• ...จงนึกถึงความ "ต.า.ย" ทุกวัน..คำกล่าว.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..อย่าใช้ชีวิตแบบ..ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันคือ ข้าจะไม่ตาย (ในแง่ความคิด) อย่างที่เคยเขียน การที่จะเชื่ออะไร ส่วนตัวจะหาแนวคิด หรือทฤษฎีอื่นมาประกอบ...ในข้อนี้...พบเจอสิ่งนี้ ที่กระทำมาก่อนมีศาสนาพุทธอีก คือ กว่า 3000 ปีแล้ว...การนึกถึงความตาย...ฮ่องเต้ แทบทุกพระองค์เมื่อจึ้นครองราชย์ โครงการอันดับต้นๆเลย.คือ สร้างสุสาน สำหรับตนเอง...แม้แต่จิ๋นซี ฮ่องเต้ ผู้ที่ไม่อยากตาย แบะเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะจากทั่วโลก โดยการส่งคนไปหา...ก็ยังสร้างสุสานตัวเอง ล่วงหน้า แบบยิ่งใหญ่อลังการ..ซึ่งทางการจีนยังไม่กล้าขุด... ...
    ...จงนึกถึงความ "ต.า.ย" ทุกวัน..คำกล่าว.หลวงพ่อฤาษีลิงดำ..อย่าใช้ชีวิตแบบ..ที่คนส่วนใหญ่ใช้กันคือ ข้าจะไม่ตาย (ในแง่ความคิด) อย่างที่เคยเขียน การที่จะเชื่ออะไร ส่วนตัวจะหาแนวคิด หรือทฤษฎีอื่นมาประกอบ...ในข้อนี้...พบเจอสิ่งนี้ ที่กระทำมาก่อนมีศาสนาพุทธอีก คือ กว่า 3000 ปีแล้ว...การนึกถึงความตาย...ฮ่องเต้ แทบทุกพระองค์เมื่อจึ้นครองราชย์ โครงการอันดับต้นๆเลย.คือ สร้างสุสาน สำหรับตนเอง...แม้แต่จิ๋นซี ฮ่องเต้ ผู้ที่ไม่อยากตาย แบะเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะจากทั่วโลก โดยการส่งคนไปหา...ก็ยังสร้างสุสานตัวเอง ล่วงหน้า แบบยิ่งใหญ่อลังการ..ซึ่งทางการจีนยังไม่กล้าขุด... ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางผ่านแวะหน่อยแล้วกัน 😍 @Taman Sari (สวนน้ำของบรรดานางสนมขององค์สุลต่าน) มีคู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งเยอะมาก และชื่นชมอีกอย่าง มีไกค์ชาวบ้านคอยแนะนำเยอะเลย ส่งเสริมให้ชาวบ้านและชุมชนรอบข้าง (ราคาคนท้องถิ่น 15,000 รูเปีย ประมาณ 40฿ ต่อคน)https://maps.app.goo.gl/3GmqVW2PBQhHV8qB9?g_st=com.google.maps.preview.copyTaman Sari หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Water Castle” เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดย สุลต่านฮาเมงกูบูโวที่ 1 (Sultan Hamengkubuwono I) แห่งราชอาณาจักรยอกยาการ์ตา จุดประสงค์ดั้งเดิมของ Taman Sari คือการเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของราชวงศ์และใช้สำหรับพิธีกรรมทางศาสนา การป้องกัน รวมถึงเป็นสวนน้ำเพื่อความเพลิดเพลิน  ประวัติที่สำคัญ: 1. การก่อสร้างTaman Sari ถูกสร้างขึ้นในปี 1758-1765 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุโรป ผสมผสานกับสไตล์ชวา มีสระน้ำ พื้นที่พักผ่อน และอาคารหลากหลายที่ออกแบบอย่างประณีต เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัวของสุลต่าน และหอคอยชมวิว  2. หน้าที่การใช้งาน ใช้เป็น ที่พักผ่อนส่วนตัวของราชวงศ์ เป็น ป้อมปราการทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีอุโมงค์ใต้ดินและพื้นที่ลับเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ใช้สำหรับ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะพิธีทางน้ำที่เกี่ยวข้องกับสุลต่านและครอบครัว  3. สถานะในปัจจุบันTaman Sari ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมส่วนต่าง ๆ เช่น สระน้ำกลางแจ้งที่ยังคงสภาพดี และโครงสร้างบางส่วนที่ได้รับการบูรณะ  ด้วยความผสมผสานของวัฒนธรรมท้องถิ่นและตะวันตก Taman Sari จึงเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของอินโดนีเซียในยุคโบราณ.
    ทางผ่านแวะหน่อยแล้วกัน 😍 @Taman Sari (สวนน้ำของบรรดานางสนมขององค์สุลต่าน) มีคู่บ่าวสาวมาถ่ายพรีเวดดิ้งเยอะมาก และชื่นชมอีกอย่าง มีไกค์ชาวบ้านคอยแนะนำเยอะเลย ส่งเสริมให้ชาวบ้านและชุมชนรอบข้าง (ราคาคนท้องถิ่น 15,000 รูเปีย ประมาณ 40฿ ต่อคน)https://maps.app.goo.gl/3GmqVW2PBQhHV8qB9?g_st=com.google.maps.preview.copyTaman Sari หรือที่รู้จักกันในชื่อ “Water Castle” เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองยอกยาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 โดย สุลต่านฮาเมงกูบูโวที่ 1 (Sultan Hamengkubuwono I) แห่งราชอาณาจักรยอกยาการ์ตา จุดประสงค์ดั้งเดิมของ Taman Sari คือการเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของราชวงศ์และใช้สำหรับพิธีกรรมทางศาสนา การป้องกัน รวมถึงเป็นสวนน้ำเพื่อความเพลิดเพลิน  ประวัติที่สำคัญ: 1. การก่อสร้างTaman Sari ถูกสร้างขึ้นในปี 1758-1765 โดยได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมยุโรป ผสมผสานกับสไตล์ชวา มีสระน้ำ พื้นที่พักผ่อน และอาคารหลากหลายที่ออกแบบอย่างประณีต เช่น สระว่ายน้ำส่วนตัวของสุลต่าน และหอคอยชมวิว  2. หน้าที่การใช้งาน ใช้เป็น ที่พักผ่อนส่วนตัวของราชวงศ์ เป็น ป้อมปราการทางยุทธศาสตร์ ซึ่งมีอุโมงค์ใต้ดินและพื้นที่ลับเพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน ใช้สำหรับ พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะพิธีทางน้ำที่เกี่ยวข้องกับสุลต่านและครอบครัว  3. สถานะในปัจจุบันTaman Sari ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของแหล่งมรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมส่วนต่าง ๆ เช่น สระน้ำกลางแจ้งที่ยังคงสภาพดี และโครงสร้างบางส่วนที่ได้รับการบูรณะ  ด้วยความผสมผสานของวัฒนธรรมท้องถิ่นและตะวันตก Taman Sari จึงเป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงถึงประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมของอินโดนีเซียในยุคโบราณ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    ทำงานด้วย เที่ยวไปด้วย Prambanan Temple, Jogjakartahttps://maps.app.goo.gl/fmMafK8eDM6yStvE6?g_st=com.google.maps.preview.copyปรัมบานัน (Prambanan Temple) เป็นหนึ่งในวัดฮินดูที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในอินโดนีเซีย ตั้งอยู่ในจังหวัดยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) บนเกาะชวา วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี พ.ศ. 2534ประวัติย่อ • สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 9วัดปรัมบานันถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 9 ภายใต้การปกครองของราชวงศ์มาตาราม (Mataram Kingdom) เพื่ออุทิศให้กับตรีมูรติในศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพรหม (ผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้รักษา) และพระศิวะ (ผู้ทำลาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พระศิวะ ซึ่งถือเป็นเทพเจ้าสูงสุดของวัดแห่งนี้ • รูปแบบสถาปัตยกรรมวัดหลักของปรัมบานันมีลักษณะเด่นด้วยยอดแหลมสูง ตัววัดสร้างด้วยหินภูเขาไฟและประกอบด้วยกลุ่มวัดย่อย 240 แห่ง แต่ในปัจจุบันบางส่วนอยู่ในสภาพซากปรักหักพัง • การล่มสลายหลังจากศตวรรษที่ 10 วัดนี้ถูกทิ้งร้างและเริ่มเสื่อมสภาพเนื่องจากภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหว และการปกคลุมของพืชพรรณ • การบูรณะเริ่มต้นในศตวรรษที่ 20 โดยเฉพาะในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 โดยเน้นการอนุรักษ์ตามหลักฐานโบราณที่มีอยู่ความน่าสนใจ • วัดปรัมบานันมีลวดลายแกะสลักหินที่วิจิตรงดงาม บอกเล่าเรื่องราวมหากาพย์รามเกียรติ์ (Ramayana) • วัดหลักสามแห่งคือ วัดศิวะ (Shiva Temple), วัดวิษณุ (Vishnu Temple), และ วัดพรหม (Brahma Temple)วัดปรัมบานันยังถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญในอินโดนีเซีย นักท่องเที่ยวสามารถเยี่ยมชมและชมการแสดงรามายณะบัลเลต์ (Ramayana Ballet) ที่จัดขึ้นในยามค่ำคืนท่ามกลางแสงไฟที่วัดอีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญาติเหยื่อ 7 ศพ กระบะซิ่งขับหนีตำรวจแหกโค้งพุ่งชนเสาเสาไฟฟ้าตกคูน้ำ หน้าวัดเกาะแรต บางเลน นครปฐม เดินทางมาแสดงเอกสารเพื่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมกับดูซากรถที่เกิดเหตุ โดยยืนยันว่าผู้ตายทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี เพื่อจะมาหางานทำที่นครปฐมและไม่มีเอกสารในการทำงาน ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใครเนื่องจากคนในเหตุการณ์เสียชีวิตทั้งหมด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112147

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ญาติเหยื่อ 7 ศพ กระบะซิ่งขับหนีตำรวจแหกโค้งพุ่งชนเสาเสาไฟฟ้าตกคูน้ำ หน้าวัดเกาะแรต บางเลน นครปฐม เดินทางมาแสดงเอกสารเพื่อขอรับศพไปประกอบพิธีทางศาสนา พร้อมกับดูซากรถที่เกิดเหตุ โดยยืนยันว่าผู้ตายทั้งหมดเดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี เพื่อจะมาหางานทำที่นครปฐมและไม่มีเอกสารในการทำงาน ตำรวจยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหากับใครเนื่องจากคนในเหตุการณ์เสียชีวิตทั้งหมด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112147 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1205 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูชาพระรัตนตรัย ไม่ใช่เลือกเอาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด พุทธศาสนาต้องพุทธบริษัท 4 จึงสมบูรณ์
    บูชาพระรัตนตรัย ไม่ใช่เลือกเอาแต่อย่างหนึ่งอย่างใด พุทธศาสนาต้องพุทธบริษัท 4 จึงสมบูรณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • จนท.เตรียมย้ายศพที่ขุดจากสำนักสงฆ์เถื่อนลัทธิประหลาดสอนหูทิพย์-ตาทิพย์ 11 ศพ ส่งเก็บสุสานมังกร โกสัมพีนคร พร้อมพิสูจน์ DNA ก่อนมอบคืนญาติรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา เหลือแต่ศพเจ้าอาวาสฯ ยังบรรจุโลงแก้วไว้ ด้านลูกชาย 1 ใน 11 ศพ ยันครอบครัวตกลงมอบร่างพ่อจริง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112037

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    จนท.เตรียมย้ายศพที่ขุดจากสำนักสงฆ์เถื่อนลัทธิประหลาดสอนหูทิพย์-ตาทิพย์ 11 ศพ ส่งเก็บสุสานมังกร โกสัมพีนคร พร้อมพิสูจน์ DNA ก่อนมอบคืนญาติรับกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา เหลือแต่ศพเจ้าอาวาสฯ ยังบรรจุโลงแก้วไว้ ด้านลูกชาย 1 ใน 11 ศพ ยันครอบครัวตกลงมอบร่างพ่อจริง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000112037 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Haha
    Yay
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1202 มุมมอง 0 รีวิว
  • "The Chinese Revolution"

    ฉันเป็นชาวจีน(รุ่นใหม่) ที่อุตส่าห์ตะแบง ข้ามน้ำ ข้ามทะเล..ไปเรียนหนังสือกลับมา เริ่มมีเหตุผล(มากขึ้น) สได้ก่อการปฏิวัติกับครอบครัว โดยไม่ยอมเซ่นไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ ด้วยสุราและเนื้อสัตว์...แต่ยังคงเซ่นไหว้ตามพิธีดั้งเดิม ด้วยพืชผัก ผลไม้ ไม่จุดธูป ไม่จุดเทียน แต่ใช้เทียนและธูปไฟฟ้า โอนเงินทองไปสู่ปรภพด้วยบริการทางออนไลน์ เป็นผลสำเร็จมาแล้วหลายครอบครัว

    เป็นที่ทราบโดยชัดเจนว่า #มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์

    1) ชนิดของฟัน
    ธรรมชาติสร้างฟันมนุษย์เป็นฟันซี่เรียงแถว สำหรับกัด บด เคี้ยว #แตกต่างจากสัตว์กินเนื้อที่มีเขี้ยวสำหรับการฉีก ล่าเหยื่อ

    2) ความเป็นกรด-ด่างของน้ำลาย
    มนุษย์มีน้ำลายที่เป็นด่างสำหรับย่อยแป้งและเซลลูโลสจากพืช #ต่างจากน้ำลายสัตว์กินเนื้อที่เป็นกรด สัตว์กินเนื้อไม่ได้ล่าเหยื่อทุกวัน การล่าแต่ละครั้งสามารถกินได้หลายวัน น้ำลายที่เป็นกรดธรรมชาติประทานมาให้เพื่อใช้ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์จากบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้(ล่าเหยื่อ) และใช้ในการย่อยเนื้อสัตว์ที่บูดเน่า.

    3) ชนิดของกรดในกระเพาะอาหาร
    มนุษย์มีน้ำย่อยที่เป็นกรดอ่อน สำหรับการย่อยเซลลูโลสและแป้งในกลุ่มอะมีโลส และมีปริมาณน้ำย่อย(น้อย)ไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์
    #ต่างจากน้ำย่อยในกระเพาะสัตว์กินเนื้อ ที่เป็นเอ็มไซม์เพ็พซินและทริปซิน เป็นกรดอย่างแรงกว่า20เท่าและมีปริมาณมากกว่าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของมนุษย์ 5เท่า สำหรับการย่อยเนื้อสัตว์และกระดูกโดยเฉพาะ

    4) สัดส่วนความยาวของลำไส้ ต่อ ความยาวลำตัว
    (ความยาวลำตัว=ความยาวปากถึงรูตูด)

    มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ธรรมชาติจึงออกแบบให้มีลำไส้ยาว 7-10เท่าของความยาวลำตัว เพื่อดูดซึมสารอาหารจากพืชได้สำเร็จใน 4-6ชั่วโมง หากมนุษย์กินเนื้อสัตว์ กระเพาะไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ได้หมด ต่อจากนั้น..เป็นหน้าที่ของลำไส้ใช้เวลาย่อยและดูดซึมเนื้อสัตว์ 48-72ชั่วโมง ทำให้เกิดการบูดเน่า เกิดสารพิษ และจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ แก๊สที่มีพิษ ซึ่งทำให้บั่นทอนสุขภาพ อายุสั้นด้วยโรคต่างๆและโรคมะเร็ง

    #ต่างจากลำไส้สัตว์กินเนื้อที่มีความยาวไม่เกิน3เท่าของความยาวลำตัว กิน ย่อย ถ่ายรวดเร็วไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นพิษในลำไส้.

    ครอบครัว..ให้ความเข้าใจและหันมากินผัก ผลไม้ ทำให้มีสุขภาพที่ดี มีอายุยืน(อายุขัยวัฒนา) กันทุกๆคน เมื่อจากโลกนี้ไปก็จะไปมีชิวิตนิรันดร์ในสายคริสต์ก็ไปอยู่บนสวรรค์กับพระผู้เป็นเจ้า สายพุทธศาสนาจะเข้าสู่โหมดนิพพาน(Nirvana)ได้ไม่ยากนัก เมื่อถือศีล(บริสุทธิ์)ย่อมเกิดสมาธิได้ไม่ยากนักเพราะไม่มีความพยาบาทอาฆาตแค้นจากชีวิตสัตว์มารบกวน จึงเกิดแสงสว่างแห่งปัญญานำไปตามทางสายเอกเข้าสู่นิพพานดับสูญ..ไม่ต้องเป็นสัมภเวสี ทนทุกข์ทรมาน เร่ร่อน ขอส่วนบุญตามสถานที่ต่างๆ หรือ วนเวียน ว่าย ตาย เกิด..อยู่เช่นนี้ ไม่เบื่อ บ้างหรือ?

    พระพุทธเจ้า ห้ามกินเนื้อสัตว์(อกัปปิยมังสะ) 10 ชนิด
    #และสัตว์ที่กินได้ต้องไม่เป็น ปวัตตมังสะ(ฆ่าเพื่อตน) และไม่เป็นอุททิสมังสะ(ฆ่าเพื่อผู้อื่น) หมายความว่า #เป็นสัตว์ที่ตายเองไม่ใช่สัตว์ทื่ถูกฆ่า จึงจะกินได้.

    ***แปลเป็นไทยว่า "สัตว์ที่ตายเอง ไม่ใช่สัตว์ที่ถูกฆ่า"
    ดังนั้น..การกินเนื้อสัตว์ ผิดทั้งพระและโยม นะจ๊ะ(ชาวพุทธ)

    สัตว์..มันก็คิดได้ คิดเป็น มนุษย์ลากมันเข้าหลักประหาร สัตว์มันรู้ มันรักตัว กลัวตาย มันร้องไห้ ดิ้นรน ไม่สงสารมันบ้างหรือไร?

    สัตว์มันมองดูมนุษย์เซ่นไหว้ เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ
    ตรุษจีน สาร์ทจีน..ฆ่าพวกกูไหว้เจ้า --->ได้บุญ
    พอปลายปีเทศกาลกินเจ..ไม่ฆ่าพวกกู-->ได้บุญ
    อย่าให้สัตว์พูดว่า "ตกลงพวกมึง จะเอายังงัยกับชีวิตของพวกมึง" !!!

    อมตะวาจา ของ Yeo MING กล่าวว่า
    "When the buying stops, the killing can too"
    อาจแปลได้ว่า "ผู้กินเนื้อสัตว์..คือหุ้นส่วนร่วมฆ่า" เช่นเดียวกัน ค่ะ
    .
    .
    Pachäree Wõng
    November20,2024
    Sausalito, California.
    "The Chinese Revolution" ฉันเป็นชาวจีน(รุ่นใหม่) ที่อุตส่าห์ตะแบง ข้ามน้ำ ข้ามทะเล..ไปเรียนหนังสือกลับมา เริ่มมีเหตุผล(มากขึ้น) สได้ก่อการปฏิวัติกับครอบครัว โดยไม่ยอมเซ่นไหว้เจ้าและบรรพบุรุษ ด้วยสุราและเนื้อสัตว์...แต่ยังคงเซ่นไหว้ตามพิธีดั้งเดิม ด้วยพืชผัก ผลไม้ ไม่จุดธูป ไม่จุดเทียน แต่ใช้เทียนและธูปไฟฟ้า โอนเงินทองไปสู่ปรภพด้วยบริการทางออนไลน์ เป็นผลสำเร็จมาแล้วหลายครอบครัว เป็นที่ทราบโดยชัดเจนว่า #มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ซึ่งสามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ 1) ชนิดของฟัน ธรรมชาติสร้างฟันมนุษย์เป็นฟันซี่เรียงแถว สำหรับกัด บด เคี้ยว #แตกต่างจากสัตว์กินเนื้อที่มีเขี้ยวสำหรับการฉีก ล่าเหยื่อ 2) ความเป็นกรด-ด่างของน้ำลาย มนุษย์มีน้ำลายที่เป็นด่างสำหรับย่อยแป้งและเซลลูโลสจากพืช #ต่างจากน้ำลายสัตว์กินเนื้อที่เป็นกรด สัตว์กินเนื้อไม่ได้ล่าเหยื่อทุกวัน การล่าแต่ละครั้งสามารถกินได้หลายวัน น้ำลายที่เป็นกรดธรรมชาติประทานมาให้เพื่อใช้ฆ่าเชื้อจุลินทรีย์จากบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้(ล่าเหยื่อ) และใช้ในการย่อยเนื้อสัตว์ที่บูดเน่า. 3) ชนิดของกรดในกระเพาะอาหาร มนุษย์มีน้ำย่อยที่เป็นกรดอ่อน สำหรับการย่อยเซลลูโลสและแป้งในกลุ่มอะมีโลส และมีปริมาณน้ำย่อย(น้อย)ไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ #ต่างจากน้ำย่อยในกระเพาะสัตว์กินเนื้อ ที่เป็นเอ็มไซม์เพ็พซินและทริปซิน เป็นกรดอย่างแรงกว่า20เท่าและมีปริมาณมากกว่าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของมนุษย์ 5เท่า สำหรับการย่อยเนื้อสัตว์และกระดูกโดยเฉพาะ 4) สัดส่วนความยาวของลำไส้ ต่อ ความยาวลำตัว (ความยาวลำตัว=ความยาวปากถึงรูตูด) มนุษย์เป็นสัตว์กินพืช ธรรมชาติจึงออกแบบให้มีลำไส้ยาว 7-10เท่าของความยาวลำตัว เพื่อดูดซึมสารอาหารจากพืชได้สำเร็จใน 4-6ชั่วโมง หากมนุษย์กินเนื้อสัตว์ กระเพาะไม่สามารถย่อยเนื้อสัตว์ได้หมด ต่อจากนั้น..เป็นหน้าที่ของลำไส้ใช้เวลาย่อยและดูดซึมเนื้อสัตว์ 48-72ชั่วโมง ทำให้เกิดการบูดเน่า เกิดสารพิษ และจุลินทรีย์ที่เป็นโทษ แก๊สที่มีพิษ ซึ่งทำให้บั่นทอนสุขภาพ อายุสั้นด้วยโรคต่างๆและโรคมะเร็ง #ต่างจากลำไส้สัตว์กินเนื้อที่มีความยาวไม่เกิน3เท่าของความยาวลำตัว กิน ย่อย ถ่ายรวดเร็วไม่มีปัญหาเรื่องความเป็นพิษในลำไส้. ครอบครัว..ให้ความเข้าใจและหันมากินผัก ผลไม้ ทำให้มีสุขภาพที่ดี มีอายุยืน(อายุขัยวัฒนา) กันทุกๆคน เมื่อจากโลกนี้ไปก็จะไปมีชิวิตนิรันดร์ในสายคริสต์ก็ไปอยู่บนสวรรค์กับพระผู้เป็นเจ้า สายพุทธศาสนาจะเข้าสู่โหมดนิพพาน(Nirvana)ได้ไม่ยากนัก เมื่อถือศีล(บริสุทธิ์)ย่อมเกิดสมาธิได้ไม่ยากนักเพราะไม่มีความพยาบาทอาฆาตแค้นจากชีวิตสัตว์มารบกวน จึงเกิดแสงสว่างแห่งปัญญานำไปตามทางสายเอกเข้าสู่นิพพานดับสูญ..ไม่ต้องเป็นสัมภเวสี ทนทุกข์ทรมาน เร่ร่อน ขอส่วนบุญตามสถานที่ต่างๆ หรือ วนเวียน ว่าย ตาย เกิด..อยู่เช่นนี้ ไม่เบื่อ บ้างหรือ? พระพุทธเจ้า ห้ามกินเนื้อสัตว์(อกัปปิยมังสะ) 10 ชนิด #และสัตว์ที่กินได้ต้องไม่เป็น ปวัตตมังสะ(ฆ่าเพื่อตน) และไม่เป็นอุททิสมังสะ(ฆ่าเพื่อผู้อื่น) หมายความว่า #เป็นสัตว์ที่ตายเองไม่ใช่สัตว์ทื่ถูกฆ่า จึงจะกินได้. ***แปลเป็นไทยว่า "สัตว์ที่ตายเอง ไม่ใช่สัตว์ที่ถูกฆ่า" ดังนั้น..การกินเนื้อสัตว์ ผิดทั้งพระและโยม นะจ๊ะ(ชาวพุทธ) สัตว์..มันก็คิดได้ คิดเป็น มนุษย์ลากมันเข้าหลักประหาร สัตว์มันรู้ มันรักตัว กลัวตาย มันร้องไห้ ดิ้นรน ไม่สงสารมันบ้างหรือไร? สัตว์มันมองดูมนุษย์เซ่นไหว้ เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ ตรุษจีน สาร์ทจีน..ฆ่าพวกกูไหว้เจ้า --->ได้บุญ พอปลายปีเทศกาลกินเจ..ไม่ฆ่าพวกกู-->ได้บุญ อย่าให้สัตว์พูดว่า "ตกลงพวกมึง จะเอายังงัยกับชีวิตของพวกมึง" !!! อมตะวาจา ของ Yeo MING กล่าวว่า "When the buying stops, the killing can too" อาจแปลได้ว่า "ผู้กินเนื้อสัตว์..คือหุ้นส่วนร่วมฆ่า" เช่นเดียวกัน ค่ะ . . Pachäree Wõng November20,2024 Sausalito, California.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 359 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นาฬิกาชีวิต จังหวะเวลาที่กำหนดสุขภาพ
    ทุกวัน..จะชอบเขียนเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ ละเว้นการเบียดเบียนตามหลักพุทธศาสนา คือ ถือศีลข้อที่๑(บริสุทธิ์) ทำให้เลือดในร่างกายไม่เป็นกรด ปัญหาเรื่องกระดูกพรุนไม่เกิด และมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไม่ต้องเป็นภาระทางราชการ หรือ ต้องสูญเสียเงินทองมากมายเมื่อเข้าสู่วัยชรา.
    วันนี้..ที่บ้านมีพะโล้ฟองเต้าหู้ กับ ผักกาดจอ หม้อใหญ่ๆ เป็นอาหารหลัก ทำเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คงกินได้หลายวัน
    วันนี้จึงไม่โม้เรื่องอาหาร เพราะเคยเขียนเผยแพร่แล้ว
    วันนี้พูดเรื่องสำคัญ..มากเท่ากับเรื่องอาหาร คือ
    วินัย ของ การทำงานในร่างกาย ปฏิบัติตัวอย่างไร ให้ ถูกที่ ถูกเวลา ตลอดเวลา ๒๔ชั่วโมง ก็ สำคัญมาก ซึ่งวันนี้ จะนำเสนอให้ทราบ ดังนี้
    เหตุผลตามธรรมชาติ
    #ทำไมต้องนอนสามทุ่มตื่นตีสาม?
    ต้องดื่มน้ำหลังตื่นนอน ขับถ่ายของเสีย กินอาหารให้ตรงเวลา
    #ทำไมเวลาเก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมงเช้า(ห้ามนอน..เด็ดขาด)
    บ่ายโมงถึงบ่ายสามไม่ควรกินอาหาร
    #บ่ายสามถึงห้าโมงเย็นเป็นเวลาออกกำลังกาย
    --->สามทุ่ม(ต้อง)เข้านอน(ห่มผ้า)ให้อบอุ่น ไม่ควรอาบน้ำเย็น
    #สี่ทุ่มถึงตีสามคือเวลาของฮอร์โมนเมลาโทนิน(หลั่ง)
    --->ต้อง(ห่มผ้า)นอนหลับให้สนิท และ ปิดไฟให้มืด
    จึงจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง มีอายุขัยที่ยืนยาว 120 ปี
    #นาฬิกาชีวิต คือ การดูแลรักษาสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัด ให้มีสุขภาพที่ดีอายุยืนนาน ตามศาสตร์การแพทย์จีน อายุรเวทของอินเดีย และอียิปต์โบราณได้ค้นพบ และบันทึกตรงกันว่า
    #อวัยวะในร่างกายมนุษย์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ #อวัยวะตัน --->หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ และไต #อวัยวะกลวง --->กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ และ ระบบความร้อนในร่างกาย
    ทั้งหมดรวมได้ 12 อวัยวะ ควบคุมการไหลเวียนด้วยพลังชีวิตที่เรียกว่า.. “ #ลมปราณ” หมุนเวียนเป็นวัฏจักรทุก 2 ชั่วโมง ตามลำดับ
    ดังนั้นใน 1วัน=12อวัยวะX2ชั่วโมง จึงเท่ากับ 24ชั่วโมง (พอดีเป๊ะ)
    นี่แหละ คือ วัฏจักรของการทำงาน(ตามปกติ)ของอวัยวะในร่างกายมนุษย์ ที่เรียกว่า #นาฬิกาชีวิต นั่นเอง ค่ะ
    #ตารางการเดินลมปราณในแต่ละวัน จึงเป็นการดูแลสุขภาพอย่างง่ายๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับ..”นาฬิกาชีวิต” ได้ดังนี้...
    เวลา 01.00-03.00น. ควรเป็นเวลาของ #ตับ มีหน้าที่เป็นโรงงานกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นในช่วงเวลานี้ร่างกาย #ควรนอนหลับให้สนิทเพื่อให้ตับได้ขจัดสารพิษออกจากร่างกายหากไม่หลับในช่วงนี้จะทำให้สะสมพิษทำให้เกิดอาการเพลีย เหนื่อยง่าย
    โรคต่างที่เกิดจากพิษสารเคมีสะสมจะทำให้ป่วยง่าย+เรื้อรัง-ตายอย่างเวทนาและทุกข์ทรมาน นะคะ(ขอ บอก)
    เวลา 03.00-05.00น. #ควรตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่น ฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก..ลึกๆ ช้าๆ..สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกกำลังกายยืดเส้น ยืดสาย ทำให้สุขภาพปอดและร่างกายโดยรวมจะดีไปด้วย
    #การดื่มน้ำอุ่นในช่วงนี้และการซิทอัป--->จะกระตุ้น(เร่ง)การทำงานของลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำงานในช่วงต่อไป..
    เวลา 05.00-07.00น. เป็นช่วงเวลาของ #การทำงานลำไส้ใหญ่ บีบรัดตัวได้ดีที่สุด เป็นเวลาขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย การไม่ขับถ่ายในช่วงเวลานี้ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดซึมกลับไป สะสมสารพิษ สะสม ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เวลา 05.45-06.00น.เป็นเวลาที่ดีที่สุด ของ #การฝึกสมาธิ เพราะในขณะที่ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ&แปรงฟัน..เสร็จ ปลอดโปร่ง..#โล่งทั้งกายและใจไม่มีเรื่องเครียด เรื่องงานมากวนใจ ฝึกนั่งสมาธิในช่วงนี้(ทุกวัน)สามารถเข้าถึงสมาธิได้สำเร็จ(ง่าย)มาก..ค่ะ
    เวลา 07.00-09.00น. คือช่วงเวลาของ #กระเพาะอาหาร ต้องกินอาหารเช้าเป็นมื้อหลักที่มีสารอาหารอย่างครบถ้วน หากไม่กินมื้อเช้า(มื้อสำคัญ)จะเป็นโรคกระเพาะอย่างรวดเร็ว และสะสมเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ในระยะยาว
    เวลา 09.00-011.00น. เป็นเวลาของ #ม้าม ควบคุมเม็ดเลือดขาว กำจัดเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ ดังนั้นผู้ที่นอนในช่วงนี้จะส่งผลให้ม้ามอ่อนแอ มี #ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ติดเชื้อเป็นโรคต่างๆได้ง่าย
    เวลา 11.00-13.00น. ช่วงพักเที่ยง เป็นช่วงเวลาของ #หัวใจ ควรพักผ่อน..สบายๆ งดน้ำชา กาแฟ หลีกเลี่ยงความเครียดซึ่งทำให้หัวใจเต้นแรง ทำงานหนักเกิน ส่งผลให้หัวใจวายได้อย่างง่ายๆ ในช่วงเวลาเที่ยง จ๊ะ
    เวลา 13.00-15.00น. เป็นช่วงเวลาของ #ลำไส้เล็ก ในช่วงนี้ร่างกายส่งพลังงานทั้งหมดไปยังลำไส้เล็กเพื่อการดูดซึม #การกินอาหารในช่วงนี้จะไปขัดขวางโอกาสทองของระบบดูดซีมที่ต้องแบ่งพลังงานไปใช้ในการย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วงนี้สมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีที่สุดในรอบวัน
    เวลา 15.00-17.00น. เวลาของ #กระเพาะปัสสาวะ และการขับเหงื่อ #จึงควรออกกำลังกายอย่างหนัก หรือ เหมาะกับการอบซาวน่าเพื่อให้เหงื่อออก สำหรับหนุ่มสาวที่ทำงานในช่วงนี้ ก็สามารถใช้ท่าการออกกำลังกายในสำนักงาน หรือเดินไป-มา ขึ้น-ลงบันได เพื่อส่งเสริมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะได้..เช่นกัน
    เวลา 17.00-19.00น. #ช่วงเวลาของไต มีหน้าที่รักษาสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย โดยกำจัดส่วนเกินออกทางปัสสาวะและเหงื่อ #เวลาช่วงนี้จึงควรทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วง ไม่หลับ เป็นช่วงCool Down หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ต่อจากการออกกำลังกายอย่างหนัก..ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
    เวลา 19.00-21.00น. ช่วงนี้เป็นเวลาที่ #เยื่อหุ้มหัวใจ..บางที่สุด จึงควรระวังอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ โกรธ เสียใจ การที่ทำให้ตื่นตัวมากๆส่งผลให้เยื่อหุ้มหัวใจฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงควรปิดโทรศัพท์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ
    เวลา 21.00-23.00น. เป็นช่วงเวลาของ #ระบบความร้อนในร่างกาย ซึ่งตามธรรมชาติ..ในช่วงเวลานี้อากาศเริ่มเย็น ร่างกายคนเราต้องสร้างความร้อนขึ้น จึงไม่ควรอาบน้ำหรือดื่มน้ำเย็น และควรเข้านอนในช่วงเวลานี้ ควรดื่มน้ำอุ่น 1 แก้วก่อนนอนเพื่อส่งเสริมการทำงานของถุงน้ำดีในเวลาถัดไป.
    เวลา 23.00-01.00น. เวลาของ #ถุงน้ำดี ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่หลับ ร่างกายจะอยู่ในสภาพที่ขาดน้ำ อวัยวะต่างๆจะดึงน้ำจากถุงน้ำดี..แล้วนำไปใช้ หากน้ำในถุงน้ำดีข้นเกินไปอาจส่งผลให้อวัยวะต่างๆทำงานผิดปกติได้ #หากไม่นอนในช่วงนี้จะเกิดถุงไขมันใต้ตา และไขมันพอกตับ
    .
    .
    เจริญธรรม สำนึกดี
    Pachäree Wõng
    November21, 2024
    Sausalito, California.
    #นาฬิกาชีวิต จังหวะเวลาที่กำหนดสุขภาพ ทุกวัน..จะชอบเขียนเรื่องอาหารเพื่อสุขภาพ คือ ไม่กินเนื้อสัตว์ ละเว้นการเบียดเบียนตามหลักพุทธศาสนา คือ ถือศีลข้อที่๑(บริสุทธิ์) ทำให้เลือดในร่างกายไม่เป็นกรด ปัญหาเรื่องกระดูกพรุนไม่เกิด และมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง ไม่ต้องเป็นภาระทางราชการ หรือ ต้องสูญเสียเงินทองมากมายเมื่อเข้าสู่วัยชรา. วันนี้..ที่บ้านมีพะโล้ฟองเต้าหู้ กับ ผักกาดจอ หม้อใหญ่ๆ เป็นอาหารหลัก ทำเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา คงกินได้หลายวัน วันนี้จึงไม่โม้เรื่องอาหาร เพราะเคยเขียนเผยแพร่แล้ว วันนี้พูดเรื่องสำคัญ..มากเท่ากับเรื่องอาหาร คือ วินัย ของ การทำงานในร่างกาย ปฏิบัติตัวอย่างไร ให้ ถูกที่ ถูกเวลา ตลอดเวลา ๒๔ชั่วโมง ก็ สำคัญมาก ซึ่งวันนี้ จะนำเสนอให้ทราบ ดังนี้ เหตุผลตามธรรมชาติ #ทำไมต้องนอนสามทุ่มตื่นตีสาม? ต้องดื่มน้ำหลังตื่นนอน ขับถ่ายของเสีย กินอาหารให้ตรงเวลา #ทำไมเวลาเก้าโมงถึงสิบเอ็ดโมงเช้า(ห้ามนอน..เด็ดขาด) บ่ายโมงถึงบ่ายสามไม่ควรกินอาหาร #บ่ายสามถึงห้าโมงเย็นเป็นเวลาออกกำลังกาย --->สามทุ่ม(ต้อง)เข้านอน(ห่มผ้า)ให้อบอุ่น ไม่ควรอาบน้ำเย็น #สี่ทุ่มถึงตีสามคือเวลาของฮอร์โมนเมลาโทนิน(หลั่ง) --->ต้อง(ห่มผ้า)นอนหลับให้สนิท และ ปิดไฟให้มืด จึงจะมีสุขภาพที่ดี แข็งแรง มีอายุขัยที่ยืนยาว 120 ปี #นาฬิกาชีวิต คือ การดูแลรักษาสุขภาพแบบธรรมชาติบำบัด ให้มีสุขภาพที่ดีอายุยืนนาน ตามศาสตร์การแพทย์จีน อายุรเวทของอินเดีย และอียิปต์โบราณได้ค้นพบ และบันทึกตรงกันว่า #อวัยวะในร่างกายมนุษย์ แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ #อวัยวะตัน --->หัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ ปอด ม้าม ตับ และไต #อวัยวะกลวง --->กระเพาะอาหาร ถุงน้ำดี ลำไส้ใหญ่ ลำไส้เล็ก กระเพาะปัสสาวะ และ ระบบความร้อนในร่างกาย ทั้งหมดรวมได้ 12 อวัยวะ ควบคุมการไหลเวียนด้วยพลังชีวิตที่เรียกว่า.. “ #ลมปราณ” หมุนเวียนเป็นวัฏจักรทุก 2 ชั่วโมง ตามลำดับ ดังนั้นใน 1วัน=12อวัยวะX2ชั่วโมง จึงเท่ากับ 24ชั่วโมง (พอดีเป๊ะ) นี่แหละ คือ วัฏจักรของการทำงาน(ตามปกติ)ของอวัยวะในร่างกายมนุษย์ ที่เรียกว่า #นาฬิกาชีวิต นั่นเอง ค่ะ #ตารางการเดินลมปราณในแต่ละวัน จึงเป็นการดูแลสุขภาพอย่างง่ายๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับ..”นาฬิกาชีวิต” ได้ดังนี้... เวลา 01.00-03.00น. ควรเป็นเวลาของ #ตับ มีหน้าที่เป็นโรงงานกำจัดสารพิษออกจากร่างกาย ดังนั้นในช่วงเวลานี้ร่างกาย #ควรนอนหลับให้สนิทเพื่อให้ตับได้ขจัดสารพิษออกจากร่างกายหากไม่หลับในช่วงนี้จะทำให้สะสมพิษทำให้เกิดอาการเพลีย เหนื่อยง่าย โรคต่างที่เกิดจากพิษสารเคมีสะสมจะทำให้ป่วยง่าย+เรื้อรัง-ตายอย่างเวทนาและทุกข์ทรมาน นะคะ(ขอ บอก) เวลา 03.00-05.00น. #ควรตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่น ฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก..ลึกๆ ช้าๆ..สูดอากาศบริสุทธิ์ ออกกำลังกายยืดเส้น ยืดสาย ทำให้สุขภาพปอดและร่างกายโดยรวมจะดีไปด้วย #การดื่มน้ำอุ่นในช่วงนี้และการซิทอัป--->จะกระตุ้น(เร่ง)การทำงานของลำไส้ใหญ่ ซึ่งทำงานในช่วงต่อไป.. เวลา 05.00-07.00น. เป็นช่วงเวลาของ #การทำงานลำไส้ใหญ่ บีบรัดตัวได้ดีที่สุด เป็นเวลาขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย การไม่ขับถ่ายในช่วงเวลานี้ทำให้ลำไส้ใหญ่ดูดซึมกลับไป สะสมสารพิษ สะสม ไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพอย่างแน่นอน เวลา 05.45-06.00น.เป็นเวลาที่ดีที่สุด ของ #การฝึกสมาธิ เพราะในขณะที่ตื่นนอน ทำธุระส่วนตัว อาบน้ำ&แปรงฟัน..เสร็จ ปลอดโปร่ง..#โล่งทั้งกายและใจไม่มีเรื่องเครียด เรื่องงานมากวนใจ ฝึกนั่งสมาธิในช่วงนี้(ทุกวัน)สามารถเข้าถึงสมาธิได้สำเร็จ(ง่าย)มาก..ค่ะ เวลา 07.00-09.00น. คือช่วงเวลาของ #กระเพาะอาหาร ต้องกินอาหารเช้าเป็นมื้อหลักที่มีสารอาหารอย่างครบถ้วน หากไม่กินมื้อเช้า(มื้อสำคัญ)จะเป็นโรคกระเพาะอย่างรวดเร็ว และสะสมเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารได้ในระยะยาว เวลา 09.00-011.00น. เป็นเวลาของ #ม้าม ควบคุมเม็ดเลือดขาว กำจัดเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุ ดังนั้นผู้ที่นอนในช่วงนี้จะส่งผลให้ม้ามอ่อนแอ มี #ภูมิคุ้มกันโรคต่ำ ติดเชื้อเป็นโรคต่างๆได้ง่าย เวลา 11.00-13.00น. ช่วงพักเที่ยง เป็นช่วงเวลาของ #หัวใจ ควรพักผ่อน..สบายๆ งดน้ำชา กาแฟ หลีกเลี่ยงความเครียดซึ่งทำให้หัวใจเต้นแรง ทำงานหนักเกิน ส่งผลให้หัวใจวายได้อย่างง่ายๆ ในช่วงเวลาเที่ยง จ๊ะ เวลา 13.00-15.00น. เป็นช่วงเวลาของ #ลำไส้เล็ก ในช่วงนี้ร่างกายส่งพลังงานทั้งหมดไปยังลำไส้เล็กเพื่อการดูดซึม #การกินอาหารในช่วงนี้จะไปขัดขวางโอกาสทองของระบบดูดซีมที่ต้องแบ่งพลังงานไปใช้ในการย่อยในกระเพาะอาหาร ช่วงนี้สมองในส่วนความจำจะทำงานได้ดีที่สุดในรอบวัน เวลา 15.00-17.00น. เวลาของ #กระเพาะปัสสาวะ และการขับเหงื่อ #จึงควรออกกำลังกายอย่างหนัก หรือ เหมาะกับการอบซาวน่าเพื่อให้เหงื่อออก สำหรับหนุ่มสาวที่ทำงานในช่วงนี้ ก็สามารถใช้ท่าการออกกำลังกายในสำนักงาน หรือเดินไป-มา ขึ้น-ลงบันได เพื่อส่งเสริมการทำงานของกระเพาะปัสสาวะได้..เช่นกัน เวลา 17.00-19.00น. #ช่วงเวลาของไต มีหน้าที่รักษาสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย โดยกำจัดส่วนเกินออกทางปัสสาวะและเหงื่อ #เวลาช่วงนี้จึงควรทำให้ร่างกายตื่นตัว ไม่ง่วง ไม่หลับ เป็นช่วงCool Down หรือผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ต่อจากการออกกำลังกายอย่างหนัก..ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เวลา 19.00-21.00น. ช่วงนี้เป็นเวลาที่ #เยื่อหุ้มหัวใจ..บางที่สุด จึงควรระวังอารมณ์ตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ โกรธ เสียใจ การที่ทำให้ตื่นตัวมากๆส่งผลให้เยื่อหุ้มหัวใจฉีกขาดได้ง่าย ดังนั้นในช่วงเวลานี้จึงควรปิดโทรศัพท์ สวดมนต์ นั่งสมาธิ ทำจิตใจให้สงบ เวลา 21.00-23.00น. เป็นช่วงเวลาของ #ระบบความร้อนในร่างกาย ซึ่งตามธรรมชาติ..ในช่วงเวลานี้อากาศเริ่มเย็น ร่างกายคนเราต้องสร้างความร้อนขึ้น จึงไม่ควรอาบน้ำหรือดื่มน้ำเย็น และควรเข้านอนในช่วงเวลานี้ ควรดื่มน้ำอุ่น 1 แก้วก่อนนอนเพื่อส่งเสริมการทำงานของถุงน้ำดีในเวลาถัดไป. เวลา 23.00-01.00น. เวลาของ #ถุงน้ำดี ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่หลับ ร่างกายจะอยู่ในสภาพที่ขาดน้ำ อวัยวะต่างๆจะดึงน้ำจากถุงน้ำดี..แล้วนำไปใช้ หากน้ำในถุงน้ำดีข้นเกินไปอาจส่งผลให้อวัยวะต่างๆทำงานผิดปกติได้ #หากไม่นอนในช่วงนี้จะเกิดถุงไขมันใต้ตา และไขมันพอกตับ . . เจริญธรรม สำนึกดี Pachäree Wõng November21, 2024 Sausalito, California.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 597 มุมมอง 0 รีวิว
  • บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม

    6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน"

    พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่

    เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ

    สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น

    #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    บึ้มขวางกวนอิมเทพา ทำลายพหุวัฒนธรรม 6 โมงเช้า วันที่ 20 พ.ย. คนร้ายลอบวางระเบิดใส่แคมป์คนงานก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม บ้านปากบางสะกอม หมู่ 1 ต.สะกอม อ.เทพา จ.สงขลา ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ต่อมาเวลา 10.30 น และ 10.40 น. เกิดระเบิดลูกที่ 3 และลูกที่4 บริเวณเส้นทางเข้าที่เกิดเหตุห่างจากที่เกิดเหตุจุดแรกประมาณ 400 เมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบจดหมายพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์เป็นภาษาไทยและเมียนมา ระบุว่า "ถ้าใครที่ทำงานในโครงการนี้ที่นี่และในสามจังหวัดชายแดนใต้ เราขอเตือนจงหยุด ไม่งั้นเราจะไม่รับรองชีวิตของท่าน" พ.อ.ปองพล สุทธิเบญจกุล รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 สน. แถลงว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุพยายามทำลายรูปเคารพทางศาสนา ซึ่งเป็นการทำลายสัญลักษณ์ของความเป็นพหุวัฒนธรรม พยายามสร้างสังคมเชิงเดี่ยวที่ขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและหลักของศาสนาอันดีงาม เชื่อว่าพยายามหยิบความขัดแย้งทางศาสนามาเป็นปัญหาขัดแย้งในพื้นที่ แต่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย แกนนำคัดค้านนิคมอุตสาหกรรมจะนะ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส อ้างว่าไม่ใช่การวางระเบิดแบบปกติ ที่ผ่านมาชาวบ้านในพื้นที่พยายามคัดค้านการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เพราะมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของนิคมฯ แต่ก็แผ่วลง และเห็นว่าเป็นสิทธิ์ของนายทุน กระทั่งเริ่มลงเสาขนาดใหญ่ในพื้นที่ เป็นที่น่าสังเกตว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ และครอบครัว ได้จัดพิธีพุทธาภิเษกเจดีย์สัมฤทธิ์ผลคุ้มลูกกันภัย ณ สถานที่ก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เมื่อวันที่ 14 พ.ย. หรือ 6 วันก่อนเกิดเหตุ โดยมี พล.อ.มณี จันทร์ทิพย์ ผู้แทนพิเศษของรัฐบาล ที่ปรึกษา กอ.รมน.ภาค 4 และนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย และได้เชิญพระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส แสดงธรรมเทศนา โดยยืนยันว่าจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ในจังหวัดพื้นที่ภาคใต้ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามตามธรรมชาติ หาดสวย ทะเลน้ำใส มีเสน่ห์เฉพาะตัวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ สำหรับโครงการก่อสร้างเจ้าแม่กวนอิม เกิดขึ้นเมื่อปี 2565 โดยบริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ได้ซื้อที่ดิน 65 ไร่ เพื่อก่อสร้าง เช่นเดียวกับเจ้าแม่กวนอิมในต่างประเทศ แต่ต่อมาคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลานำชาวมุสลิมกว่า 4,000 คน ละหมาดฮายัตเพื่อคัดค้านการก่อสร้าง อ้างว่ามีโครงการนิคมอุตสาหกรรมจะนะอยู่เบื้องหลัง และอ้างว่าล้อมรอบด้วยชุมชนชาวมุสลิม ทั้งที่ความจริงที่ดินอยู่ห่างไกลจากชุมชนมาก ส่วนใหญ่เป็นรีสอร์ต สวนยางพารา และสวนมะพร้าวเท่านั้น #Newskit #เจ้าแม่กวนอิม #เทพา
    Like
    Sad
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยันเหตุระเบิดแคมป์คนงานสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลกไม่มีความขัดแย้งระหว่างศาสนา แม้เคยมีการต่อต้านการเริ่มสร้าง เจ้าหน้าที่เร่งหาเบาะแสล่าตัวผู้ก่อเหตุ ชาวบ้านผวาเกิดขึ้นครั้งแรกและหนักมาก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111775

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยันเหตุระเบิดแคมป์คนงานสร้างเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลกไม่มีความขัดแย้งระหว่างศาสนา แม้เคยมีการต่อต้านการเริ่มสร้าง เจ้าหน้าที่เร่งหาเบาะแสล่าตัวผู้ก่อเหตุ ชาวบ้านผวาเกิดขึ้นครั้งแรกและหนักมาก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000111775 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่าน พลัมเฮร่า มารายงานตัวค่ะ #พลัมเฮร่า #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์ #หมอดู #ไพ่ยิปซี #ลูกแก้วไอยคุปต์ #ดูดวง #ดวงชะตาราศี #โชคชะตา #โหราศาสตร์ #สายมู #มูเตลู #ตัวแม่ #รักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่าน พลัมเฮร่า มารายงานตัวค่ะ #พลัมเฮร่า #เรือนเทพพฤกษารื่นรมย์ #หมอดู #ไพ่ยิปซี #ลูกแก้วไอยคุปต์ #ดูดวง #ดวงชะตาราศี #โชคชะตา #โหราศาสตร์ #สายมู #มูเตลู #ตัวแม่ #รักชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่า
    ...สวัสดีค่ะ เพื่อนๆผู้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ทุกท่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😍😍😍รวมพล คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์😍😍😍
    😍😍😍รวมพล คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์😍😍😍
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องหลวงพ่อฤาษีขึ้นไปบนนิพพาน #ฟังพระพุทธองค์ทรงสอนบารมี๑๐ทัศ..." วันนี้ต้องสอนบรรดาท่านพุทธบริษัท เรียกว่าเอากันเฉือนขั้นสุดท้ายเลย เรียกว่าทิ้งทวนหรือทิ้งไพ่ใบสุดท้าย และพุ่งทวนเล่มใหญ่ท้ายสุดที่มีอยู่..🌸นั่นคือคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมครู ที่เรียกว่า.. บารมี ๑๐ ทัศ* วันนั้นสอนบารมี ๑๐ ทัศ แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายจะมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจเพียงใด อาตมาก็ไม่ทราบ เพราะสอนไม่ค่อยตรงเป้าหมาย..🌸 เมื่อสอนเสร็จ เวลาผ่านไปก็ดับไฟ สั่งให้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายพากันเจริญพระกรรมฐาน ทรงสติสัมปชัญญะ คือว่า.. ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย เพราะการภาวนาก็ดี พิจารณาก็ดี นี่ อาตมาไม่ขัดใจใคร ใครเคยทำแบบไหนคล่องมาแล้ว ให้ทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอะไร..🌼 เพราะว่า.. การภาวนาหรือพิจารณาที่ทำมาแล้ว ถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรจะเปลี่ยน เพราะแบบปฏิบัติมีมากด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ จึงจะถูก ทำอย่างไรก็ตาม ถ้าปรารภจิตเป็นสมาธิระงับจากนิวรณ์ หรือปรารภจิตเป็นปฏิปักษ์กับขันธ์ ๕ ใช้ได้หมด ถ้าตรงกับแนวคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคตแล้ว อาตมาไม่ปฏิเสธการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน..* เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่า.. ร่างกายไม่ดีแบบนี้ เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา.* ฉะนั้น จึงไปได้เสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้.. ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง.🌼 แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีเด่นอะไรนัก การไปได้ มาได้ ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์* นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่า.. พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขา บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน.🌸 เมื่อพบแล้ว ก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมา..🌸 พระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า : " สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม.?"🌸 ก็กราบทูลพระองค์ท่านว่า : " ใช่พระพุทธเจ้าข้า "🌸 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า : " สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร.? ”* ตอนนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ขอได้โปรดทราบว่า.. ถ้าอาตมาสอนถูก พระองค์จะไม่ตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า.. การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี..🌼 นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท การสอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตร มีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้น อาตมาก็ทราบ..🌼 จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนัก พระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่า บารมี แปลว่า เต็ม "🌼 พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า : " อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่า เธอจะปฏิบัติในทานบารมี.. ทำยังไง ทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่า จะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน.. ถ้าเราไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม "🌼 แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่า ท่านที่เป็นนักปราชญ์ ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ ว่า.. อาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่ง หรือไม่แค่หางอึ่ง เพราะความโง่มันมาก..🌼 เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสแบบนั้น..🌼 ก็ทูลถามพระองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้า ไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า "🌺 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้ เธอสอนท่านบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า.. คำว่า บารมี มันแปลว่า เต็ม แต่อะไรมันเต็ม ตถาคตจะบอกให้ว่า.. บารมีนี่ควรจะแปลว่า "กำลังใจเต็ม "* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า.. คำว่า บารมี ก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม..🌺 ตอนนี้ซิ ชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่า เรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก🌺 กำลังใจเต็ม ตอนไหน บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า..๑. ทานบารมี๒. ศีลบารมี๓. เนกขัมมบารมี๔. ปัญญาบารมี๕. วิริยบารมี๖. ขันติบารมี๗. สัจจบารมี๘. อธิษฐานบารมี๙. เมตตาบารมี๑๐. อุเบกขาบารมี* องค์สมเด็จพระชินสีห์ จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษีถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่องคือ..๑. จิตของเรา พร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ.๒. จิตพร้อมในการทรงศีล..🌻 นี่ซิ บรรดาท่านพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นหายไป..๓. จิตพร้อมในการทรง เนกขัมมะ เป็นปกติ..🌻 เนกขัมมะ ก็แปลว่า การถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัวได้ทั้งนั้น..๔. จิตพร้อมที่จะใช้ ปัญญา เป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป..๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ..๖. ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์..๗. สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่า เราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับเรา ในด้านของการทำความดี..๘. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะพระนิพพาน๙. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตน เสมอด้วยบุคคลอื่น๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นในวันนี้..💎 อุเบกขาบารมี ตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า : ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า " ช่างมัน " ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกัน ใช้คำว่า " ช่างมัน " ตรงตัวดี..* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า " บารมี " เสียก่อน เพื่อที่จะให้บรรดาพระโยคาวจรทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า.. บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือ สร้างกำลังใจ ปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์.. 💎 ไม่ใช่ว่า เราจะมานั่งคิด จะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊..! บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้..* ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่า.. เราจะสามารถะสร้างบารมีได้ ด้วยอาศัยกำลังใจ 💎 ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท มีกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ที่เราจะสามารถทำมันให้ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า.." มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา "" ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ " 💎 นี่ความจริง เรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วท่านบรรดาพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ ทำไมมันถึงลืมก็ไม่ทราบ..💎 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน คงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมี แปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือ กำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้..💎 ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย..* ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มากล่าวในตอนนี้ ก็เพราะว่า.. ในตอนต้น พูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า.. แหม.. มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบัน มันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์..* ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ.* ศีล เราก็ตัดความโกรธ* เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ* ปัญญา ตัดความโง่* วิริยะ ตัดความขี้เกียจ* ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน* สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก* อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์* เมตตา สร้างความเยือกเย็นของจิตใจ* อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย เราไม่ปรารภ🌺 เท่านี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า.. พระโสดาบัน นั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท..🌼 ทำไมจึงว่าอย่างนั้น.. ก็เพราะว่า คนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า "พระโสดาบัน" แล้ว ท่านเรียกว่าอะไร.. ท่านเรียกว่า "พระขีณาสพ" แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า "พระอรหัตผล" เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้..🌸 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้..🌷 ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี..."( จากหนังสือ *บารมี ๑๐* โดย พระราชพรหมยานฯ หน้าที่ ๘-๑๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) #ที่มานิพพานังปรมังสุขัง.
    #เรื่องหลวงพ่อฤาษีขึ้นไปบนนิพพาน #ฟังพระพุทธองค์ทรงสอนบารมี๑๐ทัศ..." วันนี้ต้องสอนบรรดาท่านพุทธบริษัท เรียกว่าเอากันเฉือนขั้นสุดท้ายเลย เรียกว่าทิ้งทวนหรือทิ้งไพ่ใบสุดท้าย และพุ่งทวนเล่มใหญ่ท้ายสุดที่มีอยู่..🌸นั่นคือคำแนะนำขององค์สมเด็จพระบรมครู ที่เรียกว่า.. บารมี ๑๐ ทัศ* วันนั้นสอนบารมี ๑๐ ทัศ แก่บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านทั้งหลายจะมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจเพียงใด อาตมาก็ไม่ทราบ เพราะสอนไม่ค่อยตรงเป้าหมาย..🌸 เมื่อสอนเสร็จ เวลาผ่านไปก็ดับไฟ สั่งให้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายพากันเจริญพระกรรมฐาน ทรงสติสัมปชัญญะ คือว่า.. ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติให้มั่น กำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนา หรือพิจารณาตามอัธยาศัย เพราะการภาวนาก็ดี พิจารณาก็ดี นี่ อาตมาไม่ขัดใจใคร ใครเคยทำแบบไหนคล่องมาแล้ว ให้ทำอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอะไร..🌼 เพราะว่า.. การภาวนาหรือพิจารณาที่ทำมาแล้ว ถ้าไม่ผิดก็ไม่ควรจะเปลี่ยน เพราะแบบปฏิบัติมีมากด้วยกัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องทำอย่างนั้นทำอย่างนี้ จึงจะถูก ทำอย่างไรก็ตาม ถ้าปรารภจิตเป็นสมาธิระงับจากนิวรณ์ หรือปรารภจิตเป็นปฏิปักษ์กับขันธ์ ๕ ใช้ได้หมด ถ้าตรงกับแนวคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระบรมสุคตแล้ว อาตมาไม่ปฏิเสธการปฏิบัติของบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน..* เมื่อบรรดาท่านพุทธบริษัทเริ่มปฏิบัติ อาตมาก็คิดในใจว่า.. ร่างกายไม่ดีแบบนี้ เราจะทนมันอยู่ทำไม ไปเสียจากร่างกายดีกว่า ปล่อยให้มันนั่งอยู่ตรงนี้ พอสัญญาณบอกเวลาปรากฏเราจึงจะกลับมา.* ฉะนั้น จึงไปได้เสียจากกาย ไปไหว้พระ จะไปแบบไหนอันนี้บรรดาท่านพุทธบริษัท อาตมาไม่บอก บอกไม่ได้.. ไปอย่างไร ไปโดยวิธีไหน อยากรู้ก็ปฏิบัติกันเอาเอง.🌼 แต่ความจริงมันก็ไม่ใช่ของดีเด่นอะไรนัก การไปได้ มาได้ ถ้าใจเหลิงเกินไปก็ลงนรกได้ ไม่ใช่ของพิเศษ เมื่อออกไปแล้วก็พบองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์* นี่ขวางกับชาวบ้านเขาแล้ว เขาบอกว่า.. พระพุทธเจ้านิพพานไปแล้ว จะพบได้ยังไง นั่นมันเรื่องของเขา บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย นี่มันเรื่องของอาตมา อาตมาพบกันได้ก็แล้วกัน.🌸 เมื่อพบแล้ว ก็เข้าไปนมัสการองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว พอเงยหน้าขึ้นมา..🌸 พระองค์ก็ทรงตรัสถามว่า : " สัมพเกษี วันนี้เธอสอนบารมี ๑๐ ทัศใช่ไหม.?"🌸 ก็กราบทูลพระองค์ท่านว่า : " ใช่พระพุทธเจ้าข้า "🌸 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสถามว่า : " สัมพเกษี บารมีแปลว่าอะไร.? ”* ตอนนี้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ขอได้โปรดทราบว่า.. ถ้าอาตมาสอนถูก พระองค์จะไม่ตรัสแบบนั้น อาตมารู้ทันรู้เท่าเข้าใจทันทีว่า.. การสอนวันนี้ผิดพุทธพจน์บทพระบาลี..🌼 นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท การสอนนี้ ไม่ใช่ว่ามันจะถูกเสมอไป มันก็ผิดได้เหมือนกัน เมื่อองค์สมเด็จพระจอมไตร มีพระพุทธฎีกาตรัสถามแบบนั้น อาตมาก็ทราบ..🌼 จึงได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้าไม่แน่ใจนัก พระพุทธเจ้าข้า แต่ที่เรียนกันมา ครูสอนว่า บารมี แปลว่า เต็ม "🌼 พระพุทธองค์ จึงตรัสถามว่า : " อะไรมันเต็ม และมันเต็มแบบไหน สมมุติว่า เธอจะปฏิบัติในทานบารมี.. ทำยังไง ทานบารมีมันถึงจะเต็ม ถ้าหากว่า จะนำของมาให้เต็มโลก เธอจะไปขนมาจากไหน.. ถ้าเราไม่นำของมาให้ ทำยังไงทานบารมีมันจึงจะเต็ม "🌼 แบบนี้มันก็อยู่ด้วยกันทั้งนั้นแหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้าคนอย่างอาตมา ถ้าหากว่า ท่านที่เป็นนักปราชญ์ ดีกว่าอาตมาก็ไม่เป็นไร ท่านไปได้ เพราะท่านมีความเข้าใจ ท่านมีความฉลาด อาตมาบอกแล้วนี่ ว่า.. อาตมามีความรู้ไม่เท่าหางอึ่ง คือยาวไม่เท่าหางอึ่ง หรือไม่แค่หางอึ่ง เพราะความโง่มันมาก..🌼 เมื่อองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคตรัสแบบนั้น..🌼 ก็ทูลถามพระองค์ว่า : " ข้าพระพุทธเจ้า ไม่เข้าใจในบารมีพระพุทธเจ้าข้า "🌺 พระองค์จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษี เธอเข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ว่าเธอดีแต่เฉพาะบริโภคเองเท่านั้น แต่การที่จะแบ่งปันให้บุคคลอื่นน่ะ เธอไม่มีความฉลาด การที่เธอตั้งกำลังใจในบารมี ๑๐ ทัศ เป็น ๓๐ ทัศ ด้วยกัน ๓ ชั้น เธอทำได้ แต่ว่าวันนี้ เธอสอนท่านบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย เธอทำไม่ถูก เธอจงมีความเข้าใจเสียใหม่ว่า.. คำว่า บารมี มันแปลว่า เต็ม แต่อะไรมันเต็ม ตถาคตจะบอกให้ว่า.. บารมีนี่ควรจะแปลว่า "กำลังใจเต็ม "* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท จำไว้ให้ดีว่า.. คำว่า บารมี ก็คือกำลังใจ ทำกำลังใจให้เต็ม..🌺 ตอนนี้ซิ ชักจะฉลาดขึ้นมาทันที มานึกในใจว่า เรานี่มันแสนจะโง่เสียมาก🌺 กำลังใจเต็ม ตอนไหน บรรดาท่านพุทธบริษัท ท่านก็ทรงให้ทวนเรื่องบารมี ๑๐ ทัศ ว่ามีอะไรบ้าง อาตมาก็ถวายคำตอบแก่พระองค์ว่า..๑. ทานบารมี๒. ศีลบารมี๓. เนกขัมมบารมี๔. ปัญญาบารมี๕. วิริยบารมี๖. ขันติบารมี๗. สัจจบารมี๘. อธิษฐานบารมี๙. เมตตาบารมี๑๐. อุเบกขาบารมี* องค์สมเด็จพระชินสีห์ จึงได้มีพระพุทธฎีกาตรัสว่า : " สัมพเกษีถูกแล้ว บารมีทั้งหมดนี้ใช้กำลังใจ สร้างกำลังใจให้มันทรงอยู่ในใจทั้งหมด ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่มีอะไรบกพร่องคือ..๑. จิตของเรา พร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ.๒. จิตพร้อมในการทรงศีล..🌻 นี่ซิ บรรดาท่านพุทธบริษัท พร้อมในการทรงศีลเป็นปกติ ไม่ใช่ปล่อยให้ศีลมันหล่นหายไป..๓. จิตพร้อมในการทรง เนกขัมมะ เป็นปกติ..🌻 เนกขัมมะ ก็แปลว่า การถือบวช บวชผมยาว บวชผมสั้น บวชโกนหัว ไม่โกนหัวได้ทั้งนั้น..๔. จิตพร้อมที่จะใช้ ปัญญา เป็นเครื่องประหัตประหารอุปาทานให้พินาศไป..๕. วิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ..๖. ขันติ มีทั้งอดทั้งทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์..๗. สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลาว่า เราจะจริงทุกอย่าง ไม่มีอะไรในคำว่าไม่จริงสำหรับเรา ในด้านของการทำความดี..๘. อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะพระนิพพาน๙. เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตน เสมอด้วยบุคคลอื่น๑๐. อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ ในเมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว อย่างที่เธอเป็นในวันนี้..💎 อุเบกขาบารมี ตัวนี้ พระองค์ทรงตรัสว่า : ตรงกับภาษาไทยที่ใช้กันเป็นปกติว่า " ช่างมัน " ขันติบารมีนี่ก็เหมือนกัน ใช้คำว่า " ช่างมัน " ตรงตัวดี..* นี่แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ทั้งหลายโดยถ้วนหน้า วันนี้ยังไม่สอนอะไรบรรดาท่านพุทธบริษัท เรามาคุยกันในคำว่า " บารมี " เสียก่อน เพื่อที่จะให้บรรดาพระโยคาวจรทั้งหลาย ได้ทราบชัดว่า.. บารมีที่องค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์ ให้เราสร้างให้มันเต็มนั้น ก็คือ สร้างกำลังใจ ปลูกฝังกำลังใจ ให้มันเต็มครบถ้วนบริบูรณ์สมบูรณ์.. 💎 ไม่ใช่ว่า เราจะมานั่งคิด จะมานอนคิด เราจะมาทรงจิตว่า เอ๊..! บารมีของเรามันไม่มีนี่ ชาติก่อนบารมีของเรามันไม่พอ บารมีของเรายังไม่เต็ม เราจะเป็นพระโสดาบัน สกิทาคา อนาคา อรหันต์ ยังไงได้..* ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย มีความเข้าใจตามนี้ พอยังจะรู้รึยังว่า.. เราจะสามารถะสร้างบารมีได้ ด้วยอาศัยกำลังใจ 💎 ความดีของบรรดาท่านพุทธบริษัท มีกำลังใจอย่างเดียวเท่านั้น ที่เราจะสามารถทำมันให้ดีหรือไม่ดี อันนี้ก็ตรงกับพระบาลีที่องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ในเรื่อง พระจักขุบาล ว่า.." มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนเสฏฐา มโนมยา "" ธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐสุด สำเร็จด้วยใจ " 💎 นี่ความจริง เรื่องนี้ก็เรียนกันมาแล้วท่านบรรดาพุทธบริษัท แต่เวลาปฏิบัติจริง ๆ ทำไมมันถึงลืมก็ไม่ทราบ..💎 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย หวังว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน คงจะเข้าใจคำว่า บารมี แล้วอย่าลืม บารมี แปลว่าเต็ม แต่ส่วนที่เราจะทำให้เต็มนั้นก็คือ กำลังใจ ให้กำลังใจมันพร้อม พร้อมที่จะทรงความดีในด้านบารมีไว้..💎 ถ้ากำลังใจของเราพร้อมทรงบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ครบถ้วนเพียงใด บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความเป็นพระอริยเจ้าเป็นของง่าย..* ที่นำบารมีทั้ง ๑๐ ประการ มากล่าวในตอนนี้ ก็เพราะว่า.. ในตอนต้น พูดเรื่องพระโสดาบันเข้าไว้ เห็นว่าบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายอาจจะคิดว่า.. แหม.. มันยากเกินไป ถ้ากำลังใจในการสร้างตนเป็นพระโสดาบัน มันยังครบถ้วนไม่ได้ ก็หันมาจัดการกับบารมีทั้ง ๑๐ ประการ ให้มันครบถ้วนบริบูรณ์..* ทาน การให้ เป็นการตัดความโลภ.* ศีล เราก็ตัดความโกรธ* เนกขัมมะ ตัดอารมณ์ของกามคุณ* ปัญญา ตัดความโง่* วิริยะ ตัดความขี้เกียจ* ขันติ ตัดความไม่รู้จักการอดทน* สัจจะ ตัดความไม่จริงใจ มีอารมณ์ใจกลับกลอก* อธิษฐาน ทรงกำลังไว้ให้สมบูรณ์บริบูรณ์* เมตตา สร้างความเยือกเย็นของจิตใจ* อุเบกขา วางเฉยเข้าไว้ในเรื่องของกาย เราไม่ปรารภ🌺 เท่านี้แหละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ถ้ากำลังใจของบรรดาท่านพุทธบริษัทสมบูรณ์เพียงใด คำว่า.. พระโสดาบัน นั้น บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย จะรู้สึกว่าง่ายเกินไปสำหรับบรรดาท่านพุทธบริษัท..🌼 ทำไมจึงว่าอย่างนั้น.. ก็เพราะว่า คนที่มีบารมีเต็มครบถ้วนบริบูรณ์ มีกำลังใจเต็มทุกอย่างใน ๑๐ ประการนี้ องค์สมเด็จพระชินสีห์บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เรียกว่า "พระโสดาบัน" แล้ว ท่านเรียกว่าอะไร.. ท่านเรียกว่า "พระขีณาสพ" แปลว่า ผู้มีอาสวะอันสิ้นไปแล้ว หรือเรียกว่า "พระอรหัตผล" เป็นพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนาอันดับสูงสุด เข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้..🌸 เอาละ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย วันนี้ก็ขอยุติไว้แต่เพียงเท่านี้..🌷 ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแด่บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนทุกท่าน สวัสดี..."( จากหนังสือ *บารมี ๑๐* โดย พระราชพรหมยานฯ หน้าที่ ๘-๑๖ ของวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี) #ที่มานิพพานังปรมังสุขัง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลอดชีวิตผม..ใช้เวลาศึกษา เสียเงินเสียทองไปจำนวนมาก..กับการพิสูจน์ ศาสตร์แขนงต่างๆ แทบทุกศาสนา เกือบ 30 ปีก่อน..บ้าขนาดไหน ทิ้งรายได้เดือนละเกือบแสนไปบวช เพื่อหาความจริง ว่า สิ่งที่เขาว่า หนีไปบวช สงบ อย่างโน่นนี่ จริงไหม...บวชอยู่เกือบ 3 เดือน เคร่งมาก รองเท้ายังไม่ใส่..และก็ได้คำตอบว่า ไม่ใช่...(มาได้คำตอบภายหลังว่า ถ้าจิตเราดี สงบ..ไม่ต้องอาศัยเครื่องแบบ หรือวัดเลย ที่ไหนก็ได้) พระเครื่องก็ไม่รู้กี่เกจิ...เทพเทวา สารพัดศาสนา..พิธีกรรมต่างๆอีกมากมาย ทั้งส่วนตัว ทั้งหมู่คณะ...ดูดวง ดูฮวงจุ้ย..ไหว้ผี ไหว้เทวดา ไปจนถึง หิน ต้นไม้ ของมงคลสารพัด อาบน้ำมนต์ ทำเทียน บังสกุล ไปยันวิธีดึงพลังจักรวาลเลย...และโดนนิสัยส่วนตัว...ไม่มีทางเอาความเชื่อ นำชีวิตเด็ดขาด..นอกจากเรื่อง บาปบุญ..ต้องเอาแบบที่พิสูจน์ได้จริง และทำเป็นสถิติ...ผู้เขียนค้นพบว่า...สิ่งที่ให้พลังได้จริง มีแค่ 5 หมวด คือ 1 .พลังจากธรรมชาติ 2. พลังจากบาปบุญของเรา 3.พลังพุทธคุณจากพระเครื่อง .พระบูชา..ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกเกจิ...ต้องเลือก..4 พลังจิต และสุดท้าย คือ พลังของตัวเลข.ที่ผู้เขียนพิสูจน์มา 10กว่าปี และทำสถิติไว้... .
    ตลอดชีวิตผม..ใช้เวลาศึกษา เสียเงินเสียทองไปจำนวนมาก..กับการพิสูจน์ ศาสตร์แขนงต่างๆ แทบทุกศาสนา เกือบ 30 ปีก่อน..บ้าขนาดไหน ทิ้งรายได้เดือนละเกือบแสนไปบวช เพื่อหาความจริง ว่า สิ่งที่เขาว่า หนีไปบวช สงบ อย่างโน่นนี่ จริงไหม...บวชอยู่เกือบ 3 เดือน เคร่งมาก รองเท้ายังไม่ใส่..และก็ได้คำตอบว่า ไม่ใช่...(มาได้คำตอบภายหลังว่า ถ้าจิตเราดี สงบ..ไม่ต้องอาศัยเครื่องแบบ หรือวัดเลย ที่ไหนก็ได้) พระเครื่องก็ไม่รู้กี่เกจิ...เทพเทวา สารพัดศาสนา..พิธีกรรมต่างๆอีกมากมาย ทั้งส่วนตัว ทั้งหมู่คณะ...ดูดวง ดูฮวงจุ้ย..ไหว้ผี ไหว้เทวดา ไปจนถึง หิน ต้นไม้ ของมงคลสารพัด อาบน้ำมนต์ ทำเทียน บังสกุล ไปยันวิธีดึงพลังจักรวาลเลย...และโดนนิสัยส่วนตัว...ไม่มีทางเอาความเชื่อ นำชีวิตเด็ดขาด..นอกจากเรื่อง บาปบุญ..ต้องเอาแบบที่พิสูจน์ได้จริง และทำเป็นสถิติ...ผู้เขียนค้นพบว่า...สิ่งที่ให้พลังได้จริง มีแค่ 5 หมวด คือ 1 .พลังจากธรรมชาติ 2. พลังจากบาปบุญของเรา 3.พลังพุทธคุณจากพระเครื่อง .พระบูชา..ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกเกจิ...ต้องเลือก..4 พลังจิต และสุดท้าย คือ พลังของตัวเลข.ที่ผู้เขียนพิสูจน์มา 10กว่าปี และทำสถิติไว้... .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาวิลิต ถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยยึดหลักพุทธศาสนาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
    👨‍🌾👩‍🌾

    เพราะสุขภาพดี มีขายที่บ้านนาวิลิต 💚💚
    #baannavilit #ข้าวสาร #ข้าวสารออร์แกนิค
    #ข้าวนาวิลิต #ข้าว #ออร์แกนิค #สุขภาพดี #คุณประโยชน์ #บ้านนาวิลิต #thaitimes
    🛒 Shopee >>> https://shopee.co.th/baannavilit
    นาวิลิต ถือกำเนิดเมื่อปี พ.ศ. 2543 โดยยึดหลักพุทธศาสนาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง 👨‍🌾👩‍🌾 เพราะสุขภาพดี มีขายที่บ้านนาวิลิต 💚💚 #baannavilit #ข้าวสาร #ข้าวสารออร์แกนิค #ข้าวนาวิลิต #ข้าว #ออร์แกนิค #สุขภาพดี #คุณประโยชน์ #บ้านนาวิลิต #thaitimes 🛒 Shopee >>> https://shopee.co.th/baannavilit
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ท่านจะสอนเสมอเรื่อง จิตวิเวก
    วิเวก ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสงัด ความปลีกออก เป็นความสงัดกาย สงัดใจ และสงัดจากกิเลส
    หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ท่านจะสอนเสมอเรื่อง จิตวิเวก วิเวก ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสงัด ความปลีกออก เป็นความสงัดกาย สงัดใจ และสงัดจากกิเลส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ท่านจะสอนเสมอเรื่อง จิตวิเวก
    วิเวก ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสงัด ความปลีกออก เป็นความสงัดกาย สงัดใจ และสงัดจากกิเลส
    หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ท่านจะสอนเสมอเรื่อง จิตวิเวก วิเวก ในทางพระพุทธศาสนา หมายถึง ความสงัด ความปลีกออก เป็นความสงัดกาย สงัดใจ และสงัดจากกิเลส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    ศาสนา​เป็นสถาบันนำวิญญาณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 🍁อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่างธ​รรมทาน #หลวงคำสอนหลวงพ่อ ๑.​ เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้๒.​ เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน๓.​ เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน🔸️เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิมในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม​ ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดี​พอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้กันใหม่ และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น​ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน ✅️#อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ✅️#และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง✅️#พยายามรักษาความดีปัจจุบัน​ ⭕️ ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบันคือ ให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คือ อารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม​ ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม​ ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ #เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ #ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ #ทรงอนุสสติ​ 🔺️ #อนุสสติ แปลว่า #การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ​ อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อยเสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป====================== จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๔๘-๕๘
    🍁อย่าลืมว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ได้เพราะอาศัยความดีหลายอย่างธ​รรมทาน #หลวงคำสอนหลวงพ่อ ๑.​ เราเคยมีศีล ๕ บริสุทธิ์ หรือมีกรรมบถ ๑๐ บริสุทธิ์ เราจึงเป็นมนุษย์ที่มีความสมบูรณ์ได้๒.​ เรามีทรัพย์สินเพราะเราเคยให้ทาน๓.​ เรามีปัญญาคิดอะไรได้บ้าง เพราะเราเคยอบรมในด้านความดี ในด้านธรรมมาก่อน🔸️เราต้องคำนึงของ ๓ อย่างนี้ เพราะมันเป็นความดีเดิมในเมื่อเราเป็นมนุษย์ได้แล้ว เราจะกลับไปเป็นสัตว์นรกอีกไหม​ ถ้าเราทำลายศีลข้อใดข้อหนึ่ง นั่นแสดงว่ามันจะกลับไปนรกอีก ประการที่ ๒ เราเกิดมาเป็นคนตระหนี่ เป็นคนดี​พอกลับไปเราก็ต้องกลับไปแก้กันใหม่ และประการที่ ๓ เราทำลายสติสัมปชัญญะของเราให้มันเสื่อมทรามลง เป็นการทำลายของเดิมที่เราก่อมาแล้วให้สลายตัวไป ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้น​ ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงทรงสั่งสอน ✅️#อย่าตามนึกถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้ว ✅️#และจงอย่าคำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง✅️#พยายามรักษาความดีปัจจุบัน​ ⭕️ ถ้าปัจจุบันของเราดี เพราะอารมณ์ของเราจริงๆไม่มีอดีตไม่มีอนาคตหรอก มันมีแต่ปัจจุบันคือ ให้มีความรู้สึกว่าเดี่ยวนี้อยู่เสมอ คือ อารมณ์ทำเป็นอาจิณกรรม ถึงแม้ว่าครั้งละเล็กละน้อยมันก็ชิน อาจิณกรรมถ้าเป็นฝ่ายอกุศล มันมีโทษถึงอนันตริยกรรมได้ แต่ถ้าอาจิณกรรมฝ่ายกุศลมันก็มีผลมหันต์เหมือนกัน ถ้าเราไม่ตามนึกถึงมัน เรามุ่งหน้าทำแต่ความดี อันดับเลวที่สุดถ้าเราเป็นพระโสดาบัน กรรมที่ไม่ดีนั้นจะให้ผลลงอบายภูมิไม่ได้ มันจะให้ผลแต่เพียงว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ใหม่เท่านั้น มันตัดอบายภูมิ ใช่ไหม​ ได้กำไรตั้งเยอะ ดีไม่ดีเป็นอรหันต์เสียชาตินี้หมดเรื่องหมดราวไปเลย เพราะมันเหลือแค่เศษกรรม ใช่ไหม​ ดอกเบี้ยมันนิดหน่อย เอาอย่างนั้นนะ จำไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ #เอาเวลานี้ให้มันดีอยู่เสมอ อย่าไปเอาเวลาอื่นนะ เวลาปัจจุบันนี้เมื่อความรู้สึกยังมีอยู่ #ให้จิตมันว่างจากอารมณ์ที่เป็นอกุศล ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนให้ #ทรงอนุสสติ​ 🔺️ #อนุสสติ แปลว่า #การตามนึกถึง คือให้นึกถึงความดีอยู่เสมอ​ อนุสสติ ก็มี พุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ มรณานุสสติ กายคตานุสสติ อุปสมานุสสติ และ อานาปานุสสติ ถ้าเราตามนึกถึงอนุสสติอย่างใดอย่างหนึ่ง มันเป็นเรื่องของความดี ทีนี้ความดีที่เราจะไปชำระหนี้ความชั่วเดิมให้หมดไป ถ้าจะไปนิพพานรับรองไม่ได้ไปแน่เพราะอะไร เกิดทุกชาติก็สร้างเรื่อยเสริมความชั่วอยู่เสมอ ทีนี้ทางพระพุทธศาสนาเราไม่มีการล้างบาป แต่ว่าในทางพุทธศาสนาให้สร้างกำลังจิตในด้านความดีให้มีกำลังสูงเพื่อหนีบาปให้พ้นไป====================== จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓ หน้า ๔๘-๕๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    ภพชาติ …มีจริง บทความจากพระราชญาณกวี (ท่านปิยโสภณ)ภพชาติ มีจริง ชีวิตมีอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ภพชาติก็มีทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคตภพชาติเกิดจากการเดินทางของจิตโดยพลังงานของกรรมที่เกิดจากทำ พูด คิดบรรจุไว้ในจิต เมื่อร่างสลายตายไป จิตก็เดินทางต่อไปเหนี่ยวร่างใหม่ คือ ถือกำเนิดใหม่ กำเนิดที่ได้ใหม่นี้ขึ้นอยู่กับแรงบุญหนุนนำ แรงกรรมนำส่งให้ไปเกิดในภพภูมิที่ดีหรือไม่ดี ได้ร่างกายดีหรือไม่ดีต่างกันเมื่อได้ร่างก็ได้ภพ ได้อายุขัย ระหว่างร่างมีชีวิต มนุษย์ก็ลืมอดีตชาติที่ผ่านมาทุกอย่าง ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด ไม่ว่าภาษา วิชาความรู้ เพราะระหว่างที่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากสมองเล็กและอวัยวะทุกส่วนยังไม่สมบูรณ์ เราจึงจำอะไรไม่ได้อาจมีบ้างที่บางคนจำอดีตชาติได้ เพราะบุญกรรมที่มากับวิญญาณนั้นทำงานได้ดีทำให้ทักทายเรื่องอดีตได้ถูกต้อง เช่นเด็กระลึกชาติได้ มีหลายคน หลายชาติหลายศาสนาการระลึกชาติหรือจำอดีตชาติได้เป็นเรื่องดี ถ้ามีสติระลึก การที่ธรรมชาติทำให้เราลืมเรื่องในอดีตก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าจำได้หมด มนุษย์อาจตกใจว่าใครเคยเป็นหนี้ใคร ใครเคยเป็นเจ้าของใคร เคยเป็นพ่อแม่ลูก เคยทำกรรมกับใครไว้ ใครเป็นสามีภรรยาของใครถ้าจำได้มากชาติ อาจเกิดความโกลาหลขึ้นมาในชีวิตได้ ถึงขนาดทำใจไม่ได้ ฉะนั้น การลืมภพชาติได้เสียบ้าง น่าจะเป็นการดีเราอย่าไปทำอะไรที่ธรรมชาติจัดสรรดีแล้วให้เป็นเรื่องยุ่งยาก เช่น เที่ยวตามหาคนรักในอดีตชาติ ตามหาสามีในอดีตชาติ พอได้พบก็สายเสียแล้ว เนื่องจากคนอื่นเป็นเจ้าของไปเสียแล้ว ก็ต้องมานั่งเสียใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 139 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts