• ด่วน! กองทัพรัสเซีย เริ่มดำเนินการติดตั้งโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ โครงสร้างดังกล่าวสามารถรองรับพลเรือนได้มากกว่า 50 คน ที่บริเวณชานกรุงมอสโก
    .
    สำหรับโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันพลเมืองจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงสงครามรังสี ชีวะ เคมี จากการระเบิดนิวเคลียร์และการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี รวมถึงสงครามชีวภาพ
    .
    นอกจากนี้ สำนักงานข่าว RT News รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังสั่งเร่งผลิตโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M เป็นจำนวนมาก เพื่อรับมือกับสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
    .
    “การผลิตแบบต่อเนื่องของโครงสร้างป้องกันโมดูลนวัตกรรม "KUB-M" ได้เริ่มขึ้นในสหพันธรัฐรัสเซีย เหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการวิจัยและความพยายามหลายปีของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซีย ในด้านการปกป้องประชาชนจากสถานการณ์ฉุกเฉิน” กระทรวงฯ กล่าว.

    .
    https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/371771209295525/
    ด่วน! กองทัพรัสเซีย เริ่มดำเนินการติดตั้งโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ที่มีลักษณะคล้ายตู้คอนเทนเนอร์ โครงสร้างดังกล่าวสามารถรองรับพลเรือนได้มากกว่า 50 คน ที่บริเวณชานกรุงมอสโก . สำหรับโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันพลเมืองจากภัยคุกคามต่างๆ รวมถึงสงครามรังสี ชีวะ เคมี จากการระเบิดนิวเคลียร์และการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี รวมถึงสงครามชีวภาพ . นอกจากนี้ สำนักงานข่าว RT News รายงานว่า กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังสั่งเร่งผลิตโครงสร้างศูนย์พักพิงสำหรับสงครามนิวเคลียร์แบบโมดูล KUB-M เป็นจำนวนมาก เพื่อรับมือกับสงครามใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้น . “การผลิตแบบต่อเนื่องของโครงสร้างป้องกันโมดูลนวัตกรรม "KUB-M" ได้เริ่มขึ้นในสหพันธรัฐรัสเซีย เหตุการณ์นี้เป็นผลมาจากการวิจัยและความพยายามหลายปีของนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซีย ในด้านการปกป้องประชาชนจากสถานการณ์ฉุกเฉิน” กระทรวงฯ กล่าว. . https://www.facebook.com/groups/194174770388504/permalink/371771209295525/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย
    .
    ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์
    .
    "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!"
    .
    ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
    .
    รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม
    .
    ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน
    .
    มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070
    ..............
    Sondhi X
    โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาด่าทอ "พวกงี่เง่ากระหายสงคราม" หลังมีรายงานข่าวว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ทิ้งทวนก่อนพ้นตำแหน่ง ให้ไฟเขียวยูเครน ใช้อาวุธพิสัยไกลที่อเมริกาจัดหาให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย . ทรัมป์ จูเนียร์ ซึ่งหาเสียงเคียงข้างผู้เป็นพ่อ ระหว่างศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 และกำลังช่วยพ่อเลือกตัวเลือกคณะรัฐมนตรี โพสต์แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือดบนสื่อสังคมออนไลน์ . "ดูเหมือนอุตสาหกรรมทางทหารต้องการทำให้แน่ใจว่า พวกเขากำลังจะได้สงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่พ่อของผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและปกป้องชีวิต" เขาโพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ในวันอาทิตย์(17พ.ย.) "ตั้งใจกันจริงกับเงินล้านล้านดอลลาร์ ชีวิตบัดซบ!! พวกงี่เง่า!" . ก่อนหน้านี้รัฐบาลไบเดน เคยกำหนดข้อจำกัดการใช้ขีปนาวุธ ATACMS โดยยูเครน อ้างความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่าจะถูกรัสเซียแก้แค้น อย่างไรก็ตามล่าสุดสำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า ทำเนียบขาวกลับลำนโยบายดังกล่าวแล้ว แม้ทั้งทำเนียบขาวและเพนตากอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ . รายงานเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสุดท้ายในการเพิ่มแสนยานุภาพแก่กองทัพยูเครน ก่อนทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม . ระหว่างการหาเสียงเลือกั้ง ทรัมป์ ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความจำเป็นที่ต้องมอบความช่วยเหลือแบบไม่มีเงื่อนไขแก่เคียฟ และประกาศคลี่คลายความขัดแย้งด้วยหนทางด้านการทูต ทั้งนี้การที่ทรัมป์ใกล้กลับสู่ทำเนียบขาวทุกขณะ ได้ก่อความกังวลแก่ทั้งพรรคเดโมแครต พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและอียู ที่วิตกว่ารัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯจะทอดทิ้งยูเครน . มอสโกเน้นย้ำมาตลอดว่าการที่ตะวันตกไฟเขียวยูเครนใช้อาวุธของพวกเขาโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย จะเป็นการส่งสัญญาณของการเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงของนาโตในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เตือนว่า "รัสเซียจะตัดสินใจอย่างเหมาะสมในการตอบโต้ภัยคุกคามดังกล่าว" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111070 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 459 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลบานอนและฮิซบอลเลาะห์ เห็นพ้องต่อข้อเสนอหนึ่งของสหรัฐฯ สำหรับหยุดยิงกับอิสราเอล และได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนเปิดเผยกับรอยเตอร์ พร้อมให้คำนิยามความพยายามนี้ ว่าจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในการหยุดการสู้รบ
    .
    อาลี ฮัสซัน คาลิล ผู้ช่วยรายหนึ่งของ นาบีห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฏร ระบุว่าเลบานอนได้เขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรตอบกลับไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำเลบานอนในวันจันทร์(18พ.ย.) และ อามอส ฮอชสไตน์ ผู้แทนด้านการทูตของทำเนียบขาว กำลังเดินทางมายังกรุงเบรุต เพื่อเดินหน้าการพูดคุยเจรจา
    .
    อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคิดเห็นมาจากฝั่งของอิสราเอล
    .
    ฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวติดอาวุธหนักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ให้การรับรอง เบอร์รี มาช้านาน ในการเจรจาหยุดยิง
    .
    "เลบานอนเสนอความคิดเห็นต่างๆในหนังสือดังกล่าว ในบรรยากาศที่เป็นบวก" คาลิลกล่าว แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม "ทุกความเห็นที่เรานำเสนอได้เน้นย้ำถึงการยึดถืออย่างเที่ยงตรงต่อมติ 1701 ของสหประชาชาติ ในทุกมาตรา" เขากล่าว
    .
    คาลิล อ้างถึงมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามครั้งก่อนหน้านี้ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลในปี 2006
    .
    เงื่อนไขของมติดังกล่าว บังคับให้ฮิซบอลเลาะห์ต้องไม่ประจำการอาวุธในพื้นที่ระหว่างชายแดนเลบานอน-อิสราเอล รวมถึงแม่น้ำลิตานี ซึ่งทอดยาวห่างจากทางเหนือของชายแดนราว 30 กิโลเมตร
    .
    คาลิล ระบุว่าความคิดริเริ่มนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เวลานี้ขึ้นอยู่กับอิสราเอลแล้ว และบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ต้องการทางออกหนึ่งๆ "มันก็อาจจะก่อปัญหาอีกนับร้อยตามมา"
    .
    อิสราเอล กล่าวอ้างมาช้านานว่ามติ 1701 ไม่เคยถูกบังคับใช้อย่างเหมาะสม โดยชี้ถึงการปรากฏตัวของพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และอาวุธตามแนวชายแดน ขณะที่เลบานอนกล่าวหาอิสราเอลละเมิดมติดังกล่าวเช่นกัน ในนั้นรวมถึงกรณีที่ส่งเครื่องบินล้ำเข้ามาในน่านฟ้า
    .
    คาลิล บอกว่าอิสราเอลพยายามเจรจา "ใต้เปลวเพลิง" อ้างถึงการยกระดับทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุต และย่านต่างๆทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮิซบอลเลาะห์ "แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของเรา" เขากล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111068
    ..............
    Sondhi X
    เลบานอนและฮิซบอลเลาะห์ เห็นพ้องต่อข้อเสนอหนึ่งของสหรัฐฯ สำหรับหยุดยิงกับอิสราเอล และได้แสดงความคิดเห็นบางอย่างเกี่ยวกับเนื้อหาของข้อตกลงดังกล่าว เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเลบานอนเปิดเผยกับรอยเตอร์ พร้อมให้คำนิยามความพยายามนี้ ว่าจริงจังที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในการหยุดการสู้รบ . อาลี ฮัสซัน คาลิล ผู้ช่วยรายหนึ่งของ นาบีห์ เบอร์รี ประธานสภาผู้แทนราษฏร ระบุว่าเลบานอนได้เขียนหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรตอบกลับไปยังสถานทูตสหรัฐฯประจำเลบานอนในวันจันทร์(18พ.ย.) และ อามอส ฮอชสไตน์ ผู้แทนด้านการทูตของทำเนียบขาว กำลังเดินทางมายังกรุงเบรุต เพื่อเดินหน้าการพูดคุยเจรจา . อย่างไรก็ตามยังไม่มีความคิดเห็นมาจากฝั่งของอิสราเอล . ฮิซบอลเลาะห์ ขบวนการเคลื่อนไหวติดอาวุธหนักที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ได้ให้การรับรอง เบอร์รี มาช้านาน ในการเจรจาหยุดยิง . "เลบานอนเสนอความคิดเห็นต่างๆในหนังสือดังกล่าว ในบรรยากาศที่เป็นบวก" คาลิลกล่าว แต่ปฏิเสธให้รายละเอียดเพิ่มเติม "ทุกความเห็นที่เรานำเสนอได้เน้นย้ำถึงการยึดถืออย่างเที่ยงตรงต่อมติ 1701 ของสหประชาชาติ ในทุกมาตรา" เขากล่าว . คาลิล อ้างถึงมติ 1701 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ยุติสงครามครั้งก่อนหน้านี้ระหว่างฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลในปี 2006 . เงื่อนไขของมติดังกล่าว บังคับให้ฮิซบอลเลาะห์ต้องไม่ประจำการอาวุธในพื้นที่ระหว่างชายแดนเลบานอน-อิสราเอล รวมถึงแม่น้ำลิตานี ซึ่งทอดยาวห่างจากทางเหนือของชายแดนราว 30 กิโลเมตร . คาลิล ระบุว่าความคิดริเริ่มนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่ เวลานี้ขึ้นอยู่กับอิสราเอลแล้ว และบอกว่าถ้าอิสราเอลไม่ต้องการทางออกหนึ่งๆ "มันก็อาจจะก่อปัญหาอีกนับร้อยตามมา" . อิสราเอล กล่าวอ้างมาช้านานว่ามติ 1701 ไม่เคยถูกบังคับใช้อย่างเหมาะสม โดยชี้ถึงการปรากฏตัวของพวกนักรบฮิซบอลเลาะห์และอาวุธตามแนวชายแดน ขณะที่เลบานอนกล่าวหาอิสราเอลละเมิดมติดังกล่าวเช่นกัน ในนั้นรวมถึงกรณีที่ส่งเครื่องบินล้ำเข้ามาในน่านฟ้า . คาลิล บอกว่าอิสราเอลพยายามเจรจา "ใต้เปลวเพลิง" อ้างถึงการยกระดับทิ้งบอมบ์ถล่มกรุงเบรุต และย่านต่างๆทางใต้ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของฮิซบอลเลาะห์ "แต่มันไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะของเรา" เขากล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000111068 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 463 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    "อ.ปานเทพ" เข้าให้ปากคำตำรวจกองปราบ คดี "ทนายตั้ม" โกง"พี่อ้อย"แฉพยายามนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมก่อนสอดไส้ตั้งตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก เตรียมจ่อเปิดคลิปสาวไส้ในรายการสนธิทอล์ค พบปม 39 ล้าน โอนให้แก๊งสแกมเมอร์แค่ 1 แสน ที่เหลือนำมาแบ่งกัน เชื่อคดีคลี่คลายในเร็ววัน.วันนี้ (18 พ.ย.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 13.00 น. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำในฐานะพยานคดี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ฉ้อโกง น.ส. จตุพร อุบลเลิศ หรือพี่อ้อย โดยนายปานเทพ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญมาเป็นพยาน ในฐานะที่เป็นผู้ได้รับเรื่องจาก นางจตุพร โดยเมื่อช่วงเช้าวันนี้นางจตุพรได้เดินทางมาที่บ้านพระอาทิตย์ เป็นครั้งที่ 3 เพื่อมาขอบคุณนายสนธิ ลิ้มทองกุล เว็บไซต์ผู้จัดการ และฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกค่ายที่ให้ข้อมูลเรื่องนี้.นายปานเทพ กล่าวว่านอกจากนี้ ยังมีการสัมภาษณ์เพิ่มเติมพิเศษในประเด็นอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นทำให้เราติดตามประเด็นนี้ต่อไป โดยเฉพาะคลิปที่สื่อมวลชนยังไม่ทราบ โดยเราจะเผยแพร่เป็นระยะ และจะสัมภาษณ์ น.ส.จตุพร เป็นกรณีพิเศษเพิ่มเติม รวมถึงหลังจากนี้รายการ สนธิทอล์ค จะเปิดคลิปที่เกี่ยวข้องกับคดี ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในขณะนี้มั่นใจแล้วว่ากรณีเงิน 39 ล้านบาท จะมีความคืบหน้าในคดีอย่างแน่นอน และจะมีความชัดเจนว่า มีการแบ่งเงินกันเท่าไหร่ และแบ่งไปให้ใครบ้าง ซึ่งทั้งหมดในขณะนี้ พี่อ้อย ได้ทราบข้อเท็จจริงแล้ว และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ทราบแล้วเช่นเดียวกัน จึงเชื่อว่าคดีนี้จะคลี่คลายในเร็ววันอย่างแน่นอน.นายปานเทพ กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตาม ยังมีบางประเด็นที่สังคมอาจจะยังไม่เข้าใจ กรณีที่ นายษิทรา มีความพยายามจะนำลูกมาเป็นบุตรบุญธรรมของพี่อ้อย ซึ่งพบว่า แท้ที่จริงแล้วมีขบวนการก่อนหน้านั้น คือการทำพินัยกรรม และให้นายษิทราเป็นผู้จัดการมรดก โดยเฉพาะครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก โดยครั้งที่ 2 สำนักงานทนายความษิทรา มีการแปลงเป็นผู้จัดการมรดก แล้วยังพบว่า มีพฤติการณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น ทั้งเรื่องของการติด GPS ในรถของน.ส.จตุพร จนทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัย และยังชวนไปในสถานที่ต่าง ๆ ที่อาจจะไม่มีสัญญาณ GPS ซึ่งนางจตุพรได้ปฏิเสธทั้งหมด.นายปานเทพ กล่าวต่อว่า แม้ขณะนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องพินัยกรรมเรียบร้อยแล้ว แต่นายษิทรายังไม่คืนพินัยกรรมฉบับก่อนไว้เลย แม้จะทวงถามไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวอ้างว่าได้ทำลายไปแล้ว แต่ก็ไม่เคยทำลายให้เห็นต่อหน้า น.ส.จตุพร ฉะนั้นข้อมูลทั้งหมดจะถูกนำมาประกอบคดี ให้มีความแน่นหนามากขึ้นในข้อหาฉ้อโกงเป็นปกติธุระ ส่วนลักษณะฉ้อโกงเป็นอย่างไรจะเปิดให้ฟังในรายการสนธิทอล์คอีกครั้งหนึ่ง.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องราวนี้สะท้อนถึง ความแตกต่างในทัศนคติทางสังคมและการรับรู้ค่าของเงิน ที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่มีฐานะกับคนที่มีความลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการซื้อขายและการต่อรองราคา ที่ผู้คนมักจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ต่อรองราคาจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในราคาต่ำ แต่กลับไม่รู้สึกต้องการทำเช่นเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูงจากร้านค้าหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ที่กำหนดราคามาแล้วสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ: 1. การต่อรองราคากับคนจน: พฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นคือการที่ผู้ซื้อรู้สึกว่าได้ “ชัยชนะ” เมื่อสามารถต่อรองราคาของสินค้าจากผู้ที่มีรายได้น้อยลงไปได้ แม้ว่าราคาที่ตนจ่ายนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ขายได้กำไรจริงๆ หรือไม่ได้ทำให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นก็ตาม 2. การไม่ต่อรองในร้านค้าราคาแพง: ในทางกลับกัน ผู้คนมักจะยอมจ่ายราคาที่ตั้งไว้โดยร้านค้าหรือภัตตาคารใหญ่ โดยไม่ต่อรองหรือถามหาความเป็นไปได้ในการลดราคา ทั้งที่บางครั้งการ “ทิ้งทอน” หรือการไม่ขอส่วนลดที่ถูกต้องอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป 3. การให้ราคาสูงกว่าเพื่อช่วยเหลือ: การที่ผู้เขียนเลือกที่จะให้ราคาสูงกว่าที่ต้องการเพื่อช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่มีความยากจน ถือเป็นการทำบุญที่มีความหมาย ทั้งในแง่ของการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และการให้เกียรติในความพยายามของคนที่ทำงานหนักในแต่ละวันข้อคิดสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสะท้อนคือการใช้ “ความเมตตา” และ “การช่วยเหลือ” ในการให้เงินหรือให้สิ่งต่างๆ แก่คนที่มีฐานะยากจน หรือผู้ที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ การไม่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ และการพยายามทำให้พวกเขามีศักดิ์ศรีมากขึ้นผ่านการให้ความเคารพในราคาและการซื้อขาย.
    เรื่องราวนี้สะท้อนถึง ความแตกต่างในทัศนคติทางสังคมและการรับรู้ค่าของเงิน ที่เกิดขึ้นระหว่างคนที่มีฐานะกับคนที่มีความลำบากทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในเรื่องการซื้อขายและการต่อรองราคา ที่ผู้คนมักจะรู้สึกพึงพอใจเมื่อได้ต่อรองราคาจากพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของในราคาต่ำ แต่กลับไม่รู้สึกต้องการทำเช่นเดียวกันเมื่อซื้อสินค้าที่มีราคาสูงจากร้านค้าหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ที่กำหนดราคามาแล้วสิ่งที่น่าสนใจในเรื่องนี้คือ: 1. การต่อรองราคากับคนจน: พฤติกรรมที่มักจะเกิดขึ้นคือการที่ผู้ซื้อรู้สึกว่าได้ “ชัยชนะ” เมื่อสามารถต่อรองราคาของสินค้าจากผู้ที่มีรายได้น้อยลงไปได้ แม้ว่าราคาที่ตนจ่ายนั้นอาจจะไม่ได้ทำให้ผู้ขายได้กำไรจริงๆ หรือไม่ได้ทำให้พวกเขามีรายได้มากขึ้นก็ตาม 2. การไม่ต่อรองในร้านค้าราคาแพง: ในทางกลับกัน ผู้คนมักจะยอมจ่ายราคาที่ตั้งไว้โดยร้านค้าหรือภัตตาคารใหญ่ โดยไม่ต่อรองหรือถามหาความเป็นไปได้ในการลดราคา ทั้งที่บางครั้งการ “ทิ้งทอน” หรือการไม่ขอส่วนลดที่ถูกต้องอาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป 3. การให้ราคาสูงกว่าเพื่อช่วยเหลือ: การที่ผู้เขียนเลือกที่จะให้ราคาสูงกว่าที่ต้องการเพื่อช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่มีความยากจน ถือเป็นการทำบุญที่มีความหมาย ทั้งในแง่ของการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ และการให้เกียรติในความพยายามของคนที่ทำงานหนักในแต่ละวันข้อคิดสิ่งที่เรื่องนี้ต้องการสะท้อนคือการใช้ “ความเมตตา” และ “การช่วยเหลือ” ในการให้เงินหรือให้สิ่งต่างๆ แก่คนที่มีฐานะยากจน หรือผู้ที่ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงชีพ การไม่ทำให้พวกเขารู้สึกถูกเอาเปรียบ และการพยายามทำให้พวกเขามีศักดิ์ศรีมากขึ้นผ่านการให้ความเคารพในราคาและการซื้อขาย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความร่ำรวยเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับมาฟรีๆ ทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ หากมีความพยายาม มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคความพยายามเป็นกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ การสร้างธุรกิจ หรือการลงทุน การพยายามอย่างสม่ำเสมอจะนำไปสู่ความสำเร็จการล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก เพราะมันจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเติบโตขึ้นเจนเซ่น หวง ซีอีโอของ Nvidia ผู้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ในช่วงแรก ๆ บริษัทต้องดิ้นรนอย่างหนัก "ไม่สำคัญสำหรับเราว่าผู้คนจะเชื่อในตัวเราหรือไม่ เราเชื่อมั่นในตัวเอง เรามีความกล้าที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง" นี่คือคำพูดที่หนักแน่นของ Jensen Huang ความสำเร็จไม่ได้มาฟรีๆ ความร่ำรวยไม่เกิดขึ้นฟรีๆ แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องสร้างขึ้นFounder, President and CEO"ไม่สำคัญสำหรับเราว่าผู้คนจะเชื่อในตัวเราหรือไม่ เราเชื่อมั่นในตัวเอง เรามีความกล้าที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง" คำพูดหนักแน่นของเจนเซน หวง ผู้ก่อตั้ง NVIDIA ได้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่แท้จริง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกที่ใฝ่ฝันอยากประสบความสำเร็จผมมี 3 คำถามทิ้งไว้ในกระทู้นี้1. คุณกลัวที่จะล้มเหลวหรือไม่?2. อะไรคือสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้คุณไปสู่ความสำเร็จ?3. คุณพร้อมที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone หรือยังอย่าปล่อยให้ความฝันของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันมาปลดล็อกกับเรื่องราวที่จะทำให้คุณทะยานสู่ความสำเร็จกับ #คอสต์พิเศษอย่าปล่อยให้ความฝันของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันแล้วเจอกันเร็วๆ นี้ครับ coming soon
    ความร่ำรวยเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นได้ ไม่ใช่สิ่งที่ได้รับมาฟรีๆ ทุกคนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้ หากมีความพยายาม มุ่งมั่น และไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคความพยายามเป็นกุญแจสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ การสร้างธุรกิจ หรือการลงทุน การพยายามอย่างสม่ำเสมอจะนำไปสู่ความสำเร็จการล้มเหลวเป็นเรื่องปกติ อย่ากลัวที่จะลองผิดลองถูก เพราะมันจะเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเติบโตขึ้นเจนเซ่น หวง ซีอีโอของ Nvidia ผู้เป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ในช่วงแรก ๆ บริษัทต้องดิ้นรนอย่างหนัก "ไม่สำคัญสำหรับเราว่าผู้คนจะเชื่อในตัวเราหรือไม่ เราเชื่อมั่นในตัวเอง เรามีความกล้าที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง" นี่คือคำพูดที่หนักแน่นของ Jensen Huang ความสำเร็จไม่ได้มาฟรีๆ ความร่ำรวยไม่เกิดขึ้นฟรีๆ แต่เป็นสิ่งที่คุณต้องสร้างขึ้นFounder, President and CEO"ไม่สำคัญสำหรับเราว่าผู้คนจะเชื่อในตัวเราหรือไม่ เราเชื่อมั่นในตัวเอง เรามีความกล้าที่จะเดินตามเส้นทางของตัวเอง" คำพูดหนักแน่นของเจนเซน หวง ผู้ก่อตั้ง NVIDIA ได้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณของผู้ประกอบการที่แท้จริง และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลกที่ใฝ่ฝันอยากประสบความสำเร็จผมมี 3 คำถามทิ้งไว้ในกระทู้นี้1. คุณกลัวที่จะล้มเหลวหรือไม่?2. อะไรคือสิ่งที่ขัดขวางไม่ให้คุณไปสู่ความสำเร็จ?3. คุณพร้อมที่จะก้าวออกจาก Comfort Zone หรือยังอย่าปล่อยให้ความฝันของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันมาปลดล็อกกับเรื่องราวที่จะทำให้คุณทะยานสู่ความสำเร็จกับ #คอสต์พิเศษอย่าปล่อยให้ความฝันของคุณเป็นเพียงแค่ความฝันแล้วเจอกันเร็วๆ นี้ครับ coming soon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความสำเร็จจากความพยายาม
    เป็นที่มาของความสุข
    และความสำเร็จนั้น
    ต้องมิได้เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม
    แต่เป็นความสำเร็จของชีวิต
    ที่เราเป็นผู้กำหนดเอง

    จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่

    #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน
    #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก
    #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    ความสำเร็จจากความพยายาม เป็นที่มาของความสุข และความสำเร็จนั้น ต้องมิได้เป็นไปตามความคาดหวังของสังคม แต่เป็นความสำเร็จของชีวิต ที่เราเป็นผู้กำหนดเอง จากหนังสือ |เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #หนอนแว่นคลับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #ทัศนคติ #Thaitimes #ความคิดเชิงบวก #เหตุใดเราจึงมีชีวิตอยู่ #นิ้วกลม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • จอห์น ธูน: พบกับผู้นำเสียงข้างมากคนใหม่ของวุฒิสภารีพับลิกัน

    วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ จอห์น ธูน, ซึ่งดำรงตำแหน่งวิปฝ่ายเสียงข้างน้อยภายใต้การนำของมิตช์ แม็กคอนเนลล์ อดีตผู้นำเสียงข้างน้อย เมื่อพรรคเดโมแครตควบคุมวุฒิสภา, ได้รับเลือกจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นผู้นำเสียงข้างมากคนใหม่ของวุฒิสภา

    🔸ธูนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี ๒๐๐๔ เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐเซาท์ดาโกตา และมีประสบการณ์ในการเป็นทั้งผู้นำเสียงข้างมากและวิปฝ่ายเสียงข้างน้อย

    🔸เขาเป็นผู้สนับสนุนอย่างเปิดเผยในการช่วยเหลือยูเครนของสหรัฐฯ, โดยอ้างว่าสหรัฐฯ "ไม่สามารถถอยหนีจากเวทีโลกได้" และควรส่งอาวุธและทรัพยากรให้กับเคียฟต่อไป

    🔸ในเดือนมีนาคม ๒๐๒๒, เขาได้ยกย่องความพยายามของวอชิงตันในการ "ให้ความช่วยเหลือที่ร้ายแรง" แก่ยูเครน และในการทำให้สมาชิก NATO อื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในความขัดแย้งในยูเครน

    🔸เขายังได้แสดงความสนับสนุนอิสราเอลและการวิพากษ์วิจารณ์อิหร่าน, โดยยืนกรานว่าเทลอาวีฟมีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง และกล่าวหาว่าอิหร่านกำลังพยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์และต้องป้องกันไม่ให้ทำเช่นนั้น

    🔸ธูนเองก็ไม่ใช่แฟนตัวยงของจีนเช่นกัน, โดยอ้างว่าในปี ๒๐๒๓ สหรัฐฯควรพิจารณาให้ความสำคัญกับความพยายามในการต่อต้านภัยคุกคามจากปักกิ่ง

    🔸“เราอยู่ในยุคของการแข่งขันกับจีน, โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีเจตนาที่จะแทนที่ผู้นำสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิก เพื่อที่จะได้บังคับใช้เจตจำนงทางเศรษฐกิจและการทหารทั่วทั้งภูมิภาคและไกลออกไป,” ธูน กล่าว

    🔸เมื่อต้นปีนี้, ธูนยังลงคะแนนเสียงให้กับแพ็คเกจความช่วยเหลือต่างประเทศมูลค่า ๙.๕ หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันอีกด้วย
    .
    JOHN THUNE: MEET THE NEW REPUBLICAN SENATE MAJORITY LEADER

    US Republican Senator John Thune, who held the position of minority whip under former minority leader Mitch McConnell when the Democrats controlled the Senate, has been elected by his peers as the new Senate majority leader.

    🔸Thune was elected to the Senate in 2004 to represent South Dakota and has the experience of being both the majority and the minority whip.

    🔸He has been a vocal proponent of US assistance to Ukraine, having claimed that the United States “cannot retreat from the world stage” and thus should keep supplying Kiev with weapons and resources.

    🔸In March 2022, he praised Washington’s efforts to provide “lethal aid” to Ukraine and to get other NATO members involved in the Ukrainian conflict.

    🔸He has also voiced his support of Israel and his criticism of Iran, insisting that Tel Aviv has a right to self-defense and alleging that Iran is trying to acquire nuclear weapons and must be prevented from doing so.

    🔸Thune is also no fan of China, claiming in 2023 that the US should consider prioritizing its efforts to counter the threat from Beijing.

    🔸“We are in an era of competition with China, with the Chinese Communist Party intent on displacing US leadership in the Indo-Pacific so that it may impose its economic and military will throughout the region and beyond,” Thune declared.

    🔸Earlier this year, Thune also voted for the $95 billion foreign aid package for Ukraine, Israel and Taiwan.
    .
    5:22 AM · Nov 14, 2024 · 8,428 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856824930194637179
    จอห์น ธูน: พบกับผู้นำเสียงข้างมากคนใหม่ของวุฒิสภารีพับลิกัน วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันของสหรัฐฯ จอห์น ธูน, ซึ่งดำรงตำแหน่งวิปฝ่ายเสียงข้างน้อยภายใต้การนำของมิตช์ แม็กคอนเนลล์ อดีตผู้นำเสียงข้างน้อย เมื่อพรรคเดโมแครตควบคุมวุฒิสภา, ได้รับเลือกจากเพื่อนร่วมงานให้เป็นผู้นำเสียงข้างมากคนใหม่ของวุฒิสภา 🔸ธูนได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกวุฒิสภาในปี ๒๐๐๔ เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐเซาท์ดาโกตา และมีประสบการณ์ในการเป็นทั้งผู้นำเสียงข้างมากและวิปฝ่ายเสียงข้างน้อย 🔸เขาเป็นผู้สนับสนุนอย่างเปิดเผยในการช่วยเหลือยูเครนของสหรัฐฯ, โดยอ้างว่าสหรัฐฯ "ไม่สามารถถอยหนีจากเวทีโลกได้" และควรส่งอาวุธและทรัพยากรให้กับเคียฟต่อไป 🔸ในเดือนมีนาคม ๒๐๒๒, เขาได้ยกย่องความพยายามของวอชิงตันในการ "ให้ความช่วยเหลือที่ร้ายแรง" แก่ยูเครน และในการทำให้สมาชิก NATO อื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องในความขัดแย้งในยูเครน 🔸เขายังได้แสดงความสนับสนุนอิสราเอลและการวิพากษ์วิจารณ์อิหร่าน, โดยยืนกรานว่าเทลอาวีฟมีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง และกล่าวหาว่าอิหร่านกำลังพยายามครอบครองอาวุธนิวเคลียร์และต้องป้องกันไม่ให้ทำเช่นนั้น 🔸ธูนเองก็ไม่ใช่แฟนตัวยงของจีนเช่นกัน, โดยอ้างว่าในปี ๒๐๒๓ สหรัฐฯควรพิจารณาให้ความสำคัญกับความพยายามในการต่อต้านภัยคุกคามจากปักกิ่ง 🔸“เราอยู่ในยุคของการแข่งขันกับจีน, โดยพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีเจตนาที่จะแทนที่ผู้นำสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิก เพื่อที่จะได้บังคับใช้เจตจำนงทางเศรษฐกิจและการทหารทั่วทั้งภูมิภาคและไกลออกไป,” ธูน กล่าว 🔸เมื่อต้นปีนี้, ธูนยังลงคะแนนเสียงให้กับแพ็คเกจความช่วยเหลือต่างประเทศมูลค่า ๙.๕ หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน, อิสราเอล และไต้หวันอีกด้วย . JOHN THUNE: MEET THE NEW REPUBLICAN SENATE MAJORITY LEADER US Republican Senator John Thune, who held the position of minority whip under former minority leader Mitch McConnell when the Democrats controlled the Senate, has been elected by his peers as the new Senate majority leader. 🔸Thune was elected to the Senate in 2004 to represent South Dakota and has the experience of being both the majority and the minority whip. 🔸He has been a vocal proponent of US assistance to Ukraine, having claimed that the United States “cannot retreat from the world stage” and thus should keep supplying Kiev with weapons and resources. 🔸In March 2022, he praised Washington’s efforts to provide “lethal aid” to Ukraine and to get other NATO members involved in the Ukrainian conflict. 🔸He has also voiced his support of Israel and his criticism of Iran, insisting that Tel Aviv has a right to self-defense and alleging that Iran is trying to acquire nuclear weapons and must be prevented from doing so. 🔸Thune is also no fan of China, claiming in 2023 that the US should consider prioritizing its efforts to counter the threat from Beijing. 🔸“We are in an era of competition with China, with the Chinese Communist Party intent on displacing US leadership in the Indo-Pacific so that it may impose its economic and military will throughout the region and beyond,” Thune declared. 🔸Earlier this year, Thune also voted for the $95 billion foreign aid package for Ukraine, Israel and Taiwan. . 5:22 AM · Nov 14, 2024 · 8,428 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856824930194637179
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨ความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของรัสเซียจากฝ่ายตะวันตกล้มเหลว -- คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกรัฐสภาอาวุโสของรัสเซีย (รองประธานสภาสหพันธรัฐ) กล่าวกับสปุตนิก

    นักการเมืองตะวันตกคิดว่าการคว่ำบาตรจะจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติสีทางการเมืองในรัสเซีย, แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม
    .
    🚨Western regime change efforts in Russia have failed -- senior Russian lawmaker Konstantin Kosachev (Vice Speaker of Federation Council) to Sputnik.

    Western politicians thought sanctions would spark a political color revolution in Russia, but the opposite happened.
    .
    4:58 AM · Nov 14, 2024 · 2,247 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1856818921615335877
    🚨ความพยายามเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของรัสเซียจากฝ่ายตะวันตกล้มเหลว -- คอนสแตนติน โคซาเชฟ สมาชิกรัฐสภาอาวุโสของรัสเซีย (รองประธานสภาสหพันธรัฐ) กล่าวกับสปุตนิก นักการเมืองตะวันตกคิดว่าการคว่ำบาตรจะจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติสีทางการเมืองในรัสเซีย, แต่กลับกลายเป็นตรงกันข้าม . 🚨Western regime change efforts in Russia have failed -- senior Russian lawmaker Konstantin Kosachev (Vice Speaker of Federation Council) to Sputnik. Western politicians thought sanctions would spark a political color revolution in Russia, but the opposite happened. . 4:58 AM · Nov 14, 2024 · 2,247 Views https://x.com/SputnikInt/status/1856818921615335877
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 960 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา
    .
    ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม
    .
    "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์
    .
    ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา
    .
    ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี
    .
    โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม"
    .
    อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้
    .
    การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ
    .
    กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ
    .
    ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้
    .
    มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว
    .
    แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง
    .
    ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ ทำการเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ ทางเหนือของโปแลนด์ ความเคลื่อนไหวที่ทางวอร์ซอหาทางสร้างความอุ่นใจแก่พลเมืองว่านาโตการันตีความปลอดภัยของพวกเขา ท่ามกลางความหวั่นวิตก หลังจาก โดนัลด์ ทรัมป์ คว้าชัยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา . ฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเรดซิโคโว ใกล้ชายฝั่งบอลติก ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ทศวรรษ 2000 และวอร์ซอระบุว่ามันแสดงให้เห็นว่าความเป็นพันธมิตรทางทหารระหว่างโปแลนด์กับวอชิงตันยังคงเหนียวแน่น ไม่ว่าใครจะอยู่ในทำเนียบขาวก็ตาม . "มันใช้เวลาพักใหญ่ แต่โครงการก่อสร้างนี้พิสูจน์ถึงความแน่วแน่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ" ราโดสลอว์ ซิคอร์สกี รัฐมนตรีต่างประเทศโปแลนด์ กล่าวในวิดีโอที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ . ประธานาธิบดีอันด์แซย์ ดูดา ของโปแลนด์ ผู้นำหัวอนุรักษนิยมซึ่งเน้นย้ำความสัมพันธ์อันอบอุ่นกับทรัมป์ เข้าร่วมในพิธีเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่ด้วย ในขณะที่วังเครมลินเรียกความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นความพยายามควบคุมรัสเซีย ด้วยการเคลื่อนย้ายโครงสร้างพื้นฐานทางทหารของอเมริกาเข้ามาใกล้ชายแดนของพวกเขา . ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน คัดค้านแผนการต่างๆ สำหรับฐานขีปนาวุธแห่งนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 2000 ครั้งที่ จอร์จ ดับเบิลยู.บุช เป็นประธานาธิบดี . โฆษกรายนี้บอกว่า ปูติน เคยเน้นย้ำในช่วงเวลาดังกล่าว ว่าสหรัฐฯ กำลังโกหก ที่อ้างว่ามันมีจุดประสงค์เพื่อสกัดความเป็นไปได้ที่อิหร่านจะยิงขีปนาวุธเข้ามา "มันเป็นการยืนยันว่าประธานาธิบดีพูดถูก พวกเขายังคงเดินหน้าแผนการนี้ นี่คือโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำสมัยของอเมริกาบนดินแดนยุโรป ที่หันหน้าเข้าหาเขตแดนของเรา" เปสคอฟกล่าว "มันไม่มีอะไรมากไปกว่าความพยายามควบคุมแสนยานุภาพทางทหารของเรา และแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่้งการใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อรับประกันความเท่าเทียม" . อย่างไรก็ตาม เปสคอฟ ไม่ได้ระบุว่ารัสเซียจะใช้มาตรการใดในการตอบโต้ . การเปิดฐานป้องกันภัยทางอากาศแห่งใหม่อย่างเป็นทางการในโปแลนด์ มีขึ้นหลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทรัมป์ที่มีต่อนาโตในอดีต ได้ก่อความไม่สบายใจแก่รัฐสมาชิกบางส่วน โดยเขาเคยประกาศกร้าวว่าอเมริกาภายใต้การบริหารงานของเขา จะไม่ปกป้องประเทศต่างๆ ที่ไม่ใช้จ่ายในด้านกลาโหมอย่างเพียงพอ . กระนั้นก็ตาม โปแลนด์ บอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งของพันธมิตรทหารแห่งนี้ เมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจ . ฐานทัพของสหรัฐฯ ในเมืองเรดซิโคโว เป็นส่วนหนึ่งของโล่ป้องกันขีปนาวุธอย่างครอบคลุมของนาโต ที่ได้รับสมญานามว่า "Aegis Ashore" ซึ่งพันธมิตรทหารแห่งนี้อวดอ้างว่าสามารถสกัดขีปนาวุธพิสัยใกล้ไปจนถึงพิสัยปานกลางที่พุ่งเข้ามาได้ . มอสโกเคยตราหน้าฐานทัพแห่งนี้ว่าเป็นภัยคุกคาม ย้อนกลับไปในปี 2007 ตั้งแต่ช่วงที่มันยังอยู่ในขั้นของการวางแผน อย่างไรก็ตาม นาโตอ้างว่าโล่ดังกล่าวมีไว้เพื่อจุดประสงค์ป้องกันตนเองแต่เพียงอย่างเดียว . แหล่งข่าวด้านการทหารบอกกับรอยเตอร์ว่า ด้วยการติดตั้งระบบนี้ในโปแลนด์ เวลานี้นาโตไม่ใช่แค่สามารถใช้มันสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากตะวันออกกลางเท่านั้น แต่มันยังมีระบบเรดาร์ที่จำเป็นที่้สามารถเปลี่ยนทิศทางเข้าสกัดขีปนาวุธที่ยิงออกมาจากรัสเซียด้วยเช่นกัน . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของโปแลนด์ระบุในวันจันทร์ (11 พ.ย.) ว่าจำเป็นต้องขยายขอบเขตโล่ป้องกันขีปนาวุธนี้เพิ่มเติม ซึ่งทางวอร์ซอจะมีการพูดคุยหารือกับนาโตและสหรัฐฯ อีกครั้ง . ทั้งนี้ มีรายงานว่า มาร์ค รุตต์ เลขาธิการนาโต ได้พบปะหารือกับประธานาธิบดี ดูดา และนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ในกรุงวอร์ซอ หลังจากพิธีเปิดฐานทัพในวันพุธ (13 พ.ย.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109494 .............. Sondhi X
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 961 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาเอาสีข้างเข้าถู ยันอิสราเอลไม่ได้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยระดับความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซา แม้หน่วยงานบรรเทาทุกข์มากมายยืนยันว่า ไม่เพียงพอ และยูเอ็นระบุว่า อิสราเอลยังคงปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาก็ตาม
    .
    ในวันอังคาร (12 พ.ย.) อิสราเอลประกาศเปิดจุดผ่านแดนคิสซูฟิม เพื่อเพิ่มช่องทางการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดให้รัฐยิวต้องปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษธรรมในดินแดนดังกล่าว ไม่เช่นนั้นอาจถูกลดความช่วยเหลือทางทหาร
    .
    ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน และ รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของอเมริกา ได้ส่งจดหมายถึงอิสราเอล โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 13 พ.ย. ให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายอนุญาตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอเมริกา
    .
    ในวันอังคาร (12) เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อิสราเอลปฏิบัติตามที่ข้อเรียกร้องของอเมริกาแล้วหรือยัง เวแดนต์ ปาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบว่า แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของจดหมาย อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด
    .
    คำตอบนี้มีขึ้นแม้เห็นกันอยู่ว่าการดำเนินการของอิสราเอลต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุในจดหมายอย่างชัดเจน เช่น การอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาวันละอย่างน้อย 350 คัน
    .
    ในวันอังคาร (12) กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารดินแดนกาซา ออกมากล่าวหาวอชิงตันว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอิสราเอลในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา
    .
    ด้านสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ) และองค์กรมนุษยธรรม 8 แห่ง ซึ่งรวมถึงองค์การออกซ์แฟม และ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า การดำเนินการของอิสราเอลยังไม่เพียงพอ และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาขณะนี้เลวร้ายที่สุดนับจากที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม 2023
    .
    จอยซ์ มาซูยา ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ว่า โลกกำลังเป็นประจักษ์พยานการกระทำที่เตือนความจำถึงอาชญากรรมระหว่างประเทศที่รุนแรงที่สุด และสำทับว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาที่ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่อง ขณะที่อาหารและน้ำสำหรับประชาชนราว 75,000 คนลดลงเรื่อยๆ
    .
    หลุยส์ วอเตอริดจ์ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ สำทับว่า การจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาลดลงต่ำสุดต่อเนื่องมาหลายเดือน
    .
    ด้าน ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวย้ำเพียงว่า อิสราเอลจะต้องไม่บังคับย้ายถิ่นฐานหรือใช้นโยบายเพื่อทำให้เกิดความอดอยากในกาซา ซึ่งจะถือว่าละเมิดกฎหมายของอเมริกาและกฎหมายระหว่างประเทศ และเสริมว่า อิสราเอลต้องระงับการห้ามการทำงานของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอโดยเร็ว ทว่าไม่มีมาตรการรูปธรรมใดๆ
    .
    การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงคราวนี้ จัดขึ้นภายหลังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกระบุว่า มีแนวโน้มสูงที่กำลังจะเกิดภาวะอดอยากขึ้นทางตอนเหนือของกาซา ขณะที่อิสราเอลยังคงระดมโจมตีนักรบฮามาสในบริเวณดังกล่าว
    .
    ในส่วนของ แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ปฏิเสธเสียงแข็งต่อรายงานของพวกผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ที่ประชุมต้องตระหนักถึงความพยายามและความเสี่ยงของทหารอิสราเอลในการยืนหยัดปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาท่ามกลางภัยคุกคามจากการถูกโจมตี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109486
    ..............
    Sondhi X
    อเมริกาเอาสีข้างเข้าถู ยันอิสราเอลไม่ได้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยระดับความช่วยเหลือที่เข้าถึงกาซา แม้หน่วยงานบรรเทาทุกข์มากมายยืนยันว่า ไม่เพียงพอ และยูเอ็นระบุว่า อิสราเอลยังคงปิดกั้นการส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาก็ตาม . ในวันอังคาร (12 พ.ย.) อิสราเอลประกาศเปิดจุดผ่านแดนคิสซูฟิม เพื่อเพิ่มช่องทางการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่กาซา ไม่กี่ชั่วโมงก่อนถึงเส้นตายที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กำหนดให้รัฐยิวต้องปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษธรรมในดินแดนดังกล่าว ไม่เช่นนั้นอาจถูกลดความช่วยเหลือทางทหาร . ทั้งนี้ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีต่างประเทศ แอนโทนี บลิงเคน และ รัฐมนตรีกลาโหม ลอยด์ ออสติน ของอเมริกา ได้ส่งจดหมายถึงอิสราเอล โดยกำหนดเส้นตายในวันที่ 13 พ.ย. ให้อิสราเอลปฏิบัติตามกฎหมายอนุญาตความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมของอเมริกา . ในวันอังคาร (12) เมื่อถูกผู้สื่อข่าวสอบถามว่า อิสราเอลปฏิบัติตามที่ข้อเรียกร้องของอเมริกาแล้วหรือยัง เวแดนต์ ปาเทล โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ตอบว่า แม้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมโดยรวมในกาซายังไม่น่าพอใจ แต่ตามบริบทของจดหมาย อเมริกามองว่า อิสราเอลดำเนินการถูกทางแล้ว จึงไม่ถือว่ามีการละเมิดกฎหมายฉบับดังกล่าวแต่อย่างใด . คำตอบนี้มีขึ้นแม้เห็นกันอยู่ว่าการดำเนินการของอิสราเอลต่ำกว่าเกณฑ์ที่ระบุในจดหมายอย่างชัดเจน เช่น การอนุญาตให้รถบรรทุกความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาวันละอย่างน้อย 350 คัน . ในวันอังคาร (12) กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็นผู้บริหารดินแดนกาซา ออกมากล่าวหาวอชิงตันว่า เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับอิสราเอลในสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกาซา . ด้านสำนักงานเพื่อผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ของยูเอ็น (ยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ) และองค์กรมนุษยธรรม 8 แห่ง ซึ่งรวมถึงองค์การออกซ์แฟม และ เซฟ เดอะ ชิลเดรน ระบุว่า การดำเนินการของอิสราเอลยังไม่เพียงพอ และสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาขณะนี้เลวร้ายที่สุดนับจากที่สงครามเริ่มต้นขึ้นในเดือนตุลาคม 2023 . จอยซ์ มาซูยา ผู้อำนวยการสำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (โอซีเอชเอ) แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงของยูเอ็น ว่า โลกกำลังเป็นประจักษ์พยานการกระทำที่เตือนความจำถึงอาชญากรรมระหว่างประเทศที่รุนแรงที่สุด และสำทับว่า รัฐบาลอิสราเอลกำลังปิดกั้นการจัดส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าสู่ตอนเหนือของกาซาที่ยังคงมีการสู้รบต่อเนื่อง ขณะที่อาหารและน้ำสำหรับประชาชนราว 75,000 คนลดลงเรื่อยๆ . หลุยส์ วอเตอริดจ์ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอ สำทับว่า การจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่กาซาลดลงต่ำสุดต่อเนื่องมาหลายเดือน . ด้าน ลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น กล่าวย้ำเพียงว่า อิสราเอลจะต้องไม่บังคับย้ายถิ่นฐานหรือใช้นโยบายเพื่อทำให้เกิดความอดอยากในกาซา ซึ่งจะถือว่าละเมิดกฎหมายของอเมริกาและกฎหมายระหว่างประเทศ และเสริมว่า อิสราเอลต้องระงับการห้ามการทำงานของยูเอ็นอาร์ดับเบิลยูเอโดยเร็ว ทว่าไม่มีมาตรการรูปธรรมใดๆ . การประชุมคณะมนตรีความมั่นคงคราวนี้ จัดขึ้นภายหลังมีรายงานจากผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกระบุว่า มีแนวโน้มสูงที่กำลังจะเกิดภาวะอดอยากขึ้นทางตอนเหนือของกาซา ขณะที่อิสราเอลยังคงระดมโจมตีนักรบฮามาสในบริเวณดังกล่าว . ในส่วนของ แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น ปฏิเสธเสียงแข็งต่อรายงานของพวกผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ที่ประชุมต้องตระหนักถึงความพยายามและความเสี่ยงของทหารอิสราเอลในการยืนหยัดปรับปรุงสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในกาซาท่ามกลางภัยคุกคามจากการถูกโจมตี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109486 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 820 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค
    .
    เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที
    .
    นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย
    .
    แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
    .
    คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก"
    .
    ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว
    .
    "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ
    .
    J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017
    .
    ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026
    .
    หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้
    .
    ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ
    .
    เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079
    ..............
    Sondhi X
    จีนนำเสนอเครื่องบินขับไล่ล่องหนใหม่ล่าสุด ต่อสายตาของสาธารณชนเป็นครั้งแรก ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่จีนเร่งยกระดับความทันสมัยของกองทัพ ในการแข่งขันกับวอชิงตัน สำหรับความเหนือกว่าบนท้องฟ้า ท่ามกลางความตึงเครียดที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆในภูมิภาค . เครื่องบินล่องหน J-35A ประจำการภาคพื้น ถูกเปิดตัว ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศ (China International Aviation & Aerospace Exhibition) ในเมืองจูไห่ ทางภาคใต้ของจีน ผ่านการบินสาธิตทางอากาศเป็นเวลา 5 นาที . นอกจากนี้แล้วภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดแสดงเครื่องบินล่องหน J-35 เวอร์ชันประจำการบนเรือบรรทุกเครื่องบินเช่นกัน ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ ขณะที่นิทรรศการทางอากาศที่จัดขึ้น 2 ปีครั้ง ถือเป็นการรวมตัวของอากาศยานกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งในเอเชีย . แม้รายละเอียดเกี่ยวกับสมรรถนะของ J-35 จะมีอย่างจำกัด แต่พวกนักวิเคราะห์บอกว่าการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของจีน ในความพยายามยกระดับกองทัพให้มีความทันสมัยและท้าทายความเป็นเต้ยของสหรัฐฯในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแถวๆไต้หวัน ซึ่งทางปักกิ่งกล่าวอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน . คาร์ล ชูสเตอร์ นักวิเคราะห์ทางทหารและอดีตผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ แห่งศูนย์ข่าวกรองร่วมของกองบัญชาการแปซิฟิกแห่งกองทัพสหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า "งานแอร์โชว์ในปีนี้ ถูกออกแบบมาเพื่อส่งสารว่า กองทัพจีนทัดเทียมกับสหรัฐฯและทั่วทั้งตะวันตก กองกำลังสหรัฐฯเคยเปรมปรีดิ์ ในความเหนือกว่าทางอากาศในทุกๆความขัดแย้งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่เวลานี้แสนนายุภาพทางอากาศที่กำลังเติบโตขึ้นของจีน กำลังท้าทายความได้เปรียบดั้งเดิมของตะวันตก" . ด้วยการเปิดตัว J-35 ทำให้จีน ก้าวขึ้นมาทัดเทียมกับสหรัฐฯ เป็นเพียง 2 ประเทศ ที่สามารรถผลิตเครื่องบินขับไล่ล่องหนได้มากกว่า 1 ซีรีย์ นอกจากนี้แล้วพวกเขายังเป็นประเทศเดียวที่กำลังเดินหน้าผลิตทั้ง 2 ซีรีย์ เนื่องจากสหรัฐฯระงับการผลิต F-22 แรปเตอร์ไปแล้ว . "จีนไล่กวดเข้ามาในแง่ของขอบเขตยุทโธปกรณ์ที่พวกเขามี อย่างน้อยๆก็ที่นำออกมาแสดง" เจมส์ ชาร์ ผู้ช่วยศาสตรจารย์และผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพจีน ณ สถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม แห่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยางของสิงคโปร์กล่าว "แต่ในแง่การไล่ตามอเมริกา พวกนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าพวกเขายังคงล้าหลังอยู่ราวๆ 10 ถึง 15 ปี" เช่นเดียวกับแง่มุมอื่นๆเกียวกับการประจำการทางทหาร อย่างเช่นการฝึกฝนและความพร้อมด้านปฏิบัติการ . J-35 ถูกพัฒนามานานกว่า 1 ทศวรรษโดยเฉินหยาง แอร์คราฟท์ คอร์ปอเรชัน หน่วยธุรกิจของอาเวียชัน อินดัสตรี คอร์ปอเรชีน ออฟ ไชนา บริษัทที่มีรัฐเป็นเจ้าของ และมันจะถูกส่งเข้าประจำการในกองทัพปักกิ่ง ร่วมกับเครื่องบินล่องหน J-2 มุ่งเน้นจากอากาศสู่อากาศ ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 2017 . ชูสเตอร์ คาดหมายว่าเครื่องบิน J-35 ล็อตแรก ที่จะเข้าร่วมในการฝึกซ้อมด้านปฏิบัติการของกองทัพอากาศจีน ในเดือนมีนาคม 2026 . หนี่ เล่อเซวียง ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหารจากมหาวิทยาลัยรัฐศาสตร์และกฎหมายเซี่ยงไฮ้ ระบุว่าด้วยศักยภาพยิงจากอากาศสู่ภาคพื้นและโจมตีทางอากาศสู่อากาศ รวมถึงความสามารถในการเทคออฟขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน เครื่องบินซีรีย์ต่างๆของ J-35 ถูกออกแบบมาให้ทัดเทียมกับเครื่องบินล่องหน F-35 ซีรีย์ต่างๆของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ ปักกิ่ง ยังไม่แถลงเกี่ยวกับเวอร์ชันที่สามารถเทคออฟและลงจอดในแนวดิ่ง บางอย่างที่ F-35B สามารถทำได้ . ปีเตอร์ เลย์ตัน จากสถาบันวิจัยรอยัล ยูไนเต็ด เซอร์วิส เน้นว่า J-35 กำลังเข้าประจำการตามหลัง F-35 ของสหรัฐฯเกือบ 10 ปี และมีขึ้นหลังจากวอชิงตันเริ่มดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องบินล่องหนรุ่นใหม่ไปแล้ว อย่างไรก็ตามเขามองว่าด้วยความสามารถในการผลิตที่เหนือกว่าของจีน จึงหมายความว่า F-35 อาจสร้างได้ง่ายกว่าและมีราคาถูกกว่า เมื่อเทียบกับสหรัฐฯที่ใช้ต้นทุนค่อนข้างสูง ทำให้ J-35 มีความได้เปรียบในแง่ของการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ . เครื่องบินที่นำมาจัดแสดงภายในนิทรรศการอวกาศและการบินระหว่างประเทศในปีนี้ ยังรวมไปถึงซูคอย ซู-27 ของรัสเซีย บ่งชี้ถึงสัญญาณความสัมพันธ์ที่ครอบคลุมมากขึ้นและแน่นแฟ้นมากขึ้นระหว่างปักกิ่งกับมอสโก จากความเห็นของ คอลลิน โก๊ะ นักวิจัยอีกคนของสถาบันการศึกษาระหว่างประเทศ เอส ราชารัตนัม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109079 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1015 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกกบฏฮูตีในเยเมนเล็งเป้าเล่นงานเรือพิฆาตของสหรัฐฯ 2 ลำ ด้วยโดรนและขีปนาวุธ ระหว่างที่ล่องผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบแต่กองเรือรบดังกล่าวสามารถสกัดเอาไว้ได้ จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน)
    .
    กบฏฮูตีเริ่มโจมตีเรือต่างๆ ในทะเลแดงและอ่าวเอเดนในเดือนพฤศจิกายน 2023 ส่วนหนึ่งในสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาคในวงกว้าง จากสงครามทำลายล้างของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งบรรดากลุ่มติดอาวุธในประเทศต่างๆ หยิบยกประเด็นนี้มากล่าวอ้างความชอบธรรมสำหรับการโจมตี
    .
    พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกของเพนตากอน เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เรือรบของสหรัฐฯ ถูกโจมตีโดยระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพลีชีพอย่างน้อย 8 ลำ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ 5 ลูก และขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ 3 ลูก แต่เรือรบของเราประสบความสำเร็จในการต่อสู้และสกัดเอาไว้ได้"
    .
    "เรือทั้ง 2 ไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีบุคลากรได้รับบาดเจ็บ" ไรเดอร์กล่าวถึงเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) พร้อมชี้แจงว่าคำกล่าวอ้างของพวกฮูตี ว่าได้โจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น เช่นกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
    .
    "บนพื้นฐานข้อมูลที่ผมมี มันไม่ได้ถูกโจมตี สวนทางกับคำกล่าวอ้างบางส่วน" ไรเดอร์ระบุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ขอระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของเรือบรรทุกเครื่องบินอับราฮัม ลินคอล์น
    .
    ทั้งนี้ กบฏฮูตีบอกว่าการโจมตีต่างๆ ของพวกเขานั้น ก็เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา ที่กำลังถูกอิสราเอลทำสงครามทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตี ถูกมองว่าเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในระดับนานาชาติ ที่คุกคามเส้นทางการขนส่งสินค้าอันสำคัญ
    .
    ความโกรธเคืองต่อยุทธการทางทหารของอิสราเอล ที่กำลังทำลายล้างฉนวนกาซา ได้โหมกระพือความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน ในขณะที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานกาซา แก้แค้นกรณีที่ถูกพวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว
    .
    สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ส่งเรือของกองทัพเข้าประจำการในภูมิภาค เพื่อช่วยปกป้องเรือสินค้าต่างๆ จากการถูกพวกฮูตีโจมตี แต่การโจมตีโดยตรงเล่นงานเรือรบของสหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
    .
    นอกจากนี้ กองกำลังของสหรัฐฯ ยังได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกฮูตีแบบถี่ๆ ในความพยายามลดศักยภาพของนักรบกลุ่มนี้ต่อการเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือต่างๆ และหาทางยึดอาวุธก่อนที่มันจะตกไปถึงมือกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตียังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง
    .
    ไรเดอร์ เปิดเผยในวันอังคาร (12 พ.ย.) ว่าสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายรอบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเป้าเล่นงานคลังเก็บอาวุธของพวกฮูตี "อาคารเหล่านี้มีอาวุธทั่วไปล้ำสมัยมากมาย ที่พวกฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ใช้เล่นงานเรือทหารสหรัฐฯ เรือกองกำลังนานาชาติและเรือพลเรือนที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากล" เขากล่าว
    .
    ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ยังเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรียเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) ในความเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีที่มีการปล่อยโดรนและยิงจรวดใส่ทหารอเมริกา ที่ประจำการอยู่ในประเทศดังกล่าว หนึ่งวันก่อนหน้านี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109077
    ..............
    Sondhi X
    พวกกบฏฮูตีในเยเมนเล็งเป้าเล่นงานเรือพิฆาตของสหรัฐฯ 2 ลำ ด้วยโดรนและขีปนาวุธ ระหว่างที่ล่องผ่านช่องแคบบับเอลมันเดบแต่กองเรือรบดังกล่าวสามารถสกัดเอาไว้ได้ จากการเปิดเผยของกระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) . กบฏฮูตีเริ่มโจมตีเรือต่างๆ ในทะเลแดงและอ่าวเอเดนในเดือนพฤศจิกายน 2023 ส่วนหนึ่งในสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายไปทั่วภูมิภาคในวงกว้าง จากสงครามทำลายล้างของอิสราเอลในฉนวนกาซา ซึ่งบรรดากลุ่มติดอาวุธในประเทศต่างๆ หยิบยกประเด็นนี้มากล่าวอ้างความชอบธรรมสำหรับการโจมตี . พลตรีแพท ไรเดอร์ โฆษกของเพนตากอน เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวว่า "เรือรบของสหรัฐฯ ถูกโจมตีโดยระบบอากาศยานไร้คนขับแบบพลีชีพอย่างน้อย 8 ลำ ขีปนาวุธต่อต้านเรือ 5 ลูก และขีปนาวุธร่อนต่อต้านเรือ 3 ลูก แต่เรือรบของเราประสบความสำเร็จในการต่อสู้และสกัดเอาไว้ได้" . "เรือทั้ง 2 ไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีบุคลากรได้รับบาดเจ็บ" ไรเดอร์กล่าวถึงเหตุโจมตีซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) พร้อมชี้แจงว่าคำกล่าวอ้างของพวกฮูตี ว่าได้โจมตีเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส อับราฮัม ลินคอล์น เช่นกันนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง . "บนพื้นฐานข้อมูลที่ผมมี มันไม่ได้ถูกโจมตี สวนทางกับคำกล่าวอ้างบางส่วน" ไรเดอร์ระบุ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ขอระบุถึงตำแหน่งที่ตั้งของเรือบรรทุกเครื่องบินอับราฮัม ลินคอล์น . ทั้งนี้ กบฏฮูตีบอกว่าการโจมตีต่างๆ ของพวกเขานั้น ก็เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซา ที่กำลังถูกอิสราเอลทำสงครามทำลายล้าง อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตี ถูกมองว่าเป็นความท้าทายใหญ่หลวงในระดับนานาชาติ ที่คุกคามเส้นทางการขนส่งสินค้าอันสำคัญ . ความโกรธเคืองต่อยุทธการทางทหารของอิสราเอล ที่กำลังทำลายล้างฉนวนกาซา ได้โหมกระพือความรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ทั้งในเลบานอน อิรัก ซีเรีย และเยเมน ในขณะที่อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารรุกรานกาซา แก้แค้นกรณีที่ถูกพวกนักรบฮามาสบุกจู่โจมเล่นงานแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมปีที่แล้ว . สหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ส่งเรือของกองทัพเข้าประจำการในภูมิภาค เพื่อช่วยปกป้องเรือสินค้าต่างๆ จากการถูกพวกฮูตีโจมตี แต่การโจมตีโดยตรงเล่นงานเรือรบของสหรัฐฯ นั้น เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก . นอกจากนี้ กองกำลังของสหรัฐฯ ยังได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเล่นงานพวกฮูตีแบบถี่ๆ ในความพยายามลดศักยภาพของนักรบกลุ่มนี้ต่อการเล็งเป้าหมายเล่นงานเรือต่างๆ และหาทางยึดอาวุธก่อนที่มันจะตกไปถึงมือกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม การโจมตีของฮูตียังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง . ไรเดอร์ เปิดเผยในวันอังคาร (12 พ.ย.) ว่าสหรัฐฯ ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศหลายรอบเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พุ่งเป้าเล่นงานคลังเก็บอาวุธของพวกฮูตี "อาคารเหล่านี้มีอาวุธทั่วไปล้ำสมัยมากมาย ที่พวกฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน ใช้เล่นงานเรือทหารสหรัฐฯ เรือกองกำลังนานาชาติและเรือพลเรือนที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากล" เขากล่าว . ขณะเดียวกัน กองทัพสหรัฐฯ ยังเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มนักรบต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในซีเรียเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ย.) ในความเคลื่อนไหวตอบโต้กรณีที่มีการปล่อยโดรนและยิงจรวดใส่ทหารอเมริกา ที่ประจำการอยู่ในประเทศดังกล่าว หนึ่งวันก่อนหน้านี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109077 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 954 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีวิตคนเรา มีทางออกเสมอ หากเรามีสติ และ ไม่ละความพยายาม
    ชีวิตคนเรา มีทางออกเสมอ หากเรามีสติ และ ไม่ละความพยายาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ผลกระทบของการทำผิดศีลและการฝืนความจริงต่อตัวเอง โดยเปรียบเทียบการทำงานของสมองและจิตใจระหว่างการมีสติ มีสมาธิ กับการทำผิดศีล

    เมื่อเรามีสติและสมาธิ สมองจะทำงานง่ายดายเพราะมีเป้าหมายเดียว คิดเรื่องเดียว เหมือนกับการรักษาสมดุลบนจักรยาน ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย รู้สึกสบาย แต่เมื่อต้องทำสิ่งที่ขัดกับความจริง เช่น โกหก สมองต้องใช้ความพยายามสูงมากขึ้นเพราะต้องจัดการกับความจริงที่รับรู้และพยายามสร้างเรื่องเท็จที่ไม่หลุดลอย การโกหกหรือทำผิดศีลจึงเหมือนการเดินบนเส้นเชือกโดยที่ต้องควบคุมความกลัวไปด้วย ทำให้รู้สึกตึงเครียดและไม่เป็นธรรมชาติ

    ยิ่งถ้าความรู้สึกผิดตกค้างอยู่ในจิตใจ เมื่อนั่งสมาธิจะยิ่งรู้สึกถึงความเครียดแน่นค้าง หากเรามีความคาดหวังว่าสมาธิจะทำให้ผ่อนคลายทันที ก็อาจทำให้เกิดความเครียดซ้ำเติม เพราะปัญหาที่ยังแก้ไม่เสร็จจะทำให้สมองและจิตใจฝืนตัวเองอย่างหนัก สุดท้ายสำหรับคนที่มีปมขัดแย้งกับจิตเพียงเล็กน้อย การนั่งสมาธิอาจทำให้รู้สึกถึงความหม่นหมองหรือฟุ้งซ่านที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้ยากที่จะรักษาความสงบและสมาธิที่ผ่องใส

    ผลกระทบของการทำผิดศีลและการฝืนความจริงต่อตัวเอง โดยเปรียบเทียบการทำงานของสมองและจิตใจระหว่างการมีสติ มีสมาธิ กับการทำผิดศีล เมื่อเรามีสติและสมาธิ สมองจะทำงานง่ายดายเพราะมีเป้าหมายเดียว คิดเรื่องเดียว เหมือนกับการรักษาสมดุลบนจักรยาน ทำให้จิตใจสงบ ผ่อนคลาย รู้สึกสบาย แต่เมื่อต้องทำสิ่งที่ขัดกับความจริง เช่น โกหก สมองต้องใช้ความพยายามสูงมากขึ้นเพราะต้องจัดการกับความจริงที่รับรู้และพยายามสร้างเรื่องเท็จที่ไม่หลุดลอย การโกหกหรือทำผิดศีลจึงเหมือนการเดินบนเส้นเชือกโดยที่ต้องควบคุมความกลัวไปด้วย ทำให้รู้สึกตึงเครียดและไม่เป็นธรรมชาติ ยิ่งถ้าความรู้สึกผิดตกค้างอยู่ในจิตใจ เมื่อนั่งสมาธิจะยิ่งรู้สึกถึงความเครียดแน่นค้าง หากเรามีความคาดหวังว่าสมาธิจะทำให้ผ่อนคลายทันที ก็อาจทำให้เกิดความเครียดซ้ำเติม เพราะปัญหาที่ยังแก้ไม่เสร็จจะทำให้สมองและจิตใจฝืนตัวเองอย่างหนัก สุดท้ายสำหรับคนที่มีปมขัดแย้งกับจิตเพียงเล็กน้อย การนั่งสมาธิอาจทำให้รู้สึกถึงความหม่นหมองหรือฟุ้งซ่านที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้ยากที่จะรักษาความสงบและสมาธิที่ผ่องใส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เด็กรุ่นใหม่หลายคนยังไม่รู้จักบอสณวัฒน์ดีเท่าที่ควร
    พี่คิงส์บอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ควรไปมีปัญหากับเค้า
    ถ้าเคยได้ยินว่า มีปัญหากับใครในวงการบันเทิงได้แต่อย่างมีกับ
    หนุ่ม กรรชัย พี่คิงส์ก็จะบอกว่า นอกจากพี่หนุ่ม บอส ณวัฒน์ เป็นอีกหนึ่งคน
    ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรที่จะไปมีปัญหากับเค้า
    - บอส ณวัฒน์ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำทุกอย่าง จนสามารถนำบริษัทเข้าสู่มหาชนได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว มายาวนาน
    แม้กระทั่งที่บอส มีข่าวครึกโครม จนต้องออกจากรายการไตรภพ ครัวคุณต๋อย และสภาวะนั้นทุกคนมองว่า ณวัฒน์ น่าจะจบแล้วกับเส้นทางบันเทิง
    เพราะ ณวัฒน์ เล่นหมดไม่สนรุ่น ไม่สนค่าย ไม่สนใคร
    แต่ด้วยความพยายามและความสม่ำเสมอ ทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา
    และความชาญฉลาดที่ดันอิงฟ้า ขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจประชาชนคนไทย
    ที่มีแฟนคลับ มากกว่าสาวเกามหาศาล จนกลายเป็นแบรนดิ้ง
    กลายเป็นองค์กร เป็นสถาบัน
    ดังนั้น บอส ณวัฒน์ ชื่อเสียงนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย
    เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ถ้ากล้ามาลองดีกับบอส
    คนนี้ไม่มีคำว่าอ่อนข้อ เหมือนกับคำที่นิยมใช้กันว่า
    "แรงมาแรงกว่ากลับไม่โกก" บอสณวัฒน์ จะตอบแทนกลับไป
    เป็นสิบ เป็นร้อยเท่า
    ตอนที่พี่คิงส์ เห็นข่าวว่า ทางสาวเกา จะมีปัญหากับบอส
    พี่คิงส์ยังคิดลึกๆว่า ป้า จ. น่าจะรู้จักชื่อเสียงของบอส ณวัฒน์
    เรื่องความเป็นคนสู้คนแบบกัดไม่ปล่อย คงจะไม่ยุ่งกับบอส
    แต่ที่ไหนได้ แฟนคลับสาวเกาที่อยู่ในโลกใบแคบๆ
    คิดว่าทั้งหมดคือจักรวาลสาวเกา หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงชนกลุ่มเล็กๆ
    ที่คลั่้งไคล้นาง ซึ่งถ้าเทียบกับอิงฟ้าของบอสณวัฒน์
    ยังห่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
    แล้วสาวเกาจะเข้าใจคำไทยที่ว่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม และไม่จบง่ายๆของจริงเป็นยังไง เดี๋ยวจะได้รู้กัน
    พี่คิงส์ หนาวแทนเลย
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เด็กรุ่นใหม่หลายคนยังไม่รู้จักบอสณวัฒน์ดีเท่าที่ควร พี่คิงส์บอกเลยว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นอีกหนึ่งคนที่ไม่ควรไปมีปัญหากับเค้า ถ้าเคยได้ยินว่า มีปัญหากับใครในวงการบันเทิงได้แต่อย่างมีกับ หนุ่ม กรรชัย พี่คิงส์ก็จะบอกว่า นอกจากพี่หนุ่ม บอส ณวัฒน์ เป็นอีกหนึ่งคน ที่ไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ควรที่จะไปมีปัญหากับเค้า - บอส ณวัฒน์ เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำทุกอย่าง จนสามารถนำบริษัทเข้าสู่มหาชนได้ ผ่านร้อน ผ่านหนาว มายาวนาน แม้กระทั่งที่บอส มีข่าวครึกโครม จนต้องออกจากรายการไตรภพ ครัวคุณต๋อย และสภาวะนั้นทุกคนมองว่า ณวัฒน์ น่าจะจบแล้วกับเส้นทางบันเทิง เพราะ ณวัฒน์ เล่นหมดไม่สนรุ่น ไม่สนค่าย ไม่สนใคร แต่ด้วยความพยายามและความสม่ำเสมอ ทำให้ความเชื่อมั่นกลับคืนมา และความชาญฉลาดที่ดันอิงฟ้า ขึ้นแท่นกลายเป็นขวัญใจประชาชนคนไทย ที่มีแฟนคลับ มากกว่าสาวเกามหาศาล จนกลายเป็นแบรนดิ้ง กลายเป็นองค์กร เป็นสถาบัน ดังนั้น บอส ณวัฒน์ ชื่อเสียงนี้ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย เพราะไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ถ้ากล้ามาลองดีกับบอส คนนี้ไม่มีคำว่าอ่อนข้อ เหมือนกับคำที่นิยมใช้กันว่า "แรงมาแรงกว่ากลับไม่โกก" บอสณวัฒน์ จะตอบแทนกลับไป เป็นสิบ เป็นร้อยเท่า ตอนที่พี่คิงส์ เห็นข่าวว่า ทางสาวเกา จะมีปัญหากับบอส พี่คิงส์ยังคิดลึกๆว่า ป้า จ. น่าจะรู้จักชื่อเสียงของบอส ณวัฒน์ เรื่องความเป็นคนสู้คนแบบกัดไม่ปล่อย คงจะไม่ยุ่งกับบอส แต่ที่ไหนได้ แฟนคลับสาวเกาที่อยู่ในโลกใบแคบๆ คิดว่าทั้งหมดคือจักรวาลสาวเกา หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงชนกลุ่มเล็กๆ ที่คลั่้งไคล้นาง ซึ่งถ้าเทียบกับอิงฟ้าของบอสณวัฒน์ ยังห่างกันเป็นสิบเป็นร้อยเท่า แล้วสาวเกาจะเข้าใจคำไทยที่ว่า ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรม และไม่จบง่ายๆของจริงเป็นยังไง เดี๋ยวจะได้รู้กัน พี่คิงส์ หนาวแทนเลย อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด
    .
    "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ"
    .
    ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้
    .
    "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด
    .
    "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?"
    .
    "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง"
    .
    บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ
    .
    ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม"
    .
    เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288
    ..............
    Sondhi X
    โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด . "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ" . ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้ . "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด . "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?" . "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง" . บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ . ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม" . เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 666 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมนเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ในนั้นรวมถึงกรุงซานา ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูตี ในขณะที่กระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) ระบุว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานคลังอาวุธล้ำสมัยของกบฏกลุ่มนี้
    .
    สำนักข่าวอัล มาซิราห์ ทีวี รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย) ว่าหลายพื้นที่ของกรุงซานา เขตผู้ว่าการอัมราน ทางเหนือของประเทศและพื่นที่อื่นๆ ถูกโจมตีในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานความสูญเสีย "ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงเครื่องบินมากมาย เช่นเดียวกับเสียงระเบิดตูมสนั่นในหลายพื้นที่ของกรุงซานา"
    .
    เพนตากอนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า พวกเขาเล็งเป้าที่ตั้งต่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บอาวุธต่างๆ ที่พวกฮูตีใช้เล็งเป้าเล่นงานเรือทั้งหลาย ทั้งเรือทางทหารและเรือของพลเรือน ที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากลในทะเลแดงและอ่าวเอเดน
    .
    ทั้ง 2 ประเทศปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เยเมน มาตั้งแต่เดือนมกราคม ในความพยายามหยุดกบฏฮูตีจากการโจมตีเล่นงานเรือสินค้าทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล ที่กำลังล่องผ่านทะเลแดง ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีถล่มเมืองโฮเดดาห์ เมื่อเดือนกรกฎาคม สังหารผู้คนอย่างน้อย 16 ราย
    .
    พวกฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมน ในนั้นรวมถึงกรุงซานา โจมตีใส่เส้นทางเดินเรือสินค้าในทะเลแดง เช่นเดียวกับยิงขีปนาวุธและโดรนเข้าใส่อิสราเอล เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์
    .
    เกือบๆ 1 ปีที่ผ่านมา พวกฮูตีลงมือโจมตีแล้วมากกว่า 100 รอบ ส่งผลให้มีลูกเรือเสียชีวิต 4 ราย และเรืออัปปาง 2 ลำ ขณะเดียวกันเรือลำหนึ่งและลูกเรือยังคงถูกกักขังเอาไว้ นับตั้งแต่ถูกบุกยึดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว
    .
    กลุ่มกบฏเยเมน เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดทำสงครามในกาซา ส่วนหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับการหยุดโจมตีที่ก่อความปั่นป่วนวุ่นวายแก่เส้นทางเดินเรือสินค้าที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
    .
    ทหารอิสราเอลสังหารผู้คนในกาซาไปแล้วมากกว่า 43,000 คน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน สงครามทำลายล้างของพวกเขาเป็นการแก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาส บุกจู่โจมเล่นงานทางใต้ของอิสราเอล สังหารผู้คนไปมากกว่า 1,100 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน
    .
    ปฏิบัติการโจมตีในวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) มีขึ้นไม่กี่วันหลังจาก อับเดล-มาลิก อัล-ฮูตี ผู้นำของฮูตี วิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ต่อการมอบแรงสนับสนุนแก่อิสราเอล
    .
    ยาห์ยา ซารี ระบุก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) ยุทธการทางทหารของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ไม่อาจห้ามปรามการโจมตีของฮูตี ในขณะที่พวกกบฏที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านกลุ่มนี้ลงมือโจมตีฐานทัพอากาศเนวาติม ทางใต้ของอิสราเอลในวันเดียวกัน นอกจากนี้ ยังอ้างด้วยว่าทางกลุ่มสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งของสหรัฐฯ เหนือท้องฟ้าทางตะวันตกของเยเมนได้อีกด้วย
    .
    การโจมตีของทั้งพวกฮูตี สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางลุกลามบานปลายในวิกฤตกาซา เช่นเดียวกับก่อความวิตกต่อความพยายามยุติสงครามกลางเมืองของเยเมนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108287
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมนเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) ในนั้นรวมถึงกรุงซานา ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐที่อยู่ภายใต้การควบคุมของพวกฮูตี ในขณะที่กระทรวงกลาโหมอเมริกา (เพนตากอน) ระบุว่าพวกเขาเล็งเป้าเล่นงานคลังอาวุธล้ำสมัยของกบฏกลุ่มนี้ . สำนักข่าวอัล มาซิราห์ ทีวี รายงานเมื่อวันอาทิตย์ (10 พ.ย) ว่าหลายพื้นที่ของกรุงซานา เขตผู้ว่าการอัมราน ทางเหนือของประเทศและพื่นที่อื่นๆ ถูกโจมตีในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานความสูญเสีย "ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า พวกเขาได้ยินเสียงเครื่องบินมากมาย เช่นเดียวกับเสียงระเบิดตูมสนั่นในหลายพื้นที่ของกรุงซานา" . เพนตากอนเปิดเผยกับเอเอฟพีว่า พวกเขาเล็งเป้าที่ตั้งต่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่จัดเก็บอาวุธต่างๆ ที่พวกฮูตีใช้เล็งเป้าเล่นงานเรือทั้งหลาย ทั้งเรือทางทหารและเรือของพลเรือน ที่กำลังล่องผ่านน่านน้ำสากลในทะเลแดงและอ่าวเอเดน . ทั้ง 2 ประเทศปฏิบัติการโจมตีทางอากาศใส่เยเมน มาตั้งแต่เดือนมกราคม ในความพยายามหยุดกบฏฮูตีจากการโจมตีเล่นงานเรือสินค้าทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอล ที่กำลังล่องผ่านทะเลแดง ในนั้นรวมถึงปฏิบัติการโจมตีถล่มเมืองโฮเดดาห์ เมื่อเดือนกรกฎาคม สังหารผู้คนอย่างน้อย 16 ราย . พวกฮูตี ซึ่งควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของเยเมน ในนั้นรวมถึงกรุงซานา โจมตีใส่เส้นทางเดินเรือสินค้าในทะเลแดง เช่นเดียวกับยิงขีปนาวุธและโดรนเข้าใส่อิสราเอล เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันกับชาวปาเลสไตน์ . เกือบๆ 1 ปีที่ผ่านมา พวกฮูตีลงมือโจมตีแล้วมากกว่า 100 รอบ ส่งผลให้มีลูกเรือเสียชีวิต 4 ราย และเรืออัปปาง 2 ลำ ขณะเดียวกันเรือลำหนึ่งและลูกเรือยังคงถูกกักขังเอาไว้ นับตั้งแต่ถูกบุกยึดเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว . กลุ่มกบฏเยเมน เรียกร้องให้อิสราเอลหยุดทำสงครามในกาซา ส่วนหนึ่งในเงื่อนไขสำหรับการหยุดโจมตีที่ก่อความปั่นป่วนวุ่นวายแก่เส้นทางเดินเรือสินค้าที่พลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก . ทหารอิสราเอลสังหารผู้คนในกาซาไปแล้วมากกว่า 43,000 คน นับตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน สงครามทำลายล้างของพวกเขาเป็นการแก้แค้นกรณีที่พวกนักรบฮามาส บุกจู่โจมเล่นงานทางใต้ของอิสราเอล สังหารผู้คนไปมากกว่า 1,100 ราย และจับตัวประกันไปประมาณ 250 คน . ปฏิบัติการโจมตีในวันอาทิตย์ (10 พ.ย.) มีขึ้นไม่กี่วันหลังจาก อับเดล-มาลิก อัล-ฮูตี ผู้นำของฮูตี วิพากษ์วิจารณ์ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ต่อการมอบแรงสนับสนุนแก่อิสราเอล . ยาห์ยา ซารี ระบุก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) ยุทธการทางทหารของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร ไม่อาจห้ามปรามการโจมตีของฮูตี ในขณะที่พวกกบฏที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านกลุ่มนี้ลงมือโจมตีฐานทัพอากาศเนวาติม ทางใต้ของอิสราเอลในวันเดียวกัน นอกจากนี้ ยังอ้างด้วยว่าทางกลุ่มสามารถสกัดโดรนลำหนึ่งของสหรัฐฯ เหนือท้องฟ้าทางตะวันตกของเยเมนได้อีกด้วย . การโจมตีของทั้งพวกฮูตี สหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางลุกลามบานปลายในวิกฤตกาซา เช่นเดียวกับก่อความวิตกต่อความพยายามยุติสงครามกลางเมืองของเยเมนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108287 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 676 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะถอนประเทศของเขาออกจากความขัดแย้งยูเครน ปล่อยให้พวกผู้นำอียู อยู่ในสถานะยากลำบากและอึดอัดใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไป จากความเห็นของวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี
    .
    "สถานการณ์ในแนวหน้านั้นชัดเจน มันคือความพ่ายแพ้ทางทหาร อเมริกาจะออกจากสงครามนี้" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น "ยุโรปไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินสงครามนี้ได้เพียงลำพัง"
    .
    พวกผู้นำอียูบางส่วนต้องการเดินหน้าไหลบ่าเงินทุนอันไร้ประโยชน์ แต่มีจำนวนมากขึ้นเริ่มปิดปากเงียบเกี่ยวกับความเห็นดังกล่าว จากคำอ้างอิงจากเออร์บาน ขณะที่คนอื่นๆ เรียกร้องให้ทำการประเมินทบทวนโยบายในปัจจุบัน
    .
    เขากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน มีบางประเทศที่สนับสนุนการลดสถานการณ์ความตึงเครียดและการเจรจา ในนั้นรวมถึงตัวฮังการีเอง เช่นเดียวกับสโลวะเกียและวาติกัน
    .
    ความคาดหมายของเออร์บาน ต่อการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันเคยกล่าวอ้างว่าเขาจะยุติความขัดแย้งยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง
    .
    ผู้นำฮังการีคาดหมายด้วยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ทั่วทั้งโลก หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะ ขณะที่เขาเชื่อว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ "ที่ไม่ได้แต่มองเห็นจากดวงจันทร์ แต่ยังรวมถึงดาวอังคาร"
    .
    เออร์บานกล่าวต่อว่า พวกนักการเมืองที่เคยผลักดันให้ยูเครนได้รับชัยชนะ ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเขารู้มาเสมอว่ามีความเป็นไปได้ที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้ ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปี เออร์บาน เคยดำเนินการในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ภารกิจสันติภาพ" พบปะกับเหล่าผู้เกี่ยวข้องในความขัดแย้ง เขาเดินทางไปกรุงเคียฟ กรุงมอสโกและกรุงปักกิ่ง เช่นเดียวกับไปสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้พูดคุยในประเด็นนี้กับทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    จากนั้น ฮังการีได้ส่งรายงานฉบับหนึ่งถึงรัฐสมาชิกอียูอื่นๆ โดยให้คำแนะนำว่าพวกเขาควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในยูเครน "เพื่อที่จะไม่มีผู้นำใดๆ มาพูดในภายหลังว่า พวกเขารู้สึกประหลาดใจ"
    .
    "ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดของยุโรปในตอนนี้คือ พวกเขาไม่ยอมพูดกับคนที่พวกเขาจำเป็นต้องพูดคุยด้วย" เออร์บานกล่าว "ความหยิ่งยโสนี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง"
    .
    เออร์บาน เคยถูกพวกผู้นำอียูบางส่วนใส้ร้ายป้ายสีเกี่ยวกับความพยายามประสานงานทางการทูต พวกเขาอ้างว่านายกรัฐมนตรีฮังการีอยู่ข้างรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108068
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะถอนประเทศของเขาออกจากความขัดแย้งยูเครน ปล่อยให้พวกผู้นำอียู อยู่ในสถานะยากลำบากและอึดอัดใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไป จากความเห็นของวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี . "สถานการณ์ในแนวหน้านั้นชัดเจน มันคือความพ่ายแพ้ทางทหาร อเมริกาจะออกจากสงครามนี้" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น "ยุโรปไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินสงครามนี้ได้เพียงลำพัง" . พวกผู้นำอียูบางส่วนต้องการเดินหน้าไหลบ่าเงินทุนอันไร้ประโยชน์ แต่มีจำนวนมากขึ้นเริ่มปิดปากเงียบเกี่ยวกับความเห็นดังกล่าว จากคำอ้างอิงจากเออร์บาน ขณะที่คนอื่นๆ เรียกร้องให้ทำการประเมินทบทวนโยบายในปัจจุบัน . เขากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน มีบางประเทศที่สนับสนุนการลดสถานการณ์ความตึงเครียดและการเจรจา ในนั้นรวมถึงตัวฮังการีเอง เช่นเดียวกับสโลวะเกียและวาติกัน . ความคาดหมายของเออร์บาน ต่อการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันเคยกล่าวอ้างว่าเขาจะยุติความขัดแย้งยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง . ผู้นำฮังการีคาดหมายด้วยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ทั่วทั้งโลก หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะ ขณะที่เขาเชื่อว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ "ที่ไม่ได้แต่มองเห็นจากดวงจันทร์ แต่ยังรวมถึงดาวอังคาร" . เออร์บานกล่าวต่อว่า พวกนักการเมืองที่เคยผลักดันให้ยูเครนได้รับชัยชนะ ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเขารู้มาเสมอว่ามีความเป็นไปได้ที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้ ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปี เออร์บาน เคยดำเนินการในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ภารกิจสันติภาพ" พบปะกับเหล่าผู้เกี่ยวข้องในความขัดแย้ง เขาเดินทางไปกรุงเคียฟ กรุงมอสโกและกรุงปักกิ่ง เช่นเดียวกับไปสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้พูดคุยในประเด็นนี้กับทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ . จากนั้น ฮังการีได้ส่งรายงานฉบับหนึ่งถึงรัฐสมาชิกอียูอื่นๆ โดยให้คำแนะนำว่าพวกเขาควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในยูเครน "เพื่อที่จะไม่มีผู้นำใดๆ มาพูดในภายหลังว่า พวกเขารู้สึกประหลาดใจ" . "ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดของยุโรปในตอนนี้คือ พวกเขาไม่ยอมพูดกับคนที่พวกเขาจำเป็นต้องพูดคุยด้วย" เออร์บานกล่าว "ความหยิ่งยโสนี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง" . เออร์บาน เคยถูกพวกผู้นำอียูบางส่วนใส้ร้ายป้ายสีเกี่ยวกับความพยายามประสานงานทางการทูต พวกเขาอ้างว่านายกรัฐมนตรีฮังการีอยู่ข้างรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108068 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 735 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชอเรเนียม UAV โจมตีเป้าหมายศัตรูในโอเดสซา ท่ามกลางความพยายามของกองทัพยูเครนที่จะยิงมันตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก

    กองทัพยูเครนสุดบ้าคลั่งยิงขึ้นไปในอากาศอย่างสุ่ม พยายามยิงโดรนของเราตก การยิงด้วยอาวุธขนาดเล็กลดลงและเสียงพึมพำจะโจมตีเป้าหมายที่ต้องการอย่างแม่นยำ
    @btr80
    เชอเรเนียม UAV โจมตีเป้าหมายศัตรูในโอเดสซา ท่ามกลางความพยายามของกองทัพยูเครนที่จะยิงมันตกด้วยอาวุธขนาดเล็ก กองทัพยูเครนสุดบ้าคลั่งยิงขึ้นไปในอากาศอย่างสุ่ม พยายามยิงโดรนของเราตก การยิงด้วยอาวุธขนาดเล็กลดลงและเสียงพึมพำจะโจมตีเป้าหมายที่ต้องการอย่างแม่นยำ @btr80
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแผนในการทำลายกลุ่มรัฐลึก (Deep State) ที่เป็นอุปสรรคต่ออเมริกามาตลอด วิดีโอความยาว 3 นาทีนี้จึงถือเป็นวิดีโอที่สำคัญที่สุดบนอินเทอร์เน็ตในขณะนี้

    1. “ออกคำสั่งฝ่ายบริหารปี 2020 ของเขาใหม่ทันที เพื่อคืนอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดข้าราชการที่ทุจริต”

    2. “กำจัดผู้ทุจริตทั้งหมดในหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยข่าวกรองของอเมริกา”

    3. “ปฏิรูปศาล FISA ให้สิ้นซาก ซึ่งทุจริตมากจนผู้พิพากษาไม่สนใจเลยเมื่อถูกโกหกในคำร้องขอหมายจับ”
    (FISA - Foreign Intelligence Surveillance Act เป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาที่กำหนดขั้นตอนสำหรับการเฝ้าระวังและรวบรวมข่าวกรองต่างประเทศเพื่อจัดเก็บไว้ภายในประเทศ)

    4. “เปิดโปงการหลอกลวงและการใช้อำนาจในทางที่ผิดซึ่งกำลังทำให้ประเทศอเมริกาแตกแยก”

    5. “การปราบปรามอย่างจริงจังต่อบุคคลที่พยายามปล่อยข้อมูลบิดเบือนของรัฐบาลเพื่อสร้างเป็นทฤษฎีสมคบคิดร่วมกับข่าวปลอม เพื่อจงใจสร้างข้อเท็จและโค่นล้มรัฐบาลและประชาธิปไตยของอเมริกา”

    6. “ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทุกแห่งเป็นอิสระ และแยกออกจากหน่วยงานที่พวกเขากำกับดูแล เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ผลประโยชน์จากรัฐลึก(deep state)”

    7. “จะขอให้รัฐสภาจัดตั้งระบบการตรวจสอบที่เป็นอิสระ เพื่อเฝ้าติดตามหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ใช้อำนาจของตัวเองสอดส่องพลเมืองของอเมริกา และป้อนข้อมูลข่าวปลอมต่อชาวอเมริกัน หรือไปแอบสอดส่องบุคคลสำคัญใดๆก็ตาม เช่นเดียวกับที่ตัวของทรัมป์เคยโดนมาแล้ว”

    8. “สานต่อความพยายามที่ริเริ่มโดยรัฐบาลทรัมป์ในสมัยแรก เพื่อย้ายบางส่วนของระบบราชการของรัฐบาลกลางออกไป เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากใครบางคน หรือจากบางหน่วยงาน”

    9. “จะสั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการของรัฐบาลกลางเข้าทำงานในบริษัทที่พวกเขาติดต่อด้วยและบริษัทที่พวกเขากำกับดูแล เพื่อตัดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน”

    10. “ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคัดค้านการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภา”
    ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศแผนในการทำลายกลุ่มรัฐลึก (Deep State) ที่เป็นอุปสรรคต่ออเมริกามาตลอด วิดีโอความยาว 3 นาทีนี้จึงถือเป็นวิดีโอที่สำคัญที่สุดบนอินเทอร์เน็ตในขณะนี้ 1. “ออกคำสั่งฝ่ายบริหารปี 2020 ของเขาใหม่ทันที เพื่อคืนอำนาจของประธานาธิบดีในการปลดข้าราชการที่ทุจริต” 2. “กำจัดผู้ทุจริตทั้งหมดในหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติและหน่วยข่าวกรองของอเมริกา” 3. “ปฏิรูปศาล FISA ให้สิ้นซาก ซึ่งทุจริตมากจนผู้พิพากษาไม่สนใจเลยเมื่อถูกโกหกในคำร้องขอหมายจับ” (FISA - Foreign Intelligence Surveillance Act เป็นกฎหมายของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกาที่กำหนดขั้นตอนสำหรับการเฝ้าระวังและรวบรวมข่าวกรองต่างประเทศเพื่อจัดเก็บไว้ภายในประเทศ) 4. “เปิดโปงการหลอกลวงและการใช้อำนาจในทางที่ผิดซึ่งกำลังทำให้ประเทศอเมริกาแตกแยก” 5. “การปราบปรามอย่างจริงจังต่อบุคคลที่พยายามปล่อยข้อมูลบิดเบือนของรัฐบาลเพื่อสร้างเป็นทฤษฎีสมคบคิดร่วมกับข่าวปลอม เพื่อจงใจสร้างข้อเท็จและโค่นล้มรัฐบาลและประชาธิปไตยของอเมริกา” 6. “ให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทุกแห่งเป็นอิสระ และแยกออกจากหน่วยงานที่พวกเขากำกับดูแล เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ผลประโยชน์จากรัฐลึก(deep state)” 7. “จะขอให้รัฐสภาจัดตั้งระบบการตรวจสอบที่เป็นอิสระ เพื่อเฝ้าติดตามหน่วยข่าวกรองของอเมริกาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ใช้อำนาจของตัวเองสอดส่องพลเมืองของอเมริกา และป้อนข้อมูลข่าวปลอมต่อชาวอเมริกัน หรือไปแอบสอดส่องบุคคลสำคัญใดๆก็ตาม เช่นเดียวกับที่ตัวของทรัมป์เคยโดนมาแล้ว” 8. “สานต่อความพยายามที่ริเริ่มโดยรัฐบาลทรัมป์ในสมัยแรก เพื่อย้ายบางส่วนของระบบราชการของรัฐบาลกลางออกไป เพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์จากใครบางคน หรือจากบางหน่วยงาน” 9. “จะสั่งห้ามไม่ให้ข้าราชการของรัฐบาลกลางเข้าทำงานในบริษัทที่พวกเขาติดต่อด้วยและบริษัทที่พวกเขากำกับดูแล เพื่อตัดเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน” 10. “ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคัดค้านการจำกัดวาระการดำรงตำแหน่งของสมาชิกรัฐสภา”
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 68 0 รีวิว
  • โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย
    “กฤษฎีกากัมพูชา 1972”
    รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย !
    ________
    .
    ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด…
    .
    กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ
    .
    และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ !
    .
    “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972”
    .
    วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972
    .
    จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี
    .
    สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น
    .
    วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย
    .
    (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958
    .
    (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ…
    .
    (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง…
    .
    (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000
    .
    กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง
    .
    โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P”
    .
    โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้
    .
    จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง
    .
    จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย
    .
    มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง
    .
    เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้
    .
    แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร
    .
    การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต
    .
    ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล
    .
    ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น…
    .
    คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง !
    .
    ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !!
    .
    แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ?
    .
    แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !!
    .
    ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้
    .
    ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี
    .
    ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง
    .
    แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ
    .
    เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ?
    .
    เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก !
    .
    ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!!
    .
    ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส
    .
    แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้
    .
    “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“
    .
    แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย
    .
    โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง
    .
    หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73
    .
    การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง
    .
    ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ
    .
    การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่
    .
    มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย
    .
    พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้
    .
    .
    คำนูณ สิทธิสมาน
    4 พฤศจิกายน 2567

    ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    โฉมหน้าเจ้าตัวร้าย “กฤษฎีกากัมพูชา 1972” รุกล้ำอธิปไตยเกาะ/น่านน้ำไทย ! ________ . ใครที่บอกว่ากัมพูชาไม่เคย ”พูด“ อ้างกรรมสิทธิเหนือเกาะกูด และบรรดาคนไทยที่นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นคือพวกคลั่งชาติ ลองพิจารณาอ่านเรื่องนี้สักนิด… . กัมพูชาอาจจะไม่เคย ”พูด“ อย่างเป็นทางการในนามรัฐบาล ไม่ว่าในยุคไหนระบอบอะไร แต่กัมพูชาลงมือ “ทำ” เลยอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเมื่อ 52 ปีก่อนในช่วงสั้น ๆ ของรัฐบาลระบอบสาธารณรัฐ . และ “ผลแห่งการกระทำ” นั้นยังคงอยู่ ! . “กฤษฎีกาที่ 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ค.ศ. 1972” . วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 . จอมพลลอนนอลลงนามในฐานะประธานาธิบดีสาธารณรัฐกัมพูชา หลังรัฐประหารโค่นล้มระบอบกษัตริย์ 2 ปี และก่อนพนมเปญแตกพ่ายแพ้ต่อคอมมิวนิสต์เขมรแดง 3 ปี . สารัตถะสำคัญอยู่ในมาตราแรก (Article Premier) ผมสรุปมาจากที่ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์เขียนไว้ในบทความของท่านเมื่อปี 2554 รวมทั้งการเสวนาที่สยามสมาคมในปีเดียวกันนั้น . วรรคแรกเป็นการอ้างฐานทางกฎหมาย . (1) อนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปลงวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 1958 . (2) สนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 และ… . (3) บันทึกการปักปันเขตแดนสยามฝรั่งเศสลงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1908 รวมทั้ง… . (4) แผนที่เดินเรือของฝรั่งเศส 1972 มาตราส่วน 1:1,096,000 . กฤษฎีกา 1972 ระบุพิกัดของเขตไหล่ทวีปตามจุดอ้างอิงที่เกี่ยวกับ “เกาะกูด” รวมทั้ง “ทะเลอาณาเขต(ของไทย)“ โดยตรง . โดยในวรรคสอง (ย่อหน้าล่างสุดของกฤษฎีกาหน้าแรก) กล่าวว่าได้มีการปักปันเขตไหล่ทวีประหว่างไทยกับฝรั่งเศสแล้ว โดยทางทิศเหนือ ใช้เส้นตรงเชื่อมจุดชายแดนแผ่นดินที่จุด “A” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นที่ตั้งหลักเขตที่ 73) มายังจุดสูงสุดบนเกาะกูดที่เรียกว่าจุด “S” (ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นการอ้างอิงจากหนังสือแนบท้ายสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 ข้อ 1) และลากต่อออกทะเลไปยังกึ่งกลางอ่าวไทยที่เรียกว่าจุด “P” . โดยในตารางท้ายมาตราแรก (อยู่ตอนต้นของกฤษฎีกาหน้า 2) ได้กำหนดรายละเอียดของจุด “A“ และ “P” ไว้ . จุด ”A” คือจุดใต้สุดของการแบ่งเขตแดนทางบกตามสนธิสัญญาค.ศ. 1907 ก็คือหลักเขตที่ 73 นั่นเอง . จุด “P” กึ่งกลางอ่าวไทยนั้น กฤษฎีการะบุว่าเป็นจุดมัธยะ (หรือกึ่งกลาง) ระหว่างไหล่ทวีปของกัมพูชากับไทย . มาตราแรกโดยเฉพาะวรรคสองนี่แหละ “เท็จ” โดยสิ้นเชิง . เพราะไม่เคยมีการปักปันเขตแดนทางทะเลระหว่างสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศสกันมาก่อน โดยเฉพาะในช่วงค.ศ. 1907 หรือ 1908 ไม่เคยมีสนธิสัญญาเกี่ยวกับการนี้ ประวัติศาสตร์ฉบับไหนก็ไม่เคยระบุ กฎหมายระหว่างประเทศหรือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอาณาเขตทางทะเลที่นานาชาติยึดถือกันเมื่อ 127 ปีก่อนก็ต่างกับปัจจุบัน ยุคนั้นยังไม่มีสิ่งที่นานาชาติกำหนดอาณาเขตทางทะเลขึ้นมาให้รัฐชายฝั่งมีสิทธิอธิปไตยเหนือแล้วเรียกว่า “ไหล่ทวีป” เสียด้วยซ้ำ ไม่มีเขตต่อเนื่อง ไม่มีเขตเศรษฐกิจจำเพาะ มีแค่ทะเลอาณาเขตระยะ 3 ไมล์ทะเลจากชายฝั่ง พ้นออกมาเป็นเขตทะเลหลวงที่เป็นเขตทะเลเสรีไม่มีประเทศใดมีสิทธิถือครองเป็นเจ้าของได้ . แต่สมมติแม้จะยึดกฎเกณฑ์ในยุคสมัยค.ศ. 1907 หากจะปักปันเขตแดนทางทะเลกัน การขีดเส้นแนว “A-S-P” เป็นอาณาเขตทางทะเลของอินโดจีนฝรั่งเศสก็ไม่ถูกและไม่มีกฎเกณฑ์ใดรองรับอยู่ดี เพราะระยะทางจากชายฝั่งถึงเกาะกูดประมาณ 19 ไมล์ทะเล เกิน 3 ไมล์ทะเลตั้งเยอะ อินโดจีนฝรั่งเศสจะไปถือสิทธิครอบครองเขตทะเลหลวงได้อย่างไร . การจงใจระบุพิกัดเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาเมื่อค.ศ. 1972 เช่นนี้คือการกระทำที่ละเมิดอธิปไตยไทยเหนือเกาะกูด ทั้งตัวเกาะ และทะเลอาณาเขต . ดร.ประจิตต์ โรจนพฤกษ์ กล่าวไว้ในงานเขียนของท่านว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการแบ่งเขตไหล่ทวีปโดยเส้นผ่าเกาะกูดซึ่งเป็นดินแดนทางบก เพราะไหล่ทวีปหมายถึงพื้นดินใต้ทะเลและใต้พื้นดินใต้ทะเล . ดังนั้น โอกาสที่แนว “A-S-P” จะถูกต้องมีอยู่เงื่อนไขเดียวเท่านั้น… . คือตัวเกาะกูดต้องเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่ง ! . ขอย้ำอีกครั้งว่า แนว “A-S-P” อันเป็นเส้นเขตไหล่ทวีปด้านเหนือของกัมพูชาตามกฤษฎีกา 1972 จะถูกต้องก็ต่อเมื่อตัวเกาะกูดเป็นของกัมพูชาครึ่งหนึ่งเท่านั้น !! . แล้วประเทศไทยผู้ถูกรุกล้ำอธิปไตยจะ “ยอมรับ” ได้อย่างไร ? . แม้จะไม่ใช่การยอมรับใน “ความถูกต้อง” แค่ยอมรับ “การมีอยู่”, “การคงอยู่” เพื่อเป็นเพียง “กรอบ” ในการ “เจรจาเรื่องอื่น” ก็เถอะ !! . ตรงนี้จำเป็นต้องมีการพูดถึงแผนที่หรือแผนผัง 2 (+1) ฉบับที่นำมาลงเป็นภาพประกอบไว้ . ฉบับที่ 1 คือแผนที่เดินเรือฝรั่งเศสที่ใช้แนบท้ายกฤษฎีกา 1972 ไม่ได้มีการเขียนลากเส้นบนแผนที่พาดผ่านตัวเกาะกูดโดยตรง หากแต่ลากเป็นเส้นตรงออกมาจากชายฝั่งทะเลจังหวัดตราดสุดเขตแดนทางบกของไทยกับกัมพูชามาหยุดที่ตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันออก แล้วลากเส้นตรงใหม่จากตัวเกาะกูดด้านทิศตะวันตกตรงไปกลางอ่าวไทย แผนที่ทำนองนี้โดยทั่วไปเป็นแผนที่ใช้สำหรับกิจการในกองทัพเรือรวมถึงการเดินเรือไม่ใช่แผนที่แสดงเขตแดนใด ๆ ทั้งสิ้น เส้นตรงที่ลากผ่านเกาะกูดไปยังกลางอ่าวไทยในแผนที่นี้ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นเส้นอะไร แต่กระนั้นตรงชื่อเกาะกูด (Koh Kut) ก็ยังมีวงเล็บต่อท้ายว่า “(Siam)” อย่างที่พอเห็นได้ จึงแสดงให้เห็นว่าในปีค.ศ. 1907 จนกระทั่งถึงวันคืนเอกราชให้ 3 ประเทศอินโดจีน ฝรั่งเศสไม่ได้มีความพยายาม “เคลม” กรรมสิทธิ์เหนือเกาะกูดแต่ประการใด เพราะในสนธิสัญญา 1907 ข้อ 2 อันเป็นสัญญาหลัก ระบุไว้ชัดเจนแล้วว่าเขายกให้เรา แลกกับ 3 มณฑลใหญ่ของกัมพูชาดังที่ทราบกันดี . ฉบับที่ 2 เป็นแผนที่ที่กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาจัดทำขึ้นแจกแก่ผู้สื่อข่าวเพื่อชี้แจงกฤษฎีกา 1972 ให้ชัดเจนขึ้น คราวนี้นอกจากตัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อขับเน้นเฉพาะเส้นที่เสกสรรค์ปั้นแต่งว่าเป็นเขตไหล่ทวีปของตนแล้ว ยังเขียนเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรง . แผนที่ฉบับหลังนี้เข้าใจว่าเมื่อกระทรวงการต่างประเทศไทยได้รับ ก็นำมาทำใหม่เพื่อประกอบการศึกษาภายใน มีภาษาไทยกำกับ ยังคงแสดงเส้นพาดผ่านผ่ากลางแบ่งครึ่งเกาะกูดโดยตรงตามเจตนาของต้นฉบับที่ฝ่ายกันพูชาจัดทำ . เช่นนี้แล้ว ใครที่ออกตัวรับรองว่ากัมพูชาไม่เคย “พูด” ไม่เคยอ้างสิทธิเหนือเกาะกูดน่ะจะว่าอย่างไร ? . เพราะการที่กัมพูชาลงมือ “ทำ” โดยกฤษฎีกา 1972 ตามที่เล่ามานี้มันยิ่งกว่า “พูด” เสียอีก ! . ไม่เคยได้ยินภาษิตที่ว่า “การกระทำดังกว่าคำพูด” หรือ ?!! . ณ ปีค.ศ. 1907 มีแต่การปักปันเขตแดนทางบกระหว่างสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศส . แต่แน่ละ มีการกล่าวถึงเกาะกูดไว้ในหนังสือติดท้ายสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 ข้อ 1 จริง แต่ก็เพียงเพื่อใช้เป็นจุดเล็งไปยังจุดใดจุดหนึ่งบนแผ่นดินชายหาดที่จะกำหนดให้ป็นหลักเขตที่ 73 เพราะบนแผ่นดินชายหาดบริเวณนั้นไม่มีภูมิประเทศใดที่ยั่งยืนพอให้เป็นที่สังเกตได้ . “เขตแดนในระหว่างกรุงสยามกับอินโดจีนฝรั่งเศสนั้น ตั้งแต่ชายทะเลที่ตรงข้ามกับยอดเขาสูงที่สุดของเกาะกูดเป็นหลักแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปทางตะวันออกเฉียงเหนือถึงสันเขาพนมกระวาน….“ . แค่ข้อความที่ระบุว่า “ตั้งแต่ชายทะเล…” วิญญูชนย่อมเข้าใจได้ว่าหมายถึงแผ่นดิน-ไม่ใช่ทะเล แต่กัมพูชาในยุคจอมพลลอนนอลในปีค.ศ. 1972 ไปตีขลุมว่ามีการปักปันเขตแดนทางทะเลแล้วในอดีต แล้วก็ตีเส้นตามอำเภอใจ เพื่อตีกินพื้นที่ทรัพยากรในอ่าวไทย . โดยในอีกทางหนึ่งก็ไปหยิบเอา ”เส้นประ“ (- - - - - - -) ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายหาดจังหวัดตราดในแผนที่ประกอบหนังสือติดท้ายสนธิสัญญาค.ศ. 1907 มาเป็นประเด็นอธิบายการแถระดับโลกของตัวเอง . หากดูภาพสุดท้ายจะพบมีเส้น ++++++ อันเป็นสัญลักษณ์สากลของเส้นแบ่งเขตแดน (boundary line) ตลอดแนวเขตแดนทางบกไทยกัมพูชา ขณะที่เส้นประ (dotted line) - - - - - - มีอยู่เพียงสั้น ๆ ระหว่างเกาะกูดกับแผ่นดินชายทะเลจังหวัดตราดเท่านั้น ซึ่งเมื่อดูในบริบทของสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส ค.ศ. 1907 วิญญูชนก็ย่อมเข้าใจได้ไม่ยากอีกเช่นกันว่าเป็นการแสดงจุดเล็งไปยังแผ่นดินเพื่อหาจุดที่ตั้งหลักเขตที่ 73 . การแถดังกล่าวกลายเป็นกรณีศึกษาทางวิชาการกันพอสมควรหลังปีค.ศ. 1972 และก็มีการยืนยันในข้อเท็จจริงแล้วอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากบุคคลระดับชนชั้นนำของกัมพูชาเอง . ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ขอย้ำว่ากฤษฎีกา 1972 ของกัมพูชานี้ยังคงดำรงอยู่จนถึงปัจจุบัน ในฐานะที่เป็นประกาศของประมุขแห่งรัฐ . การที่แผนผังแนบท้าย MOU 2544 มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ คือเส้นแนว “A-S-P” กำหนดเขตไหล่ทวีปด้านบนของกัมพูชาไม่ได้เขียนแบบลากพาดผ่าน หรือเขียนแบบหยุดเว้นตัวเกาะ แต่เขียนประชิดติดตัวเกาะเว้าเป็นรูปตัว ”U” ทางทิศใต้แล้วก็ตาม นั่นหาเป็นผลแปรเปลี่ยนใด ๆ ไม่ เพราะด้านหนึ่งตัวกฤษฎีกา 1972 ยังคงอยู่ อีกด้านหนึ่งแนวเส้น “A-S-P” ยังคงอยู่ การละเมิดอธิปไตยเหนือตัวเกาะกูดและทะเลอาณาเขตของไทยยังคงอยู่ . มีหนำซ้ำเนื้อหาใน MOU 2544 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ว่าการตกลงใด ๆ หากจะมีขึ้นไม่กระทบกระเทือนการอ้างสิทธิของแต่ละฝ่าย . พระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณต่อคนไทยจังหวัดจันทบุรีและตราดในองค์พระปิยมหาราชเจ้าช่วงวิกฤตกับฝรั่งเศสระหว่าง ร.ศ. 112 - 125 ทำให้ประเทศไทย ณ วันนี้มีฝั่งทะเลตะวันออกด้านอ่าวไทยยาวเหยียดจนแทบจะโอบล้อมแหล่งทรัพยากรไว้ได้ทั้งหมด - คนไทยต้องรักษาไว้ . ประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 ของล้นเกล้าฯในหลวงรัชกาลที่ 9 สืบทอดพระราชปณิธานของสมเด็จพระอัยกา - คนไทยต้องรักษาไว้ . . คำนูณ สิทธิสมาน 4 พฤศจิกายน 2567 ที่มา https://www.facebook.com/share/p/15CSsZXGkk/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 917 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..ข่าวคือข่าว (ถ้าจริง มาไทยแล้วยังนะ น่าจะพร้อมกับเรือussมั้ยนะ ข่าวแววๆว่ากำลังติดตั้งในจังหวัดเราที่ดังๆ อาทิ เชียงใหม่ภาคเหนือก็ว่า,เท็จหรือจริงมิทราบ,แต่ทรัมป์จะชนะนี้รับรู้มานานแล้ว,เพราะทรัมป์คุมเกมส์มาตลอดไง.นาโนเองล้วนๆนะ)
    ..
    ทรัมป์ 2024: ผู้ปฏิบัติงานเตียงแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีการรักษาด้วยควอนตัมมาใช้กับประชาชนทุกคน – ความลับที่เปลี่ยนชีวิตซึ่งไบเดนและรัฐบาลเงาปิดบังไว้อย่างสิ้นหวัง!

    เตียงแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่ใช้การรักษาด้วยควอนตัมซึ่งชนชั้นสูงได้ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อซ่อนไว้จากสาธารณชน อุปกรณ์เหล่านี้โต้ตอบกับร่างกายในระดับควอนตัม ฟื้นฟูเซลล์และย้อนกลับโรค การแก่ชรา และแม้แต่ความผิดปกติทางพันธุกรรม

    เตียงแพทย์แต่ละเตียงทำงานโดยสร้างสนามความถี่สูงที่สั่นสะเทือนกับดีเอ็นเอของมนุษย์ ปรับแต่งเซลล์ที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิมที่แข็งแรง ลองนึกภาพการย้อนกลับโรคภัยไข้เจ็บหรือบาดแผลทางจิตใจหลายปีในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสิ! เทคโนโลยีนี้ขับเคลื่อนด้วยการคำนวณควอนตัมขั้นสูงและพลังงานจุดศูนย์ ซึ่งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่รัฐบาลเงาจำแนกไว้มานานหลายทศวรรษ

    ทำไมพวกเขาถึงเก็บซ่อนมันเอาไว้? ง่ายๆ เลย: บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่เติบโตได้จากความเจ็บป่วย หากสาธารณชนรู้เกี่ยวกับเตียงแพทย์ อุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์จะล่มสลายในชั่วข้ามคืน ไบเดนในฐานะหุ่นเชิดของกลุ่มคนชั้นสูงไม่มีเจตนาที่จะให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงคนทั่วไป

    ทรัมป์รู้เรื่องนี้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้แต่ในช่วงการบริหารของไบเดน เขาก็ยังดำเนินการอย่างลับๆ โดยติดตั้งเตียงพยาบาลในแผนกที่ “กำลังก่อสร้าง” ของโรงพยาบาลที่เลือกไว้และสถานที่ทางทหาร เพื่อไม่ให้ถูกสายตาของกลุ่มรัฐลึกลับจับจ้อง ป้ายบอกทางมีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่การอัปเกรดโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัยสูงอย่างลึกลับไปจนถึงฐานทัพทหารห่างไกลที่เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติเตียงพยาบาล

    เตียงพยาบาลเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง ดังนั้นทีมของทรัมป์จึงเตรียม “แพทย์ควอนตัม” ไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในวงกว้างทันทีที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เซสชันการใช้เตียงพยาบาลแต่ละครั้งจะปรับให้เข้ากับเครื่องหมายทางพันธุกรรมและสรีรวิทยาเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง

    แผนของทรัมป์รวมถึงศูนย์เตียงพยาบาลที่เป็นอิสระจากโรงพยาบาลทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยหลีกเลี่ยงการควบคุมการดูแลสุขภาพของบริษัทยาขนาดใหญ่ ศูนย์เหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่จงรักภักดีซึ่งไม่เพียงแต่จะดูแลเตียงเท่านั้น แต่ยังปกป้องเตียงเหล่านี้จากความพยายามทำลายล้างของรัฐบาลลึกอีกด้วย

    นอกเหนือจากการรักษาแล้ว เตียงทางการแพทย์ยังมีส่วนประกอบทางปัญญาที่สามารถฟื้นคืนความทรงจำ เพิ่มความชัดเจนทางจิตใจ และปลดล็อกความสามารถที่ถูกกดขี่ ทำลายการปรับสภาพจิตใจที่ทำให้ผู้คนอยู่ในระเบียบ เมื่อประชาชนมองเห็นความจริงเบื้องหลังคำโกหกเหล่านี้ โครงสร้างการควบคุมก็จะพังทลายลง

    เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง เตียงทางการแพทย์จะเปิดให้บริการทั่วประเทศ โดยหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากด้วยคำสั่งของฝ่ายบริหาร และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ นี่คือการปฏิวัติที่ชนชั้นนำกลัวที่สุด อาณาจักรของบริษัทยาขนาดใหญ่กำลังจะพังทลาย และโลกที่เรารู้จักจะเปลี่ยนไปตลอดกาล

    การนับถอยหลังได้เริ่มต้นขึ้น เตียงทางการแพทย์พร้อมแล้ว และการเลือกตั้งซ้ำของทรัมป์คือขั้นตอนสุดท้ายในการปลดปล่อยเราทุกคน
    ..ข่าวคือข่าว (ถ้าจริง มาไทยแล้วยังนะ น่าจะพร้อมกับเรือussมั้ยนะ ข่าวแววๆว่ากำลังติดตั้งในจังหวัดเราที่ดังๆ อาทิ เชียงใหม่ภาคเหนือก็ว่า,เท็จหรือจริงมิทราบ,แต่ทรัมป์จะชนะนี้รับรู้มานานแล้ว,เพราะทรัมป์คุมเกมส์มาตลอดไง.นาโนเองล้วนๆนะ) .. ทรัมป์ 2024: ผู้ปฏิบัติงานเตียงแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมพร้อมที่จะนำเทคโนโลยีการรักษาด้วยควอนตัมมาใช้กับประชาชนทุกคน – ความลับที่เปลี่ยนชีวิตซึ่งไบเดนและรัฐบาลเงาปิดบังไว้อย่างสิ้นหวัง! เตียงแพทย์ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องจักรขั้นสูงเท่านั้น แต่ยังเป็นเทคโนโลยีปฏิวัติวงการที่ใช้การรักษาด้วยควอนตัมซึ่งชนชั้นสูงได้ทุ่มเงินหลายพันล้านเพื่อซ่อนไว้จากสาธารณชน อุปกรณ์เหล่านี้โต้ตอบกับร่างกายในระดับควอนตัม ฟื้นฟูเซลล์และย้อนกลับโรค การแก่ชรา และแม้แต่ความผิดปกติทางพันธุกรรม เตียงแพทย์แต่ละเตียงทำงานโดยสร้างสนามความถี่สูงที่สั่นสะเทือนกับดีเอ็นเอของมนุษย์ ปรับแต่งเซลล์ที่เสียหายให้กลับสู่สภาพเดิมที่แข็งแรง ลองนึกภาพการย้อนกลับโรคภัยไข้เจ็บหรือบาดแผลทางจิตใจหลายปีในเวลาเพียงไม่กี่นาทีสิ! เทคโนโลยีนี้ขับเคลื่อนด้วยการคำนวณควอนตัมขั้นสูงและพลังงานจุดศูนย์ ซึ่งใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่รัฐบาลเงาจำแนกไว้มานานหลายทศวรรษ ทำไมพวกเขาถึงเก็บซ่อนมันเอาไว้? ง่ายๆ เลย: บริษัทเวชภัณฑ์ขนาดใหญ่เติบโตได้จากความเจ็บป่วย หากสาธารณชนรู้เกี่ยวกับเตียงแพทย์ อุตสาหกรรมยาที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์จะล่มสลายในชั่วข้ามคืน ไบเดนในฐานะหุ่นเชิดของกลุ่มคนชั้นสูงไม่มีเจตนาที่จะให้เทคโนโลยีนี้เข้าถึงคนทั่วไป ทรัมป์รู้เรื่องนี้ดี นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมแม้แต่ในช่วงการบริหารของไบเดน เขาก็ยังดำเนินการอย่างลับๆ โดยติดตั้งเตียงพยาบาลในแผนกที่ “กำลังก่อสร้าง” ของโรงพยาบาลที่เลือกไว้และสถานที่ทางทหาร เพื่อไม่ให้ถูกสายตาของกลุ่มรัฐลึกลับจับจ้อง ป้ายบอกทางมีอยู่ทุกที่ ตั้งแต่การอัปเกรดโรงพยาบาลที่มีความปลอดภัยสูงอย่างลึกลับไปจนถึงฐานทัพทหารห่างไกลที่เตรียมพร้อมสำหรับการปฏิวัติเตียงพยาบาล เตียงพยาบาลเหล่านี้ต้องได้รับการฝึกอบรมเฉพาะทาง ดังนั้นทีมของทรัมป์จึงเตรียม “แพทย์ควอนตัม” ไว้เป็นความลับ ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้ปฏิบัติงานที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว ซึ่งจะพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในวงกว้างทันทีที่ทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เซสชันการใช้เตียงพยาบาลแต่ละครั้งจะปรับให้เข้ากับเครื่องหมายทางพันธุกรรมและสรีรวิทยาเฉพาะของผู้ป่วยแต่ละคน ทำให้เทคโนโลยีนี้เป็นการรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแท้จริง แผนของทรัมป์รวมถึงศูนย์เตียงพยาบาลที่เป็นอิสระจากโรงพยาบาลทั่วไป เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนสามารถเข้าถึงได้ โดยหลีกเลี่ยงการควบคุมการดูแลสุขภาพของบริษัทยาขนาดใหญ่ ศูนย์เหล่านี้จะมีเจ้าหน้าที่ที่จงรักภักดีซึ่งไม่เพียงแต่จะดูแลเตียงเท่านั้น แต่ยังปกป้องเตียงเหล่านี้จากความพยายามทำลายล้างของรัฐบาลลึกอีกด้วย นอกเหนือจากการรักษาแล้ว เตียงทางการแพทย์ยังมีส่วนประกอบทางปัญญาที่สามารถฟื้นคืนความทรงจำ เพิ่มความชัดเจนทางจิตใจ และปลดล็อกความสามารถที่ถูกกดขี่ ทำลายการปรับสภาพจิตใจที่ทำให้ผู้คนอยู่ในระเบียบ เมื่อประชาชนมองเห็นความจริงเบื้องหลังคำโกหกเหล่านี้ โครงสร้างการควบคุมก็จะพังทลายลง เมื่อทรัมป์กลับมาดำรงตำแหน่ง เตียงทางการแพทย์จะเปิดให้บริการทั่วประเทศ โดยหลีกเลี่ยงขั้นตอนที่ยุ่งยากด้วยคำสั่งของฝ่ายบริหาร และให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ นี่คือการปฏิวัติที่ชนชั้นนำกลัวที่สุด อาณาจักรของบริษัทยาขนาดใหญ่กำลังจะพังทลาย และโลกที่เรารู้จักจะเปลี่ยนไปตลอดกาล การนับถอยหลังได้เริ่มต้นขึ้น เตียงทางการแพทย์พร้อมแล้ว และการเลือกตั้งซ้ำของทรัมป์คือขั้นตอนสุดท้ายในการปลดปล่อยเราทุกคน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้แต่ไบเดนยังสนับสนุนทรัมป์ในตอนท้าย... ตอนนี้ถึงเวลาทิ้งขยะแล้ว...

    เจ้าหน้าที่รัฐลึกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวาระสงครามโลกครั้งที่ 3 แผนก่อการร้าย หรือแม้แต่ความพยายามลอบสังหารทรัมป์ จะต้องถูกกำจัดทันที... ซีไอเอ เอฟบีไอ เอ็นเอสเอ เพนตากอน ดีเอชเอส ต้องถูกกำจัดทั้งหมด... รวมถึงผู้สนับสนุนพลเรือนอย่างเช่น บิล โอบามา และฮิลลารี...
    แม้แต่ไบเดนยังสนับสนุนทรัมป์ในตอนท้าย... ตอนนี้ถึงเวลาทิ้งขยะแล้ว... เจ้าหน้าที่รัฐลึกทุกคนที่เกี่ยวข้องกับวาระสงครามโลกครั้งที่ 3 แผนก่อการร้าย หรือแม้แต่ความพยายามลอบสังหารทรัมป์ จะต้องถูกกำจัดทันที... ซีไอเอ เอฟบีไอ เอ็นเอสเอ เพนตากอน ดีเอชเอส ต้องถูกกำจัดทั้งหมด... รวมถึงผู้สนับสนุนพลเรือนอย่างเช่น บิล โอบามา และฮิลลารี...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • โควิดตัวสมบูรณ์ หลุด จากห้องปฏิบัติการในอู่ฮั่นจากการพัฒนาวัคซีนโดยได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐ และ EcoHealth alliance
    หลักฐาน ความเกี่ยวพัน สถานที่ เวลาการเกิด ระยะเวลาแรกที่เกิด ลักษณะสมบูรณ์แบบ ของตัวไวรัส ที่เข้ามนุษย์และติดต่อคนสู่คนได้ตั้งแต่ต้น ไม่พบหลักฐานในสัตว์ และอื่นๆ

    ความเชื่อมโยง องค์กร EcoHealth alliance ในสหรัฐ ความพยายามกลบเกลื่อน ป้ายสี นักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามให้ข้อมูลต่าง ที่ไม่สนับสนุนการเกิดตามธรรมชาติ

    รายงาน ฉบับเต็ม ทางweb link เดือน มกราคม 2023
    และอธิบายอย่างชัดเจนสรุป จาก YouTube
    ทำให้ต้องยุติการเอาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่ามาตัดต่อพันธุกรรมทำให้ติดมนุษย์ได้ง่ายขึ้นและเกิดโรค

    https://www.documentcloud.org/documents/23780776-mwg-fdr-document-04-16-23
    โควิดตัวสมบูรณ์ หลุด จากห้องปฏิบัติการในอู่ฮั่นจากการพัฒนาวัคซีนโดยได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐ และ EcoHealth alliance หลักฐาน ความเกี่ยวพัน สถานที่ เวลาการเกิด ระยะเวลาแรกที่เกิด ลักษณะสมบูรณ์แบบ ของตัวไวรัส ที่เข้ามนุษย์และติดต่อคนสู่คนได้ตั้งแต่ต้น ไม่พบหลักฐานในสัตว์ และอื่นๆ ความเชื่อมโยง องค์กร EcoHealth alliance ในสหรัฐ ความพยายามกลบเกลื่อน ป้ายสี นักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามให้ข้อมูลต่าง ที่ไม่สนับสนุนการเกิดตามธรรมชาติ รายงาน ฉบับเต็ม ทางweb link เดือน มกราคม 2023 และอธิบายอย่างชัดเจนสรุป จาก YouTube ทำให้ต้องยุติการเอาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่ามาตัดต่อพันธุกรรมทำให้ติดมนุษย์ได้ง่ายขึ้นและเกิดโรค https://www.documentcloud.org/documents/23780776-mwg-fdr-document-04-16-23
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts