• 11/3/68

    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน

    { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง }

    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน

    การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้

    เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม

    การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ

    1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท

    2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

    3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง

    4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย

    5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที
    cr:sanook.com
    https://www.sanook.com/news/9672670/
    #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต
    #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา
    20 ธันวาคม 2567
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    11/3/68 ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง } ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ 1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท 2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป 3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง 4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย 5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที cr:sanook.com https://www.sanook.com/news/9672670/ #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา 20 ธันวาคม 2567 #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    WWW.SANOOK.COM
    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน
    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน
    0 Comments 0 Shares 495 Views 0 Reviews
  • 8/2/68

    ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด

    เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT
    #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT

    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    8/2/68 ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    0 Comments 0 Shares 512 Views 0 Reviews
  • 8/2/68

    ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด

    เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT
    #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT

    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    8/2/68 ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    0 Comments 0 Shares 485 Views 0 Reviews
  • 8/2/68

    ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด

    เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT
    #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน
    .
    ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
    .
    ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน
    https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT

    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    8/2/68 ใครชอบดื่มชาไทย อ่านให้ละเอียด เบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจเบื้องหลังความหอมหวานของน้ำชง “#ชาไทย” ซ่อนไว้ด้วยตัวเลขที่น่าตกใจ เพราะมีน้ำตาลกว่า 40 กรัมต่อแก้ว เทียบเท่ากับน้ำตาล 10 ช้อนชา เป็นปริมาณเกินกว่าที่ร่างกายควรได้รับใน 1 วัน . ชาสีส้มสดใสชวนดื่มก็มาจากสีที่ใช้ในการผสมอาหาร (sunset yellow) แต่รู้หรือไม่ว่าหลายประเทศห้ามการใช้แล้ว (ยกเว้นในไทย) เพราะมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็ก นอกจากนี้ยังมีคาเฟอีนที่อาจส่งผลต่อการนอน ความดันโลหิตสูงและหัวใจเต้นเร็ว คนที่ดื่มชาตอนบ่ายหรือเย็นจึงอาจนอนไม่หลับในคืนนั้น ขณะที่ไขมันอิ่มตัวจากนมข้นหวานและครีมเทียมก็เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน . ชาไทยอาจกลายเป็น "#อาชญากร" ต่อสุขภาพ เพราะมีส่วนผสมหลายอย่างที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายหากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป แต่ทำอย่างไรจะทำให้สามารถดื่มได้โดยไม่ทำร้ายสุขภาพและปลอดภัย เชฟทักษ์ นุติ หุตะสิงห คุยกับ ดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์ Food Stylist ในรายการ #เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน ภัยเงียบใน "ชาไทย" น่ากลัวกว่าที่คิด |เรื่องเล่าข้างเตาถ่าน https://youtu.be/qyW1JPULWHQ?si=Yb9TOTKT6XAqYyKT #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    0 Comments 0 Shares 456 Views 0 Reviews
  • 4/1/68

    สมอง
    กระตุ้นกานกำจัดขยะในสมอง
    ป้องกันสมองเสื่อม

    ร่างกายมนุษย์มีระบบกำจัดของเสียด้วยระบบน้ำเหลือง แต่สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดกลับไม่มีระบบนี้ แล้วสมองกำจัดขยะและของเสียได้อย่างไร?

    Top to Toe ชวนทำความรู้จักการทำงานของ Glymphatic System หรือระบบกำจัดขยะในสมอง ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สมองกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การมีช่วงเวลาหลับลึกที่มากขึ้น และการออกกำลังกายเพื่อช่วยกระตุ้นระบบ Autophagy แล้วจะปรับพฤติกรรมทั้งตอนหลับและตอนตื่นเพื่อช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้อย่างไร ฟังคำตอบได้ในเอพิโสดนี้!

    Time Index
    00:00 สมองทำงานหนักสร้างขยะ
    03:51 สมองกำจัดขยะได้อย่างไร
    06:26 Glymphatic System ระบบกำจัดขยะในสมองทำงานอย่างไร
    11:18 ช่วงหลับลึกและแพตเทิร์นการนอนช่วยกำจัดขยะในสมอง
    13:48 ออกกำลังกายช่วยกำจัดขยะในสมองได้อย่างไร
    15:00 ช่วยสมองกำจัดขยะภายในเซลล์ทำอย่างไร

    กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: https://bit.ly/45KZn3w

    https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd

    cr:The Standard Podcast

    สรุป(ของผู้นกเสนอ)
    1.นอนหลับลีก
    2.ออกกำลังกาย
    3.หยุดเอาน้ำตาล& โปรตีนเข้าร่างกาย คือการทำ IF หมายถึงการหยุดทานอาหารทุกชนิด ช่วงเวลาหนึ่ง คือ ไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าคือระหว่างมื้ออาหารนั่นเอง

    สมองถึงจะมีโอกายกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้ชะลอการเสื่อมที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์
    จึงมีคำพูดว่า กินมาก ตายเร็ว(แก่เร็ว เพราะของเสียเยอะนั่นเอง)

    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์

    รับชมวีดิโอ
    https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd
    4/1/68 สมอง กระตุ้นกานกำจัดขยะในสมอง ป้องกันสมองเสื่อม ร่างกายมนุษย์มีระบบกำจัดของเสียด้วยระบบน้ำเหลือง แต่สมองซึ่งเป็นอวัยวะที่สำคัญที่สุดกลับไม่มีระบบนี้ แล้วสมองกำจัดขยะและของเสียได้อย่างไร? Top to Toe ชวนทำความรู้จักการทำงานของ Glymphatic System หรือระบบกำจัดขยะในสมอง ซึ่งกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้สมองกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การมีช่วงเวลาหลับลึกที่มากขึ้น และการออกกำลังกายเพื่อช่วยกระตุ้นระบบ Autophagy แล้วจะปรับพฤติกรรมทั้งตอนหลับและตอนตื่นเพื่อช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้อย่างไร ฟังคำตอบได้ในเอพิโสดนี้! Time Index 00:00 สมองทำงานหนักสร้างขยะ 03:51 สมองกำจัดขยะได้อย่างไร 06:26 Glymphatic System ระบบกำจัดขยะในสมองทำงานอย่างไร 11:18 ช่วงหลับลึกและแพตเทิร์นการนอนช่วยกำจัดขยะในสมอง 13:48 ออกกำลังกายช่วยกำจัดขยะในสมองได้อย่างไร 15:00 ช่วยสมองกำจัดขยะภายในเซลล์ทำอย่างไร กดติดตาม และ กดกระดิ่ง: https://bit.ly/45KZn3w https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd cr:The Standard Podcast สรุป(ของผู้นกเสนอ) 1.นอนหลับลีก 2.ออกกำลังกาย 3.หยุดเอาน้ำตาล& โปรตีนเข้าร่างกาย คือการทำ IF หมายถึงการหยุดทานอาหารทุกชนิด ช่วงเวลาหนึ่ง คือ ไม่ทานอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่าคือระหว่างมื้ออาหารนั่นเอง สมองถึงจะมีโอกายกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ ทำให้ชะลอการเสื่อมที่จะเป็นโรคสมองเสื่อม พาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์ จึงมีคำพูดว่า กินมาก ตายเร็ว(แก่เร็ว เพราะของเสียเยอะนั่นเอง) #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์ รับชมวีดิโอ https://youtu.be/HBd9OnsFKZ8?si=L2fy49I6zJrt6Yqd
    0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews
  • 24/12/67

    โรคขี้เกียจเดินของผู้สูงวัย. โรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) คือ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ โครงกระดูก และ ความแข็งแรงเป็นผลมาจากการแก่ตัว หรือ การเป็นผู้สูงอายุที่ขี้เกียจเดิน

    ผู้สูงอายุทุกท่าน ระวัง “ซาร์โคเพเนีย” จะมาเยือนท่าน

    1. พยายามยืน/เดิน ให้มากขึ้น นั่ง/นอน เท่าที่จำเป็น

    2. หลังอายุ 60 ~ 70 ปี ยากที่จะลดน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถ้าไม่ออกกำลังกาย และพึ่งพา การกินให้น้อยลงเพื่อลดน้ำหนัก! กล้ามเนื้อทั้งหมดอาจหายไป มันอันตรายมากนะ

    3. การเดิน การขี่จักรยาน เป็นการออกกำลังกายที่ดี และไม่เจ็บเข่า

    4. ถ้าผู้สูงอายุป่วย และเข้าโรงพยาบาล การนอนเพียง 1 สัปดาห์ ผู้สูงอายุ จะเสียมวลกล้ามเนื้ออย่างน้อย 5%

    5. ปกติผู้สูงอายุ จำนวนมาก ที่ไม่ทำอะไรด้วยตนเอง ที่จ้างผู้ช่วยคอยดูแล คอยพยุง จะยิ่งสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเร็วขึ้น

    6. ตราบใดที่ผู้สูงอายุ พยายามเดิน หรือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองบ่อยๆ กล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกายจะเกี่ยวข้อง! รวมไปถึงการกลืนอาหาร ก็จักดีขึ้น

    7. โรคซาร์โคเพเนีย นั้น ความจริง น่ากลัวมากกว่าโรคกระดูกพรุน
    เพราะ โรคซาร์โคเพเนียไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูงอีกด้วย

    8. ผู้สูงอายุ ที่ไม่ค่อยเดิน หรือ ขาเคลื่อนไหวน้อย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาจะได้รับผลกระทบที่รุนแรง

    ดังนั้น อย่างน้อย ฝึกนั่งสควอต (ยืน/นั่ง ยอง วันละ 20-30 ครั้ง) หรือ ยืนขึ้นทันที เมื่อก้นของคุณ สัมผัสที่นั่งบนเก้าอี้ วันละ 20-30 ครั้งก็ยังดี

    ดังนั้น วันนี้ คุณต้องใส่ใจกับ ซาร์โคเพเนีย!แล้วนะ

    ขึ้น & ลงบันได ... การเดิน ในทุกวัน สามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้! เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น…สำหรับทุกคนเมื่อเป็นผู้สูงวัย...

    ▪การศึกษา จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์กพบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ของการไม่เดิน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา สามารถ *ลดประสิทธิภาพของขาลงได้ถึง 1 ใน 3* ซึ่งเท่ากับอายุเพิ่มขึ้น 20 - 30 ปี !! *งั้นเดินไปเถอะ*

    ▪เมื่อใด กล้ามเนื้อขาของเราอ่อนแอลง เราจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวในภายหลัง

    ▪ดังนั้น การเดินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

    ▪ 50% ของกระดูก & 50% ของกล้ามเนื้อ อยู่ในสองขาของเรา

    ▪ข้อต่อ & กระดูกที่ใหญ่ที่สุด & แข็งแรงที่สุด ก็อยู่ที่ขาของเรา *ดังนั้น พยายามเดินให้ได้ ในทุกวัน*
    cr:กลุ่มไลน์
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    24/12/67 โรคขี้เกียจเดินของผู้สูงวัย. โรคซาร์โคเพเนีย (Sarcopenia) คือ การสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ โครงกระดูก และ ความแข็งแรงเป็นผลมาจากการแก่ตัว หรือ การเป็นผู้สูงอายุที่ขี้เกียจเดิน ผู้สูงอายุทุกท่าน ระวัง “ซาร์โคเพเนีย” จะมาเยือนท่าน 1. พยายามยืน/เดิน ให้มากขึ้น นั่ง/นอน เท่าที่จำเป็น 2. หลังอายุ 60 ~ 70 ปี ยากที่จะลดน้ำหนักได้ โดยเฉพาะถ้าไม่ออกกำลังกาย และพึ่งพา การกินให้น้อยลงเพื่อลดน้ำหนัก! กล้ามเนื้อทั้งหมดอาจหายไป มันอันตรายมากนะ 3. การเดิน การขี่จักรยาน เป็นการออกกำลังกายที่ดี และไม่เจ็บเข่า 4. ถ้าผู้สูงอายุป่วย และเข้าโรงพยาบาล การนอนเพียง 1 สัปดาห์ ผู้สูงอายุ จะเสียมวลกล้ามเนื้ออย่างน้อย 5% 5. ปกติผู้สูงอายุ จำนวนมาก ที่ไม่ทำอะไรด้วยตนเอง ที่จ้างผู้ช่วยคอยดูแล คอยพยุง จะยิ่งสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเร็วขึ้น 6. ตราบใดที่ผู้สูงอายุ พยายามเดิน หรือเคลื่อนไหวด้วยตัวเองบ่อยๆ กล้ามเนื้อทั้งหมดของร่างกายจะเกี่ยวข้อง! รวมไปถึงการกลืนอาหาร ก็จักดีขึ้น 7. โรคซาร์โคเพเนีย นั้น ความจริง น่ากลัวมากกว่าโรคกระดูกพรุน เพราะ โรคซาร์โคเพเนียไม่เพียงส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดน้ำตาลในเลือดสูงอีกด้วย 8. ผู้สูงอายุ ที่ไม่ค่อยเดิน หรือ ขาเคลื่อนไหวน้อย ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาจะได้รับผลกระทบที่รุนแรง ดังนั้น อย่างน้อย ฝึกนั่งสควอต (ยืน/นั่ง ยอง วันละ 20-30 ครั้ง) หรือ ยืนขึ้นทันที เมื่อก้นของคุณ สัมผัสที่นั่งบนเก้าอี้ วันละ 20-30 ครั้งก็ยังดี ดังนั้น วันนี้ คุณต้องใส่ใจกับ ซาร์โคเพเนีย!แล้วนะ ขึ้น & ลงบันได ... การเดิน ในทุกวัน สามารถเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้! เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น…สำหรับทุกคนเมื่อเป็นผู้สูงวัย... ▪การศึกษา จากมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกน ในเดนมาร์กพบว่า ในช่วง 2 สัปดาห์ของการไม่เดิน ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา สามารถ *ลดประสิทธิภาพของขาลงได้ถึง 1 ใน 3* ซึ่งเท่ากับอายุเพิ่มขึ้น 20 - 30 ปี !! *งั้นเดินไปเถอะ* ▪เมื่อใด กล้ามเนื้อขาของเราอ่อนแอลง เราจะต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัวในภายหลัง ▪ดังนั้น การเดินจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ▪ 50% ของกระดูก & 50% ของกล้ามเนื้อ อยู่ในสองขาของเรา ▪ข้อต่อ & กระดูกที่ใหญ่ที่สุด & แข็งแรงที่สุด ก็อยู่ที่ขาของเรา *ดังนั้น พยายามเดินให้ได้ ในทุกวัน* cr:กลุ่มไลน์ #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    0 Comments 0 Shares 402 Views 0 Reviews