• "ภูมิธรรม" ลั่น! ไทยรับไม่ได้กัมพูชายิง รพ.-ชุมชน ห่างชายแดน 20 กม. ชี้ "เป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง" ยันตอบโต้ทหารเขมรตามหลักสากล
    https://www.thai-tai.tv/news/20542/
    .
    #แถลงการณ์รัฐบาล #ภูมิธรรมเวชยชัย #กัมพูชาโจมตีพลเรือน #อาชญากรรมสงคราม #ชายแดนไทยกัมพูชา #เยียวยาผู้เสียชีวิต #ในหลวงพระราชทาน #พระบรมราชานุเคราะห์ #สหประชาชาติ #ความมั่นคงแห่งชาติ
    "ภูมิธรรม" ลั่น! ไทยรับไม่ได้กัมพูชายิง รพ.-ชุมชน ห่างชายแดน 20 กม. ชี้ "เป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง" ยันตอบโต้ทหารเขมรตามหลักสากล https://www.thai-tai.tv/news/20542/ . #แถลงการณ์รัฐบาล #ภูมิธรรมเวชยชัย #กัมพูชาโจมตีพลเรือน #อาชญากรรมสงคราม #ชายแดนไทยกัมพูชา #เยียวยาผู้เสียชีวิต #ในหลวงพระราชทาน #พระบรมราชานุเคราะห์ #สหประชาชาติ #ความมั่นคงแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • Thailand’s Statement to the World แถลงการณ์จากชาวไทย สร้างความเข้าใจสู่ชาวโลก [25/7/68]

    #ThailandStatement #แถลงการณ์จากชาวไทย #ความเข้าใจสู่ชาวโลก #เสียงจากประเทศไทย #ThailandToTheWorld #สื่อสารเพื่อสันติ #ภาพลักษณ์ไทย #ไทยในสายตาโลก #ThailandDiplomacy #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    Thailand’s Statement to the World แถลงการณ์จากชาวไทย สร้างความเข้าใจสู่ชาวโลก [25/7/68] #ThailandStatement #แถลงการณ์จากชาวไทย #ความเข้าใจสู่ชาวโลก #เสียงจากประเทศไทย #ThailandToTheWorld #สื่อสารเพื่อสันติ #ภาพลักษณ์ไทย #ไทยในสายตาโลก #ThailandDiplomacy #กัมพูชายิงก่อน #柬埔寨先开火 (จีน) #カンボジアが先に発砲 (ญี่ปุ่น) #캄보디아가먼저발포 (เกาหลี) #KamboçyaİlkAteşEtti (ตุรกี) #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #thaitimes #news1 #shorts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ แถลงการณ์ "กังวลอย่างยิ่ง" ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือนเจ็บ-ตาย
    https://www.thai-tai.tv/news/20523/
    .
    #สหรัฐอเมริกา #แถลงการณ์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ความขัดแย้ง #พลเรือน #ยุติโจมตี #สันติวิธี #USembassy
    สหรัฐฯ แถลงการณ์ "กังวลอย่างยิ่ง" ปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือนเจ็บ-ตาย https://www.thai-tai.tv/news/20523/ . #สหรัฐอเมริกา #แถลงการณ์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ความขัดแย้ง #พลเรือน #ยุติโจมตี #สันติวิธี #USembassy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฮุนเซนตอบโต้ทักษิณอีกครั้ง หลังจากทักษิณโพสต์ข้อความบน "X" เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา

    .

    ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่พร้อมทำสงครามเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่ฮุนเซน คำพูดของทักษิณยิ่งตอกย้ำถึงการกระทำของทหารไทยที่เปิดฉากรุกรานกัมพูชา

    ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผม เพราะเขาทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยและสมาชิกพรรคของเขาเอง สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวไทยมุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี พ.ศ. 2547 บัดนี้ ภายใต้ข้ออ้างที่อยากแก้แค้นฮุนเซน เขาได้เริ่มสงครามขึ้นแล้ว ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือความทุกข์ทรมานของประชาชน
    ฮุนเซนตอบโต้ทักษิณอีกครั้ง หลังจากทักษิณโพสต์ข้อความบน "X" เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา . ก่อนหน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกแถลงการณ์ด้วยน้ำเสียงที่พร้อมทำสงครามเพื่อสั่งสอนบทเรียนแก่ฮุนเซน คำพูดของทักษิณยิ่งตอกย้ำถึงการกระทำของทหารไทยที่เปิดฉากรุกรานกัมพูชา ผมไม่แปลกใจกับทัศนคติของทักษิณที่มีต่อผม เพราะเขาทรยศต่อพระมหากษัตริย์ไทยและสมาชิกพรรคของเขาเอง สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารชาวไทยมุสลิมหลายร้อยคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เมื่อปี พ.ศ. 2547 บัดนี้ ภายใต้ข้ออ้างที่อยากแก้แค้นฮุนเซน เขาได้เริ่มสงครามขึ้นแล้ว ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายคือความทุกข์ทรมานของประชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจ "กองบัญชาการกองทัพไทย" ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกัมพูชาที่เปิดฉากยิงด้วยอาวุธหนักตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีทั้งทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมประกาศใช้ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยยืนยันจะปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลัง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069807

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เพจ "กองบัญชาการกองทัพไทย" ออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของกัมพูชาที่เปิดฉากยิงด้วยอาวุธหนักตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ทำให้มีทั้งทหารและประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พร้อมประกาศใช้ "แผนจักรพงษ์ภูวนารถ" ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุตามแผนป้องกันประเทศฝั่งตะวันออก โดยยืนยันจะปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างเต็มกำลัง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000069807 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ เขมรส่งหนังสือถึง UN ประณามไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ-หลักการอาเซียน ยันถูกบังคับตอบโต้ป้องกันตนเอง
    https://www.thai-tai.tv/news/20499/
    .
    #ฮุนมาเนต #UNSC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การรุกราน #กฎบัตรสหประชาชาติ #ICJ #ปราสาทตาเมือนธม #สามเหลี่ยมมรกต #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #แถลงการณ์กัมพูชา
    นายกฯ เขมรส่งหนังสือถึง UN ประณามไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ-หลักการอาเซียน ยันถูกบังคับตอบโต้ป้องกันตนเอง https://www.thai-tai.tv/news/20499/ . #ฮุนมาเนต #UNSC #ชายแดนไทยกัมพูชา #การรุกราน #กฎบัตรสหประชาชาติ #ICJ #ปราสาทตาเมือนธม #สามเหลี่ยมมรกต #ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ #แถลงการณ์กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกลาโหมเขมรจี้นานาชาติประณาม ‘ไทย’ รุกรานดินแดน ยันพร้อมปกป้องอธิปไตย "ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม"
    https://www.thai-tai.tv/news/20495/
    .
    #กัมพูชา #ไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #กฎบัตรสหประชาชาติ #สันติภาพ #อธิปไตย #มาลีโสเชทา #ความมั่นคงภูมิภาค #แถลงการณ์
    โฆษกกลาโหมเขมรจี้นานาชาติประณาม ‘ไทย’ รุกรานดินแดน ยันพร้อมปกป้องอธิปไตย "ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม" https://www.thai-tai.tv/news/20495/ . #กัมพูชา #ไทย #ชายแดนไทยกัมพูชา #กระทรวงกลาโหมกัมพูชา #กฎบัตรสหประชาชาติ #สันติภาพ #อธิปไตย #มาลีโสเชทา #ความมั่นคงภูมิภาค #แถลงการณ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • พลโทมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ป้ายสีกองทัพไทย โดยประณามไทยที่รุกรานกัมพูชาอย่างอย่างไร้ความปราณี โหดร้าย และโหดเหี้ยม เรียกร้องนานาชาติร่วมประณามไทย และขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายของไทยอย่างเด็ดขาด และให้ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
    พลโทมาลี โสเจียตา ปลัดกระทรวงกลาโหมและโฆษกกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ออกแถลงการณ์ ป้ายสีกองทัพไทย โดยประณามไทยที่รุกรานกัมพูชาอย่างอย่างไร้ความปราณี โหดร้าย และโหดเหี้ยม เรียกร้องนานาชาติร่วมประณามไทย และขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ผิดกฎหมายของไทยอย่างเด็ดขาด และให้ฝ่ายไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งของเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฮุนเซน" เดือด! ซัดไทย "รุกราน" ประกาศกัมพูชาไม่มีทางเลือกต้องสู้ตอบโต้ สั่งประชาชนอย่าตื่นตระหนก
    https://www.thai-tai.tv/news/20481/
    .
    #ฮุนเซน #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #การรุกราน #กองทัพกัมพูชา #สงครามชายแดน #แถลงการณ์ #ความมั่นคง #พระวิหาร
    "ฮุนเซน" เดือด! ซัดไทย "รุกราน" ประกาศกัมพูชาไม่มีทางเลือกต้องสู้ตอบโต้ สั่งประชาชนอย่าตื่นตระหนก https://www.thai-tai.tv/news/20481/ . #ฮุนเซน #กัมพูชา #ชายแดนไทยกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #การรุกราน #กองทัพกัมพูชา #สงครามชายแดน #แถลงการณ์ #ความมั่นคง #พระวิหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเมาส์ที่ไม่ควรมีพิษ: เมื่อไฟล์จากเว็บทางการกลายเป็นช่องทางแพร่มัลแวร์

    เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ Reddit ดาวน์โหลดเครื่องมือปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 จากเว็บไซต์ของ Endgame Gear เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 แล้วพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ

    หลังตรวจสอบ พบว่าไฟล์นั้นถูกฝังมัลแวร์ XRed ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่มีความสามารถขั้นสูง:
    - ขโมยข้อมูลระบบและส่งออกผ่าน SMTP
    - สร้างโฟลเดอร์ซ่อนที่ C:\ProgramData\Synaptics\
    - แก้ไข Windows Registry เพื่อให้มัลแวร์อยู่รอดหลังรีสตาร์ต
    - แพร่กระจายผ่าน USB เหมือนหนอน (worm)

    ผู้ใช้พบว่า Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือนใด ๆ และลบไฟล์ติดมัลแวร์ออกอย่างเงียบ ๆ

    แม้บริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์จริง และให้คำแนะนำในการตรวจสอบและลบออกจากระบบ แต่ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบกำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO (Information Commissioner’s Office) ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที

    Endgame Gear แจกจ่ายไฟล์ปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 ที่มีมัลแวร์ XRed ฝังอยู่
    ไฟล์ถูกดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการ ไม่ใช่ mirror หรือ third-party

    XRed เป็น backdoor trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลและอยู่รอดในระบบ
    ใช้โฟลเดอร์ซ่อน, แก้ Registry, และแพร่ผ่าน USB

    ผู้ใช้พบไฟล์ Synaptics.exe ที่ติดมัลแวร์ใน C:\ProgramData\Synaptics\
    เป็นตำแหน่งที่มัลแวร์ใช้ซ่อนตัว

    Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือน
    ผู้ใช้พบว่าไฟล์ก่อนวันที่ 17 เป็นเวอร์ชันที่ติดมัลแวร์

    บริษัทออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์ และให้คำแนะนำในการลบออก
    ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะไฟล์นั้น และไฟล์อื่นปลอดภัย

    ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR
    เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที

    ไฟล์ติดมัลแวร์มาจากเว็บไซต์ทางการของ Endgame Gear
    แสดงถึงความเสี่ยงจาก supply chain compromise หรือการจัดการไฟล์ที่ประมาท

    บริษัทเปลี่ยนไฟล์โดยไม่แจ้งเตือนหรือออกประกาศต่อสาธารณะ
    อาจเข้าข่ายละเมิด GDPR ซึ่งกำหนดให้ต้องแจ้งเหตุการณ์ที่กระทบต่อข้อมูลส่วนตัว

    XRed มีความสามารถในการอยู่รอดหลังรีสตาร์ตและแพร่ผ่าน USB
    อาจทำให้มัลแวร์กระจายไปยังอุปกรณ์อื่นโดยไม่รู้ตัว

    การไม่ตรวจสอบไฟล์ก่อนปล่อยให้ดาวน์โหลดจาก CDN เป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ supply chain ในอนาคต

    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าระบบติดมัลแวร์ เพราะไม่มีการแจ้งเตือนจากบริษัท
    ควรตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม และลบออกทันที

    https://www.techspot.com/news/108773-malware-found-endgame-gear-official-mouse-configuration-utility.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากเมาส์ที่ไม่ควรมีพิษ: เมื่อไฟล์จากเว็บทางการกลายเป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อผู้ใช้ Reddit ดาวน์โหลดเครื่องมือปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 จากเว็บไซต์ของ Endgame Gear เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025 แล้วพบพฤติกรรมผิดปกติในระบบ หลังตรวจสอบ พบว่าไฟล์นั้นถูกฝังมัลแวร์ XRed ซึ่งเป็น backdoor trojan ที่มีความสามารถขั้นสูง: - ขโมยข้อมูลระบบและส่งออกผ่าน SMTP - สร้างโฟลเดอร์ซ่อนที่ C:\ProgramData\Synaptics\ - แก้ไข Windows Registry เพื่อให้มัลแวร์อยู่รอดหลังรีสตาร์ต - แพร่กระจายผ่าน USB เหมือนหนอน (worm) ผู้ใช้พบว่า Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือนใด ๆ และลบไฟล์ติดมัลแวร์ออกอย่างเงียบ ๆ แม้บริษัทจะออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์จริง และให้คำแนะนำในการตรวจสอบและลบออกจากระบบ แต่ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบกำลังเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO (Information Commissioner’s Office) ในสหราชอาณาจักร โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที ✅ Endgame Gear แจกจ่ายไฟล์ปรับแต่งเมาส์ OP1w 4K V2 ที่มีมัลแวร์ XRed ฝังอยู่ ➡️ ไฟล์ถูกดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทางการ ไม่ใช่ mirror หรือ third-party ✅ XRed เป็น backdoor trojan ที่สามารถขโมยข้อมูลและอยู่รอดในระบบ ➡️ ใช้โฟลเดอร์ซ่อน, แก้ Registry, และแพร่ผ่าน USB ✅ ผู้ใช้พบไฟล์ Synaptics.exe ที่ติดมัลแวร์ใน C:\ProgramData\Synaptics\ ➡️ เป็นตำแหน่งที่มัลแวร์ใช้ซ่อนตัว ✅ Endgame เปลี่ยนลิงก์ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม โดยไม่แจ้งเตือน ➡️ ผู้ใช้พบว่าไฟล์ก่อนวันที่ 17 เป็นเวอร์ชันที่ติดมัลแวร์ ✅ บริษัทออกแถลงการณ์ยอมรับว่ามีการติดมัลแวร์ และให้คำแนะนำในการลบออก ➡️ ระบุว่าเป็นเหตุการณ์เฉพาะไฟล์นั้น และไฟล์อื่นปลอดภัย ✅ ผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบเตรียมยื่นเรื่องต่อ ICO โดยอ้างว่าเป็นการละเมิด GDPR ➡️ เพราะบริษัทไม่แจ้งเหตุการณ์ต่อสาธารณะทันที ‼️ ไฟล์ติดมัลแวร์มาจากเว็บไซต์ทางการของ Endgame Gear ⛔ แสดงถึงความเสี่ยงจาก supply chain compromise หรือการจัดการไฟล์ที่ประมาท ‼️ บริษัทเปลี่ยนไฟล์โดยไม่แจ้งเตือนหรือออกประกาศต่อสาธารณะ ⛔ อาจเข้าข่ายละเมิด GDPR ซึ่งกำหนดให้ต้องแจ้งเหตุการณ์ที่กระทบต่อข้อมูลส่วนตัว ‼️ XRed มีความสามารถในการอยู่รอดหลังรีสตาร์ตและแพร่ผ่าน USB ⛔ อาจทำให้มัลแวร์กระจายไปยังอุปกรณ์อื่นโดยไม่รู้ตัว ‼️ การไม่ตรวจสอบไฟล์ก่อนปล่อยให้ดาวน์โหลดจาก CDN เป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ supply chain ในอนาคต ‼️ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่รู้ว่าระบบติดมัลแวร์ เพราะไม่มีการแจ้งเตือนจากบริษัท ⛔ ควรตรวจสอบไฟล์ที่ดาวน์โหลดระหว่างวันที่ 2–17 กรกฎาคม และลบออกทันที https://www.techspot.com/news/108773-malware-found-endgame-gear-official-mouse-configuration-utility.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Malware found in Endgame's mouse config utility
    Endgame Gear recently distributed a malicious software package bundled with the official configuration tool for its OP1w 4K V2 wireless gaming mouse. Customers discovered the issue the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2

    หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย
    .
    หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ
    .
    CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่

    แถลงการณ์โดยละเอียด:

    CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา

    พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย

    หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้

    ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542

    การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต

    การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2

    CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้:

    1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน

    2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข

    3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด

    ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้

    “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน”

    เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา

    “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง”

    ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม

    https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    ด่วน! กัมพูชาแถลงยัน ทุ่นระเบิดที่ทหารไทยเหยียบเป็นระเบิดเก่า ไม่ใช่ PMN-2 หน่วยงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่า กองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย . หลังจากเกิดเหตุระเบิดทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 ก.ค. 68 ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่า ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 ที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุ . CMAA ปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่นและย้ำว่า กัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 อย่างเต็มที่ แถลงการณ์โดยละเอียด: CMAA ขอตอบโต้ข้อกล่าวหาของไทย: จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเขตทุ่นระเบิดที่ได้รับการบันทึกไว้ภายในเขตแดนกัมพูชา พนมเปญ — หน่วยงานช่วยเหลือเหยื่อและปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (CMAA) ออกแถลงการณ์ดังต่อไปนี้เพื่อตอบโต้ข้อกล่าวหาล่าสุดของเจ้าหน้าที่ไทยที่กล่าวหาว่ากองกำลังกัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดลูกใหม่ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย หลังจากเกิดเหตุระเบิดจากทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บใกล้ชายแดนในจังหวัดพระวิหาร เจ้าหน้าที่ไทยกล่าวหาว่าทุ่นระเบิดสังหารบุคคล PMN-2 เป็นระเบิดที่เพิ่งติดตั้งใหม่เป็นสาเหตุในครั้งนี้ ทางหน่วยงาน CMAA ขอปฏิเสธข้อกล่าวหานี้อย่างหนักแน่น และย้ำว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (Anti-Personnel Mine Ban Convention) อย่างเคร่งครัด ซึ่งกัมพูชาได้ให้สัตยาบันในปี พ.ศ. 2542 การตรวจสอบทางเทคนิคโดยศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) ยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในเขตแดนของกัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่ทุ่นระเบิด BS/CMAA/16808 ซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านเตโชโมโรโกต ตำบลโมโรโกต อำเภอจัมโบกสัน ทุ่นระเบิดนี้ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย และเป็นส่วนหนึ่งของคลังทุ่นระเบิดเก่าของกัมพูชาที่สืบเนื่องมาจากความขัดแย้งในอดีต การประเมินทางนิติวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรูปแบบการบาดเจ็บชี้ให้เห็นว่าการระเบิดน่าจะเกิดจากทุ่นระเบิดเก่าที่มีพลังทำลายต่ำ เช่น ประเภท 72A, 72B, M14, MN79 หรือ MD82B ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละทุ่นระเบิดจะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม ในทางตรงกันข้าม ทุ่นระเบิด PMN-2 มีวัตถุระเบิดมากกว่า 115 กรัม และมักส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสมากกว่า ผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสังเกตว่าการบาดเจ็บที่ได้รับในเหตุการณ์นี้ไม่สอดคล้องกับการระเบิดของ PMN-2 CMAA เน้นย้ำข้อเท็จจริงสำคัญดังต่อไปนี้: 1. ยังไม่มีการวางทุ่นระเบิดใหม่ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนหนึ่งของทุ่นระเบิดที่มีมายาวนาน ซึ่งยังคงเป็นภัยคุกคามด้านมนุษยธรรมต่อชุมชนชายแดน 2. การระเบิดเกิดขึ้นในเขตอันตรายที่ได้รับการบันทึกอย่างเป็นทางการ พื้นที่ระเบิดทั้งหมดอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชาและยังไม่ได้รับการแก้ไข 3. กัมพูชามีสถิติการปฏิบัติการทุ่นระเบิดที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 กัมพูชาได้ดำเนินการกวาดล้างทุ่นระเบิดไปแล้วกว่า 1.1 ล้านลูก และซากวัตถุระเบิดจากสงครามเกือบ 3 ล้านชิ้น ประเทศยังคงมีบทบาทสำคัญในความพยายามในการกำจัดทุ่นระเบิดทั่วโลก รวมถึงการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเสียมเรียบ-อังกอร์ ปี พ.ศ. 2567 เพื่อลงนามสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ข้อกล่าวอ้างเรื่องการติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากหลักฐานภาคสนาม และมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนเจตนารมณ์แห่งความร่วมมือซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอาวุโส ลี ธุช รองประธานคนแรกของ CMAA แสดงความเสียใจต่อข้อเท็จจริงที่ผู้นำไทยบางคนกำลังบิดเบือนความตึงเครียดบริเวณชายแดนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นทางการเมืองภายในประเทศของไทย เขาโต้แย้งอย่างหนักแน่นต่อข้อเสนอของไทยที่ว่ากัมพูชาได้ติดตั้งทุ่นระเบิดใหม่ โดยระบุว่ากัมพูชาประสบปัญหาจากการปนเปื้อนของทุ่นระเบิดมานานหลายทศวรรษ และกำลังดำเนินการอย่างแข็งขันเพื่อกำจัดทุ่นระเบิดเหล่านี้ “เราเหนื่อยล้าจากอันตรายของทุ่นระเบิด และใช้เวลากว่า 30 ปีในการกำจัดทุ่นระเบิด” เขากล่าว “กัมพูชายังคงยึดมั่นในสันติภาพ และเราขอเรียกร้องให้ไทยร่วมเจรจาหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนและปฏิบัติการกำจัดทุ่นระเบิดร่วมกัน” เขายังกล่าวอีกว่า การกำจัดทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนไทยยังคงเป็นความท้าทายที่ซับซ้อน เนื่องจากภูมิประเทศที่ยากลำบาก พืชพรรณที่หนาแน่น และพื้นที่ที่มีการปนเปื้อนอย่างหนัก ซึ่งต้องใช้เวลาและทรัพยากรมากขึ้นในการกำจัด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาวุโสยังย้ำว่าการขาดเจตนารมณ์อันดีและความไม่เต็มใจที่จะมีส่วนร่วมอย่างสร้างสรรค์กับกัมพูชาในการกำหนดเขตแดนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายปลอดทุ่นระเบิดของกัมพูชา “ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ กองกำลังทหารไทยและนักการเมืองไทยบางคนได้ก่อให้เกิดข้อพิพาทกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว และเมียนมาหลายครั้ง” ท่านแสดงความกังวลอย่างยิ่งว่าองค์ประกอบบางส่วนในกองทัพและการเมืองของไทยยังคงแสดงความไม่พอใจในสิ่งที่ได้รับจากประเทศเพื่อนบ้านในช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมา แต่กลับแสดงให้เห็นถึงความโลภแบบจักรวรรดินิยม แม้ว่าจะได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากประเทศเพื่อนบ้านเหล่านั้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ก็ตาม https://web.facebook.com/share/p/16Ks7b33s6/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน

    ธามีน อัล-กีตาน โฆษกของสำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ระบุว่า “จนถึงวันที่ 21 ก.ค. เราบันทึกได้ว่ามีผู้คน 1,054 คนถูกฆ่าในกาซา ขณะกำลังพยายามไปรับอาหาร ในจำนวนนี้ 766 คนถูกฆ่าในบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของจีเอชเอฟ และอีก 288 คนใกล้ๆ ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือของยูเอนและองค์การมนุษยธรรมอื่นๆ”
    องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน ธามีน อัล-กีตาน โฆษกของสำนักงานสิทธิมนุษยชนยูเอ็น ระบุว่า “จนถึงวันที่ 21 ก.ค. เราบันทึกได้ว่ามีผู้คน 1,054 คนถูกฆ่าในกาซา ขณะกำลังพยายามไปรับอาหาร ในจำนวนนี้ 766 คนถูกฆ่าในบริเวณรอบๆ ที่ตั้งของจีเอชเอฟ และอีก 288 คนใกล้ๆ ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือของยูเอนและองค์การมนุษยธรรมอื่นๆ”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069528
    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    องค์การบรรเทาทุกข์กว่า 100 แห่งออกแถลงการณ์เตือนกาซากำลังเผชิญความอดอยากขาดอาหารรุนแรงอย่างกว้างขวาง พร้อมเรียกร้องให้หยุดยิงทันที รวมถึงขอให้อิสราเอลเปิดจุดผ่านแดนทางบกทั้งหมดและอนุญาตให้ความช่วยเหลือจากภายนอกเข้าสู่กาซา ขณะที่ยูเอ็นระบุนับจากปลายเดือนพ.ค. ที่มีการเปลี่ยนวิธีแจกจ่ายอาหารกันใหม่ ไม่ให้สหประชาชาติเข้าไปยุ่งเกี่ยว กองทัพยิวสังหารชาวปาเลสไตน์ที่กำลังรอรับอาหารกว่า 1,000 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000069528 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย กรณีทหารชุดลาดตระเวนของไทยเหยียบกับระเบิด ย้ำ! ไม่ใช่ความรับผิดชอบของกัมพูชา

    พลโท มาลี โสเจียตา (Maly Socheata) ปลัดกระทรวงและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง

    ในแถลงการณ์ดังกล่าว พลโท มาลี โสเจียตา ยืนยันว่า กัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลจากฝ่ายไทยทั้งหมด เกี่ยวกับการบาดเจ็บของทหารไทย 5 นายจากเหตุทุ่นระเบิดระเบิดในหมู่บ้านอานเสะ ตำบลจอมกระสานต์ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร (บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568
    .
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุด้วยว่า กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยหลายครั้งแล้วว่าพื้นที่เหล่านั้นยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งเป็นเศษซากจากสงครามในอดีตที่ยังไม่ได้รับการกวาดล้างจนหมด และได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงร่วมกันในการใช้เส้นทางลาดตระเวนตามที่ระบุไว้ใน บันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU 2000)
    .
    แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่รุกรานของตนเอง แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่กัมพูชาเองเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการละเมิดกฎหมายของไทย
    .
    ในตอนท้าย กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชายืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนชาวกัมพูชา โดยจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตนเป็นอันขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

    https://www.facebook.com/share/p/15isUPq9mT/
    ด่วน! กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย กรณีทหารชุดลาดตระเวนของไทยเหยียบกับระเบิด ย้ำ! ไม่ใช่ความรับผิดชอบของกัมพูชา พลโท มาลี โสเจียตา (Maly Socheata) ปลัดกระทรวงและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง ในแถลงการณ์ดังกล่าว พลโท มาลี โสเจียตา ยืนยันว่า กัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลจากฝ่ายไทยทั้งหมด เกี่ยวกับการบาดเจ็บของทหารไทย 5 นายจากเหตุทุ่นระเบิดระเบิดในหมู่บ้านอานเสะ ตำบลจอมกระสานต์ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร (บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 . กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุด้วยว่า กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยหลายครั้งแล้วว่าพื้นที่เหล่านั้นยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งเป็นเศษซากจากสงครามในอดีตที่ยังไม่ได้รับการกวาดล้างจนหมด และได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงร่วมกันในการใช้เส้นทางลาดตระเวนตามที่ระบุไว้ใน บันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU 2000) . แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่รุกรานของตนเอง แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่กัมพูชาเองเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการละเมิดกฎหมายของไทย . ในตอนท้าย กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชายืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนชาวกัมพูชา โดยจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตนเป็นอันขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม https://www.facebook.com/share/p/15isUPq9mT/
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • สรุปมาตรการตอบโต้ของไทยที่ทำทันทีหลังเกิดเหตุทหารชุดลาดตระเวน พัน ร.14 (ลว.พัน ร.14) เหยียบกับระเบิดขาขาดอีกนาย ในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี

    1. ปิด 4 ด่าน 2 ปราสาท ตามที่กองทัพเสนอ
    ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย

    2.ลดระดับทางการทูต
    รัฐบาลไทยประกาศเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาเดินทางออกจากประเทศไทย ภายในเวลาที่กำหนด

    3.กองทัพประณามการกระทำของกัมพูชา
    กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา

    4.มีคำสั่งใช้มาตรการป้องกันและตอบโต้ทันที
    โดยกองทัพไทยเตรียมแผน ‘จักรพงษ์ภูวนาถ’ หลัง ‘กัมพูชา’ ลอบวาง ‘ทุ่นระเบิด’ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพล บาดเจ็บ 5 นาย โดย 1 นาย ขาขวาเจ็บสาหัส ขณะเดินลาดตระเวน⁣
    สรุปมาตรการตอบโต้ของไทยที่ทำทันทีหลังเกิดเหตุทหารชุดลาดตระเวน พัน ร.14 (ลว.พัน ร.14) เหยียบกับระเบิดขาขาดอีกนาย ในพื้นที่ห้วยบอน ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี 1. ปิด 4 ด่าน 2 ปราสาท ตามที่กองทัพเสนอ ช่องอานม้า ช่องสะงำ ช่องจอม ช่องสายตะกู ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย 2.ลดระดับทางการทูต รัฐบาลไทยประกาศเรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชาเดินทางออกจากประเทศไทย ภายในเวลาที่กำหนด 3.กองทัพประณามการกระทำของกัมพูชา กองทัพบกออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำอันไร้มนุษยธรรม ซึ่งละเมิดต่อหลักมนุษยธรรมสากลและข้อตกลงระหว่างประเทศ อันเกิดขึ้นภายในเขตราชอาณาจักรไทย โดยเป็นการกระทำของฝ่ายกัมพูชา 4.มีคำสั่งใช้มาตรการป้องกันและตอบโต้ทันที โดยกองทัพไทยเตรียมแผน ‘จักรพงษ์ภูวนาถ’ หลัง ‘กัมพูชา’ ลอบวาง ‘ทุ่นระเบิด’ ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพล บาดเจ็บ 5 นาย โดย 1 นาย ขาขวาเจ็บสาหัส ขณะเดินลาดตระเวน⁣
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘เสธ.เบิร์ด’ เปิดชื่อ 2 ผู้พันกัมพูชา เอี่ยววาง ‘ทุ่นระเบิด’ หน้าแนวคูเลต ล้ำดินแดนไทย

    เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (ผอ.สน.ปร.มน) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Wanchana Sawasdee” เปิดชื่อนายทหารกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางทุ่นระเบิด โดยมีรายละเอียดว่า:

    ที่แนวต้นพญาสัตบรรณ กัมพูชายอมรับ ว่าล้ำแนวไทยจริง จึงยอมกลบคูเลต และถอยออกจากแนว ไม่ล้ำแล้วถอยทำไมกลบแนวคูเลตทำไม นิสัยเขมรๆ แบบฮุนเซน ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ไม่มีวันยอมรับ ขนาดวันแรก นายแฮง รัตนา ผอ.สนง.ปฏิบัติการทุระเบิดแห่งชาติกัมพูชา ออกมาแถลงข่าวว่าทุนระเบิดอยู่ในแผ่นดินไทย แต่ในวันถัดมาแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาก็กลับคำบอกว่าทุนระเบิดอยู่ในพื้นที่กัมพูชา เอายังไงแน่ คุยกันก่อนดีไหม แต่ที่ยืนยันชัดเจนว่า จุดที่ระเบิดนั้นอยู่ในฝั่งไทยคือ

    1 กัมพูชายอมกลบแนวคูเลตที่ตัวเองขุดขึ้นและถอย ย้ำนะครับ ยอมถอยออกจากพื้นที่แนวพญาสัตบรรณ (ยืนยันชัดว่า ถ้ามั่นใจจริงว่า ไม่ล้ำ แล้วถอยทำไม่)

    2 การวางระเบิดเพื่อป้องกัน ขศ. เข้ามาแนววางกำลัง หลักการทางทหาร ก็ต้องวางหน้าแนววางกำลัง หรือหน้าแนว คูเลต ไม่มีใครวางหลังแนวตัวเองแน่นอน ก็ตรงตามจุดโดนระเบิด คือ อยู่หน้าแนวคูเลต เมื่อมองจากฝั่งกัมพูชา ขนาด คูเลตยังล้ำแดน ฉะนั้น หน้าแนวคูเลต ก็ยิ่งล้ำเข้ามาอีก

    ใครจะรับผิดชอบหล่ะ หน่วยในพื้นที่ ที่เผชิญหน้ากันอยู่ หรือหน่วยวางระเบิด ชื่อหน่วยและ ผู้นำในพื้นที่ก็รู้กันอยู่แล้ว เพราะไปมาหาสู่กันมานาน พูดได้ว่า รู้จักกัน

    หน่วยที่วางกำลังเผชิญหน้าอยู่คือ พัน สสน.392 สน. มี พ.ต.ชุน โซะพอล เป็น ผบ.พัน

    ส่วน หน่วยที่มาวางกับระเบิด คือ หน่วย ช. พล.สสน.3 มี พ.ท.ลำ โซะเคน ผบ.พัน

    2 หน่วยนี้มาเดินเก็บกู้พร้อมกันไหม? แต่ถามหาความรับผิดชอบคงไม่มี เพราะฮุนเซนคงให้ปฏิเสธ ไป ตามนิสัยจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่ารับผิด

    แต่ที่แน่นอนคือ อยู่ในดินแดนไทย เพราะ เขมร ยอมถอย เนื่องจากรู้ดีว่า ล้ำแดนจริง จำนนต่อหลักฐานแผนที่ 1 : 200,000 ที่ทำมาเป็นเพียงการนำเสนอให้รู้ว่า แม้แผนที่หยาบมาก ก็ยังอยู่ในแผ่นดินไทย

    https://web.facebook.com/share/p/1VP9eMWksG/
    ‘เสธ.เบิร์ด’ เปิดชื่อ 2 ผู้พันกัมพูชา เอี่ยววาง ‘ทุ่นระเบิด’ หน้าแนวคูเลต ล้ำดินแดนไทย เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย (ผอ.สน.ปร.มน) โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว “Wanchana Sawasdee” เปิดชื่อนายทหารกัมพูชาที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์วางทุ่นระเบิด โดยมีรายละเอียดว่า: ที่แนวต้นพญาสัตบรรณ กัมพูชายอมรับ ว่าล้ำแนวไทยจริง จึงยอมกลบคูเลต และถอยออกจากแนว ไม่ล้ำแล้วถอยทำไมกลบแนวคูเลตทำไม นิสัยเขมรๆ แบบฮุนเซน ถ้าจับไม่ได้คาหนังคาเขา ไม่มีวันยอมรับ ขนาดวันแรก นายแฮง รัตนา ผอ.สนง.ปฏิบัติการทุระเบิดแห่งชาติกัมพูชา ออกมาแถลงข่าวว่าทุนระเบิดอยู่ในแผ่นดินไทย แต่ในวันถัดมาแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาก็กลับคำบอกว่าทุนระเบิดอยู่ในพื้นที่กัมพูชา เอายังไงแน่ คุยกันก่อนดีไหม แต่ที่ยืนยันชัดเจนว่า จุดที่ระเบิดนั้นอยู่ในฝั่งไทยคือ 1 กัมพูชายอมกลบแนวคูเลตที่ตัวเองขุดขึ้นและถอย ย้ำนะครับ ยอมถอยออกจากพื้นที่แนวพญาสัตบรรณ (ยืนยันชัดว่า ถ้ามั่นใจจริงว่า ไม่ล้ำ แล้วถอยทำไม่) 2 การวางระเบิดเพื่อป้องกัน ขศ. เข้ามาแนววางกำลัง หลักการทางทหาร ก็ต้องวางหน้าแนววางกำลัง หรือหน้าแนว คูเลต ไม่มีใครวางหลังแนวตัวเองแน่นอน ก็ตรงตามจุดโดนระเบิด คือ อยู่หน้าแนวคูเลต เมื่อมองจากฝั่งกัมพูชา ขนาด คูเลตยังล้ำแดน ฉะนั้น หน้าแนวคูเลต ก็ยิ่งล้ำเข้ามาอีก ใครจะรับผิดชอบหล่ะ หน่วยในพื้นที่ ที่เผชิญหน้ากันอยู่ หรือหน่วยวางระเบิด ชื่อหน่วยและ ผู้นำในพื้นที่ก็รู้กันอยู่แล้ว เพราะไปมาหาสู่กันมานาน พูดได้ว่า รู้จักกัน หน่วยที่วางกำลังเผชิญหน้าอยู่คือ พัน สสน.392 สน. มี พ.ต.ชุน โซะพอล เป็น ผบ.พัน ส่วน หน่วยที่มาวางกับระเบิด คือ หน่วย ช. พล.สสน.3 มี พ.ท.ลำ โซะเคน ผบ.พัน 2 หน่วยนี้มาเดินเก็บกู้พร้อมกันไหม? แต่ถามหาความรับผิดชอบคงไม่มี เพราะฮุนเซนคงให้ปฏิเสธ ไป ตามนิสัยจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน อย่ารับผิด แต่ที่แน่นอนคือ อยู่ในดินแดนไทย เพราะ เขมร ยอมถอย เนื่องจากรู้ดีว่า ล้ำแดนจริง จำนนต่อหลักฐานแผนที่ 1 : 200,000 ที่ทำมาเป็นเพียงการนำเสนอให้รู้ว่า แม้แผนที่หยาบมาก ก็ยังอยู่ในแผ่นดินไทย https://web.facebook.com/share/p/1VP9eMWksG/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากช่องโหว่ที่ไม่มีใครรู้: เมื่อ SharePoint กลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์

    Microsoft ระบุว่า:
    - ช่องโหว่นี้เกิดใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises (ที่องค์กรติดตั้งเอง) ไม่ใช่เวอร์ชัน cloud
    - กลุ่มแฮกเกอร์จีนที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603
    - ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ
    - แฮกเกอร์สามารถ bypass authentication และปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์

    Google CTO ก็ออกมายืนยันว่าอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับจีน และ Microsoft ประเมินว่า “กลุ่มอื่น ๆ จะเร่งนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ”

    แม้สถานทูตจีนจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีหลักฐาน” และ “จีนต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ” แต่ Microsoft ยังคงเดินหน้าปล่อยแพตช์ฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ และเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน

    Microsoft พบช่องโหว่ zero-day ใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises ที่ถูกใช้โจมตีองค์กรทั่วโลก
    กลุ่มแฮกเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    กลุ่มที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603
    มีประวัติเกี่ยวข้องกับ ransomware และการจารกรรมไซเบอร์

    ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ
    แสดงถึงการโจมตีแบบ targeted และมีการเตรียมการล่วงหน้า

    SharePoint เวอร์ชัน cloud-hosted ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้
    ปัญหาเกิดเฉพาะในระบบที่องค์กรติดตั้งและดูแลเอง

    Microsoft ปล่อยแพตช์ฉุกเฉินและเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบทันที
    พร้อมประเมินว่ากลุ่มแฮกเกอร์อื่นจะนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ

    Google CTO ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกับจีนในอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม
    เพิ่มน้ำหนักให้กับข้อกล่าวหาของ Microsoft

    https://wccftech.com/microsoft-accuses-chinese-hackers-of-exploiting-critical-sharepoint-zero-day-vulnerability-in-massive-global-cyberattack-targeting-government-agencies-businesses-and-sensitive-infrastructure/
    🎙️ เรื่องเล่าจากช่องโหว่ที่ไม่มีใครรู้: เมื่อ SharePoint กลายเป็นประตูหลังของการจารกรรมไซเบอร์ Microsoft ระบุว่า: - ช่องโหว่นี้เกิดใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises (ที่องค์กรติดตั้งเอง) ไม่ใช่เวอร์ชัน cloud - กลุ่มแฮกเกอร์จีนที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603 - ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2025 ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ - แฮกเกอร์สามารถ bypass authentication และปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์ Google CTO ก็ออกมายืนยันว่าอย่างน้อยหนึ่งกลุ่มมีความเชื่อมโยงกับจีน และ Microsoft ประเมินว่า “กลุ่มอื่น ๆ จะเร่งนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ” แม้สถานทูตจีนจะออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างหนักแน่นว่า “ไม่มีหลักฐาน” และ “จีนต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ทุกรูปแบบ” แต่ Microsoft ยังคงเดินหน้าปล่อยแพตช์ฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ และเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบอย่างเร่งด่วน ✅ Microsoft พบช่องโหว่ zero-day ใน SharePoint เวอร์ชัน on-premises ที่ถูกใช้โจมตีองค์กรทั่วโลก ➡️ กลุ่มแฮกเกอร์สามารถปลอมตัวเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ กลุ่มที่ถูกกล่าวหาคือ Linen Typhoon, Violent Typhoon และ Storm-2603 ➡️ มีประวัติเกี่ยวข้องกับ ransomware และการจารกรรมไซเบอร์ ✅ ช่องโหว่ถูกใช้ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม ก่อนที่ Microsoft จะเปิดเผยต่อสาธารณะ ➡️ แสดงถึงการโจมตีแบบ targeted และมีการเตรียมการล่วงหน้า ✅ SharePoint เวอร์ชัน cloud-hosted ไม่ได้รับผลกระทบจากช่องโหว่นี้ ➡️ ปัญหาเกิดเฉพาะในระบบที่องค์กรติดตั้งและดูแลเอง ✅ Microsoft ปล่อยแพตช์ฉุกเฉินและเตือนผู้ใช้ให้ตรวจสอบระบบทันที ➡️ พร้อมประเมินว่ากลุ่มแฮกเกอร์อื่นจะนำช่องโหว่นี้ไปใช้ต่อ ✅ Google CTO ยืนยันว่ามีความเชื่อมโยงกับจีนในอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม ➡️ เพิ่มน้ำหนักให้กับข้อกล่าวหาของ Microsoft https://wccftech.com/microsoft-accuses-chinese-hackers-of-exploiting-critical-sharepoint-zero-day-vulnerability-in-massive-global-cyberattack-targeting-government-agencies-businesses-and-sensitive-infrastructure/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • 28 ชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้ยุติสงครามกาซาทันที

    แถลงการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นของพันธมิตร ขณะที่อิสราเอลเผชิญกับการโดดเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในเวทีโลก
    28 ชาติ ออกแถลงการณ์ร่วม เรียกร้องให้ยุติสงครามกาซาทันที แถลงการณ์ครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้ถ้อยคำที่รุนแรงขึ้นของพันธมิตร ขณะที่อิสราเอลเผชิญกับการโดดเดี่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในเวทีโลก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ
    .
    แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา
    .
    กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล
    .
    กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้
    .
    รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม
    .
    กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย
    .
    เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด
    .
    แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน
    .
    เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม
    .
    พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    กระทรวงต่างประเทศกัมพูชาร่อนแถลงการณ์โต้ไทย ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องทุ่นระเบิด เผยทหารไทยเข้ามาพื้นที่กัมพูชาโดยละเมิด แม้กัมพูชาจะเตือนถึงทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากความขัดแย้งมาหลายทศวรรษ . แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา . กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล . กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศแห่งราชอาณาจักรไทย เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 เรื่อง “การประท้วงต่อต้านการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล” ซึ่งกล่าวหากัมพูชาว่าได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (อนุสัญญาออตตาวา) ส่งผลให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บเมื่อเร็วๆ นี้ . รัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไร้เหตุผลและไร้เหตุผลเหล่านี้อย่างเด็ดขาด ในฐานะรัฐภาคีที่ยึดมั่นในหลักการและเจตนารมณ์ของอนุสัญญาออตตาวาอย่างเต็มที่ กัมพูชาขอปฏิเสธอย่างหนักแน่นต่อข้อกล่าวหาใดๆ ที่ว่ากัมพูชาได้ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญานี้ ความพยายามและความสำเร็จอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในปฏิบัติการทุ่นระเบิดได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประชาคมระหว่างประเทศ รวมถึงความก้าวหน้าที่สำคัญในการกำจัดเศษระเบิดจากสงครามในดินแดนของตน และการมีส่วนร่วมของกัมพูชาในปฏิบัติการกู้ระเบิดของสหประชาชาติในประเทศอื่นๆ หลังสงคราม . กระทรวงฯ ขอย้ำข้อเท็จจริงว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจัมโบะ จังหวัดพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่กัมพูชายอมรับในระดับสากล ดินแดนนี้ถูกกำหนดโดยแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ที่จัดทำโดยคณะกรรมาธิการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญา ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 แผนที่เหล่านี้ได้รับการยอมรับจากทั้งรัฐบาลกัมพูชาและไทยมาเป็นเวลานานในฐานะพื้นฐานที่เชื่อถือได้สำหรับการกำหนดเขตแดนของทั้งสองประเทศ นอกจากนี้ยังเป็นแผนที่อ้างอิงสำหรับศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในคำพิพากษา ค.ศ. 1962 และการตีความเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร ค.ศ. 2013 อีกด้วย . เป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ทหารไทยได้เข้ามาในพื้นที่นี้โดยละเมิดบันทึกความเข้าใจ ค.ศ. 2000 ซึ่งกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนร่วมกันอย่างชัดเจน และห้ามมิให้มีกิจกรรมฝ่ายเดียวในพื้นที่ที่ไม่มีเส้นแบ่งเขต แม้ว่ากัมพูชาจะเตือนถึงอันตรายจากทุ่นระเบิดที่ยังไม่ระเบิด ซึ่งเป็นซากของความขัดแย้งทางอาวุธหลายทศวรรษ แต่กองทัพไทยกลับเบี่ยงเบนไปจากเส้นทางลาดตระเวนที่เคยประสานงานกันไว้ก่อนหน้านี้ระหว่างสองประเทศ และสร้างเส้นทางใหม่ผ่านดินแดนกัมพูชา การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบนี้ถือเป็นการละเมิดความเข้าใจทวิภาคี ละเมิดดินแดนภายใต้อธิปไตยของกัมพูชา เป็นอันตรายต่อชีวิต และบั่นทอนความไว้วางใจซึ่งกันและกัน นี่ยังไม่รวมถึงเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและไม่ชอบด้วยกฎหมายที่กองทัพไทยประกาศใช้ในการบังคับใช้กฎเกณฑ์สำหรับการเข้ามา ของนักท่องเที่ยวและผู้แสวงบุญที่เข้าไปในวัดทาโมนธม (ปราสาทตาเมือนธม) โดยอ้างอำนาจอธิปไตยของไทยเหนือพื้นที่วัด . แม้จะมีข้อเท็จจริงที่ชัดเจนและไม่อาจปฏิเสธได้ แต่ไทยก็ยังคงออกแถลงการณ์ที่ขาดความระมัดระวังและทำให้เข้าใจผิด โดยกล่าวอ้างอย่างเท็จว่าได้กวาดล้างทุ่นระเบิดในพื้นที่ที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการระเบิดทุ่นระเบิดแล้ว ในความเป็นจริง ทหารกัมพูชายังคงประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว และไม่มีกิจกรรมกวาดล้างทุ่นระเบิดตามที่ไทยอ้าง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในอาณาเขตของกัมพูชา แทนที่จะยอมรับความจริงและรับผิดชอบ ไทยกลับยังคงเผยแพร่ข้อมูลเท็จต่อทั้งสาธารณชนและประชาคมระหว่างประเทศ กัมพูชาเรียกร้องให้ไทยยุติการดำเนินการดังกล่าวโดยทันที และดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขข้อมูลที่บิดเบือน . เหตุการณ์ข้างต้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความจำเป็นที่ทั้งสองประเทศต้องเร่งดำเนินการหาข้อยุติโดยสันติและมีผลผูกพันทางกฎหมายผ่านกลไกระหว่างประเทศที่เหมาะสม ดังนั้น กัมพูชาจึงขอย้ำจุดยืนที่มีมายาวนานว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการหลักของสหประชาชาติ เป็นเวทีที่น่าเชื่อถือและเป็นกลางที่สุดในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนที่เหลืออยู่ระหว่างสองประเทศ กัมพูชาขอเรียกร้องให้ประเทศไทยยอมรับอำนาจของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในเรื่องนี้ด้วยความสุจริตใจ โดยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติ และด้วยความมุ่งมั่นอย่างจริงใจที่จะแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนอย่างยุติธรรม เป็นธรรม และสันติ เพื่อประกันสันติภาพที่ยั่งยืน ป้องกันเหตุการณ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก และส่งเสริมเสถียรภาพระยะยาวของทั้งสองประเทศและภูมิภาคโดยรวม . พนมเปญ 21 กรกฎาคม 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 246 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน

    “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้

    เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก

    ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว

    คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

    รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง

    อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

    เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก

    สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว

    “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว

    รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน

    ที่มา :
    https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานข่าว Evidence shows Jeju Air pilots shut off less-damaged engine before crash, source says อ้างข้อมูลจากแหล่งข่าวที่รู้ข้อมูลการสอบสวน ซึ่งระบุว่า การสอบสวนที่นำโดยเกาหลีใต้เกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกของสายการบินเจจูแอร์เมื่อเดือน ธ.ค. 2567 มีหลักฐานชัดเจนว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหายน้อยกว่าหลังจากถูกนกชน “หลักฐานต่างๆ ซึ่งรวมถึงเครื่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสวิตช์เครื่องยนต์ที่พบในซากเครื่องบิน แสดงให้เห็นว่า นักบินได้ดับเครื่องยนต์ด้านซ้ายแทนที่จะเป็นด้านขวาขณะกำลังดำเนินการฉุกเฉินหลังจากถูกนกชนก่อนกำหนดลงจอด ทีมสอบสวนมีหลักฐานชัดเจนและข้อมูลสำรอง ดังนั้นผลการตรวจสอบจะไม่เปลี่ยนแปลง” แหล่งข่าวกล่าว ซึ่งขอให้ข้อมูลโดยไม่เปิดเผยชื่อ เนื่องจากคณะทำงานสอบสวนยังไม่ได้เผยแพร่รายงานอย่างเป็นทางการซึ่งรวมถึงหลักฐานนี้ เหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ตกที่สนามบินมูอัน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือเกือบทั้งหมด โดยเหลือผู้รอดชีวิตเพียง 2 ราย ถือเป็นภัยพิบัติทางอากาศที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ ซึ่งแหล่งข่าวจากรัฐบาลกล่าวว่า จากการตรวจสอบเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่กู้คืนมา พบว่าไม่มีข้อบกพร่องใดๆ เกิดขึ้นก่อนเกิดเหตุนกชนและตก ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 เจ้าหน้าที่สอบสวนได้แจ้งต่อสมาชิกในครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า เครื่องยนต์ด้านขวาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการถูกนกชนมากกว่าเครื่องยนต์ด้านซ้าย แต่กลับมีหลักฐานแวดล้อมที่บ่งชี้ว่านักบินได้ปิดเครื่องยนต์ด้านซ้ายซึ่งได้รับความเสียหายน้อยกว่า ซึ่งช่วงวันที่ 19 – 20 ก.ค. 2568 สื่อเกาหลีใต้หลายสำนัก รวมถึง MBN และยอนฮัป รายงานข้อมูลดังกล่าว คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินและทางรถไฟของเกาหลีใต้ (ARAIB) ซึ่งเป็นผู้นำการสอบสวน ไม่ได้ตอบสนองต่อคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ขณะที่โบอิ้งได้ส่งคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกไปยัง ARAIB ส่วน CFM International ผู้ผลิตเครื่องยนต์ ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง GE และ Safran ของฝรั่งเศส ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นในทันที ด้านสายการบินเจจูแอร์ระบุว่ากำลังให้ความร่วมมืออย่างแข็งขันกับการสอบสวนของ ARAIB และกำลังรอการประกาศผลการสอบสวนอย่างเป็นทางการ รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า อุบัติเหตุทางอากาศส่วนใหญ่เกิดจากหลายปัจจัย และภายใต้กฎระเบียบระหว่างประเทศ คาดว่าจะมีรายงานสรุปภายใน 1 ปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ส่วนรายงานเบื้องต้นที่เผยแพร่ในเดือน ม.ค. 2568 ระบุว่าพบซากเป็ดในเครื่องยนต์ทั้งสองข้างของเครื่องบินสายการบินเจจูแอร์หลังจากเที่ยวบินที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ตกที่สนามบินมวน แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับขอบเขตของซากเป็ดหรือความเสียหายที่พบในเครื่องยนต์แต่ละเครื่อง อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2568 หน่วยงานสอบสวนของเกาหลีใต้ได้ยกเลิกแผนการเผยแพร่รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเครื่องยนต์เท่าที่ทราบมาจนถึงปัจจุบันต่อสื่อมวลชน ขณะที่ทนายความของกลุ่มญาติเหยื่อโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ญาติของเหยื่อได้รับแจ้งเกี่ยวกับรายงานดังกล่าวก่อนที่จะเผยแพร่ตามแผน แต่คัดค้านการเผยแพร่ โดยระบุว่ารายงานดูเหมือนจะโยนความผิดให้กับนักบินโดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เที่ยวบินของสายการบินเจจูแอร์ได้พุ่งออกนอกรันเวย์ของสนามบินมูอันขณะลงจอดฉุกเฉินและชนเข้ากับคันดินที่ติดตั้งอุปกรณ์นำทาง ทำให้เกิดเพลิงไหม้และระเบิดบางส่วน ซึ่งตัวแทนของครอบครัวเหยื่อและสหภาพนักบินของสายการบินเจจูแอร์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า การสอบสวนจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่คันดินดังกล่าวด้วย ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการบินระบุว่าน่าจะเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจำนวนมาก สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าวว่า ARAIB กำลังทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด โดยระบุว่าเครื่องยนต์ด้านซ้ายไม่มีปัญหา เนื่องจากพบร่องรอยซากนกในเครื่องยนต์ทั้ง 2 เครื่อง อีกทั้ง พยายามทำให้นักบินกลายเป็นแพะรับบาปด้วยการไม่ให้เหตุผลทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ระบุว่าเครื่องบินสามารถลงจอดได้อย่างปลอดภัยหากติดเครื่องยนต์ด้านซ้ายเพียงอย่างเดียว “อุบัติเหตุทางอากาศเป็นเหตุการณ์ที่ซับซ้อนซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากปัจจัยหลายประการ และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังไม่ได้นำเสนอหลักฐานที่สนับสนุนนัยที่ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เป็นผลมาจากความผิดพลาดของนักบิน และจนถึงขณะนี้ผู้สอบสวนยังคงนิ่งเฉยต่อความรับผิดชอบขององค์กร” สหภาพนักบินสายการบินเจจูแอร์ กล่าว รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า หน่วยงานที่เป็นตัวแทนของครอบครัวผู้สูญเสียกล่าวในแถลงการณ์ว่ามีข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับสาเหตุของอุบัติเหตุในข่าวประชาสัมพันธ์ที่วางแผนไว้ ซึ่งอาจตีความได้ว่าได้ข้อสรุปขั้นสุดท้ายแล้ว และข้อเท็จจริงทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ต้องได้รับการชี้แจงให้ชัดเจน ที่มา : https://www.reuters.com/business/aerospace-defense/evidence-shows-jeju-air-pilots-shut-off-less-damaged-engine-before-crash-source-2025-07-21/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ปฎิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติออกแถลงการณ์แจงภาพที่กัมพูชานำมาเผยแพร่ อ้างว่าทหารไทยวางทุ่นระเบิดนั้น แท้จริงเป็นการสอนกำลังพลหลักสูตรสงครามทุ่นระเบิดเท่านั้น ชี้จงใจบิดเบือนทำให้ไทยเสียหาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068675

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ศูนย์ปฎิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติออกแถลงการณ์แจงภาพที่กัมพูชานำมาเผยแพร่ อ้างว่าทหารไทยวางทุ่นระเบิดนั้น แท้จริงเป็นการสอนกำลังพลหลักสูตรสงครามทุ่นระเบิดเท่านั้น ชี้จงใจบิดเบือนทำให้ไทยเสียหาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068675 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ แถลงการณ์โต้ "กัมพูชา" บิดเบือนข้อเท็จจริง นำภาพการฝึกภาคสนามมากล่าวหา "ทหารไทย" เป็นผู้ฝังทุ่นระเบิด 20 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mines Action Center หรือ TMAC) ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงกังวล อย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ว่า โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทยเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวรจากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาวในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดง ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านรวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคตนอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน
    ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ แถลงการณ์โต้ "กัมพูชา" บิดเบือนข้อเท็จจริง นำภาพการฝึกภาคสนามมากล่าวหา "ทหารไทย" เป็นผู้ฝังทุ่นระเบิด 20 กรกฎาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (Thailand Mines Action Center หรือ TMAC) ออกแถลงการณ์ แสดงความห่วงกังวล อย่างยิ่งต่อเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบกับระเบิดได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 ว่า โดยปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการลักลอบเข้ามาดำเนินการวางทุ่นระเบิด สังหารบุคคลในพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา บริเวณช่องบก อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นพื้นที่อธิปไตยไทยเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลของกองทัพไทยได้รับบาดเจ็บ จำนวน 3 นาย โดยในจำนวนนี้ 1 นาย ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นสูญเสียอวัยวะและกลายเป็นผู้พิการถาวรจากการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด พบว่าทุ่นระเบิดที่ใช้ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคลชนิดใหม่ ซึ่งเพิ่งถูกวางขึ้น โดยจัดวางในลักษณะสนามทุ่นระเบิด และกระจายตัวหลายจุดตามแนวชายแดนในเขตพื้นที่อธิปไตยไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาว่าทั้งราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรกัมพูชา ต่างเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาฉบับนี้ และได้ให้คำมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีอย่างครบถ้วน อันรวมถึง การยุติการใช้และสะสมทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ตลอดจนการดำเนินการเก็บกู้ และทำลายทุ่นระเบิดที่ยังตกค้างภายในประเทศ เพื่อประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนโดยรวมในระยะยาวในฐานะหน่วยงานหลักของประเทศไทยด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ราชอาณาจักรกัมพูชาแสดง ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านรวมถึงดำเนินมาตรการทางกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งดำเนินมาตรการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะนี้อีกในอนาคตนอกจากนี้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ขอเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาหยุดการขัดขวาง การปฏิบัติภารกิจเก็บกู้ทุ่นระเบิดของฝ่ายไทยตามแนวชายแดน และให้ความร่วมมืออย่างจริงจังในการดำเนินงานเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ความปลอดภัย และความมั่นคงให้แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศตลอดจนเป็นการแสดงออกถึงความรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐภาคี ของอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งต่างมีพันธกิจในการสนับสนุนสันติภาพ ความมั่นคงของมนุษยชาติ และลดผลกระทบจากอาวุธที่ไร้ความจำแนกต่อพลเรือน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังระบบรัฐ: เมื่อ “นักพัฒนาจากต่างแดน” เข้าใกล้ระบบความมั่นคงเกินไป

    ข่าวต้นทางเริ่มจากการสืบสวนของ ProPublica ที่พบว่า Microsoft อนุญาตให้ “วิศวกรจากจีน” ทำงานร่วมกับระบบสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะ DoD cloud — แม้จะมีการใช้ระบบ digital escorts ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ คอยดูแล แต่รายงานพบว่า:

    ผู้คุมบางคนไม่มีความรู้เชิงเทคนิคเพียงพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกพัฒนาคือโค้ดปกติหรือ backdoor

    นี่คือช่องโหว่ร้ายแรง และไม่มีหน่วยงานของรัฐทราบว่าการจัดการลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    แม้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการ “แฝงมัลแวร์หรือระบบสอดแนม” จากวิศวกรกลุ่มนี้ แต่ความเสี่ยงด้านการข่าวกรองระดับชาติถือว่าสูงมาก — ส่งผลให้:
    - รัฐมนตรีกลาโหมโพสต์ว่า “วิศวกรจากต่างประเทศต้องไม่เข้าถึงระบบของ DoD ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน”
    - Microsoft ต้องปรับนโยบายทันที โดยยืนยันว่าทีมงานจากประเทศจีนจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อีก

    Microsoft เคยให้วิศวกรจากจีนร่วมงานกับระบบของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
    ผ่านระบบ “digital escort” คือพนักงานสหรัฐคอยดูแลขณะทำงานร่วม

    ระบบ digital escort ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีประสิทธิภาพจริง
    เพราะผู้ดูแลบางคนไม่มีความรู้ technical เพียงพอที่จะตรวจโค้ด

    Microsoft ยืนยันว่าได้แจ้งรัฐบาลเกี่ยวกับระบบนี้แล้ว
    แต่ทั้งเจ้าหน้าที่เก่าและปัจจุบันบอกว่า “ไม่เคยรู้มาก่อน”

    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โพสต์แสดงจุดยืนว่าไม่ควรให้วิศวกรต่างชาติเข้าถึง DoD เลย
    ชี้ว่าระบบความมั่นคงต้องมีมาตรฐานการคัดกรองสูงกว่านี้

    Microsoft ออกแถลงการณ์ว่า ได้ยุติการให้ทีมจากประเทศจีนทำงานในโปรเจกรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว
    และจะปรับระบบความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อป้องกันช่องโหว่เพิ่มเติม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-to-stop-using-engineers-in-china-to-work-on-u-s-defense-computer-systems-in-wake-of-investigative-report-fears-of-exploitation-by-foreign-intelligence-services-spurs-immediate-change
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังระบบรัฐ: เมื่อ “นักพัฒนาจากต่างแดน” เข้าใกล้ระบบความมั่นคงเกินไป ข่าวต้นทางเริ่มจากการสืบสวนของ ProPublica ที่พบว่า Microsoft อนุญาตให้ “วิศวกรจากจีน” ทำงานร่วมกับระบบสำหรับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ โดยเฉพาะ DoD cloud — แม้จะมีการใช้ระบบ digital escorts ที่เป็นพลเมืองสหรัฐฯ คอยดูแล แต่รายงานพบว่า: 🔖 ผู้คุมบางคนไม่มีความรู้เชิงเทคนิคเพียงพอที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกพัฒนาคือโค้ดปกติหรือ backdoor นี่คือช่องโหว่ร้ายแรง และไม่มีหน่วยงานของรัฐทราบว่าการจัดการลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน แม้ยังไม่มีหลักฐานว่ามีการ “แฝงมัลแวร์หรือระบบสอดแนม” จากวิศวกรกลุ่มนี้ แต่ความเสี่ยงด้านการข่าวกรองระดับชาติถือว่าสูงมาก — ส่งผลให้: - รัฐมนตรีกลาโหมโพสต์ว่า “วิศวกรจากต่างประเทศต้องไม่เข้าถึงระบบของ DoD ไม่ว่าจะมาจากชาติไหน” - Microsoft ต้องปรับนโยบายทันที โดยยืนยันว่าทีมงานจากประเทศจีนจะไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับลูกค้ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อีก ✅ Microsoft เคยให้วิศวกรจากจีนร่วมงานกับระบบของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ➡️ ผ่านระบบ “digital escort” คือพนักงานสหรัฐคอยดูแลขณะทำงานร่วม ✅ ระบบ digital escort ถูกวิจารณ์ว่าไม่มีประสิทธิภาพจริง ➡️ เพราะผู้ดูแลบางคนไม่มีความรู้ technical เพียงพอที่จะตรวจโค้ด ✅ Microsoft ยืนยันว่าได้แจ้งรัฐบาลเกี่ยวกับระบบนี้แล้ว ➡️ แต่ทั้งเจ้าหน้าที่เก่าและปัจจุบันบอกว่า “ไม่เคยรู้มาก่อน” ✅ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ โพสต์แสดงจุดยืนว่าไม่ควรให้วิศวกรต่างชาติเข้าถึง DoD เลย ➡️ ชี้ว่าระบบความมั่นคงต้องมีมาตรฐานการคัดกรองสูงกว่านี้ ✅ Microsoft ออกแถลงการณ์ว่า ได้ยุติการให้ทีมจากประเทศจีนทำงานในโปรเจกรัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว ➡️ และจะปรับระบบความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงเพื่อป้องกันช่องโหว่เพิ่มเติม https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-to-stop-using-engineers-in-china-to-work-on-u-s-defense-computer-systems-in-wake-of-investigative-report-fears-of-exploitation-by-foreign-intelligence-services-spurs-immediate-change
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี ยันไม่ใช่ของไทย ละเมิดอธิปไตยและอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ขู่ใช้กลไกทวิภาคีและเรียกร้องให้เก็บกู้ทันที

    “ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น

    รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

    รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและ บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน

    ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี“


    รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี ยันไม่ใช่ของไทย ละเมิดอธิปไตยและอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ขู่ใช้กลไกทวิภาคีและเรียกร้องให้เก็บกู้ทันที “ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและ บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประท้วงอย่างรุนแรงต่อกัมพูชา กรณีวางทุ่นระเบิดที่ช่องบก ทำทหารไทยบาดเจ็บ 3 นาย ชี้ละเมิดอธิปไตยไทย ขัดหลักกฎหมายสากลและอนุสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหาร เรียกร้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามที่นายกฯ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในกรอบทวิภาคี

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068292

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์ประท้วงอย่างรุนแรงต่อกัมพูชา กรณีวางทุ่นระเบิดที่ช่องบก ทำทหารไทยบาดเจ็บ 3 นาย ชี้ละเมิดอธิปไตยไทย ขัดหลักกฎหมายสากลและอนุสัญญาห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหาร เรียกร้องร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามที่นายกฯ ทั้งสองฝ่ายตกลงกันในกรอบทวิภาคี อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000068292 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    6
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts