่ายวิทยาศาสตร์ เพื่อร่วมกันประเมินการใช้ AI ในองค์กรและพิจารณากรณีลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ 3. การบริหารจัดการทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด: Bruno Marie-Rose จาก Paris 2024 Organising Committee เปิดเผยว่า AI สามารถช่วยวางแผนการใช้ทรัพยากรในการจัดโอลิมปิกให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดสรรพื้นที่ Media Center ตามความต้องการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลา 4. ลดความกังวลของพนักงาน: Ollie Wildeman จาก Big Bus Tours อธิบายว่าการนำ AI เข้ามาใช้งานต้องเริ่มจากการสื่อสารเพื่อให้พนักงานเข้าใจถึงประโยชน์ เช่น การช่วยลดงานซ้ำซ้อน ทำให้พวกเขาสามารถมุ่งเน้นไปที่งานที่มีมูลค่ามากขึ้น เช่น การขายหรือการตอบคำถามลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง 5. การจัดการข้อมูลอย่างรอบคอบ: Jon Grainger จาก DWF เน้นย้ำว่า การดูแลคุณภาพของข้อมูลให้ถูกต้องและพร้อมใช้งานเป็นรากฐานสำคัญในการทำงานกับ AI ข้อมูลที่มีคุณภาพและถูกจัดการอย่างดี จะช่วยให้องค์กรได้รับผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือและมีความแม่นยำ https://www.zdnet.com/article/your-ai-transformation-depends-on-these-5-business-tactics/
    WWW.ZDNET.COM
    Your AI transformation depends on these 5 business tactics
    Five business leaders explain their best-practice tactics for managing artificial intelligence projects effectively.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 มีนาคม 2568 สุกแล้ว กินแล้ว เผ็ดมาก...
    14 มีนาคม 2568 สุกแล้ว กินแล้ว เผ็ดมาก...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5/
    ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน

    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    5/ ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • 4/
    ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน

    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    4/ ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • 3/
    ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน

    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    3/ ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • 2/
    ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน

    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    2/ ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 6 0 รีวิว
  • 1/
    ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน

    ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    1/ ด่วน! เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่เครื่องบินของ American Airlines เที่ยวบิน 4012 ที่สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (Denver Airport) ทำให้ต้องอพยพผู้โดยสารออกจากเครื่องบินเป็นการด่วน ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับสาเหตุของเหตุการณ์ รวมทั้งยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ทั้งนี้สนามบินนานาชาติเดนเวอร์ (DEN) เป็นสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางหลักสำหรับการเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในสนามบินที่พลุกพล่านที่สุดในประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 11 0 รีวิว
Pages Boosts