• ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน

    วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ

    ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด

    แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433

    #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    ตาก – ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน • วันนี้ (10 ก.พ. 68) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด และ อ.พบพระ จ.ตาก เพื่อติดตามการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ตามมาตรการ “แม่สอดโมเดล” โดยมี พล.ต.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 นำเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับ • ทั้งนี้ ผบ.บท.พร้อมคณะ ได้เข้ารับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์จากกองกำลังนเรศวร และตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการแนวชายแดน รวมถึงจุดตรวจสำคัญ เช่น สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2 ท่าข้าม 34 (ท่าศาลเจ้า) และจุดตรวจการณ์ต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นพื้นที่เฝ้าระวังอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ การค้ามนุษย์ การลักลอบเข้าเมือง และขนส่งยาเสพติด • แต่ที่น่าสนใจคือ คณะ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปดูชายแดนที่บ้านวังผา ต.แม่จะเรา อ.แม่ระมาด ที่บริเวณตรงข้ามฝั่งไทยคือ ชเวโก๊กโก่ เมืองใหม่ของกลุ่มทุนจีน ที่มองจากฝั่งไทยแล้วเห็นอย่างชัดเจน ซึ่งพบว่าบรรยากาศในฝั่งเมียนมามีการใช้ชีวิตอย่างปกติ ไม่สนใจคณะของฝ่ายไทย นอกจากนี้ยังมีการเดินหน้าก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000013433 • #MGROnline #ตาก #แม่สอดโมเดล #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013433

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ชายแดน ติดตามแผน “แม่สอดโมเดล” ลุยปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์-อาชญากรรมข้ามชาติ ตามส่อง “ชเวโก๊กโก่-เมืองใหม่จีนเทาเมียวดี” พบผู้คนยังใช้ชีวิตปกติ-เดินหน้าก่อสร้างกันครึกโครม หลังไทยระงับจ่ายไฟ-งดส่งออกน้ำมันข้ามแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000013433 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ
    .
    ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย
    .
    ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ
    .
    นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ
    .
    #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    นายกฯ แพทองธาร ยืนยันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวจีนในไทย พร้อมกระชับความร่วมมือปราบอาชญากรรมข้ามชาติ . ระหว่างการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน 'China Daily' เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวชาวจีนเกี่ยวกับความปลอดภัยในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย เธอย้ำว่าข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับความไม่ปลอดภัยในไทยเป็นเพียงข่าวลือ และรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวอย่างสูงสุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างไทยและจีน โดยระบุว่าตนเองมีเชื้อสายจีน และต้องการให้นักท่องเที่ยวชาวจีนรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเมื่อมาเยือนประเทศไทย . ในการพบปะกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีน ทั้งสองผู้นำได้ตกลงที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมออนไลน์ที่แพร่หลายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศเมียนมา กัมพูชา และลาว ซึ่งกลุ่มอาชญากรรมเหล่านี้มักล่อลวงผู้คนด้วยการเสนองานที่มีรายได้ดี แต่กลับบังคับให้พวกเขาทำงานในศูนย์ปฏิบัติการลับ ความร่วมมือนี้รวมถึงการเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมระหว่างสองประเทศ . นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ยังได้หารือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เกี่ยวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างจีนและไทย และแสดงความสนใจในการขยายความร่วมมือด้านยานยนต์ไฟฟ้า การเยือนครั้งนี้ยังเป็นการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ . #MGRonline #MGRInfographics #แพทองธารชินวัตร #นายกรัฐมนตรี #เยือนจีน #ChinaDaily #สื่อจีน #นักท่องเที่ยวจีน #ท่องเที่ยวไทย #สีจิ้นผิง
    Haha
    Like
    Love
    18
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา

    เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา

    การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง

    ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ

    เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น

    แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม

    หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย

    #Newskit
    ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่าขี้เหล็ก/เมียวดี – ค่ำแล้ว พบทั้งท่าขี้เหล็ก-เมียวดี-ชเวโก๊กโก่ ยังสว่างไสว..แม้ไทยสั่งระงับส่งกระแสไฟ-น้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามพรมแดนตั้งแต่เช้า หวังตัดวงจรแก๊งอาชญากรออนไลน์ จนทำชาวบ้านแตกตื่นแห่ตุนน้ำมัน-ข้ามฝั่งซื้อเครื่องปั่นไฟกันโกลาหล ล่าสุดได้ไฟฟ้าเขื่อนลาว-ไฟปั่นแทน

    คืนวันนี้ (5 ก.พ.) หลังจากประเทศไทยงดส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามพรมแดนไปยังประเทศเมียนมา 5 จุดคือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2 จุด อ.แม่สอด จ.ตาก 2 จุดและ จ.กาญจนบุรี 1 จุด เพื่อตัดวงจรของอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เช้า 09.00 น.เศษเป็นต้นมา พบว่าที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย ยังคงมีแสงสว่างในยามค่ำคืนเหมือนเดิม เพียงแต่น้อยกว่าช่วงเวลาปกติที่รับไฟฟ้าจากฝั่งไทย

    เจ้าหน้าที่ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่าระบบไฟฟ้าใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้รับการติดตั้งเสร็จประมาณ 90% ของทั้งหมดแล้ว โดยมีการทดสอบระบบตามชุมชนต่างๆ ตั้งแต่ชุมชนปงถุนฝั่งตะวันตกของตัวเมืองไปจนถึงกลางใจเมือง และระบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 สัปดาห์นี้ซึ่งจะทำให้สามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011864

    #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก #เมียวดี #ชเวโก๊กโก่
    ท่าขี้เหล็ก/เมียวดี – ค่ำแล้ว พบทั้งท่าขี้เหล็ก-เมียวดี-ชเวโก๊กโก่ ยังสว่างไสว..แม้ไทยสั่งระงับส่งกระแสไฟ-น้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามพรมแดนตั้งแต่เช้า หวังตัดวงจรแก๊งอาชญากรออนไลน์ จนทำชาวบ้านแตกตื่นแห่ตุนน้ำมัน-ข้ามฝั่งซื้อเครื่องปั่นไฟกันโกลาหล ล่าสุดได้ไฟฟ้าเขื่อนลาว-ไฟปั่นแทน • คืนวันนี้ (5 ก.พ.) หลังจากประเทศไทยงดส่งกระแสไฟฟ้าและน้ำมันเชื้อเพลิง ข้ามพรมแดนไปยังประเทศเมียนมา 5 จุดคือ อ.แม่สาย จ.เชียงราย 2 จุด อ.แม่สอด จ.ตาก 2 จุดและ จ.กาญจนบุรี 1 จุด เพื่อตัดวงจรของอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตั้งแต่เช้า 09.00 น.เศษเป็นต้นมา พบว่าที่ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ตรงข้าม อ.แม่สาย ยังคงมีแสงสว่างในยามค่ำคืนเหมือนเดิม เพียงแต่น้อยกว่าช่วงเวลาปกติที่รับไฟฟ้าจากฝั่งไทย • เจ้าหน้าที่ฝั่ง จ.ท่าขี้เหล็ก ระบุว่าระบบไฟฟ้าใน จ.ท่าขี้เหล็ก ได้รับการติดตั้งเสร็จประมาณ 90% ของทั้งหมดแล้ว โดยมีการทดสอบระบบตามชุมชนต่างๆ ตั้งแต่ชุมชนปงถุนฝั่งตะวันตกของตัวเมืองไปจนถึงกลางใจเมือง และระบบทั้งหมดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายใน 1 สัปดาห์นี้ซึ่งจะทำให้สามารถใช้กระแสไฟฟ้าได้ตามปกติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011864 • #MGROnline #ท่าขี้เหล็ก #เมียวดี #ชเวโก๊กโก่
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนีตาย 'เมียวดี' ถูกหลอกทำงาน เผ่นข้ามฝั่งไทย
    .
    ปัญหาการหลอกลวงคนไปทำงานจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังคงมีให้เห็นต่อเนื่อง โดยนอกกจากคนไทยที่ถูกหลอกแล้ว ยังมีคนชาติอื่นที่โดนกระทำไม่แพ้กัน ถึงขนาดที่ต้องหนีตามช่องทางธรรมชาติข้ามมาฝั่งไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตาก และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ร่วมกันปฏิบัติการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจตามเส้นทางแนวชายแดน มาถึงบริเวณบ้านวังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก พบกลุ่มบุคคลสัญชาติอินโดนีเซีย กำลังเดินลัดเลาะลักลอบข้ามชายแดนจากฝั่งเมียนมาเข้ามาฝั่งไทย 32 ราย แบ่งเป็นชาย 30 คน หญิง 2 คน จึงควบคุมตัวไว้
    .
    โดยสอบสวนเบื้องต้นทั้ง 32 ราย ให้การตรงกันว่า ทำงานอยู่ใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา และไม่อยากจะทำงานต่อ จึงแอบลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อเดินทางกลับประเทศของตน โดยไม่มีพาสปอร์ตเลยสักราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจเช็กในระบบไบโอเมตริกซ์ ไม่พบการเดินทางเข้าประเทศไทยก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ชัยพงษ์ พาขุนทด รอง สว.สอบสวน สภ.แม่สอด ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
    .
    สำหรับปัจจุบันตลอดแนวริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดี เต็มไปด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวทางทหารในพื้นที่ เปิดเผยว่า การหลบหนีของกลุ่มคนชาวอินโดนีเซียดังกล่าวเกิดมาจากกรณีที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำ กกล.BGF และ DKBA ได้เรียกประชุมด่วน ผู้ประกอบธุรกิจชาวจีน เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวง และการค้ามนุษย์ ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ในประเทศเมียนมา จึงทำให้ผู้ที่เข้าไปทำงานผิดกฎหมายในพื้นที่ดังกล่าวรวมตัวกันหลบนายกมาเพราะอาจถูกกดดันดังกล่าว
    ..............
    Sondhi X
    หนีตาย 'เมียวดี' ถูกหลอกทำงาน เผ่นข้ามฝั่งไทย . ปัญหาการหลอกลวงคนไปทำงานจังหวัดเมียวดี ประเทศเมียนมา ยังคงมีให้เห็นต่อเนื่อง โดยนอกกจากคนไทยที่ถูกหลอกแล้ว ยังมีคนชาติอื่นที่โดนกระทำไม่แพ้กัน ถึงขนาดที่ต้องหนีตามช่องทางธรรมชาติข้ามมาฝั่งไทย โดยหน่วยเฉพาะกิจราชมนู กองกำลังนเรศวร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่สอด ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองตาก และฝ่ายปกครองอำเภอแม่สอด ร่วมกันปฏิบัติการลาดตระเวนและเฝ้าตรวจตามเส้นทางแนวชายแดน มาถึงบริเวณบ้านวังตะเคียนใต้ ม.7 ต.ท่าสายลวด อ.แม่สอด จ.ตาก พบกลุ่มบุคคลสัญชาติอินโดนีเซีย กำลังเดินลัดเลาะลักลอบข้ามชายแดนจากฝั่งเมียนมาเข้ามาฝั่งไทย 32 ราย แบ่งเป็นชาย 30 คน หญิง 2 คน จึงควบคุมตัวไว้ . โดยสอบสวนเบื้องต้นทั้ง 32 ราย ให้การตรงกันว่า ทำงานอยู่ใน จ.เมียวดี ประเทศเมียนมา และไม่อยากจะทำงานต่อ จึงแอบลักลอบข้ามมายังฝั่งไทยตามช่องทางธรรมชาติ เพื่อเดินทางกลับประเทศของตน โดยไม่มีพาสปอร์ตเลยสักราย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจเช็กในระบบไบโอเมตริกซ์ ไม่พบการเดินทางเข้าประเทศไทยก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ชัยพงษ์ พาขุนทด รอง สว.สอบสวน สภ.แม่สอด ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป . สำหรับปัจจุบันตลอดแนวริมแม่น้ำเมยฝั่งเมืองเมียวดี เต็มไปด้วยอาคารสิ่งก่อสร้างซึ่งเป็นที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวจากหน่วยข่าวทางทหารในพื้นที่ เปิดเผยว่า การหลบหนีของกลุ่มคนชาวอินโดนีเซียดังกล่าวเกิดมาจากกรณีที่เมื่อวันที่ 15 ม.ค.2568 ที่ผ่านมา กลุ่มผู้นำ กกล.BGF และ DKBA ได้เรียกประชุมด่วน ผู้ประกอบธุรกิจชาวจีน เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวง และการค้ามนุษย์ ในพื้นที่ จ.เมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ในประเทศเมียนมา จึงทำให้ผู้ที่เข้าไปทำงานผิดกฎหมายในพื้นที่ดังกล่าวรวมตัวกันหลบนายกมาเพราะอาจถูกกดดันดังกล่าว .............. Sondhi X
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 956 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท

    วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา

    คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317

    #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    ตำรวจ บช.ก. เปิดปฏิบัติการทลายแก๊ง “ไฮบริดสแกม” หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน เสียหายนับร้อยล้านบาท • วันนี้ ( 3 ธ.ค.) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อธิป พงษ์ศิวาภัย ผบก.ปอท.พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. พ.ต.อ.สุพจน์ พุ่มแหยม ผกก.2 บก.ปอท. พ.ต.ต.ธนนชัยย์ ศรีบุญจันทร์, ว่าที่ พ.ต.ต.ศุภเดช ธนชัยศิริ สว.บก.ปอท. แถลงผลเปิดปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย ตามหมายจับศาลอาญา ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่” ได้ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่, เชียงราย,มุกดาหาร, สุรินทร์ ,กทม. ,สมุทรปราการ,อุทัยธานี ,นครราชสีมา , กาญจนบุรี,ปราจีนบุรีและ พระนครศรีอยุธยา • คลิกรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่ >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000116317 • #MGROnline #ไฮบริดสแกม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 617 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว
    บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย
    ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น
    ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง
    ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย
    อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร
    ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    ผบ.ตร เตรียมปั้น ตำรวจอินฟลู มาต่อสู้คนเลว บิ๊กต่าย ผบ.ตร ได้รับเสียงสรรเสริญจากตํารวจทั้งประเทศ ในการแถลง สิบห้านโยบายหลักของสํานักงานตํารวจแห่งชาติโดยให้ตํารวจทั้งหมดปฏิบัติตามนโยบายอย่างเร่งด่วนประกอบด้วย ปกป้องสถาบันชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนmindsetให้ตํารวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ให้รางวัลแก่ตํารวจน้ําดี และลงโทษตํารวจเลว พัฒนางานสถานีตํารวจ แก้ไขปัญหางานสอบสวน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมือง สร้างเสริมวินัยจราจร ทํางานเชิงรุกด้านการข่าว ประชาสัมพันธ์เชิงรุกสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรเป็นต้น ซึ่ง ข้อหนึ่งที่สร้างความฮือฮาก็คือให้ผู้บัญชาการหรือผู้บังคับการ จะต้องเป็น influencerด้วยตนเอง เพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันต้องบอกว่าถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ตํารวจจะต้องเป็น influ เองสักทีเพราะที่ผ่านมา influ สายกฎหมายสายสังคม กลับมาก่อคดีอาญาต่างๆนานาเสียเอง อย่างทนายตั้มที่กลายร่างเป็นทนายต้ม สร้างภาพหลอกลวงสังคมปกปิดความสกปรกชั่วร้ายที่ซ่อนไว้อย่างแนบเนียน เอกสายไหม ต้องรอด โดนคดีปั่นข่าวเท็จดีไอคอน ด้วยวัตถุประสงค์ลึกลับอะไรสักอย่าง ฟิล์มรัฐภูมิ จ่อถูกดําเนินคดีข้อหาพยายามตบทรัพย์ดิไอคอน แกนนําต้านโกงอย่างเจ๊พัฒน์ กิจอนงค์ สุดท้ายมาโดนคดีตบทรัพย์เสียเอง ตัวอย่างเหล่านี้เป็นความพิกลพิการของสังคมไทย ลงภาพลักษณ์ของคนที่ไม่สะอาดจริงปล่อยให้มายึดหัวหาดเป็นอินฟลูเอนเซอร์เพราะฉะนั้นจึงเป็นโอกาสเหมาะสมที่องค์กรตํารวจยุคบิ๊กต่าย จะผลักดันคนดีคนเก่งในสํานักงานตํารวจแห่งชาติขึ้นมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์เอง เพื่อคานอํานาจอินฟลูปลอมๆ ทั้งหลาย อย่างน้อยตํารวจเก่าสองคนก็ผลักดันตัวเองสําเร็จจนผงาดเป็นอินฟลูชื่อดัง เวลาพูดถึงประเด็นปัญหาใดๆจะมีน้ําหนักน่าเชื่อถือ ซึ่งก็คือ อาเรย์วัด และผู้การแต้มหรือมือปราบหูดํา 2 คนนี้ให้ความจริงทุกเรื่องอย่างไม่ไว้หน้าใคร ในความเป็นอินฟลู ผู้การแต้ม มีจุดยืนชัดเจนไม่หิวแสงการจะไปออกรายการแต่ละทียังเลือกคนร่วมรายการเช่นไม่ยอมไปออกทีวี กับ นายสิธาเบี้ยบังเกิด อย่างเด็ดขาดจนเป็นที่รู้กันว่ารายการใดมีพู่กันแต้มต้องไม่มีทนายตั้ม ส่วนอาเรย์วัดเป็นอินฟูในสายเฮฮาบู๊ล้างผลาญ ต้องติดตามกันต่อไปว่าตํารวจในเครื่องแบบคนใดจะประสบความสําเร็จตามนโยบายนี้ของบิ๊กต่าย ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 848 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานของ UNODC ฉบับ ต.ค.67 เกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการจัดตั้งในลักษณะองค์กรและการบรรจบของการฉ้อโกงที่ใช้กลไกทางไซเบอร์เป็นเครื่องมือ-นวัตกรรมและเทคโนโลยีการธนาคารแบบอำพราง
    https://www.unodc.org/roseap/uploads/documents/Publications/2024/TOC_Convergence_Report_2024.pdf
    รายงานของ UNODC ฉบับ ต.ค.67 เกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติที่มีการจัดตั้งในลักษณะองค์กรและการบรรจบของการฉ้อโกงที่ใช้กลไกทางไซเบอร์เป็นเครื่องมือ-นวัตกรรมและเทคโนโลยีการธนาคารแบบอำพราง https://www.unodc.org/roseap/uploads/documents/Publications/2024/TOC_Convergence_Report_2024.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว