• 83 ปี ไทยเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ประกาศรบ "อังกฤษ-อเมริกา"

    เมื่อย้อนเวลากลับไป 83 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อรัฐบาลไทยในขณะนั้น นำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ในบริบทของสงครามโลก ครั้งที่สอง เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบ ในช่วงเวลานั้น แต่ยังมีผลต่ออนาคตทางการเมือง และการทูตของประเทศไทย อย่างมหาศาล

    การรุกรานของญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง
    วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นได้เริ่มบุกประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบก ในหลายพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสงขลา การรุกรานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรบในแปซิฟิก ของญี่ปุ่น ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีพม่า (ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ) ผ่านเส้นทางประเทศไทย

    รัฐบาลไทยในขณะนั้น ซึ่งนำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เลือกที่จะยอมให้ญี่ปุ่น ใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย หลังจากกองกำลังทหารไทย ต่อต้านได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง การตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อ หลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ในสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ

    การร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น
    หลังจากยินยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนเพื่อเคลื่อนทัพ ไทยได้ลงนามใน สัญญาพันธมิตรกับญี่ปุ่น โดยหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ เช่น การได้คืนพื้นที่บางส่วนของไทย ที่เคยเสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ ไทรบุรี ปะลิส ตรังกานู กลันตัน และพื้นที่ในแคว้นไทยใหญ่ เช่น เชียงตุงและเมืองพาน

    อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกับญี่ปุ่น นำไปสู่ความขัดแย้งภายในรัฐบาล เนื่องจากบุคคลสำคัญบางคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งทำให้เกิด ขบวนการเสรีไทย ในเวลาต่อมา

    25 มกราคม 2485: ประกาศสงคราม
    รัฐบาลของจอมพล ป. ตัดสินใจประกาศสงครามกับ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า ทั้งสองประเทศ ได้ทำการรุกรานไทย เช่น การโจมตีทางอากาศ และการระดมยิงราษฎร

    ในคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทย มีข้อความอ้างถึง ความเสียหายที่ไทยได้รับ จากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษว่า

    “ไทยถูกโจมตีทางอากาศ 30 ครั้ง และโจมตีทางบกถึง 36 ครั้ง ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม”

    แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ตอบโต้ ด้วยการประกาศสงครามกับไทย แต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าไทย เป็นดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นครอบครอง

    ขบวนการเสรีไทย ความหวังของชาติ
    หลังจากรัฐบาลไทย ประกาศสงคราม มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และก่อตั้ง "ขบวนการเสรีไทย" เพื่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น

    ผู้นำสำคัญ ของขบวนการเสรีไทย ในต่างประเทศ ได้แก่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ในเวลานั้น ได้ปฏิเสธที่จะยื่นคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐฯ และประกาศตัดขาด จากรัฐบาลกรุงเทพฯ พร้อมร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างเปิดเผย

    ผลกระทบหลังสงคราม
    หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง สิ้นสุดในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ไทยได้รับผลกระทบ น้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความพยายาม ของขบวนการเสรีไทย ที่ช่วยให้ประเทศไทย สามารถเจรจาต่อรอง สถานะของตนเอง กับฝ่ายสัมพันธมิตร

    - วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยเจรจาเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษ
    - วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ไทยเลิกสถานะสงครามกับฝรั่งเศส

    บทเรียนจากประวัติศาสตร์
    การเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย สะท้อนถึงความท้าทาย ทางการเมืองระหว่างประเทศ ในยุคที่ประเทศเล็กๆ ต้องรับมือกับอิทธิพล ของชาติมหาอำนาจ ไทยในยุคนั้น ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์ ที่ไม่มีทางเลือกที่ดี อย่างแท้จริง

    คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย
    1. ทำไมไทยถึงยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง?
    ไทยไม่สามารถต่อต้าน กำลังพลของญี่ปุ่นได้ เนื่องจากมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างมาก การยอมรับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น จึงเป็นทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง

    2. ขบวนการเสรีไทย มีบทบาทสำคัญอย่างไร?
    ขบวนการเสรีไทย ช่วยประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น และยังมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้ไทย รอดพ้นจากการถูกลงโทษ หลังสงคราม

    3. สหรัฐอเมริกาถือว่าไทยเป็นศัตรู ในสงครามโลก ครั้งที่สองหรือไม่?
    สหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศสงครามกับไทย และมองว่าไทย เป็นประเทศที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ของญี่ปุ่น

    4. การประกาศสงครามของไทย มีผลกระทบอย่างไรบ้าง?
    การประกาศสงคราม ทำให้ไทยถูกโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตร และสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งภายในและต่างประเทศ

    การประกาศสงคราม ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง การดิ้นรนของไทย ในยุคที่มหาอำนาจ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้ว่าประเทศไทย จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การดำเนินงานของขบวนการเสรีไทย และการเจรจาหลังสงคราม ได้ช่วยฟื้นฟูสถานภาพของไทย ในเวทีโลก

    🎖️ “เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยในอนาคต” 🎖️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 250803 ม.ค. 2568

    #สงครามโลกครั้งที่สอง #ไทยในสงครามโลก #เสรีไทย #จอมพลปพิบูลสงคราม #การประกาศสงคราม #ประวัติศาสตร์ไทย #WWII #ThaiHistory #FreeThai #ThailandWWII









    83 ปี ไทยเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ประกาศรบ "อังกฤษ-อเมริกา" เมื่อย้อนเวลากลับไป 83 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 นับเป็นเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ไทย เมื่อรัฐบาลไทยในขณะนั้น นำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศสงครามกับ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ในบริบทของสงครามโลก ครั้งที่สอง เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบ ในช่วงเวลานั้น แต่ยังมีผลต่ออนาคตทางการเมือง และการทูตของประเทศไทย อย่างมหาศาล การรุกรานของญี่ปุ่น จุดเริ่มต้นความขัดแย้ง วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 ญี่ปุ่นได้เริ่มบุกประเทศไทย โดยยกพลขึ้นบก ในหลายพื้นที่ริมฝั่งอ่าวไทย เช่น ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และสงขลา การรุกรานครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนการรบในแปซิฟิก ของญี่ปุ่น ซึ่งมีเป้าหมายโจมตีพม่า (ขณะนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ) ผ่านเส้นทางประเทศไทย รัฐบาลไทยในขณะนั้น ซึ่งนำโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เลือกที่จะยอมให้ญี่ปุ่น ใช้เส้นทางผ่านประเทศไทย หลังจากกองกำลังทหารไทย ต่อต้านได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง การตัดสินใจครั้งนี้ มีเป้าหมายเพื่อ หลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ และปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ในสถานการณ์ที่กำลังเสียเปรียบ การร่วมมือระหว่างไทยและญี่ปุ่น หลังจากยินยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนเพื่อเคลื่อนทัพ ไทยได้ลงนามใน สัญญาพันธมิตรกับญี่ปุ่น โดยหวังที่จะได้รับผลประโยชน์ เช่น การได้คืนพื้นที่บางส่วนของไทย ที่เคยเสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ ไทรบุรี ปะลิส ตรังกานู กลันตัน และพื้นที่ในแคว้นไทยใหญ่ เช่น เชียงตุงและเมืองพาน อย่างไรก็ตาม การร่วมมือกับญี่ปุ่น นำไปสู่ความขัดแย้งภายในรัฐบาล เนื่องจากบุคคลสำคัญบางคน เช่น นายปรีดี พนมยงค์ และ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งทำให้เกิด ขบวนการเสรีไทย ในเวลาต่อมา 25 มกราคม 2485: ประกาศสงคราม รัฐบาลของจอมพล ป. ตัดสินใจประกาศสงครามกับ อังกฤษและสหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่า ทั้งสองประเทศ ได้ทำการรุกรานไทย เช่น การโจมตีทางอากาศ และการระดมยิงราษฎร ในคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทย มีข้อความอ้างถึง ความเสียหายที่ไทยได้รับ จากการโจมตีทางอากาศของอังกฤษว่า “ไทยถูกโจมตีทางอากาศ 30 ครั้ง และโจมตีทางบกถึง 36 ครั้ง ระหว่างวันที่ 8 ธันวาคม ถึง 20 มกราคม” แต่ในทางปฏิบัติ สหรัฐอเมริกาไม่ได้ตอบโต้ ด้วยการประกาศสงครามกับไทย แต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ถือว่าไทย เป็นดินแดนที่ถูกญี่ปุ่นครอบครอง ขบวนการเสรีไทย ความหวังของชาติ หลังจากรัฐบาลไทย ประกาศสงคราม มีคนไทยกลุ่มหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล และก่อตั้ง "ขบวนการเสรีไทย" เพื่อร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น ผู้นำสำคัญ ของขบวนการเสรีไทย ในต่างประเทศ ได้แก่ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช ซึ่งดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ในเวลานั้น ได้ปฏิเสธที่จะยื่นคำประกาศสงคราม ของรัฐบาลไทยต่อสหรัฐฯ และประกาศตัดขาด จากรัฐบาลกรุงเทพฯ พร้อมร่วมมือกับฝ่ายสัมพันธมิตร อย่างเปิดเผย ผลกระทบหลังสงคราม หลังสงครามโลก ครั้งที่สอง สิ้นสุดในวันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ไทยได้รับผลกระทบ น้อยกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากความพยายาม ของขบวนการเสรีไทย ที่ช่วยให้ประเทศไทย สามารถเจรจาต่อรอง สถานะของตนเอง กับฝ่ายสัมพันธมิตร - วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยเจรจาเลิกสถานะสงครามกับอังกฤษ - วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2489 ไทยเลิกสถานะสงครามกับฝรั่งเศส บทเรียนจากประวัติศาสตร์ การเข้าร่วมสงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย สะท้อนถึงความท้าทาย ทางการเมืองระหว่างประเทศ ในยุคที่ประเทศเล็กๆ ต้องรับมือกับอิทธิพล ของชาติมหาอำนาจ ไทยในยุคนั้น ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์ ที่ไม่มีทางเลือกที่ดี อย่างแท้จริง คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับเหตุการณ์สงครามโลก ครั้งที่สอง ของไทย 1. ทำไมไทยถึงยอมให้ญี่ปุ่น ใช้ดินแดนในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง? ไทยไม่สามารถต่อต้าน กำลังพลของญี่ปุ่นได้ เนื่องจากมีกำลังพลน้อยกว่าอย่างมาก การยอมรับข้อเรียกร้องของญี่ปุ่น จึงเป็นทางเลือก เพื่อหลีกเลี่ยงความเสียหายร้ายแรง 2. ขบวนการเสรีไทย มีบทบาทสำคัญอย่างไร? ขบวนการเสรีไทย ช่วยประสานงานกับฝ่ายสัมพันธมิตร ในการต่อต้านญี่ปุ่น และยังมีบทบาทสำคัญ ในการช่วยให้ไทย รอดพ้นจากการถูกลงโทษ หลังสงคราม 3. สหรัฐอเมริกาถือว่าไทยเป็นศัตรู ในสงครามโลก ครั้งที่สองหรือไม่? สหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศสงครามกับไทย และมองว่าไทย เป็นประเทศที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพล ของญี่ปุ่น 4. การประกาศสงครามของไทย มีผลกระทบอย่างไรบ้าง? การประกาศสงคราม ทำให้ไทยถูกโจมตีทางอากาศ จากฝ่ายสัมพันธมิตร และสร้างความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งภายในและต่างประเทศ การประกาศสงคราม ในวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 เป็นเหตุการณ์ที่สะท้อนถึง การดิ้นรนของไทย ในยุคที่มหาอำนาจ กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้ว่าประเทศไทย จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่การดำเนินงานของขบวนการเสรีไทย และการเจรจาหลังสงคราม ได้ช่วยฟื้นฟูสถานภาพของไทย ในเวทีโลก 🎖️ “เรียนรู้ประวัติศาสตร์ เพื่อไม่ให้ซ้ำรอยในอนาคต” 🎖️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 250803 ม.ค. 2568 #สงครามโลกครั้งที่สอง #ไทยในสงครามโลก #เสรีไทย #จอมพลปพิบูลสงคราม #การประกาศสงคราม #ประวัติศาสตร์ไทย #WWII #ThaiHistory #FreeThai #ThailandWWII
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 292 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฮามาสไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือจิตวิญญาณ" อิสราเอลไม่ได้ทำลายฮามาสแม้แต่น้อย

    ภาพสมาชิกกลุ่มฮามาสออกมาเฉลิมฉลองบนถนนร่วมกับชาวปาเลสไตน์ในคานยูนิส ทางตอนใต้ของกาซาอย่างเปิดเผยท่ามกลางเสียงเชียร์จากพลเรือน

    สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ตลอดระยะเวลา 471 วัน หรือประมาณ 15 เดือน การโจมตีทำลายทุกอย่างในกาซา ไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติของพลเมืองที่มีต่อฮามาสไปแม้แต่น้อย

    สิ่งเดียวที่เราทุกคนเห็นเหมือนกันคือสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลาย จำนวนเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง จากฝีมือของกองกำลังอิสราเอล

    ตั้งแต่ช่วงเริ่มการประกาศสงครามของเนทันยาฮู หลายประเทศรวมทั้งอเมริกาออกมาเตือนอิสราเอลว่าการทำลายชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ได้ทำให้ฮามาสสูญสิ้นไป เวลานี้คำพูดเหล่านั้นมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเนทันยาฮูไม่ได้รับอะไรกลับคืนมา นอกจากข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อมนุษยชาติในกาซา

    "ฮามาสไม่ใช่สถานที่ แต่มันคือจิตวิญญาณ" อิสราเอลไม่ได้ทำลายฮามาสแม้แต่น้อย ภาพสมาชิกกลุ่มฮามาสออกมาเฉลิมฉลองบนถนนร่วมกับชาวปาเลสไตน์ในคานยูนิส ทางตอนใต้ของกาซาอย่างเปิดเผยท่ามกลางเสียงเชียร์จากพลเรือน สิ่งนี้บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ตลอดระยะเวลา 471 วัน หรือประมาณ 15 เดือน การโจมตีทำลายทุกอย่างในกาซา ไม่ได้เปลี่ยนทัศนคติของพลเมืองที่มีต่อฮามาสไปแม้แต่น้อย สิ่งเดียวที่เราทุกคนเห็นเหมือนกันคือสิ่งปลูกสร้างที่ถูกทำลาย จำนวนเหยื่อผู้บริสุทธิ์ที่เสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง จากฝีมือของกองกำลังอิสราเอล ตั้งแต่ช่วงเริ่มการประกาศสงครามของเนทันยาฮู หลายประเทศรวมทั้งอเมริกาออกมาเตือนอิสราเอลว่าการทำลายชีวิตและทรัพย์สิน ไม่ได้ทำให้ฮามาสสูญสิ้นไป เวลานี้คำพูดเหล่านั้นมันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเนทันยาฮูไม่ได้รับอะไรกลับคืนมา นอกจากข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ต่อมนุษยชาติในกาซา
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺 ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า "มีการประกาศสงครามกับโลกของรัสเซียแล้ววันนี้"
    .
    JUST IN: 🇷🇺 President Putin says "War has been declared on the Russian world today."
    .
    11:34 PM · Dec 20, 2024 · 3.6M Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1870145851055608276
    🇷🇺 ประธานาธิบดีปูติน กล่าวว่า "มีการประกาศสงครามกับโลกของรัสเซียแล้ววันนี้" . JUST IN: 🇷🇺 President Putin says "War has been declared on the Russian world today." . 11:34 PM · Dec 20, 2024 · 3.6M Views https://x.com/BRICSinfo/status/1870145851055608276
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ประกาศตอกย้ำเอาไว้อีกครั้ง ว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” กำลังใกล้นำพาประเทศอเมริกาเข้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าว่ากันโดยคำพูดแบบ “คำต่อคำ” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสำนักข่าวต่างๆ ก็คือ... “เรากำลังมีปัญหา ที่ทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลเอาจริงๆ ต่อเหตุการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผมกังวลว่าเราอาจต้องจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่” หรือถึงขั้นถ้าตัวเองเกิดชนะเลือกตั้งขึ้นมา มีแต่ต้อง “ลงมืออย่างเร่งด่วนและด้วยความรวดเร็ว...ถึงจะช่วยปกปักรักษาประเทศอเมริกา ช่วยกอบกู้ประชาชนชาวแคลิฟอร์เนียให้พ้นไปจากเงื้อมมือของพรรคการเมืองตรงกันข้าม ด้วยการหยุดสงครามยูเครน ยุติความสับสนอลหม่านในตะวันออกกลาง และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้จงได้!!!” นี่...เป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นจริง-เป็นจัง ไปได้ถึงขั้นนั้น...

    เหตุที่ “ทรัมป์บ้า” ต้องนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาพูดจาหาเสียงกันอีกครั้ง แม้ว่าเคยพูดจาทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน มันออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น...หนังสือพิมพ์ “The Washington Post” เขาได้นำเสนอรายงานข่าวเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.) ว่าประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “โจ ซึมเซา” ได้บอกกับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ให้ไป “เตือนอิหร่าน” ว่าความพยายามลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” นั้น เท่ากับเป็นการ “ประกาศสงคราม” กับอเมริกา อันอาจถือเป็นการแสดงความห่วงใย ความต้องการปกป้องชาวอเมริกัน แม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองก็ตาม แต่ปัญหามีอยู่ว่า...ทำไมการคิดลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มันดันถูกโยงไปยังคู่กัด-คู่อาฆาตของอเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล เช่นประเทศอิหร่านจนได้??? ทั้งที่น่าจะเป็น “คนละเรื่อง” แท้ๆ...

    ส่วนที่อาจเกี่ยวข้องอยู่บ้างนิดๆ ก็คือ...กรณีเกิดการลอบสังหารผู้นำทางทหารอิหร่าน อย่าง “พลเอกQassem Soleimani” เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2020 อันเป็นช่วงเดียวกับที่ “ทรัมป์บ้า” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจมีส่วนรับทราบ รู้เห็นต่อการกระทำเช่นนี้ แต่นั่นก็ยากที่จะนำมาเกี่ยวข้องโยงใยกับบรรดา “ผู้ต้องหา” หรือ “มือปืน” ที่พยายามลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” คราวแล้ว คราวเล่า ซึ่งออกจะหนักไปทางพวก “สาวกเดโมแครต” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับมุสลิม อิสลาม หรือกับอิหร่านด้วยเลย อีกทั้งในคำประกาศแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่านต่อกรณีดังกล่าว ก็ดูจะเน้นหนักไปในทาง “ยุทธศาสตร์” ไม่ได้คิดจะอาศัยเพียงแค่ “ยุทธวิธี” แบบโง่ๆ-ง่ายๆ หรือมุ่งที่คิดจะเสือกไสไล่ส่ง บรรดาทหารอเมริกาทั้งมวลไม่ให้เหลือติดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางแม้แต่รายเดียว...อะไรประมาณนั้น...

    และก็แน่ล่ะว่า...ทางการอิหร่านเขาได้ออกมาปฏิเสธแบบหัวเด็ด-ตีนขาด ต่อ “ข้อกล่าวหา” เรื่องคิดจะลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาแล้วตั้งแต่ต้น หรือตั้งแต่ถูก “ยิงเฉี่ยวหู” เมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายNasser Kanaani” ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าอิหร่านไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย และ “สิ่งที่อิหร่านต้องการก็คือการอาศัยการกระทำที่ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนรู้เห็น รับผิดชอบ การลอบสังหารพลเอกSoleimani” ด้วยเหตุนี้การนำเอาเรื่องการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาเกี่ยวโยงกับอิหร่าน หรือมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ในการ “ประกาศสงคราม” ของอเมริกา มันเลยออกจะคล้ายๆ การประกาศสงครามกับ “ซัดดัม ฮุสเซน” แห่งอิรัก อันเนื่องมาจากมี “อาวุธทำลายล้าง” อยู่ในครอบครอง อะไรทำนองนั้น คือแม้จะมาจาก “การข่าว” ใดๆ ก็เถอะ แต่หนักไปทาง “ข่าวลวง-ข่าวลือ” ที่หาหลักฐาน-ข้อพิสูจน์ใดๆ แทบไม่ได้ ชนิดเผลอๆ... “ทรัมป์บ้า” อาจต้อง “ตายฟรี” พร้อมๆ กับการเปิดฉากสงครามกับอิหร่าน แบบยิงปืนนัดเดียวนกหล่นลงมาทั้งพวง เอาเลยก็ไม่แน่!!!

    การโยงเอาอิหร่านกับการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” ให้กลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ถึงขั้นที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง “โจ ซึมเซา” ถึงกับออกมาประกาศว่าเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรงกับอเมริกา” ขณะที่พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลก็กำลังกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะแก้แค้น-เอาคืนกับอิหร่านเต็มที โดยหวังจะฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาเข้ามาร่วมรุมถล่มอิหร่านอีกด้วยต่างหาก อันอาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังที่ “ทรัมป์บ้า” ออกมาแสดงความวิตกกังวลในเวทีปราศรัยคราวล่าสุด อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยชักจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างแทบไม่น่าเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อจนได้...

    เพราะแม้ว่าอเมริกาภายใต้การนำของ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะเรียก พยายามแสดงท่าทีภายนอกว่าไม่อยากเห็นสงครามในตะวันออกกลาง ไม่ว่าอิสราเอลกับฮามาส กับเฮซบอลเลาะห์หรือกับอิหร่านก็ตามที แต่โดยความเคลื่อนไหวลึกๆ ลงไปแล้ว มันออกจะขัดแย้งและสวนทางกับการแสดงออกภายนอกอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าการมุ่ง “เติมเงิน-เติมอาวุธ” ให้กับรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลแบบไม่ได้คิดยับยั้งชั่งใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้บรรดาประเทศต่างๆ นับเป็นร้อยๆ ต่างออกมาตำหนิประณามอิสราเอล คราวแล้ว-คราวเล่า ไม่ว่าเรื่องการประกาศให้เลขาธิการยูเอ็นเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติโดยใคร่ครวญเอาไว้ก่อน รวมทั้งการมุ่งหน้า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่คิดจะยั้งมือ ฯลฯ แต่บรรดาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ผู้สนับสนุนอิสราเอลแบบ “มากกว่าประธานาธิบดีอเมริกันรายใดเท่าที่เคยมีมา” ดังที่ผู้ประกาศตัวเป็น “Zionist” อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ได้ออกมาอวดโชว์คุณสมบัติของตัวเอง เกิดอาการคิดหน้า-คิดหลังต่อการสนับสนุนอิสราเอลแต่อย่างใด แต่กลับพร้อมที่จะกระพือฮือโหม “ไฟสงคราม”

    ไม่ว่าในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือตะวันออกกลาง อย่างเป็นระบบและกิจการ...

    ล่าสุด...เห็นว่ากำลังคิดจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “THAAD” ที่ว่ากันว่าสามารถสกัดกั้นการโจมตีจากจรวดที่มีความเร็วระดับ Mach 7.5 ไปให้กับอิสราเอล แถม “พลตรีPat Ryder” โฆษกเพนตากอนแสดงท่าทีว่าคิดจะส่งกำลังทหารอเมริกาและอังกฤษเพิ่มเติมเข้าไปในตะวันออกกลาง ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) รวมทั้งผู้บัญชาการ “CENTCOM” (The Commander of the US Central Command) “พลเอกMichale Kurilla” ยังอุตส่าห์ถ่อไปถึงประเทศอิสราเอลเพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือกับกองทัพอิสราเอลในการวางแผนโจมตีอิหร่านอีกต่างหาก อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” อาจระเบิดเถิดเทิงขึ้นในอีก “ไม่กี่เดือนข้างหน้า” จนส่งผลให้ “ทรัมป์บ้า” อดไม่ได้ต้องออกมาแสดงความวิตกกังวล ขณะปราศรัยหาเสียง ณ เวทีแคลิฟอร์เนีย...

    โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตาม ที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุด ของอดีตทูตอินเดีย “M.K. Bhadrakumar” เรื่อง “Russia aligns with Iran, war cloud scatter” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะพอมองเห็นถึง “ความเป็นไปได้” ของ “อภิมหาสงคราม” อันเนื่องมาจากการบ่งชี้ถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางความมั่นคงระหว่าง “อิหร่าน-รัสเซีย” หรือที่เรียกๆ กันว่า “The Big Treaty” ที่อาจทำให้การโจมตีอิหร่านย่อมหมายถึงการเผชิญหน้าโดยตรงกับคุณน้ารัสเซียควบคู่ไปด้วย และคงไม่ต่างอะไรไปจากคุณพี่จีนที่นักยุทธศาสตร์การทหารของจีนเขาเคยพูดๆ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ว่าจีนพร้อมที่จะปกป้องอิหร่าน...แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที...

    ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้...เลยคงต้องขออนุญาตแนะนำให้ลองไปหาอ่านข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดของ “นายRon Paul” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส และผู้เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกามาแล้ว 3 ครั้ง ว่าด้วยเรื่อง “American Neocons Get Their Iran War as Congress Sleeps” หรือในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสอเมริกันกำลังนอนหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่นั้น พวก “ขวาใหม่” หรือพวก “Neoconservative” ในอเมริกา อันเต็มไปด้วยลูกหลานชาวยิวยุ่มย่ามยั้วเยี้ยไปหมด อีกทั้งยังมีบทบาทอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกันในแทบทุกยุค-ทุกสมัยกำลังประสบความสำเร็จในการฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาต้องเปิดศึกสงครามกับอิหร่านจนได้ โดยย้ำให้เห็นว่า...สงครามเช่นนี้แทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ ต่อชาวอเมริกันและประเทศอเมริกาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุเพราะ... “เรา(ชาวอเมริกัน)กำลังเดินละเมอไปสู่สงครามแห่งกลียุค ที่ถูกกล่อมเกลาโดยการโฆษณาของบรรดาสื่อมวลชน อันจะมีผลให้ผู้คนนับพันๆ ล้านต้องประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และผู้บริสุทธิ์อีกมากกว่านั้นจะต้องสูญเสียชีวิตไปกับความบ้าคลั่งแห่งสงคราม...”

    ในบทความชิ้นนี้ยังได้สรุปไว้ในตอนท้ายอย่างน่าคิดสะกิดใจเอามากๆ ด้วยข้อความที่ว่า... “มากกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่เรายังคงไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนแห่งเหตุการณ์ 9/11 เมื่อเราออกไปสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับผู้คนนอกประเทศที่ไม่เคยทำร้ายอะไรเราเลย นั่นก็คือเราได้สร้าง...ศัตรู ผู้ที่คิดจะแก้แค้น-เอาคืน หรือนั่นก็คือเราได้ทำร้ายตัวเราเอง เราสร้างความเสี่ยงให้กับการโต้กลับ ด้วยเหตุนี้...ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านและปฏิเสธสงครามที่กำลังใกล้เข้ามา นับตั้งแต่...เดี๋ยวนี้!!!” นี่...เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ว่าจะ “ฟัง...แล้วได้ยิน” ต่อคำเตือนของอดีตนักการเมืองรายนี้หรือไม่? อย่างไร? นั่นแล...

    ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/daily/detail/9670000100145

    #Thaitimes
    ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอย่าง “ทรัมป์บ้า” ได้ประกาศตอกย้ำเอาไว้อีกครั้ง ว่าภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” กำลังใกล้นำพาประเทศอเมริกาเข้าสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกแค่ไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าว่ากันโดยคำพูดแบบ “คำต่อคำ” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสำนักข่าวต่างๆ ก็คือ... “เรากำลังมีปัญหา ที่ทำให้ผมรู้สึกวิตกกังวลเอาจริงๆ ต่อเหตุการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผมกังวลว่าเราอาจต้องจบลงด้วยสงครามโลกครั้งที่ 3 ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลที่กำลังเป็นอยู่” หรือถึงขั้นถ้าตัวเองเกิดชนะเลือกตั้งขึ้นมา มีแต่ต้อง “ลงมืออย่างเร่งด่วนและด้วยความรวดเร็ว...ถึงจะช่วยปกปักรักษาประเทศอเมริกา ช่วยกอบกู้ประชาชนชาวแคลิฟอร์เนียให้พ้นไปจากเงื้อมมือของพรรคการเมืองตรงกันข้าม ด้วยการหยุดสงครามยูเครน ยุติความสับสนอลหม่านในตะวันออกกลาง และป้องกันไม่ให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ให้จงได้!!!” นี่...เป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นจริง-เป็นจัง ไปได้ถึงขั้นนั้น... เหตุที่ “ทรัมป์บ้า” ต้องนำเอาเรื่องราวเหล่านี้มาพูดจาหาเสียงกันอีกครั้ง แม้ว่าเคยพูดจาทำนองนี้มาแล้วหลายครั้งหลายหน มันออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านั้น...หนังสือพิมพ์ “The Washington Post” เขาได้นำเสนอรายงานข่าวเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 ต.ค.) ว่าประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “โจ ซึมเซา” ได้บอกกับที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ให้ไป “เตือนอิหร่าน” ว่าความพยายามลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” นั้น เท่ากับเป็นการ “ประกาศสงคราม” กับอเมริกา อันอาจถือเป็นการแสดงความห่วงใย ความต้องการปกป้องชาวอเมริกัน แม้จะเป็นคู่แข่งทางการเมืองของตัวเองก็ตาม แต่ปัญหามีอยู่ว่า...ทำไมการคิดลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มันดันถูกโยงไปยังคู่กัด-คู่อาฆาตของอเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล เช่นประเทศอิหร่านจนได้??? ทั้งที่น่าจะเป็น “คนละเรื่อง” แท้ๆ... ส่วนที่อาจเกี่ยวข้องอยู่บ้างนิดๆ ก็คือ...กรณีเกิดการลอบสังหารผู้นำทางทหารอิหร่าน อย่าง “พลเอกQassem Soleimani” เมื่อช่วงเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2020 อันเป็นช่วงเดียวกับที่ “ทรัมป์บ้า” ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี และอาจมีส่วนรับทราบ รู้เห็นต่อการกระทำเช่นนี้ แต่นั่นก็ยากที่จะนำมาเกี่ยวข้องโยงใยกับบรรดา “ผู้ต้องหา” หรือ “มือปืน” ที่พยายามลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” คราวแล้ว คราวเล่า ซึ่งออกจะหนักไปทางพวก “สาวกเดโมแครต” นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ได้เกี่ยวกับมุสลิม อิสลาม หรือกับอิหร่านด้วยเลย อีกทั้งในคำประกาศแก้แค้น-เอาคืนของอิหร่านต่อกรณีดังกล่าว ก็ดูจะเน้นหนักไปในทาง “ยุทธศาสตร์” ไม่ได้คิดจะอาศัยเพียงแค่ “ยุทธวิธี” แบบโง่ๆ-ง่ายๆ หรือมุ่งที่คิดจะเสือกไสไล่ส่ง บรรดาทหารอเมริกาทั้งมวลไม่ให้เหลือติดอยู่ในภูมิภาคตะวันออกกลางแม้แต่รายเดียว...อะไรประมาณนั้น... และก็แน่ล่ะว่า...ทางการอิหร่านเขาได้ออกมาปฏิเสธแบบหัวเด็ด-ตีนขาด ต่อ “ข้อกล่าวหา” เรื่องคิดจะลอบฆ่า ลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาแล้วตั้งแต่ต้น หรือตั้งแต่ถูก “ยิงเฉี่ยวหู” เมื่อช่วงกรกฎาคมที่ผ่านมา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน “นายNasser Kanaani” ได้ออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่าอิหร่านไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย และ “สิ่งที่อิหร่านต้องการก็คือการอาศัยการกระทำที่ถูกต้องตามตัวบทกฎหมายต่อผู้ที่มีส่วนรู้เห็น รับผิดชอบ การลอบสังหารพลเอกSoleimani” ด้วยเหตุนี้การนำเอาเรื่องการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” มาเกี่ยวโยงกับอิหร่าน หรือมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ในการ “ประกาศสงคราม” ของอเมริกา มันเลยออกจะคล้ายๆ การประกาศสงครามกับ “ซัดดัม ฮุสเซน” แห่งอิรัก อันเนื่องมาจากมี “อาวุธทำลายล้าง” อยู่ในครอบครอง อะไรทำนองนั้น คือแม้จะมาจาก “การข่าว” ใดๆ ก็เถอะ แต่หนักไปทาง “ข่าวลวง-ข่าวลือ” ที่หาหลักฐาน-ข้อพิสูจน์ใดๆ แทบไม่ได้ ชนิดเผลอๆ... “ทรัมป์บ้า” อาจต้อง “ตายฟรี” พร้อมๆ กับการเปิดฉากสงครามกับอิหร่าน แบบยิงปืนนัดเดียวนกหล่นลงมาทั้งพวง เอาเลยก็ไม่แน่!!! การโยงเอาอิหร่านกับการลอบสังหาร “ทรัมป์บ้า” ให้กลายเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ถึงขั้นที่ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอย่าง “โจ ซึมเซา” ถึงกับออกมาประกาศว่าเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรงกับอเมริกา” ขณะที่พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลก็กำลังกระเหี้ยนกระหือรือ อยากจะแก้แค้น-เอาคืนกับอิหร่านเต็มที โดยหวังจะฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาเข้ามาร่วมรุมถล่มอิหร่านอีกด้วยต่างหาก อันอาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ “สงครามโลกครั้งที่ 3” อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังที่ “ทรัมป์บ้า” ออกมาแสดงความวิตกกังวลในเวทีปราศรัยคราวล่าสุด อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยชักจะเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” อย่างแทบไม่น่าเชื่อแต่ก็คงต้องเชื่อจนได้... เพราะแม้ว่าอเมริกาภายใต้การนำของ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะเรียก พยายามแสดงท่าทีภายนอกว่าไม่อยากเห็นสงครามในตะวันออกกลาง ไม่ว่าอิสราเอลกับฮามาส กับเฮซบอลเลาะห์หรือกับอิหร่านก็ตามที แต่โดยความเคลื่อนไหวลึกๆ ลงไปแล้ว มันออกจะขัดแย้งและสวนทางกับการแสดงออกภายนอกอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ไม่ว่าการมุ่ง “เติมเงิน-เติมอาวุธ” ให้กับรัฐบาลและกองทัพอิสราเอลแบบไม่ได้คิดยับยั้งชั่งใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย แม้บรรดาประเทศต่างๆ นับเป็นร้อยๆ ต่างออกมาตำหนิประณามอิสราเอล คราวแล้ว-คราวเล่า ไม่ว่าเรื่องการประกาศให้เลขาธิการยูเอ็นเป็น “บุคคลไม่พึงปรารถนา” การโจมตีกองกำลังรักษาสันติภาพของสหประชาชาติโดยใคร่ครวญเอาไว้ก่อน รวมทั้งการมุ่งหน้า “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์อย่างไม่คิดจะยั้งมือ ฯลฯ แต่บรรดาสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลให้ผู้สนับสนุนอิสราเอลแบบ “มากกว่าประธานาธิบดีอเมริกันรายใดเท่าที่เคยมีมา” ดังที่ผู้ประกาศตัวเป็น “Zionist” อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” ได้ออกมาอวดโชว์คุณสมบัติของตัวเอง เกิดอาการคิดหน้า-คิดหลังต่อการสนับสนุนอิสราเอลแต่อย่างใด แต่กลับพร้อมที่จะกระพือฮือโหม “ไฟสงคราม” ไม่ว่าในแนวรบยุโรปตะวันออก หรือตะวันออกกลาง อย่างเป็นระบบและกิจการ... ล่าสุด...เห็นว่ากำลังคิดจะส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศ “THAAD” ที่ว่ากันว่าสามารถสกัดกั้นการโจมตีจากจรวดที่มีความเร็วระดับ Mach 7.5 ไปให้กับอิสราเอล แถม “พลตรีPat Ryder” โฆษกเพนตากอนแสดงท่าทีว่าคิดจะส่งกำลังทหารอเมริกาและอังกฤษเพิ่มเติมเข้าไปในตะวันออกกลาง ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (13 ต.ค.) รวมทั้งผู้บัญชาการ “CENTCOM” (The Commander of the US Central Command) “พลเอกMichale Kurilla” ยังอุตส่าห์ถ่อไปถึงประเทศอิสราเอลเพื่อแสดงออกถึงความร่วมมือกับกองทัพอิสราเอลในการวางแผนโจมตีอิหร่านอีกต่างหาก อันนี้นี่แหละ...เลยทำให้สิ่งที่เรียกว่า “สงครามโลกครั้งที่ 3” อาจระเบิดเถิดเทิงขึ้นในอีก “ไม่กี่เดือนข้างหน้า” จนส่งผลให้ “ทรัมป์บ้า” อดไม่ได้ต้องออกมาแสดงความวิตกกังวล ขณะปราศรัยหาเสียง ณ เวทีแคลิฟอร์เนีย... โดยเฉพาะสำหรับใครก็ตาม ที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุด ของอดีตทูตอินเดีย “M.K. Bhadrakumar” เรื่อง “Russia aligns with Iran, war cloud scatter” ที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไปเมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะพอมองเห็นถึง “ความเป็นไปได้” ของ “อภิมหาสงคราม” อันเนื่องมาจากการบ่งชี้ถึงการบรรลุข้อตกลงความร่วมมือทางความมั่นคงระหว่าง “อิหร่าน-รัสเซีย” หรือที่เรียกๆ กันว่า “The Big Treaty” ที่อาจทำให้การโจมตีอิหร่านย่อมหมายถึงการเผชิญหน้าโดยตรงกับคุณน้ารัสเซียควบคู่ไปด้วย และคงไม่ต่างอะไรไปจากคุณพี่จีนที่นักยุทธศาสตร์การทหารของจีนเขาเคยพูดๆ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ว่าจีนพร้อมที่จะปกป้องอิหร่าน...แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที... ภายใต้บรรยากาศเช่นนี้...เลยคงต้องขออนุญาตแนะนำให้ลองไปหาอ่านข้อเขียน บทความชิ้นล่าสุดของ “นายRon Paul” อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรัฐเท็กซัส และผู้เคยลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกามาแล้ว 3 ครั้ง ว่าด้วยเรื่อง “American Neocons Get Their Iran War as Congress Sleeps” หรือในขณะที่สมาชิกสภาคองเกรสอเมริกันกำลังนอนหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่นั้น พวก “ขวาใหม่” หรือพวก “Neoconservative” ในอเมริกา อันเต็มไปด้วยลูกหลานชาวยิวยุ่มย่ามยั้วเยี้ยไปหมด อีกทั้งยังมีบทบาทอิทธิพลต่อรัฐบาลอเมริกันในแทบทุกยุค-ทุกสมัยกำลังประสบความสำเร็จในการฉุดกระชากลากถูให้อเมริกาต้องเปิดศึกสงครามกับอิหร่านจนได้ โดยย้ำให้เห็นว่า...สงครามเช่นนี้แทบไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โพดผลใดๆ ต่อชาวอเมริกันและประเทศอเมริกาเอาเลยแม้แต่น้อย แต่ด้วยเหตุเพราะ... “เรา(ชาวอเมริกัน)กำลังเดินละเมอไปสู่สงครามแห่งกลียุค ที่ถูกกล่อมเกลาโดยการโฆษณาของบรรดาสื่อมวลชน อันจะมีผลให้ผู้คนนับพันๆ ล้านต้องประสบกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และผู้บริสุทธิ์อีกมากกว่านั้นจะต้องสูญเสียชีวิตไปกับความบ้าคลั่งแห่งสงคราม...” ในบทความชิ้นนี้ยังได้สรุปไว้ในตอนท้ายอย่างน่าคิดสะกิดใจเอามากๆ ด้วยข้อความที่ว่า... “มากกว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่เรายังคงไม่ได้เรียนรู้จากบทเรียนแห่งเหตุการณ์ 9/11 เมื่อเราออกไปสร้างความฉิบหายวายวอดให้กับผู้คนนอกประเทศที่ไม่เคยทำร้ายอะไรเราเลย นั่นก็คือเราได้สร้าง...ศัตรู ผู้ที่คิดจะแก้แค้น-เอาคืน หรือนั่นก็คือเราได้ทำร้ายตัวเราเอง เราสร้างความเสี่ยงให้กับการโต้กลับ ด้วยเหตุนี้...ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องลุกขึ้นมาคัดค้านและปฏิเสธสงครามที่กำลังใกล้เข้ามา นับตั้งแต่...เดี๋ยวนี้!!!” นี่...เป็นไปได้-เป็นไปไม่ได้ อันนี้คงต้องขึ้นอยู่กับบรรดาอเมริกันชนทั้งหลาย ว่าจะ “ฟัง...แล้วได้ยิน” ต่อคำเตือนของอดีตนักการเมืองรายนี้หรือไม่? อย่างไร? นั่นแล... ที่มา ผู้จัดการออนไลน์ https://mgronline.com/daily/detail/9670000100145 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    อีกไม่เกิน 3 เดือน...สงครามโลกครั้งที่ 3???
    ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องแวะไปดู “เลือกตั้งอเมริกา” ไว้สักหน่อยแล้วล่ะทั่น!!! เพราะไม่เพียงเขาจะเลือกกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า (5 พ.ย.) แต่เห็นว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรครีพับลิกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า”
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 662 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว
    .
    เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง
    .
    ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้
    .
    ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม
    .
    ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก
    .
    ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว
    .
    เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
    .
    เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้
    .
    กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
    .
    ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก
    .
    ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598
    ..............
    Sondhi X
    เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม . เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว . เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว . เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง . ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้ . ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม . ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก . ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว . เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย . เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้ . กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน . ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก . ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1277 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยพวกเขาพร้อมเต็มพิกัดสำหรับการตอบโต้ หลังเกาหลีเหนือสั่งการทหารตามแนวชายแดนให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากยิง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นอย่างฉับพลันในคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโซลส่งโดรนบินไปถึงกรุงเปียงยางเมื่อเร็วๆนี้
    .
    เกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวหาโซลส่งโดรนบินเหนือเมืองหลวงของพวกเขา เพื่อปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยข่าวลือที่อันเป็นเท็จและไร้สาระ พร้อมเตือนในวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าพวกเขาจะพิจารณาว่ามันเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม หากว่ามีการตรวจพบโดรนอีกรอบ
    .
    กองทัพเกาหลีใต้ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดรนเหล่านั้น ในขณะที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ ดำเนินการมาช้านานในการส่งโฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา ส่วนใหญ่ผ่านการปล่อยลูกโป่ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือ
    .
    แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด
    .
    อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือยืนยันว่าโซลต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และแถลงในช่วงเย็นวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าได้สั่งการให้กองพันทหารปืนใหญ่ 8 กองพัน ที่เตรียมตัวสำหรับทำสงครามอยู่ก่อนแล้ว "ให้พร้อมอย่างเต็มพิกัดในการเปิดฉากยิง" และเสริมกำลังตามป้อมสังเกตการณ์ทางอากาศในกรุงเปียงยาง
    .
    "กองทัพของเรากำลังจับตาสถานการณ์และพร้อมอย่างเต็มกำลัง" โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้กล่าวระหว่างแถลงข่าว
    .
    ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือ รายงานว่าท่านผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมด้านความมั่นคงแห่งชาติในวันจันทร์(14ต.ค.) พร้อมสั่งการให้วางแผนหนึ่งๆ สำหรับปฏิบติการทางทหารในทันที ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น
    .
    การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงเปียงยาง และมีบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของประเทศเข้าร่วม ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพและเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐและกระทรวงกลาโหม
    .
    เปียงยางอ้างว่าโดรนโฆษณาชวนเชื่อแทรกซึมเข้ามาในน่านฟ้าเมืองหลวงของพวกเขาถึง 3 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ คิม จองอึน ขุ่เกาหลีใต้ว่าจะต้องเจอกับหายนะอันน่าสยดสยองหากไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าว
    .
    เสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ในวันจันทร์(14ต.ค.) ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่ากองทัพโซลอยู่เบื้องหลังการส่งโดรนข้ามชายแดน แต่เรียกคำกล่าวหาของเกาหลีเหนือว่า "น่าละอาย"
    .
    "เกาหลีเหนือไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของโดรนลำหนึ่งเหนือน่านฟ้าเปียงยางได้ด้วยซ้ำ แต่กลับมากล่าวโทษเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันพวกเขาปิดปากเงียบ กรณีที่วางโดรนมุ่งหน้ามาทางทิศใต้มาแล้วกว่า 10 รอบ" โฆษกเสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุ
    .
    ในวันจันทร์(14ต.ค.) กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยด้วยว่าดูเหมือนเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการระเบิดถนนสายต่างๆที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังจากเปียงยางบอกว่าพวกเขาจะปิดผนึกชายแดน
    .
    กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ขณะที่โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ สันนิษฐานว่าการระเบิดถนนน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์(14ต.ค.)
    .
    กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับโดรน อาจเป็นความพยายามของเกาหลีเหนือในการยกระดับความเป็นหนึ่งเดียวกันภายชาติ ขณะเดียวกันเกาหลีเหนืออาจกำลังมองหาข้ออ้างสำหรับ "ก่อการยั่วยุ สร้างความหวาดวิตกและความสับสนในสังคมของเรา"
    .
    อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งมองว่าผู้อยู่เบื้องหลังโดรนดังกล่าวน่าจะเป็นพวกนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ มากว่าที่จะเป็นการจัดฉากของเกาหลีเหนือ เพราะว่าในถ้อยแถลงของเปียงยาง อีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามาตรการคุ้มกันทางอากาศของพวกเขานั้นมีช่องโหว่
    .
    "แม้กระทั่งหากมันเป็นความพยายามจัดฉากของพวกเขา มันเท่ากับเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างมากในน่านฟ้าต่างๆของตนเอง" ยาง อุค นักวิจัยจากสถาบันเอเชียเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว
    .
    ตระกูลคิม พึ่งพิงการควบคุมข้อมูลข่าวสารโดยสิ้นเชิงเพื่อรักษาอำนาจไว้ โดยที่ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและข้อมูลข่าวสารจากภายนอก "หากการส่งข้อมูลผ่านโดรนกลายเป็นกิจกรรมที่เป็นปกติมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเกาหลีเหนือ" ยาง กล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099223
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยพวกเขาพร้อมเต็มพิกัดสำหรับการตอบโต้ หลังเกาหลีเหนือสั่งการทหารตามแนวชายแดนให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากยิง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นอย่างฉับพลันในคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโซลส่งโดรนบินไปถึงกรุงเปียงยางเมื่อเร็วๆนี้ . เกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวหาโซลส่งโดรนบินเหนือเมืองหลวงของพวกเขา เพื่อปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยข่าวลือที่อันเป็นเท็จและไร้สาระ พร้อมเตือนในวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าพวกเขาจะพิจารณาว่ามันเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม หากว่ามีการตรวจพบโดรนอีกรอบ . กองทัพเกาหลีใต้ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดรนเหล่านั้น ในขณะที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ ดำเนินการมาช้านานในการส่งโฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา ส่วนใหญ่ผ่านการปล่อยลูกโป่ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือ . แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด . อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือยืนยันว่าโซลต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และแถลงในช่วงเย็นวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าได้สั่งการให้กองพันทหารปืนใหญ่ 8 กองพัน ที่เตรียมตัวสำหรับทำสงครามอยู่ก่อนแล้ว "ให้พร้อมอย่างเต็มพิกัดในการเปิดฉากยิง" และเสริมกำลังตามป้อมสังเกตการณ์ทางอากาศในกรุงเปียงยาง . "กองทัพของเรากำลังจับตาสถานการณ์และพร้อมอย่างเต็มกำลัง" โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้กล่าวระหว่างแถลงข่าว . ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือ รายงานว่าท่านผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมด้านความมั่นคงแห่งชาติในวันจันทร์(14ต.ค.) พร้อมสั่งการให้วางแผนหนึ่งๆ สำหรับปฏิบติการทางทหารในทันที ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น . การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงเปียงยาง และมีบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของประเทศเข้าร่วม ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพและเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐและกระทรวงกลาโหม . เปียงยางอ้างว่าโดรนโฆษณาชวนเชื่อแทรกซึมเข้ามาในน่านฟ้าเมืองหลวงของพวกเขาถึง 3 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ คิม จองอึน ขุ่เกาหลีใต้ว่าจะต้องเจอกับหายนะอันน่าสยดสยองหากไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าว . เสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ในวันจันทร์(14ต.ค.) ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่ากองทัพโซลอยู่เบื้องหลังการส่งโดรนข้ามชายแดน แต่เรียกคำกล่าวหาของเกาหลีเหนือว่า "น่าละอาย" . "เกาหลีเหนือไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของโดรนลำหนึ่งเหนือน่านฟ้าเปียงยางได้ด้วยซ้ำ แต่กลับมากล่าวโทษเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันพวกเขาปิดปากเงียบ กรณีที่วางโดรนมุ่งหน้ามาทางทิศใต้มาแล้วกว่า 10 รอบ" โฆษกเสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุ . ในวันจันทร์(14ต.ค.) กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยด้วยว่าดูเหมือนเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการระเบิดถนนสายต่างๆที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังจากเปียงยางบอกว่าพวกเขาจะปิดผนึกชายแดน . กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ขณะที่โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ สันนิษฐานว่าการระเบิดถนนน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์(14ต.ค.) . กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับโดรน อาจเป็นความพยายามของเกาหลีเหนือในการยกระดับความเป็นหนึ่งเดียวกันภายชาติ ขณะเดียวกันเกาหลีเหนืออาจกำลังมองหาข้ออ้างสำหรับ "ก่อการยั่วยุ สร้างความหวาดวิตกและความสับสนในสังคมของเรา" . อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งมองว่าผู้อยู่เบื้องหลังโดรนดังกล่าวน่าจะเป็นพวกนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ มากว่าที่จะเป็นการจัดฉากของเกาหลีเหนือ เพราะว่าในถ้อยแถลงของเปียงยาง อีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามาตรการคุ้มกันทางอากาศของพวกเขานั้นมีช่องโหว่ . "แม้กระทั่งหากมันเป็นความพยายามจัดฉากของพวกเขา มันเท่ากับเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างมากในน่านฟ้าต่างๆของตนเอง" ยาง อุค นักวิจัยจากสถาบันเอเชียเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว . ตระกูลคิม พึ่งพิงการควบคุมข้อมูลข่าวสารโดยสิ้นเชิงเพื่อรักษาอำนาจไว้ โดยที่ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและข้อมูลข่าวสารจากภายนอก "หากการส่งข้อมูลผ่านโดรนกลายเป็นกิจกรรมที่เป็นปกติมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเกาหลีเหนือ" ยาง กล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099223 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1065 มุมมอง 0 รีวิว
  • 01-10-67/01 : หมี CNN / "สัปยุทธ์ทะลุฟ้า" พลิกตำราไม่ทัน! กลยุทธเหนือเมฆ บีบจนเหี้ยนายใหญ่ต้องออกตัว! อย่าลืมน่ะ อีไก่งวง จีน โสมแดง คิวบา แอฟริกาใต้ ยังไม่ออกโรง? ตัวละครลับยังมีมาไม่สิ้นสุด อสรพิษ NATO ไส้ศึก หนอนบ่อนไส้ ยังไม่เปิดตัว ทุกอย่างรอ "คบไฟ โอลิมปัส" มาถึงก่อน ใครก้าวพลาด จะถูกรุมประณาม แล้วถูกโดดเดี่ยวจากโลกตลอดกาล ขั้วใหม่ไม่เร่งรีบ เพราะเป็นฝ่ายนำไปไกลโขอยู่ ส่วนเหี้ยไม่มีอะไรจะเสีย เพราะเสียหมาไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เวลาเห็นข่าวสารรอบโลก ให้จำเอาไว้ว่า สคริปต์มาจากที่เดียวกันทั้งหมด นั่นคือ "REUTER" ซึ่งออกจากเตา เขียนบทโดยวอชิงตัน ดังนั้น เคยเชื่อตรงกันข้ามในสิ่งที่เห็นได้ยิน นั่นคือ "บรรลุธรรม" แล้วจ๊ะ ไม่ต้องแปลเยอะ อะไรที่เหี้ยทำ แอบอ้าง แล้วฝ่ายตรงกันข้ามออกมายอมรับ นั่นให้จำเอาไว้ว่า "ผิดปกติ" ยามศึก ไม่มีใครเล่นหน้าเดียวดอกน่ะ แผนซ้อนแผนมีมาเป็น 1000 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ โลกยุคใหม่ตามโซเชี่ยล มันปั่นหัวคนง่ายดาย แค่ใช้สติ ลองคิดเองว่า หากอียิวมันฆ่าได้จริง ผู้นำทั่วโลกที่เป็นศัตรูมันมาเป็น 100 ปี คงตายห่ากันหมดโลกแล้ว เรื่องมาแดงตอน ปีเดียว ชิงกันตายห่า 3-4 คน พร้อมกัน ถามจริง "มันง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?" มรึงคิดว่าอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เยเมน ที่ไล่ขย่มเหี้ยยิวทุกวันนี้ มันจะไม่รู้ว่าอียิวมีของอะไรบ้าง? อาวุธเหี้ยมะกันเต็มคลังแสง เค้าอ่านมันออกหมดนานแล้ว ว่ามรึงจะใช้อะไร ทำยังไง? ไอ้ที่คุยระเบิดบังเกอร์ห่าเหวเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องใหม่ มรึงใช้มาตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถานแล้ว สื่อยิวตีข่าวปั่นควาย เพราะควายไม่รู้ว่า ใต้ดินของโลกอาหรับ มันลึกมากกว่านั้นเยอะ หาไม่แล้ว พวกมรึงคงฆ่าฮามาสตายห่าหมดไปนานแล้ว ยิงเป็น 100 ลูก ยังเข้าไม่ถึงเลย เพราะมันลึก และซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ไม่มีใครชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องแม่นยำ กว่าจะยิงถึง มรึงก็ถูกสกัดก่อนแล้ว ทั้งหมดคือแผนตบตา ก็เหมือนไรซี ขึ้นฮอ 2 ครั้งติดไงล่ะ โปรดสังเกตุ การตายของผู้นำ ล้วนเกิดจากภายในแผ่นดินตัวเองทั้งสิ้น หรือชาติพันธมิตร นั่นแปลว่า มันจัดฉากง่ายไงล่ะ? ก็เหมือนผีพริโกซินจะตายห่าที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมาตายเฉพาะในแผ่นดินรัสเซียเท่านั้น? มรึงโดนต้มเปื่อยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ความจำสั้นกันจัง เหมือนตอนรถถัง WAGNER ก่อกบฎ สื่อตีกันมันส์หยด แล้วเสียหมาทุกเจ้าไงล่ะ? WAGNER ไปโผล่เบลารุสเฉย แผนการมันมี ไม่มีอะไรง่ายดายขนาดนั้นดอก ไม่งั้น อิหร่านเชือดอียิวเหี้ยตายห่าไปนานแล้ว ไอ้ที่รอ คือรอทั้งโลกลงแขก? ชนะแบบไหนกันล่ะ ถึงเรียกว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริง! ไม่มีฟื้น! อัพเดท สถานการณ์ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่าย ประเมินกำลังกันพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ชาวยิวอพยพหนีตายออกจากตอนเหนือหมดแล้ว นั่นคือสัญญานสงครามเต็มรูปแบบ ขณะที่ตอนกลาง ทั้งเทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม ถูกนวดรายวัน อ่อนยวบไปเยอะ สนามบินพัง คลังแสงระเบิด ตึกบัญชาการอีมดสัดหาย ทำไมฮามาส จะไม่รู้ ว่าอียิวเหี้ย มันสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยใต้ดินไว้ที่ไหน? ใครชำนาญเป็นขอมดำดินมากกว่ากันล่ะ? ใครขุดใต้ดินให้อียิว ก็เชลยชาวปาเลสไตน์ทั้งนั้น เค้ามีนกรู้ สายลับสอดไส้คาราเมลทั้ง 2 ฝั่ง รู้ไส้ รู้พุงกันดี การจะฆ่าผู้นำอีกฝั่ง มันไม่ง่ายดายดอก การตายของคาเมเนอีในเบื้องหน้า มรึงดูเอาไว้เลย เพื่อส่งไม้ต่อให้ลูกชายคนโตชัดเจน แถวบ้านเรียก "วางมือ" แล้วจะเป็นการประกาศสงครามใหญ่ทันที ทุกอย่างมันมีแผนการรองรับทั้งหมด ไม่ใช่เดินมั่วซั่ว ผู้นำทุกคนที่แกล้งตายไป คือเดินออกจากเกมส์นี้ เพื่อไปอยู่เบื้องหลัง ชงต่อให้มือสังหารตัวจริงเข้ามาทำหน้าที่ เหตุผลคือ 1.กระแสล้างแค้น 2.ชี้ให้โลกเห็นเต็ม 2 ตา ใครคือก่อการร้ายโลกตัวจริง 3.สร้างความสามัคคีเป็นหมู่คณะในชาติมุสลิม 4.โยกย้ายเปลี่ยนฐานกำลังใหม่ แผนสับขาหลอก เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า ทำให้ศัตรูสับสน 5.หลักฐานเช็คบิลอียิว ทั้งในเวทีโลก และทั้งทวีป ส่งศาลโลกฟันซ้ำ ข้ามวิกแป๊บ : ชั่วแค่ไหน เหี้ยแค่ไหน ขายชาติแค่ไหน ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรม อีทนง จ่อเดินเข้าคุก คดีจำปีหอมหวานแดร๊กอร่อย เวลาเหี้ยมันทำเหี้ย มันสาแก่ใจ มันผยอง มันกร่างสุดติ่ง มรึงทุกข์ทรมานเหลือเกิน มรึงเจ็บช้ำน้ำใจเหลือหลาย แล้วเวลาพวกมันเดินเข้าคุก ในบั้นปลายชีวิตเนี่ย มรึงรู้มั้ยว่า "ทุกข์ยิ่งกว่า" ถั่วดำรอรับ ส้นตรีนรอเรียก หมาที่ไม่มีใครแล? แค่ระดับขี้ข้า ชดใช้กรรมไป ส่วนระดับนายใหญ่หนีอยู่แล้ว ยอมจ่ายหนักซื้อเวลาต่อชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องไปตายห่านอกแผ่นดินพ่อกู เพราะไม่ต้องมาเป็นเสนียดแผ่นดินไปตลอดกาลทั้งวงศ์ตระกูลอัปรีย์จัญไร เวลาเหี้ยมันทุกข์ มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดระแวงตลอดเวลา มันคงไม่มาบอกมรึงดอก? คนที่ยังหลงกับภาพมายา ไม่หลุดพ้นซักทีคือมีกรรม "เพราะดวงตายังไม่เห็นธรรม" จำเอาไว้ว่า คนลงโทษ ไม่ใช่มรึงหรือกู แต่เป็นสวรรค์ ไม่ว่าจะทางกฎหมาย ศาล หรือฟ้าดินลงโทษ เป็นมะเร็ง เอดส์ ตายห่า ก็เป็นวิถีแห่งสวรรค์เค้า บุญย่อมมี สะสมมาช้านาน เอามาเททิ้งชาตินี้ ชาติเดียว เพราะขาดสติ สนองตัณหาจนลืมตัว สรุปคือ "ไอ้พวกเหี้ยมันไม่คู่ควรให้มรึงกับกูต้องมานั่งทุกข์ใจแทนมันดอกน่ะ" แสงทำงานดีกว่าคน ปล่อยแสงดำเนินต่อไป ทุกอย่างมีกรอบเวลา กูเคยบอกไปแล้ว!

    ปล.ไม่สังเกตุบ้างเหรอ? ช่วงนี้ รัสเซีย จีน นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว รู้มั้ยว่า รัสเซียเขมือบแผ่นดินอียูเครนไปเท่าไหร่แล้ว กินรวบแบบไร้เสียง ไม่เป็นข่าว เพราะมันทะลวงง่าย ไม่มีใครต้าน หนีตายกันหมดแล้ว! ส่วนจีน นิ่งเป็น วางหมากล้อมเหี้ยไว้หมดทั้งแปซิฟิค เอเซียใต้ มรึงเข้ามารัศมี 3000 กม. ได้แดร๊กตงเฟิง FOR U แน่ ดีออก? อีปินส์ หายเข้ากลีบเมฆเฉย หลังรัสเซีย จีน อิหร่าน ซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ ตบขี้ข้าหางแถวเผ่นหางจุกตูด แค่เศษเสี้ยว อย่าริเสนอหน้ามาท้ากู อาเซียนไม่ยุ่ง ใครล้ำเส้นรับผิดชอบกันเอง? ทุกวันนี้ มีแต่โลกตอแหล เช้ามา เย็นมา อียิวถล่มอย่างงั้น อีเหี้ยมะกันสั่งลุยอย่างงี้ แต่โลกความเป็นจริง ข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คืออิสราเอลแตกแล้ว ชาวยิวกว่า 2 ล้านล่าสุด อพยพหนีตายหมดแล้ว เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม กลายเป็นสนามซ้อมยิงเป้าเช้าเย็น ไซเรนดังจนแบตหมด ดังยาวทั้งคืน ไม่มีดอกที่สื่อขี้ข้ายิวมันจะมาบอกเรื่องพวกนี้ ว่า "นายกู กำลังจะตายคาตรีน" ดีแต่ยิงข่าวปล่อย หลอกควายไปวันวัน ใครเชื่อ เขาก็งอกขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง? เคยบอกแล้วว่า สิ่งที่ตอแหลไม่ได้ คือให้ดูผลลัพธ์ ใครบุกใครอยู่ ใครเอาใครอยู่ ใครได้เปรียบกลศึกสงคราม ใครที่นำโลกอยู่เวลานี้? เมื่อโลกไม่มีดอลล่าร์ ยูโร เงินเยน อีก มรึงจะเดินต่อไปยังไง? ทุกอย่างขั้วใหม่เค้าวางแผนระยะยาวต่อไว้นานแล้ว ช่วงนี้ มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญ "ขั้วใหม่" พร้อมจะเด็ดหัวเหี้ยให้เด็ดขาดแล้วรึยัง? ไม่ใช่อยู่ที่อียิว เพราะเป็นฝ่ายตั้งรับ รอโดน หากจะแช่สงครามลากยาวปาหี่ไปจนถึงปีหน้า กูบอกได้เลย ตะวันตกไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้ว เพราะเครื่องบิน เดินเรือขนส่ง โลจิสติคโลก ถูกปิดเส้นทางลำเลียงสิ้นเพราะสงครามเป็นเหตุ กระทบทั้งโลก แต่เอเซียเฟื่องฟู เพราะมีทุกอย่าง พึ่งพาตัวเองได้ ทั้งโลกจึงต้องแห่มาขอร่วมเอเซียไงล่ะ ภาพใหญ่ที่จะเกิดจะมาทรงนี้ แนวทางการรบจะเริ่มเปลี่ยน ผู้คนเบื่อหน่าย ทหารตายฟรี ครอบครัวเดือดร้อน ทั้งโลกต่อต้านสงคราม ทั้งโลกต่อต้าน NATO ทั้งโลกไม่เอาอียิวสลัดหมา พ่วงอเมริกา อังกฤษ ขี้ข้าชิ่งหนีหายวับ 7 ตค. ผบตร.คนใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นายกฯ เลือกจริงแต่แต่งตั้งไม่ได้ ต้องผ่านกตร.เท่านั้น พลิกโผ บิ๊กต่ายล้างไพ่ ม้ามืดเทวดาชั้น 14 แห้วแดร๊ก แสงเริ่มเห็นชัด ล้างบางต้องมา ล้างเหี้ยต้องมี ตำหนวนเสียหมามาเป็นชาติแล้ว ถึงมือใหม่ ยุคใหม่ หัวต้องดีก่อน หางถึงจะกระดิกตาม จับตาดู การกระทำดีกว่าคำพูด! กระบวนการยุติธรรมต้นทางก็คือมรึงเนี่ยแหละ มีเหรอ ที่เบื้องบนจะไม่รู้ติ้นลึกหนาบาง ทุกอย่างเป็นไปตามมติสวรรค์ บทกลียุคมันเป็นภาคบังคับ กลียุคไม่มา โลกก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้ ทุกอย่างคือ "ภาพมายา"

    หมี CNN(อย่าต๊กกะใจ สิ่งใหม่กำลังจะเข้ามา การล้างบางสิ่งชั่วร้ายย่อมใช้เวลา เมื่อแสงทำงาน มันจะไปไวมาไวเสมอ ทุกเรื่องราวที่มรึงเจ็บช้ำน้ำใจ จะถูกปลดปล่อย ยามเมื่อแสงสีทองผ่องอำไพสาดส่องถึง พวกสัดนรกจะลงขุมนรกตามพ่อของมันไปอย่างรวดเร็ว มรึงเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้นทุกวันนี้ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ คนชั่วมันก็มีวิถีของมัน วิถีสวรรค์ก็มีหนทางของเค้าเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน บทละครพลิกได้ตลอดเวลา เพราะมันคือวิบากกรรมที่ทั้งโลกต้องชดใช้ กับการเพิกเฉยที่ผ่านมานับ 100 ปี จงดูอย่างใจสงบ เพราะไม่ว่าเรื่องมันจะหนักหนาซักแค่ไหน สุดท้าย "แล้วมันก็ผ่านไป" ดั่งชีวิตมรึงที่มีขึ้น มีลง นั่นแหละ ชั่ว 7 ที ดี 7 หน จำเอาไว้เพ่น้อง)
    01 ตุลาคม 67
    12.28 น. https://linevoom.line.me/post/1172777976310793878

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    01-10-67/01 : หมี CNN / "สัปยุทธ์ทะลุฟ้า" พลิกตำราไม่ทัน! กลยุทธเหนือเมฆ บีบจนเหี้ยนายใหญ่ต้องออกตัว! อย่าลืมน่ะ อีไก่งวง จีน โสมแดง คิวบา แอฟริกาใต้ ยังไม่ออกโรง? ตัวละครลับยังมีมาไม่สิ้นสุด อสรพิษ NATO ไส้ศึก หนอนบ่อนไส้ ยังไม่เปิดตัว ทุกอย่างรอ "คบไฟ โอลิมปัส" มาถึงก่อน ใครก้าวพลาด จะถูกรุมประณาม แล้วถูกโดดเดี่ยวจากโลกตลอดกาล ขั้วใหม่ไม่เร่งรีบ เพราะเป็นฝ่ายนำไปไกลโขอยู่ ส่วนเหี้ยไม่มีอะไรจะเสีย เพราะเสียหมาไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว เวลาเห็นข่าวสารรอบโลก ให้จำเอาไว้ว่า สคริปต์มาจากที่เดียวกันทั้งหมด นั่นคือ "REUTER" ซึ่งออกจากเตา เขียนบทโดยวอชิงตัน ดังนั้น เคยเชื่อตรงกันข้ามในสิ่งที่เห็นได้ยิน นั่นคือ "บรรลุธรรม" แล้วจ๊ะ ไม่ต้องแปลเยอะ อะไรที่เหี้ยทำ แอบอ้าง แล้วฝ่ายตรงกันข้ามออกมายอมรับ นั่นให้จำเอาไว้ว่า "ผิดปกติ" ยามศึก ไม่มีใครเล่นหน้าเดียวดอกน่ะ แผนซ้อนแผนมีมาเป็น 1000 ปี ไม่ใช่เรื่องใหม่ โลกยุคใหม่ตามโซเชี่ยล มันปั่นหัวคนง่ายดาย แค่ใช้สติ ลองคิดเองว่า หากอียิวมันฆ่าได้จริง ผู้นำทั่วโลกที่เป็นศัตรูมันมาเป็น 100 ปี คงตายห่ากันหมดโลกแล้ว เรื่องมาแดงตอน ปีเดียว ชิงกันตายห่า 3-4 คน พร้อมกัน ถามจริง "มันง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?" มรึงคิดว่าอิหร่าน อิรัก ซีเรีย เลบานอน ปาเลสไตน์ เยเมน ที่ไล่ขย่มเหี้ยยิวทุกวันนี้ มันจะไม่รู้ว่าอียิวมีของอะไรบ้าง? อาวุธเหี้ยมะกันเต็มคลังแสง เค้าอ่านมันออกหมดนานแล้ว ว่ามรึงจะใช้อะไร ทำยังไง? ไอ้ที่คุยระเบิดบังเกอร์ห่าเหวเนี่ย มันไม่ใช่เรื่องใหม่ มรึงใช้มาตั้งแต่สงครามอัฟกานิสถานแล้ว สื่อยิวตีข่าวปั่นควาย เพราะควายไม่รู้ว่า ใต้ดินของโลกอาหรับ มันลึกมากกว่านั้นเยอะ หาไม่แล้ว พวกมรึงคงฆ่าฮามาสตายห่าหมดไปนานแล้ว ยิงเป็น 100 ลูก ยังเข้าไม่ถึงเลย เพราะมันลึก และซับซ้อนกว่านั้นเยอะ ไม่มีใครชี้ตำแหน่งได้ถูกต้องแม่นยำ กว่าจะยิงถึง มรึงก็ถูกสกัดก่อนแล้ว ทั้งหมดคือแผนตบตา ก็เหมือนไรซี ขึ้นฮอ 2 ครั้งติดไงล่ะ โปรดสังเกตุ การตายของผู้นำ ล้วนเกิดจากภายในแผ่นดินตัวเองทั้งสิ้น หรือชาติพันธมิตร นั่นแปลว่า มันจัดฉากง่ายไงล่ะ? ก็เหมือนผีพริโกซินจะตายห่าที่ไหนก็ได้ แต่ต้องมาตายเฉพาะในแผ่นดินรัสเซียเท่านั้น? มรึงโดนต้มเปื่อยไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ความจำสั้นกันจัง เหมือนตอนรถถัง WAGNER ก่อกบฎ สื่อตีกันมันส์หยด แล้วเสียหมาทุกเจ้าไงล่ะ? WAGNER ไปโผล่เบลารุสเฉย แผนการมันมี ไม่มีอะไรง่ายดายขนาดนั้นดอก ไม่งั้น อิหร่านเชือดอียิวเหี้ยตายห่าไปนานแล้ว ไอ้ที่รอ คือรอทั้งโลกลงแขก? ชนะแบบไหนกันล่ะ ถึงเรียกว่าเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจริง! ไม่มีฟื้น! อัพเดท สถานการณ์ล่าสุด ทั้ง 2 ฝ่าย ประเมินกำลังกันพอหอมปากหอมคอกันแล้ว ชาวยิวอพยพหนีตายออกจากตอนเหนือหมดแล้ว นั่นคือสัญญานสงครามเต็มรูปแบบ ขณะที่ตอนกลาง ทั้งเทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม ถูกนวดรายวัน อ่อนยวบไปเยอะ สนามบินพัง คลังแสงระเบิด ตึกบัญชาการอีมดสัดหาย ทำไมฮามาส จะไม่รู้ ว่าอียิวเหี้ย มันสร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยใต้ดินไว้ที่ไหน? ใครชำนาญเป็นขอมดำดินมากกว่ากันล่ะ? ใครขุดใต้ดินให้อียิว ก็เชลยชาวปาเลสไตน์ทั้งนั้น เค้ามีนกรู้ สายลับสอดไส้คาราเมลทั้ง 2 ฝั่ง รู้ไส้ รู้พุงกันดี การจะฆ่าผู้นำอีกฝั่ง มันไม่ง่ายดายดอก การตายของคาเมเนอีในเบื้องหน้า มรึงดูเอาไว้เลย เพื่อส่งไม้ต่อให้ลูกชายคนโตชัดเจน แถวบ้านเรียก "วางมือ" แล้วจะเป็นการประกาศสงครามใหญ่ทันที ทุกอย่างมันมีแผนการรองรับทั้งหมด ไม่ใช่เดินมั่วซั่ว ผู้นำทุกคนที่แกล้งตายไป คือเดินออกจากเกมส์นี้ เพื่อไปอยู่เบื้องหลัง ชงต่อให้มือสังหารตัวจริงเข้ามาทำหน้าที่ เหตุผลคือ 1.กระแสล้างแค้น 2.ชี้ให้โลกเห็นเต็ม 2 ตา ใครคือก่อการร้ายโลกตัวจริง 3.สร้างความสามัคคีเป็นหมู่คณะในชาติมุสลิม 4.โยกย้ายเปลี่ยนฐานกำลังใหม่ แผนสับขาหลอก เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นที่ใหญ่กว่า สำคัญกว่า ทำให้ศัตรูสับสน 5.หลักฐานเช็คบิลอียิว ทั้งในเวทีโลก และทั้งทวีป ส่งศาลโลกฟันซ้ำ ข้ามวิกแป๊บ : ชั่วแค่ไหน เหี้ยแค่ไหน ขายชาติแค่ไหน ใหญ่คับฟ้าแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นบ่วงกรรม อีทนง จ่อเดินเข้าคุก คดีจำปีหอมหวานแดร๊กอร่อย เวลาเหี้ยมันทำเหี้ย มันสาแก่ใจ มันผยอง มันกร่างสุดติ่ง มรึงทุกข์ทรมานเหลือเกิน มรึงเจ็บช้ำน้ำใจเหลือหลาย แล้วเวลาพวกมันเดินเข้าคุก ในบั้นปลายชีวิตเนี่ย มรึงรู้มั้ยว่า "ทุกข์ยิ่งกว่า" ถั่วดำรอรับ ส้นตรีนรอเรียก หมาที่ไม่มีใครแล? แค่ระดับขี้ข้า ชดใช้กรรมไป ส่วนระดับนายใหญ่หนีอยู่แล้ว ยอมจ่ายหนักซื้อเวลาต่อชีวิต แต่สุดท้ายก็ต้องไปตายห่านอกแผ่นดินพ่อกู เพราะไม่ต้องมาเป็นเสนียดแผ่นดินไปตลอดกาลทั้งวงศ์ตระกูลอัปรีย์จัญไร เวลาเหี้ยมันทุกข์ มันกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หวาดระแวงตลอดเวลา มันคงไม่มาบอกมรึงดอก? คนที่ยังหลงกับภาพมายา ไม่หลุดพ้นซักทีคือมีกรรม "เพราะดวงตายังไม่เห็นธรรม" จำเอาไว้ว่า คนลงโทษ ไม่ใช่มรึงหรือกู แต่เป็นสวรรค์ ไม่ว่าจะทางกฎหมาย ศาล หรือฟ้าดินลงโทษ เป็นมะเร็ง เอดส์ ตายห่า ก็เป็นวิถีแห่งสวรรค์เค้า บุญย่อมมี สะสมมาช้านาน เอามาเททิ้งชาตินี้ ชาติเดียว เพราะขาดสติ สนองตัณหาจนลืมตัว สรุปคือ "ไอ้พวกเหี้ยมันไม่คู่ควรให้มรึงกับกูต้องมานั่งทุกข์ใจแทนมันดอกน่ะ" แสงทำงานดีกว่าคน ปล่อยแสงดำเนินต่อไป ทุกอย่างมีกรอบเวลา กูเคยบอกไปแล้ว! ปล.ไม่สังเกตุบ้างเหรอ? ช่วงนี้ รัสเซีย จีน นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว รู้มั้ยว่า รัสเซียเขมือบแผ่นดินอียูเครนไปเท่าไหร่แล้ว กินรวบแบบไร้เสียง ไม่เป็นข่าว เพราะมันทะลวงง่าย ไม่มีใครต้าน หนีตายกันหมดแล้ว! ส่วนจีน นิ่งเป็น วางหมากล้อมเหี้ยไว้หมดทั้งแปซิฟิค เอเซียใต้ มรึงเข้ามารัศมี 3000 กม. ได้แดร๊กตงเฟิง FOR U แน่ ดีออก? อีปินส์ หายเข้ากลีบเมฆเฉย หลังรัสเซีย จีน อิหร่าน ซ้อมรบร่วมกันครั้งใหญ่ ตบขี้ข้าหางแถวเผ่นหางจุกตูด แค่เศษเสี้ยว อย่าริเสนอหน้ามาท้ากู อาเซียนไม่ยุ่ง ใครล้ำเส้นรับผิดชอบกันเอง? ทุกวันนี้ มีแต่โลกตอแหล เช้ามา เย็นมา อียิวถล่มอย่างงั้น อีเหี้ยมะกันสั่งลุยอย่างงี้ แต่โลกความเป็นจริง ข้อเท็จจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คืออิสราเอลแตกแล้ว ชาวยิวกว่า 2 ล้านล่าสุด อพยพหนีตายหมดแล้ว เทลอาวีฟ ไฮฟา เยรูซาเล็ม กลายเป็นสนามซ้อมยิงเป้าเช้าเย็น ไซเรนดังจนแบตหมด ดังยาวทั้งคืน ไม่มีดอกที่สื่อขี้ข้ายิวมันจะมาบอกเรื่องพวกนี้ ว่า "นายกู กำลังจะตายคาตรีน" ดีแต่ยิงข่าวปล่อย หลอกควายไปวันวัน ใครเชื่อ เขาก็งอกขึ้นมา ก็เท่านั้นเอง? เคยบอกแล้วว่า สิ่งที่ตอแหลไม่ได้ คือให้ดูผลลัพธ์ ใครบุกใครอยู่ ใครเอาใครอยู่ ใครได้เปรียบกลศึกสงคราม ใครที่นำโลกอยู่เวลานี้? เมื่อโลกไม่มีดอลล่าร์ ยูโร เงินเยน อีก มรึงจะเดินต่อไปยังไง? ทุกอย่างขั้วใหม่เค้าวางแผนระยะยาวต่อไว้นานแล้ว ช่วงนี้ มันคือการตัดสินใจครั้งสำคัญ "ขั้วใหม่" พร้อมจะเด็ดหัวเหี้ยให้เด็ดขาดแล้วรึยัง? ไม่ใช่อยู่ที่อียิว เพราะเป็นฝ่ายตั้งรับ รอโดน หากจะแช่สงครามลากยาวปาหี่ไปจนถึงปีหน้า กูบอกได้เลย ตะวันตกไม่ต้องทำมาหาแดร๊กแล้ว เพราะเครื่องบิน เดินเรือขนส่ง โลจิสติคโลก ถูกปิดเส้นทางลำเลียงสิ้นเพราะสงครามเป็นเหตุ กระทบทั้งโลก แต่เอเซียเฟื่องฟู เพราะมีทุกอย่าง พึ่งพาตัวเองได้ ทั้งโลกจึงต้องแห่มาขอร่วมเอเซียไงล่ะ ภาพใหญ่ที่จะเกิดจะมาทรงนี้ แนวทางการรบจะเริ่มเปลี่ยน ผู้คนเบื่อหน่าย ทหารตายฟรี ครอบครัวเดือดร้อน ทั้งโลกต่อต้านสงคราม ทั้งโลกต่อต้าน NATO ทั้งโลกไม่เอาอียิวสลัดหมา พ่วงอเมริกา อังกฤษ ขี้ข้าชิ่งหนีหายวับ 7 ตค. ผบตร.คนใหม่ ตามกฎหมายใหม่ นายกฯ เลือกจริงแต่แต่งตั้งไม่ได้ ต้องผ่านกตร.เท่านั้น พลิกโผ บิ๊กต่ายล้างไพ่ ม้ามืดเทวดาชั้น 14 แห้วแดร๊ก แสงเริ่มเห็นชัด ล้างบางต้องมา ล้างเหี้ยต้องมี ตำหนวนเสียหมามาเป็นชาติแล้ว ถึงมือใหม่ ยุคใหม่ หัวต้องดีก่อน หางถึงจะกระดิกตาม จับตาดู การกระทำดีกว่าคำพูด! กระบวนการยุติธรรมต้นทางก็คือมรึงเนี่ยแหละ มีเหรอ ที่เบื้องบนจะไม่รู้ติ้นลึกหนาบาง ทุกอย่างเป็นไปตามมติสวรรค์ บทกลียุคมันเป็นภาคบังคับ กลียุคไม่มา โลกก็จะไม่มีวันเปลี่ยนได้ ทุกอย่างคือ "ภาพมายา" หมี CNN(อย่าต๊กกะใจ สิ่งใหม่กำลังจะเข้ามา การล้างบางสิ่งชั่วร้ายย่อมใช้เวลา เมื่อแสงทำงาน มันจะไปไวมาไวเสมอ ทุกเรื่องราวที่มรึงเจ็บช้ำน้ำใจ จะถูกปลดปล่อย ยามเมื่อแสงสีทองผ่องอำไพสาดส่องถึง พวกสัดนรกจะลงขุมนรกตามพ่อของมันไปอย่างรวดเร็ว มรึงเริ่มเห็นเด่นชัดมากขึ้นทุกวันนี้ ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ คนชั่วมันก็มีวิถีของมัน วิถีสวรรค์ก็มีหนทางของเค้าเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ของตน บทละครพลิกได้ตลอดเวลา เพราะมันคือวิบากกรรมที่ทั้งโลกต้องชดใช้ กับการเพิกเฉยที่ผ่านมานับ 100 ปี จงดูอย่างใจสงบ เพราะไม่ว่าเรื่องมันจะหนักหนาซักแค่ไหน สุดท้าย "แล้วมันก็ผ่านไป" ดั่งชีวิตมรึงที่มีขึ้น มีลง นั่นแหละ ชั่ว 7 ที ดี 7 หน จำเอาไว้เพ่น้อง) 01 ตุลาคม 67 12.28 น. https://linevoom.line.me/post/1172777976310793878 ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 เราเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอังคารและวันพุธว่า เป็นการประกาศสงคราม, ศัตรูก้าวข้ามเส้นแดงทั้งหมด - ผู้นำฮิซบอลเลาะห์
    .
    🚨 We can call what happened on Tuesday and Wednesday a declaration of war, Enemy crossed all red lines - Hezbollah Leader
    .
    9:45 PM · Sep 19, 2024 · 138.4K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1836778593973592503
    🚨 เราเรียกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอังคารและวันพุธว่า เป็นการประกาศสงคราม, ศัตรูก้าวข้ามเส้นแดงทั้งหมด - ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ . 🚨 We can call what happened on Tuesday and Wednesday a declaration of war, Enemy crossed all red lines - Hezbollah Leader . 9:45 PM · Sep 19, 2024 · 138.4K Views https://x.com/IranObserver0/status/1836778593973592503
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว