• บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    บทความทัศนะจากเพจเฟซบุ๊ก'อ้ายจง‘ ได้เขียนไว้อย่างน่าสนใจว่า ทำไมการแต่งตั้ง "ที่ปรึกษาชาวจีน" โดยผู้ว่าฯ จึงเป็นเรื่องที่ (ทุกคนควร) จับตามอง?.ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ข่าวการแต่งตั้งนักธุรกิจชาวจีนให้เป็น "ที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี" กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมไทยอย่างกว้างขวาง หลายคนตั้งคำถามว่า "โปร่งใสหรือไม่?" "จำเป็นแค่ไหน?" และ "ไม่มีคนไทยที่เหมาะสมกว่าหรือ?" .แม้คำสั่งแต่งตั้งจะระบุว่า เพื่อ "ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางในประเด็นที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการ" แต่ต้องยอมรับนะครับว่า ค่อนข้างจะคลุมเครือ เพราะไม่แน่ชัดถึง "ประเด็นอะไร?" "เหตุผลเพิ่มเติมคืออะไร" ดังนั้นกลับยิ่งสร้างคำถามมากกว่าคำตอบ โดยเฉพาะเมื่อที่ปรึกษาคนดังกล่าวเป็น "ชาวต่างชาติ" และ "ชาวจีน" ในบริบทที่มีความอ่อนไหวหลายมิติ.หากวิเคราะห์ตามเนื้อผ้าและบริบทที่เป็นไปได้ จังหวัดปราจีนบุรีตั้งอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC (Eastern Economic Corridor) ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญที่ประเทศไทยต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ .โดยเฉพาะจีนที่มีบทบาทในนิคมอุตสาหกรรมหลายแห่งในภูมิภาคนี้ การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวจีนอาจสะท้อนถึงความพยายามของผู้ว่าฯ ในการเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนจีนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจโดยตรง .ถ้ามองในมุมนี้ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องของกลยุทธ์ในการพัฒนาจังหวัด แต่ประเด็นที่หลายคนคาใจอยู่ที่ความไม่ชัดเจนของข้อมูล โดยเฉพาะถ้อยคำในคำสั่งที่ระบุว่า "ให้คำปรึกษาในประเด็นต่างๆ" โดยไม่ระบุชัดว่า "ประเด็นใด" ทำให้เกิดความคลุมเครือและสร้างข้อกังขาต่อสาธารณะ.อีกเรื่องที่สำคัญมาก คือข้อกฎหมายและข้อจำกัดในการจ้างชาวต่างชาติให้ทำงานในประเทศไทย ซึ่งตามกฎหมายแรงงานแล้ว ชาวต่างชาติต้องมีใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) ที่ถูกต้องและระบุขอบเขตงานชัดเจน โดยเฉพาะหากเกี่ยวข้องกับงานที่จัดอยู่ในกลุ่มอาชีพสงวน เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย การทำงานราชการ หรืออื่นๆ ที่มีผลต่อความมั่นคง หากการแต่งตั้งนี้ไม่ได้ดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกฎหมาย อาจกลายเป็นช่องโหว่สำคัญที่นำไปสู่ความเสียหายในระดับระบบราชการ.ต้องย้ำด้วยว่า คนต่างชาติที่เข้ามาทำงานหรือใช้ชีวิตในไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายก็มีจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวจีนที่ลงทุน สร้างงาน สร้างรายได้ และมีบทบาทสำคัญในภาคเศรษฐกิจไทย แต่ในขณะเดียวกัน หากรัฐยังปล่อยให้บางกลุ่มที่เข้ามาแบบผิดกฎหมายสามารถแทรกตัวหรือมีบทบาทในหน่วยงานราชการได้โดยไม่ตรวจสอบ ก็จะกลายเป็นภัยเงียบที่กระทบทั้งระบบ และยังส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของชาวต่างชาติกลุ่มที่ตั้งใจทำงานอย่างสุจริตด้วย.ที่ผ่านมาประเทศไทยมีประวัติของกรณีชาวจีนที่เข้ามาทำกิจกรรมแปลกๆ ที่ผิดกฎหมายหรือก้ำกึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการรีวิวการจ้างตำรวจไทยนำขบวนรถหรู การอบรมอาสาตำรวจให้ชาวจีน หรือแม้กระทั่งการใช้วีซ่าผิดประเภทเพื่ออยู่อาศัยหรือทำธุรกิจ หากปล่อยให้กรณีเหล่านี้เกิดขึ้นโดยไม่มีมาตรการควบคุมที่จริงจัง จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ว่า "มีเงิน ก็ทำอะไรก็ได้ในไทย" ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตรายต่อความน่าเชื่อถือของประเทศ.เพราะฉะนั้น ความโปร่งใสจึงไม่ใช่แค่คำสวยหรู แต่เป็นหลักประกันพื้นฐานของความไว้วางใจในระบบสาธารณะ .การแต่งตั้งที่ปรึกษาชาวต่างชาติในระดับจังหวัดอาจเป็นสิ่งที่ทำได้ #แต่ต้องอธิบายให้สาธารณชนเข้าใจ ตรวจสอบได้ และเป็นตัวอย่างของกระบวนการที่ยึดหลักความโปร่งใสอย่างแท้จริง เพราะหากเราไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในระบบได้ ทุกกลยุทธ์การดึงดูดนักลงทุน หรือการพัฒนาใดๆ ก็จะไร้ผลในระยะยาว.และในอีกแง่มุมหนึ่ง หากมีเหตุผลที่ต้องแต่งตั้งชาวต่างชาติหรือชาวจีนเป็นที่ปรึกษาจริง ๆ เพื่อช่วยวางกลยุทธ์ด้านการลงทุนหรือเศรษฐกิจ ก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของผู้ว่าฯ ที่จะใช้ดุลยพินิจ .แต่จะยิ่งดีและเกิดประโยชน์มากขึ้น หากมี "ที่ปรึกษาชาวไทย" ทำงานควบคู่กันไปด้วย เพื่อให้เกิดการถ่วงดุล สื่อสารเชิงวัฒนธรรม และสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคไทยกับต่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ทิ้งรากฐานของสังคมไทยเอง.สุดท้าย ความโปร่งใสต้องเกิดในทุกระดับของสังคมไทย ตั้งแต่บนลงล่าง ไม่ใช่แค่ในนโยบายส่วนกลาง แต่ต้องสะท้อนออกมาให้เห็นจริงในทุกการตัดสินใจของทุกจังหวัด ทุกตำแหน่ง และทุกคำสั่ง เพราะนั่นคือรากฐานของความเชื่อมั่นและความยั่งยืนด้วยความเคารพ ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 รายงานข่าวจากเพจCH7HD News ถามหาความเหมาะสม! หลังเอกสารหลุดคำสั่งผู้ว่าฯปราจีนบุรี แต่งตั้ง "ชายชาวจีน" เป็นที่ปรึกษา ทำหน้าที่แนะแนวทางการดำเนินงานที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อการบริการขับเคลื่อนงานของจังหวัด โดย เอกสารสำคัญที่เผยแพร่แพร่ในโซเชียลตั้งแต่ค่ำวานที่ผ่านมา(29 เม.ย.68) เป็นคำสั่ง 2 ฉบับ ลงนาม โดยนายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 คือ คำสั่งจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 1327/2568 ลงนามเมื่อวันที่ 21 เม.ย.68 แต่งตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี 5 คน เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาจังหวัด 5ปี (พ.ศ.2566-2570) เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยยิ่งขึ้น โดยลำดับที่1-4 เป็นคนไทย ส่วน ลำดับที่ 5 เป็นคนจีน และ คำสั่งแจ้งบุคคลในลำดับที่ 5 เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและเสนอแนะแนวทางการดำเนินงานที่เหมาะสมในประเด็นต่างๆ ที่เห็นว่ามีความสำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการบริหาร และการขับเคลื่อนงานของจังหวัดปราจีนบุรี หลังเป็นข่าว ปรากฏว่า ล่าสุดวันที่ 30 เมษายน เวลา 7.00 น. ผู้ว่าฯปราจีนบุรีได้ออกคำสั่งยกเลิกแต่งตั้ง"ชาวจีน"เป็นที่ปรึกษาผู้ว่าฯแล้ว หลังจากเพจเรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า คำชี้แจงจากผู้ว่าปราจีนบุรี.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรี โฟนอินชี้แจงกรณีกระแสวิพากษ์วิจารณ์แต่งตั้งชาวจีนเป็นที่ปรึกษาว่า บุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งทางหอการค้าจังหวัดเสนอมา ตรวจสอบแล้วไม่เป็นอันตรายต่อความปลอดภัย เลยแต่งตั้งเพื่อให้เกียรติมาช่วยงานจังหวัด ไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัว .พร้อมยอมรับว่าที่ผ่านมาคนจีนมาลงทุนในจังหวัดเยอะ รวมถึงชาวต่างชาติด้วย นำรายได้มาสู่ประเทศปีหนึ่งกว่า 3 แสนล้านบาท ส่วนหน้าที่ของผู้ได้รับการแต่งตั้งนั้นจะคอยจะคอยช่วยประสานงานในส่วนนักลงทุน หรือที่มาจากทางประเทศบ้านเขาในเรื่องการสื่อสาร มิติการค้าและมิติอื่นๆ ตามความประสงค์ของหอการค้าจังหวัด พร้อมขออภัย ในความไม่เหมาะสมและเป็นที่น่าเป็นห่วงจึงได้ยกเลิกคำสั่งการแต่งตั้งไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์”
    • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก
    • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก
    • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์
    • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว
    • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม

    ================

    จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)
    ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์” • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์ • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม ================ จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • การประชุมนัดแรกของคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภานัดแรก เพื่อคัดเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ในกรรมาธิการ มี กมธ.ที่เข้าประชุมรวม 22 คน จาก กมธ.ที่มี 34 คน

    มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับตำแหน่งประธาน กมธ.นั้นมีการเสนอชื่อบุคคลอย่างน้อย 3 คนคือ นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. และนายจรัญ ภักดีธนากุล ทั้งนี้ นายจรัญให้สัมภาษณ์โดยปฏิเสธการรับตำแหน่ง เพราะติดงานสอนจำนวนมาก

    ผลปรากฏว่าที่ประชุมได้โหวตเลือกนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย นั่งเป็นประธาน

    สำหรับตำแหน่งอื่นๆใน กมธ. ประกอบด้วย:
    นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย เป็นประธาน
    นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. เป็นรองประธานคนที่ 1
    นายนิพนธ์ เอกวานิช สว. เป็นรองประธานคนที่ 2
    นายประเทือง มนตรี สว. เป็นรองประธานคนที่ 3
    นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. เป็นรองประธานคนที่ 4
    น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส สว. เป็นเลขานุการ กมธ.
    น.ส.กัญญารัตน์ โคตรภูเขียว เป็นรองเลขานุการ
    นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช เป็นรองเลขานุการ
    นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. เป็นโฆษก กมธ.

    โดยจะมีการประชุมทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น
    การประชุมนัดแรกของคณะกรรมาธิการวิสามัญ (กมธ.) พิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภานัดแรก เพื่อคัดเลือกตำแหน่งต่าง ๆ ในกรรมาธิการ มี กมธ.ที่เข้าประชุมรวม 22 คน จาก กมธ.ที่มี 34 คน มีรายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับตำแหน่งประธาน กมธ.นั้นมีการเสนอชื่อบุคคลอย่างน้อย 3 คนคือ นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. และนายจรัญ ภักดีธนากุล ทั้งนี้ นายจรัญให้สัมภาษณ์โดยปฏิเสธการรับตำแหน่ง เพราะติดงานสอนจำนวนมาก ผลปรากฏว่าที่ประชุมได้โหวตเลือกนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย นั่งเป็นประธาน สำหรับตำแหน่งอื่นๆใน กมธ. ประกอบด้วย: นายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย เป็นประธาน นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สว. เป็นรองประธานคนที่ 1 นายนิพนธ์ เอกวานิช สว. เป็นรองประธานคนที่ 2 นายประเทือง มนตรี สว. เป็นรองประธานคนที่ 3 นาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. เป็นรองประธานคนที่ 4 น.ส.อัจฉรพรรณ หอมรส สว. เป็นเลขานุการ กมธ. น.ส.กัญญารัตน์ โคตรภูเขียว เป็นรองเลขานุการ นายแสนศักดิ์ ศิริพานิช เป็นรองเลขานุการ นายไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว. เป็นโฆษก กมธ. โดยจะมีการประชุมทุกวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 น
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • "วีระพันธ์" นั่งประธาน กมธ.กาสิโน สว.! ย้ำทำงานเพื่อชาติ ไม่ใช่เรื่องการเมือง รอถกปมฟอกเงินกับ ครม.
    https://www.thai-tai.tv/news/18306/
    "วีระพันธ์" นั่งประธาน กมธ.กาสิโน สว.! ย้ำทำงานเพื่อชาติ ไม่ใช่เรื่องการเมือง รอถกปมฟอกเงินกับ ครม. https://www.thai-tai.tv/news/18306/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ จำหน้าเอาไว้ ทนายสุรศักดิ์ วีระกุล แถลงข่าวโยนบาปไทย โทษรัฐเล่นงาน ซิน เคอ หยวน อาจะทำให้ปิดกิจการ แถมทำให้ธุรกิจจีนในไทยแตกตื่น ไม่กล้ามาลงทุน
    #7ดอกจิก
    ♣ จำหน้าเอาไว้ ทนายสุรศักดิ์ วีระกุล แถลงข่าวโยนบาปไทย โทษรัฐเล่นงาน ซิน เคอ หยวน อาจะทำให้ปิดกิจการ แถมทำให้ธุรกิจจีนในไทยแตกตื่น ไม่กล้ามาลงทุน #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE]

    นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน

    -ใช้คนงานเป็นนอมินี

    -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1

    -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี

    -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    งัดข้อผลตรวจเหล็ก ไม่ผ่านเพราะเครื่องมือ : [NEWS UPDATE] นายสุรศักดิ์ วีระกุล ทนายความตัวแทนบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด เผยถึงการตรวจคุณภาพเหล็กที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) นำไปทดสอบ 2 ครั้ง และพบว่าเหล็กขนาด 25 และ 32 มม. มีค่าโบรอนไม่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งต้องน้อยกว่า 0.0008% และความสูงของบั้งต่ำเกินไปมีผลต่อการยึดเกาะของคอนกรีต ต่อมาบริษัทยื่นขอตรวจเหล็กเส้นข้ออ้อยจากตัวอย่างเดิม ผลก็ยังไม่ผ่านมาตรฐาน การทดสอบทำที่สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเครื่องมือวัดค่าโบรอนไม่มีขีดความสามารถในการวัดตามเกณฑ์ มอก. บริษัทจึงขอให้ตรวจซ้ำครั้งที่สามที่สถาบันยานยนต์ ซึ่งมีเครื่องมือวัดค่าได้ตามเกณฑ์ แต่ สมอ. ยืนยันจะไม่ตรวจครั้งที่ 3 มอง การนำเหล็กที่ใช้แล้วไปตรวจผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มีความพยายามชี้นำว่า เหล็กของบริษัทไม่ได้มาตรฐาน ส่วนการเสียภาษีของบริษัทใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท ยืนยัน เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐาน -ใช้คนงานเป็นนอมินี -เร่งลดความสูงถึงชั้น 1 -ดาวศุกร์สว่างสุดท้ายในรอบปี -เตือนอย่าร่วมสหรัฐหักหลังจีน
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 22 0 รีวิว
  • ตัวแทนทีมทนายความบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โดยนายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และ นายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ร่วมแถลงข่าวชี้แจงมาตรฐานเหล็กของบริษัท จากกรณี ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม
    เผย การนำเหล็กที่ถูกใช้งานแล้วไปตรวจ ถือว่าผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มองมีความพยายามชี้นำให้เห็นว่า เมื่อเป็นบริษัทของคนจีนน่าจะเป็นจีนเทาหรือเปล่า ยืนยันซิน เคอ หยวน ประกอบธุรกิจสุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด รู้ดียิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งเติบโตมากขึ้นความระมัดระวังตัวในการประกอบการตามกฎหมายยิ่งมีมากขึ้น เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐานจากตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเสียภาษีของบริษัท ใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท อยากให้ภาครัฐสืบสวนคนที่ปล่อยข่าวลือ เพราะบริษัทได้รับความเสียหายมาก
    ตัวแทนทีมทนายความบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โดยนายปิยะพงศ์ คงมะลวน นายสุรศักดิ์ วีระกุล และ นายปัทมากร ภิญโญชัยพลกุล ร่วมแถลงข่าวชี้แจงมาตรฐานเหล็กของบริษัท จากกรณี ตึกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เผย การนำเหล็กที่ถูกใช้งานแล้วไปตรวจ ถือว่าผิดหลักการตรวจมาตรฐาน มองมีความพยายามชี้นำให้เห็นว่า เมื่อเป็นบริษัทของคนจีนน่าจะเป็นจีนเทาหรือเปล่า ยืนยันซิน เคอ หยวน ประกอบธุรกิจสุจริต ปฏิบัติตามกฎหมายมาโดยตลอด รู้ดียิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งเติบโตมากขึ้นความระมัดระวังตัวในการประกอบการตามกฎหมายยิ่งมีมากขึ้น เหล็กของบริษัทไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องไม่ได้มาตรฐานจากตัวแทนจำหน่าย ส่วนการเสียภาษีของบริษัท ใน 5 ปีที่ผ่านมา จ่ายภาษีรายได้นิติบุคคล 856 ล้านบาท อยากให้ภาครัฐสืบสวนคนที่ปล่อยข่าวลือ เพราะบริษัทได้รับความเสียหายมาก
    Wow
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • วันนี้รู้สึกใจคอไม่ดีว่ะ สภาที่ 3 เหลือแค่ไอ้อดุลย์ ไอ้พิชัยหัวล้าน ไอ้พิภพธงแดง และเพิ่มไอ้เหี้ยกิตติรัตน์ ไอ้สัสภูมิธรรมข้าว10ปี ไอ้อัปปรีย์เศษสาทวีหนี้สิน และไอ้เหี้ยโจ๊กเกอร์พาลหัก อีกด้วยดิ จะได้กลายเป็นสภาที่III สภาสามกีบ สภาชั้นต่ำ สภากี้กี้ คปท.และสภาบันทิศทางไทยไม่บ้าจี้ตามไอ้สภาที่สามกีบก็บุญโขแล้ว ไอ้วีระ สมความคิดก็เหี้ยพอๆกับไอ้วีระแสงทอง พูดชื่อวีระทีไรของขึ้นทุกที ทั้ง 4 วีระสมความคิด(ชั่วๆ) วีระมุสิกพงษ์(เลว) วีระแสงทอง(เก๊) วีระธีรภัทร(ขี้หก) แค่คิด4ตัวเหี้ยนี่ก็โมโหมากแล้ว
    วันนี้รู้สึกใจคอไม่ดีว่ะ สภาที่ 3 เหลือแค่ไอ้อดุลย์ ไอ้พิชัยหัวล้าน ไอ้พิภพธงแดง และเพิ่มไอ้เหี้ยกิตติรัตน์ ไอ้สัสภูมิธรรมข้าว10ปี ไอ้อัปปรีย์เศษสาทวีหนี้สิน และไอ้เหี้ยโจ๊กเกอร์พาลหัก อีกด้วยดิ จะได้กลายเป็นสภาที่III สภาสามกีบ สภาชั้นต่ำ สภากี้กี้ คปท.และสภาบันทิศทางไทยไม่บ้าจี้ตามไอ้สภาที่สามกีบก็บุญโขแล้ว ไอ้วีระ สมความคิดก็เหี้ยพอๆกับไอ้วีระแสงทอง พูดชื่อวีระทีไรของขึ้นทุกที ทั้ง 4 วีระสมความคิด(ชั่วๆ) วีระมุสิกพงษ์(เลว) วีระแสงทอง(เก๊) วีระธีรภัทร(ขี้หก) แค่คิด4ตัวเหี้ยนี่ก็โมโหมากแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ

    วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970

    #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์การลาออกของแพทย์ในประเทศไทย โดยระบุว่าระบบสาธารณสุขไทยกำลังเผชิญปัญหาหนัก และบุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับ ตั้งแต่แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไปจนถึงเจ้าหน้าที่เวรเปล กำลังแบกรับภาระงานที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ • วันนี้ (16 เม.ย.) นพ.วีระพันธ์ สุวรรณนามัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา และสมาชิกวุฒิสภาออกมาโพสต์ข้อความแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัญหาแพทย์ลาออก ชี้ระบบสาธารณสุขไทยกำลังมีปัญหา บุคลากรทางการแพทย์ทุกระดับกำลังเผชิญภาระงานที่หนักขึ้นโดยไม่ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอ โดยเฉพาะแพทย์กำลังลาออกเนื่องจากปัญหาเรื่องการเงิน ระบบที่ไม่เห็นคุณค่า ภาระงานที่มากเกินไป และนโยบายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง หากไม่เร่งแก้ไข ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์จะรุนแรงขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการรักษาผู้ป่วยในที่สุด ผู้โพสต์ในฐานะแพทย์และวุฒิสมาชิกยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000035970 • #MGROnline #แพทย์ #สมาชิกวุฒิสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดประวัติ “คะน้า ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ” นักแสดงสาวคนสวยจากวิกหมอชิต หลังสังคมให้ความสนใจ จากกรณีถูกมิจฉาชีพหลอกคบ ขอแต่งงานและสร้างโลกสองใบ จนต้องขอความช่วยเหลือจาก “กัน จอมพลัง”และออกรายการโหนกระแส

    โดย “คะน้า ริญญารัตน์” เป็นนักแสดงสาววัย 32 ปี จากสังกัดช่อง 7 เธอจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และจบปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ สาขาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

    คะน้าเริ่มเข้าวงการจากการเดินสายประกวด โดยเวทีแรกคือ Seventeen Ambassador 2012 ต่อด้วย Jaymart Fashionista 2013 ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศอันดับ 3 ก่อนในปีถัดมาจะลงประกวด Jaymart Miss Mobile 2014 และได้รับตำแหน่งชนะเลิศ พร้อมกับรางวัลพิเศษ Miss Dtac

    จากนั้นในปี พ.ศ. 2557 ก็ได้รับการชักชวนจาก “เป๊ปซี่ พงษ์พัฒน์ พัชรวีระพงษ์” ให้เข้าสู่วงการบันเทิง ก่อนในปี พ.ศ. 2559 จะได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 และได้มีผลงานการแสดงละครเรื่องแรกในชีวิต อย่าง คู่วุ่นลุ้นแผนรัก ตามมาด้วย ทอง 10, เพชรตัดเพชร และอีกมากมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000033162

    #MGROnline #โหนกระแส #คะน้าริญญารัตน์
    เปิดประวัติ “คะน้า ริญญารัตน์ วัชรโรจน์สิริ” นักแสดงสาวคนสวยจากวิกหมอชิต หลังสังคมให้ความสนใจ จากกรณีถูกมิจฉาชีพหลอกคบ ขอแต่งงานและสร้างโลกสองใบ จนต้องขอความช่วยเหลือจาก “กัน จอมพลัง”และออกรายการโหนกระแส • โดย “คะน้า ริญญารัตน์” เป็นนักแสดงสาววัย 32 ปี จากสังกัดช่อง 7 เธอจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และจบปริญญาโทจากคณะรัฐศาสตร์ สาขาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยรามคำแหง • คะน้าเริ่มเข้าวงการจากการเดินสายประกวด โดยเวทีแรกคือ Seventeen Ambassador 2012 ต่อด้วย Jaymart Fashionista 2013 ที่ได้รับตำแหน่งชนะเลิศอันดับ 3 ก่อนในปีถัดมาจะลงประกวด Jaymart Miss Mobile 2014 และได้รับตำแหน่งชนะเลิศ พร้อมกับรางวัลพิเศษ Miss Dtac • จากนั้นในปี พ.ศ. 2557 ก็ได้รับการชักชวนจาก “เป๊ปซี่ พงษ์พัฒน์ พัชรวีระพงษ์” ให้เข้าสู่วงการบันเทิง ก่อนในปี พ.ศ. 2559 จะได้เซ็นสัญญาเข้าเป็นนักแสดงในสังกัดช่อง 7 และได้มีผลงานการแสดงละครเรื่องแรกในชีวิต อย่าง คู่วุ่นลุ้นแผนรัก ตามมาด้วย ทอง 10, เพชรตัดเพชร และอีกมากมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000033162 • #MGROnline #โหนกระแส #คะน้าริญญารัตน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • สว.วีระพันธ์ ปลุกประชาชนรวมพลังค้านกาสิโน เลือกตั้งต้องสั่งสอน สส.เห็นชอบ อึ้ง ข้อมูลวิจัยพบภาษีพนันได้ไม่คุ้มเสีย
    https://www.thai-tai.tv/news/18082/
    สว.วีระพันธ์ ปลุกประชาชนรวมพลังค้านกาสิโน เลือกตั้งต้องสั่งสอน สส.เห็นชอบ อึ้ง ข้อมูลวิจัยพบภาษีพนันได้ไม่คุ้มเสีย https://www.thai-tai.tv/news/18082/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • 26 มีนาคม 2568 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พันตำรวจเอกพันธมิตร จ้างประเสริฐผกก.(สอบสวน) ภ.จว.นนทบุรี ได้ยื่นคำร้อง ในคดีหมายเลขดำที่ 292/2566 ที่พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี โจทก์ และ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ กับพวกรวม 4 คน กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม นิดา”โดยคำร้องระบุสรุปว่า 1.คดีนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 พ.ค. เวลา 09.30 น.เนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่า มีบุคคลร้องของขอให้ สืบสวนคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโม ผู้ตายในคดีนี้โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขอพยานหลักฐานในสำนวนคดี เอกสาร รวมทั้งข้อมูล รายละเอียดอื่นๆ รวม 19 รายการ โดยได้ขอสำเนาสำนวนการสอบสวน คดีนี้ ของ สภ.อ.นนทบุรี รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องในสำนวนการสอบสวน เช่น รายชื่อแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ ไฟล์ต้นฉบับพยานวัตถุในคดี ที่เกี่ยวกับคดีรวมทั้งบันทึกคำให้การพยานของผู้ต้องหา พยานบุคคล พยานผู้เชี่ยวชาญ และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีดังกล่าว เช่นไฟล์ต้นฉบับ ภาพถ่ายหรือภาพและเสียงเคลื่อนไหว ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ในสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลจังหวัดนนทบุรี พร้อมรับรองโดยพนักงานสอบสวน หรือผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งเอกสารที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสืบสวนอยู่ในสำนวนการพิจารณาคดีของศาล
    26 มีนาคม 2568 ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี พันตำรวจเอกพันธมิตร จ้างประเสริฐผกก.(สอบสวน) ภ.จว.นนทบุรี ได้ยื่นคำร้อง ในคดีหมายเลขดำที่ 292/2566 ที่พนักงานอัยการจังหวัดนนทบุรี โจทก์ และ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายวิศาพัช หรือ แซน มโนมัยรัตน์ กับพวกรวม 4 คน กรณีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือ “แตงโม นิดา”โดยคำร้องระบุสรุปว่า 1.คดีนี้ศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 23 พ.ค. เวลา 09.30 น.เนื่องจาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ว่า มีบุคคลร้องของขอให้ สืบสวนคดีการเสียชีวิตของนางสาวภัทรธิดา พัชระวีระพงษ์ หรือแตงโม ผู้ตายในคดีนี้โดย พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และได้มีหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ขอพยานหลักฐานในสำนวนคดี เอกสาร รวมทั้งข้อมูล รายละเอียดอื่นๆ รวม 19 รายการ โดยได้ขอสำเนาสำนวนการสอบสวน คดีนี้ ของ สภ.อ.นนทบุรี รวมทั้งเอกสารที่เกี่ยวข้องในสำนวนการสอบสวน เช่น รายชื่อแพทย์ผู้ชันสูตรพลิกศพ ไฟล์ต้นฉบับพยานวัตถุในคดี ที่เกี่ยวกับคดีรวมทั้งบันทึกคำให้การพยานของผู้ต้องหา พยานบุคคล พยานผู้เชี่ยวชาญ และรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีดังกล่าว เช่นไฟล์ต้นฉบับ ภาพถ่ายหรือภาพและเสียงเคลื่อนไหว ที่เกี่ยวข้องรวมอยู่ในสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลจังหวัดนนทบุรี พร้อมรับรองโดยพนักงานสอบสวน หรือผู้เชี่ยวชาญด้วย ซึ่งเอกสารที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ทำการสืบสวนอยู่ในสำนวนการพิจารณาคดีของศาล
    Haha
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิ" เผย ตร.ชุดทำคดีแตงโม ปฏิเสธ หลังดีเอสไอเชิญสอบ อ้างไม่มีอำนาจ แนะ ดีเอสไอยังไม่รื้อคดี แค่สอบสำนวนไหนที่บอกพร้อง คาดอาจโดน ม.157

    นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของคดีกังวลมีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ว่า สำหรับเรื่องนี้มีความคืบหน้าแต่ในเรื่องของรายละเอียด ตนไม่รู้คนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีที่สุดคืออาจารย์ปานเทพ เพราะว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แบ็คให้เขา ในกรณีที่เขาถูกแรงกดดันมากแล้วเขารับไม่ไหว แล้วตนจะยื่นมือเข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงลึกลึกแล้วอย่าไปเข้าใจผิดตนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าตนให้เกียรติเขา หากตนเรียกเขามาถามมันก็จะไม่ดี ตนรู้แต่เพียงว่า ดีเอสไอเขาทำไว้เยอะแล้ว เขาคงจะมีอะไรหลายหลายอย่างเท่าที่ตนสังเกต แต่ว่าทางดีเอสไอเขาไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าควรจะเย็นไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านได้ยืนยันว่าท่านไม่ทิ้งเรื่องแตงโม ถ้าไปให้สุดซอยก็คือต้องไปสุดซอย คนที่มีปัญหาคือ พวกทีมงานตำรวจโดยเฉพาะทีมงานตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น ถึงกับปฏิเสธเรียกตัว ซึ่งทางดีเอสไอได้เชิญตัวมาให้ปากคำ แต่เขาบอกว่าดีเอสไอมีอำนาจ มันก็คงจะมีความขัดแย้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025369

    #MGROnline #สนธิลิ้มทองกุล #ดีเอสไอ #ตำรวจภูธรภาค1
    "สนธิ" เผย ตร.ชุดทำคดีแตงโม ปฏิเสธ หลังดีเอสไอเชิญสอบ อ้างไม่มีอำนาจ แนะ ดีเอสไอยังไม่รื้อคดี แค่สอบสำนวนไหนที่บอกพร้อง คาดอาจโดน ม.157 • นายสนธิ ลิ้มทองกุล สื่อมวลชนอาวุโส ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องของคดีกังวลมีความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม ว่า สำหรับเรื่องนี้มีความคืบหน้าแต่ในเรื่องของรายละเอียด ตนไม่รู้คนที่รู้ดีที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ดีที่สุดคืออาจารย์ปานเทพ เพราะว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเรื่องนี้ตนทำหน้าที่เป็นเพียงแค่แบ็คให้เขา ในกรณีที่เขาถูกแรงกดดันมากแล้วเขารับไม่ไหว แล้วตนจะยื่นมือเข้าไป ส่วนข้อเท็จจริงลึกลึกแล้วอย่าไปเข้าใจผิดตนไม่รู้เรื่องนี้เลยเพราะว่าตนให้เกียรติเขา หากตนเรียกเขามาถามมันก็จะไม่ดี ตนรู้แต่เพียงว่า ดีเอสไอเขาทำไว้เยอะแล้ว เขาคงจะมีอะไรหลายหลายอย่างเท่าที่ตนสังเกต แต่ว่าทางดีเอสไอเขาไม่พูดเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นตนจึงคิดว่าควรจะเย็นไว้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมท่านได้ยืนยันว่าท่านไม่ทิ้งเรื่องแตงโม ถ้าไปให้สุดซอยก็คือต้องไปสุดซอย คนที่มีปัญหาคือ พวกทีมงานตำรวจโดยเฉพาะทีมงานตำรวจภูธรภาค 1 ที่ทำคดีนี้ตั้งแต่ต้น ถึงกับปฏิเสธเรียกตัว ซึ่งทางดีเอสไอได้เชิญตัวมาให้ปากคำ แต่เขาบอกว่าดีเอสไอมีอำนาจ มันก็คงจะมีความขัดแย้งในลักษณะนี้ไปเรื่อยๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000025369 • #MGROnline #สนธิลิ้มทองกุล #ดีเอสไอ #ตำรวจภูธรภาค1
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 637 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ดีเอสไอ" เรียก “แต๊ง-พงศกร” ให้ข้อมูลคดีแตงโม พร้อมนำไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าแตงโมขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงเวลา 20.40 น.

    วันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม ขั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายพงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊ง อดีตเพื่อนนักแสดง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วม 3 ชั่วโมง ว่า ข้อมูลที่ตนได้ให้กับดีเอสไอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ เพราะข้อมูลบางส่วน เจ้าหน้าที่พอมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ยืนยันจึงเตรียมนำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลทางคดีต่อ

    นายพงศกร กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาทนั้น ตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะราคารับงานรีวิวจะไม่สูงถึงหลักแสน ซึ่งการรับงานที่มีราคาสูงถึงหลักแสนส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องมีสัญญาเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก 3 ปีผ่านไปตนเองมีความคิดที่เปลี่ยนจากตอนแรกมองคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ความเห็นส่วนตัวคิดว่า คดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000022239

    #MGROnline #ดีเอสไอ #แต๊งพงศกร #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรรม
    "ดีเอสไอ" เรียก “แต๊ง-พงศกร” ให้ข้อมูลคดีแตงโม พร้อมนำไปสืบสวนขยายผลเพิ่มเติม เบื้องต้นคาดว่าแตงโมขาดการติดต่อทางโทรศัพท์ตั้งแต่ช่วงเวลา 20.40 น. • วันนี้ (7 มี.ค.) เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุม ขั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคารเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายพงศกร มหาเปารยะ หรือ แต๊ง อดีตเพื่อนนักแสดง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังให้ข้อมูลพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ร่วม 3 ชั่วโมง ว่า ข้อมูลที่ตนได้ให้กับดีเอสไอ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถเปิดเผยออกสื่อได้ เจ้าหน้าที่มองว่าเป็นประโยชน์ เพราะข้อมูลบางส่วน เจ้าหน้าที่พอมีข้อมูลอยู่แล้วแต่ยังไม่ยืนยันจึงเตรียมนำข้อมูลดังกล่าวไปขยายผลทางคดีต่อ • นายพงศกร กล่าวว่า ส่วนประเด็นที่มีข้อมูลว่าแตงโมรีวิวเรือ 400,000 บาทนั้น ตนเองมองว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะราคารับงานรีวิวจะไม่สูงถึงหลักแสน ซึ่งการรับงานที่มีราคาสูงถึงหลักแสนส่วนใหญ่จะเป็นงานที่ต้องมีสัญญาเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังจาก 3 ปีผ่านไปตนเองมีความคิดที่เปลี่ยนจากตอนแรกมองคดีนี้เป็นอุบัติเหตุ แต่ตอนนี้ความเห็นส่วนตัวคิดว่า คดีนี้คือฆาตกรรมแน่นอน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000022239 • #MGROnline #ดีเอสไอ #แต๊งพงศกร #แตงโมต้องได้รับความยุติธรรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 495 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นานกว่า 5 ชม. เรื่องที่ดีเอสไอสงสัยอยากรู้ คือช่วงเวลาที่แตงโมตอบกลับข้อความว่า “แพ๊พๆ” คือเวลา 22.21 น. อยากรู้ว่าตอนนั้นแตงโมมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ไม่ทราบแตงโมพิมพ์แชทเองหรือคนอื่น แต่ลึกๆ คิดว่าเป็นแตงโมที่ตอบ แม้จะใช้คำที่ไม่เคยเห็น ส่วนการโอนเงินเข้าบัญชีแตงโม หลังจากที่แตงโมเสียชีวิต ตนไม่เคยโอน โดยแตงโมใช้โทรศัพท์ 1 เครื่อง ติดตัวตลอด แต่จะฝากไว้กับกระติกหรือคนใกล้ชิดขณะทำงาน ไม่เชื่อเพื่อนไปปัสสาวะท้ายเรือ ยืนยันตลอด 3 ปี ไม่มีการข่มขู่ เชื่อไม่นานคงรู้ความจริงและแตงโมจะได้รับความยุติธรรม

    -ปิดช่องโหว่แก๊งคอลเหลว
    -จับฮั้วประมูลโครงการ อบต.
    -“นกคุ่มสี"10 ปี เพิ่งได้เห็น
    -อาหรับหนุนรัฐปาเลสไตน์
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา เผยหลังให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นานกว่า 5 ชม. เรื่องที่ดีเอสไอสงสัยอยากรู้ คือช่วงเวลาที่แตงโมตอบกลับข้อความว่า “แพ๊พๆ” คือเวลา 22.21 น. อยากรู้ว่าตอนนั้นแตงโมมีชีวิตอยู่หรือไม่นั้น ไม่ทราบแตงโมพิมพ์แชทเองหรือคนอื่น แต่ลึกๆ คิดว่าเป็นแตงโมที่ตอบ แม้จะใช้คำที่ไม่เคยเห็น ส่วนการโอนเงินเข้าบัญชีแตงโม หลังจากที่แตงโมเสียชีวิต ตนไม่เคยโอน โดยแตงโมใช้โทรศัพท์ 1 เครื่อง ติดตัวตลอด แต่จะฝากไว้กับกระติกหรือคนใกล้ชิดขณะทำงาน ไม่เชื่อเพื่อนไปปัสสาวะท้ายเรือ ยืนยันตลอด 3 ปี ไม่มีการข่มขู่ เชื่อไม่นานคงรู้ความจริงและแตงโมจะได้รับความยุติธรรม -ปิดช่องโหว่แก๊งคอลเหลว -จับฮั้วประมูลโครงการ อบต. -“นกคุ่มสี"10 ปี เพิ่งได้เห็น -อาหรับหนุนรัฐปาเลสไตน์
    Like
    Haha
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1014 มุมมอง 36 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค

    -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล
    -คดีจำนำข้าวจบปีนี้
    -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง
    -อเมริกากลับมาแล้ว
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา ให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรหาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไม่ได้ แต่ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ 3 ปี ที่ไม่พูดกลัวถูกฟ้องต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐาน แต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่มรับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้ว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน ส่วนการทักไลน์แตงโมหลังเกิดเหตุ “ใครเป็นคนทำ??“ ฝั่งแตงโมตอบกลับ “ใครก็ได้แต่ไม่ใช่พวกเธอก็แล้วกัน” เพราะอยากรู้โทรศัพท์แตงโมอยู่ที่ไหน พอตอบกลับถึงรู้อยู่ที่บังแจ็ค -ตัดไฟ-น้ำมัน เห็นผล -คดีจำนำข้าวจบปีนี้ -อาเซียนต้องจับมือต่อรอง -อเมริกากลับมาแล้ว
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1255 มุมมอง 49 0 รีวิว
  • นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เข้าให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไปไม่ได้ แต่ได้ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ ที่ผ่านมา 3 ปี ไม่พูดเพราะกลัวถูกฟ้องเราต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาว่าเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐานแต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่ม รับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้เลยว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน เราไม่ได้ไปลงเรือด้วยยังตามหาจนเช้า
    นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทแตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เข้าให้ข้อมูลคดีการเสียชีวิตของแตงโม นิดา ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) คืนวันเกิดเหตุโทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักว่าทำอะไรจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พๆ“ จำเวลาตอนโทรไปไม่ได้ แต่ได้ทักไปตอน 21.00 น. ตั้งข้อสังเกตแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้ ที่ผ่านมา 3 ปี ไม่พูดเพราะกลัวถูกฟ้องเราต้องเซฟตัวเอง แต่มีคนหนึ่งบอกว่าทำไมตนไม่ช่วยเพื่อน กล่าวหาว่าเป็นเพื่อนแตงโมประสาอะไร บุคคลนี้มักบอกว่ามีหลักฐานแต่ทำไมไม่บอกว่าหลักฐานอะไร วันที่แตงโมไปลงเรือ คนในกลุ่ม รับงานให้แตงโม 5 คน ไม่รู้เลยว่าแตงโมรับรีวิวเรือหรือไม่ ไม่อยากฟันธงเป็นฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ สิ่งที่ไม่เข้าใจคือเพื่อนตกน้ำกลับไม่มีเพื่อนอยู่ด้วยสักคน เราไม่ได้ไปลงเรือด้วยยังตามหาจนเช้า
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1121 มุมมอง 39 0 รีวิว
  • ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท

    วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน

    พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390

    #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    ป.ป.ส. ร่วมภาคี เปิดปฏิบัติการ "ตัดไฟแต่ต้นลม" ครั้งที่ 3 ทลายเครือข่ายส่งออกไอซ์-เฮโรอีนข้ามชาติ ยึดทรัพย์สินรวม มูลค่า 80 ล้านบาท • วันนี้ (5 มี.ค.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย , นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. , นายธันวา ผุดผ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , พล.ต.ต.มานพ เสนากูล ผบก.ภ.จว.เชียงราย , พล.ต.ต.อดิศ เจริญสวัสดิ์ ผบก.ปส.3 บช.ปส. , พ.อ.จักรพงษ์ สอดสี รอง ผบ.ฉก.ทัพเจ้าตาก และ พ.อ.ปริญญา วีระศรีนารา หัวหน้าศูนย์ข่าวยาเสพติด ฝ่ายข่าวศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก ร่วมแถลงผลปฏิบัติการ ตัดไฟแต่ต้นลม ครั้งที่ 3 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 10 จุดปฏิบัติการ 6 จังหวัด (จ.เชียงราย 2 จุด/ จ.เชียงใหม่ 2 จุด/ จ.สุพรรณบุรี 2 จุด/ จ.อ่างทอง 2 จุด/ จ.สุโขทัย 1 จุด / จ.พระนครศรีอยุธยา 1 จุด) เพื่อติดตามจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 คน • พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวเกี่ยวข้องกับ เครือข่ายส่งออกไอซ์ - เฮโรอีน ข้ามชาติ สืบเนื่องจาก คดีการจับกุมเมื่อวันที่ 22 ต.ค.67 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยงานภาคี จับกุมผู้ต้องหารวม 3 คน พร้อมเฮโรอีน 154 กิโลกรัม เหตุเกิดที่ จ.ชัยนาท ต่อเนื่อง จ.สุพรรณบุรี เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ซุกซ่อนเฮโรอีนในช่องลับภายในรถตู้ โดยลักลอบลำเลียงมาจากพื้นที่ชายแดน ด้าน จ.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศก่อนจะส่งต่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม ในครั้งนั้นสามารถตรวจยึดทรัพย์สินได้กว่า 7.6 ล้านบาท • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021390 • #MGROnline #ตัดไฟแต่ต้นลม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พุดเดิ้ล” เข้าพบดีเอสไอ เผยมี 5 คนคอยรับงานให้ "แตงโม" คือ "แอนนา-พุดเดิ้ล-กระติก-ฮิปโป-อุ้ย" ในไลน์กลุ่ม แต่วันลงเรือไม่ทราบว่าเจ้าตัวไปรับรีวิวเรือหรือไม่

    วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 กรณี คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ

    โดย นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เปิดเผยว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 คืนวันเกิดเหตุตอนนั้นตนอยู่ในรถกับแอนนา (นายวรินทร วัตรสังข์) ซึ่งตนได้โทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักไปว่าทำอะไร ตนจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาตอนเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พ ๆ“ อย่างไรก็ตาม ตนจำเวลาตอนโทรศัพท์ไปไม่ได้ แต่ตนได้ทักไปตอนประมาณ 21.00 น. นอกจากนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นแตงโมตอบเองหรือไม่ จากนั้น 2 ชม. หลังจากแตงโมตอบกลับ ตนเห็นกลุ่มนางงามโพสต์ว่าแตงโมตกเรือเสียชีวิต ซึ่งตนคิดว่าโพสต์เล่น กระทั่งผ่านไปครึ่ง ชม. ก็มีคนทักมาหาเยอะ ตนเริ่มตะหงิดใจ จึงใช้เบอร์ส่วนตัวโทรศัพท์หาแตงโมหลายสายก็ไม่มีใครรับ ตนเริ่มกระวนกระวาย ทางแอนนาจึงโทรศัพท์หากระติก (น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) ถามว่าจริงหรือไม่ กระติกตอบกลับว่า “รู้ได้ไง” ตนจึงถามต่อว่า “ตกจริงใช่ไหม” ก่อนกระติกยอมรับว่าจริง จากนั้นทั้งตนและแอนนาก็ไปตามหา ตอนประมาณเวลา 00.00 น.

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021401

    #MGROnline #พุดเดิ้ล #ดีเอสไอ
    “พุดเดิ้ล” เข้าพบดีเอสไอ เผยมี 5 คนคอยรับงานให้ "แตงโม" คือ "แอนนา-พุดเดิ้ล-กระติก-ฮิปโป-อุ้ย" ในไลน์กลุ่ม แต่วันลงเรือไม่ทราบว่าเจ้าตัวไปรับรีวิวเรือหรือไม่ • วันนี้ (5 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องคณะพนักงานสืบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เพื่อนสนิทของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสืบสวนที่ 20/2568 กรณี คดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงชื่อดัง เพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงอันเป็นประโยชน์ต่อการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ • โดย นายวีระพงศ์ กลั่นประเสริฐ หรือพุดเดิ้ล เปิดเผยว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ก.พ.65 คืนวันเกิดเหตุตอนนั้นตนอยู่ในรถกับแอนนา (นายวรินทร วัตรสังข์) ซึ่งตนได้โทรศัพท์หาแตงโมแต่ไม่รับสาย จึงทักไปว่าทำอะไร ตนจะโอนเงินค่างานให้ แต่แตงโมตอบกลับมาตอนเวลา 22.21 น. ว่า ”แพ๊พ ๆ“ อย่างไรก็ตาม ตนจำเวลาตอนโทรศัพท์ไปไม่ได้ แต่ตนได้ทักไปตอนประมาณ 21.00 น. นอกจากนั้น ตนตั้งข้อสังเกตว่าแตงโมไม่เคยพิมพ์คำแบบนี้เลย แต่ตอนนั้นก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นแตงโมตอบเองหรือไม่ จากนั้น 2 ชม. หลังจากแตงโมตอบกลับ ตนเห็นกลุ่มนางงามโพสต์ว่าแตงโมตกเรือเสียชีวิต ซึ่งตนคิดว่าโพสต์เล่น กระทั่งผ่านไปครึ่ง ชม. ก็มีคนทักมาหาเยอะ ตนเริ่มตะหงิดใจ จึงใช้เบอร์ส่วนตัวโทรศัพท์หาแตงโมหลายสายก็ไม่มีใครรับ ตนเริ่มกระวนกระวาย ทางแอนนาจึงโทรศัพท์หากระติก (น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์) ถามว่าจริงหรือไม่ กระติกตอบกลับว่า “รู้ได้ไง” ตนจึงถามต่อว่า “ตกจริงใช่ไหม” ก่อนกระติกยอมรับว่าจริง จากนั้นทั้งตนและแอนนาก็ไปตามหา ตอนประมาณเวลา 00.00 น. • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000021401 • #MGROnline #พุดเดิ้ล #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เสี่ยสมพงษ์" เดินทางเข้าพบ ดีเอสไอ หลังเป็นผู้พบร่าง "แตงโม" คนแรก ยืนยันอยากช่วยค้นหา แต่ตลอด 3 ปีกลับถูกแฟนคลับตามต่อว่ามาตลอด

    วันนี้ (4 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคานเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือ "เสี่ยสมพงษ์" อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกโรลเลอร์ จำกัด ผู้นำเรือช่วยค้นหาและผู้พบร่าง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เป็นคนแรก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของแตงโม หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

    นายสมพงษ์ กล่าวว่า เดินทางมาวันนี้ก็จะให้ข้อมูลแบบเดิมที่เคยให้การไปแล้วที่ สภ.นนทบุรี ส่วนที่รู้ว่าเป็นศพแตงโมตั้งแต่พบครั้งแรกเพราะด้วยสัญชาตญานความเป็นมนุษย์เวลานั้น เนื่องจากรู้ข่าวแตงโมตกน้ำเลยรู้ว่าต้องมีศพโผล่ขึ้นมาหรือจะให้เป็นศพคนอื่น โดยตนไม่ได้เป็นอาสาแต่ตนได้ซื้อเรือมาลำหนึ่ง จึงอยากช่วยค้นหาก็เลยเติมน้ำมันออกหาแตงโม แล้วก็บังเอิญเจอ แต่ตลอด 3 ปีมาถูกแฟนคลับแตงโมว่ามาตลอด ไม่เห็นบอกว่าตนเป็นพลเมืองดีเลย

    นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า วันพบร่างแตงโมใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน วันนั้นตรงกับวันเสาร์ บ้านตนมีโรงยิม มีสระว่ายน้ำ ตนตื่นตี 5 ทุกวัน ไปนั่งสมาธิที่โรงยิม ขณะเดินจากบ้านหลังใหญ่จะไปนั่งสมาธิที่โรงยิม แต่ไม่เกี่ยวกับนั่งสมาธิ คุณแตงโมก็ดลจิตดลใจขึ้นมา ตนได้ถามว่ามาทำอะไร เขาไม่ตอบอะไร จึงบอกกลับไปว่าจะเอาเรือไปช่วยหา ถ้าคุณอยากเจอตน ก็ขอให้เจอง่ายๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020976

    #MGROnline #เสี่ยสมพงษ์ #ดีเอสไอ #แตงโม
    "เสี่ยสมพงษ์" เดินทางเข้าพบ ดีเอสไอ หลังเป็นผู้พบร่าง "แตงโม" คนแรก ยืนยันอยากช่วยค้นหา แต่ตลอด 3 ปีกลับถูกแฟนคลับตามต่อว่ามาตลอด • วันนี้ (4 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคานเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือ "เสี่ยสมพงษ์" อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกโรลเลอร์ จำกัด ผู้นำเรือช่วยค้นหาและผู้พบร่าง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เป็นคนแรก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของแตงโม หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 • นายสมพงษ์ กล่าวว่า เดินทางมาวันนี้ก็จะให้ข้อมูลแบบเดิมที่เคยให้การไปแล้วที่ สภ.นนทบุรี ส่วนที่รู้ว่าเป็นศพแตงโมตั้งแต่พบครั้งแรกเพราะด้วยสัญชาตญานความเป็นมนุษย์เวลานั้น เนื่องจากรู้ข่าวแตงโมตกน้ำเลยรู้ว่าต้องมีศพโผล่ขึ้นมาหรือจะให้เป็นศพคนอื่น โดยตนไม่ได้เป็นอาสาแต่ตนได้ซื้อเรือมาลำหนึ่ง จึงอยากช่วยค้นหาก็เลยเติมน้ำมันออกหาแตงโม แล้วก็บังเอิญเจอ แต่ตลอด 3 ปีมาถูกแฟนคลับแตงโมว่ามาตลอด ไม่เห็นบอกว่าตนเป็นพลเมืองดีเลย • นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า วันพบร่างแตงโมใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน วันนั้นตรงกับวันเสาร์ บ้านตนมีโรงยิม มีสระว่ายน้ำ ตนตื่นตี 5 ทุกวัน ไปนั่งสมาธิที่โรงยิม ขณะเดินจากบ้านหลังใหญ่จะไปนั่งสมาธิที่โรงยิม แต่ไม่เกี่ยวกับนั่งสมาธิ คุณแตงโมก็ดลจิตดลใจขึ้นมา ตนได้ถามว่ามาทำอะไร เขาไม่ตอบอะไร จึงบอกกลับไปว่าจะเอาเรือไปช่วยหา ถ้าคุณอยากเจอตน ก็ขอให้เจอง่ายๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020976 • #MGROnline #เสี่ยสมพงษ์ #ดีเอสไอ #แตงโม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 615 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เบิร์ด-เทคนิค” เดินทางเข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลคดี "แตงโม" เชื่อไม่เป็นอุบัติเหตุและไม่เคยโดนข่มขู่ ส่วนคนบนเรือรู้จักแค่กระติกคนเดียวแต่ไม่สนิท

    วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 18.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) "เบิร์ด-เทคนิค" อดีตแฟนสาว น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังการเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูลคดี โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง

    เบิร์ด เทคนิค กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์และทำตามหน้าที่ทำในสิ่งที่นัดหมายไว้กับดีเอสไอ ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องสำคัญอะไรเพิ่มเติมก็ให้ดีเอสไอติดต่อตนได้โดยตรง ซึ่งวันนี้ให้ข้อมูลทางคดีกับดีเอสไอเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนไทม์ไลน์ที่ตนไปภูเก็ตคือตนไป จ.ภูเก็ต วันที่ 17 ก.พ. และกลับกรุงเทพฯในวันที่ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละครวันที่ 22 หรือ 23 ก.พ. ตนไม่แน่ใจ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ. โดยแตงโมบอกกับตนก่อนลงเรือ 1 คืนว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน

    เบิร์ด เทคนิค กล่าวอีกว่า ก่อนวันเกิดเหตุ แตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกกับตนว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ระหว่างตนนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นตนไม่เอะใจว่าเป็นการบอกลา เพราะทำเป็นปกติก่อนออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนบนเรือสักคน รู้จักเพียงกระติกคนเดียว แต่ก็ไม่สนิทกัน ส่วนคนชื่อเอ็กซ์ที่ให้ข้อมูลคนบนเรือ ตนไม่ได้สนิทด้วยรู้จักกันเพียงแค่วันไปขับรถเล่นที่บางแสน จ.ชลบุรี เพียงวันเดียว และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย ส่วนรายละเอียดอื่นอยู่ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว

    นอกจากนี้ วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.19 น. ตนคุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมบอกว่าถึงร้านอาหารแล้ว กินข้าวแล้ว เธอกินข้าวหรือยัง ตนตอบกลับไปว่ากินแล้ว กำลังทำงานอยู่ หลังจากที่เบิร์ดพูดประเด็นดังกล่าวปรากฏว่าเพื่อนของเบิร์ดที่มาด้วยพยายามดึงตัวเบิร์ดออกไปแล้วบอกว่า “พอแล้ว”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020781

    #MGROnline #เบิร์ดเทคนิค #ดีเอสไอ
    “เบิร์ด-เทคนิค” เดินทางเข้าพบดีเอสไอให้ข้อมูลคดี "แตงโม" เชื่อไม่เป็นอุบัติเหตุและไม่เคยโดนข่มขู่ ส่วนคนบนเรือรู้จักแค่กระติกคนเดียวแต่ไม่สนิท • วันนี้ (3 มี.ค.) เวลา 18.45 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) "เบิร์ด-เทคนิค" อดีตแฟนสาว น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เปิดเผยหลังการเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อมูลคดี โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมง • เบิร์ด เทคนิค กล่าวว่า วันนี้ดีใจที่ได้ออกมาแสดงความบริสุทธิ์และทำตามหน้าที่ทำในสิ่งที่นัดหมายไว้กับดีเอสไอ ถ้ามีปัญหาหรือเรื่องสำคัญอะไรเพิ่มเติมก็ให้ดีเอสไอติดต่อตนได้โดยตรง ซึ่งวันนี้ให้ข้อมูลทางคดีกับดีเอสไอเรียบร้อยหมดแล้ว ส่วนไทม์ไลน์ที่ตนไปภูเก็ตคือตนไป จ.ภูเก็ต วันที่ 17 ก.พ. และกลับกรุงเทพฯในวันที่ 19 ก.พ. เพราะแตงโมมีถ่ายละครวันที่ 22 หรือ 23 ก.พ. ตนไม่แน่ใจ แต่วันเกิดเหตุวันที่ 24 ก.พ. โดยแตงโมบอกกับตนก่อนลงเรือ 1 คืนว่าจะไปกินข้าวกับกระติกและเพื่อน • เบิร์ด เทคนิค กล่าวอีกว่า ก่อนวันเกิดเหตุ แตงโมแต่งตัวตามปกติ จากนั้นมาหอมแก้มแล้วบอกกับตนว่า “ที่รักเค้าไปกินข้าวกับเพื่อนแล้วนะ” ระหว่างตนนอนอยู่บนเตียง ตอนนั้นตนไม่เอะใจว่าเป็นการบอกลา เพราะทำเป็นปกติก่อนออกไปข้างนอกอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนยืนยันว่าไม่รู้จักกับคนบนเรือสักคน รู้จักเพียงกระติกคนเดียว แต่ก็ไม่สนิทกัน ส่วนคนชื่อเอ็กซ์ที่ให้ข้อมูลคนบนเรือ ตนไม่ได้สนิทด้วยรู้จักกันเพียงแค่วันไปขับรถเล่นที่บางแสน จ.ชลบุรี เพียงวันเดียว และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาเลย ส่วนรายละเอียดอื่นอยู่ในสำนวนคดีเรียบร้อยแล้ว • นอกจากนี้ วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.19 น. ตนคุยกับแตงโมครั้งสุดท้าย โดยแตงโมบอกว่าถึงร้านอาหารแล้ว กินข้าวแล้ว เธอกินข้าวหรือยัง ตนตอบกลับไปว่ากินแล้ว กำลังทำงานอยู่ หลังจากที่เบิร์ดพูดประเด็นดังกล่าวปรากฏว่าเพื่อนของเบิร์ดที่มาด้วยพยายามดึงตัวเบิร์ดออกไปแล้วบอกว่า “พอแล้ว” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020781 • #MGROnline #เบิร์ดเทคนิค #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    ผมไม่เคยลืม“ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ”คนทำชั่วลอบยิงผมแล้วหนีไปอยู่เขมร ผมรอ15ปีเต็มๆ .เป็นเรื่องที่ผมไม่เคยลืม ให้ผมตายไป ผมก็ยังจะไม่ลืม แม้ว่าเวลาจะผ่านไป 15 ปีแล้วก็ตาม อีกเดือนกว่าๆ จะครบรอบ16ปีวันที่ 17 เมษายน 2552 ของการลอบสังหารผมบริเวณใกล้ๆ สี่แยกบางขุนพรหม ระหว่างเดินทางไปจัดรายการ Good Morning Thailand ทางสถานีโทรทัศน์ ASTV ที่ถนนพระอาทิตย์แล้ว แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปีกว่าแล้ว แต่เหตุการณ์ยังเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานนี้อยู่เลย.ผู้ต้องหาลอบยิงผมนั้นมีอยู่ 3 คน จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ ศูนย์สงครามพิเศษ ตอนนี้เสียชีวิตแล้วตั้งแต่ปี 2556 และ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือนายอรรถพล ปาทาน เจ้าหน้าที่ศูนย์ข่าว กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติดซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการดักฟังโทรศัพท์อย่างมาก อดีตเคยเป็นคนขับรถของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ครั้งเป็นผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด และ ส.อ.สมชาย บุญนาค สังกัดกองร้อย กองบังคับการกรมรบพิเศษ ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี.ล่าสุด มีความคืบหน้าเรื่องหนึ่งในผู้ต้องหาที่ยิงผม คือ ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ หรือชื่อ นายอรรถพล ปาทาน จากแหล่งข่าวที่ผมมีอยู่ในประเทศกัมพูชา เขาบอกว่าเขาเพิ่งเจอมือปืนที่ยิงผมเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ทำงานอยู่ที่ประเทศกัมพูชา เขาระบุว่า ส.ต.ท.วรวุฒิ ใช้ชีวิตอยู่ในประเทศกัมพูชาเป็นสิบปีแล้ว เปลี่ยนชื่อตัวเองว่า "ฉัตร" มีบัตรประชาชนเป็นพลเมืองกัมพูชาไปแล้ว มีครอบครัว มีภรรยาเป็นชาวกัมพูชา มีลูกด้วยกันแต่เลิกรากันไปแล้ว และส่งเสียเงินมาเลี้ยงดูลูกเมียที่อยู่ฝั่งไทย ฐานะการเงินของ ส.ต.ท.วรวุฒิ ในปัจจุบันถือว่าใช้ได้ เพราะทำงานในบริษัทรับเหมาก่อสร้างอยู่ประเทศกัมพูชา มีรถราใช้ เป็นรถยนต์อีซูซุ รุ่น MUX ตอนนี้เห็นว่ารับงานก่อสร้างต่อเติมอยู่ที่กาสิโนฝั่งปอยเปต ของคุณวัฒนา อัศวเหม ที่โดนไฟไหม้ใหญ่ไปเมื่อปลายปี 2565 สายสืบผมเก็บข้อมูลเชิงลึกเห็นว่า มีนายทุนที่เป็นคนไทย มีแบ็กคอยดูแลอยู่ ชื่อ เสี่ยพัฒน์ เป็นเจ้าของโรงงานผลิตน้ำตาลในไทย คอยให้ความช่วยเหลือ เมื่อมกราคม 2568 ปีใหม่ที่ผ่านมา ส.ต.ท.วรวุฒิ บ่นอิจฉาเพื่อนๆว่าได้กลับบ้านเกิด ส่วนตัวคุณไม่มีปัญญาที่จะกลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา เบอร์โทรศัพท์ที่ลงด้วยเลขหมาย 197 เป็นของคุณใช่ไหม ตอบผมหน่อย รอรับสายผมนะ ผมรอคุณมา 15 ปีเต็มๆ ผมอยากจะทราบว่านายคุณให้ค่าหัวผมเท่าไรวะ คุณถึงรับงานมายิงผม .ผมเคยพูดไปหลายครั้งแล้วว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ผมจะต้องร้องขอความเป็นธรรมกับรัฐบาลทุกๆ รัฐบาล คือเรื่องความเป็นธรรมของการดำเนินคดีกับคนที่ลอบฆ่าผม ซึ่งผมรู้ว่าใครเป็นคนลงมือและใครเป็นคนสั่ง ผมก็จะทำเรื่องร้องเรียนไปยังท่านนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน ก.ตร. ว่าบุคคลที่อยู่ภายใต้หมายจับนี้เป็นคนที่ยิงผม และผมมีหลักฐานชัดเจนว่าหลบอยู่ที่กัมพูชา ไม่ทราบว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไรต่อไป.คนๆนี้มีหมายจับอยู่แล้ว เวรกรรมตามทันจริงๆ จากนี้ไปเขาคงไม่มีความสุขถ้ายังมีชีวิตอยู่ เพราะว่าผมรู้ตัวตน รู้แหล่งที่อยู่เขาเรียบร้อยแล้ว เชื่อผมสิ คนทำชั่วหนีไม่พ้นหรอก ในที่สุดจะต้องโดนเวรกรรมลงโทษ ช้าหรือเร็วเท่านั้น "สวัสดีคุณฉัตร" คุณฉัตรครับ ผมยังไม่ลืมคุณ.เผอิญมีตำรวจที่ให้สัมภาษณ์เรื่องผมโดนยิงกับ หนุ่ม คงกระพัน ทำเป็นรู้เรื่องดี คุยโวโอ้อวดแล้วบอกว่าเป็นคนทำคดีนี้เอง รู้ทุกอย่างนั้น ก็เป็นคนที่ติดตามคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ตำรวจคนนี้ชื่อเล่นว่า "ยาว" พล.ต.ต.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ อดีตเคยเป็นสืบนครบาล ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนภูธรภาค 8 แต่ชอบมีคนอวยว่าเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของเมืองไทย ส่วนตัวเองก็อวดอ้างว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ และเผอิญว่าลูกเขยของ พล.ต.ต.วีระศักดิ์ ชื่ออะไร รู้ไหมท่านผู้ชม ? ชื่อว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ นายปอ หนึ่งในจำเลยคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโมนั่นเอง เผอิญเห็นคุยนักคุยหนาว่าคุณทำคดีที่ลอบยิงผม รู้ทุกเรื่อง แล้วก็เคยบอกว่าไม่มีคดีไหนที่จับไม่ได้ น่าเสียดายที่คุณเกษียณอายุไปนานแล้ว 13-14 ปี ไม่อย่างนั้นผมก็อยากให้ไปตามเรื่องให้ผมหน่อย เพราะเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันจะลืม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 990 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปราจีนบุรี – เจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด

    จากเหตุการณ์รถทัวร์โดยสารคณะศึกษาดูงานเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำช่วงทางลงเขาศาลปู่โทน หลัก กม.ที่ 210 ถนนสาย 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้มากกว่า 31 ราย และมีเสียชีวิตล่าสุดที่จำนวน 19 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ ( 26 ก.พ.) นั้น

    ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน และเริ่มมีญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทยอยเดินทางเข้ารับศพท่ามกลางความโศกเศร้า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019024

    #MGROnline #ปราจีนบุรี #เจ้าของรถทัวร์ #คณะศึกษาดูงาน #บึงกาฬ #ประสบเหตุพลิกคว่ำ #เขาศาลปู่โทน
    ปราจีนบุรี – เจ้าของรถทัวร์คณะศึกษาดูงาน จ.บึงกาฬ ประสบเหตุพลิกคว่ำบริเวณทางโค้งลงเขาศาลปู่โทน ยันเบรกลมหมดจริงขณะวิ่งลงเขาสู่พื้นที่ราบทำรถพลิกคว่ำจนมีผู้เสียชีวิตมากถึง 19 ราย ขณะบาดเจ็บรวม 31 ราย ญาติเริ่มทยอยเดินทางรับศพกลับบำเพ็ญกุศลบ้านเกิด • จากเหตุการณ์รถทัวร์โดยสารคณะศึกษาดูงานเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ พลิกคว่ำช่วงทางลงเขาศาลปู่โทน หลัก กม.ที่ 210 ถนนสาย 304 ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บในขณะนี้มากกว่า 31 ราย และมีเสียชีวิตล่าสุดที่จำนวน 19 ราย เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.00 น.วันนี้ ( 26 ก.พ.) นั้น • ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เดินทางเข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลนาดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาในห้องฉุกเฉิน และเริ่มมีญาติผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทยอยเดินทางเข้ารับศพท่ามกลางความโศกเศร้า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/local/detail/9680000019024 • #MGROnline #ปราจีนบุรี #เจ้าของรถทัวร์ #คณะศึกษาดูงาน #บึงกาฬ #ประสบเหตุพลิกคว่ำ #เขาศาลปู่โทน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 613 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป

    📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย

    ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565
    🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา

    🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ

    🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ

    🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา

    🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1

    🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

    🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม
    แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ

    ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร?
    ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ"

    ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน?
    ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร

    ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน?
    ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา

    ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่?
    ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ

    🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน
    📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา

    🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ
    - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
    - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ
    - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง

    🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท
    ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก"

    🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567
    ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก

    💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด
    😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว
    🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง
    🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล
    🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น

    📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่?
    ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ

    🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น
    ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ
    ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ

    🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม

    📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ

    📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568

    🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป 📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565 🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา 🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ 🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ 🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา 🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ! 🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร? ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ" ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน? ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน? ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่? ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ 🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน 📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา 🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง 🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก" 🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567 ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก 💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด 😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว 🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง 🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล 🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น 📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่? ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ 🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ 🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม 📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ 📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568 🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1198 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อลิส" นำโทรศัพท์ไอโฟน 11 มอบดีเอสไอ พิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันเป็นคนถ่ายคลิปเองในซอยจรัญฯ 92 แต่ถูกบังแจ็คอ้างกู้มาได้ในมือถือ "แตงโม" จนได้รับผลกระทบ

    วันนี้ (20 ก.พ.) เวลาประมาณ 11.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายนิวัฒน์ เกิดพุ่มนาค หรือ "อลิส" นำหลักฐานเป็นโทรศัพท์มือถือ iphone 11 (ไอโฟน 11) เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อยืนยันถ่ายคลิปวิดีโอ 3 คลิป ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 เป็นของตัวเองถ่ายไว้จริง เมื่อ 3 ปีก่อน หลังคลิปดังกล่าวได้ไปอยู่ในมือถือแตงโม จนมีผลกระทบต่อครอบครัว

    นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ตนติดต่อดีเอสไอมาเองเพราะอยากให้ข้อมูล โดยนำคลิปต้นฉบับทั้งหมดและแชทที่เคยคุยกับบังแจ็คมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันต้นฉบับเป็นของตนล้านเปอร์เซ็นต์และเคยลงในสตอรี่ IG ของตัวเองก่อนที่จะเริ่มคุยกับบังแจ็ค

    นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเริ่มถ่ายคลิปส่งให้บังแจ็คในตอนนั้นเพราะทราบจากข่าวว่าคุณแม่ส่ง มือถือแตงโมให้บังแจ็คแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตนจึงทักข้อความหาบังแจ็ค 6 มิ.ย.65 ในเพจชื่อ "Bung Jack FC V2" และมีการขอไอดีไลน์เพื่อพูดคุยกัน ตนบอกว่าอาศัยอยู่แถวซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ซึ่งมีอู่เรือที่เจอร่างแตงโมคนแรก จึงช่วยถ่ายคลิปเพื่อหาความเชื่อมโยงในรูปคดี ยืนยันมีเจตนาดี

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000016895

    #MGROnline #อลิส #ดีเอสไอ #มือถือ #แตงโม
    "อลิส" นำโทรศัพท์ไอโฟน 11 มอบดีเอสไอ พิสูจน์ข้อเท็จจริง ยืนยันเป็นคนถ่ายคลิปเองในซอยจรัญฯ 92 แต่ถูกบังแจ็คอ้างกู้มาได้ในมือถือ "แตงโม" จนได้รับผลกระทบ • วันนี้ (20 ก.พ.) เวลาประมาณ 11.00 น. ห้องประชุม ชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายนิวัฒน์ เกิดพุ่มนาค หรือ "อลิส" นำหลักฐานเป็นโทรศัพท์มือถือ iphone 11 (ไอโฟน 11) เดินทางเข้ามาให้ข้อมูลกับ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เพื่อยืนยันถ่ายคลิปวิดีโอ 3 คลิป ในซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 เป็นของตัวเองถ่ายไว้จริง เมื่อ 3 ปีก่อน หลังคลิปดังกล่าวได้ไปอยู่ในมือถือแตงโม จนมีผลกระทบต่อครอบครัว • นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ตนติดต่อดีเอสไอมาเองเพราะอยากให้ข้อมูล โดยนำคลิปต้นฉบับทั้งหมดและแชทที่เคยคุยกับบังแจ็คมามอบให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ยืนยันต้นฉบับเป็นของตนล้านเปอร์เซ็นต์และเคยลงในสตอรี่ IG ของตัวเองก่อนที่จะเริ่มคุยกับบังแจ็ค • นายนิวัฒน์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ตนเริ่มถ่ายคลิปส่งให้บังแจ็คในตอนนั้นเพราะทราบจากข่าวว่าคุณแม่ส่ง มือถือแตงโมให้บังแจ็คแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ตนจึงทักข้อความหาบังแจ็ค 6 มิ.ย.65 ในเพจชื่อ "Bung Jack FC V2" และมีการขอไอดีไลน์เพื่อพูดคุยกัน ตนบอกว่าอาศัยอยู่แถวซอยจรัญสนิทวงศ์ 92 ซึ่งมีอู่เรือที่เจอร่างแตงโมคนแรก จึงช่วยถ่ายคลิปเพื่อหาความเชื่อมโยงในรูปคดี ยืนยันมีเจตนาดี • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000016895 • #MGROnline #อลิส #ดีเอสไอ #มือถือ #แตงโม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 674 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts