• สุขภาพดี..อายุยืน 120 ปี ควรหลีกเลี่ยง

    1. น้ำอัดลม ทำลายกระดูก และ ฟัน
    2. อาหารแปรรูป ทำลายระบบย่อยอาหาร
    3. แอลกอฮอล์ ทำลายสมอง
    4. สารกันบูด ทำลายตับ
    5. ยาปฏิชีวนะ ทำลายไต
    6. ฝุ่น ควัน บุหรี่ ทำลายปอด
    สุขภาพดี..อายุยืน 120 ปี ควรหลีกเลี่ยง 1. น้ำอัดลม ทำลายกระดูก และ ฟัน 2. อาหารแปรรูป ทำลายระบบย่อยอาหาร 3. แอลกอฮอล์ ทำลายสมอง 4. สารกันบูด ทำลายตับ 5. ยาปฏิชีวนะ ทำลายไต 6. ฝุ่น ควัน บุหรี่ ทำลายปอด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • 3/12/67

    ■พิษจากดื่มน้ำเย็น■
    ~~~~~~~~~~~~~
    ★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ
    •••••••○••••••○••••••
    ◆ใครจะไปเชื่อว่า..
    การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ
    มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้
    ((((▶
    ♣หมอได้พบผู้ป่วย
    ที่มีอาการแขนขาอ่อน
    แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ
    เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่
    เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น

    ■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา

    ★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ "ไต ต้องรับกำจัดความเย็น
    ออกจากร่างกาย
    อย่างรวดเร็ว" ขับน้ำเย็นมากักเก็บ
    ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น
    น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่
    ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง
    ขาดน้ำจนเลือดข้น
    หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด
    จนเกิดการพอกพูน
    กลายเป็นโรคหลอด
    เลือดตีบ
    ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ
    ทานเป็นประจำนั่นเอง

    ★ไตของเราเปรียบ
    เสมือนเครื่องกรองน้ำ
    อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง
    ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง
    ปัสสาวะการทำหน้าที่
    ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง

    ★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้
    เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง
    ให้เราทราบดังนี้

    ★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง
    วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ
    กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว

    ★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ

    ★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ

    ★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย

    ★หากใครยังทาน.......
    ●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ
    ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้

    ■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น
    ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม
    น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน

    ■2.ทำให้เลือดไหล
    เวียนสะดวกอย่าง
    ต่อเนื่องด้วยการ.....
    ■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน
    สม่ำเสมอ

    ■3.ไม่กินอาหาร.....
    ◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ
    ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย

    ■4.งดการทานน้ำเย็น
    เด็ดขาดรู้แล้วอย่า
    เฉยเมยนะควรปฎิบัติ
    ด้วยและรู้แล้วอย่า
    เก็บไว้คนเดียวโปรด
    แบ่งปันให้คนรอบข้าง
    ของตัวเรา
    ★พันเอก ดร.นพ.ดำรง หมอประจำพระองค์
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    3/12/67 ■พิษจากดื่มน้ำเย็น■ ~~~~~~~~~~~~~ ★จะปวดหลัง ข้อเข่า ไตอ่อนแอ •••••••○••••••○•••••• ◆ใครจะไปเชื่อว่า.. การดื่มน้ำเย็นจะมีพิษ มีภัย และให้โทษได้ถึงขนาดนี้ ((((▶ ♣หมอได้พบผู้ป่วย ที่มีอาการแขนขาอ่อน แรง หรือที่เรียกกันว่า โรคอัมพฤกษ์ ซึ่งสืบค้นต้นตอไปๆมาๆ ก็พบว่า สาเหตุมาจากพฤติกรรมการดื่มน้ำเย็น หรือ น้ำแข็งเป็นประจำนั่นเอง ผู้ป่วยเล่าให้ฟังว่า ไม่กินผักมาตั้งแต่เล็กๆ รับประทานแต่เนื้อสัตว์ ที่สำคัญคือชอบดื่มน้ำ เย็นเป็นประจำมาตั้งแต่ เด็ก และต้องเป็นน้ำเย็นจากตู้เย็นเท่านั้น ■ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงนั้น ร่างกายผู้ป่วยได้ส่งสัญญาณเตือนมาหลายครั้ง เช่น มึนเวียนศีรษะง่าย เห็นเหมือนแสงไฟแวบๆขณะกระพริบตา การพูดเริ่มติดๆขัดๆ สุดท้ายเกิดอาการวูบกะทันหัน ต้องนำส่งโรงพยาบาล เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งผู้ป่วยก็ไม่สามารถขยับร่างกายซีกซ้ายได้แล้ว นี่คืออาการของโรคเส้นเลือดตีบที่สมองในวัยเพียง 40 ปี ที่ชอบทานแต่น้ำเย็นมาตลอดเวลา ★การดื่มน้ำเย็น สำหรับคนไทยนั้น ทำให้ "ไต ต้องรับกำจัดความเย็น ออกจากร่างกาย อย่างรวดเร็ว" ขับน้ำเย็นมากักเก็บ ไว้ที่กระเพาะปัสสาวะ เตรียมขับออกเป็น น้ำปัสสาวะทำให้ผู้ที่ ชอบทานน้ำเย็นก็ยิ่ง ขาดน้ำจนเลือดข้น หนืดไปหมด ประกอบกับหลอดเลือดที่เริ่มแข็งกระด้างไม่ยืดหยุ่น ทำให้มีคราบไขมัน และของเสียไปยึดเกาะตามผนังหลอดเลือด จนเกิดการพอกพูน กลายเป็นโรคหลอด เลือดตีบ ก็เพราะน้ำเย็นที่ชอบ ทานเป็นประจำนั่นเอง ★ไตของเราเปรียบ เสมือนเครื่องกรองน้ำ อันน่าอัศจรรย์ ทำหน้าที่ช่วยกรอง ของเสียออกจากเลือด แล้วขับออกทาง ปัสสาวะการทำหน้าที่ ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดของไตนั้น ถ้าเราไปซ้ำเติมด้วยการรับประทานสิ่งที่เป็นพิษต่อร่างกายรวมทั้ง ★น้ำเย็นด้วยก็จะทำให้ เกิดภาวะไตอ่อนแอและจะส่งสัญญาณร้อง ให้เราทราบดังนี้ ★1.ปัสสาวะบ่อยขึ้น อั้นปัสสาวะไม่ได้นาน ดื่มน้ำเข้าไปแล้วต้อง วิ่งเข้าห้องน้ำบ่อยๆ กลางคืนก็ต้องลุกขึ้นเข้าห้องน้ำหลายเที่ยว ★2.มีอาการปวดหลัง ปวดเอวบ่อยๆ โดยเฉพาะเวลานั่งนานๆ ★3.ปวดเมื่อยตามข้อ และ ร่างกายง่าย เช่น ปวดข้อเข่า ปวดต้นคอ ★4.หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดแข็งได้ง่าย ★หากใครยังทาน....... ●น้ำเย็น นมเย็น ●กาแฟเย็น น้ำอัดลม ●น้ำหวานเย็น ชาเย็น อยู่เป็นประจำ ●มีอาการปวดหลังแน่ๆ ก็ต้องดูแลตนเองง่ายๆ ดังนี้ ■1.ปรับเลือดที่หนืดข้น ให้หายข้นด้วยการเพิ่ม น้ำเข้ากระแสเลือด โดยทานน้ำอุ่นให้ได้ 8-10 แก้ว ทุกวัน ■2.ทำให้เลือดไหล เวียนสะดวกอย่าง ต่อเนื่องด้วยการ..... ■ออกกำลังเป็นประจำที่สามารถทำได้ หรือ อาจใช้การจัดกระดูก ช่วยให้เลือดไหลเวียน สม่ำเสมอ ■3.ไม่กินอาหาร..... ◆เนื้อสัตว์ ของทอด ◆ของหวานจัดเพราะ ◆ทำให้เกิดอนุมูลอิสระ ปริมาณมากจนทำให้ หลอดเลือดแข็ง หรือ ตีบตันได้ง่าย ■4.งดการทานน้ำเย็น เด็ดขาดรู้แล้วอย่า เฉยเมยนะควรปฎิบัติ ด้วยและรู้แล้วอย่า เก็บไว้คนเดียวโปรด แบ่งปันให้คนรอบข้าง ของตัวเรา ★พันเอก ดร.นพ.ดำรง หมอประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 335 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้าไปแล้ว! คนที่นี่คลั่ง”โคคา-โคล่า”จนทำถึงขนาดนี้!?! (28/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #โคคา-โคล่า #โคคา-โคล่า แทนนม #เม็กซิโก #น้ำอัดลม
    บ้าไปแล้ว! คนที่นี่คลั่ง”โคคา-โคล่า”จนทำถึงขนาดนี้!?! (28/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #โคคา-โคล่า #โคคา-โคล่า แทนนม #เม็กซิโก #น้ำอัดลม
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1239 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • บ้าไปแล้ว! คนที่นี่คลั่ง”โคคา-โคล่า”จนทำถึงขนาดนี้!?! (28/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #โคคา-โคล่า #โคคา-โคล่า แทนนม #เม็กซิโก #น้ำอัดลม
    บ้าไปแล้ว! คนที่นี่คลั่ง”โคคา-โคล่า”จนทำถึงขนาดนี้!?! (28/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #โคคา-โคล่า #โคคา-โคล่า แทนนม #เม็กซิโก #น้ำอัดลม
    Like
    Sad
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1225 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • สิ่งนึงที่สินค้าพื้นบ้าน otop ชุมชน หรือ ไทยแท้ๆ...ไม่ work ในเรื่องยอดขาย...ที่เห็นเป็นประจำเลย คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคา ...คือ ดันเอาไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่มีแบรนด์ ที่สร้างแบรนด์พัฒนาแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งของต่างประเทศ และของไทยเอง.ที่มีอยู่ในตลาด มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่แล้ว...และก็ไปตั้งราคาอ้างอิงใกล้เคียงเขา...โดยคิดเอาเองว่า ของเราดีกว่า มีคุณภาพมากกว่า ....กฏข้อแรกของการเข้าสู่ตลาดก็ผิดแล้ว....
    ยกตัวอย่างน้ำอัดลม สีดำ เจ้าตลาด ขาย 26 บาท ...อีกยี่ห้อนึงเข้าตลาดใหม่ ราคา 21 บาท...ในปริมาตรเท่ากัน.....อย่างนี้เกิดได้...เพราะเป็นมวย.....
    ..คนซื้อเขาคิดเป็น คือ ค่าแฟรนไชด์ ค่าแบรนด์ ค่าเครื่องจักรมูลค่าสูงๆ ค่าบริการจัดการ งบการตลาด..ส่วนแบ่งผู้ขายปลีก....และอีกมากมาย...บางอย่างไม่เสีย...บางอย่างถูกกว่ากันมาก....เพราะฉะนั้น การเอาราคาอ้างอิงแบบใกล้เคียงกันมาก มันไม่ Make sence สำหรับผู้บริโภค......
    ...คุณอาจจะเก่ง หรือมีฝีมือในการทำของดี....แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการคาดหวังกำไรมากๆ...คนก็จะเข้าถึงสินค้าคุณน้อย....
    ...แบบที่เคยเขียน บางเจ้าเข้าตลาดใหม่ กำไรน้อยมาก หรืออาจขาดทุนเลย...เพราะเขาต้องการจะสร้างกลุ่มลูกค้าของตนเองขึ้นมา...
    ...เช่น ไวน์ france 300 กว่าบาทก็มี...แต่ไวน์ชุมชน คุณ ขาย 399 แบบนี้เป็นต้น....ผมเลือกง่ายเลย....
    #เขียนเล่นเห็นแล้วน่าเสียดาย#
    สิ่งนึงที่สินค้าพื้นบ้าน otop ชุมชน หรือ ไทยแท้ๆ...ไม่ work ในเรื่องยอดขาย...ที่เห็นเป็นประจำเลย คือ กลยุทธ์ในการตั้งราคา ...คือ ดันเอาไปเปรียบเทียบกับสินค้าที่มีแบรนด์ ที่สร้างแบรนด์พัฒนาแบรนด์มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งของต่างประเทศ และของไทยเอง.ที่มีอยู่ในตลาด มีส่วนแบ่งทางตลาดอยู่แล้ว...และก็ไปตั้งราคาอ้างอิงใกล้เคียงเขา...โดยคิดเอาเองว่า ของเราดีกว่า มีคุณภาพมากกว่า ....กฏข้อแรกของการเข้าสู่ตลาดก็ผิดแล้ว.... ยกตัวอย่างน้ำอัดลม สีดำ เจ้าตลาด ขาย 26 บาท ...อีกยี่ห้อนึงเข้าตลาดใหม่ ราคา 21 บาท...ในปริมาตรเท่ากัน.....อย่างนี้เกิดได้...เพราะเป็นมวย..... ..คนซื้อเขาคิดเป็น คือ ค่าแฟรนไชด์ ค่าแบรนด์ ค่าเครื่องจักรมูลค่าสูงๆ ค่าบริการจัดการ งบการตลาด..ส่วนแบ่งผู้ขายปลีก....และอีกมากมาย...บางอย่างไม่เสีย...บางอย่างถูกกว่ากันมาก....เพราะฉะนั้น การเอาราคาอ้างอิงแบบใกล้เคียงกันมาก มันไม่ Make sence สำหรับผู้บริโภค...... ...คุณอาจจะเก่ง หรือมีฝีมือในการทำของดี....แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยการคาดหวังกำไรมากๆ...คนก็จะเข้าถึงสินค้าคุณน้อย.... ...แบบที่เคยเขียน บางเจ้าเข้าตลาดใหม่ กำไรน้อยมาก หรืออาจขาดทุนเลย...เพราะเขาต้องการจะสร้างกลุ่มลูกค้าของตนเองขึ้นมา... ...เช่น ไวน์ france 300 กว่าบาทก็มี...แต่ไวน์ชุมชน คุณ ขาย 399 แบบนี้เป็นต้น....ผมเลือกง่ายเลย.... #เขียนเล่นเห็นแล้วน่าเสียดาย#
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 405 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1/10/67

    จากข่าวร้ายที่ ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ถึงแก่กรรม ในวัยแค่ 41 ปี สาเหตุจากเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากน้องอายุยังน้อย และมีลูกชายฝาแฝดที่ยังอยู่ในวัยเรียนประถมศึกษาตอนต้นเท่านั้น

    โรคนี้จึงเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และได้รับข้อความที่คิดว่าเป็นที่มาของโรคนี้ และเป็นประโยชน์แก่ทุกคน จึงขอนำมาบอกต่อ เพื่อทุกๆคนจะได้ดูแลตัวเองกันด้วย

    ⚫สุขภาพทุกวันนี้ยิ่งไม่ดูแลยิ่งอันตรายมาก
    🔵อาหารการกินนี่สำคัญมากๆ
    โดยเฉพาะน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลทั้งหลาย
    🔷️ด่วน...
    เส้นเลือด "ตีบ" ในสมองเกิดขึ้นทุก 4 นาที ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ?

    ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี
    มันเกิดอะไรขึ้น ความพิการจะหยุดได้หรือไม่ได้??

    สำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า"หยุดได้" เส้นเลือดตีบในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ปีละเป็นแสนคน ดารานักแสดง.. คนจน.. คนรวย.. ก็ไม่เว้น จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก วันนี้การแพทย์สหรัฐยังบอกเลยว่า มันยากมากที่สุด การรักษาคนป่วยเหล่านี้ แทบจะเลือนลาง เสียงบประมาณมากมายกับคนป่วยเหล่านี้

    อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอย่างไร?
    เส้นเลือดตีบ อาการที่ส่งสัญญาณ คือ
    1. มึนหัว
    2. บ้านหมุน
    3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม
    4. อาการร่วมอ่อนแรงที่แขน
    5. อาการร่วมอ่อนแรงที่ขา
    6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ บ่า ไหล่ อาจส่งสัญญาณปวด

    จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.-
    1. พักผ่อนน้อย
    2. ดื่มน้ำน้อย
    3. นอนดึก
    4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ
    5. ชอบทานอาหารมันๆ
    6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
    7. ขาดการออกกำลังกาย
    8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแลระบบหลอดเลือด และการไหลเวียนให้สมดุล
    9. นั่งนาน
    10. ยืนนาน
    11. ทำงานหนัก
    12. ชอบดื่มน้ำอัดลม กินหวานเป็นต้น

    ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากพฤติกรรมที่สะสมมานาน ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี การอุดตันในเส้นเลือดถึงจะเกิดขึ้นได้ การรักษาฟื้นฟูสามารถทำได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลานานไม่ต่ำกว่า 5 ปี

    ส่วนคนที่เป็นมีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน สามารถรักษาได้ ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค!!
    1/10/67 จากข่าวร้ายที่ ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ โรงเรียนสามเสนวิทยาลัยได้ถึงแก่กรรม ในวัยแค่ 41 ปี สาเหตุจากเส้นเลือดในสมองตีบ ซึ่งไม่คาดคิดมาก่อน เนื่องจากน้องอายุยังน้อย และมีลูกชายฝาแฝดที่ยังอยู่ในวัยเรียนประถมศึกษาตอนต้นเท่านั้น โรคนี้จึงเป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และได้รับข้อความที่คิดว่าเป็นที่มาของโรคนี้ และเป็นประโยชน์แก่ทุกคน จึงขอนำมาบอกต่อ เพื่อทุกๆคนจะได้ดูแลตัวเองกันด้วย ⚫สุขภาพทุกวันนี้ยิ่งไม่ดูแลยิ่งอันตรายมาก 🔵อาหารการกินนี่สำคัญมากๆ โดยเฉพาะน้ำตาลและผลิตภัณฑ์จากน้ำตาลทั้งหลาย 🔷️ด่วน... เส้นเลือด "ตีบ" ในสมองเกิดขึ้นทุก 4 นาที ทำไมตรวจหาสาเหตุไม่เจอ แล้วจะมีวิธีป้องกันได้อย่างไร ? ทุกวันนี้ ผมเจอคนป่วยเส้นเลือดตีบทุกวัน ตั้งแต่อายุ 13 ปี ยัน 95 ปี มันเกิดอะไรขึ้น ความพิการจะหยุดได้หรือไม่ได้?? สำหรับผม ผมตอบได้เลยว่า"หยุดได้" เส้นเลือดตีบในสมอง เกิดขึ้นทุก 4 นาที ปีละเป็นแสนคน ดารานักแสดง.. คนจน.. คนรวย.. ก็ไม่เว้น จนเป็นเรื่องน่าวิตกมาก วันนี้การแพทย์สหรัฐยังบอกเลยว่า มันยากมากที่สุด การรักษาคนป่วยเหล่านี้ แทบจะเลือนลาง เสียงบประมาณมากมายกับคนป่วยเหล่านี้ อาการเส้นเลือดตีบ เป็นอย่างไร? เส้นเลือดตีบ อาการที่ส่งสัญญาณ คือ 1. มึนหัว 2. บ้านหมุน 3. อาจมีอาการอาเจียนร่วม 4. อาการร่วมอ่อนแรงที่แขน 5. อาการร่วมอ่อนแรงที่ขา 6. มีกลุ่มก้อนแข็งอุดตาม คอ บ่า ไหล่ อาจส่งสัญญาณปวด จากพฤติกรรมที่ทำ คือ.- 1. พักผ่อนน้อย 2. ดื่มน้ำน้อย 3. นอนดึก 4. ดื่มน้ำเย็นเป็นประจำ 5. ชอบทานอาหารมันๆ 6. ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่ 7. ขาดการออกกำลังกาย 8. ไม่เคยปรับสมดุล ดูแลระบบหลอดเลือด และการไหลเวียนให้สมดุล 9. นั่งนาน 10. ยืนนาน 11. ทำงานหนัก 12. ชอบดื่มน้ำอัดลม กินหวานเป็นต้น ภาวะเส้นเลือดตีบในสมอง ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค แต่เกิดจากพฤติกรรมที่สะสมมานาน ไม่ต่ำกว่า 4-5 ปี การอุดตันในเส้นเลือดถึงจะเกิดขึ้นได้ การรักษาฟื้นฟูสามารถทำได้ แต่ต้องใช้ระยะเวลานานไม่ต่ำกว่า 5 ปี ส่วนคนที่เป็นมีอาการก่อนเส้นเลือดจะตีบตัน สามารถรักษาได้ ใช้ระยะเวลาไม่เกิน 3-6 เดือน อาการเส้นเลือดตีบในสมองถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่ถ้ายังกลับไปทำพฤติกรรมเดิมๆ ก็อาจกลับมาได้อีก เพราะเส้นเลือดตีบในสมอง เกิดจากพฤติกรรมในการดำเนินชีวิต ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 364 มุมมอง 0 รีวิว
  • "น้ำที่เข้าสู่ร่างกายกำหนดอายุขัยมนุษย์ได้"
    ผู้เขียน : ดร. เอฟ. แบทแมน

    ดร. แบทแมนเป็นลูกศิษย์ของอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ผู้ค้นพบเพนนิซิลินและผู้ได้รับรางวัลโนเบล เขาอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาผลการบำบัดของน้ำ

    น้ำเพียงสองแก้วสามารถบรรเทาอาการปวดท้องรุนแรงที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้
    เขารักษาคนไข้มากกว่า 3,000 คนด้วยน้ำโดยไม่ต้องใช้ยา

    1. เขาพบว่าน้ำสามารถรักษา:
    1.1 โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง:
    เพราะน้ำสามารถเจือจางเลือดและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    1.2 โรคกระดูกพรุน:
    เพราะน้ำสามารถทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในระหว่างการเจริญเติบโต
    1.3 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง:
    เพราะน้ำสามารถขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ และเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน
    1.4 ความดันโลหิตสูง:
    เพราะน้ำเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่ดีที่สุด
    1.5 โรคเบาหวาน:
    เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณทริปโตเฟนในร่างกายได้
    1.6 นอนไม่หลับ:
    เพราะน้ำสามารถผลิตสารควบคุมการนอนหลับตามธรรมชาติได้ - เมลาโทนิน
    1.7 ภาวะซึมเศร้า:
    เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในร่างกายได้ตามธรรมชาติ

    2. บทนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ :
    2.1 ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ 2 ถึง 3 ลิตรต่อวัน ดื่มหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว และจิบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงตลอดวัน(จะไม่ทำให้ฉี่บ่อย) อย่ารอจนกระหายน้ำจึงจะดื่มน้ำ
    2.1.1 พยายามดื่มน้ำบริสุทธิ์แทนน้ำอัดลมและกาแฟ
    2.1.2 คนสมัยใหม่ รวมถึงแพทย์ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในร่างกายมนุษย์
    2.1.3 ยาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการแก่ชราได้
    2.1.4 เราจะรู้ทันทีว่าสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายก็คือการขาดน้ำ
    2.1.5 การขาดน้ำในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำ และความผิดปกติทางสรีรวิทยาในที่สุดก็นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ มากมาย

    2.2 น้ำเป็นแหล่งที่มาของชีวิต :
    เหตุผลที่มนุษย์สามารถเติบโตบนบกได้ก็เพราะว่าร่างกายมีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์
    2.2.1 ระบบนี้กักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมนุษย์เป็นจำนวนมาก คิดเป็นประมาณ 75% ของน้ำหนักตัว 2.2.2 ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดแคลนน้ำชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
    2.2.3 ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมนุษย์ยังมีกลไกการจัดการภาวะขาดน้ำแคลนในร่างกายอีกด้วย เมื่อร่างกายมนุษย์ขาดน้ำ น้ำที่กักเก็บไว้ในร่างกายจะถูกกระจายอย่างเข้มงวด และอวัยวะที่สำคัญที่สุดจะได้รับน้ำและสารอาหารที่ขนส่งทางน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อน
    2.2.4 ในการกระจายน้ำ สมองจะได้รับความสำคัญสูงสุด
    2.2.5 สมองคิดเป็น 1/50 ของน้ำหนักร่างกายมนุษย์ แต่ได้รับการไหลเวียนของเลือดทั้งหมด 18%-20% และมีสัดส่วนของน้ำเท่ากัน
    2.2.6 เมื่อร่างกายขาดน้ำ กลไกการจัดการภาวะขาดแคลนน้ำในร่างกาย จะให้ความสำคัญกับ อวัยวะที่สำคัญก่อน ดังนั้นอวัยวะอื่นๆ จะได้รับน้ำไม่เพียงพอ
    2.2.7 ในเวลานี้ พวกมันจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่งบ่งชี้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งขาดน้ำ

    3. ผู้เขียนเป็นแพทย์มาหลายปี และมักพบสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง:
    เป็นสัญญาณจากร่างกายอย่างชัดเจนว่าน้ำกำลังขาดแคลนและจำเป็นต้องเติมน้ำอย่างเร่งด่วน แต่ผู้คนใช้ยาเคมีเพื่อจัดการกับสัญญาณการขาดแคลนน้ำเหล่านี้
    น่าเสียดายที่ความผิดพลาดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป อาการของร่างกายจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภาวะขาดน้ำจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
    3.1  อย่าดื่มน้ำแข็งเปล่า (น้ำผสมน้ำแข็ง หรือน้ำแช่เย็น)
    ผู้คนเทน้ำ 0℃ ลงในกระเพาะที่อุณหภูมิ 37℃ แต่ปัสสาวะกลับร้อน ซึ่งก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ 37℃
    3.2 อะไรเปลี่ยนน้ำที่เย็น 0℃ ให้เป็นปัสสาวะที่อุณหภูมิ 37℃ เขาคือม้ามและกระเพาะ
    เมื่อม้ามและกระเพาะอาหารไม่สามารถทนรับเครื่องดื่มที่เย็นขนาดนั้นได้ พวกเขาจะดึงเอาสิ่งสำคัญ (พลังชีวิต) จาก "ไต" แล้วนำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อปรุง ให้ร่างกายกลับมาที่อุณหภูมิ 37℃ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สกัดออกมาจากไตจะทำให้ไตของคุณอ่อนแอ

    4. หากคุณชอบดื่มน้ำเย็น ไตของคุณจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำของคุณ ทำให้คุณต้องนั่งรถเข็นเมื่อแก่ชรา และทำลายกระดูกของคุณ...

    ※อุณหภูมิที่ส่งเข้าสู่ร่างกายจะกำหนดอายุขัยของคุณ

    Cr : บทความภาษาอังกฤษ
    จาก ห้อง TRAFS Chat Room
    บันทึกโดย taew lalida
    - อนามัย อภัยโส แปล
    "น้ำที่เข้าสู่ร่างกายกำหนดอายุขัยมนุษย์ได้" ผู้เขียน : ดร. เอฟ. แบทแมน ดร. แบทแมนเป็นลูกศิษย์ของอเล็กซานเดอร์ เฟลมมิ่ง ผู้ค้นพบเพนนิซิลินและผู้ได้รับรางวัลโนเบล เขาอุทิศชีวิตให้กับการศึกษาผลการบำบัดของน้ำ น้ำเพียงสองแก้วสามารถบรรเทาอาการปวดท้องรุนแรงที่เกิดจากแผลในกระเพาะอาหารได้ เขารักษาคนไข้มากกว่า 3,000 คนด้วยน้ำโดยไม่ต้องใช้ยา 1. เขาพบว่าน้ำสามารถรักษา: 1.1 โรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง: เพราะน้ำสามารถเจือจางเลือดและป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและหลอดเลือดสมองได้อย่างมีประสิทธิภาพ 1.2 โรคกระดูกพรุน: เพราะน้ำสามารถทำให้กระดูกแข็งแรงขึ้นในระหว่างการเจริญเติบโต 1.3 โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง: เพราะน้ำสามารถขนส่งออกซิเจนเข้าสู่เซลล์ได้ และเซลล์มะเร็งเป็นเซลล์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน 1.4 ความดันโลหิตสูง: เพราะน้ำเป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 1.5 โรคเบาหวาน: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณทริปโตเฟนในร่างกายได้ 1.6 นอนไม่หลับ: เพราะน้ำสามารถผลิตสารควบคุมการนอนหลับตามธรรมชาติได้ - เมลาโทนิน 1.7 ภาวะซึมเศร้า: เพราะน้ำสามารถเพิ่มปริมาณเซโรโทนินในร่างกายได้ตามธรรมชาติ 2. บทนำเกี่ยวกับการดื่มน้ำ : 2.1 ควรดื่มน้ำบริสุทธิ์ 2 ถึง 3 ลิตรต่อวัน ดื่มหลังตื่นนอน 1-2 แก้ว และจิบทุกๆ ครึ่งชั่วโมงตลอดวัน(จะไม่ทำให้ฉี่บ่อย) อย่ารอจนกระหายน้ำจึงจะดื่มน้ำ 2.1.1 พยายามดื่มน้ำบริสุทธิ์แทนน้ำอัดลมและกาแฟ 2.1.2 คนสมัยใหม่ รวมถึงแพทย์ส่วนใหญ่ ไม่เข้าใจถึงความสำคัญของน้ำในร่างกายมนุษย์ 2.1.3 ยาสามารถบรรเทาอาการได้ แต่ไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการแก่ชราได้ 2.1.4 เราจะรู้ทันทีว่าสาเหตุของโรคต่างๆ มากมายก็คือการขาดน้ำ 2.1.5 การขาดน้ำในร่างกายทำให้เกิดความผิดปกติของการเผาผลาญน้ำ และความผิดปกติทางสรีรวิทยาในที่สุดก็นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ มากมาย 2.2 น้ำเป็นแหล่งที่มาของชีวิต : เหตุผลที่มนุษย์สามารถเติบโตบนบกได้ก็เพราะว่าร่างกายมีระบบกักเก็บน้ำที่สมบูรณ์ 2.2.1 ระบบนี้กักเก็บน้ำไว้ในร่างกายมนุษย์เป็นจำนวนมาก คิดเป็นประมาณ 75% ของน้ำหนักตัว 2.2.2 ด้วยเหตุนี้ มนุษย์จึงปรับตัวให้เข้ากับภาวะขาดแคลนน้ำชั่วคราวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ 2.2.3 ในขณะเดียวกัน ร่างกายของมนุษย์ยังมีกลไกการจัดการภาวะขาดน้ำแคลนในร่างกายอีกด้วย เมื่อร่างกายมนุษย์ขาดน้ำ น้ำที่กักเก็บไว้ในร่างกายจะถูกกระจายอย่างเข้มงวด และอวัยวะที่สำคัญที่สุดจะได้รับน้ำและสารอาหารที่ขนส่งทางน้ำในปริมาณที่เพียงพอก่อน 2.2.4 ในการกระจายน้ำ สมองจะได้รับความสำคัญสูงสุด 2.2.5 สมองคิดเป็น 1/50 ของน้ำหนักร่างกายมนุษย์ แต่ได้รับการไหลเวียนของเลือดทั้งหมด 18%-20% และมีสัดส่วนของน้ำเท่ากัน 2.2.6 เมื่อร่างกายขาดน้ำ กลไกการจัดการภาวะขาดแคลนน้ำในร่างกาย จะให้ความสำคัญกับ อวัยวะที่สำคัญก่อน ดังนั้นอวัยวะอื่นๆ จะได้รับน้ำไม่เพียงพอ 2.2.7 ในเวลานี้ พวกมันจะส่งสัญญาณเตือน ซึ่งบ่งชี้ว่าส่วนใดส่วนหนึ่งขาดน้ำ 3. ผู้เขียนเป็นแพทย์มาหลายปี และมักพบสถานการณ์นี้บ่อยครั้ง: เป็นสัญญาณจากร่างกายอย่างชัดเจนว่าน้ำกำลังขาดแคลนและจำเป็นต้องเติมน้ำอย่างเร่งด่วน แต่ผู้คนใช้ยาเคมีเพื่อจัดการกับสัญญาณการขาดแคลนน้ำเหล่านี้ น่าเสียดายที่ความผิดพลาดนี้จะยังคงดำเนินต่อไป อาการของร่างกายจะค่อยๆ พัฒนาขึ้น และภาวะขาดน้ำจะซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ 3.1  อย่าดื่มน้ำแข็งเปล่า (น้ำผสมน้ำแข็ง หรือน้ำแช่เย็น) ผู้คนเทน้ำ 0℃ ลงในกระเพาะที่อุณหภูมิ 37℃ แต่ปัสสาวะกลับร้อน ซึ่งก็คืออุณหภูมิของร่างกายที่ 37℃ 3.2 อะไรเปลี่ยนน้ำที่เย็น 0℃ ให้เป็นปัสสาวะที่อุณหภูมิ 37℃ เขาคือม้ามและกระเพาะ เมื่อม้ามและกระเพาะอาหารไม่สามารถทนรับเครื่องดื่มที่เย็นขนาดนั้นได้ พวกเขาจะดึงเอาสิ่งสำคัญ (พลังชีวิต) จาก "ไต" แล้วนำมาแปลงเป็นพลังงานความร้อนเพื่อปรุง ให้ร่างกายกลับมาที่อุณหภูมิ 37℃ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สกัดออกมาจากไตจะทำให้ไตของคุณอ่อนแอ 4. หากคุณชอบดื่มน้ำเย็น ไตของคุณจะอ่อนแอ ซึ่งจะส่งผลต่อความจำของคุณ ทำให้คุณต้องนั่งรถเข็นเมื่อแก่ชรา และทำลายกระดูกของคุณ... ※อุณหภูมิที่ส่งเข้าสู่ร่างกายจะกำหนดอายุขัยของคุณ Cr : บทความภาษาอังกฤษ จาก ห้อง TRAFS Chat Room บันทึกโดย taew lalida - อนามัย อภัยโส แปล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 468 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=XmGbrDa1VeI
    บทสนทนาที่ร้านอาหาร
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่ร้านอาหาร
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #listeningtest #listening #conversations

    The conversations from the clip :
    Waiter: Good evening! Welcome to our restaurant. How many people are in your party?
    Customer: Good evening! It’s just two of us.
    Waiter: Great! Please follow me to your table. Here are your menus.
    Customer: Thank you! Can we start with some water, please?
    Waiter: Of course. Would you like sparkling or still water?
    Customer: Still water, please.
    Waiter: Sure. I’ll be right back with that. Have you decided on your order, or would you like a few more minutes?
    Customer: We’re ready to order. I’ll have the grilled salmon, and my friend will have the pasta primavera.
    Waiter: Excellent choice! Would you like any appetizers to start with?
    Customer: No, we’ll just have the main course, thank you.
    Waiter: No problem. And would you like anything to drink besides water?
    Customer: Yes, I’ll have a glass of white wine, and my friend will have a soda.
    Waiter: Perfect. I’ll bring your drinks and the food will be ready shortly.
    Customer: Thank you very much!
    Waiter: You’re welcome! If you need anything else, just let me know.

    พนักงานเสิร์ฟ: สวัสดีตอนเย็น! ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารของเรา จำนวนคนในกลุ่มของคุณคือเท่าไหร่ครับ?
    ลูกค้า: สวัสดีตอนเย็น! มีแค่สองคนค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ดีมาก! กรุณาตามผมมาที่โต๊ะของคุณครับ นี่คือเมนูของคุณ
    ลูกค้า: ขอบคุณ! เราขอเริ่มด้วยน้ำสักหน่อยได้ไหมค่ะ?
    พนักงานเสิร์ฟ: แน่นอนครับ คุณต้องการน้ำแบบไหนครับ? น้ำเปล่าหรือว่าน้ำโซดา?
    ลูกค้า: น้ำเปล่าค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ได้เลยครับ ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คุณได้ตัดสินใจสั่งอาหารหรือยังครับ หรืออยากได้เวลาสักหน่อย?
    ลูกค้า: เราพร้อมที่จะสั่งแล้วค่ะ ฉันจะขอแซลมอนย่าง ส่วนเพื่อนของฉันจะขอพาสต้า primavera
    พนักงานเสิร์ฟ: ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม! คุณต้องการอาหารเรียกน้ำย่อยไหมครับ?
    ลูกค้า: ไม่ค่ะ เราจะสั่งแค่จานหลัก ขอบคุณค่ะ
    พนักงานเสิร์ฟ: ไม่มีปัญหาครับ แล้วคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำไหมครับ?
    ลูกค้า: ใช่ค่ะ ฉันจะขอไวน์ขาวหนึ่งแก้ว ส่วนเพื่อนของฉันจะขอน้ำโซดา
    พนักงานเสิร์ฟ: เยี่ยมมากครับ ผมจะนำเครื่องดื่มมาให้ และอาหารจะพร้อมในไม่ช้า
    ลูกค้า: ขอบคุณมากค่ะ!
    พนักงานเสิร์ฟ: ยินดีครับ! ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม แจ้งได้เลยนะครับ

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Restaurant (เรส-เทอ-รองต์) n. แปลว่า ร้านอาหาร
    Party (พาร์-ที) n. แปลว่า กลุ่มคน, ผู้มารับประทานอาหาร
    Menu (เมนู) n. แปลว่า เมนูอาหาร
    Water (วอเตอร์) n. แปลว่า น้ำ
    Sparkling (สปาร์ค-คลิง) adj. แปลว่า น้ำอัดลม, น้ำมีฟอง
    Still (สติล) adj. แปลว่า น้ำไม่มีฟอง
    Order (ออร์เดอร์) n. แปลว่า การสั่งอาหาร
    Grilled (กริลด์) adj. แปลว่า ย่าง
    Salmon (แซล-มอน) n. แปลว่า ปลาแซลมอน
    Pasta (พาสต้า) n. แปลว่า พาสต้า
    Appetizers (แอพ-พิ-ไท-เซอร์ส) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย
    Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก
    Drink (ดริงค์) n. แปลว่า เครื่องดื่ม
    Glass (กลาส) n. แปลว่า แก้ว
    Wine (ไวน์) n. แปลว่า ไวน์
    https://www.youtube.com/watch?v=XmGbrDa1VeI บทสนทนาที่ร้านอาหาร (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาที่ร้านอาหาร มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #listeningtest #listening #conversations The conversations from the clip : Waiter: Good evening! Welcome to our restaurant. How many people are in your party? Customer: Good evening! It’s just two of us. Waiter: Great! Please follow me to your table. Here are your menus. Customer: Thank you! Can we start with some water, please? Waiter: Of course. Would you like sparkling or still water? Customer: Still water, please. Waiter: Sure. I’ll be right back with that. Have you decided on your order, or would you like a few more minutes? Customer: We’re ready to order. I’ll have the grilled salmon, and my friend will have the pasta primavera. Waiter: Excellent choice! Would you like any appetizers to start with? Customer: No, we’ll just have the main course, thank you. Waiter: No problem. And would you like anything to drink besides water? Customer: Yes, I’ll have a glass of white wine, and my friend will have a soda. Waiter: Perfect. I’ll bring your drinks and the food will be ready shortly. Customer: Thank you very much! Waiter: You’re welcome! If you need anything else, just let me know. พนักงานเสิร์ฟ: สวัสดีตอนเย็น! ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารของเรา จำนวนคนในกลุ่มของคุณคือเท่าไหร่ครับ? ลูกค้า: สวัสดีตอนเย็น! มีแค่สองคนค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ดีมาก! กรุณาตามผมมาที่โต๊ะของคุณครับ นี่คือเมนูของคุณ ลูกค้า: ขอบคุณ! เราขอเริ่มด้วยน้ำสักหน่อยได้ไหมค่ะ? พนักงานเสิร์ฟ: แน่นอนครับ คุณต้องการน้ำแบบไหนครับ? น้ำเปล่าหรือว่าน้ำโซดา? ลูกค้า: น้ำเปล่าค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ได้เลยครับ ผมจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ คุณได้ตัดสินใจสั่งอาหารหรือยังครับ หรืออยากได้เวลาสักหน่อย? ลูกค้า: เราพร้อมที่จะสั่งแล้วค่ะ ฉันจะขอแซลมอนย่าง ส่วนเพื่อนของฉันจะขอพาสต้า primavera พนักงานเสิร์ฟ: ตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม! คุณต้องการอาหารเรียกน้ำย่อยไหมครับ? ลูกค้า: ไม่ค่ะ เราจะสั่งแค่จานหลัก ขอบคุณค่ะ พนักงานเสิร์ฟ: ไม่มีปัญหาครับ แล้วคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรเพิ่มเติมนอกจากน้ำไหมครับ? ลูกค้า: ใช่ค่ะ ฉันจะขอไวน์ขาวหนึ่งแก้ว ส่วนเพื่อนของฉันจะขอน้ำโซดา พนักงานเสิร์ฟ: เยี่ยมมากครับ ผมจะนำเครื่องดื่มมาให้ และอาหารจะพร้อมในไม่ช้า ลูกค้า: ขอบคุณมากค่ะ! พนักงานเสิร์ฟ: ยินดีครับ! ถ้าคุณต้องการอะไรเพิ่มเติม แจ้งได้เลยนะครับ Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Restaurant (เรส-เทอ-รองต์) n. แปลว่า ร้านอาหาร Party (พาร์-ที) n. แปลว่า กลุ่มคน, ผู้มารับประทานอาหาร Menu (เมนู) n. แปลว่า เมนูอาหาร Water (วอเตอร์) n. แปลว่า น้ำ Sparkling (สปาร์ค-คลิง) adj. แปลว่า น้ำอัดลม, น้ำมีฟอง Still (สติล) adj. แปลว่า น้ำไม่มีฟอง Order (ออร์เดอร์) n. แปลว่า การสั่งอาหาร Grilled (กริลด์) adj. แปลว่า ย่าง Salmon (แซล-มอน) n. แปลว่า ปลาแซลมอน Pasta (พาสต้า) n. แปลว่า พาสต้า Appetizers (แอพ-พิ-ไท-เซอร์ส) n. แปลว่า อาหารเรียกน้ำย่อย Main course (เมน คอร์ส) n. แปลว่า อาหารจานหลัก Drink (ดริงค์) n. แปลว่า เครื่องดื่ม Glass (กลาส) n. แปลว่า แก้ว Wine (ไวน์) n. แปลว่า ไวน์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 266 มุมมอง 0 รีวิว

  • 7/10/67

    รู้ไว้ดีกว่า! คุณหมอเผย 3 เครื่องดื่ม เพิ่มเสี่ยง "หลอดเลือดสมอง" ไม่ใช่แค่กาแฟ-น้ำอัดลม

    หมอเตือน 3 เครื่องดื่ม เพิ่มความเสียง "หลอดเลือดสมอง" ขนลุกเมนูขายดีทั้งนั้น

    แพทย์ยกผลศึกษาใหม่จำนวน 2 ชิ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของ "เครื่องดื่ม" ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองหากบริโภคมากเกินไป ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Stroke และ International Journal of Stroke

    โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า "เครื่องดื่มอัดลม" และ "น้ำผลไม้กระป๋อง" หากบริโภคเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนการศึกษาอีกชิ้นพบว่า การดื่ม "กาแฟ" มากกว่า 4 แก้วต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกัน

    ดร.แอนดรูว์ สมิธ ศาสตราจารย์ของนักระบาดวิทยาทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยกัลเวย์ สหรัฐฯ กล่าวว่า “ในฐานะแพทย์และผู้ที่ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ฉันแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมและน้ำผลไม้ และพิจารณาเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า”

    ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 เครื่องดื่มยอดนิยม กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง

    นักวิจัยพบว่าเครื่องดื่มอัดลม 1 แก้วต่อวัน ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลหรือเติมความหวานเทียมใดๆ ก็มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอที่เพิ่มขึ้นถึง 22% และความเสี่ยงเพิ่มจะขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มอัดลมมากกว่า 2 แก้วต่อวัน

    และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มผลไม้วันละ 1 แก้ว มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 37% เช่นเดียวกันคือ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นในผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้ 2 แก้วต่อวัน และยังพบว่าผู้หญิงมีความเสียงมากกว่าผู้ชาย ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่เครื่องดื่มผลไม้อาจมีสารประกอบเช่นโพลีฟีนอล ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ แต่บางชนิดมีการเติมสารให้ความหวานหรือสารกันบูด ซึ่งอาจสูญเสียประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้

    ในทางตรงกันข้าม การศึกษานี้พบว่าการ "ดื่มน้ำ" ตั้งแต่เจ็ด 7 ขึ้นไปต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง

    ขณะที่ในส่วนของการดื่มกาแฟ พบว่าหากดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมที่สูงขึ้น 37% ละความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากลิ่มเลือดที่สูงขึ้น 32% ด้วย

    ในทางตรงกันข้าม การดื่มชามากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคหลอดเลือดสมองทุกประเภทลดลง 19% อย่างไรก็ดี ประโยชน์จะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับชาประเภทต่างๆ เช่น การดื่มชาดำ 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองที่ลดลง 29% ส่วนการดื่มชาเขียว 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองลดลง 27% ทั้งนี้ ประโยชน์ในการลดอาการหลอดเลือดสมองของชาหายไป เมื่อเติมนมลงไป

    "การศึกษาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกเครื่องดื่มของคุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของหลอดเลือดสมอง" ดร.มิเชลล์ รูเธนสไตน์ กล่าว

    cr:sanook
    7/10/67 รู้ไว้ดีกว่า! คุณหมอเผย 3 เครื่องดื่ม เพิ่มเสี่ยง "หลอดเลือดสมอง" ไม่ใช่แค่กาแฟ-น้ำอัดลม หมอเตือน 3 เครื่องดื่ม เพิ่มความเสียง "หลอดเลือดสมอง" ขนลุกเมนูขายดีทั้งนั้น แพทย์ยกผลศึกษาใหม่จำนวน 2 ชิ้น ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเภทของ "เครื่องดื่ม" ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองหากบริโภคมากเกินไป ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Stroke และ International Journal of Stroke โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า "เครื่องดื่มอัดลม" และ "น้ำผลไม้กระป๋อง" หากบริโภคเป็นประจำ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง ส่วนการศึกษาอีกชิ้นพบว่า การดื่ม "กาแฟ" มากกว่า 4 แก้วต่อวัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองได้เช่นเดียวกัน ดร.แอนดรูว์ สมิธ ศาสตราจารย์ของนักระบาดวิทยาทางคลินิกแห่งมหาวิทยาลัยกัลเวย์ สหรัฐฯ กล่าวว่า “ในฐานะแพทย์และผู้ที่ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอง ฉันแนะนำให้ผู้คนหลีกเลี่ยงหรือลดการบริโภคเครื่องดื่มอัดลมและน้ำผลไม้ และพิจารณาเปลี่ยนมาดื่มน้ำเปล่า” ความสัมพันธ์ระหว่าง 3 เครื่องดื่มยอดนิยม กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง นักวิจัยพบว่าเครื่องดื่มอัดลม 1 แก้วต่อวัน ไม่ว่าจะเติมน้ำตาลหรือเติมความหวานเทียมใดๆ ก็มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมอที่เพิ่มขึ้นถึง 22% และความเสี่ยงเพิ่มจะขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มอัดลมมากกว่า 2 แก้วต่อวัน และการวิจัยยังแสดงให้เห็นว่า การดื่มเครื่องดื่มผลไม้วันละ 1 แก้ว มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 37% เช่นเดียวกันคือ ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้นในผู้ที่ดื่มน้ำผลไม้ 2 แก้วต่อวัน และยังพบว่าผู้หญิงมีความเสียงมากกว่าผู้ชาย ชี้ให้เห็นว่าในขณะที่เครื่องดื่มผลไม้อาจมีสารประกอบเช่นโพลีฟีนอล ที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพของหัวใจ แต่บางชนิดมีการเติมสารให้ความหวานหรือสารกันบูด ซึ่งอาจสูญเสียประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ ในทางตรงกันข้าม การศึกษานี้พบว่าการ "ดื่มน้ำ" ตั้งแต่เจ็ด 7 ขึ้นไปต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหลอดเลือดสมอง ขณะที่ในส่วนของการดื่มกาแฟ พบว่าหากดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองโดยรวมที่สูงขึ้น 37% ละความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่เกิดจากลิ่มเลือดที่สูงขึ้น 32% ด้วย ในทางตรงกันข้าม การดื่มชามากกว่า 4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดสมองตีบ และโรคหลอดเลือดสมองทุกประเภทลดลง 19% อย่างไรก็ดี ประโยชน์จะแตกต่างกันเล็กน้อยสำหรับชาประเภทต่างๆ เช่น การดื่มชาดำ 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองที่ลดลง 29% ส่วนการดื่มชาเขียว 3-4 แก้วต่อวัน สัมพันธ์กับความเสี่ยงโดยรวมของโรคหลอดเลือดสมองลดลง 27% ทั้งนี้ ประโยชน์ในการลดอาการหลอดเลือดสมองของชาหายไป เมื่อเติมนมลงไป "การศึกษาเหล่านี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเลือกเครื่องดื่มของคุณ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของหลอดเลือดสมอง" ดร.มิเชลล์ รูเธนสไตน์ กล่าว cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกระดับสกัดกั้นการนำเข้าเศษกระดาษ หลังตรวจสอบพบ 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีขยะเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล"
    .
    จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2567 ได้รับการรายงานมาเป็นระยะว่ามีผู้ประกอบการสำแดงการนำเข้าเศษกระดาษ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีวัสดุอื่นเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ของใช้แล้วจำพวกขวดพลาสติก โฟม ถุงพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หน้ากากอนามัย ถุงน้ำยาทางการแพทย์และสายยาง
    .
    อย่างกรณีล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กรมศุลกากรตรวจพบเศษพลาสติกและขยะติดเชื้อที่เข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก น้ำหนักรวมกว่า 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา
    .
    “การตรวจสอบพบการนำเข้าเศษกระดาษที่เจือปนของเสียหรือวัสดุอื่น ๆ ซึ่งมีวัสดุที่เข้าข่ายเป็นขยะอันตราย และของเสียทางการแพทย์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและได้สร้างความเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรง หากยังพบว่ามีการนำเข้าเศษกระดาษโดยมีของเสียและวัสดุอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายเจือปน กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวด เช่น การห้ามนำเข้าเศษกระดาษหรือการกำหนดมาตรการใบอนุญาตนำเข้าเศษกระดาษที่ต้องกลั่นกรองอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเน้นย้ำ

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/4REeUyGFUExELep6/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    กรมการค้าต่างประเทศเตรียมยกระดับสกัดกั้นการนำเข้าเศษกระดาษ หลังตรวจสอบพบ 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา มีขยะเจือปนอยู่เป็นจำนวนมากเข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" . จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่ต้นปี 2567 ได้รับการรายงานมาเป็นระยะว่ามีผู้ประกอบการสำแดงการนำเข้าเศษกระดาษ แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีวัสดุอื่นเจือปนอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น ของใช้แล้วจำพวกขวดพลาสติก โฟม ถุงพลาสติก กระป๋องน้ำอัดลม ผ้าอ้อมสำเร็จรูป หน้ากากอนามัย ถุงน้ำยาทางการแพทย์และสายยาง . อย่างกรณีล่าสุดที่ปรากฏเป็นข่าวว่า กรมศุลกากรตรวจพบเศษพลาสติกและขยะติดเชื้อที่เข้าข่ายเป็น "ขยะเทศบาล" นำเข้าโดยบริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปอเรชัน จำกัด โดยใช้วิธีการสำแดงเป็นเศษกระดาษลูกฟูก น้ำหนักรวมกว่า 400 ตัน จากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ที่ผ่านมา . “การตรวจสอบพบการนำเข้าเศษกระดาษที่เจือปนของเสียหรือวัสดุอื่น ๆ ซึ่งมีวัสดุที่เข้าข่ายเป็นขยะอันตราย และของเสียทางการแพทย์ เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและได้สร้างความเสียหายต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก รวมทั้งส่งผลเสียต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรง หากยังพบว่ามีการนำเข้าเศษกระดาษโดยมีของเสียและวัสดุอื่น ๆ ที่เป็นอันตรายเจือปน กระทรวงพาณิชย์จำเป็นต้องกำหนดมาตรการที่เข้มงวด เช่น การห้ามนำเข้าเศษกระดาษหรือการกำหนดมาตรการใบอนุญาตนำเข้าเศษกระดาษที่ต้องกลั่นกรองอย่างเข้มงวดเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป” อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเน้นย้ำ ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/4REeUyGFUExELep6/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1027 มุมมอง 0 รีวิว