• Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด

    Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์

    การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์

    การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้คาดการณ์ว่า AI อาจเข้ามาแทนที่วิศวกรระดับกลางในปี 2025 และเปลี่ยนแปลงการเขียนโค้ดอย่างสิ้นเชิง ในการสัมภาษณ์กับ Joe Rogan Zuckerberg กล่าวถึงทิศทางของบริษัทและการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น โดยเขาได้วิจารณ์ Apple ว่าขาดนวัตกรรมและคาดการณ์ว่า AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเขียนโค้ด Zuckerberg กล่าวว่า AI จะสามารถทำหน้าที่เป็นวิศวกรระดับกลางที่สามารถเขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยให้วิศวกรมีเวลามากขึ้นในการทำงานที่สร้างสรรค์และเชิงกลยุทธ์ แม้ว่าในช่วงแรกการนำ AI มาใช้จะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไป AI จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถพัฒนาโค้ดได้มากกว่ามนุษย์ การคาดการณ์นี้สอดคล้องกับการพัฒนาในวงการเทคโนโลยีที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งอาจมีผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีโดยรวม นอกจากนี้ ซีอีโอของ Salesforce ยังได้กล่าวถึงการพิจารณาการจ้างวิศวกรซอฟต์แวร์ในปี 2025 และการใช้ AI ในการทำงานแทนมนุษย์ การนำ AI มาใช้ในงานวิศวกรรมอาจทำให้บทบาทของวิศวกรเปลี่ยนแปลงไป และต้องใช้เวลาและความพยายามในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงนี้ https://wccftech.com/mark-zuckerberg-predicts-ai-might-replace-mid-level-engineers-in-2025-and-completely-reshape-coding/
    WCCFTECH.COM
    Mark Zuckerberg Predicts AI Might Replace Mid-Level Engineers In 2025 And Completely Reshape Coding
    Mark Zuckerberg recently shared his views on a podcast about the role of AI and how it might replace mid level engineers in 2025
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนึ่งรำลึกกวนซาน

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน

    ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่?

    จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน

    แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร

    ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก

    มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ

    ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด

    ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน
    ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://star.tom.com/202311/1572406490.html
    https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html
    https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap
    https://www.sohu.com/a/414709176_100091417
    https://www.sohu.com/a/497600136_100185418
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm
    https://www.gushiju.net/ju/1703370

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    หนึ่งรำลึกกวนซาน สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่? จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://star.tom.com/202311/1572406490.html https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap https://www.sohu.com/a/414709176_100091417 https://www.sohu.com/a/497600136_100185418 https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm https://www.gushiju.net/ju/1703370 #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับบริษัท Skyryse เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "SkyOS" ซึ่งจะทำให้เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk สามารถบินได้ง่ายขึ้นและอาจไม่ต้องมีนักบินบนเครื่อง ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้การควบคุมเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องง่าย โดยใช้หน้าจอสัมผัสและคอนโทรลเลอร์แบบสติ๊กข้างเดียว

    SkyOS ใช้การแมปภูมิประเทศแบบ 3 มิติอัจฉริยะเพื่อเตือนนักบินถึงอันตราย และสามารถรักษาการลอยตัวได้อย่างมั่นคงด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบสำรองการบินแบบ fly-by-wire ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    ปัจจุบันการฝึกนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ SkyOS มีเป้าหมายที่จะลดระยะเวลานี้ลงอย่างมาก และอาจทำให้เกือบทุกคนสามารถบินเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยการฝึกพื้นฐาน แม้ว่าจะไม่ใช่เจตนาของกองทัพก็ตาม

    ระบบนี้ยังสามารถทำให้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk บินได้โดยไม่ต้องมีนักบินในภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง การติดตั้ง SkyOS ในเฮลิคอปเตอร์จะต้องมีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และการเดินสายไฟใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจะดำเนินการเป็นระยะเวลาหลายปี

    การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้การบินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติและอินเตอร์เฟซอัจฉริยะ

    https://www.techspot.com/news/106380-new-operating-system-could-us-army-black-hawk.html
    กองทัพสหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับบริษัท Skyryse เพื่อพัฒนาระบบปฏิบัติการใหม่ที่เรียกว่า "SkyOS" ซึ่งจะทำให้เฮลิคอปเตอร์ UH-60 Black Hawk สามารถบินได้ง่ายขึ้นและอาจไม่ต้องมีนักบินบนเครื่อง ระบบนี้ออกแบบมาเพื่อทำให้การควบคุมเฮลิคอปเตอร์เป็นเรื่องง่าย โดยใช้หน้าจอสัมผัสและคอนโทรลเลอร์แบบสติ๊กข้างเดียว SkyOS ใช้การแมปภูมิประเทศแบบ 3 มิติอัจฉริยะเพื่อเตือนนักบินถึงอันตราย และสามารถรักษาการลอยตัวได้อย่างมั่นคงด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้ยังมีระบบสำรองการบินแบบ fly-by-wire ที่มีความน่าเชื่อถือสูง ปัจจุบันการฝึกนักบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ใช้เวลาประมาณ 2-3 ปี แต่ SkyOS มีเป้าหมายที่จะลดระยะเวลานี้ลงอย่างมาก และอาจทำให้เกือบทุกคนสามารถบินเฮลิคอปเตอร์ได้ด้วยการฝึกพื้นฐาน แม้ว่าจะไม่ใช่เจตนาของกองทัพก็ตาม ระบบนี้ยังสามารถทำให้เฮลิคอปเตอร์ Black Hawk บินได้โดยไม่ต้องมีนักบินในภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง การติดตั้ง SkyOS ในเฮลิคอปเตอร์จะต้องมีการปรับปรุงฮาร์ดแวร์และการเดินสายไฟใหม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและจะดำเนินการเป็นระยะเวลาหลายปี การพัฒนานี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้การบินเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติและอินเตอร์เฟซอัจฉริยะ https://www.techspot.com/news/106380-new-operating-system-could-us-army-black-hawk.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New operating system could let US army Black Hawk helicopters be piloted with basic training
    The US Army is teaming up with a company called Skyryse to make their massive fleet of over 2,100 UH-60 Black Hawks significantly smarter and easier to operate.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว

    ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ

    ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่:
    - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์
    - การเปิดเผยข้อมูล
    - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย

    ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม

    การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    ช่องโหว่ในปลั๊กอิน W3 Total Cache ทำให้เว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่งเสี่ยงต่อการถูกโจมตี นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน W3 Total Cache ที่ติดตั้งบนเว็บไซต์ WordPress กว่า 1 ล้านแห่ง ช่องโหว่นี้สามารถเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ปลั๊กอิน W3 Total Cache ใช้เทคนิคการแคชหลายรูปแบบเพื่อเพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ ลดเวลาในการโหลด และปรับปรุงอันดับ SEO ของเว็บไซต์ ช่องโหว่นี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2024-12365 แม้ว่านักพัฒนาจะออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 แต่ยังมีเว็บไซต์หลายแสนแห่งที่ยังไม่ได้ติดตั้งเวอร์ชันที่แก้ไขแล้ว ปัญหานี้เกิดจากการขาดการตรวจสอบความสามารถในฟังก์ชัน 'is_w3tc_admin_page' ในทุกเวอร์ชันจนถึงเวอร์ชันล่าสุด 2.8.2 ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถเข้าถึงค่า nonce ของปลั๊กอินและดำเนินการที่ไม่ได้รับอนุญาตได้ การโจมตีช่องโหว่นี้เป็นไปได้หากผู้โจมตีมีการยืนยันตัวตนและมีสิทธิ์ระดับ subscriber ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ง่ายต่อการบรรลุ ความเสี่ยงหลักที่เกิดจากการโจมตี CVE-2024-12365 ได้แก่: - Server-Side Request Forgery (SSRF): ทำให้สามารถส่งคำขอเว็บที่อาจเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อน รวมถึงเมตาดาต้าของแอปพลิเคชันบนคลาวด์ - การเปิดเผยข้อมูล - การใช้บริการเกินขีดจำกัด: ทำให้ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ลดลงและเพิ่มค่าใช้จ่าย ผู้โจมตีสามารถใช้โครงสร้างพื้นฐานของเว็บไซต์เพื่อส่งคำขอไปยังบริการอื่น ๆ และใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้เพื่อดำเนินการโจมตีเพิ่มเติม การดำเนินการที่ดีที่สุดสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบคือการอัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ W3 Total Cache เวอร์ชัน 2.8.2 ซึ่งแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว สถิติการดาวน์โหลดจาก wordpress.orgแสดงให้เห็นว่ามีเว็บไซต์ประมาณ 150,000 แห่งที่ติดตั้งปลั๊กอินหลังจากนักพัฒนาออกอัปเดตล่าสุด ทำให้ยังมีเว็บไซต์ WordPress หลายแสนแห่งที่ยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี คำแนะนำทั่วไปสำหรับเจ้าของเว็บไซต์คือหลีกเลี่ยงการติดตั้งปลั๊กอินมากเกินไปและลบผลิตภัณฑ์ที่ไม่จำเป็นออก นอกจากนี้ ไฟร์วอลล์แอปพลิเคชันเว็บยังสามารถช่วยระบุและบล็อกความพยายามในการโจมตีได้ https://www.bleepingcomputer.com/news/security/w3-total-cache-plugin-flaw-exposes-1-million-wordpress-sites-to-attacks/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    W3 Total Cache plugin flaw exposes 1 million WordPress sites to attacks
    A severe flaw in the W3 Total Cache plugin installed on more than one million WordPress sites could give attackers access to various information, including metadata on cloud-based apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทในประเทศเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งจัดสรรเงิน $52.7 พันล้านสำหรับการผลิต การวิจัย และการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ

    จีนอ้างว่าเงินอุดหนุนเหล่านี้ทำให้บริษัทชิปของสหรัฐฯ สามารถส่งออกชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัยไปยังจีนในราคาที่ถูกลง ทำให้บริษัทชิปของจีนเสียเปรียบในการแข่งขัน แม้ว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act จะมีเป้าหมายเพื่อดึงการผลิตชิปที่ล้ำสมัยกลับมาสู่สหรัฐฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับบริษัทที่ผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย เช่น GlobalFoundries และ SkyWater Technologies

    การตรวจสอบนี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังขยายกำลังการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย โดยคาดว่ากำลังการผลิตชิปของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 60% ในอีกสามปีข้างหน้า และส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย

    การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการปกป้องอุตสาหกรรมชิปในประเทศและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-investigates-whether-chips-and-science-act-harms-its-chip-companies
    กระทรวงพาณิชย์ของจีน (MOFCOM) ได้รับการร้องเรียนจากบริษัทในประเทศเกี่ยวกับการให้เงินอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมจากรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้กฎหมาย CHIPS and Science Act ซึ่งจัดสรรเงิน $52.7 พันล้านสำหรับการผลิต การวิจัย และการพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ จีนอ้างว่าเงินอุดหนุนเหล่านี้ทำให้บริษัทชิปของสหรัฐฯ สามารถส่งออกชิปที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัยไปยังจีนในราคาที่ถูกลง ทำให้บริษัทชิปของจีนเสียเปรียบในการแข่งขัน แม้ว่ากฎหมาย CHIPS and Science Act จะมีเป้าหมายเพื่อดึงการผลิตชิปที่ล้ำสมัยกลับมาสู่สหรัฐฯ แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้มอบเงินอุดหนุนให้กับบริษัทที่ผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย เช่น GlobalFoundries และ SkyWater Technologies การตรวจสอบนี้เกิดขึ้นในขณะที่จีนกำลังขยายกำลังการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย โดยคาดว่ากำลังการผลิตชิปของจีนจะเพิ่มขึ้นถึง 60% ในอีกสามปีข้างหน้า และส่วนใหญ่จะเป็นการผลิตชิปด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้าสมัย การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของจีนในการปกป้องอุตสาหกรรมชิปในประเทศและรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-investigates-whether-chips-and-science-act-harms-its-chip-companies
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง

    ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ

    แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที

    แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก

    สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน
    หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ

    1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ
    รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด
    เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ
    การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง

    2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ
    ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน

    3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร

    รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน

    ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง

    เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง
    หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น

    2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย
    ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต

    ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น

    แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท

    ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น

    เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน

    1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน
    การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน

    2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน
    พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

    3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ
    การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ

    การรับมือในอนาคต
    ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ
    เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน
    สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ

    เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น

    การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568

    #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ 1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง 2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน 3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย 1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น 2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน 1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน 2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ การรับมือในอนาคต ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568 #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ

    ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ

    สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย

    นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว

    ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม

    การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป

    https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    บ้านเรากับปัญหานี้ต้องกันไว้เสียแต่เนิ่นๆ ครับ ChargePoint ได้เปิดตัวสายชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อต่อต้านการขโมยทองแดง ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้บริษัทต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและทำให้ผู้ขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าต้องติดอยู่โดยไม่มีการชาร์จ สายชาร์จรุ่นใหม่นี้มีการเสริมเหล็กเข้าไปในสายไฟ ทำให้การตัดสายทำได้ยากขึ้นมาก โดยสายชาร์จเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างเข้มงวดกับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น คีมตัดสายไฟ คีมตัดโบลต์ และอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าการออกแบบที่เสริมเหล็กนี้ทำให้ต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นในการตัดสาย นอกจากนี้ ChargePoint ยังได้เปิดตัวระบบเตือนภัยที่เรียกว่า ChargePoint Protect ซึ่งสามารถตรวจจับการก่อกวนได้แบบเรียลไทม์ โดยจะแสดงไฟกระพริบ ข้อความเตือนบนหน้าจอชาร์จ และเสียงเตือนผ่านลำโพงในตัว เจ้าของสามารถรับการแจ้งเตือนผ่าน SMS หรืออีเมลเมื่อระบบเตือนภัยทำงาน ทำให้สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างรวดเร็ว ChargePoint วางแผนที่จะนำสายชาร์จป้องกันการก่อกวนนี้ไปใช้กับสายชาร์จเชิงพาณิชย์และสายชาร์จสำหรับยานพาหนะทั้งหมดของบริษัท และยังเปิดให้ผู้ผลิตสายชาร์จรายอื่นสามารถนำการออกแบบนี้ไปใช้ได้ เพื่อช่วยลดการขโมยสายชาร์จในอุตสาหกรรมโดยรวม การเปิดตัวสายชาร์จรุ่นใหม่นี้เป็นการตอบสนองต่อปัญหาการขโมยสายชาร์จที่เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่าการพยายามชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะล้มเหลวเกือบหนึ่งในห้าครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว โดยประมาณ 10% ของความล้มเหลวเหล่านี้เกิดจากสายชาร์จที่เสียหายหรือหายไป https://www.techspot.com/news/106384-chargepoint-unveils-anti-vandalism-ev-charger-cables-designed.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    ChargePoint unveils "anti-vandalism" EV charger cables designed to deter copper thieves
    The new cut-resistant cables incorporate advanced technology by weaving steel strategically through the wiring, making them far more difficult to cut.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล

    เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์

    ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น

    แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา

    เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน


    'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่'
    หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้"

    ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย




    อิสราเอลกับกลุ่มฮามาส บรรลุข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราวในฉนวนกาซาหลังสงครามยืดเยื้อมานานถึง 15 เดือน คร่าชีวิตชาวปาเลสไตน์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 46,000 คนโดยฝีมือของกองกำลังอิสราเอล เฟสแรกจะมีผล 19 มกราคมนี้ทันที และจะมีระยะเวลาดำเนินการ 6 สัปดาห์ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ทหารอิสราเอลจะเริ่มถอนกำลังออกจากกาซา กลุ่มฮามาสจะปล่อยตัวประกัน 33 รายที่จับกุมไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ขณะที่อิสราเอลจะปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์นับร้อยคนเป็นการแลกเปลี่ยนในขั้นต้น แม้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะพยายามสร้างภาพว่าข้อตกลงหยุดหยิงดังกล่าว เป็นความพยายามของเขา แต่หลายฝ่ายทราบดีว่า ว่าที่ประธานาธิบดีโดนังด์ ทรัมป์ คือผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริง เนื่องจากเขาส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการบังคับให้เนทันยาฮูยอมรับข้อตกลงหยุดยิงในกาซา เนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงไม่ได้มีรายละเอียดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไบเดนสามารถทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เมื่อหลายเดือนก่อน แต่เขาปฏิเสธที่จะใช้อิทธิพลใดๆ เพื่อหยุดยั้งมัน 'การหยุดยิงครั้งนี้ ต่างฝ่ายก็อ้างชัยชนะทั้งคู่' หากมองในด้านความสูญเสีย แน่นอนว่าฮามาสอาจถูกทำลายทางสายการบังคับบัญชา และการทำลายล้างพื้นที่ในกาซา ซึ่งอิสราเอลมีสิทธิประกาศว่าตนเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ "อย่างน้อยก็ในเวลานี้" ในทางกลับกัน การสูญเสียของฮามาส กลับได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว โครงสร้างของกองกำลังได้รับการเติมเต็มของช่องว่าง มีการรับกองกำลังเพิ่มเติมตลอดเวลาคง ซึ่งยังสามารถต่อต้านอิสราเอลไปได้อีกนาน นั่นทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้สูญเสียอะไรเลย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฐานะทางการเงินและบารมีในชีวิต

    1. ทานและศีล: กำลังหนุนจากกรรมเก่า

    การทำทานและรักษาศีลในอดีตชาติ เป็น “หัวรถจักร” ที่ส่งผลต่อพื้นฐานของชีวิตในปัจจุบัน

    แต่ในปัจจุบัน ทานที่ทำใหม่มักมาในรูปแบบ “กำลังหนุน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทันตาเห็น

    ดังนั้น การทำบุญในชาตินี้คือการสะสมบารมีเพื่ออนาคต ขณะเดียวกันต้องพึ่งพากรรมดีในอดีตและความพยายามในปัจจุบัน


    2. ความฉลาดในปัจจุบัน: ตัวพลิกสถานการณ์

    ผลของกรรมเก่าให้ “ความน่าจะเป็น” หรือโอกาส แต่การใช้โอกาสเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้ปัญญาและความพยายาม

    หากกรรมเก่าไม่สนับสนุน ต้องเริ่มสร้างหัวรถจักรใหม่ด้วยการฝึกฝนตนเองให้มีทักษะและมุมมองที่เหมาะสม



    ---

    การสร้างบารมีของเจ้านาย: ไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความเพียร

    3. คุณสมบัติของผู้ที่เตรียมตัวเป็นเจ้านาย

    “เต็มใจ” ทำงานหนัก: ไม่มองงานเป็นภาระ แต่มองเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพิสูจน์ตนเอง

    “มีหัวคิด” ก้าวหน้า: คิดหาทางปรับปรุงงานให้ดีขึ้น และมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น

    “ไม่ยอมอยู่ที่เดิม”: มีแรงขับในตัวเองที่จะพัฒนาไปสู่บทบาทที่สูงขึ้น


    4. ความเป็นเจ้านายเกิดจากอะไร?

    ความเป็นเจ้านายไม่ได้มาจากการบังคับบัญชา แต่เกิดจากความสามารถในการนำและการเสียสละ

    ผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างที่ดี ย่อมเข้าใจความลำบากของลูกจ้าง และใช้ความเข้าใจนี้สร้างบารมีในการเป็นผู้นำ



    ---

    5. การใช้ชีวิตในปัจจุบัน: กุญแจสำคัญในการสร้างฐานะ

    กรรมเก่า: เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกำหนดโอกาส

    วิธีใช้ชีวิตในปัจจุบัน: เป็นตัวกำหนดว่าจะใช้โอกาสนั้นอย่างไรให้เกิดผลดี

    การขยันอดทน มีวินัย ใช้ทรัพยากรและโอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้


    6. สรุป: กรรมใหม่สร้างอนาคต

    ถ้าพื้นฐานชีวิตปัจจุบันยังไม่ดีพอ ให้เริ่มสร้างบารมีใหม่ด้วยความตั้งใจดี

    ไม่มีใครถูกกำหนดให้ติดอยู่ในฐานะเดิม หากลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยความเพียรและปัญญา

    การเปลี่ยนฐานะและบารมี เริ่มต้นจากความคิดและการกระทำในวันนี้เอง.


    ฐานะทางการเงินและบารมีในชีวิต 1. ทานและศีล: กำลังหนุนจากกรรมเก่า การทำทานและรักษาศีลในอดีตชาติ เป็น “หัวรถจักร” ที่ส่งผลต่อพื้นฐานของชีวิตในปัจจุบัน แต่ในปัจจุบัน ทานที่ทำใหม่มักมาในรูปแบบ “กำลังหนุน” ไม่ได้เปลี่ยนแปลงฐานะทันตาเห็น ดังนั้น การทำบุญในชาตินี้คือการสะสมบารมีเพื่ออนาคต ขณะเดียวกันต้องพึ่งพากรรมดีในอดีตและความพยายามในปัจจุบัน 2. ความฉลาดในปัจจุบัน: ตัวพลิกสถานการณ์ ผลของกรรมเก่าให้ “ความน่าจะเป็น” หรือโอกาส แต่การใช้โอกาสเหล่านั้นอย่างมีประสิทธิภาพขึ้นอยู่กับการใช้ปัญญาและความพยายาม หากกรรมเก่าไม่สนับสนุน ต้องเริ่มสร้างหัวรถจักรใหม่ด้วยการฝึกฝนตนเองให้มีทักษะและมุมมองที่เหมาะสม --- การสร้างบารมีของเจ้านาย: ไม่ได้เกิดจากโชค แต่เกิดจากความเพียร 3. คุณสมบัติของผู้ที่เตรียมตัวเป็นเจ้านาย “เต็มใจ” ทำงานหนัก: ไม่มองงานเป็นภาระ แต่มองเป็นโอกาสในการเรียนรู้และพิสูจน์ตนเอง “มีหัวคิด” ก้าวหน้า: คิดหาทางปรับปรุงงานให้ดีขึ้น และมองเห็นโอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น “ไม่ยอมอยู่ที่เดิม”: มีแรงขับในตัวเองที่จะพัฒนาไปสู่บทบาทที่สูงขึ้น 4. ความเป็นเจ้านายเกิดจากอะไร? ความเป็นเจ้านายไม่ได้มาจากการบังคับบัญชา แต่เกิดจากความสามารถในการนำและการเสียสละ ผู้ที่เคยเป็นลูกจ้างที่ดี ย่อมเข้าใจความลำบากของลูกจ้าง และใช้ความเข้าใจนี้สร้างบารมีในการเป็นผู้นำ --- 5. การใช้ชีวิตในปัจจุบัน: กุญแจสำคัญในการสร้างฐานะ กรรมเก่า: เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการกำหนดโอกาส วิธีใช้ชีวิตในปัจจุบัน: เป็นตัวกำหนดว่าจะใช้โอกาสนั้นอย่างไรให้เกิดผลดี การขยันอดทน มีวินัย ใช้ทรัพยากรและโอกาสที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ 6. สรุป: กรรมใหม่สร้างอนาคต ถ้าพื้นฐานชีวิตปัจจุบันยังไม่ดีพอ ให้เริ่มสร้างบารมีใหม่ด้วยความตั้งใจดี ไม่มีใครถูกกำหนดให้ติดอยู่ในฐานะเดิม หากลงมือเปลี่ยนแปลงด้วยความเพียรและปัญญา การเปลี่ยนฐานะและบารมี เริ่มต้นจากความคิดและการกระทำในวันนี้เอง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด"

    นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก

    การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม

    ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15)

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327

    #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    ทางการเกาหลีใต้เข้าจับกุมประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล เพื่อนำตัวไปสอบสวนความผิดฐานก่อกบฏ (insurrection) ได้สำเร็จวันนี้ (15 ม.ค.) ขณะที่ ยุน ประกาศว่าตนยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิด "เหตุการณ์นองเลือด" • นับตั้งแต่ถูกสมาชิกรัฐสภาโหวตถอดถอนออกจากตำแหน่งสืบเนื่องจากการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.ปีที่แล้ว ยุน ก็กบดานอยู่แต่ในบ้านพักริมเชิงเขา โดยมีหน่วยอารักขาประธานาธิบดีจำนวนหนึ่งคอยคุ้มกัน และสกัดขัดขวางความพยายามจับกุม ยุน รอบแรก • การจับกุม ยุน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกสำหรับประธานาธิบดีในตำแหน่งของเกาหลีใต้ นับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในวิกฤตการเมืองที่สั่นสะเทือนแดนโสมขาว ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในชาติที่มีระบอบประชาธิปไตยเข้มแข็งที่สุดในเอเชีย แม้จะมีประวัติดำเนินคดีและสั่งจำคุกอดีตประธานาธิบดีมาแล้วหลายคนก็ตาม • ยุน ซึ่งยังคงยืนกรานความบริสุทธิ์อย่างแข็งกร้าว ระบุว่าที่ยอมมอบตัวต่อพนักงานสอบสวนก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้น หลังจากที่มีตำรวจมากกว่า 3,000 นายเดินเข้ามายังบ้านพักเพิ่อจับกุมตนในช่วงเช้าวันนี้ (15) • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000004327 • #MGROnline #เกาหลีใต้ #ยุนซอกยอล #กฎอัยการศึก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Qualcomm ได้ว่าจ้าง Sailesh Kottapalli อดีตสถาปนิกหลักของโปรเซสเซอร์ Xeon ของ Intel เพื่อเป็นผู้นำในการพัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลของบริษัท Kottapalli มีประสบการณ์ทำงานที่ Intel นานถึง 28 ปี และมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ รวมถึง x86 และ Itanium รวมถึงซีพียูและจีพียูหลายรุ่น

    Kottapalli เข้าร่วม Qualcomm ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสและจะเป็นผู้นำในการพัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลของบริษัท ซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ของ Qualcomm คาดว่าจะใช้คอร์ที่พัฒนาโดยวิศวกรจาก Nuvia ซึ่งเป็นบริษัทที่ Qualcomm เข้าซื้อกิจการในปี 2021 ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์

    การว่าจ้าง Kottapalli เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Qualcomm ในการกลับเข้าสู่ตลาดซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ หลังจากที่เคยพยายามเข้าสู่ตลาดนี้ด้วย Centriq แต่ล้มเหลวในปี 2018

    การสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่กว้างขึ้นสำหรับสถาปัตยกรรม Arm และการขยายตัวของ Amazon ด้วยโปรเซสเซอร์ Graviton ทำให้ Qualcomm มีความมั่นใจว่าความต้องการซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทจะสูงขึ้นในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-hires-intels-xeon-architect-to-lead-development-of-server-cpus
    Qualcomm ได้ว่าจ้าง Sailesh Kottapalli อดีตสถาปนิกหลักของโปรเซสเซอร์ Xeon ของ Intel เพื่อเป็นผู้นำในการพัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลของบริษัท Kottapalli มีประสบการณ์ทำงานที่ Intel นานถึง 28 ปี และมีส่วนร่วมในโครงการต่าง ๆ รวมถึง x86 และ Itanium รวมถึงซีพียูและจีพียูหลายรุ่น Kottapalli เข้าร่วม Qualcomm ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสและจะเป็นผู้นำในการพัฒนาซีพียูสำหรับศูนย์ข้อมูลของบริษัท ซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์รุ่นใหม่ของ Qualcomm คาดว่าจะใช้คอร์ที่พัฒนาโดยวิศวกรจาก Nuvia ซึ่งเป็นบริษัทที่ Qualcomm เข้าซื้อกิจการในปี 2021 ด้วยมูลค่า 1.4 พันล้านดอลลาร์ การว่าจ้าง Kottapalli เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของ Qualcomm ในการกลับเข้าสู่ตลาดซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ หลังจากที่เคยพยายามเข้าสู่ตลาดนี้ด้วย Centriq แต่ล้มเหลวในปี 2018 การสนับสนุนซอฟต์แวร์ที่กว้างขึ้นสำหรับสถาปัตยกรรม Arm และการขยายตัวของ Amazon ด้วยโปรเซสเซอร์ Graviton ทำให้ Qualcomm มีความมั่นใจว่าความต้องการซีพียูสำหรับเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทจะสูงขึ้นในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomm-hires-intels-xeon-architect-to-lead-development-of-server-cpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศหยุดการจ้างงานในส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ปรึกษาในสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการลดค่าใช้จ่าย รายงานจาก CNBC ระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัท เนื่องจาก Microsoft ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง

    เมื่อต้นเดือนนี้ Microsoft ได้ประกาศแผนการลงทุนประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์

    Derek Danois ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาของ Microsoft ได้แจ้งพนักงานว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะหยุดการจ้างงานใหม่และการเติมตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ พนักงานยังได้รับคำสั่งให้ไม่เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับการประชุมภายใน และใช้การประชุมทางไกลแทน

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร Microsoft Customer and Partner Solutions ซึ่งมีพนักงานประมาณ 60,000 คน รายงานยังระบุว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะลดการใช้จ่ายด้านการตลาดและทรัพยากรภายนอกที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ลง 35%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/microsoft-halts-hiring-in-us-consulting-unit-as-cost-cutting-measure-cnbc-reports
    Microsoft ได้ประกาศหยุดการจ้างงานในส่วนหนึ่งของธุรกิจที่ปรึกษาในสหรัฐฯ เพื่อเป็นมาตรการลดค่าใช้จ่าย รายงานจาก CNBC ระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการจัดการค่าใช้จ่ายโดยรวมของบริษัท เนื่องจาก Microsoft ยังคงลงทุนในเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างต่อเนื่อง เมื่อต้นเดือนนี้ Microsoft ได้ประกาศแผนการลงทุนประมาณ 80 พันล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณ 2025 เพื่อพัฒนาศูนย์ข้อมูลสำหรับการฝึกอบรมโมเดล AI และการใช้งานแอปพลิเคชันบนคลาวด์ Derek Danois ผู้บริหารฝ่ายที่ปรึกษาของ Microsoft ได้แจ้งพนักงานว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะหยุดการจ้างงานใหม่และการเติมตำแหน่งที่ว่าง เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ พนักงานยังได้รับคำสั่งให้ไม่เบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางสำหรับการประชุมภายใน และใช้การประชุมทางไกลแทน การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นไปตามนโยบายขององค์กร Microsoft Customer and Partner Solutions ซึ่งมีพนักงานประมาณ 60,000 คน รายงานยังระบุว่าหน่วยงานที่ปรึกษาจะลดการใช้จ่ายด้านการตลาดและทรัพยากรภายนอกที่ไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้ลง 35% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/15/microsoft-halts-hiring-in-us-consulting-unit-as-cost-cutting-measure-cnbc-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Microsoft halts hiring in US consulting unit as cost-cutting measure, CNBC reports
    (Reuters) - Microsoft is planning to halt hiring in part of its consulting business in the U.S. in a bid to cut costs, CNBC reported on Tuesday, citing an internal memo.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Suk-yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถูกจับกุมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือ CIO

    นี่เป็นความพยายามจับกุมครั้งที่ 2 หลังจากความพยายามจับกุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ประสบความสำเร็จ

    การจับกุมครั้งนี้ ทำให้ ยุน ซ็อก-ย็อล กลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และขณะนี้เขากำลังถูกตำรวจสอบสวนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดเข้าข่ายการก่อกบฎ
    ยุน ซ็อก-ย็อล (Yoon Suk-yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ถูกจับกุมแล้ว โดยเจ้าหน้าที่จากสำนักงานตรวจสอบการทุจริตของเจ้าหน้าที่ระดับสูง หรือ CIO นี่เป็นความพยายามจับกุมครั้งที่ 2 หลังจากความพยายามจับกุมครั้งแรก เมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา ไม่ประสบความสำเร็จ การจับกุมครั้งนี้ ทำให้ ยุน ซ็อก-ย็อล กลายเป็นประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และขณะนี้เขากำลังถูกตำรวจสอบสวนเรื่องการประกาศกฎอัยการศึก เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งอาจเป็นความผิดเข้าข่ายการก่อกบฎ
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด
    .
    ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย
    .
    "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน"
    .
    จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.)
    .
    ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ
    .
    ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร"
    .
    จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง"
    .
    จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ
    .
    เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน
    .
    แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919
    ..............
    Sondhi X
    สมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันในสภาคองเกรส กำลังพิจารณากำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับงบช่วยเหลือด้านภัยพิบัติ ที่จะมอบแก่ชุมชนต่างๆของลอสแองเจลิสที่ถูกทำลายล้างจากไฟป่าหายนะ หลังว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาพวกเจ้าหน้าที่ระดับรัฐและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น บริหารจัดการสถานการณ์ผิดพลาด . ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์(13ม.ค.) ตำหนิพวกเจ้าหน้าระดับแกนนำในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่นำโดยเดโมแครต บริหารจัดการทรัพยากรน้ำและผืนป่าผิดพลาดในพื้นที่ลองแองเจลิส ก่อนเกิดไฟไหม้ในเวลาไล่เลี่ยกัน 6 จุด โหมกระพือทำลายล้าวทั่วเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของสหรัฐฯ คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 24 ราย . "สำหรับเราแล้ว มันดูเหมือนว่าพวกผู้นำในระดับรัฐและท้องถิ่น จะละทิ้งหน้าที่ในหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงมีบางอย่างจำเป็นต้องนับรวมเข้าไป" จอห์นสัน บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่อาคารรัฐสภา "บางทีอาจต้องมีเงื่อนไขต่างๆสำหรับความช่วยเหลือ นั่นคือมุมมองส่วนตัวของผม เราจะได้เห็นกันว่าฉันทามติจะออกมาแบบไหน" . จอห์นสัน บอกต่อว่าสมาชิกรีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฏรยังไม่ได้หารือเกี่ยวกับความช่วยเหลือภัยพิบัติที่จะมอบแก่ภาคส่วนต่างๆของแคลิฟอร์เนียที่ทุกข์ทรมานจากไฟป่า และบรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรมีกำหนดประชุมลับกันในช่วงเช้าวันอังคาร(14ม.ค.) . ด้วยที่ ทรัมป์ มีกำหนดเข้ารับตำแหน่งในช่วงต้นสัปดาห์หน้า และรีพับลิกันครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฏรและวุฒิสภา มันจึงเปิดทางให้พรรครีพับลิกันสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างเต็มที่ ในนั้นรวมถึงทั้งรูปแบบและปริมาณความช่วยเหลือบรรเทาภัยหายนะ . ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โวยวายใส่พวกผู้นำเดโมแครตทั้งในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส ว่าเป็นพวกหัวหลักหัวตอที่ไร้ความสามารถ โดยเขาโพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกี่ยวกับไฟป่า อ้างว่าพวกผู้นำเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียและลอสแองเจลิส "ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะดับไฟอย่างไร" . จอห์น บาร์รัสโซ แกนนำหมายเลข 2 ของรีพับลิกันในวุฒิสภา ให้สัมภาษณ์กับรายงาน "เฟซออฟเนชัน" ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสเมื่อวันอาทิตย์(12ม.ค.) คาดหมายว่า "จะมีเงื่อนไขต่างๆที่แนบไปกับเงินช่วยเหลือ ที่ท้ายที่สุดแล้วจะได้รับการอนุมัติ และมันจำเป็นต้องทำพร้อมๆกับเตรียมพร้อมสำหรับคราวต่อไป เพราะว่าในครั้งนี้ มันล้มเหลวโดยสิ้นเชิง" . จอห์นสัน กล่าวว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจากรีพับลิกัน กำลังหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะผูกโยงเงินช่วยเหลือแคลิฟอร์เนีย เข้ากับความพยายามเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ จากระดับปัจจุบัน 36 ล้านล้านดอลลาร์ . หนึ่งในอุปสรรคขัดขวางงบประมาณบรรเทาภัยหายนะในสภาคองเกรส ก็คือกลุ่มก้อนพวกอนุรักษ์นิยมหัวแข็งกร้าวที่หาทางกัดเซาะการใช้จ่ายใหม่ๆใดๆ . เมื่อเดือนที่แล้ว สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่นำโดยเดโมแครต อนุมัติวงเงิน 100,000 ล้านดอลาร์ ในงบประมาณฉุกเฉินรอบใหม่ สำหรับช่วยฟื้นฟูรัฐต่างๆในนั้นรวมถึงนอร์ทแคโรไลนาแลฟลอริดา ที่ได้รับความเสียหายจากภัยพิบัติเฮอร์ริเคน . แม้ผู้รับความช่วยเหลือจำนวนมากพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ของรีพับลิกัน แต่สมาชิกบางส่วนของพรรคในทั้ง 2 สภา ได้พยายามจำกัดงบประมาณความช่วยเหลือ ให้เหลือเพียงแค่ 40,000 ล้านดอลลาร์ ทว่าไม่ประสบความสำเร็จ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003919 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1158 มุมมอง 0 รีวิว
  • COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK”

    วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ
    ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ
    แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน

    Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D

    ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร

    คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร?

    🎯 ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    .
    ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง”
    บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ
    ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า
    คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?”

    ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว
    องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ
    •Dell
    หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร
    •HP
    Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D
    • Apple
    เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม

    จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก
    1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน
    2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง
    3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน
    .
    องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้
    .
    คำถามสำหรับองค์กรของคุณ:
    •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่?
    •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่?
    •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่?
    หากคำตอบคือ ... "ไม่"
    ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง

    Dell, HP และ Apple
    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง
    และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน

    ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา:
    เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น
    •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร
    •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร
    •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน
    •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ
    ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี!

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ

    เดชฤทธิ์ กรุ๊ป
    ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor
    บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ
    #เดชฤทธิ์กรุ๊ป
    #Dechritgroup
    #10Xconsulting
    #lifealignmentor
    พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก
    https://10-xconsulting.com
    ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี
    “ผสานความดีxความเก่ง”
    https://lifealignmentor.com
    COAC(H)EOlogist ผสานศาสตร์ซึ่งเป็นความสำเร็จและความล้มเหลวของ CEO และวิธีการที่ CEO สร้างผลงานและผลลัพธ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นผ่านกระบวนการโค้ชหลากมิติแบบองค์รวม ถ่ายทอดผ่านเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตรงที่ถอดรหัสด้วยวิธีการ “INSIGTSHACK” วันนี้เราเริ่มต้นกันด้วยกรณีศึกษาที่น่าสนใจขององค์กรชั้นนำ ย้อนกลับไปในยุค 80s Michael Dell หนุ่มน้อยไฟแรง ได้ก่อตั้งบริษัทคอมพิวเตอร์ Dell จากห้องพักในหอพักมหาวิทยาลัย ด้วยวิสัยทัศน์อันเฉียบคมและกลยุทธ์ที่ไม่เหมือนใคร Dell เติบโตอย่างก้าวกระโดด สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการธุรกิจ แล้ววันหนึ่ง เมื่อ Michael Dell ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO Dell ก็เริ่มสูญเสียพลังแห่งการบุกเบิก บริษัทเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ความคล่องตัวลดลง และเริ่มห่างเหินจากลูกค้า Michael Dell ตัดสินใจครั้งสำคัญ เขากลับมาบริหารงานอีกครั้ง และนำ Dell ออกจากตลาดหลักทรัพย์ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร เสริมสร้าง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" และพา Dell กลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง ไม่เพียงแค่ Dell เท่านั้น บริษัทไอทีชั้นนำอย่าง HP และ Apple ก็เคยประสบปัญหาจากการสูญเสีย "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เช่นกัน Meg Whitman CEO ของ HP ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการฟื้นฟู HP ด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง ลดขนาดองค์กร และเพิ่มการลงทุนใน R&D ส่วน Apple ทุกคนคงทราบดีถึงเรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม เรื่องราวของ Dell, HP และ Apple สะท้อนให้เห็นว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จขององค์กร คำถามที่น่าใจคือแล้ว "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" คืออะไร? องค์ประกอบสำคัญมีอะไรบ้าง? และองค์กรของคุณจะรักษาจิตวิญญาณนี้ไว้ได้อย่างไร? 🎯 ตอนนี้…คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? . ประสบการณ์ในการให้คำปรึกษาแนะนำกว่า 30 ปี ทำให้ได้รับโแกาส และความไว้วางใจจากผู้ก่อตั้งองค์กรก่อนส่งต่อยังรุ่นลูกรุ่นหลาน ได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับบรรดาผู้ก่อตะ้งองค์กรหลายประเภท หลายขนาด ในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งต่างปรารถนาที่จะให้ “องค์กรที่ปลุกปั้นมากับมือเติบโต แข็งแกร่ง” บ้างก็สมตามเจตนาและความตั้งใจ บางแห่ง บางองค์กรรู้สึกอึดอัดใจ ในฐานะของผู้มีจิตวิญญาณของนักวินิจฉัย ที่ปรึกษาองค์กร โค้ชทางธุรกิจ และนักวิจัยองค์กรที่ศึกษาวิธีปฏิบัติที่ดีมามากมายย่อมต้องหาโซลูชั่นที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า คำถามบอกทิศ ... คำตอบบอกทาง ดังนั้นคำถามที่ดีมีชียไปกว่าครึ่ง “องค์กรในระดับโลกทำอย่างไร?” ในโลกธุรกิจ พลังขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดอย่างหนึ่งคือพลังงาน ความมุ่งมั่น และวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" นี้สามารถสร้างมูลค่ามหาศาลให้กับบริษัท แม้ผู้ก่อตั้งจะไม่ได้บริหารงานแล้วก็ตาม แต่หากสูญเสียจิตวิญญาณนี้ไป บริษัทก็อาจสูญเสียคุณค่าอย่างรวดเร็ว องค์กรชั้นนำ Dell, Hewlett-Packard และ Apple ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร และการเติบโตขององค์กร ทำให้บริษัทเหล่านี้เริ่มสูญเสียจิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง จนประสบปัญหาต่างๆ •Dell หลัง Michael Dell ลาออกจากตำแหน่ง CEO Dell เริ่มชะลอตัว จนเขาต้องกลับมาบริหารงานอีกครั้ง และตัดสินใจนำบริษัทออกจากตลาดหลักทรัพย์ (private) เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กร •HP Meg Whitman CEO ของ HP พยายามกอบกู้บริษัทด้วยการย้อนกลับไปสู่หลักการดั้งเดิมของผู้ก่อตั้ง แยก HP ออกเป็นสองบริษัท ลดจำนวนพนักงาน และเพิ่มการลงทุนใน R&D • Apple เรื่องราวของ Steve Jobs ที่ออกจาก Apple แล้วบริษัทเริ่มมีปัญหา แต่เมื่อเขากลับมา Apple ก็กลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิม จากการวิจัยพบว่า "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก 1.พันธกิจแห่งการบุกเบิก: สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงาน 2.ความมุ่งมั่นในแนวหน้า: ให้ความสำคัญกับลูกค้าและพนักงานที่สัมผัสลูกค้าโดยตรง 3.กรอบความคิดแบบเจ้าของ: รับผิดชอบต่อผลลัพธ์และเติบโตอย่างยั่งยืน . องค์กรที่รักษาจิตวิญญาณผู้ก่อตั้งไว้ได้ แม้เติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ก็ยังคงความคล่องตัว มีพลัง และดึงดูดคนเก่งได้ . คำถามสำหรับองค์กรของคุณ: •คุณยังคงยึดมั่นในวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งหรือไม่? •องค์กรของคุณมีความคล่องตัว รวดเร็ว และปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงได้ดีหรือไม่? •พนักงานของคุณมีแรงบันดาลใจและรู้สึกเป็นเจ้าขององค์กรหรือไม่? หากคำตอบคือ ... "ไม่" ถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" เพื่อพาองค์กรกลับสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จอีกครั้ง Dell, HP และ Apple ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งอีกครั้ง และทำไมองค์กรคุณจึงควรทำเช่นเดียวกัน ค้นพบวิสัยทัศน์ดั้งเดิมของผู้ก่อตั้งและฟื้นคืนชีพองค์กรสู่วิสัยทัศน์ผู้ก่อตั้งกับบริการของเรา: เราช่วยองค์กรวิเคราะห์และฟื้นฟู "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ผ่านกระบวนการที่เข้มข้น •สัมภาษณ์ผู้บริหาร: เพื่อทำความเข้าใจวิสัยทัศน์ ปัญหา และเป้าหมายขององค์กร •วิเคราะห์ข้อมูล: เพื่อประเมินสถานะ "จิตวิญญาณผู้ก่อตั้ง" ในองค์กร •จัด Workshop: เพื่อสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจให้กับพนักงาน •พัฒนาแผนปฏิบัติการ: เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมองค์กรและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความสำเร็จ ติดต่อเราวันนี้ เพื่อรับคำปรึกษาฟรี! เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ “LIFE ALIGNMENTOR”, แบรนด์ “10X CONSULTING” ที่ปรึกษามืออาชีพแบรนด์เดียวในไทยที่มีประสบการณ์ตรงกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ - กลยุทธ์กว่า 3,000 โครงการ เรามีทีมงานมืออาชีพซึ่งมีประสบการณ์พัฒนาธุรกิจและองค์กรมานานกว่า 30 ปี พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์สร้างการเติบโตพร้อมกับคุณ เดชฤทธิ์ กรุ๊ป ผู้บริหารแบรนด์ 10X Consulting และ Life Alignmentor บริการครบเครื่องเรื่องพัฒนาศักยภาพ #เดชฤทธิ์กรุ๊ป #Dechritgroup #10Xconsulting #lifealignmentor พัฒนาองค์กรและผู้ประกอบการสร้างแบรนด์ไทยในระดับโลก https://10-xconsulting.com ปั้นคนให้เป็นแชมป์ด้วยพลังทวี “ผสานความดีxความเก่ง” https://lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 248 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025

    Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป

    หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย

    นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้:

    - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส
    (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany)

    - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้

    - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย

    - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย

    - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี

    - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Grzegorz Braun นักการเมืองฝ่ายค้านของโปแลนด์ และเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรปประกาศชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโปแลนด์ในปี 2025 Braun เป็นนักการเมืองขวาจัด ที่ต่อต้านยิวและอเมริกาสุดขั้ว เขาเคยประกาศว่าชาวยิวในอิสราเอลและสหรัฐอเมริกา พวกเขาจะไม่ได้ควบคุมโลกใบนี้รวมทั้งรัฐบาลในยุโรปอีกต่อไป หากเขาได้รับเลือกตั้งจริงๆ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยกระแสอนุรักษ์นิยมที่กำลังแพร่หลายไปทั่วยุโรปในขณะนี้ จะทำให้สถานการณ์ของนาโต้เปลี่ยนไปทันที เนื่องจากโปแลนด์คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่นาโต้ใช้เป็นฐานที่มั่นในการโจมตีรัสเซียอีกแห่งหนึ่งรองจากโรมาเนีย นักการเมืองฝ่ายขวา หรือสายอนุรักษ์นิยมมีบทบาทและได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นในยุโรป บางคนสมหวังได้เป็นผู้นำประเทศ บางคนพลาดท่าไปอย่างน่ากังขา และสำหรับคนที่ได้เป็นผู้นำ แน่นอนว่าจะถูกต่อต้านและโดดเดี่ยวจากยุโรปและอเมริกาอย่างเลี่ยงไม่ได้: - (ฝรั่งเศส) นางมารีน เลอ แปง จากพรรค NR (National Rally) ของฝรั่งเศส (เยอรมนี) อลิซ ไวเดล (Alice Weidel) ผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนีและหัวหน้าพรรค AfD (Alternative for Germany) - (โรมาเนีย) คอลิน จอร์เจสคู (Călin Georgescu) ผู้สมัครอิสระที่ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีโรมาเนีย ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้น แต่ถูกศาลตัดสินให้ผลการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกำลังมีความพยายามจากรัฐบาลรักษาการตั้งข้อกล่าวหาต่างๆ ขณะที่กำลังมีการประท้วงผลการตัดสินของศาลจากประชาชนอยู่ในขณะนี้ - (จอร์เจีย) นายกรัฐมนตรี Kobakhidze จากพรรค Georgian Dream ซึ่งรวมถึง มิคาอิล คาเวลาชวิลี ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีด้วย - (สโลวาเกีย) โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย - (ฮังการี) วิคเตอร์ ออร์บัน นายกรัฐมนตรีฮังการี - (มอลโดวา) สตออิอาโนกลู ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน การเลือกตั้งประธานาธิบดีมอลโดวาเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ตั้งแต่เริ่มต้นการนับคะแนนจนถึง 80% "สตออิอาโนกลู" มีคะแนนนำมาตลอด แต่หลังจากนับคะแนนจากการลงคะแนนผ่านระบบไปรษณีย์ ไมอา ซานดู ซึ่งเป็นผู้ที่ยุโรปสนับสนุนกลับเป็นฝายขึ้นนำและเอาชนะไปได้อย่างน่ากังขา จนเกิดเสียงวิจารณ์ไปทั่ว แต่ยุโรปรีบออกมาแสดงความยินดีต่อผลการเลือกตั้งทันที
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลอสแองเจลีสส่งเครื่องบินพ่นน้ำและสารหน่วงไฟเข้าดับไฟป่าบนภูเขาเพื่อสกัดไม่ให้พาลิเซดส์ไฟร์ลามไปยังด้านตะวันออก ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงภาคพื้นดินเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับไฟป่าบรรลัยกัลป์ท่ามกลางลมกรรโชกที่มีความเร็วสูงสุด 112.6 กม./ชม.ที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง นอกจากนั้น ยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพจากควันพิษหนาทึบ และบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวท่ามกลางการปล้นจี้และแอบพกพาอาวุธ
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่า ช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นไฟป่าพาลิเซดส์ไฟร์ลุกลามครอบคลุมพื้นที่อีก 404 เฮกตาร์ และเผาผลาญบ้านเรือนจำนวนมาก ท็อดด์ ฮอปกินส์ เจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยรัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลไฟร์) แถลงเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ว่า สามารถควบคุมพาลิเซดส์ไฟร์ได้ 11% และมีพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญรวมกว่า 8,900 เฮกตาร์
    .
    ฮอปกินส์แจงว่า พาลิเซดส์ไฟน์ลามไปยังย่านแมนเดวิลล์แคนยอน และอาจเข้าสู่เบรนต์วูด ซึ่งเป็นย่านที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าเซเลบ รวมถึงซาน เฟอร์นันโด แวลลีย์ อีกทั้งมุ่งหน้าไปยังทางหลวงหลัก 405 ที่เชื่อมด้านเหนือกับด้านใต้ของเขตแคลิฟอร์เนียใต้
    .
    ขณะเดียวกัน บริการสภาพอากาศแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) เตือนว่า ลมซานตาแอนาจะทวีกำลังแรงยิ่งขึ้นในช่วงคืนวันเสาร์จนถึงเช้าวันอาทิตย์ (12 ม.ค.) ในเทศมนฑลต่างๆ ของเมืองลอสแองเจลีสและเวนจูรา และระหว่างคืนวันจันทร์จนถึงเช้าวันอังคาร (13-14 ม.ค.) โดยมีความเร็วลมคงที่ที่ 48 กม./ชม. และความเร็วลมสูงสุด 112.6 กม./ชม.
    .
    โรส ชอนเฟลด์ นักอุตุนิยมวิทยาของเอ็นดับเบิลยูเอส ระบุว่า สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดไฟป่าจะยังคงอยู่ต่อไปตลอดวันพุธ (15 ม.ค.) ก่อนลดลงสู่ระดับปานกลางในวันพฤหัสฯ (16 ม.ค.)
    .
    ทางด้านโรเบิร์ต ลูนา เจ้าหน้าที่ปกครองเทศมณฑลลอสแองเจลีส เผยว่า จนถึงวันเสาร์คำสั่งอพยพครอบคลุมประชาชน 153,000 คน และสิ่งปลูกสร้าง 57,000 หลังอยู่ในความเสี่ยง โดยอาจมีการอพยพคนเพิ่มอีก 166,000 คน
    .
    อย่างไรก็ดี สตีเวน พาวเวลล์ ซีอีโอเซาธ์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย เอดิสันเผยว่า จำนวนลูกค้าที่ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ลดจากกว่า 500,000 รายในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านั้น อยู่ที่ราว 50,000 รายเมื่อวันเสาร์ และไม่มีหลักฐานว่า อุปกรณ์ของเอดิสันทำให้เกิดไฟป่าเฮิร์สต์ไฟร์ซึ่งกำลังมีการสอบสวนหาสาเหตุอยู่
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเร่งต่อสู้กับไฟป่าที่โหมกระพือขึ้นในหลายๆ จุดทั่วลอสแองเจลิสในขณะนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หารือทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่บางส่วนเพื่ออัปเดตสถานการณ์ รวมทั้งฟังบรรยายสรุปจากผู้ช่วยอาวุโสเกี่ยวกับการจัดส่งความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางไปยังลอสแองเจลีส
    .
    การประกาศภัยพิบัติใหญ่ของไบเดนทำให้รัฐบาลกลางสามารถจัดส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยและเปิดทางให้สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกลาง (ฟีมา) ให้การสนับสนุนการดำเนินการเหล่านี้ ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่การให้เงินช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้าน การให้เงินชดเชยสำหรับการสูญเสียอาหารหรือยาที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน
    .
    ทั้งนี้ ไฟป่าร้ายแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกัน 6 จุดทั่วเทศมณฑลลอสแองเจลีสตั้งแต่วันอังคาร (7 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ลอสแองเจลีสนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และคาดว่า มีผู้สูญหาย 13 คน สร้างความเสียหายหรือทำลายสิ่งปลูกสร้าง 12,000 หลัง นอกจากนั้น ยังคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเข้าไปตรวจค้นในบ้านแต่ละหลัง
    .
    ก่อนที่ไฟป่าจะปะทุระลอกล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายงานความคืบหน้าในการควบคุมไฟป่าพาลิเซดส์ไฟร์และอีตันไฟร์ที่เชิงเขาทางตะวันออกของเมือง หลังจากที่ไฟลุกลามเกินความควบคุมนานหลายวันก่อนหน้านั้น โดยในวันเสาร์สามารถควบคุมพาลิเซดส์ไฟร์ 11% และอีตันไฟร์ 15% ไฟป่าทั้งสองจุดนี้เผาผลาญพื้นที่ 14,500 เฮกตาร์ หรือ 2.5 เท่าของพื้นที่ทั้งหมดของแมนฮัตตัน
    .
    7 มลรัฐที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงรัฐบาลกลาง แคนาดา และเม็กซิโกจัดส่งความช่วยเหลือและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไปยังแคลิฟอร์เนียอย่างรวดเร็ว และมีการเพิ่มทีมดับเพลิงทางอากาศทำการพ่นน้ำและสารหน่วงไฟบนภูเขาที่ไฟไหม้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงภาคพื้นดินรีบเร่งจัดการแนวควบคุมไฟ
    .
    นอกจากนั้น ยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพจากควันพิษหนาทึบ และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการเคอร์ฟิว ขณะที่มีการจับกุมและตั้งข้อหาลักทรัพย์ ปล้น และครอบครองอาวุธปืนที่ซุกซ่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003508
    ..............
    Sondhi X
    ลอสแองเจลีสส่งเครื่องบินพ่นน้ำและสารหน่วงไฟเข้าดับไฟป่าบนภูเขาเพื่อสกัดไม่ให้พาลิเซดส์ไฟร์ลามไปยังด้านตะวันออก ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงภาคพื้นดินเพิ่มความพยายามในการต่อสู้กับไฟป่าบรรลัยกัลป์ท่ามกลางลมกรรโชกที่มีความเร็วสูงสุด 112.6 กม./ชม.ที่อาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง นอกจากนั้น ยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพจากควันพิษหนาทึบ และบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวท่ามกลางการปล้นจี้และแอบพกพาอาวุธ . เจ้าหน้าที่เผยว่า ช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้นไฟป่าพาลิเซดส์ไฟร์ลุกลามครอบคลุมพื้นที่อีก 404 เฮกตาร์ และเผาผลาญบ้านเรือนจำนวนมาก ท็อดด์ ฮอปกินส์ เจ้าหน้าที่สำนักงานป่าไม้และการป้องกันอัคคีภัยรัฐแคลิฟอร์เนีย (แคลไฟร์) แถลงเมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ว่า สามารถควบคุมพาลิเซดส์ไฟร์ได้ 11% และมีพื้นที่ที่ถูกไฟป่าเผาผลาญรวมกว่า 8,900 เฮกตาร์ . ฮอปกินส์แจงว่า พาลิเซดส์ไฟน์ลามไปยังย่านแมนเดวิลล์แคนยอน และอาจเข้าสู่เบรนต์วูด ซึ่งเป็นย่านที่พักผ่อนหย่อนใจของเหล่าเซเลบ รวมถึงซาน เฟอร์นันโด แวลลีย์ อีกทั้งมุ่งหน้าไปยังทางหลวงหลัก 405 ที่เชื่อมด้านเหนือกับด้านใต้ของเขตแคลิฟอร์เนียใต้ . ขณะเดียวกัน บริการสภาพอากาศแห่งชาติ (เอ็นดับเบิลยูเอส) เตือนว่า ลมซานตาแอนาจะทวีกำลังแรงยิ่งขึ้นในช่วงคืนวันเสาร์จนถึงเช้าวันอาทิตย์ (12 ม.ค.) ในเทศมนฑลต่างๆ ของเมืองลอสแองเจลีสและเวนจูรา และระหว่างคืนวันจันทร์จนถึงเช้าวันอังคาร (13-14 ม.ค.) โดยมีความเร็วลมคงที่ที่ 48 กม./ชม. และความเร็วลมสูงสุด 112.6 กม./ชม. . โรส ชอนเฟลด์ นักอุตุนิยมวิทยาของเอ็นดับเบิลยูเอส ระบุว่า สภาพอากาศที่เอื้ออำนวยต่อการเกิดไฟป่าจะยังคงอยู่ต่อไปตลอดวันพุธ (15 ม.ค.) ก่อนลดลงสู่ระดับปานกลางในวันพฤหัสฯ (16 ม.ค.) . ทางด้านโรเบิร์ต ลูนา เจ้าหน้าที่ปกครองเทศมณฑลลอสแองเจลีส เผยว่า จนถึงวันเสาร์คำสั่งอพยพครอบคลุมประชาชน 153,000 คน และสิ่งปลูกสร้าง 57,000 หลังอยู่ในความเสี่ยง โดยอาจมีการอพยพคนเพิ่มอีก 166,000 คน . อย่างไรก็ดี สตีเวน พาวเวลล์ ซีอีโอเซาธ์เทิร์น แคลิฟอร์เนีย เอดิสันเผยว่า จำนวนลูกค้าที่ยังคงไม่มีไฟฟ้าใช้ลดจากกว่า 500,000 รายในช่วง 2-3 วันก่อนหน้านั้น อยู่ที่ราว 50,000 รายเมื่อวันเสาร์ และไม่มีหลักฐานว่า อุปกรณ์ของเอดิสันทำให้เกิดไฟป่าเฮิร์สต์ไฟร์ซึ่งกำลังมีการสอบสวนหาสาเหตุอยู่ . ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐแคลิฟอร์เนียและเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำลังเร่งต่อสู้กับไฟป่าที่โหมกระพือขึ้นในหลายๆ จุดทั่วลอสแองเจลิสในขณะนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้หารือทางโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่บางส่วนเพื่ออัปเดตสถานการณ์ รวมทั้งฟังบรรยายสรุปจากผู้ช่วยอาวุโสเกี่ยวกับการจัดส่งความช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางไปยังลอสแองเจลีส . การประกาศภัยพิบัติใหญ่ของไบเดนทำให้รัฐบาลกลางสามารถจัดส่งความช่วยเหลือไปยังพื้นที่ประสบภัยและเปิดทางให้สำนักงานจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกลาง (ฟีมา) ให้การสนับสนุนการดำเนินการเหล่านี้ ซึ่งอาจครอบคลุมตั้งแต่การให้เงินช่วยเหลือในการซ่อมแซมบ้าน การให้เงินชดเชยสำหรับการสูญเสียอาหารหรือยาที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วัน . ทั้งนี้ ไฟป่าร้ายแรงที่เกิดขึ้นพร้อมกัน 6 จุดทั่วเทศมณฑลลอสแองเจลีสตั้งแต่วันอังคาร (7 ม.ค.) ซึ่งถือเป็นไฟป่าครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ลอสแองเจลีสนั้นทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 คน และคาดว่า มีผู้สูญหาย 13 คน สร้างความเสียหายหรือทำลายสิ่งปลูกสร้าง 12,000 หลัง นอกจากนั้น ยังคาดว่า จำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสามารถเข้าไปตรวจค้นในบ้านแต่ละหลัง . ก่อนที่ไฟป่าจะปะทุระลอกล่าสุด เจ้าหน้าที่ดับเพลิงรายงานความคืบหน้าในการควบคุมไฟป่าพาลิเซดส์ไฟร์และอีตันไฟร์ที่เชิงเขาทางตะวันออกของเมือง หลังจากที่ไฟลุกลามเกินความควบคุมนานหลายวันก่อนหน้านั้น โดยในวันเสาร์สามารถควบคุมพาลิเซดส์ไฟร์ 11% และอีตันไฟร์ 15% ไฟป่าทั้งสองจุดนี้เผาผลาญพื้นที่ 14,500 เฮกตาร์ หรือ 2.5 เท่าของพื้นที่ทั้งหมดของแมนฮัตตัน . 7 มลรัฐที่อยู่ใกล้เคียง รวมถึงรัฐบาลกลาง แคนาดา และเม็กซิโกจัดส่งความช่วยเหลือและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงไปยังแคลิฟอร์เนียอย่างรวดเร็ว และมีการเพิ่มทีมดับเพลิงทางอากาศทำการพ่นน้ำและสารหน่วงไฟบนภูเขาที่ไฟไหม้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงภาคพื้นดินรีบเร่งจัดการแนวควบคุมไฟ . นอกจากนั้น ยังมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสุขภาพจากควันพิษหนาทึบ และเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเตือนประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการเคอร์ฟิว ขณะที่มีการจับกุมและตั้งข้อหาลักทรัพย์ ปล้น และครอบครองอาวุธปืนที่ซุกซ่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003508 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 947 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

    แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้"

    เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม

    โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000003312

    #MGROnline #ไฟไหม้LA #ไฟป่า #ลอสแอนเจลิส #ไฟป่า #ลอสแองเจลิส
    มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา • แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้" • เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม • โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/around/detail/9680000003312 • #MGROnline #ไฟไหม้LA #ไฟป่า #ลอสแอนเจลิส #ไฟป่า #ลอสแองเจลิส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • #impromptuspeech

    ต้องย้อนไปในช่วงวัย 8 ขวด ในความที่เป็นเด็ก'ช่างพูด' แม้จะพูดรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ครูคงเห็นแวว จึงเสนอให้ไปทดลองแข่งทักษะวิชาการในด้านนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า 'Impromptu Speech' มากเท่าไหร่นัก แต่มีความคิดหนึ่งมันปรากฎในมโนทวารว่า ถ้าได้ลองอะไรใหม่ ๆ มันคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก เพราะฉะนั้นผมจึงตอบรับคำเชิญจากครูที่เคารพ

    หลังจากบทสนทนาในวันนั้น ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณ 7 วัน ครูเรียกให้ไปพบเพื่อรับสคริป์ จะได้เอาไปท่องจำเพราะการ Impromptu Speech เป็นภาษาอังกฤษนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องที่ได้ต้องฝึกหัดมันมักจะเกี่ยวกับ introduce myself (เรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวฉัน) และ my family (ครอบครัวของฉัน)

    ความรู้สึกตอนที่ฝึกต่อหน้าครู ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียงรายดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่โชคยังดีที่มียังมีซับอยู่ใต้ข้อความแต่ละประโยค ซึ่งในตอนนั้นครูยังให้กำลังใจด้วยการพูดประมาณว่าให้ยึดถือสํานวนสุภาษิต 'ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น' แหมมม ถ้ายึดสำนวนนี้คงได้สำเร็จอย่างที่ใจหวังเป็นแน่แท้

    เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา ไม่อยากอารัมภบทมากจนเกินไป ขอตัดภาพไปที่วันพวกเราแข่งเลยละกัน แต่ก็จะขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า "เมื่อก่อนการแข่งขันทักษะวิชาการสมัยประถมผมอยู่นั้น เขาจะแบ่งออกอยู่เป็น 4 ช่วงคือ แข่งระดับศูนย์การศึกษา ระดับเขตพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับชาติ ซึ่งนักแข่งทุกผู้ทุกคนก็จะคาดหวังระดับชาติกันทั้งหมดทั้งสิ้น

    หากพูดถึงการแข่งขันระดับศูนย์การศึกษา ในวันนั้นผู้ที่ลงแข่ง Impromptu Speech มี 3 โรงเรียน โดยหนึ่งในนั้นมีโรงเรียนของผมนี่เอง ซึ่งตอนที่ออกไปพูดต่อหน้ากรรมการ ในใจคิดว่า 'เราจะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอดครูจะว่าไง' ส่วนทางร่างกายมันสั่งว่าให้สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ talk เรื่องที่ตัวเองฝึกมาแบบไม่มีอะไรติดขัดเลยซักกะนิดเดียว เมื่อออกจากห้อง ความมั่นใจมันพลุ่งพล่านมาจากไหนก็ไม่รู้เพราะรู้สึกมีเซ้นว่าเราจะชนะอย่างเป็นแน่ พอถึงวันประกาศผล จะไม่บอกว่าชนะหรือไม่ชนะแต่จะบอกแค่ว่าคุณได้ไปต่อ

    การเตรียมตัวแข่งในระดับเขตพื้นที่ พวกเราได้ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะท่องทุกวัน ฝึกทุกวัน จนจำขึ้นใจ แต่ทั้งครูและผมยังไม่รู้ว่าการแข่งในระดับเขตนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น

    เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันแข่งขัน ก่อนที่จะ talk กรรมการให้จับฉลากเพื่อให้พูดตามหัวข้อนั้น ๆ ซึ่งสามารถจับฉลากได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยที่ครั้งแรกจับได้หัวข้อที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลยแม้แต่นิด พอครั้งที่ 2 ภาวนาว่าจะได้หัวข้อที่เราต้องการ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย หัวข้อที่ได้มันจำไม่ค่อยจะแม่น จึงใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเลือกหัวข้อที่จำได้แม่นที่สุด แล้วพูดออกไปอย่างมั่นใจโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงอะไรเลยทั้งสิ้น

    พอพูดจบ กรรมการที่มีศักดิ์เป็นครูฝรั่งก็ทำท่าทำทางเหมือนมีคำถามอยู่ในหัวใจ 'How old are you.' คำถามง่ายๆที่สามารถนำหัวใจเคลื่อนย้ายลงไปที่ตาตุ่มได้โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าคำถามนั้นมันแปลว่าอะไร ก็เลยตอบไปแบบมั่วๆว่า 'My name is phattaradnai katiwong' บรรยากาศที่อึมครึมกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของกรรมการทั้ง 5 คน ความรู้สึกกังวลกับคำถามกลับแปรผันเป็นความมึนงงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหัวเราะกัน

    พอออกมาจากห้อง ก็เลยเล่าให้ครูฟัง เมื่อรับรู้รับทราบแล้วครูก็หัวเราะเช่นเดียวกัน แล้วก็เอ่ยประโยคนึงออกมาประมาณว่า 'ครั้งหน้าเอาใหม่นะเดี๋ยวครูจะฝึกประโยคสนทนาของเธอด้วย' แหมทำไปได้

    หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองไปนั่งคาเฟ่กินกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อ.แม่อาย อย่างสบายใจเฉิบ

    แต่ขอบอกเลยว่าประสบการณ์การแข่งขันอะไรต่างๆ มันยังไม่จบเพียงแค่นี้หรอก ยังมีด้านอื่นที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงมากอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นหากท่านผู้อ่านทั้งหลายต้องการให้เล่า ผมนั้นก็จะหาเวลาดั้นด้นขึ้นมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านด้วย ความสบายใจอย่างเป็นที่สุด
    ----
    ภาพนี้ไปเสาะหานานมาก
    กว่าจะประสบพบเจอ
    #impromptuspeech ต้องย้อนไปในช่วงวัย 8 ขวด ในความที่เป็นเด็ก'ช่างพูด' แม้จะพูดรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องก็ตาม แต่ครูคงเห็นแวว จึงเสนอให้ไปทดลองแข่งทักษะวิชาการในด้านนี้ ซึ่งตอนนั้นยังไม่ค่อยเข้าใจคำว่า 'Impromptu Speech' มากเท่าไหร่นัก แต่มีความคิดหนึ่งมันปรากฎในมโนทวารว่า ถ้าได้ลองอะไรใหม่ ๆ มันคงไม่เสียหายอะไรมากหรอก เพราะฉะนั้นผมจึงตอบรับคำเชิญจากครูที่เคารพ หลังจากบทสนทนาในวันนั้น ถ้าจำไม่ผิดอีกประมาณ 7 วัน ครูเรียกให้ไปพบเพื่อรับสคริป์ จะได้เอาไปท่องจำเพราะการ Impromptu Speech เป็นภาษาอังกฤษนั้นมันไม่ได้ง่ายเลยทีเดียว ซึ่งเรื่องที่ได้ต้องฝึกหัดมันมักจะเกี่ยวกับ introduce myself (เรื่องราวที่เกี่ยวกับตัวฉัน) และ my family (ครอบครัวของฉัน) ความรู้สึกตอนที่ฝึกต่อหน้าครู ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เรียงรายดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคใหญ่ แต่โชคยังดีที่มียังมีซับอยู่ใต้ข้อความแต่ละประโยค ซึ่งในตอนนั้นครูยังให้กำลังใจด้วยการพูดประมาณว่าให้ยึดถือสํานวนสุภาษิต 'ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น' แหมมม ถ้ายึดสำนวนนี้คงได้สำเร็จอย่างที่ใจหวังเป็นแน่แท้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียนาฬิกา ไม่อยากอารัมภบทมากจนเกินไป ขอตัดภาพไปที่วันพวกเราแข่งเลยละกัน แต่ก็จะขออธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า "เมื่อก่อนการแข่งขันทักษะวิชาการสมัยประถมผมอยู่นั้น เขาจะแบ่งออกอยู่เป็น 4 ช่วงคือ แข่งระดับศูนย์การศึกษา ระดับเขตพื้นที่ ระดับจังหวัด และระดับชาติ ซึ่งนักแข่งทุกผู้ทุกคนก็จะคาดหวังระดับชาติกันทั้งหมดทั้งสิ้น หากพูดถึงการแข่งขันระดับศูนย์การศึกษา ในวันนั้นผู้ที่ลงแข่ง Impromptu Speech มี 3 โรงเรียน โดยหนึ่งในนั้นมีโรงเรียนของผมนี่เอง ซึ่งตอนที่ออกไปพูดต่อหน้ากรรมการ ในใจคิดว่า 'เราจะรอดหรือไม่ ถ้าไม่รอดครูจะว่าไง' ส่วนทางร่างกายมันสั่งว่าให้สูดอากาศเข้าปอดลึกๆ แล้วก็ talk เรื่องที่ตัวเองฝึกมาแบบไม่มีอะไรติดขัดเลยซักกะนิดเดียว เมื่อออกจากห้อง ความมั่นใจมันพลุ่งพล่านมาจากไหนก็ไม่รู้เพราะรู้สึกมีเซ้นว่าเราจะชนะอย่างเป็นแน่ พอถึงวันประกาศผล จะไม่บอกว่าชนะหรือไม่ชนะแต่จะบอกแค่ว่าคุณได้ไปต่อ การเตรียมตัวแข่งในระดับเขตพื้นที่ พวกเราได้ฝึกฝนอย่างหนักหน่วงเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานั้นคิดว่าเป็นการสนทนาภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะท่องทุกวัน ฝึกทุกวัน จนจำขึ้นใจ แต่ทั้งครูและผมยังไม่รู้ว่าการแข่งในระดับเขตนั้น มันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเวลาผ่านพ้นไปจนถึงวันแข่งขัน ก่อนที่จะ talk กรรมการให้จับฉลากเพื่อให้พูดตามหัวข้อนั้น ๆ ซึ่งสามารถจับฉลากได้แค่ 2 ครั้งเท่านั้น โดยที่ครั้งแรกจับได้หัวข้อที่ไม่เคยฝึกมาก่อนเลยแม้แต่นิด พอครั้งที่ 2 ภาวนาว่าจะได้หัวข้อที่เราต้องการ แต่ไม่เป็นอย่างนั้นเลย หัวข้อที่ได้มันจำไม่ค่อยจะแม่น จึงใช้วิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าโดยเลือกหัวข้อที่จำได้แม่นที่สุด แล้วพูดออกไปอย่างมั่นใจโดยไม่ได้คิดคำนึงถึงอะไรเลยทั้งสิ้น พอพูดจบ กรรมการที่มีศักดิ์เป็นครูฝรั่งก็ทำท่าทำทางเหมือนมีคำถามอยู่ในหัวใจ 'How old are you.' คำถามง่ายๆที่สามารถนำหัวใจเคลื่อนย้ายลงไปที่ตาตุ่มได้โดยไม่รู้ตัว เพราะไม่รู้ว่าคำถามนั้นมันแปลว่าอะไร ก็เลยตอบไปแบบมั่วๆว่า 'My name is phattaradnai katiwong' บรรยากาศที่อึมครึมกลับกลายเป็นเสียงหัวเราะของกรรมการทั้ง 5 คน ความรู้สึกกังวลกับคำถามกลับแปรผันเป็นความมึนงงสงสัยว่าทำไมเขาถึงหัวเราะกัน พอออกมาจากห้อง ก็เลยเล่าให้ครูฟัง เมื่อรับรู้รับทราบแล้วครูก็หัวเราะเช่นเดียวกัน แล้วก็เอ่ยประโยคนึงออกมาประมาณว่า 'ครั้งหน้าเอาใหม่นะเดี๋ยวครูจะฝึกประโยคสนทนาของเธอด้วย' แหมทำไปได้ หลังจากนั้นพวกเราทั้งสองไปนั่งคาเฟ่กินกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่อ.แม่อาย อย่างสบายใจเฉิบ แต่ขอบอกเลยว่าประสบการณ์การแข่งขันอะไรต่างๆ มันยังไม่จบเพียงแค่นี้หรอก ยังมีด้านอื่นที่ยังไม่ได้เอ่ยถึงมากอยู่เหมือนกัน ฉะนั้นหากท่านผู้อ่านทั้งหลายต้องการให้เล่า ผมนั้นก็จะหาเวลาดั้นด้นขึ้นมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านด้วย ความสบายใจอย่างเป็นที่สุด ---- ภาพนี้ไปเสาะหานานมาก กว่าจะประสบพบเจอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศการอัปเดต DirectX API ที่จะปูทางสำหรับการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Neural Rendering) ในงาน CES 2025

    การเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์นี้เป็นแนวคิดที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพบางส่วนในกราฟิก 3 มิติแบบเรียลไทม์ โดยทำงานร่วมกับกระบวนการกราฟิกแบบดั้งเดิมและการติดตามแสงแบบเรียลไทม์ นี่แตกต่างจากเทคโนโลยีการเพิ่มความละเอียดด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในปัจจุบัน

    หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์คือ "เวกเตอร์ร่วม" (Cooperative Vectors) ซึ่งเป็นช่องทางข้อมูลระหว่างกระบวนการกราฟิกแบบดั้งเดิมและปัญญาประดิษฐ์ เวกเตอร์ร่วมนี้จะบอกปัญญาประดิษฐ์ว่ากำลังทำอะไรอยู่, ต้องทำอะไรบ้าง, และข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับโมเดลปัญญาประดิษฐ์

    Microsoft ระบุว่าทีม HLSL ของพวกเขากำลังทำงานร่วมกับ AMD, Intel, NVIDIA, และ Qualcomm เพื่อสนับสนุนเวกเตอร์ร่วมในระบบ DirectX ผลลัพธ์แรกของความพยายามนี้จะเห็นได้ใน GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA GeForce RTX 50-series "Blackwell" ซึ่งจะใช้เวกเตอร์ร่วมในการขับเคลื่อนการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์

    การเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์สามารถใช้ในการสร้างภาพเกมที่มีความสมจริงมากขึ้น, จัดระเบียบเรขาคณิตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการติดตามเส้นทาง, และสร้างตัวละครในเกมที่มีภาพสมจริง การอัปเดตนี้จะช่วยให้การพัฒนาเกมและแอปพลิเคชันกราฟิกมีประสิทธิภาพและความสมจริงมากขึ้น

    https://www.techpowerup.com/330981/microsoft-lays-directx-api-level-groundwork-for-neural-rendering
    Microsoft ได้ประกาศการอัปเดต DirectX API ที่จะปูทางสำหรับการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (Neural Rendering) ในงาน CES 2025 การเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์นี้เป็นแนวคิดที่ใช้โมเดลปัญญาประดิษฐ์ในการสร้างภาพบางส่วนในกราฟิก 3 มิติแบบเรียลไทม์ โดยทำงานร่วมกับกระบวนการกราฟิกแบบดั้งเดิมและการติดตามแสงแบบเรียลไทม์ นี่แตกต่างจากเทคโนโลยีการเพิ่มความละเอียดด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในปัจจุบัน หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์คือ "เวกเตอร์ร่วม" (Cooperative Vectors) ซึ่งเป็นช่องทางข้อมูลระหว่างกระบวนการกราฟิกแบบดั้งเดิมและปัญญาประดิษฐ์ เวกเตอร์ร่วมนี้จะบอกปัญญาประดิษฐ์ว่ากำลังทำอะไรอยู่, ต้องทำอะไรบ้าง, และข้อมูลพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับโมเดลปัญญาประดิษฐ์ Microsoft ระบุว่าทีม HLSL ของพวกเขากำลังทำงานร่วมกับ AMD, Intel, NVIDIA, และ Qualcomm เพื่อสนับสนุนเวกเตอร์ร่วมในระบบ DirectX ผลลัพธ์แรกของความพยายามนี้จะเห็นได้ใน GPU รุ่นใหม่ของ NVIDIA GeForce RTX 50-series "Blackwell" ซึ่งจะใช้เวกเตอร์ร่วมในการขับเคลื่อนการเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ การเรนเดอร์ด้วยปัญญาประดิษฐ์สามารถใช้ในการสร้างภาพเกมที่มีความสมจริงมากขึ้น, จัดระเบียบเรขาคณิตเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการติดตามเส้นทาง, และสร้างตัวละครในเกมที่มีภาพสมจริง การอัปเดตนี้จะช่วยให้การพัฒนาเกมและแอปพลิเคชันกราฟิกมีประสิทธิภาพและความสมจริงมากขึ้น https://www.techpowerup.com/330981/microsoft-lays-directx-api-level-groundwork-for-neural-rendering
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Microsoft Lays DirectX API-level Groundwork for Neural Rendering
    Microsoft announced updates to the DirectX API that would pave the way for neural rendering. Neural rendering is a concept where portions of a frame in real-time 3D graphics are drawn using a generative AI model that works in tandem with classic raster 3D graphics pipeline, along with other advancem...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! "

    Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว
    กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน
    นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น?
    ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง?

    ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน
    โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้

    นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน
    ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา"

    การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน
    แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ

    ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า"
    หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป
    เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล
    โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น
    เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ

    ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต

    (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    " ที่มาของคำว่าทรัมป์บ้า!!!!! " Foreign Policy : ทรัมป์เคยพ่ายแพ้ต่ออิหร่านมาแล้ว กลยุทธ์ "ทฤษฎีคนบ้า" (Madman Theory) ของทรัมป์ในเวทีการเผชิญหน้ากับอิหร่าน กลับกลายเป็นหมากที่ไม่ได้ผล เพราะอิหร่านมองทะลุถึงเจตนาและวิธีการของทรัมป์อย่างชัดเจน นิตยสาร ฟอเรน โพลิซี (Foreign Policy) ซึ่งเป็นสื่อวิเคราะห์นโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้ตีพิมพ์บทความชิ้นสำคัญ โดยระบุว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กลยุทธ์ที่เรียกว่า "ทฤษฎีคนบ้า" ในการสร้างภาพลักษณ์ตนเองให้ดูเป็นผู้นำที่คาดเดาไม่ได้และเต็มไปด้วยความอันตราย แต่คำถามสำคัญคือ วิธีการนี้สามารถบีบให้อิหร่านเปลี่ยนพฤติกรรมได้หรือไม่ หรือกลับทำให้ความขัดแย้งยิ่งรุนแรงขึ้น? ทรัมป์เป็นที่รู้จักจากแนวทางที่ผิดแผกไปจากผู้นำทั่วไปในด้านการทูต หนึ่งในกลยุทธ์ที่เขานำมาใช้อย่างต่อเนื่องคือ "ทฤษฎีคนบ้า" ซึ่งมีรากฐานมาจากยุคสงครามเย็นในสมัยริชาร์ด นิกสัน แนวคิดนี้เชื่อว่า ผู้นำสามารถบีบให้คู่ต่อสู้ยอมอ่อนข้อได้โดยการแสดงออกถึงความไม่แน่นอนและการข่มขู่ที่ดูรุนแรง แต่สำหรับเวทีการปะทะกับอิหร่าน คำถามคือ ทฤษฎีนี้ช่วยทรัมป์ได้จริงหรือไม่ หรือกลับเป็นชนวนที่ทำให้สถานการณ์ยิ่งดิ่งลึกสู่ความรุนแรง? ทรัมป์และกลยุทธ์การเจรจาที่อิหร่านไม่สะทกสะท้าน โดนัลด์ ทรัมป์เคยพูดถึงแนวทางการเจรจาของเขาอย่างภาคภูมิใจ โดยในการสัมภาษณ์เมื่อปี 2018 เขากล่าวว่า "ผมเป็นนักเจรจาที่มักจะวางตัวเลือกที่หลากหลายไว้บนโต๊ะ เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจคาดเดาก้าวต่อไปของผมได้" หนึ่งในตัวอย่างที่เด่นชัดที่สุดของแนวทางนี้คือการข่มขู่ "ทำลายล้างอย่างสมบูรณ์" เกาหลีเหนือ ในสุนทรพจน์ที่สหประชาชาติ แต่เมื่อใช้วิธีเดียวกันนี้กับอิหร่าน ผลลัพธ์กลับไม่เป็นไปตามที่ทรัมป์หวังไว้ นโยบาย “กดดันสูงสุด” และความล้มเหลวในการบีบอิหร่าน ในปี 2018 ทรัมป์ถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) และเริ่มดำเนินนโยบาย "กดดันสูงสุด" (Maximum Pressure) ด้วยความหวังว่าอิหร่านจะยอมรับข้อตกลงใหม่ที่เข้มงวดกว่าเดิม จอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติในขณะนั้น เปิดเผยในหนังสือของเขาว่า ทรัมป์เชื่อมั่นว่า "อิหร่านจะไม่สามารถทนต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจได้ และในที่สุดจะกลับมาที่โต๊ะเจรจา" การตอบโต้ของอิหร่าน: ท้าทายทุกแรงกดดัน แต่ความเป็นจริงกลับแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง อิหร่านไม่ได้เพียงแค่ปฏิเสธการเจรจา แต่ยังขยายโครงการนิวเคลียร์และเพิ่มปฏิบัติการของกลุ่มตัวแทนในภูมิภาคเพื่อแสดงถึงความไม่ยอมจำนน มูฮัมหมัด ญาวาด ซารีฟ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่านในขณะนั้น กล่าวอย่างหนักแน่นว่า "ทรัมป์คิดว่าแรงกดดันจะทำให้เราอ่อนข้อ แต่ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่าชาวอิหร่านยืนหยัดในหน้าความกดดันเสมอ" ความพยายามของทรัมป์ในการบีบอิหร่านด้วยนโยบายกดดันสูงสุดจึงกลายเป็นการเดินเกมที่ไม่ได้ผล อิหร่านตอบโต้ด้วยการยืนหยัดและแสดงศักยภาพของตนเองให้เห็นอย่างชัดเจนในเวทีระหว่างประเทศ ปมร้อน: การสังหารสุไลมานีและความล้มเหลวของ "ทฤษฎีคนบ้า" หนึ่งในการตัดสินใจที่สร้างความสั่นสะเทือนที่สุดของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ คือการออกคำสั่งให้สังหาร นายพลกอเซ็ม สุไลมานี ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ในเดือนมกราคม 2020 การโจมตีนี้เกิดขึ้นใกล้สนามบินกรุงแบกแดด และนำไปสู่การยกระดับความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน อิหร่านตอบโต้การสังหารสุไลมานีด้วยการยิงขีปนาวุธโจมตีฐานทัพอเมริกันในอิรัก พร้อมประกาศว่าจะไม่ปฏิบัติตามข้อจำกัดที่ระบุไว้ในข้อตกลงนิวเคลียร์ (JCPOA) อีกต่อไป เมื่อ "ทฤษฎีคนบ้า" ไม่ได้ผล โรซานา แมคมานัส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต อธิบายว่า "ทฤษฎีคนบ้า" จะได้ผลก็ต่อเมื่อคู่ต่อสู้เชื่อว่าผู้นำมีความไม่แน่นอนจริงในบางเรื่อง แต่หากผู้นำนั้นดูไม่สมเหตุสมผลจนเกินไป ความเชื่อถือในคำขู่จะลดลง และกลยุทธ์จะล้มเหลว ในกรณีของทรัมป์ นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า พฤติกรรมของเขาเริ่มคาดเดาได้มากเกินไป เช่น การตัดสินใจไม่ตอบโต้ทางทหารหลังจากอิหร่านยิงโดรนอเมริกันตกในเดือนมิถุนายน 2019 การกระทำดังกล่าวส่งสัญญาณชัดเจนว่า ทรัมป์ไม่ต้องการทำสงคราม การส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกันนี้ทำให้อิหร่านไม่ยอมรับคำขู่ของเขาอย่างจริงจัง นโยบาย "กดดันสูงสุด" ของโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งหวังให้อิหร่านอ่อนข้อและยอมทำตามข้อตกลงที่เข้มงวดกว่าเดิม กลับกลายเป็นหอกที่ย้อนกลับมาทิ่มแทงตัวเอง อิหร่านไม่เพียงแต่ยืนหยัดต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจ แต่ยังใช้โอกาสนี้ขยายโครงการนิวเคลียร์และเสริมสร้างอิทธิพลในภูมิภาคให้แข็งแกร่งขึ้น เรซานา แมคมานัส นักรัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเพนน์สเตต ออกโรงเตือนว่า "ผู้นำควรระวังไม่ให้ชื่อเสียงในความบ้าบิ่นกลายเป็นจุดอ่อนของตนเอง" เพราะเมื่อฝ่ายตรงข้ามเริ่มเข้าใจเกมและการกระทำที่ดูเหมือนเหนือความคาดหมาย กลยุทธ์ดังกล่าวอาจกลับกลายเป็นไร้ประสิทธิภาพ ดังนั้น หากทรัมป์ตัดสินใจหวนกลับมาใช้ "ทฤษฎีคนบ้า" อีกครั้ง สิ่งสำคัญที่เขาต้องพิจารณาคือคู่แข่ง โดยเฉพาะอิหร่าน ต่างคุ้นเคยกับเกมนี้ดีและพร้อมรับมือด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดกว่าเดิม ทรัมป์ไม่สามารถพึ่งพาความคาดเดาไม่ได้แบบเดิมอีกต่อไป เพราะการเล่นเกมซ้ำที่ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจดี อาจกลายเป็นหายนะในทางการทูต (เรียบเรียงโดยสมาคมนักเรียนไทยในอีร่าน)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
    .
    แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้"
    .
    เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม
    .
    โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ
    .
    "ผมขอพูดให้ชัดเจนตรงนี้เลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาและตอนเช้าวันนี้ เราจับกุมบุคคลได้ 20 ราย กลุ่มคนที่เลือกเข้าไปในพื้นที่ของเรา และซ้ำเติมประชาชนผู้น่าสงสาร ที่เป็นห่วงทรัพย์สินของตนเองเป็นอย่างมาก" ลูน่ากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) "ครั้งที่เรามีคำสั่งอพยพ ตามกฎหมายแล้ว หากคุณยังอยู่ในพื้นที่ คุณก็จะมีความผิดลหุโทษอยู่แล้ว และหากคุณก่ออาชญากรรมบางอย่าง มันอาจถูกยกระดับกลายเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง"
    .
    "ลอสแองเจลิสอาจบังคับใช้เคอร์ฟิวหลัง 18.00 น. โดยอาจมีการกำหนดพื้นที่มีผลบังคับใช้อย่างเจาะจง แถวๆ บริเวณที่กำลังเผชิญไฟป่า 2 จุด" ลูนากล่าว พร้อมหวังว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในคืนวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) หรือไม่ก็วันศุกร์ (10 ม.ค.) ทั้งนี้ล่าสุดประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าวได้มีการบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    บาร์เกอร์ เน้นว่าเคอร์ฟิวไม่ได้เป็นการลงโทษพวกชาวบ้าน แต่เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในพื้นที่ และเผยว่าเคอร์ฟิวนั้นเป็นไปตามคำขอของสภาเมืองแอคตาเดนา
    .
    ลูนา เสริมว่า "ขณะนี้มีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการปกป้องทรัพย์สิน ป้องกันการโจรกรรม และการปล้นสะดมในพื้นที่ที่ประชาชนอพยพบังคับ หากมีผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุม"
    .
    กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าเขาเห็นชอบคำร้องของทางแอล.เอ.เคาน์ตี ที่ขอใช้งานบุคลากรจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ดึงกำลังพล 8,000 นาย มาร่วมทำงานกับพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและรัฐบาล ในความพยายามควบคุมสถานการณ์ "เราจะไม่อดทนกับการปล้นสะดม" นิวซัมกล่าว
    .
    ส่วน นาธาน ฮอชแมน อัยการทั่วไปของเขตแอล.แอ.เคาน์ตี ก็ประณามการปล้นสะดมเช่นกัน "ถ้าคุณอยากเดินหน้าปล้นสะดม ถ้าคุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งใหญ่ ถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับกลโกงทางอินเทอร์เน็ต ที่ฉวยโอกาสกับผู้คนที่กำลังร้องขอเคลมประกันหรือขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เมื่อนั้นคุณจะถูกจับกุม จะถูกดำเนินคดี และโดนลงโทษอย่างเต็มพิกัดภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย"
    .
    ในสถานการณ์ล่าสุดของเหตุไฟป่า มีรายงานว่าไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของลอสแองเจลิส มุ่งหน้าสู่ย่านต่างๆ ที่มันไม่เคยลุกลามไปถึงมาก่อนเลยในวันเสาร์ (11 ม.ค.) บีบให้ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่ และกัดเซาะความหวังว่ากำลังควบคุมภัยพิบัตินี้ได้แล้ว
    .
    จนถึงตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่อย่างน้อย 11 ราย ในเหตุไฟป่าลุกลามหลายจุด เผาผลาญไปทั่วพื้นที่ชุมชน ทำลายล้างชุมชนต่างๆ ในสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้คำจำกัดความว่าราวกับ "ฉากแห่งสงคราม"
    .
    เจ้าหน้าที่เผยว่าสามารถควบคุมไฟป่าที่เรียกว่าปาลิซาเดส ได้ 11% ในวันเสาร์ (11 ม.ค.) แต่มันกำลงลุกลามไปทางทิศตะวันตก หลังจากทำลายล้างพื้นที่ไปแล้วกว่า 22,600 เอเคอร์ (ราว 57,000 ไร่) ส่วนไฟป่าที่มีชื่อว่าอีตัน ทำลายล้างพื้นที่ไปกว่า 14,000 เอเคอร์ (ราว 35,000 ไร่) และควบคุมได้แล้ว 15%
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003319
    ..............
    Sondhi X
    มีผู้ต้องสงสัยอย่างน้อย 20 ราย ถูกจับกุมฐานต้องสงสัยปล้นสะดม ระหว่างวิกฤตไฟป่ารุนแรงกำลังโหมกระพือเผาผลาญในลอสแองเจลิส เคาน์ตี ซ้ำเติมผู้ประสบภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา . แคทรีน บาร์เกอร์ ผู้บริหารแอลแอ เคาน์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) ว่าพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของทางสำนักงาน ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยหลายคนในโซนยพ "ผมสัญญากับพวกคุณ พวกที่กระทำผิดต้องถูกลงโทษ คนเหล่านี้น่าละอายมาก พวกเขาออกล่าตามที่พักอาศัยของพวกเรา ในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้" . เธอกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นจะเดินหน้าลาดตระเวนสอดส่องเหตุปล้นสะดม หรือพฤติกรรมทางอาญาอื่นไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม . โรเบิร์ต ลูนา หัวหน้าเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของแอลเอ เคาน์ตี ยืนยันระหว่างแถลงข่าวว่า พวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายจะเดินหน้าลาดตระเวนไม่อยู่กับที่ ประจำการตามจุดต่างๆ ปิดการเข้าออกถนน และมอบการคุ้มกัน ในความพยายามป้องกันเหตุปล้นสะดมและพฤติกรรมอาญาอื่นๆ . "ผมขอพูดให้ชัดเจนตรงนี้เลยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาและตอนเช้าวันนี้ เราจับกุมบุคคลได้ 20 ราย กลุ่มคนที่เลือกเข้าไปในพื้นที่ของเรา และซ้ำเติมประชาชนผู้น่าสงสาร ที่เป็นห่วงทรัพย์สินของตนเองเป็นอย่างมาก" ลูน่ากล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) "ครั้งที่เรามีคำสั่งอพยพ ตามกฎหมายแล้ว หากคุณยังอยู่ในพื้นที่ คุณก็จะมีความผิดลหุโทษอยู่แล้ว และหากคุณก่ออาชญากรรมบางอย่าง มันอาจถูกยกระดับกลายเป็นความผิดทางอาญาร้ายแรง" . "ลอสแองเจลิสอาจบังคับใช้เคอร์ฟิวหลัง 18.00 น. โดยอาจมีการกำหนดพื้นที่มีผลบังคับใช้อย่างเจาะจง แถวๆ บริเวณที่กำลังเผชิญไฟป่า 2 จุด" ลูนากล่าว พร้อมหวังว่าจะสามารถบังคับใช้ได้ภายในคืนวันพฤหัสบดี (9 ม.ค.) หรือไม่ก็วันศุกร์ (10 ม.ค.) ทั้งนี้ล่าสุดประกาศเคอร์ฟิวดังกล่าวได้มีการบังคับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว . บาร์เกอร์ เน้นว่าเคอร์ฟิวไม่ได้เป็นการลงโทษพวกชาวบ้าน แต่เพื่อเป็นการรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยในพื้นที่ และเผยว่าเคอร์ฟิวนั้นเป็นไปตามคำขอของสภาเมืองแอคตาเดนา . ลูนา เสริมว่า "ขณะนี้มีการประกาศมาตรการเคอร์ฟิวขึ้นในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการปกป้องทรัพย์สิน ป้องกันการโจรกรรม และการปล้นสะดมในพื้นที่ที่ประชาชนอพยพบังคับ หากมีผู้ใดกระทำการฝ่าฝืนจะต้องถูกจับกุม" . กาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แถลงว่าเขาเห็นชอบคำร้องของทางแอล.เอ.เคาน์ตี ที่ขอใช้งานบุคลากรจากกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ ดึงกำลังพล 8,000 นาย มาร่วมทำงานกับพวกเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นและรัฐบาล ในความพยายามควบคุมสถานการณ์ "เราจะไม่อดทนกับการปล้นสะดม" นิวซัมกล่าว . ส่วน นาธาน ฮอชแมน อัยการทั่วไปของเขตแอล.แอ.เคาน์ตี ก็ประณามการปล้นสะดมเช่นกัน "ถ้าคุณอยากเดินหน้าปล้นสะดม ถ้าคุณต้องการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปล้นครั้งใหญ่ ถ้าคุณต้องการมีส่วนร่วมกับกลโกงทางอินเทอร์เน็ต ที่ฉวยโอกาสกับผู้คนที่กำลังร้องขอเคลมประกันหรือขอรับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาล เมื่อนั้นคุณจะถูกจับกุม จะถูกดำเนินคดี และโดนลงโทษอย่างเต็มพิกัดภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย" . ในสถานการณ์ล่าสุดของเหตุไฟป่า มีรายงานว่าไฟป่าครั้งใหญ่ที่สุดของลอสแองเจลิส มุ่งหน้าสู่ย่านต่างๆ ที่มันไม่เคยลุกลามไปถึงมาก่อนเลยในวันเสาร์ (11 ม.ค.) บีบให้ต้องมีการอพยพครั้งใหญ่ และกัดเซาะความหวังว่ากำลังควบคุมภัยพิบัตินี้ได้แล้ว . จนถึงตอนนี้ยอดผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่อย่างน้อย 11 ราย ในเหตุไฟป่าลุกลามหลายจุด เผาผลาญไปทั่วพื้นที่ชุมชน ทำลายล้างชุมชนต่างๆ ในสิ่งที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้คำจำกัดความว่าราวกับ "ฉากแห่งสงคราม" . เจ้าหน้าที่เผยว่าสามารถควบคุมไฟป่าที่เรียกว่าปาลิซาเดส ได้ 11% ในวันเสาร์ (11 ม.ค.) แต่มันกำลงลุกลามไปทางทิศตะวันตก หลังจากทำลายล้างพื้นที่ไปแล้วกว่า 22,600 เอเคอร์ (ราว 57,000 ไร่) ส่วนไฟป่าที่มีชื่อว่าอีตัน ทำลายล้างพื้นที่ไปกว่า 14,000 เอเคอร์ (ราว 35,000 ไร่) และควบคุมได้แล้ว 15% . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003319 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Sad
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป
    .
    NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ
    .
    สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน
    .
    กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3
    .
    นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    .
    คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง
    .
    รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค
    .
    แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป
    .
    ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316
    ..............
    Sondhi X
    ไต้หวันมีแผนประจำการระบบป้องกันขีปนาวุธใหม่ล้ำสมัยจากสหรัฐฯ ในช่วงปลายปีนี้ จากคำแถลงของกระทรวงกลาโหม ตามรายงานข่าวของไทเปนิวส์ พร้อมระบุว่า ระบบขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศล้ำสมัย NASAMS จะถูกติดตั้งในตำแหน่งต่างๆ ที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางเหนือของเกาะ ในนั้นรวมถึงเขตซงซานของไทเป และเขตตั้นสุ่ย ในนิวไทเป . NASAMS ระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางที่ผลิตโดยบริษัทสัญชาตินอร์เวย์ สามารถใช้จัดการกับเครื่องบิน อากาศยานไร้คนขับและขีปนาวุธร่อน มันเป็นระบบที่บูรณาการเทคโนโลยีเรดาร์ล้ำสมัยเข้ากับระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธีทางทหาร สำหรับตอบโต้ภัยคุกคามทางอากาศต่างๆ . สำนักงานความร่วมมือด้านการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ (DSCA) อนุมัติขายระบบ NASAMS จำนวน 3 ชุด แก่ไต้หวัน ส่วนหนึ่งในแพกเกจอาวุธ 2,000 ล้านดอลลาร์ ที่แถลงออกมาเมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน ซึ่งถือเป็นการอนุมัติขายอาวุธแก่ไต้หวันเป็นครั้งที่ 17 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน . กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่า การประจำการอาวุธดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งในความพยายามเสริมความเข้มแข็งแก่ศักยภาพด้านการป้องกันตนเอง ตอบสนองต่อความเคลื่อนไหวทางทหารที่เพิ่มขึ้นของจีน ในบริเวณช่องแคบไต้หวัน ทั้งนี้ NASAMS จะช่วยเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ที่ไต้หวันมีอยู่ในปัจจุบัน ในนั้นรวมถึง Sky Sword II และ Sky Bow รวมไปถึงระบบขีปนาวุธล้ำสมัยแพทริออต PAC-3 . นอกจากนี้ ไต้หวันยังลงนามสำหรับจัดหาระบบเรดาร์ electronic array แบบทั้ง L-band และไม่ใช่ L-band ซึ่งออกแบบมาเพื่อปรับปรุงอัตราการตรวจจับและต่อต้านการส่งสัญญาณรบกวน ระบบเรดาร์นี้จะถูกกระจายไปทั่วเกาะ มอบการป้องกันอย่างครอบคลุม ในขณะที่มีรายงานว่าทางกระทรวงจัดสรรงบประมาณสำหรับสัญญาณซื้อ NASAMS และเรดาร์ ไว้ที่ 737 ล้านดอลลาร์สหรัฐ . คำแถลงนี้มีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดขั้่นสูงระหว่างปักกิ่งและไทเป เกี่ยวกับสถานะทางการเมืองของไต้หวัน โดยจีนมองเกาะปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตยแห่งนี้เป็นมณฑลหนึ่งของพวกเขาที่แยกตัวออกไป และประกาศจะทำการร่วมชาติกับไต้หวัน ในนั้นรวมถึงการใช้กำลังถ้าจำเป็น อย่างไรก็ตาม ไทเปปฏิเสธคำกล่าวอ้างของปักกิ่ง และยืนยันเกี่ยวกับอธิปไตยของตนเอง . รัฐบาลในไทเปประณามเกี่ยวกับการซ้อมรบทางทหารของปักกิ่งใกล้เกาะแห่งนี้ ที่ชักถี่ขึ้นในช่วงหลัง ว่าเป็นการยั่วยุและบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค . แม้สหรัฐฯ ยึดถืออย่างเป็นทางการต่อนโยบายจีนเดียว รับรองคำกล่าวอ้างของปักกิ่งที่มีเหนือไต้หวัน แต่พวกเขายังคงเดินหน้าขายอาวุธแก่เกาะแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้เมื่อเดือนธันวาคม อเมริกาเพิ่งอนุมัติร่างกฎหมายกลาโหมฉบับหนึ่งมูลค่า 895,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งในนั้นรวมถึงมาตรการต่างๆ ที่มีเจตนายกระดับสนับสนุนไทเป . ปักกิ่งคัดค้านอย่างแข็งกร้าวต่อความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ กำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ เล่นงานบริษัทกลาโหมอเมริกา 7 แห่งในเดือนธันวาคม และเมื่อช่วงต้นเดือน ได้แบนห้ามขายผลิตภัณฑ์ที่ใช้ได้ทั้งทางพลเรือนและทางทหารจำนวน 28 รายการ แก่เหล่าซัปพลายเออร์ของกองทัพอเมริกา อ้างว่ามีการละเมิดหลักการจีนเดียว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000003316 .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 852 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้
    “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว

    ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข
    Own nothing and be happy

    รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ

    และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา

    องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย

    WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ
    ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda)

    WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation

    การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ

    ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง
    ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก
    กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว
    รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024
    • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ
    • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands

    • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้
    • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย
    • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด
    • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
    • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด
    • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง
    • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้
    ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย
    เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง
    • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state
    ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง
    (ดูเหมือน)มีความสุข

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข
    และ
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    12 มกราคม 2568-คุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้เขียนบทความเรื่อง ระเบียบโลกใหม่ WEF WHO และDeep State โรคระบาดกับวัคซีน มีเนื้อหาดังนี้ “ถึงเวลาเปิดโปงรับรู้และต่อต้าน ระเบียบโลกใหม่ ให้ มนุษย์อยู่ใต้อำนาจหนึ่งเดียว ระเบียบโลกใหม่ great reset โดยที่มนุษย์โลกจะไม่ได้ครอบครองอะไรเลย และสั่งให้ จงมีความสุข Own nothing and be happy รัฐบาลสหรัฐใหม่ ลุยตีโต้กลับ ระเบียบสร้างโลกหนึ่งเดียว ที่ ทุกประเทศ คนทั้งโลก ถือว่าเป็นสิ่งของ ที่ต้องทำตามคำสั่งทุกประการ ตาม world economic forum (WEF) deep state BlackRock State Street Vanguard ซึ่งก่อตั้งโดยกลุ่มอีลีท elite อภิสิทธิ์ชน ผู้ดี มหาเศรษฐี และมีเครือข่ายในบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ของโลก ไม่ว่าจะเป็น Pfizer Moderna GSK Sanofi และอื่นๆ และในการประชุมครั้งที่ 54 ที่ ดาวอส โดยมีหนังสือของการประชุมได้แจ้งรายชื่อของบริษัทที่พาร์ทเนอร์อย่างเป็นทางการกับ WEF ทั้งโลก (สามารถสืบค้นชื่อเหล่านี้และเป้าหมาย รายละเอียด ของ WEF ได้ ในหนังสือ) ซึ่งไม่ได้เป็นเกี่ยวกับยาเวชภัณฑ์เครื่องมือแพทย์เท่านั้นแต่ครอบคลุมความมั่นคงเศรษฐกิจสังคมและการศึกษา องค์การอนามัยโลก ถือเป็นหน่วยงานสำคัญส่วนหนึ่งของการจัดระเบียบโลกนี้ และผ่านเครือข่าย CDC FDA เป็นต้น ในการครอบคลุม global health care ทั้งนี้โดยยึดจุดอ่อนของประเทศต่างๆที่เคยชิน ทำตามคำสั่งของกลุ่มเหล่านี้มาตลอด รวมทั้งประเทศไทย WEF ได้ประกาศในวันที่ 9 มกราคม 2024 world health care initiative เปิดตัวในความริเริ่มที่จะใช้ ระบบดิจิตอล และปัญญาประดิษฐ์เพื่อหลอม ระบบดูแลสุขภาพทั้งโลก โดยที่ต้องทำ ตามอย่างเคร่งครัด และอีกหัวข้อที่สำคัญคือการจัดการประชากรล้นโลก โดยมีเป้าหมายให้ประชากรลดลง 10 ถึง 15% (depopulation agenda) WEF ได้รับการสนับสนุน และทำงานร่วมกับ Boston consulting group (BCG) ที่ทุนใหญ่ ทางการเงิน คือ จาก Bill & Melinda Gates foundation การต่อต้านสนธิสัญญา WHO treaty ต้องทำทันที มิฉะนั้น องค์การอนามัยโลก สามารถประกาศโรคระบาดลามโลก (อาจจะยังไม่อันตรายหรือระบาดจริง?) และสั่งให้สำรองวัคซีนสำหรับโรคใหม่และสั่งให้ฉีดทุกคนในโลกนี้ และสามารถสั่งการปิดประเทศ รวมทั้งจัดการให้มีบัตรประจำตัวดิจิตอลสุขภาพที่แสดงว่าได้รับวัคซีนหรือไม่ถ้าไม่ได้ตามที่กำหนดจะถูกจำกัดสิทธิ์รวมทั้งการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ประเด็นที่กำลังพยายามให้เป็นเรื่องใหญ่ ก็คือ ฝีดาษลิง ซึ่ง องค์การอนามัยโลกและผ่านทางองค์กรในรัฐบาลสหรัฐเก่า ในระยะเวลาที่ผ่านมา พยายามให้มีการฉีดวัคซีนฝีดาษลิง ทั้งๆที่ การระบาดลุกลาม และการเสียชีวิตไม่ได้กว้างขวางนัก และให้อังกฤษและสหรัฐ และสหภาพยุโรป สำรองวัคซีนฝีดาษลิง ความพยายามในเรื่องไข้หวัดนก H5N1 จากการวิเคราะห์สายพันธุ์ที่มีการประกาศว่าระบาดและมีการสั่งให้พัฒนาวัคซีน mRNA ไข้หวัดนก และเป้าหมายจะฉีดทั่วโลก กลุ่มคนไทยและแพทย์พิทักษ์สิทธิ์ รวมทั้งสมาพันธ์ชาวนาแห่งประเทศไทยมากกว่า 60,000 คนได้ลงชื่อและยื่นต่อรัฐบาลไทยไม่ให้อยู่ในสนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกนี้แล้ว รายงาน ที่มาและกำเนิดของไวรัสไข้หวัดนก ในปัจจุบัน The Proximal Origin of Epidemic Highly Pathogenic Avian Influenza H5N1 Clade 2.3.4.4b and Spread by Migratory water fowl วารสาร Waterfowl Poultry, Fisheries & Wildlife Sciences 2024 • มีความเป็นไปได้ ที่อาจมีที่มา ไม่ธรรมดา ของhighly pathogenic avian influenza HPAI H5N1 clade 2.3.4.4b genotype B3.13 ที่มีการติดเชื้อข้ามจากนก มาเป็ด ไก่ วัว หมู และอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วน่าแปลกใจ • การวิเคราะห์ดังในรายงานดังกล่าว ทางรหัสพันธุกรรมพบว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับการสร้างไวรัสใหม่ ที่ USDA Southeast Poultry Research Laboratory (SEPRL) ใน Athens, Georgia, และ the Erasmus medical center in Rotterdam, the Netherlands • การตรวจพบเชื้อ HPAI H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b ครั้งแรกในเนเธอร์แลนด์ในปี 2020 ทำให้เกิดข้อกังวลทันที ว่าเกี่ยวกับการวิจัย สร้างไวรัสใหม่ gain of function ในช่วงก่อนหน้านี้ (Erasmus ประเทศเนเธอร์แลนด์) และสถาบันมีรายงานความสำเร็จในการสร้างไวรัสใหม่ในปี 2012 ถึงกับสร้าง ให้สามารถแพร่ทางอากาศได้ • การวิเคราะห์ทางพันธุกรรมบ่งชี้ว่ามีจีโนไทป์B3.13 ซึ่งปรากฏในปี 2024 และเชื่อมโยงกับจีโนไทป์ B1.2 ซึ่งมีต้นกำเนิดในจอร์เจียในเดือนมกราคม 2022 หลังจากเริ่มการทดลองการ เพาะเชื้อผ่านแบบต่อเนื่อง (serial passage) กับเชื้อ H5Nx กลุ่ม 2.3.4.4 ในเป็ดแมลลาร์ดที่ SEPRL ในเอเธนส์ จอร์เจีย • ในเดือนเมษายน 2021 พบจีโนไทป์ B1.2 ในปลาโลมาหัวขวด • ในเดือนมีนาคม 2022 ในฟลอริดา ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับตัวใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน • ยีน NP ของเชื้อ H5N1 กลุ่ม 2.3.4.4b (จีโนไทป์B3.13) มีแนวโน้มว่ามาจากไวรัสไข้หวัดนกชนิด A ในเป็ดแมลลาร์ด • การกลายพันธุ์ที่สำคัญที่พบในกรณีของมนุษย์เมื่อไม่นานนี้ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้กับการทดลองการผ่านไวรัสแบบต่อเนื่อง • อย่างไรก็ตามแม้ว่าไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสามารถปรับตัวข้ามสปีชีส์ของสัตว์และมาคนได้ “แต่ไม่พบความรุนแรง” นั่นก็คือไม่มีการแสดงอาการของโรคและการตายเช่นไวรัส ไข้หวัด นกก่อนหน้านี้ ดังนั้นประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับ CDC FDA และหน่วยงานเกษตรของสหรัฐ ที่แจ้งว่าไข้หวัดนกมีการลุกลามอย่างมากและจำเป็นต้องมีการใช้วัคซีนด่วนและสำหรับทั่วโลกด้วย เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานของการระบาดลุกลามนั้นเป็นการตรวจพีซีอาร์ รวมทั้งการตรวจในน้ำเสียที่ปล่อยทิ้งและพบสารพันธุกรรมเยอะขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ได้สะท้อนถึงความรุนแรงที่ปรากฏไม่ว่าจะเป็นในสัตว์หรือในมนุษย์เอง • ตัวอย่างโรคระบาดเหล่านี้รวมถึงโควิดที่ผ่านมาทำให้รัฐบาลใหม่สหรัฐ ประกาศยุติความสัมพันธ์กับองค์การอนามัยโลกโดยประธานาธิบดีใหม่ได้กล่าวปราศรัยว่าเป็นองค์กรที่ทุจริตและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับบริษัทยาวัคซีนยักษ์ใหญ่ และถึงกับแทรกตัวเข้าไปในองค์กรที่ตั้งตรวจสอบยาและวัคซีนของสหรัฐ FDA CDC โดยจะมีการปลด และทำการรื้อองค์กรใหม่พร้อมกับประกาศสอบความเชื่อมโยงกับแพทย์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิชาการ ซึ่งได้รับผลประโยชน์ทางด้านการได้รับทุนวิจัยรวมทั้งสินบน เพื่อปกป้องผลิตภัณฑ์และส่งเสริมการขายโดยให้ใช้ในประชาชนทั่วโลกผ่านการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคระบาด และรัฐบาลใหม่ประกาศจุดยืนต้าน deep state ในประเทศไทยมีคนในระดับผู้นำองค์กรเป็นสมาชิก WEF และเริ่มมีประกาศสนับสนุนแนวทางสร้างโลกหนึ่งเดียว โดยมนุษย์โลกต้องอยู่ให้ได้ภายใต้กรอบเข้มงวด อย่าง (ดูเหมือน)มีความสุข ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ศูนย์ความเป็นเลิศ ด้านการแพทย์บูรณาการและสาธารณสุข และ ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต (เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมน์สุขภาพหรรษา วันที่ 5 และ 12 มกราคม 2025)
    Like
    Love
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่อยู่ครับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทชิปในสิงคโปร์หลังจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ส่งผลิตภัณฑ์ไปยัง Huawei บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน

    รายงานนี้มาจาก South China Morning Post ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งข่าวสามแห่งที่ระบุว่าชิปของ TSMC ถูกพบในโปรเซสเซอร์ AI ของ Huawei ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบและการดำเนินการของ TSMC ต่อบริษัท PowerAIR

    การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่อ Huawei ทำให้บริษัทจีนไม่สามารถจัดหาชิปขั้นสูงที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติที่อาจถูกใช้เพื่อทำลายผลประโยชน์ของสหรัฐ แม้จะมีการคว่ำบาตร แต่มีรายงานหลายฉบับที่ชี้ให้เห็นว่าชิปขั้นสูงของ TSMC ยังคงถูกส่งไปยัง Huawei

    PowerAIR ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กในสิงคโปร์ ได้รับการตรวจสอบจาก TSMC หลังจากพบว่าชิปของ TSMC ถูกใช้ในโปรเซสเซอร์ AI ของ Huawei การคว่ำบาตรของสหรัฐที่เข้มงวดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Biden ทำให้ Huawei ต้องพึ่งพาวิธีการหลายอย่างในการจัดหาชิปขั้นสูงและเทคโนโลยีการผลิตชิป

    Huawei ไม่สามารถเข้าถึงชิปขั้นสูงที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีของสหรัฐได้ ทำให้บริษัทต้องพึ่งพา Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีนในการจัดหาชิป SMIC เองก็ถูกคว่ำบาตรจากการจัดหาอุปกรณ์ล่าสุด ทำให้ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนเช่นการทำหลายลวดลายเพื่อผลิตชิปขั้นสูง ซึ่งลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเพิ่มต้นทุนการผลิต ข้อจำกัดที่ป้องกันไม่ให้ SMIC ของจีนจัดหาเครื่องจักร EUV ทำให้ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนในการผลิตชิปล่าสุด ซึ่งลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ SMIC อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเมื่อเทียบกับผู้ผลิตชิปรายอื่น

    รายงานในเดือนพฤศจิกายนจาก Financial Times ระบุว่า TSMC ชี้แจงว่าชิปที่พบในโปรเซสเซอร์ Ascend 910B ของ Huawei ถูกส่งก่อนที่การคว่ำบาตรของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Huawei ได้เพิ่มความพยายามในการดึงดูดวิศวกรของ TSMC โดยเสนอเงินเดือนสามเท่าและสิทธิประโยชน์อื่นๆ

    https://wccf.tech/1fsp9
    ข่าวใหญ่อยู่ครับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ได้ยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทชิปในสิงคโปร์หลังจากการตรวจสอบพบว่าบริษัทดังกล่าวได้ส่งผลิตภัณฑ์ไปยัง Huawei บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน รายงานนี้มาจาก South China Morning Post ซึ่งอ้างอิงจากแหล่งข่าวสามแห่งที่ระบุว่าชิปของ TSMC ถูกพบในโปรเซสเซอร์ AI ของ Huawei ซึ่งนำไปสู่การตรวจสอบและการดำเนินการของ TSMC ต่อบริษัท PowerAIR การคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาต่อ Huawei ทำให้บริษัทจีนไม่สามารถจัดหาชิปขั้นสูงที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีของสหรัฐได้ เนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติที่อาจถูกใช้เพื่อทำลายผลประโยชน์ของสหรัฐ แม้จะมีการคว่ำบาตร แต่มีรายงานหลายฉบับที่ชี้ให้เห็นว่าชิปขั้นสูงของ TSMC ยังคงถูกส่งไปยัง Huawei PowerAIR ซึ่งเป็นบริษัทขนาดเล็กในสิงคโปร์ ได้รับการตรวจสอบจาก TSMC หลังจากพบว่าชิปของ TSMC ถูกใช้ในโปรเซสเซอร์ AI ของ Huawei การคว่ำบาตรของสหรัฐที่เข้มงวดขึ้นในยุคของประธานาธิบดี Biden ทำให้ Huawei ต้องพึ่งพาวิธีการหลายอย่างในการจัดหาชิปขั้นสูงและเทคโนโลยีการผลิตชิป Huawei ไม่สามารถเข้าถึงชิปขั้นสูงที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีของสหรัฐได้ ทำให้บริษัทต้องพึ่งพา Semiconductor Manufacturing International Corporation (SMIC) ของจีนในการจัดหาชิป SMIC เองก็ถูกคว่ำบาตรจากการจัดหาอุปกรณ์ล่าสุด ทำให้ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนเช่นการทำหลายลวดลายเพื่อผลิตชิปขั้นสูง ซึ่งลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเพิ่มต้นทุนการผลิต ข้อจำกัดที่ป้องกันไม่ให้ SMIC ของจีนจัดหาเครื่องจักร EUV ทำให้ต้องใช้เทคนิคที่ซับซ้อนในการผลิตชิปล่าสุด ซึ่งลดคุณภาพของผลิตภัณฑ์และเพิ่มต้นทุนการผลิต ทำให้ SMIC อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบเมื่อเทียบกับผู้ผลิตชิปรายอื่น รายงานในเดือนพฤศจิกายนจาก Financial Times ระบุว่า TSMC ชี้แจงว่าชิปที่พบในโปรเซสเซอร์ Ascend 910B ของ Huawei ถูกส่งก่อนที่การคว่ำบาตรของสหรัฐจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Huawei ได้เพิ่มความพยายามในการดึงดูดวิศวกรของ TSMC โดยเสนอเงินเดือนสามเท่าและสิทธิประโยชน์อื่นๆ https://wccf.tech/1fsp9
    WCCF.TECH
    TSMC Cuts Ties With Another Firm For Supplying Huawei With AI Chips - Report
    The Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) has cut off ties with another firm over supplying chips to Huawei.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts