• 🪭แม่สื่อสมัยโบราณ 🪭

    สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสู่ขอและ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ และมีการกล่าวถึงการใช้แม่สื่อ แต่เพื่อนเพจคงไม่ได้อรรถรสว่าจริงๆ แล้วการใช้แม่สื่อมีความสำคัญมาก ในบางยุคสมัยอย่างเช่นสมัยถังถึงกับบัญญัติเป็นกฎหมายไว้ว่าการแต่งงานต้องมีแม่สื่อ

    เพื่อนเพจรู้หรือไม่ว่า มีหน่วยงานรัฐรับหน้าที่แม่สื่อ?

    ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ ของสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกมีการระบุไว้ว่า: สำนักงาน ‘เหมยซึ’ (媒氏) มีหน้าที่ดูแลการแต่งงานของประชาชน... ทำทะเบียนบันทึกวันเดือนปีเกิดของทุกคนและจัดให้บุรุษแต่งงานเมื่ออายุสามสิบปีและสตรีเมื่ออายุยี่สิบปี... จัดเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิหรือที่เรียกว่า ‘จงชุนฮุ่ย’ (仲春会) เพื่อเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะดูตัว...

    ก่อนจะลงลึกเรื่องหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อเหมยซึนี้ เรามาคุยกันเล็กน้อยเรื่องเกณฑ์อายุสมรสที่กล่าวถึงข้างต้น

    พวกเราจะคุ้นเคยว่ากฎหมายกำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำไว้ แต่ในสมัยโบราณมีกำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้คนแต่งงานมีลูกสืบสกุล ในความเชื่อของคนโบราณคือการไม่มีบุตรสืบสกุลถือเป็นความอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง แต่จริงๆ แล้วในมุมมองของรัฐมันมีเหตุผลด้านการพัฒนาประเทศ อย่าลืมว่าแรกเริ่มเลยเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยเกษตรกรรม เมื่อประชากรน้อยผลผลิตก็น้อยรัฐก็จน อีกทั้งในสมัยโบราณมีศึกสงครามและอายุขัยของคนไม่ยาวเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นทางการจึงพยายามกระตุ้นให้คนแต่งงานและมีลูกหลานกัน จนถึงขั้นกำหนดเป็นกฎหมายบังคับ เพียงแต่เกณฑ์อายุตามกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างเช่นในสมัยฮั่นบุรุษต้องแต่งงานภายในอายุสามสิบปีและสตรีภายในอายุสิบห้าปี หาไม่แล้วต้องถูกปรับด้วยการจ่ายภาษีเพิ่มเป็นห้าเท่า (ในสมัยนั้นจ่ายภาษีเป็นรายหัว ไม่เกี่ยวกับรายได้) และในสมัยราชวงศ์เหนือใต้กำหนดว่าหากสตรีไม่แต่งงานภายในอายุสิบห้าปีพ่อแม่ต้องโทษจำคุก

    แต่ในสมัยโบราณก็มีคนที่ไม่ได้แต่งงานภายในอายุที่กฎหมายที่กำหนด บ้างยืดเวลาออกไปเพราะเหตุผลการไว้ทุกข์ให้พ่อแม่ บ้างมีเหตุผลอื่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปหาข้อมูลต่อว่าแต่ละยุคสมัยเขามีวิธีหลีกเลี่ยงการแต่งงานกันอย่างไร แต่ที่ชัดเจนก็คือว่า ผู้ที่ถึงเกณฑ์อายุสูงสุดแล้วยังไม่ได้แต่งงานจะมีสำนักงานแม่สื่อมาช่วยจัดการหาคู่ให้ โดยมีความพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวเห็นชอบและมีตัวเลือกให้ ไม่ใช่นึกจะบังคับแต่งกับใครก็บังคับเลย ประมาณว่าเป็นการบังคับแต่งงานแบบประนีประนอม และนี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อ

    ทีนี้มาเข้าเรื่องหน้าที่แม่สื่อ... สำหรับหน้าที่แม่สื่อนี้ สำนักงานเหมยซึไม่เพียงหาคู่ให้กับผู้ที่ใกล้จะเลยเกณฑ์อายุสูงสุด หากแต่ยังช่วยหาคู่ให้กับผู้ที่ไม่มีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่จัดการเรื่องนี้ รวมถึงจัดงานเทศกาลที่บังคับให้หนุ่มสาวออกมาพบปะและดูตัวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นธุระดูแลเรื่องพิธีการต่างๆ ให้ถูกต้องเช่นส่งคนไปช่วยสู่ขอ กำหนดวันแต่งงาน ช่วยจัดงานแต่งงาน และดูแลสินสอดให้เหมาะสม ในบางสมัยถึงกับมีหน้าที่จัดสรรเงินจากงบประมาณแผ่นดินหรือหาคณบดีท้องถิ่นมาเป็นผู้อุปถัมภ์เพื่อให้บุรุษที่ยากจนสามารถมีเงินสินสอดไปแต่งเมียได้ และอย่างในสมัยฉินมีหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้คู่บ่าวสาวไปตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดขึ้นในการหมั้นหมายและแต่งงาน

    และจากตัวอย่างที่ยกมาจากบันทึกโจวหลี่ จะเห็นว่าหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อมีอีกส่วนหนึ่งคืองานด้านทะเบียน โดยมีหน้าที่บันทึกว่าใครเกิดเมื่อไหร่แต่งงานแล้วหรือยัง หย่าร้างหรือไม่ รวมถึงดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน เช่นการลงโทษตามกฏหมาย (เช่น หลบหนีการแต่งงาน)

    ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่แม่สื่อในงานพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมงคลสมรสก็คือคนจากสำนักงานเหมยซึนี่เอง หรือที่เรียกว่า ‘แม่สื่อหลวง’ (官媒) แต่ผู้ที่เป็นแม่สื่อหลวงอาจไม่ใช่ขุนนางทุกคน เพราะเขาจะมีการจ้างคนนอกช่วยทำงาน กล่าวคือคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมีฝีปากเป็นเลิศคล่องแคล่วแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ มาขึ้นทะเบียนเป็นแม่สื่อหลวงที่ต้องออกไปช่วยเจรจาทาบทามสู่ขอ ช่วยทำพิธีการต่างๆ โดยคนเหล่านี้ได้รับค่าจ้างหลวงแต่ไม่ใช่ข้าราชการ และส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือในท้องที่นั้นๆ หรือเป็นผู้ที่ผู้อาวุโสเหล่านี้แนะนำมา

    ในยุคที่รุ่งเรืองมากๆ อย่างสมัยซ่งนั้น กิจการแม่สื่อมืออาชีพก็เฟื่องฟูตาม มีทั้งแม่สื่อฝ่ายชายและแม่สื่อฝ่ายหญิง ในสมัยซ่งถึงขนาดมีแบ่งแยกระดับของแม่สื่อ ในบันทึก ‘ตงจิงเมิ่งหัวลู่’ ที่ให้รายละเอียดวิถีชีวิตและธรรมเนียมปฏิบัติของคนสมัยซ่งเหนือได้กล่าวไว้ว่า แม่สื่อขั้นสูงสุดนั้นมีผ้าโพกศีรษะสวมเสื้อนอกสีม่วง ให้บริการเฉพาะขุนนางและครอบครัวขุนนาง

    และต่อมาพัฒนาขึ้นเป็น ‘แม่สื่อเอกชน’ (私媒) แบบมืออาชีพ กล่าวคือได้ค่าจ้างจากครอบครัวบ่าวสาว แต่ก็ต้องขึ้นทะเบียนกับทางการอยู่ดี

    ทำไมแค่ช่วยสู่ขอช่วยจัดงานแต่งยังต้องทำเป็นทางการขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะว่าแม่สื่อมีหน้าที่และความรับผิดได้ตามกฎหมาย เป็นต้นว่า หากแม่สื่อโฆษณาคุณสมบัติของบุรุษสตรีเกินจริงจนเข้าข่ายบิดเบือนหรือหลอกลวงก็จะมีโทษ; แม่สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบและสืบข้อมูลประวัติของทั้งสองครอบครัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นการแต่งงานที่เข้าข่ายต้องห้าม (เช่น ข้ามสถานะระหว่างบุคคลธรรมดากับบุคคลในทะเบียนทาส; เป็นพยานสำคัญว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกคนหรือไม่ ตั้งแต่ข้อมูลวันเดือนปีเกิด เอกสารการหมั้นและการรับตัวเจ้าสาว หรือหากรู้เห็นเป็นใจการหนีสมรสก็มีโทษเช่นกัน; เป็นพยานสำคัญว่าสินสอดและสินเดิมเจ้าสาวถูกต้องครบถ้วนตามรายการบัญชีที่ทำ; และอาจเป็นพยานหรือเป็นผู้ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างครอบครัวบ่าวสาวได้ ฯลฯ

    แม่สื่อเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้ เพียงแต่ในยุคที่กิจการแม่สื่อเฟื่องฟู คนที่นิยมทำหน้าที่นี้เป็นสตรีเสียส่วนใหญ่ และจวบจนสมัยชิงยังมีการกล่าวถึงแม่สื่อหลวง โดยมีตัวอย่างจากบทประพันธ์โบราณชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น) ซึ่งเป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ดังนั้น แม่สื่อหลวงและแม่สื่อเอกชนอยู่คู่กับจีนมาหลายพันปีแล้ว

    และแน่นอนว่า แม่สื่อเอกชนแบบที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการก็มี เช่นอาจมีการเชิญผู้ใหญ่คนรู้จักไปช่วยพูดจาทาบทาม เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะนึกภาพออกเพราะบ้านเราเรียกว่า ‘เถ้าแก่’ แต่เถ้าแก่นี้ไม่ใช่แม่สื่อหลักเพราะตามกระบวนการของกฎหมายต้องมีแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วช่วยดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแม่สื่อหลวงหรือแม่สื่อเอกชน ดังนั้นในบริบทนี้ บางครอบครัวอาจใช้เถ้าแก่มาเสริม จึงเกิดเป็นสำนวนที่ว่า ‘ซานเหมยลิ่วพิ่น’ ( 三媒六聘/สามแม่สื่อหกพิธีการแต่งงาน) กล่าวคือแม่สื่อหรือเถ้าแก่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และคนกลางซึ่งมักเป็นแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://meihuamag.com/牵线说媒,这行当已有五千年历史/
    http://sino.newdu.com/m/view.php?aid=91147
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.sss.net.cn/106001/30036.aspx
    http://www.heyuanxw.com/2014/wenhua_1216/15238.html
    http://iolaw.cssn.cn/xspl/200607/t20060726_4598436.shtml
    http://www.xinfajia.net/2592.html
    https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=795664&remap=gb#%娶妇
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_26937009

    #แม่สื่อ #กวนเหมย #ซือเหมย #เหมยซึ #การแต่งงานจีนโบราณ #สาระจีน
    🪭แม่สื่อสมัยโบราณ 🪭 สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับขั้นตอนการสู่ขอและ ‘สามหนังสือหกพิธีการ’ และมีการกล่าวถึงการใช้แม่สื่อ แต่เพื่อนเพจคงไม่ได้อรรถรสว่าจริงๆ แล้วการใช้แม่สื่อมีความสำคัญมาก ในบางยุคสมัยอย่างเช่นสมัยถังถึงกับบัญญัติเป็นกฎหมายไว้ว่าการแต่งงานต้องมีแม่สื่อ เพื่อนเพจรู้หรือไม่ว่า มีหน่วยงานรัฐรับหน้าที่แม่สื่อ? ในบันทึกพิธีการโจวหลี่ซึ่งเป็นบันทึกโบราณที่ถูกจัดทำขึ้นในสมัยฮั่นว่าด้วยพิธีการต่างๆ ของสมัยราชวงศ์โจวตะวันตกมีการระบุไว้ว่า: สำนักงาน ‘เหมยซึ’ (媒氏) มีหน้าที่ดูแลการแต่งงานของประชาชน... ทำทะเบียนบันทึกวันเดือนปีเกิดของทุกคนและจัดให้บุรุษแต่งงานเมื่ออายุสามสิบปีและสตรีเมื่ออายุยี่สิบปี... จัดเทศกาลกลางฤดูใบไม้ผลิหรือที่เรียกว่า ‘จงชุนฮุ่ย’ (仲春会) เพื่อเป็นโอกาสให้หนุ่มสาวได้พบปะดูตัว... ก่อนจะลงลึกเรื่องหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อเหมยซึนี้ เรามาคุยกันเล็กน้อยเรื่องเกณฑ์อายุสมรสที่กล่าวถึงข้างต้น พวกเราจะคุ้นเคยว่ากฎหมายกำหนดเกณฑ์อายุขั้นต่ำไว้ แต่ในสมัยโบราณมีกำหนดเกณฑ์อายุสูงสุดไว้ด้วย ทั้งนี้เพื่อผลักดันให้ผู้คนแต่งงานมีลูกสืบสกุล ในความเชื่อของคนโบราณคือการไม่มีบุตรสืบสกุลถือเป็นความอกตัญญูอย่างใหญ่หลวง แต่จริงๆ แล้วในมุมมองของรัฐมันมีเหตุผลด้านการพัฒนาประเทศ อย่าลืมว่าแรกเริ่มเลยเศรษฐกิจถูกขับเคลื่อนโดยเกษตรกรรม เมื่อประชากรน้อยผลผลิตก็น้อยรัฐก็จน อีกทั้งในสมัยโบราณมีศึกสงครามและอายุขัยของคนไม่ยาวเหมือนสมัยนี้ ดังนั้นทางการจึงพยายามกระตุ้นให้คนแต่งงานและมีลูกหลานกัน จนถึงขั้นกำหนดเป็นกฎหมายบังคับ เพียงแต่เกณฑ์อายุตามกฎหมายนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างเช่นในสมัยฮั่นบุรุษต้องแต่งงานภายในอายุสามสิบปีและสตรีภายในอายุสิบห้าปี หาไม่แล้วต้องถูกปรับด้วยการจ่ายภาษีเพิ่มเป็นห้าเท่า (ในสมัยนั้นจ่ายภาษีเป็นรายหัว ไม่เกี่ยวกับรายได้) และในสมัยราชวงศ์เหนือใต้กำหนดว่าหากสตรีไม่แต่งงานภายในอายุสิบห้าปีพ่อแม่ต้องโทษจำคุก แต่ในสมัยโบราณก็มีคนที่ไม่ได้แต่งงานภายในอายุที่กฎหมายที่กำหนด บ้างยืดเวลาออกไปเพราะเหตุผลการไว้ทุกข์ให้พ่อแม่ บ้างมีเหตุผลอื่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปหาข้อมูลต่อว่าแต่ละยุคสมัยเขามีวิธีหลีกเลี่ยงการแต่งงานกันอย่างไร แต่ที่ชัดเจนก็คือว่า ผู้ที่ถึงเกณฑ์อายุสูงสุดแล้วยังไม่ได้แต่งงานจะมีสำนักงานแม่สื่อมาช่วยจัดการหาคู่ให้ โดยมีความพยายามหว่านล้อมให้เจ้าตัวเห็นชอบและมีตัวเลือกให้ ไม่ใช่นึกจะบังคับแต่งกับใครก็บังคับเลย ประมาณว่าเป็นการบังคับแต่งงานแบบประนีประนอม และนี่เป็นหนึ่งในหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อ ทีนี้มาเข้าเรื่องหน้าที่แม่สื่อ... สำหรับหน้าที่แม่สื่อนี้ สำนักงานเหมยซึไม่เพียงหาคู่ให้กับผู้ที่ใกล้จะเลยเกณฑ์อายุสูงสุด หากแต่ยังช่วยหาคู่ให้กับผู้ที่ไม่มีพ่อแม่หรือผู้ใหญ่จัดการเรื่องนี้ รวมถึงจัดงานเทศกาลที่บังคับให้หนุ่มสาวออกมาพบปะและดูตัวกัน นอกจากนี้ ยังเป็นธุระดูแลเรื่องพิธีการต่างๆ ให้ถูกต้องเช่นส่งคนไปช่วยสู่ขอ กำหนดวันแต่งงาน ช่วยจัดงานแต่งงาน และดูแลสินสอดให้เหมาะสม ในบางสมัยถึงกับมีหน้าที่จัดสรรเงินจากงบประมาณแผ่นดินหรือหาคณบดีท้องถิ่นมาเป็นผู้อุปถัมภ์เพื่อให้บุรุษที่ยากจนสามารถมีเงินสินสอดไปแต่งเมียได้ และอย่างในสมัยฉินมีหน้าที่จัดสรรที่ดินทำกินให้คู่บ่าวสาวไปตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทต่างๆ อันเกิดขึ้นในการหมั้นหมายและแต่งงาน และจากตัวอย่างที่ยกมาจากบันทึกโจวหลี่ จะเห็นว่าหน้าที่ของสำนักงานแม่สื่อมีอีกส่วนหนึ่งคืองานด้านทะเบียน โดยมีหน้าที่บันทึกว่าใครเกิดเมื่อไหร่แต่งงานแล้วหรือยัง หย่าร้างหรือไม่ รวมถึงดูแลให้เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการแต่งงาน เช่นการลงโทษตามกฏหมาย (เช่น หลบหนีการแต่งงาน) ดังนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่แม่สื่อในงานพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานมงคลสมรสก็คือคนจากสำนักงานเหมยซึนี่เอง หรือที่เรียกว่า ‘แม่สื่อหลวง’ (官媒) แต่ผู้ที่เป็นแม่สื่อหลวงอาจไม่ใช่ขุนนางทุกคน เพราะเขาจะมีการจ้างคนนอกช่วยทำงาน กล่าวคือคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถมีฝีปากเป็นเลิศคล่องแคล่วแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ไม่มีประวัติอาชญากรรม ฯลฯ มาขึ้นทะเบียนเป็นแม่สื่อหลวงที่ต้องออกไปช่วยเจรจาทาบทามสู่ขอ ช่วยทำพิธีการต่างๆ โดยคนเหล่านี้ได้รับค่าจ้างหลวงแต่ไม่ใช่ข้าราชการ และส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุโสที่ผู้คนให้ความเคารพนับถือในท้องที่นั้นๆ หรือเป็นผู้ที่ผู้อาวุโสเหล่านี้แนะนำมา ในยุคที่รุ่งเรืองมากๆ อย่างสมัยซ่งนั้น กิจการแม่สื่อมืออาชีพก็เฟื่องฟูตาม มีทั้งแม่สื่อฝ่ายชายและแม่สื่อฝ่ายหญิง ในสมัยซ่งถึงขนาดมีแบ่งแยกระดับของแม่สื่อ ในบันทึก ‘ตงจิงเมิ่งหัวลู่’ ที่ให้รายละเอียดวิถีชีวิตและธรรมเนียมปฏิบัติของคนสมัยซ่งเหนือได้กล่าวไว้ว่า แม่สื่อขั้นสูงสุดนั้นมีผ้าโพกศีรษะสวมเสื้อนอกสีม่วง ให้บริการเฉพาะขุนนางและครอบครัวขุนนาง และต่อมาพัฒนาขึ้นเป็น ‘แม่สื่อเอกชน’ (私媒) แบบมืออาชีพ กล่าวคือได้ค่าจ้างจากครอบครัวบ่าวสาว แต่ก็ต้องขึ้นทะเบียนกับทางการอยู่ดี ทำไมแค่ช่วยสู่ขอช่วยจัดงานแต่งยังต้องทำเป็นทางการขนาดนั้น? นั่นเป็นเพราะว่าแม่สื่อมีหน้าที่และความรับผิดได้ตามกฎหมาย เป็นต้นว่า หากแม่สื่อโฆษณาคุณสมบัติของบุรุษสตรีเกินจริงจนเข้าข่ายบิดเบือนหรือหลอกลวงก็จะมีโทษ; แม่สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบและสืบข้อมูลประวัติของทั้งสองครอบครัวเพื่อให้แน่ใจว่าไม่ได้เป็นการแต่งงานที่เข้าข่ายต้องห้าม (เช่น ข้ามสถานะระหว่างบุคคลธรรมดากับบุคคลในทะเบียนทาส; เป็นพยานสำคัญว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวถูกคนหรือไม่ ตั้งแต่ข้อมูลวันเดือนปีเกิด เอกสารการหมั้นและการรับตัวเจ้าสาว หรือหากรู้เห็นเป็นใจการหนีสมรสก็มีโทษเช่นกัน; เป็นพยานสำคัญว่าสินสอดและสินเดิมเจ้าสาวถูกต้องครบถ้วนตามรายการบัญชีที่ทำ; และอาจเป็นพยานหรือเป็นผู้ช่วยไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างครอบครัวบ่าวสาวได้ ฯลฯ แม่สื่อเป็นบุรุษหรือสตรีก็ได้ เพียงแต่ในยุคที่กิจการแม่สื่อเฟื่องฟู คนที่นิยมทำหน้าที่นี้เป็นสตรีเสียส่วนใหญ่ และจวบจนสมัยชิงยังมีการกล่าวถึงแม่สื่อหลวง โดยมีตัวอย่างจากบทประพันธ์โบราณชื่อ ‘สิ่งซื่อเหิงเหยียน’ (醒世恒言 /วจีปลุกให้โลกตื่น) ซึ่งเป็นผลงานของเฝิงเมิ่งหลง นักเขียนผู้มีชีวิตอยู่ในช่วงตอนปลายหมิงต้นชิง ดังนั้น แม่สื่อหลวงและแม่สื่อเอกชนอยู่คู่กับจีนมาหลายพันปีแล้ว และแน่นอนว่า แม่สื่อเอกชนแบบที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการก็มี เช่นอาจมีการเชิญผู้ใหญ่คนรู้จักไปช่วยพูดจาทาบทาม เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะนึกภาพออกเพราะบ้านเราเรียกว่า ‘เถ้าแก่’ แต่เถ้าแก่นี้ไม่ใช่แม่สื่อหลักเพราะตามกระบวนการของกฎหมายต้องมีแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วช่วยดำเนินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแม่สื่อหลวงหรือแม่สื่อเอกชน ดังนั้นในบริบทนี้ บางครอบครัวอาจใช้เถ้าแก่มาเสริม จึงเกิดเป็นสำนวนที่ว่า ‘ซานเหมยลิ่วพิ่น’ ( 三媒六聘/สามแม่สื่อหกพิธีการแต่งงาน) กล่าวคือแม่สื่อหรือเถ้าแก่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง และคนกลางซึ่งมักเป็นแม่สื่อที่ขึ้นทะเบียนแล้วนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://meihuamag.com/牵线说媒,这行当已有五千年历史/ http://sino.newdu.com/m/view.php?aid=91147 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.sss.net.cn/106001/30036.aspx http://www.heyuanxw.com/2014/wenhua_1216/15238.html http://iolaw.cssn.cn/xspl/200607/t20060726_4598436.shtml http://www.xinfajia.net/2592.html https://ctext.org/wiki.pl?if=gb&chapter=795664&remap=gb#%娶妇 https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_26937009 #แม่สื่อ #กวนเหมย #ซือเหมย #เหมยซึ #การแต่งงานจีนโบราณ #สาระจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลาเต้ร้อนใส่ถุงกลับบ้าน : [News story]

    เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน ใส่ถุงกลับบ้าน บาริสต้าจึงต้องจัดให้แบบนี้ เพื่อให้ลายวาดยังอยู่ สุดท้ายคดีพลิกตอนจบ ถึงจะล้มเหลว แต่เห็นความพยายาม
    ลาเต้ร้อนใส่ถุงกลับบ้าน : [News story] เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน ใส่ถุงกลับบ้าน บาริสต้าจึงต้องจัดให้แบบนี้ เพื่อให้ลายวาดยังอยู่ สุดท้ายคดีพลิกตอนจบ ถึงจะล้มเหลว แต่เห็นความพยายาม
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 783 มุมมอง 50 0 รีวิว
  • เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน ใส่ถุงกลับบ้าน บาริสต้าจึงต้องจัดให้แบบนี้ เพื่อให้ลายวาดยังอยู่ สุดท้ายคดีพลิกตอนจบ ถึงจะล้มเหลว แต่เห็นความพยายาม
    #เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน #กาแฟลาเต้ #บาริสต้ามืออาชีพ #News1 #Newsstory
    เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน ใส่ถุงกลับบ้าน บาริสต้าจึงต้องจัดให้แบบนี้ เพื่อให้ลายวาดยังอยู่ สุดท้ายคดีพลิกตอนจบ ถึงจะล้มเหลว แต่เห็นความพยายาม #เมื่อลูกค้าสั่งลาเต้ร้อน #กาแฟลาเต้ #บาริสต้ามืออาชีพ #News1 #Newsstory
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย
    .
    ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน
    .
    เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้”
    .
    “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว
    .
    ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน
    .
    "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน
    .
    "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว
    .
    ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก
    .
    "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ"
    .
    ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น
    .
    ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด
    .
    ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต
    .
    ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ
    .
    สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ
    .
    ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวหา โดนัลด์ ทรัมป์ ว่า เอาแต่เชื่อฟัง “ข้อมูลข่าวสารเท็จ” ของฝ่ายรัสเซีย เป็นการตอบโต้ผู้นำสหรัฐฯ ที่พูดเมื่อ 1 วันก่อนหน้านั้น โจมตีประมุขเคียฟกลายๆ ว่า เขาเป็นต้นตอปล่อยให้ความขัดแย้งกับรัสเซียเริ่มต้นขึ้นมาและลุกลามบานปลายอย่างไม่จำเป็น การโจมตีใส่กันเช่นนี้ส่อแสดงให้เห็นว่ายูเครนกับคณะบริหารใหม่ของอเมริกายิ่งมองหน้ากันไม่ติด หลังจากคณะผู้แทนทางการทูตระดับสูงของสหรัฐฯ และรัสเซียเปิดการหารือกันอย่างชื่นมื่นที่ซาอุดีอาระเบีย ในเรื่องหนทางยุติสงครามในยูเครนและการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างแดนอินทรีกับแดนหมีขาว โดยที่ไม่เชิญยูเครนหรือชาติยุโรปซึ่งหนุนหลังเคียฟเข้าร่วมด้วย . ระหว่างการแถลงข่าวสื่อมวลชนเมื่อวันอังคาร (18) ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวย้ำประเด็นจำนวนมากที่ฝ่ายรัสเซียได้พูดเอาไว้ในช่วง 3 ปีที่เกิดสงครามในยูเครน โดยประณามเคียฟว่าเป็นผู้เริ่มต้นทำให้เกิดการสู้รบขึ้นมาอย่างไม่จำเป็น พร้อมกับย้ำว่า บรรดาผู้นำในเคียฟไม่ควรปล่อยให้เกิดการสู้รบขัดแย้งขึ้นมาตั้งแต่แรก ทั้งนี้คำพูดเช่นนี้ของเขาอาจตีความได้ว่า เขาเห็นว่ายูเครนน่าจะยอมโอนอ่อนผ่อนตามแดนหมีขาว ก่อนที่รัสเซียจะยกทัพบุกเมื่อต้นปี 2022 นอกจากนั้น ทรัมป์ยังเสนอแนะว่าเซเลนสกีกำลังไม่เป็นที่นิยมชมชื่นของประชาชนชาวยูเครน . เซเลนสกีกล่าวตอบโต้กลับในวันพุธ โดยบอกว่า “โชคร้าย ท่านประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเรามีความเคารพอย่างใหญ่หลวงในฐานะเป็นผู้นำของประชาชนชาวอเมริกัน ... มีชีวิตอยู่ในท่ามกลางแวดวงข้อมูลข่าวสารเท็จเช่นนี้” . “ผมเชื่อว่าสหรัฐฯ ได้ช่วยเหลือให้ปูตินสามารถทลายการถูกโดดเดี่ยวมาเป็นเวลาหลายปี” เซเลนสกี กล่าว . ในวันอังคาร ทรัมป์กล่าวตำหนิทางยูเครนที่ส่งเสียงคร่ำครวญกรณีถูกกีดกันออกจากการเจรจาของสหรัฐฯ กับรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในวันเดียวกัน . "ผมผิดหวังอย่างมาก ผมได้ยินว่าพวกเขาอารมณ์เสียที่ไม่มีที่นั่งบนโต๊ะเจรจา" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่รีสอร์ตมาร์-อา-ลาโก ของเขาในฟลอริดา หลังถูกสอบถามเกี่ยวกับปฏิกิริยาของยูเครน . "วันนี้ผมได้ยิน (ทางยูเครนพูด) ว่า โอ้ เราไม่ได้รับเชิญ ก็แน่นอนล่ะ คุณอยู่ตรงนั้นมา 3 ปี แต่คุณไม่เคยเริ่มมันเลย คุณควรทำข้อตกลง (กับรัสเซีย)" เขากล่าว . ในการแถลงข่าว ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า อาจพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก่อนสิ้นเดือนนี้ที่ซาอุดีอาระเบีย เวลาเดียวกันเขาก็เพิ่มความกดดันให้เซเลนสกีต้องจัดการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องสำคัญของรัสเซีย ทั้งนี้ เนื่องจากเซเลนสกีรับตำแหน่งเกิน 5 ปีตามกำหนดวาระแล้ว แต่ยังไม่จัดการเลือกตั้งโดยอ้างว่า ยูเครนยังคงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก . "พวกเขา (พวกผู้นำยูเครน) ต้องการเก้าอี้บนโต๊ะเจรจา แต่คุณสามารถพูดได้ว่า มันอาจไม่ใช่เสียงของประชาชนชวยูเครน มันนานมาแล้วนะที่เขามีการเลือกตั้ง" ทรัมป์ระบุ พร้อมกับกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่เรื่องของรัสเซีย มันเป็นบางอย่างที่ออกมาจากเรา มาจากประเทศอื่นๆ" . ผู้นำสหรัฐฯ ยังบอกว่า มีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า ตนเองมีอำนาจในการหยุดยั้งสงครามในยูเครน ภายหลังการหารือของคณะผู้แทนของสหรัฐฯ และรัสเซียที่กรุงริยาด ซึ่งเป็นการประชุมระดับสูงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนับจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น . ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า ในการหารือที่ริยาดที่ใช้เวลายาวนานราว 4 ชั่วโมงครึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนฝ่ายอเมริกา และรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะของฝ่ายแดนหมีขาว ได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อหารือกันถึงเกี่ยวกับวิธีการยุติสงครามในยูเครนโดยเร็วที่สุด แต่ยังไม่ระบุชัดเจนว่าจะประชุมกันครั้งแรกเมื่อใด . ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องสร้างกลไกการหารือเพื่อจัดการ “สิ่งที่สร้างความระคายเคือง” ต่อความสัมพันธ์สองประเทศ และวางรากฐานสำหรับการร่วมมือในอนาคต . ด้าน ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทรัมป์ ซึ่งร่วมเจรจาที่ริยาดด้วย เสริมว่า ประเด็นด้านดินแดนและการรับประกันความมั่นคงจะเป็นส่วนหนึ่งในการหารือ . สำหรับ คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจของรัสเซีย กล่าวว่า ความพยายามของตะวันตกในการโดดเดี่ยวรัสเซียล้มเหลวอย่างชัดเจน และเสริมว่า รัสเซียและอเมริกาควรพัฒนาโครงการพลังงานร่วมกัน ซึ่งรวมถึงในอาร์กติกและภูมิภาคอื่นๆ . ด้านลาฟรอฟแสดงความเชื่อมั่นว่า อเมริกาเข้าใจจุดยืนของรัสเซียดีขึ้น และยังย้ำว่า มอสโกคัดค้านการนำกองกำลังนาโตไปประจำการในยูเครนภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้นำยุโรปกำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016776 .............. Sondhi X
    Like
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1179 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Vance เตือนเซเรนสกี้จะต้องเสียใจ หาก"ปากเสีย"ใส่ทรัมป์

    เจดี แวนซ์เตือนเซเลนสกีว่าอย่าพูดโจมตีทรัมป์ ชี้การ "ปากเสีย" ต่อหน้าจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง
    เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ได้เตือนประธานาธิบดียูเครนว่าอย่าโจมตีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวว่าการ "พูดให้ร้าย" ต่อสาธารณะจะส่งผลเสียกลับมาหาตัวเอง

    แวนซ์ให้สัมภาษณ์กับ DailyMail.com ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวหาว่าทรัมป์กำลังตกอยู่ใน "แวดวงข่าวปลอมที่รัสเซียสร้างขึ้น"

    คำพูดที่รุนแรงจากทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะที่ทรัมป์ผลักดันให้มีการยุติสงครามโดยเร็ว

    "ความคิดที่ว่าเซเลนสกีจะสามารถเปลี่ยนใจประธานาธิบดีทรัมป์ได้ด้วยการปากเสียใส่เขาผ่านสื่อสาธารณะ—ทุกคนที่รู้จักประธานาธิบดีจะบอกคุณว่านั่นเป็นวิธีที่เลวร้ายมากในการจัดการกับรัฐบาลชุดนี้" แวนซ์กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษที่สำนักงานของเขาในทำเนียบขาว

    ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ออกมาโจมตีเซเลนสกีผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social
    "เผด็จการที่ไม่มีการเลือกตั้ง เซเลนสกีควรเร่งมือให้ไว ไม่อย่างนั้นเขาอาจไม่มีประเทศเหลืออีกต่อไป" ทรัมป์โพสต์
    เหตุการณ์นี้ถือเป็นการล่มสลายของความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและเคียฟอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    แวนซ์กล่าวว่า เซเลนสกีได้รับ "คำแนะนำที่ผิดพลาด" เกี่ยวกับวิธีจัดการกับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ และในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาถูกทำให้เชื่อว่าเขาจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีผลกระทบ

    "แน่นอนว่าเรารักประชาชนชาวยูเครน เราชื่นชมความกล้าหาญของทหารยูเครน แต่เราก็เห็นว่าสงครามนี้จำเป็นต้องจบลงโดยเร็ว" แวนซ์กล่าวต่อ

    "นี่คือแนวทางของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา มันไม่ได้อิงอยู่กับข่าวลวงของรัสเซีย แต่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีความรู้เกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์มาก และมีมุมมองที่ชัดเจนมาเป็นเวลานาน"

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เริ่มต้นความพยายามผลักดันสันติภาพครั้งใหม่ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นเวลา 90 นาที กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย

    เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเคียฟ เนื่องจากมีความกังวลว่ายูเครนอาจถูกกันออกจากข้อตกลง ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มวางแนวทางเบื้องต้น ซึ่งรวมถึงการเสนอว่ายูเครนอาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม NATO

    https://web.facebook.com/share/p/161bqe2t3S/
    รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Vance เตือนเซเรนสกี้จะต้องเสียใจ หาก"ปากเสีย"ใส่ทรัมป์ เจดี แวนซ์เตือนเซเลนสกีว่าอย่าพูดโจมตีทรัมป์ ชี้การ "ปากเสีย" ต่อหน้าจะย้อนกลับมาทำร้ายตัวเอง เมื่อวันพุธที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ ได้เตือนประธานาธิบดียูเครนว่าอย่าโจมตีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยกล่าวว่าการ "พูดให้ร้าย" ต่อสาธารณะจะส่งผลเสียกลับมาหาตัวเอง แวนซ์ให้สัมภาษณ์กับ DailyMail.com ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวหาว่าทรัมป์กำลังตกอยู่ใน "แวดวงข่าวปลอมที่รัสเซียสร้างขึ้น" คำพูดที่รุนแรงจากทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญของสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขณะที่ทรัมป์ผลักดันให้มีการยุติสงครามโดยเร็ว "ความคิดที่ว่าเซเลนสกีจะสามารถเปลี่ยนใจประธานาธิบดีทรัมป์ได้ด้วยการปากเสียใส่เขาผ่านสื่อสาธารณะ—ทุกคนที่รู้จักประธานาธิบดีจะบอกคุณว่านั่นเป็นวิธีที่เลวร้ายมากในการจัดการกับรัฐบาลชุดนี้" แวนซ์กล่าวระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษที่สำนักงานของเขาในทำเนียบขาว ขณะเดียวกัน ทรัมป์ก็ออกมาโจมตีเซเลนสกีผ่านแพลตฟอร์ม Truth Social "เผด็จการที่ไม่มีการเลือกตั้ง เซเลนสกีควรเร่งมือให้ไว ไม่อย่างนั้นเขาอาจไม่มีประเทศเหลืออีกต่อไป" ทรัมป์โพสต์ เหตุการณ์นี้ถือเป็นการล่มสลายของความสัมพันธ์ระหว่างวอชิงตันและเคียฟอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แวนซ์กล่าวว่า เซเลนสกีได้รับ "คำแนะนำที่ผิดพลาด" เกี่ยวกับวิธีจัดการกับรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ และในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาถูกทำให้เชื่อว่าเขาจะทำอะไรก็ได้โดยไม่มีผลกระทบ "แน่นอนว่าเรารักประชาชนชาวยูเครน เราชื่นชมความกล้าหาญของทหารยูเครน แต่เราก็เห็นว่าสงครามนี้จำเป็นต้องจบลงโดยเร็ว" แวนซ์กล่าวต่อ "นี่คือแนวทางของประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา มันไม่ได้อิงอยู่กับข่าวลวงของรัสเซีย แต่มาจากข้อเท็จจริงที่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ มีความรู้เกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์มาก และมีมุมมองที่ชัดเจนมาเป็นเวลานาน" เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เริ่มต้นความพยายามผลักดันสันติภาพครั้งใหม่ผ่านการพูดคุยทางโทรศัพท์เป็นเวลา 90 นาที กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความตื่นตระหนกในเคียฟ เนื่องจากมีความกังวลว่ายูเครนอาจถูกกันออกจากข้อตกลง ขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เริ่มวางแนวทางเบื้องต้น ซึ่งรวมถึงการเสนอว่ายูเครนอาจไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วม NATO https://web.facebook.com/share/p/161bqe2t3S/
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์

    ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568

    นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่

    แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

    ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง

    ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่

    #Newskit
    สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568 นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่ แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซเลนสกี้กล่าวว่าทรัมป์อาศัยอยู่บน 'พื้นที่ข้อมูลบิดเบือน'

    โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวหาโดนัลด์ ทรัมป์ว่าให้ข้อมูลเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหายูเครนอย่างเท็จว่าเริ่มสงครามกับรัสเซีย

    - ความคิดเห็นของเซเลนสกี้ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังก่อตัวเป็นการแลกเปลี่ยนข้อกล่าวหาต่อสาธารณะมากที่สุดระหว่างเคียฟและวอชิงตัน นับตั้งแต่สงครามเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน
    .
    - เมื่อพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในกรุงเคียฟ เซเลนสกีได้โต้แย้งคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงหลายกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร ขณะเดียวกันก็ย้ำจุดยืนของยูเครนว่าข้อตกลงยุติสงครามต้องได้รับการมีส่วนร่วมจากยูเครน
    .
    - “น่าเสียดายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ผมเคารพเขามากในฐานะผู้นำของประเทศที่เราเคารพนับถืออย่างยิ่ง ประชาชนชาวอเมริกันที่สนับสนุนเราเสมอ น่าเสียดายที่เขาต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งข้อมูลบิดเบือน” เซเลนสกีกล่าว
    .
    - เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และรัสเซียได้จัดการเจรจาระดับสูงเพื่อยุติสงครามในยูเครน ณ กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันอังคาร โดยการประชุมครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นที่กรุงเคียฟ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องแต่งตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อเจรจายุติสงคราม และกล่าวว่าพวกเขากำลังดำเนินการเพื่อสร้างช่องทางการทูตขึ้นใหม่
    .
    - เซเลนสกีกล่าวว่า แม้ประเทศใดๆ ก็มีสิทธิที่จะหารือเรื่องปัญหาทวิภาคีกับซาอุดีอาระเบีย แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯ จัดการเจรจาโดยตรงกับรัสเซียนั้น “ช่วยให้ปูตินพ้นจากความโดดเดี่ยวอันยาวนานได้”
    .
    - การร้องเรียนของเคียฟเรื่องการถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการเจรจาเป็นชนวนให้ทรัมป์ออกมาโจมตีด้วยความเท็จในวันอังคาร
    .
    - ทรัมป์กล่าวเมื่อช่วงดึกของวันอังคารว่า “วันนี้ผมได้ยินว่า ‘โอ้ เราไม่ได้รับเชิญเลย คุณอยู่ที่นั่นมาสามปีแล้ว คุณควรยุติเรื่องนี้หลังจากสามปี คุณไม่ควรเริ่มเรื่องนี้เลย คุณควรทำข้อตกลงได้แล้ว”
    .
    - ความคิดเห็นของทรัมป์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกรุงมอสโก โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สะท้อนคำพูดของเครมลิน และกล่าวต่อรัฐสภารัสเซีย หรือดูมา ว่าทรัมป์ดูเหมือนจะ "เข้าใจจุดยืนของพวกเรา"
    .
    - “ผมคิดว่าทรัมป์เป็นผู้นำตะวันตกคนแรกที่ออกมาพูดต่อสาธารณะว่าสาเหตุของความขัดแย้งในยูเครนคือความพยายามของรัฐบาลชุดก่อนที่จะขยายนาโต” ลาฟรอฟกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันพุธ “ไม่มีผู้นำตะวันตกคนใดเคยพูดแบบนั้นมาก่อน ดังนั้น นั่นจึงเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจจุดยืนของเราแล้ว”
    .
    - รัสเซียโต้แย้งมานานแล้วว่าการขยายตัวของนาโต้ไปทางตะวันออกทำให้ความมั่นคงของประเทศตกอยู่ในอันตราย โดยผู้นำนาโต้สัญญากับรัสเซียว่าพันธมิตรป้องกันประเทศจะไม่ขยายตัวหลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง นาโต้มีนโยบายเปิดประตูต้อนรับรัฐในยุโรปทุกรัฐให้เข้าร่วมตราบใดที่รัฐเหล่านั้นตรงตามเกณฑ์การเข้าร่วม
    .
    - แต่ทรัมป์ไม่ได้หยุดเพียงแค่ตั้งคำถามว่าใครเป็นคนเริ่มสงครามในยูเครน โดยทรัมป์ยังคงตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของเซเลนสกี โดยเขาพูดซ้ำแนวทางที่เครมลินมักจะเสนออยู่เสมอ
    .
    - เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เซเลนสกีระบุโดยเฉพาะว่าการอ้างว่าคะแนนนิยมของเขาอยู่ที่ 4% มาจากรัสเซีย และเคียฟก็มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวได้รับการหารือกันระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียแล้ว
    -------
    CNN
    เซเลนสกี้กล่าวว่าทรัมป์อาศัยอยู่บน 'พื้นที่ข้อมูลบิดเบือน' โวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวหาโดนัลด์ ทรัมป์ว่าให้ข้อมูลเท็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนึ่งวันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวหายูเครนอย่างเท็จว่าเริ่มสงครามกับรัสเซีย - ความคิดเห็นของเซเลนสกี้ เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่กำลังก่อตัวเป็นการแลกเปลี่ยนข้อกล่าวหาต่อสาธารณะมากที่สุดระหว่างเคียฟและวอชิงตัน นับตั้งแต่สงครามเต็มรูปแบบเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน . - เมื่อพูดคุยกับผู้สื่อข่าวในกรุงเคียฟ เซเลนสกีได้โต้แย้งคำกล่าวอ้างที่ไม่มีมูลความจริงหลายกรณีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันอังคาร ขณะเดียวกันก็ย้ำจุดยืนของยูเครนว่าข้อตกลงยุติสงครามต้องได้รับการมีส่วนร่วมจากยูเครน . - “น่าเสียดายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ผมเคารพเขามากในฐานะผู้นำของประเทศที่เราเคารพนับถืออย่างยิ่ง ประชาชนชาวอเมริกันที่สนับสนุนเราเสมอ น่าเสียดายที่เขาต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งข้อมูลบิดเบือน” เซเลนสกีกล่าว . - เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และรัสเซียได้จัดการเจรจาระดับสูงเพื่อยุติสงครามในยูเครน ณ กรุงริยาด เมืองหลวงของซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันอังคาร โดยการประชุมครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นที่กรุงเคียฟ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องแต่งตั้งคณะทำงานระดับสูงเพื่อเจรจายุติสงคราม และกล่าวว่าพวกเขากำลังดำเนินการเพื่อสร้างช่องทางการทูตขึ้นใหม่ . - เซเลนสกีกล่าวว่า แม้ประเทศใดๆ ก็มีสิทธิที่จะหารือเรื่องปัญหาทวิภาคีกับซาอุดีอาระเบีย แต่ข้อเท็จจริงที่ว่าสหรัฐฯ จัดการเจรจาโดยตรงกับรัสเซียนั้น “ช่วยให้ปูตินพ้นจากความโดดเดี่ยวอันยาวนานได้” . - การร้องเรียนของเคียฟเรื่องการถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าร่วมการเจรจาเป็นชนวนให้ทรัมป์ออกมาโจมตีด้วยความเท็จในวันอังคาร . - ทรัมป์กล่าวเมื่อช่วงดึกของวันอังคารว่า “วันนี้ผมได้ยินว่า ‘โอ้ เราไม่ได้รับเชิญเลย คุณอยู่ที่นั่นมาสามปีแล้ว คุณควรยุติเรื่องนี้หลังจากสามปี คุณไม่ควรเริ่มเรื่องนี้เลย คุณควรทำข้อตกลงได้แล้ว” . - ความคิดเห็นของทรัมป์ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในกรุงมอสโก โดยที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ ชื่นชมประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สะท้อนคำพูดของเครมลิน และกล่าวต่อรัฐสภารัสเซีย หรือดูมา ว่าทรัมป์ดูเหมือนจะ "เข้าใจจุดยืนของพวกเรา" . - “ผมคิดว่าทรัมป์เป็นผู้นำตะวันตกคนแรกที่ออกมาพูดต่อสาธารณะว่าสาเหตุของความขัดแย้งในยูเครนคือความพยายามของรัฐบาลชุดก่อนที่จะขยายนาโต” ลาฟรอฟกล่าวกับสมาชิกรัฐสภาเมื่อวันพุธ “ไม่มีผู้นำตะวันตกคนใดเคยพูดแบบนั้นมาก่อน ดังนั้น นั่นจึงเป็นสัญญาณว่าเขาเข้าใจจุดยืนของเราแล้ว” . - รัสเซียโต้แย้งมานานแล้วว่าการขยายตัวของนาโต้ไปทางตะวันออกทำให้ความมั่นคงของประเทศตกอยู่ในอันตราย โดยผู้นำนาโต้สัญญากับรัสเซียว่าพันธมิตรป้องกันประเทศจะไม่ขยายตัวหลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง นาโต้มีนโยบายเปิดประตูต้อนรับรัฐในยุโรปทุกรัฐให้เข้าร่วมตราบใดที่รัฐเหล่านั้นตรงตามเกณฑ์การเข้าร่วม . - แต่ทรัมป์ไม่ได้หยุดเพียงแค่ตั้งคำถามว่าใครเป็นคนเริ่มสงครามในยูเครน โดยทรัมป์ยังคงตั้งคำถามถึงความชอบธรรมของเซเลนสกี โดยเขาพูดซ้ำแนวทางที่เครมลินมักจะเสนออยู่เสมอ . - เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เซเลนสกีระบุโดยเฉพาะว่าการอ้างว่าคะแนนนิยมของเขาอยู่ที่ 4% มาจากรัสเซีย และเคียฟก็มีหลักฐานบางอย่างที่บ่งชี้ว่าตัวเลขดังกล่าวได้รับการหารือกันระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียแล้ว ------- CNN
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้พูดถึงการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ Loongson รุ่น 3B6600 ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปจากประเทศจีนครับ Loongson อ้างว่า 3B6600 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Intel Core i5 และ i7 รุ่น Alder Lake และ Raptor Lake แม้ว่าชิปรุ่นนี้จะออกมาในช่วงปลายปี 2024 และยังมีความล้าหลังเมื่อเทียบกับชิปรุ่นใหม่จาก TSMC, AMD และ Intel แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท

    3B6600 มี 8 คอร์ และมี GPU ในตัว ซึ่งคาดว่าจะทำงานที่ความถี่ 2.5GHz แต่มี Turbo Boost ที่ทำให้ความถี่ขึ้นได้สูงสุดถึง 3GHz นอกจากนี้ยังรองรับหน่วยความจำ DDR5, PCIe 4.0 และการแสดงผล HDMI 2.1

    แม้ว่า Loongson จะพยายามพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อแข่งขันกับชิปจากบริษัทในตะวันตก แต่ก็ยังพบกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงความไม่แน่นอนในการนำไปใช้งานในตลาด แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาจากบริษัทต่างชาติ

    ความน่าสนใจในข่าวนี้คือการที่บริษัทผลิตชิปในจีนกำลังพยายามปิดช่องว่างระหว่างตนเองกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโดยการพัฒนาชิปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและพัฒนาให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความก้าวหน้าในด้านนี้ครับ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-claims-new-loongson-3b6600-cpu-could-hit-13th-gen-intel-performance
    ข่าวนี้พูดถึงการเปิดตัวหน่วยประมวลผลใหม่ของ Loongson รุ่น 3B6600 ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปจากประเทศจีนครับ Loongson อ้างว่า 3B6600 มีประสิทธิภาพที่สามารถเทียบเคียงกับ Intel Core i5 และ i7 รุ่น Alder Lake และ Raptor Lake แม้ว่าชิปรุ่นนี้จะออกมาในช่วงปลายปี 2024 และยังมีความล้าหลังเมื่อเทียบกับชิปรุ่นใหม่จาก TSMC, AMD และ Intel แต่ก็นับเป็นก้าวสำคัญของบริษัท 3B6600 มี 8 คอร์ และมี GPU ในตัว ซึ่งคาดว่าจะทำงานที่ความถี่ 2.5GHz แต่มี Turbo Boost ที่ทำให้ความถี่ขึ้นได้สูงสุดถึง 3GHz นอกจากนี้ยังรองรับหน่วยความจำ DDR5, PCIe 4.0 และการแสดงผล HDMI 2.1 แม้ว่า Loongson จะพยายามพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อแข่งขันกับชิปจากบริษัทในตะวันตก แต่ก็ยังพบกับอุปสรรคมากมาย รวมถึงความไม่แน่นอนในการนำไปใช้งานในตลาด แม้รัฐบาลจีนจะผลักดันให้ใช้ชิปที่ผลิตภายในประเทศเพื่อลดการพึ่งพาจากบริษัทต่างชาติ ความน่าสนใจในข่าวนี้คือการที่บริษัทผลิตชิปในจีนกำลังพยายามปิดช่องว่างระหว่างตนเองกับบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมโดยการพัฒนาชิปใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แม้จะยังต้องใช้เวลาในการปรับปรุงและพัฒนาให้ทันกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความพยายามและความก้าวหน้าในด้านนี้ครับ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/chinese-chipmaker-claims-new-loongson-3b6600-cpu-could-hit-13th-gen-intel-performance
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิพากษ์วิจารณ์การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่กีดกันไม่ให้เคียฟเข้าร่วม ระบุความพยายามยุติสงครามต้อง "ยุติธรรม" และบรรดาประเทศยุโรป ในนั้นรวมถึงตุรกี ควรมีส่วนร่วมด้วย
    .
    ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากวอชิงตันและมอสโก เผยว่าพวกเขาจะเปิดเผยชื่อคณะทำงานสำหรับเจรจาเส้นทางสู่การยุติสงครามในยูเครน ระหว่างการเจรจาอย่างเป็นทางการระดับสูงครั้งแรกของทั้ง 2 ฝ่าย นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน
    .
    ความเห็นอันเดือดดาลของผู้นำยูเครน มีขึ้นหลังจากเขาได้พบปะกับประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ในกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี
    .
    "ยูเครนและยุโรปในสามัญสำนักอย่างกว้างๆ และนี่รวมถึงสหภาพยุโรป ตุรกีและสหราชอาณาจักร ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนทนาและก่อรูปร่างมาตรการรับประกันความมั่นคงที่จำเป็นร่วมกับอเมริกา ในเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลก" เซเลนสกีกล่าว
    .
    "ความพยายามเป็นคนกลางใดๆ ในการยุติความขัดแย้ง ควรเป็นไปอย่างยุติธรรม" เขากล่าว ประณามเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ในริยาด ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (18 ก.พ.) และเน้นย้ำจุดยืนคัดค้าน "การพูดคุยใดๆ ที่ปราศจากยูเครน เกี่ยวกับแนวทางยุติสงครามในยูเครน"
    .
    เซเลนสกีเผยว่าเขาไม่ได้รับเชิญให้ร่วมเจรจาในริยาด และตัดสินใจเลื่อนโปรแกรมเดินทางเยือนเมืองหลวงของซาดุอีอาระเบีย จากเดิมที่คาดหมายว่าจะมีขึ้นในวันพุธ (19 ก.พ.) ไปเป็นวันที่ 10 มีนาคม
    .
    การยกเครื่องนโยบายเกี่ยวกับรัสเซียของทรัมป์ โหมกระพือความกังวลว่าวอชิงตันกำลังเตรียมการบีบเคียฟให้ยอมเจรจาต่อรองบนเงื่อนไขของมอสโก
    .
    นอกเหนือจากการเจรจาในริยาดแล้ว ความกังวลนี้มีมากขึ้นไปอีก เมื่อ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย พบปะหารือกันในประเด็นความมั่นคงยุโรปและยูเครน โดยไม่มีตัวแทนใดๆ จากเคียฟหรือบรัสเซลส์เข้าร่วมด้วย
    .
    ในส่วนของแอร์โดอัน ที่ยืนอยู่ข้างๆ เซเลนสกี ระหว่างแถลงข่าว ได้เสนอให้ตุรกีเป็นเจ้าภาพการเจรจาใดๆ ในการยุติความขัดแย้ง โดยย้อนให้นึกถึงครั้งที่ทั้ง 2 ฝ่าย พบปะกันในอิสตุนบูลในปี 2022 ไม่กี่สัปดาห์หลังรัสเซียรุกรานยูเครน
    .
    "ตุรกีจะเป็นเจ้าภาพในอุดมคติสำหรับความเป็นไปได้ในการเจรจาใดๆ ระหว่างรัสเซีย ยูเครนและอเมริกา ในอนาคตอันใกล้นี้" เขากล่าว พร้อมบอกว่าการเจรจาในอิสตันบูล "เป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญและเป็นแพลตฟอร์มที่ฝ่ายต่างๆ เฉียดใกล้ได้ข้อตกลงหนึ่งมากที่สุดแล้ว"
    .
    การเดินทางครั้งนี้ของเซเลนสกี ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาเดินทางเยือนตุรกี นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน โดยคราวนี้เกิดขึ้นในขณะที่เขาพยายามค้ำยันสถานะของเคียฟ ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เอื้อมมือเข้าหามอสโก
    .
    ตุรกี ซึ่งเป็นชาติสมาชิกนาโต หาทางคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับ 2 ชาติเพื่อนบ้านคู่สงครามทะเลดำ โดยที่แอร์โดอัน วางสถานะของตนเองในฐานะคนกลางและผู้สร้างสันติระหว่าง 2 ฝ่าย
    .
    แม้อังการาจะมอบโดรนแก่ยูเครน แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เพิกเฉยปลีกตัวออกต่างจากมาตรการคว่ำบาตรที่นำโดยตะวันตก ที่กำหนดเล่นงานมอสโก
    .
    เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตุรกีเล่นบทบาทสำคัญในการเป็นคนกลางแลกเปลี่ยนเชลยศึกหลายรายระหว่างรัสเซียกับยูเครน ข้อตกลงนี้พบเห็นนักโทษหลายร้อยคนถูกปล่อยตัวกลับมาตุภูมิ แม้ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016367
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน วิพากษ์วิจารณ์การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย ที่กีดกันไม่ให้เคียฟเข้าร่วม ระบุความพยายามยุติสงครามต้อง "ยุติธรรม" และบรรดาประเทศยุโรป ในนั้นรวมถึงตุรกี ควรมีส่วนร่วมด้วย . ความเห็นของเขามีขึ้นหลังจากวอชิงตันและมอสโก เผยว่าพวกเขาจะเปิดเผยชื่อคณะทำงานสำหรับเจรจาเส้นทางสู่การยุติสงครามในยูเครน ระหว่างการเจรจาอย่างเป็นทางการระดับสูงครั้งแรกของทั้ง 2 ฝ่าย นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน . ความเห็นอันเดือดดาลของผู้นำยูเครน มีขึ้นหลังจากเขาได้พบปะกับประธานาธิบดี เรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง ในกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกี . "ยูเครนและยุโรปในสามัญสำนักอย่างกว้างๆ และนี่รวมถึงสหภาพยุโรป ตุรกีและสหราชอาณาจักร ควรมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนทนาและก่อรูปร่างมาตรการรับประกันความมั่นคงที่จำเป็นร่วมกับอเมริกา ในเรื่องเกี่ยวกับชะตากรรมของเรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโลก" เซเลนสกีกล่าว . "ความพยายามเป็นคนกลางใดๆ ในการยุติความขัดแย้ง ควรเป็นไปอย่างยุติธรรม" เขากล่าว ประณามเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และรัสเซีย ในริยาด ก่อนหน้านี้ในวันอังคาร (18 ก.พ.) และเน้นย้ำจุดยืนคัดค้าน "การพูดคุยใดๆ ที่ปราศจากยูเครน เกี่ยวกับแนวทางยุติสงครามในยูเครน" . เซเลนสกีเผยว่าเขาไม่ได้รับเชิญให้ร่วมเจรจาในริยาด และตัดสินใจเลื่อนโปรแกรมเดินทางเยือนเมืองหลวงของซาดุอีอาระเบีย จากเดิมที่คาดหมายว่าจะมีขึ้นในวันพุธ (19 ก.พ.) ไปเป็นวันที่ 10 มีนาคม . การยกเครื่องนโยบายเกี่ยวกับรัสเซียของทรัมป์ โหมกระพือความกังวลว่าวอชิงตันกำลังเตรียมการบีบเคียฟให้ยอมเจรจาต่อรองบนเงื่อนไขของมอสโก . นอกเหนือจากการเจรจาในริยาดแล้ว ความกังวลนี้มีมากขึ้นไปอีก เมื่อ มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และ เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย พบปะหารือกันในประเด็นความมั่นคงยุโรปและยูเครน โดยไม่มีตัวแทนใดๆ จากเคียฟหรือบรัสเซลส์เข้าร่วมด้วย . ในส่วนของแอร์โดอัน ที่ยืนอยู่ข้างๆ เซเลนสกี ระหว่างแถลงข่าว ได้เสนอให้ตุรกีเป็นเจ้าภาพการเจรจาใดๆ ในการยุติความขัดแย้ง โดยย้อนให้นึกถึงครั้งที่ทั้ง 2 ฝ่าย พบปะกันในอิสตุนบูลในปี 2022 ไม่กี่สัปดาห์หลังรัสเซียรุกรานยูเครน . "ตุรกีจะเป็นเจ้าภาพในอุดมคติสำหรับความเป็นไปได้ในการเจรจาใดๆ ระหว่างรัสเซีย ยูเครนและอเมริกา ในอนาคตอันใกล้นี้" เขากล่าว พร้อมบอกว่าการเจรจาในอิสตันบูล "เป็นจุดอ้างอิงที่สำคัญและเป็นแพลตฟอร์มที่ฝ่ายต่างๆ เฉียดใกล้ได้ข้อตกลงหนึ่งมากที่สุดแล้ว" . การเดินทางครั้งนี้ของเซเลนสกี ถือเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาเดินทางเยือนตุรกี นับตั้งแต่รัสเซียรุกราน โดยคราวนี้เกิดขึ้นในขณะที่เขาพยายามค้ำยันสถานะของเคียฟ ตามหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เอื้อมมือเข้าหามอสโก . ตุรกี ซึ่งเป็นชาติสมาชิกนาโต หาทางคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีกับ 2 ชาติเพื่อนบ้านคู่สงครามทะเลดำ โดยที่แอร์โดอัน วางสถานะของตนเองในฐานะคนกลางและผู้สร้างสันติระหว่าง 2 ฝ่าย . แม้อังการาจะมอบโดรนแก่ยูเครน แต่ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เพิกเฉยปลีกตัวออกต่างจากมาตรการคว่ำบาตรที่นำโดยตะวันตก ที่กำหนดเล่นงานมอสโก . เช่นเดียวกับซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตุรกีเล่นบทบาทสำคัญในการเป็นคนกลางแลกเปลี่ยนเชลยศึกหลายรายระหว่างรัสเซียกับยูเครน ข้อตกลงนี้พบเห็นนักโทษหลายร้อยคนถูกปล่อยตัวกลับมาตุภูมิ แม้ความขัดแย้งยังคงดำเนินต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016367 .............. Sondhi X
    Haha
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1323 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย
    .
    ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น
    .
    อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก
    .
    ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย
    .
    รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว
    .
    การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า
    .
    ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา
    .
    “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน”
    .
    ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง
    .
    ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่
    .
    บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย
    .
    การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน
    .
    รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย
    .
    การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา
    .
    เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ
    .
    โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น
    .
    รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ
    .
    คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน
    .
    ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น
    .
    บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง
    .
    ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ กับรัสเซียเห็นพ้องกันที่จะเริ่มต้นทำงานเพื่อยุติสงครามในยูเครน และปรับปรุงสายสัมพันธ์ทางการทูตและทางเศรษฐกิจระหว่างกัน รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โค รูบิโอ ของสหรัฐฯ ระบุภายหลังการเจรจากันของคณะผู้แทนสหรัฐฯ ที่นำโดยตัวเขา กับคณะของรัสเซียซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศ เซียร์เก ลาฟรอฟ เป็นผู้นำ ที่กรุงริยาด ซาอุดีอาระเบีย โดยที่ไม่มีตัวแทนจากยูเครนหรือทางยุโรปเข้าร่วมด้วย . ในการให้สัมภาษณ์สำนักข่าวเอพีภายหลังการเจรจากับฝ่ายรัสเซีย รูบิโอกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมีการตกลงกันอย่างกว้างๆ ที่จะมุ่งหน้าไปสู่เป้าหมาย 3 ด้าน ได้แก่ การหวนคืนในเรื่องการให้เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝ่ายได้กลับเข้าประจำทำงานในสถานเอกอัครราชทูตของกันและกันในกรุงวอชิงตันและกรุงมอสโก การก่อตั้งทีมงานระดับสูงเพื่อสนับสนุนการเจรจาสันติภาพยูเครน และการสำรวจลู่ทางเพื่อให้มีความสัมพันธ์และความร่วมมือกันในทางเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น . อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า การพูดจาคราวนี้ถือเป็นหลักหมายของการเริ่มต้นสนทนากัน และยังจำเป็นจะต้องทำงานกันต่อไปอีกมาก . ทั้งนี้ สายสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียได้ตกลงมาสู่ระดับต่ำที่สุดในรอบหลายสิบปีระหว่างที่เกิดสงครามในยูเครน โดยที่สถานเอกอัครราชทูตของแต่ละฝ่ายซึ่งตั้งอยู่ในเมืองหลวงของอีกฝ่ายหนึ่ง ต่างได้รับความกระทบกระเทือนหนักจากการที่ต่างฝ่ายต่างสั่งขับไล่นักการทูตของกันและกันเป็นจำนวนมากหลายๆ ระลอกในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา และจากการที่สหรัฐฯ จับมือกับยุโรปในการประกาศใช้มาตรการแซงก์ชันด้านต่างๆ กับรัสเซีย . รูบิโอ ยังกล่าวแสดงความหวังให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนเดินเข้าสู่จุดจบที่สามารถยอมรับกันได้ และสหรัฐฯ กับรัสเซียจะมีโอกาสอันน่าเชื่อถือที่จะจับมือกันในทางภูมิรัฐศาสตร์ในประเด็นต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ตลอดจนในทางเศรษฐกิจด้วยประเด็นซึ่งจะเป็นผลดีต่อโลกและก็จะปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศในระยะยาว . การหารือในวันอังคารคราวนี้ ยังมุ่งหมายที่จะแผ้วถางทางให้แก่การประชุมซัมมิตระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย ทว่าภายหลังการเจรจาสิ้นสุดลง ยูริ อูชาคอฟ ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการต่างประเทศของปูติน ซึ่งอยู่ในคณะของฝ่ายรัสเซีย บอกกับสถานีโทรทัศน์แชนเนลวัน ของรัสเซียว่า ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอนสำหรับซัมมิตดังที่ว่านี้ และ “ไม่น่าเป็นไปได้” ที่จะเกิดขึ้นมาในสัปดาห์หน้า . ในส่วนของ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เขากล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวหลังการหารือว่า “การสนทนากันคราวนี้เป็นประโยชน์มาก” โดยที่เขาอ้างอิงถึงเป้าหมาย 3 ประการเช่นเดียวกับที่รูบิโอพูด และบอกว่าวอชิงตันกับมอสโกตกลงกันที่จะแต่งตั้งคณะตัวแทนที่จะดำเนินการ “การปรึกษาหารืออย่างเป็นประจำ” ในเรื่องยูเครนขึ้นมา . “เราไม่เพียงแค่รับฟัง แต่ยังได้ยินกันและกันอีกด้วย” ลาฟรอฟบอก “และผมมีเหตุผลที่จะเชื่อว่าฝ่ายอเมริกันได้เริ่มต้นที่จะเข้าอกเข้าใจจุดยืนของเราดีขึ้นแล้ว ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เราได้พูดสรุปโดยมีการลงรายละเอียด ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงต่างๆ โดยยึดโยงอยู่กับคำปราศรัยครั้งแล้วครั้งเล่าของประธานาธิบดีปูติน” . ก่อนหน้าการเจรจาคราวนี้ ทั้งสองฝ่ายดูจะมีความพยายามเน้นย้ำไมให้เกิดการตั้งความหวังมากจนเกินความเป็นจริง . ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน แถลงเมื่อวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่า การหารือคราวนี้มุ่งเน้นการฟื้นฟูความสัมพันธ์วอชิงตัน-มอสโกเป็นหลัก ตลอดจนถึงการเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับยูเครน และการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ . ส่วน แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า การประชุมที่ซาอุดีอาระเบียมีเป้าหมายในการพิจารณาว่า รัสเซียจริงจังกับข้อตกลงสันติภาพแค่ไหน และจะเริ่มต้นการเจรจาอย่างละเอียดได้หรือไม่ . บรูซเสริมว่า แม้ยูเครนไม่ได้รับเชิญให้ร่วมการหารือในวันอังคาร แต่การเจรจาสันติภาพที่แท้จริงจะต้องมีเคียฟร่วมวงด้วย . การเจรจาคราวนี้จัดขึ้นที่ที่พระราชวังดิริยาห์ในกรุงริยาด โดยคณะของฝ่ายของสหรัฐฯ นอกจากรัฐมนตรีต่างประเทาศรูบิโอ แล้ว ยังมี ไมค์ วอลซ์ ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว และสตีฟ วิตคอฟฟ์ ผู้แทนพิเศษด้านตะวันออกกลาง ขณะที่ฝ่ายรัสเซีย ได้แก่ เซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศ และยูริ อูชาคอฟ ผู้ช่วยอาวุโสของปูติน . รายงานข่าวระบุว่า การหารือเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการจับมือหรือการแถลงใดๆ แต่มีเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาร์ฮัน และมูซาอัด บิน โมฮัมหมัด อัล-ไอบาน รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียตามลำดับร่วมอยู่ด้วย . การหารือครั้งนี้ถือเป็นการหารือระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองชาติครั้งแรกนับจากที่รัสเซียบุกยูเครน และยังถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกา . เปสคอฟแถลงเมื่อวันอังคารระหว่างที่การหารือในริยาดดำเนินอยู่ว่า การแก้ไขวิกฤตยูเครนอย่างยั่งยืนไม่มีทางเป็นไปได้หากไม่พิจารณาสถานการณ์ความมั่นคงของยุโรป และสำทับว่า ยูเครนมีสิทธิอธิปไตยในการเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป แต่รัสเซียคัดค้านการเข้าร่วมองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ของเคียฟ . โฆษกเครมลินเสริมว่า ปูตินพร้อมคุยกับเซเลนสกีถ้าจำเป็น . รัสเซียยังระบุก่อนการหารือว่า ปูตินและทรัมป์ต้องการออกจาก “ความสัมพันธ์ที่ผิดปกติ” และไม่เห็นความจำเป็นที่ยุโรปจะต้องร่วมเจรจาใดๆ . คิริลล์ ดมิทริฟ ผู้เจรจาด้านเศรษฐกิจและประธานกองทุนการลงทุนโดยตรงของรัสเซีย ให้สัมภาษณ์สถานีทีวีของทางการรัสเซียเมื่อวันอังคารว่า เขาคาดหวังว่า จะมีความคืบหน้าภายในเวลา 2-3 เดือน . ในส่วนความคืบหน้าที่อาจนำไปสู่ข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนนั้นยังไม่มีความชัดเจน โดยทั้งอเมริกาและรัสเซียต่างออกตัวว่า การหารือในวันอังคารเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการที่ยาวนานเท่านั้น . บรูซ โฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า การหารือที่ริยาดไม่ควรถูกคาดหวังว่า จะมีรายละเอียดหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาหยุดยิง . ขณะที่อูชาคอฟให้สัมภาษณ์สื่อของทางการรัสเซียว่า การพูดคุยในวันอังคารเป็นเพียงการหารือถึงวิธีเริ่มต้นการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016365 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1328 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔹 วิธีตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมเก่าหรือกรรมใหม่?

    ในพุทธศาสนา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น แต่จะแยกออกเป็นกรรมเก่า (อดีต) และกรรมใหม่ (ปัจจุบัน) ซึ่งสามารถจำแนกได้ตามเกณฑ์ดังนี้:


    ---

    1️⃣ กรรมเก่า (กรรมจากอดีตชาติหรือต้นทุนชีวิตที่เลือกไม่ได้)

    ✅ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้
    ✅ เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ตั้งแต่เกิด
    ✅ เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของชีวิตเรา

    🔹 ตัวอย่างของกรรมเก่า

    เกิดมามีร่างกายเป็นมนุษย์ (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เทวดา)

    เกิดมาในครอบครัวฐานะดี หรือยากจน

    เกิดมาในประเทศหนึ่ง ไม่ใช่อีกประเทศหนึ่ง

    เกิดมามีลักษณะร่างกายแบบนี้ (สูง/ต่ำ ผิวพรรณดี/ไม่ดี)

    บางครั้งโชคดีแบบคาดไม่ถึง หรือโชคร้ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้


    👉 กรรมเก่าจะส่งผลเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น

    ได้รับรางวัลใหญ่จากการสุ่มจับฉลาก โดยไม่ได้พยายามอะไร

    ถูกรถชนแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ข้ามถนนถูกต้องแล้ว

    เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมของตน



    ---

    2️⃣ กรรมใหม่ (การกระทำและเจตนาในปัจจุบัน)

    ✅ เกิดจากความพยายามและการเลือกของตัวเอง
    ✅ เป็นสิ่งที่ควบคุมได้
    ✅ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนาในปัจจุบัน

    🔹 ตัวอย่างของกรรมใหม่

    ตัดสินใจอดทน ไม่ตอบโต้คนที่ด่าหรือทำร้ายเรา → ได้ผลคือ "ใจเบา" และไม่สร้างศัตรู

    ตัดสินใจทำงานหนัก และเก็บเงินอย่างมีวินัย → ได้ผลคือ "รวยขึ้น" จากความพยายามของตัวเอง

    เลือกคบคนดี หรือแวดล้อมตัวเองด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี → ได้ผลคือ "จิตใจสงบ" และมีชีวิตดีขึ้น

    ตัดสินใจมีศีล ไม่ผิดศีลข้อ ๓ (กาเม) → ได้ผลคือ "โล่งใจ" และไม่ต้องรู้สึกผิด

    ฝึกสติ นั่งสมาธิ → ได้ผลคือ "จิตสงบ" และมีปัญญามากขึ้น


    👉 กรรมใหม่เป็นตัวแทรกแซงผลของกรรมเก่าได้ เช่น

    แม้เกิดมาในครอบครัวยากจน (กรรมเก่า) แต่หากขยันทำงาน เก็บเงิน สร้างโอกาสให้ตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถร่ำรวยได้

    แม้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอ (กรรมเก่า) แต่ดูแลสุขภาพดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดี (กรรมใหม่) ก็สามารถแข็งแรงขึ้นได้

    แม้เกิดมามีโอกาสน้อย (กรรมเก่า) แต่หมั่นเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้



    ---

    🔹 วิธีตัดสินว่าเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่

    📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นควบคุมไม่ได้ → เป็นผลของกรรมเก่า
    📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและเจตนา → เป็นผลของกรรมใหม่

    💡 แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ กรรมใหม่สามารถเปลี่ยนผลของกรรมเก่าได้
    💡 อย่าเชื่อว่า "ชีวิตถูกกำหนดแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้" → นี่คือมิจฉาทิฏฐิ
    💡 พุทธศาสนาสอนให้เราลงมือเปลี่ยนชีวิตด้วยกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบัน


    ---

    🔹 สรุป: ทางเลือกที่ชาญฉลาด

    ✅ อย่าโทษกรรมเก่าแล้วปล่อยตัวให้เป็นไปตามยถากรรม
    ✅ ตั้งใจสร้างกรรมใหม่ที่ดี เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง
    ✅ แม้กรรมเก่าจะเป็นตัวกำหนด "ต้นทุนชีวิต" แต่กรรมใหม่คือสิ่งที่เราใช้พลิกชีวิตได้

    📌 วันนี้คุณเลือกสร้างกรรมใหม่แบบไหน?
    ✨ กรรมดีที่พาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น หรือ
    🔥 กรรมชั่วที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ

    ➡ ทุกอย่างอยู่ที่ "การตัดสินใจในปัจจุบัน" นี่แหละ!

    🔹 วิธีตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมเก่าหรือกรรมใหม่? ในพุทธศาสนา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น แต่จะแยกออกเป็นกรรมเก่า (อดีต) และกรรมใหม่ (ปัจจุบัน) ซึ่งสามารถจำแนกได้ตามเกณฑ์ดังนี้: --- 1️⃣ กรรมเก่า (กรรมจากอดีตชาติหรือต้นทุนชีวิตที่เลือกไม่ได้) ✅ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้ ✅ เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ตั้งแต่เกิด ✅ เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของชีวิตเรา 🔹 ตัวอย่างของกรรมเก่า เกิดมามีร่างกายเป็นมนุษย์ (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เทวดา) เกิดมาในครอบครัวฐานะดี หรือยากจน เกิดมาในประเทศหนึ่ง ไม่ใช่อีกประเทศหนึ่ง เกิดมามีลักษณะร่างกายแบบนี้ (สูง/ต่ำ ผิวพรรณดี/ไม่ดี) บางครั้งโชคดีแบบคาดไม่ถึง หรือโชคร้ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ 👉 กรรมเก่าจะส่งผลเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ได้รับรางวัลใหญ่จากการสุ่มจับฉลาก โดยไม่ได้พยายามอะไร ถูกรถชนแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ข้ามถนนถูกต้องแล้ว เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมของตน --- 2️⃣ กรรมใหม่ (การกระทำและเจตนาในปัจจุบัน) ✅ เกิดจากความพยายามและการเลือกของตัวเอง ✅ เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ ✅ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนาในปัจจุบัน 🔹 ตัวอย่างของกรรมใหม่ ตัดสินใจอดทน ไม่ตอบโต้คนที่ด่าหรือทำร้ายเรา → ได้ผลคือ "ใจเบา" และไม่สร้างศัตรู ตัดสินใจทำงานหนัก และเก็บเงินอย่างมีวินัย → ได้ผลคือ "รวยขึ้น" จากความพยายามของตัวเอง เลือกคบคนดี หรือแวดล้อมตัวเองด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี → ได้ผลคือ "จิตใจสงบ" และมีชีวิตดีขึ้น ตัดสินใจมีศีล ไม่ผิดศีลข้อ ๓ (กาเม) → ได้ผลคือ "โล่งใจ" และไม่ต้องรู้สึกผิด ฝึกสติ นั่งสมาธิ → ได้ผลคือ "จิตสงบ" และมีปัญญามากขึ้น 👉 กรรมใหม่เป็นตัวแทรกแซงผลของกรรมเก่าได้ เช่น แม้เกิดมาในครอบครัวยากจน (กรรมเก่า) แต่หากขยันทำงาน เก็บเงิน สร้างโอกาสให้ตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถร่ำรวยได้ แม้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอ (กรรมเก่า) แต่ดูแลสุขภาพดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดี (กรรมใหม่) ก็สามารถแข็งแรงขึ้นได้ แม้เกิดมามีโอกาสน้อย (กรรมเก่า) แต่หมั่นเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ --- 🔹 วิธีตัดสินว่าเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ 📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นควบคุมไม่ได้ → เป็นผลของกรรมเก่า 📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและเจตนา → เป็นผลของกรรมใหม่ 💡 แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ กรรมใหม่สามารถเปลี่ยนผลของกรรมเก่าได้ 💡 อย่าเชื่อว่า "ชีวิตถูกกำหนดแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้" → นี่คือมิจฉาทิฏฐิ 💡 พุทธศาสนาสอนให้เราลงมือเปลี่ยนชีวิตด้วยกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบัน --- 🔹 สรุป: ทางเลือกที่ชาญฉลาด ✅ อย่าโทษกรรมเก่าแล้วปล่อยตัวให้เป็นไปตามยถากรรม ✅ ตั้งใจสร้างกรรมใหม่ที่ดี เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง ✅ แม้กรรมเก่าจะเป็นตัวกำหนด "ต้นทุนชีวิต" แต่กรรมใหม่คือสิ่งที่เราใช้พลิกชีวิตได้ 📌 วันนี้คุณเลือกสร้างกรรมใหม่แบบไหน? ✨ กรรมดีที่พาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น หรือ 🔥 กรรมชั่วที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ ➡ ทุกอย่างอยู่ที่ "การตัดสินใจในปัจจุบัน" นี่แหละ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ

    มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

    การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา

    การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg

    สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต

    เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    ข่าวนี้เกี่ยวกับความพยายามของมูลนิธิ WordPress ที่ต้องการควบคุมเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" ให้มากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายที่มากขึ้นสำหรับ Matt Mullenweg ซีอีโอของมูลนิธิ ตั้งแต่เดือนกันยายน 2024 WordPress ภายใต้การนำของ Mullenweg ได้มีความขัดแย้งกับ WP Engine เกี่ยวกับใบอนุญาตและการมีส่วนร่วมในชุมชน WordPress โดย Mullenweg ได้บล็อก WP Engine จากทรัพยากรโอเพ่นซอร์สซึ่งในเวลาต่อมาได้มีคำสั่งศาลให้เปิดการเข้าถึงและยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ มูลนิธิ WordPress ยังพยายามจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของ "Hosted WordPress" และ "Managed WordPress" แต่ได้ถูกคำขอให้ยกเลิกจาก Unprotected.org เว็บไซต์ที่วิจารณ์ Mullenweg จนทำให้สำนักงานสิทธิบัตรและเครื่องหมายการค้าแห่งสหรัฐ (USPTO) ต้องการการปฏิเสธคำขอจดทะเบียนในตอนแรก แม้ว่าการร้องขอครั้งนี้จะไม่ใช่การปฏิเสธอย่างเด็ดขาด การกระทำเหล่านี้ทำให้มีผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของ Mullenweg โดยเฉพาะเมื่อพนักงานของ Automatic (บริษัทที่ Mullenweg บริหาร) กว่า 159 คนได้ลาออกเนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการบริหารของเขา การที่มูลนิธิ WordPress พยายามควบคุมเครื่องหมายการค้าดังกล่าวทำให้ผู้ให้บริการโฮสต์หลายรายกังวลเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์โฮสต์ WordPress ของพวกเขาและความเป็นไปได้ที่จะถูกมูลนิธิ WordPress ดำเนินการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการละเมิดเครื่องหมายการค้า นอกจากนี้มีบางคนยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำของ WordPress โดยเสนอชื่อ Joost de Valk ผู้พัฒนา Yoast SEO เป็นผู้ที่ควรเข้ามาแทนที่ Mullenweg สถานการณ์นี้มีความหมายต่ออนาคตของแพลตฟอร์ม WordPress ที่ปัจจุบันครองส่วนแบ่งมากกว่า 43% ของเว็บไซต์ทั่วโลก แต่หากผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งพัฒนาเครื่องมือสร้างเว็บไซต์ของตัวเองเพิ่มมากขึ้น จำนวนการใช้งาน WordPress อาจลดลงในอนาคต เหตุการณ์นี้ยังเป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าแพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์สจะมีการประชาสัมพันธ์เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยในการเผยแพร่ข้อมูล แต่ความเป็นผู้นำเดียวสามารถสร้างความขัดแย้งได้ ฉะนั้นการเปลี่ยนแปลงผู้นำอาจเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเพื่อให้ชุมชน WordPress แข็งแกร่งและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น https://www.techradar.com/pro/website-hosting/wordpress-foundation-bid-for-greater-trademark-control-halted-adding-to-more-legal-setbacks-for-ceo-matt-mullenweg
    WWW.TECHRADAR.COM
    WordPress Foundation bid for greater trademark control halted, adding to more legal setbacks for CEO Matt Mullenweg
    WordPress Foundation requested to disclaim rights to Hosted WordPress and Managed WordPress
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel

    การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง

    นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026

    เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น

    การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD

    https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Celestial dGPUs Are Expected To Feature The Xe3P Architecture, Will Likely Use Intel Foundry Instead of TSMC
    Intel's next-gen Celestial discrete GPUs are expected to feature the Xe3P architecture and could potentially be developed by the IFS.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • Deutsche Telekom ได้เปิดตัวโปรเจคใหม่ที่น่าทึ่ง ชื่อว่า "NeoCircuit Router" โปรเจคนี้เป็นความพยายามในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำชิ้นส่วนจากสมาร์ทโฟนเก่ามาประกอบกันเป็นเราเตอร์ใหม่ ตัวเราเตอร์นี้ใช้โปรเซสเซอร์ ชิปหน่วยความจำ และการเชื่อมต่อทางกายภาพจากสมาร์ทโฟนเก่า ซึ่งมีอัตราการนำกลับมาใช้ใหม่สูงถึง 70%

    Dr. Henning Never ผู้จัดการโปรเจคของ Deutsche Telekom เชื่อว่า NeoCircuit Router นี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ Bertrand Pascual จาก Sagemcom ยังเสริมว่าการนำโปรเซสเซอร์จากสมาร์ทโฟนมาใช้ในอุปกรณ์อื่น ๆ นั้นเป็นการประหยัดทรัพยากรและทำให้มีความคุ้มค่าทางการเงิน

    การเปิดตัวของ NeoCircuit Router จะมีขึ้นในงาน Mobile World Congress 2025 ที่บาร์เซโลน่าในวันที่ 3 มีนาคม หากโปรเจคนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับการผลิตชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญในการส่งเสริมการนำทรัพยากรมาใช้ใหม่ในวงการอิเล็กทรอนิกส์

    https://www.techradar.com/pro/europes-largest-telco-wants-to-slash-the-cost-of-your-router-by-reusing-your-old-smartphone-and-i-think-it-is-genius
    Deutsche Telekom ได้เปิดตัวโปรเจคใหม่ที่น่าทึ่ง ชื่อว่า "NeoCircuit Router" โปรเจคนี้เป็นความพยายามในการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ โดยนำชิ้นส่วนจากสมาร์ทโฟนเก่ามาประกอบกันเป็นเราเตอร์ใหม่ ตัวเราเตอร์นี้ใช้โปรเซสเซอร์ ชิปหน่วยความจำ และการเชื่อมต่อทางกายภาพจากสมาร์ทโฟนเก่า ซึ่งมีอัตราการนำกลับมาใช้ใหม่สูงถึง 70% Dr. Henning Never ผู้จัดการโปรเจคของ Deutsche Telekom เชื่อว่า NeoCircuit Router นี้จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ Bertrand Pascual จาก Sagemcom ยังเสริมว่าการนำโปรเซสเซอร์จากสมาร์ทโฟนมาใช้ในอุปกรณ์อื่น ๆ นั้นเป็นการประหยัดทรัพยากรและทำให้มีความคุ้มค่าทางการเงิน การเปิดตัวของ NeoCircuit Router จะมีขึ้นในงาน Mobile World Congress 2025 ที่บาร์เซโลน่าในวันที่ 3 มีนาคม หากโปรเจคนี้ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย คาดว่าจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้อย่างน้อย 20% เมื่อเทียบกับการผลิตชิ้นส่วนใหม่ทั้งหมด และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนที่สำคัญในการส่งเสริมการนำทรัพยากรมาใช้ใหม่ในวงการอิเล็กทรอนิกส์ https://www.techradar.com/pro/europes-largest-telco-wants-to-slash-the-cost-of-your-router-by-reusing-your-old-smartphone-and-i-think-it-is-genius
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว

  • ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่

    แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา

    ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ

    ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ

    การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก
    โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว

    นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก

    สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ 

    สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที

    อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้

    ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6%

    ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
    สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้

    การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน

    อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น

    คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง

    การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง

    ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ

    แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร

    ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    ประธานาธิบดี สีจิ้นผิงจะจัดประชุมสัมมนาสุดยอดผู้นำเทคโนโลยีของจีน งานนี้เชิญแจ๊ก หม่ากลับคืนเวที ถือเป็นกลยุทธ์การระดมความรู้และความร่วมมือของภาครัฐและเอกชนที่มีบทบาทนำการพัฒนาจีนเป็นผู้นำโลกยุคใหม่ แหล่งข่าวเผยว่า สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เตรียมจัดการประชุมสัมมนาเพื่อกระตุ้นความเชื่อมั่นภาคเอกชนในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้นำธุรกิจของประเทศเข้าร่วมด้วย รวมถึงแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งร่วมของบริษัทอาลีบาบา ที่ผ่านมา สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน แทบไม่เคยจัดการประชุมสัมมนาเกี่ยวกับภาคเอกชนเลย และงานดังกล่าวตอกย้ำความท้าทายมากมายที่บริษัทจีนต้องเผชิญ ตั้งแต่ความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปจนถึงการเติบโตที่ชะงักงันของเศรษฐกิจภายในประเทศ ผู้ประกอบการจำนวนมากจะเป็นผู้ประกอบการจากภาคเทคโนโลยี และคาดว่าสี จิ้นผิง จะสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ขยายธุรกิจในประเทศและต่างประเทศ ท่ามกลางสงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ที่ทวีความรุนแรงขึ้น แหล่งข่าว 2 รายระบุ การประชุมสัมมนาครั้งนี้มีแนวโน้มว่าจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า แหล่งข่าวระบุ ข่าวการประชุมดังกล่าวรายงานโดยสำนักข่าวรอยเตอร์เป็นครั้งแรก โพนี่ หม่า ซีอีโอของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Tencent มีกำหนดที่จะเข้าร่วม แหล่งข่าวสองรายระบุว่า เล่ย จุน ซีอีโอของผู้ผลิตสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้าอย่าง Xiaomi รวมถึงหวัง ซิงซิง ผู้ก่อตั้งบริษัทหุ่นยนต์ Yushu Technology ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมเช่นกัน แหล่งข่าวหนึ่งกล่าว นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับสูงของ Huawei Technologies ยังคาดว่าจะเข้าร่วมด้วย นอกจากนี้สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เหลียง เหวินเฟิง ผู้ก่อตั้ง DeepSeek จะเข้าร่วมด้วย เพราะบริษัทสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์แห่งนี้ได้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกเทคโนโลยีด้วยโมเดลที่บริษัทอ้างว่าพัฒนาขึ้นด้วยต้นทุนเพียงเศษเสี้ยวเดียวของคู่แข่งจากตะวันตก สำนักข่าวรอยเตอร์ได้ติดต่อกับบุคคลสำคัญทั้ง 5 รายที่ทราบเกี่ยวกับการประชุมดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดขอสงวนนามเนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับสื่อ  สำนักงานข้อมูลของคณะรัฐมนตรี ซึ่งทำหน้าที่ตอบคำถามสื่อในนามของผู้นำประเทศ ไม่ได้ตอบคำถามของสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวในทันที อาลีบาบา เทนเซนต์ เสี่ยวหมี่ หัวเว่ย ยู่ชู่ และดีพซีค ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ ปรากฏว่าหุ้นที่จดทะเบียนในฮ่องกงของอาลีบาบา เทนเซนต์ และเสี่ยวหมี่ พุ่งขึ้นต่อเนื่องในการซื้อขายช่วงบ่ายตามข่าว โดยเสี่ยวหมี่ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 7% นอกจากนี้ เทนเซนต์ยังปิดตลาดสูงขึ้น 7% ในขณะที่อาลีบาบาปิดตลาดที่ระดับ 6% ความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น สีจิ้นผิงเป็นประธานการประชุมสัมมนาระดับสูงสำหรับภาคเอกชนเป็นครั้งแรกในช่วงปลายปี 2561 ซึ่งเป็นเวลา 6 ปีหลังจากที่เขาดำรงตำแหน่ง ในเวลานั้น เขาให้คำมั่นว่าจะลดหย่อนภาษีและสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งยืนยันว่าบริษัทเอกชนจะสามารถเข้าถึงการสนับสนุนทางการเงินได้ การเข้าร่วมการประชุมสัมมนาที่วางแผนไว้ของแจ็ค หม่า มีแนวโน้มที่จะเพิ่มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ผู้ประกอบการที่ครั้งหนึ่งเคยมีชื่อเสียงโด่งดังได้ถอนตัวออกจากชีวิตสาธารณะเป็นส่วนใหญ่ หลังจากที่ Ant บริษัทฟินเทคของเขาถูกทางการสั่งระงับการเสนอขายหุ้นต่อสาธารณะครั้งแรกในปี 2020 ซึ่งการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดจากคำปราศรัยของเขาในปีนั้นที่วิจารณ์ระบบการกำกับดูแลของจีน อาณาจักรธุรกิจของเขาและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่กว้างขึ้นก็ตกเป็นเป้าหมายของการปราบปรามทางการ โดยช่วงเวลาที่เขาอยู่ห่างจากจุดสนใจเป็นสัญลักษณ์ของการพลิกผันของโชคชะตาสำหรับภาคเอกชนของจีน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สีได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของจีนในการบรรลุ "ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน" โดยกล่าวว่าบริษัทเอกชนควร "ร่ำรวยและเปี่ยมด้วยความรัก" เช่นเดียวกับ "รักชาติ" และแบ่งปันผลจากการเติบโตของตนกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกันมากขึ้น คำพูดของเขาถูกมองว่าเป็นการขัดขวางความเกินพอดีในอุตสาหกรรมจำนวนหนึ่ง และทำหน้าที่เป็นเบรกในการลงทุนที่มีความเสี่ยง การเข้าร่วมของผู้ก่อตั้ง DeepSeek อย่าง Liang จะช่วยเสริมสถานะใหม่ที่เพิ่งค้นพบของบริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้ให้กลายเป็นผู้พลิกผันครั้งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรม AI ระดับโลก เมื่อเดือนที่แล้ว เขาได้กล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมสัมมนาแบบปิดที่จัดโดยนายกรัฐมนตรีหลี่ เชียง ประธานาธิบดีสีเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จีนต้องบรรลุความพอเพียงในตัวเองในด้านเซมิคอนดักเตอร์มาเป็นเวลานาน และต้องการให้ประเทศใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ความพยายามของจีนถูกขัดขวางโดยมาตรการควบคุมการส่งออกชิปที่บังคับใช้โดยวอชิงตัน ซึ่งกังวลว่าปักกิ่งอาจใช้เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางทหาร ที่มา Xi to chair symposium attended by Jack Ma and other Chinese business leaders, sources say - https://www.reuters.com/world/china/xi-chair-symposium-attended-by-jack-ma-other-chinese-business-leaders-sources-2025-02-14/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 290 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์อยากให้รัสเซียกลับมาเข้าร่วมกลุ่ม G7 อีกครั้ง

    "ผมอยากให้พวกเขากลับมา ผมคิดว่าการไล่พวกเขาออกไปเป็นความผิดพลาด"
    "มันไม่ใช่คำถามว่าชอบหรือไม่ชอบรัสเซีย แต่มันคือ G8"
    "พวกเขาควรนั่งร่วมโต๊ะกัน ผมคิดว่าปูตินคงอยากกลับมา" ทรัมป์กล่าว
    .
    ข้อมูลเพิ่มเติม:
    - ทรัมป์พยายามดึงรัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G8 อีกครั้งตั้งแต่สมัยแรกของเขา

    - กลุ่ม G7 คือ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 โดยมีสมาชิก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และแคนาดา แต่ในฉากหลัง เป็นความพยายามรวมกลุ่มของมหาอำนาจด้านประชาธิปไตยของโลกตะวันตก เพื่อมีอำนาจต่อเศรษฐกิจโลก

    - รัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G7 อย่างเป็นทางการในปี 1998 ส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มประเทศ G8 การที่กลุ่ม G7 เชิญรัสเซียเข้าร่วม เป็นการตัดสินใจจากเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากในขณะนั้นรัสเซียยังไม่ใช่ประเทศมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อดึงรัสเซียให้เข้าสู่ระเบียบโลกตามแบบตะวันตก เนื่องจากขณะนั้นรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างมาก ต่อมาการเป็นสมาชิกของรัสเซียถูกเมิน เพราะรัสเซียเริ่มต่อต้านระเบียบโลกตะวันตกรุนแรงขึ้น จนในที่สุดก็ถูกขับออกจาก G7 ในปี 2014 จากเหตุการณ์ผนวกดินแดนไครเมียของยูเครนในปี 2557 (2014) ส่งผลให้เหลือเพียง G7 ในปัจจุบัน

    - จีนไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งของ G7 เพราะจีนต่อต้านโดยตรงกับระเบียบโลกตามแนวคิดพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ซึ่งในส่วนลึกแล้วเป็นเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียถูกขับออก เหตุการณ์ไครเมียเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อความชอบธรรม
    ทรัมป์อยากให้รัสเซียกลับมาเข้าร่วมกลุ่ม G7 อีกครั้ง "ผมอยากให้พวกเขากลับมา ผมคิดว่าการไล่พวกเขาออกไปเป็นความผิดพลาด" "มันไม่ใช่คำถามว่าชอบหรือไม่ชอบรัสเซีย แต่มันคือ G8" "พวกเขาควรนั่งร่วมโต๊ะกัน ผมคิดว่าปูตินคงอยากกลับมา" ทรัมป์กล่าว . ข้อมูลเพิ่มเติม: - ทรัมป์พยายามดึงรัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G8 อีกครั้งตั้งแต่สมัยแรกของเขา - กลุ่ม G7 คือ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2518 โดยมีสมาชิก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น และแคนาดา แต่ในฉากหลัง เป็นความพยายามรวมกลุ่มของมหาอำนาจด้านประชาธิปไตยของโลกตะวันตก เพื่อมีอำนาจต่อเศรษฐกิจโลก - รัสเซียเข้าร่วมกลุ่ม G7 อย่างเป็นทางการในปี 1998 ส่งผลให้เกิดเป็นกลุ่มประเทศ G8 การที่กลุ่ม G7 เชิญรัสเซียเข้าร่วม เป็นการตัดสินใจจากเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากในขณะนั้นรัสเซียยังไม่ใช่ประเทศมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ แต่เพื่อดึงรัสเซียให้เข้าสู่ระเบียบโลกตามแบบตะวันตก เนื่องจากขณะนั้นรัสเซียแสดงท่าทีสนับสนุนสหรัฐอเมริกาและโลกตะวันตกอย่างมาก ต่อมาการเป็นสมาชิกของรัสเซียถูกเมิน เพราะรัสเซียเริ่มต่อต้านระเบียบโลกตะวันตกรุนแรงขึ้น จนในที่สุดก็ถูกขับออกจาก G7 ในปี 2014 จากเหตุการณ์ผนวกดินแดนไครเมียของยูเครนในปี 2557 (2014) ส่งผลให้เหลือเพียง G7 ในปัจจุบัน - จีนไม่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นส่วนหนึ่งของ G7 เพราะจีนต่อต้านโดยตรงกับระเบียบโลกตามแนวคิดพื้นฐานของสหรัฐอเมริกาและตะวันตก ซึ่งในส่วนลึกแล้วเป็นเหตุผลเดียวกับที่รัสเซียถูกขับออก เหตุการณ์ไครเมียเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อความชอบธรรม
    Like
    Yay
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีความพยายามในการเพิ่มความถี่ของตัวจับเวลา (timer) ในเคอร์เนลลินุกซ์จาก 250 Hz เป็น 1,000 Hz โดยวิศวกรของ Google ได้เสนอการปรับเปลี่ยนนี้เพราะเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับการเร่งความเร็ว AI LLM (Large Language Models) อย่างมีนัยสำคัญ

    จากการทดสอบของเว็บไซต์ Phoronix พบว่าการเพิ่มความถี่นี้ให้ประโยชน์อย่างชัดเจนในการประมวลผล AI LLM โดยสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นถึงตัวเลขสองหลัก นอกจากนี้ยังมีการทดสอบการทำงานของเซิร์ฟเวอร์เว็บ Nginx ซึ่งพบว่าสามารถจัดการคำขอได้มากขึ้นเช่นกัน ขณะที่การทดสอบในงานอื่น ๆ เช่น การประมวลผลภาพ การจัดการฐานข้อมูล SQL และการเล่นเกม พบว่าผลลัพธ์ไม่ได้แตกต่างมากนัก

    สิ่งที่น่าสนใจคือความเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบต่อการใช้พลังงานของ CPU เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบางดิสทริบิวชันลินุกซ์ยอดนิยมที่ได้ใช้ความถี่ตัวจับเวลา 1,000 Hz อยู่แล้ว เช่น Ubuntu และ SteamOS

    https://www.tomshardware.com/software/linux/increased-linux-kernel-timer-frequency-delivers-big-boost-in-ai-workloads
    มีความพยายามในการเพิ่มความถี่ของตัวจับเวลา (timer) ในเคอร์เนลลินุกซ์จาก 250 Hz เป็น 1,000 Hz โดยวิศวกรของ Google ได้เสนอการปรับเปลี่ยนนี้เพราะเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับการเร่งความเร็ว AI LLM (Large Language Models) อย่างมีนัยสำคัญ จากการทดสอบของเว็บไซต์ Phoronix พบว่าการเพิ่มความถี่นี้ให้ประโยชน์อย่างชัดเจนในการประมวลผล AI LLM โดยสามารถประมวลผลได้เร็วขึ้นถึงตัวเลขสองหลัก นอกจากนี้ยังมีการทดสอบการทำงานของเซิร์ฟเวอร์เว็บ Nginx ซึ่งพบว่าสามารถจัดการคำขอได้มากขึ้นเช่นกัน ขณะที่การทดสอบในงานอื่น ๆ เช่น การประมวลผลภาพ การจัดการฐานข้อมูล SQL และการเล่นเกม พบว่าผลลัพธ์ไม่ได้แตกต่างมากนัก สิ่งที่น่าสนใจคือความเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกระทบต่อการใช้พลังงานของ CPU เพียงเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีบางดิสทริบิวชันลินุกซ์ยอดนิยมที่ได้ใช้ความถี่ตัวจับเวลา 1,000 Hz อยู่แล้ว เช่น Ubuntu และ SteamOS https://www.tomshardware.com/software/linux/increased-linux-kernel-timer-frequency-delivers-big-boost-in-ai-workloads
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม

    📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔

    📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี

    📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด

    🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย
    การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น
    - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น
    - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์
    - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง
    - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ

    😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม

    🔍 ป.12 คืออะไร? 📜
    ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย

    📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12
    การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น
    ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
    ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง
    ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน

    ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง

    ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ?
    📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้
    1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ
    คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย

    2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง
    ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน

    3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน
    ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น

    🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄
    - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว
    - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย
    - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม

    🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย
    ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่

    📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น
    - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV)
    - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ
    - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง

    📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย
    🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน
    - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12%
    - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18%
    - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22%

    📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม
    ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน

    ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4

    ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568

    🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    งด 1 ปี! ป.12 ห้ามออกใบอนุญาตพกพา แก้ปัญหาพกปืนเกลื่อนเมือง หวังลดอาชญากรรม 📢 มาตรการคุมเข้มอาวุธปืน! รัฐบาลสั่งห้ามออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน (ป.12) เป็นเวลา 1 ปี เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัยในสังคม 🚔 📰 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมลงนามในคำสั่ง สำนักนายกรัฐมนตรี และกระทรวงมหาดไทย ที่ 478/2568 ลงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้ งดการออกใบอนุญาต ให้มีอาวุธปืนติดตัว (ป.12) เป็นการชั่วคราว เป็นระยะเวลา 1 ปี 📌 มาตรการนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป หลังมีการประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา โดยเจ้าหน้าที่นายทะเบียน จะไม่สามารถออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ให้แก่ประชาชนทั่วไป จนกว่าคำสั่งนี้จะสิ้นสุด 🔫 ปัญหาการพกพาอาวุธปืน ที่รุนแรงขึ้นในสังคมไทย การออกคำสั่งครั้งนี้ สืบเนื่องจากสถานการณ์ การใช้อาวุธปืนในปัจจุบัน ที่ทวีความรุนแรงขึ้น - มีการพกพาอาวุธปืน ไปในที่สาธารณะ โดยไม่มีเหตุจำเป็น - มีการแสดงอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุอันสมควร ทั้งในที่สาธารณะ และบนสื่อออนไลน์ - การพกปืนโดยไม่มีเหตุผล นำไปสู่อาชญากรรมร้ายแรง - ผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ ทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และสภาพจิตใจ 😨 เหตุการณ์เหล่านี้ ส่งผลให้ประชาชน เกิดความหวาดกลัว และกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ของสังคม 🔍 ป.12 คืออะไร? 📜 ใบอนุญาต ป.12 หรือ "ใบอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนติดตัว" เป็นเอกสารที่ออกโดย เจ้าหน้าที่นายทะเบียน ภายใต้กฎหมายอาวุธปืนของไทย 📌 ผู้ที่ได้รับอนุญาต สามารถพกพาอาวุธปืน ติดตัวไปในที่สาธารณะ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย 🔎 เงื่อนไขของการขอใบอนุญาต ป.12 การขอใบอนุญาตพกพาปืน ต้องมีเหตุผลที่สมควร เช่น ✅ เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ✅ เป็นนักธุรกิจ ที่ต้องพกพาทรัพย์สินมูลค่าสูง ✅ อาชีพที่เสี่ยงต่อชีวิต เช่น ทนายความ หรือพนักงานเก็บเงิน ❌ แต่การอนุญาตนี้ กลับถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ทำให้มีการพกพาอาวุธปืน อย่างไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นสาเหตุของอาชญากรรม และเหตุการณ์รุนแรง ⚖️ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน ป.12 ช่วยลดอาชญากรรมได้จริงหรือ? 📉 3 ผลลัพธ์ที่คาดหวังจากมาตรการนี้ 1️⃣ ลดจำนวนอาวุธปืนในที่สาธารณะ คนที่ไม่มีใบอนุญาต จะไม่สามารถพกปืนได้ ลดโอกาสที่ปืนจะถูกนำไปใช้ในการก่อเหตุร้าย 2️⃣ ป้องกันเหตุอาชญากรรม และความรุนแรง ลดความเสี่ยงของ เหตุยิงกันในที่สาธารณะ ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ป้องกันเหตุทะเลาะวิวาท ที่ลุกลามไปถึงขั้นใช้อาวุธปืน 3️⃣ เสริมสร้างความปลอดภัย ให้ประชาชน ทำให้ประชาชน รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เมื่อเดินทางในที่สาธารณะ ลดความหวาดกลัว จากการเผชิญหน้า กับผู้ที่พกพาอาวุธปืน โดยไม่มีเหตุจำเป็น 🤔 ใครบ้างที่ได้รับผลกระทบ? 🔄 - ประชาชนทั่วไป ที่ต้องการพกปืนเพื่อป้องกันตัว - นักธุรกิจ หรือผู้ที่ทำงานเสี่ยงภัย ที่พกปืนเพื่อรักษาความปลอดภัย - ร้านค้าและธุรกิจ ที่มีใบอนุญาตพกปืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม 🚨 ทางออกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัย ถึงแม้ว่าจะไม่มีใบอนุญาต ป.12 แต่ประชาชนยังสามารถ ครอบครองอาวุธปืนไว้ที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ โดยมีใบอนุญาต ป.4 (ใบอนุญาตครอบครองปืน) ซึ่งยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ 📌 นอกจากนี้ รัฐบาลแนะนำให้ใช้ มาตรการรักษาความปลอดภัยรูปแบบอื่นๆ เช่น - ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) - ใช้ระบบรักษาความปลอดภัยอัตโนมัติ - จ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้อง 📊 สถิติอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนในไทย 🔎 จากข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2563-2567) มีคดีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 คดีอาชญากรรม ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน - ฆาตกรรม เพิ่มขึ้น 12% - ปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน เพิ่มขึ้น 18% - การยิงกันในที่สาธารณะ เพิ่มขึ้น 22% 📢 มาตรการนี้ เป็นความพยายามของรัฐบาล ในการลดจำนวนคดี ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน และทำให้สังคมไทย ปลอดภัยยิ่งขึ้น 🔚 มาตรการห้ามออกใบอนุญาต ป.12 เป็นก้าวสำคัญของการลดอาชญากรรม ✅ การห้ามออกใบอนุญาตพกพาปืน (ป.12) เป็นการควบคุมการพกพาอาวุธปืน ในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันอาชญากรรม และสร้างความปลอดภัย ให้กับประชาชน ✅ ถึงแม้ว่าผู้ที่ต้องการพกปืน จะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ยังสามารถครอบครองอาวุธปืนที่บ้าน หรือที่ทำงานได้ ภายใต้ใบอนุญาต ป.4 ✅ นี่เป็นเพียง มาตรการระยะสั้น 1 ปี แต่หากเห็นผลดี รัฐบาลอาจพิจารณาปรับปรุง กฎหมายเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131508 ก.พ. 2568 🔗 #ควบคุมอาวุธปืน #ลดอาชญากรรม #งดป12 #ปืนในที่สาธารณะ #กฎหมายปืน #ความปลอดภัยสาธารณะ #รัฐบาลไทย #พกปืนต้องมีเหตุผล #มาตรการเข้ม #CrimePrevention
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 313 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์
    .
    ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา
    .
    โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู
    .
    "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น"
    .
    ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน
    ..............
    Sondhi X
    ผุดไอเดียสร้างกำแพง คุมชายแดนไทย-กัมพูชา ดักทางคอลเซ็นเตอร์ . ความพยายามในการทำลายขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลไทยกำลังดำเนินการขยายผลภารกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากการตัดไฟที่ได้ลงมือไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น ปรากฎว่านายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เสนอแนวคิดในการสร้างกำแพงกั้นระหว่างชายแดนไทยกับกัมพูชา . โดนนายภูมิธรรม อธิบายว่า การทำรั้วตามแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ก็จะต้องดูว่ารั้วที่จะทำมีลักษณะแบบไหน และสามารถป้องกันในเรื่องของปัญหาใดได้บ้าง ก็คงต้องไปดูรายละเอียด เช่น ชายแดนเรามีระยะทางยาว จะใช้กำลังพลอาจจะไม่เพียงพอ แทนที่จะเพิ่มกำลังพลขึ้น อาจจะเปลี่ยนเป็นการเพิ่มโดรน ซึ่งอาจจะไม่ต้องเพิ่มมาก เพื่อใช้ในการตรวจการแทนกำลังพล ซึ่งคงต้องหารือกันอีกครั้ง หลักการรัฐบาลยินดี ซัพพอร์ตเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานต่างๆเดินหน้าต่อไปได้ โดยการเสนอมาทั้ง 3 หน่วยงาน ซึ่งก็เห็นว่ามีเหตุผล แต่ว่าจะได้อย่างไร ก็คงต้องกับไปพิจารณากันดู . "การสร้างกำแพงแนวชายแดน 55 กิโลเมตร ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องไปดูรายละเอียด เพราะมีแบบอย่างต่างประเทศสร้างกำแพงชายแดน เช่น สหรัฐอเมริกา เราก็ต้องไปดูว่าการสร้างกำแพงของประเทศไทย จะป้องกันปัญหาเรื่องอะไร แล้วจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด ต้องไปดูเรื่องทางเทคนิคเยอะ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงปูน ลวดหนาม หรือตาข่าย เป็นต้น" . ขณะเดียวกัน มีรายงานข่าวแจ้งวากลุ่มกองกำลัง BGF พ.อ.หม่อง ชิตตู่ เสนาธิการBGF ,พ.ท.หม่องวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 3 , พ.ต.เต่งวิน ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 2 และ พ.ท.เม๊าะโต่ง ผบ.บก.ควบคุมพื้นที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ให้นักลงทุนสัญชาติจีน มาเช่าพื้นที่ดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ ได้จัดการประการชุมร่วมกัน และได้มีมติ จะดำเนินการกวาดล้าง และจับกุมบุคคลสัญชาติจีน ที่เข้ามาดำเนินกิจการคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ จ.เมียวดี คาดว่ามีจำนวน ประมาณ 10,000 คน โดยจะขอส่งตัวกลับผ่านประเทศไทย บริเวณสะพานมิตรภาพไทย เมียนมา แห่งที่ 2 วันละ 500 คน รวม 20 วัน .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    Angry
    12
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2087 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน)
    .
    ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง
    .
    เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา"
    .
    รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
    .
    "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ
    .
    ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน
    .
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้"
    .
    รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ
    .
    ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด
    .
    นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความตั้งใจปรับเปลี่ยนโฟกัสด้านการทหาร ให้ความสำคัญลำดับต้นๆต่อการเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของจีนในอินโด-แปซิฟิก เช่นเดียวกับการป้องกันมาตุภูมิ จากคำประกาศกร้าวของ พีท เฮกเซธ รัฐมนตรีกลาโหมอเมริกา(เพนตากอน) . ระหว่างกล่าวกับที่ประชุมสนับสนุนยูเครน ของเหล่ารัฐมนตรีกลาโหมนาโตและบรรดาชาตินอกสมาชิกนาโต ในกรุงบรัสเซลส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งหมาดๆ ส่งสัญญาณเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของวอชิงตัน และเรียกร้องให้พวกพันธมิตรยุโรปเข้ารับหน้าที่เป็นผู้นำในด้านความมั่นคงของตนเอง . เฮกเซธ เน้นย้ำว่า "ข้อเท็จจริงทางยุทธศาสตร์" บีบให้วอชิงตัน ต้องหันไปมุ่งเน้นคุ้มกันชายแดนของตนเองและตอบโต้ภัยคุกคามจากปักกิ่ง "สหรัฐฯต้องเผชิญกับภัยคุกคามสืบเนื่อง ที่มีต่อมาตุภูมิของเรา" เขากล่าว พร้อมบอกว่า "เราต้อง และเรากำลังมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับความมั่นคงของชายแดนของเรา" . รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ระบุ จีน คือภัยคุกคามสำคัญที่สุด โดยให้คำจำกัดความปักกิ่งว่าเป็น "คู่แข่งที่ทัดเทียม" ทั้งในแง่ศักยภาพและความตั้งใจคุกคามผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก . "สหรัฐฯให้ความสำคัญลำดับต้นๆกับการป้องปรามสงครามกับจีนในแปซิฟิก ตะหนักถึงความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาขาดแคลน และต้องเลือกทุ่มเททรัพยากรไปที่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพื่อรับประกันว่าการป้องปรามนั้นจะไม่ล้มเหลว" เฮกเซธระบุ . ความเป็นคู่อริทางยุทธศาสตร์ระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่ง ทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทั้ง 2 ชาติต่างยกระดับการปรากฏตัวทางทหารและเศรษฐกิจในอินโด-แปซิฟิก ในขณะที่สหรัฐฯส่งเสียงเตือนซ้ำๆในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากความเคลื่อนไหวเสริมกำลังทหารและความทะเยอทะยานในระดับภูมิภาคของจีน . มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เน้นย้ำจุดยืนดังกล่าวเช่นกัน ประกาศกร้าวว่าการตอบโต้จีน จะเป็นแก่นกลางนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯระหว่างการดำรงตำแหน่งสมัย 2 ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเขากล่าวหาพรรคคอมมิวนิสต์จีน "โกหก หลอกลวง เจาะระบบและขโมยข้อมูล เปิดทางสู่สถานะมหาอำนาจโลก โดยที่เราต้องเป็นฝ่ายชดใช้" . รูบิโอ ยังได้วิพากษ์วิจารณ์นโยบายต่างๆนานาของสหรัฐฯก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ห่วงโซ่อุปทานสำคัญๆโยกย้ายไปยังจีน เตือนว่ามันทำให้การผลิตของอเมริกาตกอยู่ในความอ่อนแอ นอกจากนี้แล้วเขายังเรียกร้องให้ใช้มาตรการที่แข็งกร้าวกว่าเดิม ในการจำกัดอิทธิพลของปักกิ่งในอินโด-แปซิฟิก และที่อื่นๆ . ปักกิ่งปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวมาตลอดต่อข้อกล่าวหานี้ พร้อมชี้ว่าสหรัฐฯคือขุมกำลังหลักที่บ่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค กระทรวงกลาโหมของจีนประณามความพยายามของวอชิงตัน ในการยกระดับปรากฏตัวทางทหารในอินโด-แปซิฟิก ว่าเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์อย่างกว้างขวาง ในความพยายาม "ควบคุมจีน" และปั้นแต่งเรื่องเล่า "ภัยคุกคามจากจีน" แบบเลยเถิด . นอกจากนี้แล้ว จีน ยังได้วิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ ต่อกรณีกระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับไต้หวัน เน้นย้ำว่าพวกเขามองว่าเกาะปกครองตนเองแห่งนี้เป็นดินแดนที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ของประเทศ ภายใต้หลักการ "จีนเดียว" ทั้งนี้ที่ผ่านมา ปักกิ่ง ประณามวอชิงตัน ต่อการขายอาวุธต่างๆนานาให้ไทเป กล่าวหาว่าอเมริกาปลุกปั่นสถานการณ์ความตึงเครียด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000014311 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2132 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากกับปัญหาการพัฒนาชิพ 3nm/2nm หลังจากที่ Pat Gelsinger ออกจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วในปลายปี 2024 ตอนนี้มี CEO ร่วมสองคนชั่วคราว Intel ต้องตัดสินใจว่าจะสานต่อแผนที่เน้นการผลิตชิพหรือไม่ หรือจะขายโรงงานการผลิตชิพของตนเพื่อลดค่าใช้จ่าย

    ที่น่าสนใจคือ Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้เผยว่า มีการพูดคุยในห่วงโซ่อุปทานในเอเชียว่า TSMC อาจส่งวิศวกรไปช่วย Intel ในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพ 3nm/2nm ของพวกเขา แผนนี้อาจนำไปสู่การร่วมทุนระหว่าง TSMC และ Intel เพื่อช่วยให้การผลิตชิพของ Intel มีความสามารถและประสิทธิภาพมากขึ้น

    Gerra ยังบอกว่า หากแผนนี้สำเร็จ อาจทำให้เกิดการตั้งบริษัทใหม่ที่มีส่วนร่วมของ TSMC และ Intel โดย TSMC จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการผลิตชิพในโรงงานนี้ นอกจากนี้ การตั้งบริษัทใหม่นี้จะทำให้พวกเขาได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน

    ในขณะที่ Intel กำลังพยายามปรับตัว ตลาดการผลิตชิพของพวกเขาก็เผชิญกับความท้าทาย โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Intel ลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง 67.4% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2002 ในขณะที่ AMD สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของตนได้ถึง 22.1% อย่างไรก็ตาม Intel ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเดสก์ท็อปได้

    นอกจากนี้ Intel ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกซื้อขายมากที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยมีสมาชิกของสภาคองเกรสซื้อหุ้นนี้ถึง 8 ครั้งในปีนั้น

    การเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพของ Intel ครั้งนี้น่าจับตามองมาก

    https://wccftech.com/baird-cites-supply-chain-chatter-that-tsmc-would-send-engineers-to-intels-3nm-2nm-fab-citi-notes-that-intels-microprocessor-share-is-now-lowest-since-2002/
    Intel กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญมากกับปัญหาการพัฒนาชิพ 3nm/2nm หลังจากที่ Pat Gelsinger ออกจากตำแหน่งอย่างรวดเร็วในปลายปี 2024 ตอนนี้มี CEO ร่วมสองคนชั่วคราว Intel ต้องตัดสินใจว่าจะสานต่อแผนที่เน้นการผลิตชิพหรือไม่ หรือจะขายโรงงานการผลิตชิพของตนเพื่อลดค่าใช้จ่าย ที่น่าสนใจคือ Tristan Gerra นักวิเคราะห์จาก Baird ได้เผยว่า มีการพูดคุยในห่วงโซ่อุปทานในเอเชียว่า TSMC อาจส่งวิศวกรไปช่วย Intel ในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพ 3nm/2nm ของพวกเขา แผนนี้อาจนำไปสู่การร่วมทุนระหว่าง TSMC และ Intel เพื่อช่วยให้การผลิตชิพของ Intel มีความสามารถและประสิทธิภาพมากขึ้น Gerra ยังบอกว่า หากแผนนี้สำเร็จ อาจทำให้เกิดการตั้งบริษัทใหม่ที่มีส่วนร่วมของ TSMC และ Intel โดย TSMC จะเป็นผู้จัดการและดำเนินการผลิตชิพในโรงงานนี้ นอกจากนี้ การตั้งบริษัทใหม่นี้จะทำให้พวกเขาได้รับเงินทุนจาก CHIPS Act ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุน ในขณะที่ Intel กำลังพยายามปรับตัว ตลาดการผลิตชิพของพวกเขาก็เผชิญกับความท้าทาย โดยส่วนแบ่งการตลาดของ Intel ลดลงเรื่อยๆ เหลือเพียง 67.4% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2002 ในขณะที่ AMD สามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของตนได้ถึง 22.1% อย่างไรก็ตาม Intel ยังสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดเดสก์ท็อปได้ นอกจากนี้ Intel ยังเป็นหนึ่งในหุ้นที่ถูกซื้อขายมากที่สุดในสหรัฐฯ ในปี 2024 โดยมีสมาชิกของสภาคองเกรสซื้อหุ้นนี้ถึง 8 ครั้งในปีนั้น การเปลี่ยนแปลงและความพยายามในการพัฒนาโรงงานผลิตชิพของ Intel ครั้งนี้น่าจับตามองมาก https://wccftech.com/baird-cites-supply-chain-chatter-that-tsmc-would-send-engineers-to-intels-3nm-2nm-fab-citi-notes-that-intels-microprocessor-share-is-now-lowest-since-2002/
    WCCFTECH.COM
    Baird Cites Supply Chain Chatter That "TSMC Would Send Engineers To Intel's 3nm/2nm Fab," Citi Notes That Intel's Microprocessor Share Is Now Lowest Since 2002
    Intel might be pivoting towards a closer collaboration with TSMC to get its struggling fabrication units off the ground.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ
    .
    มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง
    .
    ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ
    .
    อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว
    .
    แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    .
    เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
    .
    ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983
    ..............
    Sondhi X
    อีลอส มัสก์ มหาเศรษฐีเทคโนโลยี ที่ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ให้เป็นแกนนำในความพยายามปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง เตือนในวันอังคาร (11 ก.พ.) ว่าอเมริกาจะ "ล้มละลาย" หากไม่มีการตัดลดงบประมาณใดๆ . มัสก์ เป็นแกนนำความพยายามดังกล่าวภายใต้กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) ที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ เขาได้กล่าวเตือนเกี่ยวกับ "การล้มละลาย" ระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้ซึ่งเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ออกคำสั่งเป็นชุดๆ เล็งเป้าลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง . ทั้งนี้ คำแถลงของมัสก์ เล็งเป้าอย่างเจาะจงไปที่ตัวเลขขาดดุลงบประมาณของประเทศ ที่แตะระดับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ ในปีงบประมาณล่าสุด พร้อมบอกว่าการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลางไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นต้องทำ . อย่างไรก็ตาม รายงานของเอเอฟพีระบุว่าความเห็นดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่รัฐบาลของทรัมป์เองกำลังพบว่าตนเองกำลังอยู่บนเส้นทางแห่งการเผชิญหน้ากับศาลสหรัฐฯ เนื่องจากคณะผู้พิพากษากลางตั้งคำถามเกี่ยวกับความชอบธรรมทางกฎหมายของมาตรการตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ของทำเนียบขาว . แผนล้างบางของทรัมป์ ส่งผลกระทบให้หน่วยงานรัฐบาลกลางบางส่วนต้องปิดปฏิบัติการ และพนักงานต้องกลับบ้าน โหมกระพือการต่อสู้ทางกฎหมายทั่วประเทศ โดยมีการยื่นฟ้องดำเนินคดีหลายคำร้อง ในความพยายามหาทางระงับสิ่งที่ฝ่ายคัดค้านให้คำจำกัดความว่าเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย . เมื่อถูกถามในวันอังคาร (11 ก.พ.) เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน มัสก์ที่เป็นซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ซึ่งได้สัญญาจ้างต่างๆ จากรัฐบาลสหรัฐฯ ตอบกล่า เขาจะหาทางสร้างความโปร่งใสให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ . ทีมปฏิรูปของ DOGE ได้ก่อความกังวลในหมู่พวกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน จากการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลการเงินของผู้คนหลายล้านคนในสหรัฐฯ ผ่านกระทรวงการคลัง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013983 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1886 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีความพยายามกันเนิ่นนานที่จะใช้มือถือมาแทนที่ Computer แบบตั้งโต๊ะหรือโนตบุ๊ก แต่ยังไม่มีใครใช้แบบยั่งยืนหรือมีใช้ก็เป็นกลุ่มเล็กมากๆ บทความนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการใช้มือถือมาแทนที่ครับ

    ทความนี้เขียนโดย Kerry Wan เกี่ยวกับการทดสอบใช้งาน Samsung DeX ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สมาร์ทโฟน Galaxy S25 Ultra เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์หรือทีวี เพื่อใช้งานเหมือนกับคอมพิวเตอร์ โดยปกติแล้ว DeX จะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่มีความสามารถที่น่าทึ่งมากๆ

    Kerry ได้ทดสอบใช้งาน DeX กับ Galaxy S25 Ultra เป็นเวลาสองสามวันเพื่อดูว่า สามารถทำงานแทนแล็ปท็อปได้หรือไม่ ผลลัพธ์คือ DeX ทำงานได้ดีมาก รองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ Bluetooth ในการพิมพ์ และการใช้แอปต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บนโทรศัพท์

    DeX ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และได้รับการอัปเกรดหลายครั้ง เช่น การเชื่อมต่อแบบไร้สายและการเพิ่มฟีเจอร์มัลติทาสกิ้ง จนถึงปัจจุบัน DeX ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟน Samsung สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น

    ข้อดีของ DeX ที่ Kerry พบคือการซิงโครไนซ์การแจ้งเตือน การเข้าถึงแกลเลอรี่รูปภาพอย่างรวดเร็ว และการใช้งานกล้องหน้าของโทรศัพท์ในการประชุมวิดีโอ นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้งาน DeX ได้อย่างราบรื่น เช่น การเขียนบทความ ตอบอีเมล และแก้ไขภาพถ่าย

    ถึงแม้ว่า DeX จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานแอปบางแอป และการขาดฟีเจอร์บางอย่างที่คอมพิวเตอร์มี แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป DeX นั้นถือว่าน่าพอใจมาก หากคุณมีสมาร์ทโฟน Samsung ที่รองรับ DeX คุณสามารถทดลองใช้งานและประเมินประสบการณ์ด้วยตัวเองได้

    https://www.zdnet.com/article/i-tried-to-replace-my-laptop-with-the-galaxy-s25-ultra-and-id-do-it-all-over-again/
    มีความพยายามกันเนิ่นนานที่จะใช้มือถือมาแทนที่ Computer แบบตั้งโต๊ะหรือโนตบุ๊ก แต่ยังไม่มีใครใช้แบบยั่งยืนหรือมีใช้ก็เป็นกลุ่มเล็กมากๆ บทความนี้ก็เป็นอีกหนึ่งความพยายามในการใช้มือถือมาแทนที่ครับ ทความนี้เขียนโดย Kerry Wan เกี่ยวกับการทดสอบใช้งาน Samsung DeX ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ให้สมาร์ทโฟน Galaxy S25 Ultra เชื่อมต่อกับจอมอนิเตอร์หรือทีวี เพื่อใช้งานเหมือนกับคอมพิวเตอร์ โดยปกติแล้ว DeX จะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่มีความสามารถที่น่าทึ่งมากๆ Kerry ได้ทดสอบใช้งาน DeX กับ Galaxy S25 Ultra เป็นเวลาสองสามวันเพื่อดูว่า สามารถทำงานแทนแล็ปท็อปได้หรือไม่ ผลลัพธ์คือ DeX ทำงานได้ดีมาก รองรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงการใช้คีย์บอร์ดและเมาส์ Bluetooth ในการพิมพ์ และการใช้แอปต่างๆ ที่ติดตั้งไว้บนโทรศัพท์ DeX ถูกเปิดตัวครั้งแรกในปี 2017 และได้รับการอัปเกรดหลายครั้ง เช่น การเชื่อมต่อแบบไร้สายและการเพิ่มฟีเจอร์มัลติทาสกิ้ง จนถึงปัจจุบัน DeX ถือเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้สมาร์ทโฟน Samsung สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัวมากขึ้น ข้อดีของ DeX ที่ Kerry พบคือการซิงโครไนซ์การแจ้งเตือน การเข้าถึงแกลเลอรี่รูปภาพอย่างรวดเร็ว และการใช้งานกล้องหน้าของโทรศัพท์ในการประชุมวิดีโอ นอกจากนี้ เขายังสามารถใช้งาน DeX ได้อย่างราบรื่น เช่น การเขียนบทความ ตอบอีเมล และแก้ไขภาพถ่าย ถึงแม้ว่า DeX จะมีข้อจำกัดในเรื่องของการใช้งานแอปบางแอป และการขาดฟีเจอร์บางอย่างที่คอมพิวเตอร์มี แต่สำหรับการใช้งานทั่วไป DeX นั้นถือว่าน่าพอใจมาก หากคุณมีสมาร์ทโฟน Samsung ที่รองรับ DeX คุณสามารถทดลองใช้งานและประเมินประสบการณ์ด้วยตัวเองได้ https://www.zdnet.com/article/i-tried-to-replace-my-laptop-with-the-galaxy-s25-ultra-and-id-do-it-all-over-again/
    WWW.ZDNET.COM
    I tried to replace my laptop with the Galaxy S25 Ultra - and I'd do it all over again
    One of the most overlooked Samsung features lets you pair your phone with a monitor or TV and operate it like a computer. Just make sure your most-used services are supported.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯอิชิบะแสดงความสบายใจ เชื่อญี่ปุ่นไม่ถูกอเมริการีดภาษีหนัก เนื่องจากตอนไปเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (7) ได้อธิบายให้ทรัมป์ “ตระหนัก” ว่าแดนอาทิตย์อุทัยเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่บีบีซีเผยเบื้องหลัง ความสำเร็จของอิชิบะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขา “เตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนัก” ดังนั้น แทนที่จะเผชิญหน้า เขากลับเลือกพูดในสิ่งที่ทรัมป์อยากได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกา
    .
    ภายหลังการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวนกรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (7) นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของแดนอาทิตย์อุทัยว่า ตอนที่ดูในทีวี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูน่ากลัวมาก แต่พอมาเจอตัวจริง ผู้นำสหรัฐฯ จริงใจ ดูมีอำนาจมากและเป็นตัวของตัวเองสูง และเสริมว่า ตนและทรัมป์ไม่ได้พูดเรื่องภาษีศุลกากรรถยนต์ รวมทั้งยอมรับว่าไม่รู้ว่า ญี่ปุ่นจะถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มหรือไม่
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์มองว่า จนถึงตอนนี้โตเกียวยังคงรอดพ้นจากเพลิงสงครามการค้าที่ทรัมป์เที่ยวกระพือขึ้นตามจุดต่างๆ ทั่วโลกตั้งสัปดาห์แรกๆ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยที่สัปดาห์ที่แล้วเขาประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ยอมเลื่อนการเก็บภาษีสองประเทศแรกภายหลังการหารือกับผู้นำของ 2 ชาติดังกล่าวก็ตาม
    .
    กระนั้น ภายหลังกลับถึงบ้าน อิชิบะกล่าวที่โตเกียวในวันอาทิตย์ (10) โดยระบุว่า เชื่อว่า ทรัมป์ “ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ญี่ปุ่นต่างจากประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนซึ่งลงทุนในอเมริกาเป็นรายใหญ่สุดต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน และญี่ปุ่นกำลังสร้างงานจำนวนมากในอเมริกา” ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่า อเมริกาจะไม่ผลักดันไอเดียการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มกับญี่ปุ่น และสองประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พร้อมกับย้ำว่า ภาษีศุลกากรควรบังคับใช้ด้วยวิธีที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ
    .
    จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มียอดการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศในอเมริกาสูงที่สุดคือ 783,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามด้วยแคนาดาและเยอรมนี
    .
    นอกจากนั้น แม้กดดันให้อิชิบะยุติการที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา 68,500 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์มองแง่ดีว่า เป้าหมายนี้จะลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้คำมั่นจากอิชิบะว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนในอเมริกา 1 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    อิชิบะ ระบุว่า เหล็กกล้า ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ คือธุรกิจที่บริษัทญี่ปุ่นจะเข้าไปลงทุนในอเมริกา และสำทับว่า สามารถประนีประนอมกับทรัมป์ได้เรื่องนิปปอน สตีล โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตอนนี้ นิปปอนจะลงทุนก้อนใหญ่ในยูเอส สตีลโดยไม่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทเหล็กกล้าของญี่ปุ่นแห่งนี้พยายามเข้าผนวกกิจการยูเอส สตีล ก่อนจะถูกอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขัดขวาง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ โดยที่ได้รับเสียงเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแข็งขันจากทางพรรครีพับลิกัน
    .
    ด้าน บีบีซี รายงานว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะอิชิบะทำการบ้านมาดี ทั้งด้วยการ “ศึกษาหาข้อมูล” กับพวกเจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอคำแนะนำจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้าเขา ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากภรรยาม่ายของชินโซ อาเบะ เนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วผู้นี้ มีความสนิทชิดเชื้อเป็นอันดีกับทรัมป์
    .
    บีบีซีชี้ว่า ความพยายามเหล่านี้เห็นผลชัดเจน ทำให้การพบปะกันครั้งนี้กลายเป็นการฟื้นความมั่นใจ ทั้งทรัมป์และอิชิบะดูเหมือนใจตรงกันเกี่ยวกับแผนส่งเสริมการค้าและการทหารจนอาจเรียกได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของความสัมพันธ์วอชิงตัน-โตเกียว
    .
    นอกจากแผนการลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกาแล้ว อิชิบะยังบอกว่า โตเกียวจะเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทรัมป์ประกาศระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    แม้อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นหายใจทั่วท้องได้ แต่เจฟฟรีย์ ฮอลล์ อาจารย์มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติคันดะในญี่ปุ่น ชี้ว่า เป้าหมายหลักของทริปนี้ของอิชิบะ มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ เพราะนอกจากเวลานี้เขามีฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ยังถูกสื่อท้องถิ่นปรามาสมาตลอดว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จทางการทูต เพราะทั้งเงอะงะ ไม่ชอบเข้าสังคม และจะถูกทรัมป์ไล่ต้อนอย่างแน่นอน
    .
    แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เพราะดูเหมือนอิชิดะประสบความสำเร็จอย่างมาก
    .
    จากที่เคยเป็นนักการเมืองที่พูดพล่ามในสภา แต่อิชิบะได้รับคำแนะนำจากทีมงานระหว่างการวางกลยุทธ์ก่อนบินไปพบทรัมป์ให้ “พูดแบบรวบรัดด้วยถ้อยคำเรียบง่าย” ฮิลล์เสริมว่า อิชิบะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการยกยอปอปั้นทรัมป์ และเสนอโครงการลงทุนในอเมริกาแทนการเผชิญหน้า
    .
    ฮิลล์ทิ้งท้ายว่า แม้มีหลายประเด็นที่ญี่ปุ่นอาจไม่เห็นด้วยกับอเมริกา เช่น ข้อเสนอของทรัมป์ในการเข้ายึดกาซา หรือสงครามการค้าอเมริกา-จีนที่ญี่ปุ่นจับตามองด้วยความกังวล เนื่องจากปักกิ่งเป็นคู่ค้าใหญ่สุดของโตเกียว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนใหญ่ที่สุดของบริษัทญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทรัมป์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และมีแนวโน้มสูงสุดว่า ญี่ปุ่นอาจทำตัวเป็น “เพื่อนที่พร้อมเข้าข้างอเมริกาเสมอ”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    นายกฯอิชิบะแสดงความสบายใจ เชื่อญี่ปุ่นไม่ถูกอเมริการีดภาษีหนัก เนื่องจากตอนไปเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (7) ได้อธิบายให้ทรัมป์ “ตระหนัก” ว่าแดนอาทิตย์อุทัยเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่บีบีซีเผยเบื้องหลัง ความสำเร็จของอิชิบะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขา “เตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนัก” ดังนั้น แทนที่จะเผชิญหน้า เขากลับเลือกพูดในสิ่งที่ทรัมป์อยากได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกา . ภายหลังการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวนกรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (7) นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของแดนอาทิตย์อุทัยว่า ตอนที่ดูในทีวี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูน่ากลัวมาก แต่พอมาเจอตัวจริง ผู้นำสหรัฐฯ จริงใจ ดูมีอำนาจมากและเป็นตัวของตัวเองสูง และเสริมว่า ตนและทรัมป์ไม่ได้พูดเรื่องภาษีศุลกากรรถยนต์ รวมทั้งยอมรับว่าไม่รู้ว่า ญี่ปุ่นจะถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มหรือไม่ . อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์มองว่า จนถึงตอนนี้โตเกียวยังคงรอดพ้นจากเพลิงสงครามการค้าที่ทรัมป์เที่ยวกระพือขึ้นตามจุดต่างๆ ทั่วโลกตั้งสัปดาห์แรกๆ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยที่สัปดาห์ที่แล้วเขาประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ยอมเลื่อนการเก็บภาษีสองประเทศแรกภายหลังการหารือกับผู้นำของ 2 ชาติดังกล่าวก็ตาม . กระนั้น ภายหลังกลับถึงบ้าน อิชิบะกล่าวที่โตเกียวในวันอาทิตย์ (10) โดยระบุว่า เชื่อว่า ทรัมป์ “ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ญี่ปุ่นต่างจากประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนซึ่งลงทุนในอเมริกาเป็นรายใหญ่สุดต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน และญี่ปุ่นกำลังสร้างงานจำนวนมากในอเมริกา” ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่า อเมริกาจะไม่ผลักดันไอเดียการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มกับญี่ปุ่น และสองประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พร้อมกับย้ำว่า ภาษีศุลกากรควรบังคับใช้ด้วยวิธีที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ . จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มียอดการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศในอเมริกาสูงที่สุดคือ 783,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามด้วยแคนาดาและเยอรมนี . นอกจากนั้น แม้กดดันให้อิชิบะยุติการที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา 68,500 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์มองแง่ดีว่า เป้าหมายนี้จะลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้คำมั่นจากอิชิบะว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนในอเมริกา 1 ล้านล้านดอลลาร์ . อิชิบะ ระบุว่า เหล็กกล้า ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ คือธุรกิจที่บริษัทญี่ปุ่นจะเข้าไปลงทุนในอเมริกา และสำทับว่า สามารถประนีประนอมกับทรัมป์ได้เรื่องนิปปอน สตีล โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตอนนี้ นิปปอนจะลงทุนก้อนใหญ่ในยูเอส สตีลโดยไม่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทเหล็กกล้าของญี่ปุ่นแห่งนี้พยายามเข้าผนวกกิจการยูเอส สตีล ก่อนจะถูกอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขัดขวาง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ โดยที่ได้รับเสียงเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแข็งขันจากทางพรรครีพับลิกัน . ด้าน บีบีซี รายงานว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะอิชิบะทำการบ้านมาดี ทั้งด้วยการ “ศึกษาหาข้อมูล” กับพวกเจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอคำแนะนำจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้าเขา ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากภรรยาม่ายของชินโซ อาเบะ เนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วผู้นี้ มีความสนิทชิดเชื้อเป็นอันดีกับทรัมป์ . บีบีซีชี้ว่า ความพยายามเหล่านี้เห็นผลชัดเจน ทำให้การพบปะกันครั้งนี้กลายเป็นการฟื้นความมั่นใจ ทั้งทรัมป์และอิชิบะดูเหมือนใจตรงกันเกี่ยวกับแผนส่งเสริมการค้าและการทหารจนอาจเรียกได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของความสัมพันธ์วอชิงตัน-โตเกียว . นอกจากแผนการลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกาแล้ว อิชิบะยังบอกว่า โตเกียวจะเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทรัมป์ประกาศระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . แม้อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นหายใจทั่วท้องได้ แต่เจฟฟรีย์ ฮอลล์ อาจารย์มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติคันดะในญี่ปุ่น ชี้ว่า เป้าหมายหลักของทริปนี้ของอิชิบะ มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ เพราะนอกจากเวลานี้เขามีฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ยังถูกสื่อท้องถิ่นปรามาสมาตลอดว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จทางการทูต เพราะทั้งเงอะงะ ไม่ชอบเข้าสังคม และจะถูกทรัมป์ไล่ต้อนอย่างแน่นอน . แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เพราะดูเหมือนอิชิดะประสบความสำเร็จอย่างมาก . จากที่เคยเป็นนักการเมืองที่พูดพล่ามในสภา แต่อิชิบะได้รับคำแนะนำจากทีมงานระหว่างการวางกลยุทธ์ก่อนบินไปพบทรัมป์ให้ “พูดแบบรวบรัดด้วยถ้อยคำเรียบง่าย” ฮิลล์เสริมว่า อิชิบะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการยกยอปอปั้นทรัมป์ และเสนอโครงการลงทุนในอเมริกาแทนการเผชิญหน้า . ฮิลล์ทิ้งท้ายว่า แม้มีหลายประเด็นที่ญี่ปุ่นอาจไม่เห็นด้วยกับอเมริกา เช่น ข้อเสนอของทรัมป์ในการเข้ายึดกาซา หรือสงครามการค้าอเมริกา-จีนที่ญี่ปุ่นจับตามองด้วยความกังวล เนื่องจากปักกิ่งเป็นคู่ค้าใหญ่สุดของโตเกียว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนใหญ่ที่สุดของบริษัทญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทรัมป์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และมีแนวโน้มสูงสุดว่า ญี่ปุ่นอาจทำตัวเป็น “เพื่อนที่พร้อมเข้าข้างอเมริกาเสมอ” . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ออกคำสั่งฉุกเฉินห้ามทีมประสิทธิภาพรัฐบาลของอีลอน มัสก์ เข้าถึงระบบชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รับผิดชอบธุรกรรมนับล้านล้านดอลลาร์ ชี้อาจทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนถูกเปิดเผยโดยไม่เหมาะสม ด้านซีอีโอเทสลากล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
    .
    เมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมา พอล เอนเกิลเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของพรรคเดโมแครต ออกคำสั่งห้ามผู้ได้รับแต่งตั้งทางการเมืองจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐบาลนอกกระทรวงการคลัง เข้าถึงระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลัง
    .
    คำสั่งห้ามนี้ซึ่งให้มีผลบังคับจนกว่าศาลจะเริ่มดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ตามนัดหมายในวันศุกร์ (14 ก.พ.) ยังกำหนดให้บุคคลซึ่งถูกสั่งห้ามเหล่านี้ ที่ได้เข้าถึงระบบเหล่านั้นแล้ว นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ต้องทำลายสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่คัดลอกหรือดาวน์โหลดมาในทันที
    .
    ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ มีขึ้นหลังจากอัยการสูงสุดของ 19 รัฐ ซึ่งต่างเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ยื่นฟ้องทรัมป์, กระทรวงการคลัง, และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, เมื่อคืนวันศุกร์ (7) โดยระบุว่า คณะบริหารทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ด้วยการยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของ มัสก์ ซึ่งไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวของสำนักงานบริการทางการเงิน (บีเอฟเอส) ของกระทรวงการคลัง
    .
    ทั้งนี้ มัสก์ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล แม้สื่อในอเมริการายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล” ก็ตาม เช่นเดียวกับ โดช ที่ไม่มีสถานะเป็นกระทรวงหรือหน่วยราชการอย่างเต็มตัว โดยจะเป็นได้ก็ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเสียก่อน
    .
    ทว่า มัสก์ ที่เป็นผู้บริจาคทางการเมืองรายใหญ่ที่สุดให้แก่ทรัมป์ อีกทั้งเวลานี้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญและทรงอิทธิพลของทรัมป์ ตลอดจนทีมงานของโดชกลับข้ำแแทรกแซงหน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลาง รวมทั้งสั่งระงับโครงการช่วยเหลือในต่างประเทศ ตัดงบประมาณ และพยายามปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวนมาก
    .
    ทางด้านมัสก์ โพสต์ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์โดยประณามเอนเกิลเมเยอร์เป็น “นักเคลื่อนไหว” มากกว่าจะเป็นผู้พิพากษา พร้อมกล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ”
    .
    ทว่า เอนเกิลเมเยอร์อธิบายในคำสั่งห้ามว่า เนื่องจากพวกรัฐที่ฟ้องร้องคราวนี้จะเผชิญอันตรายอย่างชนิดไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากศาลไม่ออกสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเสียหาย ทั้งนี้ เขาแจกแจงด้วยว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลอาจทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลลับ รวมทั้งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังจะถูกเจาะ
    .
    ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รายงานการประเมินภายในของกระทรวงคลังฉบับหนึ่ง ก็ระบุว่า การที่ทีมงานโดชเข้าถึงระบบชำระเงินของรัฐบาลสหรัฐฯเช่นนี้ ถือเป็นภัยคุกคามจากคนวงในครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สำนักงานบีเอฟเอสเคยเผชิญมา เนื่องจากทำให้เกิดความเสี่ยงใหญ่หลวงด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลของประชาชนของอเมริกาและรัฐต่างๆ จะถูกนำไปใช้และประมวลผลโดยไม่มีการตรวจสอบ และด้วยวิธีการที่ไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง
    .
    แมทธิว แพลตกิน อัยการสูงสุดของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ย้ำว่า ทรัมป์อนุญาตให้มัสก์แทรกซึมเข้าระบบและหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บหมายเลขประกันสังคม ข้อมูลการธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนของประชาชนนับล้านๆ คน
    .
    นอกเหนือจากกรณีของกระทรวงการคลังนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า คณะบริหารทรัมป์จะถูกฟ้องร้องอีกหลายคดี จากความพยายามปรับโครงสร้างการใช้จ่ายและบุคลากรของรัฐบาลกลาง
    .
    ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาชั้นต้นสหรัฐฯอีกผู้หนึ่ง ได้ตัดสินให้ยับยั้งความพยายามของทรัมป์ ที่ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกสิทธิการได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติของผู้ที่เกิดในในสหรัฐฯ โดยคำตัเสินระบุว่า การกระทำของทรัมป์ขัดแย้งกับรัฐธรรมรูญ นอกจากนั้นยังผู้พิพากษาษศาลชั้นต้นสหรัฐฯอีกคน สั่งระงับความพยายามของ มัสก์ ในการดำเนินการเพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายล้านคนยื่นใบลาออกเมื่อวันพฤหัสฯ (6) ที่ผ่านมา
    .
    ความพยายามหลังสุดนี้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเอสเอด) ซึ่งเป็นหน่วยงานสหรัฐฯทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในทั่วโลก
    .
    เกี่ยวกับเรื่องนี้ สหภาพแรงงานหลายแห่งก็กำลังฟ้องร้องต่อศาลว่าการดำเนินการดังกล่าวของคณะบริหารไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่เมื่อวันศุกร์ (7) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯผู้หนึ่งได้ตัดสินออกคำสั่งระงับแผนการที่ระบุให้เจ้าหน้าที่ยูเอสเอด 2,200 คนต้องหยุดงานแบบยังคงได้รับค่าจ้าง
    .
    ทางฝั่งพรรคเดโมแครตยืนยันว่า การปิดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลโดยใช้คำสั่งฝายบริหาร และไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาเช่นนี้ถือว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013145
    ..............
    Sondhi X
    ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯ ออกคำสั่งฉุกเฉินห้ามทีมประสิทธิภาพรัฐบาลของอีลอน มัสก์ เข้าถึงระบบชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังที่รับผิดชอบธุรกรรมนับล้านล้านดอลลาร์ ชี้อาจทำให้ข้อมูลละเอียดอ่อนถูกเปิดเผยโดยไม่เหมาะสม ด้านซีอีโอเทสลากล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ . เมื่อวันเสาร์ (8 ก.พ.) ที่ผ่านมา พอล เอนเกิลเมเยอร์ ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯในแมนฮัตตัน ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งตั้งแต่สมัยอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของพรรคเดโมแครต ออกคำสั่งห้ามผู้ได้รับแต่งตั้งทางการเมืองจากคณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่รัฐบาลนอกกระทรวงการคลัง เข้าถึงระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลัง . คำสั่งห้ามนี้ซึ่งให้มีผลบังคับจนกว่าศาลจะเริ่มดำเนินการไต่สวนเรื่องนี้ตามนัดหมายในวันศุกร์ (14 ก.พ.) ยังกำหนดให้บุคคลซึ่งถูกสั่งห้ามเหล่านี้ ที่ได้เข้าถึงระบบเหล่านั้นแล้ว นับจากที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. ต้องทำลายสำเนาข้อมูลทั้งหมดที่คัดลอกหรือดาวน์โหลดมาในทันที . ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ มีขึ้นหลังจากอัยการสูงสุดของ 19 รัฐ ซึ่งต่างเป็นฐานเสียงของพรรคเดโมแครต ยื่นฟ้องทรัมป์, กระทรวงการคลัง, และสกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, เมื่อคืนวันศุกร์ (7) โดยระบุว่า คณะบริหารทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ด้วยการยินยอมให้เจ้าหน้าที่ของกระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE -- โดช) ภายใต้การควบคุมของ มัสก์ ซึ่งไม่ได้มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เข้าถึงข้อมูลอ่อนไหวของสำนักงานบริการทางการเงิน (บีเอฟเอส) ของกระทรวงการคลัง . ทั้งนี้ มัสก์ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐฯหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาล แม้สื่อในอเมริการายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า เขาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “เจ้าหน้าที่พิเศษของรัฐบาล” ก็ตาม เช่นเดียวกับ โดช ที่ไม่มีสถานะเป็นกระทรวงหรือหน่วยราชการอย่างเต็มตัว โดยจะเป็นได้ก็ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐสภาเสียก่อน . ทว่า มัสก์ ที่เป็นผู้บริจาคทางการเมืองรายใหญ่ที่สุดให้แก่ทรัมป์ อีกทั้งเวลานี้กลายเป็นพันธมิตรสำคัญและทรงอิทธิพลของทรัมป์ ตลอดจนทีมงานของโดชกลับข้ำแแทรกแซงหน่วยงานหลายแห่งของรัฐบาลกลาง รวมทั้งสั่งระงับโครงการช่วยเหลือในต่างประเทศ ตัดงบประมาณ และพยายามปลดเจ้าหน้าที่รัฐบาลจำนวนมาก . ทางด้านมัสก์ โพสต์ตอบโต้บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์โดยประณามเอนเกิลเมเยอร์เป็น “นักเคลื่อนไหว” มากกว่าจะเป็นผู้พิพากษา พร้อมกล่าวหาพรรคเดโมแครตพยายามปิดบังกลไกการฉ้อโกงใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” . ทว่า เอนเกิลเมเยอร์อธิบายในคำสั่งห้ามว่า เนื่องจากพวกรัฐที่ฟ้องร้องคราวนี้จะเผชิญอันตรายอย่างชนิดไม่สามารถแก้ไขได้ ถ้าหากศาลไม่ออกสั่งห้ามชั่วคราวเพื่อบรรเทาความเสียหาย ทั้งนี้ เขาแจกแจงด้วยว่านโยบายใหม่ของรัฐบาลอาจทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลละเอียดอ่อนและข้อมูลลับ รวมทั้งมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนที่ระบบการชำระเงินและระบบข้อมูลของกระทรวงการคลังจะถูกเจาะ . ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า รายงานการประเมินภายในของกระทรวงคลังฉบับหนึ่ง ก็ระบุว่า การที่ทีมงานโดชเข้าถึงระบบชำระเงินของรัฐบาลสหรัฐฯเช่นนี้ ถือเป็นภัยคุกคามจากคนวงในครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่สำนักงานบีเอฟเอสเคยเผชิญมา เนื่องจากทำให้เกิดความเสี่ยงใหญ่หลวงด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่รวมถึงความเสี่ยงที่ข้อมูลของประชาชนของอเมริกาและรัฐต่างๆ จะถูกนำไปใช้และประมวลผลโดยไม่มีการตรวจสอบ และด้วยวิธีการที่ไม่ได้รับอนุญาตภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง . แมทธิว แพลตกิน อัยการสูงสุดของรัฐนิวเจอร์ซีย์ ย้ำว่า ทรัมป์อนุญาตให้มัสก์แทรกซึมเข้าระบบและหน่วยงานสำคัญของรัฐบาลกลาง ซึ่งเป็นผู้จัดเก็บหมายเลขประกันสังคม ข้อมูลการธนาคาร และข้อมูลละเอียดอ่อนของประชาชนนับล้านๆ คน . นอกเหนือจากกรณีของกระทรวงการคลังนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่า คณะบริหารทรัมป์จะถูกฟ้องร้องอีกหลายคดี จากความพยายามปรับโครงสร้างการใช้จ่ายและบุคลากรของรัฐบาลกลาง . ก่อนหน้านี้ผู้พิพากษาชั้นต้นสหรัฐฯอีกผู้หนึ่ง ได้ตัดสินให้ยับยั้งความพยายามของทรัมป์ ที่ออกคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อยกเลิกสิทธิการได้รับสัญชาติโดยอัตโนมัติของผู้ที่เกิดในในสหรัฐฯ โดยคำตัเสินระบุว่า การกระทำของทรัมป์ขัดแย้งกับรัฐธรรมรูญ นอกจากนั้นยังผู้พิพากษาษศาลชั้นต้นสหรัฐฯอีกคน สั่งระงับความพยายามของ มัสก์ ในการดำเนินการเพื่อจูงใจให้เจ้าหน้าที่รัฐบาลหลายล้านคนยื่นใบลาออกเมื่อวันพฤหัสฯ (6) ที่ผ่านมา . ความพยายามหลังสุดนี้มีเป้าหมายหลักอยู่ที่องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (ยูเอสเอด) ซึ่งเป็นหน่วยงานสหรัฐฯทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในทั่วโลก . เกี่ยวกับเรื่องนี้ สหภาพแรงงานหลายแห่งก็กำลังฟ้องร้องต่อศาลว่าการดำเนินการดังกล่าวของคณะบริหารไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยที่เมื่อวันศุกร์ (7) ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นสหรัฐฯผู้หนึ่งได้ตัดสินออกคำสั่งระงับแผนการที่ระบุให้เจ้าหน้าที่ยูเอสเอด 2,200 คนต้องหยุดงานแบบยังคงได้รับค่าจ้าง . ทางฝั่งพรรคเดโมแครตยืนยันว่า การปิดหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลโดยใช้คำสั่งฝายบริหาร และไม่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาเช่นนี้ถือว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013145 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1271 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts