• เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่มีชัย รุ่นเหินฟ้า ปี2545
    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่มีชัย กามฉินโท เนื้อกะไหล่ทอง รุ่นเหินฟ้า เขาหิมพานคีรี ถ้ำเขากระแซง อ.บันนังสตาร์ จ.ยะลา ปี2545 // พระดีพิธีขลัง !! หลวงปูมีชัยจัดสร้างขึ้น ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก มีปาฏิหารให้เห็นมากมาย มีประสบการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และประเทศมาเลเซีย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณด้าน โชคลาภ เมตตามหานิยม ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัย ปลอดภัย เสริมเสน่ห์ ผู้คนรักใคร่เอ็นดู การงานราบรื่น เข้มขลังด้านคงกระพันชาตรีและบารมี **

    ** หลวงป่มีชัย กามฉินโท พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทย และมาเลเซีย เดิมท่านเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ เป็นพระเกจิอาจารย์ สายวิชา หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระสายปฏิบัติ พระป่า สาย หลวงปู่มั่น ก่อนที่จะธุดงค์ มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในแถบภาคใต้ของประเทศไทย ด้วยวัตรปฏิบัติ อันงดงาม บริสุทธิ์ ความสามารถในการสั่งสอนอบรม และการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือ ปลดทุกข์ ให้ชาวบ้าน จึงก่อเกิด พลังศรัทธา ลูกศิษย์ ลูกหามากมาย และเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงปู่ มีชัย เกิดขึ้นเสมอ มากมาย บางเรื่องกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ บางเรื่องกลายเป็นปาฏิหาริย์ บางเรื่อง กลายเป็นความความศักดิ์สิทธิ์ บางเรื่องมีผู้เข้าไปพิสูจน์ จนเห็นกับตา ปัจจุบันเหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และประเทศมาเลเซีย ดังนั้นจึงเป็นที่เสาะแสงหาของเหล่าลูกศิษย์ลูกห้าในปัจจุบัน หายากน่าเก็บน่าใช้ **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่มีชัย รุ่นเหินฟ้า ปี2545 เหรียญรุ่นแรกหลวงปู่มีชัย กามฉินโท เนื้อกะไหล่ทอง รุ่นเหินฟ้า เขาหิมพานคีรี ถ้ำเขากระแซง อ.บันนังสตาร์ จ.ยะลา ปี2545 // พระดีพิธีขลัง !! หลวงปูมีชัยจัดสร้างขึ้น ลูกศิษย์ ต่างหวงแหนยิ่งนัก มีปาฏิหารให้เห็นมากมาย มีประสบการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และประเทศมาเลเซีย // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณด้าน โชคลาภ เมตตามหานิยม ทำมาค้าขาย รำ่รวย เจริญรุ่งเรือง เรียกทรัพย์ เก็บทรัพย์ ค้าขายดี มหาอุด คงกระพันชาตรี แคล้วคลาดปลอดภัย ป้องกันภัย ปลอดภัย เสริมเสน่ห์ ผู้คนรักใคร่เอ็นดู การงานราบรื่น เข้มขลังด้านคงกระพันชาตรีและบารมี ** ** หลวงป่มีชัย กามฉินโท พระอริยสงฆ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธาทั้งในไทย และมาเลเซีย เดิมท่านเป็นชาวจังหวัดสุรินทร์ เป็นพระเกจิอาจารย์ สายวิชา หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม จ.สุรินทร์ พระสายปฏิบัติ พระป่า สาย หลวงปู่มั่น ก่อนที่จะธุดงค์ มาเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในแถบภาคใต้ของประเทศไทย ด้วยวัตรปฏิบัติ อันงดงาม บริสุทธิ์ ความสามารถในการสั่งสอนอบรม และการปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือ ปลดทุกข์ ให้ชาวบ้าน จึงก่อเกิด พลังศรัทธา ลูกศิษย์ ลูกหามากมาย และเรื่องเล่าเกี่ยวกับหลวงปู่ มีชัย เกิดขึ้นเสมอ มากมาย บางเรื่องกลายเป็นเรื่องเหลือเชื่อ บางเรื่องกลายเป็นปาฏิหาริย์ บางเรื่อง กลายเป็นความความศักดิ์สิทธิ์ บางเรื่องมีผู้เข้าไปพิสูจน์ จนเห็นกับตา ปัจจุบันเหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มากมายใน 3 จังหวัดชายแดนใต้และประเทศมาเลเซีย ดังนั้นจึงเป็นที่เสาะแสงหาของเหล่าลูกศิษย์ลูกห้าในปัจจุบัน หายากน่าเก็บน่าใช้ ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า ไทยและกัมพูชาตอบรับเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนัดพิเศษ วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน
    .
    ผู้นำมาเลเซียอ้างว่าการนัดประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อรายงานสถานการณ์และขอแรงสนับสนุนในการโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายลดความก้าวร้าว
    .
    อันวาร์ระบุว่า เป้าหมายของการหารือคือการผลักดันให้ไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึก และยุติความตึงเครียดโดยเร็ว พร้อมย้ำมาเลเซียทำหน้าที่ประสาน ไม่ได้สั่งการประเทศสมาชิกอาเซียน
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121656
    .
    #News1live #News1 #อาเซียน #อันวาร์ #ทรัมป์ #ไทยกัมพูชา #ประชุมอาเซียน #การทูต #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เปิดเผยว่า ไทยและกัมพูชาตอบรับเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนนัดพิเศษ วันที่ 22 ธันวาคมนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อหารือคลี่คลายสถานการณ์ความตึงเครียดตามแนวชายแดน . ผู้นำมาเลเซียอ้างว่าการนัดประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากได้โทรศัพท์พูดคุยกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อรายงานสถานการณ์และขอแรงสนับสนุนในการโน้มน้าวให้ทั้งสองฝ่ายลดความก้าวร้าว . อันวาร์ระบุว่า เป้าหมายของการหารือคือการผลักดันให้ไทยและกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงสงบศึก และยุติความตึงเครียดโดยเร็ว พร้อมย้ำมาเลเซียทำหน้าที่ประสาน ไม่ได้สั่งการประเทศสมาชิกอาเซียน . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121656 . #News1live #News1 #อาเซียน #อันวาร์ #ทรัมป์ #ไทยกัมพูชา #ประชุมอาเซียน #การทูต #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Haha
    Sad
    2
    1 Comments 0 Shares 130 Views 0 Reviews
  • ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์

    เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที

    โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น.

    สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที

    ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก

    ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต

    สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้

    จาก KL Sentral ถึง JB Sentral

    EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น.
    EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น.
    EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น.
    EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น.

    จาก JB Sentral ถึง KL Sentral

    EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น.
    EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น.
    EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น.
    EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น.

    #Newskit
    ปาดังเบซาร์-JB Sentral นั่งรถไฟยาวๆ จากไทยไปยะโฮร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. การรถไฟมาเลเซีย (KTM Berhad) ประกาศว่าจะเปิดเดินรถไฟ ETS เพิ่มเติมตามตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้แก่ เส้นทาง KL Sentral - JB Sentral ระหว่างกรุงกัวลาลัมเปอร์ กับเมืองยะโฮร์บาห์รู รัฐยะโฮร์ จากเดิมให้บริการวันละ 2 ขบวน เพิ่มเป็นวันละ 4 ขบวน ไป-กลับรวมวันละ 8 ขบวน รวมทั้งเส้นทางปาดังเบซาร์ (Padang Besar) ใกล้ชายแดนไทย-มาเลเซีย จากเดิมสิ้นสุดที่สถานีเซกามัต (Segamat) รัฐยะโฮร์ ได้ขยายการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง 30 นาที โดยรถไฟจากปาดังเบซาร์ ไป JB Sentral ได้แก่ ขบวนที่ EG9449 ออกจากสถานีปาดังเบซาร์ 12.05 น. (หรือ 11.05 น. ตามเวลาประเทศไทย) ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 17.50 น. ถึงปลายทาง JB Sentral เวลา 22.30 น. สำหรับผู้ที่มาจากประเทศไทย เพื่อไปยังขบวนดังกล่าว มีขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เวลา 16.10 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 07.59 น. (08.59 น. เวลามาเลเซีย) นอกจากนี้ ยังมีขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากต้นทางเวลา 08.55 น. ถึงสถานีปาดังเบซาร์ 09.40 น. (10.40 น. เวลามาเลเซีย) แต่ถ้าเร็วกว่านั้นใช้บริการรถตู้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารหาดใหญ่ ถึงหน้าด่านปาดังเบซาร์ ประทับตราหนังสือเดินทางแล้วขึ้นสะพานลอยมายังตัวสถานีได้ทันที ส่วนผู้ที่จะไปประเทศสิงคโปร์ด้วยรถไฟชัตเติลเตบราว (Shuttle Tebrau) เนื่องจากเที่ยวสุดท้าย 22.45 น. จึงคาดว่าไม่ทันเพราะต้องเผื่อเวลาอย่างน้อย 30 นาทีก่อนรถออก อาจต้องค้างคืนที่ยะโฮร์บาห์รู หรือเรียกแท็กซี่ข้ามแดนซึ่งเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก ส่วนเที่ยวกลับ ขบวนที่ EG9442 ออกจากสถานี JB Sentral เวลา 07.35 น. ผ่านสถานี KL Sentral เวลา 12.16 น. ถึงปลายทางปาดังเบซาร์ 17.53 น. (หรือ 16.53 น. ตามเวลาประเทศไทย) ซึ่งไม่ทันขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 950 ปาดังเบซาร์-ชุมทางหาดใหญ่ รถออกเวลา 15.40 น. และรถตู้ประจำทางไปหาดใหญ่ ออกจากปาดังเบซาร์ 17.30 น. จำเป็นต้องนั่งรถตู้ป้ายดำ ค่าโดยสาร 30 ริงกิต สำหรับขบวนรถไฟ ETS ระหว่างสถานี KL Sentral ถึง JB Sentral แบ่งเป็นดังนี้ จาก KL Sentral ถึง JB Sentral EP9523 ออก 07.55 ถึง 12.15 น. EP9531 ออก 15.15 ถึง 19.35 น. EP9533 ออก 17.35 ถึง 21.55 น. EP9537 ออก 21.10 ถึง 01.30 น. จาก JB Sentral ถึง KL Sentral EP9524 ออก 08.40 ถึง 13.00 น. EP9528 ออก 12.45 ถึง 17.05 น. EP9532 ออก 16.20 ถึง 20.40 น. EP9536 ออก 20.30 ถึง 00.50 น. #Newskit
    1 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เหรียญเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย รุ่น1 พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ปี2553
    เหรียญหล่อโบราณเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย รุ่น1 รุ่นอุดมโภคทรัพย์ ไตรมาส ๕๓ (3 โค็ด เลข ๕๙๔) เนื้อมหาชนวน พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ปี2553 // พระดีพิธีใหญ๋ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ความร่ำรวย และความมั่งคั่ง ในความเชื่อของชาวจีน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พร้อมซองเดิมๆหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณดีเด่นด้านโชคลาภ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ด้านเงินทอง เมตตามหานิยม ค้าขายดี เสี่ยงโชคดี อุดมโภคทรัพย์ ร่ำรวยอย่างมั่นคง อุดมสมบูรณ์ แคล้วคลาด ควรมีไว้ติดตัวเพื่อป้องกันภัยอันตราย ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง **

    ** เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภและความมั่งคั่ง ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้วถือเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยคำว่า 'ไฉ่สิ่ง' หรือ 'ไฉ่ซิง' มีความหมายว่า 'ทรัพย์สิน' หรือ 'สิริมงคล' 'เอี้ย' หมายถึง 'เทพเจ้า' โดยเทพที่ได้รับการนับถือว่าเป็นไฉ่ซิงเอี้ย มีด้วยกันหลายองค์ แต่องค์ที่ได้รับการบูชามากที่สุด คือ 'ฟ่านหลี' และ 'ปี่กั้น' ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ โดยถือว่าเป็นไฉ่ซิงเอี้ยฝ่ายบุ๋น ขณะที่จ้าวกงหมิง และกวนอู ถือเป็นไฉ่ซิงเอี้ยฝ่ายบู๊ การบูชาไฉ่ซิงเอี้ย สามารถพบได้ในหลายประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ทิเบต, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเก๊า และฮ่องกง เป็นต้น **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พร้อมซองเดิมๆหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    เหรียญเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย รุ่น1 พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ปี2553 เหรียญหล่อโบราณเทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ย รุ่น1 รุ่นอุดมโภคทรัพย์ ไตรมาส ๕๓ (3 โค็ด เลข ๕๙๔) เนื้อมหาชนวน พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ.ปัตตานี ปี2553 // พระดีพิธีใหญ๋ เทพเจ้าแห่งโชคลาภ ความร่ำรวย และความมั่งคั่ง ในความเชื่อของชาวจีน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พร้อมซองเดิมๆหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณดีเด่นด้านโชคลาภ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ด้านเงินทอง เมตตามหานิยม ค้าขายดี เสี่ยงโชคดี อุดมโภคทรัพย์ ร่ำรวยอย่างมั่นคง อุดมสมบูรณ์ แคล้วคลาด ควรมีไว้ติดตัวเพื่อป้องกันภัยอันตราย ช่วยให้ทรัพย์ที่ได้มางอกเงยและรักษาทรัพย์ได้นาน เจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย เรียกทรัพย์หนุนดวง อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ** ** เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภและความมั่งคั่ง ซึ่งสำหรับชาวจีนแล้วถือเป็นเทพเจ้าที่มีความสำคัญมากที่สุด โดยคำว่า 'ไฉ่สิ่ง' หรือ 'ไฉ่ซิง' มีความหมายว่า 'ทรัพย์สิน' หรือ 'สิริมงคล' 'เอี้ย' หมายถึง 'เทพเจ้า' โดยเทพที่ได้รับการนับถือว่าเป็นไฉ่ซิงเอี้ย มีด้วยกันหลายองค์ แต่องค์ที่ได้รับการบูชามากที่สุด คือ 'ฟ่านหลี' และ 'ปี่กั้น' ซึ่งเป็นบุคคลที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ โดยถือว่าเป็นไฉ่ซิงเอี้ยฝ่ายบุ๋น ขณะที่จ้าวกงหมิง และกวนอู ถือเป็นไฉ่ซิงเอี้ยฝ่ายบู๊ การบูชาไฉ่ซิงเอี้ย สามารถพบได้ในหลายประเทศในทวีปเอเชีย เช่น ทิเบต, จีน, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินเดีย, ไทย, มาเลเซีย, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, มาเก๊า และฮ่องกง เป็นต้น ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พร้อมซองเดิมๆหายากก พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • สะพานเกอร์นีย์ ปีนัง เข้าสู่เกาะเทียมอันดามัน

    อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายโจว คอน เยียว (Chow Kon Yeow) มุขมนตรีรัฐปีนัง เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานเกอร์นีย์ (Gurney Bridge) เชื่อมระหว่างเกาะปีนัง บริเวณวงเวียนเกอร์นีย์ ไดร์ฟ (Gurney Drive) กับอันดามันไอส์แลนด์ (Andaman Island) โครงการอสังหาริมทรัพย์บนเกาะเทียมที่ผ่านการถมทะเล ของบริษัทอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทัล (E&O) เป็นสะพานขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 1.2 กิโลเมตร พร้อมทางเดินเท้ากว้าง 4 เมตร มูลค่าโครงการ 350 ล้านริงกิต (2,700 ล้านบาท)

    นอกจากเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คริมชายฝั่งของอ่าวเกอร์นีย์แล้ว ยังช่วยย่นเวลาเดินทางเข้าโครงการฯ จากเดิมต้องเข้าจากถนนใหญ่ (ถนนตันจง โตคง) บริเวณห้างโลตัส ตันจงปีนัง ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางไปออกย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟ บริเวณศูนย์การค้าเกอร์นีย์พลาซ่าได้ทันที ซึ่งนายก๊ก ตั๊ก เชียง (Kok Tuck Cheong) กรรมการผู้จัดการของ E&O ตั้งใจว่าจะสร้างเมืองที่เข้าถึงได้ภายใน 15 นาที เชื่อมต่อถึงกัน และมุ่งเน้นอนาคต นับจากนี้จะพัฒนาโครงการบนเกาะ ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระยะต่อไป ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาล

    นายก๊กยังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) ระบุว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2533 ที่รัฐบาลมอบสิทธิ์สัมปทานในการถมทะเลทั้งหมด 960 เอเคอร์ โดยพื้นที่แรก สเตรตส์คีย์ (Straits Quay) แล้วเสร็จมาหลายปี ตามมาด้วยเฟส 2A เปิดตัวห้องชุดไปแล้ว 3,700 ยูนิต กำลังขายแก่ผู้สนใจ รวมถึงที่ดินเปล่าที่หันหน้าไปทางสเตรตส์คีย์ด้วย ส่วนเฟส 2B ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ รวมทั้งหมด 506 เอเคอร์ พื้นที่ถมทะเลบางส่วนจะถูกส่งมอบให้แก่รัฐตามข้อตกลงการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีถนนด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมซิตี้ออฟดรีม (COD) ที่มีแผนจะสร้างสะพานไปยังถนนเกอร์นีย์ในอนาคต

    อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวปีนังอีกส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดการจราจรติดขัด ซึ่งมุขมนตรีรัฐปีนังยืนยันว่า กำลังให้ความสำคัญกับการจัดการจราจรอย่างมีความรับผิดชอบ ย้ำว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับเกาะอันดามัน บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ถึงกระนั้น เนื่องจากย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟเป็นย่านศูนย์การค้า ทั้งเกอร์นีย์พลาซา เกอร์นีย์พารากอนมอลล์ แหล่งรวมสตรีทฟู้ด (Gurney Drive Hawker Center) และคอนโดมิเนียมจำนวนมาก รถติดทุกวันไม่เว้นวันหยุด ชาวปีนังจึงยังคงกังวลถึงปัญหาการจราจร จากโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 6 หมื่นล้านริงกิต (462,000 ล้านบาท) กันต่อไป

    #Newskit
    สะพานเกอร์นีย์ ปีนัง เข้าสู่เกาะเทียมอันดามัน อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงบนเกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. นายโจว คอน เยียว (Chow Kon Yeow) มุขมนตรีรัฐปีนัง เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานเกอร์นีย์ (Gurney Bridge) เชื่อมระหว่างเกาะปีนัง บริเวณวงเวียนเกอร์นีย์ ไดร์ฟ (Gurney Drive) กับอันดามันไอส์แลนด์ (Andaman Island) โครงการอสังหาริมทรัพย์บนเกาะเทียมที่ผ่านการถมทะเล ของบริษัทอีสเทิร์น แอนด์ โอเรียนทัล (E&O) เป็นสะพานขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 1.2 กิโลเมตร พร้อมทางเดินเท้ากว้าง 4 เมตร มูลค่าโครงการ 350 ล้านริงกิต (2,700 ล้านบาท) นอกจากเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คริมชายฝั่งของอ่าวเกอร์นีย์แล้ว ยังช่วยย่นเวลาเดินทางเข้าโครงการฯ จากเดิมต้องเข้าจากถนนใหญ่ (ถนนตันจง โตคง) บริเวณห้างโลตัส ตันจงปีนัง ได้เพิ่มอีกหนึ่งช่องทางไปออกย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟ บริเวณศูนย์การค้าเกอร์นีย์พลาซ่าได้ทันที ซึ่งนายก๊ก ตั๊ก เชียง (Kok Tuck Cheong) กรรมการผู้จัดการของ E&O ตั้งใจว่าจะสร้างเมืองที่เข้าถึงได้ภายใน 15 นาที เชื่อมต่อถึงกัน และมุ่งเน้นอนาคต นับจากนี้จะพัฒนาโครงการบนเกาะ ทั้งที่อยู่อาศัยและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในระยะต่อไป ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างมากจากรัฐบาล นายก๊กยังกล่าวกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น บูเลทิน มูเทียรา (Buletin Mutiara) ระบุว่า โครงการนี้เริ่มต้นในปี 2533 ที่รัฐบาลมอบสิทธิ์สัมปทานในการถมทะเลทั้งหมด 960 เอเคอร์ โดยพื้นที่แรก สเตรตส์คีย์ (Straits Quay) แล้วเสร็จมาหลายปี ตามมาด้วยเฟส 2A เปิดตัวห้องชุดไปแล้ว 3,700 ยูนิต กำลังขายแก่ผู้สนใจ รวมถึงที่ดินเปล่าที่หันหน้าไปทางสเตรตส์คีย์ด้วย ส่วนเฟส 2B ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ รวมทั้งหมด 506 เอเคอร์ พื้นที่ถมทะเลบางส่วนจะถูกส่งมอบให้แก่รัฐตามข้อตกลงการพัฒนาพื้นที่ นอกจากนี้ ยังมีถนนด้านข้างโครงการคอนโดมิเนียมซิตี้ออฟดรีม (COD) ที่มีแผนจะสร้างสะพานไปยังถนนเกอร์นีย์ในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังมีชาวปีนังอีกส่วนหนึ่งวิจารณ์ว่า โครงการนี้จะก่อให้เกิดการจราจรติดขัด ซึ่งมุขมนตรีรัฐปีนังยืนยันว่า กำลังให้ความสำคัญกับการจัดการจราจรอย่างมีความรับผิดชอบ ย้ำว่าสะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมต่อกับเกาะอันดามัน บรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด ถึงกระนั้น เนื่องจากย่านเกอร์นีย์ไดร์ฟเป็นย่านศูนย์การค้า ทั้งเกอร์นีย์พลาซา เกอร์นีย์พารากอนมอลล์ แหล่งรวมสตรีทฟู้ด (Gurney Drive Hawker Center) และคอนโดมิเนียมจำนวนมาก รถติดทุกวันไม่เว้นวันหยุด ชาวปีนังจึงยังคงกังวลถึงปัญหาการจราจร จากโครงการมิกซ์ยูสมูลค่า 6 หมื่นล้านริงกิต (462,000 ล้านบาท) กันต่อไป #Newskit
    1 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • "หนึ่งหญิงสองชาย" ไวรัลสะใภ้มาเลเซีย

    กลายเป็นที่ฮือฮาแก่ชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ekin Derahim (เอคิน เดราฮิม) ออกมาโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ระบุว่า น้องสะใภ้ของตน ซึ่งมาจากรัฐตรังกานู แต่งงานกับพี่ชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน และอยู่กินฉันสามีภรรยามา 3 ปีแล้ว แต่กลับพบว่าน้องสะใภ้ไปอยู่กับชายอื่น ที่แต่งงานด้วยกันที่จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน โดยสลับไปอยู่บ้านชายอื่นที่บ้านเช่าในรัฐยะโฮร์ตอนกลางวัน เมื่อพี่ชายออกไปทำงาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพี่ชายเวลากลางคืน ซึ่งห่างกัน 19 กิโลเมตร

    เธอกล่าวว่า แม้จะถูกจับได้ น้องสะใภ้ก็ยังคงหลอกลวงและเล่นเกมกับครอบครัวตน อีกทั้งยังไปแจ้งความเท็จใส่ร้าย กล่าวหาว่าไปรบกวน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างหนัก ส่วนพี่ชายกลับเชื่อคำพูดของน้องสะใภ้ เพราะคอยอ้อนวอนและโทรศัพท์หาพี่ชายอยู่ตลอด ถามว่าทำไมตลอดระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน น้องสะใภ้ถึงโกหกพี่ชายและครอบครัวโดยไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก? ขอความกรุณาช่วยอธิษฐานให้พี่ชายกลับคืนสู่ครอบครัวด้วย ตอนนี้น้องสะใภ้ยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากบ้านพี่ชาย และผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากสำนักงานศาสนาเลย

    โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์จากบรรดาชาวเน็ตมาเลเซียและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวนี้ เนื่องจากตามบทบัญญัติทางศาสนาอิสลามของมาเลเซีย แม้จะสามารถมีคู่สมรสได้มากกว่า 1 คน แต่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสคนแรก แต่ที่ผ่านมา คนที่มีความสัมพันธ์ซ้อนกันโดยคู่สมรสคนแรกไม่ยินยอม หรือไปมีคนรักใหม่โดยไม่อยากทำเรื่องหย่าให้ยุ่งยาก มักจะใช้วิธีข้ามพรมแดนไปประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบพิธีนิกะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตแต่งงาน หรือหย่าร้างที่ไม่ได้รับการรับรองในมาเลเซีย

    กรมกิจการศาสนาอิสลามของรัฐกลันตัน ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่า ได้สอบปากคำหญิงรายดังกล่าวแล้ว ที่สำนักงานศาสนาเขตตันห์เมอราห์ เพื่อประกอบการสอบสวน ด้านกรมกิจการศาสนาแห่งรัฐตรังกานู กำลังอยู่ในระหว่างเรียกสองสามีภรรยามาชี้แจง ส่วนชาวเน็ตมาเลเซียวิจารณ์ว่าการแต่งงานลักษณะเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นบาปต่อศาสนา

    อนึ่ง ตามกฎหมายครอบครัวอิสลามของมาเลเซีย หญิงชาวมุสลิมที่แต่งงานกับชายอื่นในขณะที่ยังมีสถานะสมรสตามกฎหมาย อาจต้องรับโทษทางอาญา ส่วนชายชาวมุสลิมต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากศาลชารีอะห์ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหลายพันริงกิต จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ

    #Newskit
    "หนึ่งหญิงสองชาย" ไวรัลสะใภ้มาเลเซีย กลายเป็นที่ฮือฮาแก่ชาวเน็ตมาเลเซีย เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Ekin Derahim (เอคิน เดราฮิม) ออกมาโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ระบุว่า น้องสะใภ้ของตน ซึ่งมาจากรัฐตรังกานู แต่งงานกับพี่ชายอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน และอยู่กินฉันสามีภรรยามา 3 ปีแล้ว แต่กลับพบว่าน้องสะใภ้ไปอยู่กับชายอื่น ที่แต่งงานด้วยกันที่จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เป็นเวลา 1 ปี 1 เดือน โดยสลับไปอยู่บ้านชายอื่นที่บ้านเช่าในรัฐยะโฮร์ตอนกลางวัน เมื่อพี่ชายออกไปทำงาน แล้วกลับมาอยู่บ้านพี่ชายเวลากลางคืน ซึ่งห่างกัน 19 กิโลเมตร เธอกล่าวว่า แม้จะถูกจับได้ น้องสะใภ้ก็ยังคงหลอกลวงและเล่นเกมกับครอบครัวตน อีกทั้งยังไปแจ้งความเท็จใส่ร้าย กล่าวหาว่าไปรบกวน ส่งผลกระทบต่อครอบครัวอย่างหนัก ส่วนพี่ชายกลับเชื่อคำพูดของน้องสะใภ้ เพราะคอยอ้อนวอนและโทรศัพท์หาพี่ชายอยู่ตลอด ถามว่าทำไมตลอดระยะเวลา 1 ปี 1 เดือน น้องสะใภ้ถึงโกหกพี่ชายและครอบครัวโดยไม่พูดความจริงตั้งแต่แรก? ขอความกรุณาช่วยอธิษฐานให้พี่ชายกลับคืนสู่ครอบครัวด้วย ตอนนี้น้องสะใภ้ยังดื้อดึงไม่ยอมออกจากบ้านพี่ชาย และผ่านมาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ จากสำนักงานศาสนาเลย โพสต์ดังกล่าวถูกแชร์จากบรรดาชาวเน็ตมาเลเซียและวิจารณ์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งสื่อมวลชนทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศต่างนำเสนอข่าวนี้ เนื่องจากตามบทบัญญัติทางศาสนาอิสลามของมาเลเซีย แม้จะสามารถมีคู่สมรสได้มากกว่า 1 คน แต่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสคนแรก แต่ที่ผ่านมา คนที่มีความสัมพันธ์ซ้อนกันโดยคู่สมรสคนแรกไม่ยินยอม หรือไปมีคนรักใหม่โดยไม่อยากทำเรื่องหย่าให้ยุ่งยาก มักจะใช้วิธีข้ามพรมแดนไปประเทศไทย โดยเฉพาะจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบพิธีนิกะห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการขออนุญาตแต่งงาน หรือหย่าร้างที่ไม่ได้รับการรับรองในมาเลเซีย กรมกิจการศาสนาอิสลามของรัฐกลันตัน ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (14 ธ.ค.) ว่า ได้สอบปากคำหญิงรายดังกล่าวแล้ว ที่สำนักงานศาสนาเขตตันห์เมอราห์ เพื่อประกอบการสอบสวน ด้านกรมกิจการศาสนาแห่งรัฐตรังกานู กำลังอยู่ในระหว่างเรียกสองสามีภรรยามาชี้แจง ส่วนชาวเน็ตมาเลเซียวิจารณ์ว่าการแต่งงานลักษณะเช่นนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นบาปต่อศาสนา อนึ่ง ตามกฎหมายครอบครัวอิสลามของมาเลเซีย หญิงชาวมุสลิมที่แต่งงานกับชายอื่นในขณะที่ยังมีสถานะสมรสตามกฎหมาย อาจต้องรับโทษทางอาญา ส่วนชายชาวมุสลิมต้องได้รับอนุญาตล่วงหน้าจากศาลชารีอะห์ หากไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับหลายพันริงกิต จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ #Newskit
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • ปราสาทตาควาย อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอทวงคืน

    หลังจากที่ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทตาควาย ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามข้อตกลงหยุดยิงที่นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลจากทหารกัมพูชายึดตัวปราสาท แลมีทหารไทยหลายนายต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตบนพื้นที่แห่งนี้ ผ่านไปกว่า 4 เดือน ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง 15 ธ.ค. ทหารไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจากบริเวณพื้นที่ตัวปราสาทตาควาย และเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว นับเป็นข่าวดีแก่คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกคน

    ที่ผ่านมาการทวงคืนปราสาทตาควายของกองทัพไทยเป็นไปได้ยาก เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณตีนเนิน 350 ซึ่งเป็นจุดสูงข่ม และมีทหารกัมพูชาคอยวางกำลังอยู่บนนั้น รวมทั้งการยิงสนับสนุนจากกัมพูชา ทั้งการใช้จรวด BM-21 และอาวุธอื่นๆ คอยระดมยิงใส่ทหารไทยไม่มีหยุด อีกทั้งทหารกัมพูชายังตั้งบังเกอร์มากมาย และวางทุ่นระเบิด คอยกันไม่ให้ทหารไทยแทรกซึมเข้าไป ทำให้ในช่วงที่มีข้อตกลงหยุดยิง ทหารไทยทำได้แค่วางกำลัง ห่างจากตัวปราสาทเพียง 30 เมตร ขณะที่ทหารกัมพูชากลับใช้ปราสาทตาควายเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารอยู่ด้านใน พร้อมกับติดตั้งทุ่นระเบิดโดยรอบตัวปราสาท

    อย่างไรก็ตาม ผลของการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ทำให้ตัวปราสาทได้รับความเสียหาย แม้กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาจะประท้วง แต่กองทัพบกไทยยืนยันว่า แม้อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 จะห้ามโจมตีโบราณสถาน แต่ฝ่ายกัมพูชานำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี เข้าข่ายเป็นพื้นที่ "สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว" ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคาม ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกติกาสากล เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ

    ส่วนความกังวลเกี่ยวกับตัวปราสาทที่ได้รับความเสียหาย นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แสดงจุดยืนว่า แม้ไม่ควรมีโบราณสถานแห่งใดในโลก ได้รับความเสียหายจากสงคราม แต่เมื่อกัมพูชาละเลยกติกา เป็นธรรมดาที่ทางฝ่ายไทยต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร เป็นไปตามความจำเป็น ซึ่งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ แต่กรมศิลปากรยืนยันว่า สามารถบูรณะปราสาทตาควายหรือปราสาทใดๆ ที่เป็นของไทยได้อย่างแน่นอน และก่อนหน้านี้ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินสด๊กก๊อกธม ที่มีความสลับซับซ้อน มีลวดลายอันวิจิตรมากกว่าปราสาทตาควาย ก็สามารถซ่อมกลับมาได้

    #Newskit
    ปราสาทตาควาย อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอทวงคืน หลังจากที่ประเทศไทยต้องสูญเสียปราสาทตาควาย ชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ตามข้อตกลงหยุดยิงที่นำโดย นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เมื่อเที่ยงคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ผลจากทหารกัมพูชายึดตัวปราสาท แลมีทหารไทยหลายนายต้องสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตบนพื้นที่แห่งนี้ ผ่านไปกว่า 4 เดือน ในที่สุดวันนี้ที่รอคอยก็มาถึง 15 ธ.ค. ทหารไทยสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจากบริเวณพื้นที่ตัวปราสาทตาควาย และเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว นับเป็นข่าวดีแก่คนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินทุกคน ที่ผ่านมาการทวงคืนปราสาทตาควายของกองทัพไทยเป็นไปได้ยาก เพราะตัวปราสาทตั้งอยู่บริเวณตีนเนิน 350 ซึ่งเป็นจุดสูงข่ม และมีทหารกัมพูชาคอยวางกำลังอยู่บนนั้น รวมทั้งการยิงสนับสนุนจากกัมพูชา ทั้งการใช้จรวด BM-21 และอาวุธอื่นๆ คอยระดมยิงใส่ทหารไทยไม่มีหยุด อีกทั้งทหารกัมพูชายังตั้งบังเกอร์มากมาย และวางทุ่นระเบิด คอยกันไม่ให้ทหารไทยแทรกซึมเข้าไป ทำให้ในช่วงที่มีข้อตกลงหยุดยิง ทหารไทยทำได้แค่วางกำลัง ห่างจากตัวปราสาทเพียง 30 เมตร ขณะที่ทหารกัมพูชากลับใช้ปราสาทตาควายเป็นฐานปฏิบัติการทางทหารอยู่ด้านใน พร้อมกับติดตั้งทุ่นระเบิดโดยรอบตัวปราสาท อย่างไรก็ตาม ผลของการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ทำให้ตัวปราสาทได้รับความเสียหาย แม้กระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์ของกัมพูชาจะประท้วง แต่กองทัพบกไทยยืนยันว่า แม้อนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ. 1954 จะห้ามโจมตีโบราณสถาน แต่ฝ่ายกัมพูชานำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตี เข้าข่ายเป็นพื้นที่ "สูญเสียความคุ้มครองชั่วคราว" ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคาม ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วนตามหลักกติกาสากล เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้บีบบังคับ ส่วนความกังวลเกี่ยวกับตัวปราสาทที่ได้รับความเสียหาย นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร แสดงจุดยืนว่า แม้ไม่ควรมีโบราณสถานแห่งใดในโลก ได้รับความเสียหายจากสงคราม แต่เมื่อกัมพูชาละเลยกติกา เป็นธรรมดาที่ทางฝ่ายไทยต้องใช้ปฏิบัติการทางทหาร เป็นไปตามความจำเป็น ซึ่งก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงความเสียหายได้ แต่กรมศิลปากรยืนยันว่า สามารถบูรณะปราสาทตาควายหรือปราสาทใดๆ ที่เป็นของไทยได้อย่างแน่นอน และก่อนหน้านี้ปราสาทหินพนมรุ้ง ปราสาทหินพิมาย และปราสาทหินสด๊กก๊อกธม ที่มีความสลับซับซ้อน มีลวดลายอันวิจิตรมากกว่าปราสาทตาควาย ก็สามารถซ่อมกลับมาได้ #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • จากเสื่อจริงสู่สนามเสมือน – VR Taekwondo กำลังเติบโตในมาเลเซีย

    ในงานสาธิตที่มหาวิทยาลัย APU กรุงกัวลาลัมเปอร์ นักกีฬา taekwondo ใช้ VR headset, motion sensors และ joysticks เพื่อแข่งขันกันในสนามเสมือนจริง โดยระบบจะคำนวณคะแนนจากการเตะที่แม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นสามารถฝึกและแข่งขันโดยไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บจากการปะทะจริง

    การแข่งขันและการยอมรับ
    Master Tony Lee ผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซียเผยว่า VR Taekwondo เริ่มได้รับความนิยมในสโมสรท้องถิ่นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีนักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ในการแข่งขัน World Taekwondo Virtual Championships ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการจัด การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัย ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 19 ทีม โดยนักกีฬามาเลเซียสามารถคว้าเหรียญทองในประเภท Young Adult

    เทคโนโลยีและการฝึกซ้อม
    ระบบ VR Taekwondo ใช้ซอฟต์แวร์ VTKD ที่พัฒนาโดย World Taekwondo และบริษัท Refract Technologies จากสิงคโปร์ อุปกรณ์ประกอบด้วย node ติดตามการเคลื่อนไหว 5 จุดบนร่างกาย และต้องใช้ WiFi 6 เพื่อให้การเล่นราบรื่น ผู้ฝึกสอนย้ำว่าการแข่งขัน VR ไม่ได้แทนที่การฝึกจริง แต่ช่วยเสริมด้านความแม่นยำ, stamina และการวิเคราะห์ฟอร์มของนักกีฬา

    อนาคตของ VR Taekwondo
    สมาคม Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนและกีฬาเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน VR ระดับนานาชาติในปี 2026 ที่เกาหลีใต้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องค่าอุปกรณ์ที่สูง (ประมาณ RM15,000–30,000 ต่อชุด) แต่ผู้ฝึกสอนเชื่อว่า VR จะเป็น เครื่องมือเสริมการฝึกซ้อม และช่วยดึงดูดเยาวชนรุ่นใหม่เข้าสู่กีฬา taekwondo

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การเกิดขึ้นของ VR Taekwondo
    ใช้ VR headset และ motion sensors แทนการปะทะจริง
    ลดความเสี่ยงบาดเจ็บและเปิดโอกาสให้เด็กเข้าร่วมมากขึ้น

    การแข่งขันและความสำเร็จ
    นักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ใน World Taekwondo Virtual Championships
    การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยมีผู้เข้าร่วม 19 ทีม

    เทคโนโลยีที่ใช้
    ซอฟต์แวร์ VTKD พัฒนาโดย World Taekwondo และ Refract Technologies
    ใช้ node 5 จุดและ WiFi 6 เพื่อความแม่นยำ

    อนาคตและการสนับสนุน
    Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนเตรียมส่งนักกีฬาไปแข่งที่เกาหลีใต้ปี 2026
    ค่าอุปกรณ์สูง แต่ช่วยเสริมการฝึกและดึงดูดเยาวชน

    ข้อจำกัดและคำเตือน
    ค่าอุปกรณ์สูง RM15,000–30,000 อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง
    VR ไม่สามารถแทนที่การฝึกจริงด้านการสัมผัสและแรงปะทะ
    ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้การแข่งขันสะดุด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/from-traditional-mats-to-virtual-arenas-the-rise-of-vr-taekwondo-in-malaysia
    🥋 จากเสื่อจริงสู่สนามเสมือน – VR Taekwondo กำลังเติบโตในมาเลเซีย ในงานสาธิตที่มหาวิทยาลัย APU กรุงกัวลาลัมเปอร์ นักกีฬา taekwondo ใช้ VR headset, motion sensors และ joysticks เพื่อแข่งขันกันในสนามเสมือนจริง โดยระบบจะคำนวณคะแนนจากการเตะที่แม่นยำและรวดเร็ว ทำให้ผู้เล่นสามารถฝึกและแข่งขันโดยไม่ต้องเสี่ยงบาดเจ็บจากการปะทะจริง 🎮 การแข่งขันและการยอมรับ Master Tony Lee ผู้ฝึกสอนทีมชาติมาเลเซียเผยว่า VR Taekwondo เริ่มได้รับความนิยมในสโมสรท้องถิ่นตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และมีนักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ในการแข่งขัน World Taekwondo Virtual Championships ที่สิงคโปร์ นอกจากนี้ยังมีการจัด การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัย ที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 19 ทีม โดยนักกีฬามาเลเซียสามารถคว้าเหรียญทองในประเภท Young Adult ⚡ เทคโนโลยีและการฝึกซ้อม ระบบ VR Taekwondo ใช้ซอฟต์แวร์ VTKD ที่พัฒนาโดย World Taekwondo และบริษัท Refract Technologies จากสิงคโปร์ อุปกรณ์ประกอบด้วย node ติดตามการเคลื่อนไหว 5 จุดบนร่างกาย และต้องใช้ WiFi 6 เพื่อให้การเล่นราบรื่น ผู้ฝึกสอนย้ำว่าการแข่งขัน VR ไม่ได้แทนที่การฝึกจริง แต่ช่วยเสริมด้านความแม่นยำ, stamina และการวิเคราะห์ฟอร์มของนักกีฬา 🚀 อนาคตของ VR Taekwondo สมาคม Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนและกีฬาเตรียมส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน VR ระดับนานาชาติในปี 2026 ที่เกาหลีใต้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องค่าอุปกรณ์ที่สูง (ประมาณ RM15,000–30,000 ต่อชุด) แต่ผู้ฝึกสอนเชื่อว่า VR จะเป็น เครื่องมือเสริมการฝึกซ้อม และช่วยดึงดูดเยาวชนรุ่นใหม่เข้าสู่กีฬา taekwondo 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การเกิดขึ้นของ VR Taekwondo ➡️ ใช้ VR headset และ motion sensors แทนการปะทะจริง ➡️ ลดความเสี่ยงบาดเจ็บและเปิดโอกาสให้เด็กเข้าร่วมมากขึ้น ✅ การแข่งขันและความสำเร็จ ➡️ นักกีฬามาเลเซียติดอันดับ 4 ใน World Taekwondo Virtual Championships ➡️ การแข่งขันระดับมหาวิทยาลัยมีผู้เข้าร่วม 19 ทีม ✅ เทคโนโลยีที่ใช้ ➡️ ซอฟต์แวร์ VTKD พัฒนาโดย World Taekwondo และ Refract Technologies ➡️ ใช้ node 5 จุดและ WiFi 6 เพื่อความแม่นยำ ✅ อนาคตและการสนับสนุน ➡️ Taekwondo Malaysia และกระทรวงเยาวชนเตรียมส่งนักกีฬาไปแข่งที่เกาหลีใต้ปี 2026 ➡️ ค่าอุปกรณ์สูง แต่ช่วยเสริมการฝึกและดึงดูดเยาวชน ‼️ ข้อจำกัดและคำเตือน ⛔ ค่าอุปกรณ์สูง RM15,000–30,000 อาจเป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึง ⛔ VR ไม่สามารถแทนที่การฝึกจริงด้านการสัมผัสและแรงปะทะ ⛔ ปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอาจทำให้การแข่งขันสะดุด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/15/from-traditional-mats-to-virtual-arenas-the-rise-of-vr-taekwondo-in-malaysia
    WWW.THESTAR.COM.MY
    From traditional mats to virtual arenas: The rise of VR taekwondo in Malaysia
    Malaysia's taekwondo scene is going virtual, with opponents sparring in the digital realm using VR headsets.
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันยังไม่มีการหยุดยิงในเวลา 22.00 น. คืนนี้ ตามที่ผู้นำมาเลเซียระบุ ชี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากการแถลงของกองทัพเท่านั้น
    .
    นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยเป็นฝ่ายถูกรุกราน หากกัมพูชาต้องการหยุดยิง ต้องเสนอแผนมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ควรให้ผู้นำประเทศอื่นออกมาพูดแทน พร้อมย้ำว่าการหยุดยิงต้องเห็นผลในทางปฏิบัติอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119973
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #หยุดยิง #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ยืนยันยังไม่มีการหยุดยิงในเวลา 22.00 น. คืนนี้ ตามที่ผู้นำมาเลเซียระบุ ชี้เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากการแถลงของกองทัพเท่านั้น . นายกรัฐมนตรีระบุว่า ไทยเป็นฝ่ายถูกรุกราน หากกัมพูชาต้องการหยุดยิง ต้องเสนอแผนมายังประเทศไทยโดยตรง ไม่ควรให้ผู้นำประเทศอื่นออกมาพูดแทน พร้อมย้ำว่าการหยุดยิงต้องเห็นผลในทางปฏิบัติอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพียงการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดีย . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000119973 . #News1live #News1 #อนุทิน #หยุดยิง #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง #ทำลายให้สิ้น #เพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 270 Views 0 Reviews
  • กาสิโนพนมเปญ ใต้ทุนมาเลเซีย

    การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีประเด็นนักกีฬาทีมชาติกัมพูชาสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่มีโลโก้กาสิโน "NAGAWORLD" อยู่บนหน้าอกด้านซ้ายใต้ธงชาติกัมพูชา แม้นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จะให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโฆษณาการพนันตามกฎหมายไทยหรือไม่ แต่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่กัมพูชารวม 137 คน ถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียก่อน สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องนี้คือ นากาเวิลด์ เป็นกาสิโนหนึ่งเดียวในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่นายทุนเป็นชาวมาเลเซีย

    นากาเวิลด์ ก่อตั้งโดย นายเฉิน ลิบ เกียง (Chen Lip Keong) นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดในครอบครัวผู้อพยพจากจีนรุ่นที่ 2 เติบโตที่เหมืองแร่ดีบุกบนหุบเขาคินตา ทางตอนกลางของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมาลายา เริ่มต้นเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่กลับสนใจทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผลิตชิ้นส่วนการบิน ต่อมาในปี 2533 นายเฉินไปกัมพูชาเพื่อสำรวจน้ำมันในอ่าวไทย แต่เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเปิดประมูลใบอนุญาตกาสิโน เขากลับคว้าใบอนุญาตนั้นมาได้

    นายเฉินจัดตั้งกาสิโนเมื่อปี 2538 โดยใช้เรือเช่าตามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำโขง ใกล้กับพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (พระราชวังหลวง) ในกรุงพนมเปญ กระทั่งได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารนากาเวิลด์ ย้ายมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันในปี 2546 จากนั้นในปี 2549 บริษัทนากาคอร์ปฯ (NagaCorp) ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่เกาะเคย์แมนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และขยายอาคารหลังที่สองในปี 2560 โดยมีนากาซิตี้วอล์ก (Naga City Walk) เป็นทางเชื่อมใต้ดิน

    กาสิโนแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตถึงปี 2608 โดยผูกขาดเพียงรายเดียวในรัศมี 200 กิโลเมตร ถึงปี 2588 ประกอบด้วยโรงแรม 1,658 ห้อง ภัตตาคารและไนต์คลับ 20 แห่ง สปา 2 แห่ง ศูนย์การค้าใต้ดิน ร้านค้าปลอดภาษีจาก China Duty Free Group สถานที่จัดประชุมสัมมนา (MICE) รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 1,000 คน และโรงละคร NABA ความจุ 2,000 ที่นั่ง

    นายเฉินถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีมาเลเซียอันดับ 7 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อเดือน พ.ค. 2566 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัญฯ เขาเคยมีโครงการก่อตั้งกาสิโนอีกแห่งในเมืองวลาดิโวสต็อก ประเทศรัสเซีย แต่กลับระงับการก่อสร้างอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน

    นายเฉินเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 เนื่องจากอาการเจ็บป่วย รวมอายุได้ 75 ปี ส่งมอบอำนาจให้แก่นายเฉิน ยี่ ฟอน (Chen Yiy Fon) ลูกชายเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มคนใหม่

    #Newskit
    กาสิโนพนมเปญ ใต้ทุนมาเลเซีย การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ มีประเด็นนักกีฬาทีมชาติกัมพูชาสวมเสื้อแจ็กเก็ตที่มีโลโก้กาสิโน "NAGAWORLD" อยู่บนหน้าอกด้านซ้ายใต้ธงชาติกัมพูชา แม้นายก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย จะให้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายโฆษณาการพนันตามกฎหมายไทยหรือไม่ แต่นักกีฬาและเจ้าหน้าที่กัมพูชารวม 137 คน ถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียก่อน สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในเรื่องนี้คือ นากาเวิลด์ เป็นกาสิโนหนึ่งเดียวในกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ที่นายทุนเป็นชาวมาเลเซีย นากาเวิลด์ ก่อตั้งโดย นายเฉิน ลิบ เกียง (Chen Lip Keong) นักธุรกิจชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เกิดในครอบครัวผู้อพยพจากจีนรุ่นที่ 2 เติบโตที่เหมืองแร่ดีบุกบนหุบเขาคินตา ทางตอนกลางของมาเลเซีย จบการศึกษาด้านการแพทย์จากมหาวิทยาลัยมาลายา เริ่มต้นเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่กลับสนใจทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และผลิตชิ้นส่วนการบิน ต่อมาในปี 2533 นายเฉินไปกัมพูชาเพื่อสำรวจน้ำมันในอ่าวไทย แต่เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเปิดประมูลใบอนุญาตกาสิโน เขากลับคว้าใบอนุญาตนั้นมาได้ นายเฉินจัดตั้งกาสิโนเมื่อปี 2538 โดยใช้เรือเช่าตามแม่น้ำบาสัก (Bassac River) ซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำโขง ใกล้กับพระบรมราชวังจตุมุขสิริมงคล (พระราชวังหลวง) ในกรุงพนมเปญ กระทั่งได้ซื้อที่ดินและก่อสร้างอาคารนากาเวิลด์ ย้ายมาอยู่ที่ตั้งปัจจุบันในปี 2546 จากนั้นในปี 2549 บริษัทนากาคอร์ปฯ (NagaCorp) ที่จัดตั้งขึ้นในหมู่เกาะเคย์แมนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง และขยายอาคารหลังที่สองในปี 2560 โดยมีนากาซิตี้วอล์ก (Naga City Walk) เป็นทางเชื่อมใต้ดิน กาสิโนแห่งนี้ได้รับใบอนุญาตถึงปี 2608 โดยผูกขาดเพียงรายเดียวในรัศมี 200 กิโลเมตร ถึงปี 2588 ประกอบด้วยโรงแรม 1,658 ห้อง ภัตตาคารและไนต์คลับ 20 แห่ง สปา 2 แห่ง ศูนย์การค้าใต้ดิน ร้านค้าปลอดภาษีจาก China Duty Free Group สถานที่จัดประชุมสัมมนา (MICE) รองรับผู้เข้าร่วมประชุม 1,000 คน และโรงละคร NABA ความจุ 2,000 ที่นั่ง นายเฉินถูกจัดให้เป็นมหาเศรษฐีมาเลเซียอันดับ 7 จากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์บส์เมื่อเดือน พ.ค. 2566 ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.8 พันล้านเหรียญสหรัญฯ เขาเคยมีโครงการก่อตั้งกาสิโนอีกแห่งในเมืองวลาดิโวสต็อก ประเทศรัสเซีย แต่กลับระงับการก่อสร้างอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน นายเฉินเสียชีวิตที่สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2566 เนื่องจากอาการเจ็บป่วย รวมอายุได้ 75 ปี ส่งมอบอำนาจให้แก่นายเฉิน ยี่ ฟอน (Chen Yiy Fon) ลูกชายเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มคนใหม่ #Newskit
    Like
    3
    1 Comments 0 Shares 354 Views 0 Reviews
  • สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา
    สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังที่ชาวปักษ์ใต้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างดียิ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ มหาอำนาจ คงกระพัน มหาอุด ให้โชค ให้ลาภ โภคทรัพย์ ช่วยส่งเสริมให้กิจการค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง ความมั่งคั่ง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มีประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ **

    ** หลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นั่งเจริญพุทธมนต์ในพิธีปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก วัดช้างให้ ปี พ.ศ. 2497 พระเครื่องที่ท่านสร้างก่อเกิดประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ มีประสบการณ์จากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว และสามารถสยบระเบิดที่เกาะบาหลีเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดชาวมาเลเซียโดนกุญไสย (เวทมนต์สายดำ) หาผู้ที่มีวิชาทั่วทั้งมาเลเซียหมดแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ คณะลูกศิษย์ท่านจึงนำตัวมาที่วัดสะพานไม้แก่น ทันทีที่ลงจากรถปิกอัพที่หน้ากุฏิ มองไปที่หน้าของท่านก็เป็นลมหมดสติ (กลับหายเป็นปกติ) โดยที่ท่านยังไม่ทันทำอะไรเลย ชาวไทยและชาวมาเลเซีย จึงเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา สร้อยตะกรุดหลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น จ.สงขลา ปี2538 // พระดีพิธีใหญ่ พระเกจิชื่อดังที่ชาวปักษ์ใต้ ต่างเลื่อมใสศรัทธาอย่างดียิ่ง // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ ** พุทธคุณ มหาอำนาจ คงกระพัน มหาอุด ให้โชค ให้ลาภ โภคทรัพย์ ช่วยส่งเสริมให้กิจการค้าขายดี ร่ำรวยเงินทอง ความมั่งคั่ง เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ มีประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ ** ** หลวงปู่แก้ว วัดสะพานไม้แก่น อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ท่านเป็นผู้หนึ่งที่นั่งเจริญพุทธมนต์ในพิธีปลุกเสกหลวงปู่ทวดเนื้อว่านรุ่นแรก วัดช้างให้ ปี พ.ศ. 2497 พระเครื่องที่ท่านสร้างก่อเกิดประสบการณ์มากมาย สามารถหยุดปืน หยุดระเบิด สะกดพลังภูตผีปิศาจจอมมารร้ายกระทั่งสัตว์ป่าอสรพิษ มีประสบการณ์จากเหตุการณ์สามจังหวัดชายแดนใต้มาแล้ว และสามารถสยบระเบิดที่เกาะบาหลีเมื่อไม่นานมานี้ และล่าสุดชาวมาเลเซียโดนกุญไสย (เวทมนต์สายดำ) หาผู้ที่มีวิชาทั่วทั้งมาเลเซียหมดแล้วก็ไม่สามารถแก้ไขได้ คณะลูกศิษย์ท่านจึงนำตัวมาที่วัดสะพานไม้แก่น ทันทีที่ลงจากรถปิกอัพที่หน้ากุฏิ มองไปที่หน้าของท่านก็เป็นลมหมดสติ (กลับหายเป็นปกติ) โดยที่ท่านยังไม่ทันทำอะไรเลย ชาวไทยและชาวมาเลเซีย จึงเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านมาก ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • “อนุทิน” เผยหารือโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และอยากให้หยุดยิงตามปฏิญญาที่มาเลเซีย โดยฝ่ายไทยย้ำชัด ไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลง แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มและทำให้ไทยสูญเสีย จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชน
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเข้าใจจุดยืนไทย พร้อมเปิดช่องติดต่อโดยตรงหากมีสถานการณ์เร่งด่วน ขณะที่ “สีหศักดิ์” ชี้การหยุดยิงคือกลยุทธ์ ยืนยันทุกการดำเนินการของไทยอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งในประเทศและสากล
    .
    อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119720
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #ทรัมป์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #การทูต #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    “อนุทิน” เผยหารือโทรศัพท์กับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งแสดงความห่วงใยสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และอยากให้หยุดยิงตามปฏิญญาที่มาเลเซีย โดยฝ่ายไทยย้ำชัด ไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลง แต่กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มและทำให้ไทยสูญเสีย จึงจำเป็นต้องตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยและชีวิตประชาชน . ผู้นำสหรัฐฯ ระบุเข้าใจจุดยืนไทย พร้อมเปิดช่องติดต่อโดยตรงหากมีสถานการณ์เร่งด่วน ขณะที่ “สีหศักดิ์” ชี้การหยุดยิงคือกลยุทธ์ ยืนยันทุกการดำเนินการของไทยอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งในประเทศและสากล . อ่านรายละเอียด >> https://news1live.com/detail/9680000119720 . #News1live #News1 #อนุทิน #ทรัมป์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #อธิปไตยไทย #การทูต #ทำลายให้สิ้นสภาพ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
  • “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนร่วมพูดคุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเวลา 21.20 น. คืนนี้ ย้ำแม้ยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญในการดูแลความมั่นคงและเจรจาระหว่างประเทศ
    .
    นายกฯ ระบุ การพูดคุยกับผู้นำต่างชาติเป็นเพียงการอัปเดตสถานการณ์ ยืนยันการตัดสินใจเรื่องชายแดนเป็นอำนาจรัฐบาลไทยที่มอบหมายให้กองทัพ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวสมคบคิดกับ “ฮุน เซน” หลังยุบสภาเชื่อมโยงหยุดยิง ย้ำเหตุยุบสภาเกิดจากการที่หัวหน้าพรรคประชาชนขอให้ยุบ
    .
    อ่านรายละเอียด:
    https://news1live.com/detail/9680000119448
    .
    #News1live #News1 #อนุทิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ทรัมป์ #อันวาร์ #การเมืองไทย
    “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรี เตรียมเดินทางไปติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กองบัญชาการกองทัพไทย ก่อนร่วมพูดคุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเวลา 21.20 น. คืนนี้ ย้ำแม้ยุบสภาแล้ว แต่รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจเต็มตามรัฐธรรมนูญในการดูแลความมั่นคงและเจรจาระหว่างประเทศ . นายกฯ ระบุ การพูดคุยกับผู้นำต่างชาติเป็นเพียงการอัปเดตสถานการณ์ ยืนยันการตัดสินใจเรื่องชายแดนเป็นอำนาจรัฐบาลไทยที่มอบหมายให้กองทัพ พร้อมปฏิเสธกระแสข่าวสมคบคิดกับ “ฮุน เซน” หลังยุบสภาเชื่อมโยงหยุดยิง ย้ำเหตุยุบสภาเกิดจากการที่หัวหน้าพรรคประชาชนขอให้ยุบ . อ่านรายละเอียด: https://news1live.com/detail/9680000119448 . #News1live #News1 #อนุทิน #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพไทย #ทรัมป์ #อันวาร์ #การเมืองไทย
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • เคาท์ดาวน์ปีใหม่บนเรือสำราญ Piano Land ล่อง 8 วัน 7 คืน
    เที่ยวครบ 4 ประเทศ พักสบายบนเรือทุกคืน อาหารจัดเต็ม พร้อมปาร์ตี้และพลุปีใหม่สุดอลังการ! 🛳
    ทัวร์มาเลเซีย - ที่สุดของปี! เคาท์ดาวน์บนเรือสำราญ Piano Land Cruise กลางอ่าวฮ่องกง

    วันที่ 25 ธ.ค. 68 - 1 ม.ค. 69

    เส้นทาง พอร์ตคลัง, มาเลเซีย - สิงคโปร์ - ญาจาง (เวียดนาม) - ฮ่องกง 8 วัน 7 คืน

    ราคาเริ่มต้น : ฿45,900

    ห้องพักบนเรือสำราญ 6 คืน
    พักโรงแรมที่มาเลเซีย 1 คืน
    ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมน้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง 20 กก.
    ประกันอุบัติเหตุกรุ๊ป

    รหัสโปรแกรม : AOCT-AKxSL-8D7N-PKL-HKG-2512252
    คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e8a229

    ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youytube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    : 0 2116 9696

    #PianoLandCruise #Aisa #Malaysia #Singapore #Hongkong #Vietnam #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #Cruisedomain
    🎆 เคาท์ดาวน์ปีใหม่บนเรือสำราญ Piano Land ล่อง 8 วัน 7 คืน เที่ยวครบ 4 ประเทศ พักสบายบนเรือทุกคืน อาหารจัดเต็ม พร้อมปาร์ตี้และพลุปีใหม่สุดอลังการ! 🛳🌏 ทัวร์มาเลเซีย - ที่สุดของปี! เคาท์ดาวน์บนเรือสำราญ Piano Land Cruise กลางอ่าวฮ่องกง 📅 วันที่ 25 ธ.ค. 68 - 1 ม.ค. 69 📍 เส้นทาง พอร์ตคลัง, มาเลเซีย - สิงคโปร์ - ญาจาง (เวียดนาม) - ฮ่องกง 8 วัน 7 คืน 💸 ราคาเริ่มต้น : ฿45,900 ✔️ ห้องพักบนเรือสำราญ 6 คืน ✔️ พักโรงแรมที่มาเลเซีย 1 คืน ✔️ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ พร้อมน้ำหนักกระเป๋าโหลดใต้เครื่อง 20 กก. ✔️ ประกันอุบัติเหตุกรุ๊ป 🅿️ รหัสโปรแกรม : AOCT-AKxSL-8D7N-PKL-HKG-2512252 คลิกดูรายละเอียดโปรแกรม : 78s.me/e8a229 ✅ดูแพ็คเกจเรือทั้งหมด https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youytube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #PianoLandCruise #Aisa #Malaysia #Singapore #Hongkong #Vietnam #แพ็คเกจล่องเรือสำราญ #Cruisedomain
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯต้องฟัง! เขมรรุกรานไทยก่อน : [THE MESSAGE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะโทรศัพท์หานายกรัฐมนตรีไทยและนายกฯกัมพูชา ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นปกติ ผู้นำแต่ละประเทศสื่อสารกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าโทรมาก็จะชี้แจงสถานการณ์ ท่านต้องได้รับฟังอย่างละเอียดจากตนเอง และได้อธิบายเหตุการณ์ให้ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฟังแล้ว ยืนยัน เราต้องรักษาอธิปไตย รักษาประชาชน รักษาศักดิ์ศรีของคนไทย เรามั่นใจอย่างมากว่าเป็นฝ่ายถูกรุกราน
    สหรัฐฯต้องฟัง! เขมรรุกรานไทยก่อน : [THE MESSAGE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะโทรศัพท์หานายกรัฐมนตรีไทยและนายกฯกัมพูชา ไม่ได้เป็นเรื่องที่ไม่เป็นปกติ ผู้นำแต่ละประเทศสื่อสารกันตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งถ้าโทรมาก็จะชี้แจงสถานการณ์ ท่านต้องได้รับฟังอย่างละเอียดจากตนเอง และได้อธิบายเหตุการณ์ให้ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฟังแล้ว ยืนยัน เราต้องรักษาอธิปไตย รักษาประชาชน รักษาศักดิ์ศรีของคนไทย เรามั่นใจอย่างมากว่าเป็นฝ่ายถูกรุกราน
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 0 Reviews
  • วาดฝันนั่งรถไฟ คุนหมิง-สิงคโปร์

    การเปิดเดินรถไฟ ETS ตั้งแต่สถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถึงสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย แม้จะไม่มีขบวนรถสายยาวจากสถานีปาดังเบซาร์ ชายแดนไทย-มาเลเซีย แต่คนที่วาดฝันว่าจะนั่งรถไฟจากคุนหมิง ประเทศจีน ไปประเทศสิงคโปร์ย่อมไม่ไกลเกินฝัน แต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า เมื่อลองร่างโปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ผลออกมาดังนี้

    วันที่ 1 ออกจากสถานีรถไฟคุนหมิงใต้ (Kunmingnan) ด้วยรถไฟ EMU ขบวนที่ D87 เวลา 08.08 น. (ตามเวลาประเทศจีน) ตามกำหนดจะถึงสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 16.44 น. (ตามเวลาประเทศลาว) แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 17.00 น.

    จากนั้นมี 2 ตัวเลือก คือ 1. ใช้บริการรถรับจ้างไปสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ต่อขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากสถานีเวลา 18.25 น. ถึงปลายทาง 07.30 น. หรือ 2. ต่อรถประจำทางหรือรถรับจ้างไปสะพานมิตรภาพ เข้าประเทศไทยไปสถานีหนองคาย ต่อขบวนรถด่วนพิเศษอีสานมรรคาที่ 26 หนองคาย-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากสถานีเวลา 19.40 น. ถึงปลายทาง 05.30 น.

    วันที่ 2 ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มี 2 ตัวเลือก คือ 1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเวลา 16.10 น. ถึงปลายทางสถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย 08.05 น. แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 09.00 น. (หรือ 10.00 น. ตามเวลามาเลเซีย) หรือ 2. ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ที่ 31 กรุงเทพอภิวัฒน์-ชุมทางหาดใหญ่ ออกจากสถานีเวลา 16.50 น. ถึงปลายทาง 07.05 น. แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 08.00 น. แล้วต่อขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเวลา 08.55 น. ถึงปลายทาง 09.40 น. (หรือ 10.40 น. ตามเวลามาเลเซีย)

    จากนั้นต่อรถไฟ ETS ไปยังปลายทาง KL Sentral อ้างอิงตารางเดินรถวันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป (ตามเวลามาเลเซีย) มีให้เลือกได้แก่ 1. ขบวน EG9449 ออกจากสถานีเวลา 12.05 น. ถึง KL Sentral ประมาณ 17.50 น. (ถึงปลายทางสถานีเซกามัตประมาณ 20.36 น.) หรือ 2. ขบวน EX9209 ออกจากสถานีเวลา 13.50 น. ถึงปลายทางประมาณ 18.40 น. และ 3. ขบวน EP9233 ออกจากสถานีเวลา 17.00 น. ถึงปลายทางประมาณ 22.45 น. ค้างที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 1 คืน

    วันที่ 3 ออกจากสถานี KL Sentral ด้วยรถไฟ ETS ขบวน EP9523 ออกจากสถานีเวลา 07.55 น. ถึงปลายทางสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ประมาณ 12.15 น. ต่อรถไฟ Shuttle Tebrau ไปสถานีวู้ดแลนด์ ประเทศสิงคโปร์ ขบวน ST79 ออกจากสถานีเวลา 12.45 น. หรือขบวน ST81 ออกจากสถานีเวลา 14.00 น. ใช้เวลา 5 นาที

    #Newskit
    วาดฝันนั่งรถไฟ คุนหมิง-สิงคโปร์ การเปิดเดินรถไฟ ETS ตั้งแต่สถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถึงสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย แม้จะไม่มีขบวนรถสายยาวจากสถานีปาดังเบซาร์ ชายแดนไทย-มาเลเซีย แต่คนที่วาดฝันว่าจะนั่งรถไฟจากคุนหมิง ประเทศจีน ไปประเทศสิงคโปร์ย่อมไม่ไกลเกินฝัน แต่ต้องจองตั๋วล่วงหน้า เมื่อลองร่างโปรแกรมการเดินทางคร่าวๆ ผลออกมาดังนี้ วันที่ 1 ออกจากสถานีรถไฟคุนหมิงใต้ (Kunmingnan) ด้วยรถไฟ EMU ขบวนที่ D87 เวลา 08.08 น. (ตามเวลาประเทศจีน) ตามกำหนดจะถึงสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ เวลา 16.44 น. (ตามเวลาประเทศลาว) แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 17.00 น. จากนั้นมี 2 ตัวเลือก คือ 1. ใช้บริการรถรับจ้างไปสถานีเวียงจันทน์ (คำสะหวาด) ต่อขบวนรถเร็วที่ 134 เวียงจันทน์-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากสถานีเวลา 18.25 น. ถึงปลายทาง 07.30 น. หรือ 2. ต่อรถประจำทางหรือรถรับจ้างไปสะพานมิตรภาพ เข้าประเทศไทยไปสถานีหนองคาย ต่อขบวนรถด่วนพิเศษอีสานมรรคาที่ 26 หนองคาย-กรุงเทพอภิวัฒน์ ออกจากสถานีเวลา 19.40 น. ถึงปลายทาง 05.30 น. วันที่ 2 ออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มี 2 ตัวเลือก คือ 1. ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 45 กรุงเทพอภิวัฒน์-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเวลา 16.10 น. ถึงปลายทางสถานีปาดังเบซาร์ ประเทศมาเลเซีย 08.05 น. แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 09.00 น. (หรือ 10.00 น. ตามเวลามาเลเซีย) หรือ 2. ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ที่ 31 กรุงเทพอภิวัฒน์-ชุมทางหาดใหญ่ ออกจากสถานีเวลา 16.50 น. ถึงปลายทาง 07.05 น. แต่อาจมีขบวนรถล่าช้า ถึงปลายทางประมาณ 08.00 น. แล้วต่อขบวนรถพิเศษโดยสารที่ 947 ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ออกจากสถานีเวลา 08.55 น. ถึงปลายทาง 09.40 น. (หรือ 10.40 น. ตามเวลามาเลเซีย) จากนั้นต่อรถไฟ ETS ไปยังปลายทาง KL Sentral อ้างอิงตารางเดินรถวันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป (ตามเวลามาเลเซีย) มีให้เลือกได้แก่ 1. ขบวน EG9449 ออกจากสถานีเวลา 12.05 น. ถึง KL Sentral ประมาณ 17.50 น. (ถึงปลายทางสถานีเซกามัตประมาณ 20.36 น.) หรือ 2. ขบวน EX9209 ออกจากสถานีเวลา 13.50 น. ถึงปลายทางประมาณ 18.40 น. และ 3. ขบวน EP9233 ออกจากสถานีเวลา 17.00 น. ถึงปลายทางประมาณ 22.45 น. ค้างที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ 1 คืน วันที่ 3 ออกจากสถานี KL Sentral ด้วยรถไฟ ETS ขบวน EP9523 ออกจากสถานีเวลา 07.55 น. ถึงปลายทางสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ประมาณ 12.15 น. ต่อรถไฟ Shuttle Tebrau ไปสถานีวู้ดแลนด์ ประเทศสิงคโปร์ ขบวน ST79 ออกจากสถานีเวลา 12.45 น. หรือขบวน ST81 ออกจากสถานีเวลา 14.00 น. ใช้เวลา 5 นาที #Newskit
    Like
    2
    1 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • ปิดตำนาน 18 ปีมาสวิง สู่แอร์บอร์เนียวรัฐซาราวัก

    สายการบินน้องใหม่ของมาเลเซียที่ชื่อว่า แอร์บอร์เนียว (Air Borneo) จะเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านเว็บไซต์ในวันที่ 10 ธ.ค. 2568 ก่อนทำการบินครั้งแรกในวันที่ 14 ม.ค. 2569 หลังรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ซื้อกิจการสายการบินมาสวิง (MASWings) จากกลุ่มมาเลเซีย เอวิเอชัน กรุ๊ป (MAG) เจ้าของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airlines) มาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568

    โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เที่ยวบินทั้งหมดของมาสวิงจะให้บริการโดยแอร์บอร์เนียว ภายหลังโอนสิทธิ์การบริหารให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ระหว่างนี้ การซื้อตั๋วใหม่สำหรับการเดินทางถึงวันที่ 13 ม.ค. 2569 ยังคงซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของมาสวิง หลังจากนั้นวันที่ 14 ม.ค. 2569 สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้บนเว็บไซต์และคอลเซ็นเตอร์ของแอร์บอร์เนียว

    ส่วนโปรแกรมสะสมคะแนนเอนริช พอยต์ (Enrich Points) จะไม่สามารถสะสมหรือแลกใช้ได้กับเที่ยวบินของแอร์บอร์เนียวได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มาเลเซียแอร์ไลน์ยังมีเที่ยวบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังปลายทางบนเกาะบอร์เนียว ได้แก่ กูชิ่ง ซิบู บินตูลู มิริ ลาบวน โกตากินาบาลู ซันดากัน ตาเวา รวมถึงสายการบินไฟร์ฟลาย (Firefly) มีเส้นทางไปกูชิ่่ง ซิบู โกตากินาบาลู ตาเวา

    สำหรับมาสวิง เป็นสายการบินชุมชนระดับภูมิภาคสำหรับรัฐซาบาห์และซาราวักในมาเลเซียตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2550 เน้นเส้นทางไปยังพื้นที่ชนบท (RAS) ภายในรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักเป็นหลัก โดยมีศูนย์กลางการบินหลัก (Hub) ที่โกตากินาบาลู มิริ และฮับรองที่กูชิ่ง ไปยังจุดหมายปลายทางหลัก รวม 23 แห่ง ใช้เครื่องบิน ATR72-500 มี 68 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ และ VIKING DHC-6-400 มี 19 ที่นั่ง จำนวน 6 ลำ ใช้สำหรับบริการการบินในชนบท โดยได้รับเงินอุดหนุนประจำปีจากรัฐบาลกลาง

    รัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ภายใต้การนำของนายอาบัง โจฮาริ โอเปง มุขมนตรีรัฐซาราวัก ได้ซื้อกิจการสายการบินมาสวิง เพื่อจัดตั้งสายการบินบูทีคแอร์ไลน์ (Boutique Airline) ที่ภาครัฐเป็นเจ้าของ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น และผลักดันให้รัฐซาราวักเป็นศูนย์กลางการบินบนเกาะบอร์เนียว ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวมาเลย์เมล์ (MalayMail) ของรายงานว่า แอร์บอร์เนียวมีแผนจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศสิงคโปร์ และเกาะเชจูในเกาหลีใต้

    อนึ่ง รัฐซาราวัก มีเมืองหลักคือกูชิ่ง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์โดยเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวซึ่งเป็นแผ่นดินรวมกัน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน

    #Newskit
    ปิดตำนาน 18 ปีมาสวิง สู่แอร์บอร์เนียวรัฐซาราวัก สายการบินน้องใหม่ของมาเลเซียที่ชื่อว่า แอร์บอร์เนียว (Air Borneo) จะเริ่มจำหน่ายตั๋วโดยสารผ่านเว็บไซต์ในวันที่ 10 ธ.ค. 2568 ก่อนทำการบินครั้งแรกในวันที่ 14 ม.ค. 2569 หลังรัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ซื้อกิจการสายการบินมาสวิง (MASWings) จากกลุ่มมาเลเซีย เอวิเอชัน กรุ๊ป (MAG) เจ้าของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ (Malaysia Airlines) มาตั้งแต่เดือน ก.พ. 2568 โดยตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 เที่ยวบินทั้งหมดของมาสวิงจะให้บริการโดยแอร์บอร์เนียว ภายหลังโอนสิทธิ์การบริหารให้แก่รัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ระหว่างนี้ การซื้อตั๋วใหม่สำหรับการเดินทางถึงวันที่ 13 ม.ค. 2569 ยังคงซื้อตั๋วผ่านเว็บไซต์ของมาสวิง หลังจากนั้นวันที่ 14 ม.ค. 2569 สามารถซื้อตั๋วเครื่องบินได้บนเว็บไซต์และคอลเซ็นเตอร์ของแอร์บอร์เนียว ส่วนโปรแกรมสะสมคะแนนเอนริช พอยต์ (Enrich Points) จะไม่สามารถสะสมหรือแลกใช้ได้กับเที่ยวบินของแอร์บอร์เนียวได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม มาเลเซียแอร์ไลน์ยังมีเที่ยวบินจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ไปยังปลายทางบนเกาะบอร์เนียว ได้แก่ กูชิ่ง ซิบู บินตูลู มิริ ลาบวน โกตากินาบาลู ซันดากัน ตาเวา รวมถึงสายการบินไฟร์ฟลาย (Firefly) มีเส้นทางไปกูชิ่่ง ซิบู โกตากินาบาลู ตาเวา สำหรับมาสวิง เป็นสายการบินชุมชนระดับภูมิภาคสำหรับรัฐซาบาห์และซาราวักในมาเลเซียตะวันออก บนเกาะบอร์เนียว เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2550 เน้นเส้นทางไปยังพื้นที่ชนบท (RAS) ภายในรัฐซาบาห์และรัฐซาราวักเป็นหลัก โดยมีศูนย์กลางการบินหลัก (Hub) ที่โกตากินาบาลู มิริ และฮับรองที่กูชิ่ง ไปยังจุดหมายปลายทางหลัก รวม 23 แห่ง ใช้เครื่องบิน ATR72-500 มี 68 ที่นั่ง จำนวน 8 ลำ และ VIKING DHC-6-400 มี 19 ที่นั่ง จำนวน 6 ลำ ใช้สำหรับบริการการบินในชนบท โดยได้รับเงินอุดหนุนประจำปีจากรัฐบาลกลาง รัฐบาลท้องถิ่นรัฐซาราวัก ภายใต้การนำของนายอาบัง โจฮาริ โอเปง มุขมนตรีรัฐซาราวัก ได้ซื้อกิจการสายการบินมาสวิง เพื่อจัดตั้งสายการบินบูทีคแอร์ไลน์ (Boutique Airline) ที่ภาครัฐเป็นเจ้าของ กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในท้องถิ่น และผลักดันให้รัฐซาราวักเป็นศูนย์กลางการบินบนเกาะบอร์เนียว ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวมาเลย์เมล์ (MalayMail) ของรายงานว่า แอร์บอร์เนียวมีแผนจะเปิดเส้นทางบินไปยังประเทศสิงคโปร์ และเกาะเชจูในเกาหลีใต้ อนึ่ง รัฐซาราวัก มีเมืองหลักคือกูชิ่ง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงกัวลาลัมเปอร์โดยเครื่องบินประมาณ 2 ชั่วโมง ตั้งอยู่บนเกาะบอร์เนียวซึ่งเป็นแผ่นดินรวมกัน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน #Newskit
    1 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานายกฯ ชี้ข่าวสื่อนอกอ้างไทยตอบรับหยุดยิงกับมาเลเซีย-กัมพูชา “ไม่เป็นความจริง” ย้ำจุดยืนชัด นายกฯ อนุทิน ไม่หยุดปฏิบัติการ กองทัพยังคงเดินหน้าตามแผนเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยประชาชน
    .
    รัฐบาลย้ำไม่เคยตอบรับข้อเสนอหยุดยิงใด ๆ พร้อมสั่งกระทรวงการต่างประเทศเร่งชี้แจงต่อทูตทั่วโลก
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118393
    .
    #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไม่หยุดยิง #รัฐบาลไทย #อนุทิน
    ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานายกฯ ชี้ข่าวสื่อนอกอ้างไทยตอบรับหยุดยิงกับมาเลเซีย-กัมพูชา “ไม่เป็นความจริง” ย้ำจุดยืนชัด นายกฯ อนุทิน ไม่หยุดปฏิบัติการ กองทัพยังคงเดินหน้าตามแผนเพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยประชาชน . รัฐบาลย้ำไม่เคยตอบรับข้อเสนอหยุดยิงใด ๆ พร้อมสั่งกระทรวงการต่างประเทศเร่งชี้แจงต่อทูตทั่วโลก . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000118393 . #News1live #News1 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ไม่หยุดยิง #รัฐบาลไทย #อนุทิน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • สิ้นสุดการรอคอย รถไฟ KL-ยะโฮร์บาห์รู

    การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เตรียมเปิดให้บริการรถไฟ ETS จากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถึงสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2568 เป็นต้นไป หลังโครงการรถไฟทางคู่ติดตั้งระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 192 กิโลเมตร พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟ 11 แห่งแล้วเสร็จตามแผน โดย KTMB จะทยอยเปิดให้บริการตามลำดับ เริ่มจากภาคใต้ก่อนเชื่อมสู่เส้นทาง ETS เต็มรูปแบบ

    สำหรับตั๋วโดยสาร สามารถซื้อได้ผ่านแอป KITS Style ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my ครอบคลุมช่วงเดินทางล่วงหน้าตั้งแต่ 12 ธ.ค. 2568 ถึงเดือน พ.ค. 2569 โดยเส้นทาง KL Sentral ถึง JB Sentral ให้บริการวันละ 2 เที่ยว ได้แก่ รอบเช้า เฉพาะวันที่ 12-31 ธ.ค. 2568 ออกเวลา 07.45 น. ถึงปลายทาง 12.05 น. ส่วนวันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป ออกเวลา 07.55 น. ถึงปลายทาง 12.15 น. และรอบเย็น ออกเวลา 17.35 น. ถึงปลายทาง 21.55 น.

    ส่วนเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral ให้บริการวันละ 2 เที่ยว ได้แก่ รอบเช้า ออกเวลา 08.40 น. ถึงปลายทางเวลา 13.00 น. และรอบเย็น ออกเวลา 16.20 น. ถึงปลายทางเวลา 20.40 น. โดยแนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตั๋วโดยสารเต็ม และให้มาถึงชานชาลาผู้โดยสารขาออกอย่างน้อย 30 นาทีก่อนเวลาเดินทาง เพราะประตูจะปิด 5 นาทีก่อนออกจากสถานี

    นายอาหมัด นิซาม บิน โมฮาเหม็ด อามิน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTM Berhad กล่าวว่า การเปิดให้บริการรถไฟ ETS ชาวรัฐยะโฮร์สามารถตรงไปยังสถานี KL Sentral ก่อนเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในภาคเหนือและชายฝั่งตะวันออก นอกจากจะอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว ยังสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของรัฐยะโฮร์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงชาวสิงคโปร์ ให้เดินทางมายังมาเลเซียด้วยบริการรถไฟมากขึ้น

    อนึ่ง สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟ ETS จากสถานีปาดังเบซาร์ (ชายแดนไทย-มาเลเซีย) เนื่องจากยังไม่มีการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral จึงต้องลงรถที่สถานี KL Sentral ก่อน แล้วต่อรถไฟอีกขบวนหนึ่ง ซึ่งจากตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 จากสถานีปาดังเบซาร์ สามารถใช้ขบวนรถเที่ยวแรก ออกเวลา 07.20 น. ถึงสถานี KL Sentral เวลา 12.45 น. (เผื่อกรณีขบวนรถล่าช้า) แล้วต่อด้วยรถไฟเที่ยวเวลา 17.35 น. ไปปลายทาง JB Sentral

    ส่วนเที่ยวกลับจาก JB Sentral แนะนำว่าอาจต้องค้างคืนที่กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน แล้วต่อรถไฟ ETS เช้าวันถัดไปเพื่อไปสถานีปาดังเบซาร์ กลับสู่ประเทศไทย

    #Newskit
    สิ้นสุดการรอคอย รถไฟ KL-ยะโฮร์บาห์รู การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) ประเทศมาเลเซีย เตรียมเปิดให้บริการรถไฟ ETS จากสถานี KL Sentral กรุงกัวลาลัมเปอร์ ถึงสถานี JB Sentral รัฐยะโฮร์ ตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2568 เป็นต้นไป หลังโครงการรถไฟทางคู่ติดตั้งระบบไฟฟ้า เกอมัส-ยะโฮร์บาห์รู ระยะทาง 192 กิโลเมตร พร้อมปรับปรุงสถานีรถไฟ 11 แห่งแล้วเสร็จตามแผน โดย KTMB จะทยอยเปิดให้บริการตามลำดับ เริ่มจากภาคใต้ก่อนเชื่อมสู่เส้นทาง ETS เต็มรูปแบบ สำหรับตั๋วโดยสาร สามารถซื้อได้ผ่านแอป KITS Style ตู้จำหน่ายตั๋วอัตโนมัติ และเว็บไซต์ online.ktmb.com.my ครอบคลุมช่วงเดินทางล่วงหน้าตั้งแต่ 12 ธ.ค. 2568 ถึงเดือน พ.ค. 2569 โดยเส้นทาง KL Sentral ถึง JB Sentral ให้บริการวันละ 2 เที่ยว ได้แก่ รอบเช้า เฉพาะวันที่ 12-31 ธ.ค. 2568 ออกเวลา 07.45 น. ถึงปลายทาง 12.05 น. ส่วนวันที่ 1 ม.ค. 2569 เป็นต้นไป ออกเวลา 07.55 น. ถึงปลายทาง 12.15 น. และรอบเย็น ออกเวลา 17.35 น. ถึงปลายทาง 21.55 น. ส่วนเส้นทาง JB Sentral ถึง KL Sentral ให้บริการวันละ 2 เที่ยว ได้แก่ รอบเช้า ออกเวลา 08.40 น. ถึงปลายทางเวลา 13.00 น. และรอบเย็น ออกเวลา 16.20 น. ถึงปลายทางเวลา 20.40 น. โดยแนะนำให้ซื้อตั๋วล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาตั๋วโดยสารเต็ม และให้มาถึงชานชาลาผู้โดยสารขาออกอย่างน้อย 30 นาทีก่อนเวลาเดินทาง เพราะประตูจะปิด 5 นาทีก่อนออกจากสถานี นายอาหมัด นิซาม บิน โมฮาเหม็ด อามิน รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTM Berhad กล่าวว่า การเปิดให้บริการรถไฟ ETS ชาวรัฐยะโฮร์สามารถตรงไปยังสถานี KL Sentral ก่อนเชื่อมต่อไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ในภาคเหนือและชายฝั่งตะวันออก นอกจากจะอำนวยความสะดวกด้านการเดินทางในชีวิตประจำวันแล้ว ยังสนับสนุนการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจของรัฐยะโฮร์ ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยว รวมถึงชาวสิงคโปร์ ให้เดินทางมายังมาเลเซียด้วยบริการรถไฟมากขึ้น อนึ่ง สำหรับผู้ที่เดินทางด้วยรถไฟ ETS จากสถานีปาดังเบซาร์ (ชายแดนไทย-มาเลเซีย) เนื่องจากยังไม่มีการเดินรถไปถึงสถานี JB Sentral จึงต้องลงรถที่สถานี KL Sentral ก่อน แล้วต่อรถไฟอีกขบวนหนึ่ง ซึ่งจากตารางเดินรถใหม่ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 จากสถานีปาดังเบซาร์ สามารถใช้ขบวนรถเที่ยวแรก ออกเวลา 07.20 น. ถึงสถานี KL Sentral เวลา 12.45 น. (เผื่อกรณีขบวนรถล่าช้า) แล้วต่อด้วยรถไฟเที่ยวเวลา 17.35 น. ไปปลายทาง JB Sentral ส่วนเที่ยวกลับจาก JB Sentral แนะนำว่าอาจต้องค้างคืนที่กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน แล้วต่อรถไฟ ETS เช้าวันถัดไปเพื่อไปสถานีปาดังเบซาร์ กลับสู่ประเทศไทย #Newskit
    1 Comments 0 Shares 204 Views 0 Reviews
  • สถานทูตญี่ปุ่นในพนมเปญแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดไทย-กัมพูชาที่ปะทุรอบใหม่ แม้มีปฏิญญาร่วมเมื่อ 26 ต.ค. , เรียกร้องทั้งสองฝ่ายยึดข้อตกลงหยุดยิง อดทนอดกลั้น และหาทางออกสันติ พร้อมย้ำญี่ปุ่นจะร่วมมือสหรัฐฯ มาเลเซีย และประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดสถานการณ์
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117994
    .
    #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    สถานทูตญี่ปุ่นในพนมเปญแสดงความกังวลต่อความตึงเครียดไทย-กัมพูชาที่ปะทุรอบใหม่ แม้มีปฏิญญาร่วมเมื่อ 26 ต.ค. , เรียกร้องทั้งสองฝ่ายยึดข้อตกลงหยุดยิง อดทนอดกลั้น และหาทางออกสันติ พร้อมย้ำญี่ปุ่นจะร่วมมือสหรัฐฯ มาเลเซีย และประเทศที่เกี่ยวข้องเพื่อลดสถานการณ์ . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000117994 . #News1live #News1 #ญี่ปุ่น #ชายแดนไทยกัมพูชา #สถานการณ์ชายแดน
    0 Comments 0 Shares 133 Views 0 Reviews
  • มุกเดิมฮุนเซน งัดคลิปแบล็คเมล์

    การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้กัมพูชาใช้วิธีตีสองหน้า ลอบโจมตีทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย แล้วอ้างต่อประชาคมโลกว่าไม่ได้ทำ ปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพ แบบเดียวกับเวลาทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 สภาพใหม่เอี่ยม กัมพูชาก็อ้างว่าเป็นของเก่า งานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีท่าทีแข็งกร้าว เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก่อนมีมติปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณี ตามเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มีการปฏิบัติการทางทหารในเรื่องอื่นๆ ที่มีความจำเป็น

    นายอนุทินยืนยันว่าไม่เจรจากับกัมพูชาอีกแล้ว จากนี้ไปถ้ากัมพูชาจะหยุดสู้รบกันก็ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด รวมถึงถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งลงนามที่ประเทศมาเลเซียก็ไม่มีแล้ว ไม่คุย และไม่แจ้งนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะเป็นเรื่องของประเทศไทยและคู่กรณี และไม่กังวลว่าจะส่งผลต่อการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ แต่อีกด้านหนึ่ง นายอนุทินยังคงไม่ยกเลิก MOU43 และ MOU44 แต่อย่างใด ทั้งที่ผ่านมากัมพูชามองว่าเป็นเพียงแค่เศษกระดาษ และมีพฤติกรรมรุกล้ำดินแดนไทยอย่างต่อเนื่อง

    ที่น่าสนใจก็คือ มุกเดิมๆ ของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และรักษาการประมุขแห่งรัฐ เอาคลิปที่นายอนุทินไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา โดยไม่ระบุวัน เวลา และสถานที่อย่างแน่ชัด โดยระบุข้อความว่า "ผมไม่คิดเลยว่านายกรัฐมนตรีอนุทินของไทย จะกล้าเอาชีวิตของทหารและประชาชนไปประกาศสงครามกับกัมพูชา เพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อกองทัพกัมพูชาไม่ตอบโต้ ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นเพื่อน แต่เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านกลับลืมมิตรภาพ ผมเข้าใจความรักชาติ แต่เราไม่ควรประกาศสงครามกับผู้ที่ไม่ตอบโต้"

    จุดอ่อนของนายฮุน เซน คือไม่ชอบให้ใครมาเหยียดหยาม เขาประสบความสำเร็จในการเผยแพร่คลิปเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า สนทนาทางโทรศัพท์ ด้วยวลีที่ว่า "แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนละพวกกับเรา" และ "อังเคิลอยากได้อะไรขอให้บอก เดี๋ยวจัดให้" ทำคนไทยทั้งประเทศโกรธและตราหน้าว่า "ขายชาติ" นำไปสู่การพ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับนายอนุทิน ขณะนี้ยังไม่พบว่าเคยมีผลประโยชน์อะไรกับกัมพูชา เมื่อเทียบกับตระกูลชินวัตร วิธีการแบล็คเมล์เดิมๆ ของนายฮุน เซน กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย และอาจทำให้มิตรประเทศต่างๆ ไม่น่าไว้วางใจยิ่งขึ้น

    #Newskit
    มุกเดิมฮุนเซน งัดคลิปแบล็คเมล์ การปะทะกันระหว่างไทยและกัมพูชาครั้งใหม่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้กัมพูชาใช้วิธีตีสองหน้า ลอบโจมตีทหารไทยบาดเจ็บ 2 นาย แล้วอ้างต่อประชาคมโลกว่าไม่ได้ทำ ปฎิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพ แบบเดียวกับเวลาทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 สภาพใหม่เอี่ยม กัมพูชาก็อ้างว่าเป็นของเก่า งานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย มีท่าทีแข็งกร้าว เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ก่อนมีมติปฏิบัติการทางทหารในทุกกรณี ตามเงื่อนไขของสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และให้มีการปฏิบัติการทางทหารในเรื่องอื่นๆ ที่มีความจำเป็น นายอนุทินยืนยันว่าไม่เจรจากับกัมพูชาอีกแล้ว จากนี้ไปถ้ากัมพูชาจะหยุดสู้รบกันก็ต้องทำตามสิ่งที่ประเทศไทยกำหนด รวมถึงถ้อยแถลงร่วม (Joint Declaration) ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งลงนามที่ประเทศมาเลเซียก็ไม่มีแล้ว ไม่คุย และไม่แจ้งนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หรือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพราะเป็นเรื่องของประเทศไทยและคู่กรณี และไม่กังวลว่าจะส่งผลต่อการเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ แต่อีกด้านหนึ่ง นายอนุทินยังคงไม่ยกเลิก MOU43 และ MOU44 แต่อย่างใด ทั้งที่ผ่านมากัมพูชามองว่าเป็นเพียงแค่เศษกระดาษ และมีพฤติกรรมรุกล้ำดินแดนไทยอย่างต่อเนื่อง ที่น่าสนใจก็คือ มุกเดิมๆ ของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และรักษาการประมุขแห่งรัฐ เอาคลิปที่นายอนุทินไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดไพลิน ประเทศกัมพูชา โดยไม่ระบุวัน เวลา และสถานที่อย่างแน่ชัด โดยระบุข้อความว่า "ผมไม่คิดเลยว่านายกรัฐมนตรีอนุทินของไทย จะกล้าเอาชีวิตของทหารและประชาชนไปประกาศสงครามกับกัมพูชา เพื่อผลประโยชน์ในการเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อกองทัพกัมพูชาไม่ตอบโต้ ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านเป็นเพื่อน แต่เมื่อท่านเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านกลับลืมมิตรภาพ ผมเข้าใจความรักชาติ แต่เราไม่ควรประกาศสงครามกับผู้ที่ไม่ตอบโต้" จุดอ่อนของนายฮุน เซน คือไม่ชอบให้ใครมาเหยียดหยาม เขาประสบความสำเร็จในการเผยแพร่คลิปเสียง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้า สนทนาทางโทรศัพท์ ด้วยวลีที่ว่า "แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นคนละพวกกับเรา" และ "อังเคิลอยากได้อะไรขอให้บอก เดี๋ยวจัดให้" ทำคนไทยทั้งประเทศโกรธและตราหน้าว่า "ขายชาติ" นำไปสู่การพ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่สำหรับนายอนุทิน ขณะนี้ยังไม่พบว่าเคยมีผลประโยชน์อะไรกับกัมพูชา เมื่อเทียบกับตระกูลชินวัตร วิธีการแบล็คเมล์เดิมๆ ของนายฮุน เซน กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัย และอาจทำให้มิตรประเทศต่างๆ ไม่น่าไว้วางใจยิ่งขึ้น #Newskit
    1 Comments 0 Shares 421 Views 0 Reviews
  • แผนชั่ว ตอนที่ 11

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว”
    ตอน 11
    ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย
    เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ
    น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน
    พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น
    แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ
    ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan
    ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006)
    ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ
    ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า
    จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe
    ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง
    พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008)
    ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย
    ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้
    แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร
    จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป
    แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ก.ย. 2558
    แผนชั่ว ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แผนชั่ว” ตอน 11 ในช่วงหลายปีมานี้ จีนให้ความช่วยเหลือพม่า ด้านการทหารอย่างมหาศาล ให้ทั้งเครื่องบินรบ เครื่องบินขนส่ง รถถัง และอาวุธ รวมทั้งส่งเรือรบ และเครื่องป้องกันจรวดจากพื้นดินด้วย นอกจากนี้ จีนยังสร้างทางรถไฟ ถนนให้กับพม่า และพม่ายังมีข้อตกลงกับจีน ให้จีนสามารถนำกองกำลังเข้ามาในพม่าได้ด้วย เรื่องนี้ มันเหลือเชื่อ … นอกจากนี้ จีนยังสร้างเครื่องตรวจจับโดยใช้ระบบอีเล็กโทรนิค ไว้ที่เกาะโกโก้ของพม่า ในมหาสมุทรอินเดีย และพม่ายังยอมให้จีน สร้างฐานทัพเรือ ไว้แถวนั้นอีกด้วย เขาจับมือกันแน่นขนาดนี้ อเมริกาจะทนดูไหวหรือ น้ำมันและแก๊สของพม่า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ทั้ง 2 เรื่องนี้ น่าจะเป็นสาเหตุ ที่ทำให้อเมริกาแยกเขี้ยวคำราม จนขนสันหลังตั้งชัน ใส่จีน พม่าเริ่มผลิตน้ำมันและแก๊สได้เอง ตั้งแต่ยังเป็นอาณานิคมของอังกฤษ แล้ว โดยอังกฤษตั้งบริษัท ชื่อ Rangoon Oil Company ในปี ค.ศ.1871 ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Burmah Oil Company ในปี ค.ศ.1970 พม่าผลิตแก๊สธรรมชาติได้ และในปี ค.ศ.1990 พม่าให้สัมปทานแก๊ส ในอ่าวเมาะตะมะ Martaban แก่ Elf Total ของฝรั่งเศส และ Premier Oil ของอังกฤษ ต่อมา Texaco และ Unocal (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Chevron) ก็ได้สัมปทาน จากแหล่ง ยาดานา Yadana และเยตากุน Yatagun ด้วย ใครว่าพม่าปิดประตูแน่น แหล่งยาดานา มีแก๊สประมาณ 5 ล้านล้านคิวบิกฟุต คาดกันว่ามีอายุใช้งานอย่างน้อย 30 ปี ส่วนเยตากุน มีประมาณ 1 ใน 3 ของ ยาดานา พม่าไม่น่าจนนะ ในปี ค.ศ.2004 ยังมีการค้นพบแหล่งแก๊สใหญ่ ฉ่วย Shwe นอกอ่าวอาระกัน Arakan ในปี ค.ศ.2002 Texaco และ Premier Oil ต่างถอนตัวจาก โครงการที่เยตากุน หลังจากมีการกดดันจากรัฐบาลอังกฤษ และพวก เอ็นจีโอ NGO หลังจากนั้น Petronas ของมาเลเซีย ก็เข้ามาซื้อหุ้นใน Premier ไป 27% และ Premier ก็กลับเข้าไปทำโครงการ ในเยตากุนต่อร่วมกับ Nippon’s Oil ของญี่ปุ่นกับ PTT-EP ของไทย แก๊สจากแหล่งนี้ ส่งออกไปตามท่อของยาดานา การร่วมทุนรายการนี้ น่าสนใจนะครับ มาเลเซีย อังกฤษ ญี่ปุ่น ไทย ในปี ค.ศ. 2002 ที่เรามีไอ้โจรร้ายเป็นนายกรัฐมนตรี (ไอ้โจรร้าย เป็นนายกรัฐมนตรี ค.ศ.2001 ถึง 2006) ส่วนที่ยาดานา มีการร่วมลงทุนระหว่าง Elf Total, Unocal, PTT-EP และ MOGE องค์กรของรัฐบาลพม่า โดยมี Total เป็นผู้ดำเนินการ ในช่วงปี ค.ศ.2005 จีน ไทย เกาหลีใต้ ต่างขยายการลงทุนในพม่า ด้านน้ำมันและแก๊สอย่างมาก การส่งออกแก็สของพม่า มายังไทยเพิ่มขึ้นถึง 50% แก๊ส กลายเป็นสินค้าส่งออกสำคัญที่นำรายได้มาเลี้ยงพม่า จีน อินเดีย พม่า และบังคลาเทศ มีข้อพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในแหล่งทรัพยากรในทะเล ซึ่งรวมไปถึงสิทธืในแหล่งแก็ส ฉ่วย Shwe ในปี ค.ศ.2007 พม่าลงนามในบันทึกข้อตกลงกับ PetroChina ที่จะส่งแก๊สจากแหล่งฉ่วยในอ่าวเบงกอลให้แก่จีน ในปริมาณมหาศาล เป็นเวลา 30 ปี รายการนี้ อีนี่ อินเดียเสียหายมาก เดิมพม่าให้สัมปทานกับอินเดีย ที่จะขุดเจาะแก๊ส 2 หลุมในทะเล และอินเดียมีแผนที่จะส่งแก๊ส เข้าท่อส่งแก๊ส ที่จะวางผ่านบังคลาเทศ ไปเข้าอินเดีย แต่แขกคุยกันเองไม่รู้เรื่อง เกี่ยวกับเรื่องเขตแดนในทะเล คงส่ายหน้าไปกันคนละทาง เขาว่า กว่าจะตกลงกันได้ ก็ปาเข้าปี ค.ศ.2014 นี่เอง พม่าขี้เกียจรอแขกทะเลาะกัน เลยตัดสินใจคุยกับจีน ซึ่งเสนอเงินลงทุนหลายพันล้านเหรียญ เพื่อสร้างท่อส่งแก๊สและน้ำมัน จากท่าเรือน้ำลึกในสิตเว Sittwe ที่อ่าวเบงกอล ข้ามไปนู่น ถึงคุนหมิง แค้วนยูนนานของจีน เป็นท่อส่งที่มีความยาวถึง 2,400 กิโลเมตร (บางข้อมูล บอก 2,800 กิโลเมตร) และจีนกำลังสร้างโรงกลั่นน้ำมัน ที่คุนหมิงอีกด้วย คงพอเห็นยุทธศาสตร์ของอาเฮีย เพื่อแก้เกมรัดคอนะครับ (จีนเริ่มคุยกับพม่า ตั้งแต่ปี ค.ศ.2004 แต่มาทำสัญญากันปี ค.ศ.2008) ท่อส่งรายการนี้ จะช่วยให้น้ำมันจากอาฟริกา (ซูดานและชาด เป็นต้น) และตะวันออกกลาง (อิหร่าน ซาอุดิอารเบีย) ส่งมาถึงจีน โดยไม่ต้องผ่านจุดรัดคอ ที่ช่องแคบมะละกา ห่างมือห่างตีน ของอเมริกา ที่คิดจะมาคุมช่องแคบมะละกา และพม่าก็กลายเป็นสะพานเชื่อมจีน กับ บังคลาเทศ อีกด้วย ฝ่ายหนึ่ง เตรียมแผนคุมบริเวณห่วงรัดคอ อีกฝ่าย กำลังหนีห่วงรัดคอ ด้วยแผนสร้างท่อ สู้ด้วยท่อเหมือนเพื่อนรัก ถ้าจีนสร้างท่อส่งเสร็จเมื่อไหร่ แผนห่วงรัดคอ ก็คงเป็นหมันใช้กับจีนไม่ได้ แล้วอย่างเงียบๆ ท่อส่งแก๊ส น้ำมัน พม่าจีน ก็สร้างเสร็จ ทำพิธีปล่อยลูกโป่งไปเมื่อ เดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 นี้เอง กว่าจะเสร็จ เขาว่ามี เอ็นจีโอ ประท้วงเกือบทุกกิโลเมตร จีนบอกว่า เรามาขออาศัยใช้พื้นที่วางท่อ เราไม่ได้มายุให้ประชาชนตีกัน ทะเลาะกัน เราไม่คิดยุ่งกับการบ้านการเมืองของใคร ไม่บังคับข่มขืนจิตใจใคร ให้ปกครองบ้านเมืองอย่างไร ไม่ต้องมาใช้ตะเกียบเหมือนเรา ถนัดนุ่งโสร่งก็นุ่งต่อไป เราไม่ยุ่งอะไรด้วย อาเฮียหวังมาผูกมิตร เซ็งลี้ฮ้อด้วยกันอย่างเดียว และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้มาเอา เปรียบ จีนตกลงจะจ่ายค่าชดเชย (ค่าใช้ที่ดินในการวางท่อ) ให้พม่าเป็นระยะเวลา 30 ปี รวมเป็นเงินประมาณ 5 หมื่น 3 พันล้านเหรียญ และสร้างโรงเรียน โรงพยาบาล ใบบริเวณ ที่ท่อส่งผ่าน อีกประมาณ 25 ล้านเหรียญ แล้วทั้งเสียงของ เอ็นจีโอ และรัฐบาลพม่าก็เงียบไป แล้วอีกเสียงจะเงียบไหม คุณนายซู ยังไม่ได้คุมประเทศตามที่ต้องการ โปรโมเตอร์เสียงอ่อยไปจม เหลือให้เล่นไม่กี่ฉาก ตามสันดานนักล่า หมากพม่ากระดานนี้ ดูเหมือนนักล่าจะเสียให้แก่จีน เหมือนตอนเสียซูดานใต้ยกแรก แบบนี้ นักล่าคงเตรียมยุทธศาสตร์รุกกลับ รุนแรงตามสันดาน และอาจจะหนักกว่าสมัยซูดานใต้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ก.ย. 2558
    0 Comments 0 Shares 411 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระราชคุณาธาร พ่อท่านอ่อน รุ่นพิเศษ วัดประชุมชลธารา จ.นราธิวาส ปี2546
    เหรียญพระราชคุณาธาร พ่อท่านอ่อน รุ่นพิเศษ วัดประชุมชลธารา จ.นราธิวาส ปี2546 // พระดีพิธีใหญ่ เหรียญดี มีประสบการณ์มากครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ พุทธคุณ มหาอำนาจ..ทางด้านการปกครอง เมตตามหานิยมสูง แคล้วคลาดภัยภิบัติ คงกระพัน โชคลาภ มีไว้บูชาโชคลาภฯ ร่ำรวย ป้องกันภัย แก้คุณไสย ประสบการณ์เด่นทางด้านแคล้วคลาดกันบ่อย..สุดยอดประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ **

    ** ท่านเจ้าคุณพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี นราธิวาส ท่านเจ้าคุณเป็นทั้งพระนักปฏิบัติ และพระนักพัฒนา เป็นที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ รวมไปถึงชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์ ทั้งชาวไทยพุทธและอิสลาม มีพระคณาจารย์สายใต้ฯร่วมพุทธาภิเษกฯ พุทธคุณดีครอบจักรวาลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนิรันตราย แคล้วคลาดเป็นเลิศฯ ลูกศิษย์สายตรงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง..พระเทพศีลวิสุทธิ์ (อ่อน ทนฺตจิตฺโต) พระเถระอีกรูปหนึ่งที่เป็นหลักชัยและหลักใจของชาวเมืองนราธิวาส เป็นเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พระผู้ใหญ่หนึ่งเดียว ผู้เป็นกาวใจพุทธ-มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้... **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระราชคุณาธาร พ่อท่านอ่อน รุ่นพิเศษ วัดประชุมชลธารา จ.นราธิวาส ปี2546 เหรียญพระราชคุณาธาร พ่อท่านอ่อน รุ่นพิเศษ วัดประชุมชลธารา จ.นราธิวาส ปี2546 // พระดีพิธีใหญ่ เหรียญดี มีประสบการณ์มากครับ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ พุทธคุณ มหาอำนาจ..ทางด้านการปกครอง เมตตามหานิยมสูง แคล้วคลาดภัยภิบัติ คงกระพัน โชคลาภ มีไว้บูชาโชคลาภฯ ร่ำรวย ป้องกันภัย แก้คุณไสย ประสบการณ์เด่นทางด้านแคล้วคลาดกันบ่อย..สุดยอดประสบการณ์ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ** ** ท่านเจ้าคุณพระเทพศีลวิสุทธิ์ เจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา อ.สุไหงปาดี นราธิวาส ท่านเจ้าคุณเป็นทั้งพระนักปฏิบัติ และพระนักพัฒนา เป็นที่เคารพนับถือของคนในพื้นที่ รวมไปถึงชาวมาเลเซียและชาวสิงคโปร์ ทั้งชาวไทยพุทธและอิสลาม มีพระคณาจารย์สายใต้ฯร่วมพุทธาภิเษกฯ พุทธคุณดีครอบจักรวาลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านนิรันตราย แคล้วคลาดเป็นเลิศฯ ลูกศิษย์สายตรงไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง..พระเทพศีลวิสุทธิ์ (อ่อน ทนฺตจิตฺโต) พระเถระอีกรูปหนึ่งที่เป็นหลักชัยและหลักใจของชาวเมืองนราธิวาส เป็นเจ้าอาวาสวัดประชุมชลธารา พระผู้ใหญ่หนึ่งเดียว ผู้เป็นกาวใจพุทธ-มุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้... ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • สื่อต่างประเทศรายงานสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุอีกครั้ง โดย “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้อดกลั้น หวั่นกระทบข้อตกลงหยุดยิงที่เขาเป็นผู้ประสาน ขณะที่รายงานระบุว่ามีการกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นผู้เริ่มโจมตี รวมถึงมีการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยหลายสำนักข่าวต่างชาติยังรายงานว่ามาตรการอพยพในฝั่งไทยมีผู้ได้รับผลกระทบหลายแสนคน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117629
    .
    #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    สื่อต่างประเทศรายงานสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาปะทุอีกครั้ง โดย “อันวาร์ อิบราฮิม” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ออกมาเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายใช้อดกลั้น หวั่นกระทบข้อตกลงหยุดยิงที่เขาเป็นผู้ประสาน ขณะที่รายงานระบุว่ามีการกล่าวหาซึ่งกันและกันว่าเป็นผู้เริ่มโจมตี รวมถึงมีการเคลื่อนย้ายประชาชนจำนวนมากในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยหลายสำนักข่าวต่างชาติยังรายงานว่ามาตรการอพยพในฝั่งไทยมีผู้ได้รับผลกระทบหลายแสนคน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000117629 . #news1 #news1live #TruthFromThailand #CambodiaNoCeasefire #shorts #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #สันติภาพไม่มีอยู่จริง #ปกป้องอธิปไตย #กองทัพภาคที่2 #กองทัพไทย
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
  • "ภัยลวงตาแห่งยุคดิจิทัล – Deepfake กำลังท้าทายความเชื่อมั่นของสังคม"

    เทคโนโลยี Deepfake กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้วิดีโอปลอมมีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น คลิปที่แสดงภาพรถไฟ LRT ไฟไหม้ หรือคลิปนักการเมืองและคนดังโปรโมตการลงทุนที่ไม่จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนและหลอกลวงผู้ชมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้กันทุกวันอย่าง WhatsApp และ TikTok

    รายงานจากหน่วยงานในมาเลเซียระบุว่า มีการลบวิดีโอหลอกลวงที่ใช้ Deepfake ไปแล้วกว่าพันกรณีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะหลายคนที่ถูกหลอกมักไม่ยอมเปิดเผย ทำให้จำนวนจริงอาจสูงกว่าที่เห็นในข่าวมาก

    ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชี้ว่า Deepfake ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถใช้เพื่อสร้างข่าวปลอม ปั่นกระแสทางการเมือง หรือทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Liar’s Dividend” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อข้อมูลที่ได้รับ

    ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มพัฒนาเครื่องมือเพื่อตรวจสอบและติดตาม Deepfake เช่น การฝัง Watermark ดิจิทัล หรือการใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติในภาพและเสียง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีทักษะด้าน "Digital Literacy" ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่ต้องรู้จักตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ

    สรุปสาระสำคัญ
    การแพร่ระบาดของ Deepfake
    คลิปปลอมที่สมจริง เช่น รถไฟไฟไหม้ และนักการเมืองโปรโมตการลงทุน
    มีการลบวิดีโอหลอกลวงกว่า 1,000 กรณีในมาเลเซีย

    ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ
    ใช้สร้างข่าวปลอม ปั่นการเมือง และหลอกลวงทางการเงิน
    เกิด “Liar’s Dividend” ทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม

    แนวทางรับมือ
    การใช้ Watermark ดิจิทัล และ AI ตรวจจับความผิดปกติ
    การสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชนรู้จักตรวจสอบข้อมูล

    คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
    Deepfake กำลังพัฒนาเร็วขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยตาเปล่า
    ผู้ใช้ที่มีทักษะดิจิทัลต่ำเสี่ยงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวหรือวงสนทนาส่วนตัว

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/08/artificially-intelligent-the-evolving-threat-of-deepfakes
    📰 "ภัยลวงตาแห่งยุคดิจิทัล – Deepfake กำลังท้าทายความเชื่อมั่นของสังคม" 🤖 เทคโนโลยี Deepfake กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้วิดีโอปลอมมีความสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น คลิปที่แสดงภาพรถไฟ LRT ไฟไหม้ หรือคลิปนักการเมืองและคนดังโปรโมตการลงทุนที่ไม่จริง สิ่งเหล่านี้สร้างความสับสนและหลอกลวงผู้ชมได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อเผยแพร่ผ่านแพลตฟอร์มที่ผู้คนใช้กันทุกวันอย่าง WhatsApp และ TikTok 📈 รายงานจากหน่วยงานในมาเลเซียระบุว่า มีการลบวิดีโอหลอกลวงที่ใช้ Deepfake ไปแล้วกว่าพันกรณีในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่านี่อาจเป็นเพียง "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะหลายคนที่ถูกหลอกมักไม่ยอมเปิดเผย ทำให้จำนวนจริงอาจสูงกว่าที่เห็นในข่าวมาก ⚠️ ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ชี้ว่า Deepfake ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสร้างความบันเทิง แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางสังคมและเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถใช้เพื่อสร้างข่าวปลอม ปั่นกระแสทางการเมือง หรือทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม เกิดสิ่งที่เรียกว่า “Liar’s Dividend” ซึ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อข้อมูลที่ได้รับ 🌐 ในระดับโลก หลายประเทศเริ่มพัฒนาเครื่องมือเพื่อตรวจสอบและติดตาม Deepfake เช่น การฝัง Watermark ดิจิทัล หรือการใช้ AI ตรวจจับความผิดปกติในภาพและเสียง อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือการทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีทักษะด้าน "Digital Literacy" ที่ไม่ใช่แค่การใช้เทคโนโลยี แต่ต้องรู้จักตั้งคำถามและตรวจสอบข้อมูลก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การแพร่ระบาดของ Deepfake ➡️ คลิปปลอมที่สมจริง เช่น รถไฟไฟไหม้ และนักการเมืองโปรโมตการลงทุน ➡️ มีการลบวิดีโอหลอกลวงกว่า 1,000 กรณีในมาเลเซีย ✅ ผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจ ➡️ ใช้สร้างข่าวปลอม ปั่นการเมือง และหลอกลวงทางการเงิน ➡️ เกิด “Liar’s Dividend” ทำให้หลักฐานจริงถูกปฏิเสธว่าเป็นของปลอม ✅ แนวทางรับมือ ➡️ การใช้ Watermark ดิจิทัล และ AI ตรวจจับความผิดปกติ ➡️ การสร้างทักษะ Digital Literacy ให้ประชาชนรู้จักตรวจสอบข้อมูล ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้งาน ⛔ Deepfake กำลังพัฒนาเร็วขึ้นจนยากต่อการตรวจจับด้วยตาเปล่า ⛔ ผู้ใช้ที่มีทักษะดิจิทัลต่ำเสี่ยงถูกหลอกง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มครอบครัวหรือวงสนทนาส่วนตัว https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/08/artificially-intelligent-the-evolving-threat-of-deepfakes
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Artificially intelligent: The evolving threat of deepfakes
    With artificial intelligence increasingly being used to augment and sometimes create photos and videos populating social media feeds, how can you tell what's authentic and what's not? Experts weigh in with some pointers.
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
More Results