• นางหัสดี หรือป้าลี อายุ 56 ปี อดีตสมาชิก อบต.บ้านม่วง ต.นาคูณ อ.นาหว้า จ.นครพนม ตัดสินใจเปิดโปงชีวิตสุดทรมานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หลังต้องเผชิญฝันร้ายจากลูกชายฝาแฝดวัย 23 ปีติดยาบ้าอย่างหนัก จนต้องใช้เหล็กดัดสร้างห้องขังตัวเองไว้ในบ้าน ป้องกันตัวจากลูกชายที่คลุ้มคลั่งขู่ทำร้ายและขู่เอาเงินไปซื้อยาทุกวัน วันละหลายครั้ง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024014
    นางหัสดี หรือป้าลี อายุ 56 ปี อดีตสมาชิก อบต.บ้านม่วง ต.นาคูณ อ.นาหว้า จ.นครพนม ตัดสินใจเปิดโปงชีวิตสุดทรมานผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หลังต้องเผชิญฝันร้ายจากลูกชายฝาแฝดวัย 23 ปีติดยาบ้าอย่างหนัก จนต้องใช้เหล็กดัดสร้างห้องขังตัวเองไว้ในบ้าน ป้องกันตัวจากลูกชายที่คลุ้มคลั่งขู่ทำร้ายและขู่เอาเงินไปซื้อยาทุกวัน วันละหลายครั้ง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000024014
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 11 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบก.น.2 เผยคดีการเสียชีวิตของ “อดีต ผกก.โจ้” ต้องมีการเข้าไปจำลองเหตุภายในเรือนจำด้วย เพราะหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่โกหก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023990 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรากำลังอยู่ในยุคของ มาร มีอำนาจ ในการทำลายล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์ชาติ ด้วยวิธีแยบยล คนส่วนมากไม่อาจเข้าใจในความเป็นจริงได้
    ที่เห็นเด่นชัดคือ การสร้างเชื้อโรคขึ้นมา
    กลืนกินชีวิตมนุษย์ แล้วแกล้งสร้างวิธีรักษา ป้องกันจากปลายเข็มขึ้นมา แอบนำพิษร้ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้
    สายธรรมแห่งจักรวาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ
    ได้มีการส่งสารแร่ธรรมชาติจากธาตุเงิน และทองคำ มาให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อล้างพิษจากโรคที่จะมาบั่นทอนชีวิตมนุษย์
    ดังนั้น น้ำที่เกิดจากธาตุเงิน และทองคำ
    ด้วยกรรมวิธี จึงเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย
    จากเชื้อโรคร้ายดังกล่าว
    เรากำลังอยู่ในยุคของ มาร มีอำนาจ ในการทำลายล้างเผ่าพันธ์ุมนุษย์ชาติ ด้วยวิธีแยบยล คนส่วนมากไม่อาจเข้าใจในความเป็นจริงได้ ที่เห็นเด่นชัดคือ การสร้างเชื้อโรคขึ้นมา กลืนกินชีวิตมนุษย์ แล้วแกล้งสร้างวิธีรักษา ป้องกันจากปลายเข็มขึ้นมา แอบนำพิษร้ายเข้าสู่ร่างกายมนุษย์อย่างคาดไม่ถึงว่าจะเป็นไปได้ สายธรรมแห่งจักรวาล ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้มีการส่งสารแร่ธรรมชาติจากธาตุเงิน และทองคำ มาให้ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพื่อล้างพิษจากโรคที่จะมาบั่นทอนชีวิตมนุษย์ ดังนั้น น้ำที่เกิดจากธาตุเงิน และทองคำ ด้วยกรรมวิธี จึงเป็นหนทางเดียวที่จะช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ให้อยู่รอดปลอดภัย จากเชื้อโรคร้ายดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โจอี้ ภูวศิษฐ์” เผยไม่ได้เป็นคนคลั่งรัก แต่เป็นคนน่ารักให้แฟน “เจน เนลินญาน์” บอกชิลๆ ใส่เสื้อยืดเก่าๆ กางเกงยีนส์ออกเดต ไม่ซีเรียสหากใครจะมองดูสบายเกิน ขอแค่เป็นคนน่ารัก เป็นคนเมตตาต่อคนในสังคมก็พอแล้ว

    เปิดตัวคบหาดูใจกับนางเอกเอ็มวีของตัวเองมาได้พักใหญ่แล้วสำหรับ “โจอี้ ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ” และ “เจน เนลินญาน์ อภินารานิธิวงศ์” นางเอกเอ็มวีเพลงฮิต “นะหน้าทอง” ทำหลายคนมองโจอี้เปลี่ยนไป เพราะดูโจอี้เป็นคนคลั่งรักเอามากๆ ซึ่ง โจอี้ เผยเรื่องนี้ว่า…

    “ผมไม่เคยปิดเลย ผมรู้สึกว่าใช้ชีวิตประจำวัน การมีแฟนมีคู่เป็นธรรมชาติของวัยรุ่น หลังๆ ก็ลงโซเชียลเหมือนวัยรุ่น เราไม่ได้บอกว่าเรามีแฟนหรือไม่มีแฟน ก็เห็นเดินตามตลาดจูงมือกัน ก็นั่นแหละแฟนผม หรือผมโพสต์รูปลงก็เป็นแฟน ผมว่าเป็นธรรมดาปกติของชีวิตวัยหนุ่มของผม ผมไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลย เป็นคนน่ารักให้เขา แบบที่เห็นนี่แหละครับ เขาชอบผมครับ เราจีบกันและกันนั่นแหละ”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023874

    #MGROnline #โจอี้ภูวศิษฐ์ #เจนเนลินญาน์
    “โจอี้ ภูวศิษฐ์” เผยไม่ได้เป็นคนคลั่งรัก แต่เป็นคนน่ารักให้แฟน “เจน เนลินญาน์” บอกชิลๆ ใส่เสื้อยืดเก่าๆ กางเกงยีนส์ออกเดต ไม่ซีเรียสหากใครจะมองดูสบายเกิน ขอแค่เป็นคนน่ารัก เป็นคนเมตตาต่อคนในสังคมก็พอแล้ว • เปิดตัวคบหาดูใจกับนางเอกเอ็มวีของตัวเองมาได้พักใหญ่แล้วสำหรับ “โจอี้ ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ” และ “เจน เนลินญาน์ อภินารานิธิวงศ์” นางเอกเอ็มวีเพลงฮิต “นะหน้าทอง” ทำหลายคนมองโจอี้เปลี่ยนไป เพราะดูโจอี้เป็นคนคลั่งรักเอามากๆ ซึ่ง โจอี้ เผยเรื่องนี้ว่า… • “ผมไม่เคยปิดเลย ผมรู้สึกว่าใช้ชีวิตประจำวัน การมีแฟนมีคู่เป็นธรรมชาติของวัยรุ่น หลังๆ ก็ลงโซเชียลเหมือนวัยรุ่น เราไม่ได้บอกว่าเรามีแฟนหรือไม่มีแฟน ก็เห็นเดินตามตลาดจูงมือกัน ก็นั่นแหละแฟนผม หรือผมโพสต์รูปลงก็เป็นแฟน ผมว่าเป็นธรรมดาปกติของชีวิตวัยหนุ่มของผม ผมไม่ได้เป็นคนโรแมนติกเลย เป็นคนน่ารักให้เขา แบบที่เห็นนี่แหละครับ เขาชอบผมครับ เราจีบกันและกันนั่นแหละ” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000023874 • #MGROnline #โจอี้ภูวศิษฐ์ #เจนเนลินญาน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดหมายของชีวิตไม่ใช่ความรวย
    แต่ขอเพียงให้มีกิน ไม่เดือดร้อน
    ยามชรา ก็ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีหนี้สินนั่นคือความสุขที่สุดของชีวิตนี้แล้ว.
    จุดหมายของชีวิตไม่ใช่ความรวย แต่ขอเพียงให้มีกิน ไม่เดือดร้อน ยามชรา ก็ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีหนี้สินนั่นคือความสุขที่สุดของชีวิตนี้แล้ว.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภูมิภาค Krivoy Rog (Kryvyi Rih) ของยูเครน กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธ "Iskander" โจมตีที่โรงแรม "Druzhba" เป็นที่ทราบกันดีว่า ฐานบัญชาการชั่วคราวทางทหารของยูเครนมักถูกเรียกว่า "โรงแรม" ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นฐานทัพทหารรับจ้างและเจ้าหน้าที่นาโต

    รายงานเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 1 ราย

    โรงแรมแห่งนี้เคยถูกโจมตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024

    ตามรายงาน เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นวันที่ 12 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซียอีกครั้ง หลังจากยูเครนยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่เสนอโดยสหรัฐในการประชุมที่ซาอุดิอาระเบีย
    ภูมิภาค Krivoy Rog (Kryvyi Rih) ของยูเครน กองทัพรัสเซียใช้ขีปนาวุธ "Iskander" โจมตีที่โรงแรม "Druzhba" เป็นที่ทราบกันดีว่า ฐานบัญชาการชั่วคราวทางทหารของยูเครนมักถูกเรียกว่า "โรงแรม" ซึ่งโดยส่วนใหญ่คาดว่าจะเป็นฐานทัพทหารรับจ้างและเจ้าหน้าที่นาโต รายงานเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 1 ราย โรงแรมแห่งนี้เคยถูกโจมตีมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ตามรายงาน เหตุการณ์นี้เพิ่งเกิดขึ้นวันที่ 12 มีนาคม ช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งใหญ่จากรัสเซียอีกครั้ง หลังจากยูเครนยอมรับข้อตกลงหยุดยิง 30 วัน ที่เสนอโดยสหรัฐในการประชุมที่ซาอุดิอาระเบีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจแต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจแต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมว.ยธ. ยัน“ราชทัณฑ์” ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจสอบสวนการเสียชีวิต “อดีต ผกก.โจ้” มอบภาพกล้องวงจรปิดตัวเต็มแล้ว ย้ำ ไม่ปล่อยให้ทำลายหลักฐาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023897

    #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รมว.ยธ. ยัน“ราชทัณฑ์” ต้องให้ความร่วมมือกับตำรวจสอบสวนการเสียชีวิต “อดีต ผกก.โจ้” มอบภาพกล้องวงจรปิดตัวเต็มแล้ว ย้ำ ไม่ปล่อยให้ทำลายหลักฐาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000023897 #News1live #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดภาพนาที “สไนเปอร์โจรใต้” ปฏิบัติการยิงทหารบันนังสตา หน้าฐานปฏิบัติการ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดทหารเสียชีวิตแล้ว

    นี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพในขณะที่ ร้อยโทภูวิวัฒน์ คำสง อายุ 41 ปี ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจยะลา กำลังเดินอยู่ที่หน้าฐานปฏิบัติการจาเต๊ะ บ้านสนามบิน หมู่ที่ 1 ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดซุ่มยิงจากระยะไกล จนล้มลงที่หน้าฐาน ก่อนที่จะมีเพื่อนทหาร 1 นาย วิ่งเข้ามาช่วยเหลือ นำร่างเข้าไปหลบในฐานปฏิบัติการ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 09.30 น. วานนี้ (11 มี.ค.)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000023842

    #MGROnline #สไนเปอร์ #โจรใต้ #ทหารบันนังสตา
    เปิดภาพนาที “สไนเปอร์โจรใต้” ปฏิบัติการยิงทหารบันนังสตา หน้าฐานปฏิบัติการ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ล่าสุดทหารเสียชีวิตแล้ว • นี่คือภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพในขณะที่ ร้อยโทภูวิวัฒน์ คำสง อายุ 41 ปี ผู้บังคับหมวดปืนเล็กที่ 1 หน่วยเฉพาะกิจยะลา กำลังเดินอยู่ที่หน้าฐานปฏิบัติการจาเต๊ะ บ้านสนามบิน หมู่ที่ 1 ตำบลเขื่อนบางลาง อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา ได้ถูกคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดซุ่มยิงจากระยะไกล จนล้มลงที่หน้าฐาน ก่อนที่จะมีเพื่อนทหาร 1 นาย วิ่งเข้ามาช่วยเหลือ นำร่างเข้าไปหลบในฐานปฏิบัติการ โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 09.30 น. วานนี้ (11 มี.ค.) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/south/detail/9680000023842 • #MGROnline #สไนเปอร์ #โจรใต้ #ทหารบันนังสตา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกียว​โด​นิวส์​ (12​ มี.ค.)​ ชายวัย 42 ปี ถูกจับกุมในข้อหาแทงหญิงสาววัย 22 ปี​ วล็อกเกอร์​สาว​ เสียชีวิตขณะกำลังไลฟ์สตรีมในเขตชินจูกุของโตเกียวเมื่อวันอังคาร โดยบอกกับตำรวจว่าเขาทำร้ายเธอเพราะทวงหนี้เงินที่เธอยืมไป

    ผู้ต้องสงสัย เคนอิจิ ทาคาโนะ จากโอยามะ จังหวัดโทชิงิ ซึ่งไม่ทราบอาชีพ (ว่างงาน)​ กล่าวว่าเขาตัดสินใจทำร้ายเหยื่อ ไอริ ซาโตะ หลังจากที่เธอไม่ยอมคืนเงินที่ยืมมาจากเขา ในเดือนมกราคม 2567

    ทาคาโนะได้ติดต่อตำรวจจังหวัดโทชิงิ โดยอ้างว่าซาโตะไม่ได้คืนเงินที่เขาให้ยืมแก่เธอ ผู้สืบสวนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีต้นตอมาจากข้อพิพาททางการเงินนี้ และกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อยืนยันรายละเอียด

    ตำรวจกล่าวว่า ทาคาโนะเริ่มโอนเงินให้ซาโตะในปี 2565 โดยส่งเงินให้เธอมากกว่า 2 ล้านเยน ตามคำขอของเธอเพื่อชำระค่าครองชีพและค่าโทรศัพท์ และเงินก้อนนี้เขากู้ยืมจากบริษัทสินเชื่อผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/japan/detail/9680000023779

    #MGROnline #ชินจูกุ #ไลฟ์สตรีม #ทวงหนี้
    เกียว​โด​นิวส์​ (12​ มี.ค.)​ ชายวัย 42 ปี ถูกจับกุมในข้อหาแทงหญิงสาววัย 22 ปี​ วล็อกเกอร์​สาว​ เสียชีวิตขณะกำลังไลฟ์สตรีมในเขตชินจูกุของโตเกียวเมื่อวันอังคาร โดยบอกกับตำรวจว่าเขาทำร้ายเธอเพราะทวงหนี้เงินที่เธอยืมไป • ผู้ต้องสงสัย เคนอิจิ ทาคาโนะ จากโอยามะ จังหวัดโทชิงิ ซึ่งไม่ทราบอาชีพ (ว่างงาน)​ กล่าวว่าเขาตัดสินใจทำร้ายเหยื่อ ไอริ ซาโตะ หลังจากที่เธอไม่ยอมคืนเงินที่ยืมมาจากเขา ในเดือนมกราคม 2567 • ทาคาโนะได้ติดต่อตำรวจจังหวัดโทชิงิ โดยอ้างว่าซาโตะไม่ได้คืนเงินที่เขาให้ยืมแก่เธอ ผู้สืบสวนเชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวมีต้นตอมาจากข้อพิพาททางการเงินนี้ และกำลังดำเนินการสอบสวนเพื่อยืนยันรายละเอียด • ตำรวจกล่าวว่า ทาคาโนะเริ่มโอนเงินให้ซาโตะในปี 2565 โดยส่งเงินให้เธอมากกว่า 2 ล้านเยน ตามคำขอของเธอเพื่อชำระค่าครองชีพและค่าโทรศัพท์ และเงินก้อนนี้เขากู้ยืมจากบริษัทสินเชื่อผู้บริโภคอีกทอดหนึ่ง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/japan/detail/9680000023779 • #MGROnline #ชินจูกุ #ไลฟ์สตรีม #ทวงหนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️

    🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔

    🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿

    🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊

    🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫

    ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️

    ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้พูดถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวสมาร์ทโฟนหรือผู้ใช้งาน หากชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของเรา

    ในบ้าน:
    1) ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวที่ติดไฟง่าย เช่น เตียง หมอน หรือโซฟา เนื่องจากอุปกรณ์อาจร้อนเกินไปและก่อให้เกิดไฟไหม้ได้
    2) หลีกเลี่ยงการชาร์จในห้องน้ำ เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย
    3) ห้ามเสียบชาร์จในปลั๊กที่มีอุปกรณ์อื่นต่ออยู่เต็มปลั๊กพ่วง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้
    4) ไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เนื่องจากการชาร์จเป็นเวลานานอาจทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่

    นอกบ้าน:
    1) หลีกเลี่ยงการชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ในรถหรือริมหน้าต่าง เพราะความร้อนจะเพิ่มความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะระเบิด
    2) หลีกเลี่ยงการใช้สถานีชาร์จสาธารณะ เช่น ที่สถานีรถไฟหรือสนามบิน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบ "Juice Jacking" ซึ่งแฮกเกอร์อาจติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านพอร์ต USB สาธารณะได้

    เคล็ดลับเพิ่มเติม:
    1) ใช้ที่ชาร์จคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแทนการใช้พอร์ตสาธารณะ
    2) หมั่นตรวจสอบสถานที่และอุปกรณ์ก่อนการชาร์จ เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/12/don039t-charge-your-smartphone-in-these-places
    บทความนี้พูดถึงสถานการณ์ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อตัวสมาร์ทโฟนหรือผู้ใช้งาน หากชาร์จแบตเตอรี่ในสถานที่และสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม พร้อมแนะนำวิธีป้องกันความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยในชีวิตประจำวันของเรา ในบ้าน: 1) ไม่ควรชาร์จสมาร์ทโฟนบนพื้นผิวที่ติดไฟง่าย เช่น เตียง หมอน หรือโซฟา เนื่องจากอุปกรณ์อาจร้อนเกินไปและก่อให้เกิดไฟไหม้ได้ 2) หลีกเลี่ยงการชาร์จในห้องน้ำ เพราะความชื้นสามารถทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจรได้ง่าย 3) ห้ามเสียบชาร์จในปลั๊กที่มีอุปกรณ์อื่นต่ออยู่เต็มปลั๊กพ่วง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ 4) ไม่ควรชาร์จทิ้งไว้ข้ามคืน เนื่องจากการชาร์จเป็นเวลานานอาจทำให้อุปกรณ์ร้อนเกินไป และส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ นอกบ้าน: 1) หลีกเลี่ยงการชาร์จสมาร์ทโฟนในที่ที่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ในรถหรือริมหน้าต่าง เพราะความร้อนจะเพิ่มความเสี่ยงที่แบตเตอรี่จะระเบิด 2) หลีกเลี่ยงการใช้สถานีชาร์จสาธารณะ เช่น ที่สถานีรถไฟหรือสนามบิน เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการโจมตีทางไซเบอร์แบบ "Juice Jacking" ซึ่งแฮกเกอร์อาจติดตั้งมัลแวร์หรือขโมยข้อมูลผ่านพอร์ต USB สาธารณะได้ เคล็ดลับเพิ่มเติม: 1) ใช้ที่ชาร์จคุณภาพดีที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแทนการใช้พอร์ตสาธารณะ 2) หมั่นตรวจสอบสถานที่และอุปกรณ์ก่อนการชาร์จ เพื่อความปลอดภัยของอุปกรณ์และข้อมูลสำคัญ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/12/don039t-charge-your-smartphone-in-these-places
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Don't charge your smartphone in these places
    To avoid smartphone risks such as overheating, short-circuiting or even data hacks when charging your device, it is essential to avoid certain places and situations, whether at home or elsewhere.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
  • แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180

    จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน

    สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง

    อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง

    https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    แว่นตาอัจฉริยะ Amazon Echo Frames รุ่นที่ 3 เป็นอุปกรณ์ที่รวมฟีเจอร์ AI ผู้ช่วย Alexa ไว้ในแว่นตาดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งการควบคุมบ้านอัจฉริยะ รับสายโทรศัพท์ ฟังพอดแคสต์ หรือแม้แต่จัดการข้อความ นอกจากนี้ ยังมีดีไซน์น้ำหนักเบาและอายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยปัจจุบันวางจำหน่ายในราคาลดพิเศษที่ $180 จุดเด่นของแว่นตารุ่นนี้คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย จนดูเหมือนแว่นสายตาปกติ ต่างจาก Meta Ray-Ban ที่มีฟีเจอร์กล้องถ่ายรูปในตัว ซึ่งอาจทำให้ถูกตั้งคำถามในเรื่องความเป็นส่วนตัวเมื่อใช้งานในที่สาธารณะ เช่น ในสนามบินหรือที่ทำงาน นอกจากนี้ Echo Frames ยังเน้นการใช้งานด้านเสียง เช่น การฟังเพลงหรือพอดแคสต์ โดยเน้นช่วงความถี่กลางและสูง จึงเหมาะสำหรับเนื้อหาแบบเสียงล้วนมากกว่าดนตรีที่ซับซ้อน สิ่งที่ควรทราบคือ ระบบชาร์จของแว่นตานี้ออกแบบมาเป็นฐานวางเฉพาะ แตกต่างจากการใช้งาน USB-C ทั่วไป ซึ่งอาจทำให้ไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้บางราย อีกทั้งยังไม่มีฟีเจอร์การแสดงผล XR หรือ AI กล้องที่หลายคนคาดหวัง อย่างไรก็ตาม ด้วยราคาที่เข้าถึงได้และการผสมผสาน Alexa ในตัว ทำให้แว่นนี้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ต้องการทดลองใช้แว่นอัจฉริยะ รวมถึงผู้ที่สนใจระบบบ้านอัจฉริยะที่ Alexa รองรับอย่างกว้างขวาง https://www.zdnet.com/article/these-alexa-enabled-smart-glasses-beat-the-meta-ray-bans-in-key-ways-and-theyre-on-sale-for-180-now/
    WWW.ZDNET.COM
    These Alexa-enabled smart glasses beat the Meta Ray-Bans in key ways, and they're on sale for $180 now
    The Amazon Echo Frames (3rd Gen) may be the most subtle-looking pair of smart glasses on the market, and they're $90 off now.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพวิดีโอช่วงเวลาที่สมาชิกหน่วยรบพิเศษ Akhmat ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกหน่วยหนึ่งที่เข้าร่วมภารกิจเสี่ยงชีวิตมุดท่อก๊าซในพื้นที่เขตรอบเมืองซูดจา(Sudzha) กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางใกล้หมู่บ้าน Kubatkin ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่หน่วยนี้รับผิดชอบ หลังเพิ่งออกมาจากท่อก๊าซ

    ภารกิจครั้งนี้ นอกจากหน่วยพิเศษ Akhmat แล้ว ยังประกอบไปด้วยกองกำลังพิเศษของกองพลที่ 11 , กองพลทหารผ่านศึก และกองพลวอสตอก (Vostok)
    ภาพวิดีโอช่วงเวลาที่สมาชิกหน่วยรบพิเศษ Akhmat ของรัสเซีย ซึ่งเป็นอีกหน่วยหนึ่งที่เข้าร่วมภารกิจเสี่ยงชีวิตมุดท่อก๊าซในพื้นที่เขตรอบเมืองซูดจา(Sudzha) กำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางใกล้หมู่บ้าน Kubatkin ซึ่งเป็นหนึ่งในเส้นทางที่หน่วยนี้รับผิดชอบ หลังเพิ่งออกมาจากท่อก๊าซ ภารกิจครั้งนี้ นอกจากหน่วยพิเศษ Akhmat แล้ว ยังประกอบไปด้วยกองกำลังพิเศษของกองพลที่ 11 , กองพลทหารผ่านศึก และกองพลวอสตอก (Vostok)
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมชาติ สรรพสิ่งล้วนมีเวลาของตนตามวาระ ชีวิตที่เลือกทางไปเป็นได้ด้วยกรรมตน
    ธรรมชาติ สรรพสิ่งล้วนมีเวลาของตนตามวาระ ชีวิตที่เลือกทางไปเป็นได้ด้วยกรรมตน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้มาคุยกันต่ออีกสักนิดกับเกร็ดความรู้ทางวัฒนธรรมจีนจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร>

    Storyฯ ขอถอดบทสนทนาจากในละครมาคุยกัน เป็นฉากที่พระเอกลู่อี้กับนางเอกจินเซี่ยไปเดินเที่ยวกันแล้วจินเซี่ยเห็นจี้หยกรูปปลา ก็ซื้อให้ลู่อี้เป็นของขวัญ เป็นฉากที่ใต้เท้าลู่สาดน้ำตาลมากมายด้วยสายตา ในฉากนี้จินเซี่ยอธิบายว่า “ทะเลเหนือมีปลา เรียกว่า ‘คุ้น’ ความใหญ่ของคุ้นนั้นมิทราบว่ากี่พันหลี่ เมื่อแปลงร่างเป็นนก เรียกว่า ‘เผิง’ ... ใต้เท้า นี่เป็นปลาที่เหินฟ้าและดำน้ำได้” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า)

    นอกจากเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> แล้ว ยังมีในละครจีนมีอีกไม่น้อยที่มีการกล่าวถึงปลาคุนนี้ อย่างเช่นในเรื่อง <อวลกลิ่นละอองรัก> ก็เช่นกัน

    ‘คุ้น’ (鲲) แรกปรากฏอยู่ในหนังสือ ‘เลี่ยจื่อทังเวิ่น’ (列子·汤问) ซึ่งเป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าตำนานปรัมปราในยุคสมัยชุนชิว ถูกบรรยายไว้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มหาศาล และปรากฏอีกครั้งในบทประพันธ์ ‘เซียวเหยาโหยว’ (ทัศนาจรไร้กังวล / 逍遥游) ของจวงจื่อ (庄子 ปี 369-286 ก่อนคริสตกาล) ผู้นำด้านความคิดและปรัชญาเต๋าในยุคสมัยรณรัฐ

    ‘เซียวเหยาโหยว’ เป็นหนึ่งในบทความที่รวมเล่มอยู่ในหนังสือปรัชญาของจวงจื่อโดยหนังสือนี้มีชื่อว่า ‘จวงจื่อ’ ตามผู้แต่ง (ต่อมาภายหลังถูกเรียกขานว่าคัมภีร์ ‘หนานหัวเจินจิง’) โดยเป็นการเล่าถึงปลาคุ้นที่กลายร่างเป็นนกเผิงขนาดมหึมาบินจากทะเลเหนือลงใต้ กระพือปีกทีหนึ่งก็เกิดคลื่นลม ระหว่างการเดินทางนี้เล่าถึงการกระทำของนกเล็กต่างๆ รวมถึงกล่าวถึงผู้คนในเมืองที่เป็นทางผ่าน เป็นการเปรียบเทียบเชิงปรัชญาว่า สิ่งที่ใหญ่มีผลกระทบได้กว้างไกล สิ่งที่เล็กมีผลกระทบได้น้อย ไม่เพียงแต่สัตว์ มนุษย์ก็เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกสรรพสิ่งไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนมีขีดจำกัดของมันและถูกจองจำด้วยวิถีชีวิตและหน้าที่ของมัน เมื่อใดที่เราสามารถปล่อยวางทุกสิ่งได้จึงจะสามารถท่องโลกกว้างนี้ได้ไร้กังวลอย่างแท้จริง และ ‘คุ้น’ จึงเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณที่ไร้พันธนาการ

    ในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> จินเซี่ยเปรียบใต้เท้าลู่เป็นปลายักษ์ที่เรียกว่า ‘คุ้น’ หลายครั้ง ทั้งตอนตัดกระดาษเป็นรูปปลา ทั้งตอนเลือกไม้เสียบผม ‘เน่าร้างร้าง’ (ที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเมื่อนานมาแล้ว) และในฉากที่กล่าวถึงข้างต้น ปลาคุ้นยักษ์ที่บินได้นี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงชุดมัจฉาบินอันเป็นสัญลักษณ์ขององครักษ์เสื้อแพร แต่ยังเปรียบถึงความเก่งกาจของลู่อี้ที่เป็นดังปลาที่เหินฟ้าได้และดำน้ำได้ และเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาตีกรอบให้ตนเองได้

    เพื่อนเพจผ่านตาเรื่อง ‘คุ้น’ ในละครเรื่องใดกันอีกบ้าง พอจำกันได้ไหม?
    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.sohu.com/a/372005451_120549941
    https://aiko933227.pixnet.net/blog/post/355134478
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.zdic.net/hans/%E9%80%8D%E9%81%A5%E6%B8%B8
    https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5bfecbe60620.aspx
    https://baike.baidu.com/item/逍遥游/1506
    https://baike.baidu.com/item/列子·汤问/6023097

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #อวลกลิ่นละอองรัก #ปลาคุ้น #นกเผิง #เลี่ยจื่อทังเวิ่น #เซียวเหยาโหยว
    วันนี้มาคุยกันต่ออีกสักนิดกับเกร็ดความรู้ทางวัฒนธรรมจีนจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> Storyฯ ขอถอดบทสนทนาจากในละครมาคุยกัน เป็นฉากที่พระเอกลู่อี้กับนางเอกจินเซี่ยไปเดินเที่ยวกันแล้วจินเซี่ยเห็นจี้หยกรูปปลา ก็ซื้อให้ลู่อี้เป็นของขวัญ เป็นฉากที่ใต้เท้าลู่สาดน้ำตาลมากมายด้วยสายตา ในฉากนี้จินเซี่ยอธิบายว่า “ทะเลเหนือมีปลา เรียกว่า ‘คุ้น’ ความใหญ่ของคุ้นนั้นมิทราบว่ากี่พันหลี่ เมื่อแปลงร่างเป็นนก เรียกว่า ‘เผิง’ ... ใต้เท้า นี่เป็นปลาที่เหินฟ้าและดำน้ำได้” (หมายเหตุ Storyฯ แปลเองจ้า) นอกจากเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> แล้ว ยังมีในละครจีนมีอีกไม่น้อยที่มีการกล่าวถึงปลาคุนนี้ อย่างเช่นในเรื่อง <อวลกลิ่นละอองรัก> ก็เช่นกัน ‘คุ้น’ (鲲) แรกปรากฏอยู่ในหนังสือ ‘เลี่ยจื่อทังเวิ่น’ (列子·汤问) ซึ่งเป็นหนังสือรวมเรื่องเล่าตำนานปรัมปราในยุคสมัยชุนชิว ถูกบรรยายไว้ว่าเป็นปลาที่มีขนาดใหญ่มหาศาล และปรากฏอีกครั้งในบทประพันธ์ ‘เซียวเหยาโหยว’ (ทัศนาจรไร้กังวล / 逍遥游) ของจวงจื่อ (庄子 ปี 369-286 ก่อนคริสตกาล) ผู้นำด้านความคิดและปรัชญาเต๋าในยุคสมัยรณรัฐ ‘เซียวเหยาโหยว’ เป็นหนึ่งในบทความที่รวมเล่มอยู่ในหนังสือปรัชญาของจวงจื่อโดยหนังสือนี้มีชื่อว่า ‘จวงจื่อ’ ตามผู้แต่ง (ต่อมาภายหลังถูกเรียกขานว่าคัมภีร์ ‘หนานหัวเจินจิง’) โดยเป็นการเล่าถึงปลาคุ้นที่กลายร่างเป็นนกเผิงขนาดมหึมาบินจากทะเลเหนือลงใต้ กระพือปีกทีหนึ่งก็เกิดคลื่นลม ระหว่างการเดินทางนี้เล่าถึงการกระทำของนกเล็กต่างๆ รวมถึงกล่าวถึงผู้คนในเมืองที่เป็นทางผ่าน เป็นการเปรียบเทียบเชิงปรัชญาว่า สิ่งที่ใหญ่มีผลกระทบได้กว้างไกล สิ่งที่เล็กมีผลกระทบได้น้อย ไม่เพียงแต่สัตว์ มนุษย์ก็เช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทุกสรรพสิ่งไม่ว่าเล็กใหญ่ล้วนมีขีดจำกัดของมันและถูกจองจำด้วยวิถีชีวิตและหน้าที่ของมัน เมื่อใดที่เราสามารถปล่อยวางทุกสิ่งได้จึงจะสามารถท่องโลกกว้างนี้ได้ไร้กังวลอย่างแท้จริง และ ‘คุ้น’ จึงเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณที่ไร้พันธนาการ ในเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> จินเซี่ยเปรียบใต้เท้าลู่เป็นปลายักษ์ที่เรียกว่า ‘คุ้น’ หลายครั้ง ทั้งตอนตัดกระดาษเป็นรูปปลา ทั้งตอนเลือกไม้เสียบผม ‘เน่าร้างร้าง’ (ที่ Storyฯ เคยเขียนถึงเมื่อนานมาแล้ว) และในฉากที่กล่าวถึงข้างต้น ปลาคุ้นยักษ์ที่บินได้นี้ ไม่เพียงสะท้อนถึงชุดมัจฉาบินอันเป็นสัญลักษณ์ขององครักษ์เสื้อแพร แต่ยังเปรียบถึงความเก่งกาจของลู่อี้ที่เป็นดังปลาที่เหินฟ้าได้และดำน้ำได้ และเป็นคนที่ไม่ยอมให้ใครหรืออะไรมาตีกรอบให้ตนเองได้ เพื่อนเพจผ่านตาเรื่อง ‘คุ้น’ ในละครเรื่องใดกันอีกบ้าง พอจำกันได้ไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/372005451_120549941 https://aiko933227.pixnet.net/blog/post/355134478 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.zdic.net/hans/%E9%80%8D%E9%81%A5%E6%B8%B8 https://so.gushiwen.cn/shiwenv_5bfecbe60620.aspx https://baike.baidu.com/item/逍遥游/1506 https://baike.baidu.com/item/列子·汤问/6023097 #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #อวลกลิ่นละอองรัก #ปลาคุ้น #นกเผิง #เลี่ยจื่อทังเวิ่น #เซียวเหยาโหยว
    WWW.SOHU.COM
    锦衣之下:袁今夏身世显贵,小蓝真实身份更是显赫_严世蕃
    陆绎替袁今夏挡毒镖之后,袁今夏身上的正义感爆棚,就算下大雨被追杀,也从没有放开过陆绎的手。 袁今夏的真实身份是前首辅夏然的后人,如果不是当年夏家被陷害,袁今夏的身份应该和现在的严世蕃一样高高在上…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ความรักในทางพุทธ : มีจริงแค่ไหน?

    (วิเคราะห์จากหลักพุทธศาสนา และจิตวิทยาความรัก)


    ---

    🔍 1️⃣ รักแท้จริงๆ มีอยู่หรือไม่ในทางพุทธ?

    ในพระพุทธศาสนา "รัก" เป็นสังขารขันธ์

    คือ "สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป"

    ไม่มีอะไรคงที่ ไม่ว่าเราจะอยากให้มันนิรันดร์แค่ไหน

    ความรักเกิดขึ้น-เปลี่ยนแปลง-ดับไป ตามเหตุปัจจัยเสมอ


    🌿 "รักนิรันดร์" ในแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีจริง
    แต่ "รักที่ดี" คือ รักที่ปรับตัวได้ตามเหตุปัจจัย

    📌 ความรักจึงขึ้นกับสิ่งเหล่านี้
    ✅ การมองเห็นคุณค่าของกันและกัน
    ✅ การช่วยเหลือ สนับสนุนกัน
    ✅ ความเข้าใจและการให้อภัย
    ✅ การมีจิตใจเกื้อกูล ไม่ใช่แค่ยึดครอง


    ---

    🔍 2️⃣ เหตุใดรักจึงขึ้นลง ไม่คงที่?

    พุทธศาสนาสอนว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
    แม้แต่จิตใจคน

    📌 เหตุที่ทำให้รักเปลี่ยนไป
    ❌ ภาวะทางอารมณ์ → วันหนึ่งรู้สึกดี อีกวันหงุดหงิด
    ❌ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป → คนรักอาจเปลี่ยนแปลง
    ❌ สภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอก → เช่น ปัญหาเงินทอง ครอบครัว
    ❌ การสะสมบุญกรรมร่วมกัน → คนที่รักกันแต่มีวิบากแตกต่างกัน อาจค่อยๆ ห่างกันไป

    💡 สรุป : ความรักเป็นสิ่งที่ "พัฒนาได้" หรือ "เสื่อมถอยได้"
    ขึ้นอยู่กับ เหตุปัจจัยที่ก่อร่างสร้างขึ้นในแต่ละวัน


    ---

    🔍 3️⃣ ทำไมคนบางคน "พิสูจน์รัก" จนเสียรักไป?

    📌 พฤติกรรมที่ทำลายความรักโดยไม่รู้ตัว
    ❌ "ถ้ารักฉัน ต้องรับได้ทุกอย่าง" → นี่ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความคาดหวัง
    ❌ "รักแท้ต้องทดสอบ" → การลองใจซ้ำๆ คือการผลักอีกฝ่ายออกไป
    ❌ "ต้องให้ฉันก่อน แล้วฉันถึงจะรัก" → นี่คือเงื่อนไข ไม่ใช่รักแท้

    💡 ความรักไม่ใช่สนามสอบ

    คนที่ต้องเจอการลองใจบ่อยๆ มักหมดแรงและเลือกเดินจากไป

    การรักใครอย่างแท้จริง คือการเป็นผู้ให้ โดยไม่ต้องพิสูจน์อะไร



    ---

    🔍 4️⃣ รักที่มั่นคงเป็นอย่างไร?

    🌿 รักที่มั่นคงในพุทธศาสนา ไม่ใช่รักที่ไม่เปลี่ยนแปลง
    แต่คือ รักที่ไม่ขึ้นลงตามอารมณ์ชั่ววูบ

    📌 รักแบบที่มีสติและปัญญา คือ
    ✅ เข้าใจว่า "ความรักต้องอาศัยเหตุปัจจัย"
    ✅ มีเมตตาต่อกัน ไม่ใช่แค่ต้องการครอบครอง
    ✅ ปรับตัวให้กันและกันได้
    ✅ มีความมั่นคงภายใน ไม่ต้องพึ่งพิงจนหมดตัวตน

    🌿 "รักที่ดี" ไม่ใช่รักที่ทนได้ทุกอย่าง
    แต่คือ รักที่ให้โอกาสกัน แต่อยู่บนพื้นฐานของศีลและความเคารพกัน


    ---

    🔍 5️⃣ จะรู้ได้อย่างไรว่าความรักที่เรามีเป็นรักแท้หรือไม่?

    💡 ไม่ต้องหาทางพิสูจน์หรือทดสอบ
    💡 ใช้เวลาและชีวิตเป็นเครื่องวัด

    📌 วิธีเช็คความรักของคุณ
    ✅ คุณมีความสุขในการให้ โดยไม่ต้องรอรับหรือไม่?
    ✅ คุณสามารถเข้าใจและให้อภัยได้โดยไม่ฝืนใจหรือไม่?
    ✅ เวลาผ่านไป คุณยังอยากทำดีให้กันอยู่หรือไม่?
    ✅ คุณเห็นเขาเป็น "เพื่อนชีวิต" ที่ก้าวไปด้วยกัน หรือแค่ "คนที่ต้องทำให้คุณมีความสุข"?

    🌿 "ความรักที่แท้จริง" คือการเดินทางไปด้วยกัน ไม่ใช่การคุมสอบกันไปตลอดทาง


    ---

    ✅ สรุป : ความรักที่ยั่งยืนในแบบพุทธ คืออะไร?

    📌 1. ยอมรับว่า "รักนิรันดร์แบบไม่เปลี่ยนแปลง" ไม่มีจริง
    📌 2. ความรักขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย และสามารถพัฒนาได้
    📌 3. อย่าทดลองความรัก เพราะมันคือการผลักอีกฝ่ายออกไป
    📌 4. รักที่ดีต้องมี "เมตตา ศีล และปัญญา"
    📌 5. ใช้เวลาและชีวิตเป็นเครื่องวัด อย่ารีบตัดสินแค่จากอารมณ์ชั่วคราว

    🌿 รักที่แท้ คือรักที่มีสติ เข้าใจ และเติบโตไปด้วยกัน
    ไม่ใช่แค่รักที่หวังให้เหมือนเดิมตลอดไป! 💙

    📌 ความรักในทางพุทธ : มีจริงแค่ไหน? (วิเคราะห์จากหลักพุทธศาสนา และจิตวิทยาความรัก) --- 🔍 1️⃣ รักแท้จริงๆ มีอยู่หรือไม่ในทางพุทธ? ในพระพุทธศาสนา "รัก" เป็นสังขารขันธ์ คือ "สิ่งที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป" ไม่มีอะไรคงที่ ไม่ว่าเราจะอยากให้มันนิรันดร์แค่ไหน ความรักเกิดขึ้น-เปลี่ยนแปลง-ดับไป ตามเหตุปัจจัยเสมอ 🌿 "รักนิรันดร์" ในแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงไม่มีจริง แต่ "รักที่ดี" คือ รักที่ปรับตัวได้ตามเหตุปัจจัย 📌 ความรักจึงขึ้นกับสิ่งเหล่านี้ ✅ การมองเห็นคุณค่าของกันและกัน ✅ การช่วยเหลือ สนับสนุนกัน ✅ ความเข้าใจและการให้อภัย ✅ การมีจิตใจเกื้อกูล ไม่ใช่แค่ยึดครอง --- 🔍 2️⃣ เหตุใดรักจึงขึ้นลง ไม่คงที่? พุทธศาสนาสอนว่า ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงได้เสมอ แม้แต่จิตใจคน 📌 เหตุที่ทำให้รักเปลี่ยนไป ❌ ภาวะทางอารมณ์ → วันหนึ่งรู้สึกดี อีกวันหงุดหงิด ❌ พฤติกรรมที่เปลี่ยนไป → คนรักอาจเปลี่ยนแปลง ❌ สภาพแวดล้อมและปัจจัยภายนอก → เช่น ปัญหาเงินทอง ครอบครัว ❌ การสะสมบุญกรรมร่วมกัน → คนที่รักกันแต่มีวิบากแตกต่างกัน อาจค่อยๆ ห่างกันไป 💡 สรุป : ความรักเป็นสิ่งที่ "พัฒนาได้" หรือ "เสื่อมถอยได้" ขึ้นอยู่กับ เหตุปัจจัยที่ก่อร่างสร้างขึ้นในแต่ละวัน --- 🔍 3️⃣ ทำไมคนบางคน "พิสูจน์รัก" จนเสียรักไป? 📌 พฤติกรรมที่ทำลายความรักโดยไม่รู้ตัว ❌ "ถ้ารักฉัน ต้องรับได้ทุกอย่าง" → นี่ไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความคาดหวัง ❌ "รักแท้ต้องทดสอบ" → การลองใจซ้ำๆ คือการผลักอีกฝ่ายออกไป ❌ "ต้องให้ฉันก่อน แล้วฉันถึงจะรัก" → นี่คือเงื่อนไข ไม่ใช่รักแท้ 💡 ความรักไม่ใช่สนามสอบ คนที่ต้องเจอการลองใจบ่อยๆ มักหมดแรงและเลือกเดินจากไป การรักใครอย่างแท้จริง คือการเป็นผู้ให้ โดยไม่ต้องพิสูจน์อะไร --- 🔍 4️⃣ รักที่มั่นคงเป็นอย่างไร? 🌿 รักที่มั่นคงในพุทธศาสนา ไม่ใช่รักที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่คือ รักที่ไม่ขึ้นลงตามอารมณ์ชั่ววูบ 📌 รักแบบที่มีสติและปัญญา คือ ✅ เข้าใจว่า "ความรักต้องอาศัยเหตุปัจจัย" ✅ มีเมตตาต่อกัน ไม่ใช่แค่ต้องการครอบครอง ✅ ปรับตัวให้กันและกันได้ ✅ มีความมั่นคงภายใน ไม่ต้องพึ่งพิงจนหมดตัวตน 🌿 "รักที่ดี" ไม่ใช่รักที่ทนได้ทุกอย่าง แต่คือ รักที่ให้โอกาสกัน แต่อยู่บนพื้นฐานของศีลและความเคารพกัน --- 🔍 5️⃣ จะรู้ได้อย่างไรว่าความรักที่เรามีเป็นรักแท้หรือไม่? 💡 ไม่ต้องหาทางพิสูจน์หรือทดสอบ 💡 ใช้เวลาและชีวิตเป็นเครื่องวัด 📌 วิธีเช็คความรักของคุณ ✅ คุณมีความสุขในการให้ โดยไม่ต้องรอรับหรือไม่? ✅ คุณสามารถเข้าใจและให้อภัยได้โดยไม่ฝืนใจหรือไม่? ✅ เวลาผ่านไป คุณยังอยากทำดีให้กันอยู่หรือไม่? ✅ คุณเห็นเขาเป็น "เพื่อนชีวิต" ที่ก้าวไปด้วยกัน หรือแค่ "คนที่ต้องทำให้คุณมีความสุข"? 🌿 "ความรักที่แท้จริง" คือการเดินทางไปด้วยกัน ไม่ใช่การคุมสอบกันไปตลอดทาง --- ✅ สรุป : ความรักที่ยั่งยืนในแบบพุทธ คืออะไร? 📌 1. ยอมรับว่า "รักนิรันดร์แบบไม่เปลี่ยนแปลง" ไม่มีจริง 📌 2. ความรักขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย และสามารถพัฒนาได้ 📌 3. อย่าทดลองความรัก เพราะมันคือการผลักอีกฝ่ายออกไป 📌 4. รักที่ดีต้องมี "เมตตา ศีล และปัญญา" 📌 5. ใช้เวลาและชีวิตเป็นเครื่องวัด อย่ารีบตัดสินแค่จากอารมณ์ชั่วคราว 🌿 รักที่แท้ คือรักที่มีสติ เข้าใจ และเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่แค่รักที่หวังให้เหมือนเดิมตลอดไป! 💙
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง

    ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ

    ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต

    มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้:
    1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
    2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด

    เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง

    https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    บทความนี้พูดถึงการก้าวเข้าสู่ยุคของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งเต็มไปด้วยโอกาสสำหรับทั้งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและผู้ที่มีความเข้าใจในธุรกิจ โดยมีสองเส้นทางหลักที่ผู้คนสามารถเลือกเดินได้ ได้แก่ การสร้าง AI หรือการนำ AI มาช่วยสร้างธุรกิจของตัวเอง ในแง่ของการทำงานด้านเทคนิค ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT สามารถใช้เครื่องมืออย่าง GitHub Copilot หรือ DALL-E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และควรพัฒนาทักษะในการกำหนดคำสั่ง (prompt engineering) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดจาก AI ในขณะที่สำหรับผู้ที่อยู่ในสายงานธุรกิจ จำเป็นต้องเข้าใจการทำงานของ AI และวิธีการปรับใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการของอุตสาหกรรม เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ ที่น่าสนใจคือการผสมผสานระหว่างความรู้ด้านเทคโนโลยีกับความเข้าใจในธุรกิจ ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในปัจจุบัน องค์กรต่าง ๆ กำลังมองหาคนที่มีความสามารถทั้งสองด้านเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต มีข้อแนะนำสำหรับผู้เชี่ยวชาญในสองสายงานดังนี้: 1) สำหรับสายเทคนิค: เรียนรู้พื้นฐานของ AI ฝึกฝนทักษะการเขียนคำสั่ง และทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง 2) สำหรับสายธุรกิจ: ศึกษาการประยุกต์ใช้ AI ในอุตสาหกรรมของตัวเอง เข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน และเรียนรู้วิธีการทำให้ผลิตภัณฑ์ของตัวเองโดดเด่นในตลาด เป็นที่ชัดเจนว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือที่สร้างความสะดวกสบายในชีวิตประจำวัน แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยปลดล็อกศักยภาพทางอาชีพและธุรกิจในยุคใหม่ที่กำลังมาถึง https://www.zdnet.com/article/want-to-win-in-the-age-of-ai-you-can-either-build-it-or-build-your-business-with-it/
    WWW.ZDNET.COM
    Want to win in the age of AI? You can either build it or build your business with it
    In-depth knowledge of generative AI is in high demand - and the need for technical chops and business savvy is converging
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอแค่มีสุขภาพที่ดีในชีวิตตอนแก่ มีเงินใช้ไม่เดือดร้อนก็พอ ความรวยไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
    ขอแค่มีสุขภาพที่ดีในชีวิตตอนแก่ มีเงินใช้ไม่เดือดร้อนก็พอ ความรวยไม่ใช่สิ่งที่ฝัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญจตุคามรามเทพหลังพระราหู ปี2550
    เหรียญจตุคามรามเทพหลังพระราหู ว.ค.บ. ปี2550 //ของขลังที่เชื่อถือว่าช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นภยันตราย, ประสบโชคลาภ, ความก้าวหน้าในอาชีพ ฯลฯ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นภยันตราย, ประสบโชคลาภ, ความก้าวหน้าในอาชีพ เสริมดวง แก้ดวงร้ายให้กลายเป็นดี แก้ปีชง แก้คุณไสย ขจัดความทุกข์ ให้ชีวิตดีราบรื่น มีโชคมีลาภมีผล >>

    ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญจตุคามรามเทพหลังพระราหู ปี2550 เหรียญจตุคามรามเทพหลังพระราหู ว.ค.บ. ปี2550 //ของขลังที่เชื่อถือว่าช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นภยันตราย, ประสบโชคลาภ, ความก้าวหน้าในอาชีพ ฯลฯ // พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณช่วยให้ผู้ครอบครองพ้นภยันตราย, ประสบโชคลาภ, ความก้าวหน้าในอาชีพ เสริมดวง แก้ดวงร้ายให้กลายเป็นดี แก้ปีชง แก้คุณไสย ขจัดความทุกข์ ให้ชีวิตดีราบรื่น มีโชคมีลาภมีผล >> ** พระสถาพสวย ผิวหิ้ง พระสถาพสมบูรณ์ หายากกครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงพ่อคิ้มคุ้มภัย วัดหนองเสือยางปราสาท จ.ราชบุรี
    รูปหล่อหลวงพ่อคิ้ม คุ้มภัย เนื้อทองแดงรมดำ วัดหนองเสือยางปราสาท อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี //พระเถระที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    พุทธคุณ ปกป้องสัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุตม์ ปัดเป่าโรคภัย เจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม

    “พระครูพิพิธกิตติคุณ” หรือ “หลวงปู่คิ้ม คุณากโร” เป็นพระเกจิผู้มีวิทยาคมขลัง ได้รับการถ่ายทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรและวิชาต่อดวงเสริมชะตาชีวิตจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่น ทำให้หลวงปู่คิ้ม มีบรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนให้ความเลื่อมใสศรัทธามากมาย เป็นพระเกจิดังอีกรูปหนึ่งแห่งภาคตะวันตก

    กระทั่งเมื่อต้นเดือน ก.ค.2561 เริ่มมีอาการอ่อนแรงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 14.59 น. วันศุกร์ที่ 24 ส.ค.2561 ด้วย วัยวุฒิ 91 ปี พรรษา 70

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงพ่อคิ้มคุ้มภัย วัดหนองเสือยางปราสาท จ.ราชบุรี รูปหล่อหลวงพ่อคิ้ม คุ้มภัย เนื้อทองแดงรมดำ วัดหนองเสือยางปราสาท อำเภอบ้านโป่ง จ.ราชบุรี //พระเถระที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นอย่างมาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> พุทธคุณ ปกป้องสัตว์ร้าย โรคร้าย ภูตผีปีศาจ ปกป้องภัยอันตรายต่างๆ คงกระพันชาตรี แคล้วคลาด มหาอุตม์ ปัดเป่าโรคภัย เจริญรุ่งเรือง เมตตามหานิยม “พระครูพิพิธกิตติคุณ” หรือ “หลวงปู่คิ้ม คุณากโร” เป็นพระเกจิผู้มีวิทยาคมขลัง ได้รับการถ่ายทอดวิชาเป่ายันต์เกราะเพชรและวิชาต่อดวงเสริมชะตาชีวิตจากหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี มีการสร้างวัตถุมงคลออกมาหลายรุ่น ทำให้หลวงปู่คิ้ม มีบรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนให้ความเลื่อมใสศรัทธามากมาย เป็นพระเกจิดังอีกรูปหนึ่งแห่งภาคตะวันตก กระทั่งเมื่อต้นเดือน ก.ค.2561 เริ่มมีอาการอ่อนแรงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและมรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 14.59 น. วันศุกร์ที่ 24 ส.ค.2561 ด้วย วัยวุฒิ 91 ปี พรรษา 70 ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • โจร 500 เอ้ยๆ โจ๊ก 500 แมว 9 ชีวิต แต่ตุยเกินโควต้าไปแล้วรวม 13 ชีวิต ใครยังหลงเชื่อหลงเชียร์ตามกระแสที่สื่อโจ๊กปั่น ระหว่างอาหารเป็นพิษ เพราะรับทานโจ๊กบูด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #บิ๊กโจ๊ก
    โจร 500 เอ้ยๆ โจ๊ก 500 แมว 9 ชีวิต แต่ตุยเกินโควต้าไปแล้วรวม 13 ชีวิต ใครยังหลงเชื่อหลงเชียร์ตามกระแสที่สื่อโจ๊กปั่น ระหว่างอาหารเป็นพิษ เพราะรับทานโจ๊กบูด #คิงส์โพธิ์แดง #บิ๊กโจ๊ก
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเดินทางของชาวยิวในประวัติ ศาสตร์ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา

    1080 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
    1098 – การขับไล่จากสาธารณรัฐเช็ก
    1113 – การขับไล่จากเคียฟรุส (วลาดิมีร์ โมโนมัค)
    1113 – การสังหารหมู่ชาวยิวในเคียฟ
    1147 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
    1171 – การขับไล่จากอิตาลี
    1188 – การขับไล่จากอังกฤษ
    1198 – การขับไล่จากอังกฤษ
    1290 – การขับไล่จากอังกฤษ
    1298 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ (ชาวยิว 100 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ)
    1306 – การขับไล่จากฝรั่งเศส (3,000 คนถูกเผาทั้งเป็น)
    1360 – การขับไล่จากฮังการี 1391 - การขับไล่ออกจากสเปน (ประหารชีวิต 30,000 คน เผาทั้งเป็น 5,000 คน)
    1394 - การขับไล่ออกจากฝรั่งเศส
    1407 - การขับไล่ออกจากโปแลนด์
    1492 - การขับไล่ออกจากสเปน (กฎหมายห้ามชาวยิวเข้าประเทศตลอดไป)
    1492 - การขับไล่ออกจากซิซิลี
    1495 - การขับไล่ออกจากลิทัวเนียและเคียฟ
    1496 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
    1510 - การขับไล่ออกจากอังกฤษ
    1516 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
    1516 - กฎหมายในซิซิลีอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น
    1541 - การขับไล่ออกจากออสเตรีย
    1555 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส
    1555 - กฎหมายที่ออกในกรุงโรมอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1567 – การขับไล่จากอิตาลี
    1570 – การขับไล่จากเยอรมนี (บรันเดนเบิร์ก)
    1580 – การขับไล่จากโนฟโกรอด (อีวานผู้โหดร้าย)
    1592 – การขับไล่จากฝรั่งเศส
    1616 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
    1629 – การขับไล่จากสเปนและโปรตุเกส (ฟิลิปที่ 4)
    1634 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
    1655 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์
    1660 – การขับไล่จากเคียฟ
    1701 – การขับไล่ออกจากสวิตเซอร์แลนด์อย่างสมบูรณ์ (พระราชกฤษฎีกาของฟิลิปที่ 5)
    1806 – คำขาดของนโปเลียน บาดาร์จา
    1828 – การขับไล่จากเคียฟ
    1933 – การขับไล่จากเยอรมนีและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

    **ลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สั้นๆ นี้ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับชาวยิวในช่วงพันปีที่ผ่านมาและระบุว่าชาวยิวไม่ได้รับการยอมจำนนจากผู้คนทั่วโลก

    มีเพียงชาวอิสลามที่ต้องทนกับความชั่วร้ายของพวกเขาเท่านั้นที่ยอมทน และไม่เคยขับไล่พวกเขา

    *และพวกเขาตอบแทนชาวมุสลิม*

    *เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ดินแดนของชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ถูกยึดครองโดยกลุ่มไซออนิสต์

    จริงๆๆมีอีกเพียบ มันยาวเกินถ้าจะรวบรวม เอาเป็นว่าใครสนใจก็พิมพ์คำนี้ เเล้วค้นหามาแปลดูครับ ถ้าระบุปีด้วยยิ่งดี
    jews historically for the past thousand years expulsion
    การเดินทางของชาวยิวในประวัติ ศาสตร์ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา 1080 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1098 – การขับไล่จากสาธารณรัฐเช็ก 1113 – การขับไล่จากเคียฟรุส (วลาดิมีร์ โมโนมัค) 1113 – การสังหารหมู่ชาวยิวในเคียฟ 1147 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1171 – การขับไล่จากอิตาลี 1188 – การขับไล่จากอังกฤษ 1198 – การขับไล่จากอังกฤษ 1290 – การขับไล่จากอังกฤษ 1298 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ (ชาวยิว 100 คนถูกประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ) 1306 – การขับไล่จากฝรั่งเศส (3,000 คนถูกเผาทั้งเป็น) 1360 – การขับไล่จากฮังการี 1391 - การขับไล่ออกจากสเปน (ประหารชีวิต 30,000 คน เผาทั้งเป็น 5,000 คน) 1394 - การขับไล่ออกจากฝรั่งเศส 1407 - การขับไล่ออกจากโปแลนด์ 1492 - การขับไล่ออกจากสเปน (กฎหมายห้ามชาวยิวเข้าประเทศตลอดไป) 1492 - การขับไล่ออกจากซิซิลี 1495 - การขับไล่ออกจากลิทัวเนียและเคียฟ 1496 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1510 - การขับไล่ออกจากอังกฤษ 1516 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1516 - กฎหมายในซิซิลีอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1541 - การขับไล่ออกจากออสเตรีย 1555 - การขับไล่ออกจากโปรตุเกส 1555 - กฎหมายที่ออกในกรุงโรมอนุญาตให้ชาวยิวอาศัยอยู่ในเกตโตเท่านั้น 1567 – การขับไล่จากอิตาลี 1570 – การขับไล่จากเยอรมนี (บรันเดนเบิร์ก) 1580 – การขับไล่จากโนฟโกรอด (อีวานผู้โหดร้าย) 1592 – การขับไล่จากฝรั่งเศส 1616 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1629 – การขับไล่จากสเปนและโปรตุเกส (ฟิลิปที่ 4) 1634 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1655 – การขับไล่จากสวิตเซอร์แลนด์ 1660 – การขับไล่จากเคียฟ 1701 – การขับไล่ออกจากสวิตเซอร์แลนด์อย่างสมบูรณ์ (พระราชกฤษฎีกาของฟิลิปที่ 5) 1806 – คำขาดของนโปเลียน บาดาร์จา 1828 – การขับไล่จากเคียฟ 1933 – การขับไล่จากเยอรมนีและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ **ลำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์สั้นๆ นี้ เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนกับชาวยิวในช่วงพันปีที่ผ่านมาและระบุว่าชาวยิวไม่ได้รับการยอมจำนนจากผู้คนทั่วโลก มีเพียงชาวอิสลามที่ต้องทนกับความชั่วร้ายของพวกเขาเท่านั้นที่ยอมทน และไม่เคยขับไล่พวกเขา *และพวกเขาตอบแทนชาวมุสลิม* *เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 1948 ดินแดนของชาวมุสลิมในปาเลสไตน์ถูกยึดครองโดยกลุ่มไซออนิสต์ จริงๆๆมีอีกเพียบ มันยาวเกินถ้าจะรวบรวม เอาเป็นว่าใครสนใจก็พิมพ์คำนี้ เเล้วค้นหามาแปลดูครับ ถ้าระบุปีด้วยยิ่งดี jews historically for the past thousand years expulsion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ

    ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก

    ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด
    “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา”
    “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย”

    ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    นายโรดริโก ดูเตอร์เต อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ ถูกตำรวจจับกุมที่สนามบินนานาชาติในกรุงมะนิลา ตามคำสั่งของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ยื่นฟ้องต่อเขาในความผิดฐานก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติจากนโยบายสงครามยาเสพติดที่ดูเตอร์เตดำเนินการในช่วงที่มีอำนาจปกครองประเทศ ตามรายงานของตำรวจ มีผู้ต้องสงสัย 6,200 คน ถูกสังหารระหว่างปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติด ซึ่งตำรวจชี้แจงว่าเป็นการวิสามัญฆาตกรรมเนื่องจากคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้ แต่กลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่าความเสียหายที่แท้จริงจากการปราบปรามนั้นมากกว่านั้นมาก ดูเตอร์เต เคยกล่าวไว้ว่า ตนพร้อมจะถูกจับกุมหาก ICC ออกหมายจับ และย้ำจุดยืนเรื่องการใช้นโยบายสงครามยาเสพติด “ถ้าหมายจับเป็นเรื่องจริง เพราะอะไรผมจึงทำเช่นนั้นล่ะ ผมทำเพื่อตัวผมเองหรอ เพื่อครอบครัวของผมหรอ เปล่าเลย ผมทำเพื่อประชาชนของผม เพื่อลูกๆ ของพวกเรา และเพื่อประเทศของเรา” “หากนี่คือชะตากรรมในชีวิตของผมจริงๆ ผมคงต้องยอมรับมัน พวกเขาสามารถจับผม ขังผมได้เลย” ทางด้านสำนักงานของประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ กล่าวในแถลงการณ์ว่า นายดูเตอร์เตถูกจับกุมหลังจากเดินทางมาจากฮ่องก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • จูลานี ผู้นำซีเรียประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการ 'อิสระ' เพื่อสืบสวนการสังหารพลเรือนนับพันคนในเขตลาตาเกีย เมืองชายฝั่งตะวันตกของซีเรีย

    คณะกรรมการจะประกอบด้วยบุคลากร 7 คน ได้แก่ ผู้พิพากษา ทนายความ และบุคลากรทางทหาร ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนหา “สาเหตุและสถานการณ์” ของการกวาดล้างชาติพันธุ์เมื่อวันที่ 5 และ 6 มีนาคม และนำตัวผู้ที่ทรมานและสังหารพลเรือนอย่างโหดร้ายมาลงโทษ

    ทางด้านสำนักข่าว AP รายงานโดยอ้างตัวเลขจากกลุ่มสังเกตการซีเรียเพื่อมนุษยธรรม SOHR ที่มีฐานในอังกฤษรายงานยอดเสียชีวิตในการปะทะอยู่ที่ 1,130 คน แยกเป็นพลเรือน 830 คน

    ขณะที่สำนักข่าว BBC ของอังกฤษรายงานตัวเลขที่อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน เบื้องต้นเป็นพลเรือน 973 คน

    ส่วนสำนักข่าว AFP ให้รายงานตัวเลขมากกว่า 1,300 คน
    จูลานี ผู้นำซีเรียประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการ 'อิสระ' เพื่อสืบสวนการสังหารพลเรือนนับพันคนในเขตลาตาเกีย เมืองชายฝั่งตะวันตกของซีเรีย คณะกรรมการจะประกอบด้วยบุคลากร 7 คน ได้แก่ ผู้พิพากษา ทนายความ และบุคลากรทางทหาร ซึ่งมีหน้าที่สืบสวนหา “สาเหตุและสถานการณ์” ของการกวาดล้างชาติพันธุ์เมื่อวันที่ 5 และ 6 มีนาคม และนำตัวผู้ที่ทรมานและสังหารพลเรือนอย่างโหดร้ายมาลงโทษ ทางด้านสำนักข่าว AP รายงานโดยอ้างตัวเลขจากกลุ่มสังเกตการซีเรียเพื่อมนุษยธรรม SOHR ที่มีฐานในอังกฤษรายงานยอดเสียชีวิตในการปะทะอยู่ที่ 1,130 คน แยกเป็นพลเรือน 830 คน ขณะที่สำนักข่าว BBC ของอังกฤษรายงานตัวเลขที่อาจมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,400 คน เบื้องต้นเป็นพลเรือน 973 คน ส่วนสำนักข่าว AFP ให้รายงานตัวเลขมากกว่า 1,300 คน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts