• ✨วันนี้ในอดีต ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓✨เสด็จพระราชดำเนินบริเวณพื้นที่หนองหมาคาบปลา บ้านจำปา ต.หนองลาด และ อ่างเก็บน้ำหนองแบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านวาริชภูม ต.วาริชภูม อ.วาริชภูม จ.สกลนคร Cr. Pinterest #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #22พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓✨เสด็จพระราชดำเนินบริเวณพื้นที่หนองหมาคาบปลา บ้านจำปา ต.หนองลาด และ อ่างเก็บน้ำหนองแบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ บ้านวาริชภูม ต.วาริชภูม อ.วาริชภูม จ.สกลนคร Cr. Pinterest #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #22พฤศจิกายน
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓✨เสด็จฯ ไปยังบ้านโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถุงของขวัญแก่นาวิกโยธินและตำรวจตระเวนชายแดน สิ่งของเครื่องอุปโภคแก่ราษฎร และเครื่องเรียนให้แก่นักเรียน แล้วเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท cr : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #21พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๓✨เสด็จฯ ไปยังบ้านโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานถุงของขวัญแก่นาวิกโยธินและตำรวจตระเวนชายแดน สิ่งของเครื่องอุปโภคแก่ราษฎร และเครื่องเรียนให้แก่นักเรียน แล้วเสด็จฯ ไปทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท cr : หอจดหมายเหตุแห่งชาติ จันทบุรี #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #21พฤศจิกายน
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙✨เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรโครงการชลประทานต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอกุดบาก อำเภอวาริชภูมิ และอำเภอพังโคน รวมถึงทรงเยี่ยมทหารและราษฎรในเขตอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #20พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๙✨เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ จังหวัดสกลนคร เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตรโครงการชลประทานต่าง ๆ ในพื้นที่อำเภอกุดบาก อำเภอวาริชภูมิ และอำเภอพังโคน รวมถึงทรงเยี่ยมทหารและราษฎรในเขตอำเภอนาแก จังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #20พฤศจิกายน
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨ขณะยังทรงผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จพระราชดำเนินมาถวายสักการะบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ เวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม cr : สำนักประชาสัมพันธ์เขต ๘ กรมประชาสัมพันธ์ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #19พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨ขณะยังทรงผนวช ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เสด็จพระราชดำเนินมาถวายสักการะบูชาพระร่วงโรจนฤทธิ์ เวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม cr : สำนักประชาสัมพันธ์เขต ๘ กรมประชาสัมพันธ์ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #19พฤศจิกายน
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียน ตชด.บ้านตาเรือง ตำบลทรายขาว อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเขียนและแบบเรียนแก่นักเรียนชายหญิงและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค Cr. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #18พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๑๔✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมโรงเรียน ตชด.บ้านตาเรือง ตำบลทรายขาว อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเขียนและแบบเรียนแก่นักเรียนชายหญิงและทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่ประสบอุทกภัย ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องอุปโภคบริโภค Cr. กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #18พฤศจิกายน
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨ "โถ...อุตส่าห์มาตั้งไกล คงจะเมื่อยและเหนื่อยมาก" หญิงชราผู้มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จกราบบังคมทูล พลางนวดถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ณ จังหวัดอุบลราชธานี Cr. Queen Sirikit Museum of Textiles / หนังสือศิลปาชีพ: พระหัตถ์ที่ทรงงานเพื่อแผ่นดิน #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #17พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨ "โถ...อุตส่าห์มาตั้งไกล คงจะเมื่อยและเหนื่อยมาก" หญิงชราผู้มาเข้าเฝ้าฯ รับเสด็จกราบบังคมทูล พลางนวดถวาย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ ณ จังหวัดอุบลราชธานี Cr. Queen Sirikit Museum of Textiles / หนังสือศิลปาชีพ: พระหัตถ์ที่ทรงงานเพื่อแผ่นดิน #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #17พฤศจิกายน
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล
    .
    ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
    .
    วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112
    .
    "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว
    .
    นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา
    .
    ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ
    ..............
    Sondhi X
    ทักษิณ-ธนาธร โต้เดือด อย่ารื้อโครงสร้าง ม.112 สวนกลับไม่เคยพูด-ตั้งแง่ร่วมรัฐบาล . ทักษิณให้สัมภาษณ์พาดพิงธนาธร เคยคุยเรื่องมาตรา 112 ว่าตัวเองก็โดน ขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ด้านธนาธรโต้ไม่เคยคุยเรื่องนี้กับทักษิณ และไม่ใช่เงื่อนไขร่วมรัฐบาล ทักษิณก็รู้ดี เหน็บแทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา . วันนี้ (15 พ.ย.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊ก ตอบโต้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พาดพิงเรื่องแก้ไขมาตรา 112 ว่า นายทักษิณรู้ดีที่สุด ว่าเหตุผลที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยไม่ได้ร่วมรัฐบาลกัน ไม่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 สิ่งที่นายทักษิณกล่าว อาจทำให้คนทั่วเข้าใจไปได้ว่า ตนเคยคุยกับคุณทักษิณเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 หรือมีความคิดรุนแรงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งในความเป็นจริงเราไม่ได้พูดคุยตกลงอะไรกันเรื่องนี้เลย การพูดคลุมเครือยังเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งต่อพรรคก้าวไกลและพรรคประชาชน เพื่อพยายามสร้างความเข้าใจในหมู่ประชาชนว่าเหตุที่ดีลร่วมรัฐบาลล่ม เป็นเพราะพรรคก้าวไกลไม่ยอมลดราวาศอกเรื่อง 112 . "มาตรา 112 ไม่ใช่เงื่อนไขการร่วมรัฐบาล ไม่ใช่ว่าพรรคก้าวไกลเสนอให้การแก้ไขมาตรา 112 เป็นเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาล และเมื่อถูกทักท้วงจากพรรคเพื่อไทยและพรรคอื่นแล้วก็ไม่ยอมถอย มาตรา 112 ไม่เคยอยู่ในเงื่อนไขตั้งแต่แรกต่างหาก ไม่มีอยู่ในเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลที่เซ็นร่วมกันและเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะ คุณทักษิณรู้ดีที่สุด ไม่ใช่แกนนำพรรคก้าวไกลมุทะลุ ไม่มีวุฒิภาวะ แต่มีเหตุผลอื่นที่จะไม่ร่วมกัน แล้วใช้มาตรา 112 เป็นข้ออ้างต่างหาก ในทางกลับกัน คุณทักษิณเอง น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา" นายธนาธร กล่าว . นายธนาธร กล่าวว่า ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกล ไม่เคยโฆษณาหรือใช้เรื่องมาตรา 112 เป็นประเด็นหลักในการรณรงค์เพื่อคะแนนนิยมในการเลือกตั้ง ซึ่งจะตอบหรือพูดเรื่องมาตรา 112 เมื่อถูกสื่อมวลชนหรือประชาชนถามเท่านั้น ตนทราบดีว่าการแก้ไขปัญหาโครงสร้างที่สั่งสมมาหลายสิบปีของประเทศไม่ใช่สิ่งที่ลัดขั้นตอนได้ แต่ต้องทำงานความคิดอย่างหนักและต่อเนื่อง เพื่อให้สังคมเห็นชอบร่วมกัน และแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตนเห็นว่าถ้าไม่แก้ปัญหาโครงสร้าง ก็ปะผุประเทศไทยกันต่อไป ประเทศจะเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน มีแต่การให้คนในสังคมมีวุฒิภาวะพอ กล้ายอมรับปัญหา เผชิญหน้า และค่อยๆ พูดคุยหาทางออกร่วมกัน . ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายทักษิณให้สัมภาษณ์ระหว่างช่วยหาเสียงตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ว่า คดีมาตรา 112 เป็นเรื่องที่พรรคร่วมรัฐบาลให้สัตยาบันไว้ว่า จะเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ จะไม่แตะเรื่อง 112 แต่จริงๆ แล้วปัญหาอยู่ที่การบังคับใช้กฎหมาย ตนก็เป็นเหยื่อรายหนึ่ง ในการบังคับใช้กฎหมาย มาตรา 112 คนที่รับคดีครั้งแรกบอกว่าเดี๋ยวจะหาว่าไม่จงรักภักดี ฟ้องไปก่อน ทั้งที่หลักฐานไม่มี คนที่สองไม่ฟ้องเดี๋ยวโดนอีก ก็ฟ้อง โดยที่ไม่ได้ดูความถูกต้องของพยานหลักฐาน จึงทำให้การจงรักภักดีและรักสถาบันฯ ไม่ถูกต้อง การจงรักภักดีที่ถูกต้อง คือการรักษากฎหมายที่เป็นธรรม เป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข แต่ก็ไม่ง่ายในการแก้ซึ่งต้องใช้เวลา . ผู้สื่อข่าวถามว่า ในแต่ละเหตุการณ์มีบริบทเหมือนหรือต่างกันอย่างไร ทั้งเหตุการณ์รัฐประหารปี 2549, 2557 จนถึงพรรคการเมืองโดนยุบเพราะมีนโยบายแก้ไขมาตรา 112 นายทักษิณ กล่าวว่า จริงๆ แล้วตนเคยคุยกับนายธนาธร ว่าตนก็โดน 3 พรรค ต้องไปอยู่ต่างประเทศ 17 ปี ดังนั้นขอให้ช่วยทำงานให้บ้านเมือง อย่าพยายามไปรื้อโครงสร้างให้มากเกินไป ถ้าแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้จะดีที่สุด อย่าไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่คนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบันฯ เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ตนไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกลไม่จงรักภักดี แต่ต้องยึดหลักให้ถูกต้อง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดที่โฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจที่จะทำ .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 939 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสภาพคลองเจ๊ก คลองบางจาก และคลองบางอ้อ บริเวณที่ตัดกับทางด่วนพิเศษ ซึ่งคลองสายต่างๆ ดังกล่าวเป็นคลองที่ชักน้ำจากพื้นที่บริเวณที่มีสภาพน้ำท่วมขังอยู่สองฝั่งถนนสุขุมวิทระหว่างคลองพระโขนง กับทางหลวงสายบางนา-ตราด ผ่านท่อลอดทางด่วนพิเศษ แล้วระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยการระบายน้ำทางประตูระบายน้ำที่ทำนบคลองเจ๊ก ทำนบคลองบางจาก และทำนบคลองบางอ้อ ตลอดจนการสูบน้ำด้วย Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนีัในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #ข่าวในพระราชสํานัก #save112
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรสภาพคลองเจ๊ก คลองบางจาก และคลองบางอ้อ บริเวณที่ตัดกับทางด่วนพิเศษ ซึ่งคลองสายต่างๆ ดังกล่าวเป็นคลองที่ชักน้ำจากพื้นที่บริเวณที่มีสภาพน้ำท่วมขังอยู่สองฝั่งถนนสุขุมวิทระหว่างคลองพระโขนง กับทางหลวงสายบางนา-ตราด ผ่านท่อลอดทางด่วนพิเศษ แล้วระบายลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยการระบายน้ำทางประตูระบายน้ำที่ทำนบคลองเจ๊ก ทำนบคลองบางจาก และทำนบคลองบางอ้อ ตลอดจนการสูบน้ำด้วย Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนีัในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #ข่าวในพระราชสํานัก #save112
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง

    13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท

    กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี

    ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด

    ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี

    เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

    แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ

    ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง

    ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ

    ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ

    โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette

    #Thaitimes
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา"ฟ้อง"ณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง 13 พฤศจิกายน 2567- เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ พ1135/2564 ที่ ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต เป็นโจทก์ฟ้อง ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง ผู้เขียนวิทยานิพนธ์และหนังสือ เป็นจำเลยที่ 1 รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด อดีตอาจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ เป็นจำเลยที่ 2 นายชัยธวัช ตุลาธน บรรณาธิการหนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ เป็นจำเลยที่ 3 น.ส.อัญชลี มณีโรจน์ บรรณาธิการหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี เป็นจำเลยที่ 4 ห้างหุ้นส่วนจำกัดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ผู้จัดพิมพ์หนังสือทั้ง 2 เล่ม เป็นจำเลยที่ 5 นายธนาพล อิ๋วสกุล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นจำเลยที่ 6 ในข้อหา “ละเมิดไขข่าวด้วยข้อความฝ่าฝืนความจริง” และเรียกค่าเสียหายจำนวน 50 ล้านบาท กรณีจำเลยเกี่ยวข้องกับวิทยานิพนธ์ การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500), หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อและ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี ต่อมาเมื่อเดือน มิถุนายน 2566 โจทก์ได้ถอนฟ้อง รศ.ดร.กุลลดา เกษบุญชู มี้ด ศาลแพ่ง พิเคราะห์ประเด็นข้อพิพาทที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดฐานละเมิดโดยอ้างว่าร่วมกันกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง เกียรติคุณ ทางทำมาหาได้ และทางเจริญของโจทก์ การกระทำจะเป็นการละเมิดและจำเลยทั้งหกต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์ ต่อเมื่อข้อความที่กล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายฝ่าฝืนความจริงและโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ซึ่งหมายถึงเป็นความเสียหายแก่โจทก์ผู้ฟ้องโดยเฉพาะ มิใช่ความเสียหายแก่ผู้อื่นผู้ใด แต่ตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์กล่าวว่าเมื่อปี 2552 จนถึงปัจจุบัน จำเลยทั้งหกร่วมกันบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์โดยนำข้อความอันเป็นเท็จจัดทำเอกสารไขข่าวแพร่หลายสู่สาธารณะเพื่อมุ่งประสงค์กล่าวหาให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์โดยทำเป็นกระบวนการเพื่อใช้ในการปลุกระดมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เริ่มจากจำเลยที่ 1 โดยความเห็นชอบและร่วมมือของจำเลยที่ 2 ปั้นแต่งความเท็จขึ้นใส่ความสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ขณะที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการว่าทรงประพฤติตนไม่สมต่อตำแหน่งหน้าที่ ทั้งการใช้พระราชอำนาจสนับสนุนรับรองการรัฐประหารปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการปกครองในสมัยรัฐบาลจอมพล ป.เพื่อปูทางการเมืองที่ราบรื่นให้แก่สถาบันกษัตริย์ โดยเจตนาเพื่อให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ด้วยการทำวิทยานิพนธ์ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ และโจทก์ได้บรรยายฟ้องระบุถึงข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ หน้า 63 วรรคแรก และหน้า 105 วรรคแรก และบรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำข้อความอันเป็นเท็จในวิทยานิพนธ์ไปพูดในการเสวนาที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2553 กล่าวหากรมขุนชัยนาทนเรนทรว่าก้าวก่ายรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ด้วยการเข้าไปนั่งเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี อันเป็นความเท็จ และเมื่อปี 2556 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขอฝันใฝ่ในผันอันเหลือเชื่อ : ความเคลื่อนไหวของขบวนการปฏิปักษ์ปฏิวัติสยาม (พ.ศ.2475-2500) เนื้อหาโจมตีให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่รัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 9) ต่อเนื่องจนถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ด้วยความเท็จ และโจทก์บรรยายฟ้องถึงข้อความอันเป็นเท็จ เนื้อหาหน้า 120 -121 และหน้า 124-125 และเมื่อปี 2563 จำเลยที่ 1 เขียนหนังสือ ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี กล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และมีข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์และสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หลายแห่ง และโจทก์บรรยายฟ้องข้อความอันเป็นเท็จที่หน้า 60,63,66,73,77และข้อความเท็จใต้ภาพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร หน้า 69 และโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 แต่งความเท็จใส่ร้ายกล่าวหาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ในหนังสือต่างประเทศที่จำหน่ายทั่วโลก ชื่อ “Saying the Unsayable Monarchy and Democracy in Thailand” ใส่ร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรว่ามีส่วนร่วมในการรัฐประหาร ปี 2490 แทรกแซงการเมืองโดยการเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อข้อความอันเป็นเท็จตามคำบรรยายฟ้องของโจทก์ มิได้กล่าวพาดพิงถึงโจทก์หรือความเป็นอยู่ส่วนตัวของโจทก์และครอบครัว ทั้งเรื่องการรับรองรัฐประหาร ปี 2490 และการเข้าแทรกแซงการเมืองสมัยรัฐบาลจอมพล ป.พิบูลสงคราม ก็ไม่ปรากฏว่ามีความเกี่ยวข้องกับโจทก์ อันจะทำให้ผู้ที่อ่านข้อความในวิทยานิพนธ์และในหนังสือที่จำเลยที่ 1 เขียนดังกล่าวเข้าใจผิดในตัวโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็บรรยายฟ้องว่าการที่จำเลยที่ 1 เขียนข้อความเท็จในวิทยานิพนธ์และหนังสือดังกล่าว ทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เป็นผู้ไม่นิยมการปกครองระบอบประชาธิปไตย ฝักใฝ่อำนาจทางการเมือง สนับสนุนการรัฐประหาร กระทำการก้าวก่ายการบริหารราชการของรัฐบาล ฟ้องของโจทก์จึงมิได้กล่าวอ้างว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากข้อความดังกล่าว ทั้งการบรรยายฟ้องของโจทก์ที่ระบุว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้รับความเสียหาย แต่เมื่อสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ได้สิ้นพระชนม์แล้วก่อนที่จะมีการกระทำอันเป็นละเมิดตามคำฟ้อง จึงเป็นฟ้องที่กล่าวอ้างว่ามีการกระทำละเมิดต่อหรือความเสียหายของผู้ที่ไม่มีสภาพบุคคลแล้ว แม้โจทก์เป็นหลานของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งสิ้นพระชนม์แล้วและข้อความกล่าวพาดพิงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แม้หากฟังได้ว่าข้อความดังกล่าวบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามที่โจทก์บรรยายฟ้อง และทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ก็ไม่ได้เสียหายต่อโจทก์ทายาทชั้นหลานด้วย เพราะข้อความตามคำบรรยายฟ้องมิได้กล่าวหรือแสดงเรื่องราวที่ไม่ตรงต่อความจริงเกี่ยวกับโจทก์และครอบครัวและไม่ได้สื่อความหมายเกี่ยวกับโจทก์ ซึ่งโจทก์ก็เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านว่าหนังสือขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี หนังสือขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ รวมถึงวิทยานิพนธ์ของจำเลยที่ 1 กล่าวถึงสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ไม่ได้กล่าวถึงโจทก์และทายาทของโจทก์ ข้อเท็จจริงตามข้อความในวิทยานิพนธ์ดังกล่าวจะเป็นความจริงหรือไม่ โจทก์ไม่ทราบเนื่องจากขณะนั้นโจทก์ยังไม่เกิด ดังนั้น เมื่อข้อความที่จำเลยที่ 1 แสดงในวิทยานิพนธ์ ในหนังสือ และที่จำเลยที่ 1 นำไปพูดตามคำฟ้องไม่ได้สื่อความหมายถึงโจทก์ ย่อมไม่อาจทำให้ผู้อ่านหรือผู้ฟังเข้าใจผิดในตัวโจทก์ซึ่งเป็นทายาทชั้นหลานอันจะทำให้โจทก์เสียชื่อเสียงหรือเกียรติคุณ และทางทำมาหาได้หรือทางเจริญ ส่วนที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมและอาฆาดมาดร้ายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยมีผู้นำสีแดงมาสาดใส่ที่พระอนุสาวรีย์ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทรซึ่งประดิษฐานอยู่ที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น เหตุการณ์ตามภาพข่าวและสถานที่เกิดเหตุไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์ ไม่ปรากฏว่าบุคคลผู้ก่อเหตุเป็นใครและการกระทำสืบเนื่องมาจากสาเหตุใด และที่โจทก์เบิกความว่ามีการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนที่ถนนวิภาวดีรังสิตปลุกระดมให้มีการยกเลิกชื่อถนนซึ่งเป็นพระนามของพระเจ้าวงวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิภาวดีรังสิต ก็มิได้ระบุว่าเป็นการชุมนุมปลุกระดมสืบเนื่องจากข้อความในวิทยานิพนธ์หรือในหนังสือคดีนี้และไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเสียหายของโจทก์โดยตรง ทั้งการฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์ โจทก์เบิกความตอบทนายจำเลยที่ 1 ถามค้านถึงมูลเหตุที่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 50,000,000 บาท เนื่องจากสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ทรงทำคุณความดีและประโยชน์ให้ประเทศไทยเป็นจำนวนมากมายมหาศาล การฟ้องเรียกค่าเสียหายของโจทก์จึงมิได้มีความสัมพันธ์กับที่โจทก์ระบุในฟ้องว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย ดังนั้น โจทก์จึงมิใช่ผู้ได้รับความเสียหายจากข้อความของจำเลยที่ 1 ตามคำฟ้องและไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิ ส่วนที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงตามคำฟ้องทำให้ราชสกุลรังสิต รวมถึงโจทก์ผู้สืบราชสกุลและเป็นผู้แทนราชสกุลได้รับความเสียหายนั้น เห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์มิได้ว่าระบุว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นในราชสกุลรังสิตด้วย ทั้งราชสกุลรังสิตก็ไม่ปรากฏว่ามีสภาพบุคคลตามกฎหมายทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายคดีนี้ในฐานะส่วนตัว มิได้เป็นการฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากบุคคลอื่นด้วย โจทก์จึงมิอาจกล่าวอ้างความเสียหายของราชสกุลรังสิตซึ่งไม่มีสภาพบุคคล ส่วนที่โจทก์ฟ้องและเบิกความว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาต่อมูลนิธิวิภาวดีรังสิต ที่โจทก์เป็นประธานและมูลนิธิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ซึ่งโจทก์เป็นกรรมการ กระทบต่อการหารายได้โดยการรับบริจาคเงินจากสาธารณชนซึ่งรายได้นำไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสนั้น เมื่อมูลนิธิดังกล่าวมีสภาพเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายต่างหากจากโจทก์ และโจทก์ฟ้องคดีนี้ในฐานะส่วนตัวไม่ได้ฟ้องโดยได้รับมอบอำนาจจากมูลนิธิ โจทก์จึงไม่อาจอ้างว่ามูลนิธิดังกล่าว ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีนี้ได้รับความเสียหายเพื่อให้มีการใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ได้ถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง เมื่อฟังว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นอื่นต่อไป พิพากษายกฟ้อง https://mgronline.com/crime/detail/9670000109449#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ศาลแพ่งยกฟ้อง "ม.ร.ว.ปรียนันทนา" ฟ้อง"ณัฐพล-ฟ้าเดียวกัน" เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ ชี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
    ศาลแพ่งยกฟ้อง ม.ร.ว.ปรียนันทนาฟ้องณัฐพล-สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เขียนวิทยานิพนธ์-ทำหนังสือ พาดพิงบรรพบุรุษ เรียก 50 ล้าน ชี้ไม่มีอำนาจฟ้อง
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 547 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ อายุ ๑๐๒ ปี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #13พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๘✨แม่เฒ่าตุ้ม จันทนิตย์ อายุ ๑๐๒ ปี ทูลเกล้าฯ ถวายดอกบัว ในโอกาสเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดนครพนม #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #13พฤศจิกายน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๘✨

    เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร

    Cr. เฟซบุ๊ก Pattarapong Arm

    #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #12พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒๘✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการดำเนินงานของศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร Cr. เฟซบุ๊ก Pattarapong Arm #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #12พฤศจิกายน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓✨

    เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงร่วมในพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๓

    Cr. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #11พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๓✨ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงร่วมในพระราชพิธีราชาภิเษกของสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งญี่ปุ่น ระหว่างวันที่ ๑๑ ถึง ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๓ Cr. สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #11พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨💜🎨🪱 ร้านภูฟ้าได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ให้นำภาพฝีพระหัตถ์ งูตัวเล็ก พร้อมพรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยทุกคนนำมาพิมพ์ลงบนบัตร ส.ค.ส. เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตในปี “มะเส็ง งูเล็ก” ๒๕๖๘ นี้

    สำหรับภาพฝีพระหัตถ์เป็นภาพ “งูขึ้นกระได” ตัวเล็กๆ ยิ้มหวานหน้าตาน่ารัก ขณะที่พรพระราชทาน มีใจความว่า

    “ปีมะเส็ง ปีงูเล็ก ๒๕๖๘
    งูขึ้นกระได : ชีวิตก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
    ปีมะเส็งคิดดูคืองูเล็ก
    ผู้ใหญ่เด็กยินดีกันทั่วหน้า
    เราเคยเล่นเกมส์กันแต่ก่อนมา
    เรียกกันว่าเล่นงูตกกระได
    แต่ปีนี้ชีวีจะมีสุข
    ยังมีทุกข์กันอยู่ก็สู้ไหว
    เรามีแต่ขึ้นบันไดสูงขึ้นไป
    งูช่วยเราให้กายใจสบายเอย”

    #ลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว
    #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์
    ✨💜🎨🪱 ร้านภูฟ้าได้ขอพระราชทานพระราชานุญาต ให้นำภาพฝีพระหัตถ์ งูตัวเล็ก พร้อมพรพระราชทานของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งพระราชทานแก่พสกนิกรชาวไทยทุกคนนำมาพิมพ์ลงบนบัตร ส.ค.ส. เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตในปี “มะเส็ง งูเล็ก” ๒๕๖๘ นี้ สำหรับภาพฝีพระหัตถ์เป็นภาพ “งูขึ้นกระได” ตัวเล็กๆ ยิ้มหวานหน้าตาน่ารัก ขณะที่พรพระราชทาน มีใจความว่า “ปีมะเส็ง ปีงูเล็ก ๒๕๖๘ งูขึ้นกระได : ชีวิตก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ปีมะเส็งคิดดูคืองูเล็ก ผู้ใหญ่เด็กยินดีกันทั่วหน้า เราเคยเล่นเกมส์กันแต่ก่อนมา เรียกกันว่าเล่นงูตกกระได แต่ปีนี้ชีวีจะมีสุข ยังมีทุกข์กันอยู่ก็สู้ไหว เรามีแต่ขึ้นบันไดสูงขึ้นไป งูช่วยเราให้กายใจสบายเอย” #ลมฝนบนฟ้ามาลิ่ว #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓✨

    ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร ตลอดจนมีพระราชดำรัสกับพระอาจารย์แสวง เจ้าอาวาสวัดโพธิสมพร บ้านโพนงาม ตำบลนาม่อง อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการกุดบาก ซึ่งเป็นโครงการของวัดสำหรับให้การบริการแก่ราษฎรในหมู่บ้าน ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้คณะแพทย์พระราชทานที่โดยเสด็จพระราชดำเนินรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #10พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๓✨ ทรงพระราชปฏิสันถารกับราษฎร ตลอดจนมีพระราชดำรัสกับพระอาจารย์แสวง เจ้าอาวาสวัดโพธิสมพร บ้านโพนงาม ตำบลนาม่อง อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรโครงการกุดบาก ซึ่งเป็นโครงการของวัดสำหรับให้การบริการแก่ราษฎรในหมู่บ้าน ในการนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้คณะแพทย์พระราชทานที่โดยเสด็จพระราชดำเนินรักษาพยาบาลราษฎรผู้เจ็บป่วย Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #10พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 200 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพหาชมยาก

    ภาพบน ภรรยาพระเจ้าแผ่นดิน ทั้ง สองรัชกาล

    ขวา : สมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙

    กลาง : สมเด็จนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗

    ซ้าย : พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษษา พระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๕

    ภาพล่าง

    ขวา พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕

    กลาง สมเด็จพระเจ้าภคิณี เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๖

    ซ้าย สมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ ๙

    ด้านหลัง สมเด็จพระศรีฯ คือ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชการที่ ๖

    จะเห็นว่า มีการยืนลำดับพระยศ ได้อย่างเกรงพระองค์กันทุกองค์ ด้วย พระราชีนีนาภ รัชกาลที่ ๙ พระชนมายุน้อยที่สุด ก็ทรงยืนเกรงพระองค์อื่นตามพระชันษา 🥰🥰🥰 พระองค์อื่น เลยทรงต้อง พยายามยืนเอียงเรียงปลายพระบาท กัน (หาภาพเต็มไม่เจอ) ถ้าใครเจอ กรุณาโพลต์ในคอมเมนต์ด้วยครับ ผมว่า เป็นการอ้อนน้อมถอมตน ที่งดงาม
    #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
    🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭
    ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️
    ╔══╗
    ╚╗╔╝
    ╔╝(¯`v´¯)
    ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์
    ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    ภาพหาชมยาก ภาพบน ภรรยาพระเจ้าแผ่นดิน ทั้ง สองรัชกาล ขวา : สมเด็จนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ ๙ กลาง : สมเด็จนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในรัชกาลที่ ๗ ซ้าย : พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าวาปีบุษษา พระราชธิดา ในรัชกาลที่ ๕ ภาพล่าง ขวา พระเจ้าบรมวงค์เธอ พระองค์เจ้าเหมวดี พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๕ กลาง สมเด็จพระเจ้าภคิณี เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ พระราชธิดาในรัชกาลที่ ๖ ซ้าย สมเด็จพระศรีนครินทรา พระบรมราชชนนี ในรัชกาลที่ ๙ ด้านหลัง สมเด็จพระศรีฯ คือ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ในรัชการที่ ๖ จะเห็นว่า มีการยืนลำดับพระยศ ได้อย่างเกรงพระองค์กันทุกองค์ ด้วย พระราชีนีนาภ รัชกาลที่ ๙ พระชนมายุน้อยที่สุด ก็ทรงยืนเกรงพระองค์อื่นตามพระชันษา 🥰🥰🥰 พระองค์อื่น เลยทรงต้อง พยายามยืนเอียงเรียงปลายพระบาท กัน (หาภาพเต็มไม่เจอ) ถ้าใครเจอ กรุณาโพลต์ในคอมเมนต์ด้วยครับ ผมว่า เป็นการอ้อนน้อมถอมตน ที่งดงาม #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ 🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭 ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️ ╔══╗ ╚╗╔╝ ╔╝(¯`v´¯) ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์ ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨

    เสด็จลงบริเวณหน้าพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงถวายภัตตาหารบิณฑบาต แก่ สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระญาณสังวร พระภิกษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระสหจรและพระภิกษุอื่น ๆ

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ
    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #9พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨ เสด็จลงบริเวณหน้าพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน เพื่อทรงถวายภัตตาหารบิณฑบาต แก่ สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จพระญาณสังวร พระภิกษุสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระสหจรและพระภิกษุอื่น ๆ Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #9พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐✨

    ทรงเยี่ยมราษฎรบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตาดไฮใหญ่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ

    #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #8พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๐✨ ทรงเยี่ยมราษฎรบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยตาดไฮใหญ่ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #save112 #8พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨

    มีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎร ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณวัดโพธิ์ศรี หมู่ ๒ ตำบลสร้างค้อ อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #7พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨ มีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎร ในโอกาสที่เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรในบริเวณวัดโพธิ์ศรี หมู่ ๒ ตำบลสร้างค้อ อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #7พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨

    พระราชพิธีทรงผนวชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

    cr : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #6พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨ พระราชพิธีทรงผนวชสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม cr : สำนักหอจดหมายเหตุแห่งชาติ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #6พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท
    #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
    🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭
    ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️
    ╔══╗
    ╚╗╔╝
    ╔╝(¯`v´¯)
    ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์
    ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    น้อมศิระกราน กราบแทบพระยุคลบาท #ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้ 🙏🏻🧡🙏🏻🇹🇭 ❤️ #ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ❤️ ╔══╗ ╚╗╔╝ ╔╝(¯`v´¯) ╚══`.¸. #สถาบันพระมหากษัตริย์ ❤️ #รักราชวงค์จักรีวงค์ ❤️
    ๙ พระราชกรณียกิจแก้ว ของสมเด็จพระพันปีหลวง
    ๑.ทรงฟื้นชีวิต "โขน" ศิลปะชั้นสูงของไทยให้คงอยู่

    -๑-
    ๐ ปวงข้าฯน้อมเกล้าอภิวาท
    กราบบาทพระราชชนนีพันปีหลวง
    พระผู้ทรงงดงามด้วยความปวง
    ดุจดั่ง ประทีปสรวงรัตนา

    ๐ อัญเชิญมงคลชัย ทั้งไตรจักร
    เป็นฉัตรแก้วอารักษ์ทุกทิศา
    ถ้วนอินทร์ พรหม ยม ยักษ์ สักการ์
    เทินทิพย์บุษบา กราบบาทบวร

    ๐ ขอพระพลานามัยสมบูรณ์พูนสวัสดิ์
    ปานแก้วเก้าเนาวรัตน์ประภัสสร
    ขอพระทัยปรีดาสถาพร
    ยั่งยืนเช่นสิงขร-จักรวาล

    -๒-
    ๐ อันทวยทัพพิโลนโขนสยาม
    ได้ฟื้นความเป็นไทยอันไพศาล
    เป็นประจักษ์นัยนาวิชาชาญ
    ด้วยพระองค์ทรงบริบาล ชุบชีวา

    ๐ แลสรรพถนิม พิมพาภรณ์
    เปล่งประกายอรชรเบื้องภูษา
    สุดวิจิตรอัศจรรย์ พรรณนา
    ก็เคลื่อนพลมนตรามาประโคม

    ๐ กอปรด้วยถ้วนคีตาภาษาชาติ
    ได้ประกาศบทเพลงบรรเลงโหม
    เสนาะในอุระถึงโพยม
    รินบรรโลมพร้อมเพรียงอย่างเกรียงไกร

    ๐ วิจิตรศิลป์ถิ่นสยามงามสง่า
    ทุกชีวาโขนดำรงอสงไขย
    เพราะพระองค์ทรงงดงามน้ำพระทัย
    หยาดสร้างขวัญ-กำลังใจ ให้แผ่นดิน

    ๐ ทรงบํารุงปรุงปรับรับสมัย
    ให้โขนไทยเรืองฤทธิ์วิจิตรศิลป์
    ตระการตา ตรึงกมล ผู้ยลยิน
    ไม่รู้สิ้นเอกลักษณ์นัครา

    -๓-
    ๐ จึ่งทวยทัพ ราม-ลักษณ์ ยักษ์-ลิง
    สำนึกยิ่งพระการุณย์อุ่นเกศา
    เทิดทูนไว้เหนือกระหม่อมน้อมบูชา
    พระการุณย์ล้นฟ้าล้นธรณี

    ๐ ทุกโยธาคลาไคล ไกรกอง
    เปล่งเสียงซ้องบาทบงสุ์ผู้ทรงศรี
    ศิลป์สำแดงลํ้าค่าบรรดามี
    สมกับที่ทรงอุปถัมภ์-คํ้าชู

    ๐ ความสง่า-สามารถ ทุกยาตรย้าย
    กราบถวายพระเมตตาอันมาสู่
    ศิลปะ ศิลปิน มิสิ้นครู
    จะคงอยู่เป็นศักดิ์ลักษณา

    ๐ ด้วยพระทัยแห่งปราชญ์ สะอาดปลั่ง
    จึ่งฟื้นโขนโผนพลังทุกสังขาร์
    ได้อวยยศ ไร้ที่ ให้ตรีชา
    มรดกภูมิปัญญาฯ สถาวร

    ๐ ร้อยความรักสุดหัวใจไทยทุกดวง
    กราบบาทพระพันปีหลวง อดิศร
    พระผู้เป็นดุจภาสพรม-ปฐมพร
    เป็นทินกรพิโลน ส่องโขนไทย

    .........เพลงผ้า ปรพากย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙✨

    บนที่ประทับพระตำหนักทรงพรต วัดบวรนิเวศวิหาร ภายหลังทรงลาผนวชแล้ว

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #5พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๙✨ บนที่ประทับพระตำหนักทรงพรต วัดบวรนิเวศวิหาร ภายหลังทรงลาผนวชแล้ว #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #5พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨

    เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการและทรงเยี่ยมหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ซึ่งอาพาธ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #4พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๖✨ เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการและทรงเยี่ยมหลวงปู่แหวน สุจิณโณ ซึ่งอาพาธ ณ วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #4พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨วันนี้ในอดีต ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨

    สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฏราชกุมาร (พระอิสริยยศในเวลานั้น) เฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลาทรงผนวช

    Cr. สำนักราชเลขาธิการ

    #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #3พฤศจิกายน
    ✨วันนี้ในอดีต ๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๑✨ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกุฏราชกุมาร (พระอิสริยยศในเวลานั้น) เฝ้า ฯ กราบถวายบังคมลาทรงผนวช Cr. สำนักราชเลขาธิการ #วันนี้ในอดีต #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระราชกรณียกิจ #ราชวงศ์จักรี #save112 #3พฤศจิกายน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • รักที่สุดสถาบันพระมหากษัตริย์💙 แม้จะมองเห็นไกลๆ แต่ดีใจ ปลื้มใจเหลือเกิน #ทรงพระเจริญ #เรารักรัชกาลที่10
    รักที่สุดสถาบันพระมหากษัตริย์💙 แม้จะมองเห็นไกลๆ แต่ดีใจ ปลื้มใจเหลือเกิน #ทรงพระเจริญ #เรารักรัชกาลที่10
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • สำหรับโพสต์นี้ ต้องกราบขออภัยคนในเครื่องแบบข้าราชการทุกคนที่ซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดไว้ล่วงหน้าด้วยครับ เพราะข้าพเจ้ากำลังจะเขียนถึงเหล่าคนที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านเป็น หวังใจว่าคงไม่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ

    ในความเข้าใจของข้าพเจ้า ตัวการทำลายประเทศนี้แท้จริงไม่ใช่นักการเมืองที่มาแค่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนถ่ายไปสู่พรรคอื่น คนอื่นที่ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าใด แต่ควรจะเป็นข้าราชการประจำที่กระทำระยำตำบอนไว้อย่างมหาศาล แน่นอนว่าทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนชั่ว แต่มันแย่ตรงที่อาชีพข้าราชการนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดทั้งกับประชาชน และรัฐบาล รวมถึงสถาบันพระมหากษัตรย์ ดังนั้นถ้าทำดีก็จะสร้างคุณูปการต่อประเทศชาติและประชาชนสุดล้นพ้นประมาณ แต่หากทำชั่วก็จะสร้างความวิบัติหายนะได้อย่างที่คนชั่วในอาชีพอื่นมิอาจแซงหน้าได้เลย ด้วยเหตุนี้เอง ในทัศนะส่วนตัว ข้าพเจ้าถึงกับอยากจะใช้คำว่า อาชีพที่มีโอกาสไปทัวร์นรกในปริมาณมากสุด น่าจะไม่มีอาชีพใดเกินไปกว่าข้าราชการประจำ

    *

    ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้?

    *

    ถ้าว่ากันตามเหตุผล อาชีพอย่างนักฆ่า ไม่ว่ารับจ้างฆ่าคน หรือรับจ้างฆ่าสัตว์ น่าจะเป็นอาชีพที่มีโอกาสไปทัวร์นรกมากกว่า ด้วยเหตุว่าผิดศีลข้อ 1 ในศีล 5 ของศาสนาพุทธอย่างชัดเจน แต่ข้าพเจ้ามองอย่างนี้คือ อาชีพนักฆ่าเมื่อเทียบจำนวนกับข้าราชการประจำแล้วห่างไกลกันลิบลับ จริงหรือไม่ลองถามตัวเองดูเถิด ในประเทศนี้ คนที่อยากจะเป็นนักฆ่า คือตั้งใจว่าโตมาจะอยากฆ่าคน อยากฆ่าสัตว์ มันจะมีบ้างไหม เกือบทั้งหมดน่าจะด้วยเหตุผลและกรรมบันดาลอันไม่เต็มใจนัก แต่เรียกว่ายอมจำนนด้วยจิตใจที่อ่อนแอแพ้พ่ายต่อสิ่งเร้ามากกว่าเป็นด้วยความเต็มใจและปรารถนา ทีนี้มองไปทางอาชีพข้าราชการสิ คนไทยแต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีพื้นฐานความคิดค่านิยมอยากให้ลูกหลานทำอาชีพนี้แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าด้วยการถูกฝังชิพมาแต่เล็ก หรือด้วยภาพจำของบรรพบุรุษตั้งแต่รุ่นทวดไล่ขึ้นมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ตาม ล้วนหล่อหลอมให้คนไทยนับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ยังคงใฝ่ฝันที่จะอยากเข้าทำงานในวงข้าราชการเป็นส่วนมาก

    *

    ด้วยเหตุผลหลากหลาย อาทิเช่น ความสบายจนเคยชิน ความไม่อยากลำบาก ความต้องการอะไรที่แน่นอน มั่นคงในอาชีพ มีเกียรติในสังคม เพราะเป็นข้าราชการประจำ สามารถเบิกรัฐได้ยามเจ็บป่วย พ่อแม่ลูกคนในครอบครัวล้วนเบิกค่าใช้จ่ายได้ มากน้อยอีกเรื่อง มีวันหยุดเยอะ เวลาทำงานค่อนข้างแน่นอน จะขยันรึแอบขี้เกียจ ถึงสิ้นเดือนก็รับเงินเท่าเดิมที่เคยได้ แถมมีโอกาสและช่องทางมากกว่าอาชีพอื่นที่จะได้เงินในทางมิชอบ ได้เลื่อนตำแหน่งและได้เงินมากขึ้น ได้อภิสิทธิ์และการรับรองจากข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้รับความนับหน้าถือตาในสังคม ทั้งหมดนี้เหมือนจะเป็นอาชีพที่ดีมาก คนไทยจำนวนมากจึงพยายามเรียนและสอบแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อให้ได้ชื่อว่าตนคือหนึ่งในข้าราชการ ไม่ว่าจะแผนกไหน สังกัดหน่วยงาน กรม กอง กระทรวง ทบวงใด แต่เมื่อสอบได้สำเร็จสมดังเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเบื้องต้นแล้ว จะคงเหลือข้าราชการที่เป็นตัวของตัวเอง ที่ขยันซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต่อประชาชน ต่อหน่วยงาน ต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์สักกี่คน โดยไม่ถูกกระแสน้ำโสโครกที่เชี่ยวกรากลากดึงเอาจิตวิญญาณที่เคยตั้งใจดีไว้ ให้สูญสิ้นไปไม่เหลือเค้า

    *

    ที่เขาเรียกว่า "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" คือทั้งคดโกงต่อหน้าที่ หลอกลวงประชาชน และยังปิดบังซ่อนเร้นต่อรัฐบาล และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำตนเป็นผู้รับใช้นักการเมืองชั่ว ข่มเหงรังแกประชาชน นักการเมืองนั้น ต่อให้เลวทรามขนาดไหน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือร่วมมือจากข้าราชการประจำที่ต่ำช้า โอกาสที่จะกระทำการอันบัดซบต่อชาติและประชาชน รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์สำเร็จผลนั้นนับว่าน้อยมาก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าอาชีพนี้มีปริมาณมากสุดที่จะมีโอกาสในการไปทัวร์นรกได้อย่างไร

    *

    เหตุเพราะอาชีพนี้เหมือนต้องสาป ถ้าทำดีก็เสมอตัว แต่ถ้าทำชั่วนี่สิ ทำให้คนทั้งประเทศต้องลำบากเดือดร้อน ทุกข์ทนแสนสาหัส ทั้งที่เงินซึ่งตนใช้ในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง สวัสดิการที่ได้รับ บำเหน็จบำนาญ ล้วนมาจากคนทั้งประเทศ จะต้องใช้หนี้ที่ใหญ่เกินตัวไปอีกกี่ภพกี่ชาติจึงจะหลุดพ้นเป็นไทกับตนได้

    เมื่อยังเด็กมีญาติหลายคนเคยแนะนำข้าพเจ้าว่าโตขึ้นให้ทำอาชีพรับราชการสิ ในใจ ณ เวลานั้น ไม่เคยอยากทำเลย ไม่ชอบแต่ตอบตัวเองไม่ถูกว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้ว

    #thaitimes
    #ข้าราชการ
    #ข้อคิด
    #แนวคิด
    #บทความ
    #เตือนสติ
    #ทัวร์นรก
    สำหรับโพสต์นี้ ต้องกราบขออภัยคนในเครื่องแบบข้าราชการทุกคนที่ซื่อสัตย์สุจริตมาโดยตลอดไว้ล่วงหน้าด้วยครับ เพราะข้าพเจ้ากำลังจะเขียนถึงเหล่าคนที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ท่านเป็น หวังใจว่าคงไม่ทำให้ท่านรู้สึกไม่สบายใจ ในความเข้าใจของข้าพเจ้า ตัวการทำลายประเทศนี้แท้จริงไม่ใช่นักการเมืองที่มาแค่ชั่วคราว แล้วก็เปลี่ยนถ่ายไปสู่พรรคอื่น คนอื่นที่ไม่ได้ดีกว่ากันสักเท่าใด แต่ควรจะเป็นข้าราชการประจำที่กระทำระยำตำบอนไว้อย่างมหาศาล แน่นอนว่าทุกอาชีพมีทั้งคนดีและคนชั่ว แต่มันแย่ตรงที่อาชีพข้าราชการนั้นมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดทั้งกับประชาชน และรัฐบาล รวมถึงสถาบันพระมหากษัตรย์ ดังนั้นถ้าทำดีก็จะสร้างคุณูปการต่อประเทศชาติและประชาชนสุดล้นพ้นประมาณ แต่หากทำชั่วก็จะสร้างความวิบัติหายนะได้อย่างที่คนชั่วในอาชีพอื่นมิอาจแซงหน้าได้เลย ด้วยเหตุนี้เอง ในทัศนะส่วนตัว ข้าพเจ้าถึงกับอยากจะใช้คำว่า อาชีพที่มีโอกาสไปทัวร์นรกในปริมาณมากสุด น่าจะไม่มีอาชีพใดเกินไปกว่าข้าราชการประจำ * ทำไมจึงกล่าวเช่นนี้? * ถ้าว่ากันตามเหตุผล อาชีพอย่างนักฆ่า ไม่ว่ารับจ้างฆ่าคน หรือรับจ้างฆ่าสัตว์ น่าจะเป็นอาชีพที่มีโอกาสไปทัวร์นรกมากกว่า ด้วยเหตุว่าผิดศีลข้อ 1 ในศีล 5 ของศาสนาพุทธอย่างชัดเจน แต่ข้าพเจ้ามองอย่างนี้คือ อาชีพนักฆ่าเมื่อเทียบจำนวนกับข้าราชการประจำแล้วห่างไกลกันลิบลับ จริงหรือไม่ลองถามตัวเองดูเถิด ในประเทศนี้ คนที่อยากจะเป็นนักฆ่า คือตั้งใจว่าโตมาจะอยากฆ่าคน อยากฆ่าสัตว์ มันจะมีบ้างไหม เกือบทั้งหมดน่าจะด้วยเหตุผลและกรรมบันดาลอันไม่เต็มใจนัก แต่เรียกว่ายอมจำนนด้วยจิตใจที่อ่อนแอแพ้พ่ายต่อสิ่งเร้ามากกว่าเป็นด้วยความเต็มใจและปรารถนา ทีนี้มองไปทางอาชีพข้าราชการสิ คนไทยแต่ไหนแต่ไรมาล้วนมีพื้นฐานความคิดค่านิยมอยากให้ลูกหลานทำอาชีพนี้แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าด้วยการถูกฝังชิพมาแต่เล็ก หรือด้วยภาพจำของบรรพบุรุษตั้งแต่รุ่นทวดไล่ขึ้นมาถึงรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ตาม ล้วนหล่อหลอมให้คนไทยนับแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน ยังคงใฝ่ฝันที่จะอยากเข้าทำงานในวงข้าราชการเป็นส่วนมาก * ด้วยเหตุผลหลากหลาย อาทิเช่น ความสบายจนเคยชิน ความไม่อยากลำบาก ความต้องการอะไรที่แน่นอน มั่นคงในอาชีพ มีเกียรติในสังคม เพราะเป็นข้าราชการประจำ สามารถเบิกรัฐได้ยามเจ็บป่วย พ่อแม่ลูกคนในครอบครัวล้วนเบิกค่าใช้จ่ายได้ มากน้อยอีกเรื่อง มีวันหยุดเยอะ เวลาทำงานค่อนข้างแน่นอน จะขยันรึแอบขี้เกียจ ถึงสิ้นเดือนก็รับเงินเท่าเดิมที่เคยได้ แถมมีโอกาสและช่องทางมากกว่าอาชีพอื่นที่จะได้เงินในทางมิชอบ ได้เลื่อนตำแหน่งและได้เงินมากขึ้น ได้อภิสิทธิ์และการรับรองจากข้าราชการชั้นผู้น้อย ได้รับความนับหน้าถือตาในสังคม ทั้งหมดนี้เหมือนจะเป็นอาชีพที่ดีมาก คนไทยจำนวนมากจึงพยายามเรียนและสอบแข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อให้ได้ชื่อว่าตนคือหนึ่งในข้าราชการ ไม่ว่าจะแผนกไหน สังกัดหน่วยงาน กรม กอง กระทรวง ทบวงใด แต่เมื่อสอบได้สำเร็จสมดังเป้าหมายที่ตั้งไว้ในเบื้องต้นแล้ว จะคงเหลือข้าราชการที่เป็นตัวของตัวเอง ที่ขยันซื่อสัตย์สุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ต่อประชาชน ต่อหน่วยงาน ต่อประเทศชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์สักกี่คน โดยไม่ถูกกระแสน้ำโสโครกที่เชี่ยวกรากลากดึงเอาจิตวิญญาณที่เคยตั้งใจดีไว้ ให้สูญสิ้นไปไม่เหลือเค้า * ที่เขาเรียกว่า "ฉ้อราษฎร์บังหลวง" คือทั้งคดโกงต่อหน้าที่ หลอกลวงประชาชน และยังปิดบังซ่อนเร้นต่อรัฐบาล และสถาบันพระมหากษัตริย์ ทำตนเป็นผู้รับใช้นักการเมืองชั่ว ข่มเหงรังแกประชาชน นักการเมืองนั้น ต่อให้เลวทรามขนาดไหน ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือร่วมมือจากข้าราชการประจำที่ต่ำช้า โอกาสที่จะกระทำการอันบัดซบต่อชาติและประชาชน รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์สำเร็จผลนั้นนับว่าน้อยมาก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้บอกว่าอาชีพนี้มีปริมาณมากสุดที่จะมีโอกาสในการไปทัวร์นรกได้อย่างไร * เหตุเพราะอาชีพนี้เหมือนต้องสาป ถ้าทำดีก็เสมอตัว แต่ถ้าทำชั่วนี่สิ ทำให้คนทั้งประเทศต้องลำบากเดือดร้อน ทุกข์ทนแสนสาหัส ทั้งที่เงินซึ่งตนใช้ในการดำเนินชีวิตทุกอย่าง สวัสดิการที่ได้รับ บำเหน็จบำนาญ ล้วนมาจากคนทั้งประเทศ จะต้องใช้หนี้ที่ใหญ่เกินตัวไปอีกกี่ภพกี่ชาติจึงจะหลุดพ้นเป็นไทกับตนได้ เมื่อยังเด็กมีญาติหลายคนเคยแนะนำข้าพเจ้าว่าโตขึ้นให้ทำอาชีพรับราชการสิ ในใจ ณ เวลานั้น ไม่เคยอยากทำเลย ไม่ชอบแต่ตอบตัวเองไม่ถูกว่าเพราะอะไร แต่ตอนนี้ข้าพเจ้ารู้แล้ว #thaitimes #ข้าราชการ #ข้อคิด #แนวคิด #บทความ #เตือนสติ #ทัวร์นรก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 418 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts